• พปชร.เลือดไหลไม่หยุด คนตีจาก 'บิ๊กป้อม' กล้าธรรมดูด สส.ต่อเนื่อง

    การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา แม้หลักใหญ่ใจความจะอยู่ที่การประชุมที่ล่มไม่เป็นท่า แต่มีซีนหนึ่งในทางการเมืองที่น่าสนใจ คือ การปรากฏภาพของ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มานั่งอยู่กับกลุ่ม สส.พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา เหรัญญิกพรรค และ นางรัชนี พลซื่อ รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

    ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า การประชุมพรรค พปชร.เมื่อวันอังคารที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในที่ประชุม ปรากฏว่า มี สส.ของพรรคเข้าร่วมอย่างบางตามาก โดย น.ส.กาญจนา ก็ไม่ได้มาร่วมประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ คือ กลุ่มยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ได้เป็น สส. อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี รวมถึงบรรดาอดีตผู้สมัคร สส.ของพรรคที่สอบตกในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 เท่านั้น

    ขณะเดียวกัน ที่พรรคกล้าธรรมยังมีรายงานอีกว่า นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นจำเลยในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม ในขณะดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และเกิดการทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น รวม 431 ล้านบาท มาร่วมการประชุมด้วย โดยนั่งติดกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ นายเอกราช เพิ่งได้ทำหนังสือแจ้งศาลขอเลื่อนฟังคำสั่งพิพากษาในคดียักยอกทรัพย์เงินสหกรณ์ครูขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยแนบเอกสารใบรับรองแพทย์รพ. ที่ลงความเห็นว่านายเอกราช ป่วยหนักหลายโรคต้องนอนพักรักษาตัวที่รพ.อย่างไม่มีกำหนดออกจากรพ. ทำให้ศาลอนุญาตเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.
    ..............
    Sondhi X
    พปชร.เลือดไหลไม่หยุด คนตีจาก 'บิ๊กป้อม' กล้าธรรมดูด สส.ต่อเนื่อง การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา แม้หลักใหญ่ใจความจะอยู่ที่การประชุมที่ล่มไม่เป็นท่า แต่มีซีนหนึ่งในทางการเมืองที่น่าสนใจ คือ การปรากฏภาพของ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มานั่งอยู่กับกลุ่ม สส.พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา เหรัญญิกพรรค และ นางรัชนี พลซื่อ รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า การประชุมพรรค พปชร.เมื่อวันอังคารที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในที่ประชุม ปรากฏว่า มี สส.ของพรรคเข้าร่วมอย่างบางตามาก โดย น.ส.กาญจนา ก็ไม่ได้มาร่วมประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ คือ กลุ่มยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ได้เป็น สส. อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี รวมถึงบรรดาอดีตผู้สมัคร สส.ของพรรคที่สอบตกในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 เท่านั้น ขณะเดียวกัน ที่พรรคกล้าธรรมยังมีรายงานอีกว่า นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นจำเลยในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม ในขณะดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และเกิดการทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น รวม 431 ล้านบาท มาร่วมการประชุมด้วย โดยนั่งติดกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ นายเอกราช เพิ่งได้ทำหนังสือแจ้งศาลขอเลื่อนฟังคำสั่งพิพากษาในคดียักยอกทรัพย์เงินสหกรณ์ครูขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยแนบเอกสารใบรับรองแพทย์รพ. ที่ลงความเห็นว่านายเอกราช ป่วยหนักหลายโรคต้องนอนพักรักษาตัวที่รพ.อย่างไม่มีกำหนดออกจากรพ. ทำให้ศาลอนุญาตเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 17 เม.ย. .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2026 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่องเที่ยวไทยป่นปี้พินาศ จีนหวั่นไม่ปลอดภัย จนท.รัฐเอื้อจีนเทา+อุ๊งอิ๊งค์ปัดสวะข่าวปลอม
    .
    จากกรณีของ นายหวัง ซิง หรือที่เรียกว่า ซิงซิง ดาราจีนที่ถูกหลอกลวง กักขัง โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า ต่อมาได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายไทยเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ท่านผู้ชมรู้ไหม แทนที่ประเทศไทยจะเป็นฮีโร่ที่ช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นกระแสคนจีนหวาดกลัวประเทศไทยไปแล้ว คนจีนยกเลิกทัวร์ช่วงตรุษจีนอย่างมากมาย คนจีนจำนวนมากเชื่อแล้วว่าเจ้าหน้าที่ไทยหลับตาข้างนึงสมคบกับจีนเทา
    .
    นักท่องเที่ยวจีนพากันยกเลิกตั๋วเครื่องบินและแผนการมาเที่ยวไทยคิดเป็นสัดส่วนอย่างน้อยเกือบๆ 30% ของยอดจอง ประเมินว่าประเทศไทยจะสูญเสียรายได้ถึง 5,000 ล้านบาท ยอดการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยในแพลตฟอร์มของจีนลดลงมากกว่า 40%
    .
    แม้ว่านางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการออกจดหมายภาษาจีนเผยแพร่ไปในสื่อสังคมออนไลน์จีนเมื่อวันเสาร์11ม.ค. โดยใช้วาทะยอดนิยม ไม่เคยเบื่อที่จะใช้ ว่า "จีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" แต่ว่าคนจีนเห็นว่า ในแต่ละปีชาวจีนหลายหมื่นคนถูกล่อลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีต้นทาง โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน
    .
    ขณะที่อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ก็ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับชาวบ้านเขา ไม่เข้าใจปัญหาเชิงระบบ มิหนำซ้ำยังทะลึ่งออกมาบอกว่าเป็นความเข้าใจผิด ข่าวปลอม คือไม่รู้เลยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ปัดสวะบอกว่าเป็นข่าวปลอม
    .
    คุณอุ๊งอิ๊งค์ครับ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความเข้าใจผิดหรือข่าวปลอมแต่อย่างใด เพราะเป็นปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุนจีนสีเทาที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และเป็นฐานในการหลอกลวงพวกเดียวกันเอง รวมทั้งคนไทย ชาติไทย ชาติอื่น ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นเส้นทางการค้ามนุษย์ของขบวนการหลอกลวง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง คุณอุ๊งอิ๊งค์ นี่เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง เป็นระบบ ผมเห็นใจท่าน สงสารท่าน และสมนำหน้าท่านด้วย พูดอะไรไม่คิดเลย ถ้าท่านบอกว่าท่านจะลงไปแก้ไขที่ระบบพวกนี้ ยังน่าฟังหน่อย ท่านพูดลอยๆ อีก 6 เดือน จบแน่นอน คอลเซ็นเตอร์
    .
    แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านล้วนใช้อินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า เส้นทางการเงินจากประเทศไทย การปัดสวะให้พ้นตัว อ้างว่าจีนหลอกจีน เหมือนเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อปี 2561ที่พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาขอโทษในที่สุด
    .
    ประชาชนชาวจีนยังโยงข่าวที่ประชุม ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ รวมทั้งนายกฯ ตัวจริง ทักษิณ ชินวัตร คุยโวโอ้อวดว่าจะทำให้การท่องเที่ยวเจริญเติบโตมาก และ GDP จะสูงมาก แต่ชาวจีนกลับวิจารณ์ว่า มีบ่อนการพนันถูกกฎหมายจะยิ่งทำให้ประเทศไทยน่ากลัวมากขึ้น
    .
    คุณอุ๊งอิ๊งค์ครับ คุณภูมิธรรมครับ และท่านนายกฯ ตัวจริงครับ ทักษิณ ชินวัตร ท่านหยุดบ้าบอคอแตกเรื่องเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สักพักได้มั้ย ท่านมาสัมผัสความเป็นจริงหน่อย รัฐบาลไทยต้องคุยกับจีน พม่า กองกำลังกะเหรี่ยงที่คุมแถวเมียวดี แม่สอด ฉ่วยก๊กโก ว่าจะปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไปอย่างนี้ไม่ได้ เพราะประเทศไทยได้รับความเสียหาย เสียชื่อ
    .
    สรุป ประเทศไทยไม่สามารถจะปัดความรับผิดชอบได้ว่าขบวนการอาชญากรรมอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้อยู่ในบ้านเรา เพราะว่าประเทศไทยและคนไทยก็รับเคราะห์เช่นเดียวกัน การตัดรากถอนโคนปัญหา ถึงจะเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงให้คนไทยได้ดีที่สุด และปกป้องคนไทยเองด้วย
    .
    เวลาคนจีนนั่งเครื่องมาไทยต้องได้รับการแจกใบปลิว 2-3 หน้า ให้ความรู้เรื่องขบวนการจีนเทาหลอกว่าจะได้เงิน อย่าไปเชื่อ เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนไม่ค่อยดีเหมือนแต่ก่อน ทำให้คนมีความหวัง มาขุดทองในภูมิภาคนี้มาก แต่หลายคนกลับเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    .
    ตำรวจ และ ตม. ต้องจัดการจีนเทาเด็ดขาด จีนเทาอยู่ได้ในประเทศไทยเพราะตำรวจ พวกที่ซื้อบ้านแถวนั้นรอรับแขกแถวชายแดน พวกตำรวจภูธรภาค 6 กับพวกผู้กำกับแม่สอด นั่นล่ะตัวดี
    ท่องเที่ยวไทยป่นปี้พินาศ จีนหวั่นไม่ปลอดภัย จนท.รัฐเอื้อจีนเทา+อุ๊งอิ๊งค์ปัดสวะข่าวปลอม . จากกรณีของ นายหวัง ซิง หรือที่เรียกว่า ซิงซิง ดาราจีนที่ถูกหลอกลวง กักขัง โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า ต่อมาได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายไทยเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ท่านผู้ชมรู้ไหม แทนที่ประเทศไทยจะเป็นฮีโร่ที่ช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นกระแสคนจีนหวาดกลัวประเทศไทยไปแล้ว คนจีนยกเลิกทัวร์ช่วงตรุษจีนอย่างมากมาย คนจีนจำนวนมากเชื่อแล้วว่าเจ้าหน้าที่ไทยหลับตาข้างนึงสมคบกับจีนเทา . นักท่องเที่ยวจีนพากันยกเลิกตั๋วเครื่องบินและแผนการมาเที่ยวไทยคิดเป็นสัดส่วนอย่างน้อยเกือบๆ 30% ของยอดจอง ประเมินว่าประเทศไทยจะสูญเสียรายได้ถึง 5,000 ล้านบาท ยอดการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยในแพลตฟอร์มของจีนลดลงมากกว่า 40% . แม้ว่านางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการออกจดหมายภาษาจีนเผยแพร่ไปในสื่อสังคมออนไลน์จีนเมื่อวันเสาร์11ม.ค. โดยใช้วาทะยอดนิยม ไม่เคยเบื่อที่จะใช้ ว่า "จีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" แต่ว่าคนจีนเห็นว่า ในแต่ละปีชาวจีนหลายหมื่นคนถูกล่อลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีต้นทาง โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน . ขณะที่อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ก็ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับชาวบ้านเขา ไม่เข้าใจปัญหาเชิงระบบ มิหนำซ้ำยังทะลึ่งออกมาบอกว่าเป็นความเข้าใจผิด ข่าวปลอม คือไม่รู้เลยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ปัดสวะบอกว่าเป็นข่าวปลอม . คุณอุ๊งอิ๊งค์ครับ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความเข้าใจผิดหรือข่าวปลอมแต่อย่างใด เพราะเป็นปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุนจีนสีเทาที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และเป็นฐานในการหลอกลวงพวกเดียวกันเอง รวมทั้งคนไทย ชาติไทย ชาติอื่น ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นเส้นทางการค้ามนุษย์ของขบวนการหลอกลวง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง คุณอุ๊งอิ๊งค์ นี่เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง เป็นระบบ ผมเห็นใจท่าน สงสารท่าน และสมนำหน้าท่านด้วย พูดอะไรไม่คิดเลย ถ้าท่านบอกว่าท่านจะลงไปแก้ไขที่ระบบพวกนี้ ยังน่าฟังหน่อย ท่านพูดลอยๆ อีก 6 เดือน จบแน่นอน คอลเซ็นเตอร์ . แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านล้วนใช้อินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า เส้นทางการเงินจากประเทศไทย การปัดสวะให้พ้นตัว อ้างว่าจีนหลอกจีน เหมือนเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อปี 2561ที่พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาขอโทษในที่สุด . ประชาชนชาวจีนยังโยงข่าวที่ประชุม ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ รวมทั้งนายกฯ ตัวจริง ทักษิณ ชินวัตร คุยโวโอ้อวดว่าจะทำให้การท่องเที่ยวเจริญเติบโตมาก และ GDP จะสูงมาก แต่ชาวจีนกลับวิจารณ์ว่า มีบ่อนการพนันถูกกฎหมายจะยิ่งทำให้ประเทศไทยน่ากลัวมากขึ้น . คุณอุ๊งอิ๊งค์ครับ คุณภูมิธรรมครับ และท่านนายกฯ ตัวจริงครับ ทักษิณ ชินวัตร ท่านหยุดบ้าบอคอแตกเรื่องเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สักพักได้มั้ย ท่านมาสัมผัสความเป็นจริงหน่อย รัฐบาลไทยต้องคุยกับจีน พม่า กองกำลังกะเหรี่ยงที่คุมแถวเมียวดี แม่สอด ฉ่วยก๊กโก ว่าจะปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไปอย่างนี้ไม่ได้ เพราะประเทศไทยได้รับความเสียหาย เสียชื่อ . สรุป ประเทศไทยไม่สามารถจะปัดความรับผิดชอบได้ว่าขบวนการอาชญากรรมอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้อยู่ในบ้านเรา เพราะว่าประเทศไทยและคนไทยก็รับเคราะห์เช่นเดียวกัน การตัดรากถอนโคนปัญหา ถึงจะเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงให้คนไทยได้ดีที่สุด และปกป้องคนไทยเองด้วย . เวลาคนจีนนั่งเครื่องมาไทยต้องได้รับการแจกใบปลิว 2-3 หน้า ให้ความรู้เรื่องขบวนการจีนเทาหลอกว่าจะได้เงิน อย่าไปเชื่อ เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนไม่ค่อยดีเหมือนแต่ก่อน ทำให้คนมีความหวัง มาขุดทองในภูมิภาคนี้มาก แต่หลายคนกลับเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ . ตำรวจ และ ตม. ต้องจัดการจีนเทาเด็ดขาด จีนเทาอยู่ได้ในประเทศไทยเพราะตำรวจ พวกที่ซื้อบ้านแถวนั้นรอรับแขกแถวชายแดน พวกตำรวจภูธรภาค 6 กับพวกผู้กำกับแม่สอด นั่นล่ะตัวดี
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 745 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่
    .
    สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี
    .
    วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้
    .
    “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน"
    .
    ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ
    .
    "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์"
    .
    กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง
    .
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก"
    นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว
    .
    นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง"
    “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน
    .
    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง”
    การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา
    .
    "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น
    .
    "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน”
    .
    - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก
    .
    - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง
    .
    “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป
    .
    “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน
    .
    คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา”
    .
    ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป
    ...............
    Sondhi X
    "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่ . สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี . วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้ . “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน" . ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ . "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์" . กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง . นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก" นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว . นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง" “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน . นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง” การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา . "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น . "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน” . - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก . - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง . “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป . “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน . คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา” . ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป ............... Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1939 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตบเท้าเข้า 'กล้าธรรม' 'ธรรมนัส' ขอทำงาน ไม่ทำใครก่อน แต่พร้อมเอาคืน
    .
    ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีทางทางการเมือง ภายหลังส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 20 คน ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ตบเท้าเข้าพรรคกล้าธรรมของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรค อย่างเป็นทางการ
    .
    ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เปิดเผยว่า "ตั้งแต่การรวมตัวกันตั้งรัฐบาล ได้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่บริหารบ้านเมือง พวกเราประกาศชัดเจนว่าจะสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ในเรื่องของฝ่ายกฎหมาย การเข้าเป็นสมาชิกพรรคใหม่ สังกัดใหม่ยังไม่สามารถทำได้จนกระทั่งมีมติชัดเจนให้ขับผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ กระบวนการทางกฎหมายเป็นที่ยุติว่าคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พร้อม สส. มีมติชัดเจน 3 ใน 4 ขับพวกผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นทั้ง 20 คน พร้อมกันสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
    .
    ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้แจ้งประธานสภาเรียบร้อยแล้ว ว่าออกจากพรรคพลังประชารัฐ และขั้นตอนต่อไปในขณะนี้เรามีสมาชิก 24 ชีวิต ทั้งที่ย้ายมาเก่าและใหม่ในพรรคกล้าธรรม พร้อมย้ำว่าเรายังมีอีกหลายชีวิต แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องนำเสนอหรือชี้แจงตอนนี้ ดังนั้น วันนี้อยากจะฝากว่าเราทั้ง 24 ชีวิตที่ยืนอยู่บนเวที ณ เวลานี้ เราคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคกล้าธรรม
    .
    เมื่อถามว่า ตกลงว่า สส.ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมกี่คน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ตัวเลขคร่าวๆ ที่คุยกันไว้มากกว่า 30 คน ถ้ารวม 24 คนที่ยืนอยู่บนเวที แต่ขอเก็บความลับก่อน" คำตอบของร.อ.ธรรมนัส ภายหลังถูกผู้สื่อข่าวถามว่าตกลงว่า สส.ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรม กี่คน
    .
    “ที่ถามว่า อยากเป็นนู่นเป็นนี่หรือไม่ ถ้าได้เป็นก็เป็น ถ้าไม่ได้เป็นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ฉะนั้น พวกเราทั้ง 24 ชีวิตของการเป็น สส. เราจะทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติให้ดีที่สุด” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
    .
    เมื่อถามว่า มีการมองว่า พรรคกล้าธรรมเป็นอะไหล่ของพรรคเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ณ เวลานี้เราคือพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน หากพรรคใหญ่พรรคแกนนำ มีนโยบายอย่างไรที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเราเห็นด้วย
    .
    “ไม่ได้คัดค้าน ไม่ใช่มีอะไรก็คัดค้านตลอด ไม่เอา ผมไม่ชอบหลอกคนอื่น พรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีการคุยกันก่อน ทุกครั้งที่มีวาระสำคัญที่เข้า ครม.หรือสภา พรรคไหนไม่เห็นด้วยบ่อยๆ ก็ควรจะแยกออกไป เราเห็นความเจริญของบ้านเมืองเป็นหลัก เราไม่คัดค้าน และเอาไปแอบอ้างอะไรเด็ดขาด เรามีหัวหน้าพรรคเป็นสุภาพสตรี พร้อมคุยกับทุกฝ่าย” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
    .
    เมื่อถามว่า กลัวการเอาคืนของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “เราเป็นนักการเมือง ต้องทำงานสร้างสรรค์ สไตล์ผมไม่ทำใครก่อน ใครทำผม ผมเอาคืน”
    .
    ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า เรื่องการบริหารพรรค ตนได้มอบหมายให้นางนฤมลเป็นผู้ดูแล ส่วนจะตั้งตนเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค
    .
    ด้าน นางนฤมล กล่าวว่า พวกเราเป็นกลุ่มการเมืองที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มต้น มีอุดมการณ์เดียวกัน ทางพรรคได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราก็จะเดินหน้าทำงานเพื่อสนองนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ให้พี่น้องเกษตรกร ทุกจังหวัด ทุกเขตไม่ใช่เฉพาะแค่เขตที่พรรคกล้าธรรมมี สส.
    .........
    Sondhi X
    ตบเท้าเข้า 'กล้าธรรม' 'ธรรมนัส' ขอทำงาน ไม่ทำใครก่อน แต่พร้อมเอาคืน . ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีทางทางการเมือง ภายหลังส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 20 คน ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ตบเท้าเข้าพรรคกล้าธรรมของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรค อย่างเป็นทางการ . ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เปิดเผยว่า "ตั้งแต่การรวมตัวกันตั้งรัฐบาล ได้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่บริหารบ้านเมือง พวกเราประกาศชัดเจนว่าจะสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ในเรื่องของฝ่ายกฎหมาย การเข้าเป็นสมาชิกพรรคใหม่ สังกัดใหม่ยังไม่สามารถทำได้จนกระทั่งมีมติชัดเจนให้ขับผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ กระบวนการทางกฎหมายเป็นที่ยุติว่าคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พร้อม สส. มีมติชัดเจน 3 ใน 4 ขับพวกผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นทั้ง 20 คน พร้อมกันสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว . ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้แจ้งประธานสภาเรียบร้อยแล้ว ว่าออกจากพรรคพลังประชารัฐ และขั้นตอนต่อไปในขณะนี้เรามีสมาชิก 24 ชีวิต ทั้งที่ย้ายมาเก่าและใหม่ในพรรคกล้าธรรม พร้อมย้ำว่าเรายังมีอีกหลายชีวิต แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องนำเสนอหรือชี้แจงตอนนี้ ดังนั้น วันนี้อยากจะฝากว่าเราทั้ง 24 ชีวิตที่ยืนอยู่บนเวที ณ เวลานี้ เราคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคกล้าธรรม . เมื่อถามว่า ตกลงว่า สส.ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมกี่คน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ตัวเลขคร่าวๆ ที่คุยกันไว้มากกว่า 30 คน ถ้ารวม 24 คนที่ยืนอยู่บนเวที แต่ขอเก็บความลับก่อน" คำตอบของร.อ.ธรรมนัส ภายหลังถูกผู้สื่อข่าวถามว่าตกลงว่า สส.ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรม กี่คน . “ที่ถามว่า อยากเป็นนู่นเป็นนี่หรือไม่ ถ้าได้เป็นก็เป็น ถ้าไม่ได้เป็นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ฉะนั้น พวกเราทั้ง 24 ชีวิตของการเป็น สส. เราจะทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติให้ดีที่สุด” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว . เมื่อถามว่า มีการมองว่า พรรคกล้าธรรมเป็นอะไหล่ของพรรคเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ณ เวลานี้เราคือพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน หากพรรคใหญ่พรรคแกนนำ มีนโยบายอย่างไรที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเราเห็นด้วย . “ไม่ได้คัดค้าน ไม่ใช่มีอะไรก็คัดค้านตลอด ไม่เอา ผมไม่ชอบหลอกคนอื่น พรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีการคุยกันก่อน ทุกครั้งที่มีวาระสำคัญที่เข้า ครม.หรือสภา พรรคไหนไม่เห็นด้วยบ่อยๆ ก็ควรจะแยกออกไป เราเห็นความเจริญของบ้านเมืองเป็นหลัก เราไม่คัดค้าน และเอาไปแอบอ้างอะไรเด็ดขาด เรามีหัวหน้าพรรคเป็นสุภาพสตรี พร้อมคุยกับทุกฝ่าย” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว . เมื่อถามว่า กลัวการเอาคืนของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “เราเป็นนักการเมือง ต้องทำงานสร้างสรรค์ สไตล์ผมไม่ทำใครก่อน ใครทำผม ผมเอาคืน” . ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า เรื่องการบริหารพรรค ตนได้มอบหมายให้นางนฤมลเป็นผู้ดูแล ส่วนจะตั้งตนเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค . ด้าน นางนฤมล กล่าวว่า พวกเราเป็นกลุ่มการเมืองที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มต้น มีอุดมการณ์เดียวกัน ทางพรรคได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราก็จะเดินหน้าทำงานเพื่อสนองนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ให้พี่น้องเกษตรกร ทุกจังหวัด ทุกเขตไม่ใช่เฉพาะแค่เขตที่พรรคกล้าธรรมมี สส. ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 984 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคเพื่อไทยยืนยัน ไม่ตั้ง "พานทองแท้" ประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    .
    รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยืนยันไม่แต่งตั้ง "พานทองแท้ ชินวัตร" ลูกชายทักษิญ เป็นประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ตามที่ไพศาล พืชมงคลโพสต์เอาไว้ ระบุเจ้าตัวไม่ได้เข้ามาร่วมรับตำแหน่งใดๆ โวยมีขบวนการปั้นข่าวเพื่อให้เกิดความสับสน
    .
    วันนี้ (17 ธ.ค.) จากกรณีที่นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ากลยุทธ์และแผนงานเศรษฐกิจแห่งชาติ โดยระบุว่า เพื่อกุมบังเหียนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความเจริญรุ่งเรืองโชติช่วงชัชวาลเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และอยู่ดีกินดีถ้วนหน้ากัน และเปรียบว่าขนาด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาวยังเป็นถึงนายกรัฐมนตรีได้ ทำไมพี่ชายถึงจะเป็นประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไม่ได้ ตามที่ปรากฎในโซเชียลมีเดียนั้น
    .
    ล่าสุด น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวในแพลตฟอร์ม X ว่า ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะในการประชุมสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคไม่มีมติแต่งตั้งใครหรือหรือตำแหน่งใดๆ เหล่านี้ ซึ่งข้อเท็จจริงนายพานทองแท้ ก็ไม่ได้เข้ามาร่วมรับตำแหน่งใดๆ ทั้งในพรรคเเละในรัฐบาลเลย ช่วงนี้กระบวนการแบบนี้มีให้เห็นเยอะขึ้นเรื่อยๆ การปั้นข่าวเพื่อให้เกิดความสับสน และพยายามทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล โชคดีว่าประเทศไทยไม่ใช่เมืองหนาว เลยไม่เหมาะกับการปั้นน้ำเป็นตัว
    .
    สำหรับนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค เกิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2522 เป็นลูกชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร กับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เกิดที่เมืองฮันต์สวิลล์ ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เคยทำธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพ ชีแอทมู้ด และคาเฟ่ชื่อ Cafeinn ที่สยามสแควร์ ซอย 2 นำเข้าและจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ยี่ห้อ เวอร์ทู รวมทั้งสัมปทานพื้นที่โฆษณาอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน และทำธุรกิจสวนสนุก Amazing Fun Park บริเวณถนนรัชดาภิเษก ในนาม บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด เมื่อปี 2548 กระทั่งปี 2552 นายพานทองแท้ ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี แต่ได้ปิดกิจการไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2567 และอาคารสถานีย่านถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้สี่แยกสุทธิสาร กำลังรีโนเวตเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของพรรคเพื่อไทย
    .
    ปัจจุบัน นายพานทองแท้เป็นกรรมการบริษัทที่ยังดำเนินกิจการอยู่ 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท ม็อกกิ้งเบิร์ด จำกัด ประกอบธุรกิจการจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่งานอื่นๆ ผ่านทางออนไลน์, บริษัท วอยซ์ ครีเอชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง บริษัท เรนด์ เพลินจิต โฮเต็ล จำกัด ประกอบธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด, บริษัท เวิร์คส์ ครีเอทีฟ จำกัด ประกอบกิจกรรมการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์ธุรกิจ, บริษัท ไวฟ์ ดิจิตอล จำกัด ประกอบธุรกิจ กิจกรรมการจัดทำโปรแกรมเว็บเพจและเครือข่ายตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ และบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมการผลิตรายการโทรทัศน์
    .
    ส่วนบริษัทที่เสร็จการชำระบัญชี มี 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท นิวโอ๊ค จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมการถ่ายภาพ, บริษัท มาสเตอร์ โฟน จำกัด ประกอบธุรกิจร้านขายปลีกอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม, บริษัท ฮาวคัม มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมของบริษัทโฆษณา, และบริษัท ฮาวคัม เอวี จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง และบริษัทที่มีสถานะเลิก ได้แก่ บริษัท โอคานิท จำกัด ประกอบธุรกิจการบริการด้านเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เป็นหลักในร้าน
    .
    อนึ่ง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายพานทองแท้ นั่งรถไฟขบวนพิเศษรอยัลบอสซั่มที่ 913 เพื่อเดินทางร่วมกับ สส.พรรคเพื่อไทย ไปยังโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาว ก่อนที่นายทักษิณจะร่วมขึ้นขบวนรถไฟที่สถานีบางบำหรุ เพราะอยู่ใกล้บ้านจันทร์ส่องหล้า จรัญสนิทวงศ์ 69
    .............
    Sondhi X
    พรรคเพื่อไทยยืนยัน ไม่ตั้ง "พานทองแท้" ประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ . รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยืนยันไม่แต่งตั้ง "พานทองแท้ ชินวัตร" ลูกชายทักษิญ เป็นประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ตามที่ไพศาล พืชมงคลโพสต์เอาไว้ ระบุเจ้าตัวไม่ได้เข้ามาร่วมรับตำแหน่งใดๆ โวยมีขบวนการปั้นข่าวเพื่อให้เกิดความสับสน . วันนี้ (17 ธ.ค.) จากกรณีที่นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ากลยุทธ์และแผนงานเศรษฐกิจแห่งชาติ โดยระบุว่า เพื่อกุมบังเหียนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความเจริญรุ่งเรืองโชติช่วงชัชวาลเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และอยู่ดีกินดีถ้วนหน้ากัน และเปรียบว่าขนาด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาวยังเป็นถึงนายกรัฐมนตรีได้ ทำไมพี่ชายถึงจะเป็นประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไม่ได้ ตามที่ปรากฎในโซเชียลมีเดียนั้น . ล่าสุด น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวในแพลตฟอร์ม X ว่า ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะในการประชุมสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคไม่มีมติแต่งตั้งใครหรือหรือตำแหน่งใดๆ เหล่านี้ ซึ่งข้อเท็จจริงนายพานทองแท้ ก็ไม่ได้เข้ามาร่วมรับตำแหน่งใดๆ ทั้งในพรรคเเละในรัฐบาลเลย ช่วงนี้กระบวนการแบบนี้มีให้เห็นเยอะขึ้นเรื่อยๆ การปั้นข่าวเพื่อให้เกิดความสับสน และพยายามทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล โชคดีว่าประเทศไทยไม่ใช่เมืองหนาว เลยไม่เหมาะกับการปั้นน้ำเป็นตัว . สำหรับนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค เกิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2522 เป็นลูกชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร กับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เกิดที่เมืองฮันต์สวิลล์ ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เคยทำธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพ ชีแอทมู้ด และคาเฟ่ชื่อ Cafeinn ที่สยามสแควร์ ซอย 2 นำเข้าและจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ยี่ห้อ เวอร์ทู รวมทั้งสัมปทานพื้นที่โฆษณาอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน และทำธุรกิจสวนสนุก Amazing Fun Park บริเวณถนนรัชดาภิเษก ในนาม บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด เมื่อปี 2548 กระทั่งปี 2552 นายพานทองแท้ ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี แต่ได้ปิดกิจการไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2567 และอาคารสถานีย่านถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้สี่แยกสุทธิสาร กำลังรีโนเวตเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของพรรคเพื่อไทย . ปัจจุบัน นายพานทองแท้เป็นกรรมการบริษัทที่ยังดำเนินกิจการอยู่ 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท ม็อกกิ้งเบิร์ด จำกัด ประกอบธุรกิจการจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่งานอื่นๆ ผ่านทางออนไลน์, บริษัท วอยซ์ ครีเอชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง บริษัท เรนด์ เพลินจิต โฮเต็ล จำกัด ประกอบธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด, บริษัท เวิร์คส์ ครีเอทีฟ จำกัด ประกอบกิจกรรมการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์ธุรกิจ, บริษัท ไวฟ์ ดิจิตอล จำกัด ประกอบธุรกิจ กิจกรรมการจัดทำโปรแกรมเว็บเพจและเครือข่ายตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ และบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมการผลิตรายการโทรทัศน์ . ส่วนบริษัทที่เสร็จการชำระบัญชี มี 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท นิวโอ๊ค จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมการถ่ายภาพ, บริษัท มาสเตอร์ โฟน จำกัด ประกอบธุรกิจร้านขายปลีกอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม, บริษัท ฮาวคัม มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมของบริษัทโฆษณา, และบริษัท ฮาวคัม เอวี จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง และบริษัทที่มีสถานะเลิก ได้แก่ บริษัท โอคานิท จำกัด ประกอบธุรกิจการบริการด้านเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เป็นหลักในร้าน . อนึ่ง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายพานทองแท้ นั่งรถไฟขบวนพิเศษรอยัลบอสซั่มที่ 913 เพื่อเดินทางร่วมกับ สส.พรรคเพื่อไทย ไปยังโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาว ก่อนที่นายทักษิณจะร่วมขึ้นขบวนรถไฟที่สถานีบางบำหรุ เพราะอยู่ใกล้บ้านจันทร์ส่องหล้า จรัญสนิทวงศ์ 69 ............. Sondhi X
    Haha
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1287 มุมมอง 0 รีวิว
  • มติพลังประชารัฐ ขับ 20 สส.กลุ่มธรรมนัสพ้นพรรค ปัดแลกเปลี่ยนคดีภูนับดาว
    .
    ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ 20 สส. ก๊วน "ร.อ.​ธรรมนัส" พ้นพรรค ​อ้าง​อุดมการณ์ไม่ตรงกัน​ ยันไม่มีข้อแลกเปลี่ยนกับคดี "ภูนับดาว" โยงคนใกล้ชิด "​บิ๊กป้อม" ​เตรียมเสนอที่ประชุมร่วม​ กก.บห. และ สส. ลงมติพรุ่งนี้
    .
    วันนี้ (20 ธ.ค.) นายไพบูลย์​ นิติตะวัน​ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังประชุมพรรคว่า​ ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยตามที่ตนในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบ กรณี สส. พรรค​พลังประชารัฐ 20 คน มีการกระทำอาจฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ และเสนอว่าการกระทำของสมาชิกพรรคทั้ง 20 คน มีเหตุจากแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างอย่างสิ้นเชิง กับแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐคนอื่น​ เกินกว่าจะแก้ไขทำความเข้าใจให้เป็นไปแนวทางเดียวกันได้
    .
    เหตุดังกล่าวเห็นว่า สส. ทั้ง 20 คนนั้น มีการกระทำลักษณะที่มีเหตุร้ายแรงอย่างอื่นตามข้อบังคับ 54 (4) ตนในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบและเลขาธิการพรรค จึงเสนอให้ที่ประชุมมีมติให้สมาชิกภาพของทั้ง 20 คนสิ้นสุดลง ตามข้อบังคับ 54 (5) และววรค 2 และขอให้ที่ประชุมมีมติให้มีการประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคและ สส. ​พรรคพลังประชารัฐเพื่อพิจารณาลงมติ ตามข้อบังคับที่ 54 (5) และวรรค 2 ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค. เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา​ ซึ่งที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐวันนี้ เป็นการเห็นชอบชั้นที่ 1 แต่ในวันพรุ่งนี้จะต้องมีการลงมติโดยใช้เสียง 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมกัน ระหว่างคณะกรรมการบริหารและ สส. ​พรรคพลังประชารัฐ
    .
    เมื่อถามว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ หรือมีการแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกับคดีของคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดิน ส.ป.ก. ไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น เป็นไปตามที่ตนแถลง โดยยืนยันว่าเป็นการจากกันด้วยดี เพราะแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราพยายามที่จะพูดคุยประสาน เพื่อที่จะให้มาในแนวทางเดียวกัน แต่คิดว่าเมื่อเป็นไปไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเหตุที่ร้ายแรงอื่น ซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมายควรจะมีมติให้ สส. ทั้ง 20 คนพ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อถามย้ำว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ ย้ำว่า ขอให้ผู้สื่อข่าวฟังเอาเอง แต่ความรู้สึกตนนั้นทุกอย่างดำเนินการไปตามกระบวนการ เราพยายามพูดคุยกันแล้ว หากไม่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ก็ไม่เป็นไร เมื่อไม่มี ก็ต่างฝ่ายต่างรักษาอุดมการณ์ของตัวเองไป ไม่มีปัญหาอะไร
    .
    นายไพบูลย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรควันนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากไม่สบาย แต่ก็เห็นด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นดำริที่ท่านเห็นชอบอยู่แล้ว ดังนั้นถือว่าเป็นมติของกรรมการบริหารพรรคไปแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 40 คน โดยต้องขอเสียงมติในที่ประชุม 3 ใน 4 ทั้งนี้จะเชิญ สส. ทั้ง 20 คน ที่ยังเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมด้วย เพื่อขอมติในที่ประชุมเพื่อขอมติให้ได้เสียง 3 ใน 4 โดยเราได้มีการแจ้งคนกลุ่มนี้ไปแล้ว และเขาเองก็จะมาร่วมประชุมด้วย
    .
    สำหรับ สส. พรรคพลังประชารัฐที่จะขับออกจากพรรค ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เขต 1 นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 3 นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา เขต 3 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 5 นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี เขต 2 นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1
    .
    นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร เขต 2 นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก เขต 3 นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี เขต 10 นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 4 นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 เป็นต้น
    .............
    Sondhi X
    มติพลังประชารัฐ ขับ 20 สส.กลุ่มธรรมนัสพ้นพรรค ปัดแลกเปลี่ยนคดีภูนับดาว . ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ 20 สส. ก๊วน "ร.อ.​ธรรมนัส" พ้นพรรค ​อ้าง​อุดมการณ์ไม่ตรงกัน​ ยันไม่มีข้อแลกเปลี่ยนกับคดี "ภูนับดาว" โยงคนใกล้ชิด "​บิ๊กป้อม" ​เตรียมเสนอที่ประชุมร่วม​ กก.บห. และ สส. ลงมติพรุ่งนี้ . วันนี้ (20 ธ.ค.) นายไพบูลย์​ นิติตะวัน​ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังประชุมพรรคว่า​ ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยตามที่ตนในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบ กรณี สส. พรรค​พลังประชารัฐ 20 คน มีการกระทำอาจฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ และเสนอว่าการกระทำของสมาชิกพรรคทั้ง 20 คน มีเหตุจากแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างอย่างสิ้นเชิง กับแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐคนอื่น​ เกินกว่าจะแก้ไขทำความเข้าใจให้เป็นไปแนวทางเดียวกันได้ . เหตุดังกล่าวเห็นว่า สส. ทั้ง 20 คนนั้น มีการกระทำลักษณะที่มีเหตุร้ายแรงอย่างอื่นตามข้อบังคับ 54 (4) ตนในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบและเลขาธิการพรรค จึงเสนอให้ที่ประชุมมีมติให้สมาชิกภาพของทั้ง 20 คนสิ้นสุดลง ตามข้อบังคับ 54 (5) และววรค 2 และขอให้ที่ประชุมมีมติให้มีการประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคและ สส. ​พรรคพลังประชารัฐเพื่อพิจารณาลงมติ ตามข้อบังคับที่ 54 (5) และวรรค 2 ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค. เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา​ ซึ่งที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐวันนี้ เป็นการเห็นชอบชั้นที่ 1 แต่ในวันพรุ่งนี้จะต้องมีการลงมติโดยใช้เสียง 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมกัน ระหว่างคณะกรรมการบริหารและ สส. ​พรรคพลังประชารัฐ . เมื่อถามว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ หรือมีการแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกับคดีของคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดิน ส.ป.ก. ไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น เป็นไปตามที่ตนแถลง โดยยืนยันว่าเป็นการจากกันด้วยดี เพราะแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราพยายามที่จะพูดคุยประสาน เพื่อที่จะให้มาในแนวทางเดียวกัน แต่คิดว่าเมื่อเป็นไปไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเหตุที่ร้ายแรงอื่น ซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมายควรจะมีมติให้ สส. ทั้ง 20 คนพ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อถามย้ำว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ ย้ำว่า ขอให้ผู้สื่อข่าวฟังเอาเอง แต่ความรู้สึกตนนั้นทุกอย่างดำเนินการไปตามกระบวนการ เราพยายามพูดคุยกันแล้ว หากไม่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ก็ไม่เป็นไร เมื่อไม่มี ก็ต่างฝ่ายต่างรักษาอุดมการณ์ของตัวเองไป ไม่มีปัญหาอะไร . นายไพบูลย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรควันนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากไม่สบาย แต่ก็เห็นด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นดำริที่ท่านเห็นชอบอยู่แล้ว ดังนั้นถือว่าเป็นมติของกรรมการบริหารพรรคไปแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 40 คน โดยต้องขอเสียงมติในที่ประชุม 3 ใน 4 ทั้งนี้จะเชิญ สส. ทั้ง 20 คน ที่ยังเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมด้วย เพื่อขอมติในที่ประชุมเพื่อขอมติให้ได้เสียง 3 ใน 4 โดยเราได้มีการแจ้งคนกลุ่มนี้ไปแล้ว และเขาเองก็จะมาร่วมประชุมด้วย . สำหรับ สส. พรรคพลังประชารัฐที่จะขับออกจากพรรค ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เขต 1 นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 3 นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา เขต 3 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 5 นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี เขต 2 นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 . นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร เขต 2 นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก เขต 3 นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี เขต 10 นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 4 นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 เป็นต้น ............. Sondhi X
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1372 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงบ้านป่า เก้าอี้ร้อน หวานใจถูกตรวจสอบเส้นเงิน
    คนบ้านป่าคงร้อนรุ่มใจยิ่งนัก หลังทําท่าว่ากล่องดวงใจคนสําคัญ กําลังจะโดนฝ่ายตรงข้ามการเมืองไล่ทุบหนักเพราะจากเดิมเป็นแค่กระแสข่าวว่าทางตํารวจ ดีเอฟไอ ปปง จะดําเนินคดีหวานใจ บิ๊กเนมการเมืองอดีตรองนายกรัฐมนตรีเพราะพบเส้นทางการเงินหวานใจคนดังกล่าว ไปพันกับธุรกิจ ธุรกรรมการทํารีสอร์ทหรูในไร่แห่งหนึ่งที่สระบุรี
    ที่เคยถูกตรวจสอบพบว่าบุกรุกที่ สปก โดยเป็นข่าวมาได้หลายสัปดาห์แล้วแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น แต่เรื่องนี้กลับมาร้อนแรงขึ้นทันทีหลังบิ๊กเต่า รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ยอมรับว่าตอนนี้ตํารวจได้ร่วมกับปปช ปปทและธนดล สุวรรณฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตร สืบสวนทางลึกเพื่อขยายผลกรณีก่อนหน้านี้ เข้าตรวจสอบรีสอร์ทหรูแห่งหนึ่ง จังหวัดสระบุรี บุกรุกครอบครองที่ สปก โดยไม่ชอบ ต่อมามีการขยายผลพบเส้นการเงิน ผู้บริหารรีสอร์ท โยงถึงบุคคลใกล้ชิดของผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองพรรคหนึ่งประมาณ 10ล้านบาทเชื่อมโยงหวานใจบิ๊กเนมคนดังกล่าว
    โดยเส้นทางเงินเกิดขึ้นในช่วงพรรคการเมืองของผู้ใหญ่คนดังกล่าวกําลังมีอํานาจอันเป็นท่าทีของบิ๊กเต่า ที่สอดประสานเล่นคีย์โน้ตเดียวกับธนดล สุวรรณฤทธิ์ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรตั้งแต่ยุคร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่าเป็นรัฐมนตรีเกษตร
    ธนดลออกมาระบุว่ามีการขยายผลการตรวจสอบรีสอร์ทดังกล่าวพบว่าเรื่องนี้มีหวานใจอดีตรองนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยพร้อม บอกให้จับตาเดือนธันวาคมนี้จะมีข่าวใหญ่อ้างว่าตรวจสอบแล้วพบเส้นทางการเงิน ที่ถูกโอนจากบริษัทของนักธุรกิจผู้บริหารรีสอร์ทเข้าบัญชีของหญิงคนสนิท 5 ครั้งในวันเดียวกัน ครั้งละ 2,000,000รวม เป็นเงิน 10,000,000 โอนมาเป็นเงินติดล้อเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ จับอาการทั้งธนดล เด็กปั้นธรรมนัสที่แตกหักบ้านป่ารอยต่อแล้วเลือกอยู่กับ ทักษิณ ชินวัตรที่ ส่งธนดล เดินหน้าตรวจสอบหวานใจบิ๊กเนมการเมืองคนดังกล่าว
    แวดวงการเมืองรู้กันดีว่าใครคือ หวานใจบิ๊กการเมืองคนดังกล่าว แค่ไปแกะรอยข่าวคําให้สัมภาษณ์ของ ดร นฤมล รัฐมนตรีเกษตร ที่สื่อถามถึงเรื่องการตรวจสอบการรุกที่ สปก ที่สระบุรี โดยสื่อเอ่ยชื่อ พล อ ประวิตร วงษ์สุวรรณอย่างน้อย 2 รอบปรากฏว่าด็อกเตอร์นฤมล อดีตคนพลังประชารัฐที่เข้าออกบ้านป่ารอยต่อแบบไม่ต้องจองคิวนัด แม้จะอ้ําๆอึงๆที่เจอคําถามเอ่ยชื่อถึงอดีตบอสการเมืองของตัวเองแบบตรงตรง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเพียงแต่ออกตัวตีกรรเชียงชิ่งว่ายังไม่ได้รับรายงานโดยไม่ได้ปฏิเสธหลังสื่อ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ลุงบ้านป่า เก้าอี้ร้อน หวานใจถูกตรวจสอบเส้นเงิน คนบ้านป่าคงร้อนรุ่มใจยิ่งนัก หลังทําท่าว่ากล่องดวงใจคนสําคัญ กําลังจะโดนฝ่ายตรงข้ามการเมืองไล่ทุบหนักเพราะจากเดิมเป็นแค่กระแสข่าวว่าทางตํารวจ ดีเอฟไอ ปปง จะดําเนินคดีหวานใจ บิ๊กเนมการเมืองอดีตรองนายกรัฐมนตรีเพราะพบเส้นทางการเงินหวานใจคนดังกล่าว ไปพันกับธุรกิจ ธุรกรรมการทํารีสอร์ทหรูในไร่แห่งหนึ่งที่สระบุรี ที่เคยถูกตรวจสอบพบว่าบุกรุกที่ สปก โดยเป็นข่าวมาได้หลายสัปดาห์แล้วแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น แต่เรื่องนี้กลับมาร้อนแรงขึ้นทันทีหลังบิ๊กเต่า รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ยอมรับว่าตอนนี้ตํารวจได้ร่วมกับปปช ปปทและธนดล สุวรรณฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตร สืบสวนทางลึกเพื่อขยายผลกรณีก่อนหน้านี้ เข้าตรวจสอบรีสอร์ทหรูแห่งหนึ่ง จังหวัดสระบุรี บุกรุกครอบครองที่ สปก โดยไม่ชอบ ต่อมามีการขยายผลพบเส้นการเงิน ผู้บริหารรีสอร์ท โยงถึงบุคคลใกล้ชิดของผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองพรรคหนึ่งประมาณ 10ล้านบาทเชื่อมโยงหวานใจบิ๊กเนมคนดังกล่าว โดยเส้นทางเงินเกิดขึ้นในช่วงพรรคการเมืองของผู้ใหญ่คนดังกล่าวกําลังมีอํานาจอันเป็นท่าทีของบิ๊กเต่า ที่สอดประสานเล่นคีย์โน้ตเดียวกับธนดล สุวรรณฤทธิ์ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรตั้งแต่ยุคร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่าเป็นรัฐมนตรีเกษตร ธนดลออกมาระบุว่ามีการขยายผลการตรวจสอบรีสอร์ทดังกล่าวพบว่าเรื่องนี้มีหวานใจอดีตรองนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยพร้อม บอกให้จับตาเดือนธันวาคมนี้จะมีข่าวใหญ่อ้างว่าตรวจสอบแล้วพบเส้นทางการเงิน ที่ถูกโอนจากบริษัทของนักธุรกิจผู้บริหารรีสอร์ทเข้าบัญชีของหญิงคนสนิท 5 ครั้งในวันเดียวกัน ครั้งละ 2,000,000รวม เป็นเงิน 10,000,000 โอนมาเป็นเงินติดล้อเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ จับอาการทั้งธนดล เด็กปั้นธรรมนัสที่แตกหักบ้านป่ารอยต่อแล้วเลือกอยู่กับ ทักษิณ ชินวัตรที่ ส่งธนดล เดินหน้าตรวจสอบหวานใจบิ๊กเนมการเมืองคนดังกล่าว แวดวงการเมืองรู้กันดีว่าใครคือ หวานใจบิ๊กการเมืองคนดังกล่าว แค่ไปแกะรอยข่าวคําให้สัมภาษณ์ของ ดร นฤมล รัฐมนตรีเกษตร ที่สื่อถามถึงเรื่องการตรวจสอบการรุกที่ สปก ที่สระบุรี โดยสื่อเอ่ยชื่อ พล อ ประวิตร วงษ์สุวรรณอย่างน้อย 2 รอบปรากฏว่าด็อกเตอร์นฤมล อดีตคนพลังประชารัฐที่เข้าออกบ้านป่ารอยต่อแบบไม่ต้องจองคิวนัด แม้จะอ้ําๆอึงๆที่เจอคําถามเอ่ยชื่อถึงอดีตบอสการเมืองของตัวเองแบบตรงตรง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเพียงแต่ออกตัวตีกรรเชียงชิ่งว่ายังไม่ได้รับรายงานโดยไม่ได้ปฏิเสธหลังสื่อ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 845 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บิ๊กป้อม" ให้สัมภาษณ์สื่อทางโทรศัพท์ แจงปม นางสาว ช.คนข้างกาย มีเอี่ยวรีสอร์ตรุกที่ดิน ส.ป.ก.ตอบสั้นๆ ไม่มีอะไร ไม่เคยทำผิดอะไร ก่อนตัดสาย

    วันนี้(3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.15 น.จากกรณีที่มีข่าวไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.และเชื่อมโยงไปถึง นางสาว ช. คนข้างกายอดีตรองนายกฯ ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์หา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หัวพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เพื่อขอสัมภาษณ์ โดยพยายามถามถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไร ไม่เคยทำอะไรผิดเลย

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะชี้แจงหรือแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่ออกมาแฉหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ถามกลับ ว่า อะไรนะ

    ผู้สื่อข่าวพยายามอธิบายคำถามดังกล่าวอีก แต่ปรากฎว่า พล.อ.ประวิตร ได้ตัดสายโทรศัพท์ไปแล้ว

    #MGROnline #บิ๊กป้อม
    "บิ๊กป้อม" ให้สัมภาษณ์สื่อทางโทรศัพท์ แจงปม นางสาว ช.คนข้างกาย มีเอี่ยวรีสอร์ตรุกที่ดิน ส.ป.ก.ตอบสั้นๆ ไม่มีอะไร ไม่เคยทำผิดอะไร ก่อนตัดสาย • วันนี้(3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.15 น.จากกรณีที่มีข่าวไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.และเชื่อมโยงไปถึง นางสาว ช. คนข้างกายอดีตรองนายกฯ ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์หา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หัวพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เพื่อขอสัมภาษณ์ โดยพยายามถามถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไร ไม่เคยทำอะไรผิดเลย • เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะชี้แจงหรือแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่ออกมาแฉหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ถามกลับ ว่า อะไรนะ • ผู้สื่อข่าวพยายามอธิบายคำถามดังกล่าวอีก แต่ปรากฎว่า พล.อ.ประวิตร ได้ตัดสายโทรศัพท์ไปแล้ว • #MGROnline #บิ๊กป้อม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนบ้านป่า น่าจะร้อนรุ่มใจยิ่งนัก หลังหวานใจคนสำคัญ กำลังจะโดนฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ไล่ทุบหนัก!!!

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #บ้านป่ารอยต่อ #พลเอกประวิตร # บิ๊กป้อม #ทุบกล่องดวงใจ
    คนบ้านป่า น่าจะร้อนรุ่มใจยิ่งนัก หลังหวานใจคนสำคัญ กำลังจะโดนฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ไล่ทุบหนัก!!! #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #บ้านป่ารอยต่อ #พลเอกประวิตร # บิ๊กป้อม #ทุบกล่องดวงใจ
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1132 มุมมอง 81 0 รีวิว
  • "ประวิตร" บอกสื่อ “ผมไม่รู้” ก่อนตัดสายทิ้ง หลัง “สามารถ” ถูกตำรวจ จับคดีฟอกเงิน หลังมีคลิปเสียงนักการเมืองเรียกรับทรัพย์ดิไอคอน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113250

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ประวิตร" บอกสื่อ “ผมไม่รู้” ก่อนตัดสายทิ้ง หลัง “สามารถ” ถูกตำรวจ จับคดีฟอกเงิน หลังมีคลิปเสียงนักการเมืองเรียกรับทรัพย์ดิไอคอน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113250 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1189 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธินัด 2 ธ.ค. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ชี้แจงเอ็มโอยู 44
    .
    สนธิ ลิ้มทองกุล เตรียมยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ชี้เรื่องนี้เรื่องใหญ่ จ่อสูญเสียอธิปไตยเช่นเดียวกรณีปราสาทพระวิหาร ชี้มีพระบรมราชโองการ รัชกาลที่ 9 ยึดหลักกฎหมายทะเลสากล
    .
    วันนี้ (25 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จะไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯ ชี้แจงกรณีเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ไม่สามารถยกเลิกได้
    .
    โดยนายสนธิเห็นว่าการที่นายภูมิธรรมพูด แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเอ็มโอยูเป็นข้อตกลงเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หากไม่พอใจข้อตกลงก็สามารถถอนตัวได้ พร้อมกันนี้ ถ้าหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อมูล ก็อยากจะเสนอให้นายภูมิธรรมมาออกรายการโทรทัศน์สาธารณะ ซึ่งฝั่งตนจะอธิบายและคัดค้านด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ตนขอถามว่า การที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งทหารเรือหยุดลาดตระเวนโดยรอบเกาะกูดเป็นคำสั่งของนายภูมิธรรมหรือไม่ ถ้าสั่งจริงก็เหมือนกับจะยกพื้นที่ให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่
    .
    สำหรับที่มาที่ไปของเอ็มโอยู 2544 คนที่ลงนามเป็นคนแรกคือ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เคยมีความพยายามยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ทันนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องเอ็มโอยู 2544 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น การที่ยอมรับเอ็มโอยู 2544 เท่ากับเป็นการยอมรับกัมพูชาลากเส้นทางทะเลรุกล้ำเขตแดนฝั่งไทย ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ 9 เคยมีพระบรมราชโองการและหลักฐานชัดเจนว่าถ้าจะมีการเจรจาให้ยึดกฎหมายทะเลสากลเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึง
    .
    “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของการสูญเสียอธิปไตยไป เราสูญเสียเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว ยุคนั้นเขมรไปฟ้องศาลโลก เราเตือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วว่าอย่าไป เพราะเราไม่ยอมรับศาลโลก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงว่ายอมรับความเป็นสากล ผลปรากฎว่าเราแพ้ วันนี้เราใช้กฎหมายทะเลสากล เขมรก็ไม่ยอมรับตรงนี้ แต่กลับกันสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับยอมรับศาลโลกได้ มันเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมาก คนๆ หนึ่งจะตัดสินใจคนละแบบได้อย่างไร ถ้าเราจะเจรจากับเขมรด้วยหลักการเอ็มโอยู 2544 เราจะสูญเสียอธิปไตยอย่างแน่นอน ประชาชนรับได้หรือไม่ที่นายทักษิณพูดว่า ช่างมันเถอะ แบ่งผลประโยชน์กัน 50-50 คุณทักษิณพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ไม่พูดเรื่องอธิปไตยของชาติ“ นายสนธิ กล่าว
    .
    นายสนธิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่พูดถึงพระบรมราชโองการของรัฐบาลที่ 9 ซึ่งประกาศออกมาในปี 2516 ว่ามีหลักการแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะพระบรมราชโองการเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคำสั่งของจอมทัพ ของประมุขประเทศ คนอื่นจะไปทำเป็นอย่างอื่นย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เป็นเรื่องใหญ่
    ........
    Sondhi X
    สนธินัด 2 ธ.ค. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ชี้แจงเอ็มโอยู 44 . สนธิ ลิ้มทองกุล เตรียมยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ชี้เรื่องนี้เรื่องใหญ่ จ่อสูญเสียอธิปไตยเช่นเดียวกรณีปราสาทพระวิหาร ชี้มีพระบรมราชโองการ รัชกาลที่ 9 ยึดหลักกฎหมายทะเลสากล . วันนี้ (25 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จะไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯ ชี้แจงกรณีเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ไม่สามารถยกเลิกได้ . โดยนายสนธิเห็นว่าการที่นายภูมิธรรมพูด แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเอ็มโอยูเป็นข้อตกลงเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หากไม่พอใจข้อตกลงก็สามารถถอนตัวได้ พร้อมกันนี้ ถ้าหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อมูล ก็อยากจะเสนอให้นายภูมิธรรมมาออกรายการโทรทัศน์สาธารณะ ซึ่งฝั่งตนจะอธิบายและคัดค้านด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ตนขอถามว่า การที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งทหารเรือหยุดลาดตระเวนโดยรอบเกาะกูดเป็นคำสั่งของนายภูมิธรรมหรือไม่ ถ้าสั่งจริงก็เหมือนกับจะยกพื้นที่ให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่ . สำหรับที่มาที่ไปของเอ็มโอยู 2544 คนที่ลงนามเป็นคนแรกคือ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เคยมีความพยายามยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ทันนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องเอ็มโอยู 2544 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น การที่ยอมรับเอ็มโอยู 2544 เท่ากับเป็นการยอมรับกัมพูชาลากเส้นทางทะเลรุกล้ำเขตแดนฝั่งไทย ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ 9 เคยมีพระบรมราชโองการและหลักฐานชัดเจนว่าถ้าจะมีการเจรจาให้ยึดกฎหมายทะเลสากลเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึง . “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของการสูญเสียอธิปไตยไป เราสูญเสียเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว ยุคนั้นเขมรไปฟ้องศาลโลก เราเตือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วว่าอย่าไป เพราะเราไม่ยอมรับศาลโลก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงว่ายอมรับความเป็นสากล ผลปรากฎว่าเราแพ้ วันนี้เราใช้กฎหมายทะเลสากล เขมรก็ไม่ยอมรับตรงนี้ แต่กลับกันสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับยอมรับศาลโลกได้ มันเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมาก คนๆ หนึ่งจะตัดสินใจคนละแบบได้อย่างไร ถ้าเราจะเจรจากับเขมรด้วยหลักการเอ็มโอยู 2544 เราจะสูญเสียอธิปไตยอย่างแน่นอน ประชาชนรับได้หรือไม่ที่นายทักษิณพูดว่า ช่างมันเถอะ แบ่งผลประโยชน์กัน 50-50 คุณทักษิณพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ไม่พูดเรื่องอธิปไตยของชาติ“ นายสนธิ กล่าว . นายสนธิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่พูดถึงพระบรมราชโองการของรัฐบาลที่ 9 ซึ่งประกาศออกมาในปี 2516 ว่ามีหลักการแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะพระบรมราชโองการเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคำสั่งของจอมทัพ ของประมุขประเทศ คนอื่นจะไปทำเป็นอย่างอื่นย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เป็นเรื่องใหญ่ ........ Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    12
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1593 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สามารถ” ชิงลาออกพ้นพรรค​ พปชร.​ เซ่นปมคลิปฉาว เรียกรับทรัพย์ดิไอคอน​ “ไพบูลย์” บอกยื่นตั้งแต่ 25 ต.ค.แต่ไม่ได้แจ้งพรรค

    วันนี้ (29 ต.ค.) ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ถึงกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช​ อดีตรองโฆษกพรรค พปชร.ถูกพาดพิงเรื่องคลิปเสียงคดีดิไอคอน ว่า นายสามารถ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต. ได้ส่งหนังสือลาออกมาแล้ว ยืนยันว่า นายสามารถ ลาออกเอง

    ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.เปิดเผยว่า นายสามารถ​ ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคต่​อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว​ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. โดยที่ไม่ได้แจ้งพรรค ขณะที่หนังสือลาออกได้มาถึงพรรคในวันนี้

    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยในที่ประชุมพรรคได้มีการพูดคุยถึงนายสามารถ แต่เนื่องจากมีหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสามารถส่งมา พรรคจึงมีมติรับทราบ ทำให้พรรคไม่ต้องใช้มติพรรคในการขับนายสามารถ

    #MGROnline #พรรคพลังประชารัฐ
    “สามารถ” ชิงลาออกพ้นพรรค​ พปชร.​ เซ่นปมคลิปฉาว เรียกรับทรัพย์ดิไอคอน​ “ไพบูลย์” บอกยื่นตั้งแต่ 25 ต.ค.แต่ไม่ได้แจ้งพรรค • วันนี้ (29 ต.ค.) ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ถึงกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช​ อดีตรองโฆษกพรรค พปชร.ถูกพาดพิงเรื่องคลิปเสียงคดีดิไอคอน ว่า นายสามารถ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต. ได้ส่งหนังสือลาออกมาแล้ว ยืนยันว่า นายสามารถ ลาออกเอง • ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.เปิดเผยว่า นายสามารถ​ ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคต่​อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว​ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. โดยที่ไม่ได้แจ้งพรรค ขณะที่หนังสือลาออกได้มาถึงพรรคในวันนี้ • ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยในที่ประชุมพรรคได้มีการพูดคุยถึงนายสามารถ แต่เนื่องจากมีหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสามารถส่งมา พรรคจึงมีมติรับทราบ ทำให้พรรคไม่ต้องใช้มติพรรคในการขับนายสามารถ • #MGROnline #พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลทุจริตฯรับไต่สวนคดี ‘วีระ’ ฟ้อง ป.ป.ช.จงใจปกปิดสอบสวนสำนวนคดี ‘นาฬิกาเพื่อน’
    .
    อังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งให้รับคดีคุณวีระ สมความคิด ที่ฟ้อง ป.ป.ช. ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 95/2567 ลงวันที่ 22 ตุลาคม ในคำสั่งระบุว่า ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตภาค 1 ฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ 2559 มาตรา 15 จึงเห็นควรรับฟ้องโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง
    .
    กรณี "แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ปี 2561 ว่าคดีเรื่องการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงนั้น ป.ป.ช. มีมติว่าไม่มีมูลเพียงพอ สร้างแรงสั่นสะเทือนและข้อกังขาให้ผู้คนในสังคมวงกว้าง
    .
    จนกระทั่ง "นักร้องระดับชาติ" คุณวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ยื่นเรื่องให้มีการเปิดเผยสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว แต่ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้เสียที แม้กระทั่งมีคำสั่งศาลปกครองแล้ว ศาลสั่งปรับก็แล้ว องค์กร ป.ป.ช. ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กับนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่เกษียณแล้วทั้งคู่ ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆจงใจปกปิดข้อมูล
    .
    กรณีนี้เนื่องจากคุณวีระ สมความคิด เป็นผู้เสียหายโดยตรงอย่างชัดเจน เพราะมีคำสั่งศาลมาแล้วในหลายครั้ง กรณีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงต้องรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    .
    อย่างไรก็ตาม คุณวีระ ก็มีข้อจำกัด คือต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งศาลให้ได้ภายใน 7 วัน คือภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2567 คุณวีระ ต้องรวบรวมเอกสารส่งศาลให้ครบถ้วน ซึ่งเวลาก็รวบรัดมาก คดีนี้พวกเรามาให้กำลังใจคุณวีระ กันหน่อยครับ ถือว่าเป็นคดีที่คุณวีระ สุ่มเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าคุณวีระตายคนเดียว อีก 12 คน ก็จะรอด แต่ถ้าคุณวีระรอด อีก 12 คน ก็อาจจะตายแทนก็ได้ครับ

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/iXeVUMagHP8Ewo9T/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ศาลทุจริตฯรับไต่สวนคดี ‘วีระ’ ฟ้อง ป.ป.ช.จงใจปกปิดสอบสวนสำนวนคดี ‘นาฬิกาเพื่อน’ . อังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งให้รับคดีคุณวีระ สมความคิด ที่ฟ้อง ป.ป.ช. ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 95/2567 ลงวันที่ 22 ตุลาคม ในคำสั่งระบุว่า ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตภาค 1 ฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ 2559 มาตรา 15 จึงเห็นควรรับฟ้องโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง . กรณี "แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ปี 2561 ว่าคดีเรื่องการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงนั้น ป.ป.ช. มีมติว่าไม่มีมูลเพียงพอ สร้างแรงสั่นสะเทือนและข้อกังขาให้ผู้คนในสังคมวงกว้าง . จนกระทั่ง "นักร้องระดับชาติ" คุณวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ยื่นเรื่องให้มีการเปิดเผยสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว แต่ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้เสียที แม้กระทั่งมีคำสั่งศาลปกครองแล้ว ศาลสั่งปรับก็แล้ว องค์กร ป.ป.ช. ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กับนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่เกษียณแล้วทั้งคู่ ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆจงใจปกปิดข้อมูล . กรณีนี้เนื่องจากคุณวีระ สมความคิด เป็นผู้เสียหายโดยตรงอย่างชัดเจน เพราะมีคำสั่งศาลมาแล้วในหลายครั้ง กรณีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงต้องรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ . อย่างไรก็ตาม คุณวีระ ก็มีข้อจำกัด คือต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งศาลให้ได้ภายใน 7 วัน คือภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2567 คุณวีระ ต้องรวบรวมเอกสารส่งศาลให้ครบถ้วน ซึ่งเวลาก็รวบรัดมาก คดีนี้พวกเรามาให้กำลังใจคุณวีระ กันหน่อยครับ ถือว่าเป็นคดีที่คุณวีระ สุ่มเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าคุณวีระตายคนเดียว อีก 12 คน ก็จะรอด แต่ถ้าคุณวีระรอด อีก 12 คน ก็อาจจะตายแทนก็ได้ครับ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/iXeVUMagHP8Ewo9T/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 956 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลทุจริตฯรับไต่สวนคดี ‘วีระ’ ฟ้อง ป.ป.ช.จงใจปกปิดสอบสวนสำนวนคดี ‘นาฬิกาเพื่อน’
    .
    อังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งให้รับคดีคุณวีระ สมความคิด ที่ฟ้อง ป.ป.ช. ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 95/2567 ลงวันที่ 22 ตุลาคม ในคำสั่งระบุว่า ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตภาค 1 ฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ 2559 มาตรา 15 จึงเห็นควรรับฟ้องโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง
    .
    กรณี "แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ปี 2561 ว่าคดีเรื่องการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงนั้น ป.ป.ช. มีมติว่าไม่มีมูลเพียงพอ สร้างแรงสั่นสะเทือนและข้อกังขาให้ผู้คนในสังคมวงกว้าง
    .
    จนกระทั่ง "นักร้องระดับชาติ" คุณวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ยื่นเรื่องให้มีการเปิดเผยสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว แต่ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้เสียที แม้กระทั่งมีคำสั่งศาลปกครองแล้ว ศาลสั่งปรับก็แล้ว องค์กร ป.ป.ช. ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กับนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่เกษียณแล้วทั้งคู่ ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆจงใจปกปิดข้อมูล
    .
    กรณีนี้เนื่องจากคุณวีระ สมความคิด เป็นผู้เสียหายโดยตรงอย่างชัดเจน เพราะมีคำสั่งศาลมาแล้วในหลายครั้ง กรณีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงต้องรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    .
    อย่างไรก็ตาม คุณวีระ ก็มีข้อจำกัด คือต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งศาลให้ได้ภายใน 7 วัน คือภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2567 คุณวีระ ต้องรวบรวมเอกสารส่งศาลให้ครบถ้วน ซึ่งเวลาก็รวบรัดมาก คดีนี้พวกเรามาให้กำลังใจคุณวีระ กันหน่อยครับ ถือว่าเป็นคดีที่คุณวีระ สุ่มเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าคุณวีระตายคนเดียว อีก 12 คน ก็จะรอด แต่ถ้าคุณวีระรอด อีก 12 คน ก็อาจจะตายแทนก็ได้ครับ
    ศาลทุจริตฯรับไต่สวนคดี ‘วีระ’ ฟ้อง ป.ป.ช.จงใจปกปิดสอบสวนสำนวนคดี ‘นาฬิกาเพื่อน’ . อังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งให้รับคดีคุณวีระ สมความคิด ที่ฟ้อง ป.ป.ช. ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 95/2567 ลงวันที่ 22 ตุลาคม ในคำสั่งระบุว่า ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตภาค 1 ฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ 2559 มาตรา 15 จึงเห็นควรรับฟ้องโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง . กรณี "แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ปี 2561 ว่าคดีเรื่องการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงนั้น ป.ป.ช. มีมติว่าไม่มีมูลเพียงพอ สร้างแรงสั่นสะเทือนและข้อกังขาให้ผู้คนในสังคมวงกว้าง . จนกระทั่ง "นักร้องระดับชาติ" คุณวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ยื่นเรื่องให้มีการเปิดเผยสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว แต่ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้เสียที แม้กระทั่งมีคำสั่งศาลปกครองแล้ว ศาลสั่งปรับก็แล้ว องค์กร ป.ป.ช. ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กับนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่เกษียณแล้วทั้งคู่ ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆจงใจปกปิดข้อมูล . กรณีนี้เนื่องจากคุณวีระ สมความคิด เป็นผู้เสียหายโดยตรงอย่างชัดเจน เพราะมีคำสั่งศาลมาแล้วในหลายครั้ง กรณีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงต้องรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ . อย่างไรก็ตาม คุณวีระ ก็มีข้อจำกัด คือต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งศาลให้ได้ภายใน 7 วัน คือภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2567 คุณวีระ ต้องรวบรวมเอกสารส่งศาลให้ครบถ้วน ซึ่งเวลาก็รวบรัดมาก คดีนี้พวกเรามาให้กำลังใจคุณวีระ กันหน่อยครับ ถือว่าเป็นคดีที่คุณวีระ สุ่มเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าคุณวีระตายคนเดียว อีก 12 คน ก็จะรอด แต่ถ้าคุณวีระรอด อีก 12 คน ก็อาจจะตายแทนก็ได้ครับ
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1321 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีตากใบ เกิดรุ่นพ่อ จ่ายรุ่นอา อวสานรุ่นลูก

    25 ต.ค. 2567 เป็นวันสุดท้ายที่คดีสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส หากไม่สามารถนำตัวจำเลยขึ้นสู่ศาลจังหวัดนราธิวาส จะหมดอายุความ 20 ปี ในคดีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส.ก่อนหน้านี้

    ส่วนข้อเสนอที่เรียกร้องให้รัฐบาลออก พ.ร.ก.ขยายอายุความ ในที่สุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวในนามรัฐบาล แสดงความเสียใจและให้คำตอบว่าทำไม่ได้ เพราะถามกฤษฎีกาแล้วไม่เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก

    นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น อ้างว่าเป็นไปตามหลักการ ไม่ถือว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุ และกล่าวว่า "ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกกับเหตุการณ์นี้ เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น" ต่อมาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป

    มีการวิเคราะห์กันว่า เหตุที่ปล่อยให้คดีหมดอายุความ เพราะผู้ต้องหาทั้ง 7 คนอายุมาก 74-75 ปี บางคนสุขภาพไม่ดี คาดว่าต่อสู้คดียาวนานอย่างน้อย 5-10 ปี ประการต่อมา หากคดีตากใบเดินหน้าต่อ จะมีผลไปถึงการจ่ายเงินเยียวยาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กำหนดเงื่อนไขว่าต้องผ่านมติคณะรัฐมนตรี และคดีต้องถึงที่สุดเท่านั้น อาจมีนักร้องไปยื่นสอยรัฐมนตรีบางคน เช่น พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม หรือดำเนินคดีอาญา ครม.ยุคยิ่งลักษณ์

    นอกนั้นมองไปไกลว่า จำเลยอาจซัดทอดไปยังผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า ซึ่งนายทักษิณเคยย้าย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แทน

    #Newskit #คดีตากใบ
    คดีตากใบ เกิดรุ่นพ่อ จ่ายรุ่นอา อวสานรุ่นลูก 25 ต.ค. 2567 เป็นวันสุดท้ายที่คดีสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส หากไม่สามารถนำตัวจำเลยขึ้นสู่ศาลจังหวัดนราธิวาส จะหมดอายุความ 20 ปี ในคดีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส.ก่อนหน้านี้ ส่วนข้อเสนอที่เรียกร้องให้รัฐบาลออก พ.ร.ก.ขยายอายุความ ในที่สุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวในนามรัฐบาล แสดงความเสียใจและให้คำตอบว่าทำไม่ได้ เพราะถามกฤษฎีกาแล้วไม่เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น อ้างว่าเป็นไปตามหลักการ ไม่ถือว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุ และกล่าวว่า "ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกกับเหตุการณ์นี้ เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น" ต่อมาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป มีการวิเคราะห์กันว่า เหตุที่ปล่อยให้คดีหมดอายุความ เพราะผู้ต้องหาทั้ง 7 คนอายุมาก 74-75 ปี บางคนสุขภาพไม่ดี คาดว่าต่อสู้คดียาวนานอย่างน้อย 5-10 ปี ประการต่อมา หากคดีตากใบเดินหน้าต่อ จะมีผลไปถึงการจ่ายเงินเยียวยาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กำหนดเงื่อนไขว่าต้องผ่านมติคณะรัฐมนตรี และคดีต้องถึงที่สุดเท่านั้น อาจมีนักร้องไปยื่นสอยรัฐมนตรีบางคน เช่น พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม หรือดำเนินคดีอาญา ครม.ยุคยิ่งลักษณ์ นอกนั้นมองไปไกลว่า จำเลยอาจซัดทอดไปยังผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า ซึ่งนายทักษิณเคยย้าย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แทน #Newskit #คดีตากใบ
    Like
    Haha
    Angry
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1009 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิไขปม “ทักษิณ” กินข้าว “เนวิน” รับมือคดี-อุ๊งอิ๊งขึ้นศาลรธน. ชงอนุทินนายกฯ คนต่อไป
    .
    วันนี้ (9 ต.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง กรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปกินข้าวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตนักโทษคดีทุจริต และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จรัญสนิทวงศ์ 69 เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ว่า เรื่องนี้ต้องโทษนายทักษิณ ตนไม่อยากพูดถึงเพราะนายทักษิณกำลังรับเวรกรรมอยู่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณจะเอาตัวรอดเปล่าไม่รู้ และนายทักษิณกำลังถูกรุกหนัก ถึงขั้นถ้าเรื่องถึงศาลและชี้ว่ามีมูล เท่ากับว่าจะต้องถูกตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประกบตลอดเวลา และมีการคาดคะเนว่านายทักษิณอาจต้องหนีออกนอกประเทศอีกครั้ง ตนไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง คนที่เกลียดนายทักษิณตั้งข้อสังเกตเยอะแยะ ตนไม่ได้เกลียดนายทักษิณ แต่ขณะนี้เขาต้องรับเวรรับกรรม และขณะนี้รับเวรกรรมอยู่อย่างมาก
    .
    ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายทักษิณเงียบสนิทไม่ออกไปไหน มีแต่เรียกรัฐมนตรีที่ตัวเองสั่งการได้เข้าไปพบ บางกรณีไปดุด่าว่าอนุมัติโครงการบางโครงการได้อย่างไร แม้กระทั่งมีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่หลังม่านอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีคนวิ่งเต้นเข้าหาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ท่าอากาศยานไทย แม้กระทั่งหลายคนต้องการเลื่อนตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปตท. ถึงขั้นโทรศัพท์ไปหาผู้บริหาร ปตท. ขอให้ซื้อโฆษณาสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีเพิ่ม ซึ่งนายทักษิณได้มอบหมายดูแล 2 กระทรวง คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกระทรวงยุติธรรม ที่กำลังโยกย้ายแต่งตั้ง เพราะต้องดูว่าใครช่วยนายทักษิณ
    .
    นายสนธิ กล่าวว่า นายเนวินเคยสนิทสนมกับนายทักษิณ เคยเป็นมือให้นายทักษิณทำงานทุกงาน ออกมาปะฉะดะ แม้กระทั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยถูกนายเนวินกลั่นแกล้งตลอดเวลา เคยให้นายศุภชัย ใจสมุทร แจ้งความจับตนในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตำแหน่งสำคัญของนายเนวินหลุดออกไป เป็นทำให้นายเนวินหักหลังนายทักษิณ และจัดตั้งรัฐบาลที่ค่ายทหาร ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม โดยนายเนวินเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ทำให้กลุ่มนายเนวินมีอำนาจขึ้นมา เส้นทางการเมืองนายทักษิณอยู่ต่างประเทศ นายเนวินกับนายอนุทินตั้งพรรคภูมิใจไทยขึ้นมา
    .
    นายสนธิเห็นว่า การที่นายเนวินและนายอนุทินกินข้าวกับนายทักษิณ เพราะเวรกรรมกำลังเข้ามาที่นายทักษิณ ทั้งกรมราชทัณฑ์กำลังจะถูกสอบ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์อาจมีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย แม้กระทั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะ รมว.ยุติธรรม ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือนายทักษิณในเรื่องชั้น 14 เพราะฉะนั้นตอนนี้กรมราชทัณฑ์เริ่มระส่ำระส่ายอย่างมาก คนที่เคยช่วยนายทักษิณเพราะหวังได้เลื่อนตำแหน่ง และหลายคนได้เลื่อนตำแหน่งเพราะการช่วยนายทักษิณ เช่น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ขึ้นตำแหน่งเต็มตัวเพราะช่วยนายทักษิณ และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ 5-6 คน ใช้วิชามารและหลักการช่วยนายทักษิณ จึงถูกนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ เคลื่อนไหวเอาผิด
    .
    ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีคนต่อว่าทำไมไม่พูดถึงนายทักษิณเลย ตนตอบว่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเขาแล้ว เพราะเขากำลังรับเวรกรรม มีโจทก์เต็มไปหมด ไล่ล่านายทักษิณตลอดเวลา นายทักษิณไม่รู้จะทำอย่างไรในขณะนี้ ซึ่งเรื่องร้องเรียนไปทุกช่องทาง ทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงาน ปปช. ไปกระทั่งหน่วยงานองค์กรอิสระนั้นไม่เพิกเฉยต่อคำร้องเหล่านี้ได้ แต่ละองค์กรจึงมีการตั้งเรื่องเพื่อสืบเสาะข้อกล่าวหาที่แต่ละคนกล่าวหาทุกช่องทาง ล่าสุดได้ข่าวว่านายทักษิณกำลังจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา
    .
    ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร กำลังจะถูกดำเนินคดีถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ฯ มีรายงานการประชุมชัดเจน มีชื่อ น.ส.แพทองธารประชุมอยู่ด้วย และโยงไปถึง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มารดา น.ส.แพทองธาร หาก น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ แล้วเรื่องนี้ถูกส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าชี้ว่า น.ส.แพทองธารมีความผิด ไม่ใช่แค่ลาออกอย่างเดียว ยังถูกดำเนินคดีอาญาด้วย แต่ถ้าก่อนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษา น.ส.แพทองธารลาออกไปก่อน คดีนี้ก็จบไป จึงเป็นที่มาของการกินข้าวครั้งนี้
    .
    "ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยได้เปรียบกว่าพรรคเพื่อไทยและทักษิณ เป็นพรรคที่คุม สว. เสียงข้างมากในวุฒิสภา ด้วยเหตุนี้ เนวินถือไพ่ตรงนี้เหนือกว่าทักษิณ ในขณะเดียวกัน ทักษิณก็ยังถือเสียง 140 เสียงของพรรคเพื่อไทยอยู่ ซึ่งถ้าเนวินต้องการให้อนุทินขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็ต้องพึ่งเสียงของทักษิณ ผมเชื่อว่าเป็นการทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ร่วมกัน และเจรจากันอย่างเงียบๆ ว่าถ้าสมมติอุ๊งอิ๊งจำเป็นต้องออก ก้าวข้าม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปได้เลย เพราะพรรคพลังประชารัฐมีเสียง สส. อยู่ 40 เสียง 20 กว่าเสียงอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เสียงของพรรคพลังประชารัฐมีจริงๆ ก็แค่ 10 กว่าเสียง ตีให้ตายชาติหน้า พล.อ.ปนระวิตร ก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ คิวต่อไปก็เป็นอนุทิน ชาญวีรกูล ถ้าอนุทินเป็นนายกฯ แล้วไม่มีเสียงของทักษิณสนับสนุน ก็ไม่รู้จะทำยังไง นั่นคือที่มาของการกินข้าว คือการปูทางก่อน ทำความเข้าใจ ก่อนละครลิเกโรงใหญ่" นายสนธิ กล่าว
    .
    ทั้งนี้ หลายคนบอกว่าเหตุการณ์นี้จะเริ่มต้นช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2567 แต่ตนเห็นว่าอย่างเร็วที่สุดต้นปี 2568 เพราะนายทักษิณอยากให้ น.ส.แพทองธาร ลากต่อไป จนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้าย ถ้ายังอยู่ต่อต้องถูกศาลพิพากษาแน่ ถ้าลาออกตอนนี้แล้วเรื่องก็จบ ไม่มีแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็แทงเรื่องว่าจบ ปิดคดี เพราะคนที่ถูกกล่าวหาเป็นนายกฯ โดยมิชอบต้องลาออกแล้ว ข้อกล่าวหาก็ต้องตกไปเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ กล่าวว่า กลางเดือนนี้จะมีนายกฯ คนนอก คือนายวีรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการ ธปท. ลูกชาย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ตนดูการเมืองเมืองไทยกว่า 50 ปีแล้วยังดูไม่ออกเลย นายดนัยก็ดูไม่ออกแต่เชื่อ ทฤษฎีนายดนัยต้องฟังหูไว้หู ตนไม่ประหลาดใจว่ากลางเดือนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่แน่ๆ กระบวนการไล่ล่า น.ส.แพทองธารและนายทักษิณยังคงดำเนินต่อไป
    .
    ส่วนการที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ปกป้อง น.ส.แพทองธาร นั้น วันนี้กับสมัยก่อนไม่เหมือนกัน สมัยก่อนมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมรบ แต่วันนี้ นายจตุพรเป็นศัตรูกับนายทักษิณ นายณัฐวุฒิเข้ามาให้สัมภาษณ์ไป โกหกทุกเรื่อง กระทั่งโซเชียลมีเดียตัดคลิปในอดีตออกมา นายณัฐวุฒิอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ก็เอาคลิปเก่าที่เคยพูดเรื่องจำนำข้าวมาจี้นายณัฐวุฒิ สรุปแล้วเป็นนักการเมืองที่โกหกเก่งคนหนึ่ง ตนไม่เห็นว่านายณัฐวุฒิจะมาปกป้องอะไรนายกฯ ได้เลยแม้แต่นิดเดียว สรุปแล้วเดือนตุลาคมเป็นเดือนตุลาอาถรรพ์ และอาถรรพ์ถึงสิ้นปีนี้ ทั้งหมดถ้ามองย้อนหลังเป็นละคร ลิเกโรงใหญ่ ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์แลกกัน เป็นการจับมือสองฝ่ายที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน นายทักษิณทางเลือกมีน้อยมาก เหมือนหลังชนกำแพงแล้ว
    ..............
    Sondhi X
    สนธิไขปม “ทักษิณ” กินข้าว “เนวิน” รับมือคดี-อุ๊งอิ๊งขึ้นศาลรธน. ชงอนุทินนายกฯ คนต่อไป . วันนี้ (9 ต.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง กรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปกินข้าวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตนักโทษคดีทุจริต และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จรัญสนิทวงศ์ 69 เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ว่า เรื่องนี้ต้องโทษนายทักษิณ ตนไม่อยากพูดถึงเพราะนายทักษิณกำลังรับเวรกรรมอยู่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณจะเอาตัวรอดเปล่าไม่รู้ และนายทักษิณกำลังถูกรุกหนัก ถึงขั้นถ้าเรื่องถึงศาลและชี้ว่ามีมูล เท่ากับว่าจะต้องถูกตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประกบตลอดเวลา และมีการคาดคะเนว่านายทักษิณอาจต้องหนีออกนอกประเทศอีกครั้ง ตนไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง คนที่เกลียดนายทักษิณตั้งข้อสังเกตเยอะแยะ ตนไม่ได้เกลียดนายทักษิณ แต่ขณะนี้เขาต้องรับเวรรับกรรม และขณะนี้รับเวรกรรมอยู่อย่างมาก . ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายทักษิณเงียบสนิทไม่ออกไปไหน มีแต่เรียกรัฐมนตรีที่ตัวเองสั่งการได้เข้าไปพบ บางกรณีไปดุด่าว่าอนุมัติโครงการบางโครงการได้อย่างไร แม้กระทั่งมีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่หลังม่านอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีคนวิ่งเต้นเข้าหาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ท่าอากาศยานไทย แม้กระทั่งหลายคนต้องการเลื่อนตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปตท. ถึงขั้นโทรศัพท์ไปหาผู้บริหาร ปตท. ขอให้ซื้อโฆษณาสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีเพิ่ม ซึ่งนายทักษิณได้มอบหมายดูแล 2 กระทรวง คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกระทรวงยุติธรรม ที่กำลังโยกย้ายแต่งตั้ง เพราะต้องดูว่าใครช่วยนายทักษิณ . นายสนธิ กล่าวว่า นายเนวินเคยสนิทสนมกับนายทักษิณ เคยเป็นมือให้นายทักษิณทำงานทุกงาน ออกมาปะฉะดะ แม้กระทั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยถูกนายเนวินกลั่นแกล้งตลอดเวลา เคยให้นายศุภชัย ใจสมุทร แจ้งความจับตนในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตำแหน่งสำคัญของนายเนวินหลุดออกไป เป็นทำให้นายเนวินหักหลังนายทักษิณ และจัดตั้งรัฐบาลที่ค่ายทหาร ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม โดยนายเนวินเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ทำให้กลุ่มนายเนวินมีอำนาจขึ้นมา เส้นทางการเมืองนายทักษิณอยู่ต่างประเทศ นายเนวินกับนายอนุทินตั้งพรรคภูมิใจไทยขึ้นมา . นายสนธิเห็นว่า การที่นายเนวินและนายอนุทินกินข้าวกับนายทักษิณ เพราะเวรกรรมกำลังเข้ามาที่นายทักษิณ ทั้งกรมราชทัณฑ์กำลังจะถูกสอบ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์อาจมีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย แม้กระทั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะ รมว.ยุติธรรม ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือนายทักษิณในเรื่องชั้น 14 เพราะฉะนั้นตอนนี้กรมราชทัณฑ์เริ่มระส่ำระส่ายอย่างมาก คนที่เคยช่วยนายทักษิณเพราะหวังได้เลื่อนตำแหน่ง และหลายคนได้เลื่อนตำแหน่งเพราะการช่วยนายทักษิณ เช่น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ขึ้นตำแหน่งเต็มตัวเพราะช่วยนายทักษิณ และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ 5-6 คน ใช้วิชามารและหลักการช่วยนายทักษิณ จึงถูกนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ เคลื่อนไหวเอาผิด . ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีคนต่อว่าทำไมไม่พูดถึงนายทักษิณเลย ตนตอบว่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเขาแล้ว เพราะเขากำลังรับเวรกรรม มีโจทก์เต็มไปหมด ไล่ล่านายทักษิณตลอดเวลา นายทักษิณไม่รู้จะทำอย่างไรในขณะนี้ ซึ่งเรื่องร้องเรียนไปทุกช่องทาง ทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงาน ปปช. ไปกระทั่งหน่วยงานองค์กรอิสระนั้นไม่เพิกเฉยต่อคำร้องเหล่านี้ได้ แต่ละองค์กรจึงมีการตั้งเรื่องเพื่อสืบเสาะข้อกล่าวหาที่แต่ละคนกล่าวหาทุกช่องทาง ล่าสุดได้ข่าวว่านายทักษิณกำลังจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา . ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร กำลังจะถูกดำเนินคดีถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ฯ มีรายงานการประชุมชัดเจน มีชื่อ น.ส.แพทองธารประชุมอยู่ด้วย และโยงไปถึง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มารดา น.ส.แพทองธาร หาก น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ แล้วเรื่องนี้ถูกส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าชี้ว่า น.ส.แพทองธารมีความผิด ไม่ใช่แค่ลาออกอย่างเดียว ยังถูกดำเนินคดีอาญาด้วย แต่ถ้าก่อนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษา น.ส.แพทองธารลาออกไปก่อน คดีนี้ก็จบไป จึงเป็นที่มาของการกินข้าวครั้งนี้ . "ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยได้เปรียบกว่าพรรคเพื่อไทยและทักษิณ เป็นพรรคที่คุม สว. เสียงข้างมากในวุฒิสภา ด้วยเหตุนี้ เนวินถือไพ่ตรงนี้เหนือกว่าทักษิณ ในขณะเดียวกัน ทักษิณก็ยังถือเสียง 140 เสียงของพรรคเพื่อไทยอยู่ ซึ่งถ้าเนวินต้องการให้อนุทินขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็ต้องพึ่งเสียงของทักษิณ ผมเชื่อว่าเป็นการทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ร่วมกัน และเจรจากันอย่างเงียบๆ ว่าถ้าสมมติอุ๊งอิ๊งจำเป็นต้องออก ก้าวข้าม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปได้เลย เพราะพรรคพลังประชารัฐมีเสียง สส. อยู่ 40 เสียง 20 กว่าเสียงอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เสียงของพรรคพลังประชารัฐมีจริงๆ ก็แค่ 10 กว่าเสียง ตีให้ตายชาติหน้า พล.อ.ปนระวิตร ก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ คิวต่อไปก็เป็นอนุทิน ชาญวีรกูล ถ้าอนุทินเป็นนายกฯ แล้วไม่มีเสียงของทักษิณสนับสนุน ก็ไม่รู้จะทำยังไง นั่นคือที่มาของการกินข้าว คือการปูทางก่อน ทำความเข้าใจ ก่อนละครลิเกโรงใหญ่" นายสนธิ กล่าว . ทั้งนี้ หลายคนบอกว่าเหตุการณ์นี้จะเริ่มต้นช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2567 แต่ตนเห็นว่าอย่างเร็วที่สุดต้นปี 2568 เพราะนายทักษิณอยากให้ น.ส.แพทองธาร ลากต่อไป จนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้าย ถ้ายังอยู่ต่อต้องถูกศาลพิพากษาแน่ ถ้าลาออกตอนนี้แล้วเรื่องก็จบ ไม่มีแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็แทงเรื่องว่าจบ ปิดคดี เพราะคนที่ถูกกล่าวหาเป็นนายกฯ โดยมิชอบต้องลาออกแล้ว ข้อกล่าวหาก็ต้องตกไปเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ กล่าวว่า กลางเดือนนี้จะมีนายกฯ คนนอก คือนายวีรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการ ธปท. ลูกชาย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ตนดูการเมืองเมืองไทยกว่า 50 ปีแล้วยังดูไม่ออกเลย นายดนัยก็ดูไม่ออกแต่เชื่อ ทฤษฎีนายดนัยต้องฟังหูไว้หู ตนไม่ประหลาดใจว่ากลางเดือนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่แน่ๆ กระบวนการไล่ล่า น.ส.แพทองธารและนายทักษิณยังคงดำเนินต่อไป . ส่วนการที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ปกป้อง น.ส.แพทองธาร นั้น วันนี้กับสมัยก่อนไม่เหมือนกัน สมัยก่อนมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมรบ แต่วันนี้ นายจตุพรเป็นศัตรูกับนายทักษิณ นายณัฐวุฒิเข้ามาให้สัมภาษณ์ไป โกหกทุกเรื่อง กระทั่งโซเชียลมีเดียตัดคลิปในอดีตออกมา นายณัฐวุฒิอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ก็เอาคลิปเก่าที่เคยพูดเรื่องจำนำข้าวมาจี้นายณัฐวุฒิ สรุปแล้วเป็นนักการเมืองที่โกหกเก่งคนหนึ่ง ตนไม่เห็นว่านายณัฐวุฒิจะมาปกป้องอะไรนายกฯ ได้เลยแม้แต่นิดเดียว สรุปแล้วเดือนตุลาคมเป็นเดือนตุลาอาถรรพ์ และอาถรรพ์ถึงสิ้นปีนี้ ทั้งหมดถ้ามองย้อนหลังเป็นละคร ลิเกโรงใหญ่ ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์แลกกัน เป็นการจับมือสองฝ่ายที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน นายทักษิณทางเลือกมีน้อยมาก เหมือนหลังชนกำแพงแล้ว .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    21
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2571 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขาดประชุมเป็นอาจิน 'บิ๊กป้อม' ไม่หนีแต่ไม่มา ขอคืนเงินเดือนแทน
    .
    เหมือนจะดูดี แต่พอพิจารณาแล้วกลับกลายเป็นว่าเรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ เรื่องที่ไม่ควรดันกลับทำ ภายหลังพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่งหนังสือถือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแจ้งความประสงค์ว่าไม่ขอรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง พร้อมกับเงินดังกล่าวที่รับมาแล้วจะนำส่งคืนให้ทั้งหมด
    .
    เหตุที่บอกว่าเรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ เรื่องที่ไม่ควรดันกลับทำ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้ส.ส.มีหน้าที่มาประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายและตรวจสอบฝ่ายบริหารให้สมกับผู้แทนราษฎร เมื่อทำงานให้กับประเทศ จึงเป็นความชอบธรรมอยู่ในตัวที่ผู้แทนราษฎรสมควรได้รับเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้สามารถทำงานให้กับประชาชนได้เต็มที่โดยไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง แต่การที่พล.อ.ประวิตร ถูกตรวจสอบเรื่องการขาดประชุมมากจนผิดปกติแล้วใช้วิธีการไม่รับและคืนเงินเดือนส.ส. เพื่อหวังลดกระแสนั้น ดูเหมือนว่าจะดูแคลนสติปัญญาของประชาชนมากไปหน่อย
    .
    ในเรื่องนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพปชร. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค พปชร. มีความประสงค์ขอไม่รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 ไปจนถึงวันสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)
    .
    นายไพบูลย์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรให้เหตุผลว่า การทำเช่นนี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ ส.ส.ที่มีภารกิจมากและอาจต้องลากิจกับสภาบ่อย จึงอาจใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นการดี นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังระบุว่า ภูมิใจมากในฐานะที่ได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส.และได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง และยืนยันว่าจะเดินทางไปสภาให้มากขึ้น และขอแจ้งให้ทราบว่า ในวันที่ 3 ต.ค.นี้ พล.อ.ประวิตรได้ยื่นหนังสือลาไว้แล้วเนื่องจากติดภารกิจสำคัญมาก
    ............
    Sondhi X
    ขาดประชุมเป็นอาจิน 'บิ๊กป้อม' ไม่หนีแต่ไม่มา ขอคืนเงินเดือนแทน . เหมือนจะดูดี แต่พอพิจารณาแล้วกลับกลายเป็นว่าเรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ เรื่องที่ไม่ควรดันกลับทำ ภายหลังพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่งหนังสือถือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแจ้งความประสงค์ว่าไม่ขอรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง พร้อมกับเงินดังกล่าวที่รับมาแล้วจะนำส่งคืนให้ทั้งหมด . เหตุที่บอกว่าเรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ เรื่องที่ไม่ควรดันกลับทำ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้ส.ส.มีหน้าที่มาประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายและตรวจสอบฝ่ายบริหารให้สมกับผู้แทนราษฎร เมื่อทำงานให้กับประเทศ จึงเป็นความชอบธรรมอยู่ในตัวที่ผู้แทนราษฎรสมควรได้รับเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้สามารถทำงานให้กับประชาชนได้เต็มที่โดยไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง แต่การที่พล.อ.ประวิตร ถูกตรวจสอบเรื่องการขาดประชุมมากจนผิดปกติแล้วใช้วิธีการไม่รับและคืนเงินเดือนส.ส. เพื่อหวังลดกระแสนั้น ดูเหมือนว่าจะดูแคลนสติปัญญาของประชาชนมากไปหน่อย . ในเรื่องนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพปชร. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค พปชร. มีความประสงค์ขอไม่รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 ไปจนถึงวันสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) . นายไพบูลย์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรให้เหตุผลว่า การทำเช่นนี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ ส.ส.ที่มีภารกิจมากและอาจต้องลากิจกับสภาบ่อย จึงอาจใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นการดี นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังระบุว่า ภูมิใจมากในฐานะที่ได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส.และได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง และยืนยันว่าจะเดินทางไปสภาให้มากขึ้น และขอแจ้งให้ทราบว่า ในวันที่ 3 ต.ค.นี้ พล.อ.ประวิตรได้ยื่นหนังสือลาไว้แล้วเนื่องจากติดภารกิจสำคัญมาก ............ Sondhi X
    Sad
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1356 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำหนังสือถึงสภา ขอคืน‘เงินเดือน สส.’ตั้งแต่รับตำแหน่งและจะไม่รับเงินเดือนอีกต่อไป ตั้งใจให้เป็นตัวอย่างของ‘สส.’ที่ชอบลาประชุม แต่ต่อไปจากนี้จะไปสภาฯมากขึ้น

    1 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวแนวหน้าระบุว่าเมื่อ ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมด้วยนายภัครธรณ์ เทียนไชย และ น.ส.กาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค แถลงข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พปชร. มีความประสงค์ขอไม่รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 ไปจนถึงวันสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)

    นอกจากนี้ยังส่งได้ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ ขอคืนเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของ สส.ทั้งหมดที่ได้รับ ตั้งแต่เป็นสมาชิกภาพจนถึงวันที่ 30 ก.ย.67 โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งจำนวนเงินทั้งหมดให้ทราบโดยเร็วเพื่อนำส่งคืนให้ครบถ้วน

    “พล.อ.ประวิตรให้เหตุผลว่า การทำเช่นนี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ สส.ที่มีภารกิจมาก และอาจต้องลากิจกับสภาฯ บ่อย จึงอาจใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นการดี นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร ยังระบุว่าภูมิใจมากในฐานะที่ได้ดำรงตำแหน่ง สส.และได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง และยืนยันว่าจะเดินทางไปสภาฯ ให้มากขึ้น และขอแจ้งให้ทราบว่าในวันที่ 3 ต.ค.นี้ พล.อ.ประวิตรได้ยื่นหนังสือลาไว้แล้ว เนื่องจากติดภารกิจสำคัญมาก” นายไพบูลย์ กล่าว

    ด้าน ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สภาฯว่า พล.อ.ประวิตร ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2 ฉบับ แจ้งว่าจะไม่ขอรับเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่งในการทำหน้าที่สส. นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปและอีกฉบับหนึ่งแจ้งว่า ในส่วนของเงินเดือนที่รับไปแล้ว นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งสส. จะขอคืนกลับมาให้ทั้งหมด ซึ่งหลังจากได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการแล้ว จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

    ที่มา : https://www.naewna.com/politic/832653

    #Thaitimes
    พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำหนังสือถึงสภา ขอคืน‘เงินเดือน สส.’ตั้งแต่รับตำแหน่งและจะไม่รับเงินเดือนอีกต่อไป ตั้งใจให้เป็นตัวอย่างของ‘สส.’ที่ชอบลาประชุม แต่ต่อไปจากนี้จะไปสภาฯมากขึ้น 1 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวแนวหน้าระบุว่าเมื่อ ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมด้วยนายภัครธรณ์ เทียนไชย และ น.ส.กาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค แถลงข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พปชร. มีความประสงค์ขอไม่รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 ไปจนถึงวันสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นอกจากนี้ยังส่งได้ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ ขอคืนเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของ สส.ทั้งหมดที่ได้รับ ตั้งแต่เป็นสมาชิกภาพจนถึงวันที่ 30 ก.ย.67 โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งจำนวนเงินทั้งหมดให้ทราบโดยเร็วเพื่อนำส่งคืนให้ครบถ้วน “พล.อ.ประวิตรให้เหตุผลว่า การทำเช่นนี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ สส.ที่มีภารกิจมาก และอาจต้องลากิจกับสภาฯ บ่อย จึงอาจใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นการดี นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร ยังระบุว่าภูมิใจมากในฐานะที่ได้ดำรงตำแหน่ง สส.และได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง และยืนยันว่าจะเดินทางไปสภาฯ ให้มากขึ้น และขอแจ้งให้ทราบว่าในวันที่ 3 ต.ค.นี้ พล.อ.ประวิตรได้ยื่นหนังสือลาไว้แล้ว เนื่องจากติดภารกิจสำคัญมาก” นายไพบูลย์ กล่าว ด้าน ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สภาฯว่า พล.อ.ประวิตร ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2 ฉบับ แจ้งว่าจะไม่ขอรับเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่งในการทำหน้าที่สส. นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปและอีกฉบับหนึ่งแจ้งว่า ในส่วนของเงินเดือนที่รับไปแล้ว นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งสส. จะขอคืนกลับมาให้ทั้งหมด ซึ่งหลังจากได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการแล้ว จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ที่มา : https://www.naewna.com/politic/832653 #Thaitimes
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 832 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน" บอกยังฟังไม่ชัดคลิปเสียงคล้าย พล.อ.ประวิตร แต่มีพรรคพวกโทรฯ มาเล่าให้ฟัง ยันเป็นเรื่องเก่า เล่าสู่กันฟังแบบเพลิน ๆ ปฏิเสธแสดงความเห็นล้างแค้น "ลุงป้อม" บอกเรื่องไหนไม่เกี่ยวกับเราก็ปล่อยผ่าน ขณะ "ปลัดเก่ง" ยอมรับเป็นเสียงตัวเอง แจ้งเรื่องแต่งตั้งให้ทราบก่อนเข้า ครม.สมัย "บิ๊กป้อม" กำกับดูแลมหาดไทย
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000084502

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อนุทิน" บอกยังฟังไม่ชัดคลิปเสียงคล้าย พล.อ.ประวิตร แต่มีพรรคพวกโทรฯ มาเล่าให้ฟัง ยันเป็นเรื่องเก่า เล่าสู่กันฟังแบบเพลิน ๆ ปฏิเสธแสดงความเห็นล้างแค้น "ลุงป้อม" บอกเรื่องไหนไม่เกี่ยวกับเราก็ปล่อยผ่าน ขณะ "ปลัดเก่ง" ยอมรับเป็นเสียงตัวเอง แจ้งเรื่องแต่งตั้งให้ทราบก่อนเข้า ครม.สมัย "บิ๊กป้อม" กำกับดูแลมหาดไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000084502 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    26
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5745 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ พระยามโนประวิตร ไม่ยอมแพ้ นัดถกเหล่าขุนพลปอกลอก หวังเป็นนายกฯ ฝ่ายแค้น ในฝ่ายค้าน
    #7ดอกจิก
    ♣ พระยามโนประวิตร ไม่ยอมแพ้ นัดถกเหล่าขุนพลปอกลอก หวังเป็นนายกฯ ฝ่ายแค้น ในฝ่ายค้าน #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทักษิณ" ลั่น ไม่เคยคุย "บิ๊กป้อม" ชี้ คนที่ควรร่วมรัฐบาลคือคนที่ทุ่มเทเพื่อรัฐบาลมาตลอด หลัง "ธรรมนัส-ประวิตร" แตกหัก ถามกลับทำไมไม่มาโหวต "อุ๊งอิ๊ง" นั่งนายกฯ บอกใครทำอะไรไปย่อมรู้ตัว ส่วนกระแสข่าวห้ามตระกูล "วงษ์สุวรรณ" นั่ง รมต.ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ตนไม่เกี่ยว เผยเป็นไปได้อยู่แล้ว ปชป.ร่วมรัฐบาล เพื่อเสถียรภาพที่แข็งแกร่งไปเลย แนะคนคุณสมบัติสุ่มเสี่ยงควรเสียสละให้การเมืองต่อเนื่อง
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000076690

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทักษิณ" ลั่น ไม่เคยคุย "บิ๊กป้อม" ชี้ คนที่ควรร่วมรัฐบาลคือคนที่ทุ่มเทเพื่อรัฐบาลมาตลอด หลัง "ธรรมนัส-ประวิตร" แตกหัก ถามกลับทำไมไม่มาโหวต "อุ๊งอิ๊ง" นั่งนายกฯ บอกใครทำอะไรไปย่อมรู้ตัว ส่วนกระแสข่าวห้ามตระกูล "วงษ์สุวรรณ" นั่ง รมต.ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ตนไม่เกี่ยว เผยเป็นไปได้อยู่แล้ว ปชป.ร่วมรัฐบาล เพื่อเสถียรภาพที่แข็งแกร่งไปเลย แนะคนคุณสมบัติสุ่มเสี่ยงควรเสียสละให้การเมืองต่อเนื่อง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000076690 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2374 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ธรรมนัส"ประกาศอิสรภาพ แยกทาง "บิ๊กป้อม" ย้ายออก พปชร. ลั่น "6 ปีรับใช้มาพอแล้ว"
    .
    วันนี้ (20 ส.ค.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เรื่องที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์นั้น ตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากจังหวัดพะเยา ไปงานทำบุญวันคล้ายวันเกิด ก็ยังไม่รู้สถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็อยากจะเรียนด้วยความเคารพว่า ผมไม่ทะเลาะกับใคร ประสบการณ์ 6 ปีที่ผ่านมาผมรับใช้บุคคลๆ หนึ่ง พรรคๆ หนึ่งมาพอสมควรแล้ว มันถึงเวลาที่ผมต้องเดินออกมาแบบไม่ทะเลาะกับใคร
    .
    เมื่อถามว่า จะไปอยู่พรรคใด ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ชีวิตผมไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่ไหน และชีวิตผมไม่จำเป็นต้องฝากให้กับการเป็นนักการเมือง ปี 2561 ผมเข้ามาสู่เวทีการเมืองด้วยความบังเอิญ และมาสร้างพรรคพลังประชารัฐกับพี่น้อง ซึ่งแต่ละคนก็เกษียณไปหมดแล้ว เหลือผมยังอยู่คนเดียว ดังนั้น วันนี้มันคงถึงเวลาที่ผมต้องประกาศความเป็นอิสรภาพของตนเอง
    .
    ส่วนเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราต้องเคารพในการตัดสินใจของผู้นำรัฐบาล ไม่ใช่ใครคิดจะเขียนหรือเสนอชื่อใคร ผู้นำรัฐบาลจะต้องเอาตามนั้น หลังจากนี้ผมพร้อมกับกลุ่มพี่น้องก็พร้อมที่จะไปไหนก็ได้ที่มีความสุข ไม่แสวงหาความทุกข์เข้าตัวเอง
    .
    เมื่อถามว่า คุยกับ พล.อ.ประวิตรแล้วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ไม่คุย คุยทำไม ในเมื่อท่านไม่ใช้ผมแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องคุย" เมื่อถามว่าจะไปยังไง "ก็อยู่กันอย่างนี้แหละ" ถามว่ากี่คน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "เดี๋ยวก็รู้ว่ากี่คน" และว่า เอาเป็นว่าเราแยกออกมาให้มันชัดเจนไปเลยว่าจะอยู่อย่างไรกัน แต่ผมจะไม่ทำลายบ้านเมืองและทำลายรัฐบาล
    .
    คลิกอ่านข่าว >> https://sondhitalk.com/detail/9670000076550
    ......
    Sondhi X
    "ธรรมนัส"ประกาศอิสรภาพ แยกทาง "บิ๊กป้อม" ย้ายออก พปชร. ลั่น "6 ปีรับใช้มาพอแล้ว" . วันนี้ (20 ส.ค.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เรื่องที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์นั้น ตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากจังหวัดพะเยา ไปงานทำบุญวันคล้ายวันเกิด ก็ยังไม่รู้สถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็อยากจะเรียนด้วยความเคารพว่า ผมไม่ทะเลาะกับใคร ประสบการณ์ 6 ปีที่ผ่านมาผมรับใช้บุคคลๆ หนึ่ง พรรคๆ หนึ่งมาพอสมควรแล้ว มันถึงเวลาที่ผมต้องเดินออกมาแบบไม่ทะเลาะกับใคร . เมื่อถามว่า จะไปอยู่พรรคใด ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ชีวิตผมไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่ไหน และชีวิตผมไม่จำเป็นต้องฝากให้กับการเป็นนักการเมือง ปี 2561 ผมเข้ามาสู่เวทีการเมืองด้วยความบังเอิญ และมาสร้างพรรคพลังประชารัฐกับพี่น้อง ซึ่งแต่ละคนก็เกษียณไปหมดแล้ว เหลือผมยังอยู่คนเดียว ดังนั้น วันนี้มันคงถึงเวลาที่ผมต้องประกาศความเป็นอิสรภาพของตนเอง . ส่วนเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราต้องเคารพในการตัดสินใจของผู้นำรัฐบาล ไม่ใช่ใครคิดจะเขียนหรือเสนอชื่อใคร ผู้นำรัฐบาลจะต้องเอาตามนั้น หลังจากนี้ผมพร้อมกับกลุ่มพี่น้องก็พร้อมที่จะไปไหนก็ได้ที่มีความสุข ไม่แสวงหาความทุกข์เข้าตัวเอง . เมื่อถามว่า คุยกับ พล.อ.ประวิตรแล้วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ไม่คุย คุยทำไม ในเมื่อท่านไม่ใช้ผมแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องคุย" เมื่อถามว่าจะไปยังไง "ก็อยู่กันอย่างนี้แหละ" ถามว่ากี่คน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "เดี๋ยวก็รู้ว่ากี่คน" และว่า เอาเป็นว่าเราแยกออกมาให้มันชัดเจนไปเลยว่าจะอยู่อย่างไรกัน แต่ผมจะไม่ทำลายบ้านเมืองและทำลายรัฐบาล . คลิกอ่านข่าว >> https://sondhitalk.com/detail/9670000076550 ...... Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1191 มุมมอง 354 0 รีวิว
  • บิ๊กป้อมวุฒิภาวะต่ำ โปรดรับผิดชอบด้วย

    เหตุการณ์ไม่คาดคิดระหว่างสื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่า พล.อ.ประวิตร ใช้มือตบศีรษะ ดวงทิพย์ เยี่ยมภพ ผู้สื่อข่าวสายทหาร สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส พร้อมกล่าวว่า "ถามไร...ถามไร" ก่อนขึ้นรถยนต์

    พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า "ถามอะไรก็ไม่ได้ยิน แล้วยังจะถามอีก" และเมื่อถามถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับโหวตเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ตอบว่า "วู้...ถามอะไรวะ" ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย (บ้านอัมพวัน) เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ส.ค.)

    ทันทีที่วีดีโอคลิปจากผู้สื่อข่าวภาคสนามเป็นไวรัล บรรดาเพื่อนสื่อมวลชนต่างแสดงความไม่พอใจถึงวุฒิภาวะของ พล.อ.ประวิตร หรือ บิ๊กป้อม อดีตนายทหารและนักการเมืองวัย 79 ปีผู้นี้ พร้อมตั้งคำถามถึงการกระทำดังกล่าวว่า มีสิทธิ์อะไรมาตีผู้สื่อข่าวแบบนี้ ทั้งที่สิ่งที่นักข่าวถามไม่ได้ล่วงเกิน หรือรุนแรงอะไร

    ทันใดนั้น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลพฤติกรรมคุกคามสื่อ เรียกร้องให้เกียรติผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่าย ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงขอให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว

    "ขณะเดียวกัน ขอเตือนไปยังบุคคลใดก็ตามพึงระมัดระวังการใช้อารมณ์รุนแรงชั่ววูบอันอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ และขอให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมคุกคามเหล่านี้ สิ่งสำคัญควรให้เกียรติผู้ปฏิบัติงานในแต่ละวิชาชีพ รวมถึงเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกันด้วย" แถลงการณ์สมาคมนักข่าวฯ ระบุ

    ด้านองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส ออกแถลงการณ์ระบุว่า ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว

    "การตั้งคำถามด้วยถ้อยคำ และท่าทีสุภาพในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกสัมภาษณ์ ดังปรากฎในคลิปวีดีโอ ที่ถูกเผยแพร่เป็นที่ประจักษ์นั้น ชัดเจนว่า เป็นการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวโดยสุจริต การถูกกระทำทางกายจากแหล่งข่าวเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นพฤติกรรมที่ย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกปลอดภัยของผู้สื่อข่าว-ช่างภาพ ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์เดียวกันด้วย" แถลงการณ์ไทยพีบีเอส ระบุ

    ไทยพีบีเอส เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการคุกคามผู้สื่อข่าวครั้งนี้ และขอให้องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ ร่วมหามาตรการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสื่อมวลชนต่อไป

    มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ได้ให้นายทหารคนสนิท อย่าง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โทรศัพท์สายตรงมาถึงผู้สื่อข่าว อ้างว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นได้ส่งสายโทรศัพท์ให้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย เพราะปกติแล้วตนเองก็ได้พูดล้อเล่น และแหย่เล่นกับผู้สื่อข่าวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นประจำอยู่แล้ว

    แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความโกรธแค้นของคนที่รับรู้เรื่องราว ต่างเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด

    #Newskit #ประวิตร #คุกคามสื่อ
    บิ๊กป้อมวุฒิภาวะต่ำ โปรดรับผิดชอบด้วย เหตุการณ์ไม่คาดคิดระหว่างสื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่า พล.อ.ประวิตร ใช้มือตบศีรษะ ดวงทิพย์ เยี่ยมภพ ผู้สื่อข่าวสายทหาร สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส พร้อมกล่าวว่า "ถามไร...ถามไร" ก่อนขึ้นรถยนต์ พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า "ถามอะไรก็ไม่ได้ยิน แล้วยังจะถามอีก" และเมื่อถามถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับโหวตเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ตอบว่า "วู้...ถามอะไรวะ" ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย (บ้านอัมพวัน) เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ส.ค.) ทันทีที่วีดีโอคลิปจากผู้สื่อข่าวภาคสนามเป็นไวรัล บรรดาเพื่อนสื่อมวลชนต่างแสดงความไม่พอใจถึงวุฒิภาวะของ พล.อ.ประวิตร หรือ บิ๊กป้อม อดีตนายทหารและนักการเมืองวัย 79 ปีผู้นี้ พร้อมตั้งคำถามถึงการกระทำดังกล่าวว่า มีสิทธิ์อะไรมาตีผู้สื่อข่าวแบบนี้ ทั้งที่สิ่งที่นักข่าวถามไม่ได้ล่วงเกิน หรือรุนแรงอะไร ทันใดนั้น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลพฤติกรรมคุกคามสื่อ เรียกร้องให้เกียรติผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่าย ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงขอให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว "ขณะเดียวกัน ขอเตือนไปยังบุคคลใดก็ตามพึงระมัดระวังการใช้อารมณ์รุนแรงชั่ววูบอันอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ และขอให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมคุกคามเหล่านี้ สิ่งสำคัญควรให้เกียรติผู้ปฏิบัติงานในแต่ละวิชาชีพ รวมถึงเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกันด้วย" แถลงการณ์สมาคมนักข่าวฯ ระบุ ด้านองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส ออกแถลงการณ์ระบุว่า ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว "การตั้งคำถามด้วยถ้อยคำ และท่าทีสุภาพในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกสัมภาษณ์ ดังปรากฎในคลิปวีดีโอ ที่ถูกเผยแพร่เป็นที่ประจักษ์นั้น ชัดเจนว่า เป็นการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวโดยสุจริต การถูกกระทำทางกายจากแหล่งข่าวเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นพฤติกรรมที่ย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกปลอดภัยของผู้สื่อข่าว-ช่างภาพ ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์เดียวกันด้วย" แถลงการณ์ไทยพีบีเอส ระบุ ไทยพีบีเอส เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการคุกคามผู้สื่อข่าวครั้งนี้ และขอให้องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ ร่วมหามาตรการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสื่อมวลชนต่อไป มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ได้ให้นายทหารคนสนิท อย่าง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โทรศัพท์สายตรงมาถึงผู้สื่อข่าว อ้างว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นได้ส่งสายโทรศัพท์ให้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย เพราะปกติแล้วตนเองก็ได้พูดล้อเล่น และแหย่เล่นกับผู้สื่อข่าวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความโกรธแค้นของคนที่รับรู้เรื่องราว ต่างเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด #Newskit #ประวิตร #คุกคามสื่อ
    Sad
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1185 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประวิตร ป.ประมุข จะเล่นนักข่าว ญ เอาซ่ะแล้ว จบเลยมั้ยแบบนี้ ( โคตรน่ารังเกียจ ) ดีอีก 2 ท่านในค่ายเค้าดีมีแต่คนเชิดชู
    ประวิตร ป.ประมุข จะเล่นนักข่าว ญ เอาซ่ะแล้ว จบเลยมั้ยแบบนี้ ( โคตรน่ารังเกียจ ) ดีอีก 2 ท่านในค่ายเค้าดีมีแต่คนเชิดชู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”สิงหาสับ“ นิด้าสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “Believe It or Not! ทางการเมืองไทย ตอน เดือนพิพากษา” เดือนแห่งการตัดสินผู้มีกรรมหนักคดีใหญ่ ในประเด็นร้อนโพลความเห็นทางการเมือง เรื่องเศรษฐากับการเปลี่ยนนายกฯ,ยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่และทักษิณพ้นโทษจะช่วยพรรคเพื่อไทยทำงานดีขึ้นหรือไม่?

    4 สิงหาคม 2567-ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “Believe It or Not! ทางการเมืองไทย ตอน เดือนพิพากษา” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม ถึง 1 สิงหาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยในเดือนสิงหาคม 2567 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

    จากการสำรวจเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคมนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 45.42 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 29.62 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 15.27 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 8.63 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 1.06 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    เมื่อถามตัวอย่างที่ระบุว่า เชื่อมากและค่อนข้างเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคมนี้ (จำนวน 313 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับบุคคลที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากพรรคร่วมรัฐบาล หากมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคมนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.95 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) รองลงมา ร้อยละ 30.99 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) ร้อยละ 11.82 ระบุว่าเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) ร้อยละ 8.31 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) ร้อยละ 2.23 ระบุว่าเป็น นายชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย) และร้อยละ 14.70 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ด้านความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองในเดือนสิงหาคมนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 27.94 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 24.20 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 13.44 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 1.98 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    เมื่อถามตัวอย่างที่ระบุว่า เชื่อมากและค่อนข้างเชื่อว่าจะมีการยุบพรรคการเมืองในเดือนสิงหาคมนี้ (จำนวน 493 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ สส. จากพรรคการเมืองที่ถูกยุบ จะไปสังกัดกับพรรคร่วมรัฐบาล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.97 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ รองลงมา ร้อยละ 27.99 ระบุว่า เป็นไปได้มาก ร้อยละ 16.84 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย และร้อยละ 14.20 ระบุว่า ไม่ค่อยเป็นไปได้

    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการพ้นโทษของคุณทักษิณ ชินวัตร จะทำให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.83 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 26.87 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 19.01 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 11.45 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ที่มา : นิด้าโพล

    #Thaitimes
    ”สิงหาสับ“ นิด้าสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “Believe It or Not! ทางการเมืองไทย ตอน เดือนพิพากษา” เดือนแห่งการตัดสินผู้มีกรรมหนักคดีใหญ่ ในประเด็นร้อนโพลความเห็นทางการเมือง เรื่องเศรษฐากับการเปลี่ยนนายกฯ,ยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่และทักษิณพ้นโทษจะช่วยพรรคเพื่อไทยทำงานดีขึ้นหรือไม่? 4 สิงหาคม 2567-ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “Believe It or Not! ทางการเมืองไทย ตอน เดือนพิพากษา” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม ถึง 1 สิงหาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยในเดือนสิงหาคม 2567 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 จากการสำรวจเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคมนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 45.42 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 29.62 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 15.27 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 8.63 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 1.06 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ เมื่อถามตัวอย่างที่ระบุว่า เชื่อมากและค่อนข้างเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคมนี้ (จำนวน 313 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับบุคคลที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากพรรคร่วมรัฐบาล หากมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคมนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.95 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) รองลงมา ร้อยละ 30.99 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) ร้อยละ 11.82 ระบุว่าเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) ร้อยละ 8.31 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) ร้อยละ 2.23 ระบุว่าเป็น นายชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย) และร้อยละ 14.70 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ด้านความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองในเดือนสิงหาคมนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 27.94 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 24.20 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 13.44 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 1.98 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ เมื่อถามตัวอย่างที่ระบุว่า เชื่อมากและค่อนข้างเชื่อว่าจะมีการยุบพรรคการเมืองในเดือนสิงหาคมนี้ (จำนวน 493 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ สส. จากพรรคการเมืองที่ถูกยุบ จะไปสังกัดกับพรรคร่วมรัฐบาล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.97 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ รองลงมา ร้อยละ 27.99 ระบุว่า เป็นไปได้มาก ร้อยละ 16.84 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย และร้อยละ 14.20 ระบุว่า ไม่ค่อยเป็นไปได้ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการพ้นโทษของคุณทักษิณ ชินวัตร จะทำให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.83 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 26.87 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 19.01 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 11.45 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ที่มา : นิด้าโพล #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1011 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts