• กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง พายุดีเปรสชัน บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ฉบับที่ 1 ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (22 ธ.ค. 67) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจุด 10.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนและคาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 24-25 ธ.ค. 67 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 25-26 ธ.ค. 67 มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
    กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้

    ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น

    สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
    กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง พายุดีเปรสชัน บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ฉบับที่ 1 ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (22 ธ.ค. 67) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจุด 10.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนและคาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 24-25 ธ.ค. 67 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 25-26 ธ.ค. 67 มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • สายแรกที่รอคอย รถไฟฟ้าโฮจิมินห์

    22 ธ.ค.2567 รถไฟฟ้าสายแรกของนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม สาย 1 เบนถั่น-เซื่อยเตียน (Ben Thanh-Suoi Tien) ขององค์การบริหารรถไฟเขตเมืองนครโฮจิมินห์ (HCMC METRO) จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป นับเป็นรถไฟฟ้าสายแรกในนครโฮจิมินห์ และเป็นเมืองที่สองต่อจากเมืองหลวง กรุงฮานอยที่มี 2 เส้นทาง ได้แก่ สาย 2A ก๊าตลีง-ห่าโดง (Cat Linh-Ha Dong) และสาย 3 เญิน-ฮานอย (Nhon-Ha Noi)

    รถไฟฟ้าสายนี้มีระยะทาง 19.7 กิโลเมตร 14 สถานี เชื่อมระหว่างตลาดเบนถั่น ย่านการค้าที่มีชื่อเสียง ถึงปลายทางฝั่งตะวันออกของเมือง ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ โรงอุปรากรไซ่ง่อน (Saigon Opera House), ศูนย์การค้าวินคอม เมกา มอลล์, นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค, สถานีขนส่งเมียนดง (ตะวันออก), สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาอีกหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยแห่งชาติ โดยให้บริการผู้โดยสารฟรี 30 วัน ถึงวันที่ 20 ม.ค.2568 ในช่วง 6 เดือนแรกเปิดตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น. ความถี่ 8-12 นาทีต่อเที่ยว หลังจากนั้นจะเปิดเวลา 05.00-23.30 น. ความถี่ 5-10-15 นาที

    ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง ตั๋วเที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 7,000-20,000 ดอง (9.41-26.89 บาท) ตั๋ว 1 วันราคา 40,000 ดอง (53.77 บาท) ตั๋ว 3 วันราคา 90,000 ดอง (120.99 บาท) ตั๋วรายเดือนบุคคลทั่วไปราคา 300,000 ดอง (403.30 บาท) และนักเรียน นักศึกษาราคา 150,000 ดอง (201.65 บาท) รับชำระด้วยเงินสดหรือบัตร EMV (Mastercard หรือ VISA) ทั้งบัตรในเวียดนามและบัตรต่างประเทศ รวมทั้งซื้อตั๋วและออกรหัส QR Code ผ่านแอปพลิเคชัน HCMC Metro

    โครงการก่อสร้างอนุมัติครั้งแรกในปี 2550 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน เริ่มก่อสร้างทางรถไฟยกระดับช่วงสถานีบาเซิน (Ba Son) ถึงสถานีวานถั่น (Van Thanh) เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2555 แต่ประสบปัญหาเวนคืนที่ดิน ต่อมาในเดือน ก.ค. 2557 ก่อสร้างสถานีใต้ดินโอเปร่าเฮาส์ (Opera House) เดือน พ.ค.2560 เริ่มขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน ส่วนทางรถไฟยกระดับ 11 สถานี เริ่มติดตั้งคานในปี 2558 ใช้เวลาประมาณ 2 ปี

    ที่ผ่านมาประสบปัญหาทั้งขาดแคลนเงินทุน สถานการณ์โควิด-19 และแผ่นยางรองคอสะพานหลุดออกมา กระทั่ง 8 ต.ค.2563 รถไฟฟ้าขบวนแรกจากประเทศญี่ปุ่นมาถึงท่าเรือคั้ญฮอย (Khanh Hoi) ทยอยนำเข้าครบ 17 ขบวนเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2565 การก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จช่วงปลายปี ทดลองเดินรถครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2565 มีการฝึกอบรมให้กับทีมปฏิบัติการและซ้อมรับมือเหตุการณ์ต่างๆ สุดท้าย HCMC METRO ประกาศเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567 ว่าแล้วเสร็จ 100% ก่อนแจ้งเปิดให้บริการในที่สุด

    #Newskit
    สายแรกที่รอคอย รถไฟฟ้าโฮจิมินห์ 22 ธ.ค.2567 รถไฟฟ้าสายแรกของนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม สาย 1 เบนถั่น-เซื่อยเตียน (Ben Thanh-Suoi Tien) ขององค์การบริหารรถไฟเขตเมืองนครโฮจิมินห์ (HCMC METRO) จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป นับเป็นรถไฟฟ้าสายแรกในนครโฮจิมินห์ และเป็นเมืองที่สองต่อจากเมืองหลวง กรุงฮานอยที่มี 2 เส้นทาง ได้แก่ สาย 2A ก๊าตลีง-ห่าโดง (Cat Linh-Ha Dong) และสาย 3 เญิน-ฮานอย (Nhon-Ha Noi) รถไฟฟ้าสายนี้มีระยะทาง 19.7 กิโลเมตร 14 สถานี เชื่อมระหว่างตลาดเบนถั่น ย่านการค้าที่มีชื่อเสียง ถึงปลายทางฝั่งตะวันออกของเมือง ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ โรงอุปรากรไซ่ง่อน (Saigon Opera House), ศูนย์การค้าวินคอม เมกา มอลล์, นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค, สถานีขนส่งเมียนดง (ตะวันออก), สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาอีกหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยแห่งชาติ โดยให้บริการผู้โดยสารฟรี 30 วัน ถึงวันที่ 20 ม.ค.2568 ในช่วง 6 เดือนแรกเปิดตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น. ความถี่ 8-12 นาทีต่อเที่ยว หลังจากนั้นจะเปิดเวลา 05.00-23.30 น. ความถี่ 5-10-15 นาที ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง ตั๋วเที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 7,000-20,000 ดอง (9.41-26.89 บาท) ตั๋ว 1 วันราคา 40,000 ดอง (53.77 บาท) ตั๋ว 3 วันราคา 90,000 ดอง (120.99 บาท) ตั๋วรายเดือนบุคคลทั่วไปราคา 300,000 ดอง (403.30 บาท) และนักเรียน นักศึกษาราคา 150,000 ดอง (201.65 บาท) รับชำระด้วยเงินสดหรือบัตร EMV (Mastercard หรือ VISA) ทั้งบัตรในเวียดนามและบัตรต่างประเทศ รวมทั้งซื้อตั๋วและออกรหัส QR Code ผ่านแอปพลิเคชัน HCMC Metro โครงการก่อสร้างอนุมัติครั้งแรกในปี 2550 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน เริ่มก่อสร้างทางรถไฟยกระดับช่วงสถานีบาเซิน (Ba Son) ถึงสถานีวานถั่น (Van Thanh) เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2555 แต่ประสบปัญหาเวนคืนที่ดิน ต่อมาในเดือน ก.ค. 2557 ก่อสร้างสถานีใต้ดินโอเปร่าเฮาส์ (Opera House) เดือน พ.ค.2560 เริ่มขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน ส่วนทางรถไฟยกระดับ 11 สถานี เริ่มติดตั้งคานในปี 2558 ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมาประสบปัญหาทั้งขาดแคลนเงินทุน สถานการณ์โควิด-19 และแผ่นยางรองคอสะพานหลุดออกมา กระทั่ง 8 ต.ค.2563 รถไฟฟ้าขบวนแรกจากประเทศญี่ปุ่นมาถึงท่าเรือคั้ญฮอย (Khanh Hoi) ทยอยนำเข้าครบ 17 ขบวนเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2565 การก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จช่วงปลายปี ทดลองเดินรถครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2565 มีการฝึกอบรมให้กับทีมปฏิบัติการและซ้อมรับมือเหตุการณ์ต่างๆ สุดท้าย HCMC METRO ประกาศเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567 ว่าแล้วเสร็จ 100% ก่อนแจ้งเปิดให้บริการในที่สุด #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังพ้นตำแหน่ง มีข่าวว่ากำลังพูดคุยในความเป็นไปได้ในการอภัยโทษอย่างครอบคลุมให้พวกคนดังทั้งหลายที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องคนเหล่านี้ จากความเป็นไปได้ที่จะถูกตามประหัตประหารในอนาคต ตามรายงานข่าวของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองอเมริกาและซีบีเอสนิวส์
    .
    เมื่อเร็วๆนี้ ไบเดน เพิ่งอภัยโทษให้ลูกชาย ไม่ใช่แค่ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญาต่างๆนานา แต่ยังรวมทุกๆอย่างที่เขาอาจกระทำผิดมาตั้งแต่ปี 2014 ทั้งนี้ขอบเขตการอภัยโทษอย่างกว้างขวางที่ไม่ปกติดังกล่าว เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง แม้กระทั่งจากคนในพรรคของประธานาธิบดีเอง
    .
    เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก รายงานอ้างแหล่งข่าวคนวงในภายในพรรค ว่าพรรคเดโมแครตต้องการปกป้องคนกลุ่มหนึ่งจากการถูก ทรัมป์ แก้แค้น ครั้งที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยเวลานี้ เจฟฟรีย์ ไซอ็องส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวและ เอ็ด ซิสเคิล หัวหน้าที่ปรึกษา กำลังหารือเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และบรรดาบุคคลที่อาจอยู่ในรายชื่อดังกล่าว ตามรายงานของซีบีเอสเมื่อวันศุกร์(6ธ.ค.)
    .
    ในบรรดาชื่อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ผู้ซึ่งช่วยวางแผนมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 และบังคับสวมหน้ากาก ครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก และหลังจากนั้นก็ช่วยวางแผนบังคับฉีดวัคซีน ในฐานะที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับสูงของไบเดน
    .
    รายงานของสภาคองเกรสเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของโควิด-19 ได้กล่าวหา เฟาซี ปกปิดบทบาทของเขา ในการให้เงินสนับสนุนห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน บริเวณที่เชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของไวรัส โดยดำเนินการผ่านมือที่ 3
    .
    ส่วนอีกคนที่อาจได้รับการอภัยโทษคือ มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ ที่เคยเรียกทรัมป์ว่า "พวกฟาสซิสต์" และ "พวกกระสันเป็นเผด็จการ" โดยอดีตประธานเสนาธิการทหารร่วมรายนี้ เคยพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เขาต่อสายหาประธานเสนาธิการทหารร่วมของจีน ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 และอีกครั้งหลังจากเหตุจลาจลจู่โจมอาคารรัฐสภาอเมริกา วันที่ 6 มกราคม 2021 เรียกร้องให้ทำงานร่วมกับพรรคเดโมโครต เพราะเขาคิดว่า ทรัมป์ "เป็นคนบ้า"
    .
    ทรัมป์ ประณามการออกมาเปิดเผยดังกล่าว โดยชี้ว่าพฤติกรรมของมิลลีย์ ควรถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อกบฏ "เขาจะเริ่มโยนผู้คนเข้าห้องขัง และผมจะมีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆในบัญชีดังกล่าว" มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ดิ แอตแลนติก ในเดือนกันยายน 202 เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการในการหวนคืนสู่อำนาจของทรัมป์
    .
    ลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสหญิงจากรีพับลิกัน จากรัฐไวโอมิง ซึ่งหันมาเข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมการสืบสวนเหตุการณ์ 6 มกราคม และร่วมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ กมลา แฮร์ริส ในปีนี้ ก็มีข่าวลือว่าจะอยู่ในรายชื่อได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เช่นเดียวกับ อดัม ชิฟฟ์ ว่าที่วุฒิสภาจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแกนนำในการยื่นถอดถอน ทรัมป์ 2 รอบ ครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
    .
    ภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีมีอำนาจอภัยโทษผู้คนที่ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดตามกฎหมายรัฐบาลกลาง แต่ไม่ใช่กับข้อกล่าวหาในระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่น ส่วนรูปแบบการอภัยโทษล่วงหน้าที่กล่าวอ้างว่ากำลังมีการพูดคุยกันอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    .
    ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ซึ่งลาออกจากตำแหน่งในปี 1974 ก่อนหน้าการลงมติถอดถอนในวุฒิสภา ได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด ผู้สืบทอดตำแหน่งจากเขา ในคดีวอเตอร์เกต ดักฟังฝ่ายตรงข้าม
    .
    จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ให้อภัยโทษอย่างครอบคลุมต่อทุกคนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารระหว่างสงครามเวียดนาม และในปี 1992 ประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช อภัยโทษให้ แคสปาร์ ไวน์เบอร์เกอร์ ก่อนที่เขาอาจถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาว "อิหร่าน-คอนทรา" (Iran-Contra)
    .
    กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐสมัย ประธนาธิบดีโรัลด์ เรแกน ลักลอบขายอาวุธให้กับอิหร่าน แล้วนำเงินที่ได้จากอิหร่านส่งไปช่วยกลุ่มกบฏคอนทราที่ต่อสู้กับรัฐบาลสังคมนิยมในนิคารากัว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117847
    ..................
    Sondhi X
    โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังพ้นตำแหน่ง มีข่าวว่ากำลังพูดคุยในความเป็นไปได้ในการอภัยโทษอย่างครอบคลุมให้พวกคนดังทั้งหลายที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องคนเหล่านี้ จากความเป็นไปได้ที่จะถูกตามประหัตประหารในอนาคต ตามรายงานข่าวของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองอเมริกาและซีบีเอสนิวส์ . เมื่อเร็วๆนี้ ไบเดน เพิ่งอภัยโทษให้ลูกชาย ไม่ใช่แค่ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญาต่างๆนานา แต่ยังรวมทุกๆอย่างที่เขาอาจกระทำผิดมาตั้งแต่ปี 2014 ทั้งนี้ขอบเขตการอภัยโทษอย่างกว้างขวางที่ไม่ปกติดังกล่าว เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง แม้กระทั่งจากคนในพรรคของประธานาธิบดีเอง . เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก รายงานอ้างแหล่งข่าวคนวงในภายในพรรค ว่าพรรคเดโมแครตต้องการปกป้องคนกลุ่มหนึ่งจากการถูก ทรัมป์ แก้แค้น ครั้งที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยเวลานี้ เจฟฟรีย์ ไซอ็องส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวและ เอ็ด ซิสเคิล หัวหน้าที่ปรึกษา กำลังหารือเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และบรรดาบุคคลที่อาจอยู่ในรายชื่อดังกล่าว ตามรายงานของซีบีเอสเมื่อวันศุกร์(6ธ.ค.) . ในบรรดาชื่อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ผู้ซึ่งช่วยวางแผนมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 และบังคับสวมหน้ากาก ครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก และหลังจากนั้นก็ช่วยวางแผนบังคับฉีดวัคซีน ในฐานะที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับสูงของไบเดน . รายงานของสภาคองเกรสเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของโควิด-19 ได้กล่าวหา เฟาซี ปกปิดบทบาทของเขา ในการให้เงินสนับสนุนห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน บริเวณที่เชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของไวรัส โดยดำเนินการผ่านมือที่ 3 . ส่วนอีกคนที่อาจได้รับการอภัยโทษคือ มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ ที่เคยเรียกทรัมป์ว่า "พวกฟาสซิสต์" และ "พวกกระสันเป็นเผด็จการ" โดยอดีตประธานเสนาธิการทหารร่วมรายนี้ เคยพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เขาต่อสายหาประธานเสนาธิการทหารร่วมของจีน ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 และอีกครั้งหลังจากเหตุจลาจลจู่โจมอาคารรัฐสภาอเมริกา วันที่ 6 มกราคม 2021 เรียกร้องให้ทำงานร่วมกับพรรคเดโมโครต เพราะเขาคิดว่า ทรัมป์ "เป็นคนบ้า" . ทรัมป์ ประณามการออกมาเปิดเผยดังกล่าว โดยชี้ว่าพฤติกรรมของมิลลีย์ ควรถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อกบฏ "เขาจะเริ่มโยนผู้คนเข้าห้องขัง และผมจะมีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆในบัญชีดังกล่าว" มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ดิ แอตแลนติก ในเดือนกันยายน 202 เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการในการหวนคืนสู่อำนาจของทรัมป์ . ลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสหญิงจากรีพับลิกัน จากรัฐไวโอมิง ซึ่งหันมาเข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมการสืบสวนเหตุการณ์ 6 มกราคม และร่วมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ กมลา แฮร์ริส ในปีนี้ ก็มีข่าวลือว่าจะอยู่ในรายชื่อได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เช่นเดียวกับ อดัม ชิฟฟ์ ว่าที่วุฒิสภาจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแกนนำในการยื่นถอดถอน ทรัมป์ 2 รอบ ครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก . ภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีมีอำนาจอภัยโทษผู้คนที่ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดตามกฎหมายรัฐบาลกลาง แต่ไม่ใช่กับข้อกล่าวหาในระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่น ส่วนรูปแบบการอภัยโทษล่วงหน้าที่กล่าวอ้างว่ากำลังมีการพูดคุยกันอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน . ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ซึ่งลาออกจากตำแหน่งในปี 1974 ก่อนหน้าการลงมติถอดถอนในวุฒิสภา ได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด ผู้สืบทอดตำแหน่งจากเขา ในคดีวอเตอร์เกต ดักฟังฝ่ายตรงข้าม . จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ให้อภัยโทษอย่างครอบคลุมต่อทุกคนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารระหว่างสงครามเวียดนาม และในปี 1992 ประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช อภัยโทษให้ แคสปาร์ ไวน์เบอร์เกอร์ ก่อนที่เขาอาจถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาว "อิหร่าน-คอนทรา" (Iran-Contra) . กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐสมัย ประธนาธิบดีโรัลด์ เรแกน ลักลอบขายอาวุธให้กับอิหร่าน แล้วนำเงินที่ได้จากอิหร่านส่งไปช่วยกลุ่มกบฏคอนทราที่ต่อสู้กับรัฐบาลสังคมนิยมในนิคารากัว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117847 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 659 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักเตะทีมชาติไทยทยอยสมทบทีมพร้อมลงเตะนัดแรกเจอกับติมอร์เลสเตวันอาทิตย์ที่ 8 นี้ที่เวียดนาม

    #TikTokการกีฬา #ASEANUtdFC #MitsubishiElectricCup #ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน #ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน2024 #ASEANMitsubishiElectricCup #ASEANMitsubishiElectricCup2024 #NewsStory #News1
    นักเตะทีมชาติไทยทยอยสมทบทีมพร้อมลงเตะนัดแรกเจอกับติมอร์เลสเตวันอาทิตย์ที่ 8 นี้ที่เวียดนาม #TikTokการกีฬา #ASEANUtdFC #MitsubishiElectricCup #ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน #ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน2024 #ASEANMitsubishiElectricCup #ASEANMitsubishiElectricCup2024 #NewsStory #News1
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • นักเตะทีมชายไทยพร้อมลงเตะนัดแรก AFF CUP : [News story]

    นักเตะทีมชาติไทยทยอยสมทบทีมพร้อมลงเตะนัดแรกเจอกับติมอร์เลสเตวันอาทิตย์ที่ 8 นี้ที่เวียดนาม
    นักเตะทีมชายไทยพร้อมลงเตะนัดแรก AFF CUP : [News story] นักเตะทีมชาติไทยทยอยสมทบทีมพร้อมลงเตะนัดแรกเจอกับติมอร์เลสเตวันอาทิตย์ที่ 8 นี้ที่เวียดนาม
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 846 มุมมอง 37 0 รีวิว
  • โรงพยาบาลธนบุรี สลัดภาพหมอบุญ

    กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี ภายใต้ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG อำนาจเบ็ดเสร็จไม่ได้เป็นของกลุ่มหมอบุญ นพ.บุญ วนาสิน ที่หลบหนีคดีฉ้อโกงและฟอกเงินไปอยู่ต่างประเทศอีกต่อไป แต่กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งใน THG ภายใต้การนำของ นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ กำลังเข้ามากอบกู้สถานการณ์ แม้ยี่ห้อหมอบุญกับโรงพยาบาลธนบุรี จะกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังไม่เคยใช้บริการก็ตาม

    ก่อนหน้านี้มีการแต่งตั้ง ศ.คลินิก นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และอดีตรองคณบดีฝ่ายพันธกิจบริการทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนบุรี หลังเกษียณอายุงานเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็เป็นคณะกรรมการบริษัทฯ ในเครือ THG มาตั้งแต่ปี 2559

    นพ.วิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ระบุว่าในปี 2568 จะเปิดคลินิกเฉพาะทาง เริ่มจากคลินิกการนอนหลับ ต่อด้วยกลุ่มเด็กแรกเกิด กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมกับเน้นกลุ่มลูกค้าผู้ป่วยที่มีประกันสุขภาพ ลูกค้าองค์กร และผู้ป่วยต่างชาติจากโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง อีกด้านหนึ่ง จะเปิดอาคารผู้ป่วยนอกแห่งใหม่ต้นปี 2568 ดึงบุคลากรรุ่นใหม่ Gen Z เข้ามาเสริมทัพ เปลี่ยนระบบค่าตอบแทนใหม่ และสร้างอินฟลูเอนเซอร์จากบุคลากรในโรงพยาบาล

    สำหรับโครงการของ นพ.บุญที่เกี่ยวข้องกับ THG มีเพียงโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เท่านั้นที่ใช้เงินบริษัทลงทุน ไม่ใช่เงินส่วนตัวของ นพ.บุญ ส่วนธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการที่ไม่มีอยู่จริง นพ.บุญทำเองไม่เกี่ยวกับ THG ด้านศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า และแผนการสร้างโรงพยาบาลในเวียดนาม หลังบริษัทฯ ทำเอ็มโอยูช่วงปี 2565-2566 เมื่อพิจารณาความเป็นไปได้อย่างละเอียดแล้วจึงตัดสินใจไม่ลงทุนทั้งสองโครงการ

    นพ.บุญได้ลาออกจาก THG มาตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2565 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงาน ส่วนนางจารุวรรณ วนาสิน อดีตภรรยา และ น.ส.นลิน วนาสิน บุตรสาว นพ.บุญ แม้ยังไม่ได้แจ้งขอลาออกจากกรรมการบริษัทฯ และยังไม่ขาดคุณสมบัติเนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สุด แต่ทั้งสองไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจ จึงไม่มีอำนาจกระทำการใดๆ ในนามบริษัทฯ และการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังเป็นปกติ

    ปัจจุบัน นางจารุวรรณถือหุ้น THG จำนวน 14.22% บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด ถือหุ้น 3.70% น.ส.ณวรา กุญชร ณ อยุธยา อดีตลูกสะใภ้ถือหุ้น 3.03% และ นพ.บุญ ถือหุ้น 0.68% ส่วน น.ส.นลินให้การกับตำรวจว่ามีเพียง 10,000 หุ้นเท่านั้น

    #Newskit
    โรงพยาบาลธนบุรี สลัดภาพหมอบุญ กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี ภายใต้ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG อำนาจเบ็ดเสร็จไม่ได้เป็นของกลุ่มหมอบุญ นพ.บุญ วนาสิน ที่หลบหนีคดีฉ้อโกงและฟอกเงินไปอยู่ต่างประเทศอีกต่อไป แต่กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งใน THG ภายใต้การนำของ นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ กำลังเข้ามากอบกู้สถานการณ์ แม้ยี่ห้อหมอบุญกับโรงพยาบาลธนบุรี จะกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังไม่เคยใช้บริการก็ตาม ก่อนหน้านี้มีการแต่งตั้ง ศ.คลินิก นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และอดีตรองคณบดีฝ่ายพันธกิจบริการทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนบุรี หลังเกษียณอายุงานเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็เป็นคณะกรรมการบริษัทฯ ในเครือ THG มาตั้งแต่ปี 2559 นพ.วิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ระบุว่าในปี 2568 จะเปิดคลินิกเฉพาะทาง เริ่มจากคลินิกการนอนหลับ ต่อด้วยกลุ่มเด็กแรกเกิด กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมกับเน้นกลุ่มลูกค้าผู้ป่วยที่มีประกันสุขภาพ ลูกค้าองค์กร และผู้ป่วยต่างชาติจากโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง อีกด้านหนึ่ง จะเปิดอาคารผู้ป่วยนอกแห่งใหม่ต้นปี 2568 ดึงบุคลากรรุ่นใหม่ Gen Z เข้ามาเสริมทัพ เปลี่ยนระบบค่าตอบแทนใหม่ และสร้างอินฟลูเอนเซอร์จากบุคลากรในโรงพยาบาล สำหรับโครงการของ นพ.บุญที่เกี่ยวข้องกับ THG มีเพียงโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เท่านั้นที่ใช้เงินบริษัทลงทุน ไม่ใช่เงินส่วนตัวของ นพ.บุญ ส่วนธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการที่ไม่มีอยู่จริง นพ.บุญทำเองไม่เกี่ยวกับ THG ด้านศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า และแผนการสร้างโรงพยาบาลในเวียดนาม หลังบริษัทฯ ทำเอ็มโอยูช่วงปี 2565-2566 เมื่อพิจารณาความเป็นไปได้อย่างละเอียดแล้วจึงตัดสินใจไม่ลงทุนทั้งสองโครงการ นพ.บุญได้ลาออกจาก THG มาตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2565 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงาน ส่วนนางจารุวรรณ วนาสิน อดีตภรรยา และ น.ส.นลิน วนาสิน บุตรสาว นพ.บุญ แม้ยังไม่ได้แจ้งขอลาออกจากกรรมการบริษัทฯ และยังไม่ขาดคุณสมบัติเนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สุด แต่ทั้งสองไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจ จึงไม่มีอำนาจกระทำการใดๆ ในนามบริษัทฯ และการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังเป็นปกติ ปัจจุบัน นางจารุวรรณถือหุ้น THG จำนวน 14.22% บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด ถือหุ้น 3.70% น.ส.ณวรา กุญชร ณ อยุธยา อดีตลูกสะใภ้ถือหุ้น 3.03% และ นพ.บุญ ถือหุ้น 0.68% ส่วน น.ส.นลินให้การกับตำรวจว่ามีเพียง 10,000 หุ้นเท่านั้น #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 486 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอเอฟพี - สื่อทางการเวียดนามรายงานว่าทหารเวียดนาม 12 นาย เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ดูเหมือนจะเป็นอุบัติเหตุระหว่างการฝึกซ้อมรบในภาคใต้ของประเทศ

    ทางการเชื่อว่าฟ้าที่ผ่าลงมาในช่วงที่เกิดพายุรุนแรงทำให้ตัวจุดชนวนไฟฟ้าทำงาน ขณะที่กลุ่มทหารกำลังขนย้ายวัตถุระเบิด รายงานจากหนังสือพิมพ์ทหารท้องถิ่นระบุ

    เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันจันทร์ (2) ที่สนามยิงปืนของกองทัพภาคที่ 7 ใน จ.ด่งนาย ที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางภาคใต้ของประเทศ

    เจ้าหน้าที่ยังคงค้นหาร่างผู้เสียชีวิตอีกหลายคน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์กองทัพภาคที่ 7

    อุบัติเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกทหารเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000117123

    #MGROnline #เวียดนาม #อุบัติเหตุ #ระหว่างการฝึกซ้อมรบ
    เอเอฟพี - สื่อทางการเวียดนามรายงานว่าทหารเวียดนาม 12 นาย เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ดูเหมือนจะเป็นอุบัติเหตุระหว่างการฝึกซ้อมรบในภาคใต้ของประเทศ • ทางการเชื่อว่าฟ้าที่ผ่าลงมาในช่วงที่เกิดพายุรุนแรงทำให้ตัวจุดชนวนไฟฟ้าทำงาน ขณะที่กลุ่มทหารกำลังขนย้ายวัตถุระเบิด รายงานจากหนังสือพิมพ์ทหารท้องถิ่นระบุ • เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันจันทร์ (2) ที่สนามยิงปืนของกองทัพภาคที่ 7 ใน จ.ด่งนาย ที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางภาคใต้ของประเทศ • เจ้าหน้าที่ยังคงค้นหาร่างผู้เสียชีวิตอีกหลายคน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์กองทัพภาคที่ 7 • อุบัติเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกทหารเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000117123 • #MGROnline #เวียดนาม #อุบัติเหตุ #ระหว่างการฝึกซ้อมรบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจือง หมี ลาน ประธานบริษัท Van Thinh  เศรษฐีนี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์วัย 68 ปีของเวียดนาม ถูกศาลปฏิเสธคำอุทธรณ์ในคดีอยู่เบื้องหลังการฉ้อโกงธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศ  และยังคงยืนโทษประหารชีวิต ดังนั้นในเวลานี้ ทางรอดเพียงทางเดียวของเธอคือการหาเงินมาจ่ายคืนรัฐ เพราะตามกฎหมายเวียดนาม เธอยังคงมีโอกาสลดโทษประหารชีวิตลงได้ หากสามารถชดใช้เงินจำนวน 75% ของที่เธอฉ้อโกงไป ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยศาลจะลดโทษให้เหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิตแทนเว็บไซต์ของรัฐบาลระบุว่า ลานถูกกล่าวหาว่าจัดทำเอกสารขอสินเชื่อปลอมเพื่อถอนเงินจากธนาคาร Saigon Commercial Bank ที่เธอถือหุ้นมากกว่า 90% ของธนาคาร “ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 2561 ถึงวันที่ 7 ต.ค. 2565 เจือง หมี ลาน ได้ออกคำสั่งให้ทำใบสมัครขอสินเชื่อปลอม 916 รายการ ที่จัดสรรเงินไปมากกว่า 204 ล้านล้านด่ง (12,500 ล้านดอลลาร์) จากธนาคาร Saigon Commercial Bank” รายงานระบุนอกจากเจือง หมี ลาน แล้ว ยังมีผู้ต้องหาอีก 85 ราย รวมถึงอดีตเจ้าหน้าธนาคารแห่งชาติเวียดนาม ถูกกล่าวหาว่ารับสินบนมูลค่า 5.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะถูกพิจารณาคดีที่ศาลในนครโฮจิมินห์ด้วยเช่นกันทั้งนี้ มูลค่าของทรัพย์สินที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกไปนั้นเทียบเท่าประมาณ 3% ของจีดีพีของเวียดนามในปี 2565 ซึ่งทำให้คดีนี้เป็นหนึ่งในอาชญากรรมทางการเงินที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศบริษัท Van Thinh Phat ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 โดยเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และอพาร์ทเม้นต์หรู และยังลงทุนในบริการทางการเงินอีกด้วยเวียดนามดำเนินการปราบปรามเจ้าหน้าที่ทุจริตคอร์รัปชั่น และสมาชิกของกลุ่มธุรกิจชั้นนำของประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยการกวาดล้างดังกล่าวถูกผลักดันโดยเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ในเดือนก่อนยังเรียกร้องให้ดำเนินการกวาดล้างให้รวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2564 มีผู้ถูกฟ้องมากกว่า 3,500 คน ในคดีรับสินบนมากกว่า 1,300 คดี 
    เจือง หมี ลาน ประธานบริษัท Van Thinh  เศรษฐีนี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์วัย 68 ปีของเวียดนาม ถูกศาลปฏิเสธคำอุทธรณ์ในคดีอยู่เบื้องหลังการฉ้อโกงธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศ  และยังคงยืนโทษประหารชีวิต ดังนั้นในเวลานี้ ทางรอดเพียงทางเดียวของเธอคือการหาเงินมาจ่ายคืนรัฐ เพราะตามกฎหมายเวียดนาม เธอยังคงมีโอกาสลดโทษประหารชีวิตลงได้ หากสามารถชดใช้เงินจำนวน 75% ของที่เธอฉ้อโกงไป ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยศาลจะลดโทษให้เหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิตแทนเว็บไซต์ของรัฐบาลระบุว่า ลานถูกกล่าวหาว่าจัดทำเอกสารขอสินเชื่อปลอมเพื่อถอนเงินจากธนาคาร Saigon Commercial Bank ที่เธอถือหุ้นมากกว่า 90% ของธนาคาร “ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 2561 ถึงวันที่ 7 ต.ค. 2565 เจือง หมี ลาน ได้ออกคำสั่งให้ทำใบสมัครขอสินเชื่อปลอม 916 รายการ ที่จัดสรรเงินไปมากกว่า 204 ล้านล้านด่ง (12,500 ล้านดอลลาร์) จากธนาคาร Saigon Commercial Bank” รายงานระบุนอกจากเจือง หมี ลาน แล้ว ยังมีผู้ต้องหาอีก 85 ราย รวมถึงอดีตเจ้าหน้าธนาคารแห่งชาติเวียดนาม ถูกกล่าวหาว่ารับสินบนมูลค่า 5.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะถูกพิจารณาคดีที่ศาลในนครโฮจิมินห์ด้วยเช่นกันทั้งนี้ มูลค่าของทรัพย์สินที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกไปนั้นเทียบเท่าประมาณ 3% ของจีดีพีของเวียดนามในปี 2565 ซึ่งทำให้คดีนี้เป็นหนึ่งในอาชญากรรมทางการเงินที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศบริษัท Van Thinh Phat ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 โดยเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และอพาร์ทเม้นต์หรู และยังลงทุนในบริการทางการเงินอีกด้วยเวียดนามดำเนินการปราบปรามเจ้าหน้าที่ทุจริตคอร์รัปชั่น และสมาชิกของกลุ่มธุรกิจชั้นนำของประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยการกวาดล้างดังกล่าวถูกผลักดันโดยเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ในเดือนก่อนยังเรียกร้องให้ดำเนินการกวาดล้างให้รวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2564 มีผู้ถูกฟ้องมากกว่า 3,500 คน ในคดีรับสินบนมากกว่า 1,300 คดี 
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความน่าสนใจของ TNN World คอลัมน์Editor’s Pick: ประวัติศาสตร์ “อภัยโทษ” ของประธานาธิบดีสหรัฐฯการอภัยโทษไม่ใช่เรื่องผิด เป็นอำนาจที่ประธานาธิบดีสามารถทำได้ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ แต่นี่คือการอภัยโทษ “ลูกชาย” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติอเมริกา .. แล้วที่ผ่านมา ผู้นำคนก่อน ๆ ของสหรัฐฯ เคยใช้อำนาจในการอภัยโทษให้ใครแล้วบ้าง? และมีใครที่กลายเป็นประเด็นอื้อฉาวแบบนี้อีกหรือไม่? มาค่อย ๆ ย้อนกลับไปทีละคน ◾️◾️◾️🔴โดนัลด์ ทรัมป์เริ่มตั้งแต่ โดนัลด์​ ทรัมป์​ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ​ ที่ออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอย่างหนัก ว่าการอภัยโทษให้ลูกชาย “ฮันเตอร์ ไบเดน”​ นั้น บิดเบือนความยุติธรรมแต่ทรัมป์ก็อภัยโทษให้ใครหลาย ๆ คนมาแล้ว ตั้งแต่อดีตผู้ช่วยส่วนตัว มาจนถึงล่าสุด ที่ประกาศอภัยโทษให้กับ “ชาลส์ คุชเนอร์” บิดาของจาเร็ด คุชเนอร์​ สามีของอิวางกา ทรัมป์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ดองของเขานั่นเอง จากคดีทุจริต เลี่ยงภาษี 16 กระทง และอื่น ๆ อีก - อีกทั้งล่าสุด ยังแต่ตั้ง ชาลส์ คุชเนอร์คนนี้ เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ​ ประจำฝรั่งเศสอีกด้วยมีดองเป็นประธานาธิบดี..​ก็ดีเช่นนี้เอง◾️◾️◾️🔴 บารัค โอบามาบารัค โอบามา ผู้นำผิวสีรายนี้ ไม่ได้มีการอภัยโทษที่อื้อฉาวมากนัก โดยหนึ่งในคนที่เป็นประเด็นที่สุด คือ “เชลซี แมนนิ่ง” อดีตทหารเมริกัน ที่แฉข้อมูลและเอกสารลับให้กับเว็ปไซต์จอมแฉ WikiLeaks ◾️◾️◾️🔴 บิล คลินตันถัดมา บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดี ผู้เป็นทั้งที่รัก และที่ชัง ของชาวอเมริกัน ที่ใช้อำนาจอภัยโทษให้กับสามีของเศรษฐีนีผู้บริจาครายใหญ่ให้กับพรรค อย่าง “มาร์ก ริช” นักการเงินดัง ที่ถูกตั้งข้อหาเลี่ยงภาษี - เรื่องนี้ถูกแฉ จากการที่สำนักสอบสวนกลาง หรือ FBI ตรวจค้นอีเมล์ของฮิลลารี คลินตัน สมัยที่เธอชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งเพียงแค่ไม่กี่วัน - จึงเป็นเรื่องอื้อฉาวว่า .. อภัยโทษให้มาร์ก ริช เพราะหวังเงินบริจาคนับล้านเข้าพรรคระหว่างหาเสียงหรือไม่?อีกทั้ง บิล คลินตัน ยังอภัยโทษให้กับพี่ชายร่วมสายเลือดอย่าง “โรเจอร์ คลินตัน จูเนียร์” จากความผิดฐานสมคมคิดจำหน่ายโคเคน ในวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งในปี 2001 ด้วย ประโยชน์ แลกประโยชน์ ก็เช่นนี้เอง◾️◾️◾️🔴 แอนดรูว์ จอห์นสันหรือหากย้อนกลับไปไกลหน่อย ในยุคสงครามกลางเมือง กรณีประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน ที่พยายามจะรวมประเทศหลังสงครามอันยาวนาน จึงออกคำสั่งนิรโทษกรรมครั้งใหญ่ ให้กับเจ้าหน้าที่ และทหารฝ่ายสมาพันธรัฐ ราว 12,600 นาย ที่กลายเป็นที่ถกเถียงอย่างหนัก ◾️◾️◾️🔴 ริชาร์ด นิกสัน - เจอรัลด์ ฟอร์ดส่วนกรณีสุดอื้อฉาวทางการเมืองของสหรัฐฯ อย่างคดีวอเตอร์เกตส์ ที่เป็นการลักลอบโจรกรรมสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต ที่อาคารวอเตอร์เกตคอมเพลกซ์ ในกรุงวอชิงตันดีซี .. และผลการตรวจสอบพบว่า “ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน” มีส่วนรับรู้เหตุการณ์ดังกล่าวด้วย นำมาสู่การยอมลาออกของเขาในที่สุด และเป็นการลาออกครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐฯก่อนที่ประธานาธิบดีคนต่อมา อย่าง “เจอรัลด์ ฟอร์ด” จะใช้อำนาจในการอภัยโทษให้กับ “ริชาร์ด นิกสัน” ทั้งหมด เมื่อปี 1974 - ซึ่งแม้ประชาชนจะกังวลต่อการอภัยโทษครั้งนี้ แต่ฟอร์ดยืนยันว่า นี่คือผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแล้วสำหรับประเทศ - และคาดว่า ผลของการอภัยโทษครั้งนั้นเอง ที่ทำให้ฟอร์ดพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งให้กับ “จิมมี่ คาร์เตอร์” ในอีก 2 ปีถัดมา (1976)◾️◾️◾️🔴 จิมมี่ คาร์เตอร์จิมมี่ คาร์เตอร์​ เองก็ถูกวิจารณ์อยู่ไม่น้อย จากการอภัยโทษให้กับผู้หลบหนีการเกณฑ์ทหารไปร่วมในสงครามเวียดนามหลายแสนคน ตั้งแต่วันที่ 2 ของการรับตำแหน่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่เขาหาเสียงเอาไว้อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอำนาจที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ​ แต่ก็มีกระแสเรียกร้องว่า ประธานาธิบดีไม่ควรจะมีอำนาจชนิดนี้ เพราะมันจะเป็นผลทางการเมือง มากกว่าที่จะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม—————ภาพ: Reutersอ้างอิง: https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/controversial-presidential-pardons-biden-trump-b2657552.htmlhttps://news.sky.com/story/what-is-the-us-presidential-pardon-and-when-has-it-been-used-13265442#TNNWorldNews #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ #นิรโทษกรรม #สหรัฐ #การเมือง #ประวัติศาสตร์ #ไบเดน————📲ติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จาก TNNได้ที่ช่อง YouTube: TNN Originalsที่นี่เลยค่ะ >> https://bit.ly/TNNOriginals
    บทความน่าสนใจของ TNN World คอลัมน์Editor’s Pick: ประวัติศาสตร์ “อภัยโทษ” ของประธานาธิบดีสหรัฐฯการอภัยโทษไม่ใช่เรื่องผิด เป็นอำนาจที่ประธานาธิบดีสามารถทำได้ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ แต่นี่คือการอภัยโทษ “ลูกชาย” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติอเมริกา .. แล้วที่ผ่านมา ผู้นำคนก่อน ๆ ของสหรัฐฯ เคยใช้อำนาจในการอภัยโทษให้ใครแล้วบ้าง? และมีใครที่กลายเป็นประเด็นอื้อฉาวแบบนี้อีกหรือไม่? มาค่อย ๆ ย้อนกลับไปทีละคน ◾️◾️◾️🔴โดนัลด์ ทรัมป์เริ่มตั้งแต่ โดนัลด์​ ทรัมป์​ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ​ ที่ออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอย่างหนัก ว่าการอภัยโทษให้ลูกชาย “ฮันเตอร์ ไบเดน”​ นั้น บิดเบือนความยุติธรรมแต่ทรัมป์ก็อภัยโทษให้ใครหลาย ๆ คนมาแล้ว ตั้งแต่อดีตผู้ช่วยส่วนตัว มาจนถึงล่าสุด ที่ประกาศอภัยโทษให้กับ “ชาลส์ คุชเนอร์” บิดาของจาเร็ด คุชเนอร์​ สามีของอิวางกา ทรัมป์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ดองของเขานั่นเอง จากคดีทุจริต เลี่ยงภาษี 16 กระทง และอื่น ๆ อีก - อีกทั้งล่าสุด ยังแต่ตั้ง ชาลส์ คุชเนอร์คนนี้ เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ​ ประจำฝรั่งเศสอีกด้วยมีดองเป็นประธานาธิบดี..​ก็ดีเช่นนี้เอง◾️◾️◾️🔴 บารัค โอบามาบารัค โอบามา ผู้นำผิวสีรายนี้ ไม่ได้มีการอภัยโทษที่อื้อฉาวมากนัก โดยหนึ่งในคนที่เป็นประเด็นที่สุด คือ “เชลซี แมนนิ่ง” อดีตทหารเมริกัน ที่แฉข้อมูลและเอกสารลับให้กับเว็ปไซต์จอมแฉ WikiLeaks ◾️◾️◾️🔴 บิล คลินตันถัดมา บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดี ผู้เป็นทั้งที่รัก และที่ชัง ของชาวอเมริกัน ที่ใช้อำนาจอภัยโทษให้กับสามีของเศรษฐีนีผู้บริจาครายใหญ่ให้กับพรรค อย่าง “มาร์ก ริช” นักการเงินดัง ที่ถูกตั้งข้อหาเลี่ยงภาษี - เรื่องนี้ถูกแฉ จากการที่สำนักสอบสวนกลาง หรือ FBI ตรวจค้นอีเมล์ของฮิลลารี คลินตัน สมัยที่เธอชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งเพียงแค่ไม่กี่วัน - จึงเป็นเรื่องอื้อฉาวว่า .. อภัยโทษให้มาร์ก ริช เพราะหวังเงินบริจาคนับล้านเข้าพรรคระหว่างหาเสียงหรือไม่?อีกทั้ง บิล คลินตัน ยังอภัยโทษให้กับพี่ชายร่วมสายเลือดอย่าง “โรเจอร์ คลินตัน จูเนียร์” จากความผิดฐานสมคมคิดจำหน่ายโคเคน ในวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งในปี 2001 ด้วย ประโยชน์ แลกประโยชน์ ก็เช่นนี้เอง◾️◾️◾️🔴 แอนดรูว์ จอห์นสันหรือหากย้อนกลับไปไกลหน่อย ในยุคสงครามกลางเมือง กรณีประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน ที่พยายามจะรวมประเทศหลังสงครามอันยาวนาน จึงออกคำสั่งนิรโทษกรรมครั้งใหญ่ ให้กับเจ้าหน้าที่ และทหารฝ่ายสมาพันธรัฐ ราว 12,600 นาย ที่กลายเป็นที่ถกเถียงอย่างหนัก ◾️◾️◾️🔴 ริชาร์ด นิกสัน - เจอรัลด์ ฟอร์ดส่วนกรณีสุดอื้อฉาวทางการเมืองของสหรัฐฯ อย่างคดีวอเตอร์เกตส์ ที่เป็นการลักลอบโจรกรรมสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต ที่อาคารวอเตอร์เกตคอมเพลกซ์ ในกรุงวอชิงตันดีซี .. และผลการตรวจสอบพบว่า “ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน” มีส่วนรับรู้เหตุการณ์ดังกล่าวด้วย นำมาสู่การยอมลาออกของเขาในที่สุด และเป็นการลาออกครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐฯก่อนที่ประธานาธิบดีคนต่อมา อย่าง “เจอรัลด์ ฟอร์ด” จะใช้อำนาจในการอภัยโทษให้กับ “ริชาร์ด นิกสัน” ทั้งหมด เมื่อปี 1974 - ซึ่งแม้ประชาชนจะกังวลต่อการอภัยโทษครั้งนี้ แต่ฟอร์ดยืนยันว่า นี่คือผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแล้วสำหรับประเทศ - และคาดว่า ผลของการอภัยโทษครั้งนั้นเอง ที่ทำให้ฟอร์ดพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งให้กับ “จิมมี่ คาร์เตอร์” ในอีก 2 ปีถัดมา (1976)◾️◾️◾️🔴 จิมมี่ คาร์เตอร์จิมมี่ คาร์เตอร์​ เองก็ถูกวิจารณ์อยู่ไม่น้อย จากการอภัยโทษให้กับผู้หลบหนีการเกณฑ์ทหารไปร่วมในสงครามเวียดนามหลายแสนคน ตั้งแต่วันที่ 2 ของการรับตำแหน่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่เขาหาเสียงเอาไว้อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอำนาจที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ​ แต่ก็มีกระแสเรียกร้องว่า ประธานาธิบดีไม่ควรจะมีอำนาจชนิดนี้ เพราะมันจะเป็นผลทางการเมือง มากกว่าที่จะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม—————ภาพ: Reutersอ้างอิง: https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/controversial-presidential-pardons-biden-trump-b2657552.htmlhttps://news.sky.com/story/what-is-the-us-presidential-pardon-and-when-has-it-been-used-13265442#TNNWorldNews #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ #นิรโทษกรรม #สหรัฐ #การเมือง #ประวัติศาสตร์ #ไบเดน————📲ติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จาก TNNได้ที่ช่อง YouTube: TNN Originalsที่นี่เลยค่ะ >> https://bit.ly/TNNOriginals
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (1 ธ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดียของตัวเองโดยระบุถึงสถานการณ์ทีประเทศในกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่นำโดย จีน รัสเซีย บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ พยายามลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าขาย โดยทรัมป์ระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อกลุ่มประเทศเหล่านี้."จากแนวคิดของกลุ่มประเทศ BRICS ที่กำลังมีความพยายามในการเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น สหรัฐฯ จะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป เราต้องการคำมั่นสัญญาจากประเทศเหล่านี้ว่าพวกเขาจะไม่สร้างสกุลเงิน BRICS ขึ้นมาใหม่ หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นใดเพื่อมาแทนที่ ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เกรียงไกร (mighty dollar) มิฉะนั้น พวกเขาจะต้องเผชิญภาษีนำเข้า 100%" ทรัมป์ระบุ.นอกจากนี้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2568 ยังระบุด้วยว่า นอกจากนี้หากยังดื้อดึงประเทศเหล่านี้ จะต้องโบกมือลาการขายสินค้าให้กับเศรษฐกิจอันยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ โดยพวกเขาสามารถไปหา "พวกห่วยแตก (sucker)" รายอื่นแทนได้ แต่ไม่มีโอกาสที่เงินสกุล BRICS จะมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าระหว่างประเทศ และประเทศใดก็ตามที่พยายามทำอย่างนั้นก็ควรโบกมือลาสหรัฐอเมริกาไปเสีย.ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ในการประชุม BRICS Summit 2024 จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการออกแถลงการณ์ที่ชื่อว่า “ปฏิญญาคาซาน” (Kazan Declaration) โดย แถลงการณ์ดังกล่าวมีมติรับ “พันธมิตรหุ้นส่วน (Partner Countries)” จำนวน 13 ประเทศ แม้ว่ายังไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มตัว แต่จะเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้นในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดวางตำแหน่งทางการเมือง ประกอบด้วยอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและเวียดนาม รวมถึงแอลจีเรีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา คาซัคสถาน ไนจีเรีย ทูร์เคีย ยูกันดา และอุซเบกิสถานด้วย.คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000115463......Sondhi X
    วันนี้ (1 ธ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดียของตัวเองโดยระบุถึงสถานการณ์ทีประเทศในกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่นำโดย จีน รัสเซีย บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ พยายามลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าขาย โดยทรัมป์ระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อกลุ่มประเทศเหล่านี้."จากแนวคิดของกลุ่มประเทศ BRICS ที่กำลังมีความพยายามในการเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น สหรัฐฯ จะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป เราต้องการคำมั่นสัญญาจากประเทศเหล่านี้ว่าพวกเขาจะไม่สร้างสกุลเงิน BRICS ขึ้นมาใหม่ หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นใดเพื่อมาแทนที่ ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เกรียงไกร (mighty dollar) มิฉะนั้น พวกเขาจะต้องเผชิญภาษีนำเข้า 100%" ทรัมป์ระบุ.นอกจากนี้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2568 ยังระบุด้วยว่า นอกจากนี้หากยังดื้อดึงประเทศเหล่านี้ จะต้องโบกมือลาการขายสินค้าให้กับเศรษฐกิจอันยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ โดยพวกเขาสามารถไปหา "พวกห่วยแตก (sucker)" รายอื่นแทนได้ แต่ไม่มีโอกาสที่เงินสกุล BRICS จะมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าระหว่างประเทศ และประเทศใดก็ตามที่พยายามทำอย่างนั้นก็ควรโบกมือลาสหรัฐอเมริกาไปเสีย.ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ในการประชุม BRICS Summit 2024 จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการออกแถลงการณ์ที่ชื่อว่า “ปฏิญญาคาซาน” (Kazan Declaration) โดย แถลงการณ์ดังกล่าวมีมติรับ “พันธมิตรหุ้นส่วน (Partner Countries)” จำนวน 13 ประเทศ แม้ว่ายังไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มตัว แต่จะเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้นในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดวางตำแหน่งทางการเมือง ประกอบด้วยอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและเวียดนาม รวมถึงแอลจีเรีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา คาซัคสถาน ไนจีเรีย ทูร์เคีย ยูกันดา และอุซเบกิสถานด้วย.คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000115463......Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • 01-12-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.11จริงดิ? เหี้ยจนตรอก หมดท่า แบนรัสเซีย จีน ไม่ได้ผล หันมาคว่ำบาตรอาเซียนแทนสิน่ะ? ควายกว่านี้มีอีกมุย? มรึงมีเหี้ยอะไรที่กูจำเป็นต้องมี แล้วกูมีอะไรที่มรึงไม่เคยมี? ปัจจัย 4 อาเซียนครบถ้วน วันนี้ มรึงหนาวตายแล้วกี่ตัวล่ะ? อีขะแมร์ทรุด แต่โนแคร์ ยุโรปแบนกูเหรอ? มรึงไม่ได้ให้อะไรกูแดร๊ก นอกจากเอาเปรียบ อาเซียนอยู่ได้เพราะจีน รัสเซีย อุ้ม ยังต้องก้มหัวให้มรึงอีกเหรอ? เหี้ยทิ้งทวน เหี้ยไอสัส(ซิส)ใต้คราบกบฎซีเรีย ดาหน้าตายโหงแลกสนองตัณหานายใหญ่ รัสเซียจัดให้ อัสซาดจัดเต็ม นี่แผ่นดินใคร แค่กองโจรกระจอกริจะยึดแผ่นดิน ตายยกโคตรเหี้ยชัวร์? เหี้ยทิ้งทวนก่อนจาก ทั้งซีเรีย อิรัก เพราะเค้าไม่ปล่อยเหี้ยลอยนวลอีกแล้ว สงครามปิดเกมส์เริ่มทันที สื่อมั่วปั่นกันใหญ่ ของจริงตายอย่างหมา บ่อน้ำมันยึดคืนเรียบวุธ อะเรปโปเดือด บินทิ้งระเบิดรัสเซีย โกยแต้มชนะขาดลอย เหี้ยไอสัส(ซิส)ที่ข้ามมาจากฝั่งตรุกี ตายห่ายกขบวน 200 ตัวทันที รัสเซียได้รับอนุมัติจากรัฐบาลอัสซาดอย่างเป็นทางการแล้ว ฆ่าให้เกลี้ยง อย่าให้เหลือ? ปวดตับกับสื่อขี้ข้ายิว ยึดอะเรปโปเหรอจ๊ะ? กูเห็นแต่ซากเหี้ยตายเกลี้ยง กองกำลังต่างชาติที่แฝงเข้ามาคือ NATO เรื่องนี้มันต้องการเสี้ยมให้แอร์โดกันกับปูตินผิดใจกัน แผนฝ่ายค้านตุรกีขี้ข้าเหี้ย C เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ปูตินไม่สนดอกว่าใครสั่ง ใครหักใคร รู้แค่ ใครข้ามเข้ามาในอะเลปโป คือตายโหงสถานเดียว! ผบ.ทร.ไทย อยู่เป็น รู้งาน แค่เรือประมงไทยจม จับลูกเรือเป็นตัวประกัน มรึงจะใช้เป็นเหตุก่อสงครามเพื่อนบ้าน มันง่ายไปหน่อยมุย? มิน อ๋อง ลาย รู้ นี่คือมือที่ 3 รัฐบาลพม่าคุยตรงกองทัพไทย หลังควันจาง ถึงจะประเมินสถานการณ์ได้จริง เรือประมงไทยล้ำไปเขตน่านน้ำพม่าหรือไม่ แล้วเรือลาดตะเวรพม่าทำเกินกว่าเหตุรึเปล่า? ทุกอย่างพิสูจน์ได้ ตรวจสอบได้ ก่อนจะลงมือจัดการอะไรต่อไป นิ่งไว้ก่อน อย่าตกเป็นเหยื่อมือที่ 3 เกมส์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบังเอิญดอกน่ะ ในโลกหลังฉาก ประมงไทยขายชาติก็มี ใครจะรู้ว่า มรึงแอบตำลงอะไรกับฝั่งโน้นหรือไม่? ระดับกองทัพ ทุกอย่างต้องชัดเจน ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก มันคือ "กับดัก" ใครล่ะ ต้องการเสี้ยมไทย จะแมร์ พม่า ลาว เวียดนาม ผิดกันใจเสมอ? จุดปะทะ จุดพรมแดน มันกำหนดกติกาสากลอยู่แล้ว หากไม่ล้ำ แล้วมรึงทำเกินเหตุ ต้องมีคำตอบให้คนไทยได้เช่นกัน ไทยเราแกร่งกว่าพม่าเยอะ ต้องนิ่งให้เป็น อย่าถูกหลอกใช้ เช็คก่อนว่าประมงไทยจริงหรือไม่ ใครสวมรอยก่อสถานการณ์? แค่ละครเรียกเรตติ้ง เพราะไทยไม่เคยมองเห็นหัวกูเลย?พูดให้ชัดไปเลย! การศึกเหี้ยแพ้ยับ ทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง แล้วจะเล่นต่อยังไง? หันมาแปซิฟิค ของใหญ่กว่ารออยู่ จีนมีความพร้อมมากกว่ามรึง 100 เท่า ทำไม เค้าจะไม่รู้ว่า สู้กับเหี้ย ต้องทำอย่างไร? จีนถึงเปิดศึกการค้ารอบโลก เชื่อมโลจิสติค เพราะรู้ อ่านขาด มรึงเจาะอาเซียนแน่ แต่เค้ารอมรึงอยู่นานแล้ว จะเจาะอาเซียน ต้องอาศัยขี้ข้าหน้าโง่ยอมตาย อีปินส์ คือเหยื่อ อีขะแมร์คือแพะ มันถึงได้จับมือยุโรปล่ออีขะแมร์ เสี้ยมกองกำลังพม่าบางส่วนที่ขายตัวให้ CIA ยังจำได้มุย? เหตุการณ์ศึกรัฐฉาน โกกาง ใครสั่งสอนมิน อ่อง ลาย จีนพร้อมจะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่พม่า หากมรึงไม่รู้ตัวว่าสู้กับเหี้ยแค่ตาย แต่สู้กับจีน คือสิ้นชาติชัวร์? เหี้ยมันไม่ได้โง่ รู้ดีว่าหากจะเจาะอาเซียน ต้องใช้ขี้ข้าเหี้ย C ทำงาน ดังนั้น ทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจากนี้ เป็นฝีมือเหี้ย CIA ล้วนๆ เพื่อชักศึกเข้าบ้าน ไทยต้องไม่หลงกล! เพราะ BRICS เกิดแล้ว อาเซียนแห่เข้า นี่คือจุดตายที่อียิวเหี้ย ปล่อยไปไม่ได้อีก?เหตุการณ์ในไทย ที่เคลื่อนไหวทั้งหมด อยู่ในเกมส์ของเยรูซาเล็มทั้งสิ้น เงินจากยิว คำสั่งจากเหี้ย C เป้าหมายคือ แหล่งพลังงานทั้งหมดในอาเซียน และยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อเป็นปรปักษ์กับจีนและรัสเซียระยะยาว หากมองทะลุปรุโปร่ง จะรู้ดีว่า วังไทยฉลาดล้ำลึก เมื่อเกมส์ระดับโลกมาเยือน เราไม่จำเป็นต้องออกตัว ออกแรงสู้ฝ่ายเดียว วังวางแผนเชื่อมสัมพันธุ์ผูกมิตรจีน รัสเซีย มาตั้งแต่ยุคพ่อร.3 เพราะรู้ถึงกาลล่วงหน้าว่า อิทธิพลตะวันตกจะเข้ามากลืนกินแผ่นดินทอง จีน เน้นการค้า รัสเซีย เน้นส่งออกพลังงาน แต่หากไทยเราตกไปอยู่ในมือเหี้ย รัสเซีย จีน จะเป็นภัยมหันต์ ด้านการศึกจำเป็นต้องมีรัสเซียช่วย ด้านการค้า ปากท้อง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การเงิน การคลัง จำเป็นต้องมีจีนช่วย สู้กับเหี้ยยุคใหม่ มันต้องใช้ปัญญา และความจริง ความชอบธรรม เรามีหน้าที่จัดการเรื่องภายใน ส่วนเรื่องภายนอก ภัยความมั่นคง จะเป็นหน้าที่รัสเซีย จีน ที่สอดส่องดูแลให้ ดังนั้น ไทยคือตัวแทนอาเซียนทั้งหมด หากเราล้ม อาเซียนจะล้มทั้งหมด ซึ่งไม่มีทางจะเกิดขึ้น!อีกก้าว! จุดตัด สัญญานเสี่ยง หลังรัสเซียโชว์ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคพิสัยกลางและไกลตัวล่าสุด "โอเรชนิก" มันคือคำเตือนถึงยุโรป อเมริกา โดยตรง บีบให้อีกฝั่งดิ้นพล่าน เตรียมเปิดศึกใหญ่ แต่ขาดปัจจัยเยอะ เพราะเจ๊งกันถ้วนหน้า นี่คือโอกาสทอง ที่จีน รัสเซีย จะรุกคืบโลก ดึงพันธมิตรทั้งโลก และดึงขี้ข้าเหี้ยให้ย้ายขั้วก่อนแพจะแตก แปซิฟิคคือ "กับดัก" จีนจะเปิดหน้าแลกอเมริกาได้ ต้องให้เหี้ยมันเข้ามางับเหยื่อก่อน ประเด็นไต้หวัน คือจุดฉนวนล่อวอชิงตัน อลาสก้ามีการเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ รัสเซียจะเข้าประชิดรุกพื้นที่ทันที นั่นแปลว่า ทั้งจีน รัสเซีย มองขาด ต้องปะทะเท่านั้น ถึงจะได้กินรวบ! ปิดเกมส์คือต้องเหลือฝ่ายเดียว อีทรัมปป์มาปากบอกไม่สู้ แต่เบื้องหลัง มันสู้โดยใช้ขี้ข้าไปตายห่าแทนให้หมด อีโง่ยุโรปจะสิ้นเผ่าพันธุ์ก็งานนี้ อเมริกาจะไม่ใช้นุ๊กกับรัสเซีย จีน เพราะรู้ดีว่า หลังยิงออกไปแล้ว ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ใครจะโง่ สิ้นชาติ สูญพันธุ์เพื่อขี้ข้ากันล่ะ? จะบอกว่า จีน รัสเซีย อิหร่าน เปิดเมื่อไหร่ ศรีธนญชัยก็จะเปิดหน้าพร้อมกันหมดทั้งอาเซียน ปล.จุดแตกหัก! ทางเลือก สุดทางแล้ว? โลกต้องเลือก จะอยู่กับคน หรือจะอยู่เหี้ย? ไม่ต้องตอบก็รู้? ทั้งโลกเลือกอยู่กับ BRICS มีแต่ขี้ข้าและเหี้ยเท่านั้น ที่ยังจะงมโข่งดอลล่าร์ต่อ สุดท้าย ผู้ชนะมีเพียง 1 เดียว ผู้แพ้ ก็ต้องโยกย้ายถิ่นฐาน อเมริกาไม่สามารถรักษาแผลลึกได้อีกแล้ว แตก ล่มสลายไปตามกาลเวลา อาหรับ เอเซีย ช้อนซื้อกันเมามันส์ ก่อนอียิวจะไปตั้งรัฐยิวใหม่ มันต้องทิ้งทวน และสิ่งนี้ อาจจะทำให้เผ่าพันธุ์ยิวต้องถูกไล่ล่าอีก 100 ปี หลังจบศึกครูเสด เปอร์เซีย อาหรับครอบครอง ดินแดนคานาอันโดยสมบูรณ์ ด้านอีขะแมร์ยังไม่รู้ตัว ทุนจีนถอนตัว ไม่สร้างขุดคลองฟูนันเตโช เพราะมรึงไม่ใช่ฮับที่เค้าวางเอาไว้ มรึงไม่ใช่ศูนย์กลางโลจิสติค มรึงไม่มีศักยภาพพอ มรึงไม่มีจุดขายและยืดหยุ่น มรึงไม่มีราคา ไม่สามารถดันแจ้งเกิดให้คุ้มค่าได้ จากนี้ จีนเตรียมส่งสัญญานขยายฐานในอาเซียน เตรียมประกาศผนวกไต้หวันเป็นส่วนนึงของจีน โดยที่เหี้ยจะไม่สามารถเอากลับมาใช้งานได้อีก ตรงกันข้าม จีนกำลังเจาะไข่แดงวอชิงตัน เจาะหลังบ้านเหี้ย มรึงไปเสี้ยมเค้าถึงแปซิฟิคได้ ทำไมจีนจะย้อนเกล็ดมรึงกลับบ้างไม่ได้ ล่าสุด จีนไปถึงชิป 3 นาโนแล้ว แปลว่านวตกรรมใหม่โลกอนาคตอยู่ในมือจีน บริษัทผลิตชิปโลกที่เหี้ยต้องอาศัยไต้หวันกำลังจะถึงทางตัน แหล่งแร่สำคัญหายากอยู่ในมือจีนหมด จีนจะไม่ปล่อยให้เหี้ยใช้ชิปที่มาจากจีนได้อีกต่อไป ต้นทางของอาวุธบนโลกนี้ล้วนต้องใช้ชิปชั้นสูงควบคุม จีนตีโจทย์แตก เจาะหัวใจเหี้ยโดยตรง! รัสเซีย โชว์ซาตาน 2 พร้อมชนเหี้ย ระบุชัด ไม่ได้มีไว้โชว์ ใครอยากลองของ เชิญเข้ามาได้! ยิ่งตอนนี้หลังบ้านเหี้ยมีฐานทัพรัสเซีย จีน อิหร่าน เต็มไปหมด มรึงถูกล้อมโดยไม่รู้ตัว? ด้วยไฮเปอร์โซนิค ไกลสุดโลกก็แค่ 15 นาที เวลาป้องกันตัวแทบไม่มีเหลือ? ยูเครนมันจบไปแล้ว NATO เสือกปุ๊บ กองทัพ Z รัสเซียจะรุกเข้ายุโรปทันที เค้ารอดอกนี้อยู่ ไอ้ควาย?หมี CNN(เข้าเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ใกล้สิ้นปี เหี้ยยิ่งตายเพิ่มขึ้นอีกเยอะ ขั้วการเมืองโลกจะเปลี่ยนไป โปรรัสเซียจะเพิ่มขึ้น เหี้ยจะเสียดินแดนทอดยาว และการเอาคืนของเครมลินจะเป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งโลก ปูตินเดินหน้า สีจิ้นผิงสั่งลุย อิหร่านเอาคืน โสมแดงจะนำร่อง อาเซียนจะคึกคัก กฎหมายจะชนะกฎหมา ความจริงจะปรากฎ ความชอบธรรมจะตามมา)01 ธันวาคม 6715.30 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    01-12-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.11จริงดิ? เหี้ยจนตรอก หมดท่า แบนรัสเซีย จีน ไม่ได้ผล หันมาคว่ำบาตรอาเซียนแทนสิน่ะ? ควายกว่านี้มีอีกมุย? มรึงมีเหี้ยอะไรที่กูจำเป็นต้องมี แล้วกูมีอะไรที่มรึงไม่เคยมี? ปัจจัย 4 อาเซียนครบถ้วน วันนี้ มรึงหนาวตายแล้วกี่ตัวล่ะ? อีขะแมร์ทรุด แต่โนแคร์ ยุโรปแบนกูเหรอ? มรึงไม่ได้ให้อะไรกูแดร๊ก นอกจากเอาเปรียบ อาเซียนอยู่ได้เพราะจีน รัสเซีย อุ้ม ยังต้องก้มหัวให้มรึงอีกเหรอ? เหี้ยทิ้งทวน เหี้ยไอสัส(ซิส)ใต้คราบกบฎซีเรีย ดาหน้าตายโหงแลกสนองตัณหานายใหญ่ รัสเซียจัดให้ อัสซาดจัดเต็ม นี่แผ่นดินใคร แค่กองโจรกระจอกริจะยึดแผ่นดิน ตายยกโคตรเหี้ยชัวร์? เหี้ยทิ้งทวนก่อนจาก ทั้งซีเรีย อิรัก เพราะเค้าไม่ปล่อยเหี้ยลอยนวลอีกแล้ว สงครามปิดเกมส์เริ่มทันที สื่อมั่วปั่นกันใหญ่ ของจริงตายอย่างหมา บ่อน้ำมันยึดคืนเรียบวุธ อะเรปโปเดือด บินทิ้งระเบิดรัสเซีย โกยแต้มชนะขาดลอย เหี้ยไอสัส(ซิส)ที่ข้ามมาจากฝั่งตรุกี ตายห่ายกขบวน 200 ตัวทันที รัสเซียได้รับอนุมัติจากรัฐบาลอัสซาดอย่างเป็นทางการแล้ว ฆ่าให้เกลี้ยง อย่าให้เหลือ? ปวดตับกับสื่อขี้ข้ายิว ยึดอะเรปโปเหรอจ๊ะ? กูเห็นแต่ซากเหี้ยตายเกลี้ยง กองกำลังต่างชาติที่แฝงเข้ามาคือ NATO เรื่องนี้มันต้องการเสี้ยมให้แอร์โดกันกับปูตินผิดใจกัน แผนฝ่ายค้านตุรกีขี้ข้าเหี้ย C เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ปูตินไม่สนดอกว่าใครสั่ง ใครหักใคร รู้แค่ ใครข้ามเข้ามาในอะเลปโป คือตายโหงสถานเดียว! ผบ.ทร.ไทย อยู่เป็น รู้งาน แค่เรือประมงไทยจม จับลูกเรือเป็นตัวประกัน มรึงจะใช้เป็นเหตุก่อสงครามเพื่อนบ้าน มันง่ายไปหน่อยมุย? มิน อ๋อง ลาย รู้ นี่คือมือที่ 3 รัฐบาลพม่าคุยตรงกองทัพไทย หลังควันจาง ถึงจะประเมินสถานการณ์ได้จริง เรือประมงไทยล้ำไปเขตน่านน้ำพม่าหรือไม่ แล้วเรือลาดตะเวรพม่าทำเกินกว่าเหตุรึเปล่า? ทุกอย่างพิสูจน์ได้ ตรวจสอบได้ ก่อนจะลงมือจัดการอะไรต่อไป นิ่งไว้ก่อน อย่าตกเป็นเหยื่อมือที่ 3 เกมส์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบังเอิญดอกน่ะ ในโลกหลังฉาก ประมงไทยขายชาติก็มี ใครจะรู้ว่า มรึงแอบตำลงอะไรกับฝั่งโน้นหรือไม่? ระดับกองทัพ ทุกอย่างต้องชัดเจน ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก มันคือ "กับดัก" ใครล่ะ ต้องการเสี้ยมไทย จะแมร์ พม่า ลาว เวียดนาม ผิดกันใจเสมอ? จุดปะทะ จุดพรมแดน มันกำหนดกติกาสากลอยู่แล้ว หากไม่ล้ำ แล้วมรึงทำเกินเหตุ ต้องมีคำตอบให้คนไทยได้เช่นกัน ไทยเราแกร่งกว่าพม่าเยอะ ต้องนิ่งให้เป็น อย่าถูกหลอกใช้ เช็คก่อนว่าประมงไทยจริงหรือไม่ ใครสวมรอยก่อสถานการณ์? แค่ละครเรียกเรตติ้ง เพราะไทยไม่เคยมองเห็นหัวกูเลย?พูดให้ชัดไปเลย! การศึกเหี้ยแพ้ยับ ทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง แล้วจะเล่นต่อยังไง? หันมาแปซิฟิค ของใหญ่กว่ารออยู่ จีนมีความพร้อมมากกว่ามรึง 100 เท่า ทำไม เค้าจะไม่รู้ว่า สู้กับเหี้ย ต้องทำอย่างไร? จีนถึงเปิดศึกการค้ารอบโลก เชื่อมโลจิสติค เพราะรู้ อ่านขาด มรึงเจาะอาเซียนแน่ แต่เค้ารอมรึงอยู่นานแล้ว จะเจาะอาเซียน ต้องอาศัยขี้ข้าหน้าโง่ยอมตาย อีปินส์ คือเหยื่อ อีขะแมร์คือแพะ มันถึงได้จับมือยุโรปล่ออีขะแมร์ เสี้ยมกองกำลังพม่าบางส่วนที่ขายตัวให้ CIA ยังจำได้มุย? เหตุการณ์ศึกรัฐฉาน โกกาง ใครสั่งสอนมิน อ่อง ลาย จีนพร้อมจะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่พม่า หากมรึงไม่รู้ตัวว่าสู้กับเหี้ยแค่ตาย แต่สู้กับจีน คือสิ้นชาติชัวร์? เหี้ยมันไม่ได้โง่ รู้ดีว่าหากจะเจาะอาเซียน ต้องใช้ขี้ข้าเหี้ย C ทำงาน ดังนั้น ทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจากนี้ เป็นฝีมือเหี้ย CIA ล้วนๆ เพื่อชักศึกเข้าบ้าน ไทยต้องไม่หลงกล! เพราะ BRICS เกิดแล้ว อาเซียนแห่เข้า นี่คือจุดตายที่อียิวเหี้ย ปล่อยไปไม่ได้อีก?เหตุการณ์ในไทย ที่เคลื่อนไหวทั้งหมด อยู่ในเกมส์ของเยรูซาเล็มทั้งสิ้น เงินจากยิว คำสั่งจากเหี้ย C เป้าหมายคือ แหล่งพลังงานทั้งหมดในอาเซียน และยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อเป็นปรปักษ์กับจีนและรัสเซียระยะยาว หากมองทะลุปรุโปร่ง จะรู้ดีว่า วังไทยฉลาดล้ำลึก เมื่อเกมส์ระดับโลกมาเยือน เราไม่จำเป็นต้องออกตัว ออกแรงสู้ฝ่ายเดียว วังวางแผนเชื่อมสัมพันธุ์ผูกมิตรจีน รัสเซีย มาตั้งแต่ยุคพ่อร.3 เพราะรู้ถึงกาลล่วงหน้าว่า อิทธิพลตะวันตกจะเข้ามากลืนกินแผ่นดินทอง จีน เน้นการค้า รัสเซีย เน้นส่งออกพลังงาน แต่หากไทยเราตกไปอยู่ในมือเหี้ย รัสเซีย จีน จะเป็นภัยมหันต์ ด้านการศึกจำเป็นต้องมีรัสเซียช่วย ด้านการค้า ปากท้อง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การเงิน การคลัง จำเป็นต้องมีจีนช่วย สู้กับเหี้ยยุคใหม่ มันต้องใช้ปัญญา และความจริง ความชอบธรรม เรามีหน้าที่จัดการเรื่องภายใน ส่วนเรื่องภายนอก ภัยความมั่นคง จะเป็นหน้าที่รัสเซีย จีน ที่สอดส่องดูแลให้ ดังนั้น ไทยคือตัวแทนอาเซียนทั้งหมด หากเราล้ม อาเซียนจะล้มทั้งหมด ซึ่งไม่มีทางจะเกิดขึ้น!อีกก้าว! จุดตัด สัญญานเสี่ยง หลังรัสเซียโชว์ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคพิสัยกลางและไกลตัวล่าสุด "โอเรชนิก" มันคือคำเตือนถึงยุโรป อเมริกา โดยตรง บีบให้อีกฝั่งดิ้นพล่าน เตรียมเปิดศึกใหญ่ แต่ขาดปัจจัยเยอะ เพราะเจ๊งกันถ้วนหน้า นี่คือโอกาสทอง ที่จีน รัสเซีย จะรุกคืบโลก ดึงพันธมิตรทั้งโลก และดึงขี้ข้าเหี้ยให้ย้ายขั้วก่อนแพจะแตก แปซิฟิคคือ "กับดัก" จีนจะเปิดหน้าแลกอเมริกาได้ ต้องให้เหี้ยมันเข้ามางับเหยื่อก่อน ประเด็นไต้หวัน คือจุดฉนวนล่อวอชิงตัน อลาสก้ามีการเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ รัสเซียจะเข้าประชิดรุกพื้นที่ทันที นั่นแปลว่า ทั้งจีน รัสเซีย มองขาด ต้องปะทะเท่านั้น ถึงจะได้กินรวบ! ปิดเกมส์คือต้องเหลือฝ่ายเดียว อีทรัมปป์มาปากบอกไม่สู้ แต่เบื้องหลัง มันสู้โดยใช้ขี้ข้าไปตายห่าแทนให้หมด อีโง่ยุโรปจะสิ้นเผ่าพันธุ์ก็งานนี้ อเมริกาจะไม่ใช้นุ๊กกับรัสเซีย จีน เพราะรู้ดีว่า หลังยิงออกไปแล้ว ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ใครจะโง่ สิ้นชาติ สูญพันธุ์เพื่อขี้ข้ากันล่ะ? จะบอกว่า จีน รัสเซีย อิหร่าน เปิดเมื่อไหร่ ศรีธนญชัยก็จะเปิดหน้าพร้อมกันหมดทั้งอาเซียน ปล.จุดแตกหัก! ทางเลือก สุดทางแล้ว? โลกต้องเลือก จะอยู่กับคน หรือจะอยู่เหี้ย? ไม่ต้องตอบก็รู้? ทั้งโลกเลือกอยู่กับ BRICS มีแต่ขี้ข้าและเหี้ยเท่านั้น ที่ยังจะงมโข่งดอลล่าร์ต่อ สุดท้าย ผู้ชนะมีเพียง 1 เดียว ผู้แพ้ ก็ต้องโยกย้ายถิ่นฐาน อเมริกาไม่สามารถรักษาแผลลึกได้อีกแล้ว แตก ล่มสลายไปตามกาลเวลา อาหรับ เอเซีย ช้อนซื้อกันเมามันส์ ก่อนอียิวจะไปตั้งรัฐยิวใหม่ มันต้องทิ้งทวน และสิ่งนี้ อาจจะทำให้เผ่าพันธุ์ยิวต้องถูกไล่ล่าอีก 100 ปี หลังจบศึกครูเสด เปอร์เซีย อาหรับครอบครอง ดินแดนคานาอันโดยสมบูรณ์ ด้านอีขะแมร์ยังไม่รู้ตัว ทุนจีนถอนตัว ไม่สร้างขุดคลองฟูนันเตโช เพราะมรึงไม่ใช่ฮับที่เค้าวางเอาไว้ มรึงไม่ใช่ศูนย์กลางโลจิสติค มรึงไม่มีศักยภาพพอ มรึงไม่มีจุดขายและยืดหยุ่น มรึงไม่มีราคา ไม่สามารถดันแจ้งเกิดให้คุ้มค่าได้ จากนี้ จีนเตรียมส่งสัญญานขยายฐานในอาเซียน เตรียมประกาศผนวกไต้หวันเป็นส่วนนึงของจีน โดยที่เหี้ยจะไม่สามารถเอากลับมาใช้งานได้อีก ตรงกันข้าม จีนกำลังเจาะไข่แดงวอชิงตัน เจาะหลังบ้านเหี้ย มรึงไปเสี้ยมเค้าถึงแปซิฟิคได้ ทำไมจีนจะย้อนเกล็ดมรึงกลับบ้างไม่ได้ ล่าสุด จีนไปถึงชิป 3 นาโนแล้ว แปลว่านวตกรรมใหม่โลกอนาคตอยู่ในมือจีน บริษัทผลิตชิปโลกที่เหี้ยต้องอาศัยไต้หวันกำลังจะถึงทางตัน แหล่งแร่สำคัญหายากอยู่ในมือจีนหมด จีนจะไม่ปล่อยให้เหี้ยใช้ชิปที่มาจากจีนได้อีกต่อไป ต้นทางของอาวุธบนโลกนี้ล้วนต้องใช้ชิปชั้นสูงควบคุม จีนตีโจทย์แตก เจาะหัวใจเหี้ยโดยตรง! รัสเซีย โชว์ซาตาน 2 พร้อมชนเหี้ย ระบุชัด ไม่ได้มีไว้โชว์ ใครอยากลองของ เชิญเข้ามาได้! ยิ่งตอนนี้หลังบ้านเหี้ยมีฐานทัพรัสเซีย จีน อิหร่าน เต็มไปหมด มรึงถูกล้อมโดยไม่รู้ตัว? ด้วยไฮเปอร์โซนิค ไกลสุดโลกก็แค่ 15 นาที เวลาป้องกันตัวแทบไม่มีเหลือ? ยูเครนมันจบไปแล้ว NATO เสือกปุ๊บ กองทัพ Z รัสเซียจะรุกเข้ายุโรปทันที เค้ารอดอกนี้อยู่ ไอ้ควาย?หมี CNN(เข้าเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ใกล้สิ้นปี เหี้ยยิ่งตายเพิ่มขึ้นอีกเยอะ ขั้วการเมืองโลกจะเปลี่ยนไป โปรรัสเซียจะเพิ่มขึ้น เหี้ยจะเสียดินแดนทอดยาว และการเอาคืนของเครมลินจะเป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งโลก ปูตินเดินหน้า สีจิ้นผิงสั่งลุย อิหร่านเอาคืน โสมแดงจะนำร่อง อาเซียนจะคึกคัก กฎหมายจะชนะกฎหมา ความจริงจะปรากฎ ความชอบธรรมจะตามมา)01 ธันวาคม 6715.30 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขู่ BRICS! "ทรัมป์" ลั่นใครทิ้งดอลลาร์ เจอขึ้นภาษี 100%
    .
    วันนี้ (1 ธ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดียของตัวเองโดยระบุถึงสถานการณ์ทีประเทศในกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่นำโดย จีน รัสเซีย บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ พยายามลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าขาย โดยทรัมป์ระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อกลุ่มประเทศเหล่านี้
    .
    "จากแนวคิดของกลุ่มประเทศ BRICS ที่กำลังมีความพยายามในการเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น สหรัฐฯ จะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป เราต้องการคำมั่นสัญญาจากประเทศเหล่านี้ว่าพวกเขาจะไม่สร้างสกุลเงิน BRICS ขึ้นมาใหม่ หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นใดเพื่อมาแทนที่ ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เกรียงไกร (mighty dollar) มิฉะนั้น พวกเขาจะต้องเผชิญภาษีนำเข้า 100%" ทรัมป์ระบุ
    .
    นอกจากนี้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2568 ยังระบุด้วยว่า นอกจากนี้หากยังดื้อดึงประเทศเหล่านี้ จะต้องโบกมือลาการขายสินค้าให้กับเศรษฐกิจอันยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ โดยพวกเขาสามารถไปหา "พวกห่วยแตก (sucker)" รายอื่นแทนได้ แต่ไม่มีโอกาสที่เงินสกุล BRICS จะมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าระหว่างประเทศ และประเทศใดก็ตามที่พยายามทำอย่างนั้นก็ควรโบกมือลาสหรัฐอเมริกาไปเสีย
    .
    ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ในการประชุม BRICS Summit 2024 จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการออกแถลงการณ์ที่ชื่อว่า “ปฏิญญาคาซาน” (Kazan Declaration) โดย แถลงการณ์ดังกล่าวมีมติรับ “พันธมิตรหุ้นส่วน (Partner Countries)” จำนวน 13 ประเทศ แม้ว่ายังไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มตัว แต่จะเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้นในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดวางตำแหน่งทางการเมือง ประกอบด้วยอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและเวียดนาม รวมถึงแอลจีเรีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา คาซัคสถาน ไนจีเรีย ทูร์เคีย ยูกันดา และอุซเบกิสถานด้วย
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000115463
    ขู่ BRICS! "ทรัมป์" ลั่นใครทิ้งดอลลาร์ เจอขึ้นภาษี 100% . วันนี้ (1 ธ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดียของตัวเองโดยระบุถึงสถานการณ์ทีประเทศในกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่นำโดย จีน รัสเซีย บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ พยายามลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าขาย โดยทรัมป์ระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อกลุ่มประเทศเหล่านี้ . "จากแนวคิดของกลุ่มประเทศ BRICS ที่กำลังมีความพยายามในการเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น สหรัฐฯ จะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป เราต้องการคำมั่นสัญญาจากประเทศเหล่านี้ว่าพวกเขาจะไม่สร้างสกุลเงิน BRICS ขึ้นมาใหม่ หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นใดเพื่อมาแทนที่ ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เกรียงไกร (mighty dollar) มิฉะนั้น พวกเขาจะต้องเผชิญภาษีนำเข้า 100%" ทรัมป์ระบุ . นอกจากนี้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2568 ยังระบุด้วยว่า นอกจากนี้หากยังดื้อดึงประเทศเหล่านี้ จะต้องโบกมือลาการขายสินค้าให้กับเศรษฐกิจอันยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ โดยพวกเขาสามารถไปหา "พวกห่วยแตก (sucker)" รายอื่นแทนได้ แต่ไม่มีโอกาสที่เงินสกุล BRICS จะมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าระหว่างประเทศ และประเทศใดก็ตามที่พยายามทำอย่างนั้นก็ควรโบกมือลาสหรัฐอเมริกาไปเสีย . ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ในการประชุม BRICS Summit 2024 จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการออกแถลงการณ์ที่ชื่อว่า “ปฏิญญาคาซาน” (Kazan Declaration) โดย แถลงการณ์ดังกล่าวมีมติรับ “พันธมิตรหุ้นส่วน (Partner Countries)” จำนวน 13 ประเทศ แม้ว่ายังไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มตัว แต่จะเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้นในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดวางตำแหน่งทางการเมือง ประกอบด้วยอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและเวียดนาม รวมถึงแอลจีเรีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา คาซัคสถาน ไนจีเรีย ทูร์เคีย ยูกันดา และอุซเบกิสถานด้วย . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000115463
    SONDHITALK.COM
    ขู่ BRICS! "ทรัมป์" ใครทิ้งดอลลาร์ เจอขึ้นภาษี 100%
    วันนี้ (1 ธ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดียของตัวเองโดยระบุถึงสถานการณ์ทีประเทศในกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่นำโดย จีน รัสเซีย บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ พยายามลดการใช้เงินดอลลาร์สหร
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 1 รีวิว
  • 30/11/67

    สงคราม 16 วัน จีนบุกโจมตีเวียดนาม เมื่อ พ.ศ.2521
    ความจริง ที่ต้องบอกต่อ...ให้ลูกหลาน ทั้งประเทศ ได้รับรู้ไว้
    หลังจากที่สหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามได้ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ อันทันสมัยไว้มากมาย ทั้งเครื่องบินรบ รถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธประจำกาย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดของโลกในขณะนั้น
    ทำให้กองทัพเวียดนามแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก
    ทหารเวียดนาม จึงมีความกระหายสงครามเป็นอย่างยิ่ง ประกาศยึดลาว กัมพูชา และ ไทยต่อทันที ในเวลาเพียงไม่นาน ทั้งลาวและกัมพูชา ก็ตกเป็นของเวียดนาม
    นายพลโว เหงียนเกี๊ยบ ผู้บัญชาการกองทัพเวียดนามเจ็บแค้นมาก ที่ไทยยอมให้สหรัฐอเมริกา มาตั้งฐานทัพ และใช้เครื่องบินรบ บินขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภา และสนามบินใน จ.อุบลราชธานี ขนระเบิดไปถล่มเวียดนามนับหมื่นเที่ยวบิน
    กองทัพเวียดนามขนอาวุธทุกชนิดที่มี รถถังจำนวนมาก มาประชิดชายแดนไทยเป็นแนวยาวหลายร้อยกิโลเมตร นายพลเวียดนามประกาศว่า จะนำทหารเข้าไปกินข้าวที่กรุงเทพฯ ให้ได้ภายใน 3 วัน
    นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น คือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เรียกประชุมด่วน และขอให้ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาว่า เรากำลังจะถูกเวียดนามบุก
    สหรัฐอเมริกา ตอบกลับมาว่า ขอให้เราช่วยตัวเอง เพราะสหรัฐเพิ่งถอนทัพจากเวียดนาม ไม่อาจช่วยอะไรได้อีกต่อไป รัฐบาลไทย จึงได้ขอใช้อาวุธ ที่ยังตกค้างอยู่ที่ไทย สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ไทยใช้อาวุธของอเมริกัน ที่ตกค้างจากสงครามและฝากเก็บไว้ในดินแดนไทย
    หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เรียกประชุมผู้นำเหล่าทัพทันที และถามในที่ประชุมว่า ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ตอนนี้ เราจะสู้เวียดนามได้กี่วัน .... ผู้บัญชาการทหารของกองทัพไทยตอบว่าประมาณ 4 วัน (มากกว่าที่นายพลเวียดนามบอกไว้ 1 วัน)
    หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ หันไปบอกกับพลเอกชาติชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า.....เราต้องรีบไปจีนด่วนที่สุด....
    หลังจากนั้นไม่นาน ผู้นำไทยก็ได้เข้าพบ “โจวเอินไหล” นายกรัฐมนตรีของจีน ประโยคแรก ที่โจวเอินไหล ทักทายพลเอกชาติชายคือ “เป็นไงบ้างหลานรัก” (พ่อของพลเอกชาติชาย คือ พลเอกผิน เป็นเพื่อนร่วมรบกับโจวเอินไหลในครั้งสงครามเชียงตุง)
    การเชื่อมความสัมพันธ์เป็นไปอย่างชี่นมื่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราไปให้ความสำคัญกับไต้หวันมากกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ รับรองไต้หวันเป็นประเทศ แต่โจว เอิน ไหลไม่คิดมาก และ ยังเปิดโอกาสให้ได้พบกับ “เหมาเจ๋อตุง” ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ และ “เติ้ง เสี่ยวผิง” รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็นผู้นำจีนรุ่นต่อไป
    เวียดนามวุ่นวายกับลาวและกัมพูชาอยู่ 2 ปี ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2521 เวียดนามยกกำลังพล 400,000 นาย พร้อมอาวุธทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เตรียมบุกไทย
    ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ พันเอกชวลิต ยงใจยุทธ เดินทางไปจีน เพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ มรว.คึกฤทธิ์ได้กรุยทางไว้
    เสนาธิการทหารของจีนประชุมกันและแนะนำว่า ควรปล่อยให้เวียดนามบุกเข้ายึดกรุงเทพฯ ก่อน แล้วค่อยส่งกองทัพจีนตามไปปลดแอกให้ แต่
    เติ้งเสี่ยวผิง ลุกขึ้นตบโต๊ะในที่ประชุม แล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ช่วยเหลือมิตร ต้องช่วยให้ทันการณ์"
    เดือนพฤศจิกายน 2521 เติ้งเสี่ยวผิง เดินทางมาดูสถานการณ์ที่ประเทศไทย และรีบกลับไปทันที หลังจากนั้น 2 เดือน ในเดือนมกราคม 2522 กองทัพจีนพร้อมกำลังพล 500,000 นาย รถถัง 5,000 คัน เครื่องบิน 1,200 ลำ ได้เปิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม
    กองทัพจีน เข้าตีทางภาคเหนือของเวียดนามอย่างรุนแรง เวียดนามรีบถอนทัพที่ประชิดชายแดนไทย กลับไปรับศึกจีน จีนรุกไปถึงฮานอย จนทหารเวียดนามเสียชีวิตประมาณ 50,000 นาย แต่ทหารจีนก็เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่ากัน
    เวียตนามเสียหายหนัก
    ทัพเวียตนามต้องถอยร่นถึงชานเมืองฮานอยโดยใช้เวลาทั้งหมดเพียง 16 วัน จีนจึงหยุดตีเวีนตนาม และถอนทัพกลับ

    ย้อนไปนานกว่านั้น เมื่อครั้งปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาอยุธยาแตกเสียกรุงให้พม่า
    ราชสำนักชิง รีบส่งข้าหลวง ลงเรือสำเภามาดูสถานการณ์ในไทย และ ให้รายงานต่อราชสำนักทางปักกิ่ง อยู่ตลอดเวลา ในบันทึกภาษาจีนเขียนไว้ว่า จักรพรรดิเฉียนหลง ทรงประสงค์จะรู้ข่าวคราว ของสยามถึงขนาดกระวนกระวาย เรียกประชุมกลางดึกหลายครั้ง จะเห็นได้ว่า จักรพรรดิจีนทรงให้ความสำคัญกับสยามเพียงใด
    ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ชิงได้บันทึกถึง ครั้งที่จีนยกทัพตีภาคเหนือของพม่าไว้ว่า ขณะที่กองทัพจีนบุกพม่า จักรพรรดิเฉียนหลง ได้ทรงติดต่อกับ “เจิ้งเจา” (สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ) หลายครั้ง ดังนั้น
    ข้อสงสัยที่ว่า จีนยกทัพตีพม่า ก็เพื่อดึงทัพของเนเมียวสีหบดีกลับไป ย่อมจะเป็นจริงเพราะถ้าทัพใหญ่ของพม่า ยังคงอยู่ที่อยุธยา กองทัพพระเจ้าตากฯ ซึ่งมีทหารเพียงหลักพันนายเท่านั้น ย่อมไม่มีทางจะเอาชนะทหารพม่าที่มีเป็นหมื่นเป็นแสนได้เลย และ ชาติไทยก็อาจจะหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบันก็ได้
    ........ ตลอดระยะเวลาเป็นร้อยๆปี ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าจีนให้ความสำคัญกับไทยมากๆ ในฐานะมิตรประเทศที่มีความผูกพันอย่างแนบแน่น
    (ประเทศไทยมีคนจีนย้ายถิ่นฐานมาอาศัยมากที่สุดในโลก)
    นี่คือคุณูปการที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายทำเพื่อความอยู่รอดของเมืองไทย ที่คนรุ่นหลังไม่สนใจที่จะเรียนรู้
    ไม่ต้องรบ สยบด้วยการฑูตประเสริฐที่สุด

    ประเทศจีนช่วยเหลือประเทศไทย
    ด้วยความจริงใจ ไม่เคยคาดหวังค่าตอบแทนจากไทย ยกเว้นมิตรภาพ
    ประเทศไทยมีชาวจีนอพยพ
    มาอาศัยมากทีีสุดในโลก
    มากกว่า มาเลเซีย
    มากกว่า สิงคโปร์
    มากกว่า อินโดนีเซีย
    ดังนั้น ไทยจึงเปรียบเสมือนน้องของจีน

    ขอขอบพระคุณ
    ทันตแพทย์ สม สุจีรา ครับ
    ที่ท่านนำสาระดีๆมาให้อ่าน

    ถ่ายทอดโดย
    นายบัวสอน ประชามอญ

    โปรดแชร์ต่อถ้าเห็นว่ามีสาระดี
    30/11/67 สงคราม 16 วัน จีนบุกโจมตีเวียดนาม เมื่อ พ.ศ.2521 ความจริง ที่ต้องบอกต่อ...ให้ลูกหลาน ทั้งประเทศ ได้รับรู้ไว้ หลังจากที่สหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามได้ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ อันทันสมัยไว้มากมาย ทั้งเครื่องบินรบ รถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธประจำกาย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดของโลกในขณะนั้น ทำให้กองทัพเวียดนามแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก ทหารเวียดนาม จึงมีความกระหายสงครามเป็นอย่างยิ่ง ประกาศยึดลาว กัมพูชา และ ไทยต่อทันที ในเวลาเพียงไม่นาน ทั้งลาวและกัมพูชา ก็ตกเป็นของเวียดนาม นายพลโว เหงียนเกี๊ยบ ผู้บัญชาการกองทัพเวียดนามเจ็บแค้นมาก ที่ไทยยอมให้สหรัฐอเมริกา มาตั้งฐานทัพ และใช้เครื่องบินรบ บินขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภา และสนามบินใน จ.อุบลราชธานี ขนระเบิดไปถล่มเวียดนามนับหมื่นเที่ยวบิน กองทัพเวียดนามขนอาวุธทุกชนิดที่มี รถถังจำนวนมาก มาประชิดชายแดนไทยเป็นแนวยาวหลายร้อยกิโลเมตร นายพลเวียดนามประกาศว่า จะนำทหารเข้าไปกินข้าวที่กรุงเทพฯ ให้ได้ภายใน 3 วัน นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น คือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เรียกประชุมด่วน และขอให้ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาว่า เรากำลังจะถูกเวียดนามบุก สหรัฐอเมริกา ตอบกลับมาว่า ขอให้เราช่วยตัวเอง เพราะสหรัฐเพิ่งถอนทัพจากเวียดนาม ไม่อาจช่วยอะไรได้อีกต่อไป รัฐบาลไทย จึงได้ขอใช้อาวุธ ที่ยังตกค้างอยู่ที่ไทย สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ไทยใช้อาวุธของอเมริกัน ที่ตกค้างจากสงครามและฝากเก็บไว้ในดินแดนไทย หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เรียกประชุมผู้นำเหล่าทัพทันที และถามในที่ประชุมว่า ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ตอนนี้ เราจะสู้เวียดนามได้กี่วัน .... ผู้บัญชาการทหารของกองทัพไทยตอบว่าประมาณ 4 วัน (มากกว่าที่นายพลเวียดนามบอกไว้ 1 วัน) หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ หันไปบอกกับพลเอกชาติชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า.....เราต้องรีบไปจีนด่วนที่สุด.... หลังจากนั้นไม่นาน ผู้นำไทยก็ได้เข้าพบ “โจวเอินไหล” นายกรัฐมนตรีของจีน ประโยคแรก ที่โจวเอินไหล ทักทายพลเอกชาติชายคือ “เป็นไงบ้างหลานรัก” (พ่อของพลเอกชาติชาย คือ พลเอกผิน เป็นเพื่อนร่วมรบกับโจวเอินไหลในครั้งสงครามเชียงตุง) การเชื่อมความสัมพันธ์เป็นไปอย่างชี่นมื่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราไปให้ความสำคัญกับไต้หวันมากกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ รับรองไต้หวันเป็นประเทศ แต่โจว เอิน ไหลไม่คิดมาก และ ยังเปิดโอกาสให้ได้พบกับ “เหมาเจ๋อตุง” ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ และ “เติ้ง เสี่ยวผิง” รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็นผู้นำจีนรุ่นต่อไป เวียดนามวุ่นวายกับลาวและกัมพูชาอยู่ 2 ปี ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2521 เวียดนามยกกำลังพล 400,000 นาย พร้อมอาวุธทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เตรียมบุกไทย ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ พันเอกชวลิต ยงใจยุทธ เดินทางไปจีน เพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ มรว.คึกฤทธิ์ได้กรุยทางไว้ เสนาธิการทหารของจีนประชุมกันและแนะนำว่า ควรปล่อยให้เวียดนามบุกเข้ายึดกรุงเทพฯ ก่อน แล้วค่อยส่งกองทัพจีนตามไปปลดแอกให้ แต่ เติ้งเสี่ยวผิง ลุกขึ้นตบโต๊ะในที่ประชุม แล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ช่วยเหลือมิตร ต้องช่วยให้ทันการณ์" เดือนพฤศจิกายน 2521 เติ้งเสี่ยวผิง เดินทางมาดูสถานการณ์ที่ประเทศไทย และรีบกลับไปทันที หลังจากนั้น 2 เดือน ในเดือนมกราคม 2522 กองทัพจีนพร้อมกำลังพล 500,000 นาย รถถัง 5,000 คัน เครื่องบิน 1,200 ลำ ได้เปิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม กองทัพจีน เข้าตีทางภาคเหนือของเวียดนามอย่างรุนแรง เวียดนามรีบถอนทัพที่ประชิดชายแดนไทย กลับไปรับศึกจีน จีนรุกไปถึงฮานอย จนทหารเวียดนามเสียชีวิตประมาณ 50,000 นาย แต่ทหารจีนก็เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่ากัน เวียตนามเสียหายหนัก ทัพเวียตนามต้องถอยร่นถึงชานเมืองฮานอยโดยใช้เวลาทั้งหมดเพียง 16 วัน จีนจึงหยุดตีเวีนตนาม และถอนทัพกลับ ย้อนไปนานกว่านั้น เมื่อครั้งปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาอยุธยาแตกเสียกรุงให้พม่า ราชสำนักชิง รีบส่งข้าหลวง ลงเรือสำเภามาดูสถานการณ์ในไทย และ ให้รายงานต่อราชสำนักทางปักกิ่ง อยู่ตลอดเวลา ในบันทึกภาษาจีนเขียนไว้ว่า จักรพรรดิเฉียนหลง ทรงประสงค์จะรู้ข่าวคราว ของสยามถึงขนาดกระวนกระวาย เรียกประชุมกลางดึกหลายครั้ง จะเห็นได้ว่า จักรพรรดิจีนทรงให้ความสำคัญกับสยามเพียงใด ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ชิงได้บันทึกถึง ครั้งที่จีนยกทัพตีภาคเหนือของพม่าไว้ว่า ขณะที่กองทัพจีนบุกพม่า จักรพรรดิเฉียนหลง ได้ทรงติดต่อกับ “เจิ้งเจา” (สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ) หลายครั้ง ดังนั้น ข้อสงสัยที่ว่า จีนยกทัพตีพม่า ก็เพื่อดึงทัพของเนเมียวสีหบดีกลับไป ย่อมจะเป็นจริงเพราะถ้าทัพใหญ่ของพม่า ยังคงอยู่ที่อยุธยา กองทัพพระเจ้าตากฯ ซึ่งมีทหารเพียงหลักพันนายเท่านั้น ย่อมไม่มีทางจะเอาชนะทหารพม่าที่มีเป็นหมื่นเป็นแสนได้เลย และ ชาติไทยก็อาจจะหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบันก็ได้ ........ ตลอดระยะเวลาเป็นร้อยๆปี ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าจีนให้ความสำคัญกับไทยมากๆ ในฐานะมิตรประเทศที่มีความผูกพันอย่างแนบแน่น (ประเทศไทยมีคนจีนย้ายถิ่นฐานมาอาศัยมากที่สุดในโลก) นี่คือคุณูปการที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายทำเพื่อความอยู่รอดของเมืองไทย ที่คนรุ่นหลังไม่สนใจที่จะเรียนรู้ ไม่ต้องรบ สยบด้วยการฑูตประเสริฐที่สุด ประเทศจีนช่วยเหลือประเทศไทย ด้วยความจริงใจ ไม่เคยคาดหวังค่าตอบแทนจากไทย ยกเว้นมิตรภาพ ประเทศไทยมีชาวจีนอพยพ มาอาศัยมากทีีสุดในโลก มากกว่า มาเลเซีย มากกว่า สิงคโปร์ มากกว่า อินโดนีเซีย ดังนั้น ไทยจึงเปรียบเสมือนน้องของจีน ขอขอบพระคุณ ทันตแพทย์ สม สุจีรา ครับ ที่ท่านนำสาระดีๆมาให้อ่าน ถ่ายทอดโดย นายบัวสอน ประชามอญ โปรดแชร์ต่อถ้าเห็นว่ามีสาระดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇩🇪"ฉันเคยอยู่เมืองนี้อยู่ทางตอนเหนือของเยอรมันนี คนมีวินัยสูงตรงต่อเวลาไม่รับฟังข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น มีชีวิตเหมือนหุ่นยนตร์ วางแผนชีวิตครั้งล่ะเป็นปีถึงหลายปีสะอาดเงียบบางครั้งดูน่ากลัว คนหายเยอะมากๆตามถนนไม่ค่อยมีคนเดินทำแต่งานๆๆ "นาซียังมีอยู่ขวาจัด" เขามองว่าฉันเป็นคนเวียดนามๆอพยพมาอยู่เยอะกระมั้งแต่ฉันก็เฉยๆนิ่งดีกว่า ก็ได้ประสบการณ์ชีวิตอีกแบบนึงจริงๆฉันก็ชอบนะสงบเงียบเป็นส่วนตัวดีเพราะฉันเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงต่างประเทศเขาก็ไม่ยุ่งกันอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่"เรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีการใช้ชีวิต6โมงเย็นทุกอย่างก็ปิดหมด ยกเว้นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ไปฝึกงานปิด4ทุ่มแต่ฉันทำแค่5โมงเย็นเขาจ้างเป็นชั่วโมง นอกจากคนเยอะมากจริงๆถึงจะให้อยู่ต่อถึงร้านปิด"อยู่เมืองนอกต้องขยันอดทนทำงานได้หลายๆหน้าที่ บอกเลยโคตรเหนื่อยแต่ก็สนุกดีมีเพื่อนๆดีเป็นนักศึกษาแพทย์มาทำงานพารท์ไทม์ด้วยกันคอยช่วยเหลือกัน#อยู่ไหนก็ไม่สบายและมีความสุขเท่าประเทศไทยหรอก🇹🇭❤🥰"ได้เป็นมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนตร์😅
    🇩🇪"ฉันเคยอยู่เมืองนี้อยู่ทางตอนเหนือของเยอรมันนี คนมีวินัยสูงตรงต่อเวลาไม่รับฟังข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น มีชีวิตเหมือนหุ่นยนตร์ วางแผนชีวิตครั้งล่ะเป็นปีถึงหลายปีสะอาดเงียบบางครั้งดูน่ากลัว คนหายเยอะมากๆตามถนนไม่ค่อยมีคนเดินทำแต่งานๆๆ "นาซียังมีอยู่ขวาจัด" เขามองว่าฉันเป็นคนเวียดนามๆอพยพมาอยู่เยอะกระมั้งแต่ฉันก็เฉยๆนิ่งดีกว่า ก็ได้ประสบการณ์ชีวิตอีกแบบนึงจริงๆฉันก็ชอบนะสงบเงียบเป็นส่วนตัวดีเพราะฉันเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงต่างประเทศเขาก็ไม่ยุ่งกันอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่"เรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีการใช้ชีวิต6โมงเย็นทุกอย่างก็ปิดหมด ยกเว้นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ไปฝึกงานปิด4ทุ่มแต่ฉันทำแค่5โมงเย็นเขาจ้างเป็นชั่วโมง นอกจากคนเยอะมากจริงๆถึงจะให้อยู่ต่อถึงร้านปิด"อยู่เมืองนอกต้องขยันอดทนทำงานได้หลายๆหน้าที่ บอกเลยโคตรเหนื่อยแต่ก็สนุกดีมีเพื่อนๆดีเป็นนักศึกษาแพทย์มาทำงานพารท์ไทม์ด้วยกันคอยช่วยเหลือกัน#อยู่ไหนก็ไม่สบายและมีความสุขเท่าประเทศไทยหรอก🇹🇭❤🥰"ได้เป็นมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนตร์😅
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาธิปไตย4วินาทีนอกนั้นเผด็จการประชาชนหย่อนบัตรเลือกตั้งแค่นั้น...ต่อจากนั้นไม่เคยเห็นหัวประชาชนเลยคนไทยต้องทนอยู่กับระบอบแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหนจากรุ่นสู่รุ่นงั้นหรือ???เห็นมีแต่ผลประโยชน์นักการเมืองทั้งนั้น"คนไทยตกงานเลิกจ้างย้ายฐานไปเวียดนาม "ทรัพยากรในอ่าวไทย"@เกาะกูดปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละไม่ต้องดูดขึ้นมาหรอกคนไทยไม่เคยได้ผลประโยชน์อะไรน้ำมันขุดในไทยอิงราคาตลาดโลกไฟฟ้าผลิตเกินความต้องการของคนไทยเหลือจนล้นต้องขายให้เพื่อนบ้านในราคาถูกกว่าคนไทยเสียอีก😔คนไทยใช้แพงกว่าเพื่อนบ้านอีกนี่มันอะไรกัน"ปตท.กำไรปีๆหนึ่งเท่าไหร่...สงสารคนชาติเดียวกันบ้างไหมกำลังจะตายกันหมดแล้วว่างงาน,ปลดพนักงานกันทั่วประเทศ นี่หรืออยู่ดีกินดีมีศักดิ์ศรี👎"ไม่มีแล้วคนจนเพราะคนจนจะตายหมดไง🤷‍♀️##@พอเหอะ"MOU44,JC44"อะไรเจรจาทำไมของประเทศไทย100%จะไปแบ่ง50/50อะไร"บันทึกความเข้าใจระหว่างคนสองคนไม่ได้ผ่านสภามันโมฆะตั้งแต่ต้นไปดู@"พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านเขียนไว้ว่าอย่างไร?เจรจาในกรอบทะเลสากลรอบเกาะกูด12ไมล์ทะเลและไหล่ทวีปอีก24ไมล์ทะเลของประเทศไทย จะเจรจาในกรอบอะไรเขมรก็ไม่ได้อยู่ในสนธิสัญญาอยู่แล้วใครทำก็ผิด⚖🧲📣
    ประชาธิปไตย4วินาทีนอกนั้นเผด็จการประชาชนหย่อนบัตรเลือกตั้งแค่นั้น...ต่อจากนั้นไม่เคยเห็นหัวประชาชนเลยคนไทยต้องทนอยู่กับระบอบแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหนจากรุ่นสู่รุ่นงั้นหรือ???เห็นมีแต่ผลประโยชน์นักการเมืองทั้งนั้น"คนไทยตกงานเลิกจ้างย้ายฐานไปเวียดนาม "ทรัพยากรในอ่าวไทย"@เกาะกูดปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละไม่ต้องดูดขึ้นมาหรอกคนไทยไม่เคยได้ผลประโยชน์อะไรน้ำมันขุดในไทยอิงราคาตลาดโลกไฟฟ้าผลิตเกินความต้องการของคนไทยเหลือจนล้นต้องขายให้เพื่อนบ้านในราคาถูกกว่าคนไทยเสียอีก😔คนไทยใช้แพงกว่าเพื่อนบ้านอีกนี่มันอะไรกัน"ปตท.กำไรปีๆหนึ่งเท่าไหร่...สงสารคนชาติเดียวกันบ้างไหมกำลังจะตายกันหมดแล้วว่างงาน,ปลดพนักงานกันทั่วประเทศ นี่หรืออยู่ดีกินดีมีศักดิ์ศรี👎"ไม่มีแล้วคนจนเพราะคนจนจะตายหมดไง🤷‍♀️##@พอเหอะ"MOU44,JC44"อะไรเจรจาทำไมของประเทศไทย100%จะไปแบ่ง50/50อะไร"บันทึกความเข้าใจระหว่างคนสองคนไม่ได้ผ่านสภามันโมฆะตั้งแต่ต้นไปดู@"พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านเขียนไว้ว่าอย่างไร?เจรจาในกรอบทะเลสากลรอบเกาะกูด12ไมล์ทะเลและไหล่ทวีปอีก24ไมล์ทะเลของประเทศไทย จะเจรจาในกรอบอะไรเขมรก็ไม่ได้อยู่ในสนธิสัญญาอยู่แล้วใครทำก็ผิด⚖🧲📣
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อความโลภบังตา ยามชราก็ต้องนอนตาราง
    ประเทศไทยในเวลานี้มีเรื่องราวที่วุ่นวาย ชวนหนหวยกันเยอะมาก ล่าสุด เกิดคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ ของหมอบุญ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรีที่คาดกันว่าอาจมีมูลค่าเสียหายมากถึงระดับหมื่นล้านบาท
    เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตํารวจได้สรุปข้อเท็จจริงว่า หมอบุญและพวก มีการระดมทุนชักชวน ให้นายแพทย์บุญ นําไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ 16,000 พันล้านบาท จํานวนห้าโครงการประกอบด้วย โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า4 000 ล้านบาท โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ําเจ้าพระยา 4-5 พัน ล้านบาท โครงการสร้างโรงพยาบาลในสปป ลาว 3 แห่งรวม 2,000,ล้านบาท โครงการโรงพยาบาลในเวียดนาม 4-5 พันล้านบาท และ โครงการเมดิคอลอินเทเลเจนท์ อําเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี งบลงทุนหนึ่งร้อยล้านบาท
    ซึ่งพฤติกรรมในการหาแหล่งเงินทุนนั้นมีลักษณะการไปกู้ยืมกับแหล่งเงินกู้โดยมีภรรยาและลูกสาวเป็นผู้ค้ําประกัน เซ็นสลักหลังในเช็คทุกฉบับมอบให้ผู้เสียหาย
    หลังเปิดโครงการใหญ่ล่อลวงเหยื่อกระเป๋าหนักกว่า 247 คน โดยอดีตเมียกับลูก เข้ามอบตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาด้วยการอ้างว่าถูกปลอมลายมือชื่อเซ็นค้ําประกันเงินกู้ เมื่อหมอบุญได้หลบหนีออกนอกประเทศเท่ากับว่าคนที่ต้องรับผิดชอบ คือคนในครอบครัวอย่างที่ปรากฏให้เห็น
    ความน่าเชื่อถือที่เคยมีนั้นสูญสลายไปในพริบตาโดยปริยาย สําหรับหมอบุญนั้น ครั้งหนึ่งเคยได้รับยกย่องว่าเป็นฮีโร่ของประเทศไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิดสิบเก้าภายหลังประกาศเตรียมนําเข้าวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์มาให้กับประชาชน แต่กลิ่นแปลกแปลกก็เริ่มเกิดขึ้นเนื่องจากเวลาผ่านไปการนําเข้าวัคซีนของหมอบุญยังไม่เกิดขึ้นแม้แต่เข็มเดียว ทําให้ถูกมองว่าเป็นเพียงการปั่นกระแสเท่านั้น
    ไม่เชื่อก็เชื่อว่าเหตุใดที่คนรวยมหาศาลเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่ดําเนินการภายใต้บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ถึงไม่รู้จักพอเช่นนี้ มองในแง่ทฤษฎีเกี่ยวกับมานุษยวิทยาแน่นอนว่า พื้นฐานของมนุษย์นั้นย่อมมีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คนรวยแล้วก็อยากรวยขึ้นไปอีก ถ้ารวยตามปกติไม่ได้ ก็ต้องหาทางลัด หากินจากความไว้ใจของประชาชนที่มีเพื่อแสวงหาประโยชน์ก่อนเอาทรัพย์สินที่ได้มา ไปนอนเกาะในต่างประเทศ อันเป็นวิธีการพื้นฐานที่โจรในเสื้อสูทนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสังคมไทยภายใต้ระบบทุนนิยมสุดโต่งเช่นนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    เมื่อความโลภบังตา ยามชราก็ต้องนอนตาราง ประเทศไทยในเวลานี้มีเรื่องราวที่วุ่นวาย ชวนหนหวยกันเยอะมาก ล่าสุด เกิดคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ ของหมอบุญ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรีที่คาดกันว่าอาจมีมูลค่าเสียหายมากถึงระดับหมื่นล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตํารวจได้สรุปข้อเท็จจริงว่า หมอบุญและพวก มีการระดมทุนชักชวน ให้นายแพทย์บุญ นําไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ 16,000 พันล้านบาท จํานวนห้าโครงการประกอบด้วย โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า4 000 ล้านบาท โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ําเจ้าพระยา 4-5 พัน ล้านบาท โครงการสร้างโรงพยาบาลในสปป ลาว 3 แห่งรวม 2,000,ล้านบาท โครงการโรงพยาบาลในเวียดนาม 4-5 พันล้านบาท และ โครงการเมดิคอลอินเทเลเจนท์ อําเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี งบลงทุนหนึ่งร้อยล้านบาท ซึ่งพฤติกรรมในการหาแหล่งเงินทุนนั้นมีลักษณะการไปกู้ยืมกับแหล่งเงินกู้โดยมีภรรยาและลูกสาวเป็นผู้ค้ําประกัน เซ็นสลักหลังในเช็คทุกฉบับมอบให้ผู้เสียหาย หลังเปิดโครงการใหญ่ล่อลวงเหยื่อกระเป๋าหนักกว่า 247 คน โดยอดีตเมียกับลูก เข้ามอบตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาด้วยการอ้างว่าถูกปลอมลายมือชื่อเซ็นค้ําประกันเงินกู้ เมื่อหมอบุญได้หลบหนีออกนอกประเทศเท่ากับว่าคนที่ต้องรับผิดชอบ คือคนในครอบครัวอย่างที่ปรากฏให้เห็น ความน่าเชื่อถือที่เคยมีนั้นสูญสลายไปในพริบตาโดยปริยาย สําหรับหมอบุญนั้น ครั้งหนึ่งเคยได้รับยกย่องว่าเป็นฮีโร่ของประเทศไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิดสิบเก้าภายหลังประกาศเตรียมนําเข้าวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์มาให้กับประชาชน แต่กลิ่นแปลกแปลกก็เริ่มเกิดขึ้นเนื่องจากเวลาผ่านไปการนําเข้าวัคซีนของหมอบุญยังไม่เกิดขึ้นแม้แต่เข็มเดียว ทําให้ถูกมองว่าเป็นเพียงการปั่นกระแสเท่านั้น ไม่เชื่อก็เชื่อว่าเหตุใดที่คนรวยมหาศาลเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่ดําเนินการภายใต้บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ถึงไม่รู้จักพอเช่นนี้ มองในแง่ทฤษฎีเกี่ยวกับมานุษยวิทยาแน่นอนว่า พื้นฐานของมนุษย์นั้นย่อมมีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คนรวยแล้วก็อยากรวยขึ้นไปอีก ถ้ารวยตามปกติไม่ได้ ก็ต้องหาทางลัด หากินจากความไว้ใจของประชาชนที่มีเพื่อแสวงหาประโยชน์ก่อนเอาทรัพย์สินที่ได้มา ไปนอนเกาะในต่างประเทศ อันเป็นวิธีการพื้นฐานที่โจรในเสื้อสูทนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสังคมไทยภายใต้ระบบทุนนิยมสุดโต่งเช่นนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 553 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍭 เก็บครบทุกสถานที่ไฮไลท์เริ่มเดินทางจากแหลมฉบัง ประเทศไทย ก่อนมุ่งหน้าสู่ ฮ่องกง แวะเยี่ยมชม นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เดินทาง 1 ได้ถึง 2 ทั้งล่องเรือและทัวร์บก 🕍💨

    🚢 ล่องเรือสำราญ Costa Serena (ขึ้นแหลมฉบัง-ลงฮ่องกง) (3 Plus B) 7 วัน 6 คืน

    📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูหมี, โฮจิมินห์ เที่ยว วัดเทียนหาว - ไปรษณีย์กลาง - โบสถ์นอร์ทเธอดาม - ช้อปปิ้งตลาดเบนถัน - ฮ่องกง - วัดแชกงหมิว - Jewelry Factory - ช้อปปิ้งที่ย่าน Tsim Sha Tsui

    💬 เดินทาง 22-28 ก.พ. 68

    💵 ราคาเริ่มต้น : ฿34,999 🚨‼️

    ✔️ รวมตั๋วเครื่องบินขากลับ และรวมเที่ยว
    ✔️ มีหัวหน้าทัวร์ดูแล
    ✔️ รวมอาหารทุกมื้อบนเรือ

    📢 รหัสแพคเกจทัวร์ : COST-SL-7D6N-LCH-HKG-2502221
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/edc5da

    ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือCOSTA #เรือCostaSerena #CostaSerena #Costa #Hongkong #ฮ่องกง #แพ็คเกจเรือล่องเรือสำราญ #Vietnam #Phumy #BenThanhMarket #CruiseDomain#thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    อ่านน้อยลง
    🍭 เก็บครบทุกสถานที่ไฮไลท์เริ่มเดินทางจากแหลมฉบัง ประเทศไทย ก่อนมุ่งหน้าสู่ ฮ่องกง แวะเยี่ยมชม นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เดินทาง 1 ได้ถึง 2 ทั้งล่องเรือและทัวร์บก 🕍💨 🚢 ล่องเรือสำราญ Costa Serena (ขึ้นแหลมฉบัง-ลงฮ่องกง) (3 Plus B) 7 วัน 6 คืน 📍 เส้นทาง : แหลมฉบัง - ฟูหมี, โฮจิมินห์ เที่ยว วัดเทียนหาว - ไปรษณีย์กลาง - โบสถ์นอร์ทเธอดาม - ช้อปปิ้งตลาดเบนถัน - ฮ่องกง - วัดแชกงหมิว - Jewelry Factory - ช้อปปิ้งที่ย่าน Tsim Sha Tsui 💬 เดินทาง 22-28 ก.พ. 68 💵 ราคาเริ่มต้น : ฿34,999 🚨‼️ ✔️ รวมตั๋วเครื่องบินขากลับ และรวมเที่ยว ✔️ มีหัวหน้าทัวร์ดูแล ✔️ รวมอาหารทุกมื้อบนเรือ 📢 รหัสแพคเกจทัวร์ : COST-SL-7D6N-LCH-HKG-2502221 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/edc5da ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือCOSTA #เรือCostaSerena #CostaSerena #Costa #Hongkong #ฮ่องกง #แพ็คเกจเรือล่องเรือสำราญ #Vietnam #Phumy #BenThanhMarket #CruiseDomain#thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ อ่านน้อยลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 519 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 617 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 โครงการทิพย์ “หมอบุญ” ชวนลงทุน .1.โครงการศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า 4,000 ล้านบาท2.เวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่นำ้เจ้าพระยา 4,000-5,000 ล้านบาท3.โรงพยาบาลใน สปป.ลาว 3 แห่ง 2,000 ล้านบาท4.เจรจาเข้าร่วมทุน รพ.ในเวียดนาม 4,000-5,000 ล้านบาท5.สร้าง Medical intelligen ที่บางละมุง จ.ชลบุรี 100 ล้านบาท.รวมทั้งหมด 16,000 ล้านบาท.#โครงการทิพย์ #หมอบุญ #ชวนลงทุน
    5 โครงการทิพย์ “หมอบุญ” ชวนลงทุน .1.โครงการศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า 4,000 ล้านบาท2.เวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่นำ้เจ้าพระยา 4,000-5,000 ล้านบาท3.โรงพยาบาลใน สปป.ลาว 3 แห่ง 2,000 ล้านบาท4.เจรจาเข้าร่วมทุน รพ.ในเวียดนาม 4,000-5,000 ล้านบาท5.สร้าง Medical intelligen ที่บางละมุง จ.ชลบุรี 100 ล้านบาท.รวมทั้งหมด 16,000 ล้านบาท.#โครงการทิพย์ #หมอบุญ #ชวนลงทุน
    Sad
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • 24-11-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.10 อะไรน่ะ เรือจม 0:4 ไก่จิกเรือจมตายคาปากโอ่ง หนาวยาวไป หนาวเหลือเกิ๊นนน..สัส!ไอ้สัส! เอาจริงดิ? ขีปนาวุธเหนือเสียงพิสัยกลาง Oreshnik เร็วสูงกว่า 13,000 km/hr NATO บอกจะเอาเหี้ยอะไรมาสกัดได้อีก? รัสเซียเปิดหน้าแล้ว เตือนแล้ว อย่าเสือก! ใครหลงเข้าทางตรีน สิ้นชาติชัวร์ เริ่มเด่นชัด แผนเขมือบทั้งทวีป เพราะมีแต่ควายไม่มีคน ไม่งั้นรัสเซียจะหาความสงบไม่ได้เลย หากไอ้อีควายหน้าโง่ทั้งหลายยังไม่สิ้นไป ไปแหย่เค้า เค้ามาจริง มรึงอย่าหนี มรึงอย่าปอดแหก? ไปลากไอ้อีวอชิงตัน อีลอนดอน มาตายห่าพร้อมกันเลย นั่นแหละ ที่รัสเซียต้องการ? ปูติน ส่งสัญญานเตือนทั้งยุโรปแล้ว ไม่ได้ล้อเล่น ใครก้าวพลาด เดินหลงเข้าทางตรีน มรึงโดนชัวร์! น้ำขึ้นให้รีบตัก โอกาสทองที่รัสเซียจะยึดทั้งทวีปยุโรปมาถึงแล้ว รอช้าอะไรอีกล่ะ?อย่าคิดว่ากูไม่รู้ อีเหม่งล่ออีเอ๋งๆ มรึงมันสื่อที่ไหนกันล่ะ? โทรโข่ง CIA แต่ไหน แต่ไร สัญญานชัด เหี้ย C ไม่พอใจไอ้อีตระกูลขายชาติ ทำงานล่าช้า เอาแต่ผลประโยชน์ตัวเอง งานหลักไม่เดิน ล้มเจ้าไม่เกิด ล้มทหารไม่มา ใช้ปากอีเหม่งมาเชือด ใครก็รู้ที่ผ่านมา อย่าได้หาความจริงขากปากอีเหม่ง เพราะมรึงมันสันดานหมา แผ่นดินพ่อกู ยังเป็นหมารับใช้อีวอชิงตันไม่เลิก เอาบัตรประชาชนคืนมา มรึงมันเสนียดจัญไรแผ่นดิน เกาะกิน เป็นเหลือบ ไม่มีค่า มรึงจะมาด่าอีเอ๋งๆ ตอนนี้ทำไม ทำไมตอนขายชาติตั้งแต่ยุคพ่อแม่ง มรึงหัวหายไปไหน? อย่ามาตีเนียน ใครไม่รู้ มรึงมันลูกกระโปก CIA? อ้าปากลิ้นเหี้ยโผล่ทันที ใครเขียนสคริปต์ให้มรึงกันล่ะ? หมดเวลาตระกูลเหี้ย ตัวใหม่ก็มาแทน เหี้ยมันไม่โง่ใช้งานขี้ข้าตัวเดียวดอก หากไร้ประโยชน์ ยิ่งอีทรัมปป์มา ท่อน้ำเลี้ยงยิ่งตัน เพราะมันห่วงแต่ปากท้องมันเอง มรึงก็เคว้งคว้างสิจ๊ะปูตินฉลาดกว่ามรึงเยอะ! อีเอ๋อ ไบ้แดร๊ก โยนขี้ให้อีทรัมปป์ไปรับกรรมต่อ หลังอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธสหรัฐยิงใส่รัสเซียแบบเสียมิได้ เบาวิว ทำเหี้ยอะไรได้แค่สะกิดต่อมโกรธรัสเซียเท่านั้น ปูตินรู้หมดเปลือก แผนเด็กปอ 4 เลยสั่งสอนระเบิดโรงงานไฟฟ้ายูเครนทิ้งซะ เข้าหนาวแล้ว กูจะเอาไฟที่ไหนใช้ ชาวบ้านเดือดร้อนทันที ผลของการที่มรึงยอมรับชะตากรรม ไม่สู้กู้แผ่นดินยูเครนคืนจากอียิวเหี้ย ปล่อยให้อีเสี้ยนยาขุดนีโอนาซีในคราบ(อียิวกลายร่าง) มาอาละวาด ที่มารัสเซียเปิดรับโอนสัณชาติ เพื่ออุ้มชาวยูเครนเข้ามาแทน เพื่อลดการสูญเสียของชาวบ้าน ยังไงก็สลาฟ แล้วไอ้ที่แฝงตัวโอนสัณชาติเข้ามาล่ะ ถูกอุ้มเงียบไงจ๊ะ เค้ามีรายชื่อมรึงหมดทุกไอ้อี ประวัติตรวจสอบไม่ยาก ใช้กฎหมายรัสเซีย จัดการโคตรง่าย เป็นภัยต่อความมั่นคงอีเปรูรู้งาน อยู่เป็น จรดปากกาเซ็นต์ MOU กับจีน และโลจิสติคหลังบ้านเหี้ย อีเมสซี่ตายคาตรีนทันที เพราะไร้ประโยชน์ หากเปรูเข้าขั้วใหม่ และมีอีก 10 ชาติลาตินจะเข้า BRICS เท่ากับหลังบ้านเหี้ยเต็มไปด้วยฐานทัพจีน รัสเซีย อิหร่าน ไงล่ะ มรึงจะอยู่ได้มุย? NATO วางยา สอดไส้จะยึดยูเครนเพื่อป่วนรัสเซีย แต่ตอนนี้ มรึงถูกเจาะไข่แดงไปแล้ว มันจบแล้ว อเมริกาถึงต้องแตก เพราะหากมรึงไม่ฆ่าตัวตายเอง จะมีคนมาทำให้มรึงตายคาตรีนเอง! จีนใช้เปรูเป็นเมืองท่า ฮับชาติลาตินสู่โลก แหล่งแร่สำคัญ ทองคำ พลังงาน จีนถึงเปิดเมืองท่าขนาดใหญ่ และเป็นโลจิสติค 1 ในเส้นทางสายไหม เปรูไม่ธรรมดา จีนได้ทั้งเปรู และเวเนฯ คือทรัพยากรโลกอยู่ในมือ เพราะจีนคือผู้เปิดเส้นทางการค้า และโลจิสติคโลก แล้วอเมริกาจะเหลืออะไรให้แดร๊กอีกอีขะแมร์เสียหมา ใครบอกจีนจะอุ้ม ขุดคลองเล่นแร่แปรวิญญาน แต่จีนอ่านออก หากมรึงคิดไกลเกินกำลังตัวเอง จีนบอก กูเลือกไทยมาก่อนมรึงซะอีก แล้วทำไม กูต้องพยายามเลี้ยงงูพิษ แค่โปรยเศษเงินนิดหน่อยให้ มรึงคิดว่าเป็นเพื่อนกูแล้วเหรอ? อาเซียนใครก็รู้ อีขะแมร์มัน NOBODY ไทย อินโด เวียดนาม คือยุทธศาสตร์สำคัญในอาเซียนที่จีนต้องมี อีขะแมร์สำคัญตัวผิด คิดว่าจีนต้องง้อ เพราะกร่างเกิน เพราะมั่นใจเกิน จีนบอกกูถอยน่ะ อีคลองห่าเหวอะไรที่มรึงคิด? เพราะกูรู้ว่า มรึงมัน "นก 2 หัว" ลูกหลานพญาละแวก เป็นได้แค่ขี้ข้าทาสขี้ตรีนสยามประเทศเท่านั้น ไม่แปลกที่สมเด็จพระนเรศวร ไม่เคยไว้ใจไอ้อีทรยศผู้นี้ เพราะ DNA มันชาติชั่วสุดโต่ง ใกล้หมดยุคอีฮุนเซนแล้ว อย่าคิดว่าอำนาจเบ็ดเสร็จแล้วจะไม่มีใครทำอะไรได้ ทุกอย่างสำหรับขะแมร์ แค่จีน รัสเซีย จะเขมือบ มันง่ายนิดเดียว เพราะชาวขะแมร์เองก็ทนทุกข์กับไอ้อี 2 พ่อลูกเนี่ยมาช้านานแล้ว แค่จัดฉากชุดใหญ่ซักชุด แผ่นดินเดือดแน่ ไทยรอดูก็พอ เพราะสุดท้ายอีขะแมร์จะเป็นเมืองขึ้นสยามประเทศในไม่ช้า ไปไม่รอดดอก?ปล.ถามจริงดิ? มรึงยังมีลมหายใจอยู่อีกเหรอ? 3 ฮอ อิรัก ซีเรีย เยเมน ดาหน้าถล่มมรึงตลอดสัปดาห์นี้ ตายห่าเกลื่อน ฐานทัพอากาศ ฐานทัพเรือ ค่ายทหาร ฐานลับ แม้แต่ขุดกับดักล่อเหี้ยมาตายคาวงล้อม ตายห่าพร้อมกัน 300 ตัว สื่อโลกตายห่าหมดเกลี้ยง ไบ้แดร๊ก ไม่มีรายงาน เพราะไอ้คนรายงานมันตายคาจอไปแล้วนั่นเอง ละครหลอกควายออกสื่อถล่มเค้า ของจริง ถูกเค้าถล่มจนขี้แตก ร้องขอชีวิตระงม นี่มรึงอยู่โลกเดียวกันกับกูมั้ยเนี่ย? ทำไม โลกจินตนาการ กับโลกความจริง มันช่างแตกต่างฉิบหาย? ยังไม่หนำใจเพ่ปูเค้า สั่งเร่งผลิดขีปนาวุธพิสัยกลางตัวใหม่ ส่งต่อให้ทั่วฐานในตะวันออกกลาง อานิสงค์อาหรับเต็มตรีน ใครล่ะ จะยังใช้อาวุธเหี้ยอยู่อีกล่ะ โชว์รูมโลกประจักษ์ชัดแล้ว ใครของจริง? เผลอแป๊บเดียว จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดอาวุธโลกแบบก้าวประโดด จนเหี้ยกระอักเลือด เพราะลูกค้าประจำคือชาติขี้ข้ายิว มันเจ๊งกันหมดแล้ว ใครจะเหลือเงินมาซื้อของปลอมและห่วยต่ออีกล่ะ? ปล.2 เรื่องอนาคตไม่มีใครรู้? หากลุงสนธิ จะลุยอีกรอบ เตรียมปรกาศปลดแอกประเทศไทย ล้างบางขบวนการ ขั้นตอน ยุติธรรม ไทยทั้งหมด ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ระดับครูบาอาจารย์(ลุงสนธิคือครูคนแรกของหมี CNN) คิดจะทำอะไร ย่อมมีเหตุผล และแบ็คอัพ และแน่นอน ย่อมเกี่ยวกับเรื่องปกป้องสถาบันสูงสุดชัวร์ หมีเคยบอกแล้วว่า หากจะออก ให้ออกเพื่อปกป้องวังเท่านั้น เพราะหากเป็นเรื่องการเมือง เหี้ยไป จัญไรมา มรึงจะออกไปให้เหนื่อยเพื่อใคร? หากจะออก ต้องออกเพื่อพ่อ ตายเพื่อพ่อ คำตอบเดียว จบเลย! ถึงเวลา ครูจะมาบอกเองว่า เหตุและผล ทำไมต้องกู้ชาติอีกครั้ง กูคงไม่ต้องบอก "รองเท่าผ้าใบ กับใจถึงๆ" ถึงอายุจะแก่ขึ้น แต่หัวใจกลับหนุ่มสดใหม่ขึ้น ยามเมื่อรู้ว่า นี่คือ "สงครามครั้งสุดท้ายแล้ว สำหรับคน 2 แผ่นดิน" เพื่อส่งมอบแผ่นดินทองต่อให้ลูกหลาน เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ แต่หากรู้ตัว จิตรับรู้ ว่ามรึงยอมตายเพื่อสิ่งใด นั่นต่างหากคือเหตุผลว่ามรึงจะต้องออกหรือไม่? อย่าเร่งรีบ ระดับครูบา อาจารย์ เค้าย่อมวางหมากก่อนเดินเสมอ แค่มรึงติดตาม และเกาะสถานการณ์เอาไว้ เสียงนกหวีด เสียงระฆังดังเมื่อไหร่ ไปเจอกับวิญญานผีปู่ผีย่าในท้องถนนกัน เชื่อว่า ลุงสนธิ ต้องมีเหตุผลพอ และมีความมั่นใจมาก หากจะต้องลงถนน เพราะไม่มีศึกไหน ที่ไม่เสียสละ ครูบาอาจารย์เสียสละมาเยอะแล้ว ถึงเวลาพวกเราบ้าง อย่าให้หัวหมู่ทะลวงฟันเพื่อแผ่นดินต้องโดดเดี่ยว อาจจะลงถนน หรืออาจจะไม่ต้องออกก็ได้ อย่าเพิ่งด่วนสรุป หมีแค่เกริ่นเอาไว้ก่อน เพราะดูทรงแล้ว งานนี้ทหารออกชัวร์ แต่ทหารต้องการใครมากที่สุด? "ชาวอโยธยาทั้งหมดเป็นแบ็คอัพให้" จำไว้ว่า มรึงไม่ได้สู้อยู่กับไอ้อีตระกูลเหี้ยจัญไรกระจอก หมาส่องหล้าดอกน่ะ นั่นแค่หางแถว ขี้ตรีนวัง แต่เรากำลังจะสู้กับ ZIONIST/ FREEMASON/ DEEP STATE นี่มันระดับโลก มรึงไม่อยากจะเป็นส่วนนึงก่อนตาย ที่ได้เคยลุยกับเหี้ยระดับจักรวาลมาเวลบ้างเหรอ? งวดนี้ ชนะแน่นอน แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทหารออกคือพร้อมแล้วนั่นเอง!หมี CNN(รอนานมุย? คันตรีนกันมานานแล้วชิมิ? กูขอเชิญชวนไอ้อี 14 ล้านเสียงควายนรก ให้ออกมาด้วย แผ่นดินจะได้เบาขึ้นก็งานนี้ ถึงเวลากลับขุมนรกมรึงแล้ว อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ต่อแผ่นดิน อะไรน่ะ มากันแค่ 11 ตัว แล้วไอ้ 13 ล้าน 9 แสนกว่า มันหายหัวไปไหนกันล่ะ อ๋อ เงินมาผ้าหลุด เงินไม่มี งานไม่เดิน สรุปชีวิตพวกมรึงกินเศษกระดาษแทนข้าว มิน่า ถึงได้โง่ต่ำตม ไม่ได้ผุดได้เกิด แค่ศีล มโนสำนึก ยังไม่มี อย่าเรียกตัวเองเป็นลูกพ่อ เสนียดพ่อกู ลงถนนไม่ใช่ประเด็น ลงเมื่อไหร่ คือเตรียมจบนั่นเอง แสงชนะแล้ว!)24 พฤศจิกายน 6712.20 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    24-11-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.10 อะไรน่ะ เรือจม 0:4 ไก่จิกเรือจมตายคาปากโอ่ง หนาวยาวไป หนาวเหลือเกิ๊นนน..สัส!ไอ้สัส! เอาจริงดิ? ขีปนาวุธเหนือเสียงพิสัยกลาง Oreshnik เร็วสูงกว่า 13,000 km/hr NATO บอกจะเอาเหี้ยอะไรมาสกัดได้อีก? รัสเซียเปิดหน้าแล้ว เตือนแล้ว อย่าเสือก! ใครหลงเข้าทางตรีน สิ้นชาติชัวร์ เริ่มเด่นชัด แผนเขมือบทั้งทวีป เพราะมีแต่ควายไม่มีคน ไม่งั้นรัสเซียจะหาความสงบไม่ได้เลย หากไอ้อีควายหน้าโง่ทั้งหลายยังไม่สิ้นไป ไปแหย่เค้า เค้ามาจริง มรึงอย่าหนี มรึงอย่าปอดแหก? ไปลากไอ้อีวอชิงตัน อีลอนดอน มาตายห่าพร้อมกันเลย นั่นแหละ ที่รัสเซียต้องการ? ปูติน ส่งสัญญานเตือนทั้งยุโรปแล้ว ไม่ได้ล้อเล่น ใครก้าวพลาด เดินหลงเข้าทางตรีน มรึงโดนชัวร์! น้ำขึ้นให้รีบตัก โอกาสทองที่รัสเซียจะยึดทั้งทวีปยุโรปมาถึงแล้ว รอช้าอะไรอีกล่ะ?อย่าคิดว่ากูไม่รู้ อีเหม่งล่ออีเอ๋งๆ มรึงมันสื่อที่ไหนกันล่ะ? โทรโข่ง CIA แต่ไหน แต่ไร สัญญานชัด เหี้ย C ไม่พอใจไอ้อีตระกูลขายชาติ ทำงานล่าช้า เอาแต่ผลประโยชน์ตัวเอง งานหลักไม่เดิน ล้มเจ้าไม่เกิด ล้มทหารไม่มา ใช้ปากอีเหม่งมาเชือด ใครก็รู้ที่ผ่านมา อย่าได้หาความจริงขากปากอีเหม่ง เพราะมรึงมันสันดานหมา แผ่นดินพ่อกู ยังเป็นหมารับใช้อีวอชิงตันไม่เลิก เอาบัตรประชาชนคืนมา มรึงมันเสนียดจัญไรแผ่นดิน เกาะกิน เป็นเหลือบ ไม่มีค่า มรึงจะมาด่าอีเอ๋งๆ ตอนนี้ทำไม ทำไมตอนขายชาติตั้งแต่ยุคพ่อแม่ง มรึงหัวหายไปไหน? อย่ามาตีเนียน ใครไม่รู้ มรึงมันลูกกระโปก CIA? อ้าปากลิ้นเหี้ยโผล่ทันที ใครเขียนสคริปต์ให้มรึงกันล่ะ? หมดเวลาตระกูลเหี้ย ตัวใหม่ก็มาแทน เหี้ยมันไม่โง่ใช้งานขี้ข้าตัวเดียวดอก หากไร้ประโยชน์ ยิ่งอีทรัมปป์มา ท่อน้ำเลี้ยงยิ่งตัน เพราะมันห่วงแต่ปากท้องมันเอง มรึงก็เคว้งคว้างสิจ๊ะปูตินฉลาดกว่ามรึงเยอะ! อีเอ๋อ ไบ้แดร๊ก โยนขี้ให้อีทรัมปป์ไปรับกรรมต่อ หลังอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธสหรัฐยิงใส่รัสเซียแบบเสียมิได้ เบาวิว ทำเหี้ยอะไรได้แค่สะกิดต่อมโกรธรัสเซียเท่านั้น ปูตินรู้หมดเปลือก แผนเด็กปอ 4 เลยสั่งสอนระเบิดโรงงานไฟฟ้ายูเครนทิ้งซะ เข้าหนาวแล้ว กูจะเอาไฟที่ไหนใช้ ชาวบ้านเดือดร้อนทันที ผลของการที่มรึงยอมรับชะตากรรม ไม่สู้กู้แผ่นดินยูเครนคืนจากอียิวเหี้ย ปล่อยให้อีเสี้ยนยาขุดนีโอนาซีในคราบ(อียิวกลายร่าง) มาอาละวาด ที่มารัสเซียเปิดรับโอนสัณชาติ เพื่ออุ้มชาวยูเครนเข้ามาแทน เพื่อลดการสูญเสียของชาวบ้าน ยังไงก็สลาฟ แล้วไอ้ที่แฝงตัวโอนสัณชาติเข้ามาล่ะ ถูกอุ้มเงียบไงจ๊ะ เค้ามีรายชื่อมรึงหมดทุกไอ้อี ประวัติตรวจสอบไม่ยาก ใช้กฎหมายรัสเซีย จัดการโคตรง่าย เป็นภัยต่อความมั่นคงอีเปรูรู้งาน อยู่เป็น จรดปากกาเซ็นต์ MOU กับจีน และโลจิสติคหลังบ้านเหี้ย อีเมสซี่ตายคาตรีนทันที เพราะไร้ประโยชน์ หากเปรูเข้าขั้วใหม่ และมีอีก 10 ชาติลาตินจะเข้า BRICS เท่ากับหลังบ้านเหี้ยเต็มไปด้วยฐานทัพจีน รัสเซีย อิหร่าน ไงล่ะ มรึงจะอยู่ได้มุย? NATO วางยา สอดไส้จะยึดยูเครนเพื่อป่วนรัสเซีย แต่ตอนนี้ มรึงถูกเจาะไข่แดงไปแล้ว มันจบแล้ว อเมริกาถึงต้องแตก เพราะหากมรึงไม่ฆ่าตัวตายเอง จะมีคนมาทำให้มรึงตายคาตรีนเอง! จีนใช้เปรูเป็นเมืองท่า ฮับชาติลาตินสู่โลก แหล่งแร่สำคัญ ทองคำ พลังงาน จีนถึงเปิดเมืองท่าขนาดใหญ่ และเป็นโลจิสติค 1 ในเส้นทางสายไหม เปรูไม่ธรรมดา จีนได้ทั้งเปรู และเวเนฯ คือทรัพยากรโลกอยู่ในมือ เพราะจีนคือผู้เปิดเส้นทางการค้า และโลจิสติคโลก แล้วอเมริกาจะเหลืออะไรให้แดร๊กอีกอีขะแมร์เสียหมา ใครบอกจีนจะอุ้ม ขุดคลองเล่นแร่แปรวิญญาน แต่จีนอ่านออก หากมรึงคิดไกลเกินกำลังตัวเอง จีนบอก กูเลือกไทยมาก่อนมรึงซะอีก แล้วทำไม กูต้องพยายามเลี้ยงงูพิษ แค่โปรยเศษเงินนิดหน่อยให้ มรึงคิดว่าเป็นเพื่อนกูแล้วเหรอ? อาเซียนใครก็รู้ อีขะแมร์มัน NOBODY ไทย อินโด เวียดนาม คือยุทธศาสตร์สำคัญในอาเซียนที่จีนต้องมี อีขะแมร์สำคัญตัวผิด คิดว่าจีนต้องง้อ เพราะกร่างเกิน เพราะมั่นใจเกิน จีนบอกกูถอยน่ะ อีคลองห่าเหวอะไรที่มรึงคิด? เพราะกูรู้ว่า มรึงมัน "นก 2 หัว" ลูกหลานพญาละแวก เป็นได้แค่ขี้ข้าทาสขี้ตรีนสยามประเทศเท่านั้น ไม่แปลกที่สมเด็จพระนเรศวร ไม่เคยไว้ใจไอ้อีทรยศผู้นี้ เพราะ DNA มันชาติชั่วสุดโต่ง ใกล้หมดยุคอีฮุนเซนแล้ว อย่าคิดว่าอำนาจเบ็ดเสร็จแล้วจะไม่มีใครทำอะไรได้ ทุกอย่างสำหรับขะแมร์ แค่จีน รัสเซีย จะเขมือบ มันง่ายนิดเดียว เพราะชาวขะแมร์เองก็ทนทุกข์กับไอ้อี 2 พ่อลูกเนี่ยมาช้านานแล้ว แค่จัดฉากชุดใหญ่ซักชุด แผ่นดินเดือดแน่ ไทยรอดูก็พอ เพราะสุดท้ายอีขะแมร์จะเป็นเมืองขึ้นสยามประเทศในไม่ช้า ไปไม่รอดดอก?ปล.ถามจริงดิ? มรึงยังมีลมหายใจอยู่อีกเหรอ? 3 ฮอ อิรัก ซีเรีย เยเมน ดาหน้าถล่มมรึงตลอดสัปดาห์นี้ ตายห่าเกลื่อน ฐานทัพอากาศ ฐานทัพเรือ ค่ายทหาร ฐานลับ แม้แต่ขุดกับดักล่อเหี้ยมาตายคาวงล้อม ตายห่าพร้อมกัน 300 ตัว สื่อโลกตายห่าหมดเกลี้ยง ไบ้แดร๊ก ไม่มีรายงาน เพราะไอ้คนรายงานมันตายคาจอไปแล้วนั่นเอง ละครหลอกควายออกสื่อถล่มเค้า ของจริง ถูกเค้าถล่มจนขี้แตก ร้องขอชีวิตระงม นี่มรึงอยู่โลกเดียวกันกับกูมั้ยเนี่ย? ทำไม โลกจินตนาการ กับโลกความจริง มันช่างแตกต่างฉิบหาย? ยังไม่หนำใจเพ่ปูเค้า สั่งเร่งผลิดขีปนาวุธพิสัยกลางตัวใหม่ ส่งต่อให้ทั่วฐานในตะวันออกกลาง อานิสงค์อาหรับเต็มตรีน ใครล่ะ จะยังใช้อาวุธเหี้ยอยู่อีกล่ะ โชว์รูมโลกประจักษ์ชัดแล้ว ใครของจริง? เผลอแป๊บเดียว จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดอาวุธโลกแบบก้าวประโดด จนเหี้ยกระอักเลือด เพราะลูกค้าประจำคือชาติขี้ข้ายิว มันเจ๊งกันหมดแล้ว ใครจะเหลือเงินมาซื้อของปลอมและห่วยต่ออีกล่ะ? ปล.2 เรื่องอนาคตไม่มีใครรู้? หากลุงสนธิ จะลุยอีกรอบ เตรียมปรกาศปลดแอกประเทศไทย ล้างบางขบวนการ ขั้นตอน ยุติธรรม ไทยทั้งหมด ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ระดับครูบาอาจารย์(ลุงสนธิคือครูคนแรกของหมี CNN) คิดจะทำอะไร ย่อมมีเหตุผล และแบ็คอัพ และแน่นอน ย่อมเกี่ยวกับเรื่องปกป้องสถาบันสูงสุดชัวร์ หมีเคยบอกแล้วว่า หากจะออก ให้ออกเพื่อปกป้องวังเท่านั้น เพราะหากเป็นเรื่องการเมือง เหี้ยไป จัญไรมา มรึงจะออกไปให้เหนื่อยเพื่อใคร? หากจะออก ต้องออกเพื่อพ่อ ตายเพื่อพ่อ คำตอบเดียว จบเลย! ถึงเวลา ครูจะมาบอกเองว่า เหตุและผล ทำไมต้องกู้ชาติอีกครั้ง กูคงไม่ต้องบอก "รองเท่าผ้าใบ กับใจถึงๆ" ถึงอายุจะแก่ขึ้น แต่หัวใจกลับหนุ่มสดใหม่ขึ้น ยามเมื่อรู้ว่า นี่คือ "สงครามครั้งสุดท้ายแล้ว สำหรับคน 2 แผ่นดิน" เพื่อส่งมอบแผ่นดินทองต่อให้ลูกหลาน เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ แต่หากรู้ตัว จิตรับรู้ ว่ามรึงยอมตายเพื่อสิ่งใด นั่นต่างหากคือเหตุผลว่ามรึงจะต้องออกหรือไม่? อย่าเร่งรีบ ระดับครูบา อาจารย์ เค้าย่อมวางหมากก่อนเดินเสมอ แค่มรึงติดตาม และเกาะสถานการณ์เอาไว้ เสียงนกหวีด เสียงระฆังดังเมื่อไหร่ ไปเจอกับวิญญานผีปู่ผีย่าในท้องถนนกัน เชื่อว่า ลุงสนธิ ต้องมีเหตุผลพอ และมีความมั่นใจมาก หากจะต้องลงถนน เพราะไม่มีศึกไหน ที่ไม่เสียสละ ครูบาอาจารย์เสียสละมาเยอะแล้ว ถึงเวลาพวกเราบ้าง อย่าให้หัวหมู่ทะลวงฟันเพื่อแผ่นดินต้องโดดเดี่ยว อาจจะลงถนน หรืออาจจะไม่ต้องออกก็ได้ อย่าเพิ่งด่วนสรุป หมีแค่เกริ่นเอาไว้ก่อน เพราะดูทรงแล้ว งานนี้ทหารออกชัวร์ แต่ทหารต้องการใครมากที่สุด? "ชาวอโยธยาทั้งหมดเป็นแบ็คอัพให้" จำไว้ว่า มรึงไม่ได้สู้อยู่กับไอ้อีตระกูลเหี้ยจัญไรกระจอก หมาส่องหล้าดอกน่ะ นั่นแค่หางแถว ขี้ตรีนวัง แต่เรากำลังจะสู้กับ ZIONIST/ FREEMASON/ DEEP STATE นี่มันระดับโลก มรึงไม่อยากจะเป็นส่วนนึงก่อนตาย ที่ได้เคยลุยกับเหี้ยระดับจักรวาลมาเวลบ้างเหรอ? งวดนี้ ชนะแน่นอน แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทหารออกคือพร้อมแล้วนั่นเอง!หมี CNN(รอนานมุย? คันตรีนกันมานานแล้วชิมิ? กูขอเชิญชวนไอ้อี 14 ล้านเสียงควายนรก ให้ออกมาด้วย แผ่นดินจะได้เบาขึ้นก็งานนี้ ถึงเวลากลับขุมนรกมรึงแล้ว อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ต่อแผ่นดิน อะไรน่ะ มากันแค่ 11 ตัว แล้วไอ้ 13 ล้าน 9 แสนกว่า มันหายหัวไปไหนกันล่ะ อ๋อ เงินมาผ้าหลุด เงินไม่มี งานไม่เดิน สรุปชีวิตพวกมรึงกินเศษกระดาษแทนข้าว มิน่า ถึงได้โง่ต่ำตม ไม่ได้ผุดได้เกิด แค่ศีล มโนสำนึก ยังไม่มี อย่าเรียกตัวเองเป็นลูกพ่อ เสนียดพ่อกู ลงถนนไม่ใช่ประเด็น ลงเมื่อไหร่ คือเตรียมจบนั่นเอง แสงชนะแล้ว!)24 พฤศจิกายน 6712.20 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1019 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทะเลสาบซวนเฮือง กลางใจเมืองด่าหลัตบรรยากาศและวิวทิวทัศน์โดยรอบทำให้ด่าหลัตเหมือนยุโรป #vnjoytravel #เที่ยวเวียดนาม #ด่าหลัต #เลิมด่ง
    ทะเลสาบซวนเฮือง กลางใจเมืองด่าหลัตบรรยากาศและวิวทิวทัศน์โดยรอบทำให้ด่าหลัตเหมือนยุโรป #vnjoytravel #เที่ยวเวียดนาม #ด่าหลัต #เลิมด่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.95 : “กัมพูชา” ฐานการลงทุนใหม่แห่งอาเซียน ?
    .
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราก็ได้เห็นการย้ายฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติออกจากเมืองไทยอยู่ไม่น้อย โดยนักลงทุนต่างชาติบางส่วนได้ย้ายฐานจากประเทศไทยไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น พานาโซนิก ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง ที่ปิดโรงงานและศูนย์วิจัยในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 โดยย้ายไปตั้งที่เวียดนามแทน จนมีความกังวลกันว่า ญี่ปุ่นจะทิ้งเมืองไทย
    .
    แม้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ต่างยืนยันว่า จะยังไม่ทิ้งประเทศไทย...แต่ก็ต้องยอมรับว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำ และศักยภาพการแข่งขันของไทยที่ด้อยลง ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นก็จำเป็นต้อง ขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แนวคิดที่เรียกว่า Thailand+1 ...... โดยประเทศหนึ่งที่ธุรกิจญี่ปุ่น ให้ความสนใจมากก็คือ “กัมพูชา”
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=hH9jo-vt0Ns
    บูรพาไม่แพ้ Ep.95 : “กัมพูชา” ฐานการลงทุนใหม่แห่งอาเซียน ? . ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราก็ได้เห็นการย้ายฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติออกจากเมืองไทยอยู่ไม่น้อย โดยนักลงทุนต่างชาติบางส่วนได้ย้ายฐานจากประเทศไทยไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น พานาโซนิก ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง ที่ปิดโรงงานและศูนย์วิจัยในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 โดยย้ายไปตั้งที่เวียดนามแทน จนมีความกังวลกันว่า ญี่ปุ่นจะทิ้งเมืองไทย . แม้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ต่างยืนยันว่า จะยังไม่ทิ้งประเทศไทย...แต่ก็ต้องยอมรับว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำ และศักยภาพการแข่งขันของไทยที่ด้อยลง ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นก็จำเป็นต้อง ขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แนวคิดที่เรียกว่า Thailand+1 ...... โดยประเทศหนึ่งที่ธุรกิจญี่ปุ่น ให้ความสนใจมากก็คือ “กัมพูชา” . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=hH9jo-vt0Ns
    Like
    Haha
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 922 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาหารไทยเฉิดฉาย มิชลินไกด์มาเลย์ฯ

    การประกาศรางวัลร้านอาหารมิชลินไกด์ กัวลาลัมเปอร์และปีนัง ปี 2025 (MICHELIN Guide Kuala Lumpur & Penang 2025) ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2567 มีร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรัฐปีนังได้รับการคัดเลือก 143 แห่ง โดยมี 25 แห่ง ได้รับการคัดเลือกเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดตัวร้านที่ได้รับรางวัล Green Star หรือรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกแห่งแรกในประเทศมาเลเซีย คือ ร้านเดวากาน (Dewakan) ที่นอกจากจะรักษารางวัลมิชลิน 2 ดาวด้วยเมนูอาหารที่โดดเด่นแล้ว ยังพยายามจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นและใช้เป็นส่วนผสมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเสริมรสชาติแบบดั้งเดิมของมาเลเซีย วัตถุดิบส่วนเกินยังนำไปหมักเป็นซอสโฮมเมดเพื่อลดขยะ ถือเป็นแรงบันดาลใจให้ร้านอาหารอื่นนำแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้

    ร้านใหม่ 2 แห่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ได้แก่ ชิมบายเชฟหนุ่ม (Chim By Chef Noom) ร้านอาหารไทยร่วมสมัย สืบทอดอาหารไทยดั้งเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนเมนูที่สร้างสรรค์และการจัดจานอย่างมีสไตล์ อีกทั้งเชฟอัซมี อาหมัด กามาล ยังได้รับรางวัล Service Award อีกรางวัลหนึ่ง ส่วนอีกร้านหนึ่งคือ โมลินา (Molina) ที่มีเมนูสร้างสรรค์ที่ผสมผสานเทคนิคแบบฝรั่งเศส กลิ่นอายแบบนอร์ดิก และกลิ่นอายแบบเอเชียอย่างลงตัว โดยเชฟกีโยม เดอปูร์แตร์ ได้รับรางวัล Opening of the Year Award

    รางวัลบิบกรูมองด์ (Bib Gourmand) ร้านอาหารอร่อยและราคาสมเหตุสมผล มีร้านใหม่ 12 แห่ง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 5 แห่ง และปีนัง 7 แห่ง หนึ่งในนั้นคือร้าน BM Yam Rice ย่านบูกิตเมอร์ตาจัม ที่เลื่อนระดับขึ้นจาก MICHELIN Selected เมนูเด่นคือซุปหมูและเครื่องในหมูรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมข้าวแยมไรซ์ (Yam Rice) เป็นหนึ่งในร้านอาหารราคาจับต้องได้ที่โดดเด่นที่สุดในมาเลเซีย ส่วนร้านอาหารหมวดหมู่ MICHELIN Selected มีร้านใหม่เพิ่มเติม 10 ร้าน รวมเป็น 80 ร้าน

    สำหรับร้านชิมบายเชฟหนุ่ม ตั้งอยู่ในอาคาร TSLAW Tower ย่านตุน ราซัก เอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) เจ้าของร้านคือเชฟหนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ แห่งร้านชิมบายสยามวิสดอม (Chim by Siam Wisdom) ย่านสามเสน กรุงเทพฯ โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพจากญี่ปุ่น ร่วมกับเครื่องเทศ ผลไม้ และผักในท้องถิ่น เมนูเด่นของร้านคือ The Lost Recipe ต้มยำสูตรโบราณกว่า 200 ปี ที่มีรสชาติกลมกล่อมลงตัว

    อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมีการจัดทำคู่มือมิชลินไกด์แล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์เริ่มจากฉบับปี 2016 ประเทศไทยเริ่มจากฉบับปี 2018 มาเลเซียและและเวียดนาม เริ่มจากฉบับปี 2023

    #Newskit #MICHELINGuideMY #ChimbyChefNoom
    อาหารไทยเฉิดฉาย มิชลินไกด์มาเลย์ฯ การประกาศรางวัลร้านอาหารมิชลินไกด์ กัวลาลัมเปอร์และปีนัง ปี 2025 (MICHELIN Guide Kuala Lumpur & Penang 2025) ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2567 มีร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรัฐปีนังได้รับการคัดเลือก 143 แห่ง โดยมี 25 แห่ง ได้รับการคัดเลือกเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดตัวร้านที่ได้รับรางวัล Green Star หรือรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกแห่งแรกในประเทศมาเลเซีย คือ ร้านเดวากาน (Dewakan) ที่นอกจากจะรักษารางวัลมิชลิน 2 ดาวด้วยเมนูอาหารที่โดดเด่นแล้ว ยังพยายามจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นและใช้เป็นส่วนผสมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเสริมรสชาติแบบดั้งเดิมของมาเลเซีย วัตถุดิบส่วนเกินยังนำไปหมักเป็นซอสโฮมเมดเพื่อลดขยะ ถือเป็นแรงบันดาลใจให้ร้านอาหารอื่นนำแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ ร้านใหม่ 2 แห่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ได้แก่ ชิมบายเชฟหนุ่ม (Chim By Chef Noom) ร้านอาหารไทยร่วมสมัย สืบทอดอาหารไทยดั้งเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนเมนูที่สร้างสรรค์และการจัดจานอย่างมีสไตล์ อีกทั้งเชฟอัซมี อาหมัด กามาล ยังได้รับรางวัล Service Award อีกรางวัลหนึ่ง ส่วนอีกร้านหนึ่งคือ โมลินา (Molina) ที่มีเมนูสร้างสรรค์ที่ผสมผสานเทคนิคแบบฝรั่งเศส กลิ่นอายแบบนอร์ดิก และกลิ่นอายแบบเอเชียอย่างลงตัว โดยเชฟกีโยม เดอปูร์แตร์ ได้รับรางวัล Opening of the Year Award รางวัลบิบกรูมองด์ (Bib Gourmand) ร้านอาหารอร่อยและราคาสมเหตุสมผล มีร้านใหม่ 12 แห่ง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 5 แห่ง และปีนัง 7 แห่ง หนึ่งในนั้นคือร้าน BM Yam Rice ย่านบูกิตเมอร์ตาจัม ที่เลื่อนระดับขึ้นจาก MICHELIN Selected เมนูเด่นคือซุปหมูและเครื่องในหมูรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมข้าวแยมไรซ์ (Yam Rice) เป็นหนึ่งในร้านอาหารราคาจับต้องได้ที่โดดเด่นที่สุดในมาเลเซีย ส่วนร้านอาหารหมวดหมู่ MICHELIN Selected มีร้านใหม่เพิ่มเติม 10 ร้าน รวมเป็น 80 ร้าน สำหรับร้านชิมบายเชฟหนุ่ม ตั้งอยู่ในอาคาร TSLAW Tower ย่านตุน ราซัก เอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) เจ้าของร้านคือเชฟหนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ แห่งร้านชิมบายสยามวิสดอม (Chim by Siam Wisdom) ย่านสามเสน กรุงเทพฯ โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพจากญี่ปุ่น ร่วมกับเครื่องเทศ ผลไม้ และผักในท้องถิ่น เมนูเด่นของร้านคือ The Lost Recipe ต้มยำสูตรโบราณกว่า 200 ปี ที่มีรสชาติกลมกล่อมลงตัว อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมีการจัดทำคู่มือมิชลินไกด์แล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์เริ่มจากฉบับปี 2016 ประเทศไทยเริ่มจากฉบับปี 2018 มาเลเซียและและเวียดนาม เริ่มจากฉบับปี 2023 #Newskit #MICHELINGuideMY #ChimbyChefNoom
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 978 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts