• found & found โออาร์จับธุรกิจความงาม

    ในขณะที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ตัดสินใจปิดตัวร้านไก่ทอด เท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ที่ขณะนี้มีไม่ถึง 100 สาขา ในวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่จะถึงนี้ อีกด้านหนึ่ง หันมาจับธุรกิจไลฟ์สไตล์ ด้วยการเปิดร้านฟาวด์ แอนด์ ฟาวด์ (found & found) ร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงาม สาขาแรกที่ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคาร B เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 ตามมาด้วยสาขาพีทีที สเตชั่น สายไหม 56 เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ต่อด้วยสาขาพีทีที สเตชั่น บรมราชชนนี 97 และสาขาล่าสุด โออาร์ สเปซ รามคำแหง 129

    ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด หรือ ORHW มีพันธมิตรหลักได้แก่ สุกิ โฮลดิ้งส์ (Suki Holdings) จากญี่ปุ่น และ คอนวี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (Konvy International) เจ้าของร้านขายเครื่องสำอางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมี นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศรีจันทร์สหโอสถ เจ้าของแบรนด์ SRICHAND เป็นกรรมการบริษัทอีกด้วย มีแผนเปิดให้บริการ 10 สาขาภายในปี 2567 และขยายเป็น 500 สาขาภายในปี 2573 เน้นไปที่พีทีที สเตชั่น และคอมมูนิตี้มอลล์

    สำหรับร้านฟาวด์ แอนด์ ฟาวด์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามจากประเทศไทย รวมทั้งนำเข้าจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อาทิ เครื่องสำอาง สกินแคร์ อาหารเสริม และวิตามิน จัดวางสินค้าตามการดูแลผิว 5 ขั้นตอน ได้แก่ การทำความสะอาดผิว (Cleanse) การเตรียมผิว (Prep) การบำรุงผิว (Treat) การเติมผิวให้ชุ่มชื้น (Moisturize) และการป้องกันผิว (Protect) พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม หรือ บีเอ (Beauty Advisor) ให้คำปรึกษาและแนะนำผลิตภัณฑ์

    ส่วนสมาชิกบลูพลัส (blueplus+) ที่มีมากกว่า 8 ล้านราย สามารถสมัครสมาชิกผ่านไลน์ @foundnfound ของทางร้าน แล้วเชื่อมต่อระบบสมาชิกเพื่อสะสมคะแนนผ่านการแจ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ ยอดซื้อทุก 25 บาทรับคะแนนสะสม 1 คะแนน และคะแนนสะสมบลูพลัสทุก 100 คะแนน มีมูลค่าแทนส่วนลดเงินสด 20 บาท นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันพิเศษในแอปพลิเคชัน xplORe อีกด้วย

    ปัจจุบันการแข่งขันร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงามมีวัตสัน (Watsons) เป็นเจ้าตลาดในไทยด้วยจำนวนกว่า 700 สาขา ตามมาด้วยบู๊ทส์ (Boots) ราว 280 สาขา นอกจากนี้ยังมีกลุ่มค้าปลีกชิงส่วนแบ่งตลาด อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล มีร้านมัทสึคิโยะ (Matsukiyo) และแผนกลุกส์ (LOOKS) ในท็อปส์ เครือสหพัฒน์มีร้านซูรูฮะ (Tsuruha) และซีเจ เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป มีร้านเครื่องสำอางไนน์บิวตี้ (NINE Beauty) เป็นต้น

    #Newskit #foundnfound #OR
    found & found โออาร์จับธุรกิจความงาม ในขณะที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ตัดสินใจปิดตัวร้านไก่ทอด เท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ที่ขณะนี้มีไม่ถึง 100 สาขา ในวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่จะถึงนี้ อีกด้านหนึ่ง หันมาจับธุรกิจไลฟ์สไตล์ ด้วยการเปิดร้านฟาวด์ แอนด์ ฟาวด์ (found & found) ร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงาม สาขาแรกที่ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคาร B เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 ตามมาด้วยสาขาพีทีที สเตชั่น สายไหม 56 เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ต่อด้วยสาขาพีทีที สเตชั่น บรมราชชนนี 97 และสาขาล่าสุด โออาร์ สเปซ รามคำแหง 129 ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด หรือ ORHW มีพันธมิตรหลักได้แก่ สุกิ โฮลดิ้งส์ (Suki Holdings) จากญี่ปุ่น และ คอนวี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (Konvy International) เจ้าของร้านขายเครื่องสำอางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมี นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศรีจันทร์สหโอสถ เจ้าของแบรนด์ SRICHAND เป็นกรรมการบริษัทอีกด้วย มีแผนเปิดให้บริการ 10 สาขาภายในปี 2567 และขยายเป็น 500 สาขาภายในปี 2573 เน้นไปที่พีทีที สเตชั่น และคอมมูนิตี้มอลล์ สำหรับร้านฟาวด์ แอนด์ ฟาวด์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามจากประเทศไทย รวมทั้งนำเข้าจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อาทิ เครื่องสำอาง สกินแคร์ อาหารเสริม และวิตามิน จัดวางสินค้าตามการดูแลผิว 5 ขั้นตอน ได้แก่ การทำความสะอาดผิว (Cleanse) การเตรียมผิว (Prep) การบำรุงผิว (Treat) การเติมผิวให้ชุ่มชื้น (Moisturize) และการป้องกันผิว (Protect) พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม หรือ บีเอ (Beauty Advisor) ให้คำปรึกษาและแนะนำผลิตภัณฑ์ ส่วนสมาชิกบลูพลัส (blueplus+) ที่มีมากกว่า 8 ล้านราย สามารถสมัครสมาชิกผ่านไลน์ @foundnfound ของทางร้าน แล้วเชื่อมต่อระบบสมาชิกเพื่อสะสมคะแนนผ่านการแจ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ ยอดซื้อทุก 25 บาทรับคะแนนสะสม 1 คะแนน และคะแนนสะสมบลูพลัสทุก 100 คะแนน มีมูลค่าแทนส่วนลดเงินสด 20 บาท นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันพิเศษในแอปพลิเคชัน xplORe อีกด้วย ปัจจุบันการแข่งขันร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงามมีวัตสัน (Watsons) เป็นเจ้าตลาดในไทยด้วยจำนวนกว่า 700 สาขา ตามมาด้วยบู๊ทส์ (Boots) ราว 280 สาขา นอกจากนี้ยังมีกลุ่มค้าปลีกชิงส่วนแบ่งตลาด อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล มีร้านมัทสึคิโยะ (Matsukiyo) และแผนกลุกส์ (LOOKS) ในท็อปส์ เครือสหพัฒน์มีร้านซูรูฮะ (Tsuruha) และซีเจ เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป มีร้านเครื่องสำอางไนน์บิวตี้ (NINE Beauty) เป็นต้น #Newskit #foundnfound #OR
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 2: ข้อมูลชี้...การนำเข้าขยะพุ่งและมีมากมายหลายชนิด)
    .
    จากกรณีพบขยะเทศบาลในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่มีการสำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ เรื่องดังกล่าว กรมศุลกากรไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ด้วยข้อมูลที่เล็ดลอดออกมา ทำให้มีสื่อมวลชนบางสำนักหยิบมานำเสนอ เหตุการณ์ที่มีลักษณะเป็นการลักลอบนี้จึงได้เผยตัวสู่สาธารณะ
    .
    ในทางลึกมีข้อมูลว่า เฉพาะในรอบปีนี้ ซึ่งนับตามจำนวนเวลาก็คือประมาณ 7 เดือน มีการตรวจพบปัญหาลักษณะเดียวกันของผู้นำเข้ารายนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง
    .
    สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นมิติของการลักลอบ ซึ่งมักไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างชัดเจน ส่วนในมิติที่มีข้อมูลสถิติเป็นทางการ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเสนอผ่านการแถลงข่าวร่วมกับกรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ในหัวข้อ “เมื่อขยะโลกหลั่งไหลเข้าไทย เราจะรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร” เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ระบุว่า
    .
    “จากการติดตามปัญหาการส่งออกขยะในหมู่ประเทศสมาชิกของอียู (สหภาพยุโรป) ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ได้มีการส่งขยะกลุ่มนี้เข้ามายังประเทศไทยสูงทีเดียว ประเทศไทยกลายเป็นปลายทางของการส่งออกขยะกระดาษและกระดาษแข็ง เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคนี้ รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ไทยยังเป็นปลายทางอันดับ 4 ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป รองมาจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย”
    .
    ตามสถิติของกรมศุลกากรที่เพ็ญโฉมค้นมานำเสนอ ไม่มีการแสดงปริมาณการนำเข้าของเสียเหล่านั้น แต่ได้แสดงเป็นมูลค่า ซึ่งในส่วนของเศษกระดาษมีมูลค่าสูงถึงระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเภทส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ที่เพ็ญโฉมบอกว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น มูลค่าในแต่ละปีสูงประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
    .
    “เราจะเห็นว่าการนำเข้าขยะกระดาษและขยะอิล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว แต่ยังมีพิกัดหนึ่งที่เป็นตัวรวมของขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทและเศษโลหะที่นำเข้ามา เศษพลาสติกบางอย่างที่ปนเข้ามาในพิกัด 8548 จะเห็นว่า ถ้าดูจากกราฟ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่ส่งออกขยะกลุ่มนี้มายังประเทศไทยสูงที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ”
    .
    ไม่เพียงพิกัด 8548 แต่พิกัด 4704 ที่เป็นรายการเศษกระดาษ คิดจากมูลค่าการนำเข้าสูงสุดก็มีต้นทางมาจากประเทศสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ส่วนลำดับรองลงมาได้แก่สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ในขณะที่ประเทศลำดับรองที่ส่งออกขยะพิกัด 8548 มาไทยในมูลค่าที่สูงรองจากสหรัฐฯ ได้แก่จีนและญี่ปุ่น
    .
    นอกจากนั้น เพ็ญโฉมยังเปิดเผยข้อมูลในส่วนของขยะหรือกากของเสียอุตสาหกรรม โดยยกสถิติเกี่ยวกับเศษอะลูมิเนียมมานำเสนอด้วย
    .
    “อะลูมิเนียมดรอส ยกตัวอย่างปี 2560 - 2567 ประเทศไทยมีการนำเข้าอะลูมิเนียม ซึ่งตัวที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะกรณีที่พบที่วินโพรเสส นครปฐม และอีกหลายที่ เราจะเรียกว่า อะลูมิเนียมดรอส ซึ่งคือกากอะลูมิเนียม แต่เวลาแสดงพิกัดการนำเข้า จะเรียกว่าเป็นผงอะลูมีเนียม หรือเป็นเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พวกนี้สามารถนำเข้ามาได้ และมีการนำเข้าเยอะทีเดียว จากปี 2560 – 2567 เป็นปริมาณหลายล้านตัน
    .
    “อย่างการนำเข้ากาก/เศษอะลูมิเนียม ปี 67 จากมกราคม - มิถุนายน ครึ่งปี มีการนำเข้ามาถึง 335 ล้านกิโลกรัม หรืออย่างตัวผงและเกล็ดอะลูมิเนียม เพียงครึ่งปีนี้ก็นำเข้ามากว่า 580,000 กิโลกรัม แต่บางปีก็มีการนำเข้ามากกว่านั้น ซึ่งเราคิดว่า การนำเข้าผงอะลูมิเนียมจากปี 60-67 แนวโน้มมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คำถามว่า นำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร อันนี้เราคิดว่าต้องย้อนมาดูนโยบายเรื่องการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน”
    .
    อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นมิตินโยบาย เราจะนำเสนอในตอนต่อๆ ไป
    ...
    ...
    เรียบเรียงโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ

    อ่านตอนที่ 1 ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 1: ทวงถามความรับผิดชอบ กรณีนำเข้าเศษกระดาษ แต่มี “ขยะเทศบาล” ปนมาด้วย)
    https://shorturl.asia/k2SJG

    #Thaitimes
    ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 2: ข้อมูลชี้...การนำเข้าขยะพุ่งและมีมากมายหลายชนิด) . จากกรณีพบขยะเทศบาลในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่มีการสำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ เรื่องดังกล่าว กรมศุลกากรไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ด้วยข้อมูลที่เล็ดลอดออกมา ทำให้มีสื่อมวลชนบางสำนักหยิบมานำเสนอ เหตุการณ์ที่มีลักษณะเป็นการลักลอบนี้จึงได้เผยตัวสู่สาธารณะ . ในทางลึกมีข้อมูลว่า เฉพาะในรอบปีนี้ ซึ่งนับตามจำนวนเวลาก็คือประมาณ 7 เดือน มีการตรวจพบปัญหาลักษณะเดียวกันของผู้นำเข้ารายนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง . สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นมิติของการลักลอบ ซึ่งมักไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างชัดเจน ส่วนในมิติที่มีข้อมูลสถิติเป็นทางการ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเสนอผ่านการแถลงข่าวร่วมกับกรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ในหัวข้อ “เมื่อขยะโลกหลั่งไหลเข้าไทย เราจะรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร” เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ระบุว่า . “จากการติดตามปัญหาการส่งออกขยะในหมู่ประเทศสมาชิกของอียู (สหภาพยุโรป) ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ได้มีการส่งขยะกลุ่มนี้เข้ามายังประเทศไทยสูงทีเดียว ประเทศไทยกลายเป็นปลายทางของการส่งออกขยะกระดาษและกระดาษแข็ง เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคนี้ รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ไทยยังเป็นปลายทางอันดับ 4 ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป รองมาจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย” . ตามสถิติของกรมศุลกากรที่เพ็ญโฉมค้นมานำเสนอ ไม่มีการแสดงปริมาณการนำเข้าของเสียเหล่านั้น แต่ได้แสดงเป็นมูลค่า ซึ่งในส่วนของเศษกระดาษมีมูลค่าสูงถึงระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเภทส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ที่เพ็ญโฉมบอกว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น มูลค่าในแต่ละปีสูงประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท . “เราจะเห็นว่าการนำเข้าขยะกระดาษและขยะอิล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว แต่ยังมีพิกัดหนึ่งที่เป็นตัวรวมของขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทและเศษโลหะที่นำเข้ามา เศษพลาสติกบางอย่างที่ปนเข้ามาในพิกัด 8548 จะเห็นว่า ถ้าดูจากกราฟ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่ส่งออกขยะกลุ่มนี้มายังประเทศไทยสูงที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ” . ไม่เพียงพิกัด 8548 แต่พิกัด 4704 ที่เป็นรายการเศษกระดาษ คิดจากมูลค่าการนำเข้าสูงสุดก็มีต้นทางมาจากประเทศสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ส่วนลำดับรองลงมาได้แก่สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ในขณะที่ประเทศลำดับรองที่ส่งออกขยะพิกัด 8548 มาไทยในมูลค่าที่สูงรองจากสหรัฐฯ ได้แก่จีนและญี่ปุ่น . นอกจากนั้น เพ็ญโฉมยังเปิดเผยข้อมูลในส่วนของขยะหรือกากของเสียอุตสาหกรรม โดยยกสถิติเกี่ยวกับเศษอะลูมิเนียมมานำเสนอด้วย . “อะลูมิเนียมดรอส ยกตัวอย่างปี 2560 - 2567 ประเทศไทยมีการนำเข้าอะลูมิเนียม ซึ่งตัวที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะกรณีที่พบที่วินโพรเสส นครปฐม และอีกหลายที่ เราจะเรียกว่า อะลูมิเนียมดรอส ซึ่งคือกากอะลูมิเนียม แต่เวลาแสดงพิกัดการนำเข้า จะเรียกว่าเป็นผงอะลูมีเนียม หรือเป็นเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พวกนี้สามารถนำเข้ามาได้ และมีการนำเข้าเยอะทีเดียว จากปี 2560 – 2567 เป็นปริมาณหลายล้านตัน . “อย่างการนำเข้ากาก/เศษอะลูมิเนียม ปี 67 จากมกราคม - มิถุนายน ครึ่งปี มีการนำเข้ามาถึง 335 ล้านกิโลกรัม หรืออย่างตัวผงและเกล็ดอะลูมิเนียม เพียงครึ่งปีนี้ก็นำเข้ามากว่า 580,000 กิโลกรัม แต่บางปีก็มีการนำเข้ามากกว่านั้น ซึ่งเราคิดว่า การนำเข้าผงอะลูมิเนียมจากปี 60-67 แนวโน้มมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คำถามว่า นำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร อันนี้เราคิดว่าต้องย้อนมาดูนโยบายเรื่องการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน” . อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นมิตินโยบาย เราจะนำเสนอในตอนต่อๆ ไป ... ... เรียบเรียงโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ อ่านตอนที่ 1 ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 1: ทวงถามความรับผิดชอบ กรณีนำเข้าเศษกระดาษ แต่มี “ขยะเทศบาล” ปนมาด้วย) https://shorturl.asia/k2SJG #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัปเกรดเทศบาลนครบุรีรัมย์ ดึงอาณาจักรปราสาทสายฟ้า

    การประกาศเปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เป็นเทศบาลนครบุรีรัมย์ ของกระทรวงมหาดไทย ที่ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ตีพิมพ์ลงในราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ 6 ก.ย. 2567 และมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 2567 ถือว่าเป็นไปตามแผนการยกอาณาจักร "ปราสาทสายฟ้า" ในพื้นที่ตำบลอิสาณ ได้แก่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต สนามช้างอารีนา โรงแรมบริคบอกซ์โฮเทลบุรีรัมย์ โรงแรมอมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และโรงโม่หินศิลาชัย ไปรวมกับตัวเมืองบุรีรัมย์

    เดิมเทศบาลเมืองบุรีรัมย์จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2479 มีพื้นที่เพียง 6 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 2.2 หมื่นคนจาก 18 ชุมชน แต่ได้นำเทศบาลตำบลอิสาณ พื้นที่ 36 ตารางกิโลเมตร ประชากร 2.2 หมื่นคนจาก 18 หมู่บ้าน และอีก 4 หมู่บ้านในตำบลเสม็ด ประชากรราว 5.5 พันคน มารวมกับเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้มีประชากรรวมกันเกิน 50,000 คน ตามหลักเกณฑ์พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496

    ตำบลอิสาณ ที่โอบล้อมรอบเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ หรือตำบลในเมือง นอกจากเป็นที่ตั้งของบริษัทในเครือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแล้ว ยังมีห้างบิ๊กซี แม็คโคร โฮมโปร และทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ส่วน 4 หมู่บ้านของตำบลเสม็ด มีวนอุทยานเขากระโดง ศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ สนามกีฬาบุรีรัมย์ซิตี้สเตเดียม โรงเรียนภัทรบพิตร แขวงทางหลวงบุรีรัมย์ มณฑลทหารบกที่ 26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ และแคมป์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขากระโดง

    ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา นายวิกรม สมจิตต์อารี อดีตนายกเทศมนตรีปี 2547-2551 และอดีตประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้นายเนวินเลิกเล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2555 หันมาเอาดีกับธุรกิจกีฬา แต่ก็มีบริวารโลดแล่นบนสนามการเมืองในนามพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายอนุทินเป็นหัวหน้าพรรค

    การแถลงนโยบายของนายวิกรม มีทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ 1. ปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหาร และการบริการประชาชน 2. ปรับปรุงตลาดสด และตลาดไนท์บาซาร์ 3. เพิ่มต้นไม้ และพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง 4. จัดตั้งและพัฒนาเขตเศรษฐกิจในเมือง และ 5. เตรียมพร้อมกับการยกฐานะเป็นเทศบาลนครบุรีรัมย์ นับจากนี้เมืองบุรีรัมย์อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ในฐานะองค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ขึ้น มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น และได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเพิ่มขึ้น

    #Newskit #บุรีรัมย์ #เทศบาลนครบุรีรัมย์
    อัปเกรดเทศบาลนครบุรีรัมย์ ดึงอาณาจักรปราสาทสายฟ้า การประกาศเปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เป็นเทศบาลนครบุรีรัมย์ ของกระทรวงมหาดไทย ที่ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ตีพิมพ์ลงในราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ 6 ก.ย. 2567 และมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 2567 ถือว่าเป็นไปตามแผนการยกอาณาจักร "ปราสาทสายฟ้า" ในพื้นที่ตำบลอิสาณ ได้แก่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต สนามช้างอารีนา โรงแรมบริคบอกซ์โฮเทลบุรีรัมย์ โรงแรมอมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และโรงโม่หินศิลาชัย ไปรวมกับตัวเมืองบุรีรัมย์ เดิมเทศบาลเมืองบุรีรัมย์จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2479 มีพื้นที่เพียง 6 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 2.2 หมื่นคนจาก 18 ชุมชน แต่ได้นำเทศบาลตำบลอิสาณ พื้นที่ 36 ตารางกิโลเมตร ประชากร 2.2 หมื่นคนจาก 18 หมู่บ้าน และอีก 4 หมู่บ้านในตำบลเสม็ด ประชากรราว 5.5 พันคน มารวมกับเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้มีประชากรรวมกันเกิน 50,000 คน ตามหลักเกณฑ์พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 ตำบลอิสาณ ที่โอบล้อมรอบเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ หรือตำบลในเมือง นอกจากเป็นที่ตั้งของบริษัทในเครือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแล้ว ยังมีห้างบิ๊กซี แม็คโคร โฮมโปร และทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ส่วน 4 หมู่บ้านของตำบลเสม็ด มีวนอุทยานเขากระโดง ศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ สนามกีฬาบุรีรัมย์ซิตี้สเตเดียม โรงเรียนภัทรบพิตร แขวงทางหลวงบุรีรัมย์ มณฑลทหารบกที่ 26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ และแคมป์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขากระโดง ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา นายวิกรม สมจิตต์อารี อดีตนายกเทศมนตรีปี 2547-2551 และอดีตประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้นายเนวินเลิกเล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2555 หันมาเอาดีกับธุรกิจกีฬา แต่ก็มีบริวารโลดแล่นบนสนามการเมืองในนามพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายอนุทินเป็นหัวหน้าพรรค การแถลงนโยบายของนายวิกรม มีทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ 1. ปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหาร และการบริการประชาชน 2. ปรับปรุงตลาดสด และตลาดไนท์บาซาร์ 3. เพิ่มต้นไม้ และพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง 4. จัดตั้งและพัฒนาเขตเศรษฐกิจในเมือง และ 5. เตรียมพร้อมกับการยกฐานะเป็นเทศบาลนครบุรีรัมย์ นับจากนี้เมืองบุรีรัมย์อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ในฐานะองค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ขึ้น มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น และได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเพิ่มขึ้น #Newskit #บุรีรัมย์ #เทศบาลนครบุรีรัมย์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์สากลผ้าไหมพื้นเรียบ
    ลายปักดอกคาร์เนชั่น สีและดอกไม้ประจำราชอาณาจักรสเปน

    ดอกคาร์เนชั่นสีแดง เป็นดอกไม้ประจำชาติที่อยู่คู่กับประเทศสเปนมาหลายร้อยปี เรามักคุ้นภาพนักเต้นระบำฟลามิงโก้ประดับดอกไม้สีแดงอยู่บนเรือนผม ดอกไม้ที่ว่ามีตำนานความรักของกษัตริย์และราชินีซ่อนอยู่ เรื่องนี้ย้อนกลับไปในศตวรรษที่๑๖ เมื่อกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ ๑ แห่งสเปนได้นำดอกคาร์เนชั่นสีแดงเข้ามาปลูกในสเปนเพื่อเป็นเครื่องหมายแทนความรักของพระองค์กับราชินีอิซาเบลล่า

    อิซาเบลล่าเกิดในปี ๑๕๐๓ พระองค์เป็นลูกสาวคนโตของอิมมานูเอลที่ ๑ กษัตริย์แห่งโปรตุเกส ในยุคที่สเปนและโปรตุเกสมั่งคั่งยิ่งใหญ่ ชีวิตของอิซาเบลล่าสมบูรณ์แบบไม่มีบกพร่องและเมื่อถึงวัยที่ต้องแต่งงาน พระมารดาของพระองค์ก็ประกาศชัดว่าลูกสาวคนนี้จะต้องแต่งงานกับกษัตริย์หรือลูกชายสายตรงของกษัตริย์เท่านั้น
    ตัวเลือกอันดับ ๑ ของอิซาเบลล่าคือพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๑ กษัตริย์ของสเปนซึ่งมีพระเกียรติสมกันถึงขั้นที่ประกาศกล้าว่าถ้าไม่ได้สมรสกับกษัตริย์สเปนก็จะขอครองตนโสดตลอดชีพ ปรากฏว่าการจับคู่กันเพื่ออำนาจนำมาสู่ความรักดังเทพนิยาย ชาร์ลส์ตกหลุมรักอิซาเบลล่าตั้งแต่แรกเห็น ขุนนางที่มีโอกาสได้ร่วมงานสมรสสุดยิ่งใหญ่บรรยายความสัมพันธ์ของทั้งสองว่า “ราวกับว่าทั้งคู่เกิดมาเพื่อกันและกัน ความรักของชาร์ลส์และอินซาเบลล่าสวยงามสดใสดังกุหลาบสีแดง”
    -----
    HER MAJESTY QUEEN SUTHIDA WEAR ROYAL ATTIRE IN THAI SILK
    CARNATIONS FLOWER OF THE KINGDOM OF SPAIN
    .
    THE RED CANATION has been the national flower of Spain for hundreds of years. We are familiar with the image of flamenco dancers with red flowers in their hair. The flower has a hidden legend of the love of a king and queen. This story dates back to the 16th century when King Charles I of Spain brought red carnations to Spain to symbolize his love for Queen Isabella.
    .
    Isabella was born in 1503. She was the eldest daughter of King Immanuel I of Portugal. At a time when Spain and Portugal were very wealthy, Isabella’s life was perfect and when it came time to marry, her mother made it clear that her daughter would marry the king or the king’s direct son. Isabella’s first choice was King Charles I, King of Spain, whose dignity was so great that he boldly declared that if he did not marry the king of Spain, he would remain single for life. It turned out that their power-for-power match led to a fairytale love. Charles fell in love with Isabella at first sight. A nobleman who had the opportunity to attend the grand wedding described their relationship as “as if they were made for each other. The love of Charles and Isabella was as beautiful and radiant as a red rose.”
    ____________________________________
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์สากลผ้าไหมพื้นเรียบ ลายปักดอกคาร์เนชั่น สีและดอกไม้ประจำราชอาณาจักรสเปน ดอกคาร์เนชั่นสีแดง เป็นดอกไม้ประจำชาติที่อยู่คู่กับประเทศสเปนมาหลายร้อยปี เรามักคุ้นภาพนักเต้นระบำฟลามิงโก้ประดับดอกไม้สีแดงอยู่บนเรือนผม ดอกไม้ที่ว่ามีตำนานความรักของกษัตริย์และราชินีซ่อนอยู่ เรื่องนี้ย้อนกลับไปในศตวรรษที่๑๖ เมื่อกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ ๑ แห่งสเปนได้นำดอกคาร์เนชั่นสีแดงเข้ามาปลูกในสเปนเพื่อเป็นเครื่องหมายแทนความรักของพระองค์กับราชินีอิซาเบลล่า อิซาเบลล่าเกิดในปี ๑๕๐๓ พระองค์เป็นลูกสาวคนโตของอิมมานูเอลที่ ๑ กษัตริย์แห่งโปรตุเกส ในยุคที่สเปนและโปรตุเกสมั่งคั่งยิ่งใหญ่ ชีวิตของอิซาเบลล่าสมบูรณ์แบบไม่มีบกพร่องและเมื่อถึงวัยที่ต้องแต่งงาน พระมารดาของพระองค์ก็ประกาศชัดว่าลูกสาวคนนี้จะต้องแต่งงานกับกษัตริย์หรือลูกชายสายตรงของกษัตริย์เท่านั้น ตัวเลือกอันดับ ๑ ของอิซาเบลล่าคือพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๑ กษัตริย์ของสเปนซึ่งมีพระเกียรติสมกันถึงขั้นที่ประกาศกล้าว่าถ้าไม่ได้สมรสกับกษัตริย์สเปนก็จะขอครองตนโสดตลอดชีพ ปรากฏว่าการจับคู่กันเพื่ออำนาจนำมาสู่ความรักดังเทพนิยาย ชาร์ลส์ตกหลุมรักอิซาเบลล่าตั้งแต่แรกเห็น ขุนนางที่มีโอกาสได้ร่วมงานสมรสสุดยิ่งใหญ่บรรยายความสัมพันธ์ของทั้งสองว่า “ราวกับว่าทั้งคู่เกิดมาเพื่อกันและกัน ความรักของชาร์ลส์และอินซาเบลล่าสวยงามสดใสดังกุหลาบสีแดง” ----- HER MAJESTY QUEEN SUTHIDA WEAR ROYAL ATTIRE IN THAI SILK CARNATIONS FLOWER OF THE KINGDOM OF SPAIN . THE RED CANATION has been the national flower of Spain for hundreds of years. We are familiar with the image of flamenco dancers with red flowers in their hair. The flower has a hidden legend of the love of a king and queen. This story dates back to the 16th century when King Charles I of Spain brought red carnations to Spain to symbolize his love for Queen Isabella. . Isabella was born in 1503. She was the eldest daughter of King Immanuel I of Portugal. At a time when Spain and Portugal were very wealthy, Isabella’s life was perfect and when it came time to marry, her mother made it clear that her daughter would marry the king or the king’s direct son. Isabella’s first choice was King Charles I, King of Spain, whose dignity was so great that he boldly declared that if he did not marry the king of Spain, he would remain single for life. It turned out that their power-for-power match led to a fairytale love. Charles fell in love with Isabella at first sight. A nobleman who had the opportunity to attend the grand wedding described their relationship as “as if they were made for each other. The love of Charles and Isabella was as beautiful and radiant as a red rose.” ____________________________________ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเกาะกูด ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่มโน โทนี่ไปทอร์คที่เนชั่น ชัดเจน จะแบ่งทรัพยากรคนละครึ่งกับฮุนเซน ไอ่ฉัดเอ๊ย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เรื่องเกาะกูด ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่มโน โทนี่ไปทอร์คที่เนชั่น ชัดเจน จะแบ่งทรัพยากรคนละครึ่งกับฮุนเซน ไอ่ฉัดเอ๊ย #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 478 มุมมอง 0 รีวิว
  • สยามพรีเมียมเอาท์เล็ต จากกรุงเทพฯ สู่ภูเก็ต

    หลังจากเปิดให้บริการมานานกว่า 4 ปี ในที่สุด สยามพิวรรธน์ ไซม่อน (Siam Piwat Simon) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสยามพิวรรธน์ กับไซม่อน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศขยายการลงทุนศูนย์การค้าสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต (Siam Premium Outlet) แห่งที่ 2 ที่จังหวัดภูเก็ต แม้จะล่าช้าจากเดิมที่เคยประกาศเมื่อปี 2561 ว่าตั้งเป้า 3 ปี เปิด 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคใต้ ใช้งบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจซบเซา

    แม้จะยังไม่เปิดเผยทำเลว่า สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ส่วนใด นอกจากระบุเพียงตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดภูเก็ต แต่ได้ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการในปี 2569 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า ท่ามกลางการแข่งขันของจำนวนห้างค้าปลีกที่มีมากถึง 14 แห่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ตอีก 19 แห่ง รวมทั้งเป็นทำเลจุดหมายสำคัญ ที่กลุ่มผู้ประกอบการทั้งผู้เช่าเดิมในโครงการสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ และผู้เช่าใหม่จำนวนมาก ต่างแสดงความต้องการและให้ข้อเสนอแนะให้บริษัทฯ ลงทุนขยายโครงการใหม่

    จุดเด่นของภูเก็ต ถือเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งใน Global Destination ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลก เดินทางเข้าสู่จังหวัดต่อปีไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน มีท่าอากาศยานภูเก็ต รองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวค่อนข้างสูง เฉลี่ย 8,355 บาทต่อคนต่อวัน รวมถึงคนไทยในพื้นที่ และชาวต่างชาติที่มาพำนักอยู่เป็นระยะเวลานาน (Expat) มีกำลังซื้อสูง และมีโรงเรียนนานาชาติมากถึง 15 แห่ง

    สำหรับการออกแบบ จะรังสรรค์ภายใต้คอนเซปต์พิเศษที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ คํานึงถึงการตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและรองรับการเติบโตของภูเก็ตอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีโครงการสนามบินนานาชาติอันดามัน จ.พังงา ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    สำหรับศูนย์การค้าสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตั้งอยู่ริมถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 ประกอบด้วยร้านค้ากว่า 300 ร้าน ทั้งร้านค้าลักชัวรี่แบรนด์ แบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล และแบรนด์ไทยต่างๆ ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผลประกอบการในปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้เข้าใช้บริการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และอัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการเต็ม 100%

    #Newskit #SiamPiwat #SiamPremiumOutletsPhuket
    สยามพรีเมียมเอาท์เล็ต จากกรุงเทพฯ สู่ภูเก็ต หลังจากเปิดให้บริการมานานกว่า 4 ปี ในที่สุด สยามพิวรรธน์ ไซม่อน (Siam Piwat Simon) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสยามพิวรรธน์ กับไซม่อน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศขยายการลงทุนศูนย์การค้าสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต (Siam Premium Outlet) แห่งที่ 2 ที่จังหวัดภูเก็ต แม้จะล่าช้าจากเดิมที่เคยประกาศเมื่อปี 2561 ว่าตั้งเป้า 3 ปี เปิด 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคใต้ ใช้งบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจซบเซา แม้จะยังไม่เปิดเผยทำเลว่า สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ส่วนใด นอกจากระบุเพียงตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดภูเก็ต แต่ได้ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการในปี 2569 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า ท่ามกลางการแข่งขันของจำนวนห้างค้าปลีกที่มีมากถึง 14 แห่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ตอีก 19 แห่ง รวมทั้งเป็นทำเลจุดหมายสำคัญ ที่กลุ่มผู้ประกอบการทั้งผู้เช่าเดิมในโครงการสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ และผู้เช่าใหม่จำนวนมาก ต่างแสดงความต้องการและให้ข้อเสนอแนะให้บริษัทฯ ลงทุนขยายโครงการใหม่ จุดเด่นของภูเก็ต ถือเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งใน Global Destination ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลก เดินทางเข้าสู่จังหวัดต่อปีไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน มีท่าอากาศยานภูเก็ต รองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวค่อนข้างสูง เฉลี่ย 8,355 บาทต่อคนต่อวัน รวมถึงคนไทยในพื้นที่ และชาวต่างชาติที่มาพำนักอยู่เป็นระยะเวลานาน (Expat) มีกำลังซื้อสูง และมีโรงเรียนนานาชาติมากถึง 15 แห่ง สำหรับการออกแบบ จะรังสรรค์ภายใต้คอนเซปต์พิเศษที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ คํานึงถึงการตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและรองรับการเติบโตของภูเก็ตอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีโครงการสนามบินนานาชาติอันดามัน จ.พังงา ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับศูนย์การค้าสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตั้งอยู่ริมถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 ประกอบด้วยร้านค้ากว่า 300 ร้าน ทั้งร้านค้าลักชัวรี่แบรนด์ แบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล และแบรนด์ไทยต่างๆ ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผลประกอบการในปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้เข้าใช้บริการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และอัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการเต็ม 100% #Newskit #SiamPiwat #SiamPremiumOutletsPhuket
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 746 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื้องหลังธนาคารไทย ใช้'CFR'สกัดบัญชีม้า

    นับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ธนาคารทุกแห่งใช้ระบบ CFR หรือ Central Fraud Registry ซึ่งเป็นระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลเส้นทางการเงินของภาคธนาคาร เพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวนและอายัดบัญชีของผู้ต้องสงสัย พัฒนาโดย บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด (ITMX) ระบบนี้จะให้ธนาคารที่เป็นสมาชิกของ ITMX นำส่งข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัย ที่ผู้เสียหายเป็นผู้แจ้ง หรือธนาคารตรวจพบรายการต้องสงสัย เพื่อดำเนินการกับบัญชีต้องสงสัยได้ครอบคลุมและรวดเร็วขึ้น เป็นมาตรฐานเดียวกัน

    เมื่อมีผู้เสียหายแจ้งความ หรือธนาคารตรวจจับได้ว่ามีบัญชีต้องสงสัย จากเดิมระงับเฉพาะธนาคารที่เกี่ยวข้องในเส้นทางเงิน เปลี่ยนเป็น "ระงับทุกธนาคาร" ภายใต้ชื่อบัญชีและหมายเลขบัตรประชาชนเดียวกัน โดยจะเห็นผลเมื่อคนที่เคย "ขายบัญชีม้า" ให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรม เมื่อเข้าสู่ระบบ Mobile Banking จะขึ้นข้อความว่า "บัญชีของคุณถูกระงับ" หรือข้อความในลักษณะใกล้เคียง โดยไม่สามารถทำธุรกรรมโอนเงินหรือถอนเงินออกมาได้

    ธนาคารจะระงับการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทุกบัญชี ทุกธนาคาร เพื่อให้เจ้าของบัญชีมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเข้มข้น และจะต้องให้ความร่วมมือกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center) หรือ AOC 1441 ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมาย เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนความเกี่ยวข้องทางคดี แต่ถ้าเป็นบัญชีที่ธนาคารตรวจพบพฤติกรรมต้องสงสัย แต่ยังไม่มีการแจ้งความ จะดำเนินการตามความเสี่ยงด้วยมาตรฐานเดียวกัน

    นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคธนาคารได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวไปแล้วกว่า 15,000 รายชื่อ ขอให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบจากการยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีของตนเป็นบัญชีม้า ทั้งบัญชีเดิมหรือกำลังจะเปิดเพิ่มเติมใหม่ว่า มีโทษอาญาตามกฎหมาย รวมทั้งผลจากมาตรการที่เข้มงวด เช่น การพิจารณาระงับการใช้งานบัญชีทั้งหมดทันที รวมถึงจะพิจารณาไม่อนุญาตให้เปิดบัญชีใหม่ ซึ่งจะกระทบการใช้บริการทางการเงินของบุคคลดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    อนึ่ง การเปิดหรือขายให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร หรือ e-Wallet เป็นบัญชีม้า ให้เช่าหรือให้ยืมใช้ซิมการ์ดโทรศัพท์เพื่อนำไปใช้ในทางทุจริตและการทำผิดกฎหมาย ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    #Newskit #CFR #บัญชีม้า
    เบื้องหลังธนาคารไทย ใช้'CFR'สกัดบัญชีม้า นับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ธนาคารทุกแห่งใช้ระบบ CFR หรือ Central Fraud Registry ซึ่งเป็นระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลเส้นทางการเงินของภาคธนาคาร เพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวนและอายัดบัญชีของผู้ต้องสงสัย พัฒนาโดย บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด (ITMX) ระบบนี้จะให้ธนาคารที่เป็นสมาชิกของ ITMX นำส่งข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัย ที่ผู้เสียหายเป็นผู้แจ้ง หรือธนาคารตรวจพบรายการต้องสงสัย เพื่อดำเนินการกับบัญชีต้องสงสัยได้ครอบคลุมและรวดเร็วขึ้น เป็นมาตรฐานเดียวกัน เมื่อมีผู้เสียหายแจ้งความ หรือธนาคารตรวจจับได้ว่ามีบัญชีต้องสงสัย จากเดิมระงับเฉพาะธนาคารที่เกี่ยวข้องในเส้นทางเงิน เปลี่ยนเป็น "ระงับทุกธนาคาร" ภายใต้ชื่อบัญชีและหมายเลขบัตรประชาชนเดียวกัน โดยจะเห็นผลเมื่อคนที่เคย "ขายบัญชีม้า" ให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรม เมื่อเข้าสู่ระบบ Mobile Banking จะขึ้นข้อความว่า "บัญชีของคุณถูกระงับ" หรือข้อความในลักษณะใกล้เคียง โดยไม่สามารถทำธุรกรรมโอนเงินหรือถอนเงินออกมาได้ ธนาคารจะระงับการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทุกบัญชี ทุกธนาคาร เพื่อให้เจ้าของบัญชีมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเข้มข้น และจะต้องให้ความร่วมมือกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center) หรือ AOC 1441 ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมาย เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนความเกี่ยวข้องทางคดี แต่ถ้าเป็นบัญชีที่ธนาคารตรวจพบพฤติกรรมต้องสงสัย แต่ยังไม่มีการแจ้งความ จะดำเนินการตามความเสี่ยงด้วยมาตรฐานเดียวกัน นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคธนาคารได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวไปแล้วกว่า 15,000 รายชื่อ ขอให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบจากการยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีของตนเป็นบัญชีม้า ทั้งบัญชีเดิมหรือกำลังจะเปิดเพิ่มเติมใหม่ว่า มีโทษอาญาตามกฎหมาย รวมทั้งผลจากมาตรการที่เข้มงวด เช่น การพิจารณาระงับการใช้งานบัญชีทั้งหมดทันที รวมถึงจะพิจารณาไม่อนุญาตให้เปิดบัญชีใหม่ ซึ่งจะกระทบการใช้บริการทางการเงินของบุคคลดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อนึ่ง การเปิดหรือขายให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร หรือ e-Wallet เป็นบัญชีม้า ให้เช่าหรือให้ยืมใช้ซิมการ์ดโทรศัพท์เพื่อนำไปใช้ในทางทุจริตและการทำผิดกฎหมาย ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ #Newskit #CFR #บัญชีม้า
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขาย'พรอมเมนาดา' ตำนานห้างเชียงใหม่

    นับเป็นการปิดฉากตำนานรีสอร์ตมอลล์ในเมืองเชียงใหม่ เมื่อกรมบังคับคดีเตรียมขายทรัพย์สินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โครงการพรอมเมนาดา รีสอร์ต มอลล์ บริเวณแยกดอนจั่น ถนนวงแหวนรอบ 2 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากคดีหมายเลขแดงที่ ล.2966/2562 ที่ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้อง บริษัท อีซีซี เชียงใหม่ โครงการ 1 จำกัด และศาลได้พิพากษาให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 โดยจะทำการขายรวม 24 แปลง กำหนดราคาประเมินรวม 2,058,375,055 บาท

    ทั้งนี้ กรมบังคับคดีจะทำการขายโดยปลอดการจำนอง โดยได้กำหนดจำหน่ายทรัพย์ครั้งแรกวันที่ 21 ต.ค. 2567 ที่กรมบังคับคดี ถนนบางขุนนนท์ กรุงเทพฯ ผู้ประสงค์จะเข้าเสนอราคาต้องวางหลักประกันเป็นจำนวน 105,000,000.00 บาท จึงเป็นที่จับตามองว่า ผู้พัฒนาศูนย์การค้าหรืออสังหาริมทรัพย์รายใดจะคว้าศูนย์การค้านี้ไปครอง หลังจากถูกปล่อยทิ้งร้างมานานกว่า 2 ปี แม้ว่าทำเลจะอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองเชียงใหม่ ไปทางถนนซูเปอร์ไฮเวย์ประมาณ 10 กิโลเมตรก็ตาม

    สำหรับพรอมเมนาดา เชียงใหม่ เป็นศูนย์การค้าสไตล์รีสอร์ต มอลล์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 58 ไร่ ลงทุนและบริหารโครงการโดยอีซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้เงินลงทุนกว่า 2,900 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2556 แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ได้แก่ อาคาร A และอาคาร B มีผู้เช่าหลักหลักประกอบด้วย ริมปิง ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านชิชาง ดิ เอ็กซ์พีเรียน สโตร์, โรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีเนม่า จำนวน 8 โรง เป็นต้น

    ในช่วงเปิดตัวได้รับความนิยม เนื่องจากสถาปัตยกรรมแปลกใหม่และความหรูหรา แต่ด้วยการแข่งขันด้านชอปปิ้งมอลล์ที่รุนแรงขึ้น อีกทั้งทำเลที่ตั้งอยู่ไกลจากเมือง ทำให้ความนิยมค่อยๆ ลดลง มีผู้ใช้บริการค่อนข้างน้อย ส่วนร้านดังต่างทยอยปิดตัวลง

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 ศูนย์การค้าฯ แจ้งร้านค้าปิดให้บริการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 เป็นต้นมา แม้พยายามประคับประคองและต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี พยายามให้ส่วนลดค่าเช่ารวมถึงงดเก็บค่าเช่าในบางเดือน แต่ไม่อาจแบกรับภาระได้ ภายหลังยอมรับว่าค้างชำระค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอยู่จำนวนหนึ่ง แม้ผ่อนชำระตามเงื่อนไข แต่กลับแจ้งให้ชำระเต็มจำนวน ซึ่งไม่สามารถหาเงินมาได้ทัน

    #Newskit #กรมบังคับคดี #Promenada
    ขาย'พรอมเมนาดา' ตำนานห้างเชียงใหม่ นับเป็นการปิดฉากตำนานรีสอร์ตมอลล์ในเมืองเชียงใหม่ เมื่อกรมบังคับคดีเตรียมขายทรัพย์สินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โครงการพรอมเมนาดา รีสอร์ต มอลล์ บริเวณแยกดอนจั่น ถนนวงแหวนรอบ 2 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากคดีหมายเลขแดงที่ ล.2966/2562 ที่ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้อง บริษัท อีซีซี เชียงใหม่ โครงการ 1 จำกัด และศาลได้พิพากษาให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 โดยจะทำการขายรวม 24 แปลง กำหนดราคาประเมินรวม 2,058,375,055 บาท ทั้งนี้ กรมบังคับคดีจะทำการขายโดยปลอดการจำนอง โดยได้กำหนดจำหน่ายทรัพย์ครั้งแรกวันที่ 21 ต.ค. 2567 ที่กรมบังคับคดี ถนนบางขุนนนท์ กรุงเทพฯ ผู้ประสงค์จะเข้าเสนอราคาต้องวางหลักประกันเป็นจำนวน 105,000,000.00 บาท จึงเป็นที่จับตามองว่า ผู้พัฒนาศูนย์การค้าหรืออสังหาริมทรัพย์รายใดจะคว้าศูนย์การค้านี้ไปครอง หลังจากถูกปล่อยทิ้งร้างมานานกว่า 2 ปี แม้ว่าทำเลจะอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองเชียงใหม่ ไปทางถนนซูเปอร์ไฮเวย์ประมาณ 10 กิโลเมตรก็ตาม สำหรับพรอมเมนาดา เชียงใหม่ เป็นศูนย์การค้าสไตล์รีสอร์ต มอลล์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 58 ไร่ ลงทุนและบริหารโครงการโดยอีซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้เงินลงทุนกว่า 2,900 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2556 แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ได้แก่ อาคาร A และอาคาร B มีผู้เช่าหลักหลักประกอบด้วย ริมปิง ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านชิชาง ดิ เอ็กซ์พีเรียน สโตร์, โรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีเนม่า จำนวน 8 โรง เป็นต้น ในช่วงเปิดตัวได้รับความนิยม เนื่องจากสถาปัตยกรรมแปลกใหม่และความหรูหรา แต่ด้วยการแข่งขันด้านชอปปิ้งมอลล์ที่รุนแรงขึ้น อีกทั้งทำเลที่ตั้งอยู่ไกลจากเมือง ทำให้ความนิยมค่อยๆ ลดลง มีผู้ใช้บริการค่อนข้างน้อย ส่วนร้านดังต่างทยอยปิดตัวลง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 ศูนย์การค้าฯ แจ้งร้านค้าปิดให้บริการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 เป็นต้นมา แม้พยายามประคับประคองและต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี พยายามให้ส่วนลดค่าเช่ารวมถึงงดเก็บค่าเช่าในบางเดือน แต่ไม่อาจแบกรับภาระได้ ภายหลังยอมรับว่าค้างชำระค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอยู่จำนวนหนึ่ง แม้ผ่อนชำระตามเงื่อนไข แต่กลับแจ้งให้ชำระเต็มจำนวน ซึ่งไม่สามารถหาเงินมาได้ทัน #Newskit #กรมบังคับคดี #Promenada
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 616 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 26-8-67
    .
    วันนี้เริ่มต้นด้วย ทัศนะของคุณสนธิ ต่อการที่ ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเวทีงาน Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 ของสื่อในเครือเนชั่น
    .
    https://youtube.com/watch?v=TsmlibxLMOU
    สนธิเล่าเรื่อง 26-8-67 . วันนี้เริ่มต้นด้วย ทัศนะของคุณสนธิ ต่อการที่ ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเวทีงาน Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 ของสื่อในเครือเนชั่น . https://youtube.com/watch?v=TsmlibxLMOU
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 806 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ค่ายเนชั่น ตกอับถึงขั้นขอให้ นช.มาช่วยพูดหารายได้ ต่อจากนี้ก็ขายวิญญาณสื่อรับใช้ทักษิณหากินกันไป
    #7ดอกจิก
    ♣ ค่ายเนชั่น ตกอับถึงขั้นขอให้ นช.มาช่วยพูดหารายได้ ต่อจากนี้ก็ขายวิญญาณสื่อรับใช้ทักษิณหากินกันไป #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค
    แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน
    พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา
    ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น
    พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน
    แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย
    โดยมีเนื้อหาดังนี้
    นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย
    “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น”
    “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน”
    เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์
    จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน
    ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป
    ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้ นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น” “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน” เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เนชั่นเชียร์พรรคส้มแบบล้อฟรีมานาน แบกภาระไม่ไหว ไร้งบฯหนุน สั่งชะลอจ่ายเงินเดือน ให้พนักงานรับภาระแทน
    #7ดอกจิก
    #เนชั่น
    ♣ เนชั่นเชียร์พรรคส้มแบบล้อฟรีมานาน แบกภาระไม่ไหว ไร้งบฯหนุน สั่งชะลอจ่ายเงินเดือน ให้พนักงานรับภาระแทน #7ดอกจิก #เนชั่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบลเยียมปฎิเสธจัดการแข่งขันฟุตบอลกับเอล ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
    เบลเยียมกล่าวว่าจะไม่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันยูฟ่าเนชั่นส์ลีกกับเอลในเดือนกันยายนเนื่องจาก “สถานการณ์ในกาซา” ที่สร้างความปวดหัวด้านความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่เมือง
    เบอนัวต์ เฮลลิงส์ เทศมนตรีคนแรกของบรัสเซลส์กล่าวว่าเมืองเชื่อว่าการจัดการแข่งขันซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นที่สตาด รัว โบดวง ในกรุงบรัสเซลส์ในวันที่ 6 กันยายนนั้น “เป็นไปไม่ได้”
    เฮลลิงส์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของบรัสเซลส์ได้หารือกันอย่างละเอียดถึงความเป็นไปได้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกับรัฐบาลกลาง กองกำลังตำรวจ และสหพันธ์ฟุตบอลเบลเยียม (URBSFA)
    “วันนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการประกาศการแข่งขันดังกล่าวที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของเรา จะกระตุ้นให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ชม ผู้เล่น ผู้อยู่อาศัย และกองกำลังตำรวจของเรา” เขากล่าวในแถลงการณ์
    “เกมของปีศาจแดงเป็นช่วงเวลาแห่งความสามัคคีและความสามัคคีมาโดยตลอด สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมและความมั่นคงในกาซาและผลกระทบทำให้ ต้องแจ้ง URBSFA ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการแข่งขันนัดนี้ที่สนามกีฬา Stade Roi Baudouin”
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    #เบลเยียม #การแข่งขันฟุตบอล
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    เบลเยียมปฎิเสธจัดการแข่งขันฟุตบอลกับเอล ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เบลเยียมกล่าวว่าจะไม่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันยูฟ่าเนชั่นส์ลีกกับเอลในเดือนกันยายนเนื่องจาก “สถานการณ์ในกาซา” ที่สร้างความปวดหัวด้านความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่เมือง เบอนัวต์ เฮลลิงส์ เทศมนตรีคนแรกของบรัสเซลส์กล่าวว่าเมืองเชื่อว่าการจัดการแข่งขันซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นที่สตาด รัว โบดวง ในกรุงบรัสเซลส์ในวันที่ 6 กันยายนนั้น “เป็นไปไม่ได้” เฮลลิงส์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของบรัสเซลส์ได้หารือกันอย่างละเอียดถึงความเป็นไปได้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกับรัฐบาลกลาง กองกำลังตำรวจ และสหพันธ์ฟุตบอลเบลเยียม (URBSFA) “วันนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการประกาศการแข่งขันดังกล่าวที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของเรา จะกระตุ้นให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ชม ผู้เล่น ผู้อยู่อาศัย และกองกำลังตำรวจของเรา” เขากล่าวในแถลงการณ์ “เกมของปีศาจแดงเป็นช่วงเวลาแห่งความสามัคคีและความสามัคคีมาโดยตลอด สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมและความมั่นคงในกาซาและผลกระทบทำให้ ต้องแจ้ง URBSFA ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการแข่งขันนัดนี้ที่สนามกีฬา Stade Roi Baudouin” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง #เบลเยียม #การแข่งขันฟุตบอล ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว