• หมดปัญหาเรื่องการบดวัตถุดิบให้ละเอียด!

    ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น DF20
    ตัวช่วยสุดเจ๋งที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเยอะ!

    ไม่ว่าจะเป็น:
    #สมุนไพรแห้ง ให้เป็นผงละเอียด
    #รากไม้ หรือ #พริกไทย
    #พริกแห้ง #กัญชาแห้ง สำหรับทำเครื่องเทศ
    #ข้าวโพด #ถั่วเขียว หรือ #ลูกเดือย
    เหมาะสำหรับบด #อกไก่ฟรีซดราย #อาหารแมว หรือทำ #ผงโรยอาหารสัตว์ ก็ทำได้ละเอียด!

    เครื่องนี้เอาอยู่ทุกงาน! ด้วยกำลังการผลิต 5-15 กก./ชม. และระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทำให้ได้ผงที่ละเอียดสม่ำเสมอ คุณภาพดีเยี่ยม!

    พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ!
    รับประกันสินค้า มีอะไหล่รองรับครบครัน หมดห่วงเรื่องบริการหลังการขาย!

    ลงทุนกับเครื่องบดคุณภาพดี ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อีกเยอะ!

    สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม/ขอใบเสนอราคาได้เลย:
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com / yonghahheng@gmail.com
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    หรือสามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่:
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A
    เวลาเปิดทำการ:
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น.
    วันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 น.

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #อาหารแปรรูป #สมุนไพร #เกษตรแปรรูป #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดยา #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย
    ✨ หมดปัญหาเรื่องการบดวัตถุดิบให้ละเอียด! ✨ ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น DF20 ตัวช่วยสุดเจ๋งที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเยอะ! ไม่ว่าจะเป็น: ✅ #สมุนไพรแห้ง ให้เป็นผงละเอียด ✅ #รากไม้ หรือ #พริกไทย ✅ #พริกแห้ง #กัญชาแห้ง สำหรับทำเครื่องเทศ ✅ #ข้าวโพด #ถั่วเขียว หรือ #ลูกเดือย ✅ เหมาะสำหรับบด #อกไก่ฟรีซดราย #อาหารแมว หรือทำ #ผงโรยอาหารสัตว์ ก็ทำได้ละเอียด! เครื่องนี้เอาอยู่ทุกงาน! ด้วยกำลังการผลิต 5-15 กก./ชม. และระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทำให้ได้ผงที่ละเอียดสม่ำเสมอ คุณภาพดีเยี่ยม! 📦 พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ! 🛠️ รับประกันสินค้า มีอะไหล่รองรับครบครัน หมดห่วงเรื่องบริการหลังการขาย! ลงทุนกับเครื่องบดคุณภาพดี ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อีกเยอะ! สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม/ขอใบเสนอราคาได้เลย: 💚 LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 📧 E-mail: sales@yoryonghahheng.com / yonghahheng@gmail.com 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com หรือสามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่: 📍 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A ⏰ เวลาเปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น. วันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 น. #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #อาหารแปรรูป #สมุนไพร #เกษตรแปรรูป #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดยา #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • ..อ่านเพลินๆ

    มะเร็งไม่ใช่โรค แต่เป็นโครงการของรัฐบาลลึก

    อ่านทุกคำ นี่ไม่ใช่ทฤษฎี นี่คือการประกาศสงครามกับชีววิทยาของคุณ ชนชั้นสูงสร้างมะเร็งขึ้นมา และคุณก็จมอยู่กับพิษของพวกเขามาตลอดชีวิต

    เซราไมด์ เป็นคำที่พวกเขาไม่เคยอยากให้คุณได้ยิน ไม่ใช่แค่โมเลกุล แต่เป็นระเบิดเวลาทางชีวเคมี คุณไม่ได้เกิดมาพัง คุณถูกสร้างมาให้ล้มเหลว เซราไมด์ถูกบรรจุอยู่ในน้ำมันเมล็ดพืช จีเอ็มโอ อาหารแปรรูป น้ำประปา ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แม้แต่นมผงสำหรับเด็ก สารทำลายไขมันเหล่านี้จะทำลายตับของคุณ รัดคอตับอ่อนของคุณ ทำลายการเผาผลาญของคุณ และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณพังทลาย ร่างกายของคุณกลายเป็นดินแดนรกร้างที่เป็นพิษ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับเนื้องอก

    นี่ไม่ใช่ผลข้างเคียง แต่เป็นการทำลายล้างโดยเจตนา
    การฉ้อโกงมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ของฟาวซีไม่ได้เกี่ยวกับการรักษาอะไร แต่เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมให้ร่างกายของคุณให้ป่วย สถาบันสุขภาพแห่งชาติไม่ได้พยายามหาทางรักษา พวกเขาให้ทุนสนับสนุนระบบนิเวศสงครามชีวภาพที่บริษัทยาขนาดใหญ่ฉีดโรค ขายเคมีบำบัด แสวงหากำไรจากความเจ็บปวด และทำซ้ำ เซราไมด์คือสวิตช์หยุดการทำงาน พวกมันกักเก็บความตายไว้ในเซลล์ไขมันของคุณ ส่งผลให้เลือดของคุณสูบฉีดพิษจากการเผาผลาญ

    มะเร็งไม่ใช่ "โชคร้าย" แต่คือแผน

    กลุ่มคนชั้นสูงเลี้ยงดูมัน ระดมทุน และกินมัน เคมีบำบัดไม่รักษาให้หาย มันทำให้ทรมานนานขึ้นในขณะที่เรียกเก็บเงินคุณเพื่อให้ตายช้าลง การฉายรังสี? มันคือการทำลายร่างกายของคุณอย่างมีการควบคุม แพทย์ทุกคนที่บอกคุณว่า "กินน้อยลง เคลื่อนไหวมากขึ้น" ล้วนเป็นคนโกหกหรือเป็นเบี้ย

    แต่ตอนนี้ม่านกำลังจะเปิดขึ้น

    พวกเขากลัวการดีท็อกซ์ พวกเขากลัวทุกสิ่งที่ขับเซราไมด์ออกจากระบบของคุณ เพราะนั่นคือรากฐานของคุกมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ของพวกเขา และตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้น

    Ikaria Lean Belly Juice ไม่ใช่ "สุขภาพ" แต่เป็นสงครามเคมีแบบย้อนกลับ ทุกช้อนคือการโจมตีกลุ่มการแพทย์ของ Deep State

    Fucoxanthin ทำลายคลัสเตอร์เซราไมด์

    โสมสร้างภูมิคุ้มกันใหม่เพื่อค้นหาและทำลายเซลล์ที่ก่อกวน

    Bioperine ขยายการโจมตี

    Resveratrol ทำให้เนื้องอกอดอาหาร

    EGCG ซ่อมแซม DNA

    Milk Thistle สร้างตับของคุณขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ในการล้างพิษของร่างกาย

    นี่คือรหัสทำลายล้างที่จะทำลายระบบของพวกเขาจากภายใน
    ขับพิษ เผาอาณาจักรของพวกเขา

    คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อป่วย
    คุณถูกทำให้ป่วย

    ตอนนี้ ทำให้พวกเขาต้องชดใช้

    สงครามทั้งหมดเริ่มขึ้นภายในเซลล์ของคุณ นี่ไม่ใช่คำแนะนำด้านสุขภาพ
    นี่คือการกระทำแห่งการกบฏ

    1_Ikaria Lean Belly Juice คือ อาหารเสริมประเภทผงที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการลดน้ำหนัก โดยอ้างว่าช่วยเผาผลาญไขมัน ลดความอยากอาหาร และเพิ่มพลังงาน โดยอ้างอิงจากส่วนผสมจากธรรมชาติ

    2_ฟูโคแซนธิน (Fucoxanthin) คือ สารสีส้มในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ที่พบได้ในสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล ทำหน้าที่เป็นสารเก็บเกี่ยวแสงและป้องกันแสงในสาหร่าย นอกจากนี้ ฟูโคแซนธินยังมีคุณสมบัติทางชีวภาพมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง และต้านโรคอ้วน

    3_ไบโอเพอรีน (BioPerine) คือ สารสกัดจากพริกไทยดำที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ซึ่งมีสารสำคัญคือ ไพเพอรีน (Piperine) ในรูปแบบที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย โดยทั่วไปมีปริมาณไพเพอรีนอย่างน้อย 95%. ไบโอเพอรีนถูกใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารและส่วนผสมอื่นๆ ในร่างกาย
    สรุป: ไบโอเพอรีนคือสารสกัดจากพริกไทยดำที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารและส่วนผสมอื่นๆ ในร่างกาย

    4_เรสเวอราทรอล (Resveratrol) คือ สารประกอบโพลีฟีนอล (Polyphenol) ที่พบได้ในพืชหลายชนิด โดยเฉพาะในองุ่นแดง, เบอร์รี่, ถั่วลิสง, และไวน์แดง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) และมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ, ชะลอความเสื่อมของเซลล์, และอาจมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง

    5_Epigallocatechin-3-gallate (EGCG) เป็นโพลีฟีนอลที่พบมากที่สุดในชาเขียว EGCG มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านพังผืด ต้านการปรับโครงสร้าง และปกป้องเนื้อเยื่อหลากหลายชนิด โดยอาจมีประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็ง ระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ และการเผาผลาญอาหาร

    6_Silybum marianum เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีหนาม มีชื่อเรียกทั่วไปหลายชนิด ได้แก่ milk thistle, Blessed milkthistle, Marian thistle, Mary thistle, Saint Mary's thistle, Mediterranean milk thistle, variegated thistle และ Scotch thistle พืชชนิดนี้เป็นพืชประจำปีหรือล้มลุกในวงศ์ Asteraceae (คล้ายดอกบานไม่รู้โรยกับไมยราพ ต้องศึกษาสรรพคุณ)
    ..อ่านเพลินๆ มะเร็งไม่ใช่โรค แต่เป็นโครงการของรัฐบาลลึก อ่านทุกคำ นี่ไม่ใช่ทฤษฎี นี่คือการประกาศสงครามกับชีววิทยาของคุณ ชนชั้นสูงสร้างมะเร็งขึ้นมา และคุณก็จมอยู่กับพิษของพวกเขามาตลอดชีวิต เซราไมด์ เป็นคำที่พวกเขาไม่เคยอยากให้คุณได้ยิน ไม่ใช่แค่โมเลกุล แต่เป็นระเบิดเวลาทางชีวเคมี คุณไม่ได้เกิดมาพัง คุณถูกสร้างมาให้ล้มเหลว เซราไมด์ถูกบรรจุอยู่ในน้ำมันเมล็ดพืช จีเอ็มโอ อาหารแปรรูป น้ำประปา ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แม้แต่นมผงสำหรับเด็ก สารทำลายไขมันเหล่านี้จะทำลายตับของคุณ รัดคอตับอ่อนของคุณ ทำลายการเผาผลาญของคุณ และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณพังทลาย ร่างกายของคุณกลายเป็นดินแดนรกร้างที่เป็นพิษ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับเนื้องอก นี่ไม่ใช่ผลข้างเคียง แต่เป็นการทำลายล้างโดยเจตนา การฉ้อโกงมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ของฟาวซีไม่ได้เกี่ยวกับการรักษาอะไร แต่เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมให้ร่างกายของคุณให้ป่วย สถาบันสุขภาพแห่งชาติไม่ได้พยายามหาทางรักษา พวกเขาให้ทุนสนับสนุนระบบนิเวศสงครามชีวภาพที่บริษัทยาขนาดใหญ่ฉีดโรค ขายเคมีบำบัด แสวงหากำไรจากความเจ็บปวด และทำซ้ำ เซราไมด์คือสวิตช์หยุดการทำงาน พวกมันกักเก็บความตายไว้ในเซลล์ไขมันของคุณ ส่งผลให้เลือดของคุณสูบฉีดพิษจากการเผาผลาญ มะเร็งไม่ใช่ "โชคร้าย" แต่คือแผน กลุ่มคนชั้นสูงเลี้ยงดูมัน ระดมทุน และกินมัน เคมีบำบัดไม่รักษาให้หาย มันทำให้ทรมานนานขึ้นในขณะที่เรียกเก็บเงินคุณเพื่อให้ตายช้าลง การฉายรังสี? มันคือการทำลายร่างกายของคุณอย่างมีการควบคุม แพทย์ทุกคนที่บอกคุณว่า "กินน้อยลง เคลื่อนไหวมากขึ้น" ล้วนเป็นคนโกหกหรือเป็นเบี้ย แต่ตอนนี้ม่านกำลังจะเปิดขึ้น พวกเขากลัวการดีท็อกซ์ พวกเขากลัวทุกสิ่งที่ขับเซราไมด์ออกจากระบบของคุณ เพราะนั่นคือรากฐานของคุกมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ของพวกเขา และตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้น Ikaria Lean Belly Juice ไม่ใช่ "สุขภาพ" แต่เป็นสงครามเคมีแบบย้อนกลับ ทุกช้อนคือการโจมตีกลุ่มการแพทย์ของ Deep State Fucoxanthin ทำลายคลัสเตอร์เซราไมด์ โสมสร้างภูมิคุ้มกันใหม่เพื่อค้นหาและทำลายเซลล์ที่ก่อกวน Bioperine ขยายการโจมตี Resveratrol ทำให้เนื้องอกอดอาหาร EGCG ซ่อมแซม DNA Milk Thistle สร้างตับของคุณขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ในการล้างพิษของร่างกาย นี่คือรหัสทำลายล้างที่จะทำลายระบบของพวกเขาจากภายใน ขับพิษ เผาอาณาจักรของพวกเขา คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อป่วย คุณถูกทำให้ป่วย ตอนนี้ ทำให้พวกเขาต้องชดใช้ สงครามทั้งหมดเริ่มขึ้นภายในเซลล์ของคุณ นี่ไม่ใช่คำแนะนำด้านสุขภาพ นี่คือการกระทำแห่งการกบฏ 1_Ikaria Lean Belly Juice คือ อาหารเสริมประเภทผงที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการลดน้ำหนัก โดยอ้างว่าช่วยเผาผลาญไขมัน ลดความอยากอาหาร และเพิ่มพลังงาน โดยอ้างอิงจากส่วนผสมจากธรรมชาติ 2_ฟูโคแซนธิน (Fucoxanthin) คือ สารสีส้มในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ที่พบได้ในสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล ทำหน้าที่เป็นสารเก็บเกี่ยวแสงและป้องกันแสงในสาหร่าย นอกจากนี้ ฟูโคแซนธินยังมีคุณสมบัติทางชีวภาพมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง และต้านโรคอ้วน 3_ไบโอเพอรีน (BioPerine) คือ สารสกัดจากพริกไทยดำที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ซึ่งมีสารสำคัญคือ ไพเพอรีน (Piperine) ในรูปแบบที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย โดยทั่วไปมีปริมาณไพเพอรีนอย่างน้อย 95%. ไบโอเพอรีนถูกใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารและส่วนผสมอื่นๆ ในร่างกาย สรุป: ไบโอเพอรีนคือสารสกัดจากพริกไทยดำที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารและส่วนผสมอื่นๆ ในร่างกาย 4_เรสเวอราทรอล (Resveratrol) คือ สารประกอบโพลีฟีนอล (Polyphenol) ที่พบได้ในพืชหลายชนิด โดยเฉพาะในองุ่นแดง, เบอร์รี่, ถั่วลิสง, และไวน์แดง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) และมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ, ชะลอความเสื่อมของเซลล์, และอาจมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง 5_Epigallocatechin-3-gallate (EGCG) เป็นโพลีฟีนอลที่พบมากที่สุดในชาเขียว EGCG มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านพังผืด ต้านการปรับโครงสร้าง และปกป้องเนื้อเยื่อหลากหลายชนิด โดยอาจมีประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็ง ระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ และการเผาผลาญอาหาร 6_Silybum marianum เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีหนาม มีชื่อเรียกทั่วไปหลายชนิด ได้แก่ milk thistle, Blessed milkthistle, Marian thistle, Mary thistle, Saint Mary's thistle, Mediterranean milk thistle, variegated thistle และ Scotch thistle พืชชนิดนี้เป็นพืชประจำปีหรือล้มลุกในวงศ์ Asteraceae (คล้ายดอกบานไม่รู้โรยกับไมยราพ ต้องศึกษาสรรพคุณ)
    0 Comments 0 Shares 513 Views 0 Reviews
  • มีเพื่อนเพจเคยขอให้เขียนถึงองครักษ์เสื้อแพรนอกเหนือจากที่มีในซีรีส์ ข้อมูลหาไม่ง่าย วันนี้เริ่มด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ ยาวหน่อยนะคะ แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนต้องเคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องค่าเงิน

    ความมีอยู่ว่า
    ...เกาชิ่งมาเรียกหาจินเซี่ยแล้วถาม: “ใต้เท้าลู่มีคำถาม วันนี้เช่าเรือทั้งหมดสองเหลี่ยง รวมค่าชาและขนมบนเรืออีก คิดเป็นประมาณสามเฉียนแล้วกัน ท่านใต้เท้าออกเงินไปให้ก่อน แต่ถามว่าเมื่อใดพวกเจ้าจึงจะใช้คืน?”....
    - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ
    (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ก่อนอื่นเทียบมูลค่าเงิน: 1 ตำลึงเงิน (เหลี่ยง) = 1,000 เฉียน (คือ เหวิน หรือ อีแปะ) = 1 ก้วน (พวงเหรียญเฉียน)

    ก่อนจะพูดถึงรายรับ เราดูค่าครองชีพกันหน่อย ราชวงศ์หมิงยาวนานเกือบ 300 ปี แต่ลู่ปิ่งและลู่อี้มีตัวตนจริงอยู่ในรัชสมัยขององค์หมิงสื้อจง (ค.ศ. 1521-1567) (Storyฯ เคยเขียนถึงมาหลายเดือนก่อน) ในยุคสมัยนั้น เนื้อหมูหนึ่งชั่งราคา 7-8 เฉียน เนื้อไก่หนึ่งชั่งราคา 3-4 เฉียน (เทียบเท่าน้ำหนักปัจจุบัน 595 กรัม) ดังนั้นราคาขนมและชาที่ยกข้อความมาจากในนิยายข้างต้นก็พอจะฟังดูสมเหตุสมผล

    คำถามต่อมาคือ องครักษ์เสื้อแพรมีรายรับเท่าไหร่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพตามข้างต้น?

    มีตารางข้อมูลจาก “หมิงสื่อ /明史” หรือบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงมาให้ดู (ดูรูปประกอบ) เป็นอัตราเงินเดือนของขุนนางที่กำหนดไว้โดยปฐมกษัตริย์จูหยวนจาง จ่ายเป็นเดือน แต่กำหนดอัตราไว้เป็นรายปี วงให้ดูว่าเงินเดือนของใต้เท้าลู่อี้และพ่อของเขาคือ:
    ลู่ถิง (ในนิยายชื่อลู่ปิ่ง) เป็นผู้บัญชาการสูงสุดขององครักษ์เสื้อแพร ยศขุนนางขั้นที่สามเต็ม ได้เงินเดือนเป็นข้าวสาร 420 ตาน/ปี (เขียนหน่วยเป็นสือ ต่อมาเรียกเป็นตาน) ส่วนใต้เท้าลู่อี้ของเราในนิยายกล่าวไว้ว่าตอนที่แรกพบกับนางเอก เขาเป็นเพียงขุนนางขั้นที่เจ็ดล่าง ได้เงินเดือนเป็นข้าวสาร 84 ตาน/ปี หรือ 7 ตาน/เดือน

    ท่านอ่านไม่ผิดค่ะ เงินเดือนของข้าราชการสมัยนั้นปกติจ่ายเป็นข้าวสาร

    ข้าวสารหนึ่งตานสมัยนั้นหน้าตาเป็นกระบุงหาบ เทียบเท่าน้ำหนักปัจจุบันประมาณ 60 กก. เชื่อว่าขุนนางระดับสูงเวลารับเงินเดือนต้องใช้รถเข็นเลยทีเดียว

    แล้วถ้าคิดเป็นเงินล่ะ? อันนี้ผันแปรตามเงินเฟ้อ ข้าวสารหนึ่งตานในสมัยของใต้เท้าลู่นั้นราคา 0.584 ตำลึงเงิน ดังนั้นใต้เท้าลู่มีเงินเดือนเพียงประมาณ 4 ตำลึงเงิน/เดือน หรือ 4,000 เฉียนเท่านั้น! (ภาพการควักเงินหยวนเป่าออกมาวางให้เสี่ยวเอ้อตาโต หายแวบไปจากมโนของ Storyฯ ทันที)

    แล้วถ้าเปรียบเทียบวิชาชีพอื่น? สรุปโดยประมาณได้ดังนี้: ค่าจ้าง 600-1,700 เฉียน/เดือนขึ้นอยู่กับระดับงาน แผงขายอาหารในเมืองใหญ่ 1,300-1,600 เฉียน/เดือน ที่ดูจะรายได้ดีมากคือคนขับรถม้าที่ 3,000 เฉียน/เดือนเลยทีเดียว (หาไม่พบว่าเป็นเพราะอะไร) ส่วนเกษตรกรรายได้เฉลี่ย 750-1,200 เฉียน/เดือน

    แต่ขุนนางมี ‘สวัสดิการ’ อย่างอื่นด้วยคือผ้า เงินค่าน้ำชา ฟืน ชุดประจำตำแหน่ง จวนประจำตำแหน่ง เป็นต้น และยังไม่ต้องเสียภาษีเหมือนชาวนาหรือพ่อค้า แน่นอนว่าการต้องเลี้ยงบ่าวไพร่ทั้งเรือนก็มีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ แต่เทียบกับวิชาชีพอื่นแล้ว หากได้เป็นขุนนางติดยศชีวิตความเป็นอยู่จะดีมาก

    สมัยนั้นตำแหน่งจอหงวนคือลำดับหกเต็ม Storyฯ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมคนถึงขวนขวายเข้าเมืองหลวงสอบจอหงวนกัน ยศสูงกว่าใต้เท้าลู่อี้เสียอีก! (วันนี้คุยเรื่องเงินทอง ไม่คุยเรื่องอุดมการณ์ค่ะ)

    เขียนเพิ่มเติมหลังจากอัพเพจครั้งแรก:
    ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติ เช่นแล้ง หรือเกิดสงคราม ข้าวในคลังมีน้อย หรือในฤดูที่ไม่มีการเก็บเกี่ยว มีการแก้ไขการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ โดยกำหนดมูลค่าของข้าวเทียบเท่าของอย่างอื่น เช่น ผ้าผืน พริกไทย ใบชา เป็นต้น (อะไรก็ได้ที่มีมากในคลังหลวง) ต่อมาจึงมีแบ่งจ่ายเป็นตั๋วเงินด้วย ต่อมาในช่วงปลายราชวงศ์หมิงจึงเปลี่ยนมากำหนดให้จ่ายเป็นข้าว ตั๋วเงินและเงิน แต่ยังคงเทียบอัตราเงินเดือนเป็นข้าวสารอยู่

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://www.sohu.com/a/360665261_162238
    https://www.bilibili.com/read/cv9844919
    https://www.zmkm8.com/artdata-94382.html
    https://www.sohu.com/a/273067566_559864
    http://www.gushizhuan.com/gdws/284082.html

    #ใต้เท้าลู่ #องครักษ์เสื้อแพร #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ราชวงศ์หมิง #วัฒนธรรมจีนโบราณ #เงินจีนโบราณ #เงินเดือนข้าราชการจีน
    มีเพื่อนเพจเคยขอให้เขียนถึงองครักษ์เสื้อแพรนอกเหนือจากที่มีในซีรีส์ ข้อมูลหาไม่ง่าย วันนี้เริ่มด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ ยาวหน่อยนะคะ แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนต้องเคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องค่าเงิน ความมีอยู่ว่า ...เกาชิ่งมาเรียกหาจินเซี่ยแล้วถาม: “ใต้เท้าลู่มีคำถาม วันนี้เช่าเรือทั้งหมดสองเหลี่ยง รวมค่าชาและขนมบนเรืออีก คิดเป็นประมาณสามเฉียนแล้วกัน ท่านใต้เท้าออกเงินไปให้ก่อน แต่ถามว่าเมื่อใดพวกเจ้าจึงจะใช้คืน?”.... - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) ก่อนอื่นเทียบมูลค่าเงิน: 1 ตำลึงเงิน (เหลี่ยง) = 1,000 เฉียน (คือ เหวิน หรือ อีแปะ) = 1 ก้วน (พวงเหรียญเฉียน) ก่อนจะพูดถึงรายรับ เราดูค่าครองชีพกันหน่อย ราชวงศ์หมิงยาวนานเกือบ 300 ปี แต่ลู่ปิ่งและลู่อี้มีตัวตนจริงอยู่ในรัชสมัยขององค์หมิงสื้อจง (ค.ศ. 1521-1567) (Storyฯ เคยเขียนถึงมาหลายเดือนก่อน) ในยุคสมัยนั้น เนื้อหมูหนึ่งชั่งราคา 7-8 เฉียน เนื้อไก่หนึ่งชั่งราคา 3-4 เฉียน (เทียบเท่าน้ำหนักปัจจุบัน 595 กรัม) ดังนั้นราคาขนมและชาที่ยกข้อความมาจากในนิยายข้างต้นก็พอจะฟังดูสมเหตุสมผล คำถามต่อมาคือ องครักษ์เสื้อแพรมีรายรับเท่าไหร่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพตามข้างต้น? มีตารางข้อมูลจาก “หมิงสื่อ /明史” หรือบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงมาให้ดู (ดูรูปประกอบ) เป็นอัตราเงินเดือนของขุนนางที่กำหนดไว้โดยปฐมกษัตริย์จูหยวนจาง จ่ายเป็นเดือน แต่กำหนดอัตราไว้เป็นรายปี วงให้ดูว่าเงินเดือนของใต้เท้าลู่อี้และพ่อของเขาคือ: ลู่ถิง (ในนิยายชื่อลู่ปิ่ง) เป็นผู้บัญชาการสูงสุดขององครักษ์เสื้อแพร ยศขุนนางขั้นที่สามเต็ม ได้เงินเดือนเป็นข้าวสาร 420 ตาน/ปี (เขียนหน่วยเป็นสือ ต่อมาเรียกเป็นตาน) ส่วนใต้เท้าลู่อี้ของเราในนิยายกล่าวไว้ว่าตอนที่แรกพบกับนางเอก เขาเป็นเพียงขุนนางขั้นที่เจ็ดล่าง ได้เงินเดือนเป็นข้าวสาร 84 ตาน/ปี หรือ 7 ตาน/เดือน ท่านอ่านไม่ผิดค่ะ เงินเดือนของข้าราชการสมัยนั้นปกติจ่ายเป็นข้าวสาร ข้าวสารหนึ่งตานสมัยนั้นหน้าตาเป็นกระบุงหาบ เทียบเท่าน้ำหนักปัจจุบันประมาณ 60 กก. เชื่อว่าขุนนางระดับสูงเวลารับเงินเดือนต้องใช้รถเข็นเลยทีเดียว แล้วถ้าคิดเป็นเงินล่ะ? อันนี้ผันแปรตามเงินเฟ้อ ข้าวสารหนึ่งตานในสมัยของใต้เท้าลู่นั้นราคา 0.584 ตำลึงเงิน ดังนั้นใต้เท้าลู่มีเงินเดือนเพียงประมาณ 4 ตำลึงเงิน/เดือน หรือ 4,000 เฉียนเท่านั้น! (ภาพการควักเงินหยวนเป่าออกมาวางให้เสี่ยวเอ้อตาโต หายแวบไปจากมโนของ Storyฯ ทันที) แล้วถ้าเปรียบเทียบวิชาชีพอื่น? สรุปโดยประมาณได้ดังนี้: ค่าจ้าง 600-1,700 เฉียน/เดือนขึ้นอยู่กับระดับงาน แผงขายอาหารในเมืองใหญ่ 1,300-1,600 เฉียน/เดือน ที่ดูจะรายได้ดีมากคือคนขับรถม้าที่ 3,000 เฉียน/เดือนเลยทีเดียว (หาไม่พบว่าเป็นเพราะอะไร) ส่วนเกษตรกรรายได้เฉลี่ย 750-1,200 เฉียน/เดือน แต่ขุนนางมี ‘สวัสดิการ’ อย่างอื่นด้วยคือผ้า เงินค่าน้ำชา ฟืน ชุดประจำตำแหน่ง จวนประจำตำแหน่ง เป็นต้น และยังไม่ต้องเสียภาษีเหมือนชาวนาหรือพ่อค้า แน่นอนว่าการต้องเลี้ยงบ่าวไพร่ทั้งเรือนก็มีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ แต่เทียบกับวิชาชีพอื่นแล้ว หากได้เป็นขุนนางติดยศชีวิตความเป็นอยู่จะดีมาก สมัยนั้นตำแหน่งจอหงวนคือลำดับหกเต็ม Storyฯ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมคนถึงขวนขวายเข้าเมืองหลวงสอบจอหงวนกัน ยศสูงกว่าใต้เท้าลู่อี้เสียอีก! (วันนี้คุยเรื่องเงินทอง ไม่คุยเรื่องอุดมการณ์ค่ะ) เขียนเพิ่มเติมหลังจากอัพเพจครั้งแรก: ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติ เช่นแล้ง หรือเกิดสงคราม ข้าวในคลังมีน้อย หรือในฤดูที่ไม่มีการเก็บเกี่ยว มีการแก้ไขการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ โดยกำหนดมูลค่าของข้าวเทียบเท่าของอย่างอื่น เช่น ผ้าผืน พริกไทย ใบชา เป็นต้น (อะไรก็ได้ที่มีมากในคลังหลวง) ต่อมาจึงมีแบ่งจ่ายเป็นตั๋วเงินด้วย ต่อมาในช่วงปลายราชวงศ์หมิงจึงเปลี่ยนมากำหนดให้จ่ายเป็นข้าว ตั๋วเงินและเงิน แต่ยังคงเทียบอัตราเงินเดือนเป็นข้าวสารอยู่ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://www.sohu.com/a/360665261_162238 https://www.bilibili.com/read/cv9844919 https://www.zmkm8.com/artdata-94382.html https://www.sohu.com/a/273067566_559864 http://www.gushizhuan.com/gdws/284082.html #ใต้เท้าลู่ #องครักษ์เสื้อแพร #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ราชวงศ์หมิง #วัฒนธรรมจีนโบราณ #เงินจีนโบราณ #เงินเดือนข้าราชการจีน
    《锦衣之下》即将上线 任嘉伦谭松韵“猫鼠游戏“甜酥来袭_悬疑
    此次曝光的海报中,锦衣卫经历陆绎(任嘉伦饰)一身大红炽金飞鱼服,手握绣春刀伫立,眼神凌厉气势十足;六扇门小捕快袁今夏(谭松韵饰)侧抱花猫,明眸善睐、笑容明媚极具少女感;严世蕃(韩栋饰)执扇侧立,神思沉稳…
    1 Comments 0 Shares 579 Views 0 Reviews
  • วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง

    ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶)

    ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี

    ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน

    ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้

    แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶)

    กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป

    Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก:
    https://itw01.com/YNKQ3E4.html
    https://wantubizhi.com/image350909350928.html
    https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html
    http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm
    http://www.guanfujianzhan.com/8119.html
    http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm
    ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/

    #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร ความมีอยู่ว่า ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶) ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้ แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶) กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก: https://itw01.com/YNKQ3E4.html https://wantubizhi.com/image350909350928.html https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm http://www.guanfujianzhan.com/8119.html http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/ #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    ITW01.COM
    IT Tools - Handy online tools for developers
    Collection of handy online tools for developers, with great UX. IT Tools is a free and open-source collection of handy online tools for developers & people working in IT.
    2 Comments 0 Shares 544 Views 0 Reviews

  • วันนี้คุยกันต่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ศิลปะชั้นสูงหลายแขนงถูกเผยแพร่สู่ประชาชนในวงกว้าง

    จาก ‘บันทึกเมิ่งเหลียง’ มีศิลปะสี่แขนงที่ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ ในผู้ที่มีการศึกษาในสมัยซ่ง ซึ่งก็คือ การเผาผงหอม การเตี่ยนฉา (การชงชาแบบซ่งที่ Storyฯ เขียนถึงไปแล้วเมื่อก่อนปีใหม่) การเขียนภาพ และการจัดดอกไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะที่ชาวซ่งมองว่าฝึกให้คนใจเย็น ใครที่ได้ดูละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> จะเห็นการผสมดินและถ่านเพื่อเผาผงหอมในตอนที่มีครูแม่บ้านมาจากในวังมาสอนให้กับพี่น้องตระกูลเสิ้ง

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ที่วางอยู่ข้างๆ พวกเจ้าล้วนเป็นผงไม้กฤษณาอย่างดี หากบังคับแรงไฟได้ดี ก้อนเล็กเพียงเท่าเล็บยังสามารถเผาได้นานถึงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) กลิ่นกรุ่นมิจาง...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    สมัยซ่งนั้นเป็นการเผาผงหอม เรียกว่าเฝินเซียง (焚香) ส่วนผสมที่ใช้หลากหลาย เช่นไม้กฤษณา ไม้จันทน์ พิมเสน กำยาน ตะไคร้ ลูกกระวาน เม็ดพริกไทย ฯลฯ มีการค้นคว้าสูตรผสมจัดเป็นตำราสูตรเครื่องหอม (ตัวอย่างสูตรรูปสองซ้ายบน) ทั้งเพื่อความจรรโลงใจและทั้งเพื่อสรรพคุณทางยา โดยเครื่องหอมที่ปรุงเสร็จก็จัดทำขึ้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งอัดเม็ด อัดแผ่นบาง อัดแผ่นหนาห้อยติดกาย หรือเป็นแบบผง

    ในสมัยนั้น เครื่องหอมที่มีชื่อที่สุด แพงที่สุด (มีค่าเทียบเท่าทองคำ) และใช้ในวังเป็นหลักคือ ‘หลงเสียนเซียง’ (龙涎香) แปลตรงตัวว่าเครื่องหอมจากน้ำลายมังกร แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากการสำรอกหรือขับถ่ายจากปลาวาฬหัวทุย หลังถูกน้ำทะเลและแสงแดดหล่อหลอมนานปีจนเป็นก้อนไขมันหน้าตาคล้ายหินอ่อนก็จะมีกลิ่นหอม หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อำพันขี้ปลา’ จัดเป็นยาหายากชนิดหนึ่งในจีนโบราณ มีสรรพคุณกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

    ยุคสมัยนั้นจริงจังกับเฝินเซียงแค่ไหน ดูได้จากชุดอุปกรณ์ (รูปแรกขวาล่าง) ในสมัยนั้นจึงเกิดการสรรค์สร้างเครื่องปั้นดินเผาเป็นเตาเผาผงหอมหน้าตาหลากหลาย ยกตัวอย่างมาให้ชมกัน (รูปสอง)

    การเผานั้นเป็นไปตามกรรมวิธีที่แสดงในละคร เริ่มจากการวางถ่านไม้ก้อนเล็กลงไปกลางรูที่ขุดไว้ในผงหอม ปิดด้วยแผ่นแร่กลีบหินหรือแผ่นตะแกรง แล้วก็วางชิ้นเครื่องหอมลงบนแผ่นแร่กลีบหินอีกที (ตามรูปแรกขวาบน) ผลลัพธ์ที่ดีคือมีกลิ่นแต่ไม่มีควัน

    Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ (อีกแล้ว) แต่แน่นอนว่าทุกขั้นตอนแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม ไม่ว่าการผสมการจัดเก็บเครื่องหอม การเผาถ่าน ตำแหน่งการวางถ่าน ฯลฯ ศิลปะจากราชวงศ์ซ่งนี้อยู่คู่กับเรามาจวบจนปัจจุบัน แม้แต่สูตรเครื่องหอมบางสูตรหรือการใช้อำพันขี้ปลามาเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://kknews.cc/culture/jv6zbal.html
    https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html
    https://www.sohu.com/a/385169870_100171032
    http://collection.sina.com.cn/jczs/2018-03-16/doc-ifyshfuq0777119.shtml
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html
    https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=6255613423f1ab4117010e5a
    https://www.163.com/dy/article/FKVSEA9K05362446.html
    https://th.wikipedia.org/wiki/อำพันขี้ปลา

    #หมิงหลัน #เครื่องหอมจีนโบราณ #เฝินเซียง #ซาวเซียง #ราชวงศ์ซ่ง #หลงเสียนเซียง #อำพันขี้ปลา
    วันนี้คุยกันต่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ศิลปะชั้นสูงหลายแขนงถูกเผยแพร่สู่ประชาชนในวงกว้าง จาก ‘บันทึกเมิ่งเหลียง’ มีศิลปะสี่แขนงที่ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ ในผู้ที่มีการศึกษาในสมัยซ่ง ซึ่งก็คือ การเผาผงหอม การเตี่ยนฉา (การชงชาแบบซ่งที่ Storyฯ เขียนถึงไปแล้วเมื่อก่อนปีใหม่) การเขียนภาพ และการจัดดอกไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะที่ชาวซ่งมองว่าฝึกให้คนใจเย็น ใครที่ได้ดูละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> จะเห็นการผสมดินและถ่านเพื่อเผาผงหอมในตอนที่มีครูแม่บ้านมาจากในวังมาสอนให้กับพี่น้องตระกูลเสิ้ง ความมีอยู่ว่า ... “ที่วางอยู่ข้างๆ พวกเจ้าล้วนเป็นผงไม้กฤษณาอย่างดี หากบังคับแรงไฟได้ดี ก้อนเล็กเพียงเท่าเล็บยังสามารถเผาได้นานถึงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) กลิ่นกรุ่นมิจาง... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) สมัยซ่งนั้นเป็นการเผาผงหอม เรียกว่าเฝินเซียง (焚香) ส่วนผสมที่ใช้หลากหลาย เช่นไม้กฤษณา ไม้จันทน์ พิมเสน กำยาน ตะไคร้ ลูกกระวาน เม็ดพริกไทย ฯลฯ มีการค้นคว้าสูตรผสมจัดเป็นตำราสูตรเครื่องหอม (ตัวอย่างสูตรรูปสองซ้ายบน) ทั้งเพื่อความจรรโลงใจและทั้งเพื่อสรรพคุณทางยา โดยเครื่องหอมที่ปรุงเสร็จก็จัดทำขึ้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งอัดเม็ด อัดแผ่นบาง อัดแผ่นหนาห้อยติดกาย หรือเป็นแบบผง ในสมัยนั้น เครื่องหอมที่มีชื่อที่สุด แพงที่สุด (มีค่าเทียบเท่าทองคำ) และใช้ในวังเป็นหลักคือ ‘หลงเสียนเซียง’ (龙涎香) แปลตรงตัวว่าเครื่องหอมจากน้ำลายมังกร แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากการสำรอกหรือขับถ่ายจากปลาวาฬหัวทุย หลังถูกน้ำทะเลและแสงแดดหล่อหลอมนานปีจนเป็นก้อนไขมันหน้าตาคล้ายหินอ่อนก็จะมีกลิ่นหอม หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อำพันขี้ปลา’ จัดเป็นยาหายากชนิดหนึ่งในจีนโบราณ มีสรรพคุณกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ยุคสมัยนั้นจริงจังกับเฝินเซียงแค่ไหน ดูได้จากชุดอุปกรณ์ (รูปแรกขวาล่าง) ในสมัยนั้นจึงเกิดการสรรค์สร้างเครื่องปั้นดินเผาเป็นเตาเผาผงหอมหน้าตาหลากหลาย ยกตัวอย่างมาให้ชมกัน (รูปสอง) การเผานั้นเป็นไปตามกรรมวิธีที่แสดงในละคร เริ่มจากการวางถ่านไม้ก้อนเล็กลงไปกลางรูที่ขุดไว้ในผงหอม ปิดด้วยแผ่นแร่กลีบหินหรือแผ่นตะแกรง แล้วก็วางชิ้นเครื่องหอมลงบนแผ่นแร่กลีบหินอีกที (ตามรูปแรกขวาบน) ผลลัพธ์ที่ดีคือมีกลิ่นแต่ไม่มีควัน Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ (อีกแล้ว) แต่แน่นอนว่าทุกขั้นตอนแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม ไม่ว่าการผสมการจัดเก็บเครื่องหอม การเผาถ่าน ตำแหน่งการวางถ่าน ฯลฯ ศิลปะจากราชวงศ์ซ่งนี้อยู่คู่กับเรามาจวบจนปัจจุบัน แม้แต่สูตรเครื่องหอมบางสูตรหรือการใช้อำพันขี้ปลามาเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://kknews.cc/culture/jv6zbal.html https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html https://www.sohu.com/a/385169870_100171032 http://collection.sina.com.cn/jczs/2018-03-16/doc-ifyshfuq0777119.shtml Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=6255613423f1ab4117010e5a https://www.163.com/dy/article/FKVSEA9K05362446.html https://th.wikipedia.org/wiki/อำพันขี้ปลา #หมิงหลัน #เครื่องหอมจีนโบราณ #เฝินเซียง #ซาวเซียง #ราชวงศ์ซ่ง #หลงเสียนเซียง #อำพันขี้ปลา
    2 Comments 0 Shares 629 Views 0 Reviews
  • ไส้กรอกเต้าหู้เห็ดหอม

    วิธีทำ น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ ดอกเกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง แป้งมัน 1/2 ถ้วยตวง น้ำเย็นจัดผสมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน เต้าหู้ขาวบด ปั่นให้ละเอียดกับมันฝรั่ง หรือเผือกหอมบดละเอียด 1 ถ้วย เห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปั้นเป็นแท่ง ลวกในน้ำร้อนพอประมาณ ประมาณ 5 นาที หรือ ห่อด้วยอลูมินั่ม ฟอยล์ นำไปนึ่ง จะกินให้ย่าง อบ หรือ ทอด ก็ได้
    ไส้กรอกเต้าหู้เห็ดหอม วิธีทำ น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ ดอกเกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง แป้งมัน 1/2 ถ้วยตวง น้ำเย็นจัดผสมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน เต้าหู้ขาวบด ปั่นให้ละเอียดกับมันฝรั่ง หรือเผือกหอมบดละเอียด 1 ถ้วย เห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปั้นเป็นแท่ง ลวกในน้ำร้อนพอประมาณ ประมาณ 5 นาที หรือ ห่อด้วยอลูมินั่ม ฟอยล์ นำไปนึ่ง จะกินให้ย่าง อบ หรือ ทอด ก็ได้
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • ซ๊อสก๋วยเตี๋ยวแห้ง หรือ ซ๊อสหมี่คลุก สำหรับ 20 จาน
    น้ำมันกระเทียมเจียว150
    น้ำมันหอย 500
    ซอสพริก 300
    น้าตาล150
    ฝาเขียว100
    ซีอิ่วดำ100
    พริกไทย 1 ช้อน
    เครื่องต้มเตี๋ยว1ห่อ
    น้ำส้มสายชู 100
    น้ำ 500
    พริกป่น 100
    ชูรส 2 ช้อน
    ซ๊อสก๋วยเตี๋ยวแห้ง หรือ ซ๊อสหมี่คลุก สำหรับ 20 จาน น้ำมันกระเทียมเจียว150 น้ำมันหอย 500 ซอสพริก 300 น้าตาล150 ฝาเขียว100 ซีอิ่วดำ100 พริกไทย 1 ช้อน เครื่องต้มเตี๋ยว1ห่อ น้ำส้มสายชู 100 น้ำ 500 พริกป่น 100 ชูรส 2 ช้อน
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • โอเมก้า-3 เดินทางจากจานอาหาร…สู่สมอง ลำไส้ และยีนของคุณ

    โอเมก้า-3 อาจเริ่มต้นจากจานปลาย่างในมือคุณ หรือเมล็ดแฟลกซ์เล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในข้าวต้มตอนเช้า

    แต่มันไม่ได้หยุดแค่ที่ลำไส้

    เมื่อคุณเคี้ยวกลืน และดูดซึม…โอเมก้า-3 จะออกเดินทางอย่างเงียบงาม

    ไปจนถึงเยื่อหุ้มเซลล์ของหัวใจ

    ไปจนถึงตับที่ผลิตไขมัน
    และแม้แต่สมองที่คุณใช้คิด พูด ร้องไห้ และให้อภัย

    โอเมก้า-3 จึงไม่ใช่ “สารอาหารเฉพาะทาง”…

    แต่มันคือผู้ประสานความสัมพันธ์ของอวัยวะทั้งร่างกายให้กลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง

    กลไกเชิงลึก: เส้นทางของโอเมก้า-3 ในร่างกาย

    1. จากปลา…สู่สมอง

    โอเมก้า-3 โดยเฉพาะ DHA เป็นกรดไขมันหลักใน เยื่อหุ้มเซลล์สมองและตา

    ช่วยเสริมความยืดหยุ่นของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท → การส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ดีขึ้น

    ลดการอักเสบในสมองผ่านการยับยั้ง MAPK และ NF-κB

    มีผลต่อ PPARγ และกระตุ้นการตายของเซลล์ผิดปกติ (apoptosis) ในเซลล์มะเร็ง

    โอเมก้า-3 จึงทั้ง “ปกป้อง” สมอง และ “คัดแยก” เซลล์ที่ไม่ควรอยู่

    2. 🍽 จากจานอาหาร…สู่ระบบย่อยและลำไส้

    เมื่อเรารับประทานโอเมก้า-3 → ร่างกายดูดซึมผ่าน ลำไส้เล็ก

    จากนั้นเข้าสู่กระแสเลือดผ่านระบบหลอดเลือด (vasculature) → ส่งไปยังอวัยวะต่างๆ

    โอเมก้า-3 ที่ไปถึงลำไส้ใหญ่ → เปลี่ยนแปลงสมดุลของจุลินทรีย์

    เพิ่มแบคทีเรียที่ผลิต butyrate และ SCFAs

    ลดเชื้อร้าย เช่น E. coli, S. aureus, Pseudomonas

    โอเมก้า-3 เหมือนผู้ดูแลชุมชนจุลินทรีย์ในลำไส้...ให้สงบ ไม่ก่อไฟอักเสบเรื้อรัง

    3. จากลำไส้…สู่หลอดเลือด

    โอเมก้า-3 ลดการแข็งตัวของเลือด, ลดความหนืด

    เสริมความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือด → ความดันโลหิตลดลง

    ลดสารกระตุ้นการอักเสบ เช่น LTB₄ และ TXA₂

    4. จากเซลล์ลำไส้…สู่ตับและยีน

    ตับคือจุดศูนย์กลางของการเผาผลาญไขมัน

    โอเมก้า-3 ปรับสมดุล omega-3:omega-6 ratio → ลดไขมันสะสมในตับ (NAFLD)

    กระตุ้น PPARα และ PPARγ → ควบคุมการเผาผลาญและลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน

    ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วนจากอาหารไขมันสูง

    นี่ไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก…แต่คือการเปลี่ยน “สภาวะยีน” ของตับให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง

    🍽 เมนูอบอุ่นที่ส่งโอเมก้า-3 ไปถึงหัวใจของคุณ

    ปลาทะเล (ย่างพริกไทยดำ, ต้มส้ม, ปลาทูต้มเค็มใส่กระเทียม)

    แฟลกซ์ซีดบดผสมน้ำมะนาว/น้ำผึ้ง

    ไข่ไก่โอเมก้า-3

    ข้าวยำใส่ปลาทู + เมล็ดเจียเล็กน้อย

    คำแนะนำการใช้

    หากรับประทานโอเมก้า-3จากปลา

    แนะนำอย่างน้อย 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อให้ได้ DHA และ EPA อย่างพอเพียง
    (ปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน ปลาทู ปลาซาร์ดีน เป็นแหล่งดี)

    หากรับประทานในรูปแบบน้ำมันปลา (เสริม)

    เริ่มจาก 1000–2000 มก./วัน (รวม EPA + DHA)
    และควรเลือกแบบ Triglyceride form หรือจากปลาเล็ก เพื่อความปลอดภัยและดูดซึมได้ดี

    โอเมก้า-3 จากพืช (ALA) เช่น เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย

    สามารถใช้เสริมได้ แต่ควรกินเป็นประจำ และอาจไม่เพียงพอหากต้องการผลลึกด้านสมองหรือภูมิคุ้มกัน

    ข้อควรระวัง

    ผู้ที่ใช้ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin, aspirin ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

    เพราะโอเมก้า-3 มีฤทธิ์ทำให้เลือดไหลลื่นขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงเลือดออก

    ผู้ที่มี โรคตับรุนแรง, โรคแพ้อาหารทะเล, หรือใช้ยาเบาหวานบางชนิด ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ก่อนเริ่มเสริมโอเมก้า-3

    หากมีภาวะ ภูมิคุ้มกันต่ำ, ลำไส้แปรปรวนรุนแรง, หรือเคยมีปัญหาแพ้น้ำมันปลา

    ควรเริ่มจากปริมาณน้อย และเลือกแหล่งที่บริสุทธิ์ ผ่านการตรวจโลหะหนัก

    คำถามชวนคิด

    Q: ถ้าไม่กินปลาเลย ควรทำอย่างไร?

    A: ใช้แฟลกซ์ซีดบด + เมล็ดเจีย + น้ำมันงาขี้ม่อน (ALA) ร่วมกับ DHA จากสาหร่าย

    Q: หากเป็นเบาหวานหรือ NAFLD แล้ว จะช่วยจริงไหม?

    A: งานวิจัยนี้ระบุว่าโอเมก้า-3 ช่วยลดการอักเสบของตับและลำไส้ และลดภาวะดื้อต่ออินซูลินได้

    สมุนไพรที่เสริมกลไกนี้

    ขมิ้นชัน → ช่วยลดการอักเสบในลำไส้และตับผ่าน NF-κB

    กระเทียม → เสริมภูมิคุ้มกันในลำไส้

    ใบหม่อน → ปรับสมดุลจุลินทรีย์ และลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน

    พริกไทยดำ → เสริมการดูดซึมโอเมก้า-3 และสารอื่นๆ

    ปลอบโยนหัวใจ

    ร่างกายของคุณมีทางเชื่อมลับ ๆ มากมาย
    ที่สมองพูดคุยกับลำไส้

    ที่ตับส่งสัญญาณถึงหลอดเลือด
    และที่จุลินทรีย์นับล้านกำลังตัดสินว่าคุณจะอักเสบหรือหายดีในวันนี้หรือไม่

    โอเมก้า-3 จึงไม่ใช่แค่ไขมันชนิดหนึ่ง

    แต่มันคือ “สะพานเชื่อมระหว่างอวัยวะ…ด้วยความสงบ”

    ขอให้คุณใช้มื้ออาหารเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟู

    และให้โอเมก้า-3 พาคุณกลับไปหาความสงบในแบบที่คุณเคยลืมไปนานแล้ว

    คำเตือน

    บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อการศึกษาเชิงกลไกทางชีวภาพเท่านั้น
    ไม่ได้มีเจตนาให้ใช้แทนการรักษา หรือคำแนะนำทางการแพทย์

    ผู้ที่มีโรคตับ โรคเบาหวาน หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
    ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้โอเมก้า-3 หรือสมุนไพรเสริมใดๆ

    อ้างอิง

    Fu Y, Wang Y, Zhang Y, et al. (2021). Associations among Dietary Omega‐3 Polyunsaturated Fatty Acids, the Gut Microbiota, and Intestinal Immunity. Mediators of Inflammation, 2021, Article ID 8879227. https://doi.org/10.1155/2021/8879227
    🌿 โอเมก้า-3 เดินทางจากจานอาหาร…สู่สมอง ลำไส้ และยีนของคุณ โอเมก้า-3 อาจเริ่มต้นจากจานปลาย่างในมือคุณ หรือเมล็ดแฟลกซ์เล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในข้าวต้มตอนเช้า แต่มันไม่ได้หยุดแค่ที่ลำไส้ เมื่อคุณเคี้ยวกลืน และดูดซึม…โอเมก้า-3 จะออกเดินทางอย่างเงียบงาม ไปจนถึงเยื่อหุ้มเซลล์ของหัวใจ ไปจนถึงตับที่ผลิตไขมัน และแม้แต่สมองที่คุณใช้คิด พูด ร้องไห้ และให้อภัย โอเมก้า-3 จึงไม่ใช่ “สารอาหารเฉพาะทาง”… แต่มันคือผู้ประสานความสัมพันธ์ของอวัยวะทั้งร่างกายให้กลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง 🔬 กลไกเชิงลึก: เส้นทางของโอเมก้า-3 ในร่างกาย 1. 🧠 จากปลา…สู่สมอง โอเมก้า-3 โดยเฉพาะ DHA เป็นกรดไขมันหลักใน เยื่อหุ้มเซลล์สมองและตา ช่วยเสริมความยืดหยุ่นของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท → การส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ดีขึ้น ลดการอักเสบในสมองผ่านการยับยั้ง MAPK และ NF-κB มีผลต่อ PPARγ และกระตุ้นการตายของเซลล์ผิดปกติ (apoptosis) ในเซลล์มะเร็ง 🧠 โอเมก้า-3 จึงทั้ง “ปกป้อง” สมอง และ “คัดแยก” เซลล์ที่ไม่ควรอยู่ 2. 🍽 จากจานอาหาร…สู่ระบบย่อยและลำไส้ เมื่อเรารับประทานโอเมก้า-3 → ร่างกายดูดซึมผ่าน ลำไส้เล็ก จากนั้นเข้าสู่กระแสเลือดผ่านระบบหลอดเลือด (vasculature) → ส่งไปยังอวัยวะต่างๆ โอเมก้า-3 ที่ไปถึงลำไส้ใหญ่ → เปลี่ยนแปลงสมดุลของจุลินทรีย์ เพิ่มแบคทีเรียที่ผลิต butyrate และ SCFAs ลดเชื้อร้าย เช่น E. coli, S. aureus, Pseudomonas 🧠 โอเมก้า-3 เหมือนผู้ดูแลชุมชนจุลินทรีย์ในลำไส้...ให้สงบ ไม่ก่อไฟอักเสบเรื้อรัง 3. 🫀 จากลำไส้…สู่หลอดเลือด โอเมก้า-3 ลดการแข็งตัวของเลือด, ลดความหนืด เสริมความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือด → ความดันโลหิตลดลง ลดสารกระตุ้นการอักเสบ เช่น LTB₄ และ TXA₂ 4. 🧬 จากเซลล์ลำไส้…สู่ตับและยีน ตับคือจุดศูนย์กลางของการเผาผลาญไขมัน โอเมก้า-3 ปรับสมดุล omega-3:omega-6 ratio → ลดไขมันสะสมในตับ (NAFLD) กระตุ้น PPARα และ PPARγ → ควบคุมการเผาผลาญและลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วนจากอาหารไขมันสูง 🧠 นี่ไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก…แต่คือการเปลี่ยน “สภาวะยีน” ของตับให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง 🍽 เมนูอบอุ่นที่ส่งโอเมก้า-3 ไปถึงหัวใจของคุณ ปลาทะเล (ย่างพริกไทยดำ, ต้มส้ม, ปลาทูต้มเค็มใส่กระเทียม) แฟลกซ์ซีดบดผสมน้ำมะนาว/น้ำผึ้ง ไข่ไก่โอเมก้า-3 ข้าวยำใส่ปลาทู + เมล็ดเจียเล็กน้อย 🧭 คำแนะนำการใช้ หากรับประทานโอเมก้า-3จากปลา แนะนำอย่างน้อย 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อให้ได้ DHA และ EPA อย่างพอเพียง (ปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน ปลาทู ปลาซาร์ดีน เป็นแหล่งดี) หากรับประทานในรูปแบบน้ำมันปลา (เสริม) เริ่มจาก 1000–2000 มก./วัน (รวม EPA + DHA) และควรเลือกแบบ Triglyceride form หรือจากปลาเล็ก เพื่อความปลอดภัยและดูดซึมได้ดี โอเมก้า-3 จากพืช (ALA) เช่น เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย สามารถใช้เสริมได้ แต่ควรกินเป็นประจำ และอาจไม่เพียงพอหากต้องการผลลึกด้านสมองหรือภูมิคุ้มกัน ❗ ข้อควรระวัง ผู้ที่ใช้ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin, aspirin ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะโอเมก้า-3 มีฤทธิ์ทำให้เลือดไหลลื่นขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงเลือดออก ผู้ที่มี โรคตับรุนแรง, โรคแพ้อาหารทะเล, หรือใช้ยาเบาหวานบางชนิด ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ก่อนเริ่มเสริมโอเมก้า-3 หากมีภาวะ ภูมิคุ้มกันต่ำ, ลำไส้แปรปรวนรุนแรง, หรือเคยมีปัญหาแพ้น้ำมันปลา ควรเริ่มจากปริมาณน้อย และเลือกแหล่งที่บริสุทธิ์ ผ่านการตรวจโลหะหนัก ❓ คำถามชวนคิด Q: ถ้าไม่กินปลาเลย ควรทำอย่างไร? A: ใช้แฟลกซ์ซีดบด + เมล็ดเจีย + น้ำมันงาขี้ม่อน (ALA) ร่วมกับ DHA จากสาหร่าย Q: หากเป็นเบาหวานหรือ NAFLD แล้ว จะช่วยจริงไหม? A: งานวิจัยนี้ระบุว่าโอเมก้า-3 ช่วยลดการอักเสบของตับและลำไส้ และลดภาวะดื้อต่ออินซูลินได้ 🌿 สมุนไพรที่เสริมกลไกนี้ ขมิ้นชัน → ช่วยลดการอักเสบในลำไส้และตับผ่าน NF-κB กระเทียม → เสริมภูมิคุ้มกันในลำไส้ ใบหม่อน → ปรับสมดุลจุลินทรีย์ และลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน พริกไทยดำ → เสริมการดูดซึมโอเมก้า-3 และสารอื่นๆ 🤍 ปลอบโยนหัวใจ ร่างกายของคุณมีทางเชื่อมลับ ๆ มากมาย ที่สมองพูดคุยกับลำไส้ ที่ตับส่งสัญญาณถึงหลอดเลือด และที่จุลินทรีย์นับล้านกำลังตัดสินว่าคุณจะอักเสบหรือหายดีในวันนี้หรือไม่ โอเมก้า-3 จึงไม่ใช่แค่ไขมันชนิดหนึ่ง แต่มันคือ “สะพานเชื่อมระหว่างอวัยวะ…ด้วยความสงบ” ขอให้คุณใช้มื้ออาหารเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟู และให้โอเมก้า-3 พาคุณกลับไปหาความสงบในแบบที่คุณเคยลืมไปนานแล้ว 🌿 ⚠️ คำเตือน บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อการศึกษาเชิงกลไกทางชีวภาพเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้ใช้แทนการรักษา หรือคำแนะนำทางการแพทย์ ผู้ที่มีโรคตับ โรคเบาหวาน หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้โอเมก้า-3 หรือสมุนไพรเสริมใดๆ 📚 อ้างอิง Fu Y, Wang Y, Zhang Y, et al. (2021). Associations among Dietary Omega‐3 Polyunsaturated Fatty Acids, the Gut Microbiota, and Intestinal Immunity. Mediators of Inflammation, 2021, Article ID 8879227. https://doi.org/10.1155/2021/8879227
    0 Comments 0 Shares 782 Views 0 Reviews
  • เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #หั่นมันม่วง #หั่นหน่อไม้ #มันม่วง
    - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย
    - สามารถปรับความหนาบางได้
    - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล
    - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม
    - มีความปลอดภัยในการใช้
    กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง
    มอเตอร์ 1 แรงม้า
    ไฟบ้าน 220V
    รับประกันสินค้า 1 ปี
    ราคา 35,000 บาท
    จากปกติ 43,000 บาท จ้า
    สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com
    #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่
    #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้ #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย #ขนมไข่เต่า
    เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #หั่นมันม่วง #หั่นหน่อไม้ #มันม่วง - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย - สามารถปรับความหนาบางได้ - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม - มีความปลอดภัยในการใช้ 📌 กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง 📌 มอเตอร์ 1 แรงม้า 📌 ไฟบ้าน 220V 📌 รับประกันสินค้า 1 ปี ราคา 35,000 บาท จากปกติ 43,000 บาท จ้า สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่ #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้ #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย #ขนมไข่เต่า
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 875 Views 0 Reviews
  • “แพทองธาร” เปิด รร.โรสวูด ดินเนอร์หัวหน้าพรรคร่วมฯ ติวเข้มเตรียมความพร้อมก่อนซักฟอก ไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวภายใน เผย เมนูเมนคอร์ส เป็ดปักกิ่ง ปลาหิมะ เนื้อวากิวย่างพริกไทยดำ หอยเป๋าฮื้อแอฟริกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027244
    “แพทองธาร” เปิด รร.โรสวูด ดินเนอร์หัวหน้าพรรคร่วมฯ ติวเข้มเตรียมความพร้อมก่อนซักฟอก ไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวภายใน เผย เมนูเมนคอร์ส เป็ดปักกิ่ง ปลาหิมะ เนื้อวากิวย่างพริกไทยดำ หอยเป๋าฮื้อแอฟริกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027244
    Like
    Haha
    Love
    7
    0 Comments 0 Shares 1150 Views 0 Reviews
  • บริษัท Texas Instruments (TI) เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกในชื่อ MSPM0C1104 ซึ่งมีขนาดเพียง 1.38 มม.² หรือเล็กเท่ากับเม็ดพริกไทยดำ และมาพร้อมราคาที่น่าทึ่งเพียง 20 เซนต์ ต่อชิ้นเมื่อสั่งซื้อจำนวนมาก

    คุณสมบัติที่น่าทึ่งของ MSPM0C1104:
    - หน่วยประมวลผล Cortex-M0+ 32 บิต ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด 24 MHz เหมาะสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในพื้นที่จำกัด
    - หน่วยความจำ SRAM 1KB และหน่วยความจำแบบแฟลชสูงสุด 16KB ทำให้ตอบสนองงานที่ต้องการการจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นได้ดี
    - มีฟังก์ชัน Analog-to-Digital Converter (ADC) ความละเอียด 12 บิตพร้อม 3 ช่องสัญญาณที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์
    - รองรับการเชื่อมต่อมาตรฐานต่าง ๆ เช่น UART, SPI, และ I2C เพื่อความยืดหยุ่นในการออกแบบอุปกรณ์

    ไมโครคอนโทรลเลอร์นี้มีความทนทานสูง โดยทำงานได้ในอุณหภูมิระหว่าง –40°C ถึง 125°C และยังมีความประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานเพียง 87μA/MHz ขณะทำงาน และเพียง 5μA ในโหมดสแตนด์บาย

    TI ชี้ให้เห็นว่า MSPM0C1104 เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เครื่องช่วยฟังทางการแพทย์ หรือ หูฟังไร้สาย ที่มีพื้นที่บอร์ดจำกัด การพัฒนานี้ยังช่วยให้อุปกรณ์เหล่านี้มีความฉลาดขึ้นและสามารถสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น

    ด้วยราคาที่เข้าถึงได้อย่างมาก (เพียง 20 เซนต์ในปริมาณมาก) อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาดไมโครคอนโทรลเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ IoT และผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/the-worlds-smallest-microcontroller-measures-just-1-38-mm2-and-costs-20-cents
    บริษัท Texas Instruments (TI) เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกในชื่อ MSPM0C1104 ซึ่งมีขนาดเพียง 1.38 มม.² หรือเล็กเท่ากับเม็ดพริกไทยดำ และมาพร้อมราคาที่น่าทึ่งเพียง 20 เซนต์ ต่อชิ้นเมื่อสั่งซื้อจำนวนมาก คุณสมบัติที่น่าทึ่งของ MSPM0C1104: - หน่วยประมวลผล Cortex-M0+ 32 บิต ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด 24 MHz เหมาะสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในพื้นที่จำกัด - หน่วยความจำ SRAM 1KB และหน่วยความจำแบบแฟลชสูงสุด 16KB ทำให้ตอบสนองงานที่ต้องการการจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นได้ดี - มีฟังก์ชัน Analog-to-Digital Converter (ADC) ความละเอียด 12 บิตพร้อม 3 ช่องสัญญาณที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ - รองรับการเชื่อมต่อมาตรฐานต่าง ๆ เช่น UART, SPI, และ I2C เพื่อความยืดหยุ่นในการออกแบบอุปกรณ์ ไมโครคอนโทรลเลอร์นี้มีความทนทานสูง โดยทำงานได้ในอุณหภูมิระหว่าง –40°C ถึง 125°C และยังมีความประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานเพียง 87μA/MHz ขณะทำงาน และเพียง 5μA ในโหมดสแตนด์บาย TI ชี้ให้เห็นว่า MSPM0C1104 เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เครื่องช่วยฟังทางการแพทย์ หรือ หูฟังไร้สาย ที่มีพื้นที่บอร์ดจำกัด การพัฒนานี้ยังช่วยให้อุปกรณ์เหล่านี้มีความฉลาดขึ้นและสามารถสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น ด้วยราคาที่เข้าถึงได้อย่างมาก (เพียง 20 เซนต์ในปริมาณมาก) อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาดไมโครคอนโทรลเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ IoT และผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต https://www.tomshardware.com/tech-industry/the-worlds-smallest-microcontroller-measures-just-1-38-mm2-and-costs-20-cents
    0 Comments 0 Shares 335 Views 0 Reviews
  • เครื่องบดแห้ง (PULVERIZER) บดพริกแห้งเม็ดใหญ่ ความละเอียด 2 มม.
    #พริกป่น #บดพริกแห้ง
    เครื่องบดผง สแตนเลส "BONNY" บดหยาบ บดละเอียดได้ตามต้องการ
    โดยปรับเปลี่ยนแผ่นตะแกรงภายในตัวเครื่อง
    ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย บดได้หลาก เช่น ข้าวสาร ถั่ว เม็ดข้าวโพด ธัญพืชต่างๆ ใบชา พริกไทย สมุนไพร นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยา สมุนไพร เคมี เครื่องสำอาง ยิปซั่ม ปูนซีเมนต์ เครื่องเทศ ถ่านหิน แร่ เป็นต้o

    ลักษณะพิเศษ เปลี่ยนฟันตี เฉพาะฟันได้ แตกต่างจากเครื่องบดแห้งทั่วไป เมื่อเกิดความเสียหาย เช่นฟันตีหักจะต้องเปลี่ยนจานฟันตีใหม่ทั้งหมด แต่เครื่องBONNY สามารถเปลี่ยนเฉพาะฟันตีที่หัก
    จึงช่วยท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ได้มากกว่า
    เครื่องได้มาตรฐานยุโรปCE รองรับมาตรฐาน GMP, HACCP
    เหมาะใช้ในงานวิจัย โรงงาน หรือในครัวเรือน

    Model : YWF-10B-6P-JCXT-S
    Capacity : 5-30 KG./H.
    Power : 3 HP , 380V
    Speed : 4,500 RPM
    Dimensions : 64x45x142 cm.
    Weight : 100 KG

    สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #สไลด์ชาบู #สไลซ์เนื้อแช่แข็ง #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดพริกคั่ว #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง #บดพริกป่น #บดพริกผง
    เครื่องบดแห้ง (PULVERIZER) บดพริกแห้งเม็ดใหญ่ ความละเอียด 2 มม. #พริกป่น #บดพริกแห้ง เครื่องบดผง สแตนเลส "BONNY" บดหยาบ บดละเอียดได้ตามต้องการ โดยปรับเปลี่ยนแผ่นตะแกรงภายในตัวเครื่อง ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย👍 บดได้หลาก เช่น ข้าวสาร ถั่ว เม็ดข้าวโพด ธัญพืชต่างๆ ใบชา พริกไทย สมุนไพร นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยา สมุนไพร เคมี เครื่องสำอาง ยิปซั่ม ปูนซีเมนต์ เครื่องเทศ ถ่านหิน แร่ เป็นต้o ลักษณะพิเศษ เปลี่ยนฟันตี เฉพาะฟันได้ แตกต่างจากเครื่องบดแห้งทั่วไป เมื่อเกิดความเสียหาย เช่นฟันตีหักจะต้องเปลี่ยนจานฟันตีใหม่ทั้งหมด แต่เครื่องBONNY สามารถเปลี่ยนเฉพาะฟันตีที่หัก จึงช่วยท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ได้มากกว่า เครื่องได้มาตรฐานยุโรปCE รองรับมาตรฐาน GMP, HACCP เหมาะใช้ในงานวิจัย โรงงาน หรือในครัวเรือน Model : YWF-10B-6P-JCXT-S Capacity : 5-30 KG./H. Power : 3 HP , 380V Speed : 4,500 RPM Dimensions : 64x45x142 cm. Weight : 100 KG สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #สไลด์ชาบู #สไลซ์เนื้อแช่แข็ง #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดพริกคั่ว #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง #บดพริกป่น #บดพริกผง
    0 Comments 0 Shares 2096 Views 4 0 Reviews
  • ไข่ลูกเขย ไ่ต้มขมิ้น หมูผัดพริกไทยดำ
    ไข่ลูกเขย ไ่ต้มขมิ้น หมูผัดพริกไทยดำ
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • ล้างพิษจากวัคซีน mRNA ที่ฉีดไปแล้ว
    เพื่อ บรรเทาภาวะอักเสบในร่างกาย ทำได้โดย

    1. กินอาหารมังสวิรัติ ลดแป้งไม่ทานขนมหวาน
    2. ออกกำลังกาย ด้วย การเดินตั้งแต่ 4500 - 10,000 ก้าว
    3. ตากแดดอ่อนๆ ได้วิตามินดี และ เมลาโทนิน(นอนหลับ..สบาย)
    4. สมุนไพรไทย ขิง ข่า ตะไคร้ ขมิ้น โหระพา พริกไทยดำ และอื่นๆ


    สรุป การล้างพิษทำได้ด้วยตนเอง ไม่เสียเงิน

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    ล้างพิษจากวัคซีน mRNA ที่ฉีดไปแล้ว เพื่อ บรรเทาภาวะอักเสบในร่างกาย ทำได้โดย 1. กินอาหารมังสวิรัติ ลดแป้งไม่ทานขนมหวาน 2. ออกกำลังกาย ด้วย การเดินตั้งแต่ 4500 - 10,000 ก้าว 3. ตากแดดอ่อนๆ ได้วิตามินดี และ เมลาโทนิน(นอนหลับ..สบาย) 4. สมุนไพรไทย ขิง ข่า ตะไคร้ ขมิ้น โหระพา พริกไทยดำ และอื่นๆ สรุป การล้างพิษทำได้ด้วยตนเอง ไม่เสียเงิน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1028 Views 0 Reviews
  • เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #ทดลองหั่นหน่อไม้ #หั่นหน่อไม้ #ขูดหน่อไม้
    - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย
    - สามารถปรับความหนาบางได้
    - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล
    - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม
    - มีความปลอดภัยในการใช้

    กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง
    มอเตอร์ 1 แรงม้า
    ไฟบ้าน 220V
    รับประกันสินค้า 1 ปี

    ราคา 35,000 บาท
    จากปกติ 43,000 บาท จ้า

    สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก
    #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา
    #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส
    #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด
    #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง
    #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่
    #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้
    #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย
    เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #ทดลองหั่นหน่อไม้ #หั่นหน่อไม้ #ขูดหน่อไม้ - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย - สามารถปรับความหนาบางได้ - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม - มีความปลอดภัยในการใช้ 📌 กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง 📌 มอเตอร์ 1 แรงม้า 📌 ไฟบ้าน 220V 📌 รับประกันสินค้า 1 ปี ราคา 35,000 บาท 😍😍😍 จากปกติ 43,000 บาท จ้า สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่ #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้ #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1822 Views 0 Reviews
  • DG เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาในรูปแบบแคปซูล ที่มีสารสกัดสมุนไพรซึ่งผ่านการพัฒนาโดยนาโนเทคโนโลยี เพิ่มความสามารถในการละลายน้ำของเคอร์คูมินจากขมิ้นชันได้มากถึง 40,000 เท่า ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีขึ้น
    DG ประกอบด้วยสารสกัดสมุนไพร ขมิ้นชัน ตังกุย อบเชย ขิง พริกไทยดำ และกะเพรา
    ช่วยบรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร ดูแลข้อและตับ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ป้องกันมะเร็ง และลดการอักเสบ
    รายละเอียดผลิตภัณฑ์ DG https://dg.t1team.com/
    DG เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาในรูปแบบแคปซูล ที่มีสารสกัดสมุนไพรซึ่งผ่านการพัฒนาโดยนาโนเทคโนโลยี เพิ่มความสามารถในการละลายน้ำของเคอร์คูมินจากขมิ้นชันได้มากถึง 40,000 เท่า ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีขึ้น DG ประกอบด้วยสารสกัดสมุนไพร ขมิ้นชัน ตังกุย อบเชย ขิง พริกไทยดำ และกะเพรา ช่วยบรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร ดูแลข้อและตับ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ป้องกันมะเร็ง และลดการอักเสบ รายละเอียดผลิตภัณฑ์ DG 👉 https://dg.t1team.com/
    0 Comments 0 Shares 815 Views 0 Reviews
  • DG เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาในรูปแบบแคปซูล ที่มีสารสกัดสมุนไพรซึ่งผ่านการพัฒนาโดยนาโนเทคโนโลยี เพิ่มความสามารถในการละลายน้ำของเคอร์คูมินจากขมิ้นชันได้มากถึง 40,000 เท่า ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีขึ้น
    DG ประกอบด้วยสารสกัดสมุนไพร ขมิ้นชัน ตังกุย อบเชย ขิง พริกไทยดำ และกะเพรา
    ช่วยบรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร ดูแลข้อและตับ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ป้องกันมะเร็ง และลดการอักเสบ
    รายละเอียดผลิตภัณฑ์ DG https://dg.t1team.com/
    DG เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาในรูปแบบแคปซูล ที่มีสารสกัดสมุนไพรซึ่งผ่านการพัฒนาโดยนาโนเทคโนโลยี เพิ่มความสามารถในการละลายน้ำของเคอร์คูมินจากขมิ้นชันได้มากถึง 40,000 เท่า ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีขึ้น DG ประกอบด้วยสารสกัดสมุนไพร ขมิ้นชัน ตังกุย อบเชย ขิง พริกไทยดำ และกะเพรา ช่วยบรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร ดูแลข้อและตับ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ป้องกันมะเร็ง และลดการอักเสบ รายละเอียดผลิตภัณฑ์ DG 👉 https://dg.t1team.com/
    0 Comments 0 Shares 794 Views 0 Reviews
  • #การอักเสบ

    ส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมด้านสุขภาพของคุณได้อย่างไร

    การอักเสบควบคุมชีวิตของเรา ถ้าคุณหรือคนที่คุณรักกำลังต่อสู้กับอาการปวด โรคอ้วน โรคสมาธิสั้น ปลายประสาทอักเสบ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไมเกรน ปัญหาต่อมไทรอยด์ ปัญหาทางทันตกรรมหรือโรคมะเร็ง

    น่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่กำลังทุกข์ทรมานจากหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งของความผิดปกติเหล่านี้ แต่ไม่มีแนวความคิดหรือวิธีการที่จะกำจัดการอักเสบ แพทย์ส่วนใหญ่ใช้ยาแทนการมุ่งเป้าไปที่ต้นตอของสาเหตุ

    มันมักจะดูเหมือนว่า..มันเป็นเรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่งเมื่อตระหนักว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการอักเสบเริ่มต้นในลำไส้จากปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันซึ่งจะดำเนินการอักเสบไปยังระบบต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการจัดการอย่างแท้จริงและหวังว่าจะเอาชนะโรค

    การมองให้ลึกถึงขั้นตอนแห่งการเริ่มต้นเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุด

    ....การอักเสบเริ่มต้นที่ใด.....

    ลำไส้ของคุณประกอบขึ้นด้วยเยื่อบุกึ่งซึมผ่านที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ พื้นที่ผิวของลำไส้ของคุณสามารถครอบคลุมพื้นที่เท่ากับสนามเทนนิส 2 สนามเมื่อแผ่ออกให้แบน

    ระดับของการซึมผ่านผันผวนตามการตอบสนองต่อความหลากหลายของสภาพสารเคมี... ตัวอย่างเช่นเมื่อฮอร์โมน cortisol สูงขึ้นเนื่องจากความเครียดจากการโต้แย้งหรือระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ของคุณเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการเผาผลาญน้ำมันในตอนเที่ยงคืน เยื่อบุลำไส้ของคุณจะซึมผ่านได้มากขึ้น ณ เวลานั้น ๆ

    จากนั้นเมื่อกินอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้บางส่วน อาหารที่มีสารพิษ... ไวรัส ยีสต์และแบคทีเรียก็มีโอกาสที่จะผ่านลำไส้และการเข้าไปยังกระแสเลือด..สิ่งนี้รู้จักกันว่าเป็นกลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่วหรือ leaky gut syndrome (LGS)

    เมื่อเยื่อบุลำไส้ได้รับความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซลล์ที่เสียหายเรียกกันว่า microvilli จะไม่สามารถทำงานของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง พวกเขาไม่สามารถดำเนินการและใช้ประโยชน์จากสารอาหารและเอนไซม์ที่มีความสำคัญในการย่อยอาหารที่เหมาะสม ในท้ายที่สุดการย่อยอาหารและการดูดซึมของสารอาหารจะลดลง นี่คือผลกระทบในเชิงลบ เมื่อเยื่อบุลำไส้ของคุณสัมผัสกับสิ่งที่กล่าวมามากขึ้น..ร่างกายของคุณก็เริ่มต้นการถูกโจมตีจากผู้รุกรานเหล่านี้ และร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบที่ก่อให้เกิด ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอีกมากมาย

    ดังนั้นคุณอาจจะถามว่า : การอักเสบเป็นอันตรายได้อย่างไรและเกิดอาการแพ้อย่างต่อเนื่องหรือไม่

    มันอาจฟังดูเหมือนว่าค่อนข้างจะไม่อันตรายสักเท่าไหร่..แต่สถานการณ์นี้สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงและบั่นทอนได้อีกมากมาย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของคุณจะมีภาระมากเกินไป การอักเสบเหล่านี้จะเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องผ่านทางเลือดของคุณที่พวกเขาสามารถส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท อวัยวะ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ข้อต่อและกล้ามเนื้อ

    การอักเสบก่ออาการของโรคอื่นๆ

    การปรากฏตัวของการอักเสบเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคส่วนใหญ่ มันมักจะเกิดขึ้นมานานหลายปีก่อนที่มันจะอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนหรือมีนัยสำคัญทางคลินิก

    รายการต่อไปนี้มีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบเสมอ

    โรคภูมิแพ้----ภูมิคุ้มกัน 4 ประเภท + ความไว..ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการอักเสบ

    อัลไซม์เมอร์----การอักเสบเรื้อรังทำลายเซลล์สมอง

    โรคโลหิตจาง---- cytokinesที่กระตุ้นการอักเสบโจมตีการผลิต erythropoietin

    Ankylosing Spondylitis (โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด)----cytokines ที่กระตุ้นการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองในข้อต่างๆ

    หอบหืด---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานให้ตอบสนองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ

    ออทิสติก---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานที่ผิดปกติเข้าไปควบคุมการพัฒนาสมองซีกขวา

    โรคข้ออักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำลายกระดูกอ่อนและของเหลว synovial

    Carpal Tunnel Syndrome (โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ) เกิดจากการอักเสบเรื้อรังในความเครียดของกล้ามเนื้อที่มากเกินไปทำให้เส้นเอ็นแขนหดตัวและข้อมือบีบอัดเส้นประสาท

    Celiac Chronic (โรคแพ้กลูเตน)----ภูมิคุ้มกันจัดการกับความเสียหายและก่อให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุลำไส้

    โรค Crohn ----โรคเรื้อรังจากระบบภูมิคุ้มกันเกิดความเสียหายและเกิดการอักเสบเยื่อบุลำไส้

    หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดการเสียหายต่อกล้ามเนื้อหัวใจ

    กลาก สิวเอ็กซิม่า----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับกำจัดสารพิษได้ไม่ดีและมักจะเกิดจากแอนติบอดีต่อสู้กับ Transglutaminase-3

    Fibromyalgia (ปวดทั่วสรรพางค์กาย)---- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอักเสบ เกิดจากความเป็นกรดของร่างกายที่ยินยอมให้จุลชีพฝั่งเลวเข้าเล่นงานเนื้อเยื่ออ่อนและมาจากความไม่สมดุลทางโภชนาการและระบบประสาทรอง

    โรคปอดอักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเข้าโจมตีเนื้อเยื่อที่บอบช้ำ

    โรคถุงน้ำดี----การอักเสบของท่อน้ำดีหรือคอเลสเตอรอลส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองต่อการอักเสบในลำไส้

    โรคกรดไหลย้อน----การอักเสบของหลอดอาหารและระบบทางเดินอาหารเกือบตลอดเวลา ความไวต่ออาหารและค่า pH เป็นตัวขับเคลื่อน

    โรคจีบีเอส โรคกิลแลงบาร์เร GBS Guillain-Barre syndrome ภูมิคุ้มกันอัตโนมัติเข้าโจมตีระบบประสาทมักจะเกิดโดยการตอบสนองของ autoimmune ต่อความเครียดภายนอกเช่นการฉีดวัคซีน

    Hashimoto's Thyroiditis (ต่อมไทรอยด์อักเสบ)----ภูมิคุ้มกันเกิดปฏิกิริยาในลำไส้โดยเรียกแอนติบอดีมาต่อต้านเอนไซม์และของต่อมไทรอยด์และโปรตีน

    หัวใจวาย----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ

    ไตวาย----cytokines ที่ก่อการอักเสบจำกัด การไหลเวียนและก่อความเสียหายต่อ nephrons และท่อไต

    โรคลูปัส พุ่มพวง SLE---- cytokines ที่ก่ออักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

    โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง Multiple Sclerosis ----cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลิน myelin

    โรคระบบประสาท---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลินและหลอดเลือดและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งทำให้ระคายเคืองเส้นประสาท

    ตับอ่อนอักเสบ---- cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ตับอ่อน

    โรคสะเก็ดเงิน Psoriasis ----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับล้างพิษได้ไม่เต็มความสามารถ

    ปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนเหตุอักเสบเรื้อรัง Polymyalgia rheumatic PMR ----cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

    โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับข้อต่อ

    โรคหนังแข็ง scleroderma---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

    โรคหลอดเลือดสมอง----การอักเสบเรื้อรังส่งเสริมให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน

    ทำไมการอักเสบจะต้องอยู่ที่รากเหง้าของปัญหา

    ความจริงที่ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณขับเคลื่อนกระบวนการอักเสบในโรคต่างๆเป็นที่ยอมรับกันมานาน แต่น่าเสียดายที่การแพทย์ตะวันตกมีคำตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการจัดการหรือการเอาชนะกระบวนการของภูมิต้านทานน้อยเกินไป

    วิธีการโดยทั่วไปในการรักษาคือการปราบปรามการตอบสนองของภูมิคุ้มกันด้วยยาปราบภูมิคุ้มกันหรือบางครั้งก็สเตียรอยด์ วิธีการทั้งสองได้รับการออกแบบเพื่อลดการอักเสบ แต่ไม่ได้หยุดกระบวนการของโรคประจำตัวหรือช่วยให้เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการกู้คืน

    ถ้าคุณปิดกั้นสาเหตุที่แท้จริงของการก่อโรค (การอักเสบ) ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการหยุดการทำลายเซลล์ทุกเซลล์ของร่างกายและปล่อยให้ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ใหม่ที่ไม่ก่อการอักเสบ

    การเชื่อมโยงระหว่างการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้และโรคทั้งหลายที่มาจากการอักเสบ

    คำว่าการอักเสบมักจะไม่ค่อยทำให้ใครหลายคนนึกเห็นภาพที่ถูกต้องอย่างแท้จริงในใจของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะประสบกับมันจริงๆ จากนั้นก็จะเริ่มทำให้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ

    จะเห็นได้ว่าหลายโรคที่เกิดจากการอักเสบและสร้างความทุกข์ทรมาน มันมาจากลำไส้

    แต่การรักษาทั่วไปไม่นำเสนอประเด็นนี้.. Dr. Maios Hadjivassiliou แห่งอังกฤษ- ผู้ค้นพบกลูแตน-ได้รายงานใน The Lancet ว่า"ความไวต่อกลูแตนสามารถเป็นหลักในการวินิจฉัยเบื้องต้นและในบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคทางระบบประสาท" ซึ่งหมายความว่าคนที่ไวต่อกลูแตนจะมีปัญหากับการทำงานของสมองแม้จะไม่มีปัญหาระบบทางเดินอาหารแต่อย่างใด ดร. Hadjivassiliou แสดงให้เห็นว่าแอนติบอดี้จะเกิดขึ้นในร่างกายเมื่อพวกเขามีความไวต่อกลูแตนและสามารถส่งความเป็นพิษเข้าสู่สมองได้โดยตรง สำหรับสิ่งนี้การทดสอบพิเศษจึงถูกพัฒนาขึ้น

    ผู้เขียนอีกคนที่ตีพิมพ์ในฉบับล่าสุดของ Pediatrics กล่าวว่า "การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความแปรปรวนของความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นในโรคแพ้กลูแตนขยายวงกว้างกว่ารายงานที่มีก่อนหน้านี้และรวมถึงความผิดปกติของระบบประสาทรวมทั้งอาการปวดหัวเรื้อรัง พัฒนาการล่าช้า hypotonia(ความตึงตัวของกล้ามเนื้อต่ำ) และความผิดปกติของการเรียนรู้หรือ ADHD " เห็นได้ชัดว่าเราควรจะขยายเกณฑ์การประเมินของเราและบางทีความหมายของโรคเมื่อผู้ป่วยมีอาการไม่เหมาะสมกับการวินิจฉัยตามกรอบทางคลินิกทั่วไป

    วิธีการประเมินโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ

    เนื่องจากการอักเสบโดยทั่วไปผ่านมาจากลำไส้ซึ่งมันควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของตรรกะในขั้นตอนการประเมินผู้ป่วยใด ๆ

    มี 7 พื้นที่ที่ควรพิจารณาเพื่อมองไปที่ปัจจัยอันก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมสำหรับการอักเสบเรื้อรัง รายการด้านล่างนี้เป็นส่วนสำคัญในหมวดหมู่ของของอาหารและการประเมินอื่น ๆ :

    อาหาร: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลูแตน เคซีน อาหารแปรรูป น้ำตาล นม เห็ด ผลไม้หวานไขมันโอเมก้า 6 ไขมันทรานส์ อาหารจานด่วน

    ยา: Corticosteroids ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด สารแปลกปลอม(ผงปรุสรส สารให้ความหวานเทียม และอื่น ๆ )

    การติดเชื้อ: เช่น H-Pylori ยีสต์ หรือแบคทีเรียมากเกินขนาด ไวรัสหรือการติดเชื้อปรสิต

    ความเครียด :เพิ่มฮอร์โมน Cortisol และ catecholamines
    ฮอร์โมน : ไทรอยด์ โพรเจสเตอโรน เอสโตรเจน เทสโทสเทอโรน

    ระบบประสาท : สมองบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดสมอง ประสาทเสื่อม

    เมตาบอลิก: Glycosylated End Products (ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ก่อการอักเสบจากการเผาผลาญน้ำตาล) ลำไส้อักเสบ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    โรคจากการอักเสบและโรคภูมิต้านทาน

    ความจริงของสถานการณ์นี้ล้วนมาจากอาหาร-การซึมผ่านในลำไส้ที่มากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงว่าคุณจะสามารถจะรู้สึกได้หรือไม่มักจะเป็นสาเหตุสำคัญของการเติบโตของเงื่อนไขที่ก่อโรคต่าง ๆ รายการที่กล่าวมาด้านบน (อาหาร ยา การติดเชื้อ ความเครียดฮอร์โมน ระบบประสาทหรือการเผาผลาญ) สามารถทำลายการซึมผ่านของลำไส้ ก่อการอักเสบและสุดท้ายช่วยให้กลไกของลำไส้รั่วเริ่มต้น

    Autoimmunity (การไม่ตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อแอนติเจนของตนเอง) สามารถปรับเปลี่ยนได้และจะมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งรวมทั้งให้ชีวิตที่ดีขึ้นถ้าวิถีชีวิตเปลี่ยน

    มันเคยเชื่อกันว่า "รักษาไม่หาย" แต่มันไม่จริงด้วยความรู้ที่เปลี่ยนไป

    ดังนั้น ถ้าใครกำลังทนทุกข์ทรมานจากโรคที่กล่าวมาแล้ว แนะนำให้ระงับเหตุ ก่อนที่สารเคมีหรือยาใด ๆ ซึ่งไม่ใช่ส่วนประกอบของร่างกายตั้งแต่เริ่มต้นจะเล่นงานคุณ

    อาหารต้านการอักเสบที่ดี

    อาหาร เช่น ผลไม้ ผัก และเครื่องเทศ มีสารต้านการอักเสบและอาจช่วยลดการอักเสบได้ อาหารต้านการอักเสบที่ดีที่สุด ได้แก่:

    • เบอร์รี่

    • ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3

    • บรอกโคลี

    • อะโวคาโด

    • ชาเขียว

    • พริก

    • ขมิ้น

    • น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ

    • ช็อกโกแลตดำและโกโก้

    • มะเขือเทศ

    • เชอร์รี่

    เบอร์รี่

    เบอร์รี่เป็นผลไม้ขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ

    มีมากมายหลายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่พบมากที่สุด ได้แก่:

    • สตรอว์เบอร์รี่

    • บลูเบอร์รี่

    • ราสเบอร์รี

    • แบล็กเบอร์รี่

    เบอร์รี่

    มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแอนโธไซยานิน สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้

    บทวิจารณ์การวิจัยในปี 2018 แสดงให้เห็นว่าไฟโตเคมีคัลที่พบในผลเบอร์รี่อาจช่วยชะลอการพัฒนาและการลุกลามของมะเร็ง แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่ไฟโตเคมีคัลอาจเป็นประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันบำบัด

    ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ NK ตามธรรมชาติ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างถูกต้อง

    ในการศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่ง พบว่าผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินซึ่งกิน
    สตรอเบอร์รี่มีระดับของเครื่องหมายการอักเสบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน

    ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3

    ปลาที่มีไขมันเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและกรดไขมันโอเมก้า 3 สายยาว เช่น กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA)
    แม้ว่าปลาทุกชนิดจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 อยู่บ้าง แต่ปลาที่มีไขมันเหล่านี้ก็เป็นแหล่งที่ดีที่สุด:

    • ปลาแซลมอน

    • ปลาซาร์ดีน

    • ปลาแมกเคอเรล

    • ปลาสวาย

    EPA และ DHA ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น :

    • กลุ่มอาการเมตาบอลิก

    • โรคหัวใจ

    • โรคเบาหวาน

    • โรคไต

    ร่างกายของคุณเผาผลาญกรดไขมันเหล่านี้เป็นสารประกอบที่เรียกว่าเรโซลวินและโปรเทกติน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

    จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานปลาแซลมอนหรืออาหารเสริม EPA และ DHA มีปริมาณโปรตีนซีรีแอคทีฟ (CRP) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลง

    อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งรับประทาน EPA และ DHA ทุกวันไม่พบความแตกต่างในตัวบ่งชี้การอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก

    บร็อคโคลี

    บร็อคโคลีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    เป็นผักตระกูลกะหล่ำเช่นเดียวกับกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ และคะน้า

    การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานผักตระกูลกะหล่ำหลายชนิดมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและมะเร็งที่ลดลง
    ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับผลต้านการอักเสบของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักเหล่านั้น

    บร็อคโคลีอุดมไปด้วยซัลโฟราเฟน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดการอักเสบโดยลดระดับไซโตไคน์และแฟกเตอร์นิวเคลียร์แคปปาบี (NF-κB) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกายของคุณ

    อะโวคาโด

    มีโพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ยังมีแคโรทีนอยด์และโทโคฟีรอล ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคหัวใจที่ลดลง
    นอกจากนี้ สารประกอบชนิดหนึ่งในอะโวคาโดอาจช่วยลดการอักเสบในเซลล์ผิวหนังที่เพิ่งก่อตัวได้

    ในการศึกษาคุณภาพสูงครั้งหนึ่งซึ่งทำการศึกษากับผู้ใหญ่ 51 คนที่มีน้ำหนักเกิน พบว่าผู้ที่รับประทานอะโวคาโดเป็นเวลา 12 สัปดาห์มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบอย่างอินเตอร์ลิวคิน 1 เบตา (IL-1β) และซีอาร์พี ลดลง

    ชาเขียว

    งานวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคอ้วน และโรคอื่นๆ

    ประโยชน์หลายประการของชาเขียวมาจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ โดยเฉพาะสารที่เรียกว่า epigallocatechin-3-gallate (EGCG)

    EGCG ยับยั้งการอักเสบโดยลดการผลิตไซโตไคน์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อกรดไขมันในเซลล์ของคุณ

    พริก

    พริกหยวกและพริกชี้ฟ้าอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างทรงพลัง

    พริกหยวกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิตินซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน

    พริกมีกรดซินาปิกและกรดเฟอรูลิกซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบและช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้น

    ขมิ้น

    ขมิ้นเป็นเครื่องเทศที่มีรสชาติอบอุ่นและมีกลิ่นดิน มักใช้ในแกงและอาหารอื่นๆ

    ขมิ้นได้รับความสนใจมากเนื่องจากมีสารเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ

    การวิจัยแสดงให้เห็นว่าขมิ้นชันช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคอื่นๆ

    จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมรับประทานเคอร์คูมิน 1 กรัมต่อวันร่วมกับไพเพอรีนจากพริกไทยดำ พบว่าระดับซีอาร์พี ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

    การได้รับเคอร์คูมินจากขมิ้นเพียงอย่างเดียวอาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นผลชัดเจน การรับประทานอาหารเสริมที่มีเคอร์คูมินแยกเดี่ยวอาจมีประสิทธิภาพมากกว่ามาก

    อาหารเสริมเคอร์คูมินมักประกอบด้วยไพเพอรีน ซึ่งสามารถกระตุ้นการดูดซึมเคอร์คูมินได้ถึง 2,000%

    น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ

    น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดชนิดหนึ่งที่คุณสามารถรับประทานได้

    น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเป็นอาหารหลักในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย

    การศึกษาวิจัยแนะนำว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็งสมอง โรคอ้วน และปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ได้

    การวิจัยแนะนำว่าการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนและการเสริมด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษสามารถลดตัวบ่งชี้การอักเสบได้อย่างมาก

    ผลของโอเลโอแคนธัล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในน้ำมันมะกอก ได้รับการเปรียบเทียบกับยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน

    โปรดจำไว้ว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษมีประโยชน์ในการต้านการอักเสบมากกว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

    ช็อกโกแลตดำและโกโก้

    ช็อกโกแลตดำมีรสชาติอร่อย เข้มข้น และน่าพอใจ

    นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคและนำไปสู่การมีอายุยืนยาวขึ้น

    ฟลาโวนอลเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของช็อกโกแลต และช่วยให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดแดงแข็งแรง

    มะเขือเทศ

    มะเขือเทศเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    มะเขือเทศมีวิตามินซี โพแทสเซียม และไลโคปีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่น่าประทับใจ

    ไลโคปีนอาจมีประโยชน์อย่างยิ่งในการลดสารประกอบที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด

    การปรุงมะเขือเทศในน้ำมันมะกอกสามารถช่วยให้คุณดูดซึมไลโคปีนได้มากขึ้น

    นั่นเป็นเพราะไลโคปีนเป็นแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ดีกว่าในแหล่งของไขมันและโปรดควักไส้มะเขือเทศทิ้งเมื่อประกอบอาหาร

    เชอร์รี่

    เชอร์รี่มีรสชาติดีและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไซยานินและคาเทชิน ซึ่งช่วยลดการอักเสบ

    แม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของเชอร์รี่เปรี้ยวมากกว่าพันธุ์อื่น แต่เชอร์รี่หวานก็อาจมีประโยชน์เช่นกัน

    การศึกษาวิจัยในปี 2019 ที่ทำการศึกษาผู้สูงอายุ 37 คน พบว่าผู้ที่ดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ต 16 ออนซ์ (480 มล.) ทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบ CRP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

    อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่งพบว่าน้ำเชอร์รี่ทาร์ตไม่มีผลต่อการอักเสบในผู้ใหญ่ที่อายุน้อยที่มีสุขภาพแข็งแรง หลังจากที่พวกเขาดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ตทุกวันเป็นเวลา 30 วัน

    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ

    ถ้าอักเสบจากน้ำตาลและผลไม้หรือแอลกอฮอล์: K cal
    ถ้าอักเสบในลำไส้จากการกินเห็ดและยีสต์: Paa vill,Synbc
    ถ้าอักเสบจากการกินของปิ้งย่างหรือน้ำมันโอเมก้า 6:Paa super h
    ถ้าเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ:Glube,Whole c
    ถ้าอักเสบจากการใช้งานร่างกายหรืออวัยวะมากเกินไป:ชาขิงขมิ้น
    ถ้าอักเสบในดวงตาและระบบสืบพันธุ์:Glap
    ถ้าอักเสบในหลอดเลือด: โกโก้ป๋า

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #การอักเสบ ส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมด้านสุขภาพของคุณได้อย่างไร การอักเสบควบคุมชีวิตของเรา ถ้าคุณหรือคนที่คุณรักกำลังต่อสู้กับอาการปวด โรคอ้วน โรคสมาธิสั้น ปลายประสาทอักเสบ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไมเกรน ปัญหาต่อมไทรอยด์ ปัญหาทางทันตกรรมหรือโรคมะเร็ง น่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่กำลังทุกข์ทรมานจากหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งของความผิดปกติเหล่านี้ แต่ไม่มีแนวความคิดหรือวิธีการที่จะกำจัดการอักเสบ แพทย์ส่วนใหญ่ใช้ยาแทนการมุ่งเป้าไปที่ต้นตอของสาเหตุ มันมักจะดูเหมือนว่า..มันเป็นเรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่งเมื่อตระหนักว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการอักเสบเริ่มต้นในลำไส้จากปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันซึ่งจะดำเนินการอักเสบไปยังระบบต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการจัดการอย่างแท้จริงและหวังว่าจะเอาชนะโรค การมองให้ลึกถึงขั้นตอนแห่งการเริ่มต้นเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุด ....การอักเสบเริ่มต้นที่ใด..... ลำไส้ของคุณประกอบขึ้นด้วยเยื่อบุกึ่งซึมผ่านที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ พื้นที่ผิวของลำไส้ของคุณสามารถครอบคลุมพื้นที่เท่ากับสนามเทนนิส 2 สนามเมื่อแผ่ออกให้แบน ระดับของการซึมผ่านผันผวนตามการตอบสนองต่อความหลากหลายของสภาพสารเคมี... ตัวอย่างเช่นเมื่อฮอร์โมน cortisol สูงขึ้นเนื่องจากความเครียดจากการโต้แย้งหรือระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ของคุณเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการเผาผลาญน้ำมันในตอนเที่ยงคืน เยื่อบุลำไส้ของคุณจะซึมผ่านได้มากขึ้น ณ เวลานั้น ๆ จากนั้นเมื่อกินอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้บางส่วน อาหารที่มีสารพิษ... ไวรัส ยีสต์และแบคทีเรียก็มีโอกาสที่จะผ่านลำไส้และการเข้าไปยังกระแสเลือด..สิ่งนี้รู้จักกันว่าเป็นกลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่วหรือ leaky gut syndrome (LGS) เมื่อเยื่อบุลำไส้ได้รับความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซลล์ที่เสียหายเรียกกันว่า microvilli จะไม่สามารถทำงานของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง พวกเขาไม่สามารถดำเนินการและใช้ประโยชน์จากสารอาหารและเอนไซม์ที่มีความสำคัญในการย่อยอาหารที่เหมาะสม ในท้ายที่สุดการย่อยอาหารและการดูดซึมของสารอาหารจะลดลง นี่คือผลกระทบในเชิงลบ เมื่อเยื่อบุลำไส้ของคุณสัมผัสกับสิ่งที่กล่าวมามากขึ้น..ร่างกายของคุณก็เริ่มต้นการถูกโจมตีจากผู้รุกรานเหล่านี้ และร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบที่ก่อให้เกิด ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอีกมากมาย ดังนั้นคุณอาจจะถามว่า : การอักเสบเป็นอันตรายได้อย่างไรและเกิดอาการแพ้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ มันอาจฟังดูเหมือนว่าค่อนข้างจะไม่อันตรายสักเท่าไหร่..แต่สถานการณ์นี้สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงและบั่นทอนได้อีกมากมาย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของคุณจะมีภาระมากเกินไป การอักเสบเหล่านี้จะเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องผ่านทางเลือดของคุณที่พวกเขาสามารถส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท อวัยวะ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ข้อต่อและกล้ามเนื้อ การอักเสบก่ออาการของโรคอื่นๆ การปรากฏตัวของการอักเสบเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคส่วนใหญ่ มันมักจะเกิดขึ้นมานานหลายปีก่อนที่มันจะอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนหรือมีนัยสำคัญทางคลินิก รายการต่อไปนี้มีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบเสมอ โรคภูมิแพ้----ภูมิคุ้มกัน 4 ประเภท + ความไว..ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการอักเสบ อัลไซม์เมอร์----การอักเสบเรื้อรังทำลายเซลล์สมอง โรคโลหิตจาง---- cytokinesที่กระตุ้นการอักเสบโจมตีการผลิต erythropoietin Ankylosing Spondylitis (โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด)----cytokines ที่กระตุ้นการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองในข้อต่างๆ หอบหืด---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานให้ตอบสนองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ ออทิสติก---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานที่ผิดปกติเข้าไปควบคุมการพัฒนาสมองซีกขวา โรคข้ออักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำลายกระดูกอ่อนและของเหลว synovial Carpal Tunnel Syndrome (โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ) เกิดจากการอักเสบเรื้อรังในความเครียดของกล้ามเนื้อที่มากเกินไปทำให้เส้นเอ็นแขนหดตัวและข้อมือบีบอัดเส้นประสาท Celiac Chronic (โรคแพ้กลูเตน)----ภูมิคุ้มกันจัดการกับความเสียหายและก่อให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุลำไส้ โรค Crohn ----โรคเรื้อรังจากระบบภูมิคุ้มกันเกิดความเสียหายและเกิดการอักเสบเยื่อบุลำไส้ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดการเสียหายต่อกล้ามเนื้อหัวใจ กลาก สิวเอ็กซิม่า----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับกำจัดสารพิษได้ไม่ดีและมักจะเกิดจากแอนติบอดีต่อสู้กับ Transglutaminase-3 Fibromyalgia (ปวดทั่วสรรพางค์กาย)---- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอักเสบ เกิดจากความเป็นกรดของร่างกายที่ยินยอมให้จุลชีพฝั่งเลวเข้าเล่นงานเนื้อเยื่ออ่อนและมาจากความไม่สมดุลทางโภชนาการและระบบประสาทรอง โรคปอดอักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเข้าโจมตีเนื้อเยื่อที่บอบช้ำ โรคถุงน้ำดี----การอักเสบของท่อน้ำดีหรือคอเลสเตอรอลส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองต่อการอักเสบในลำไส้ โรคกรดไหลย้อน----การอักเสบของหลอดอาหารและระบบทางเดินอาหารเกือบตลอดเวลา ความไวต่ออาหารและค่า pH เป็นตัวขับเคลื่อน โรคจีบีเอส โรคกิลแลงบาร์เร GBS Guillain-Barre syndrome ภูมิคุ้มกันอัตโนมัติเข้าโจมตีระบบประสาทมักจะเกิดโดยการตอบสนองของ autoimmune ต่อความเครียดภายนอกเช่นการฉีดวัคซีน Hashimoto's Thyroiditis (ต่อมไทรอยด์อักเสบ)----ภูมิคุ้มกันเกิดปฏิกิริยาในลำไส้โดยเรียกแอนติบอดีมาต่อต้านเอนไซม์และของต่อมไทรอยด์และโปรตีน หัวใจวาย----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ ไตวาย----cytokines ที่ก่อการอักเสบจำกัด การไหลเวียนและก่อความเสียหายต่อ nephrons และท่อไต โรคลูปัส พุ่มพวง SLE---- cytokines ที่ก่ออักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง Multiple Sclerosis ----cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลิน myelin โรคระบบประสาท---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลินและหลอดเลือดและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งทำให้ระคายเคืองเส้นประสาท ตับอ่อนอักเสบ---- cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ตับอ่อน โรคสะเก็ดเงิน Psoriasis ----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับล้างพิษได้ไม่เต็มความสามารถ ปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนเหตุอักเสบเรื้อรัง Polymyalgia rheumatic PMR ----cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับข้อต่อ โรคหนังแข็ง scleroderma---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคหลอดเลือดสมอง----การอักเสบเรื้อรังส่งเสริมให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ทำไมการอักเสบจะต้องอยู่ที่รากเหง้าของปัญหา ความจริงที่ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณขับเคลื่อนกระบวนการอักเสบในโรคต่างๆเป็นที่ยอมรับกันมานาน แต่น่าเสียดายที่การแพทย์ตะวันตกมีคำตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการจัดการหรือการเอาชนะกระบวนการของภูมิต้านทานน้อยเกินไป วิธีการโดยทั่วไปในการรักษาคือการปราบปรามการตอบสนองของภูมิคุ้มกันด้วยยาปราบภูมิคุ้มกันหรือบางครั้งก็สเตียรอยด์ วิธีการทั้งสองได้รับการออกแบบเพื่อลดการอักเสบ แต่ไม่ได้หยุดกระบวนการของโรคประจำตัวหรือช่วยให้เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการกู้คืน ถ้าคุณปิดกั้นสาเหตุที่แท้จริงของการก่อโรค (การอักเสบ) ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการหยุดการทำลายเซลล์ทุกเซลล์ของร่างกายและปล่อยให้ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ใหม่ที่ไม่ก่อการอักเสบ การเชื่อมโยงระหว่างการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้และโรคทั้งหลายที่มาจากการอักเสบ คำว่าการอักเสบมักจะไม่ค่อยทำให้ใครหลายคนนึกเห็นภาพที่ถูกต้องอย่างแท้จริงในใจของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะประสบกับมันจริงๆ จากนั้นก็จะเริ่มทำให้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ จะเห็นได้ว่าหลายโรคที่เกิดจากการอักเสบและสร้างความทุกข์ทรมาน มันมาจากลำไส้ แต่การรักษาทั่วไปไม่นำเสนอประเด็นนี้.. Dr. Maios Hadjivassiliou แห่งอังกฤษ- ผู้ค้นพบกลูแตน-ได้รายงานใน The Lancet ว่า"ความไวต่อกลูแตนสามารถเป็นหลักในการวินิจฉัยเบื้องต้นและในบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคทางระบบประสาท" ซึ่งหมายความว่าคนที่ไวต่อกลูแตนจะมีปัญหากับการทำงานของสมองแม้จะไม่มีปัญหาระบบทางเดินอาหารแต่อย่างใด ดร. Hadjivassiliou แสดงให้เห็นว่าแอนติบอดี้จะเกิดขึ้นในร่างกายเมื่อพวกเขามีความไวต่อกลูแตนและสามารถส่งความเป็นพิษเข้าสู่สมองได้โดยตรง สำหรับสิ่งนี้การทดสอบพิเศษจึงถูกพัฒนาขึ้น ผู้เขียนอีกคนที่ตีพิมพ์ในฉบับล่าสุดของ Pediatrics กล่าวว่า "การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความแปรปรวนของความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นในโรคแพ้กลูแตนขยายวงกว้างกว่ารายงานที่มีก่อนหน้านี้และรวมถึงความผิดปกติของระบบประสาทรวมทั้งอาการปวดหัวเรื้อรัง พัฒนาการล่าช้า hypotonia(ความตึงตัวของกล้ามเนื้อต่ำ) และความผิดปกติของการเรียนรู้หรือ ADHD " เห็นได้ชัดว่าเราควรจะขยายเกณฑ์การประเมินของเราและบางทีความหมายของโรคเมื่อผู้ป่วยมีอาการไม่เหมาะสมกับการวินิจฉัยตามกรอบทางคลินิกทั่วไป วิธีการประเมินโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ เนื่องจากการอักเสบโดยทั่วไปผ่านมาจากลำไส้ซึ่งมันควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของตรรกะในขั้นตอนการประเมินผู้ป่วยใด ๆ มี 7 พื้นที่ที่ควรพิจารณาเพื่อมองไปที่ปัจจัยอันก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมสำหรับการอักเสบเรื้อรัง รายการด้านล่างนี้เป็นส่วนสำคัญในหมวดหมู่ของของอาหารและการประเมินอื่น ๆ : อาหาร: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลูแตน เคซีน อาหารแปรรูป น้ำตาล นม เห็ด ผลไม้หวานไขมันโอเมก้า 6 ไขมันทรานส์ อาหารจานด่วน ยา: Corticosteroids ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด สารแปลกปลอม(ผงปรุสรส สารให้ความหวานเทียม และอื่น ๆ ) การติดเชื้อ: เช่น H-Pylori ยีสต์ หรือแบคทีเรียมากเกินขนาด ไวรัสหรือการติดเชื้อปรสิต ความเครียด :เพิ่มฮอร์โมน Cortisol และ catecholamines ฮอร์โมน : ไทรอยด์ โพรเจสเตอโรน เอสโตรเจน เทสโทสเทอโรน ระบบประสาท : สมองบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดสมอง ประสาทเสื่อม เมตาบอลิก: Glycosylated End Products (ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ก่อการอักเสบจากการเผาผลาญน้ำตาล) ลำไส้อักเสบ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคจากการอักเสบและโรคภูมิต้านทาน ความจริงของสถานการณ์นี้ล้วนมาจากอาหาร-การซึมผ่านในลำไส้ที่มากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงว่าคุณจะสามารถจะรู้สึกได้หรือไม่มักจะเป็นสาเหตุสำคัญของการเติบโตของเงื่อนไขที่ก่อโรคต่าง ๆ รายการที่กล่าวมาด้านบน (อาหาร ยา การติดเชื้อ ความเครียดฮอร์โมน ระบบประสาทหรือการเผาผลาญ) สามารถทำลายการซึมผ่านของลำไส้ ก่อการอักเสบและสุดท้ายช่วยให้กลไกของลำไส้รั่วเริ่มต้น Autoimmunity (การไม่ตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อแอนติเจนของตนเอง) สามารถปรับเปลี่ยนได้และจะมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งรวมทั้งให้ชีวิตที่ดีขึ้นถ้าวิถีชีวิตเปลี่ยน มันเคยเชื่อกันว่า "รักษาไม่หาย" แต่มันไม่จริงด้วยความรู้ที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ถ้าใครกำลังทนทุกข์ทรมานจากโรคที่กล่าวมาแล้ว แนะนำให้ระงับเหตุ ก่อนที่สารเคมีหรือยาใด ๆ ซึ่งไม่ใช่ส่วนประกอบของร่างกายตั้งแต่เริ่มต้นจะเล่นงานคุณ อาหารต้านการอักเสบที่ดี อาหาร เช่น ผลไม้ ผัก และเครื่องเทศ มีสารต้านการอักเสบและอาจช่วยลดการอักเสบได้ อาหารต้านการอักเสบที่ดีที่สุด ได้แก่: • เบอร์รี่ • ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3 • บรอกโคลี • อะโวคาโด • ชาเขียว • พริก • ขมิ้น • น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ • ช็อกโกแลตดำและโกโก้ • มะเขือเทศ • เชอร์รี่ เบอร์รี่ เบอร์รี่เป็นผลไม้ขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ มีมากมายหลายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่พบมากที่สุด ได้แก่: • สตรอว์เบอร์รี่ • บลูเบอร์รี่ • ราสเบอร์รี • แบล็กเบอร์รี่ เบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแอนโธไซยานิน สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ บทวิจารณ์การวิจัยในปี 2018 แสดงให้เห็นว่าไฟโตเคมีคัลที่พบในผลเบอร์รี่อาจช่วยชะลอการพัฒนาและการลุกลามของมะเร็ง แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่ไฟโตเคมีคัลอาจเป็นประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันบำบัด ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ NK ตามธรรมชาติ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างถูกต้อง ในการศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่ง พบว่าผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินซึ่งกิน สตรอเบอร์รี่มีระดับของเครื่องหมายการอักเสบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3 ปลาที่มีไขมันเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและกรดไขมันโอเมก้า 3 สายยาว เช่น กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) แม้ว่าปลาทุกชนิดจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 อยู่บ้าง แต่ปลาที่มีไขมันเหล่านี้ก็เป็นแหล่งที่ดีที่สุด: • ปลาแซลมอน • ปลาซาร์ดีน • ปลาแมกเคอเรล • ปลาสวาย EPA และ DHA ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น : • กลุ่มอาการเมตาบอลิก • โรคหัวใจ • โรคเบาหวาน • โรคไต ร่างกายของคุณเผาผลาญกรดไขมันเหล่านี้เป็นสารประกอบที่เรียกว่าเรโซลวินและโปรเทกติน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานปลาแซลมอนหรืออาหารเสริม EPA และ DHA มีปริมาณโปรตีนซีรีแอคทีฟ (CRP) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลง อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งรับประทาน EPA และ DHA ทุกวันไม่พบความแตกต่างในตัวบ่งชี้การอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก บร็อคโคลี บร็อคโคลีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นผักตระกูลกะหล่ำเช่นเดียวกับกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ และคะน้า การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานผักตระกูลกะหล่ำหลายชนิดมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและมะเร็งที่ลดลง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับผลต้านการอักเสบของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักเหล่านั้น บร็อคโคลีอุดมไปด้วยซัลโฟราเฟน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดการอักเสบโดยลดระดับไซโตไคน์และแฟกเตอร์นิวเคลียร์แคปปาบี (NF-κB) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกายของคุณ อะโวคาโด มีโพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ยังมีแคโรทีนอยด์และโทโคฟีรอล ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคหัวใจที่ลดลง นอกจากนี้ สารประกอบชนิดหนึ่งในอะโวคาโดอาจช่วยลดการอักเสบในเซลล์ผิวหนังที่เพิ่งก่อตัวได้ ในการศึกษาคุณภาพสูงครั้งหนึ่งซึ่งทำการศึกษากับผู้ใหญ่ 51 คนที่มีน้ำหนักเกิน พบว่าผู้ที่รับประทานอะโวคาโดเป็นเวลา 12 สัปดาห์มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบอย่างอินเตอร์ลิวคิน 1 เบตา (IL-1β) และซีอาร์พี ลดลง ชาเขียว งานวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคอ้วน และโรคอื่นๆ ประโยชน์หลายประการของชาเขียวมาจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ โดยเฉพาะสารที่เรียกว่า epigallocatechin-3-gallate (EGCG) EGCG ยับยั้งการอักเสบโดยลดการผลิตไซโตไคน์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อกรดไขมันในเซลล์ของคุณ พริก พริกหยวกและพริกชี้ฟ้าอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างทรงพลัง พริกหยวกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิตินซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน พริกมีกรดซินาปิกและกรดเฟอรูลิกซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบและช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้น ขมิ้น ขมิ้นเป็นเครื่องเทศที่มีรสชาติอบอุ่นและมีกลิ่นดิน มักใช้ในแกงและอาหารอื่นๆ ขมิ้นได้รับความสนใจมากเนื่องจากมีสารเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าขมิ้นชันช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคอื่นๆ จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมรับประทานเคอร์คูมิน 1 กรัมต่อวันร่วมกับไพเพอรีนจากพริกไทยดำ พบว่าระดับซีอาร์พี ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การได้รับเคอร์คูมินจากขมิ้นเพียงอย่างเดียวอาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นผลชัดเจน การรับประทานอาหารเสริมที่มีเคอร์คูมินแยกเดี่ยวอาจมีประสิทธิภาพมากกว่ามาก อาหารเสริมเคอร์คูมินมักประกอบด้วยไพเพอรีน ซึ่งสามารถกระตุ้นการดูดซึมเคอร์คูมินได้ถึง 2,000% น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดชนิดหนึ่งที่คุณสามารถรับประทานได้ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเป็นอาหารหลักในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การศึกษาวิจัยแนะนำว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็งสมอง โรคอ้วน และปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ได้ การวิจัยแนะนำว่าการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนและการเสริมด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษสามารถลดตัวบ่งชี้การอักเสบได้อย่างมาก ผลของโอเลโอแคนธัล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในน้ำมันมะกอก ได้รับการเปรียบเทียบกับยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน โปรดจำไว้ว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษมีประโยชน์ในการต้านการอักเสบมากกว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ช็อกโกแลตดำและโกโก้ ช็อกโกแลตดำมีรสชาติอร่อย เข้มข้น และน่าพอใจ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคและนำไปสู่การมีอายุยืนยาวขึ้น ฟลาโวนอลเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของช็อกโกแลต และช่วยให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดแดงแข็งแรง มะเขือเทศ มะเขือเทศเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มะเขือเทศมีวิตามินซี โพแทสเซียม และไลโคปีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่น่าประทับใจ ไลโคปีนอาจมีประโยชน์อย่างยิ่งในการลดสารประกอบที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด การปรุงมะเขือเทศในน้ำมันมะกอกสามารถช่วยให้คุณดูดซึมไลโคปีนได้มากขึ้น นั่นเป็นเพราะไลโคปีนเป็นแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ดีกว่าในแหล่งของไขมันและโปรดควักไส้มะเขือเทศทิ้งเมื่อประกอบอาหาร เชอร์รี่ เชอร์รี่มีรสชาติดีและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไซยานินและคาเทชิน ซึ่งช่วยลดการอักเสบ แม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของเชอร์รี่เปรี้ยวมากกว่าพันธุ์อื่น แต่เชอร์รี่หวานก็อาจมีประโยชน์เช่นกัน การศึกษาวิจัยในปี 2019 ที่ทำการศึกษาผู้สูงอายุ 37 คน พบว่าผู้ที่ดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ต 16 ออนซ์ (480 มล.) ทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบ CRP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่งพบว่าน้ำเชอร์รี่ทาร์ตไม่มีผลต่อการอักเสบในผู้ใหญ่ที่อายุน้อยที่มีสุขภาพแข็งแรง หลังจากที่พวกเขาดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ตทุกวันเป็นเวลา 30 วัน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ ถ้าอักเสบจากน้ำตาลและผลไม้หรือแอลกอฮอล์: K cal ถ้าอักเสบในลำไส้จากการกินเห็ดและยีสต์: Paa vill,Synbc ถ้าอักเสบจากการกินของปิ้งย่างหรือน้ำมันโอเมก้า 6:Paa super h ถ้าเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ:Glube,Whole c ถ้าอักเสบจากการใช้งานร่างกายหรืออวัยวะมากเกินไป:ชาขิงขมิ้น ถ้าอักเสบในดวงตาและระบบสืบพันธุ์:Glap ถ้าอักเสบในหลอดเลือด: โกโก้ป๋า ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 Comments 0 Shares 2483 Views 0 Reviews
  • สูตร น้ำก๋วยเตี๋ยว

    ผงรากผักชี 8g รากขึ้นฉ่าย 40g พริกไทยดำเม็ด 7.5g ผงชวงเจีย 79 ผงยี่หร่า 3g หอมแขก 135g หอมใหญ่ 125g ข่า 50g เห็ดหอมสด 70g ใบกระวาน 6 ใบ ใบเตย 189
    *คั่วเครื่องเทศทุกอย่างให้มีกลิ่นหอม*
    ----------------------------
    เหล้า 40ml น้ำสะอาด 600ml น้ำตาลกรวด 150g ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมเด็กสมบูรณ์ 100g ซอสภูเขาทอง 110g น้ำมันหอยสามแม่ครัว 100g ผงปรุงรสฟ้าไทย 30g ผงปรุงรสเห็ดหอม 40g
    -----------------------------
    สูตร น้ำก๋วยเตี๋ยว ผงรากผักชี 8g รากขึ้นฉ่าย 40g พริกไทยดำเม็ด 7.5g ผงชวงเจีย 79 ผงยี่หร่า 3g หอมแขก 135g หอมใหญ่ 125g ข่า 50g เห็ดหอมสด 70g ใบกระวาน 6 ใบ ใบเตย 189 *คั่วเครื่องเทศทุกอย่างให้มีกลิ่นหอม* ---------------------------- เหล้า 40ml น้ำสะอาด 600ml น้ำตาลกรวด 150g ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมเด็กสมบูรณ์ 100g ซอสภูเขาทอง 110g น้ำมันหอยสามแม่ครัว 100g ผงปรุงรสฟ้าไทย 30g ผงปรุงรสเห็ดหอม 40g -----------------------------
    Like
    2
    1 Comments 0 Shares 563 Views 7 0 Reviews
  • กุ้งกระเทียมพริกไทย เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายและอร่อย ใช้วัตถุดิบไม่มากแต่รสชาติเข้มข้นด้วยกลิ่นหอมของกระเทียมและพริกไทย เหมาะสำหรับทำทานเองที่บ้าน มาดูสูตรการทำกัน
    ส่วนผสม
    กุ้งสดขนาดกลาง - 300-400 กรัม (ล้างทำความสะอาด ปอกเปลือกไว้)
    กระเทียม - 5-6 กลีบ (สับละเอียด)
    พริกไทยเม็ด - 1 ช้อนชา (ตำหยาบๆ) หรือพริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
    ซอสปรุงรส - 1-2 ช้อนโต๊ะ
    ซีอิ๊วขาว - 1 ช้อนโต๊ะ
    น้ำตาลทราย - 1/2 ช้อนชา (เพื่อตัดความเค็ม)
    น้ำมันพืช - 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมันหอย - 1 ช้อนโต๊ะ (ใส่เพิ่มตามชอบ)
    ใบ parsley หรือใบผักชี (สำหรับตกแต่ง)
    วิธีทำ
    เตรียมกุ้ง :
    ล้างกุ้งให้สะอาด ปอกเปลือกและดึงเส้นดำออก หากต้องการให้เนื้อกุ้งกรอบ สามารถหมักกุ้งกับเกลือเล็กน้อยและแป้งมันประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกอีกครั้ง
    เตรียมเครื่องปรุง :
    สับกระเทียมให้ละเอียด และตำพริกไทยเม็ดพอหยาบ
    ผัดกระเทียม :
    ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปพอร้อน
    ใส่กระเทียมลงผัดจนเหลืองหอม (ระวังอย่าให้กระเทียมไหม้ เพราะจะขม)
    ผัดกุ้ง :
    ใส่กุ้งลงในกระทะ ผัดเร็วๆ จนกุ้งเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู
    จากนั้นปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย
    ใส่พริกไทย :
    ใส่พริกไทยที่ตำไว้ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผัดต่ออีกประมาณ 1-2 นาทีจนกุ้งสุกเต็มที่
    จัดจาน :
    ตักกุ้งกระเทียมพริกไทยใส่จาน โรยพริกไทยเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และตกแต่งด้วยใบ parsley หรือผักชี
    กุ้งกระเทียมพริกไทย เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายและอร่อย ใช้วัตถุดิบไม่มากแต่รสชาติเข้มข้นด้วยกลิ่นหอมของกระเทียมและพริกไทย เหมาะสำหรับทำทานเองที่บ้าน มาดูสูตรการทำกัน ส่วนผสม กุ้งสดขนาดกลาง - 300-400 กรัม (ล้างทำความสะอาด ปอกเปลือกไว้) กระเทียม - 5-6 กลีบ (สับละเอียด) พริกไทยเม็ด - 1 ช้อนชา (ตำหยาบๆ) หรือพริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา ซอสปรุงรส - 1-2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว - 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย - 1/2 ช้อนชา (เพื่อตัดความเค็ม) น้ำมันพืช - 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย - 1 ช้อนโต๊ะ (ใส่เพิ่มตามชอบ) ใบ parsley หรือใบผักชี (สำหรับตกแต่ง) วิธีทำ เตรียมกุ้ง : ล้างกุ้งให้สะอาด ปอกเปลือกและดึงเส้นดำออก หากต้องการให้เนื้อกุ้งกรอบ สามารถหมักกุ้งกับเกลือเล็กน้อยและแป้งมันประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกอีกครั้ง เตรียมเครื่องปรุง : สับกระเทียมให้ละเอียด และตำพริกไทยเม็ดพอหยาบ ผัดกระเทียม : ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปพอร้อน ใส่กระเทียมลงผัดจนเหลืองหอม (ระวังอย่าให้กระเทียมไหม้ เพราะจะขม) ผัดกุ้ง : ใส่กุ้งลงในกระทะ ผัดเร็วๆ จนกุ้งเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู จากนั้นปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย ใส่พริกไทย : ใส่พริกไทยที่ตำไว้ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผัดต่ออีกประมาณ 1-2 นาทีจนกุ้งสุกเต็มที่ จัดจาน : ตักกุ้งกระเทียมพริกไทยใส่จาน โรยพริกไทยเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และตกแต่งด้วยใบ parsley หรือผักชี
    0 Comments 0 Shares 690 Views 0 Reviews
  • กินเกี๊ยวรับตรุษจีน

    สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน

    วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

    ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ
    มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง

    แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว?

    จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง

    นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่>

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่

    อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/
    https://www.shuge.org/meet/topic/19030/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/饺子/28977
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595
    https://www.sohu.com/a/449146748_401284
    https://www.sohu.com/a/367953600_120207616

    #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    กินเกี๊ยวรับตรุษจีน สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว? จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่ อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/ https://www.shuge.org/meet/topic/19030/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/饺子/28977 https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595 https://www.sohu.com/a/449146748_401284 https://www.sohu.com/a/367953600_120207616 #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1176 Views 0 Reviews
  • #หนาวกับโภชนาการ

    ธรรมชาติได้จัดสรรไว้อย่างลงตัว ถ้าเราสังเกตก็จะเห็นได้ว่าในฤดูหนาวพืชพันธุ์เหล่านี้จะเจริญงอกงามกว่าในฤดูกาลอื่น

    กระชาย กะเพรา กุยช่าย กระเทียม หัวหอม ขิง ข่า ตะใคร้ ขมิ้น ผักชี ยี่หร่า โหระพา พริก พริกไทย อบเชย หน่อไม้ฝรั่ง บีทรูท กะหล่ำ แครอท สาหร่าย ฟักทอง ผักโขม ถั่วฝักยาว เผือก มัน

    เนื่องจากพวกเขาเป็นอาหารฤทธิ์ร้อนที่มอบความอบอุ่นให้กับร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตและทำให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น

    ดังนั้น เราๆท่านๆจึงควรเลือกหาเมนูที่ประกอบด้วยพวกเขาและหลีกเลี่ยงอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เนื่องจากจะมีปัญหากับปอดของพวกท่านได้

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
    Cr. Santi Manadee
    #หนาวกับโภชนาการ ธรรมชาติได้จัดสรรไว้อย่างลงตัว ถ้าเราสังเกตก็จะเห็นได้ว่าในฤดูหนาวพืชพันธุ์เหล่านี้จะเจริญงอกงามกว่าในฤดูกาลอื่น กระชาย กะเพรา กุยช่าย กระเทียม หัวหอม ขิง ข่า ตะใคร้ ขมิ้น ผักชี ยี่หร่า โหระพา พริก พริกไทย อบเชย หน่อไม้ฝรั่ง บีทรูท กะหล่ำ แครอท สาหร่าย ฟักทอง ผักโขม ถั่วฝักยาว เผือก มัน เนื่องจากพวกเขาเป็นอาหารฤทธิ์ร้อนที่มอบความอบอุ่นให้กับร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตและทำให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น ดังนั้น เราๆท่านๆจึงควรเลือกหาเมนูที่ประกอบด้วยพวกเขาและหลีกเลี่ยงอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เนื่องจากจะมีปัญหากับปอดของพวกท่านได้ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 Comments 0 Shares 730 Views 0 Reviews
  • ข้าวต้มแห้งคุณนิด (เปิดใหม่) สาขาเชียงใหม่
    *****อร่อยระดับ 5 ดาว
    ร้านอาหารเช้าย่านช้างม่อย ถนนสิทธิวงศ์
    https://maps.app.goo.gl/un1r5zNm64z5sJJt7
    ทางวันเวย์...ลงจากสะพานแก้วนวรัฐ ตรงเข้าถนนท้ายวัง
    ไปสุดทางเป็นสามแยก เลี้ยวซ้าย ร้านจะอยู่ทางขวามือ.

    ข้าวต้มแห้ง บะหมี่คลุก ทุกเมนูสามารถเลือกเครื่องเองได้ มีให้เลือกทั้ง หมูกรอบ/หมูอบ/กระเพาะ/ตับ/ไส้ สามารถเลือกใส่ได้ทุกอย่าง ถ้าสั่งเมนูแห้งเค้ามีน้ำซุปหอมๆให้ด้วย รสชาติเยี่ยม ปรุงออกมาได้ดี มีพริกไทยเล็กน้อย หอมกลิ่นน้ำซุปและกระเทียมเจียว



    ข้าวต้มแห้งคุณนิด (เปิดใหม่) สาขาเชียงใหม่ *****อร่อยระดับ 5 ดาว ร้านอาหารเช้าย่านช้างม่อย ถนนสิทธิวงศ์ https://maps.app.goo.gl/un1r5zNm64z5sJJt7 ทางวันเวย์...ลงจากสะพานแก้วนวรัฐ ตรงเข้าถนนท้ายวัง ไปสุดทางเป็นสามแยก เลี้ยวซ้าย ร้านจะอยู่ทางขวามือ. ข้าวต้มแห้ง บะหมี่คลุก ทุกเมนูสามารถเลือกเครื่องเองได้ มีให้เลือกทั้ง หมูกรอบ/หมูอบ/กระเพาะ/ตับ/ไส้ สามารถเลือกใส่ได้ทุกอย่าง ถ้าสั่งเมนูแห้งเค้ามีน้ำซุปหอมๆให้ด้วย รสชาติเยี่ยม ปรุงออกมาได้ดี มีพริกไทยเล็กน้อย หอมกลิ่นน้ำซุปและกระเทียมเจียว
    0 Comments 0 Shares 520 Views 0 Reviews
  • 3/1/68

    มาสนุกกันค่ะ

    ทุกคนเลือก 1 จานจะทายนิสัย
    1.ข้าวผัด
    2.ข้าวไข่เจียว
    3.ข้าวกระเพรา+ไข่ดาว
    4.ข้าวมันไก่
    5.ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ
    6.ข้าวกระเทียมพริกไทย
    7.ข้าวขาหมู
    8.ก๋วยเตี๋ยว
    เลือกกันไปก่อนนะ
    เลือกกันครบแล้วดูเฉลยจ๊ะ
    3/1/68 มาสนุกกันค่ะ ทุกคนเลือก 1 จานจะทายนิสัย 1.ข้าวผัด 2.ข้าวไข่เจียว 3.ข้าวกระเพรา+ไข่ดาว 4.ข้าวมันไก่ 5.ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ 6.ข้าวกระเทียมพริกไทย 7.ข้าวขาหมู 8.ก๋วยเตี๋ยว เลือกกันไปก่อนนะ เลือกกันครบแล้วดูเฉลยจ๊ะ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 700 Views 0 Reviews
  • ไมเนอร์ซุ่มปั้นแบรนด์ เดอะสเต็กแอนด์มอร์

    วันคริสต์มาส 25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต จ.นนทบุรี ต้อนรับร้านอาหารใหม่ที่ชื่อว่า เดอะ สเต็ก แอนด์ มอร์ (The Steak & More) บริเวณชั้น 2 ใกล้ลานน้ำพุ เป็นร้านเมนูสเต็กจานใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 129 บาท พร้อมเครื่องเคียงให้เลือกมากกว่า 20 เมนู แถมยังมีเมนูพาสต้าและสลัดให้บริการอีกด้วย รูปแบบของร้านตกแต่งด้วยโทนสีส้มและดำ ในคอนเซปต์ Tasty, Variety, Value, Fun

    เมนูสเต็กเลือกซอสได้ 1 อย่าง ประกอบด้วย ซอสพริกไทยดำ ซอสสไปซี่มาโย กระเทียม หรือน้ำจิ้มแจ่ว และเครื่องเคียง 1 อย่าง เช่น ส้มตำ ลาบไก่ ยำวุ้นเส้น ข้าวเหนียว เฟรนซ์ฟรายส์ โปเตโต้ป๊อป มันบด ข้าวผัดเนยกระเทียม ซีซาร์สลัด สลัดญี่ปุ่น สลัดยูสุ โคลส์สลอว์ ชีสโทสต์ หรือจะเพิ่มเครื่องเคียงแบบพรีเมียมได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ ขนมปังกระเทียมชีส มันอบชีส มักกะโรนีชีส กุ้งเลมอนครีม คาร์โบนารา ไก่ผัดพริกกระเทียม หมึกดำไข่กุ้ง และสไปซี่เพสโต เป็นต้น

    นอกจากนี้ ยังมีเมนูพาสต้า สลัด และซุปให้เลือกอีกด้วย เมนูแนะนำได้แก่ สลัดเต้าหู้สาหร่ายซิกเนเจอร์ ราคา 169 บาท ด้วยจุดเด่นเต้าหู้ชิ้นใหญ่ สปาเก็ตตี้หมึกดำไข่กุ้ง ราคา 169 บาท ส้มตำ ราคา 79 บาท พอร์คชอปราคา 299 บาท ไก่กรอบไจแอนท์ ราคา 169 บาท สเต็กปลาย่าง ราคา 149 บาท ซุปครีมเห็ด หรือซุปหอยลาย ราคา 69 บาท รวมทั้งมีมุม Drink & Soft Serve ที่มีเครื่องดื่มรีฟิลเติมได้ไม่อั้น โค้กสลัชชี่ และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้ง

    จากการค้นหาปรากฎว่าเป็นของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารและฟาสต์ฟู้ดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก มีธุรกิจร้านอาหารมากกว่า 30 แบรนด์ ที่มีชื่อเสียงในไทยได้แก่ เดอะพิซซ่าคอมปะนี สเวนเซ่นส์ บอนชอน เบอร์เกอร์คิง ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน เดอะคอฟฟี่คลับ คอฟฟี่เจอร์นี่ กาก้า เป็นต้น

    แม้ในไทยจะมีร้านสเต็กทั้งรายใหญ่และรายย่อย แต่ที่กำลังมาแรงคือ อีทแอมอาร์ (Eat Am Are) ของบริษัท อีท แอม อา กรุ๊ป จำกัด ที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณเยอะ เสิร์ฟพร้อมขนมปังชีสและเครื่องเคียง 1 รายการ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพิ่มเครื่องเคียงพิเศษได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ สไลซ์โปเตโต้ มันบด มันอบ สปาเก็ตตี้ ส้มตำ จากสาขาแรกปากซอยรางน้ำ ปัจจุบันขยายไปแล้ว 18 สาขา และหากเปิดตัวครั้งใดก็มีคนต่อคิวยาวเหยียด

    อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไมเนอร์ฯ ตัดสินใจปั้นแบรนด์ร้านสเต็กจานใหญ่ นอกเหนือจากซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) ร้านอาหารสไตล์อเมริกันที่มาพร้อมกับสลัดบาร์ เปิดสาขาแรกในไทยเมื่อปี 2535 และมีจำนวนสาขา 68 สาขาในปัจจุบัน

    #Newskit
    ไมเนอร์ซุ่มปั้นแบรนด์ เดอะสเต็กแอนด์มอร์ วันคริสต์มาส 25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต จ.นนทบุรี ต้อนรับร้านอาหารใหม่ที่ชื่อว่า เดอะ สเต็ก แอนด์ มอร์ (The Steak & More) บริเวณชั้น 2 ใกล้ลานน้ำพุ เป็นร้านเมนูสเต็กจานใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 129 บาท พร้อมเครื่องเคียงให้เลือกมากกว่า 20 เมนู แถมยังมีเมนูพาสต้าและสลัดให้บริการอีกด้วย รูปแบบของร้านตกแต่งด้วยโทนสีส้มและดำ ในคอนเซปต์ Tasty, Variety, Value, Fun เมนูสเต็กเลือกซอสได้ 1 อย่าง ประกอบด้วย ซอสพริกไทยดำ ซอสสไปซี่มาโย กระเทียม หรือน้ำจิ้มแจ่ว และเครื่องเคียง 1 อย่าง เช่น ส้มตำ ลาบไก่ ยำวุ้นเส้น ข้าวเหนียว เฟรนซ์ฟรายส์ โปเตโต้ป๊อป มันบด ข้าวผัดเนยกระเทียม ซีซาร์สลัด สลัดญี่ปุ่น สลัดยูสุ โคลส์สลอว์ ชีสโทสต์ หรือจะเพิ่มเครื่องเคียงแบบพรีเมียมได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ ขนมปังกระเทียมชีส มันอบชีส มักกะโรนีชีส กุ้งเลมอนครีม คาร์โบนารา ไก่ผัดพริกกระเทียม หมึกดำไข่กุ้ง และสไปซี่เพสโต เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเมนูพาสต้า สลัด และซุปให้เลือกอีกด้วย เมนูแนะนำได้แก่ สลัดเต้าหู้สาหร่ายซิกเนเจอร์ ราคา 169 บาท ด้วยจุดเด่นเต้าหู้ชิ้นใหญ่ สปาเก็ตตี้หมึกดำไข่กุ้ง ราคา 169 บาท ส้มตำ ราคา 79 บาท พอร์คชอปราคา 299 บาท ไก่กรอบไจแอนท์ ราคา 169 บาท สเต็กปลาย่าง ราคา 149 บาท ซุปครีมเห็ด หรือซุปหอยลาย ราคา 69 บาท รวมทั้งมีมุม Drink & Soft Serve ที่มีเครื่องดื่มรีฟิลเติมได้ไม่อั้น โค้กสลัชชี่ และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้ง จากการค้นหาปรากฎว่าเป็นของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารและฟาสต์ฟู้ดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก มีธุรกิจร้านอาหารมากกว่า 30 แบรนด์ ที่มีชื่อเสียงในไทยได้แก่ เดอะพิซซ่าคอมปะนี สเวนเซ่นส์ บอนชอน เบอร์เกอร์คิง ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน เดอะคอฟฟี่คลับ คอฟฟี่เจอร์นี่ กาก้า เป็นต้น แม้ในไทยจะมีร้านสเต็กทั้งรายใหญ่และรายย่อย แต่ที่กำลังมาแรงคือ อีทแอมอาร์ (Eat Am Are) ของบริษัท อีท แอม อา กรุ๊ป จำกัด ที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณเยอะ เสิร์ฟพร้อมขนมปังชีสและเครื่องเคียง 1 รายการ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพิ่มเครื่องเคียงพิเศษได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ สไลซ์โปเตโต้ มันบด มันอบ สปาเก็ตตี้ ส้มตำ จากสาขาแรกปากซอยรางน้ำ ปัจจุบันขยายไปแล้ว 18 สาขา และหากเปิดตัวครั้งใดก็มีคนต่อคิวยาวเหยียด อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไมเนอร์ฯ ตัดสินใจปั้นแบรนด์ร้านสเต็กจานใหญ่ นอกเหนือจากซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) ร้านอาหารสไตล์อเมริกันที่มาพร้อมกับสลัดบาร์ เปิดสาขาแรกในไทยเมื่อปี 2535 และมีจำนวนสาขา 68 สาขาในปัจจุบัน #Newskit
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1014 Views 0 Reviews
More Results