• บทความกฎหมาย EP.38

    กฎหมายแรงงานฉบับลูกจ้าง: เกราะป้องกันที่คุณต้องมีในโลกการทำงาน
    ในโลกของการจ้างงานที่ขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันและภาระหน้าที่ เราในฐานะ "ลูกจ้าง" หรือ "คนทำงาน" มักได้ยินคำว่า "กฎหมายแรงงาน" อยู่บ่อยครั้ง จนบางครั้งเกิดความสับสนหรือไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายของเราครอบคลุมถึงขอบเขตใดบ้าง การตระหนักถึงข้อกฎหมายเหล่านี้จึงไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ทั่วไป แต่เป็นเสมือน "เกราะป้องกัน" ที่สำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้เราสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมั่นใจ ไม่ถูกเอาเปรียบ และเรียกร้องความเป็นธรรมได้เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามครรลองที่กฎหมายกำหนดไว้ เราจึงขอสรุปสาระสำคัญของกฎหมายแรงงานที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจำเป็นต้องทราบ ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานของเวลาทำงาน วันหยุด วันลา ไปจนถึงสิทธิค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง เพื่อให้ทุกคน "รู้ทันสิทธิ" ของตนเองอย่างแท้จริง

    กฎหมายแรงงานได้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเกี่ยวกับ "เวลาทำงาน" เพื่อให้ลูกจ้างมีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ โดยกำหนดให้งานทั่วไปต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และรวมแล้วต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนงานที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรืออันตรายจะถูกจำกัดเข้มงวดกว่า คือต้องไม่เกิน 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่นายจ้างต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด หากมีความจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา หรือที่เรียกกันว่า "OT" (Overtime) กฎหมายก็กำหนดอัตราค่าตอบแทนที่เป็นธรรม โดยในวันธรรมดาจะต้องได้รับค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง และเพิ่มเป็น 3 เท่าสำหรับวันหยุด และแม้จะเป็นการทำงานเพิ่มในเวลาทำงานปกติก็ตาม ก็ยังคงต้องได้รับค่าตอบแทนในอัตรา 1 เท่า หากแต่การทำงานล่วงเวลาทั้งหมดนี้ก็มีเพดานกำกับไว้ คือต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันการใช้แรงงานเกินควร นอกจากเวลาทำงานแล้ว "วันหยุด" ก็เป็นอีกหนึ่งสิทธิพื้นฐานที่ถูกคุ้มครอง ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดประจำสัปดาห์อย่างน้อย 1 วัน และที่สำคัญคือสิทธิในวันหยุดตามประเพณี ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี โดยรวมวันสำคัญทางศาสนาและวันหยุดราชการอื่น ๆ เพื่อให้ลูกจ้างมีโอกาสได้พักผ่อนและทำกิจกรรมทางสังคมได้อย่างเต็มที่ สิทธิในการ "ลา" เป็นอีกหนึ่งบทบัญญัติที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง เริ่มตั้งแต่ "ลาป่วย" ซึ่งลูกจ้างสามารถลาได้ตามที่ป่วยจริง และหากลาติดต่อกันเกินกว่า 3 วัน นายจ้างมีสิทธิขอ "ใบรับรองแพทย์" เพื่อประกอบการพิจารณา การ "ลาพักร้อน" หรือวันหยุดพักผ่อนประจำปี ก็ถูกกำหนดให้มีขั้นต่ำที่ 6 วันต่อปี หลังจากทำงานครบหนึ่งปี ส่วน "ลากิจธุระอันจำเป็น" นั้น แม้จะถูกกำหนดโดยกฎหมายให้นายจ้างอนุญาต แต่รายละเอียดและจำนวนวันลาที่เกินกว่า 3 วันขึ้นไป อาจขึ้นอยู่กับข้อตกลงหรือระเบียบขององค์กรนั้น ๆ สำหรับสิทธิของลูกจ้างหญิง กฎหมายให้สิทธิ "ลาคลอดบุตร" ได้สูงสุดถึง 120 วัน โดยได้รับค่าจ้างในระหว่างลานั้นไม่เกิน 60 วัน และล่าสุด ยังรวมถึงสิทธิ "ลาตรวจครรภ์" 15 วัน และ "ลาเพื่อช่วยคู่สมรสคลอดบุตร" 15 วัน ซึ่งต้องใช้สิทธิภายใน 90 วันหลังคลอด ซึ่งทั้งหมดนี้คือการยกระดับคุณภาพชีวิตและครอบครัวของแรงงาน

    แต่ประเด็นที่มักจะสร้างความกังวลใจและเป็นข้อพิพาทมากที่สุด คือเรื่องของการ "เลิกจ้าง" และ "ค่าชดเชย" กฎหมายแรงงานได้กำหนดอัตราค่าชดเชยที่ชัดเจนและเป็นไปตามระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อต้องออกจากงาน ลูกจ้างจะได้รับเงินชดเชยที่เหมาะสมตามความทุ่มเทและเวลาที่ได้อุทิศให้แก่องค์กร โดยเริ่มตั้งแต่การทำงานครบ 120 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 30 วัน ไปจนถึงกรณีที่ทำงานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะได้รับค่าชดเชยสูงสุดถึง 300 วัน ซึ่งการกำหนดอัตราค่าชดเชยนี้เป็นไปเพื่อคุ้มครองสถานะทางการเงินของลูกจ้างในช่วงเปลี่ยนผ่านการทำงาน การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องเวลาทำงาน ค่าล่วงเวลา วันหยุด วันลา และค่าชดเชยการเลิกจ้าง ตามที่กระทรวงแรงงานได้ประกาศไว้นั้น จึงไม่ใช่เพียงแค่การท่องจำตัวเลข แต่เป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับตนเองในฐานะลูกจ้าง เพื่อใช้กฎหมายเป็นกลไกในการรักษาสิทธิของตนเองให้ได้รับความเสมอภาคและความเป็นธรรมตามหลักนิติธรรมที่ใช้กำกับดูแลความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

    ดังนั้น การศึกษากฎหมายแรงงานจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งใดหรือทำงานในอุตสาหกรรมใดก็ตาม การ "รู้ทันสิทธิ" เหล่านี้จะทำให้คุณไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าในโครงสร้างการจ้างงาน และทำให้คุณสามารถก้าวเดินในโลกของการทำงานได้อย่างมั่นคงและมั่นใจ การใช้กฎหมายเป็นหลักในการเจรจาและการปฏิบัติงานคือการแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพและการเคารพในตัวเอง เพราะสิทธิที่เราได้รับตามกฎหมายแรงงานนั้น แท้จริงแล้วคือสิ่งที่สังคมยอมรับว่าเป็นความยุติธรรมขั้นพื้นฐานที่เราพึงได้รับจากการใช้แรงงานและเวลาอันมีค่าของเราในการสร้างสรรค์ผลผลิตให้กับสังคมนั่นเอง
    บทความกฎหมาย EP.38 กฎหมายแรงงานฉบับลูกจ้าง: เกราะป้องกันที่คุณต้องมีในโลกการทำงาน ในโลกของการจ้างงานที่ขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันและภาระหน้าที่ เราในฐานะ "ลูกจ้าง" หรือ "คนทำงาน" มักได้ยินคำว่า "กฎหมายแรงงาน" อยู่บ่อยครั้ง จนบางครั้งเกิดความสับสนหรือไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายของเราครอบคลุมถึงขอบเขตใดบ้าง การตระหนักถึงข้อกฎหมายเหล่านี้จึงไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ทั่วไป แต่เป็นเสมือน "เกราะป้องกัน" ที่สำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้เราสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมั่นใจ ไม่ถูกเอาเปรียบ และเรียกร้องความเป็นธรรมได้เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามครรลองที่กฎหมายกำหนดไว้ เราจึงขอสรุปสาระสำคัญของกฎหมายแรงงานที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจำเป็นต้องทราบ ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานของเวลาทำงาน วันหยุด วันลา ไปจนถึงสิทธิค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง เพื่อให้ทุกคน "รู้ทันสิทธิ" ของตนเองอย่างแท้จริง กฎหมายแรงงานได้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเกี่ยวกับ "เวลาทำงาน" เพื่อให้ลูกจ้างมีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ โดยกำหนดให้งานทั่วไปต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และรวมแล้วต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนงานที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรืออันตรายจะถูกจำกัดเข้มงวดกว่า คือต้องไม่เกิน 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่นายจ้างต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด หากมีความจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา หรือที่เรียกกันว่า "OT" (Overtime) กฎหมายก็กำหนดอัตราค่าตอบแทนที่เป็นธรรม โดยในวันธรรมดาจะต้องได้รับค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง และเพิ่มเป็น 3 เท่าสำหรับวันหยุด และแม้จะเป็นการทำงานเพิ่มในเวลาทำงานปกติก็ตาม ก็ยังคงต้องได้รับค่าตอบแทนในอัตรา 1 เท่า หากแต่การทำงานล่วงเวลาทั้งหมดนี้ก็มีเพดานกำกับไว้ คือต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันการใช้แรงงานเกินควร นอกจากเวลาทำงานแล้ว "วันหยุด" ก็เป็นอีกหนึ่งสิทธิพื้นฐานที่ถูกคุ้มครอง ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดประจำสัปดาห์อย่างน้อย 1 วัน และที่สำคัญคือสิทธิในวันหยุดตามประเพณี ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี โดยรวมวันสำคัญทางศาสนาและวันหยุดราชการอื่น ๆ เพื่อให้ลูกจ้างมีโอกาสได้พักผ่อนและทำกิจกรรมทางสังคมได้อย่างเต็มที่ สิทธิในการ "ลา" เป็นอีกหนึ่งบทบัญญัติที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง เริ่มตั้งแต่ "ลาป่วย" ซึ่งลูกจ้างสามารถลาได้ตามที่ป่วยจริง และหากลาติดต่อกันเกินกว่า 3 วัน นายจ้างมีสิทธิขอ "ใบรับรองแพทย์" เพื่อประกอบการพิจารณา การ "ลาพักร้อน" หรือวันหยุดพักผ่อนประจำปี ก็ถูกกำหนดให้มีขั้นต่ำที่ 6 วันต่อปี หลังจากทำงานครบหนึ่งปี ส่วน "ลากิจธุระอันจำเป็น" นั้น แม้จะถูกกำหนดโดยกฎหมายให้นายจ้างอนุญาต แต่รายละเอียดและจำนวนวันลาที่เกินกว่า 3 วันขึ้นไป อาจขึ้นอยู่กับข้อตกลงหรือระเบียบขององค์กรนั้น ๆ สำหรับสิทธิของลูกจ้างหญิง กฎหมายให้สิทธิ "ลาคลอดบุตร" ได้สูงสุดถึง 120 วัน โดยได้รับค่าจ้างในระหว่างลานั้นไม่เกิน 60 วัน และล่าสุด ยังรวมถึงสิทธิ "ลาตรวจครรภ์" 15 วัน และ "ลาเพื่อช่วยคู่สมรสคลอดบุตร" 15 วัน ซึ่งต้องใช้สิทธิภายใน 90 วันหลังคลอด ซึ่งทั้งหมดนี้คือการยกระดับคุณภาพชีวิตและครอบครัวของแรงงาน แต่ประเด็นที่มักจะสร้างความกังวลใจและเป็นข้อพิพาทมากที่สุด คือเรื่องของการ "เลิกจ้าง" และ "ค่าชดเชย" กฎหมายแรงงานได้กำหนดอัตราค่าชดเชยที่ชัดเจนและเป็นไปตามระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อต้องออกจากงาน ลูกจ้างจะได้รับเงินชดเชยที่เหมาะสมตามความทุ่มเทและเวลาที่ได้อุทิศให้แก่องค์กร โดยเริ่มตั้งแต่การทำงานครบ 120 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 30 วัน ไปจนถึงกรณีที่ทำงานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะได้รับค่าชดเชยสูงสุดถึง 300 วัน ซึ่งการกำหนดอัตราค่าชดเชยนี้เป็นไปเพื่อคุ้มครองสถานะทางการเงินของลูกจ้างในช่วงเปลี่ยนผ่านการทำงาน การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องเวลาทำงาน ค่าล่วงเวลา วันหยุด วันลา และค่าชดเชยการเลิกจ้าง ตามที่กระทรวงแรงงานได้ประกาศไว้นั้น จึงไม่ใช่เพียงแค่การท่องจำตัวเลข แต่เป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับตนเองในฐานะลูกจ้าง เพื่อใช้กฎหมายเป็นกลไกในการรักษาสิทธิของตนเองให้ได้รับความเสมอภาคและความเป็นธรรมตามหลักนิติธรรมที่ใช้กำกับดูแลความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ดังนั้น การศึกษากฎหมายแรงงานจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งใดหรือทำงานในอุตสาหกรรมใดก็ตาม การ "รู้ทันสิทธิ" เหล่านี้จะทำให้คุณไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าในโครงสร้างการจ้างงาน และทำให้คุณสามารถก้าวเดินในโลกของการทำงานได้อย่างมั่นคงและมั่นใจ การใช้กฎหมายเป็นหลักในการเจรจาและการปฏิบัติงานคือการแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพและการเคารพในตัวเอง เพราะสิทธิที่เราได้รับตามกฎหมายแรงงานนั้น แท้จริงแล้วคือสิ่งที่สังคมยอมรับว่าเป็นความยุติธรรมขั้นพื้นฐานที่เราพึงได้รับจากการใช้แรงงานและเวลาอันมีค่าของเราในการสร้างสรรค์ผลผลิตให้กับสังคมนั่นเอง
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • ศูนย์ข้อมูลล่มเพราะระบบทำความเย็นเสีย

    เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน CME ต้องหยุดการซื้อขายทั่วโลก เนื่องจาก ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne เกิดความขัดข้อง ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประมวลผลการซื้อขายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทีมวิศวกรและผู้รับเหมาถูกเรียกเข้ามาแก้ไขทันที โดยมีการรีสตาร์ทเครื่องทำความเย็นบางส่วนและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราวเพื่อพยายามฟื้นฟูระบบ

    ผลกระทบต่อการซื้อขายทั่วโลก
    CME เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการซื้อขายตั้งแต่สินค้าเกษตร พลังงาน ดัชนีหุ้น ไปจนถึงคริปโตและอัตราดอกเบี้ย การหยุดชะงักครั้งนี้จึงส่งผลกระทบไปถึง ลอนดอน กัวลาลัมเปอร์ และยุโรป โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและรีโปในยุโรปที่ต้องหยุดทำการ ขณะที่ BrokerTec US และ EU สามารถกลับมาเปิดได้บางส่วน แต่ระบบอื่น ๆ ยังคงหยุดอยู่

    เวลาและความรุนแรงของเหตุการณ์
    เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ผลกระทบในตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด แต่ในตลาดเอเชียและยุโรปกลับได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่น เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึง ความเสี่ยงของการพึ่งพาระบบเดียว ในการขับเคลื่อนธุรกรรมระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์

    ความหมายต่ออนาคตของโครงสร้างพื้นฐานการเงิน
    การหยุดชะงักครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของ CME และเป็นสัญญาณเตือนว่าการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและพลังงานมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก การลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินต้องให้ความสำคัญมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สาเหตุของการหยุดชะงัก
    ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne ขัดข้อง
    ทีมวิศวกรต้องรีสตาร์ทและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราว

    ผลกระทบต่อการซื้อขาย
    ตลาดอนุพันธ์ CME ครอบคลุมการซื้อขายทั่วโลก
    ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบหนักที่สุด

    เวลาและความรุนแรง
    เกิดขึ้นเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ตลาดสหรัฐฯ กระทบจำกัด
    ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบมากกว่า

    ความหมายต่ออนาคต
    สะท้อนความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบเดียว
    จำเป็นต้องลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยง

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    การหยุดชะงักของโครงสร้างพื้นฐาน IT สามารถกระทบเศรษฐกิจโลกทันที
    ตลาดการเงินต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อป้องกันการล่มซ้ำอีกครั้ง

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/data-center-cooling-issue-halts-worlds-largest-derivatives-exchange-cme-trading-shutdown-ripples-across-malaysia-uk-and-eu-markets
    🌡️ ศูนย์ข้อมูลล่มเพราะระบบทำความเย็นเสีย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน CME ต้องหยุดการซื้อขายทั่วโลก เนื่องจาก ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne เกิดความขัดข้อง ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประมวลผลการซื้อขายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทีมวิศวกรและผู้รับเหมาถูกเรียกเข้ามาแก้ไขทันที โดยมีการรีสตาร์ทเครื่องทำความเย็นบางส่วนและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราวเพื่อพยายามฟื้นฟูระบบ 💹 ผลกระทบต่อการซื้อขายทั่วโลก CME เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการซื้อขายตั้งแต่สินค้าเกษตร พลังงาน ดัชนีหุ้น ไปจนถึงคริปโตและอัตราดอกเบี้ย การหยุดชะงักครั้งนี้จึงส่งผลกระทบไปถึง ลอนดอน กัวลาลัมเปอร์ และยุโรป โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและรีโปในยุโรปที่ต้องหยุดทำการ ขณะที่ BrokerTec US และ EU สามารถกลับมาเปิดได้บางส่วน แต่ระบบอื่น ๆ ยังคงหยุดอยู่ 🕒 เวลาและความรุนแรงของเหตุการณ์ เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ผลกระทบในตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด แต่ในตลาดเอเชียและยุโรปกลับได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่น เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึง ความเสี่ยงของการพึ่งพาระบบเดียว ในการขับเคลื่อนธุรกรรมระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ 🌍 ความหมายต่ออนาคตของโครงสร้างพื้นฐานการเงิน การหยุดชะงักครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของ CME และเป็นสัญญาณเตือนว่าการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและพลังงานมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก การลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินต้องให้ความสำคัญมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สาเหตุของการหยุดชะงัก ➡️ ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne ขัดข้อง ➡️ ทีมวิศวกรต้องรีสตาร์ทและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราว ✅ ผลกระทบต่อการซื้อขาย ➡️ ตลาดอนุพันธ์ CME ครอบคลุมการซื้อขายทั่วโลก ➡️ ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบหนักที่สุด ✅ เวลาและความรุนแรง ➡️ เกิดขึ้นเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ตลาดสหรัฐฯ กระทบจำกัด ➡️ ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบมากกว่า ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ สะท้อนความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบเดียว ➡️ จำเป็นต้องลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยง ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ การหยุดชะงักของโครงสร้างพื้นฐาน IT สามารถกระทบเศรษฐกิจโลกทันที ⛔ ตลาดการเงินต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อป้องกันการล่มซ้ำอีกครั้ง https://www.tomshardware.com/desktops/servers/data-center-cooling-issue-halts-worlds-largest-derivatives-exchange-cme-trading-shutdown-ripples-across-malaysia-uk-and-eu-markets
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • “Tools for Humanity: สตาร์ทอัพสแกนม่านตา กับวัฒนธรรมการทำงานสุดโหดใน Silicon Valley”

    บริษัท Tools for Humanity ที่ก่อตั้งโดย Sam Altman และ Alex Blania กำลังเป็นที่จับตามองใน Silicon Valley เพราะนอกจากเทคโนโลยี “Orb” ที่ใช้สแกนม่านตาเพื่อสร้าง World ID แล้ว ยังมีวัฒนธรรมการทำงานที่เข้มข้นอย่างมาก พนักงานถูกคาดหวังให้ทำงานตลอดเวลา รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยผู้บริหารย้ำว่าภารกิจนี้คือ “เพื่อมนุษยชาติ” และใครที่ไม่ทุ่มเทเต็มที่ก็ไม่ควรอยู่ในทีม

    ในด้านเทคโนโลยี Orb ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหายุค AI ที่ข้อมูลปลอมและบอทกำลังแพร่หลาย การสแกนม่านตาจะสร้างรหัสเฉพาะบุคคลเพื่อยืนยันว่าเป็นมนุษย์จริง ๆ พร้อมให้สิทธิ์เข้าถึงระบบนิเวศ World App และรับโทเคนสกุลเงินดิจิทัล WLD เป็นรางวัล อย่างไรก็ตาม แม้ตั้งเป้าหมายผู้ใช้ถึง 1 พันล้านคน แต่ปัจจุบันมีเพียงราว 17.5 ล้านคน หรือไม่ถึง 2% ของเป้าหมาย

    สิ่งที่น่ากังวลคือหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ โคลอมเบีย และไทย ได้สั่งระงับหรือสอบสวนการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติ ขณะที่บางประเทศถึงขั้นมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง เพราะการเก็บข้อมูลม่านตาอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

    แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่บริษัทก็ยังได้รับเงินลงทุนกว่า 240 ล้านดอลลาร์จากบริษัทรายใหญ่ และยังคงผลักดันโครงการต่อไป โดยมองว่านี่คือโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของโลกอินเทอร์เน็ตในยุค AI ที่ต้องมี “Proof of Humanity” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ใช้งานคือมนุษย์จริง ๆ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    วัฒนธรรมการทำงานสุดโหดของ Tools for Humanity
    พนักงานถูกคาดหวังให้ทำงานตลอดเวลา รวมถึงวันหยุด
    ผู้บริหารย้ำว่าใครไม่ทุ่มเทเต็มที่ “ไม่ควรอยู่ที่นี่”

    เทคโนโลยี Orb และ World ID
    ใช้สแกนม่านตาเพื่อสร้างรหัสเฉพาะบุคคล
    ผู้ใช้ได้รับโทเคน WLD เป็นรางวัลหลังการสแกน

    เป้าหมายและความคืบหน้า
    ตั้งเป้าหมายผู้ใช้ 1 พันล้านคน
    ปัจจุบันมีเพียง 17.5 ล้านคน หรือไม่ถึง 2%

    การสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่
    ได้เงินลงทุนกว่า 240 ล้านดอลลาร์
    มีพันธมิตรกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก

    ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและกฎหมาย
    หลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ โคลอมเบีย และไทย สั่งระงับหรือสอบสวน
    มีความเสี่ยงข้อมูลชีวมิติถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

    ความท้าทายต่อการยอมรับระดับโลก
    ผู้ใช้ยังมีจำนวนต่ำมากเมื่อเทียบกับเป้าหมาย
    ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงในบางประเทศ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/24/this-sam-altman-startup-might-have-the-most-butal-work-culture-in-silicon-valley
    📰 “Tools for Humanity: สตาร์ทอัพสแกนม่านตา กับวัฒนธรรมการทำงานสุดโหดใน Silicon Valley” บริษัท Tools for Humanity ที่ก่อตั้งโดย Sam Altman และ Alex Blania กำลังเป็นที่จับตามองใน Silicon Valley เพราะนอกจากเทคโนโลยี “Orb” ที่ใช้สแกนม่านตาเพื่อสร้าง World ID แล้ว ยังมีวัฒนธรรมการทำงานที่เข้มข้นอย่างมาก พนักงานถูกคาดหวังให้ทำงานตลอดเวลา รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยผู้บริหารย้ำว่าภารกิจนี้คือ “เพื่อมนุษยชาติ” และใครที่ไม่ทุ่มเทเต็มที่ก็ไม่ควรอยู่ในทีม ในด้านเทคโนโลยี Orb ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหายุค AI ที่ข้อมูลปลอมและบอทกำลังแพร่หลาย การสแกนม่านตาจะสร้างรหัสเฉพาะบุคคลเพื่อยืนยันว่าเป็นมนุษย์จริง ๆ พร้อมให้สิทธิ์เข้าถึงระบบนิเวศ World App และรับโทเคนสกุลเงินดิจิทัล WLD เป็นรางวัล อย่างไรก็ตาม แม้ตั้งเป้าหมายผู้ใช้ถึง 1 พันล้านคน แต่ปัจจุบันมีเพียงราว 17.5 ล้านคน หรือไม่ถึง 2% ของเป้าหมาย สิ่งที่น่ากังวลคือหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ โคลอมเบีย และไทย ได้สั่งระงับหรือสอบสวนการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติ ขณะที่บางประเทศถึงขั้นมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง เพราะการเก็บข้อมูลม่านตาอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่บริษัทก็ยังได้รับเงินลงทุนกว่า 240 ล้านดอลลาร์จากบริษัทรายใหญ่ และยังคงผลักดันโครงการต่อไป โดยมองว่านี่คือโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของโลกอินเทอร์เน็ตในยุค AI ที่ต้องมี “Proof of Humanity” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ใช้งานคือมนุษย์จริง ๆ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ วัฒนธรรมการทำงานสุดโหดของ Tools for Humanity ➡️ พนักงานถูกคาดหวังให้ทำงานตลอดเวลา รวมถึงวันหยุด ➡️ ผู้บริหารย้ำว่าใครไม่ทุ่มเทเต็มที่ “ไม่ควรอยู่ที่นี่” ✅ เทคโนโลยี Orb และ World ID ➡️ ใช้สแกนม่านตาเพื่อสร้างรหัสเฉพาะบุคคล ➡️ ผู้ใช้ได้รับโทเคน WLD เป็นรางวัลหลังการสแกน ✅ เป้าหมายและความคืบหน้า ➡️ ตั้งเป้าหมายผู้ใช้ 1 พันล้านคน ➡️ ปัจจุบันมีเพียง 17.5 ล้านคน หรือไม่ถึง 2% ✅ การสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ ➡️ ได้เงินลงทุนกว่า 240 ล้านดอลลาร์ ➡️ มีพันธมิตรกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ‼️ ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและกฎหมาย ⛔ หลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ โคลอมเบีย และไทย สั่งระงับหรือสอบสวน ⛔ มีความเสี่ยงข้อมูลชีวมิติถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ‼️ ความท้าทายต่อการยอมรับระดับโลก ⛔ ผู้ใช้ยังมีจำนวนต่ำมากเมื่อเทียบกับเป้าหมาย ⛔ ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงในบางประเทศ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/24/this-sam-altman-startup-might-have-the-most-butal-work-culture-in-silicon-valley
    WWW.THESTAR.COM.MY
    This Sam Altman startup might have the most brutal work culture in Silicon Valley
    Altman's biometrics startup, Tools for Humanity, told employees that they're 'always on call.'
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • "ชาวรัสเซียเดือดร้อนหนักจากการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถือ"

    ตั้งแต่ต้นปี 2025 รัฐบาลรัสเซียได้ใช้มาตรการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถือในหลายภูมิภาค โดยให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยโดรนจากยูเครน แต่ผลลัพธ์คือประชาชนจำนวนมากไม่สามารถใช้บริการพื้นฐานได้ เช่น การจ่ายค่าโดยสารสาธารณะผ่านบัตรเครดิต การถอนเงินจากตู้ ATM หรือแม้แต่การส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันสื่อสาร ทำให้ชีวิตประจำวันหยุดชะงักและเกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวาง

    ผลกระทบต่อสุขภาพและครอบครัว
    หนึ่งในผลกระทบที่ร้ายแรงคือ ผู้ปกครองเด็กที่เป็นเบาหวานไม่สามารถตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของลูกได้ เนื่องจากอุปกรณ์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมือถือ การปิดกั้นนี้จึงไม่เพียงแต่สร้างความไม่สะดวก แต่ยังเป็นภัยต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชนโดยตรง

    ความไม่พอใจและเสียงวิจารณ์
    ประชาชนจำนวนมากมองว่ามาตรการนี้เป็นการควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดขึ้น และสะท้อนถึงแนวโน้มที่รัฐบาลรัสเซียพยายามจำกัดเสรีภาพทางดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนเปรียบเทียบกับการปิดกั้นสื่อในอดีต และกังวลว่าการปิดอินเทอร์เน็ตมือถืออาจกลายเป็นมาตรการถาวรที่กระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง

    มิติทางการเมืองและความมั่นคง
    นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า การปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถืออาจเป็นการตอบสนองต่อภัยคุกคามจริงจากโดรน แต่ก็สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารของประชาชน การกระทำนี้อาจสร้างแรงกดดันต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน และเพิ่มความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาลในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    มาตรการของรัฐบาลรัสเซีย
    ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถือเพื่อสกัดกั้นการโจมตีด้วยโดรน
    ส่งผลกระทบต่อบริการพื้นฐาน เช่น ตู้ ATM และการจ่ายค่าโดยสาร

    ผลกระทบต่อประชาชน
    ผู้ปกครองเด็กเบาหวานไม่สามารถตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดได้
    แอปสื่อสารและการทำธุรกรรมทางการเงินหยุดชะงัก

    เสียงวิจารณ์และความไม่พอใจ
    ประชาชนมองว่าเป็นการควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดขึ้น
    กังวลว่าจะกลายเป็นมาตรการถาวรที่กระทบเศรษฐกิจและสังคม

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถืออาจเป็นภัยต่อสุขภาพและชีวิตประชาชน
    การควบคุมเสรีภาพทางดิจิทัลอาจเพิ่มความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/24/frustrations-grow-in-russia-over-cellphone-internet-outages-that-disrupt-daily-life
    📡 "ชาวรัสเซียเดือดร้อนหนักจากการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถือ" ตั้งแต่ต้นปี 2025 รัฐบาลรัสเซียได้ใช้มาตรการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถือในหลายภูมิภาค โดยให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยโดรนจากยูเครน แต่ผลลัพธ์คือประชาชนจำนวนมากไม่สามารถใช้บริการพื้นฐานได้ เช่น การจ่ายค่าโดยสารสาธารณะผ่านบัตรเครดิต การถอนเงินจากตู้ ATM หรือแม้แต่การส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันสื่อสาร ทำให้ชีวิตประจำวันหยุดชะงักและเกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวาง 🏥 ผลกระทบต่อสุขภาพและครอบครัว หนึ่งในผลกระทบที่ร้ายแรงคือ ผู้ปกครองเด็กที่เป็นเบาหวานไม่สามารถตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของลูกได้ เนื่องจากอุปกรณ์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมือถือ การปิดกั้นนี้จึงไม่เพียงแต่สร้างความไม่สะดวก แต่ยังเป็นภัยต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชนโดยตรง 💬 ความไม่พอใจและเสียงวิจารณ์ ประชาชนจำนวนมากมองว่ามาตรการนี้เป็นการควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดขึ้น และสะท้อนถึงแนวโน้มที่รัฐบาลรัสเซียพยายามจำกัดเสรีภาพทางดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนเปรียบเทียบกับการปิดกั้นสื่อในอดีต และกังวลว่าการปิดอินเทอร์เน็ตมือถืออาจกลายเป็นมาตรการถาวรที่กระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง 🌍 มิติทางการเมืองและความมั่นคง นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า การปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถืออาจเป็นการตอบสนองต่อภัยคุกคามจริงจากโดรน แต่ก็สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารของประชาชน การกระทำนี้อาจสร้างแรงกดดันต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน และเพิ่มความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาลในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ มาตรการของรัฐบาลรัสเซีย ➡️ ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถือเพื่อสกัดกั้นการโจมตีด้วยโดรน ➡️ ส่งผลกระทบต่อบริการพื้นฐาน เช่น ตู้ ATM และการจ่ายค่าโดยสาร ✅ ผลกระทบต่อประชาชน ➡️ ผู้ปกครองเด็กเบาหวานไม่สามารถตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดได้ ➡️ แอปสื่อสารและการทำธุรกรรมทางการเงินหยุดชะงัก ✅ เสียงวิจารณ์และความไม่พอใจ ➡️ ประชาชนมองว่าเป็นการควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดขึ้น ➡️ กังวลว่าจะกลายเป็นมาตรการถาวรที่กระทบเศรษฐกิจและสังคม ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การปิดกั้นอินเทอร์เน็ตมือถืออาจเป็นภัยต่อสุขภาพและชีวิตประชาชน ⛔ การควบคุมเสรีภาพทางดิจิทัลอาจเพิ่มความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/24/frustrations-grow-in-russia-over-cellphone-internet-outages-that-disrupt-daily-life
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Frustrations grow in Russia over cellphone Internet outages that disrupt daily life
    When Russians look back at 2025, they might remember it as the year when the government took even tighter control of the Internet.
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • EP 84
    เพิมแชร์ทักษะ ในการดูกราฟ เป็นเทคนิคอลทอณืควันหยุด
    EP 84 เพิมแชร์ทักษะ ในการดูกราฟ เป็นเทคนิคอลทอณืควันหยุด
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251120 #TechRadar

    Garmin อัปเดตสมาร์ทวอทช์ จับสัญญาณความเครียดได้
    Garmin ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้สมาร์ทวอทช์รุ่นดังอย่าง Vivoactive 6, Forerunner 570 และ Venu X1 รวมถึงคอมพิวเตอร์จักรยาน Edge 540 และ 1050 จุดเด่นคือฟีเจอร์ Health Status ที่ช่วยดูแนวโน้มสุขภาพระยะยาว เช่น อัตราการเต้นหัวใจ, HRV, การหายใจ, อุณหภูมิผิว และค่าออกซิเจนในเลือดตอนนอน หากค่าผิดปกติอาจบอกได้ว่าร่างกายกำลังเครียดหรือเจ็บป่วย นอกจากนี้ยังมีแผนที่ 3D (สำหรับผู้ใช้แบบพรีเมียม) และฟีเจอร์ใหม่ ๆ สำหรับนักปั่น เช่น เตือนให้ดื่มน้ำ, เช็กสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์อัตราทดเกียร์
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmins-latest-smartwatch-update-helps-catch-signs-of-stress-in-one-key-way

    AMD เปิดตัว FSR Redstone แต่ใช้ได้เฉพาะ RX 9000
    AMD ประกาศเปิดตัว FSR Redstone วันที่ 10 ธันวาคมนี้ เป็นชุดเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเร่งเฟรมเรตและปรับปรุงคุณภาพภาพกราฟิก แต่ข่าวร้ายคือใช้ได้เฉพาะการ์ดจอรุ่น RX 9000 เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้ RX 7000 และรุ่นก่อนหน้าไม่พอใจ เพราะยังถือว่าเป็นการ์ดจอใหม่อยู่ ฟีเจอร์ที่มาพร้อม Redstone เช่น Ray Regeneration (ปรับปรุงภาพ Ray Tracing), Radiance Caching (ปรับแสงให้สมจริง) และ Frame Generation ที่สร้างเฟรมเสริมเพื่อให้ภาพลื่นขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-fsr-redstone-for-supercharged-gaming-debuts-on-december-10-but-its-rx-9000-only-leaving-older-radeon-gpus-in-the-cold

    รหัสผ่านธีมเทศกาล เสี่ยงโดนเจาะง่าย
    มีการวิเคราะห์รหัสผ่านที่รั่วไหลกว่า 800 ล้านรายการ พบว่ามีจำนวนมากที่ใช้คำเกี่ยวกับเทศกาล เช่น Christmas, Santa, หรือการดัดแปลงด้วยตัวเลข/สัญลักษณ์ แม้ดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วเครื่องมือเจาะรหัสสมัยใหม่สามารถเดาได้ง่าย เพราะรูปแบบซ้ำ ๆ และคาดเดาได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงสิ้นปีที่หลายองค์กรบังคับเปลี่ยนรหัสผ่าน มักเป็นจังหวะที่แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมนี้
    https://www.techradar.com/pro/this-company-analyzed-800-million-breached-passwords-and-found-a-surprising-amount-of-festive-themes-so-maybe-choose-a-better-password-please

    โรงเก็บของกลายเป็น Data Center ช่วยลดค่าไฟ
    คู่รักใน Essex, UK ทดลองติดตั้ง HeatHub ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กในโรงเก็บของ ใช้ Raspberry Pi กว่า 500 เครื่องในการประมวลผล และนำความร้อนที่เกิดขึ้นไปใช้ทำความร้อนในบ้าน ผลคือค่าไฟลดจาก £375 เหลือเพียง £40 ต่อเดือน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองระดับประเทศ เพื่อหาทางใช้พลังงานจากการประมวลผลคอมพิวเตอร์มาเป็นพลังงานความร้อนในครัวเรือน
    https://www.techradar.com/pro/looking-to-lower-your-energy-bills-this-winter-how-about-hosting-a-data-center-in-your-garden-shed-to-help-heat-your-home

    เครื่องมือ Unix เก่ากลับมาพร้อมภัยใหม่
    คำสั่ง finger ที่เคยใช้ในระบบ Unix เพื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ ถูกนำกลับมาใช้ในทางร้าย โดยแฮกเกอร์ใช้สคริปต์ดึงคำสั่งจากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลแล้วรันใน Windows ทำให้สามารถแอบติดตั้งโปรแกรม Python ที่ขโมยข้อมูลได้โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว เทคนิคนี้ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องมือวิเคราะห์ได้ ถือเป็นการฟื้นคืนชีพของภัยคุกคามเก่าที่อันตรายมาก
    https://www.techradar.com/pro/a-decades-old-threat-command-is-making-a-comeback-so-dont-let-the-finger-of-doom-affect-you

    Meta ทุ่มงบเพิ่มความปลอดภัย WhatsApp
    Meta ลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในโครงการ Bug Bounty และเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อเสริมความปลอดภัยของ WhatsApp เป้าหมายคือป้องกันการโจมตีและหาช่องโหว่ก่อนที่แฮกเกอร์จะใช้ประโยชน์ การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงจังของ Meta ที่ต้องการให้ WhatsApp เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/security/meta-is-spending-millions-on-bug-bounties-and-security-tools-to-boost-whatsapp-security

    Google Maps เพิ่ม 4 ฟีเจอร์ใหม่รับเทศกาล
    Google Maps อัปเดตครั้งใหญ่เพื่อช่วยผู้ใช้ช่วงเทศกาลปลายปี ฟีเจอร์ใหม่ประกอบด้วยการแสดงข้อมูลการจราจรที่ละเอียดขึ้น, การแจ้งเตือนเส้นทางที่หนาแน่น, การแนะนำเส้นทางทางเลือก และการปรับปรุงการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว/ร้านค้าให้ตรงใจมากขึ้น เหมาะกับการเดินทางในช่วงวันหยุดที่ผู้คนออกเดินทางจำนวนมาก
    https://www.techradar.com/computing/websites-apps/google-maps-is-adding-4-new-features-to-help-you-navigate-the-holiday-season

    LG Battery โดนโจมตี Ransomware
    บริษัทลูกของ LG ที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่ถูกโจมตีด้วย Ransomware ส่งผลให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลถูกเข้ารหัส ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการโจมตีลักษณะนี้กำลังเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงาน เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่แฮกเกอร์เล็งเป้าเพื่อเรียกค่าไถ่สูง
    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-attack-hits-lg-battery-subsidiary

    Asus Router ถูกโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่
    มีรายงานว่า Router ของ Asus ทั่วโลกถูกโจมตีจากกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีน ทำให้ผู้ใช้งานหลายรายประสบปัญหาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ การโจมตีครั้งนี้ถูกจับตามองว่าอาจเป็นการแสดงศักยภาพด้านไซเบอร์ของรัฐชาติ และยังสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้กันแพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-routers-across-the-globe-hit-by-suspected-chinese-cyberattack-heres-what-we-know

    ข่าวสด VPN และสิทธิด้านดิจิทัล
    TechRadar เปิดหน้า VPN News Live อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์, สิทธิด้านดิจิทัล และความเป็นส่วนตัวออนไลน์ เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี VPN ใหม่ ๆ ไปจนถึงการเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก
    https://www.techradar.com/live/news/latest-vpn-news-wednesday-19-november

    Porsche Cayenne Turbo Electric แรงที่สุดที่เคยมี
    Porsche ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Cayenne Turbo Electric จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดที่บริษัทเคยผลิต กำลังสูงสุดมากกว่า 1,000 แรงม้า ทำให้เป็น SUV ที่เร็วและแรงที่สุดในสายการผลิตของ Porsche ถือเป็นการยกระดับตลาดรถไฟฟ้าไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/its-official-the-porsche-cayenne-turbo-electric-will-be-the-most-powerful-production-porsche-ever-made

    Chrome เจอช่องโหว่ Zero-Day อันตราย
    Google ออกแพตช์เร่งด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-Day ใน Chrome ที่ถูกโจมตีจริงแล้ว ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบโดยไม่รู้ตัว ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดต Chrome ทันทีเพื่อความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/pro/security/google-patches-worrying-chrome-zero-day-flaw-being-exploited-in-the-wild-heres-how-to-stay-safe

    Botnet ใหม่แอบใช้ Ray Cluster ขุดคริปโต
    มีการค้นพบ Botnet ลึกลับที่แอบเข้ายึด Ray Clusters แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องขุดคริปโตโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ทำให้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ถูกใช้ไปอย่างมหาศาล และยังเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลอีกด้วย
    https://www.techradar.com/pro/security/ray-clusters-hijacked-and-turned-into-crypto-miners-by-shadowy-new-botnet

    iOS 26 Autocorrect พังหนัก
    ผู้ใช้ iPhone หลายรายบ่นว่า Autocorrect ใน iOS 26 ทำงานผิดพลาดอย่างมาก พิมพ์ผิดบ่อยและแก้คำไม่ตรงใจ แม้ Apple จะออก iOS 26.2 แล้ว แต่ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข ทำให้ผู้ใช้รู้สึกหงุดหงิดและรอการแก้ไขจริงจังจาก Apple
    https://www.techradar.com/phones/ios/youre-not-bad-at-typing-ios-26s-autocorrect-is-broken-and-theres-still-no-fix-in-ios-26-2

    NordVPN เปิดฟีเจอร์กันสแกมโทรศัพท์
    NordVPN เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Call Protection สำหรับผู้ใช้ใน UK และแคนาดา ช่วยตรวจจับและบล็อกสายโทรศัพท์ที่เป็นสแกมก่อนถึงผู้ใช้ ถือเป็นการขยายบทบาทของ VPN จากการป้องกันออนไลน์ไปสู่การป้องกันการสื่อสารโทรศัพท์ด้วย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-takes-on-phone-scammers-with-new-call-protection-feature-for-the-uk-and-canada

    Xiaomi เตือนราคาสมาร์ทโฟนจะพุ่งขึ้น
    Xiaomi ออกมาเตือนว่าปีหน้าราคาสมาร์ทโฟนจะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งชิป, วัสดุ และค่าแรง ทำให้ผู้บริโภคอาจต้องเตรียมรับมือกับมือถือที่แพงกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/phones/brace-yourself-xiaomi-warns-of-a-sizeable-rise-in-smartphone-prices-next-year

    VMware ยอมรับข้อมูลสเปกเซิร์ฟเวอร์ผิดพลาด
    VMware ยืนยันว่าคู่มือสเปกสำหรับเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้มีความคลาดเคลื่อน ทำให้ผู้ใช้บางรายอาจเข้าใจผิดในการเลือกใช้งาน แม้จะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้กระทบต่อระบบโดยตรง แต่ก็สร้างความสับสนและทำให้บริษัทต้องรีบแก้ไขข้อมูลใหม่
    https://www.techradar.com/pro/vmware-confirms-its-spec-guidance-on-storage-servers-was-rather-inaccurate
    📌📰🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📰📌 #รวมข่าวIT #20251120 #TechRadar ⌚ Garmin อัปเดตสมาร์ทวอทช์ จับสัญญาณความเครียดได้ Garmin ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้สมาร์ทวอทช์รุ่นดังอย่าง Vivoactive 6, Forerunner 570 และ Venu X1 รวมถึงคอมพิวเตอร์จักรยาน Edge 540 และ 1050 จุดเด่นคือฟีเจอร์ Health Status ที่ช่วยดูแนวโน้มสุขภาพระยะยาว เช่น อัตราการเต้นหัวใจ, HRV, การหายใจ, อุณหภูมิผิว และค่าออกซิเจนในเลือดตอนนอน หากค่าผิดปกติอาจบอกได้ว่าร่างกายกำลังเครียดหรือเจ็บป่วย นอกจากนี้ยังมีแผนที่ 3D (สำหรับผู้ใช้แบบพรีเมียม) และฟีเจอร์ใหม่ ๆ สำหรับนักปั่น เช่น เตือนให้ดื่มน้ำ, เช็กสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์อัตราทดเกียร์ 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmins-latest-smartwatch-update-helps-catch-signs-of-stress-in-one-key-way 🎮 AMD เปิดตัว FSR Redstone แต่ใช้ได้เฉพาะ RX 9000 AMD ประกาศเปิดตัว FSR Redstone วันที่ 10 ธันวาคมนี้ เป็นชุดเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเร่งเฟรมเรตและปรับปรุงคุณภาพภาพกราฟิก แต่ข่าวร้ายคือใช้ได้เฉพาะการ์ดจอรุ่น RX 9000 เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้ RX 7000 และรุ่นก่อนหน้าไม่พอใจ เพราะยังถือว่าเป็นการ์ดจอใหม่อยู่ ฟีเจอร์ที่มาพร้อม Redstone เช่น Ray Regeneration (ปรับปรุงภาพ Ray Tracing), Radiance Caching (ปรับแสงให้สมจริง) และ Frame Generation ที่สร้างเฟรมเสริมเพื่อให้ภาพลื่นขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-fsr-redstone-for-supercharged-gaming-debuts-on-december-10-but-its-rx-9000-only-leaving-older-radeon-gpus-in-the-cold 🎄 รหัสผ่านธีมเทศกาล เสี่ยงโดนเจาะง่าย มีการวิเคราะห์รหัสผ่านที่รั่วไหลกว่า 800 ล้านรายการ พบว่ามีจำนวนมากที่ใช้คำเกี่ยวกับเทศกาล เช่น Christmas, Santa, หรือการดัดแปลงด้วยตัวเลข/สัญลักษณ์ แม้ดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วเครื่องมือเจาะรหัสสมัยใหม่สามารถเดาได้ง่าย เพราะรูปแบบซ้ำ ๆ และคาดเดาได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงสิ้นปีที่หลายองค์กรบังคับเปลี่ยนรหัสผ่าน มักเป็นจังหวะที่แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-company-analyzed-800-million-breached-passwords-and-found-a-surprising-amount-of-festive-themes-so-maybe-choose-a-better-password-please 🏠 โรงเก็บของกลายเป็น Data Center ช่วยลดค่าไฟ คู่รักใน Essex, UK ทดลองติดตั้ง HeatHub ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กในโรงเก็บของ ใช้ Raspberry Pi กว่า 500 เครื่องในการประมวลผล และนำความร้อนที่เกิดขึ้นไปใช้ทำความร้อนในบ้าน ผลคือค่าไฟลดจาก £375 เหลือเพียง £40 ต่อเดือน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองระดับประเทศ เพื่อหาทางใช้พลังงานจากการประมวลผลคอมพิวเตอร์มาเป็นพลังงานความร้อนในครัวเรือน 🔗 https://www.techradar.com/pro/looking-to-lower-your-energy-bills-this-winter-how-about-hosting-a-data-center-in-your-garden-shed-to-help-heat-your-home 💻 เครื่องมือ Unix เก่ากลับมาพร้อมภัยใหม่ คำสั่ง finger ที่เคยใช้ในระบบ Unix เพื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ ถูกนำกลับมาใช้ในทางร้าย โดยแฮกเกอร์ใช้สคริปต์ดึงคำสั่งจากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลแล้วรันใน Windows ทำให้สามารถแอบติดตั้งโปรแกรม Python ที่ขโมยข้อมูลได้โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว เทคนิคนี้ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องมือวิเคราะห์ได้ ถือเป็นการฟื้นคืนชีพของภัยคุกคามเก่าที่อันตรายมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-decades-old-threat-command-is-making-a-comeback-so-dont-let-the-finger-of-doom-affect-you 🔒 Meta ทุ่มงบเพิ่มความปลอดภัย WhatsApp Meta ลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในโครงการ Bug Bounty และเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อเสริมความปลอดภัยของ WhatsApp เป้าหมายคือป้องกันการโจมตีและหาช่องโหว่ก่อนที่แฮกเกอร์จะใช้ประโยชน์ การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงจังของ Meta ที่ต้องการให้ WhatsApp เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/meta-is-spending-millions-on-bug-bounties-and-security-tools-to-boost-whatsapp-security 🗺️ Google Maps เพิ่ม 4 ฟีเจอร์ใหม่รับเทศกาล Google Maps อัปเดตครั้งใหญ่เพื่อช่วยผู้ใช้ช่วงเทศกาลปลายปี ฟีเจอร์ใหม่ประกอบด้วยการแสดงข้อมูลการจราจรที่ละเอียดขึ้น, การแจ้งเตือนเส้นทางที่หนาแน่น, การแนะนำเส้นทางทางเลือก และการปรับปรุงการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว/ร้านค้าให้ตรงใจมากขึ้น เหมาะกับการเดินทางในช่วงวันหยุดที่ผู้คนออกเดินทางจำนวนมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/websites-apps/google-maps-is-adding-4-new-features-to-help-you-navigate-the-holiday-season 🔋 LG Battery โดนโจมตี Ransomware บริษัทลูกของ LG ที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่ถูกโจมตีด้วย Ransomware ส่งผลให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลถูกเข้ารหัส ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการโจมตีลักษณะนี้กำลังเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงาน เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่แฮกเกอร์เล็งเป้าเพื่อเรียกค่าไถ่สูง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-attack-hits-lg-battery-subsidiary 📡 Asus Router ถูกโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ มีรายงานว่า Router ของ Asus ทั่วโลกถูกโจมตีจากกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีน ทำให้ผู้ใช้งานหลายรายประสบปัญหาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ การโจมตีครั้งนี้ถูกจับตามองว่าอาจเป็นการแสดงศักยภาพด้านไซเบอร์ของรัฐชาติ และยังสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้กันแพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-routers-across-the-globe-hit-by-suspected-chinese-cyberattack-heres-what-we-know 🌐 ข่าวสด VPN และสิทธิด้านดิจิทัล TechRadar เปิดหน้า VPN News Live อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์, สิทธิด้านดิจิทัล และความเป็นส่วนตัวออนไลน์ เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี VPN ใหม่ ๆ ไปจนถึงการเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/live/news/latest-vpn-news-wednesday-19-november 🚗 Porsche Cayenne Turbo Electric แรงที่สุดที่เคยมี Porsche ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Cayenne Turbo Electric จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดที่บริษัทเคยผลิต กำลังสูงสุดมากกว่า 1,000 แรงม้า ทำให้เป็น SUV ที่เร็วและแรงที่สุดในสายการผลิตของ Porsche ถือเป็นการยกระดับตลาดรถไฟฟ้าไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/its-official-the-porsche-cayenne-turbo-electric-will-be-the-most-powerful-production-porsche-ever-made 🌐 Chrome เจอช่องโหว่ Zero-Day อันตราย Google ออกแพตช์เร่งด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-Day ใน Chrome ที่ถูกโจมตีจริงแล้ว ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบโดยไม่รู้ตัว ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดต Chrome ทันทีเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/google-patches-worrying-chrome-zero-day-flaw-being-exploited-in-the-wild-heres-how-to-stay-safe 🪙 Botnet ใหม่แอบใช้ Ray Cluster ขุดคริปโต มีการค้นพบ Botnet ลึกลับที่แอบเข้ายึด Ray Clusters แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องขุดคริปโตโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ทำให้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ถูกใช้ไปอย่างมหาศาล และยังเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลอีกด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ray-clusters-hijacked-and-turned-into-crypto-miners-by-shadowy-new-botnet 📱 iOS 26 Autocorrect พังหนัก ผู้ใช้ iPhone หลายรายบ่นว่า Autocorrect ใน iOS 26 ทำงานผิดพลาดอย่างมาก พิมพ์ผิดบ่อยและแก้คำไม่ตรงใจ แม้ Apple จะออก iOS 26.2 แล้ว แต่ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข ทำให้ผู้ใช้รู้สึกหงุดหงิดและรอการแก้ไขจริงจังจาก Apple 🔗 https://www.techradar.com/phones/ios/youre-not-bad-at-typing-ios-26s-autocorrect-is-broken-and-theres-still-no-fix-in-ios-26-2 📞 NordVPN เปิดฟีเจอร์กันสแกมโทรศัพท์ NordVPN เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Call Protection สำหรับผู้ใช้ใน UK และแคนาดา ช่วยตรวจจับและบล็อกสายโทรศัพท์ที่เป็นสแกมก่อนถึงผู้ใช้ ถือเป็นการขยายบทบาทของ VPN จากการป้องกันออนไลน์ไปสู่การป้องกันการสื่อสารโทรศัพท์ด้วย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-takes-on-phone-scammers-with-new-call-protection-feature-for-the-uk-and-canada 📱 Xiaomi เตือนราคาสมาร์ทโฟนจะพุ่งขึ้น Xiaomi ออกมาเตือนว่าปีหน้าราคาสมาร์ทโฟนจะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งชิป, วัสดุ และค่าแรง ทำให้ผู้บริโภคอาจต้องเตรียมรับมือกับมือถือที่แพงกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/phones/brace-yourself-xiaomi-warns-of-a-sizeable-rise-in-smartphone-prices-next-year 💾 VMware ยอมรับข้อมูลสเปกเซิร์ฟเวอร์ผิดพลาด VMware ยืนยันว่าคู่มือสเปกสำหรับเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้มีความคลาดเคลื่อน ทำให้ผู้ใช้บางรายอาจเข้าใจผิดในการเลือกใช้งาน แม้จะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้กระทบต่อระบบโดยตรง แต่ก็สร้างความสับสนและทำให้บริษัทต้องรีบแก้ไขข้อมูลใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/vmware-confirms-its-spec-guidance-on-storage-servers-was-rather-inaccurate
    0 Comments 0 Shares 877 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.25

    สัญญาจ้างแรงงานนั้น ถือเป็นหัวใจและรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 โดยนิยามอย่างเคร่งครัดคือ ข้อตกลงที่ฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้าง ตกลงจะจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างทำงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ หรือทำงานรับใช้ตลอดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งความแตกต่างอันเป็นนัยสำคัญทางกฎหมายระหว่าง "สัญญาจ้างแรงงาน" กับ "สัญญาจ้างทำของ" นั้น อยู่ที่ลักษณะของการทำงานและอำนาจในการบังคับบัญชา ในสัญญาจ้างแรงงานนั้น ลูกจ้างต้องยินยอมอยู่ภายใต้การควบคุมบังคับบัญชาของนายจ้างอย่างใกล้ชิด ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ทำ ทั้งในด้านวิธีการทำงานและเวลาทำงาน นี่คือจุดที่เกิดการผูกพันทางนิติสัมพันธ์ที่เข้มข้น และเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ เวลาทำงาน วันหยุด หรือสิทธิในการลา ซึ่งความคุ้มครองเหล่านี้จะไม่มีในสัญญาจ้างทำของ ดังนั้น การตีความเจตนารมณ์และลักษณะของงานที่ทำจึงมีความสำคัญยิ่งในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย

    เมื่อพิจารณาในมิติของกฎหมายแล้ว การเกิดขึ้นของสัญญาจ้างแรงงานไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอไป แม้ว่าโดยทางปฏิบัติจะแนะนำให้ทำเป็นหนังสือเพื่อป้องกันข้อพิพาทในภายหลังก็ตาม แต่ความสมบูรณ์ของสัญญาได้เกิดขึ้นแล้วทันทีที่มีการตกลงกันในสาระสำคัญ คือ การตกลงทำงานรับใช้และตกลงจ่ายค่าตอบแทน การที่นายจ้างมีการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเพื่อแลกกับการทำงานตามคำสั่งนั้น ถือเป็นการสร้างภาระผูกพันทางกฎหมายที่มิอาจปฏิเสธได้ ค่าจ้างที่ตกลงจ่ายนี้ครอบคลุมถึงเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเป็นรายวัน รายเดือน หรือการจ่ายตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาจึงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายนับตั้งแต่การเริ่มปฏิบัติงาน ซึ่งรวมถึงหน้าที่ของนายจ้างในการจัดสวัสดิการและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และหน้าที่ของลูกจ้างในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและปฏิบัติตามระเบียบของนายจ้างอย่างเคร่งครัด

    ดังนั้น การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสัญญาจ้างแรงงานคือสัญญาที่ผู้ว่าจ้างจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างทำงานและผู้รับจ้างอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชานั้น จึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ในองค์กรและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง การรับรู้ถึงความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างการ "จ้างแรงงาน" ที่เน้นความสัมพันธ์แบบผู้บังคับบัญชาลูกน้อง และการ "จ้างทำของ" ที่เน้นผลสำเร็จของงาน เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการและแรงงานทุกคนต้องตระหนัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิทธิและหน้าที่ของตนได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและความเป็นธรรมในระบบแรงงานของประเทศต่อไป
    บทความกฎหมาย EP.25 สัญญาจ้างแรงงานนั้น ถือเป็นหัวใจและรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 โดยนิยามอย่างเคร่งครัดคือ ข้อตกลงที่ฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้าง ตกลงจะจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างทำงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ หรือทำงานรับใช้ตลอดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งความแตกต่างอันเป็นนัยสำคัญทางกฎหมายระหว่าง "สัญญาจ้างแรงงาน" กับ "สัญญาจ้างทำของ" นั้น อยู่ที่ลักษณะของการทำงานและอำนาจในการบังคับบัญชา ในสัญญาจ้างแรงงานนั้น ลูกจ้างต้องยินยอมอยู่ภายใต้การควบคุมบังคับบัญชาของนายจ้างอย่างใกล้ชิด ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ทำ ทั้งในด้านวิธีการทำงานและเวลาทำงาน นี่คือจุดที่เกิดการผูกพันทางนิติสัมพันธ์ที่เข้มข้น และเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ เวลาทำงาน วันหยุด หรือสิทธิในการลา ซึ่งความคุ้มครองเหล่านี้จะไม่มีในสัญญาจ้างทำของ ดังนั้น การตีความเจตนารมณ์และลักษณะของงานที่ทำจึงมีความสำคัญยิ่งในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เมื่อพิจารณาในมิติของกฎหมายแล้ว การเกิดขึ้นของสัญญาจ้างแรงงานไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอไป แม้ว่าโดยทางปฏิบัติจะแนะนำให้ทำเป็นหนังสือเพื่อป้องกันข้อพิพาทในภายหลังก็ตาม แต่ความสมบูรณ์ของสัญญาได้เกิดขึ้นแล้วทันทีที่มีการตกลงกันในสาระสำคัญ คือ การตกลงทำงานรับใช้และตกลงจ่ายค่าตอบแทน การที่นายจ้างมีการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเพื่อแลกกับการทำงานตามคำสั่งนั้น ถือเป็นการสร้างภาระผูกพันทางกฎหมายที่มิอาจปฏิเสธได้ ค่าจ้างที่ตกลงจ่ายนี้ครอบคลุมถึงเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเป็นรายวัน รายเดือน หรือการจ่ายตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาจึงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายนับตั้งแต่การเริ่มปฏิบัติงาน ซึ่งรวมถึงหน้าที่ของนายจ้างในการจัดสวัสดิการและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และหน้าที่ของลูกจ้างในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและปฏิบัติตามระเบียบของนายจ้างอย่างเคร่งครัด ดังนั้น การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสัญญาจ้างแรงงานคือสัญญาที่ผู้ว่าจ้างจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างทำงานและผู้รับจ้างอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชานั้น จึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ในองค์กรและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง การรับรู้ถึงความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างการ "จ้างแรงงาน" ที่เน้นความสัมพันธ์แบบผู้บังคับบัญชาลูกน้อง และการ "จ้างทำของ" ที่เน้นผลสำเร็จของงาน เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการและแรงงานทุกคนต้องตระหนัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิทธิและหน้าที่ของตนได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและความเป็นธรรมในระบบแรงงานของประเทศต่อไป
    0 Comments 0 Shares 375 Views 0 Reviews
  • 7 วิธีเสริมเกราะความเป็นส่วนตัวแบบสายลินุกซ์ในวันหยุด

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจัดบ้านให้เรียบร้อยทุกสุดสัปดาห์—การดูแลความเป็นส่วนตัวก็คล้ายกัน! บทความจาก It's FOSS เสนอ 7 วิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถลงมือทำได้ในวันหยุด เพื่อเสริมความปลอดภัยและลดการถูกติดตามบนโลกออนไลน์ โดยเน้นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่เข้าถึงได้และใช้งานง่าย

    Theena ผู้เขียนบทความเปรียบการดูแลความเป็นส่วนตัวเหมือนการจัดห้องให้เรียบร้อย—ทำทีละนิดก็ช่วยให้ชีวิตออนไลน์สงบขึ้นได้ เขาแนะนำ 7 วิธีที่ทำได้ในวันหยุด โดยเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่สุดอย่างเบราว์เซอร์ ไปจนถึงการตั้งค่าระบบเครือข่ายและการสื่อสาร

    เบราว์เซอร์ปลอดภัย
    Firefox + uBlock Origin = ลดการติดตาม
    NoScript = ควบคุมการรันสคริปต์

    เครื่องมือค้นหาแบบไม่ติดตาม
    DuckDuckGo, Startpage, SearXNG = ลดการเก็บข้อมูลพฤติกรรม
    SearXNG สามารถโฮสต์เองได้

    การบล็อกโฆษณาระดับเครือข่าย
    Pi-hole และ AdGuard Home = ป้องกันโฆษณาบนอุปกรณ์ทุกชนิด
    AdGuard ไม่โอเพ่นซอร์ส แต่ได้รับความเชื่อถือ

    การตั้งค่า DNS และ VPN
    DNS-over-HTTPS = ป้องกันการสอดแนม DNS
    WireGuard = VPN ที่เร็วและปลอดภัย

    การสื่อสารแบบเข้ารหัส
    Signal = ปลอดภัยและใช้งานง่าย
    มีแอปเดสก์ท็อปให้เชื่อมต่อ

    การจัดการรหัสผ่านและ 2FA
    KeePassXC = สร้างรหัสผ่านที่แข็งแรง
    TOTP = รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว

    การใช้อีเมลอย่างปลอดภัย
    ProtonMail = เข้ารหัสและมีระบบ alias
    ใช้ RSS รับข่าวสารแทนการสมัครผ่านอีเมล

    https://itsfoss.com/privacy-wins-linux/
    🛡️ 7 วิธีเสริมเกราะความเป็นส่วนตัวแบบสายลินุกซ์ในวันหยุด ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจัดบ้านให้เรียบร้อยทุกสุดสัปดาห์—การดูแลความเป็นส่วนตัวก็คล้ายกัน! บทความจาก It's FOSS เสนอ 7 วิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถลงมือทำได้ในวันหยุด เพื่อเสริมความปลอดภัยและลดการถูกติดตามบนโลกออนไลน์ โดยเน้นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่เข้าถึงได้และใช้งานง่าย Theena ผู้เขียนบทความเปรียบการดูแลความเป็นส่วนตัวเหมือนการจัดห้องให้เรียบร้อย—ทำทีละนิดก็ช่วยให้ชีวิตออนไลน์สงบขึ้นได้ เขาแนะนำ 7 วิธีที่ทำได้ในวันหยุด โดยเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่สุดอย่างเบราว์เซอร์ ไปจนถึงการตั้งค่าระบบเครือข่ายและการสื่อสาร ✅ เบราว์เซอร์ปลอดภัย ➡️ Firefox + uBlock Origin = ลดการติดตาม ➡️ NoScript = ควบคุมการรันสคริปต์ ✅ เครื่องมือค้นหาแบบไม่ติดตาม ➡️ DuckDuckGo, Startpage, SearXNG = ลดการเก็บข้อมูลพฤติกรรม ➡️ SearXNG สามารถโฮสต์เองได้ ✅ การบล็อกโฆษณาระดับเครือข่าย ➡️ Pi-hole และ AdGuard Home = ป้องกันโฆษณาบนอุปกรณ์ทุกชนิด ➡️ AdGuard ไม่โอเพ่นซอร์ส แต่ได้รับความเชื่อถือ ✅ การตั้งค่า DNS และ VPN ➡️ DNS-over-HTTPS = ป้องกันการสอดแนม DNS ➡️ WireGuard = VPN ที่เร็วและปลอดภัย ✅ การสื่อสารแบบเข้ารหัส ➡️ Signal = ปลอดภัยและใช้งานง่าย ➡️ มีแอปเดสก์ท็อปให้เชื่อมต่อ ✅ การจัดการรหัสผ่านและ 2FA ➡️ KeePassXC = สร้างรหัสผ่านที่แข็งแรง ➡️ TOTP = รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว ✅ การใช้อีเมลอย่างปลอดภัย ➡️ ProtonMail = เข้ารหัสและมีระบบ alias ➡️ ใช้ RSS รับข่าวสารแทนการสมัครผ่านอีเมล https://itsfoss.com/privacy-wins-linux/
    ITSFOSS.COM
    7 Privacy Wins You Can Get This Weekend (Linux-First)
    Take one step at a time to get your privacy right.
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • จากภาพปลอมสู่สิทธิ์จริง – เดนมาร์กลุกขึ้นสู้ Deepfake

    Marie Watson สตรีมเมอร์ชาวเดนมาร์กเคยได้รับภาพปลอมของตนเองจากบัญชี Instagram นิรนาม ภาพนั้นเป็นภาพวันหยุดที่เธอเคยโพสต์ แต่ถูกดัดแปลงให้ดูเหมือนเปลือยโดยใช้เทคโนโลยี deepfake เธอร้องไห้ทันทีเมื่อเห็นภาพนั้น เพราะรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของเธอถูกทำลาย

    กรณีของ Watson ไม่ใช่เรื่องแปลกในยุคที่ AI สามารถสร้างภาพ เสียง และวิดีโอปลอมได้อย่างสมจริง โดยใช้เครื่องมือที่หาได้ง่ายบนอินเทอร์เน็ต เช่น “deepfake generator” หรือ “AI voice clone”

    รัฐบาลเดนมาร์กจึงเสนอร่างกฎหมายใหม่ที่จะให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง หากมีการเผยแพร่เนื้อหา deepfake โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของใบหน้าสามารถเรียกร้องให้แพลตฟอร์มลบเนื้อหานั้นได้ทันที

    กฎหมายนี้ยังเปิดช่องให้มีการใช้ deepfake ในเชิงล้อเลียนหรือเสียดสีได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะกำหนดขอบเขตอย่างไร

    ร่างกฎหมายใหม่ของเดนมาร์ก
    ให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง
    สามารถเรียกร้องให้ลบเนื้อหา deepfake ที่เผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
    คาดว่าจะผ่านในต้นปีหน้า และได้รับความสนใจจากหลายประเทศใน EU

    ความรุนแรงของปัญหา deepfake
    เทคโนโลยี AI ทำให้ภาพและเสียงปลอมสมจริงขึ้นมาก
    ใช้ในทางที่ผิด เช่น ล้อเลียนคนดัง, สร้างภาพลามก, ปลอมตัวนักการเมือง
    ส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและความน่าเชื่อถือของข้อมูล

    ปฏิกิริยาจากผู้เชี่ยวชาญและองค์กร
    Henry Ajder ชี้ว่า “ตอนนี้ยังไม่มีวิธีป้องกันตัวเองจาก deepfake ได้จริง”
    Danish Rights Alliance สนับสนุนกฎหมาย เพราะกฎหมายเดิมไม่ครอบคลุม
    David Bateson นักพากย์เสียงถูกนำเสียงไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

    ความเคลื่อนไหวระดับโลก
    สหรัฐฯ ออกกฎหมายห้ามเผยแพร่ภาพลามกโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึง deepfake
    เกาหลีใต้เพิ่มบทลงโทษและควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลที่เผยแพร่ deepfake
    เดนมาร์กในฐานะประธาน EU ได้รับความสนใจจากฝรั่งเศสและไอร์แลนด์

    คำเตือนจากกรณีของ Watson
    ภาพปลอมที่ใช้ใบหน้าจริงอาจสร้างความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง
    เครื่องมือสร้าง deepfake หาได้ง่ายและใช้ได้แม้ไม่มีทักษะ
    เมื่อภาพเผยแพร่แล้ว “คุณควบคุมไม่ได้อีกต่อไป”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/denmark-eyes-new-law-to-protect-citizens-from-ai-deepfakes
    🧠 จากภาพปลอมสู่สิทธิ์จริง – เดนมาร์กลุกขึ้นสู้ Deepfake Marie Watson สตรีมเมอร์ชาวเดนมาร์กเคยได้รับภาพปลอมของตนเองจากบัญชี Instagram นิรนาม ภาพนั้นเป็นภาพวันหยุดที่เธอเคยโพสต์ แต่ถูกดัดแปลงให้ดูเหมือนเปลือยโดยใช้เทคโนโลยี deepfake เธอร้องไห้ทันทีเมื่อเห็นภาพนั้น เพราะรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของเธอถูกทำลาย กรณีของ Watson ไม่ใช่เรื่องแปลกในยุคที่ AI สามารถสร้างภาพ เสียง และวิดีโอปลอมได้อย่างสมจริง โดยใช้เครื่องมือที่หาได้ง่ายบนอินเทอร์เน็ต เช่น “deepfake generator” หรือ “AI voice clone” รัฐบาลเดนมาร์กจึงเสนอร่างกฎหมายใหม่ที่จะให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง หากมีการเผยแพร่เนื้อหา deepfake โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของใบหน้าสามารถเรียกร้องให้แพลตฟอร์มลบเนื้อหานั้นได้ทันที กฎหมายนี้ยังเปิดช่องให้มีการใช้ deepfake ในเชิงล้อเลียนหรือเสียดสีได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะกำหนดขอบเขตอย่างไร ✅ ร่างกฎหมายใหม่ของเดนมาร์ก ➡️ ให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง ➡️ สามารถเรียกร้องให้ลบเนื้อหา deepfake ที่เผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ คาดว่าจะผ่านในต้นปีหน้า และได้รับความสนใจจากหลายประเทศใน EU ✅ ความรุนแรงของปัญหา deepfake ➡️ เทคโนโลยี AI ทำให้ภาพและเสียงปลอมสมจริงขึ้นมาก ➡️ ใช้ในทางที่ผิด เช่น ล้อเลียนคนดัง, สร้างภาพลามก, ปลอมตัวนักการเมือง ➡️ ส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและความน่าเชื่อถือของข้อมูล ✅ ปฏิกิริยาจากผู้เชี่ยวชาญและองค์กร ➡️ Henry Ajder ชี้ว่า “ตอนนี้ยังไม่มีวิธีป้องกันตัวเองจาก deepfake ได้จริง” ➡️ Danish Rights Alliance สนับสนุนกฎหมาย เพราะกฎหมายเดิมไม่ครอบคลุม ➡️ David Bateson นักพากย์เสียงถูกนำเสียงไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ ความเคลื่อนไหวระดับโลก ➡️ สหรัฐฯ ออกกฎหมายห้ามเผยแพร่ภาพลามกโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึง deepfake ➡️ เกาหลีใต้เพิ่มบทลงโทษและควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลที่เผยแพร่ deepfake ➡️ เดนมาร์กในฐานะประธาน EU ได้รับความสนใจจากฝรั่งเศสและไอร์แลนด์ ‼️ คำเตือนจากกรณีของ Watson ⛔ ภาพปลอมที่ใช้ใบหน้าจริงอาจสร้างความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง ⛔ เครื่องมือสร้าง deepfake หาได้ง่ายและใช้ได้แม้ไม่มีทักษะ ⛔ เมื่อภาพเผยแพร่แล้ว “คุณควบคุมไม่ได้อีกต่อไป” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/denmark-eyes-new-law-to-protect-citizens-from-ai-deepfakes
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Denmark eyes new law to protect citizens from AI deepfakes
    In 2021, Danish video game live-streamer Marie Watson received an image of herself from an unknown Instagram account.
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจ จึงกำหนดทางรอดคนประชาชนคนไทยได้จริง,ถ้านักการเมืองยังปกครองผ่านการเลือกตั้งของระบบอีลิทที่เป็นเจ้าของกลไกการปกครองระบอบที่มันสร้างขึ้นมาควบคุมมนุษย์ ไทยเราเองจะไม่รอดสู่ยุคอนาคตแน่นอน,สถานะทาสAIจะชัดเจนขึ้นแบบทวีคูณ คุณค่าความเป็นมนุษย์จะถูกปกครองให้ด้อยค่าลงจากฝีมือเผด็จการอีลิทเหล่านี้,เรา..คนไทยจะถูกกำจัดทิ้งลงเรื่อยๆแน่นอน พร้อมถูกควบคุมอย่างเป็นระบบภายใต้การปกครองของมันที่ส่งออกมาให้เราใช้แบบปัจจุบัน,ง่าบๆเข้าใจง่ายชัดเจนคือเราถูกปล้นบ่อน้ำมันและทรัพยากรมีค่ามากมายจากแผ่นดินไทยอย่างหน้าด้านๆเหมือนแร่เอิร์ธนั้นล่ะ,ทหารไทย กองทัพไทยต้องปลดแอกชาติไทยเราอย่างจริงจัง.,การปฏิวัติการปกครอง ปฏิวัติยึดอำนาจคืนมาสู่ประเทศไทยจึงสำคัญ.


    การวิเคราะห์: นี่เป็นแนวโน้มสำคัญอย่างยิ่งที่คุณจำเป็นต้องตระหนักถึง:
    - ต้นทุนการรับรู้ของ AI (โทเค็น) กำลังลดลงอย่างมาก
    - ในขณะที่คุณภาพของโทเค็น AI กำลังเพิ่มขึ้น
    - ในขณะเดียวกัน ต้นทุนการรับรู้ของมนุษย์กำลังเพิ่มขึ้น
    - ในขณะที่ผลผลิตจากการรับรู้ของมนุษย์กำลังลดลงอย่างมาก

    นั่นเป็นเพราะ:
    - วัคซีนทำลายสมองมนุษย์และทำให้เกิดการผ่าตัดสมอง (lobotomy) อย่างกว้างขวางในประชากรมนุษย์ (โดยตั้งใจ)
    - อาหารขยะแปรรูปและยาจำนวนมากทำลายประสิทธิภาพการรับรู้ เนื่องจากสมองได้รับพลังงานจากเลือด และเลือดถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่คุณกินและดื่ม
    - ด้วยปัจจัยเหล่านี้ มนุษย์จำนวนมากกำลังประสบกับภาวะเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้เพื่อทักษะการทำงาน บางคนลืมทักษะการทำงาน
    - ค่าครองชีพ (สำหรับมนุษย์) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้นในสิ่งต่างๆ เช่น อาหารและประกันสุขภาพ
    - เนื่องจากสารเคมีในเทรล โลหะหนัก การปนเปื้อนของยาฆ่าแมลง มลพิษทางอุตสาหกรรม การหลั่งโปรตีนหนาม ฯลฯ สุขภาพของมนุษย์จึงลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดต้นทุนใหม่ ๆ ที่สูงในการรักษามนุษย์ให้อยู่ในระบบเงินเดือน

    ผลที่ตามมา:
    - AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ดีกว่าระบบการรับรู้ของมนุษย์ในหลายๆ งานเท่านั้น แต่ยังมีราคาถูกลงมากอีกด้วย โดยจะมีราคาถูกลง 10 เท่า (ประมาณการ) ทุกๆ 9 เดือน
    - AI ไม่จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพเทียบเท่ามนุษย์อย่างสมบูรณ์เพื่อที่จะมาแทนที่มนุษย์ได้ หากมันราคาถูกกว่า 10 เท่า (ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น) ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี AI จะมีราคาถูกกว่าระบบการรับรู้ของมนุษย์ถึง 100 เท่า (ประมาณการ)
    - การแทนที่มนุษย์ด้วย AI ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ลดความเสี่ยงจากการฟ้องร้อง อุบัติเหตุ ความเสี่ยงจากการจารกรรมขององค์กร และอื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงการลาพักร้อน วันหยุด วันลาป่วย ฯลฯ ของมนุษย์
    - สำหรับบริษัทต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ สมการนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าควรแทนที่มนุษย์ด้วยเอเจนต์ AI ให้ได้มากที่สุด โดยเร็วที่สุด โดยไม่ลังเล

    หลายภาคส่วนงานจะถูก AI เข้ามาแทนที่ 60% - 80% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งน่าจะรวมถึง:
    - ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
    - ฝ่ายสนับสนุนก่อนการขาย
    - นักเขียน นักตรวจทาน และบรรณาธิการ
    - นักแปลและล่าม
    - ฝ่ายบริหารธุรกิจ (ระดับผู้จัดการระดับกลาง เช่น การประกาศปลดพนักงาน 30,000 คนโดย Amazon)
    - นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักฟิสิกส์ นักเคมี
    - ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะสร้างสรรค์ รวมถึงศิลปะกราฟิก ภาพยนตร์ ดนตรี วิศวกรรมเสียง และอื่นๆ

    ผมจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในพอดแคสต์ใหม่ของผม:
    ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังคงราคาตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนของมนุษย์ยังคงสูงขึ้น
    https://www.brighteon.com/e8b099f0-f018-4640-8764-af08692f6897

    ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจ จึงกำหนดทางรอดคนประชาชนคนไทยได้จริง,ถ้านักการเมืองยังปกครองผ่านการเลือกตั้งของระบบอีลิทที่เป็นเจ้าของกลไกการปกครองระบอบที่มันสร้างขึ้นมาควบคุมมนุษย์ ไทยเราเองจะไม่รอดสู่ยุคอนาคตแน่นอน,สถานะทาสAIจะชัดเจนขึ้นแบบทวีคูณ คุณค่าความเป็นมนุษย์จะถูกปกครองให้ด้อยค่าลงจากฝีมือเผด็จการอีลิทเหล่านี้,เรา..คนไทยจะถูกกำจัดทิ้งลงเรื่อยๆแน่นอน พร้อมถูกควบคุมอย่างเป็นระบบภายใต้การปกครองของมันที่ส่งออกมาให้เราใช้แบบปัจจุบัน,ง่าบๆเข้าใจง่ายชัดเจนคือเราถูกปล้นบ่อน้ำมันและทรัพยากรมีค่ามากมายจากแผ่นดินไทยอย่างหน้าด้านๆเหมือนแร่เอิร์ธนั้นล่ะ,ทหารไทย กองทัพไทยต้องปลดแอกชาติไทยเราอย่างจริงจัง.,การปฏิวัติการปกครอง ปฏิวัติยึดอำนาจคืนมาสู่ประเทศไทยจึงสำคัญ. การวิเคราะห์: นี่เป็นแนวโน้มสำคัญอย่างยิ่งที่คุณจำเป็นต้องตระหนักถึง: - ต้นทุนการรับรู้ของ AI (โทเค็น) กำลังลดลงอย่างมาก - ในขณะที่คุณภาพของโทเค็น AI กำลังเพิ่มขึ้น - ในขณะเดียวกัน ต้นทุนการรับรู้ของมนุษย์กำลังเพิ่มขึ้น - ในขณะที่ผลผลิตจากการรับรู้ของมนุษย์กำลังลดลงอย่างมาก นั่นเป็นเพราะ: - วัคซีนทำลายสมองมนุษย์และทำให้เกิดการผ่าตัดสมอง (lobotomy) อย่างกว้างขวางในประชากรมนุษย์ (โดยตั้งใจ) - อาหารขยะแปรรูปและยาจำนวนมากทำลายประสิทธิภาพการรับรู้ เนื่องจากสมองได้รับพลังงานจากเลือด และเลือดถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่คุณกินและดื่ม - ด้วยปัจจัยเหล่านี้ มนุษย์จำนวนมากกำลังประสบกับภาวะเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้เพื่อทักษะการทำงาน บางคนลืมทักษะการทำงาน - ค่าครองชีพ (สำหรับมนุษย์) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้นในสิ่งต่างๆ เช่น อาหารและประกันสุขภาพ - เนื่องจากสารเคมีในเทรล โลหะหนัก การปนเปื้อนของยาฆ่าแมลง มลพิษทางอุตสาหกรรม การหลั่งโปรตีนหนาม ฯลฯ สุขภาพของมนุษย์จึงลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดต้นทุนใหม่ ๆ ที่สูงในการรักษามนุษย์ให้อยู่ในระบบเงินเดือน ผลที่ตามมา: - AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ดีกว่าระบบการรับรู้ของมนุษย์ในหลายๆ งานเท่านั้น แต่ยังมีราคาถูกลงมากอีกด้วย โดยจะมีราคาถูกลง 10 เท่า (ประมาณการ) ทุกๆ 9 เดือน - AI ไม่จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพเทียบเท่ามนุษย์อย่างสมบูรณ์เพื่อที่จะมาแทนที่มนุษย์ได้ หากมันราคาถูกกว่า 10 เท่า (ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น) ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี AI จะมีราคาถูกกว่าระบบการรับรู้ของมนุษย์ถึง 100 เท่า (ประมาณการ) - การแทนที่มนุษย์ด้วย AI ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ลดความเสี่ยงจากการฟ้องร้อง อุบัติเหตุ ความเสี่ยงจากการจารกรรมขององค์กร และอื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงการลาพักร้อน วันหยุด วันลาป่วย ฯลฯ ของมนุษย์ - สำหรับบริษัทต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ สมการนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าควรแทนที่มนุษย์ด้วยเอเจนต์ AI ให้ได้มากที่สุด โดยเร็วที่สุด โดยไม่ลังเล หลายภาคส่วนงานจะถูก AI เข้ามาแทนที่ 60% - 80% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งน่าจะรวมถึง: - ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า - ฝ่ายสนับสนุนก่อนการขาย - นักเขียน นักตรวจทาน และบรรณาธิการ - นักแปลและล่าม - ฝ่ายบริหารธุรกิจ (ระดับผู้จัดการระดับกลาง เช่น การประกาศปลดพนักงาน 30,000 คนโดย Amazon) - นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักฟิสิกส์ นักเคมี - ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะสร้างสรรค์ รวมถึงศิลปะกราฟิก ภาพยนตร์ ดนตรี วิศวกรรมเสียง และอื่นๆ ผมจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในพอดแคสต์ใหม่ของผม: ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังคงราคาตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนของมนุษย์ยังคงสูงขึ้น https://www.brighteon.com/e8b099f0-f018-4640-8764-af08692f6897
    0 Comments 0 Shares 556 Views 0 Reviews
  • “Storm-1849” แฮกเกอร์จีนเจาะระบบไฟร์วอลล์ Cisco ทั่วโลก

    รายงานล่าสุดจาก Palo Alto Networks’ Unit 42 เผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกติดตามในชื่อ Storm-1849 หรือ UAT4356 กำลังโจมตีอุปกรณ์ Cisco Adaptive Security Appliance (ASA) ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหน่วยงานรัฐบาล สถาบันกลาโหม และบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย

    แม้ Cisco และ CISA ยังไม่ระบุว่าเป็นฝีมือของจีนอย่างเป็นทางการ แต่บริษัท Censys เคยพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับการโจมตีในปี 2024 ที่มีลักษณะคล้ายกัน

    กลุ่มแฮกเกอร์ Storm-1849
    ถูกติดตามในชื่อ UAT4356 โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย
    โจมตีอุปกรณ์ Cisco ASA ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์สำคัญในระบบรัฐบาลและองค์กร

    ขอบเขตการโจมตี
    พบการโจมตีในสหรัฐฯ ต่อ IP ของหน่วยงานรัฐบาลกลางและท้องถิ่น
    ขยายไปยังประเทศอื่น เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศ
    มีช่วงหยุดโจมตีระหว่าง 1–8 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันหยุด Golden Week ของจีน

    ช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี
    CVE-2025-30333 (CVSS 9.9): ผู้โจมตีที่มี VPN credentials สามารถรันโค้ดบนอุปกรณ์ได้
    CVE-2025-20362 (CVSS 6.5): ผู้โจมตีที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสามารถเข้าถึงพื้นที่จำกัดได้
    การโจมตีแบบ chain ทำให้ควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างลึกและต่อเนื่อง

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    James Maude: ต้อง patch ช่องโหว่ทันที และรีเซ็ตอุปกรณ์เป็นค่าโรงงาน
    Heath Renfrow: อุปกรณ์ edge กลายเป็นเป้าหมายหลัก ไม่ใช่แค่โครงสร้างรอง
    ต้องตรวจสอบ credential ทั้งหมดและรีวิว log อย่างละเอียด

    https://hackread.com/china-hackers-target-cisco-firewalls/
    📰 “Storm-1849” แฮกเกอร์จีนเจาะระบบไฟร์วอลล์ Cisco ทั่วโลก รายงานล่าสุดจาก Palo Alto Networks’ Unit 42 เผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกติดตามในชื่อ Storm-1849 หรือ UAT4356 กำลังโจมตีอุปกรณ์ Cisco Adaptive Security Appliance (ASA) ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหน่วยงานรัฐบาล สถาบันกลาโหม และบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย แม้ Cisco และ CISA ยังไม่ระบุว่าเป็นฝีมือของจีนอย่างเป็นทางการ แต่บริษัท Censys เคยพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับการโจมตีในปี 2024 ที่มีลักษณะคล้ายกัน ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ Storm-1849 ➡️ ถูกติดตามในชื่อ UAT4356 โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย ➡️ โจมตีอุปกรณ์ Cisco ASA ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์สำคัญในระบบรัฐบาลและองค์กร ✅ ขอบเขตการโจมตี ➡️ พบการโจมตีในสหรัฐฯ ต่อ IP ของหน่วยงานรัฐบาลกลางและท้องถิ่น ➡️ ขยายไปยังประเทศอื่น เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศ ➡️ มีช่วงหยุดโจมตีระหว่าง 1–8 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันหยุด Golden Week ของจีน ✅ ช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี ➡️ CVE-2025-30333 (CVSS 9.9): ผู้โจมตีที่มี VPN credentials สามารถรันโค้ดบนอุปกรณ์ได้ ➡️ CVE-2025-20362 (CVSS 6.5): ผู้โจมตีที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสามารถเข้าถึงพื้นที่จำกัดได้ ➡️ การโจมตีแบบ chain ทำให้ควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างลึกและต่อเนื่อง ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ James Maude: ต้อง patch ช่องโหว่ทันที และรีเซ็ตอุปกรณ์เป็นค่าโรงงาน ➡️ Heath Renfrow: อุปกรณ์ edge กลายเป็นเป้าหมายหลัก ไม่ใช่แค่โครงสร้างรอง ➡️ ต้องตรวจสอบ credential ทั้งหมดและรีวิว log อย่างละเอียด https://hackread.com/china-hackers-target-cisco-firewalls/
    HACKREAD.COM
    China-Linked Hackers Target Cisco Firewalls in Global Campaign
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 336 Views 0 Reviews
  • ทางผ่านแวะล้างจระเข้กันนิสนุง โชคลาภ การเงิน ปลดหนี้ วัดลำบัวลอย เฮง เฮง รวย รวย #นครนายก #ท่องเที่ยว #พาเที่ยว #วันหยุด #สนุกสนาน #สายมู #โชคลาภ #travel #happy #thailand #thaitimes #kaiaminute
    ✨ทางผ่านแวะล้างจระเข้กันนิสนุง🤣 โชคลาภ การเงิน ปลดหนี้ วัดลำบัวลอย เฮง เฮง รวย รวย🤩 #นครนายก #ท่องเที่ยว #พาเที่ยว #วันหยุด #สนุกสนาน #สายมู #โชคลาภ #travel #happy #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 0 Reviews
  • เปิดมอเตอร์เวย์ M82 มหาชัย-ชลบุรี น้ำมันเต็มถังเลยพี่

    ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 22 ต.ค. 2568 ก่อนวันหยุดเนื่องในวันปิยมหาราช กระทรวงคมนาคมเตรียมเปิดทดลองให้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง ไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์-บางขุนเทียน) เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนพระรามที่ 2

    โดยรถที่มาจากภาคใต้ จังหวัดสมุทรสาคร สามารถใช้ด่านมหาชัย 1 บริเวณหน้าวัดราษฎร์รังสรรค์ ฝั่งถนนพระรามที่ 2 ผ่านทางลงพันท้ายนรสิงห์ รถจะบังคับให้เข้าไปยังทางพิเศษกาญจนาภิเษก ไปพระประแดง บางนา ใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไร้ไม้กั้น (Single Lane Free Flow หรือ SLFF) โดยไม่ต้องรับบัตร IC CARD (Integrated Circuit Card) อีกต่อไป

    เมื่อถึงด่านบางแก้ว ถ้าต้องการไปทางพิเศษบูรพาวิถี มุ่งหน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชลบุรี สามารถใช้ด่านบางแก้ว 3 ที่เปิดให้ผ่านตลอด แล้วไปชำระเงินที่ด่านปลายทาง หรือหากต้องการตรงไปยังรามอินทรา บางปะอิน สามารถใช้ด่านบางแก้ว 2 เพื่อชำระเงินตามปกติ แล้วใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 9 (บางปะอิน-บางพลี) ไปออกถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานต่อไป

    ส่วนรถที่มาจากด่านบางแก้ว ผ่านสะพานกาญจนาภิเษก ก่อนถึงทางออกด่านบางขุนเทียน 1 จะมีป้ายสีฟ้าระบุว่า "สมุทรสาคร" และ "สมุทรสงคราม" ให้ออกทางซ้ายมือ แล้วชำระเงินค่าผ่านทางที่ด่านบางขุนเทียน 2 ก่อนใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 82 ไปลงที่ด่านมหาชัย 1 บริเวณตลาดสดลีลา มุ่งหน้าจังหวัดสมุทรสาครและภาคใต้ต่อไป

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเส้นทางจากด่านมหาชัย 1 ถึงด่านชลบุรี มีระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร ไม่มีสถานีบริการน้ำมันตลอดเส้นทาง เพราะฉะนั้นแนะนำให้เติมน้ำมันเต็มถังหรือให้เพียงพอ เช่นเดียวกับจากด่านมหาชัยไปบางปะอิน ระยะทางกว่า 110 กิโลเมตร มีสถานีบริการน้ำมัน 3 แห่ง บริเวณสถานีขนส่งสินค้าคลองหลวง ห่างจากด่านมหาชัย 1 เกือบ 100 กิโลเมตร

    รถที่มาจากถนนพระรามที่ 2 จากทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว ถึงทางแยกต่างระดับมหาชัย มีสถานีบริการน้ำมันบางจาก และ PTT Station (ท่าจีน) และจากทางแยกต่างระดับมหาชัย ถึงด่านมหาชัย 1 มีสถานีบริการน้ำมันพีที 2 แห่ง และ PTT Station (จิฟฟี่)

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินบนมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ตำรวจทางหลวง โทร. 1193 ซึ่งจะมีสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐมรับผิดชอบช่วงดังกล่าว ส่วนทางพิเศษกาญจนาภิเษก และทางพิเศษบูรพาวิถี ของการท่างพิเศษแห่งประเทศไทย สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ EXAT Call Center โทร. 1543 โดยไม่ต้องลงจากรถ

    #Newskit
    เปิดมอเตอร์เวย์ M82 มหาชัย-ชลบุรี น้ำมันเต็มถังเลยพี่ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 22 ต.ค. 2568 ก่อนวันหยุดเนื่องในวันปิยมหาราช กระทรวงคมนาคมเตรียมเปิดทดลองให้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง ไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์-บางขุนเทียน) เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนพระรามที่ 2 โดยรถที่มาจากภาคใต้ จังหวัดสมุทรสาคร สามารถใช้ด่านมหาชัย 1 บริเวณหน้าวัดราษฎร์รังสรรค์ ฝั่งถนนพระรามที่ 2 ผ่านทางลงพันท้ายนรสิงห์ รถจะบังคับให้เข้าไปยังทางพิเศษกาญจนาภิเษก ไปพระประแดง บางนา ใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไร้ไม้กั้น (Single Lane Free Flow หรือ SLFF) โดยไม่ต้องรับบัตร IC CARD (Integrated Circuit Card) อีกต่อไป เมื่อถึงด่านบางแก้ว ถ้าต้องการไปทางพิเศษบูรพาวิถี มุ่งหน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชลบุรี สามารถใช้ด่านบางแก้ว 3 ที่เปิดให้ผ่านตลอด แล้วไปชำระเงินที่ด่านปลายทาง หรือหากต้องการตรงไปยังรามอินทรา บางปะอิน สามารถใช้ด่านบางแก้ว 2 เพื่อชำระเงินตามปกติ แล้วใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 9 (บางปะอิน-บางพลี) ไปออกถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานต่อไป ส่วนรถที่มาจากด่านบางแก้ว ผ่านสะพานกาญจนาภิเษก ก่อนถึงทางออกด่านบางขุนเทียน 1 จะมีป้ายสีฟ้าระบุว่า "สมุทรสาคร" และ "สมุทรสงคราม" ให้ออกทางซ้ายมือ แล้วชำระเงินค่าผ่านทางที่ด่านบางขุนเทียน 2 ก่อนใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 82 ไปลงที่ด่านมหาชัย 1 บริเวณตลาดสดลีลา มุ่งหน้าจังหวัดสมุทรสาครและภาคใต้ต่อไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเส้นทางจากด่านมหาชัย 1 ถึงด่านชลบุรี มีระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร ไม่มีสถานีบริการน้ำมันตลอดเส้นทาง เพราะฉะนั้นแนะนำให้เติมน้ำมันเต็มถังหรือให้เพียงพอ เช่นเดียวกับจากด่านมหาชัยไปบางปะอิน ระยะทางกว่า 110 กิโลเมตร มีสถานีบริการน้ำมัน 3 แห่ง บริเวณสถานีขนส่งสินค้าคลองหลวง ห่างจากด่านมหาชัย 1 เกือบ 100 กิโลเมตร รถที่มาจากถนนพระรามที่ 2 จากทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว ถึงทางแยกต่างระดับมหาชัย มีสถานีบริการน้ำมันบางจาก และ PTT Station (ท่าจีน) และจากทางแยกต่างระดับมหาชัย ถึงด่านมหาชัย 1 มีสถานีบริการน้ำมันพีที 2 แห่ง และ PTT Station (จิฟฟี่) หากเกิดเหตุฉุกเฉินบนมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ตำรวจทางหลวง โทร. 1193 ซึ่งจะมีสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐมรับผิดชอบช่วงดังกล่าว ส่วนทางพิเศษกาญจนาภิเษก และทางพิเศษบูรพาวิถี ของการท่างพิเศษแห่งประเทศไทย สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ EXAT Call Center โทร. 1543 โดยไม่ต้องลงจากรถ #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 718 Views 0 Reviews
  • มาแล้ววว เมนูชวนทานนนน … น้ำพริกปลาทูมันจากร้านกินจุ๊บจิ๊บ… เอ้ยย ดีอ่ะ…อร่อยเลยค่ะ ไม่ต้องใส่น้ำปลาด้วย เพราะเนื้อปลามีความเค็มๆมันๆ … ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ผักสด คือเลิศ

    ว๊ายยยยยย …กรี้ดดดดด…

    สวัสดีวันอาทิตย์ค่าาา วันหยุดสุดท้าย ก่อนทำงานในวันพรุ่งนี้… รู้สึกขยันขึ้นมาเลยทันทีค่ะ

    มีเมนูใหม่มาป้ายยาค่ะ…ใช้ปลาทูมันร้านเราไปปรุงอาหารค่ะ…เริ่มลงมือทำแล้วนะคะ…ส่วนออกมาจะเป็นเมนูอะไร หน้าตาดี และอร่อยแค่ไหน…เดี่ยวค่ำๆมาเฉลยค่ะ

    เมนูแนะนำวันนี้…xxxxxx ยังไม่บอกค่ะ ให้ลูกค้าลองเดาก่อน … แต่รับประกันความแซ่บเวอร์

    ⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาา ปลาทูมัน (มีรสเค็ม)

    แบบบรรจุแพ็คสวยงาม
    ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMoV6tpc/

    ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม ใน Shopee
    https://th.shp.ee/rT65DWe

    ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMoVDXyt/

    ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า ใน Shopee
    https://th.shp.ee/rhcGm9D

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา

    #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ถุงเย็น #ถุงหูหิ้ว #ถุงร้อน #ถุงพีพีใบใหญ่
    มาแล้ววว เมนูชวนทานนนน … น้ำพริกปลาทูมันจากร้านกินจุ๊บจิ๊บ… เอ้ยย ดีอ่ะ…อร่อยเลยค่ะ ไม่ต้องใส่น้ำปลาด้วย เพราะเนื้อปลามีความเค็มๆมันๆ … ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ผักสด คือเลิศ ว๊ายยยยยย …กรี้ดดดดด…📣📣 สวัสดีวันอาทิตย์ค่าาา วันหยุดสุดท้าย ก่อนทำงานในวันพรุ่งนี้… รู้สึกขยันขึ้นมาเลยทันทีค่ะ 😀🤣😅😂 มีเมนูใหม่มาป้ายยาค่ะ…ใช้ปลาทูมันร้านเราไปปรุงอาหารค่ะ…เริ่มลงมือทำแล้วนะคะ…ส่วนออกมาจะเป็นเมนูอะไร หน้าตาดี และอร่อยแค่ไหน…เดี่ยวค่ำๆมาเฉลยค่ะ เมนูแนะนำวันนี้…xxxxxx ยังไม่บอกค่ะ ให้ลูกค้าลองเดาก่อน 😂😂🤣😅… แต่รับประกันความแซ่บเวอร์ 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาา ปลาทูมัน (มีรสเค็ม) ✅ แบบบรรจุแพ็คสวยงาม ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMoV6tpc/ ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/rT65DWe ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMoVDXyt/ ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/rhcGm9D #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ถุงเย็น #ถุงหูหิ้ว #ถุงร้อน #ถุงพีพีใบใหญ่
    0 Comments 0 Shares 899 Views 0 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 13-10-68
    .
    สวัสดีวันหยุด วันนวมินทรมหาราช เช้าวันนี้หลังจากประชุม และรับประทานอาหารกับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องมาเล่าให้ฟัง หลังจากที่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณสนธิพาทีมงานเดินทางไปทอดกฐินที่ วัดท่าแขก และวัดป่าภูแปก จ.เลย ได้พบ ได้เห็น ได้พูดคุย กับผู้คนมากหน้าหลายตา จึงมีเรื่องสนุก ๆ และได้แง่คิดมาเล่าให้ฟังหลายเรื่อง นอกจากนี้ก็ยังจะมีประเด็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับเขมร และจุดยืนของมหาอำนาจอย่างจีน รวมไปถึงวิวาทะระหว่าง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคุณวีระ สมความคิด ต่อกรณีการขับไล่ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนของไทยด้วย
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=a8yhfYdhBYM
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #กฐิน #จังหวัดเลย #วัดท่าแขก #วัดป่าภูแปก #อนุทินวีระ #ไทยเขมร #วังเหวินปิน
    สนธิเล่าเรื่อง 13-10-68 . สวัสดีวันหยุด วันนวมินทรมหาราช เช้าวันนี้หลังจากประชุม และรับประทานอาหารกับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องมาเล่าให้ฟัง หลังจากที่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณสนธิพาทีมงานเดินทางไปทอดกฐินที่ วัดท่าแขก และวัดป่าภูแปก จ.เลย ได้พบ ได้เห็น ได้พูดคุย กับผู้คนมากหน้าหลายตา จึงมีเรื่องสนุก ๆ และได้แง่คิดมาเล่าให้ฟังหลายเรื่อง นอกจากนี้ก็ยังจะมีประเด็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับเขมร และจุดยืนของมหาอำนาจอย่างจีน รวมไปถึงวิวาทะระหว่าง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคุณวีระ สมความคิด ต่อกรณีการขับไล่ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนของไทยด้วย . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=a8yhfYdhBYM . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #กฐิน #จังหวัดเลย #วัดท่าแขก #วัดป่าภูแปก #อนุทินวีระ #ไทยเขมร #วังเหวินปิน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 496 Views 0 Reviews
  • ว๊ายยยยยย …กรี้ดดดดด…

    สวัสดีวันอาทิตย์ค่าาา วันหยุดสุดท้าย ก่อนทำงานในวันพรุ่งนี้… รู้สึกขยันขึ้นมาเลยทันทีค่ะ

    มีเมนูใหม่มาป้ายยาค่ะ…ใช้ปลาทูมันร้านเราไปปรุงอาหารค่ะ…เริ่มลงมือทำแล้วนะคะ…ส่วนออกมาจะเป็นเมนูอะไร หน้าตาดี และอร่อยแค่ไหน…เดี่ยวค่ำๆมาเฉลยค่ะ

    เมนูแนะนำวันนี้…xxxxxx ยังไม่บอกค่ะ ให้ลูกค้าลองเดาก่อน … แต่รับประกันความแซ่บเวอร์

    ⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาา ปลาทูมัน (มีรสเค็ม)

    แบบบรรจุแพ็คสวยงาม
    ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMoV6tpc/

    ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม ใน Shopee
    https://th.shp.ee/rT65DWe

    ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMoVDXyt/

    ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า ใน Shopee
    https://th.shp.ee/rhcGm9D

    เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง
    1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop
    2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1

    ช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #ถุง #กุนเชียงหมู #ถุงร้อน #ถุงใส่แก้วน้ำ
    ว๊ายยยยยย …กรี้ดดดดด…📣📣 สวัสดีวันอาทิตย์ค่าาา วันหยุดสุดท้าย ก่อนทำงานในวันพรุ่งนี้… รู้สึกขยันขึ้นมาเลยทันทีค่ะ 😀🤣😅😂 มีเมนูใหม่มาป้ายยาค่ะ…ใช้ปลาทูมันร้านเราไปปรุงอาหารค่ะ…เริ่มลงมือทำแล้วนะคะ…ส่วนออกมาจะเป็นเมนูอะไร หน้าตาดี และอร่อยแค่ไหน…เดี่ยวค่ำๆมาเฉลยค่ะ เมนูแนะนำวันนี้…xxxxxx ยังไม่บอกค่ะ ให้ลูกค้าลองเดาก่อน 😂😂🤣😅… แต่รับประกันความแซ่บเวอร์ 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาา ปลาทูมัน (มีรสเค็ม) ✅ แบบบรรจุแพ็คสวยงาม ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMoV6tpc/ ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/rT65DWe ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMoVDXyt/ ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/rhcGm9D เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง 1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop 2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1 ช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #ถุง #กุนเชียงหมู #ถุงร้อน #ถุงใส่แก้วน้ำ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 592 Views 0 0 Reviews
  • “CISO ยุคใหม่ต้องคิดใหม่ — เมื่อ AI เปลี่ยนเกมความปลอดภัยจากพื้นฐานสู่กลยุทธ์”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ผู้บริหารด้านความปลอดภัยข้อมูล (CISO) กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่ในด้านเทคโนโลยี แต่รวมถึงบทบาทในองค์กรและวิธีคิดเชิงกลยุทธ์ โดยรายงานจาก CSO Online ระบุว่า AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่ระบบความปลอดภัยเดิม แต่กลับขยายช่องว่างระหว่างองค์กรที่เตรียมพร้อมกับองค์กรที่ยังล้าหลัง

    Joe Oleksak จาก Plante Moran ชี้ว่า AI เร่งทั้งการโจมตีและการป้องกัน ทำให้ “ความเร็ว” กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด และย้ำว่า “AI ไม่ใช่กระสุนวิเศษ” เพราะมันขยายผลของทุกข้อผิดพลาด เช่น การตั้งสิทธิ์ผิด การแบ่งเครือข่ายไม่ดี หรือการเก็บข้อมูลในโฟลเดอร์ที่ไม่ปลอดภัย

    ในองค์กรที่มีการลงทุนด้านความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง AI กลายเป็นเครื่องมือเสริมประสิทธิภาพ แต่ในองค์กรที่ละเลยเรื่องนี้ AI กลับทำให้ช่องโหว่เดิมรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อแฮกเกอร์ใช้ AI สร้าง phishing, deepfake และการสแกนระบบได้เร็วและถูกลง

    Deneen DeFiore จาก United Airlines ระบุว่า AI ทำให้ CISO มีบทบาทในระดับกลยุทธ์มากขึ้น โดยต้องร่วมมือกับผู้บริหารทุกฝ่ายตั้งแต่ต้น เพื่อให้การใช้ AI เป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และปลอดภัย

    Jason Lander จาก Aya Healthcare เสริมว่า AI เปลี่ยนวิธีทำงานของทีม IT และทีมความปลอดภัยให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเน้นการทำงานเชิงรุกและการวางระบบที่ยืดหยุ่น พร้อมทั้งใช้ AI เพื่อจัดการงานซ้ำซ้อนและเพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ

    Jill Knesek จาก BlackLine มองว่า AI ช่วยลดภาระของทีม SOC (Security Operations Center) โดยสามารถใช้ AI แทนการจ้างคนเพิ่มในบางช่วงเวลา เช่น กลางคืนหรือวันหยุด พร้อมเน้นว่าการฝึกอบรมและวัฒนธรรมองค์กรยังคงเป็นหัวใจของความปลอดภัย

    สุดท้าย Oleksak เตือนว่า AI ไม่ใช่กลยุทธ์ แต่เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ด้วยความเข้าใจ โดยแนะนำให้เริ่มจากการประเมินความเสี่ยง แล้วค่อยเลือกใช้ AI ในจุดที่เหมาะสม เช่น การวิเคราะห์ log หรือการตรวจจับ phishing พร้อมเน้นว่า “การตัดสินใจของมนุษย์” ยังเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AI เร่งทั้งการโจมตีและการป้องกัน ทำให้ความเร็วกลายเป็นปัจจัยสำคัญ
    AI ขยายผลของข้อผิดพลาด เช่น การตั้งสิทธิ์ผิดหรือการจัดการข้อมูลไม่ดี
    องค์กรที่ลงทุนด้านความปลอดภัยมาแล้วจะได้ประโยชน์จาก AI มากกว่า
    แฮกเกอร์ใช้ AI สร้าง phishing และ deepfake ได้เร็วและถูกลง
    CISO มีบทบาทเชิงกลยุทธ์มากขึ้นในองค์กรยุค AI
    United Airlines ใช้ AI อย่างโปร่งใสและเน้นความรับผิดชอบร่วมกัน
    Aya Healthcare ใช้ AI เพื่อจัดการงานซ้ำซ้อนและเพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ
    BlackLine ใช้ AI ลดภาระทีม SOC และวางแผนจ้างงานแบบกระจาย
    การฝึกอบรมและวัฒนธรรมองค์กรยังคงเป็นหัวใจของความปลอดภัย
    Oleksak แนะนำให้ใช้ AI แบบมีเป้าหมาย เช่น การวิเคราะห์ log หรือ phishing

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Deloitte พบว่า 43% ขององค์กรในสหรัฐฯ ใช้ AI ในโปรแกรมความปลอดภัย
    โมเดล federated learning ถูกใช้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในการพัฒนา AI
    การใช้ AI ใน SOC ช่วยลด false positives และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคาม
    หลายองค์กรเริ่มจัดทีมแบบ agile ที่รวม threat analyst, engineer และ data scientist
    การใช้ AI อย่างมีจริยธรรมกลายเป็นหัวข้อสำคัญในระดับผู้บริหารทั่วโลก

    https://www.csoonline.com/article/4066733/cisos-rethink-the-security-organization-for-the-ai-era.html
    🛡️ “CISO ยุคใหม่ต้องคิดใหม่ — เมื่อ AI เปลี่ยนเกมความปลอดภัยจากพื้นฐานสู่กลยุทธ์” ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ผู้บริหารด้านความปลอดภัยข้อมูล (CISO) กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่ในด้านเทคโนโลยี แต่รวมถึงบทบาทในองค์กรและวิธีคิดเชิงกลยุทธ์ โดยรายงานจาก CSO Online ระบุว่า AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่ระบบความปลอดภัยเดิม แต่กลับขยายช่องว่างระหว่างองค์กรที่เตรียมพร้อมกับองค์กรที่ยังล้าหลัง Joe Oleksak จาก Plante Moran ชี้ว่า AI เร่งทั้งการโจมตีและการป้องกัน ทำให้ “ความเร็ว” กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด และย้ำว่า “AI ไม่ใช่กระสุนวิเศษ” เพราะมันขยายผลของทุกข้อผิดพลาด เช่น การตั้งสิทธิ์ผิด การแบ่งเครือข่ายไม่ดี หรือการเก็บข้อมูลในโฟลเดอร์ที่ไม่ปลอดภัย ในองค์กรที่มีการลงทุนด้านความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง AI กลายเป็นเครื่องมือเสริมประสิทธิภาพ แต่ในองค์กรที่ละเลยเรื่องนี้ AI กลับทำให้ช่องโหว่เดิมรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อแฮกเกอร์ใช้ AI สร้าง phishing, deepfake และการสแกนระบบได้เร็วและถูกลง Deneen DeFiore จาก United Airlines ระบุว่า AI ทำให้ CISO มีบทบาทในระดับกลยุทธ์มากขึ้น โดยต้องร่วมมือกับผู้บริหารทุกฝ่ายตั้งแต่ต้น เพื่อให้การใช้ AI เป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และปลอดภัย Jason Lander จาก Aya Healthcare เสริมว่า AI เปลี่ยนวิธีทำงานของทีม IT และทีมความปลอดภัยให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเน้นการทำงานเชิงรุกและการวางระบบที่ยืดหยุ่น พร้อมทั้งใช้ AI เพื่อจัดการงานซ้ำซ้อนและเพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ Jill Knesek จาก BlackLine มองว่า AI ช่วยลดภาระของทีม SOC (Security Operations Center) โดยสามารถใช้ AI แทนการจ้างคนเพิ่มในบางช่วงเวลา เช่น กลางคืนหรือวันหยุด พร้อมเน้นว่าการฝึกอบรมและวัฒนธรรมองค์กรยังคงเป็นหัวใจของความปลอดภัย สุดท้าย Oleksak เตือนว่า AI ไม่ใช่กลยุทธ์ แต่เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ด้วยความเข้าใจ โดยแนะนำให้เริ่มจากการประเมินความเสี่ยง แล้วค่อยเลือกใช้ AI ในจุดที่เหมาะสม เช่น การวิเคราะห์ log หรือการตรวจจับ phishing พร้อมเน้นว่า “การตัดสินใจของมนุษย์” ยังเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AI เร่งทั้งการโจมตีและการป้องกัน ทำให้ความเร็วกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ➡️ AI ขยายผลของข้อผิดพลาด เช่น การตั้งสิทธิ์ผิดหรือการจัดการข้อมูลไม่ดี ➡️ องค์กรที่ลงทุนด้านความปลอดภัยมาแล้วจะได้ประโยชน์จาก AI มากกว่า ➡️ แฮกเกอร์ใช้ AI สร้าง phishing และ deepfake ได้เร็วและถูกลง ➡️ CISO มีบทบาทเชิงกลยุทธ์มากขึ้นในองค์กรยุค AI ➡️ United Airlines ใช้ AI อย่างโปร่งใสและเน้นความรับผิดชอบร่วมกัน ➡️ Aya Healthcare ใช้ AI เพื่อจัดการงานซ้ำซ้อนและเพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ ➡️ BlackLine ใช้ AI ลดภาระทีม SOC และวางแผนจ้างงานแบบกระจาย ➡️ การฝึกอบรมและวัฒนธรรมองค์กรยังคงเป็นหัวใจของความปลอดภัย ➡️ Oleksak แนะนำให้ใช้ AI แบบมีเป้าหมาย เช่น การวิเคราะห์ log หรือ phishing ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Deloitte พบว่า 43% ขององค์กรในสหรัฐฯ ใช้ AI ในโปรแกรมความปลอดภัย ➡️ โมเดล federated learning ถูกใช้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในการพัฒนา AI ➡️ การใช้ AI ใน SOC ช่วยลด false positives และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคาม ➡️ หลายองค์กรเริ่มจัดทีมแบบ agile ที่รวม threat analyst, engineer และ data scientist ➡️ การใช้ AI อย่างมีจริยธรรมกลายเป็นหัวข้อสำคัญในระดับผู้บริหารทั่วโลก https://www.csoonline.com/article/4066733/cisos-rethink-the-security-organization-for-the-ai-era.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CISOs rethink the security organization for the AI era
    As AI becomes more ingrained in business strategies, CISOs are re-examining their security organizations to keep up with the pace and potential of the technology.
    0 Comments 0 Shares 491 Views 0 Reviews
  • หลงทางที่เวสต์เกต ทุกขลาภคนบางใหญ่

    ปัญหาการจราจรบริเวณทางแยกต่างระดับบางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังเปิดทดลองใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 เป็นต้นมา เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า "สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว Central Westgate ต้องเลี้ยวซ้าย กูเกิลแมปบอกขวา แล้วพากูขึ้น M81 ไปกาญจน์แบบไม่มีทางลง ขับไปร้องไห้ไป"

    เหตุเพราะ Google Maps แนะนำเส้นทางจากถนนรัตนาธิเบศร์ ให้ขึ้นสะพานมอเตอร์เวย์มุ่งหน้ากาญจนบุรี ทั้งที่บริษัท บีจีเอสอาร์ 81 จำกัด ผู้ให้บริการระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษา (O&M) ปิดทางออกชั่วคราวฝั่งซอยแก้วอินทร์ บริเวณด่านบางใหญ่เป็นการถาวร ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.เป็นต้นมา ทำให้ผู้ที่มาตาม GPS ไม่สามารถออกทางดังกล่าวได้ ต้องไปกลับรถไกลถึงด่านนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม อีกทั้ง Google Maps ยังไม่มีการอัปเดตเส้นทางดังกล่าว

    จากไวรัลสนั่นโซเชียลฯ ร้อนถึงกรมทางหลวงต้องเร่งปรับปรุงป้ายและสัญลักษณ์จราจร บริเวณทางแยกต่างระดับบางใหญ่ เพื่อแยกเส้นทางให้ชัดเจนสูงสุด เพื่อแก้ไขปัญหาความสับสน และเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางได้อย่างถูกต้องระหว่างผู้ที่ต้องการใช้มอเตอร์เวย์ไปกาญจนบุรี กับผู้ที่เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางอื่น พร้อมประสานงานผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นนำทางออนไลน์โดยตรง

    ขณะที่กูเกิล ประเทศไทย ระบุว่า ทีมงานของ Google Maps ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว พร้อมเร่งแก้ปัญหา โดยพร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังคงแนะนำให้ผู้ขับขี่มองหาป้ายสัญลักษณ์ทางการที่ชัดเจน ควบคู่กับแผนที่นำทาง เนื่องจากเมื่อมีการจัดการเส้นทางจราจรใหม่และมีการรายงานปัญหาเข้าไป ระบบต้องใช้เวลาตรวจสอบและปรับเปลี่ยนเส้นทาง

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาความวุ่นวายบริเวณทางแยกต่างระดับบางใหญ่ยังคงไม่หมดไป เนื่องจากทางเข้า-ออกมอเตอร์เวย์กินผิวจราจรพอสมควร และย่านบางใหญ่เป็นย่านการค้าและที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง ทำให้เส้นทางสัญจรปกติมีลักษณะเป็นคอขวดหลายจุด อีกทั้งมีลูกค้าเข้าไปใช้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกตจำนวนมาก โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์

    ไม่นับรวมกรมทางหลวงมีแผนก่อสร้างทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร หมายเลข 9 ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 38 กิโลเมตร ต่อเนื่องกับโครงการมอเตอร์เวย์ช่วงบางบัวทอง-บางปะอิน ระยะทาง 35 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมกับมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมาในอนาคตอันใกล้ คาดว่าระหว่างการก่อสร้าง การจราจรบนถนนกาญจนาภิเษกจะติดขัดมากขึ้น ไม่ต่างจากถนนพระรามที่ 2 ในปัจจุบัน

    #Newskit
    หลงทางที่เวสต์เกต ทุกขลาภคนบางใหญ่ ปัญหาการจราจรบริเวณทางแยกต่างระดับบางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังเปิดทดลองใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 เป็นต้นมา เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า "สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว Central Westgate ต้องเลี้ยวซ้าย กูเกิลแมปบอกขวา แล้วพากูขึ้น M81 ไปกาญจน์แบบไม่มีทางลง ขับไปร้องไห้ไป" เหตุเพราะ Google Maps แนะนำเส้นทางจากถนนรัตนาธิเบศร์ ให้ขึ้นสะพานมอเตอร์เวย์มุ่งหน้ากาญจนบุรี ทั้งที่บริษัท บีจีเอสอาร์ 81 จำกัด ผู้ให้บริการระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษา (O&M) ปิดทางออกชั่วคราวฝั่งซอยแก้วอินทร์ บริเวณด่านบางใหญ่เป็นการถาวร ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.เป็นต้นมา ทำให้ผู้ที่มาตาม GPS ไม่สามารถออกทางดังกล่าวได้ ต้องไปกลับรถไกลถึงด่านนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม อีกทั้ง Google Maps ยังไม่มีการอัปเดตเส้นทางดังกล่าว จากไวรัลสนั่นโซเชียลฯ ร้อนถึงกรมทางหลวงต้องเร่งปรับปรุงป้ายและสัญลักษณ์จราจร บริเวณทางแยกต่างระดับบางใหญ่ เพื่อแยกเส้นทางให้ชัดเจนสูงสุด เพื่อแก้ไขปัญหาความสับสน และเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางได้อย่างถูกต้องระหว่างผู้ที่ต้องการใช้มอเตอร์เวย์ไปกาญจนบุรี กับผู้ที่เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางอื่น พร้อมประสานงานผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นนำทางออนไลน์โดยตรง ขณะที่กูเกิล ประเทศไทย ระบุว่า ทีมงานของ Google Maps ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว พร้อมเร่งแก้ปัญหา โดยพร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังคงแนะนำให้ผู้ขับขี่มองหาป้ายสัญลักษณ์ทางการที่ชัดเจน ควบคู่กับแผนที่นำทาง เนื่องจากเมื่อมีการจัดการเส้นทางจราจรใหม่และมีการรายงานปัญหาเข้าไป ระบบต้องใช้เวลาตรวจสอบและปรับเปลี่ยนเส้นทาง อย่างไรก็ตาม ปัญหาความวุ่นวายบริเวณทางแยกต่างระดับบางใหญ่ยังคงไม่หมดไป เนื่องจากทางเข้า-ออกมอเตอร์เวย์กินผิวจราจรพอสมควร และย่านบางใหญ่เป็นย่านการค้าและที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง ทำให้เส้นทางสัญจรปกติมีลักษณะเป็นคอขวดหลายจุด อีกทั้งมีลูกค้าเข้าไปใช้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกตจำนวนมาก โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่นับรวมกรมทางหลวงมีแผนก่อสร้างทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร หมายเลข 9 ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 38 กิโลเมตร ต่อเนื่องกับโครงการมอเตอร์เวย์ช่วงบางบัวทอง-บางปะอิน ระยะทาง 35 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมกับมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมาในอนาคตอันใกล้ คาดว่าระหว่างการก่อสร้าง การจราจรบนถนนกาญจนาภิเษกจะติดขัดมากขึ้น ไม่ต่างจากถนนพระรามที่ 2 ในปัจจุบัน #Newskit
    Like
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 669 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5”
    อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ
    เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร
    ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก
    สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ
    แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง
    อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย
    แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม
    เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ )
    แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ
    แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน
    เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ :
    “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ…
    ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …”
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5” อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ ) แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ : “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ… ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …” สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 656 Views 0 Reviews
  • อดีตสส.ปชป. แฉน้ำท่วมหนักอาคารรัฐสภา หลังฝนถล่มกรุงฯ น้ำรั่วทะลุเพดานไหลลงห้องประชุมชั้น A1-B2 พรมเปียกชุ่มเสียหายทั่วชั้น ต้องระดมแม่บ้านวันหยุดช่วยดูดน้ำหวั่นเชื้อรา เจ้าตัวเตรียมร้อง ป.ป.ช. เอาผิด “เลขาฯ สภา–กก.ตรวจการจ้าง” หลังเตือนแล้วไม่ฟัง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095122

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    อดีตสส.ปชป. แฉน้ำท่วมหนักอาคารรัฐสภา หลังฝนถล่มกรุงฯ น้ำรั่วทะลุเพดานไหลลงห้องประชุมชั้น A1-B2 พรมเปียกชุ่มเสียหายทั่วชั้น ต้องระดมแม่บ้านวันหยุดช่วยดูดน้ำหวั่นเชื้อรา เจ้าตัวเตรียมร้อง ป.ป.ช. เอาผิด “เลขาฯ สภา–กก.ตรวจการจ้าง” หลังเตือนแล้วไม่ฟัง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095122 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 487 Views 0 Reviews
  • “ถ้ายิงปืนในอวกาศจะเกิดอะไรขึ้น? — เมื่อแรงปะทะกลายเป็นแรงผลัก และกระสุนไม่มีวันหยุด”

    หลายคนอาจคิดว่าปืนไม่สามารถยิงในอวกาศได้เพราะไม่มีออกซิเจน แต่ความจริงคือ “ยิงได้” เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัวเอง ทำให้สามารถจุดระเบิดได้แม้ในสุญญากาศ เช่นเดียวกับการยิงใต้น้ำ

    แม้จะไม่มีการทดลองจริงในอวกาศ แต่กฎฟิสิกส์โดยเฉพาะกฎข้อที่สามของนิวตัน (แรงปฏิกิริยา) สามารถอธิบายผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เมื่อยิงปืนในอวกาศ กระสุนจะพุ่งไปข้างหน้า และผู้ยิงจะถูกผลักไปในทิศทางตรงกันข้าม — โดยไม่มีแรงต้านจากอากาศหรือแรงโน้มถ่วงมาหยุด

    กระสุนในอวกาศจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าบนโลกเล็กน้อย เพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ และจะไม่หยุดเคลื่อนที่เลย เว้นแต่จะไปเจอแรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์หรือวัตถุอื่น ๆ ที่เปลี่ยนทิศทางหรือชะลอความเร็ว

    แม้อวกาศจะเป็นสุญญากาศ แต่ก็ไม่ว่างเปล่าเสียทีเดียว เพราะยังมีลมสุริยะและอะตอมลอยอยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของกระสุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นนั้นน้อยมาก เพราะอวกาศกว้างใหญ่เกินกว่าจะเล็งโดนอะไรโดยบังเอิญ

    เสียงจากการยิงจะไม่ดังในอวกาศ แต่ผู้ยิงอาจ “ได้ยิน” การสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ และหากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว เช่นผนังยานหรือพื้น ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ปืนสามารถยิงในอวกาศได้ เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัว
    การยิงปืนในอวกาศทำให้ผู้ยิงถูกผลักไปในทิศทางตรงข้ามกับกระสุน
    กระสุนจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ
    กระสุนจะไม่หยุดเคลื่อนที่ เว้นแต่เจอแรงโน้มถ่วงหรือวัตถุอื่น
    ลมสุริยะและอะตอมในอวกาศอาจเปลี่ยนทิศทางของกระสุน
    โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นมีน้อยมาก
    ผู้ยิงจะไม่ได้ยินเสียง แต่จะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ
    หากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กระสุนที่ยิงในวงโคจรอาจกลับมาชนผู้ยิงได้ หากอยู่ในวงโคจรเดียวกัน
    รัสเซียเคยทดลองอาวุธในอวกาศช่วงสงครามเย็น เช่นปืนบนยาน Soyuz
    ปืนแม่เหล็ก (railgun) เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานในอวกาศมากกว่า
    การยิงปืนในอวกาศอาจใช้เป็นวิธีเคลื่อนที่ในกรณีฉุกเฉิน หากไม่มีแรงขับอื่น
    การออกแบบอาวุธสำหรับอวกาศต้องคำนึงถึงแรงสะท้อนและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

    https://www.slashgear.com/1978143/what-would-happen-if-shot-gun-in-space/
    🔫 “ถ้ายิงปืนในอวกาศจะเกิดอะไรขึ้น? — เมื่อแรงปะทะกลายเป็นแรงผลัก และกระสุนไม่มีวันหยุด” หลายคนอาจคิดว่าปืนไม่สามารถยิงในอวกาศได้เพราะไม่มีออกซิเจน แต่ความจริงคือ “ยิงได้” เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัวเอง ทำให้สามารถจุดระเบิดได้แม้ในสุญญากาศ เช่นเดียวกับการยิงใต้น้ำ แม้จะไม่มีการทดลองจริงในอวกาศ แต่กฎฟิสิกส์โดยเฉพาะกฎข้อที่สามของนิวตัน (แรงปฏิกิริยา) สามารถอธิบายผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เมื่อยิงปืนในอวกาศ กระสุนจะพุ่งไปข้างหน้า และผู้ยิงจะถูกผลักไปในทิศทางตรงกันข้าม — โดยไม่มีแรงต้านจากอากาศหรือแรงโน้มถ่วงมาหยุด กระสุนในอวกาศจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าบนโลกเล็กน้อย เพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ และจะไม่หยุดเคลื่อนที่เลย เว้นแต่จะไปเจอแรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์หรือวัตถุอื่น ๆ ที่เปลี่ยนทิศทางหรือชะลอความเร็ว แม้อวกาศจะเป็นสุญญากาศ แต่ก็ไม่ว่างเปล่าเสียทีเดียว เพราะยังมีลมสุริยะและอะตอมลอยอยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของกระสุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นนั้นน้อยมาก เพราะอวกาศกว้างใหญ่เกินกว่าจะเล็งโดนอะไรโดยบังเอิญ เสียงจากการยิงจะไม่ดังในอวกาศ แต่ผู้ยิงอาจ “ได้ยิน” การสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ และหากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว เช่นผนังยานหรือพื้น ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ปืนสามารถยิงในอวกาศได้ เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัว ➡️ การยิงปืนในอวกาศทำให้ผู้ยิงถูกผลักไปในทิศทางตรงข้ามกับกระสุน ➡️ กระสุนจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ ➡️ กระสุนจะไม่หยุดเคลื่อนที่ เว้นแต่เจอแรงโน้มถ่วงหรือวัตถุอื่น ➡️ ลมสุริยะและอะตอมในอวกาศอาจเปลี่ยนทิศทางของกระสุน ➡️ โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นมีน้อยมาก ➡️ ผู้ยิงจะไม่ได้ยินเสียง แต่จะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ ➡️ หากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กระสุนที่ยิงในวงโคจรอาจกลับมาชนผู้ยิงได้ หากอยู่ในวงโคจรเดียวกัน ➡️ รัสเซียเคยทดลองอาวุธในอวกาศช่วงสงครามเย็น เช่นปืนบนยาน Soyuz ➡️ ปืนแม่เหล็ก (railgun) เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานในอวกาศมากกว่า ➡️ การยิงปืนในอวกาศอาจใช้เป็นวิธีเคลื่อนที่ในกรณีฉุกเฉิน หากไม่มีแรงขับอื่น ➡️ การออกแบบอาวุธสำหรับอวกาศต้องคำนึงถึงแรงสะท้อนและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน https://www.slashgear.com/1978143/what-would-happen-if-shot-gun-in-space/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Would Happen If You Shot A Gun In Space? Here's What You Need To Know - SlashGear
    Firing a gun in space, free from Earth's atmosphere and gravity, would result in the bullet and firer traveling indefinitely in opposite directions.
    0 Comments 0 Shares 347 Views 0 Reviews
  • พร้อมไหม? รถไฟ My Sawasdee กัวลาลัมเปอร์-สุราษฎร์ธานี

    เมื่อวันก่อน การรถไฟมาเลเซีย (KTMB) ทดลองเดินรถจากสถานีกลาง KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 21-23 ก.ย. ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้า ก่อนจะขยายบริการขบวนรถไฟพิเศษ มายสวัสดี (My Sawasdee) มายังปลายทางดังกล่าว โดยนับตั้งแต่เปิดการเดินรถไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ทุกวันหยุดยาวของมาเลเซีย มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2565 มีนักท่องเที่ยวทั้งเดินทางด้วยตัวเอง และบริษัทนำเที่ยวใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

    สืบเนื่องมาจากการประชุมร่วมระหว่างการรถไฟมาเลเซีย (KTMB) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ครั้งที่ 42 ที่เมืองโคตากินาบาลู รัฐซาบาห์ เมื่อปี 2567 หนึ่งในนั้นคือเห็นชอบให้ขยายเส้นทางขบวนรถไฟท่องเที่ยว My Sawasdee จากมาเลเซียมาไทย ให้มาถึงสถานีสุราษฎร์ธานี หลังได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม มีจำนวนผู้โดยสารเต็มทุกเที่ยว การขยายเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และนำรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้น

    โดยปกติแล้วขบวนรถไฟ My Sawasdee ออกจากสถานี KL Sentral เวลา 22.30 น. ถึงปลายทางสถานีชุมทางหาดใหญ่ เวลา 08.30 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้น แต่หากเดินทางต่อไปยังปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ระยะทาง 294 กิโลเมตร ใช้เวลาเร็วที่สุด 4-5 ชั่วโมง มีรายงานว่าตามกำหนดจะถึงสถานีสุราษฎร์ธานีเวลา 15.20 น. แต่จากการทดสอบเมื่อวันที่ 21 ก.ย. พบว่าถึงปลายทางเวลา 17.02 น. จึงต้องรอให้การรถไฟมาเลเซียพิจารณาความพร้อมก่อนเปิดให้บริการอีกครั้ง

    จุดหมายปลายทางยอดนิยมของจังหวัดสุราษฎร์ธานีคือเกาะต่างๆ โดยเฉพาะเกาะสมุย ต้องใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟสุราษฏร์ธานี ไปยังท่าเรือดอนสัก 2 ชั่วโมง ต่อเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะสมุยอีก 1 ชั่วโมง 30 นาที ถือเป็นโจทย์ที่บริษัทนำเที่ยวอาจต้องพิจารณาจัดโปรแกรมทัวร์ภายในเวลา 4 วัน 3 คืน เพราะเท่ากับกินเวลาแล้ว 1 วัน

    อีกด้านหนึ่ง เริ่มมีบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่งในมาเลเซีย เสนอโปรแกรมทัวร์ไปยังกรุงเทพฯ และเมืองพัทยา 5 วัน 4 คืนด้วยรถไฟในปี 2569 แล้ว แต่เดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แล้วต่อรถบัสไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จากเดิมเสนอโปรแกรมทัวร์ไปยังหาดใหญ่และปัตตานี 4 วัน 3 คืน สนนราคาคนละ 1,200 ริงกิต (ประมาณ 9,200 บาท) นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมทัวร์ไปกรุงเทพฯ 5 วัน 4 คืน, ไปกาญจนบุรี 5 วัน 4 คืน ราคาคนละ 2,300 ริงกิต (ประมาณ 17,500 บาท) และไปเขาใหญ่กับลพบุรี 5 วัน 4 คืน ราคาคนละ 2,200 ริงกิต (ประมาณ 16,750 บาท) ในช่วงปลายปี 2569 อีกด้วย

    #Newskit
    พร้อมไหม? รถไฟ My Sawasdee กัวลาลัมเปอร์-สุราษฎร์ธานี เมื่อวันก่อน การรถไฟมาเลเซีย (KTMB) ทดลองเดินรถจากสถานีกลาง KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 21-23 ก.ย. ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้า ก่อนจะขยายบริการขบวนรถไฟพิเศษ มายสวัสดี (My Sawasdee) มายังปลายทางดังกล่าว โดยนับตั้งแต่เปิดการเดินรถไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ทุกวันหยุดยาวของมาเลเซีย มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2565 มีนักท่องเที่ยวทั้งเดินทางด้วยตัวเอง และบริษัทนำเที่ยวใช้บริการอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องมาจากการประชุมร่วมระหว่างการรถไฟมาเลเซีย (KTMB) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ครั้งที่ 42 ที่เมืองโคตากินาบาลู รัฐซาบาห์ เมื่อปี 2567 หนึ่งในนั้นคือเห็นชอบให้ขยายเส้นทางขบวนรถไฟท่องเที่ยว My Sawasdee จากมาเลเซียมาไทย ให้มาถึงสถานีสุราษฎร์ธานี หลังได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม มีจำนวนผู้โดยสารเต็มทุกเที่ยว การขยายเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และนำรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้น โดยปกติแล้วขบวนรถไฟ My Sawasdee ออกจากสถานี KL Sentral เวลา 22.30 น. ถึงปลายทางสถานีชุมทางหาดใหญ่ เวลา 08.30 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้น แต่หากเดินทางต่อไปยังปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ระยะทาง 294 กิโลเมตร ใช้เวลาเร็วที่สุด 4-5 ชั่วโมง มีรายงานว่าตามกำหนดจะถึงสถานีสุราษฎร์ธานีเวลา 15.20 น. แต่จากการทดสอบเมื่อวันที่ 21 ก.ย. พบว่าถึงปลายทางเวลา 17.02 น. จึงต้องรอให้การรถไฟมาเลเซียพิจารณาความพร้อมก่อนเปิดให้บริการอีกครั้ง จุดหมายปลายทางยอดนิยมของจังหวัดสุราษฎร์ธานีคือเกาะต่างๆ โดยเฉพาะเกาะสมุย ต้องใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟสุราษฏร์ธานี ไปยังท่าเรือดอนสัก 2 ชั่วโมง ต่อเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะสมุยอีก 1 ชั่วโมง 30 นาที ถือเป็นโจทย์ที่บริษัทนำเที่ยวอาจต้องพิจารณาจัดโปรแกรมทัวร์ภายในเวลา 4 วัน 3 คืน เพราะเท่ากับกินเวลาแล้ว 1 วัน อีกด้านหนึ่ง เริ่มมีบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่งในมาเลเซีย เสนอโปรแกรมทัวร์ไปยังกรุงเทพฯ และเมืองพัทยา 5 วัน 4 คืนด้วยรถไฟในปี 2569 แล้ว แต่เดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แล้วต่อรถบัสไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จากเดิมเสนอโปรแกรมทัวร์ไปยังหาดใหญ่และปัตตานี 4 วัน 3 คืน สนนราคาคนละ 1,200 ริงกิต (ประมาณ 9,200 บาท) นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมทัวร์ไปกรุงเทพฯ 5 วัน 4 คืน, ไปกาญจนบุรี 5 วัน 4 คืน ราคาคนละ 2,300 ริงกิต (ประมาณ 17,500 บาท) และไปเขาใหญ่กับลพบุรี 5 วัน 4 คืน ราคาคนละ 2,200 ริงกิต (ประมาณ 16,750 บาท) ในช่วงปลายปี 2569 อีกด้วย #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 897 Views 0 Reviews
  • เข้าคิวด่านสะเดา 3 ชั่วโมง ทำลายการท่องเที่ยวไทย

    ในช่วงวันหยุดยาวของประเทศมาเลเซีย เนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย และปิดภาคเรียนระยะสั้น ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจำนวนมาก โดยเฉพาะด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา แต่ก็ประสบปัญหาต่อคิวยาวนาน ขาไปต้องรอกว่า 3 ชั่วโมง ส่วนขากลับรถติดหน้าด่านยาวเหยียด มาไม่ทันเวลาด่านปิด 5 ทุ่ม ต้องค้างคืนจ่ายค่าโรงแรมเกือบ 3,000 บาท กลายเป็นไวรัลในสื่อมาเลเซีย

    ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา ถึงกับตั้งคำถามว่า "เราจะต้อนรับเพื่อนบ้านที่มาอุดหนุนพี่น้องคนไทย ด้วยการปล่อยให้เขาเข้าแถวรอข้ามแดน 3 ชั่วโมง โดยที่ส่วนกลางไม่คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นเลยเหรอ? โดยกล่าวว่า หลายปีแล้วที่ต้องเจอกับภาพนักท่องเที่ยวแออัดที่ด่านสะเดา คนยืนรอเข้าแถวนานหลายชั่วโมงเพื่อเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย สร้างรายได้ให้กับคนไทย ล่าสุดยังคงได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวว่า ต้องใช้เวลาข้ามด่านนานกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งที่เรื่องนี้มีมานานแล้ว แต่ส่วนกลางไม่เคยแก้ไขใดๆ เลย ลำพังให้หน้างานแก้ไขอย่างเดียวคงไม่สามารถทำได้

    เรื่องนี้ต้องแก้ที่โครงสร้างของระบบ กรมศุลกากรควรให้ความสำคัญกับคนไม่น้อยไปกว่าสินค้า เพราะปัจจุบันรูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปมาก ควรปรับรูปแบบการยื่นเอกสารนำรถยนต์เข้ามาท่องเที่ยวให้เป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อลดการจราจรที่แออัด นอกจากอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังสร้างความโปร่งใส เท่าเทียมให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนอีกด้วย ดังเช่นสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ดำเนินการแก้ไขการยื่นเอกสาร ตม.6 เป็นออนไลน์แล้ว แก้ปัญหาได้มากเลยทีเดียว

    "ผมคิดว่าไม่ใช่เฉพาะผม มีอีกหลายๆ คนที่ทนกับเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นส่วนกลางไม่ควรมองนักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นของตาย อะไรที่เห็นปัญหาแล้วไม่แก้ไข แปลว่าอะไร เรื่องนี้ผมจะรอ รมว.คลังคนใหม่ ที่เป็นคนนอกวงการการเมือง หวังว่าท่านจะเข้าใจและจะให้ความสำคัญกับแก้ปัญหาให้กับการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งผมจะได้นำเสนอเรื่องนี้ต่อท่านและคาดหวังว่าการท่องเที่ยวไทยจะหลุดพ้นจากบ่วงปัญหานี้ที่หมักมานานเสียที"

    อีกด้านหนึ่ง เถกิง สมทรัพย์ อดีตสื่อมวลชนอาวุโส ที่ผันตัวทำบริษัททัวร์ Around the world แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กว่า "อวสานการท่องเที่ยวชายแดนไทย-มาเลเซีย ถ้ารัฐบาลไม่ลงไปกำกับดูแลให้เกิดความคล่องตัวจริงจัง อย่าคิดว่านักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นของตาย" โดยเห็นว่า เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ต้องลงไปดูแล เพราะเป็นรายได้ทั้งนั้น เชื่อว่าด้วยความสามารถของด่านไทยจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้

    #Newskit
    เข้าคิวด่านสะเดา 3 ชั่วโมง ทำลายการท่องเที่ยวไทย ในช่วงวันหยุดยาวของประเทศมาเลเซีย เนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย และปิดภาคเรียนระยะสั้น ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจำนวนมาก โดยเฉพาะด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา แต่ก็ประสบปัญหาต่อคิวยาวนาน ขาไปต้องรอกว่า 3 ชั่วโมง ส่วนขากลับรถติดหน้าด่านยาวเหยียด มาไม่ทันเวลาด่านปิด 5 ทุ่ม ต้องค้างคืนจ่ายค่าโรงแรมเกือบ 3,000 บาท กลายเป็นไวรัลในสื่อมาเลเซีย ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา ถึงกับตั้งคำถามว่า "เราจะต้อนรับเพื่อนบ้านที่มาอุดหนุนพี่น้องคนไทย ด้วยการปล่อยให้เขาเข้าแถวรอข้ามแดน 3 ชั่วโมง โดยที่ส่วนกลางไม่คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นเลยเหรอ? โดยกล่าวว่า หลายปีแล้วที่ต้องเจอกับภาพนักท่องเที่ยวแออัดที่ด่านสะเดา คนยืนรอเข้าแถวนานหลายชั่วโมงเพื่อเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย สร้างรายได้ให้กับคนไทย ล่าสุดยังคงได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวว่า ต้องใช้เวลาข้ามด่านนานกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งที่เรื่องนี้มีมานานแล้ว แต่ส่วนกลางไม่เคยแก้ไขใดๆ เลย ลำพังให้หน้างานแก้ไขอย่างเดียวคงไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้ต้องแก้ที่โครงสร้างของระบบ กรมศุลกากรควรให้ความสำคัญกับคนไม่น้อยไปกว่าสินค้า เพราะปัจจุบันรูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปมาก ควรปรับรูปแบบการยื่นเอกสารนำรถยนต์เข้ามาท่องเที่ยวให้เป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อลดการจราจรที่แออัด นอกจากอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังสร้างความโปร่งใส เท่าเทียมให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนอีกด้วย ดังเช่นสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ดำเนินการแก้ไขการยื่นเอกสาร ตม.6 เป็นออนไลน์แล้ว แก้ปัญหาได้มากเลยทีเดียว "ผมคิดว่าไม่ใช่เฉพาะผม มีอีกหลายๆ คนที่ทนกับเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นส่วนกลางไม่ควรมองนักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นของตาย อะไรที่เห็นปัญหาแล้วไม่แก้ไข แปลว่าอะไร เรื่องนี้ผมจะรอ รมว.คลังคนใหม่ ที่เป็นคนนอกวงการการเมือง หวังว่าท่านจะเข้าใจและจะให้ความสำคัญกับแก้ปัญหาให้กับการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งผมจะได้นำเสนอเรื่องนี้ต่อท่านและคาดหวังว่าการท่องเที่ยวไทยจะหลุดพ้นจากบ่วงปัญหานี้ที่หมักมานานเสียที" อีกด้านหนึ่ง เถกิง สมทรัพย์ อดีตสื่อมวลชนอาวุโส ที่ผันตัวทำบริษัททัวร์ Around the world แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กว่า "อวสานการท่องเที่ยวชายแดนไทย-มาเลเซีย ถ้ารัฐบาลไม่ลงไปกำกับดูแลให้เกิดความคล่องตัวจริงจัง อย่าคิดว่านักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นของตาย" โดยเห็นว่า เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ต้องลงไปดูแล เพราะเป็นรายได้ทั้งนั้น เชื่อว่าด้วยความสามารถของด่านไทยจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ #Newskit
    Like
    Sad
    3
    2 Comments 0 Shares 779 Views 0 Reviews
  • “อินเทอร์เน็ตใหญ่แค่ไหน? — เมื่อข้อมูลทะลุ 181 Zettabytes และโลกต้องจ่ายด้วยพลังงานและน้ำมหาศาล”

    ลองจินตนาการว่าในเวลาเพียงหนึ่งนาทีของอินเทอร์เน็ต มีการสตรีม Netflix กว่าล้านชั่วโมง อัปโหลดวิดีโอ YouTube หลายพันชั่วโมง และโพสต์ภาพบน Instagram นับไม่ถ้วน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 และตัวเลขนี้ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวินาที

    ข้อมูลทั่วโลกในปี 2024 มีปริมาณถึง 149 Zettabytes และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 181 Zettabytesภายในสิ้นปี 20252 โดยบางการคาดการณ์อาจอยู่ที่ 175 ZB แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ซึ่ง Zettabyte หนึ่งเท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes — ขนาดที่สมองมนุษย์แทบจินตนาการไม่ออก

    แต่การวัด “ขนาดของอินเทอร์เน็ต” ไม่ใช่แค่เรื่องของปริมาณข้อมูล เพราะยังมีข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Google หรือ search engine เช่น ฐานข้อมูลส่วนตัว แอปพลิเคชัน และเครือข่ายปิด ซึ่งเรียกรวมกันว่า “Deep Web” และยังมี “Dark Web” ที่ซ่อนตัวอยู่ลึกกว่านั้นอีก

    ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นทุกวันกว่า 402 ล้าน Terabytes จากโพสต์โซเชียลมีเดีย วิดีโอ อุปกรณ์ IoT รถยนต์อัจฉริยะ และระบบคลาวด์ แม้แต่ CERN ก็ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์อนุภาค ซึ่งเทียบได้กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่

    แต่เบื้องหลังโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือผลกระทบทางกายภาพที่ไม่อาจมองข้าม — ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 2% ของทั้งโลก และบางแห่งใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน แม้บางบริษัทจะเริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” แต่ก็ยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับการขยายตัวของข้อมูลที่ไม่มีวันหยุด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ปริมาณข้อมูลทั่วโลกในปี 2025 คาดว่าจะอยู่ที่ 181 Zettabytes
    หนึ่ง Zettabyte เท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes
    ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นกว่า 402 ล้าน Terabytes ต่อวัน
    CERN ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์

    ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง
    Deep Web และ Dark Web ไม่สามารถเข้าถึงผ่าน search engine
    แอปพลิเคชันและเครือข่ายปิดมีข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ไม่ถูกนับรวม
    ขนาดของอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่สามารถวัดได้แน่นอน

    ผลกระทบทางกายภาพจากข้อมูล
    ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าราว 2% ของโลก
    บางศูนย์ข้อมูลใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน
    Amazon เริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” เพื่อช่วยลดผลกระทบ
    Cloud storage ช่วยแบ่งเบาภาระจากศูนย์ข้อมูล แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    IDC คาดว่าปริมาณข้อมูลจะเพิ่มเป็น 394 Zettabytes ภายในปี 2028
    การเติบโตของ AI และ IoT เป็นตัวเร่งให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    การวัดขนาดอินเทอร์เน็ตต้องพิจารณา 5V: Volume, Variety, Velocity, Value, Veracity
    การใช้ข้อมูลเพื่อการวิจัย การตลาด และ AI มีประโยชน์มหาศาล แต่ต้องแลกด้วยทรัพยากร

    https://www.slashgear.com/1970107/how-big-is-the-internet-data-size/
    🌐 “อินเทอร์เน็ตใหญ่แค่ไหน? — เมื่อข้อมูลทะลุ 181 Zettabytes และโลกต้องจ่ายด้วยพลังงานและน้ำมหาศาล” ลองจินตนาการว่าในเวลาเพียงหนึ่งนาทีของอินเทอร์เน็ต มีการสตรีม Netflix กว่าล้านชั่วโมง อัปโหลดวิดีโอ YouTube หลายพันชั่วโมง และโพสต์ภาพบน Instagram นับไม่ถ้วน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 และตัวเลขนี้ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวินาที ข้อมูลทั่วโลกในปี 2024 มีปริมาณถึง 149 Zettabytes และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 181 Zettabytesภายในสิ้นปี 20252 โดยบางการคาดการณ์อาจอยู่ที่ 175 ZB แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ซึ่ง Zettabyte หนึ่งเท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes — ขนาดที่สมองมนุษย์แทบจินตนาการไม่ออก แต่การวัด “ขนาดของอินเทอร์เน็ต” ไม่ใช่แค่เรื่องของปริมาณข้อมูล เพราะยังมีข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Google หรือ search engine เช่น ฐานข้อมูลส่วนตัว แอปพลิเคชัน และเครือข่ายปิด ซึ่งเรียกรวมกันว่า “Deep Web” และยังมี “Dark Web” ที่ซ่อนตัวอยู่ลึกกว่านั้นอีก ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นทุกวันกว่า 402 ล้าน Terabytes จากโพสต์โซเชียลมีเดีย วิดีโอ อุปกรณ์ IoT รถยนต์อัจฉริยะ และระบบคลาวด์ แม้แต่ CERN ก็ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์อนุภาค ซึ่งเทียบได้กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แต่เบื้องหลังโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือผลกระทบทางกายภาพที่ไม่อาจมองข้าม — ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 2% ของทั้งโลก และบางแห่งใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน แม้บางบริษัทจะเริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” แต่ก็ยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับการขยายตัวของข้อมูลที่ไม่มีวันหยุด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ปริมาณข้อมูลทั่วโลกในปี 2025 คาดว่าจะอยู่ที่ 181 Zettabytes ➡️ หนึ่ง Zettabyte เท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes ➡️ ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นกว่า 402 ล้าน Terabytes ต่อวัน ➡️ CERN ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์ ✅ ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง ➡️ Deep Web และ Dark Web ไม่สามารถเข้าถึงผ่าน search engine ➡️ แอปพลิเคชันและเครือข่ายปิดมีข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ไม่ถูกนับรวม ➡️ ขนาดของอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่สามารถวัดได้แน่นอน ✅ ผลกระทบทางกายภาพจากข้อมูล ➡️ ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าราว 2% ของโลก ➡️ บางศูนย์ข้อมูลใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน ➡️ Amazon เริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” เพื่อช่วยลดผลกระทบ ➡️ Cloud storage ช่วยแบ่งเบาภาระจากศูนย์ข้อมูล แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ IDC คาดว่าปริมาณข้อมูลจะเพิ่มเป็น 394 Zettabytes ภายในปี 2028 ➡️ การเติบโตของ AI และ IoT เป็นตัวเร่งให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ➡️ การวัดขนาดอินเทอร์เน็ตต้องพิจารณา 5V: Volume, Variety, Velocity, Value, Veracity ➡️ การใช้ข้อมูลเพื่อการวิจัย การตลาด และ AI มีประโยชน์มหาศาล แต่ต้องแลกด้วยทรัพยากร https://www.slashgear.com/1970107/how-big-is-the-internet-data-size/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Big Is The Internet? Here's How Much Data Is On It - SlashGear
    We may use the internet every day, but we take the massive resource for granted. How much data is actually on the internet and how is it quantified?
    0 Comments 0 Shares 364 Views 0 Reviews
  • มาเลย์ฯ เมินลังกาวี แห่เที่ยวไทยคึกคัก

    ช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย และช่วงปิดภาคเรียน ระหว่างวันที่ 13-16 ก.ย.ที่ผ่านมา ภาคใต้ของไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียประมาณ 200,000 ราย จุดหมายปลายทางยอดนิยมมีทั้งอำเภอหาดใหญ่ และหาดสมิหลา อำเภอเมืองสงขลา รวมทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยเฉพาะอำเภอเบตง ซึ่งภาคใต้ของไทยมีชื่อเสียงเรื่องความคุ้มค่า โดยเฉพาะค่าครองชีพที่ไม่สูง สแกน QR Code จ่ายเงินข้ามแดนได้ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย อาหารไทยที่มีเอกลักษณ์ มีนักช้อปสนใจจับจ่ายห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีสินค้า อาหารพร้อมทาน และเครื่องดื่มที่ไม่มีขายในมาเลเซีย หรือสินค้าที่ราคาถูกกว่ามาเลเซีย รวมทั้งยังมีวัฒนธรรมที่งดงาม ความเป็นมิตรและอัธยาศัยดีของคนไทย

    ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.ถึง 14 ก.ย.2568 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนประเทศไทยสะสมรวม 3,278,963 คน เป็นอันดับหนึ่งแซงหน้านักท่องเที่ยวจีน

    ในทางกลับกัน นายไซนูดิน คาเดียร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมาคมการท่องเที่ยวลังกาวี (LTA) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Harian Metro สื่อมาเลเซียว่า นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะลังกาวี รัฐเคดะห์ ในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย ลดลง 30-39% เมื่อช่วงเดียวกันของปีก่อน นักท่องเที่ยวภายในประเทศมาเลเซียจำนวนมาก เลือกเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคใต้ของไทย หลายคนเลือกจุดหมายปลายทางไปหาดใหญ่ เพราะข้อเสนอน่าสนใจกว่า และค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง ปัญหาที่้เกิดขึ้นคือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ย่ำแย่ ทั้งเรือข้ามฟากที่ใช้เวลารอคิวยาวนาน หรือตั๋วเครื่องบินราคาสูงกว่า 1,000 ริงกิต (มากกว่า 7,500 บาท) แม้ว่าเกาะลังกาวียังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถปรับปรุงและพัฒนาให้ทันสมัยได้

    ด้านนายบาร์โจยา บาร์ได นักวิเคราะห์เศรษฐกิจในมาเลเซียกล่าวว่า มีชาวมาเลเซียราว 100,000 คนมุ่งหน้าไปยังประเทศไทยในช่วงวันหยุดยาว มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 600 ริงกิตต่อคน (ประมาณ 4,500 บาท) คาดว่าเม็ดเงินจะไหลออกนอกประเทศมากกว่า 130 ล้านริงกิต (ประมาณ 982 ล้านบาท) ทั้งที่เงินจำนวนนี้ควรที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศมาเลเซีย แต่กลับสร้างรายได้มหาศาลแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะที่ธุรกิจในประเทศพลาดโอกาสสร้างรายได้จากวันหยุดนักขัตฤกษ์ หากไม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อปรับปรุงต้นทุนและประสบการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศ กระแสนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่ไหลออกนอกประเทศในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์จะยังคงมีอยู่ต่อไป

    #Newskit
    มาเลย์ฯ เมินลังกาวี แห่เที่ยวไทยคึกคัก ช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย และช่วงปิดภาคเรียน ระหว่างวันที่ 13-16 ก.ย.ที่ผ่านมา ภาคใต้ของไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียประมาณ 200,000 ราย จุดหมายปลายทางยอดนิยมมีทั้งอำเภอหาดใหญ่ และหาดสมิหลา อำเภอเมืองสงขลา รวมทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยเฉพาะอำเภอเบตง ซึ่งภาคใต้ของไทยมีชื่อเสียงเรื่องความคุ้มค่า โดยเฉพาะค่าครองชีพที่ไม่สูง สแกน QR Code จ่ายเงินข้ามแดนได้ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย อาหารไทยที่มีเอกลักษณ์ มีนักช้อปสนใจจับจ่ายห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีสินค้า อาหารพร้อมทาน และเครื่องดื่มที่ไม่มีขายในมาเลเซีย หรือสินค้าที่ราคาถูกกว่ามาเลเซีย รวมทั้งยังมีวัฒนธรรมที่งดงาม ความเป็นมิตรและอัธยาศัยดีของคนไทย ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.ถึง 14 ก.ย.2568 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนประเทศไทยสะสมรวม 3,278,963 คน เป็นอันดับหนึ่งแซงหน้านักท่องเที่ยวจีน ในทางกลับกัน นายไซนูดิน คาเดียร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมาคมการท่องเที่ยวลังกาวี (LTA) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Harian Metro สื่อมาเลเซียว่า นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะลังกาวี รัฐเคดะห์ ในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย ลดลง 30-39% เมื่อช่วงเดียวกันของปีก่อน นักท่องเที่ยวภายในประเทศมาเลเซียจำนวนมาก เลือกเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคใต้ของไทย หลายคนเลือกจุดหมายปลายทางไปหาดใหญ่ เพราะข้อเสนอน่าสนใจกว่า และค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง ปัญหาที่้เกิดขึ้นคือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ย่ำแย่ ทั้งเรือข้ามฟากที่ใช้เวลารอคิวยาวนาน หรือตั๋วเครื่องบินราคาสูงกว่า 1,000 ริงกิต (มากกว่า 7,500 บาท) แม้ว่าเกาะลังกาวียังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถปรับปรุงและพัฒนาให้ทันสมัยได้ ด้านนายบาร์โจยา บาร์ได นักวิเคราะห์เศรษฐกิจในมาเลเซียกล่าวว่า มีชาวมาเลเซียราว 100,000 คนมุ่งหน้าไปยังประเทศไทยในช่วงวันหยุดยาว มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 600 ริงกิตต่อคน (ประมาณ 4,500 บาท) คาดว่าเม็ดเงินจะไหลออกนอกประเทศมากกว่า 130 ล้านริงกิต (ประมาณ 982 ล้านบาท) ทั้งที่เงินจำนวนนี้ควรที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศมาเลเซีย แต่กลับสร้างรายได้มหาศาลแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะที่ธุรกิจในประเทศพลาดโอกาสสร้างรายได้จากวันหยุดนักขัตฤกษ์ หากไม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อปรับปรุงต้นทุนและประสบการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศ กระแสนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่ไหลออกนอกประเทศในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์จะยังคงมีอยู่ต่อไป #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 868 Views 0 Reviews
More Results