• “โฆษกรัฐบาล” โต้ดราม่า ให้สัญชาติ-สถานะ ผู้อพยพ ต้องอยู่ไทยนานกว่า 50 ปี ยันกลุ่มเทา ไม่มีสิทธิ แจงแบ่ง 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 3.5 แสนคน ไม่มีสิทธิการเมือง ส่วนเด็กเกิดในไทยมีสิทธิตามสัญชาติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105617

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “โฆษกรัฐบาล” โต้ดราม่า ให้สัญชาติ-สถานะ ผู้อพยพ ต้องอยู่ไทยนานกว่า 50 ปี ยันกลุ่มเทา ไม่มีสิทธิ แจงแบ่ง 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 3.5 แสนคน ไม่มีสิทธิการเมือง ส่วนเด็กเกิดในไทยมีสิทธิตามสัญชาติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105617 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    Angry
    10
    3 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2062 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงแม้อิสราเอลไม่เคยประกาศเป็นโยบายอย่างเป็นทางการของตน แต่พวกนักวิเคราะห์กำลังชี้ว่า ข้อเสนอของอดีตนายพลกองทัพยิวกลุ่มหนึ่งที่ให้ปิดล้อมพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซาอย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อจะได้กวาดล้างพวกนักรบฮามาส กำลังเป็นที่ยอมรับของอิสราเอลมากขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำสมาชิกบางคนในรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันของรัฐยิว ยังเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้คนอิสราเอลกลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในฉนวนกาซาอีกคำรบหนึ่ง ทั้งนี้ กาซาเคยถูกอิสราเอลยึดครองเอาไว้ในปี 1967 และยังคงมีทหารประจำการอยู่ที่นั่น ตลอดจนนำพลเมืองชาวยิวไปตั้งถิ่นฐาน จวบจนกระทั่งถึงปี 2005 นั่นแหละจึงได้ยอมถอนตัวออกมา
    .
    ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากที่พยายามหนีออกจากตอนเหนือของกาซาในเวลานี้ บอกว่า รู้สึกสิ้นหวังและไม่สามารถหนีไปไหนได้ หลังจากติดอยู่ในบริเวณที่เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างหนักหน่วงของอิสราเอล ก่อนได้รับคำสั่งให้อพยพ แต่แล้วก็กลับถูกต้อนและไล่จับโดยทหารยิว
    .
    ไซดา วัย 46 ปี เล่าว่า หนีจากโรงเรียนของสหประชาชาติ ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ที่ถูกแปลงเป็นที่หลบภัย พร้อมกับแม่และลูกอีก 4 คน แต่ทหารอิสราเอลสั่งให้เธอรอ 3 ชั่วโมงที่จุดตรวจ แถมบังคับให้ลูกชายวัย 15 ปีของเธอถอดเสื้อผ้า และเค้นถามว่า รู้จักพวกนักรบฮามาสหรือไม่
    .
    เนวิน อัล-ดาวาซาห์ นักฉุกเฉินการแพทย์ เล่าคล้ายกันว่า ติดอยู่ 16 วันในค่ายจาบาเลีย ที่เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างรุนแรงของกองทัพอิสราเอลนับจากต้นเดือนตุลาคม กระทั่งในที่สุดโดรนของกองทัพยิวที่ติดตั้งลำโพงประกาศให้อพยพ แต่เมื่อเธอและคนอื่นๆ กำลังออกจากที่หลบภัย อยู่ๆ ก็มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย
    .
    ดาวาซาห์เสริมว่า รู้สึกว่าต้องถ่ายวิดีโอผู้ได้รับบาดเจ็บเก็บไว้ เนื่องจากนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ตอนเหนือของกาซาที่เสียหายหนักอยู่แล้วจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเองในช่วงเวลากว่า 1 ปีของสงครามที่ปะทุขึ้นจากการที่นักรบฮามาสบุกเข้าไปโจมตีในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.
    .
    หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของกาซารายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 400 คนจากการโจมตีไม่หยุดหย่อนของอิสราเอลที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 6 ที่ผ่านมา ซึ่งทางกองทัพยิวอ้างว่า มุ่งโจมตีนักรบฮามาสที่ไปซ่องสุมกำลังใหม่ในบริเวณดังกล่าว
    .
    ดาวาซาห์เล่าต่อว่า เมื่อออกจากค่ายจาบาเลีย จะต้องผ่านจุดตรวจของอิสราเอลที่จะแยกผู้หญิงกับผู้ชายคนละฝั่งและค้นตัว และตลอดถนนสายหลักมีการตั้งจุดตรวจหลายแห่ง ซึ่งมักล้อมด้วยรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะ กองทัพอิสราเอลยังติดตั้งกล้องและอาวุธอัตโนมัติไว้ตามหอสังเกตการณ์อีกด้วย
    .
    อย่างไรก็ตาม อิสมาอิล ทาวับเตห์ โฆษกรัฐบาลฮามาส ยืนยันว่า ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ทางตอนเหนือของกาซา ไม่ได้พากันหนีออกมาอย่างที่เป็นข่าว และสำทับว่า อิสราเอลสังหารผู้ชายปาเลสไตน์จำนวนมาก รวมทั้งจับกุมด้วยวิธีการที่ทำให้คนเหล่านั้นอับอาย
    .
    หน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของยูเอ็น (UNRWA) ประเมินว่า ยังมีชาวปาเลสไตน์ทางตอนเหนือของกาซา ซึ่งรวมถึงกาซาซิตี้ อยู่ราว 400,000 คน
    .
    หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลฮามาสเรียกร้องให้นานาชาติหยุดยั้งอาชญากรรมการบังคับย้ายถิ่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการสังหารหมู่ในตอนเหนือของกาซา
    .
    การระดมโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างต่อเนื่องและถนนที่เสียหายทำให้หน่วยฉุกเฉินและรถพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
    .
    ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า โรงพยาบาลตอนเหนือของกาซาที่ยังเปิดให้บริการได้เหลือเพียงแห่งเดียว แต่ไม่มีทั้งยาและอุปกรณ์การแพทย์
    .
    คามัล อัดวาน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฮอสซัม อาบู ซาเฟียบอกว่า คนมากมายถูกเข่นฆ่า แต่ทางโรงพยาบาลช่วยอะไรไม่ได้ ต้องทิ้งศพเกลื่อนกลาดบนถนน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102304
    ..............
    Sondhi X
    ถึงแม้อิสราเอลไม่เคยประกาศเป็นโยบายอย่างเป็นทางการของตน แต่พวกนักวิเคราะห์กำลังชี้ว่า ข้อเสนอของอดีตนายพลกองทัพยิวกลุ่มหนึ่งที่ให้ปิดล้อมพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซาอย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อจะได้กวาดล้างพวกนักรบฮามาส กำลังเป็นที่ยอมรับของอิสราเอลมากขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำสมาชิกบางคนในรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันของรัฐยิว ยังเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้คนอิสราเอลกลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในฉนวนกาซาอีกคำรบหนึ่ง ทั้งนี้ กาซาเคยถูกอิสราเอลยึดครองเอาไว้ในปี 1967 และยังคงมีทหารประจำการอยู่ที่นั่น ตลอดจนนำพลเมืองชาวยิวไปตั้งถิ่นฐาน จวบจนกระทั่งถึงปี 2005 นั่นแหละจึงได้ยอมถอนตัวออกมา . ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากที่พยายามหนีออกจากตอนเหนือของกาซาในเวลานี้ บอกว่า รู้สึกสิ้นหวังและไม่สามารถหนีไปไหนได้ หลังจากติดอยู่ในบริเวณที่เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างหนักหน่วงของอิสราเอล ก่อนได้รับคำสั่งให้อพยพ แต่แล้วก็กลับถูกต้อนและไล่จับโดยทหารยิว . ไซดา วัย 46 ปี เล่าว่า หนีจากโรงเรียนของสหประชาชาติ ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ที่ถูกแปลงเป็นที่หลบภัย พร้อมกับแม่และลูกอีก 4 คน แต่ทหารอิสราเอลสั่งให้เธอรอ 3 ชั่วโมงที่จุดตรวจ แถมบังคับให้ลูกชายวัย 15 ปีของเธอถอดเสื้อผ้า และเค้นถามว่า รู้จักพวกนักรบฮามาสหรือไม่ . เนวิน อัล-ดาวาซาห์ นักฉุกเฉินการแพทย์ เล่าคล้ายกันว่า ติดอยู่ 16 วันในค่ายจาบาเลีย ที่เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างรุนแรงของกองทัพอิสราเอลนับจากต้นเดือนตุลาคม กระทั่งในที่สุดโดรนของกองทัพยิวที่ติดตั้งลำโพงประกาศให้อพยพ แต่เมื่อเธอและคนอื่นๆ กำลังออกจากที่หลบภัย อยู่ๆ ก็มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย . ดาวาซาห์เสริมว่า รู้สึกว่าต้องถ่ายวิดีโอผู้ได้รับบาดเจ็บเก็บไว้ เนื่องจากนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ตอนเหนือของกาซาที่เสียหายหนักอยู่แล้วจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเองในช่วงเวลากว่า 1 ปีของสงครามที่ปะทุขึ้นจากการที่นักรบฮามาสบุกเข้าไปโจมตีในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. . หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของกาซารายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 400 คนจากการโจมตีไม่หยุดหย่อนของอิสราเอลที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 6 ที่ผ่านมา ซึ่งทางกองทัพยิวอ้างว่า มุ่งโจมตีนักรบฮามาสที่ไปซ่องสุมกำลังใหม่ในบริเวณดังกล่าว . ดาวาซาห์เล่าต่อว่า เมื่อออกจากค่ายจาบาเลีย จะต้องผ่านจุดตรวจของอิสราเอลที่จะแยกผู้หญิงกับผู้ชายคนละฝั่งและค้นตัว และตลอดถนนสายหลักมีการตั้งจุดตรวจหลายแห่ง ซึ่งมักล้อมด้วยรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะ กองทัพอิสราเอลยังติดตั้งกล้องและอาวุธอัตโนมัติไว้ตามหอสังเกตการณ์อีกด้วย . อย่างไรก็ตาม อิสมาอิล ทาวับเตห์ โฆษกรัฐบาลฮามาส ยืนยันว่า ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ทางตอนเหนือของกาซา ไม่ได้พากันหนีออกมาอย่างที่เป็นข่าว และสำทับว่า อิสราเอลสังหารผู้ชายปาเลสไตน์จำนวนมาก รวมทั้งจับกุมด้วยวิธีการที่ทำให้คนเหล่านั้นอับอาย . หน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของยูเอ็น (UNRWA) ประเมินว่า ยังมีชาวปาเลสไตน์ทางตอนเหนือของกาซา ซึ่งรวมถึงกาซาซิตี้ อยู่ราว 400,000 คน . หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลฮามาสเรียกร้องให้นานาชาติหยุดยั้งอาชญากรรมการบังคับย้ายถิ่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการสังหารหมู่ในตอนเหนือของกาซา . การระดมโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างต่อเนื่องและถนนที่เสียหายทำให้หน่วยฉุกเฉินและรถพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต . ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า โรงพยาบาลตอนเหนือของกาซาที่ยังเปิดให้บริการได้เหลือเพียงแห่งเดียว แต่ไม่มีทั้งยาและอุปกรณ์การแพทย์ . คามัล อัดวาน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฮอสซัม อาบู ซาเฟียบอกว่า คนมากมายถูกเข่นฆ่า แต่ทางโรงพยาบาลช่วยอะไรไม่ได้ ต้องทิ้งศพเกลื่อนกลาดบนถนน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102304 .............. Sondhi X
    Angry
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1806 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตุลาเดือด?
    เพนตากอน บอกว่าเป็นข่าวที่ตั้งใจปกปิดแต่ (ตั้งใจให้ ) รั่ว จนรู้ไปทั้งโลกว่า “ สหรัฐหนุนอิสราเอลใช้นิวเคลียร์จัดการกับอิหร่าน”
    ในคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกรัฐบาล ตามคลิปนี้ (ในcomment) ยืนยันว่า แท้จริงสนับสนุนให้จัดการ

    ทีนี้อะไรจะเกิดขึ้น หรือที่ทำเป็นข่าวรั่วออกไปเพื่อจะเป็นการข่มขู่ให้ไม่ทำสงครามต่อ (คิดในแง่ดี)
    หรือ เป็นการแสดงความแข็งแกร่งมีอิทธิพลเต็มที่ว่าเอาแน่
    แต่ขณะนี้ BRICS เริ่มมีการประชุมและที่สำคัญเป็นการ dethrone dollar ถอดดอลล่าร์ออกจากสกุลสำคัญของโลก ในขณะเดียวกัน เป็นการกระชับความสัมพันธ์และความมั่นคงไม่ใช่แต่เศรษฐกิจแต่เป็นเรื่องทางการทหารและการปกป้องพันธมิตรในเครือ
    และจีนขณะนี้ประกาศให้เตรียมตัวภาวะสงครามเต็มที่ ไม่นับไต้หวันซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ไม่น่าจะลุยกัน มั้ย?
    เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ประกาศว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง และ ทำลายพื้นที่บัฟเฟอร์ระหว่างประเทศไปแล้ว

    ยูเครนกับรัสเซีย คล้ายกับฝ่ายแรกขาดทุนต่อเนื่อง และขอปัจจัยจากตะวันตกอีกมหาศาลนัยว่า เป็นกำแพงยอมตาย เพื่อปกป้องยุโรปและสหรัฐ (จริงหรือ?)

    และตามที่ศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs ให้ความเห็นต่อเนื่องว่าเหมือนกับอิสราเอลสามารถชักนำสหรัฐได้ตลอดทุกรัฐบาลและเพื่อให้คงอำนาจไว้ทั้งสองฝ่าย และอิสราเอลจะได้บรรลุจุดประสงค์ของ greater Israel ตามแผนที่ที่ได้แสดงว่าจะรวบ ตะวันออกกลางให้หมด และสหรัฐยังคงเป็น นัมเบอร์วัน
    จึงดูไม่น่าแปลกใจที่ อิสราเอล ทำการลดประชากรอย่างต่อเนื่องในกาซาร์ และพยายามในเลบานอน และประเทศอื่นๆ จะให้สูญพันธุ์เลยหรือ?
    คำถามคือใครจะยอมและศักยภาพทาง
    ขีปนาวุธและนิวเคลียร์ ของภาคีต้านอิสราเอลมีมหาศาลเช่นกันรวมทั้งมีจีน เกาหลีเหนือ รัสเซียอยู่ด้วย
    Deep state New World order
    คิดคำนึงยืดยาว คงเป็นเพราะ
    • ประเทศไทยใกล้จะกลายเป็นมหาอำนาจของโลกแล้ว เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เพราะที่อื่นรบกันไม่เหลือ
    • ข้อสำคัญประเทศไทยต้องรีบกำจัดการคอรัปชั่น การโกงหั่นแหลก ความโลภบ้าคลั่ง สถาบันองค์กรฉิบหาย จากผู้บริหาร
    และไทยจะได้เป็นแผ่นดินทองจริง
    • แต่ต้องเอาผีโกงเหล่านี้ไป ถ่วงน้ำโสโครกให้หมดชั่วกัปชั่วกัลป์
    ตุลาเดือด? เพนตากอน บอกว่าเป็นข่าวที่ตั้งใจปกปิดแต่ (ตั้งใจให้ ) รั่ว จนรู้ไปทั้งโลกว่า “ สหรัฐหนุนอิสราเอลใช้นิวเคลียร์จัดการกับอิหร่าน” ในคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกรัฐบาล ตามคลิปนี้ (ในcomment) ยืนยันว่า แท้จริงสนับสนุนให้จัดการ ทีนี้อะไรจะเกิดขึ้น หรือที่ทำเป็นข่าวรั่วออกไปเพื่อจะเป็นการข่มขู่ให้ไม่ทำสงครามต่อ (คิดในแง่ดี) หรือ เป็นการแสดงความแข็งแกร่งมีอิทธิพลเต็มที่ว่าเอาแน่ แต่ขณะนี้ BRICS เริ่มมีการประชุมและที่สำคัญเป็นการ dethrone dollar ถอดดอลล่าร์ออกจากสกุลสำคัญของโลก ในขณะเดียวกัน เป็นการกระชับความสัมพันธ์และความมั่นคงไม่ใช่แต่เศรษฐกิจแต่เป็นเรื่องทางการทหารและการปกป้องพันธมิตรในเครือ และจีนขณะนี้ประกาศให้เตรียมตัวภาวะสงครามเต็มที่ ไม่นับไต้หวันซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ไม่น่าจะลุยกัน มั้ย? เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ประกาศว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง และ ทำลายพื้นที่บัฟเฟอร์ระหว่างประเทศไปแล้ว ยูเครนกับรัสเซีย คล้ายกับฝ่ายแรกขาดทุนต่อเนื่อง และขอปัจจัยจากตะวันตกอีกมหาศาลนัยว่า เป็นกำแพงยอมตาย เพื่อปกป้องยุโรปและสหรัฐ (จริงหรือ?) และตามที่ศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs ให้ความเห็นต่อเนื่องว่าเหมือนกับอิสราเอลสามารถชักนำสหรัฐได้ตลอดทุกรัฐบาลและเพื่อให้คงอำนาจไว้ทั้งสองฝ่าย และอิสราเอลจะได้บรรลุจุดประสงค์ของ greater Israel ตามแผนที่ที่ได้แสดงว่าจะรวบ ตะวันออกกลางให้หมด และสหรัฐยังคงเป็น นัมเบอร์วัน จึงดูไม่น่าแปลกใจที่ อิสราเอล ทำการลดประชากรอย่างต่อเนื่องในกาซาร์ และพยายามในเลบานอน และประเทศอื่นๆ จะให้สูญพันธุ์เลยหรือ? คำถามคือใครจะยอมและศักยภาพทาง ขีปนาวุธและนิวเคลียร์ ของภาคีต้านอิสราเอลมีมหาศาลเช่นกันรวมทั้งมีจีน เกาหลีเหนือ รัสเซียอยู่ด้วย Deep state New World order คิดคำนึงยืดยาว คงเป็นเพราะ • ประเทศไทยใกล้จะกลายเป็นมหาอำนาจของโลกแล้ว เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เพราะที่อื่นรบกันไม่เหลือ • ข้อสำคัญประเทศไทยต้องรีบกำจัดการคอรัปชั่น การโกงหั่นแหลก ความโลภบ้าคลั่ง สถาบันองค์กรฉิบหาย จากผู้บริหาร และไทยจะได้เป็นแผ่นดินทองจริง • แต่ต้องเอาผีโกงเหล่านี้ไป ถ่วงน้ำโสโครกให้หมดชั่วกัปชั่วกัลป์
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 506 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!!

    ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!!

    ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง
    ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน
    ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป

    สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ
    ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ
    แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว
    พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด ……
    แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!!

    ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย
    ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน
    เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก)
    และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!!

    วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ
    เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21
    ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา
    แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ
    โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า
    เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน……
    เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

    แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน…
    ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน……
    (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…)
    แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์
    ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!!
    แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ
    จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ……
    เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน……

    ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน
    เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้…
    แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม
    แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย……
    นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!!

    เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง
    ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า
    “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน)
    จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน
    และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad
    ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้
    ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น
    การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!!

    ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง
    ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ

    ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน
    ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ)

    วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!!

    สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ
    การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……)
    แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว
    เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า
    “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “

    วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน
    แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น”
    เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย
    ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!!

    ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น
    แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่……
    มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น
    เต้นมาร้องกันใหม่……

    การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย
    นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน……
    นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย
    เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด
    ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน
    แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.……

    ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden
    แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์
    สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร
    กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์

    เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย
    ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม
    เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
    มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต
    ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า
    Novorossiya อันหมายถึง New Russia…

    ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์
    ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน
    ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป……

    ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ
    Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ)

    วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว
    แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน…
    เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง
    สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี
    จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป
    แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน
    วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์
    ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!!

    ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!! ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!! ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด …… แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!! ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก) และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!! วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21 ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน…… เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน… ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน…… (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…) แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!! แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ…… เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน…… ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้… แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย…… นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!! เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน) จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้ ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!! ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ) วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!! สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……) แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “ วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น” เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!! ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่…… มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น เต้นมาร้องกันใหม่…… การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน…… นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.…… ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์ สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์ เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า Novorossiya อันหมายถึง New Russia… ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์ ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป…… ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ) วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน… เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์ ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!! ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • สะพัด #เจ๊เพ็ญ_ตูดงาม จักรภพ มาแรง

    มีชื่อลำดับต้นๆ ได้นั่งเก้าอี้ #โฆษกรัฐบาล
    .
    .
    สะพัด #เจ๊เพ็ญ_ตูดงาม จักรภพ มาแรง มีชื่อลำดับต้นๆ ได้นั่งเก้าอี้ #โฆษกรัฐบาล . .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูติน ผู้นำรัสเซียเยือนมองโกเลีย ไม่หวั่นแม้ศาลอาญาระหว่างประเทศขู่ออกหมายจับข้อหาอาชญากรสงครามในยูเครน

    2 กันยายน 2567 -สำนักข่าวเอพีรายงานว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเดินทางถึงประเทศมองโกเลียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แม้ศาลอาญาระหว่างประเทศICC จะออกหมายจับปูติน โดยขอให้มองโกเลียในฐานะสมาชิกทำหน้าที่จับคุมตัวปูติน

    การเยือนอย่างเป็นทางการของปูตินครั้งนี้ จะพบกับนายอุคนา คูเรลซุค ผู้นำมองโกเลียในวันอังคารนี้ ถือเป็นการเยือนประเทศสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศครั้งแรกของปูติน นับตั้งแต่ที่ICCออกหมายจับปูตินเมื่อเกือบ 18 เดือนที่แล้วในข้อหาอาชญากรสงครามในสงครามยูเครน

    ยูเครนเรียกร้องให้มองโกเลียจับกุมปูตินและส่งตัวเขาไปยังศาลในกรุงเฮก แต่โฆษกรัฐบาลของปูตินกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเครมลินไม่กังวลเกี่ยวกับการเยือนครั้งนี้

    ทั้งนี้สมาชิกของศาลระหว่างประเทศมีหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหากมีการออกหมายจับ แต่ศาลโลกไม่มีกลไกบังคับใช้กฎหมายใดๆ

    มองโกเลียซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรเพียง 3 ล้านคน พึ่งพาจีนและรัสเซียในด้านเชื้อเพลิงและไฟฟ้าเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันมองโกเลียก็เป็นแหล่งลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่

    เครมลินระบุว่าไม่กังวลใจเกี่ยวกับการเยือนมองโกเลียของปูติน แม้จะมีหมายจับจากศาลอาญาระหว่างประเทศซึ่งกล่าวหาว่าปูตินเป็นผู้รับผิดชอบต่อการลักพาตัวเด็กๆ จากยูเครน จากสงครามการสู้รบที่ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง

    ในวันอังคารที่3 กันยายนนี้ ปูตินและผู้นำมองโกเลียจะเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะของกองทหารโซเวียตและมองโกเลียในปี 1939 เหนือกองทัพญี่ปุ่นที่เข้ายึดแมนจูเรียในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ทหารหลายพันนายเสียชีวิตในช่วงสงครามหลายเดือนของการสู้รบในข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างแมนจูเรียและมองโกเลีย

    แม้ว่าปูตินจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรเพื่อโดดเดี่ยวรัสเซียจากนานาชาติกรณีการรุกรานยูเครน แต่ปูตินก็ได้ไปเยือนเกาหลีเหนือและเวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว และยังได้ไปเยือนจีนอีกสองครั้งในปีที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม ปูตินได้เข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอลิงค์ในโจฮันเนสเบิร์กเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลแอฟริกาใต้กดดันไม่ให้เขาไปร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวมถึงจีนและเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆ ด้วย เพราัแอฟริกาใต้เป็นสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)

    ที่มา : เอพี
    https://apnews.com/article/b9c04dff1849164010de92b5564f7e60

    #Thaitimes
    ปูติน ผู้นำรัสเซียเยือนมองโกเลีย ไม่หวั่นแม้ศาลอาญาระหว่างประเทศขู่ออกหมายจับข้อหาอาชญากรสงครามในยูเครน 2 กันยายน 2567 -สำนักข่าวเอพีรายงานว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเดินทางถึงประเทศมองโกเลียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แม้ศาลอาญาระหว่างประเทศICC จะออกหมายจับปูติน โดยขอให้มองโกเลียในฐานะสมาชิกทำหน้าที่จับคุมตัวปูติน การเยือนอย่างเป็นทางการของปูตินครั้งนี้ จะพบกับนายอุคนา คูเรลซุค ผู้นำมองโกเลียในวันอังคารนี้ ถือเป็นการเยือนประเทศสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศครั้งแรกของปูติน นับตั้งแต่ที่ICCออกหมายจับปูตินเมื่อเกือบ 18 เดือนที่แล้วในข้อหาอาชญากรสงครามในสงครามยูเครน ยูเครนเรียกร้องให้มองโกเลียจับกุมปูตินและส่งตัวเขาไปยังศาลในกรุงเฮก แต่โฆษกรัฐบาลของปูตินกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเครมลินไม่กังวลเกี่ยวกับการเยือนครั้งนี้ ทั้งนี้สมาชิกของศาลระหว่างประเทศมีหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหากมีการออกหมายจับ แต่ศาลโลกไม่มีกลไกบังคับใช้กฎหมายใดๆ มองโกเลียซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรเพียง 3 ล้านคน พึ่งพาจีนและรัสเซียในด้านเชื้อเพลิงและไฟฟ้าเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันมองโกเลียก็เป็นแหล่งลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เครมลินระบุว่าไม่กังวลใจเกี่ยวกับการเยือนมองโกเลียของปูติน แม้จะมีหมายจับจากศาลอาญาระหว่างประเทศซึ่งกล่าวหาว่าปูตินเป็นผู้รับผิดชอบต่อการลักพาตัวเด็กๆ จากยูเครน จากสงครามการสู้รบที่ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ในวันอังคารที่3 กันยายนนี้ ปูตินและผู้นำมองโกเลียจะเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะของกองทหารโซเวียตและมองโกเลียในปี 1939 เหนือกองทัพญี่ปุ่นที่เข้ายึดแมนจูเรียในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ทหารหลายพันนายเสียชีวิตในช่วงสงครามหลายเดือนของการสู้รบในข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างแมนจูเรียและมองโกเลีย แม้ว่าปูตินจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรเพื่อโดดเดี่ยวรัสเซียจากนานาชาติกรณีการรุกรานยูเครน แต่ปูตินก็ได้ไปเยือนเกาหลีเหนือและเวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว และยังได้ไปเยือนจีนอีกสองครั้งในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปูตินได้เข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอลิงค์ในโจฮันเนสเบิร์กเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลแอฟริกาใต้กดดันไม่ให้เขาไปร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวมถึงจีนและเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆ ด้วย เพราัแอฟริกาใต้เป็นสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่มา : เอพี https://apnews.com/article/b9c04dff1849164010de92b5564f7e60 #Thaitimes
    APNEWS.COM
    Putin arrives in Mongolia, a member of the ICC that issued an arrest warrant for him
    Russian President Vladimir Putin has arrived in Mongolia, a member of the international court that issued an arrest warrant for him.
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 617 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เจี๊ยบ และก้าวไกล กดดันศาลฯ ได้ ลากต่างชาติมาบีบศาลฯได้ แต่โฆษกรัฐบาลชี้นำศาลฯ ต้องลาออก
    #7ดอกจิก
    #เจี๊ยบอมรัตน์
    ♣ เจี๊ยบ และก้าวไกล กดดันศาลฯ ได้ ลากต่างชาติมาบีบศาลฯได้ แต่โฆษกรัฐบาลชี้นำศาลฯ ต้องลาออก #7ดอกจิก #เจี๊ยบอมรัตน์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'คำพูดอันตราย' ของโฆษกรัฐบาลเอลทำให้ความปลอดภัยของหัวหน้า UNRWA ตกอยู่ในความเสี่ยง
    รายงานจากสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
    เดวิด เมนเซอร์ โฆษกรัฐบาลเอล กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นและเป็นอันตรายเกี่ยวกับฟิลิป ลาซซารินี กรรมาธิการใหญ่ของสำนักงานบรรเทาทุกข์และการจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสหรือที่รู้จักกันในชื่อ UNRWA
    ไม่ใช่ความลับที่อิสราเอลไม่ชอบ UNRWA แต่การโจมตีส่วนบุคคลนั้นน่าตกใจอย่างแน่นอน และตามที่ UN ระบุ ความปลอดภัยส่วนบุคคลของนายลาซซารินีตกอยู่ในความเสี่ยง
    เจ้าหน้าที่ UNRWA มากกว่า 190 รายเสียชีวิตในกาซา นับตั้งแต่ที่อิสราเอลเริ่มสงครามบนฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อมเมื่อกว่า 9 เดือนที่แล้ว
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    'คำพูดอันตราย' ของโฆษกรัฐบาลเอลทำให้ความปลอดภัยของหัวหน้า UNRWA ตกอยู่ในความเสี่ยง รายงานจากสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เดวิด เมนเซอร์ โฆษกรัฐบาลเอล กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นและเป็นอันตรายเกี่ยวกับฟิลิป ลาซซารินี กรรมาธิการใหญ่ของสำนักงานบรรเทาทุกข์และการจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสหรือที่รู้จักกันในชื่อ UNRWA ไม่ใช่ความลับที่อิสราเอลไม่ชอบ UNRWA แต่การโจมตีส่วนบุคคลนั้นน่าตกใจอย่างแน่นอน และตามที่ UN ระบุ ความปลอดภัยส่วนบุคคลของนายลาซซารินีตกอยู่ในความเสี่ยง เจ้าหน้าที่ UNRWA มากกว่า 190 รายเสียชีวิตในกาซา นับตั้งแต่ที่อิสราเอลเริ่มสงครามบนฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อมเมื่อกว่า 9 เดือนที่แล้ว . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว