• พบหน้าครั้งแรก หลังสู้รบ!!

    “รมว.กลาโหม ไทย-กัมพูชา” โดยมี “อันวาร์” นายกฯมาเลเซีย ประธานอาเซี่ยน ทำหน้าที่ตัวกลาง ก่อนเริ่มการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา บ่ายนี้

    พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผู้อำนวยการยุทธ์ในการสู้ศึกกับกัมพูชา เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพเพียงคนเดียวที่ร่วมคณะของพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาราชการ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน GBC มาประชุมที่มาเลเซีย

    โดยที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพคนอื่นไม่ได้เดินทางมาร่วมด้วย แต่ส่งเสนาธิการทหาร 3 เหล่าทัพมาเป็นตัวแทน

    สำหรับฝ่ายกองทัพกัมพูชาประกอบด้วย พลเอกวง ปิเซ็ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ซึ่งร่วมคณะมากับพลเอกเตีย เซียฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกัมพูชา
    พบหน้าครั้งแรก หลังสู้รบ!! “รมว.กลาโหม ไทย-กัมพูชา” โดยมี “อันวาร์” นายกฯมาเลเซีย ประธานอาเซี่ยน ทำหน้าที่ตัวกลาง ก่อนเริ่มการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา บ่ายนี้ พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผู้อำนวยการยุทธ์ในการสู้ศึกกับกัมพูชา เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพเพียงคนเดียวที่ร่วมคณะของพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาราชการ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน GBC มาประชุมที่มาเลเซีย โดยที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพคนอื่นไม่ได้เดินทางมาร่วมด้วย แต่ส่งเสนาธิการทหาร 3 เหล่าทัพมาเป็นตัวแทน สำหรับฝ่ายกองทัพกัมพูชาประกอบด้วย พลเอกวง ปิเซ็ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ซึ่งร่วมคณะมากับพลเอกเตีย เซียฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มแล้ว ! ไทย–กัมพูชา ประชุม GBC ระหว่างวันที่ 4 – 6 ส.ค. 68 ที่มาเลเซีย โดยที่ฝ่ายเลขานุการจะประชุมกันเพื่อเตรียมกรอบการประชุม ก่อนที่ในวันที่ 7 ส.ค. 68 รมว.กลาโหม ทั้งสองฝ่ายจะเดินทางมาพบกัน

    การประชุมจะแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ:
    1.ส่วนที่หนึ่ง วันที่ 4-6 ส.ค.68 จะเป็นในส่วนของคณะกองเลขานุการ GBC ฝ่ายไทยที่เดินทางถึงประเทศมาเลเซียตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็น (วันที่ 3 ส.ค. 2568) โดยวันนี้จะเริ่มประชุมกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อกำหนดกรอบ และตกลงหัวข้อการประชุม คณะของฝ่ายไทยประกอบด้วย:
    เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เป็นเลขานุการคณะกรรมชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา
    ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกรมเอเชียตะวันออก)
    ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย 
    ผู้แทน สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
    ผู้แทนกระทรวงกลาโหม (สำนักนโยบายและแผน กรมพระธรรมนูญ)
    ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) (กรมข่าวทหาร กรมยุทธการ)
    ผู้แทนกองทัพบก (ทบ.) (กรมยุทธการทหารบก กรมข่าวทหารบก กองทัพภาคที่ 1, 2 กองกำลังสุรนารี)
    ผู้แทนกองทัพเรือ (ทร.) (กรมยุทธการทหารเรือ กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด)
    ผู้แทนกองทัพอากาศ (ทอ.)
    ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    ผู้ช่วยทูตทหารบก ทหารอากาศไทย ประจำกรุงพนมเปญ

    2. ส่วนที่สองจะเป็นวันที่ 7 ส.ค. 68 โดยคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีฝ่ายทหารระดับรมว.กลาโหม นำคณะโดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรมว.กลาโหม ส่วนฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.อ.เตีย เซรยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา
    เริ่มแล้ว ! ไทย–กัมพูชา ประชุม GBC ระหว่างวันที่ 4 – 6 ส.ค. 68 ที่มาเลเซีย โดยที่ฝ่ายเลขานุการจะประชุมกันเพื่อเตรียมกรอบการประชุม ก่อนที่ในวันที่ 7 ส.ค. 68 รมว.กลาโหม ทั้งสองฝ่ายจะเดินทางมาพบกัน การประชุมจะแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ: 👉1.ส่วนที่หนึ่ง วันที่ 4-6 ส.ค.68 จะเป็นในส่วนของคณะกองเลขานุการ GBC ฝ่ายไทยที่เดินทางถึงประเทศมาเลเซียตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็น (วันที่ 3 ส.ค. 2568) โดยวันนี้จะเริ่มประชุมกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อกำหนดกรอบ และตกลงหัวข้อการประชุม คณะของฝ่ายไทยประกอบด้วย: 🔘เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เป็นเลขานุการคณะกรรมชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา 🔘ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกรมเอเชียตะวันออก) 🔘ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย  🔘ผู้แทน สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) 🔘ผู้แทนกระทรวงกลาโหม (สำนักนโยบายและแผน กรมพระธรรมนูญ) 🔘ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) (กรมข่าวทหาร กรมยุทธการ) 🔘ผู้แทนกองทัพบก (ทบ.) (กรมยุทธการทหารบก กรมข่าวทหารบก กองทัพภาคที่ 1, 2 กองกำลังสุรนารี) 🔘ผู้แทนกองทัพเรือ (ทร.) (กรมยุทธการทหารเรือ กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด) 🔘ผู้แทนกองทัพอากาศ (ทอ.) 🔘ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 🔘ผู้ช่วยทูตทหารบก ทหารอากาศไทย ประจำกรุงพนมเปญ 👉2. ส่วนที่สองจะเป็นวันที่ 7 ส.ค. 68 โดยคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีฝ่ายทหารระดับรมว.กลาโหม นำคณะโดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรมว.กลาโหม ส่วนฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.อ.เตีย เซรยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมายกำหนดการ

    พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา

    กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

    (ฉบับเปลี่ยนแปลง)

    ตามหมายกำหนดการสำนักพระราชวัง ฉบับที่ ๑๗/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เรื่อง พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ดังรายละเอียดแจ้งอยู่แล้ว นั้น

    การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้งดพระราชพิธีดังกล่าว และให้กำหนดการเปลี่ยนแปลงดังนี้ -

    วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๘ นาฬิกา ถึงเวลา ๑๒ นาฬิกา สำนักพระราชวังจัดที่สำหรับลงพระนามและลงนามถวายพระพร ไว้ที่ในพระบรมหาราชวัง

    การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน เข้ากราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ที่ปราสาทพระเทพบิดร ตั้งแต่เวลา ๘ นาฬิกา ถึงเวลา ๑๗ นาฬิกา

    เวลา ๑๒ นาฬิกา ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ ๒๑ นัด

    การแต่งกาย

    - ลงพระนามและลงนามถวายพระพร
    แต่งเครื่องแบบปกติขาว

    - กราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร
    แต่งชุดสุภาพ

    สำนักพระราชวัง
    วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

    #หมายกำหนดการ
    #พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
    หมายกำหนดการ พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ฉบับเปลี่ยนแปลง) ตามหมายกำหนดการสำนักพระราชวัง ฉบับที่ ๑๗/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เรื่อง พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ดังรายละเอียดแจ้งอยู่แล้ว นั้น การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้งดพระราชพิธีดังกล่าว และให้กำหนดการเปลี่ยนแปลงดังนี้ - วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๘ นาฬิกา ถึงเวลา ๑๒ นาฬิกา สำนักพระราชวังจัดที่สำหรับลงพระนามและลงนามถวายพระพร ไว้ที่ในพระบรมหาราชวัง การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน เข้ากราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ที่ปราสาทพระเทพบิดร ตั้งแต่เวลา ๘ นาฬิกา ถึงเวลา ๑๗ นาฬิกา เวลา ๑๒ นาฬิกา ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ ๒๑ นัด การแต่งกาย - ลงพระนามและลงนามถวายพระพร แต่งเครื่องแบบปกติขาว - กราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร แต่งชุดสุภาพ สำนักพระราชวัง วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ #หมายกำหนดการ #พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยปฏิบัติการพิเศษของลาวเผยรายงานโดนลูกหลง! ปืนใหญ่ 10 ลูก ไม่ทราบฝ่ายตกใส่ พบบ้านพัง 1 หลัง ในเขตพื้นที่แขวงจำปาสัก โดยมีรายละเอียดดังนี้

    เมื่อวันที่ 24-25/07/2568 เวลา 9.40 น. กองกำลังกัมพูชาและไทยปะทะกัน โดยมีปืนใหญ่ 10 กระบอก ตกในดินแดนลาว แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายใดเป็นผู้ยิง ปืนใหญ่ 1 กระบอก ถูกยิงตกที่ห้องน้ำบริเวณจุดป่าแปก ทำลายบ้านเรือน 1 หลัง และกระสุนอีก 1 กระบอก ตกที่ห้องครัวบริเวณจุดมะขามป้อม นอกจากนี้ยังได้โจมตีด้านหลังและด้านข้างทั้ง 2 ของสามเหลี่ยมโมลาคัตอีกด้วย

    ดังนั้น : โปรดรายงานไปยังอธิบดีกรมทหารราบที่ 49 กรมเสนาธิการทหารบก เพื่อทราบ

    ສິງຄຳ ພອງເດດ

    สิงคำ พองเดด

    หัวหน้ากองปฏิบัติการพิเศษ กรมทหารราบที่ 49 จังหวัดจำปาสัก

    ล่าสุด ทางเพจ กองทัพบกทันกระแส โพสต์ข้อความล่าสุด ฝ่ายไทยขอแสดงความเสียใจ กับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมเน้นย้ำ! มั่นใจในความแม่นยำของยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย โดยมุ่งเป้าทางทหารกัมพูชาเท่านั้น!

    อย่างไรก็ตาม คงต้องรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้งจากกองบัญชาการกองทัพไทย

    หน่วยปฏิบัติการพิเศษของลาวเผยรายงานโดนลูกหลง! ปืนใหญ่ 10 ลูก ไม่ทราบฝ่ายตกใส่ พบบ้านพัง 1 หลัง ในเขตพื้นที่แขวงจำปาสัก โดยมีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 24-25/07/2568 เวลา 9.40 น. กองกำลังกัมพูชาและไทยปะทะกัน โดยมีปืนใหญ่ 10 กระบอก ตกในดินแดนลาว แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายใดเป็นผู้ยิง ปืนใหญ่ 1 กระบอก ถูกยิงตกที่ห้องน้ำบริเวณจุดป่าแปก ทำลายบ้านเรือน 1 หลัง และกระสุนอีก 1 กระบอก ตกที่ห้องครัวบริเวณจุดมะขามป้อม นอกจากนี้ยังได้โจมตีด้านหลังและด้านข้างทั้ง 2 ของสามเหลี่ยมโมลาคัตอีกด้วย ดังนั้น : โปรดรายงานไปยังอธิบดีกรมทหารราบที่ 49 กรมเสนาธิการทหารบก เพื่อทราบ ສິງຄຳ ພອງເດດ สิงคำ พองเดด หัวหน้ากองปฏิบัติการพิเศษ กรมทหารราบที่ 49 จังหวัดจำปาสัก 👉ล่าสุด ทางเพจ กองทัพบกทันกระแส โพสต์ข้อความล่าสุด ฝ่ายไทยขอแสดงความเสียใจ กับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมเน้นย้ำ! มั่นใจในความแม่นยำของยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย โดยมุ่งเป้าทางทหารกัมพูชาเท่านั้น! อย่างไรก็ตาม คงต้องรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้งจากกองบัญชาการกองทัพไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพไทยจ่อยกระดับปฏิบัติการทางทหาร หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
    .
    "จากสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ขยายความรุนแรงมีการเปิดฉากการยิงโดยกำลังทหารฝั่งกัมพูชา มีการใช้อาวุธประจำกาย และอาวุธประจำหน่วยหลายชนิดเข้ามายังฝั่งไทย ในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งทหาร และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตามที่ปรากฏในภาพข่าว

    โดยการปฏิบัติทางทหาร ตามพระราชบัญญัติ การจัดระเบียบราชการ กระทรวงกลาโหมพุทธศักราช 2551 มาตรา 39 มอบอำนาจให้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็น ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร ได้สั่งการให้ กองทัพบกใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุ ตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก โดยมี ผู้บัญชาการทหารบก เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีอำนาจในการบัญชาการและการใช้กำลังทางบก และร้องขอการสนับสนุนกำลังทางอากาศ และทางเรือ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกำลังทางบก ตามแผนเผชิญเหตุ

    โดยการปฏิบัติการทางทหาร มี 2 ขั้น คือ ขั้นปกติ ขั้นปฏิบัติการ ปัจจุบันอยู่ในขั้นการปฏิบัติการ โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนของกองทัพภาคที่ 2 และ การยิงสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอากาศ โดยมีเป้าหมายคือ ที่ตั้งกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อระงับเหตุการณ์ โดยไม่มีการใช้อาวุธต่อเป้าหมายฝ่ายพลเรือนกัมพูชาแต่อย่างใด

    ทั้งนี้หากไม่สามารถระงับสถานการณ์ความรุนแรงหรือการใช้กำลังของฝ่ายตรงข้าม กองทัพจะพิจารณายกระดับการใช้กำลัง สู่ขั้นการป้องกันประเทศในระดับต่อไป
    .
    https://web.facebook.com/share/p/1EFfmnyPe2/
    กองทัพไทยจ่อยกระดับปฏิบัติการทางทหาร หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ . "จากสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ขยายความรุนแรงมีการเปิดฉากการยิงโดยกำลังทหารฝั่งกัมพูชา มีการใช้อาวุธประจำกาย และอาวุธประจำหน่วยหลายชนิดเข้ามายังฝั่งไทย ในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งทหาร และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตามที่ปรากฏในภาพข่าว โดยการปฏิบัติทางทหาร ตามพระราชบัญญัติ การจัดระเบียบราชการ กระทรวงกลาโหมพุทธศักราช 2551 มาตรา 39 มอบอำนาจให้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็น ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร ได้สั่งการให้ กองทัพบกใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุ ตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก โดยมี ผู้บัญชาการทหารบก เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีอำนาจในการบัญชาการและการใช้กำลังทางบก และร้องขอการสนับสนุนกำลังทางอากาศ และทางเรือ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกำลังทางบก ตามแผนเผชิญเหตุ โดยการปฏิบัติการทางทหาร มี 2 ขั้น คือ ขั้นปกติ ขั้นปฏิบัติการ ปัจจุบันอยู่ในขั้นการปฏิบัติการ โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนของกองทัพภาคที่ 2 และ การยิงสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอากาศ โดยมีเป้าหมายคือ ที่ตั้งกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อระงับเหตุการณ์ โดยไม่มีการใช้อาวุธต่อเป้าหมายฝ่ายพลเรือนกัมพูชาแต่อย่างใด ทั้งนี้หากไม่สามารถระงับสถานการณ์ความรุนแรงหรือการใช้กำลังของฝ่ายตรงข้าม กองทัพจะพิจารณายกระดับการใช้กำลัง สู่ขั้นการป้องกันประเทศในระดับต่อไป . https://web.facebook.com/share/p/1EFfmnyPe2/
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดภาพทบ.ส่ง เฮลิคอปเตอร์ MI 17 จากกองพันบินที่ 41 ลำเลียง จ่าสิบเอก พิชิตชัย บุญชูหล้า ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด ทำให้ขาขวาขาด ถูกนำส่งโรงพยาบาลน้ำยืน

    ฮ.มารับตัว ที่ สนามหน้า อบต.โดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ไปยัง มณฑลทหารบกที่ 22 (มทบ.22)


    เครดิตภาพ: Wassana Nanuam
    เปิดภาพทบ.ส่ง เฮลิคอปเตอร์ MI 17 จากกองพันบินที่ 41 ลำเลียง จ่าสิบเอก พิชิตชัย บุญชูหล้า ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด ทำให้ขาขวาขาด ถูกนำส่งโรงพยาบาลน้ำยืน ฮ.มารับตัว ที่ สนามหน้า อบต.โดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ไปยัง มณฑลทหารบกที่ 22 (มทบ.22) เครดิตภาพ: Wassana Nanuam
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมดเวลาเกรงใจกัมพูชา

    ผ่านไปเพียงแค่สัปดาห์เดียว ทหารไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เหยียบกับระเบิด เสียเลือดเสียเนื้อ สูญเสียอวัยวะอีกครั้ง เมื่อวันที่ 23 ก.ค. กำลังพลของกองทัพบกจาก ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 (พัน.ร.14) ประสบกับทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นแนวพื้นที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 5 นาย หนึ่งในนั้นคือ จ.ส.อ.พิชิตชัย บุญโคราช ขาขวาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิด

    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งออกมาตราการตอบโต้ทันที คือ ปิดปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อีกทั้งยังปิดด่านพรมแดน 4 ด่าน คือ ด่านช่องจอม ด่านช่องสายตะกู ด่านช่องอานม้า และด่านช่องสะงำ พร้อมกันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการให้กำลังกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกำลังส่วนต่างๆ เตรียมพร้อมปฏิบัติตามแผน “จักรพงษ์ภูวนาถ” เมื่อสั่งต่อไป และเตรียมลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์

    สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนาถ เป็นแผนที่กองทัพไทยนำมาใช้เมื่อปี 2554 ในเหตุการณ์ปะทะบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ทำให้ฝ่ายทหารกัมพูชาต้องถอยร่น สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับฝ่ายตรงข้าม เกิดความสงบในพื้นที่ชายแดนนานกว่า 10 ปี

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ก.ค. กำลังพลจากหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 6021 (ร้อย ร.6021) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าซ้ายขาด ปัจจุบันเข้ารับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย ได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ชั้น และเลื่อนยศเป็นสิบเอก พร้อมเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม

    ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พิจารณาลดระดับทางการทูต เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยคืนกลับไป และจะพิจารณาลดระดับความสัมพันธ์เพิ่มเติม พร้อมสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ยื่นหนังสือประท้วงไปแล้ว

    ที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพไทยถูกวิจารณ์จากสังคมว่า ไม่เอาจริงเอาจังต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มัวแต่ท่องคาถาสันติวิธี เสมือนเกรงใจกัมพูชา จนถูกสังคมด่าว่านักรบห้องแอร์ ขณะที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร กำลังถูกสังคมตราหน้าว่าขายชาติ จากคลิปเสียงของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อีกทั้งเก้าอี้ รมว.กลาโหมยังว่าง จึงเกิดคำถามว่าจะต้องให้ทหารไทยขาขาดไปอีกกี่นายถึงจะเอาจริง?

    #Newskit
    หมดเวลาเกรงใจกัมพูชา ผ่านไปเพียงแค่สัปดาห์เดียว ทหารไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เหยียบกับระเบิด เสียเลือดเสียเนื้อ สูญเสียอวัยวะอีกครั้ง เมื่อวันที่ 23 ก.ค. กำลังพลของกองทัพบกจาก ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 (พัน.ร.14) ประสบกับทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นแนวพื้นที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 5 นาย หนึ่งในนั้นคือ จ.ส.อ.พิชิตชัย บุญโคราช ขาขวาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งออกมาตราการตอบโต้ทันที คือ ปิดปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อีกทั้งยังปิดด่านพรมแดน 4 ด่าน คือ ด่านช่องจอม ด่านช่องสายตะกู ด่านช่องอานม้า และด่านช่องสะงำ พร้อมกันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการให้กำลังกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกำลังส่วนต่างๆ เตรียมพร้อมปฏิบัติตามแผน “จักรพงษ์ภูวนาถ” เมื่อสั่งต่อไป และเตรียมลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนาถ เป็นแผนที่กองทัพไทยนำมาใช้เมื่อปี 2554 ในเหตุการณ์ปะทะบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ทำให้ฝ่ายทหารกัมพูชาต้องถอยร่น สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับฝ่ายตรงข้าม เกิดความสงบในพื้นที่ชายแดนนานกว่า 10 ปี ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ก.ค. กำลังพลจากหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 6021 (ร้อย ร.6021) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าซ้ายขาด ปัจจุบันเข้ารับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย ได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ชั้น และเลื่อนยศเป็นสิบเอก พร้อมเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พิจารณาลดระดับทางการทูต เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยคืนกลับไป และจะพิจารณาลดระดับความสัมพันธ์เพิ่มเติม พร้อมสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ยื่นหนังสือประท้วงไปแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพไทยถูกวิจารณ์จากสังคมว่า ไม่เอาจริงเอาจังต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มัวแต่ท่องคาถาสันติวิธี เสมือนเกรงใจกัมพูชา จนถูกสังคมด่าว่านักรบห้องแอร์ ขณะที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร กำลังถูกสังคมตราหน้าว่าขายชาติ จากคลิปเสียงของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อีกทั้งเก้าอี้ รมว.กลาโหมยังว่าง จึงเกิดคำถามว่าจะต้องให้ทหารไทยขาขาดไปอีกกี่นายถึงจะเอาจริง? #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แผนจักรพงษ์ภูวนาถ"

    สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนารถ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เตรียมทหารรุ่น 21 อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก มีส่วนเขียนแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ในการเปิดศึกเขาพระวิหาร เมื่อปี 2554 ทำให้กองทัพกัมพูชาย่อยยับ ราบเป็นหน้ากลอง เลิกตอแยกับกองทัพไทยมาร่วม 10 ปี

    แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ยุทธวิธีทางทหาร งัดไม้แข็งโต้กลับกัมพูชา มีหลักการคร่าวๆ ดังนี้
    การเตรียมความพร้อม
    การสั่งการและเตรียมกำลังพล ผบ.ทบ. สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 และ 2เตรียมความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีเมื่อมีการสั่งการ

    ประสานงานข่าวกรอง มีการดำเนินการตามการฝึกในแผนป้องกันประเทศ โดยเฉพาะด้านการข่าวกรอง เพื่อรวบรวมข้อมูลสถานการณ์และประเมินภัยคุกคาม

    การเตรียมกลไกตอบโต้ กองทัพบกจะเตรียมพร้อมใช้ทุกกลไกที่มีอยู่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน

    การปฏิบัติการเมื่อเกิดเหตุการณ์
    การประเมินสถานการณ์และลงพื้นที่ ผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น ผบ.ทบ. อาจจะลงพื้นที่เพื่อบัญชาการและติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและตัดสินใจในการดำเนินการ

    การดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม แผนนี้จะเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

    การตอบโต้ หากจำเป็น แม้จะเน้นการแก้ไขปัญหา แต่กองทัพบกก็ยืนยันว่าจะต่อสู้ทุกวิถีทางด้วยกลไกที่มีอยู่ หากมีความจำเป็นในการตอบโต้

    หลักการสำคัญของแผนจักรพงษ์ภูวนาถ
    -ปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ เป็นหลักการสำคัญที่สุดในการดำเนินการใด ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศไทย

    -ปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน เน้นการดูแลและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดน

    -แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เป็นแผนที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนอย่างมีแบบแผนและประสิทธิภาพ

    -ใช้กลไกที่เหมาะสม ดำเนินการตามกรอบและกลไกที่เหมาะสม ไม่ได้มุ่งเน้นการใช้กำลังโดยทันที แต่พร้อมที่จะตอบโต้หากมีความจำเป็น
    "แผนจักรพงษ์ภูวนาถ" สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนารถ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เตรียมทหารรุ่น 21 อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก มีส่วนเขียนแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ในการเปิดศึกเขาพระวิหาร เมื่อปี 2554 ทำให้กองทัพกัมพูชาย่อยยับ ราบเป็นหน้ากลอง เลิกตอแยกับกองทัพไทยมาร่วม 10 ปี แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ยุทธวิธีทางทหาร งัดไม้แข็งโต้กลับกัมพูชา มีหลักการคร่าวๆ ดังนี้ 👉การเตรียมความพร้อม การสั่งการและเตรียมกำลังพล ผบ.ทบ. สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 และ 2เตรียมความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีเมื่อมีการสั่งการ ประสานงานข่าวกรอง มีการดำเนินการตามการฝึกในแผนป้องกันประเทศ โดยเฉพาะด้านการข่าวกรอง เพื่อรวบรวมข้อมูลสถานการณ์และประเมินภัยคุกคาม การเตรียมกลไกตอบโต้ กองทัพบกจะเตรียมพร้อมใช้ทุกกลไกที่มีอยู่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน 👉การปฏิบัติการเมื่อเกิดเหตุการณ์ การประเมินสถานการณ์และลงพื้นที่ ผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น ผบ.ทบ. อาจจะลงพื้นที่เพื่อบัญชาการและติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและตัดสินใจในการดำเนินการ การดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม แผนนี้จะเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ การตอบโต้ หากจำเป็น แม้จะเน้นการแก้ไขปัญหา แต่กองทัพบกก็ยืนยันว่าจะต่อสู้ทุกวิถีทางด้วยกลไกที่มีอยู่ หากมีความจำเป็นในการตอบโต้ 👉หลักการสำคัญของแผนจักรพงษ์ภูวนาถ -ปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ เป็นหลักการสำคัญที่สุดในการดำเนินการใด ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศไทย -ปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน เน้นการดูแลและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดน -แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เป็นแผนที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนอย่างมีแบบแผนและประสิทธิภาพ -ใช้กลไกที่เหมาะสม ดำเนินการตามกรอบและกลไกที่เหมาะสม ไม่ได้มุ่งเน้นการใช้กำลังโดยทันที แต่พร้อมที่จะตอบโต้หากมีความจำเป็น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้องเมยเหยื่อเตรียมทหาร พ่อแม่คาใจทั้งน้ำตา

    การเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี หลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัยจนหมดสติและถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่โรงเรียนเตรียมทหาร อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 คดีแรกถึงที่สุด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษา ร.ต.ท.ธีร์จุฑา (สงวนนามสกุล) ข้าราชการตำรวจ รุ่นพี่ นตท.59 ที่เป็นนักเรียนบังคับบัญชาของน้องเมย ฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท

    ส่วนที่โจทก์ คือ ครอบครัวตัญกาญจน์ ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า ทำให้นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาน้องเมย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ที่ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แล้วถ้าลูกตนมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ไหม อีกทั้งจำเลยยังเป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง ต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากขนาดไหน

    นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง จำเลยไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ และระหว่างพิจารณาคดีจำเลยไม่กล้าเจอหน้า มาปุ๊บๆ ก็ไป ซึ่งนับจากนี้จะทำเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดเช่นนี้ จะยังมีคุณสมบัติรับราชการตำรวจได้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีคดีการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พบว่าอวัยวะบางส่วนหาย บางส่วนเสียหาย และบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งมารดาแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะยังไม่ออกหมายจับแพทย์ทหารยศพันตรี ที่ผ่าชันสูตรครั้งแรกแต่อย่างใด

    นางสุกัญญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เคยถูกตำรวจ สภ.บ้านนาที่ชื่อกสินธุ์กล่าวดูถูกว่า คดีลูกคุณเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ ส่วนตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เจ้าของสำนวนกล่าวว่า "คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย" นอกจากนี้ ใครที่เข้ามาคุยกับครอบครัวจะโดนแบนทั้งหมด มีโทรศัพท์ข่มขู่ตลอด ทุกคนบอกว่าสู้ไปก็แพ้ สู้ไปก็ไม่ได้ ตนไม่ต้องการให้ใครแพ้ใครชนะ แต่สู้เพื่อให้สังคมรู้ความจริง ขอบคุณประชาชนที่ตามข่าวทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่สนใจและเห็นใจ รักตนและน้องเมย แม้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร แต่ได้เห็นแสงสว่างจากหัวใจของประชาชนมาถึงตน

    #Newskit
    น้องเมยเหยื่อเตรียมทหาร พ่อแม่คาใจทั้งน้ำตา การเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี หลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัยจนหมดสติและถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่โรงเรียนเตรียมทหาร อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 คดีแรกถึงที่สุด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษา ร.ต.ท.ธีร์จุฑา (สงวนนามสกุล) ข้าราชการตำรวจ รุ่นพี่ นตท.59 ที่เป็นนักเรียนบังคับบัญชาของน้องเมย ฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ส่วนที่โจทก์ คือ ครอบครัวตัญกาญจน์ ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า ทำให้นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาน้องเมย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ที่ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แล้วถ้าลูกตนมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ไหม อีกทั้งจำเลยยังเป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง ต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากขนาดไหน นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง จำเลยไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ และระหว่างพิจารณาคดีจำเลยไม่กล้าเจอหน้า มาปุ๊บๆ ก็ไป ซึ่งนับจากนี้จะทำเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดเช่นนี้ จะยังมีคุณสมบัติรับราชการตำรวจได้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีคดีการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พบว่าอวัยวะบางส่วนหาย บางส่วนเสียหาย และบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งมารดาแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะยังไม่ออกหมายจับแพทย์ทหารยศพันตรี ที่ผ่าชันสูตรครั้งแรกแต่อย่างใด นางสุกัญญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เคยถูกตำรวจ สภ.บ้านนาที่ชื่อกสินธุ์กล่าวดูถูกว่า คดีลูกคุณเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ ส่วนตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เจ้าของสำนวนกล่าวว่า "คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย" นอกจากนี้ ใครที่เข้ามาคุยกับครอบครัวจะโดนแบนทั้งหมด มีโทรศัพท์ข่มขู่ตลอด ทุกคนบอกว่าสู้ไปก็แพ้ สู้ไปก็ไม่ได้ ตนไม่ต้องการให้ใครแพ้ใครชนะ แต่สู้เพื่อให้สังคมรู้ความจริง ขอบคุณประชาชนที่ตามข่าวทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่สนใจและเห็นใจ รักตนและน้องเมย แม้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร แต่ได้เห็นแสงสว่างจากหัวใจของประชาชนมาถึงตน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทบ. เผยพบทุ่นระเบิดสภาพใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิมชี้ชัดขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ด้านกรมข่าวทหารบกเตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหารมารับทราบข้อเท็จจริง

    วันนี้ (21 ก.ค.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68

    ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ค.68) กองกำลังสุรนารี และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น

    การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ทางไทยและกัมพูชาล้วนได้ให้สัตยาบัน เข้าเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวด้วย กองทัพบกจึงขอเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวนี้ต่อสาธารณะ พร้อมขอความร่วมมือประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงนานาประเทศ ร่วมประณามการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรงของประเทศกัมพูชา นอกจากนี้กรมข่าวทหารบกจะได้มีการเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย มารับทราบข้อเท็จจริงในกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
    ทบ. เผยพบทุ่นระเบิดสภาพใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิมชี้ชัดขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ด้านกรมข่าวทหารบกเตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหารมารับทราบข้อเท็จจริง วันนี้ (21 ก.ค.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ค.68) กองกำลังสุรนารี และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ทางไทยและกัมพูชาล้วนได้ให้สัตยาบัน เข้าเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวด้วย กองทัพบกจึงขอเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวนี้ต่อสาธารณะ พร้อมขอความร่วมมือประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงนานาประเทศ ร่วมประณามการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรงของประเทศกัมพูชา นอกจากนี้กรมข่าวทหารบกจะได้มีการเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย มารับทราบข้อเท็จจริงในกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล เล่าถึงเหตุการณ์เจอมือยิงสนธิที่พนมเปญที่เป็นทหาร อยู่ในกลุ่มเดียวกับชายชุดดำที่ซุ่มยิงพลเอกร่มเกล้าโดยระยุว่าได้อาวุธสงครามจากฮุนเซน

    “ผมจะพาให้คนอ่าน อ่านบทความรำลึกความหลังเกี่ยวกับจักรภพ เพ็ญแข ของคุณ อาคม ซิดนี่ย์ บทความนี้เขียนเป็นตอนๆ ขณะนี้มี 3 ตอนด้วยกัน ผู้อ่านที่มีเวลา ควรอ่านหมด แต่ถ้าไม่มีเวลา ขอแนะนำให้อ่านตอนที่ 2 ซึ่งคุณอาคมได้เล่าการไปเยี่ยมจักรภพที่บ้านพักในพนมเปญ (ผมจำเป็นต้องเล่าว่าผมเคยพบจักรภพครั้งเดียวที่ที่พักผม เป็นการพบทีละหลายคน คือเขามาคนเดียวพบกับผมกับเพื่อนผู้ลี้ภัยหลายคน วันนั้นไม่ได้คุยอะไรมากโดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ของเขา แต่ผมมีโอกาสสอบถามเรื่องนี้จากเพื่อนบางคน ภาพโดยรวมไม่ต่างจากที่คุณอาคมเล่า แต่ให้ฟังจากคุณอาคมซึ่งได้ไปคุยด้วยโดยตรงดีกว่า)

    ตอนนั้นจักรภพพักอยู่กับ "มือปืน" ชาวไทย (ที่ผมทราบมามีอยู่ 4-5 คน) หรือที่คุณอาคมเรียกว่า "ชายชุดดำ" คนเหล่านี้เป็นคนไทย "เสื้อแดง" ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น ตอนที่ผมคัดมานี้ เป็นตอนที่"ชายชุดดำ" คนหนึ่งเล่าเบื้องหลังการยิงสนธิ ลิ้ม ให้คุณอาคมฟัง ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก และผมเองต้องบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน ผมรู้เรื่องที่คนเหล่านี้แอบซุ่มตีพลเอกร่มเกล้ามาก่อน แต่ไม่รู้เรื่องสนธิ ที่ผ่านมาผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า กลุ่มที่ยิงสนธิ เป็นพวกลูกน้อง "พระบรมฯ"

    .........................................................

    - ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทความที่แล้วว่าการไปหาจักรภพ สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมคือ จักรภพเปิดตัวชายชุดดำและมือปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในค่ำคืนนั้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่ร่วมอยู่ในงานเลื้ยงสิบกว่าคน ที่ต่างก็พากันสอบถามด้วยความอยากรู้ที่มาของชายชุดดำ ก็นับว่าเป็นของแถมที่มีประ โยชน์อย่างยิ่ง ส่วนผมไม่ได้รีบร้อน ผมรอจนเป็นคนสุดท้ายจึงได้พูดคุยกับชายชุดดำอย่างใกล้ชิด กับคำถามแรก

    1. เป็นทหาร บก เรือ หรืออากาศ? ปรากฏว่าผิดหมดเขาเป็นสามัญชนที่อาสามาร่วมต่อสู้โดยไม่ได้เป็นทหารสังกัดเหล่าทัพใด

    2. เมื่อไม่ได้เป็นทหารแล้วเอาอาวุธมาจากไหน? คำตอบก็คือเวทีคนเสื้อแดง...เป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกเหนือความคาดหมายมากยิ่งขึ้น

    3. ผมต้องถามย้ำเวทีคนเสื้อแดง แล้วเสื้อแดงทำไมจึงมีอาวุธสงครามให้ใช้....คำตอบสมเด็จฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จำนวน 2 ตู้ คอนเทนเนอร์ ซึ่งจักรภพก็ยืนยันในข้อเท็จ จริง….ทำให้เชื่อสนิจใจจากที่เคยได้ยินมาบ้าง

    4. ต่อคำถามที่ว่า อาวุธมากมายขนาดนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการต่อสู้แบบกองโจรหรือโจมตีแล้วพลางตัวเข้ากับมวลชน สร้างความระส่ำให้กับเจ้าหน้าที่.....คำตอบคือไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะแค่กระสุนหมด จะเบิกกระสุนรอบใหม่ยังต้องจ่ายตัง เลยถอดใจทิ้งอาวุธและหนีมาอยู่กัมพูชา

    5. ก็ไหนบอกว่าเป็นอาวุธที่ฮุนเซนให้มาเพื่อช่วยการต่อสู้ เหตุใดจึงต้องซื้อ....คำตอบคือใช่ฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จริง แต่คนเสื้อแดงเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้เก็บไว้สำหรับต่อสู้…..ผมหวังว่าพี่น้องเสื้อแดงที่ได้อ่านบทความนี้คงจะกระจ่างถึงสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้

    - กว่าผมจะได้คุยกับมือปืนที่ยิงสนธิ ซึ่งเป็นทหารบก ผมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดยิงกระสุนเข้าใส่จนรถพรุนทั้งคันทำไมโดนสนธิแค่ถากๆนัดเดียว.....คำตอบคือ “ผมนั่งอยู่ท้ายรถกระ บะเมื่อเข้าระยะหวังผลก็ลุกขึ้นยิง วิถีกระสุนจึงลงต่ำส่วนใหญ่ลงพื้นรถมากกว่า ซึ่งผมก็ยังคาใจและมีคำถามที่อยากจะถามต่อ ก็พอดีเพื่อนๆร่วมงานต่างก็เริ่มขยับจะกลับโรงแรมที่พักเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ผมก็เลยไม่มีโอกาสได้สอบถามมากกว่านี้

    ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=2307139029757258&set=a.537421386729040
    สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล เล่าถึงเหตุการณ์เจอมือยิงสนธิที่พนมเปญที่เป็นทหาร อยู่ในกลุ่มเดียวกับชายชุดดำที่ซุ่มยิงพลเอกร่มเกล้าโดยระยุว่าได้อาวุธสงครามจากฮุนเซน “ผมจะพาให้คนอ่าน อ่านบทความรำลึกความหลังเกี่ยวกับจักรภพ เพ็ญแข ของคุณ อาคม ซิดนี่ย์ บทความนี้เขียนเป็นตอนๆ ขณะนี้มี 3 ตอนด้วยกัน ผู้อ่านที่มีเวลา ควรอ่านหมด แต่ถ้าไม่มีเวลา ขอแนะนำให้อ่านตอนที่ 2 ซึ่งคุณอาคมได้เล่าการไปเยี่ยมจักรภพที่บ้านพักในพนมเปญ (ผมจำเป็นต้องเล่าว่าผมเคยพบจักรภพครั้งเดียวที่ที่พักผม เป็นการพบทีละหลายคน คือเขามาคนเดียวพบกับผมกับเพื่อนผู้ลี้ภัยหลายคน วันนั้นไม่ได้คุยอะไรมากโดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ของเขา แต่ผมมีโอกาสสอบถามเรื่องนี้จากเพื่อนบางคน ภาพโดยรวมไม่ต่างจากที่คุณอาคมเล่า แต่ให้ฟังจากคุณอาคมซึ่งได้ไปคุยด้วยโดยตรงดีกว่า) ตอนนั้นจักรภพพักอยู่กับ "มือปืน" ชาวไทย (ที่ผมทราบมามีอยู่ 4-5 คน) หรือที่คุณอาคมเรียกว่า "ชายชุดดำ" คนเหล่านี้เป็นคนไทย "เสื้อแดง" ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น ตอนที่ผมคัดมานี้ เป็นตอนที่"ชายชุดดำ" คนหนึ่งเล่าเบื้องหลังการยิงสนธิ ลิ้ม ให้คุณอาคมฟัง ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก และผมเองต้องบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน ผมรู้เรื่องที่คนเหล่านี้แอบซุ่มตีพลเอกร่มเกล้ามาก่อน แต่ไม่รู้เรื่องสนธิ ที่ผ่านมาผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า กลุ่มที่ยิงสนธิ เป็นพวกลูกน้อง "พระบรมฯ" ......................................................... - ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทความที่แล้วว่าการไปหาจักรภพ สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมคือ จักรภพเปิดตัวชายชุดดำและมือปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในค่ำคืนนั้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่ร่วมอยู่ในงานเลื้ยงสิบกว่าคน ที่ต่างก็พากันสอบถามด้วยความอยากรู้ที่มาของชายชุดดำ ก็นับว่าเป็นของแถมที่มีประ โยชน์อย่างยิ่ง ส่วนผมไม่ได้รีบร้อน ผมรอจนเป็นคนสุดท้ายจึงได้พูดคุยกับชายชุดดำอย่างใกล้ชิด กับคำถามแรก 1. เป็นทหาร บก เรือ หรืออากาศ? ปรากฏว่าผิดหมดเขาเป็นสามัญชนที่อาสามาร่วมต่อสู้โดยไม่ได้เป็นทหารสังกัดเหล่าทัพใด 2. เมื่อไม่ได้เป็นทหารแล้วเอาอาวุธมาจากไหน? คำตอบก็คือเวทีคนเสื้อแดง...เป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกเหนือความคาดหมายมากยิ่งขึ้น 3. ผมต้องถามย้ำเวทีคนเสื้อแดง แล้วเสื้อแดงทำไมจึงมีอาวุธสงครามให้ใช้....คำตอบสมเด็จฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จำนวน 2 ตู้ คอนเทนเนอร์ ซึ่งจักรภพก็ยืนยันในข้อเท็จ จริง….ทำให้เชื่อสนิจใจจากที่เคยได้ยินมาบ้าง 4. ต่อคำถามที่ว่า อาวุธมากมายขนาดนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการต่อสู้แบบกองโจรหรือโจมตีแล้วพลางตัวเข้ากับมวลชน สร้างความระส่ำให้กับเจ้าหน้าที่.....คำตอบคือไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะแค่กระสุนหมด จะเบิกกระสุนรอบใหม่ยังต้องจ่ายตัง เลยถอดใจทิ้งอาวุธและหนีมาอยู่กัมพูชา 5. ก็ไหนบอกว่าเป็นอาวุธที่ฮุนเซนให้มาเพื่อช่วยการต่อสู้ เหตุใดจึงต้องซื้อ....คำตอบคือใช่ฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จริง แต่คนเสื้อแดงเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้เก็บไว้สำหรับต่อสู้…..ผมหวังว่าพี่น้องเสื้อแดงที่ได้อ่านบทความนี้คงจะกระจ่างถึงสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้ - กว่าผมจะได้คุยกับมือปืนที่ยิงสนธิ ซึ่งเป็นทหารบก ผมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดยิงกระสุนเข้าใส่จนรถพรุนทั้งคันทำไมโดนสนธิแค่ถากๆนัดเดียว.....คำตอบคือ “ผมนั่งอยู่ท้ายรถกระ บะเมื่อเข้าระยะหวังผลก็ลุกขึ้นยิง วิถีกระสุนจึงลงต่ำส่วนใหญ่ลงพื้นรถมากกว่า ซึ่งผมก็ยังคาใจและมีคำถามที่อยากจะถามต่อ ก็พอดีเพื่อนๆร่วมงานต่างก็เริ่มขยับจะกลับโรงแรมที่พักเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ผมก็เลยไม่มีโอกาสได้สอบถามมากกว่านี้ ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=2307139029757258&set=a.537421386729040
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยเตรียมร้อง UN! เขมรวางทุ่นระเบิดใหม่ที่ช่องบก อุบลราชธานี

    สถานการณ์ภายหลังเกิดเหตุการณ์กำลังพลได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ระหว่างปฏิบัติลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี วันนี้ (19 ก.ค. 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยว่า พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาชี้แจงผลการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดย นปท.3 ที่ระบุว่ามีวางทุ่นระเบิดใหม่ จำนวน 8 ทุ่น ในพื้นที่เขตแดนไทย ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล  แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่หน่วยจะรายงานข้อเท็จจริงถึงกองทัพบกและรัฐบาล เพื่อประท้วงผ่าน UN ต่อไป พร้อมเตรียมส่งทหารเข้าตรวจพื้นที่ และเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน ควบคู่ไปกับใช้การมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม


              พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุที่เกิดขึ้น  ด้วยกำลังพลของกองทัพบกเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน โดยทันทีที่ทราบเรื่อง ได้สั่งการให้ต้นสังกัดติดตามการรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิด รวมถึงดูแลด้านสิทธิและสวัสดิการให้กำลังพลและครอบครัวอย่างเต็มที่  พร้อมยืนยันจะดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวให้ดีที่สุด โดยกองทัพบกมีความห่วงใยในความรู้สึกของครอบครัว และบุคคลใกล้ชิดของกำลังพลเสมอมา


              โดย ผบ.ทบ. ยังระบุอีกว่า การลาดตระเวนของหน่วยทหารเป็นมาตรการเชิงรุกที่ได้ผลในการตรวจตราและรักษาพื้นที่แนวชายแดนไม่ให้ถูกรุกล้ำ แต่อาจต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกนายตระหนักดี และพร้อมทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อภารกิจในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ  และจากการตรวจที่เกิดเหตุตามที่ปรากฏความชัดเจนแล้วว่า ทุ่นระเบิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นทุ่นระเบิดที่มีการวางขึ้นใหม่ 


              ข้อมูลนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สนับสนุนความชอบธรรมของฝ่ายไทยในการดำเนินมาตรการตอบโต้ต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งในด้านการทหารและด้านการต่างประเทศ 


             กองทัพบกขอยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ ด้วยความรอบคอบ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสายตาสังคมโลก และไม่ตกเป็นเป้าของการบิดเบือนจากฝ่ายที่ไม่หวังดี 


              ที่สำคัญกองทัพบกตระหนักดีว่า ประชาชนของไทยและกัมพูชาไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน มิใช่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จึงไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ถูกตีความผิด จนบานปลายไปสู่ความเกลียดชังระหว่างกัน


            ส่วนในเรื่องด่านฯ ผบ.ทบ. เน้นย้ำว่า ในปัจจุบันฝ่ายไทยไม่ได้มีการ “ปิดด่าน” แต่อย่างใด เป็นเพียงการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการคัดกรองบุคคล และการบริหารเวลาเข้า-ออกให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นเท่านั้น


             อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคม โดยเฉพาะในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือสร้างความแตกแยกได้โดยไม่ตั้งใจ     


              ผบ.ทบ. ขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่า ทุกคนต่างทุ่มเท เสียสละ ทำหน้าที่ในด่านหน้าแทนพวกเราทุกคน ซึ่งกำลังใจจากสังคม อาจเป็นเหมือนของขวัญอันทรงคุณค่ายิ่ง  รวมถึงความสามัคคีกันของคนในชาติย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้
    ไทยเตรียมร้อง UN! เขมรวางทุ่นระเบิดใหม่ที่ช่องบก อุบลราชธานี สถานการณ์ภายหลังเกิดเหตุการณ์กำลังพลได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ระหว่างปฏิบัติลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี วันนี้ (19 ก.ค. 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยว่า พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาชี้แจงผลการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดย นปท.3 ที่ระบุว่ามีวางทุ่นระเบิดใหม่ จำนวน 8 ทุ่น ในพื้นที่เขตแดนไทย ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล  แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่หน่วยจะรายงานข้อเท็จจริงถึงกองทัพบกและรัฐบาล เพื่อประท้วงผ่าน UN ต่อไป พร้อมเตรียมส่งทหารเข้าตรวจพื้นที่ และเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน ควบคู่ไปกับใช้การมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม           พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุที่เกิดขึ้น  ด้วยกำลังพลของกองทัพบกเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน โดยทันทีที่ทราบเรื่อง ได้สั่งการให้ต้นสังกัดติดตามการรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิด รวมถึงดูแลด้านสิทธิและสวัสดิการให้กำลังพลและครอบครัวอย่างเต็มที่  พร้อมยืนยันจะดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวให้ดีที่สุด โดยกองทัพบกมีความห่วงใยในความรู้สึกของครอบครัว และบุคคลใกล้ชิดของกำลังพลเสมอมา           โดย ผบ.ทบ. ยังระบุอีกว่า การลาดตระเวนของหน่วยทหารเป็นมาตรการเชิงรุกที่ได้ผลในการตรวจตราและรักษาพื้นที่แนวชายแดนไม่ให้ถูกรุกล้ำ แต่อาจต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกนายตระหนักดี และพร้อมทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อภารกิจในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ  และจากการตรวจที่เกิดเหตุตามที่ปรากฏความชัดเจนแล้วว่า ทุ่นระเบิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นทุ่นระเบิดที่มีการวางขึ้นใหม่            ข้อมูลนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สนับสนุนความชอบธรรมของฝ่ายไทยในการดำเนินมาตรการตอบโต้ต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งในด้านการทหารและด้านการต่างประเทศ           กองทัพบกขอยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ ด้วยความรอบคอบ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสายตาสังคมโลก และไม่ตกเป็นเป้าของการบิดเบือนจากฝ่ายที่ไม่หวังดี            ที่สำคัญกองทัพบกตระหนักดีว่า ประชาชนของไทยและกัมพูชาไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน มิใช่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จึงไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ถูกตีความผิด จนบานปลายไปสู่ความเกลียดชังระหว่างกัน         ส่วนในเรื่องด่านฯ ผบ.ทบ. เน้นย้ำว่า ในปัจจุบันฝ่ายไทยไม่ได้มีการ “ปิดด่าน” แต่อย่างใด เป็นเพียงการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการคัดกรองบุคคล และการบริหารเวลาเข้า-ออกให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นเท่านั้น          อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคม โดยเฉพาะในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือสร้างความแตกแยกได้โดยไม่ตั้งใจ                ผบ.ทบ. ขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่า ทุกคนต่างทุ่มเท เสียสละ ทำหน้าที่ในด่านหน้าแทนพวกเราทุกคน ซึ่งกำลังใจจากสังคม อาจเป็นเหมือนของขวัญอันทรงคุณค่ายิ่ง  รวมถึงความสามัคคีกันของคนในชาติย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15 กรกฎาคม 2568 -รายงานข่าวระบุว่า ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลงนามประกาศกวาดล้างแก๊งค์คอลเซนเตอร์-เว็บฉ้อโกงการพนันออนไลน์ทุกชนิดทั่วประเทศ! ลบข้อครหาดินแดน SCAMBODIA ฟาด UN หลังแฉเขมรมีแต่แก๊งค์คอลเซนเตอร์-เป็นที่ตั้งเว็บการพนันออนไลน์ข้ามชาติ Kampuchea Thmey Daily รายงานว่า ฮุนมาเน็ต นายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศว่ารัฐบาลกัมพูชาได้สังเกตเห็นว่าปัจจุบันการหลอกลวงทางออนไลน์ในราชอาณาจักรกัมพูชากำลังก่อให้เกิดภัยคุกคามและความไม่ปลอดภัยทั้งในโลกและภูมิภาค กลุ่มอาชญากรต่างชาติก็ได้แทรกซึมเข้ามาในการหลอกลวงทางออนไลน์เช่นกัน เพื่อป้องกัน ควบคุมและปราบปรามการฉ้อโกงโดยใช้ระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง มุ่งหวังที่จะมีส่วนสนับสนุนในการดูแลรักษาและคุ้มครองความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยของประชาชนและความปลอดภัยทางสังคม รัฐบาลจึงออกกฎระเบียบดังต่อไปนี้ 1. ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการบริหารส่วนจังหวัด นายอำเภอเมือง หัวหน้าคณะกรรมการบริหารส่วนจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจจังหวัด มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการปราบปรามการทุจริตทางเทคโนโลยีในทุกพื้นที่ภายในพื้นที่และเขตอำนาจศาลของตนตามกฎหมาย ระเบียบ และบรรทัดฐานทางกฎหมายที่บังคับใช้2. กระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและกรมตรวจคนเข้าเมือง เป็นหัวหน้าหน่วยงาน มีหน้าที่จัดทำขั้นตอนการขับไล่ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับต่างด้าวที่เข้ามาโดยผิดกฎหมาย อาศัยอยู่โดยผิดกฎหมายหรือประกอบกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย3. กรมตำรวจแห่งชาติ กรมตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการกลางองค์การบริหารส่วนจังหวัด กองบังคับตำรวจภูมิภาค และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนในจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน มีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกัน ปิดกั้น และห้ามคนต่างด้าวลักลอบข้ามพรมแดนทางบกภายในพื้นที่และเขตอำนาจของตน4. คณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการกลางปกครองส่วนท้องถิ่นตามแนวชายแดนทางทะเล กองบัญชาการทหารเรือ และกรมตำรวจตระเวนชายแดนทางน้ำ มีหน้าที่ป้องกัน ปิดกั้น และห้ามมิให้คนต่างด้าวลักลอบเข้า-ออกชายแดนทางน่านน้ำภายในเขตพื้นที่และเขตอำนาจศาลของตน5. ให้กระทรวงยุติธรรม สั่งการไปยังศาลและอัยการที่สังกัดศาลทุกระดับ ให้ความสำคัญและรับผิดชอบอย่างยิ่งในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตผ่านระบบเทคโนโลยีให้เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง และให้การสนับสนุนทางกฎหมายแก่สถาบันและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการปฏิบัติงานตามความจำเป็น6. ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพกัมพูชา ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาพระองค์ ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ และผู้บัญชาการกองพลที่ 70 ต้องจัดเตรียมกำลังพล เครื่องมือ และอุปกรณ์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการเมื่อได้รับคำสั่ง7. กระทรวงสถาบันวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ ต้องร่วมมือและมีส่วนร่วมในการปราบปรามการทุจริตผ่านระบบเทคโนโลยี8. คณะกรรมการการพนันเชิงพาณิชย์ของกัมพูชาจะต้องเข้มงวดกับการจัดการและการกำกับดูแลคาสิโนหรือศูนย์การพนันที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด โดยมีข้อห้ามอย่างเคร่งครัดดังต่อไปนี้: • การฉ้อโกงทางเทคโนโลยี• การลักพาตัว การทรมาน และการคุมขังที่ผิดกฎหมาย• การค้ามนุษย์และการแสวงประโยชน์ทางเพศทุกรูปแบบ• การค้าอาวุธ การครอบครอง และการใช้อาวุธที่ผิดกฎหมาย • การสร้างกำลังที่ผิดกฎหมายผ่านบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนและการใช้กองกำลังตำรวจติดอาวุธ • การค้า การใช้ และการจัดเก็บยาเสพติดและสารเสพติดที่ผิดกฎหมาย9. ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเมือง หัวหน้ากองบัญชาการร่วมของสำนักงานบริหารจังหวัดและเมืองหลวง ผู้บัญชาการตำรวจประจำเมืองหลวง ผู้บัญชาการหน่วยงาน กระทรวงและสถาบันที่เกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัดและมีความรับผิดชอบ หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้หรือไม่ให้ความร่วมมือใดๆ จะถูกประเมินผลในการแต่งตั้ง โยกย้าย หรือปลดออกจากตำแหน่งโดยทันที กระทรวง สถาบัน คณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ กองบัญชาการร่วม ฝ่ายบริหารระดับจังหวัด หน่วยงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้ด้วยความเข้มงวดและมีประสิทธิภาพสูงสุดตั้งแต่วันที่ลงนาม
    15 กรกฎาคม 2568 -รายงานข่าวระบุว่า ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลงนามประกาศกวาดล้างแก๊งค์คอลเซนเตอร์-เว็บฉ้อโกงการพนันออนไลน์ทุกชนิดทั่วประเทศ! ลบข้อครหาดินแดน SCAMBODIA ฟาด UN หลังแฉเขมรมีแต่แก๊งค์คอลเซนเตอร์-เป็นที่ตั้งเว็บการพนันออนไลน์ข้ามชาติ Kampuchea Thmey Daily รายงานว่า ฮุนมาเน็ต นายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศว่ารัฐบาลกัมพูชาได้สังเกตเห็นว่าปัจจุบันการหลอกลวงทางออนไลน์ในราชอาณาจักรกัมพูชากำลังก่อให้เกิดภัยคุกคามและความไม่ปลอดภัยทั้งในโลกและภูมิภาค กลุ่มอาชญากรต่างชาติก็ได้แทรกซึมเข้ามาในการหลอกลวงทางออนไลน์เช่นกัน เพื่อป้องกัน ควบคุมและปราบปรามการฉ้อโกงโดยใช้ระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง มุ่งหวังที่จะมีส่วนสนับสนุนในการดูแลรักษาและคุ้มครองความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยของประชาชนและความปลอดภัยทางสังคม รัฐบาลจึงออกกฎระเบียบดังต่อไปนี้ 1. ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการบริหารส่วนจังหวัด นายอำเภอเมือง หัวหน้าคณะกรรมการบริหารส่วนจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจจังหวัด มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการปราบปรามการทุจริตทางเทคโนโลยีในทุกพื้นที่ภายในพื้นที่และเขตอำนาจศาลของตนตามกฎหมาย ระเบียบ และบรรทัดฐานทางกฎหมายที่บังคับใช้2. กระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและกรมตรวจคนเข้าเมือง เป็นหัวหน้าหน่วยงาน มีหน้าที่จัดทำขั้นตอนการขับไล่ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับต่างด้าวที่เข้ามาโดยผิดกฎหมาย อาศัยอยู่โดยผิดกฎหมายหรือประกอบกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย3. กรมตำรวจแห่งชาติ กรมตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการกลางองค์การบริหารส่วนจังหวัด กองบังคับตำรวจภูมิภาค และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนในจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน มีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกัน ปิดกั้น และห้ามคนต่างด้าวลักลอบข้ามพรมแดนทางบกภายในพื้นที่และเขตอำนาจของตน4. คณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการกลางปกครองส่วนท้องถิ่นตามแนวชายแดนทางทะเล กองบัญชาการทหารเรือ และกรมตำรวจตระเวนชายแดนทางน้ำ มีหน้าที่ป้องกัน ปิดกั้น และห้ามมิให้คนต่างด้าวลักลอบเข้า-ออกชายแดนทางน่านน้ำภายในเขตพื้นที่และเขตอำนาจศาลของตน5. ให้กระทรวงยุติธรรม สั่งการไปยังศาลและอัยการที่สังกัดศาลทุกระดับ ให้ความสำคัญและรับผิดชอบอย่างยิ่งในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตผ่านระบบเทคโนโลยีให้เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง และให้การสนับสนุนทางกฎหมายแก่สถาบันและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการปฏิบัติงานตามความจำเป็น6. ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพกัมพูชา ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาพระองค์ ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ และผู้บัญชาการกองพลที่ 70 ต้องจัดเตรียมกำลังพล เครื่องมือ และอุปกรณ์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการเมื่อได้รับคำสั่ง7. กระทรวงสถาบันวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ ต้องร่วมมือและมีส่วนร่วมในการปราบปรามการทุจริตผ่านระบบเทคโนโลยี8. คณะกรรมการการพนันเชิงพาณิชย์ของกัมพูชาจะต้องเข้มงวดกับการจัดการและการกำกับดูแลคาสิโนหรือศูนย์การพนันที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด โดยมีข้อห้ามอย่างเคร่งครัดดังต่อไปนี้: • การฉ้อโกงทางเทคโนโลยี• การลักพาตัว การทรมาน และการคุมขังที่ผิดกฎหมาย• การค้ามนุษย์และการแสวงประโยชน์ทางเพศทุกรูปแบบ• การค้าอาวุธ การครอบครอง และการใช้อาวุธที่ผิดกฎหมาย • การสร้างกำลังที่ผิดกฎหมายผ่านบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนและการใช้กองกำลังตำรวจติดอาวุธ • การค้า การใช้ และการจัดเก็บยาเสพติดและสารเสพติดที่ผิดกฎหมาย9. ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเมือง หัวหน้ากองบัญชาการร่วมของสำนักงานบริหารจังหวัดและเมืองหลวง ผู้บัญชาการตำรวจประจำเมืองหลวง ผู้บัญชาการหน่วยงาน กระทรวงและสถาบันที่เกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัดและมีความรับผิดชอบ หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้หรือไม่ให้ความร่วมมือใดๆ จะถูกประเมินผลในการแต่งตั้ง โยกย้าย หรือปลดออกจากตำแหน่งโดยทันที กระทรวง สถาบัน คณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ กองบัญชาการร่วม ฝ่ายบริหารระดับจังหวัด หน่วยงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้ด้วยความเข้มงวดและมีประสิทธิภาพสูงสุดตั้งแต่วันที่ลงนาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • MK ร่วมแจม ศึกสุกี้ตลาดแมส

    ในที่สุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ M เจ้าของภัตตาคารอาหารเอ็มเค และอีกสารพัดแบรนด์ ตัดสินใจโดดร่วมสมรภูมิสุกี้ตลาดแมส ด้วยการเปิดร้านสุกี้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "โบนัสสุกี้" ประเดิมสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี จ.สระบุรี ในวันที่ 16 ก.ค. ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 05.00 น. พร้อมเปิดตัวอย่างร้อนแรงด้วยโปรโมชันฉลองเปิดสาขา 1 ฟรี 1 เป็นเวลา 5 วัน วันละ 100 สิทธิ์

    นับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเอ็มเค หลังคู่แข่งอย่างร้านสุกี้ตี๋น้อย ของ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนสาขา 82 สาขา มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 รวม 271 ล้านบาท แซงหน้าเอ็มเคที่มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท รวมทั้งคู่แข่งในตลาดเดียวกันอย่าง ร้านลัคกี้สุกี้ ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ที่มี 19 สาขาอีกด้วย ทำให้เอ็มเคตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

    สำหรับจังหวัดสระบุรี นอกจากมีรายได้ต่อหัวสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เป็นแหล่งผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ รวมทั้งมีค่ายอดิศร เป็นที่ตั้งของศูนย์การทหารม้า มณฑลทหารบกที่ 18 รวมทั้งโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ที่ อ.มวกเหล็ก แล้ว ยังเป็นทางผ่านสู่ภาคอีสานด้วยถนนมิตรภาพ และมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ที่ผ่านมามีสุกี้ตี๋น้อย เปิดสาขาสระบุรีที่ปั๊มบางจาก B5 อเวนิว ใกล้ห้างบิ๊กซีเพลสสระบุรี และลัคกี้สุกี้ สาขาโลตัสสระบุรี

    ก่อนหน้านี้เอ็มเคได้ทดลองจัดโปรโมชัน “MK บุฟเฟต์ คุ้มคุ้มอิ่มไม่อั้น 90 นาที” ราคา 299 บาทต่อคน หากลูกค้ามา 4 คน สามารถสั่งกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น เฉพาะร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาในห้างค้าปลีก เช่น โลตัส และบิ๊กซี รวม 250 สาขา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงขยายโปรโมชันถึงวันที่ 31 ก.ค. 2568 พร้อมเพิ่มสาขาร่วมรายการอีก 49 สาขา รวม 299 สาขา นอกจากนี้ ยังทดลองขยายเวลาให้บริการถึงเวลา 24.00 น. จำนวน 9 สาขา และเวลา 23.00 น. จำนวน 8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหารในช่วงกลางคืนหรือหลังเลิกงาน

    การเปิดแบรนด์สุกี้ใหม่ของเอ็มเค นอกจากจะสร้างสีสันการแข่งขันสุกี้ตลาดแมสให้คึกคัก ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก แม้จะต้องปรับตัวเรื่องการรักษาความปลอดภัยหลังศูนย์การค้าปิดให้บริการก็ตาม

    #Newskit
    MK ร่วมแจม ศึกสุกี้ตลาดแมส ในที่สุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ M เจ้าของภัตตาคารอาหารเอ็มเค และอีกสารพัดแบรนด์ ตัดสินใจโดดร่วมสมรภูมิสุกี้ตลาดแมส ด้วยการเปิดร้านสุกี้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "โบนัสสุกี้" ประเดิมสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี จ.สระบุรี ในวันที่ 16 ก.ค. ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 05.00 น. พร้อมเปิดตัวอย่างร้อนแรงด้วยโปรโมชันฉลองเปิดสาขา 1 ฟรี 1 เป็นเวลา 5 วัน วันละ 100 สิทธิ์ นับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเอ็มเค หลังคู่แข่งอย่างร้านสุกี้ตี๋น้อย ของ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนสาขา 82 สาขา มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 รวม 271 ล้านบาท แซงหน้าเอ็มเคที่มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท รวมทั้งคู่แข่งในตลาดเดียวกันอย่าง ร้านลัคกี้สุกี้ ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ที่มี 19 สาขาอีกด้วย ทำให้เอ็มเคตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สำหรับจังหวัดสระบุรี นอกจากมีรายได้ต่อหัวสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เป็นแหล่งผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ รวมทั้งมีค่ายอดิศร เป็นที่ตั้งของศูนย์การทหารม้า มณฑลทหารบกที่ 18 รวมทั้งโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ที่ อ.มวกเหล็ก แล้ว ยังเป็นทางผ่านสู่ภาคอีสานด้วยถนนมิตรภาพ และมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ที่ผ่านมามีสุกี้ตี๋น้อย เปิดสาขาสระบุรีที่ปั๊มบางจาก B5 อเวนิว ใกล้ห้างบิ๊กซีเพลสสระบุรี และลัคกี้สุกี้ สาขาโลตัสสระบุรี ก่อนหน้านี้เอ็มเคได้ทดลองจัดโปรโมชัน “MK บุฟเฟต์ คุ้มคุ้มอิ่มไม่อั้น 90 นาที” ราคา 299 บาทต่อคน หากลูกค้ามา 4 คน สามารถสั่งกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น เฉพาะร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาในห้างค้าปลีก เช่น โลตัส และบิ๊กซี รวม 250 สาขา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงขยายโปรโมชันถึงวันที่ 31 ก.ค. 2568 พร้อมเพิ่มสาขาร่วมรายการอีก 49 สาขา รวม 299 สาขา นอกจากนี้ ยังทดลองขยายเวลาให้บริการถึงเวลา 24.00 น. จำนวน 9 สาขา และเวลา 23.00 น. จำนวน 8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหารในช่วงกลางคืนหรือหลังเลิกงาน การเปิดแบรนด์สุกี้ใหม่ของเอ็มเค นอกจากจะสร้างสีสันการแข่งขันสุกี้ตลาดแมสให้คึกคัก ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก แม้จะต้องปรับตัวเรื่องการรักษาความปลอดภัยหลังศูนย์การค้าปิดให้บริการก็ตาม #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมิน IO ยุยงปลุกปั่น ทหารสัมพันธ์แน่นแฟ้น : [NEWS UPDATE]

    พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก(ทบ.) เผยกรณีพาสื่อมวลชนลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) อยากให้ลงพื้นที่ ทั้ง จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ จ.อุบลราชธานี เพื่อสัมผัสพื้นที่จริง 2 ส่วน คือ 1.ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ และ 2.ความพร้อมทางทหารและฝ่ายปกครอง ยังไม่ได้รับรายงานกรณีมีปากเสียงในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ผู้ปฏิบัติงานทั้งไทยและกัมพูชาในพื้นที่ ส่วนใหญ่รู้จักกัน ปัญหากระทบกระทั่งกันนิดหน่อย ไม่ได้มีความพยายามตั้งใจให้เกิดความรุนแรงจนน่ากังวล ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวหาว่า ไทยรุกรานพื้นที่กัมพูชา เรามีจุดยืนในการนำเสนอข้อมูล ต้องไม่ขยายความขัดแย้ง ต้องสื่อสารข้อเท็จจริง ส่วนผู้รับสารก็ต้องใช้วิจารณญาณ

    -คลิปอีกด้านสมยอม/ขืนใจ

    -ถอนจริงหรือรอเสียง สส.

    -คาดโทษโก่งราคาที่พัก

    -ไทยยังมีหวังลดภาษี
    เมิน IO ยุยงปลุกปั่น ทหารสัมพันธ์แน่นแฟ้น : [NEWS UPDATE] พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก(ทบ.) เผยกรณีพาสื่อมวลชนลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) อยากให้ลงพื้นที่ ทั้ง จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ จ.อุบลราชธานี เพื่อสัมผัสพื้นที่จริง 2 ส่วน คือ 1.ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ และ 2.ความพร้อมทางทหารและฝ่ายปกครอง ยังไม่ได้รับรายงานกรณีมีปากเสียงในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ผู้ปฏิบัติงานทั้งไทยและกัมพูชาในพื้นที่ ส่วนใหญ่รู้จักกัน ปัญหากระทบกระทั่งกันนิดหน่อย ไม่ได้มีความพยายามตั้งใจให้เกิดความรุนแรงจนน่ากังวล ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวหาว่า ไทยรุกรานพื้นที่กัมพูชา เรามีจุดยืนในการนำเสนอข้อมูล ต้องไม่ขยายความขัดแย้ง ต้องสื่อสารข้อเท็จจริง ส่วนผู้รับสารก็ต้องใช้วิจารณญาณ -คลิปอีกด้านสมยอม/ขืนใจ -ถอนจริงหรือรอเสียง สส. -คาดโทษโก่งราคาที่พัก -ไทยยังมีหวังลดภาษี
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 608 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • จิรัฏฐ์ สส.ลักแกง เผยธาตุแท้ในกมลสันดาน เหยียดเพื่อนมนุษย์ทุกระดับชั้น ขนาดแม่บ้านทหารบกเปลี่ยนชื่อสมาคมเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศสภาพ มันยังแซะยังเหยียด เห้เกินคนละมึง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #สสลักแกง
    จิรัฏฐ์ สส.ลักแกง เผยธาตุแท้ในกมลสันดาน เหยียดเพื่อนมนุษย์ทุกระดับชั้น ขนาดแม่บ้านทหารบกเปลี่ยนชื่อสมาคมเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศสภาพ มันยังแซะยังเหยียด เห้เกินคนละมึง #คิงส์โพธิ์แดง #สสลักแกง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมจัดอย่างใหญ่! “โคราชมาราธอน 2025” สนามวิ่งมาตรฐานโลก สร้างความประทับใจ บนเส้นทางแลนด์มาร์ค เมืองย่าโม 16 พ.ย.นี้ คาดนักวิ่งร่วมกว่า 7,500 คน

    โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี 16 พ.ย.นี้ สนามวิ่งมาราธอนไทยได้มาตรฐานระดับโลก เก็บความประทับใจกับไฮไลท์บนเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองย่าโม ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญ พร้อมโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดทาง จากวงดุริยางค์ดีกรีแชมป์โลก ซึ่งเป็นลูกหลานย่าโม ภายใต้แนวคิด เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้จังหวัด คาดการณ์ว่านักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน และเอาใจนักวิ่งสายบุญกับ Charity Set ร่วมสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล

    เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ณ อีเวนต์ ฮออล์ 2 ชั้น 2 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” (KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD) โดยได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21, Mr.Benson Ke General Manager of BYD Thailand, คุณปรีชา ลิ้มอั่วผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์โคราช และคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด เข้าร่วมแถลงรายละเอียดของการแข่งขัน

    “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สนามวิ่งมาราธอนไทยมาตรฐานโลก "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" มาราธอนแห่งความประทับใจเมืองย่าโม "The Memorable Marathon" แนวคิดการออกแบบสนามวิ่งมาราธอนที่ตั้งใจให้เป็นสนามแห่งความประทับใจ หลอมรวมความเป็นโคราชไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเส้นทางที่จะพานักวิ่งผ่านจุดแลนด์มาร์คสำคัญเมืองโคราช โดยมีจุดปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9

    พร้อมการแสดงโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดเส้นทางของวงดุริยางค์ จากน้องๆ ลูกหลานย่าโม ที่มีดีกรีระดับแชมป์โลก ธีมการออกแบบปีนี้ชูแนวคิดเส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน "Build Your Marathon Dream" เน้นความวิจิตรงดงามของลวดลายผ้าไหมพื้นบนไอคอนแลนด์มาร์คเมืองโคราช นำลวดลายโคราชโมโนแกรม มาใช้ประกอบ สื่อถึงการประยุกต์ความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ละทิ้งเอกลักษณ์วิถีดั้งเดิมมารวมเข้าด้วยกันกับงานวิ่ง

    การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานอีเว้นท์กีฬามวลชนระดับนานาชาติประจำปีของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเป็นการสร้างงานวิ่งมาตรฐานโลกให้เป็นจุดหมายของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก และสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างมาราธอนที่สุดแสนประทับใจแห่งเมืองย่าโม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับจังหวัด ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน

    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแข่งขัน "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานวิ่ง แต่ยังสะท้อนศักยภาพของจังหวัดในการจัดอีเวนต์ระดับโลก ต่อยอดจากความเข้มแข็งของชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวโคราช ผมเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโคราชให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

    พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงาน"KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ในด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีอย่างสูงสุด พร้อมทั้งยังสะท้อนบทบาทของกองทัพในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน

    นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานวิ่งมาราธอน Korat Marathon 2025 Presented by BYD จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน’ หรือ ‘Build Your Marathon Dreams’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ BYD ที่สนับสนุนให้ทุกคนไล่ตามความฝันของตัวเอง และ การเข้าร่วมงานวิ่งของ BYD ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง พร้อมเดินตามความฝันในการมีสุขภาพที่ดีให้เป็นจริง

    นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ โคราช กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรีเทลและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย มีความเชื่อมั่นเสมอว่าศูนย์การค้าไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แห่งการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คน สร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน สำหรับเดอะมอลล์ โคราช ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพี่น้องชาวโคราช และอยู่เคียงข้างกันชาวโคราชมากว่า 25 ปี และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมดีๆ ให้กับชาวโคราช อยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา เนื่องด้วยโคราชเป็นเมืองแห่งกีฬาเป็นศูนย์รวมของคนรักสุขภาพ และมีความพร้อม มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ เดอะมอลล์ โคราช มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังผสานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างกลมกลืน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของภูมิภาค ที่พร้อมสนับสนุนทุกมิติของความสุขอย่างยั่งยืน พิเศษสุด! สำหรับนักวิ่งทุกท่านสามารถเตรียมความพร้อมก่อนวันจริง กับสินค้าและอุปกรณ์วิ่งครบวงจรได้ที่งาน Korat Marathon Sports Fest ในราคาสุดพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 14–21 พฤศจิกายน 2568 ที่ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช”

    ด้านคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการจัดกล่าวว่า ไฮไลท์ของการแข่งขันครั้งนี้คือ The Memorable Marathon มาราธอนแห่งความประทับใจ ถ่ายทอดเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งเมืองโคราช รวมทั้ง Point To Point Route ปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ใช้เส้นทาง Run Through Korat City วิ่งผ่านแลนด์มาร์คเมืองโคราช ภายใต้ World Class Race มาตรฐานงานวิ่งระดับโลก และ Scenic Finish Venue เส้นชัยวิวสวย พร้อมกับ World Class Cheering Team สนุกสนานกับกองเชียร์และการแสดงระดับโลก

    สำหรับ “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” แบ่งการแข่งขันเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะมาราธอน 42195. กิโลเมตร, ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21.1 กิโลเมตร., ระยะมินิ มาราธอน 10 กิโลเมตร. และระยะไมโครมาราธอน 5 กิโลเมตร กำหนดวันรับอุปกรณ์ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช และวันแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยปีนี้พิเศษกว่าเดิม! เสื้อวิ่งดีไซน์สุดปัง มาพร้อมโทนสีใหม่ที่โดดเด่นกว่าเคย สำหรับผู้สนใจร่วมแข่งขันสามารถสมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน

    นอกจากนี้ ได้เปิดโอกาสให้กับนักวิ่งใจบุญมาทางนี้ กับการสมัคร Charity Set ราคา 2,500 บาท โดยรายได้จากค่าสมัคร 2,000 บาทในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทำบุญเพื่อสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งนักวิ่งที่สมัครจะได้รับใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีจำนวน 2,000 บาท พร้อมกับชุด Race Pack สุดพิเศษ สมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025

    ทั้งนี้สามารถดูรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : Korat Marathon https://www.facebook.com/koratmarathon2025
    เตรียมจัดอย่างใหญ่! “โคราชมาราธอน 2025” สนามวิ่งมาตรฐานโลก สร้างความประทับใจ บนเส้นทางแลนด์มาร์ค เมืองย่าโม 16 พ.ย.นี้ คาดนักวิ่งร่วมกว่า 7,500 คน โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี 16 พ.ย.นี้ สนามวิ่งมาราธอนไทยได้มาตรฐานระดับโลก เก็บความประทับใจกับไฮไลท์บนเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองย่าโม ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญ พร้อมโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดทาง จากวงดุริยางค์ดีกรีแชมป์โลก ซึ่งเป็นลูกหลานย่าโม ภายใต้แนวคิด เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้จังหวัด คาดการณ์ว่านักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน และเอาใจนักวิ่งสายบุญกับ Charity Set ร่วมสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ณ อีเวนต์ ฮออล์ 2 ชั้น 2 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” (KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD) โดยได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21, Mr.Benson Ke General Manager of BYD Thailand, คุณปรีชา ลิ้มอั่วผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์โคราช และคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด เข้าร่วมแถลงรายละเอียดของการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สนามวิ่งมาราธอนไทยมาตรฐานโลก "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" มาราธอนแห่งความประทับใจเมืองย่าโม "The Memorable Marathon" แนวคิดการออกแบบสนามวิ่งมาราธอนที่ตั้งใจให้เป็นสนามแห่งความประทับใจ หลอมรวมความเป็นโคราชไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเส้นทางที่จะพานักวิ่งผ่านจุดแลนด์มาร์คสำคัญเมืองโคราช โดยมีจุดปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 พร้อมการแสดงโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดเส้นทางของวงดุริยางค์ จากน้องๆ ลูกหลานย่าโม ที่มีดีกรีระดับแชมป์โลก ธีมการออกแบบปีนี้ชูแนวคิดเส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน "Build Your Marathon Dream" เน้นความวิจิตรงดงามของลวดลายผ้าไหมพื้นบนไอคอนแลนด์มาร์คเมืองโคราช นำลวดลายโคราชโมโนแกรม มาใช้ประกอบ สื่อถึงการประยุกต์ความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ละทิ้งเอกลักษณ์วิถีดั้งเดิมมารวมเข้าด้วยกันกับงานวิ่ง การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานอีเว้นท์กีฬามวลชนระดับนานาชาติประจำปีของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเป็นการสร้างงานวิ่งมาตรฐานโลกให้เป็นจุดหมายของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก และสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างมาราธอนที่สุดแสนประทับใจแห่งเมืองย่าโม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับจังหวัด ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแข่งขัน "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานวิ่ง แต่ยังสะท้อนศักยภาพของจังหวัดในการจัดอีเวนต์ระดับโลก ต่อยอดจากความเข้มแข็งของชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวโคราช ผมเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโคราชให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงาน"KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ในด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีอย่างสูงสุด พร้อมทั้งยังสะท้อนบทบาทของกองทัพในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานวิ่งมาราธอน Korat Marathon 2025 Presented by BYD จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน’ หรือ ‘Build Your Marathon Dreams’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ BYD ที่สนับสนุนให้ทุกคนไล่ตามความฝันของตัวเอง และ การเข้าร่วมงานวิ่งของ BYD ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง พร้อมเดินตามความฝันในการมีสุขภาพที่ดีให้เป็นจริง นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ โคราช กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรีเทลและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย มีความเชื่อมั่นเสมอว่าศูนย์การค้าไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แห่งการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คน สร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน สำหรับเดอะมอลล์ โคราช ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพี่น้องชาวโคราช และอยู่เคียงข้างกันชาวโคราชมากว่า 25 ปี และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมดีๆ ให้กับชาวโคราช อยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา เนื่องด้วยโคราชเป็นเมืองแห่งกีฬาเป็นศูนย์รวมของคนรักสุขภาพ และมีความพร้อม มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ เดอะมอลล์ โคราช มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังผสานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างกลมกลืน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของภูมิภาค ที่พร้อมสนับสนุนทุกมิติของความสุขอย่างยั่งยืน พิเศษสุด! สำหรับนักวิ่งทุกท่านสามารถเตรียมความพร้อมก่อนวันจริง กับสินค้าและอุปกรณ์วิ่งครบวงจรได้ที่งาน Korat Marathon Sports Fest ในราคาสุดพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 14–21 พฤศจิกายน 2568 ที่ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช” ด้านคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการจัดกล่าวว่า ไฮไลท์ของการแข่งขันครั้งนี้คือ The Memorable Marathon มาราธอนแห่งความประทับใจ ถ่ายทอดเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งเมืองโคราช รวมทั้ง Point To Point Route ปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ใช้เส้นทาง Run Through Korat City วิ่งผ่านแลนด์มาร์คเมืองโคราช ภายใต้ World Class Race มาตรฐานงานวิ่งระดับโลก และ Scenic Finish Venue เส้นชัยวิวสวย พร้อมกับ World Class Cheering Team สนุกสนานกับกองเชียร์และการแสดงระดับโลก สำหรับ “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” แบ่งการแข่งขันเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะมาราธอน 42195. กิโลเมตร, ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21.1 กิโลเมตร., ระยะมินิ มาราธอน 10 กิโลเมตร. และระยะไมโครมาราธอน 5 กิโลเมตร กำหนดวันรับอุปกรณ์ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช และวันแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยปีนี้พิเศษกว่าเดิม! เสื้อวิ่งดีไซน์สุดปัง มาพร้อมโทนสีใหม่ที่โดดเด่นกว่าเคย สำหรับผู้สนใจร่วมแข่งขันสามารถสมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน นอกจากนี้ ได้เปิดโอกาสให้กับนักวิ่งใจบุญมาทางนี้ กับการสมัคร Charity Set ราคา 2,500 บาท โดยรายได้จากค่าสมัคร 2,000 บาทในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทำบุญเพื่อสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งนักวิ่งที่สมัครจะได้รับใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีจำนวน 2,000 บาท พร้อมกับชุด Race Pack สุดพิเศษ สมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ทั้งนี้สามารถดูรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : Korat Marathon https://www.facebook.com/koratmarathon2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 678 มุมมอง 0 รีวิว
  • "...ชาติบ้านเมืองคือชีวิตเลือดเนื้อ และสมบัติของเราทุกคน และการดำรงรักษาชาติประเทศนั้นมิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้ใดหมู่ใดโดยเฉพาะ หากแต่เป็นหน้าที่ของทุก ๆ ฝ่าย ทุก ๆ คนที่จักต้องร่วมมือกระทำพร้อมกันไป โดยสอดคล้องกัน เกื้อกูลกัน และมีจุดมุ่งหมายมีอุดมคติร่วมกัน..."

    พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และอาสาสมัครพลเรือน ในพิธีตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีรัชดาภิเษก วันอังคารที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๔

    อ้างอิง :
    พระบรมราโชวาท. (2514). พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และอาสาสมัครพลเรือน ในพิธีตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีรัชดาภิเษก วันอังคารที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๔. ใน สำนักราชเลขาธิการ, พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (น. 87-88). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรพัฒนา.
    "...ชาติบ้านเมืองคือชีวิตเลือดเนื้อ และสมบัติของเราทุกคน และการดำรงรักษาชาติประเทศนั้นมิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้ใดหมู่ใดโดยเฉพาะ หากแต่เป็นหน้าที่ของทุก ๆ ฝ่าย ทุก ๆ คนที่จักต้องร่วมมือกระทำพร้อมกันไป โดยสอดคล้องกัน เกื้อกูลกัน และมีจุดมุ่งหมายมีอุดมคติร่วมกัน..." พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และอาสาสมัครพลเรือน ในพิธีตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีรัชดาภิเษก วันอังคารที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๔ อ้างอิง : พระบรมราโชวาท. (2514). พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และอาสาสมัครพลเรือน ในพิธีตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีรัชดาภิเษก วันอังคารที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๔. ใน สำนักราชเลขาธิการ, พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (น. 87-88). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรพัฒนา.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิปเสียง "แพทองธาร–ฮุนเซน" พาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 จุดกระแสโต้กลับ! ภาพแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมข้อความให้กำลังใจ ขึ้นโชว์จอ LED หน้าสโมสรทหารบก วิภาวดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000057462

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    คลิปเสียง "แพทองธาร–ฮุนเซน" พาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 จุดกระแสโต้กลับ! ภาพแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมข้อความให้กำลังใจ ขึ้นโชว์จอ LED หน้าสโมสรทหารบก วิภาวดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000057462 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Love
    Like
    10
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เผย การที่กัมพูชาปรับการวางกำลังสู่แนวเดิม ปี 2567 มีหลายปัจจัยทำให้สำเร็จ ระดับแม่ทัพมีการประสานงานตลอด โดยฝ่ายไทยส่ง พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ออกมาในสถานการณ์ที่ดีเป็นไปตามข้อตกลงที่ไทยขอ โดยทูตทหารไทยในกัมพูชาได้ประสานงานขับเคลื่อน ที่สำคัญคือระดับกรมทั้งหมดพูดคุยกันมาต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการที่ไทยทำเป็นส่วนเสริมสำคัญที่ทำให้การพูดคุยเกิดข้อสรุปได้ง่าย ส่วนการปรับกำลังก็กลับไปเหมือนปี 2567 คูเลตก็กลบแล้ว ส่วนการปิดด่านให้ดูตามความเป็นจริง ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 2 แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.กองกำลังป้องหันชายแดนจันทบุรีและตราด จะค่อยๆ จากเบาไปหาหนัก
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เผย การที่กัมพูชาปรับการวางกำลังสู่แนวเดิม ปี 2567 มีหลายปัจจัยทำให้สำเร็จ ระดับแม่ทัพมีการประสานงานตลอด โดยฝ่ายไทยส่ง พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ออกมาในสถานการณ์ที่ดีเป็นไปตามข้อตกลงที่ไทยขอ โดยทูตทหารไทยในกัมพูชาได้ประสานงานขับเคลื่อน ที่สำคัญคือระดับกรมทั้งหมดพูดคุยกันมาต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการที่ไทยทำเป็นส่วนเสริมสำคัญที่ทำให้การพูดคุยเกิดข้อสรุปได้ง่าย ส่วนการปรับกำลังก็กลับไปเหมือนปี 2567 คูเลตก็กลบแล้ว ส่วนการปิดด่านให้ดูตามความเป็นจริง ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 2 แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.กองกำลังป้องหันชายแดนจันทบุรีและตราด จะค่อยๆ จากเบาไปหาหนัก
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 594 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • กาสิโน กล่องดวงใจเขมร

    ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชารอบใหม่ เนื่องจากทหารกัมพูชาเผาศาลาตรีมุข ก่อนนำกำลังบุกยึดสามเหลี่ยมมรกต หรือมุมไบ ล้ำมาถึงช่องบกเข้าเขตดินแดนไทยด้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำให้ทหารไทยยอมไม่ได้ เกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ทหารไทยบาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาเตรียมนำช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ให้ตกเป็นของกัมพูชา กระแสสังคมกดดันไปยังรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร อย่างหนัก ด้วยข้อหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตระกูลชินวัตร กับสมเด็จฯ ฮุนเซน

    ในที่สุดมาตรการทางทหารที่ออกมา โดยที่รัฐบาลไฟเขียวให้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง หนึ่งในนั้นคือการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จำกัดการผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่นๆ แต่ปิดตายห้ามนักท่องเที่ยวชาวไทย และนักพนันชาวไทยข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา หนึ่งในนั้นคือด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กับฝั่งปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา ปรับเวลาเปิดด่านเหลือ 4 โมงเย็น จากเดิม 4 ทุ่ม และห้ามนักท่องเที่ยวรวมถึงนักพนันชาวไทยออกนอกประเทศ ผลก็คือเกิดความโกลาหล ทั้งคนไทยที่ทำงานอยู่ในบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต และชาวกัมพูชาเข้ามาค้าขายฝั่งไทย

    มาตรการควบคุมการเข้าออกด่าน และที่คาดว่าจะตามมา โดยเฉพาะการตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยังฝั่งกัมพูชากระทบต่อธุรกิจกาสิโนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กลุ่มเป้าหมายหลักคือนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เข้าไปเสี่ยงโชค และยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญของผู้มีอำนาจในกัมพูชาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ในที่สุด วันที่ 8 มิ.ย. พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 กัมพูชา เชิญ พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือฝ่ายทหารกัมพูชา ยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม และกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเปิดทางให้ใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นบริหารจัดการพื้นที่ต่อไป

    ปัจจุบันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีบ่อนกาสิโนให้บริการประมาณ 48 แห่ง ที่โดดเด่นที่สุดคือด่านปอยเปต มีกาสิโนให้บริการประมาณ 10 แห่ง โดยใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 5-6 ชั่วโมง นักเสี่ยงโชคส่วนใหญ่เป็นชาวไทย และชาวต่างชาติที่ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศเท่านั้น เพราะรัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้ชาวกัมพูชาเข้าไปเสี่ยงโชค ในปี 2566 สร้างรายได้ให้รัฐบาลกัมพูชาราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    #Newskit
    กาสิโน กล่องดวงใจเขมร ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชารอบใหม่ เนื่องจากทหารกัมพูชาเผาศาลาตรีมุข ก่อนนำกำลังบุกยึดสามเหลี่ยมมรกต หรือมุมไบ ล้ำมาถึงช่องบกเข้าเขตดินแดนไทยด้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำให้ทหารไทยยอมไม่ได้ เกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ทหารไทยบาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาเตรียมนำช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ให้ตกเป็นของกัมพูชา กระแสสังคมกดดันไปยังรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร อย่างหนัก ด้วยข้อหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตระกูลชินวัตร กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ในที่สุดมาตรการทางทหารที่ออกมา โดยที่รัฐบาลไฟเขียวให้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง หนึ่งในนั้นคือการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จำกัดการผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่นๆ แต่ปิดตายห้ามนักท่องเที่ยวชาวไทย และนักพนันชาวไทยข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา หนึ่งในนั้นคือด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กับฝั่งปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา ปรับเวลาเปิดด่านเหลือ 4 โมงเย็น จากเดิม 4 ทุ่ม และห้ามนักท่องเที่ยวรวมถึงนักพนันชาวไทยออกนอกประเทศ ผลก็คือเกิดความโกลาหล ทั้งคนไทยที่ทำงานอยู่ในบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต และชาวกัมพูชาเข้ามาค้าขายฝั่งไทย มาตรการควบคุมการเข้าออกด่าน และที่คาดว่าจะตามมา โดยเฉพาะการตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยังฝั่งกัมพูชากระทบต่อธุรกิจกาสิโนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กลุ่มเป้าหมายหลักคือนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เข้าไปเสี่ยงโชค และยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญของผู้มีอำนาจในกัมพูชาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ในที่สุด วันที่ 8 มิ.ย. พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 กัมพูชา เชิญ พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือฝ่ายทหารกัมพูชา ยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม และกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเปิดทางให้ใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นบริหารจัดการพื้นที่ต่อไป ปัจจุบันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีบ่อนกาสิโนให้บริการประมาณ 48 แห่ง ที่โดดเด่นที่สุดคือด่านปอยเปต มีกาสิโนให้บริการประมาณ 10 แห่ง โดยใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 5-6 ชั่วโมง นักเสี่ยงโชคส่วนใหญ่เป็นชาวไทย และชาวต่างชาติที่ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศเท่านั้น เพราะรัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้ชาวกัมพูชาเข้าไปเสี่ยงโชค ในปี 2566 สร้างรายได้ให้รัฐบาลกัมพูชาราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษก ทบ.ยืนยันผลการหารือคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการในอดีต ห่างจากจุดปะทะแนวต้นพญาสัตบรรณ ในอดีต พร้อมกลบคูเรดให้เรียบร้อย ลดความตึงเครียดสร้างบรรยากาศความร่วมมือ

    วันนี้ (8 มิ.ย.68) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงผลการหารือคลี่คลายสถานการณ์ช่องบกว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลโท สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก

    จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชาได้ยินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพระยาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต

    นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเรดให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ

    ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (RBC) เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม และยั่งยืนต่อไป

    #MGROnline #ฮุนเซน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่องบก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    โฆษก ทบ.ยืนยันผลการหารือคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการในอดีต ห่างจากจุดปะทะแนวต้นพญาสัตบรรณ ในอดีต พร้อมกลบคูเรดให้เรียบร้อย ลดความตึงเครียดสร้างบรรยากาศความร่วมมือ • วันนี้ (8 มิ.ย.68) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงผลการหารือคลี่คลายสถานการณ์ช่องบกว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลโท สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก • จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชาได้ยินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพระยาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต • นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเรดให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ • ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (RBC) เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม และยั่งยืนต่อไป • #MGROnline #ฮุนเซน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่องบก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วีระสมความคิด #ติดคุก #เขมร #กัมพูชา ทั้งๆ ที่ อยู่ในพื้นที่ #แผ่นดินไทย #อธิปไตยไทย ในยุค #รัฐบาล #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #สุเทพเทือกสุบรรณ #ประวิตรวงษ์สุวรรณ #กลาโหม #ประยุทธ์จันทร์โอชา #ผบทบ #ทหาร #ทหารบก #ทหารไทย #ที่เท่าแมวดิ้นตาย
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ประเทศไทย #ชาติไทย
    https://youtu.be/kcz5bvKwtzA
    #วีระสมความคิด #ติดคุก #เขมร #กัมพูชา ทั้งๆ ที่ อยู่ในพื้นที่ #แผ่นดินไทย #อธิปไตยไทย ในยุค #รัฐบาล #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #สุเทพเทือกสุบรรณ #ประวิตรวงษ์สุวรรณ #กลาโหม #ประยุทธ์จันทร์โอชา #ผบทบ #ทหาร #ทหารบก #ทหารไทย #ที่เท่าแมวดิ้นตาย #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ประเทศไทย #ชาติไทย https://youtu.be/kcz5bvKwtzA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ยันมีกลไกทวิภาคีอยู่แล้ว ขออย่าขยายประเด็นให้ปัญหาซับซ้อน ยัน JBC ใช้มา 26 ปีคืบหน้าหลายเรื่อง หวัง 14 มิ.ย.กัมพูชายังร่วมมือกับไทย

    วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568) เวลา 17.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลไทยได้ออกแถลงการณ์ กรณีไทย-กัมพูชา ฉบับที่ 2 โดยมีเนื้อหาดังนี้

    นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052763

    #MGROnline #ไทยกัมพูชา
    รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ยันมีกลไกทวิภาคีอยู่แล้ว ขออย่าขยายประเด็นให้ปัญหาซับซ้อน ยัน JBC ใช้มา 26 ปีคืบหน้าหลายเรื่อง หวัง 14 มิ.ย.กัมพูชายังร่วมมือกับไทย • วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568) เวลา 17.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลไทยได้ออกแถลงการณ์ กรณีไทย-กัมพูชา ฉบับที่ 2 โดยมีเนื้อหาดังนี้ • นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052763 • #MGROnline #ไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษก ทบ.ชี้ “ฮุน มาเนต” นำเรื่องขึ้นศาลโลกคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ซึ่งต้องหาทางอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่ยังไม่ชัดเจน โดยต้องถอยจากจุดปะทะแล้วให้ JBC มาปักปันเขตแดน ตามเอ็มโอยูที่ต้องไม่ดัดแปลงสภาพพื้นที่ ชี้ ภาพถ่ายฮุนเซนใกล้ศาลาตรีมุข ไม่ใช่จุดปะทะที่เป็นป่า ไม่มีหลักฐานทหารกัมพูชาเคยมาอยู่ และเพิ่งขุดคูเรดขึ้นมาไม่นาน

    วันนี้ (2 มิ.ย.) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ภายหลัง นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศว่า เตรียมให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee - JBC) ไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้นกลางเดือน มิ.ย.เสนอนำกรณีสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) และปราสาทอีก 3 แห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ว่า ยังเป็นคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ปัจจุบันคือการทำอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ที่ยังไม่ชี้ชัดว่าควรเป็นพื้นที่ของใคร

    ในขั้นตอนแรก ทั้ง 2 ฝ่าย จึงถอยห่างจากจุดปะทะ และให้คณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC มาดูในเป็นเรื่องปักปันเขตแดน หรือกฎหมาย ข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะข้อตกลงที่ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ไปพูดคุยกับ ผบ.ทบ.กัมพูชา มีเห็นตรงกัน 3 ประเด็น คือ การถอยกำลังออกจากพื้นที่จุดปะทะ และใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหาเรื่องเขตแดน เรื่องสนธิสัญญา และข้อปฏิบัติตามเอ็มโอยู จะระมัดระวังดูแลกำลังพลพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051619

    #MGROnline #ฮุนมาเนต #ศาลโลก #พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่ยังไม่ชัดเจน #ทหารกัมพูชา
    โฆษก ทบ.ชี้ “ฮุน มาเนต” นำเรื่องขึ้นศาลโลกคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ซึ่งต้องหาทางอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่ยังไม่ชัดเจน โดยต้องถอยจากจุดปะทะแล้วให้ JBC มาปักปันเขตแดน ตามเอ็มโอยูที่ต้องไม่ดัดแปลงสภาพพื้นที่ ชี้ ภาพถ่ายฮุนเซนใกล้ศาลาตรีมุข ไม่ใช่จุดปะทะที่เป็นป่า ไม่มีหลักฐานทหารกัมพูชาเคยมาอยู่ และเพิ่งขุดคูเรดขึ้นมาไม่นาน • วันนี้ (2 มิ.ย.) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ภายหลัง นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศว่า เตรียมให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee - JBC) ไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้นกลางเดือน มิ.ย.เสนอนำกรณีสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) และปราสาทอีก 3 แห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ว่า ยังเป็นคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ปัจจุบันคือการทำอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ที่ยังไม่ชี้ชัดว่าควรเป็นพื้นที่ของใคร • ในขั้นตอนแรก ทั้ง 2 ฝ่าย จึงถอยห่างจากจุดปะทะ และให้คณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC มาดูในเป็นเรื่องปักปันเขตแดน หรือกฎหมาย ข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะข้อตกลงที่ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ไปพูดคุยกับ ผบ.ทบ.กัมพูชา มีเห็นตรงกัน 3 ประเด็น คือ การถอยกำลังออกจากพื้นที่จุดปะทะ และใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหาเรื่องเขตแดน เรื่องสนธิสัญญา และข้อปฏิบัติตามเอ็มโอยู จะระมัดระวังดูแลกำลังพลพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051619 • #MGROnline #ฮุนมาเนต #ศาลโลก #พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่ยังไม่ชัดเจน #ทหารกัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts