• "เอาเงินไปแจกผมว่าปัญญาอ่อน"

    เรียกเสียงวิจารณ์ในสังคม ถึงมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย คราวนี้เป็นคิวของผู้ที่มีอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน โดยอ้างว่ามีความพร้อมรู้ทางเทคโนโลยี ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 10 มี.ค. เห็นชอบหลักการดังกล่าว ซึ่งครั้งนี้แจกเงินผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล วอลเล็ต บนแอปพลิเคชันทางรัฐ คาดว่าจะดำเนินการในช่วงปลายไตรมาส 2 ควบไตรมาส 3 ของปี 2568

    ส่วนกลุ่มอายุ 21-59 ปี ที่ยังไม่ได้รับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้กันเงินไว้ 150,000 ล้านบาท มีกระสุนไว้เพียงพอ มีไว้เยอะ รัฐบาลใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า ยืนยันว่าการเลือกแจกกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ตื่นรู้ทางเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายในแบบนี้ ด้วยจำนวนเงินช่วงเวลาที่เหมาะสม

    อย่างไรก็ตาม การแจกเงินหมื่นเฟสนี้กลายเป็นที่สับสนแก่สังคม เพราะทีแรกแถลงข่าวว่า สามารถจ่ายค่าเทอมได้ แต่วันต่อมา กลับกล่าวว่าไม่ได้ เพราะค่าเทอม ค่าโทรศัพท์มือถือ และค่าบริการต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ถือว่าเป็นค่าบริการ ไม่รวมอยู่ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังก็อ้างว่าสื่อถามเร็วไปหน่อย ประจัญหน้าไปหน่อย คราวหน้าส่งคำถามมาก่อน อย่างไรก็ตาม ยังคงสามารถนำเงินไปใช้ซื้อสินค้าประเภทอื่นได้อยู่แล้ว

    ไม่นับรวมเสียงวิจารณ์จากสังคม โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่รอรัฐบาลแจกเงินแล้วยังไม่ได้ และผลพิสูจน์โครงการแจกเงิน 2 เฟสที่ผ่านมา ได้แก่ กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ 14.5 ล้านคน และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 3.02 ล้านคน รวม 17.5 ล้านคน แม้จะเป็นการโอนเงินสดเข้าบัญชีธนาคาร ผ่านระบบพร้อมเพย์เลขที่บัตรประชาชนก็ตาม ก็ไม่ได้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ธนาคารโลก (World Bank) ยังระบุว่ากระตุ้น GDP ได้เพียง 0.3% แต่มีต้นทุนทางการคลังสูงถึง 145,000 ล้านบาท หรือ 0.8% ของ GDP

    ขณะที่ชาวเน็ตยังคงแชร์ดิจิทัลฟุตปรินต์ แล้ววิจารณ์อย่างสนุกสนาน หนึ่งในนั้นเป็นคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวในรายการ CARE Talk เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 ระบุว่า "เติมเศรษฐกิจให้แข็งแรง ทำอะไรกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาเงินไปแจกผมว่าปัญญาอ่อน ถ้ามีปัญญาเขาไม่แจก เขาใช้เงินไปสร้างเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจแข็งแรง ทำเรื่องง่าย หรือยังขายวัคซีนไม่จบ" ซึ่งเป็นการแซะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แต่กลายเป็นว่าพอพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี กลับทำเสียเอง

    #Newskit
    "เอาเงินไปแจกผมว่าปัญญาอ่อน" เรียกเสียงวิจารณ์ในสังคม ถึงมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย คราวนี้เป็นคิวของผู้ที่มีอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน โดยอ้างว่ามีความพร้อมรู้ทางเทคโนโลยี ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 10 มี.ค. เห็นชอบหลักการดังกล่าว ซึ่งครั้งนี้แจกเงินผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล วอลเล็ต บนแอปพลิเคชันทางรัฐ คาดว่าจะดำเนินการในช่วงปลายไตรมาส 2 ควบไตรมาส 3 ของปี 2568 ส่วนกลุ่มอายุ 21-59 ปี ที่ยังไม่ได้รับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้กันเงินไว้ 150,000 ล้านบาท มีกระสุนไว้เพียงพอ มีไว้เยอะ รัฐบาลใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า ยืนยันว่าการเลือกแจกกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ตื่นรู้ทางเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายในแบบนี้ ด้วยจำนวนเงินช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม การแจกเงินหมื่นเฟสนี้กลายเป็นที่สับสนแก่สังคม เพราะทีแรกแถลงข่าวว่า สามารถจ่ายค่าเทอมได้ แต่วันต่อมา กลับกล่าวว่าไม่ได้ เพราะค่าเทอม ค่าโทรศัพท์มือถือ และค่าบริการต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ถือว่าเป็นค่าบริการ ไม่รวมอยู่ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังก็อ้างว่าสื่อถามเร็วไปหน่อย ประจัญหน้าไปหน่อย คราวหน้าส่งคำถามมาก่อน อย่างไรก็ตาม ยังคงสามารถนำเงินไปใช้ซื้อสินค้าประเภทอื่นได้อยู่แล้ว ไม่นับรวมเสียงวิจารณ์จากสังคม โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่รอรัฐบาลแจกเงินแล้วยังไม่ได้ และผลพิสูจน์โครงการแจกเงิน 2 เฟสที่ผ่านมา ได้แก่ กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ 14.5 ล้านคน และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 3.02 ล้านคน รวม 17.5 ล้านคน แม้จะเป็นการโอนเงินสดเข้าบัญชีธนาคาร ผ่านระบบพร้อมเพย์เลขที่บัตรประชาชนก็ตาม ก็ไม่ได้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ธนาคารโลก (World Bank) ยังระบุว่ากระตุ้น GDP ได้เพียง 0.3% แต่มีต้นทุนทางการคลังสูงถึง 145,000 ล้านบาท หรือ 0.8% ของ GDP ขณะที่ชาวเน็ตยังคงแชร์ดิจิทัลฟุตปรินต์ แล้ววิจารณ์อย่างสนุกสนาน หนึ่งในนั้นเป็นคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวในรายการ CARE Talk เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 ระบุว่า "เติมเศรษฐกิจให้แข็งแรง ทำอะไรกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาเงินไปแจกผมว่าปัญญาอ่อน ถ้ามีปัญญาเขาไม่แจก เขาใช้เงินไปสร้างเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจแข็งแรง ทำเรื่องง่าย หรือยังขายวัคซีนไม่จบ" ซึ่งเป็นการแซะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แต่กลายเป็นว่าพอพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี กลับทำเสียเอง #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพผู้ก่อการร้าย HTS 2 คน ที่ขณะนี้กลายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความสงบของรัฐบาลซีเรียใหม่ กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ในเมือง Jableh ประเทศซีเรีย และสังหารชายชราชาวอลาวีในบ้านของเขา พร้อมกับหัวเราะด้วยความสนุกสนาน

    "นี่คือสิ่งที่กลุ่ม HTS กำลังทำกับประชาชนชาวซีเรีย"
    ภาพผู้ก่อการร้าย HTS 2 คน ที่ขณะนี้กลายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความสงบของรัฐบาลซีเรียใหม่ กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ในเมือง Jableh ประเทศซีเรีย และสังหารชายชราชาวอลาวีในบ้านของเขา พร้อมกับหัวเราะด้วยความสนุกสนาน "นี่คือสิ่งที่กลุ่ม HTS กำลังทำกับประชาชนชาวซีเรีย"
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • สะเทือนใจที่สุด!!!
    ไม่มีสื่อที่ไหนรายงานข่าวเหล่านี้ ไม่มีประเทศตะวันตกโผล่หัวออกมาประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนเกล่านี้ เพราะพวกเขาจับมือกับโจลานีไปหมดแล้ว

    ภาพวิดีโอที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่งของกลุ่มก่อการร้าย HTS กำลังสังหารพลเรือนในซีเรีย โดยใช้ปืนยิงไปที่เท้าของชายคนนั้นก่อน เพื่อความสนุกสนาน หลังจากนั้นจึงสังหารชายคนดังกล่าว
    สะเทือนใจที่สุด!!! ไม่มีสื่อที่ไหนรายงานข่าวเหล่านี้ ไม่มีประเทศตะวันตกโผล่หัวออกมาประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนเกล่านี้ เพราะพวกเขาจับมือกับโจลานีไปหมดแล้ว ภาพวิดีโอที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่งของกลุ่มก่อการร้าย HTS กำลังสังหารพลเรือนในซีเรีย โดยใช้ปืนยิงไปที่เท้าของชายคนนั้นก่อน เพื่อความสนุกสนาน หลังจากนั้นจึงสังหารชายคนดังกล่าว
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 40 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออก

    เดือนนี้ ฐานะทางการเงินดี มีโชคลาภแบบไม่คาดหวัง กิจกรรมสนุกสนานงานร่าเริง งานมงคลสมรสแต่งงาน ทั้งอาจจะมีข่าวดีเจริญด้วยบุตรหลาน มีลูกมีหลานเกิดเพิ่มสมาชิกใหม่ในครอบครัว จะมีคนดีๆดั่งกัลยาณมิตร แวะเวียนไปมาหาสู่ เสมือนเป็นเพื่อนแท้ในยามยาก ช่วยคลี่คลายปัญหาอุปสรรคที่ติดขัดอยู่ให้ลุล่วงสำเร็จได้ แต่ผู้น้อยจะกระทบกระทั่งกับผู้ใหญ่ทำให้เกิดปากเสียงวิวาทะ ทะเลาะเบาะแว้งต่อกัน ควรใช้สติอดกลั้น อดทน สยบอารมณ์ ไม่จู้จี้ขี้บ่น จะได้ไม่เป็นปัญหาทางจิต รอดพ้นจากปัญหาทางสุขภาพร่างกาย เพื่อห่างไกลโรคร้าย โรคเส้นเลือดในสมอง โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ

    เสริมมงคล : โคมไฟสีแดง
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออก เดือนนี้ ฐานะทางการเงินดี มีโชคลาภแบบไม่คาดหวัง กิจกรรมสนุกสนานงานร่าเริง งานมงคลสมรสแต่งงาน ทั้งอาจจะมีข่าวดีเจริญด้วยบุตรหลาน มีลูกมีหลานเกิดเพิ่มสมาชิกใหม่ในครอบครัว จะมีคนดีๆดั่งกัลยาณมิตร แวะเวียนไปมาหาสู่ เสมือนเป็นเพื่อนแท้ในยามยาก ช่วยคลี่คลายปัญหาอุปสรรคที่ติดขัดอยู่ให้ลุล่วงสำเร็จได้ แต่ผู้น้อยจะกระทบกระทั่งกับผู้ใหญ่ทำให้เกิดปากเสียงวิวาทะ ทะเลาะเบาะแว้งต่อกัน ควรใช้สติอดกลั้น อดทน สยบอารมณ์ ไม่จู้จี้ขี้บ่น จะได้ไม่เป็นปัญหาทางจิต รอดพ้นจากปัญหาทางสุขภาพร่างกาย เพื่อห่างไกลโรคร้าย โรคเส้นเลือดในสมอง โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ เสริมมงคล : โคมไฟสีแดง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ที่ผ่านมาอะใช่
    เรื่องโดนอิเหม็นตะหวาดบ้าง
    เรื่องอิเหม็นตะคอกบ้าง
    นอยทีหายไปซักแว๊บนึง
    แล้วพอสะกดจิตตัวเองได้ก็กลับมาใหม่
    แต่รอบนี้ไม่ใช่ รอบนี้อะนะ
    ด้วยความสนุกสนานในกะลา
    ฟ๊องคนโน้น ฟ๊องคนนี้ ด้วยลายเซ็นของอิเหม็น
    พอฟ๊องเข้าจริงๆ แม่มมมลืมไป ลืมตัว
    ว่าตัวมันเองต้องอยู่ในประเทศไทยเหมือนกัน
    แล้วพยายามอ้าง ดิ้นว่า ตัวเองไม่เหี่ยว เอ้ย ไม่เกี่ยว
    แต่คนที่ไม่ชอบมันเป็นพยานเพียบบบบ
    จะอยู่ยังไง ทั้งวงการข่าว ทั้งวงการบันเทิง
    อย่างบอส ณวัฒน์ มีสแกรนมีแทบทุกจังหวัด
    อยู่ยังไงได้ก่อน ปิดยูซแม่มมมเลย
    ความป๊อดมาเต็ม ความบันเทิงเยือนถึงหน้าบ้าน
    แล้วคนที่มันปั่นจนฟ๊องแต่ละคน
    เค้าเตรียมฟ๊องกลับทุกราย ยายน้องเหม็นก็จะบันเทิง
    ตัวมันเองก็ยิ่งบันเทิง
    กรูเคยเตือนเมิงแล้ว ไปบ๊าให้เงียบๆ
    เxือกบ๊าแบบเล่นใหญ่ ไม่รอด รอบนี้
    เมิงเจอคนดังรวมตัวจัดคอมโบ้ให้เมิงแน่นวล
    สนธิงี้ ณวัฒน์งี้ อัมรินทร์งี้
    เอาสมองหรือซ๊งทรีนคิด เอาจริง
    ทุ๊ย!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #ที่ผ่านมาอะใช่ เรื่องโดนอิเหม็นตะหวาดบ้าง เรื่องอิเหม็นตะคอกบ้าง นอยทีหายไปซักแว๊บนึง แล้วพอสะกดจิตตัวเองได้ก็กลับมาใหม่ แต่รอบนี้ไม่ใช่ รอบนี้อะนะ ด้วยความสนุกสนานในกะลา ฟ๊องคนโน้น ฟ๊องคนนี้ ด้วยลายเซ็นของอิเหม็น พอฟ๊องเข้าจริงๆ แม่มมมลืมไป ลืมตัว ว่าตัวมันเองต้องอยู่ในประเทศไทยเหมือนกัน แล้วพยายามอ้าง ดิ้นว่า ตัวเองไม่เหี่ยว เอ้ย ไม่เกี่ยว แต่คนที่ไม่ชอบมันเป็นพยานเพียบบบบ จะอยู่ยังไง ทั้งวงการข่าว ทั้งวงการบันเทิง อย่างบอส ณวัฒน์ มีสแกรนมีแทบทุกจังหวัด อยู่ยังไงได้ก่อน ปิดยูซแม่มมมเลย ความป๊อดมาเต็ม ความบันเทิงเยือนถึงหน้าบ้าน แล้วคนที่มันปั่นจนฟ๊องแต่ละคน เค้าเตรียมฟ๊องกลับทุกราย ยายน้องเหม็นก็จะบันเทิง ตัวมันเองก็ยิ่งบันเทิง กรูเคยเตือนเมิงแล้ว ไปบ๊าให้เงียบๆ เxือกบ๊าแบบเล่นใหญ่ ไม่รอด รอบนี้ เมิงเจอคนดังรวมตัวจัดคอมโบ้ให้เมิงแน่นวล สนธิงี้ ณวัฒน์งี้ อัมรินทร์งี้ เอาสมองหรือซ๊งทรีนคิด เอาจริง ทุ๊ย! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28/2/68

    เนื้อหายาวมาก แต่คุ้มค่าแก่การอ่านค่ะ

    หมอพจนีย์ #ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง
    แล้ววันหนึ่ง....

    แพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์....เรียนจบมัธยมปลายที่เตรียมอุดมฯ
    จบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต่อแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช

    อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น
    มีนิสัยร่าเริงสนุกสนาน
    มีเพื่อนฝูงรักชอบหมอมากมาย

    หมอเล่าว่า เมื่อก่อนเคยใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เที่ยวทุกคืน อาศัยเข้าไปกินบรรยากาศ
    ดื่มพอมึน ๆ ฟังพวกเพื่อนที่กินเหล้าคุยกัน มันรู้สึกสนุก บ้าๆ บอๆ สะใจ หัวเราะกันได้ทั้งคืน
    บ่อยครั้งที่ดื่มจนถึงเช้าแล้วค่อยแยกจากกัน

    มันก็แปลกเหมือนกันที่หมอเองเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่
    แต่ก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร กลับรู้สึกว่า ทำแบบนี้ เก๋มาก ภูมิใจ เป็นการเข้าสังคมกลุ่มพี่น้องหมอด้วยกัน

    ก่อนหน้านั้น หมอเป็นคนห่างไกลศาสนา มองไม่เห็นความจำเป็นว่า ศาสนาจะเข้ามาช่วยชีวิตให้สมบูรณ์ได้อย่างไร
    เพราะที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ดีอยู่แล้ว ทำบุญวันเกิดปีละครั้งตามประเพณี
    ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

    ยิ่งมาเรียนจบหมอก็ยิ่งเชื่อมั่นในความเห็นของตนยิ่ง ขึ้นไปอีก คือ ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง

    ยิ่งเรียนสูติฯ ด้วยก็ไม่เคยเห็นเด็กที่คลอดออกมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวเลย
    มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ว่าพระพุทธเจ้าพอคลอดออกมาก็เดินได้ 7 ก้าว

    ยังนั่งคุยกับเพื่อน ๆ เลยว่า
    สมัยก่อนคงมีนักคิดที่เก่ง ๆ ที่คิดจัดระเบียบทางสังคมให้ดีขึ้น จึงแต่งเรื่องพระพุทธเจ้าขึ้นมา แล้วก็ใส่ปาฏิหาริย์ เพื่อเพิ่มความศรัทธาไปเท่านั้น

    ตอนนั้นหมอคิดว่า อะไรที่พิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ หรือจับต้องไม่ได้
    เราก็ไม่ควรเชื่อ

    ในที่สุด วันร้ายคืนร้ายก็มาถึง หมอล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน ด้วยโรคหมอนรองกระดูกแตก โดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
    ซึ่งเจ็บปวดทรมานมาก ถึงขั้นเดินไม่ได้ หมอต้องเข้ารับการผ่าตัดและนอนพักฟื้นอย่างยาวนาน

    ฉีดยาเข้าไขสันหลังเพื่อบรรเทาปวด ก็ยังไม่หาย แม้แต่อาจารย์หมอที่ว่าเก่ง ๆ ที่เชี่ยวชาญมาก ๆ ทั่วทั้งโรงพยาบาลมารุมวินิจฉัยดูอาการ ก็ยังไม่มีใครรักษาเราได้

    ได้รักษาทุกวิถีทางแล้ว จนรู้สึกท้อแท้ หมดหวังเหมือนหมดหวังทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต กินยา ก็กินไม่ได้ ทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำหนักลดจาก 47 กิโลกรัม เหลือ 42 กิโลกรัม
    ภายใน 2-3 วัน จนอาจารย์หมอมาพูดกับเราว่า ให้ทนอย่างนี้อีก 10 ปี ทนอีก 10 ปีนะ แล้วเราก็จะชินไปเอง…

    ได้ยินประโยคนี้ เรารับไม่ได้ เลยหันมาตั้งสติใหม่ มาคิดว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตนี่…ผ่าตัดก็ไม่หาย ฉีดยาเข้าช่องไขสันหลัง
    น้ำไขสันหลังก็รั่ว กินยาก็แพ้

    อาจารย์หมอทุกคนและเพื่อนหมอด้วยกัน ก็มาช่วยดูแลรักษาอาการของเราทั้งหมด แต่เราก็ยังไม่หาย เราเองก็เป็นหมอด้วย
    มันช่างไม่ตรงไปตรงมาเสียเลย หมอเก่ง ๆ ก็น่าจะรักษาให้หายได้ แต่ทำไมไม่หาย…ทำไมเรื่องแบบนี้
    ต้องมาเกิดขึ้นกับเราเล่า…
    ทำไมต้องเป็นเราด้วย…

    วิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ว่าแน่ๆ
    วิชาหมอที่เรียนมาเกือบ 10 ปี ก็ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของการป่วยของเราเองได้ ซ้ำถูกบอกได้แค่ว่าให้ทนรออีก 10 ปี แล้วจะชินไปเอง……

    มันน่าจะมีอะไร ที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้ แล้วสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่……

    ความรู้สึกเชื่อมั่นในทางวิทยาศาสตร์ตอนนั้น
    ได้ลดลงไปเลย เพราะเราสู้มาทุกทาง ใช้เทคโนโลยีที่ว่าทันสมัยทุกอย่างรักษามาหมด กลับสู้ไม่ได้…..

    โชคดีที่ช่วงนั้น คุณน้าแนะนำให้เราใช้พุทธศาสตร์เข้ามาช่วย
    ก็ในเมื่อเราลองมาทุกทางแล้วนี่ แต่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น ก็เลยหันมาศึกษาธรรมะ

    ลองหัดทำสมาธิ หัดทำใจให้สงบ ขยันฟังธรรมะทุกวัน…รู้สึกโปร่งโล่งเบากายเบาใจขึ้น รู้สึกเริ่มเข้าใจ
    ในเบื้องหน้าเบื้องหลังของชีวิตมากขึ้น จนทำให้รู้ว่า เบื้องหลังของการป่วยของเรา มันคือวิบากกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีตนั่นเอง

    ก่อนหน้านั้น มีแต่คนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรม มาชดใช้วิบากกรรมที่เคยทำไว้ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเกิดมาเลยนะ
    เหมือนเกิดมาเพื่อโดนลงโทษ ก็รู้สึกห่อเหี่ยว คิดว่าเราจะไม่สามารถมีโอกาส หรือหาหนทางแก้ไขได้เลยหรือ ?

    แต่พอมาศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงเน้นย้ำว่าเราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง…… พอรู้เป้าหมายอย่างนี้ ก็รู้สึกชุ่มใจ
    เกิดมาเหมือนชีวิตมีโอกาสที่จะแก้ไขและปรับปรุงในสิ่งที่เรายังบกพร่องได้

    มีคำถามในใจว่า...
    “ การรู้เพียงว่ามันคือวิบากกรรม มันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้บ้างล่ะ หากยังไม่รู้ถึงวิธีการแก้ไข ”

    ด้วยคำถามนี้เอง ทำให้หมอประทับใจในคำสอนของพระพุทธเจ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้ถึงวิธีแก้ไขวิบากกรรม จากหนักให้เป็นเบา
    จากเบาก็จะหาย ถ้าจะตายก็จะไปดี ด้วยการบำเพ็ญบุญกุศลให้ถึงพร้อม

    หมอขอยืนยันเลยว่า วิทยาศาสตร์และวิชาหมอไม่ได้สอนไว้เลย ซึ่งหมอได้พิสูจน์จุดนี้อย่างเด่นชัด
    ด้วยตัวเองแล้ว

    ทั้งนี้เพราะอาการของหมอหมดหนทาง
    ที่จะเยียวยาแล้ว แม้กินยา ก็ยังไม่ได้ เพราะแพ้ยา หมอจึงหันมารักษาด้วยการศึกษาและปฏิบัติธรรม
    ทำบุญทำทาน รักษาศีล ทำสมาธิ และอธิษฐานจิต...

    ในที่สุด หมอก็พบว่าอาการของหมอดีขึ้นตามลำดับอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถทำงานเป็นหมอได้ดังเดิม

    เมื่อก่อน หมอไม่เคยคิดเลยว่า พุทธศาสตร์จะเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ถึงขนาดนี้ คิดแต่ว่าเป็นสิ่งเหลือเชื่อ งมงาย แต่พอมาได้ศึกษาปฏิบัติแล้ว ก็พบว่าวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่
    ยังล้าหลังพุทธศาสตร์อยู่มาก

    อย่างเราเองเรียนหมอ วิชาแพทย์ ก็อธิบายได้แค่การเกิดของคนจนถึงตาย
    แต่ก่อนที่จะเกิด และหลังจากความตายเป็นอย่างไรนั้น วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้…

    การเจ็บป่วย เช่น โรคมะเร็ง ความดัน เบาหวาน หัวใจ สารพัดโรค ทางการแพทย์เองก็ไม่สามารถบอกได้แน่ชัด บอกได้แต่สมมติฐาน และพยาธิสภาพรวมๆว่า มาจากหลายสาเหตุ ยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้

    แต่พอมาศึกษาพุทธศาสตร์ มาหยั่งใจใคร่ครวญด้วยสมาธิ
    ในเรื่องกฎของกรรม ก็สามารถตอบได้หมด
    ถึงสาเหตุและต้นตอของโรคว่าที่เป็นโรคนี้ เพราะกรรมอะไร จากชาติไหน
    และต้องแก้ไขอย่างไร ซึ่งตัวเราเองก็อัศจรรย์ใจมาก

    ทุกวันนี้ หมอเชื่อมั่นถึงการมีจริงของพระพุทธเจ้า เชื่อว่าพระพุทธเจ้าประสูติแล้วสามารถเดินได้ 7 ก้าวจริง ๆ

    พอมาถึงทุกวันนี้ เมื่อหมอย้อนไปในอดีต ก็อดนึกขำตัวเองไม่หายว่าทำไมเราหลงคิดผิด ๆด้วยมานะทิฐิอยู่ได้ตั้งนาน ไม่ยอมเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้ลองศึกษาก่อน จนเกือบจะสายเกินไป หรือหมดโอกาสไปเสียเลย

    แต่พอมาศึกษาจริง ๆ จึงได้เข้าใจ
    และเห็นพระคุณของพุทธศาสตร์อย่างลึกซึ้ง
    จนต่อให้วิชาทางโลก ที่ว่าเจ๋ง ๆ นั้น แม้จะไม่รู้ก็ยังไม่เป็นไร แต่หากไม่มาเรียนรู้พุทธศาสตร์แล้ว ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดอย่างปลอดภัยในวัฏสงสารได้เลย

    พุทธศาสตร์นั้น จะสอนให้เรารู้จักเลือกและเลี่ยงได้ สอนให้เรารู้ว่าตอนที่เรา
    ยังมีชีวิตอยู่นั้น เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร จึงจะมีชีวิตที่ดีและมีคุณค่า ตลอดจนวิธีการที่จะกำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้อย่างไร

    การที่จะไม่เกิดอีกนั้น ต้องทำอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้เราสามารถเรียนรู้จากการศึกษาปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา เมื่อเราได้ศึกษาไป ปฏิบัติไป เราก็จะเข้าใจชีวิตและโลกเพิ่มมากขึ้นๆ แล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นความแตกต่างได้ชัด อย่างที่ตัวของหมอเองได้ประสบมา…

    สังคมทุกวันนี้ หมอสังเกตเห็นชัดว่าเด็กที่ฝากท้องกับหมอ จำนวนของเด็กวัยรุ่น 16 – 17 ปี ที่กำลังเป็นวัยเรียนได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก บางคนมาขอให้หมอทำแท้งให้ ซึ่งเราก็ให้ความรู้เขาไปว่ามันเป็นบาปนะ มันจะกลับมาเป็นเวรกรรมให้กับตัวเองด้วย

    ปัญหาเด็กและเยาวชนเพิ่มมากขึ้น เพราะสื่อทุกอย่างเป็นสื่อของกระแสกาม
    พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยรายการทีวี เด็กซึมซับพฤติกรรมอะไร ๆ โดยได้รับอิทธิลจากทีวีสูงมาก

    สังคมที่ยังขาดความรู้ทางพุทธศาสตร์ จะแก้ปัญหาให้เกิดความสันติสุขไม่ได้เลย แผนพัฒนาประเทศชาติควรต้องคำนึงถึง
    เรื่องนี้ให้มาก

    หมอคิดว่า แม้ว่าเราจะมีความรู้สูง ฉลาด ก็อย่าฉลาดอย่างงมงายอย่างที่หมอเคยเป็นมาก่อน คือ
    ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้มาศึกษาก่อน แถมยังปิดกั้นสิ่งที่ดีนั้นไว้ นั่นจะทำให้เราไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ดีที่สุดไปตลอดชีวิตเลย

    คนเราอาจผิดพลาดในชีวิต คิดผิดด้วยความยึดมั่นในความรู้และความพร้อมของตัวเองได้ก็จริง
    แต่สิ่งที่เราไม่ควรผิดพลาดเลยสำหรับชีวิตนี้
    ก็คือ การปิดกั้นตัวเองจากสิ่งที่ยังไม่ได้ลองศึกษา
    แล้วด่วนสรุปด้วยตัวเองแทนการลงมือพิสูจน์ด้วยตัวเอง

    การเปิดโอกาส ให้ตัวเองได้ศึกษาธรรมะ เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ศึกษา
    วิชาที่สำคัญและจำเป็นที่สุดในชีวิต ที่มิใช่เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องรู้ ถ้าไม่รู้ ก็เสียชาติเกิด…

    /////////

    ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับแพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์ ที่ให้ประสบการณ์ชีวิตเป็นธรรมทานค่ะ

    สำหรับผู้ได้อ่านแล้วเห็นว่าเป็นธรรมะที่ดีช่วยกันแชร์เป็นธรรมทานนะคะ 😊🙏✨
    28/2/68 เนื้อหายาวมาก แต่คุ้มค่าแก่การอ่านค่ะ หมอพจนีย์ #ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง แล้ววันหนึ่ง.... แพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์....เรียนจบมัธยมปลายที่เตรียมอุดมฯ จบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต่อแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น มีนิสัยร่าเริงสนุกสนาน มีเพื่อนฝูงรักชอบหมอมากมาย หมอเล่าว่า เมื่อก่อนเคยใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เที่ยวทุกคืน อาศัยเข้าไปกินบรรยากาศ ดื่มพอมึน ๆ ฟังพวกเพื่อนที่กินเหล้าคุยกัน มันรู้สึกสนุก บ้าๆ บอๆ สะใจ หัวเราะกันได้ทั้งคืน บ่อยครั้งที่ดื่มจนถึงเช้าแล้วค่อยแยกจากกัน มันก็แปลกเหมือนกันที่หมอเองเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ แต่ก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร กลับรู้สึกว่า ทำแบบนี้ เก๋มาก ภูมิใจ เป็นการเข้าสังคมกลุ่มพี่น้องหมอด้วยกัน ก่อนหน้านั้น หมอเป็นคนห่างไกลศาสนา มองไม่เห็นความจำเป็นว่า ศาสนาจะเข้ามาช่วยชีวิตให้สมบูรณ์ได้อย่างไร เพราะที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ดีอยู่แล้ว ทำบุญวันเกิดปีละครั้งตามประเพณี ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ยิ่งมาเรียนจบหมอก็ยิ่งเชื่อมั่นในความเห็นของตนยิ่ง ขึ้นไปอีก คือ ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง ยิ่งเรียนสูติฯ ด้วยก็ไม่เคยเห็นเด็กที่คลอดออกมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวเลย มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ว่าพระพุทธเจ้าพอคลอดออกมาก็เดินได้ 7 ก้าว ยังนั่งคุยกับเพื่อน ๆ เลยว่า สมัยก่อนคงมีนักคิดที่เก่ง ๆ ที่คิดจัดระเบียบทางสังคมให้ดีขึ้น จึงแต่งเรื่องพระพุทธเจ้าขึ้นมา แล้วก็ใส่ปาฏิหาริย์ เพื่อเพิ่มความศรัทธาไปเท่านั้น ตอนนั้นหมอคิดว่า อะไรที่พิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ หรือจับต้องไม่ได้ เราก็ไม่ควรเชื่อ ในที่สุด วันร้ายคืนร้ายก็มาถึง หมอล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน ด้วยโรคหมอนรองกระดูกแตก โดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งเจ็บปวดทรมานมาก ถึงขั้นเดินไม่ได้ หมอต้องเข้ารับการผ่าตัดและนอนพักฟื้นอย่างยาวนาน ฉีดยาเข้าไขสันหลังเพื่อบรรเทาปวด ก็ยังไม่หาย แม้แต่อาจารย์หมอที่ว่าเก่ง ๆ ที่เชี่ยวชาญมาก ๆ ทั่วทั้งโรงพยาบาลมารุมวินิจฉัยดูอาการ ก็ยังไม่มีใครรักษาเราได้ ได้รักษาทุกวิถีทางแล้ว จนรู้สึกท้อแท้ หมดหวังเหมือนหมดหวังทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต กินยา ก็กินไม่ได้ ทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำหนักลดจาก 47 กิโลกรัม เหลือ 42 กิโลกรัม ภายใน 2-3 วัน จนอาจารย์หมอมาพูดกับเราว่า ให้ทนอย่างนี้อีก 10 ปี ทนอีก 10 ปีนะ แล้วเราก็จะชินไปเอง… ได้ยินประโยคนี้ เรารับไม่ได้ เลยหันมาตั้งสติใหม่ มาคิดว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตนี่…ผ่าตัดก็ไม่หาย ฉีดยาเข้าช่องไขสันหลัง น้ำไขสันหลังก็รั่ว กินยาก็แพ้ อาจารย์หมอทุกคนและเพื่อนหมอด้วยกัน ก็มาช่วยดูแลรักษาอาการของเราทั้งหมด แต่เราก็ยังไม่หาย เราเองก็เป็นหมอด้วย มันช่างไม่ตรงไปตรงมาเสียเลย หมอเก่ง ๆ ก็น่าจะรักษาให้หายได้ แต่ทำไมไม่หาย…ทำไมเรื่องแบบนี้ ต้องมาเกิดขึ้นกับเราเล่า… ทำไมต้องเป็นเราด้วย… วิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ว่าแน่ๆ วิชาหมอที่เรียนมาเกือบ 10 ปี ก็ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของการป่วยของเราเองได้ ซ้ำถูกบอกได้แค่ว่าให้ทนรออีก 10 ปี แล้วจะชินไปเอง…… มันน่าจะมีอะไร ที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้ แล้วสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่…… ความรู้สึกเชื่อมั่นในทางวิทยาศาสตร์ตอนนั้น ได้ลดลงไปเลย เพราะเราสู้มาทุกทาง ใช้เทคโนโลยีที่ว่าทันสมัยทุกอย่างรักษามาหมด กลับสู้ไม่ได้….. โชคดีที่ช่วงนั้น คุณน้าแนะนำให้เราใช้พุทธศาสตร์เข้ามาช่วย ก็ในเมื่อเราลองมาทุกทางแล้วนี่ แต่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น ก็เลยหันมาศึกษาธรรมะ ลองหัดทำสมาธิ หัดทำใจให้สงบ ขยันฟังธรรมะทุกวัน…รู้สึกโปร่งโล่งเบากายเบาใจขึ้น รู้สึกเริ่มเข้าใจ ในเบื้องหน้าเบื้องหลังของชีวิตมากขึ้น จนทำให้รู้ว่า เบื้องหลังของการป่วยของเรา มันคือวิบากกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีตนั่นเอง ก่อนหน้านั้น มีแต่คนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรม มาชดใช้วิบากกรรมที่เคยทำไว้ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเกิดมาเลยนะ เหมือนเกิดมาเพื่อโดนลงโทษ ก็รู้สึกห่อเหี่ยว คิดว่าเราจะไม่สามารถมีโอกาส หรือหาหนทางแก้ไขได้เลยหรือ ? แต่พอมาศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงเน้นย้ำว่าเราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง…… พอรู้เป้าหมายอย่างนี้ ก็รู้สึกชุ่มใจ เกิดมาเหมือนชีวิตมีโอกาสที่จะแก้ไขและปรับปรุงในสิ่งที่เรายังบกพร่องได้ มีคำถามในใจว่า... “ การรู้เพียงว่ามันคือวิบากกรรม มันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้บ้างล่ะ หากยังไม่รู้ถึงวิธีการแก้ไข ” ด้วยคำถามนี้เอง ทำให้หมอประทับใจในคำสอนของพระพุทธเจ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้ถึงวิธีแก้ไขวิบากกรรม จากหนักให้เป็นเบา จากเบาก็จะหาย ถ้าจะตายก็จะไปดี ด้วยการบำเพ็ญบุญกุศลให้ถึงพร้อม หมอขอยืนยันเลยว่า วิทยาศาสตร์และวิชาหมอไม่ได้สอนไว้เลย ซึ่งหมอได้พิสูจน์จุดนี้อย่างเด่นชัด ด้วยตัวเองแล้ว ทั้งนี้เพราะอาการของหมอหมดหนทาง ที่จะเยียวยาแล้ว แม้กินยา ก็ยังไม่ได้ เพราะแพ้ยา หมอจึงหันมารักษาด้วยการศึกษาและปฏิบัติธรรม ทำบุญทำทาน รักษาศีล ทำสมาธิ และอธิษฐานจิต... ในที่สุด หมอก็พบว่าอาการของหมอดีขึ้นตามลำดับอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถทำงานเป็นหมอได้ดังเดิม เมื่อก่อน หมอไม่เคยคิดเลยว่า พุทธศาสตร์จะเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ถึงขนาดนี้ คิดแต่ว่าเป็นสิ่งเหลือเชื่อ งมงาย แต่พอมาได้ศึกษาปฏิบัติแล้ว ก็พบว่าวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ ยังล้าหลังพุทธศาสตร์อยู่มาก อย่างเราเองเรียนหมอ วิชาแพทย์ ก็อธิบายได้แค่การเกิดของคนจนถึงตาย แต่ก่อนที่จะเกิด และหลังจากความตายเป็นอย่างไรนั้น วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้… การเจ็บป่วย เช่น โรคมะเร็ง ความดัน เบาหวาน หัวใจ สารพัดโรค ทางการแพทย์เองก็ไม่สามารถบอกได้แน่ชัด บอกได้แต่สมมติฐาน และพยาธิสภาพรวมๆว่า มาจากหลายสาเหตุ ยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ แต่พอมาศึกษาพุทธศาสตร์ มาหยั่งใจใคร่ครวญด้วยสมาธิ ในเรื่องกฎของกรรม ก็สามารถตอบได้หมด ถึงสาเหตุและต้นตอของโรคว่าที่เป็นโรคนี้ เพราะกรรมอะไร จากชาติไหน และต้องแก้ไขอย่างไร ซึ่งตัวเราเองก็อัศจรรย์ใจมาก ทุกวันนี้ หมอเชื่อมั่นถึงการมีจริงของพระพุทธเจ้า เชื่อว่าพระพุทธเจ้าประสูติแล้วสามารถเดินได้ 7 ก้าวจริง ๆ พอมาถึงทุกวันนี้ เมื่อหมอย้อนไปในอดีต ก็อดนึกขำตัวเองไม่หายว่าทำไมเราหลงคิดผิด ๆด้วยมานะทิฐิอยู่ได้ตั้งนาน ไม่ยอมเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้ลองศึกษาก่อน จนเกือบจะสายเกินไป หรือหมดโอกาสไปเสียเลย แต่พอมาศึกษาจริง ๆ จึงได้เข้าใจ และเห็นพระคุณของพุทธศาสตร์อย่างลึกซึ้ง จนต่อให้วิชาทางโลก ที่ว่าเจ๋ง ๆ นั้น แม้จะไม่รู้ก็ยังไม่เป็นไร แต่หากไม่มาเรียนรู้พุทธศาสตร์แล้ว ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดอย่างปลอดภัยในวัฏสงสารได้เลย พุทธศาสตร์นั้น จะสอนให้เรารู้จักเลือกและเลี่ยงได้ สอนให้เรารู้ว่าตอนที่เรา ยังมีชีวิตอยู่นั้น เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร จึงจะมีชีวิตที่ดีและมีคุณค่า ตลอดจนวิธีการที่จะกำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้อย่างไร การที่จะไม่เกิดอีกนั้น ต้องทำอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้เราสามารถเรียนรู้จากการศึกษาปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา เมื่อเราได้ศึกษาไป ปฏิบัติไป เราก็จะเข้าใจชีวิตและโลกเพิ่มมากขึ้นๆ แล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นความแตกต่างได้ชัด อย่างที่ตัวของหมอเองได้ประสบมา… สังคมทุกวันนี้ หมอสังเกตเห็นชัดว่าเด็กที่ฝากท้องกับหมอ จำนวนของเด็กวัยรุ่น 16 – 17 ปี ที่กำลังเป็นวัยเรียนได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก บางคนมาขอให้หมอทำแท้งให้ ซึ่งเราก็ให้ความรู้เขาไปว่ามันเป็นบาปนะ มันจะกลับมาเป็นเวรกรรมให้กับตัวเองด้วย ปัญหาเด็กและเยาวชนเพิ่มมากขึ้น เพราะสื่อทุกอย่างเป็นสื่อของกระแสกาม พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยรายการทีวี เด็กซึมซับพฤติกรรมอะไร ๆ โดยได้รับอิทธิลจากทีวีสูงมาก สังคมที่ยังขาดความรู้ทางพุทธศาสตร์ จะแก้ปัญหาให้เกิดความสันติสุขไม่ได้เลย แผนพัฒนาประเทศชาติควรต้องคำนึงถึง เรื่องนี้ให้มาก หมอคิดว่า แม้ว่าเราจะมีความรู้สูง ฉลาด ก็อย่าฉลาดอย่างงมงายอย่างที่หมอเคยเป็นมาก่อน คือ ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้มาศึกษาก่อน แถมยังปิดกั้นสิ่งที่ดีนั้นไว้ นั่นจะทำให้เราไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ดีที่สุดไปตลอดชีวิตเลย คนเราอาจผิดพลาดในชีวิต คิดผิดด้วยความยึดมั่นในความรู้และความพร้อมของตัวเองได้ก็จริง แต่สิ่งที่เราไม่ควรผิดพลาดเลยสำหรับชีวิตนี้ ก็คือ การปิดกั้นตัวเองจากสิ่งที่ยังไม่ได้ลองศึกษา แล้วด่วนสรุปด้วยตัวเองแทนการลงมือพิสูจน์ด้วยตัวเอง การเปิดโอกาส ให้ตัวเองได้ศึกษาธรรมะ เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ศึกษา วิชาที่สำคัญและจำเป็นที่สุดในชีวิต ที่มิใช่เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องรู้ ถ้าไม่รู้ ก็เสียชาติเกิด… ///////// ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับแพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์ ที่ให้ประสบการณ์ชีวิตเป็นธรรมทานค่ะ สำหรับผู้ได้อ่านแล้วเห็นว่าเป็นธรรมะที่ดีช่วยกันแชร์เป็นธรรมทานนะคะ 😊🙏✨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเจรจาให้ทรัมป์ยืนหยัดช่วยยูเครน!?!
    สื่อรายงานว่า ระหว่างการสนทนาของมาครงกับทรัมป์ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน ผิดไปจากสิ่งที่หลายฝ่ายคาดไว้

    ภาพทรัมป์และมาครงในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อวาน
    เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน ท่ามกลางความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนระหว่างสหรัฐกับยุโรป

    นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์มเมอร์ ถึงคิวเข้ามาพบทรัมป์
    ผู้นำยุโรปทั้งสองมีเรื่องกระซิบข้างหูทรัมป์เหมือนกันเหมือนกันว่า

    หลังการพบปะกับผู้นำทั้งสองของยุโรป ทุกฝ่ายกำลังจับตามองว่าทรัมป์จะโพสต์อะไรใน Truth Social ของเขา!
    มาเจรจาให้ทรัมป์ยืนหยัดช่วยยูเครน!?! สื่อรายงานว่า ระหว่างการสนทนาของมาครงกับทรัมป์ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน ผิดไปจากสิ่งที่หลายฝ่ายคาดไว้ ภาพทรัมป์และมาครงในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อวาน เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน ท่ามกลางความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนระหว่างสหรัฐกับยุโรป นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์มเมอร์ ถึงคิวเข้ามาพบทรัมป์ ผู้นำยุโรปทั้งสองมีเรื่องกระซิบข้างหูทรัมป์เหมือนกันเหมือนกันว่า หลังการพบปะกับผู้นำทั้งสองของยุโรป ทุกฝ่ายกำลังจับตามองว่าทรัมป์จะโพสต์อะไรใน Truth Social ของเขา!
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • "โอปอล" ยินดีกับ "ณวัฒน์" ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ MUT คนใหม่ เผยเป็นการเปลี่ยนมือที่ยิ่งใหญ่มากๆ ยก MGI โปรดักชั่นเลิศ ได้เห็นอะไรสนุกๆ แน่นอน พร้อมร่วมงานณวัฒน์หากได้รับโอกาส รอลุ้นจะได้ขึ้นเวทีอำลาตำแหน่งหรือไม่ ลั่นเคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่ แต่ถ้าไม่ได้อำลาตนก็ถือว่าได้ปิดจ็อบตำแหน่งอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่กลับจากประกวดมิสยูนิเวิร์สแล้ว

    หลังจากมีการเปลี่ยนมือผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จาก "ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" มาเป็น "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" แฟนนางงามก็รอลุ้นว่าจะได้เห็น "โอปอล สุชาตา ช่วงศรี" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 ขึ้นเวทีอำลาตำแหน่งหรือไม่ ด้วยเหตุผลและข้อจำกัดหลายๆ อย่างของการเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้ไม่สามารถมีโมเมนต์นั้นได้

    ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้โอปอลบอกว่า สำหรับตนไม่มีปัญหาเลย ถ้าได้อำลาก็เป็นเรื่องดีในการดำรงตำแหน่งของตน และเป็นกำไร แต่ถ้าไม่ได้ขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าได้ปิดจ็อบอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่กลับจากไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส ที่ประเทศเม็กซิโกแล้ว พร้อมเผยความรู้สึกที่ MUT เปลี่ยนมือ

    "ก็โอเคนะคะ เป็นยุคใหม่ ความจริงแล้วตอนที่เป็นในยุคแม่ปุ้ยจะบอกว่าก็มีหลายการเปลี่ยนแปลงที่เรารู้สึกว่าเป็นยุคใหม่เหมือนกัน เพราะว่าแต่ละปี MUT เขาก็จะมีธีมของเขาที่ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่มากๆ ก็ขอแสดงความยินดีให้กับทางพี่ณวัฒน์ ทาง MGI ด้วยที่ได้ถือลิขสิทธิ์ไปนะคะ

    หนูก็ติดตามค่ะ ตามอยู่แล้ว และยิ่งเปลี่ยนผ่านเป็นยุคใหม่ก็ยิ่งติดตาม เชื่อว่าทุกคนก็คงให้ความสนใจ และความจริง MGI ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอยู่แล้ว โปรดักชั่นอะไรเขาก็เลิศ ทีนี้เราก็รอดูความสนุกสนานของปีนี้ต่อไปค่ะ"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000017821

    #MGROnline #ณวัฒน์ #MUT
    "โอปอล" ยินดีกับ "ณวัฒน์" ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ MUT คนใหม่ เผยเป็นการเปลี่ยนมือที่ยิ่งใหญ่มากๆ ยก MGI โปรดักชั่นเลิศ ได้เห็นอะไรสนุกๆ แน่นอน พร้อมร่วมงานณวัฒน์หากได้รับโอกาส รอลุ้นจะได้ขึ้นเวทีอำลาตำแหน่งหรือไม่ ลั่นเคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่ แต่ถ้าไม่ได้อำลาตนก็ถือว่าได้ปิดจ็อบตำแหน่งอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่กลับจากประกวดมิสยูนิเวิร์สแล้ว • หลังจากมีการเปลี่ยนมือผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จาก "ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" มาเป็น "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" แฟนนางงามก็รอลุ้นว่าจะได้เห็น "โอปอล สุชาตา ช่วงศรี" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 ขึ้นเวทีอำลาตำแหน่งหรือไม่ ด้วยเหตุผลและข้อจำกัดหลายๆ อย่างของการเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้ไม่สามารถมีโมเมนต์นั้นได้ • ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้โอปอลบอกว่า สำหรับตนไม่มีปัญหาเลย ถ้าได้อำลาก็เป็นเรื่องดีในการดำรงตำแหน่งของตน และเป็นกำไร แต่ถ้าไม่ได้ขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าได้ปิดจ็อบอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่กลับจากไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส ที่ประเทศเม็กซิโกแล้ว พร้อมเผยความรู้สึกที่ MUT เปลี่ยนมือ • "ก็โอเคนะคะ เป็นยุคใหม่ ความจริงแล้วตอนที่เป็นในยุคแม่ปุ้ยจะบอกว่าก็มีหลายการเปลี่ยนแปลงที่เรารู้สึกว่าเป็นยุคใหม่เหมือนกัน เพราะว่าแต่ละปี MUT เขาก็จะมีธีมของเขาที่ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่มากๆ ก็ขอแสดงความยินดีให้กับทางพี่ณวัฒน์ ทาง MGI ด้วยที่ได้ถือลิขสิทธิ์ไปนะคะ • หนูก็ติดตามค่ะ ตามอยู่แล้ว และยิ่งเปลี่ยนผ่านเป็นยุคใหม่ก็ยิ่งติดตาม เชื่อว่าทุกคนก็คงให้ความสนใจ และความจริง MGI ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอยู่แล้ว โปรดักชั่นอะไรเขาก็เลิศ ทีนี้เราก็รอดูความสนุกสนานของปีนี้ต่อไปค่ะ" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000017821 • #MGROnline #ณวัฒน์ #MUT
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • แน่นอน! นี่คือข้อดีและข้อเสียของคาสิโน

    ข้อดีของคาสิโน

    1. สร้างรายได้และเศรษฐกิจ – คาสิโนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่โดยการสร้างงานและดึงดูดนักท่องเที่ยว


    2. แหล่งบันเทิงและสันทนาการ – เป็นสถานที่ที่ให้ความสนุกสนานและความตื่นเต้นแก่ผู้เล่น


    3. สร้างรายได้จากภาษี – คาสิโนสามารถเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของรัฐผ่านภาษีการพนัน


    4. โอกาสชนะเงินรางวัลใหญ่ – ผู้เล่นมีโอกาสได้รับเงินจำนวนมากจากเกมบางประเภท เช่น สล็อต หรือโป๊กเกอร์


    5. ดึงดูดนักท่องเที่ยว – คาสิโนสามารถเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ส่งเสริมธุรกิจอื่นๆ ในพื้นที่ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้า



    ข้อเสียของคาสิโน

    1. ปัญหาการติดการพนัน – การเล่นคาสิโนอาจทำให้บางคนติดการพนันจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน


    2. ความเสี่ยงทางการเงิน – คาสิโนออกแบบมาให้บ้าน (คาสิโน) มีความได้เปรียบในระยะยาว ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่เสียเงิน


    3. อาชญากรรมและการฟอกเงิน – คาสิโนอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพใช้ฟอกเงินหรือทำธุรกรรมผิดกฎหมาย


    4. ผลกระทบต่อครอบครัวและสังคม – การเล่นพนันมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาครอบครัว หนี้สิน หรือปัญหาสังคมอื่นๆ


    5. อาจกระทบธุรกิจในท้องถิ่น – ในบางกรณี คาสิโนอาจทำให้ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบ เนื่องจากเงินหมุนเวียนไปที่คาสิโนแทน



    คาสิโนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับมุมมองและการบริหารจัดการของแต่ละประเทศหรือนโยบายของรัฐในเรื่องการพนัน

    แน่นอน! นี่คือข้อดีและข้อเสียของคาสิโน ข้อดีของคาสิโน 1. สร้างรายได้และเศรษฐกิจ – คาสิโนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่โดยการสร้างงานและดึงดูดนักท่องเที่ยว 2. แหล่งบันเทิงและสันทนาการ – เป็นสถานที่ที่ให้ความสนุกสนานและความตื่นเต้นแก่ผู้เล่น 3. สร้างรายได้จากภาษี – คาสิโนสามารถเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของรัฐผ่านภาษีการพนัน 4. โอกาสชนะเงินรางวัลใหญ่ – ผู้เล่นมีโอกาสได้รับเงินจำนวนมากจากเกมบางประเภท เช่น สล็อต หรือโป๊กเกอร์ 5. ดึงดูดนักท่องเที่ยว – คาสิโนสามารถเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ส่งเสริมธุรกิจอื่นๆ ในพื้นที่ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้า ข้อเสียของคาสิโน 1. ปัญหาการติดการพนัน – การเล่นคาสิโนอาจทำให้บางคนติดการพนันจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน 2. ความเสี่ยงทางการเงิน – คาสิโนออกแบบมาให้บ้าน (คาสิโน) มีความได้เปรียบในระยะยาว ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่เสียเงิน 3. อาชญากรรมและการฟอกเงิน – คาสิโนอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพใช้ฟอกเงินหรือทำธุรกรรมผิดกฎหมาย 4. ผลกระทบต่อครอบครัวและสังคม – การเล่นพนันมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาครอบครัว หนี้สิน หรือปัญหาสังคมอื่นๆ 5. อาจกระทบธุรกิจในท้องถิ่น – ในบางกรณี คาสิโนอาจทำให้ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบ เนื่องจากเงินหมุนเวียนไปที่คาสิโนแทน คาสิโนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับมุมมองและการบริหารจัดการของแต่ละประเทศหรือนโยบายของรัฐในเรื่องการพนัน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 (ภาคต่อ)
    .
    วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=RsnclcCP9iE
    .
    #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 (ภาคต่อ) . วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=RsnclcCP9iE . #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68
    วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม
    https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0

    #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0 #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    Haha
    58
    6 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 4109 มุมมอง 4 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68
    .
    วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0
    .
    #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 . วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0 . #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 10-2-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่อากาศของกรุงเทพมหานครเย็นลงอีกแล้ว วันนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจหลาย ๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบื้องลึกบางประการ เกี่ยวกับ "โทรศัพท์ น้องแตงโม" ที่ ถูกนำกลับมาที่ประเทศไทย และอยู่ในมือของ DSI เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ด้วย รับรองว่าสนุกสนานไม่เหมือนใครสไตล์ "สนธิ ... เล่าเรื่อง" แน่นอน

    https://www.youtube.com/watch?v=J7YGwxSYUQ4
    สนธิเล่าเรื่อง 10-2-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่อากาศของกรุงเทพมหานครเย็นลงอีกแล้ว วันนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจหลาย ๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบื้องลึกบางประการ เกี่ยวกับ "โทรศัพท์ น้องแตงโม" ที่ ถูกนำกลับมาที่ประเทศไทย และอยู่ในมือของ DSI เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ด้วย รับรองว่าสนุกสนานไม่เหมือนใครสไตล์ "สนธิ ... เล่าเรื่อง" แน่นอน https://www.youtube.com/watch?v=J7YGwxSYUQ4
    สนธิเล่าเรื่อง 10-2-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่อากาศของกรุงเทพมหานครเย็นลงอีกแล้ว วันนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจหลาย ๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบื้องลึกบางประการ เกี่ยวกับ "โทรศัพท์ น้องแตงโม" ที่ ถูกนำกลับมาที่ประเทศไทย และอยู่ในมือของ DSI เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ด้วย รับรองว่าสนุกสนานไม่เหมือนใครสไตล์ "สนธิ ... เล่าเรื่อง" แน่นอน

    https://www.youtube.com/watch?v=J7YGwxSYUQ4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 10-2-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่อากาศของกรุงเทพมหานครเย็นลงอีกแล้ว วันนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจหลาย ๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบื้องลึกบางประการ เกี่ยวกับ "โทรศัพท์ น้องแตงโม" ที่ ถูกนำกลับมาที่ประเทศไทย และอยู่ในมือของ DSI เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ด้วย รับรองว่าสนุกสนานไม่เหมือนใครสไตล์ "สนธิ ... เล่าเรื่อง" แน่นอน

    https://www.youtube.com/watch?v=J7YGwxSYUQ4
    สนธิเล่าเรื่อง 10-2-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่อากาศของกรุงเทพมหานครเย็นลงอีกแล้ว วันนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจหลาย ๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบื้องลึกบางประการ เกี่ยวกับ "โทรศัพท์ น้องแตงโม" ที่ ถูกนำกลับมาที่ประเทศไทย และอยู่ในมือของ DSI เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ด้วย รับรองว่าสนุกสนานไม่เหมือนใครสไตล์ "สนธิ ... เล่าเรื่อง" แน่นอน https://www.youtube.com/watch?v=J7YGwxSYUQ4
    Like
    Love
    Wow
    74
    4 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 4232 มุมมอง 4 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 10-2-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่อากาศของกรุงเทพมหานครเย็นลงอีกแล้ว วันนี้คุณสนธิมีเรื่องราวที่น่าสนใจหลาย ๆ เรื่องมาเล่าให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบื้องลึกบางประการ เกี่ยวกับ "โทรศัพท์ น้องแตงโม" ที่ ถูกนำกลับมาที่ประเทศไทย และอยู่ในมือของ DSI เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ด้วย รับรองว่าสนุกสนานไม่เหมือนใครสไตล์ "สนธิ ... เล่าเรื่อง" แน่นอน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=J7YGwxSYUQ4
    สนธิเล่าเรื่อง 10-2-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่อากาศของกรุงเทพมหานครเย็นลงอีกแล้ว วันนี้คุณสนธิมีเรื่องราวที่น่าสนใจหลาย ๆ เรื่องมาเล่าให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบื้องลึกบางประการ เกี่ยวกับ "โทรศัพท์ น้องแตงโม" ที่ ถูกนำกลับมาที่ประเทศไทย และอยู่ในมือของ DSI เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ด้วย รับรองว่าสนุกสนานไม่เหมือนใครสไตล์ "สนธิ ... เล่าเรื่อง" แน่นอน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=J7YGwxSYUQ4
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่คือสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์ต้อง "อดทน" อยู่กับความกดดันที่พวกเขาต้องเจอทุกวัน และเมื่อวันหนึ่งที่พวกเขาลุกขึ้นสู้ ชาวโลกกลุ่มหนึ่งกลับมองเห็นพวกเขาใช้ความรุนแรง และมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย!

    ภาพรถบรรทุกของกองกำลังอิสราเอลพุ่งเข้าชนแผงขายอาหารของชาวปาเลสไตน์ในตูลคาเรม(Tulkarm) ในเขต West Bank "เพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น"

    "แม้ว่ามันจะมองดูเป็นเรื่องเล็กน้อย หากใครต้องเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ทุกวัน พวกเขาเหล่านั้นจะตัดสินใจอย่างไร"
    นี่คือสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์ต้อง "อดทน" อยู่กับความกดดันที่พวกเขาต้องเจอทุกวัน และเมื่อวันหนึ่งที่พวกเขาลุกขึ้นสู้ ชาวโลกกลุ่มหนึ่งกลับมองเห็นพวกเขาใช้ความรุนแรง และมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย! ภาพรถบรรทุกของกองกำลังอิสราเอลพุ่งเข้าชนแผงขายอาหารของชาวปาเลสไตน์ในตูลคาเรม(Tulkarm) ในเขต West Bank "เพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น" "แม้ว่ามันจะมองดูเป็นเรื่องเล็กน้อย หากใครต้องเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ทุกวัน พวกเขาเหล่านั้นจะตัดสินใจอย่างไร"
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 48 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 3-2-68

    วันนี้ คุณสนธิจะมาพูดถึงรากเหง้าปัญหาจีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งฐานใหญ่อยู่บริเวณเมียวดี ประเทศพม่า ซึ่งในที่สุดจีนก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง มาจัดการด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีการอัพเดตเรื่องความคืบหน้าคดีฉ้อโกงระหว่าง "ทนายตั้ม-มาดามอ้อย" รวมไปถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆ รับรองว่าสนุกสนานแน่นอน
    https://www.youtube.com/watch?v=F805q56OSTk

    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #จีนเทา #ไทยเทา
    สนธิเล่าเรื่อง 3-2-68 วันนี้ คุณสนธิจะมาพูดถึงรากเหง้าปัญหาจีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งฐานใหญ่อยู่บริเวณเมียวดี ประเทศพม่า ซึ่งในที่สุดจีนก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง มาจัดการด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีการอัพเดตเรื่องความคืบหน้าคดีฉ้อโกงระหว่าง "ทนายตั้ม-มาดามอ้อย" รวมไปถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆ รับรองว่าสนุกสนานแน่นอน https://www.youtube.com/watch?v=F805q56OSTk #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #จีนเทา #ไทยเทา
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    64
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 3847 มุมมอง 3 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 3-2-68
    .
    เช้าวันจันทร์ วันนี้ คุณสนธิจะมาพูดถึงรากเหง้าปัญหาจีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งฐานใหญ่อยู่บริเวณเมียวดี ประเทศพม่า ฝั่งตรงข้ามกับจังหวัดตากของไทย ซึ่งในที่สุดจีนก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง "นายหลิว จงอี้" ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ และผู้บัญชาการหน่วยสอบสวนทางอาญา มาจัดการด้วยตัวเอง จนเป็นที่มาของวาทะซึ่งมีการส่งต่อกันไปทั่วว่า “ทำไมท่านไม่ดูแลบ้านเมืองของท่านบ้างเลย?” , นอกจากนี้ยังมีการอัพเดตเรื่องความคืบหน้าคดีฉ้อโกงระหว่าง "ทนายตั้ม-มาดามอ้อย" รวมไปถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆ รับรองว่าสนุกสนานแน่นอน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=F805q56OSTk
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #จีนเทา #ไทยเทา
    สนธิเล่าเรื่อง 3-2-68 . เช้าวันจันทร์ วันนี้ คุณสนธิจะมาพูดถึงรากเหง้าปัญหาจีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งฐานใหญ่อยู่บริเวณเมียวดี ประเทศพม่า ฝั่งตรงข้ามกับจังหวัดตากของไทย ซึ่งในที่สุดจีนก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง "นายหลิว จงอี้" ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ และผู้บัญชาการหน่วยสอบสวนทางอาญา มาจัดการด้วยตัวเอง จนเป็นที่มาของวาทะซึ่งมีการส่งต่อกันไปทั่วว่า “ทำไมท่านไม่ดูแลบ้านเมืองของท่านบ้างเลย?” , นอกจากนี้ยังมีการอัพเดตเรื่องความคืบหน้าคดีฉ้อโกงระหว่าง "ทนายตั้ม-มาดามอ้อย" รวมไปถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆ รับรองว่าสนุกสนานแน่นอน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=F805q56OSTk . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #จีนเทา #ไทยเทา
    Like
    Love
    4
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grayscale Investments ซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์คริปโตที่มีชื่อเสียง เปิดตัวกองทุนที่เน้นการลงทุนใน Dogecoin กองทุนนี้มีชื่อว่า Grayscale Dogecoin Trust และมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึง Dogecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความนิยมเพิ่มขึ้น

    Dogecoin เริ่มต้นจากการเป็น "memecoin" หรือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนที่ไม่ได้รับการบริการจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้ Rayhaneh Sharif-Askary หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และการวิจัยของ Grayscale กล่าวว่า Dogecoin ช่วยให้กลุ่มคนที่ไม่ได้รับการบริการจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้

    กองทุนนี้ออกแบบมาเพื่อติดตามราคาตลาดของ Dogecoin และเปิดให้สมัครสมาชิกสำหรับนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งบุคคลและสถาบัน. Dogecoin ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการสนับสนุนจาก Elon Musk CEO ของ Tesla และบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

    นอกจากนี้ Dogecoin ยังเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับแปดของโลก โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การเปิดตัวกองทุนนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการหาผลตอบแทนจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ นอกเหนือจาก Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/01/grayscale-launches-dogecoin-focused-fund-as-altcoin-adoption-picks-up-pace
    Grayscale Investments ซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์คริปโตที่มีชื่อเสียง เปิดตัวกองทุนที่เน้นการลงทุนใน Dogecoin กองทุนนี้มีชื่อว่า Grayscale Dogecoin Trust และมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึง Dogecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความนิยมเพิ่มขึ้น Dogecoin เริ่มต้นจากการเป็น "memecoin" หรือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนที่ไม่ได้รับการบริการจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้ Rayhaneh Sharif-Askary หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และการวิจัยของ Grayscale กล่าวว่า Dogecoin ช่วยให้กลุ่มคนที่ไม่ได้รับการบริการจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้ กองทุนนี้ออกแบบมาเพื่อติดตามราคาตลาดของ Dogecoin และเปิดให้สมัครสมาชิกสำหรับนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งบุคคลและสถาบัน. Dogecoin ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการสนับสนุนจาก Elon Musk CEO ของ Tesla และบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก นอกจากนี้ Dogecoin ยังเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับแปดของโลก โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การเปิดตัวกองทุนนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการหาผลตอบแทนจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ นอกเหนือจาก Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/01/grayscale-launches-dogecoin-focused-fund-as-altcoin-adoption-picks-up-pace
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Grayscale launches dogecoin-focused fund as altcoin adoption picks up pace
    (Reuters) - Grayscale Investments said on Friday it was launching an investment fund aimed at dogecoin, as the cryptocurrency asset manager looks to tap into the increasing momentum around alternatives to bitcoin.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตรุษจีนครอบครัวเกือบพร้อมหน้ากันขาดไปแต่หลานๆ พี่น้องครบตามจำนวน สนุกสนาน นานๆทีเจอกันครบ
    ตรุษจีนครอบครัวเกือบพร้อมหน้ากันขาดไปแต่หลานๆ พี่น้องครบตามจำนวน สนุกสนาน นานๆทีเจอกันครบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⭕️เป็นการท่องเที่ยว ที่ไม่เหนื่อยเลยค่ะเที่ยวโปรแกรมเกาะฟูก๊วก เวียดนามใต้บินเครื่อง VietJet พอใช้ได้ใช้เวลาประมาณชั่วโมง 10 นาทีเท่านั้นและเที่ยวครบทุกโปรแกรมเลยค่ะไกด์ท้องถิ่นน่ารักอธิบายให้ความรู้และความบันเทิงสนุกสนานดีมากค่ะส่วนหัวหน้าทัวร์ไทยก็น่ารักมากคอยเทคแคร์ดูแลลูกทัวร์ทุกๆคนยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาอาหารก็ดีทุกมื้อเลยค่ะที่พักพอใช้ได้สำหรับในราคานี้โดยรวมแล้วทริปนี้พี่ประทับใจมากให้เต็ม 10 เลยค่ะ ถ่ายกับไกด์เวียดนามกับหัวหน้าทัวร์ไทยค่ะ ⭕️

    💜 #รีวิว #REVIEW เส้นทาง #เวียดนามใต้ จากคุณฉัตราภรณ์ นะคะ💜 เมื่อวันที่ 24-26 ม.ค.68 ที่ผ่านมานะคะ📍
    ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com
    แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘

    ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/8d0826

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : 78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก 78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire 78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire 78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire 78s.me/d43626
    Tiktok : 78s.me/903597
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์เวียดนาม #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    ⭕️เป็นการท่องเที่ยว ที่ไม่เหนื่อยเลยค่ะเที่ยวโปรแกรมเกาะฟูก๊วก เวียดนามใต้บินเครื่อง VietJet พอใช้ได้ใช้เวลาประมาณชั่วโมง 10 นาทีเท่านั้นและเที่ยวครบทุกโปรแกรมเลยค่ะไกด์ท้องถิ่นน่ารักอธิบายให้ความรู้และความบันเทิงสนุกสนานดีมากค่ะส่วนหัวหน้าทัวร์ไทยก็น่ารักมากคอยเทคแคร์ดูแลลูกทัวร์ทุกๆคนยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาอาหารก็ดีทุกมื้อเลยค่ะที่พักพอใช้ได้สำหรับในราคานี้โดยรวมแล้วทริปนี้พี่ประทับใจมากให้เต็ม 10 เลยค่ะ ถ่ายกับไกด์เวียดนามกับหัวหน้าทัวร์ไทยค่ะ ⭕️ 💜 #รีวิว #REVIEW เส้นทาง #เวียดนามใต้ จากคุณฉัตราภรณ์ นะคะ💜 เมื่อวันที่ 24-26 ม.ค.68 ที่ผ่านมานะคะ📍 ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘 ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/8d0826 รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : 78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก 78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire 78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire 78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire 78s.me/d43626 Tiktok : 78s.me/903597 ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์เวียดนาม #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 615 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า

    "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง"

    #silenttokyoandsothisisxmas
    สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก)
    ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน
    เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล
    248 หน้า 280 บาท
    พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564

    คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง?

    เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม!

    🧨

    จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด

    🧨

    ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น

    🧨

    ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย

    🧨

    ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด

    🧨

    ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น

    🧨

    มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้

    🧨

    ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน

    สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว

    🧨

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป..

    ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม ..

    สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป..

    หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่..

    ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่..

    หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป..

    หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ...

    ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ

    .......

    ภาควิเคราะห์✒️

    ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย

    ✒️

    ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย

    ✒️

    อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ✒️

    อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ

    แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่

    ✒️

    พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว

    หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย

    ✒️

    กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า

    "อยากตายนักหรือไง"

    เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว

    ✒️

    ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า

    อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย

    พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ

    ✒️

    เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ)

    ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร

    ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่

    ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน

    คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต

    ✒️

    มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่

    ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี

    แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด

    ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา

    สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด

    ..........

    อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย

    แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี

    ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ

    สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King

    "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น"

    #หนังญี่ปุ่น
    #หนังน่าดู
    #หนังสือน่าอ่าน
    #บทความ
    #รีววิหนังสือ
    #thaitimes
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #ระเบิดกลางกรุง
    #โตเกียว
    #สงคราม
    #แง่คิด
    #ระทึกขวัญ
    #สืบสวน
    #ก่อการร้าย
    ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง" #silenttokyoandsothisisxmas สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก) ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล 248 หน้า 280 บาท พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564 คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง? เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม! 🧨 จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด 🧨 ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น 🧨 ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย 🧨 ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด 🧨 ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น 🧨 มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้ 🧨 ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว 🧨 เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป.. ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม .. สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป.. หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่.. ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่.. หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป.. หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ... ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ ....... ภาควิเคราะห์✒️ ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย ✒️ ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย ✒️ อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ✒️ อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่ ✒️ พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย ✒️ กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า "อยากตายนักหรือไง" เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว ✒️ ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ ✒️ เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ) ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่ ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต ✒️ มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่ ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด .......... อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น" #หนังญี่ปุ่น #หนังน่าดู #หนังสือน่าอ่าน #บทความ #รีววิหนังสือ #thaitimes #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #ระเบิดกลางกรุง #โตเกียว #สงคราม #แง่คิด #ระทึกขวัญ #สืบสวน #ก่อการร้าย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1135 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อิป้าบ่นระงมสาวเกาเตรียมเทสาวกไทย
    จริงๆมีคลิปนะ แต่ขี้เกียจเอามาลง
    เรื่องราวก็ประมาณนี้ อิป้าระแคะระคาย
    พร้อมระบายรัวๆ ว่าสาวเกาเริ่มรู้สึกว่า
    อะไรมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ทั้งๆที่เชื่ออิป้ามาตลอด
    ยอดกลับหดหาย เป้าที่ถูกสร้างฝันไว้ไงลดลงดิ่งเหว
    ถ้าเป็น GU GU ก็เท พีอาร์ยังไงให้คนเกลืยด
    ยิ่งสร้างกระแส คนรักนางยิ่งแยกวง
    แว่วแบบนี้มาอิป้าจะทนได้ยังไง
    ก็ไม่นานมานี้เพิ่งบอกว่า มีสาวเกาต้องมีอิป้า
    ใครไม่เอาอิป้าก็ออกไป ความบังลัยเลยเถิดก็มาถึง
    แม้กระทั่ง เป็ด ที่เคยร่วมหัวจมท้าย ยอมเป็นเหมือนสุนัขรับใช้
    สุดท้าย สติมาปัญญาเกิด ต้องออกโรงเตือนป้า
    ว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดไม่ได้เป็นผลดีกับตัวสาวเลย
    แต่อิป้ากลับอ้างว่า สาวเกาไม่ปรองดอง ต้องลุยต่อ
    เอาจริงๆนะ ปัญหาของอิป้า คือความดันทุรัง
    แล้วตอนนี้ สนุกสนานกับการฟ๊องสื่อของไทย
    กรูถามหน่อย คนอะไรอ้างว่ารักนาง
    แต่ขยันในการสร้างให้คนเกลืยดนางได้ไม่เว้นวัน
    เพียงสนองความประสาท จิตเพื้ยน ชอบเรื่องดราม่า
    อยากทำตัวเหมือนมีอำนาจบาดใหญ่
    อ้างทุกอย่างเพื่อใช้ชื่อสาว ใช้ทรัพยากรของสาว
    เอามาฟ๊องคนไทยด้วยกัน ถามว่า ใครได้ใครเสีย
    สาวต้องเสียเวลาอีกเยอะ กับเรื่อง KADEE
    พวกกับความเกลืยดชังของคนไทยที่เพิ่มทวี
    ส่วนอิป้าลอยตัว ได้พลพรรคเป็นสาวกเชื่อมจิต
    ได้สร้างโลกบนจินตนาการป๋วยๆ โดยไม่รู้ว่าตัวเอง
    เป็นเพียงชนกลุ่มน้อยบนโลกใบนี้ ยิ่งใหญ่แค่ในกะลา
    พี่คิงส์เคยฟันธงแล้วว่า ชื่อของสาวเกาจะค่อยๆจางหายไป
    ตามกาลเวลา ในขณะที่จักรวาลของ CL กลับยิ่งสดใส
    และยิ่งใหญ่ขึ้นแบบหยุดไม่อยู่ เป็ดมันยังพูดเลย
    วันเกิด ขนาดไลฟ์สี่ห้าทุ่ม คนดูสองหมื่นกว่าวิว
    ความดันทุรังอย่างไร้สติของอิป้า จะเป็นตัวปิดเกมส์เร็ว
    ทำให้สาวเกา ต้องเลือกที่จะไปสร้างโลกใบใหม่
    ที่เวียดนาม อิป้าทำไมไม่เคารพการตัดสินใจของนาง
    จะฟาดงวงฟาดงา ต่อไปเพื่ออะไร
    หรือเพราะรู้ตัวว่า ตัวเอง กำลังจะหมดความสำคัญ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อิป้าบ่นระงมสาวเกาเตรียมเทสาวกไทย จริงๆมีคลิปนะ แต่ขี้เกียจเอามาลง เรื่องราวก็ประมาณนี้ อิป้าระแคะระคาย พร้อมระบายรัวๆ ว่าสาวเกาเริ่มรู้สึกว่า อะไรมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ทั้งๆที่เชื่ออิป้ามาตลอด ยอดกลับหดหาย เป้าที่ถูกสร้างฝันไว้ไงลดลงดิ่งเหว ถ้าเป็น GU GU ก็เท พีอาร์ยังไงให้คนเกลืยด ยิ่งสร้างกระแส คนรักนางยิ่งแยกวง แว่วแบบนี้มาอิป้าจะทนได้ยังไง ก็ไม่นานมานี้เพิ่งบอกว่า มีสาวเกาต้องมีอิป้า ใครไม่เอาอิป้าก็ออกไป ความบังลัยเลยเถิดก็มาถึง แม้กระทั่ง เป็ด ที่เคยร่วมหัวจมท้าย ยอมเป็นเหมือนสุนัขรับใช้ สุดท้าย สติมาปัญญาเกิด ต้องออกโรงเตือนป้า ว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดไม่ได้เป็นผลดีกับตัวสาวเลย แต่อิป้ากลับอ้างว่า สาวเกาไม่ปรองดอง ต้องลุยต่อ เอาจริงๆนะ ปัญหาของอิป้า คือความดันทุรัง แล้วตอนนี้ สนุกสนานกับการฟ๊องสื่อของไทย กรูถามหน่อย คนอะไรอ้างว่ารักนาง แต่ขยันในการสร้างให้คนเกลืยดนางได้ไม่เว้นวัน เพียงสนองความประสาท จิตเพื้ยน ชอบเรื่องดราม่า อยากทำตัวเหมือนมีอำนาจบาดใหญ่ อ้างทุกอย่างเพื่อใช้ชื่อสาว ใช้ทรัพยากรของสาว เอามาฟ๊องคนไทยด้วยกัน ถามว่า ใครได้ใครเสีย สาวต้องเสียเวลาอีกเยอะ กับเรื่อง KADEE พวกกับความเกลืยดชังของคนไทยที่เพิ่มทวี ส่วนอิป้าลอยตัว ได้พลพรรคเป็นสาวกเชื่อมจิต ได้สร้างโลกบนจินตนาการป๋วยๆ โดยไม่รู้ว่าตัวเอง เป็นเพียงชนกลุ่มน้อยบนโลกใบนี้ ยิ่งใหญ่แค่ในกะลา พี่คิงส์เคยฟันธงแล้วว่า ชื่อของสาวเกาจะค่อยๆจางหายไป ตามกาลเวลา ในขณะที่จักรวาลของ CL กลับยิ่งสดใส และยิ่งใหญ่ขึ้นแบบหยุดไม่อยู่ เป็ดมันยังพูดเลย วันเกิด ขนาดไลฟ์สี่ห้าทุ่ม คนดูสองหมื่นกว่าวิว ความดันทุรังอย่างไร้สติของอิป้า จะเป็นตัวปิดเกมส์เร็ว ทำให้สาวเกา ต้องเลือกที่จะไปสร้างโลกใบใหม่ ที่เวียดนาม อิป้าทำไมไม่เคารพการตัดสินใจของนาง จะฟาดงวงฟาดงา ต่อไปเพื่ออะไร หรือเพราะรู้ตัวว่า ตัวเอง กำลังจะหมดความสำคัญ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเป็นราชาแห่งความมืด
    การเป็นราชาแห่งความมืดนั้น ไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆ และไม่ใช่เรื่องที่สนุกสนานที่จะนำมาล้อเล่นกันได้ แต่เป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งยวดมากมายหลายเท่านัก ใช่ว่าใครๆก็เป็นกันได้ จะต้องมีจิตวิญญาณที่แน่วแน่มั่นคงยิ่งยวด และจะต้องรู้จักระงับอารมณ์หยุดยอมผ่อนปรนด้วย
    การเป็นราชาแห่งความมืดนั้นมีด้วยกันสองแบบคือ ราชาแห่งความมืดทั่วไป หรือราชาผู้ที่ชั่วร้ายที่ถูกความมืดเข้าครอบงำจิตใจ กับราชาแห่งความมืดที่แท้จริง หรือผู้ซึ่งถูกลิขิตให้เป็นราชาที่อยู่เหนือตนเองได้และอยู่เหนือความมืดมิดทั้งมวล
    คุณสมบัติของราชาแห่งความมืดทั้งสองแบบมีดังต่อไปนี้คือ
    1.เป็นคนที่เคยเจ็บปวดกับเรื่องราวชีวิตที่เลวร้ายมาตั้งแต่เด็กๆจนถึงปัจจุบันและรวมทั้งอนาคตด้วย(ซึ่งจะต้องเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้ากันได้เลย)
    2.เคยเป็นคนที่สติฟั่นเฟือน หรือคนบ้าวิกลจริตโรคจิตโรคประสาทมาก่อน(โดยด้วยตนเองและหรือโดยด้วยคนอื่นๆในสังคมยัดเยียดให้เป็น)
    3.จะต้องมีศาสนาและบรรลุธรรมขั้นสูงในศาสนานั้นๆด้วย(ไม่ใช่คนไร้ศาสนาและต้องเข้าใจในหลักธรรมอย่างลึกซึ้งซึ่งต้องเป็นคนที่เคร่งศาสนาพอสมควร)
    นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆสำหรับทุกท่านที่คิดที่จะมาเป็นราชาแห่งความมืดนั่นเอง
    ยังมีต่อแต่ผมขี้เกียจในตอนนี้ เดี๋ยวถ้ามีเวลามากๆจะมาสานต่อให้จบนะครับ
    การเป็นราชาแห่งความมืด การเป็นราชาแห่งความมืดนั้น ไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆ และไม่ใช่เรื่องที่สนุกสนานที่จะนำมาล้อเล่นกันได้ แต่เป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งยวดมากมายหลายเท่านัก ใช่ว่าใครๆก็เป็นกันได้ จะต้องมีจิตวิญญาณที่แน่วแน่มั่นคงยิ่งยวด และจะต้องรู้จักระงับอารมณ์หยุดยอมผ่อนปรนด้วย การเป็นราชาแห่งความมืดนั้นมีด้วยกันสองแบบคือ ราชาแห่งความมืดทั่วไป หรือราชาผู้ที่ชั่วร้ายที่ถูกความมืดเข้าครอบงำจิตใจ กับราชาแห่งความมืดที่แท้จริง หรือผู้ซึ่งถูกลิขิตให้เป็นราชาที่อยู่เหนือตนเองได้และอยู่เหนือความมืดมิดทั้งมวล คุณสมบัติของราชาแห่งความมืดทั้งสองแบบมีดังต่อไปนี้คือ 1.เป็นคนที่เคยเจ็บปวดกับเรื่องราวชีวิตที่เลวร้ายมาตั้งแต่เด็กๆจนถึงปัจจุบันและรวมทั้งอนาคตด้วย(ซึ่งจะต้องเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้ากันได้เลย) 2.เคยเป็นคนที่สติฟั่นเฟือน หรือคนบ้าวิกลจริตโรคจิตโรคประสาทมาก่อน(โดยด้วยตนเองและหรือโดยด้วยคนอื่นๆในสังคมยัดเยียดให้เป็น) 3.จะต้องมีศาสนาและบรรลุธรรมขั้นสูงในศาสนานั้นๆด้วย(ไม่ใช่คนไร้ศาสนาและต้องเข้าใจในหลักธรรมอย่างลึกซึ้งซึ่งต้องเป็นคนที่เคร่งศาสนาพอสมควร) นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆสำหรับทุกท่านที่คิดที่จะมาเป็นราชาแห่งความมืดนั่นเอง ยังมีต่อแต่ผมขี้เกียจในตอนนี้ เดี๋ยวถ้ามีเวลามากๆจะมาสานต่อให้จบนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนังสือคือเพื่อนแท้
    ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือกันสักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา หรืออาจเป็นเพราะว่ามีสื่อประเภทอื่นๆที่ดีกว่า สะดวกกว่าก็เป็นไปได้ แต่ทุกวันนี้ผมก็ชอบที่จะอ่านหนังสืออยู่ดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยน่าสนใจ น่าอ่านเท่ากับในสมัยก่อนหน้านี้ ที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยและเลือกไม่ได้มากมายนักเหมือนกับในสมัยนี้ตอนนี้ แต่มันเป็นสื่อที่เป็นพื้นฐานและมีความเป็นมนต์ขลังในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรประเภทไหนๆก็ตาม ล้วนมีความหมายและคุณค่าในตัวของมันเองทุกเรื่องทุกเล่ม โดยเฉพาะหนังสือจำพวกประเภทศาสนา,ปรัชญา,ความรู้ทางด้านจิตวิญญาณนั้น ผมจะชอบเสาะแสวงหามาอ่านให้จนได้อยู่ดี ไม่ว่ามันจะให้ความรู้และคุณค่ามากน้อยเพียงใด แต่ในยุคสมัยนี้หนังสือที่มีคุณภาพและราคาถูกก็มี เช่น หนังสือในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น มักจะมีหนังสือใหม่ๆอยู่เสมอที่มีราคาถูกกว่าที่อื่น ผมมักจะเข้าไปที่ร้านและดูหนังสือและซื้อหนังสือเล่มที่ถูกใจไปอ่านแทบทุกเดือน ส่วนที่อื่นนั้นก็มี เช่น ที่ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค แต่เป็นบางเล่มเท่านั้นที่จะมีราคาถูกและมีเนื้อหาสาระที่ดีน่าอ่าน ร้านหนังสือไพลินบุ๊คก็มีหนังสือที่ราคาถูกและดีมีคุณภาพเหมือนกัน แต่จะเป็นเล่มที่เก่าหน่อย และหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นก็เป็นที่นิยมกันในหมู่เด็กวัยรุ่น เสริมสร้างจิตนาการณ์ได้ดี และอย่าคิดว่าหนังสือจำพวกนี้ไม่มีสาระและข้อคิดนะครับ หนังสือจำพวกนี้ก็มีข้อคิดคติเตือนใจเหมือนกัน ผมก็เช่าหามาอ่านตามร้านเช่าหนังสือการ์ตูนแถวบ้านเหมือนกัน และก็ดีตรงที่เราไม่ต้องไปซื้อหามาอ่านเพื่อประหยัดตังค์และหาเลือกอ่านได้มากมายหลายเรื่องเลย
    ที่ผมยกตัวอย่างของตัวเองมาให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจนก็เพื่อว่าจะได้ทำให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจโดยง่ายและหันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น ซึ่งสถิติที่ผมได้รับรู้มาคือ คนไทยเริ่มที่จะอ่านหนังสือกันน้อยลงมากขึ้นทุกที ไม่เหมือนกับในสมัยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว หนังสือคือเพื่อนแท้ของเรา มันไม่เคยทำร้ายเรา เป็นทั้งครูที่คอยสอน เป็นทั้งเพื่อนในยามว่างและยามเหงา เป็นทั้งเพื่อนคู่ใจ เป็นทั้งเพื่อนในยามสนุกสนาน เป็นทั้งเพื่อนเก่าให้เพื่อนใหม่ และเป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แล้วแต่คุณจะสื่อถึงและให้เป็น สุดท้ายนี้ผมแค่อยากจะบอกคุณผู้อ่านให้ได้รับรู้และทราบว่า ไม่มีมิตรใดที่ให้เราโดยถ่ายเดียวมากไปกว่าหนังสืออีกแล้วล่ะครับ และผมอยากจะขอและส่งต่อความคิดนี้ให้กับคุณ มันคือเพื่อนแท้ของเราจริงๆนะ หนังสือนี่น่ะ ได้โปรดเก็บรักษามันไว้ให้เป็นอย่างดีเพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้างคุณได้สัมผัสกับหนังสือคู่คิดคู่ใจของคุณ
    หนังสือคือเพื่อนแท้ ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือกันสักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา หรืออาจเป็นเพราะว่ามีสื่อประเภทอื่นๆที่ดีกว่า สะดวกกว่าก็เป็นไปได้ แต่ทุกวันนี้ผมก็ชอบที่จะอ่านหนังสืออยู่ดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยน่าสนใจ น่าอ่านเท่ากับในสมัยก่อนหน้านี้ ที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยและเลือกไม่ได้มากมายนักเหมือนกับในสมัยนี้ตอนนี้ แต่มันเป็นสื่อที่เป็นพื้นฐานและมีความเป็นมนต์ขลังในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรประเภทไหนๆก็ตาม ล้วนมีความหมายและคุณค่าในตัวของมันเองทุกเรื่องทุกเล่ม โดยเฉพาะหนังสือจำพวกประเภทศาสนา,ปรัชญา,ความรู้ทางด้านจิตวิญญาณนั้น ผมจะชอบเสาะแสวงหามาอ่านให้จนได้อยู่ดี ไม่ว่ามันจะให้ความรู้และคุณค่ามากน้อยเพียงใด แต่ในยุคสมัยนี้หนังสือที่มีคุณภาพและราคาถูกก็มี เช่น หนังสือในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น มักจะมีหนังสือใหม่ๆอยู่เสมอที่มีราคาถูกกว่าที่อื่น ผมมักจะเข้าไปที่ร้านและดูหนังสือและซื้อหนังสือเล่มที่ถูกใจไปอ่านแทบทุกเดือน ส่วนที่อื่นนั้นก็มี เช่น ที่ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค แต่เป็นบางเล่มเท่านั้นที่จะมีราคาถูกและมีเนื้อหาสาระที่ดีน่าอ่าน ร้านหนังสือไพลินบุ๊คก็มีหนังสือที่ราคาถูกและดีมีคุณภาพเหมือนกัน แต่จะเป็นเล่มที่เก่าหน่อย และหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นก็เป็นที่นิยมกันในหมู่เด็กวัยรุ่น เสริมสร้างจิตนาการณ์ได้ดี และอย่าคิดว่าหนังสือจำพวกนี้ไม่มีสาระและข้อคิดนะครับ หนังสือจำพวกนี้ก็มีข้อคิดคติเตือนใจเหมือนกัน ผมก็เช่าหามาอ่านตามร้านเช่าหนังสือการ์ตูนแถวบ้านเหมือนกัน และก็ดีตรงที่เราไม่ต้องไปซื้อหามาอ่านเพื่อประหยัดตังค์และหาเลือกอ่านได้มากมายหลายเรื่องเลย ที่ผมยกตัวอย่างของตัวเองมาให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจนก็เพื่อว่าจะได้ทำให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจโดยง่ายและหันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น ซึ่งสถิติที่ผมได้รับรู้มาคือ คนไทยเริ่มที่จะอ่านหนังสือกันน้อยลงมากขึ้นทุกที ไม่เหมือนกับในสมัยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว หนังสือคือเพื่อนแท้ของเรา มันไม่เคยทำร้ายเรา เป็นทั้งครูที่คอยสอน เป็นทั้งเพื่อนในยามว่างและยามเหงา เป็นทั้งเพื่อนคู่ใจ เป็นทั้งเพื่อนในยามสนุกสนาน เป็นทั้งเพื่อนเก่าให้เพื่อนใหม่ และเป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แล้วแต่คุณจะสื่อถึงและให้เป็น สุดท้ายนี้ผมแค่อยากจะบอกคุณผู้อ่านให้ได้รับรู้และทราบว่า ไม่มีมิตรใดที่ให้เราโดยถ่ายเดียวมากไปกว่าหนังสืออีกแล้วล่ะครับ และผมอยากจะขอและส่งต่อความคิดนี้ให้กับคุณ มันคือเพื่อนแท้ของเราจริงๆนะ หนังสือนี่น่ะ ได้โปรดเก็บรักษามันไว้ให้เป็นอย่างดีเพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้างคุณได้สัมผัสกับหนังสือคู่คิดคู่ใจของคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts