• ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 3 – 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 3
    อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีหลายคนท้วงว่า นี่มันก็เรื่องธรรมดาของการล่าอาณานิคม จะนักล่าหน้าเก่า หน้าใหม่ มันก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น จีนจะต้องขมอะไรนานนักหนากับญี่ปุ่น
    งั้นคงต้องเอาเหตุการณ์ที่สะพานมาร์โคโปโล หรือที่ชาวจีน เรียกว่า ฆ่าโหดที่นานกิง Masscre of Nanking มาเล่าสู่กันฟังหน่อย
    ปี ค.ศ.1936 ญี่ปุ่นยังตัดสินใจไม่ตกว่า ควรจะขึ้นเหนือ ไปบุกไซบีเรียของโซเวียต เพื่อไปล่าทรัพยากรมาเพิ่ม เพราะของตนเอง (ที่กว้านมาจากเกาหลี และ แมนจูเรีย) กำลังร่อยหรอลงทุกวันจากการใช้เลี้ยงอุตสาหกรรม เและการเลี้ยงท้องพลเมืองญี่ปุ่น ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าบุกไซบีเรีย พวกตะวันตกอาจจะชื่นชมเราก็ได้นะ ที่ซัดหน้าสตาลินได้ ความคิดของตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ครอบงำญี่ปุ่นมานานแล้ว
    ปี ค.ศ.1937 องค์ชาย และองค์หญิง ชิชิบุ Chichibu น้องชายและน้องสะใภ้ของ จักรพรรดิ ฮิโรฮิโต Hirohoto เดินทางไปอังกฤษ เพื่อร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์จอร์จที่ 6 เป็นช่วงที่สังคมชั้นสูงของอังกฤษ กำลังโต้เถียงกันว่า ระหว่างเยอรมันกับโซเวียต ใครจะเป็นตัวป่วนความศิวิไลซ์ ของโลกมากกว่ากัน แปลง่ายๆ ใครเลวกว่ากัน น่ะครับ ส่วนใหญ่เห็นว่า ฮิตเลอร์ น่าจะเลวน้อยกว่าสตาลิน พวกขุนนางอังกฤษ บอกว่า ยังไง เงินเก่า ขุนนางเก่า น่าจะดีกว่าพวกบอลเชวิก ที่เผลอๆ อาจจะจับเอาพวกเราไปยืนข้างกำแพง แล้วจัดการเรา เหมือนที่ราชวงศ์โรมานอฟ ของรัสเซียโดนก็ได้นะ
    ฝ่ายอเมริกา ที่นำโดยกลุ่มเศรษฐี เช่น Herbert Hoover และ Lindberg ซึ่งต่างก็เป็นตัวเก็งว่า น่าจะเข้าป้าย ได้เป็นประธานาธิบดีสักสมัย ก็มีแนวคัดค้านลัทธิคอม
    มิวนิสม์ อย่างรุนแรง จึงออกจะเอนไปทางเลือกคบเยอรมัน ส่วนพวกนักการเงินแถววอลสตรีท โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนของ นาย Thomas Lamont ยังไม่ลืมเรื่องบอลเชวิก ที่ยกหนี้ให้เยอรมัน( หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) แถมไม่ยอมใช้หนี้ที่รัสเซียเป็นหนี้นักการเงินตะวันตก โดยอ้างว่า เป็นหนี้ที่ซาร์ก่อไว้ พวกปฏิวิติไม่รับรู้ เจ้าหนี้นักต้มจากตะวันตกบอก ประหารราชวงศ์ก็เรื่องนึง แต่เรื่องไม่ใช่หนี้ นี่เรื่องใหญ่ (กว่า) พวกนี้ จึงบอกว่าไม่เอาโซเวียตแล้ว
    ที่อังกฤษ ระหว่างการสนทนาของทูตญี่ปุ่นประจำ อังกฤษ นายโยชิดะ Yoshida กับบรรดาขุนนางอังกฤษ นายโยชิดะ บอกว่า น่าเป็นห่วงนะ เชื้อคอม นี่มันแพร่เร็วจริง ตอนนี้กระจายไปถึงแมนจูเรีย ที่กองทัพญี่ปุ่นไปตั้งอยู่แล้วนะ กองทัพญี่ปุ่นทำท่าจะติดเชื้อมาด้วย ทูตช่างเจรจาบอกว่า แต่พวกเราก็ไม่เอาสตาลินนะ และหวังจะเอาความเห็นของอังกฤษ ที่ไม่เอาสตาลิน มาอ้างกับฝ่ายบริหารที่โตเกียวด้วย
    ภาระกิจอย่างหนึ่งขององค์ชายชิชิบุ ในการไปอังกฤษ คือการไปสมานไมตรีระหว่างอังก ฤษกับญี่ปุ่น ที่เคยรักกันจี๊ แต่ตอนหลังๆจี๊หลวมไปหน่อย เลยต้องไปไขให้แน่นขึ้น นอกจากนี้ องค์ชาย ก็ต้องการยืมปากคำอังกฤษ มาใช้อ้างกับฝ่ายทหาร โดยเฉพาะกองทัพที่กวางตุ้ง ให้มุ่งหน้าไปพัฒนาแมนจูเรียกับเกาหลี แต่ถ้าคึกนักทนไม่ไหว ก็ให้เคลื่อนพลขึ้นเหนือไปโน่น ไปรบกับโซเวียตแทน ไม่ใช่ลงใต้มาเอเซีย และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    แต่ที่โตเกียว อำนาจที่มองไม่เห็น กำลังบีบฝ่ายบริหารของญี่ปุ่น ไม่ให้มุ่งไปเหนือไปรบโซเวียต แต่ให้มุ่งลงใต้แทน โดย ให้กองทัพบุกยึดจีน และอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นได้ขยายตลาดการค้าที่มีอยู่ และขยายฐานการผลิตให้กว้างใหญ่ขึ้น และที่สำคัญ จะได้เข้าไป ยึดสมบัติของรัฐ และของชาวบ้าน รวมทั้งทรัพยากรมีค่าที่เปิดอ้ารออยู่แล้วในบรรดาประเทศอาณานิคมของพวกตะวันตก นี่มันเหมือนญี่ปุน แยกเป็น 2 ก๊ก ชัดเจนเชียวนะ
    ด้วยเป้าหมายแบบนี้ กองทัพญี่ปุ่นก็ไม่อยากจะปฏิเสธ เรื่องปล้นเอาสมบัติของพวกตะวันตก ที่อยู่ในเอเซีย มันน่าอร่อยจะตาย
    ในความเป็นจริง อำนาจแท้จริงที่แมนจูเรียอยู่ในกำมือของกองทัพญี่ปุ่นกวันตง หรือ คันโต (Kwangtung)ที่ประจำอยู่ที่แมนจูเรีย และกลุ่มพวกใต้ดิน ซึ่งดูแลโดยนายพลโตโจ Tojo Hideki เขาเป็นหัวหน้าหน่วยตำรวจลับ ที่มีแฟ้มประวัติของนายทหารทุก คน ที่ประจำอยู่ที่นั่น การใช้จ่ายของกองทัพคันโต ที่แมนจเรีย ดูแลจัดการโดยพวกนิสสัน Nissan zaibatzu ที่เพิ่งตั้งขึ้น กองทัพเจาะจงเลือกให้นิสสันมารับงาน เพราะกองทัพมีงานต้องทำมากมาย นาย คิชิ Kishi Nobusuke ผู้ชำนาญการ ถูกเลือกมาทำหน้าที่ดูแล รับผิดชอบ เจ้าของนิสสัน ไม่ใช่ใครอื่น เป็นลุงของ คิชิ นั่นเอง
    นิสสัน ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่แมนจูเรีย และร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล จากการทำให้กองทัพที่แมนจูเรีย ร่ำรวยอย่างมหาศาล เช่นเดียวกัน เมื่อรวยถึงขนาดนั้น กองทัพที่แมนจูเรียก็แทบจะเป็น เอกเทศ ไม่ต้องพึ่งงบหลวง ไม่มีสนใจเรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง เพราะเลื่อนช้ันกันได้เอง และแม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่น ก็ไม่กล้ามาออกเสียงดัง กับกองทัพที่แมนจูเรีย และนายพลโตโจ ก็กำลังเตรียมพร้อม ที่จะไปเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง
    ทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่มาจากมาจากฝีมือของนาย คิชิ ผู้ซึ่งดูแลจัดการ ธุรกิจของกองทัพ ซึ่งมีตั้งแต่ การถลุงเหล็ก การทำเหมืองถ่านหิน การทำป่าไม้ การปลูกและผลิตฝิ่น ธุรกิจของ กองทัพคันโต มีมูลค่าขณะนั้น ประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญ มีทหาร และพลเรือนในความดูแลที่แมนจูเรีย 7 แสนคน ขณะที่โตเกียวต้องรัดเข็มขัด มีการปันส่วน แต่ที่แมนจูเรียอยู่กันอย่างสุขสบาย ของกินของใช้เหลือเฟือ ความสำเร็จของกองทัพคันโตทำให้ญี่ปุ่น ยิ่งเกิดความกระหาย ที่จะยึดสมบัติคนอื่นมากขึ้น ในสายตาของญี่ปุ่น จีน จึงยิ่งน่ายึดกว่าไซบีเรียของโซเวียต
    #############
    ตอน 4

    วันที่ 7 กรกฏาคม ค.ศ.1937 ระหว่างที่ ครอบครัวชิชิบุ กำลังฉอเลาะกับอังกฤษ กองทัพคันโตก็พร้อมที่จะมอบของขวัญ ให้แก่ชาวจีน ที่สะพานมาร์โคโปโล นอกกรุงปักกิ่ง
    ญี่ปุ่นอ้างว่า มีเสียงปืนดังขึ้น ยิงมาใส่ทหารญี่ปุ่น โดยชายไม่ทราบว่าเป็นใคร (รายงานแบบสื่อหัวสีบ้านเราเลย ฮา) ทหารญี่ปุ่นจึงยิงสวนกลับไป ยิงโต้กันไปโต้กันมาอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็บานปลาย ญี่ปุ่นบอก ต้องตามจับพวกคนจีนมาให้ได้ กองทัพญี่ปุ่น ประเมินว่าเรื่องนี้ น่าจะจบเร็ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนก็คงเสร็จญี่ปุ่น เหมือนเมื่อตอนรบในปี ค.ศ.1931
    ทั้ง 2 ฝ่ายยิงสู้รบกันอย่างดุเดือนถึง 3 เดือนจริงๆ เมื่อกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งใช้ ยุทธศาสตร์ การรบ “เผาให้เรียบ ฆ่าให้หมด ขนให้เกลี้ยง” ไล่ล่าพวกจีนไปถึงแม่น้ำแยงซี ข้ามแม่น้ำไปล้อมเมืองนานกิง ก็ได้ข่าวว่า ฝ่ายการทูตของญี่ปุ่นเอง แอบไปเจรจาสงบศึกกับฝ่ายจีนเรียบร้อยแล้ว โดยติดสินบนจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ ให้แก่นายพลเจียงไคเช็คของจีน ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้นำพรรคชาติชาตินิยม หรือที่เราคุ้นกันว่า พรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียง พร้อมจะรับเงินแล้วทิ้งนานกิงเลิกรบกัน ฝ่ายทหารญี่ปุ่นรู้เรื่องเข้า ก็ไฟธาตุแตก ใครไปตกลง(วะ) ฝ่ายการทูตกับฝ่ายการทหารของญี่ปุ่น พูดกันเองไม่รู้เรื่อง จักรพรรดิฮิโรฮิโต จึงส่ง องค์ชาย อาซากะ Prince Asaka มาบัญชาการแทน
    อาซากะ เป็นอาเขยของจักรพรรดิ ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ทั้งความประพฤติ และอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ในลู่ในทาง และองค์หญิงภรรยา ซึ่งเป็นอาแท้ๆของจักรพรรดิ เพิ่งตายจาก เนื่องจากใช้ชีวิตสังคมทั้งดื่มทั้งเต้นหนัก อาซากะ ก็เลยยิ่งกลับเข้าลู่ยากหน่อย ก็น่าแปลกใจที่จักรพรรดิ ส่งคนอย่างอาซากะไปบัญชาการรบ
    ผู้บัญชาการรบตัวจริง ประจำหน่วยรบที่แยงซี นายพล มัตซุย อิวาเน Matsui Iwane ป่วยเป็นวัณโรคนอนซม ก่อนที่อาซากะจะมาถึงแยงซี เขารู้กิตติศัพท์ของอาซากะดี จึงให้แนวทางการรบเอาไว้ โดยให้กองทัพญี่ปุ่น ยึดแนวอยู่รอบนอกเมืองนานกิง และให้เฉพาะกองพลปืนใหญ่ ที่ควบคุมได้ เข้าไปในเมืองเท่านั้น ห้ามหน่วยรบใด ที่ควบคุมไม่ได้ เข้าไปในเมืองเด็ดขาด และอย่าปฏิบัติการใดที่ผิดกฏหมาย
    ในเวลานั้น ที่เมืองนานกิง เจียงไคเช็ค จอมพลใหญ่ ถอนกองทัพของตัว หายหัวไปหมดแล้ว ชาวนานกิงถูกทิ้งให้ดูแลกันเอง เมื่ออาซากะมาถึง รู้ว่านานกิงถูกล้อม และพร้อมที่จะยอมแพ้ เพราะมีแต่ชาวบ้านเหลืออยู่ แต่อาซากะบอกว่า เราจะให้บทเรียนกับพี่น้องชาวจีน อย่างที่เขาจะไม่มีวันลืม.... We will teach our Chinese brothers a lesson they will never forget…. จีนไม่ลืมจริงๆ และด้วยตราประทับประจำตัว อาซากะ ก็สั่งฆ่าเชลยทั้งหมด … Kill all captives…
    แล้วการชำเรานานกิง หรือ The Rape of Nanking ประวัติศาสตร์ ของการทำร้ายชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยมทารุณที่สุด ก็เกิดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1937
    ในวันนั้น กองทัพของญี่ปุ่น ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองนานกิง ตามติดด้วยขบวนรถถัง ปืนใหญ่ และปืนกล ชาวต่างชาติที่ติดอยู่ในเมืองบอกว่า การยิงใส่ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้า ของกองทัพญี่ปุ่น ดำเนินติดต่อกันอย่างไม่หยุด ไม่น้อยกว่า 10 วัน มันเหมือนนรกแตก ตลอดเวลานั้น ที่ยิงก็ยิงไป อีกส่วนก็ลากเอาชาวบ้านออกมารวม กัน ผู้หญิงทุกคน ตั้งแต่แก่คราวย่ายาย ถึงเด็กเล็ก ถูกรุมโทรม ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อหน้าครอบครัว ที่ถูกบังคับให้ยืนดู และให้คนในครอบครัว ทำชำเราให้ดูด้วย ถูกชำเราเสร็จ ไม่ตายเอง ก็ถูกฆ่าทิ้ง คนท้องก็ถูกนำมาชำเราด้วย เมื่อชำเราเสร็จ ก็ผ่าท้องเอาทารก มาฆ่าต่อประมาณว่ามี ผู้หญิงและเด็ก กว่า 2 หมื่นคน บางข่าวว่า ถึง 8 หมื่นคน ถูกรุมโทรม และเสียชีวิต
    ส่วนพวกผู้ชาย ถูกนำมามัดไว้ด้วยกัน บ้างถูกโยนทิ้งน้ำทั้งที่ถูกมัด บ้างถูกไฟเผา และที่เหลือถูกปืนกลยิงกราดจนตาย ยังมีพวกผู้ชายบางส่วน อีกประมาณ 2 หมื่นคน ที่อายุรุ่นเกณท์ ถูกให้ฝึกเดินออกจากค่าย โดยทหารญี่ปุ่นใช้คนเหล่านั้น เป็นเป้าเคลื่อนที่ ทดสอบความแม่นยำ และหลายคนถูกใช้เป็นเป้า ทดสอบการตัดหัว
    เหตุการณ์เช่นนี้ ดำเนินอยู่ถึง 3 เดือน จนอากาศเริ่มร้อน และฝนเริ่มตก ชิ้นส่วนศพเป็นพันๆ ชิ้น ที่ถูกทิ้งไว้โผล่ขี้นเต็มเมือง แม่น้ำแยงซีกลายเป็นแม่น้ำเลือด
    สื่อตะวันตกรายงานเหตุการณ์ที่นานกิง อย่างละเอียด อาซากะ ไม่ใช่นายทหารสามัญ เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ ที่จักรพรรดิส่งไปบัญชาการเอง อาซากะถูกเรียกให้กลับโตเกียว แต่อาซากะไม่กลับ
    ระหว่างที่เหตุการณ์โหดที่นานกิงดำเนินอยู่ องค์ชายชิชิบุ ยังอยู่ในยุโรป ข่าวของนานกิง ทำให้ชิชิบฉอเลาะต่อไม่ออก ขณะเดียวกัน ทางวอชิงตันประณามญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ส่วนนอร์เวย์และสวีเดน ยกเลิกหมายกำหนดการต้อนรับชิชิบุ มีแต่ราชินีวิลเฮลมมินา Willhelmina ของฮอลันดา ที่ยังต้อนรับชิชิบุ ตามหมายกำหนดการเดิม เพราะกองทัพเรือญี่ปุ่นใช้น้ำมันจากบริษัท Dutch East Indies
    จากฮอลันดา ชิชิบุ เดินทางไปนูเรมเบิร์ก เพื่อพบกับ อดอลฟ ฮิตเลอร์ ระหว่างทานอาหารกลางวัน ฮิตเลอร์ด่าสตาลินอย่างสาดเสี ยให้ชิชิบุฟัง แล้วชิชิบุก็เปลี่ยนแผน รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น ผ่านอเมริกาโดยไม่แวะ มาขึ้นเรือที่แวนคูเวอร์ ระหว่างทาง เขาได้ยินข่าวว่า ประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา ขู่จะคว่ำบาตรญี่ปุ่น ประชาชนอเมริกันสนับสนุนให้ทำ แต่มันยังเป็นแค่คำขู่ เพราะกลุ่มการเงิน Wall Street นำโดย JP Morgan ไม่เห็นด้วย เพราะได้ให้เงินกู้ และลงทุนไปแยะในญี่ปุ่น แมนจูเรีย เกาหลี และไต้หวัน เอะ เรื่องทำท่า จะมาอีหรอบเดิมหรือไง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 3 อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีหลายคนท้วงว่า นี่มันก็เรื่องธรรมดาของการล่าอาณานิคม จะนักล่าหน้าเก่า หน้าใหม่ มันก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น จีนจะต้องขมอะไรนานนักหนากับญี่ปุ่น งั้นคงต้องเอาเหตุการณ์ที่สะพานมาร์โคโปโล หรือที่ชาวจีน เรียกว่า ฆ่าโหดที่นานกิง Masscre of Nanking มาเล่าสู่กันฟังหน่อย ปี ค.ศ.1936 ญี่ปุ่นยังตัดสินใจไม่ตกว่า ควรจะขึ้นเหนือ ไปบุกไซบีเรียของโซเวียต เพื่อไปล่าทรัพยากรมาเพิ่ม เพราะของตนเอง (ที่กว้านมาจากเกาหลี และ แมนจูเรีย) กำลังร่อยหรอลงทุกวันจากการใช้เลี้ยงอุตสาหกรรม เและการเลี้ยงท้องพลเมืองญี่ปุ่น ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าบุกไซบีเรีย พวกตะวันตกอาจจะชื่นชมเราก็ได้นะ ที่ซัดหน้าสตาลินได้ ความคิดของตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ครอบงำญี่ปุ่นมานานแล้ว ปี ค.ศ.1937 องค์ชาย และองค์หญิง ชิชิบุ Chichibu น้องชายและน้องสะใภ้ของ จักรพรรดิ ฮิโรฮิโต Hirohoto เดินทางไปอังกฤษ เพื่อร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์จอร์จที่ 6 เป็นช่วงที่สังคมชั้นสูงของอังกฤษ กำลังโต้เถียงกันว่า ระหว่างเยอรมันกับโซเวียต ใครจะเป็นตัวป่วนความศิวิไลซ์ ของโลกมากกว่ากัน แปลง่ายๆ ใครเลวกว่ากัน น่ะครับ ส่วนใหญ่เห็นว่า ฮิตเลอร์ น่าจะเลวน้อยกว่าสตาลิน พวกขุนนางอังกฤษ บอกว่า ยังไง เงินเก่า ขุนนางเก่า น่าจะดีกว่าพวกบอลเชวิก ที่เผลอๆ อาจจะจับเอาพวกเราไปยืนข้างกำแพง แล้วจัดการเรา เหมือนที่ราชวงศ์โรมานอฟ ของรัสเซียโดนก็ได้นะ ฝ่ายอเมริกา ที่นำโดยกลุ่มเศรษฐี เช่น Herbert Hoover และ Lindberg ซึ่งต่างก็เป็นตัวเก็งว่า น่าจะเข้าป้าย ได้เป็นประธานาธิบดีสักสมัย ก็มีแนวคัดค้านลัทธิคอม มิวนิสม์ อย่างรุนแรง จึงออกจะเอนไปทางเลือกคบเยอรมัน ส่วนพวกนักการเงินแถววอลสตรีท โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนของ นาย Thomas Lamont ยังไม่ลืมเรื่องบอลเชวิก ที่ยกหนี้ให้เยอรมัน( หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) แถมไม่ยอมใช้หนี้ที่รัสเซียเป็นหนี้นักการเงินตะวันตก โดยอ้างว่า เป็นหนี้ที่ซาร์ก่อไว้ พวกปฏิวิติไม่รับรู้ เจ้าหนี้นักต้มจากตะวันตกบอก ประหารราชวงศ์ก็เรื่องนึง แต่เรื่องไม่ใช่หนี้ นี่เรื่องใหญ่ (กว่า) พวกนี้ จึงบอกว่าไม่เอาโซเวียตแล้ว ที่อังกฤษ ระหว่างการสนทนาของทูตญี่ปุ่นประจำ อังกฤษ นายโยชิดะ Yoshida กับบรรดาขุนนางอังกฤษ นายโยชิดะ บอกว่า น่าเป็นห่วงนะ เชื้อคอม นี่มันแพร่เร็วจริง ตอนนี้กระจายไปถึงแมนจูเรีย ที่กองทัพญี่ปุ่นไปตั้งอยู่แล้วนะ กองทัพญี่ปุ่นทำท่าจะติดเชื้อมาด้วย ทูตช่างเจรจาบอกว่า แต่พวกเราก็ไม่เอาสตาลินนะ และหวังจะเอาความเห็นของอังกฤษ ที่ไม่เอาสตาลิน มาอ้างกับฝ่ายบริหารที่โตเกียวด้วย ภาระกิจอย่างหนึ่งขององค์ชายชิชิบุ ในการไปอังกฤษ คือการไปสมานไมตรีระหว่างอังก ฤษกับญี่ปุ่น ที่เคยรักกันจี๊ แต่ตอนหลังๆจี๊หลวมไปหน่อย เลยต้องไปไขให้แน่นขึ้น นอกจากนี้ องค์ชาย ก็ต้องการยืมปากคำอังกฤษ มาใช้อ้างกับฝ่ายทหาร โดยเฉพาะกองทัพที่กวางตุ้ง ให้มุ่งหน้าไปพัฒนาแมนจูเรียกับเกาหลี แต่ถ้าคึกนักทนไม่ไหว ก็ให้เคลื่อนพลขึ้นเหนือไปโน่น ไปรบกับโซเวียตแทน ไม่ใช่ลงใต้มาเอเซีย และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ที่โตเกียว อำนาจที่มองไม่เห็น กำลังบีบฝ่ายบริหารของญี่ปุ่น ไม่ให้มุ่งไปเหนือไปรบโซเวียต แต่ให้มุ่งลงใต้แทน โดย ให้กองทัพบุกยึดจีน และอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นได้ขยายตลาดการค้าที่มีอยู่ และขยายฐานการผลิตให้กว้างใหญ่ขึ้น และที่สำคัญ จะได้เข้าไป ยึดสมบัติของรัฐ และของชาวบ้าน รวมทั้งทรัพยากรมีค่าที่เปิดอ้ารออยู่แล้วในบรรดาประเทศอาณานิคมของพวกตะวันตก นี่มันเหมือนญี่ปุน แยกเป็น 2 ก๊ก ชัดเจนเชียวนะ ด้วยเป้าหมายแบบนี้ กองทัพญี่ปุ่นก็ไม่อยากจะปฏิเสธ เรื่องปล้นเอาสมบัติของพวกตะวันตก ที่อยู่ในเอเซีย มันน่าอร่อยจะตาย ในความเป็นจริง อำนาจแท้จริงที่แมนจูเรียอยู่ในกำมือของกองทัพญี่ปุ่นกวันตง หรือ คันโต (Kwangtung)ที่ประจำอยู่ที่แมนจูเรีย และกลุ่มพวกใต้ดิน ซึ่งดูแลโดยนายพลโตโจ Tojo Hideki เขาเป็นหัวหน้าหน่วยตำรวจลับ ที่มีแฟ้มประวัติของนายทหารทุก คน ที่ประจำอยู่ที่นั่น การใช้จ่ายของกองทัพคันโต ที่แมนจเรีย ดูแลจัดการโดยพวกนิสสัน Nissan zaibatzu ที่เพิ่งตั้งขึ้น กองทัพเจาะจงเลือกให้นิสสันมารับงาน เพราะกองทัพมีงานต้องทำมากมาย นาย คิชิ Kishi Nobusuke ผู้ชำนาญการ ถูกเลือกมาทำหน้าที่ดูแล รับผิดชอบ เจ้าของนิสสัน ไม่ใช่ใครอื่น เป็นลุงของ คิชิ นั่นเอง นิสสัน ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่แมนจูเรีย และร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล จากการทำให้กองทัพที่แมนจูเรีย ร่ำรวยอย่างมหาศาล เช่นเดียวกัน เมื่อรวยถึงขนาดนั้น กองทัพที่แมนจูเรียก็แทบจะเป็น เอกเทศ ไม่ต้องพึ่งงบหลวง ไม่มีสนใจเรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง เพราะเลื่อนช้ันกันได้เอง และแม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่น ก็ไม่กล้ามาออกเสียงดัง กับกองทัพที่แมนจูเรีย และนายพลโตโจ ก็กำลังเตรียมพร้อม ที่จะไปเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่มาจากมาจากฝีมือของนาย คิชิ ผู้ซึ่งดูแลจัดการ ธุรกิจของกองทัพ ซึ่งมีตั้งแต่ การถลุงเหล็ก การทำเหมืองถ่านหิน การทำป่าไม้ การปลูกและผลิตฝิ่น ธุรกิจของ กองทัพคันโต มีมูลค่าขณะนั้น ประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญ มีทหาร และพลเรือนในความดูแลที่แมนจูเรีย 7 แสนคน ขณะที่โตเกียวต้องรัดเข็มขัด มีการปันส่วน แต่ที่แมนจูเรียอยู่กันอย่างสุขสบาย ของกินของใช้เหลือเฟือ ความสำเร็จของกองทัพคันโตทำให้ญี่ปุ่น ยิ่งเกิดความกระหาย ที่จะยึดสมบัติคนอื่นมากขึ้น ในสายตาของญี่ปุ่น จีน จึงยิ่งน่ายึดกว่าไซบีเรียของโซเวียต ############# ตอน 4 วันที่ 7 กรกฏาคม ค.ศ.1937 ระหว่างที่ ครอบครัวชิชิบุ กำลังฉอเลาะกับอังกฤษ กองทัพคันโตก็พร้อมที่จะมอบของขวัญ ให้แก่ชาวจีน ที่สะพานมาร์โคโปโล นอกกรุงปักกิ่ง ญี่ปุ่นอ้างว่า มีเสียงปืนดังขึ้น ยิงมาใส่ทหารญี่ปุ่น โดยชายไม่ทราบว่าเป็นใคร (รายงานแบบสื่อหัวสีบ้านเราเลย ฮา) ทหารญี่ปุ่นจึงยิงสวนกลับไป ยิงโต้กันไปโต้กันมาอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็บานปลาย ญี่ปุ่นบอก ต้องตามจับพวกคนจีนมาให้ได้ กองทัพญี่ปุ่น ประเมินว่าเรื่องนี้ น่าจะจบเร็ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนก็คงเสร็จญี่ปุ่น เหมือนเมื่อตอนรบในปี ค.ศ.1931 ทั้ง 2 ฝ่ายยิงสู้รบกันอย่างดุเดือนถึง 3 เดือนจริงๆ เมื่อกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งใช้ ยุทธศาสตร์ การรบ “เผาให้เรียบ ฆ่าให้หมด ขนให้เกลี้ยง” ไล่ล่าพวกจีนไปถึงแม่น้ำแยงซี ข้ามแม่น้ำไปล้อมเมืองนานกิง ก็ได้ข่าวว่า ฝ่ายการทูตของญี่ปุ่นเอง แอบไปเจรจาสงบศึกกับฝ่ายจีนเรียบร้อยแล้ว โดยติดสินบนจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ ให้แก่นายพลเจียงไคเช็คของจีน ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้นำพรรคชาติชาตินิยม หรือที่เราคุ้นกันว่า พรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียง พร้อมจะรับเงินแล้วทิ้งนานกิงเลิกรบกัน ฝ่ายทหารญี่ปุ่นรู้เรื่องเข้า ก็ไฟธาตุแตก ใครไปตกลง(วะ) ฝ่ายการทูตกับฝ่ายการทหารของญี่ปุ่น พูดกันเองไม่รู้เรื่อง จักรพรรดิฮิโรฮิโต จึงส่ง องค์ชาย อาซากะ Prince Asaka มาบัญชาการแทน อาซากะ เป็นอาเขยของจักรพรรดิ ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ทั้งความประพฤติ และอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ในลู่ในทาง และองค์หญิงภรรยา ซึ่งเป็นอาแท้ๆของจักรพรรดิ เพิ่งตายจาก เนื่องจากใช้ชีวิตสังคมทั้งดื่มทั้งเต้นหนัก อาซากะ ก็เลยยิ่งกลับเข้าลู่ยากหน่อย ก็น่าแปลกใจที่จักรพรรดิ ส่งคนอย่างอาซากะไปบัญชาการรบ ผู้บัญชาการรบตัวจริง ประจำหน่วยรบที่แยงซี นายพล มัตซุย อิวาเน Matsui Iwane ป่วยเป็นวัณโรคนอนซม ก่อนที่อาซากะจะมาถึงแยงซี เขารู้กิตติศัพท์ของอาซากะดี จึงให้แนวทางการรบเอาไว้ โดยให้กองทัพญี่ปุ่น ยึดแนวอยู่รอบนอกเมืองนานกิง และให้เฉพาะกองพลปืนใหญ่ ที่ควบคุมได้ เข้าไปในเมืองเท่านั้น ห้ามหน่วยรบใด ที่ควบคุมไม่ได้ เข้าไปในเมืองเด็ดขาด และอย่าปฏิบัติการใดที่ผิดกฏหมาย ในเวลานั้น ที่เมืองนานกิง เจียงไคเช็ค จอมพลใหญ่ ถอนกองทัพของตัว หายหัวไปหมดแล้ว ชาวนานกิงถูกทิ้งให้ดูแลกันเอง เมื่ออาซากะมาถึง รู้ว่านานกิงถูกล้อม และพร้อมที่จะยอมแพ้ เพราะมีแต่ชาวบ้านเหลืออยู่ แต่อาซากะบอกว่า เราจะให้บทเรียนกับพี่น้องชาวจีน อย่างที่เขาจะไม่มีวันลืม.... We will teach our Chinese brothers a lesson they will never forget…. จีนไม่ลืมจริงๆ และด้วยตราประทับประจำตัว อาซากะ ก็สั่งฆ่าเชลยทั้งหมด … Kill all captives… แล้วการชำเรานานกิง หรือ The Rape of Nanking ประวัติศาสตร์ ของการทำร้ายชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยมทารุณที่สุด ก็เกิดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1937 ในวันนั้น กองทัพของญี่ปุ่น ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองนานกิง ตามติดด้วยขบวนรถถัง ปืนใหญ่ และปืนกล ชาวต่างชาติที่ติดอยู่ในเมืองบอกว่า การยิงใส่ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้า ของกองทัพญี่ปุ่น ดำเนินติดต่อกันอย่างไม่หยุด ไม่น้อยกว่า 10 วัน มันเหมือนนรกแตก ตลอดเวลานั้น ที่ยิงก็ยิงไป อีกส่วนก็ลากเอาชาวบ้านออกมารวม กัน ผู้หญิงทุกคน ตั้งแต่แก่คราวย่ายาย ถึงเด็กเล็ก ถูกรุมโทรม ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อหน้าครอบครัว ที่ถูกบังคับให้ยืนดู และให้คนในครอบครัว ทำชำเราให้ดูด้วย ถูกชำเราเสร็จ ไม่ตายเอง ก็ถูกฆ่าทิ้ง คนท้องก็ถูกนำมาชำเราด้วย เมื่อชำเราเสร็จ ก็ผ่าท้องเอาทารก มาฆ่าต่อประมาณว่ามี ผู้หญิงและเด็ก กว่า 2 หมื่นคน บางข่าวว่า ถึง 8 หมื่นคน ถูกรุมโทรม และเสียชีวิต ส่วนพวกผู้ชาย ถูกนำมามัดไว้ด้วยกัน บ้างถูกโยนทิ้งน้ำทั้งที่ถูกมัด บ้างถูกไฟเผา และที่เหลือถูกปืนกลยิงกราดจนตาย ยังมีพวกผู้ชายบางส่วน อีกประมาณ 2 หมื่นคน ที่อายุรุ่นเกณท์ ถูกให้ฝึกเดินออกจากค่าย โดยทหารญี่ปุ่นใช้คนเหล่านั้น เป็นเป้าเคลื่อนที่ ทดสอบความแม่นยำ และหลายคนถูกใช้เป็นเป้า ทดสอบการตัดหัว เหตุการณ์เช่นนี้ ดำเนินอยู่ถึง 3 เดือน จนอากาศเริ่มร้อน และฝนเริ่มตก ชิ้นส่วนศพเป็นพันๆ ชิ้น ที่ถูกทิ้งไว้โผล่ขี้นเต็มเมือง แม่น้ำแยงซีกลายเป็นแม่น้ำเลือด สื่อตะวันตกรายงานเหตุการณ์ที่นานกิง อย่างละเอียด อาซากะ ไม่ใช่นายทหารสามัญ เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ ที่จักรพรรดิส่งไปบัญชาการเอง อาซากะถูกเรียกให้กลับโตเกียว แต่อาซากะไม่กลับ ระหว่างที่เหตุการณ์โหดที่นานกิงดำเนินอยู่ องค์ชายชิชิบุ ยังอยู่ในยุโรป ข่าวของนานกิง ทำให้ชิชิบฉอเลาะต่อไม่ออก ขณะเดียวกัน ทางวอชิงตันประณามญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ส่วนนอร์เวย์และสวีเดน ยกเลิกหมายกำหนดการต้อนรับชิชิบุ มีแต่ราชินีวิลเฮลมมินา Willhelmina ของฮอลันดา ที่ยังต้อนรับชิชิบุ ตามหมายกำหนดการเดิม เพราะกองทัพเรือญี่ปุ่นใช้น้ำมันจากบริษัท Dutch East Indies จากฮอลันดา ชิชิบุ เดินทางไปนูเรมเบิร์ก เพื่อพบกับ อดอลฟ ฮิตเลอร์ ระหว่างทานอาหารกลางวัน ฮิตเลอร์ด่าสตาลินอย่างสาดเสี ยให้ชิชิบุฟัง แล้วชิชิบุก็เปลี่ยนแผน รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น ผ่านอเมริกาโดยไม่แวะ มาขึ้นเรือที่แวนคูเวอร์ ระหว่างทาง เขาได้ยินข่าวว่า ประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา ขู่จะคว่ำบาตรญี่ปุ่น ประชาชนอเมริกันสนับสนุนให้ทำ แต่มันยังเป็นแค่คำขู่ เพราะกลุ่มการเงิน Wall Street นำโดย JP Morgan ไม่เห็นด้วย เพราะได้ให้เงินกู้ และลงทุนไปแยะในญี่ปุ่น แมนจูเรีย เกาหลี และไต้หวัน เอะ เรื่องทำท่า จะมาอีหรอบเดิมหรือไง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 4

    ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน

    พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน

    สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย

    Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย

    ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน

    ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม?
    Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ
    Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ

    หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า

    ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน

    เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno

    แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ

    ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน
    Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania

    ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…”

    ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..”

    เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…”

    4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    9 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 4 ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม? Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…” ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..” เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…” 4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 9 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ของขวัญ
    “ของขวัญ”
    (1)
    ปีใหม่นี้ เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเขียนกลอนหน้าต่างสักบาน สองบาน ให้ท่านผู้อ่านครื้นเครงกันเล่น แต่สมองไม่แล่น ดันกลอนไม่ออก เลยได้แต่ส่งรูปช้างไทยหวงถิ่น ที่ผมแสนจะหลงรัก ประทับใจในความหวงถิ่นของช้างหนุ่มเชือกนี้ไปให้ดูแก้ขัดไปก่อน แต่อันที่จริงผมกำลังซุ่มเงียบ เขียนนิทานเรื่องลึกลับซับซ้อนอยู่ แต่มันก็ซับซ้อนเสียจนผมใช้เวลาถอดรหัสนานมาก อดใจรอหน่อยนะครับ
    ระหว่างนี้ ผมเห็นเขาส่งของขวัญกันเป็นว่าเล่น หลังจากดิ้นพล่านออกอาการสาระพัดเรื่องแบบเด็กขี้อิจฉาไปแล้ว คราวนี้ยกระดับความเข้มไปอีกหนึ่งหุน ถึงกับลงทุนส่งของขวัญจะไม่เขียนถึง เดี๋ยวคนจัดส่งของขวัญ เขาจะน้อยใจ ว่าไม่เห็นหัวเลยหรือไง เลยต้องเอาเสียหน่อย
    ผมเห็นเขาเริ่มส่งของขวัญกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2557 เหตุเกิดที่ร้านกาแฟที่ออสเตรเลียก็จริง แต่เป้าหมายมุ่งไปไกลกว่านั้น ข่าวบอกว่าคนถือของขวัญเป็นชาวอิหร่านที่ขอเข้ามาอยู่ที่ออสเตรเลีย ข่าวหนึ่งบอกว่า ลี้ภัยการเมือง อีกข่าวดันบอกว่าเป็นคนบ๊อง เอะยังไง จะลี้ภัยหรือเป็นบ๊อง แต่ก็เป็นชาวอิหร่านแล้วกัน ทำไมต้องเป็นชาวอิหร่าน?
    อิหร่านเป็นแนวร่วมสำคัญยิ่งของคู่ชิงแชมป์ฝั่งรัสเซีย จีน มีความหมายมาก ทั้งด้านสถานที่ตั้งประเทศ อาวุธ ชั้นเชิง และที่สำคัญ ความพร้อมด้านจิตใจ อเมริกาพยายามทั้งบี้ ขยี้ แต่อิหร่านไม่แหลกคามือเสียที อิหร่านกลับฟื้น พร้อมพกอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้ยิ่งทำให้อเมริกาหงุดหงิด ขัดใจมากขึ้น
    อเมริกากับอิหร่าน มีการเจรจากันเรื่องให้อิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาหลายรอบ ในปี 2014 กำหนดการเจรจาสิ้นสุด 24 พฤศจิกายน โดยไม่มีความคืบหน้า อเมริกานินทาว่า อิหร่านเจรจาไปพัฒนาอาวุธไป ยิ่งเจรจานาน นิวเคลียร์อิหร่านคงเสร็จครบตามเป้าหมาย อิหร่านบอกงั้นเลิกเจรจาเอาไหมล่ะ ใบตองแห้งใจไม่ถึง ตกลงนัดเจอกันอีกทีเดือนธันวาคม เพื่อจะสรุปว่าจะการเจรจากันต่อไหม
    ก่อนถึงวันนัดสรุป มันก็ต้องมีการบีบบี้กันเบี้ยวเสียหน่อย ฉากที่สั่งให้เปิดแสดงง่ายๆ ก็เลยเลือกเอาแดนจิงโจ้ ที่ตอนประชุม G 20 ลบ 1 ช่วยกันแสดงบทผู้ดีรุมตีแขก ขอเปิดอีกสักฉากเป็นไรไป ไอ้พวกที่วิ่งหนีกระสุนน่ะ มันพวกเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศเราทั้งนั้น คนของเราอย่าให้มายุ่ง แต่ดันหลุดโผไปคนนึง คุณแหม่มแกวิ่งหนีไม่ทัน ใบตองแห้งคิดว่าอิหร่านจะออกมาตอบโต้ จะได้ถือโอกาสบี้กลับ แหม เดาผิดไปไกลเลยพี่โอ อิหร่านน่ะเขามีบทเรียนแยะแล้ว ไม่หลงกลง่ายๆ สู้แอบซุ่ม สร้างระเบิดต่อดีกว่า ของขวัญเลยไม่ค่อยมีคนตื่นเต้น ตีปีบซะเกือบตาย ก็ไม่เอาดาราแดนจิ้งโจ้ดังๆมาเข้าฉากนี่น้า นับรอง CNN ตีข่าวไม่เลิก
    ส่วนการเจรจา ก็เลยสรุปว่า งั้นเราเจรจาต่อไปแล้วกันนะจนถึงเดือนมีนาคม 2015 และต้องจบเรื่องภายในเดือนนิถุนาย ปี 2015
    อิหร่านหัวร่อ หึ หึ แบบนี้ก็ผลิตได้อีกหลายลูก ไอ้ที่เจ็บที่ตาย เรื่องของใบตองแห้ง เราเสี่ยนิวเคลียร์ไม่เกี่ยวด้วย
    (2)
    ของขวัญส่งชิ้นเดียวมันจะตื่นเต้นได้ยังไง ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มงวดเข้ามาแล้ว อะไรๆก็ยังไม่ลงตัว สมันน้อยเดี๋ยวนี้ชักจะแข็งข้อ ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหน (สงสัยอ่านนิทานมากไป ฮา) หันไปจับมือ จูบปากกับอาเฮีย ทำท่าจะเปิดบ้านให้พวกอาเฮียรวยทองมาสร้างทางรถไฟ แบบนี้มันหยามหน้าเรา สมันน้อยก็เตรียมตัวรับมือหน่อยนะ ใบตองแห้งมันเอาคืนแน่ แต่มันจะทอดเวลา รอเราลืมเรื่องสักแป๊บ แล้วมันค่อยส่งของขวัญมาให้
    แต่ไอ้ที่เคยเดินกร่าง เข้ามาในบ้านสมันน้อยง่ายๆ แบบสมัยก่อนน่ะ ไม่แน่ว่าสมันน้อยยุคคุณพี่ตู่แกจะยอมง่ายๆ คนรอขวาง รอเสียบมีอยู่นะ คุณพี่ตู่ก็อย่าหยิบบทผิดมาเล่นแล้วกันนะครับ แล้วจะทำยังไง บอกแล้วว่าใช้เป็นฐานทัพก็เรื่องหนึ่ง แต่การส่งบำรุงกำลังพลมันก็อีกเรื่องนึง ทอดตาดูแถบนี้แล้ว จะไปเอาใครที่ไหนมาส่งบำรุงกำลังให้ ไล่มาเลย ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น
    5 ประเทศแรก ไม่มีความพร้อมส่งทั้งด้านอาหารและพลังงาน เกาหลีพร้อม แต่ขืนไปเทียบท่าแถบนั้น ก็เท่ากับเดินเข้าปากอาเฮีย ถูกเคี้ยวอร่อยไปเท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นอย่าไปพูดถึงเลย ของจริงน่าสงสารจนพูดไม่ออก เอาว่า ตัวเองก็จะไม่รอด แล้วจะไปส่งกำลังให้ใครได้
    แล้วเหลือใครในแถบนี้ ก็คงมีแค่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และสมันน้อย
    สิงคโปร์ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง คงได้แค่ส่งกำลังบำรุง แบบเซ่นเจ้าไหว้ศาล ทั้งประเทศ ขนาดเล็กกว่ากรุงเทพมหา พระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ของเราอีก หัดภูมิใจบ้านเรากันบ้างนะครับ สิงคโปร์มันมีถนนหรู หลอกให้เดินซื้อของ 2,3 ถนนเอง กับถมทะเลทำเป็นที่นั่งเล่นนั่งกิน อาหารก็ไม่ได้เศษความอร่อยของบ้านเรา ป้าอ้วนแม่ครัวบ้านผมทำอร่อยกว่า 500 เท่า เราไม่ต้องเห่อเอาเงินไปให้มันหรอก ไอ้สิงคโปร์น่ะ
    เหลือมาเลเซียที่น่าสนใจ เราถึงได้เห็นนายโอบามาไปเดินโชว์ขาตะเกียบตีกอล์ฟกับนายราจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2014 ขณะที่มาเลเซียกำลังน้ำท่วมถึงคอหอย ชาวมาเลย์ด่า เรียกให้นายกกลับมาดูแลได้แล้ว(โว้ย) ผลการตีกอล์ฟไปคุยไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ วันที่ 29 ธันวาคม เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเซีย ติดธงชาติมาเลย์ก็หายวับไปจากจอเรดาร์ เป็นเรื่องเศร้าส่งท้ายปีเก่า
    มาเลเซีย ถึงจะเป็นลูกกระเป๋งเก่า ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ แต่การเมืองภายในและเรื่องเชิ้อชาติศาสนา ซับซ้อน หลายพวกหลายกลุ่ม แถมเป็นถิ่นสำหรับกบดาน และทางผ่านของเหล่าเสือซ่อนรูป สารพัดสัญชาติ ไอ้นักล่าใบตองแห้งส่งพวก Contactor มาคุมเชิงอยู่หลายพันคน มาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว นักล่าใบตองแห้งเก็งไว้ว่า ถ้าจวนตัวจริงๆ สมันน้อยกลายเป็นช้างไทยหวงถิ่นขึ้นมา นักล่าก็คงต้องจำใจใช้มาเลเซีย เป็นฐานวิ่งรอกกับฐานลับที่หมู่เกาะ Diego Garcia แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ก็มันชุมทางเสือแบบนั้น ไว้ใจได้หรือ ใครเป็นใคร ใครกลายพันธ์ไปแล้วบ้าง ราคาต่อรองมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉะน้ั้น สมันน้อยก็ต้องรอบคอบ ระวังตัวให้มากๆ ดูเหตุการณ์มาเลเซีย และฝรั่งเศสที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เป็นอุทาหรณ์ไว้
    (3)
    เรื่องที่ฝรั่งเศส คงมีใครอยากให้บานปลาย กลายเป็นเรื่องระหว่างยิวกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง จะเป็นไอซิสพันธ์แท้ กลายพันธ์ หรือ พันธ์ปลอมก็แล้วแต่ แต่เรื่องคงจบไม่ง่ายๆ
อุตส่าห์ขนชุดปราบจราจลมาจนเกลี้ยงเมือง เงื้อง่ากันมาถึงขนาดนี้แล้ว
    ต้องไม่ลืมว่า เมือต้นเดือนธันวาคม 2014 นายฟรังซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แวะไปจอดเครื่องบินแอบคุยกับคุณพี่ปูติน ที่มาคอยอยู่สนามบินกรุงมอสโคว์ แบบไม่มีหมายกำหนดการณ์ นี่มันผู้นำประเทศมหาอำนาจนะครับ ไม่ใช่คุณๆผมๆ ที่ขับรถผ่านบ้านแล้วคิดถึง ขอเข้ามากินกาแฟคุยกันสักหน่อย ท่านผู้นำเขาทำแบบนี้ แปลว่ามันต้องเรื่องใหญ่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ แต่คนที่น่าจะรู้เรื่องและนั่งไม่ติดมีหลายคน ตั้งแต่นายโอบามานักล่าขาตะเกียบ และไอ้จีบปาก นายเดวิด แคมารอน นายกรัฐมนตรีของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ส่วนคุณป้าแมร์เคิลแห่งเยอรมัน ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่หายใจไม่ทั่วท้องเหมือนกัน
    เพราะฉะนั้น ก่อนอเมริกาจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ จะเป็นยุทธศาสตร์รุกคืบ หรือรุกฆาตก็ตาม อเมริกาคงต้องมีส่งของขวัญ ไปถามใจเธอหน่อยกับบรรดาพันธมิตรรุ่นใหญ่ว่า ยังอยู่ดีกับพี่เบิ้มหรือเปล่าจ้ะ
    รุ่นใหญ่ที่ได้รับของขวัญเป็นรายแรก ต้อนรับปีใหม่ ก็คือฝรั่งเศส ที่แอบแวบไปจู๋จี๋กับคุณพี่ปูตินนั่นแหละ และถ้าถามกันแล้ว คำตอบไม่น่าพอใจ เราคงได้เห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสบานปลาย พอให้ยิวถือโอกาสขยับสัก 2,3 ก้าว เอาหัวรบไปจ่อ ฝ่ายตรงข้ามในตะวันออกกลาง กันไม่ให้อิหร่านขยับตัวคล่องไป และได้ดูใจตุรกีว่า ตกลงใจจะลงมาเดินบนพื้น หรืออยากไต่ลวดเล่นเสียวต่อ แต่ถ้ายิวเลยเถิด จะจ่อหัวรบเงยขึ้นไปทางเหนือแบบนั้น คงได้เห็นดอกเห็ดบานจริง
    หลายชาติไม่อยากทำสงคราม นอกจากกระเป๋ากำลังแห้งแล้ว แถมหนาวจะตายอีกด้วย ใครจะไปอยากรบ แต่เยอรมัน โดยคุณป้าแมร์เคิล เลือดยิวเก่า หัวเรือใหญ่ในยุโรปและนาโต้บอกว่า เราคงไม่คว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ พร้อมจับมือกับนาโต้เดินหน้าตามคำสั่งของนักล่าขาตะเกียบ
    แต่มีคำพูดรู้กันทั่วว่า ในเยอรมัน ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้นที่ใหญ่ Siemens บริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ผลิตตั้งแต่เครื่องบิน เรือ รถไฟฟ้า จนถึงเครื่องซักผ้า และที่เป่าผม ก็คิดว่า ตัวเองใหญ่ไม่น้อยกว่ารัฐบาล เคยมีผู้บริหารใหญ่ของ Siemens พูดว่า Siemens ก็คือเยอรมันนั่นแหละ รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่เราซิ อยู่คู่กับประเทศเยอรมันมาตลอด
    ไม่นานหลังจากที่ คุณพี่ปูตินผนวกไครเมียกลับมาอยู่ในอ้อมอก เมื่อต้นปีที่แล้ว นาย Joe Kaeser ซีอีโอของ Siemens เดินทางไปเยี่ยมนายปูตินที่บ้านพักนอกเมืองมอสโคว์ แล้วบอกกับนายปูตินว่า บริษัทเราทำธุรกิจกับรัสเซียมากว่า 160 ปีแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องไครเมีย ที่เป็นเรื่องวุ่นวายช่วงสั้นนี้ มากระทบความสัมพันธ์ของ Siemens กับรัสเซียอันยาวนานหรอก
    แบบนี้นักล่าใบตองแห้ง ก็คงยังต้องตามประกบคุณนายแมร์เคิลต่อไปอีก แต่อีกไม่นานคงได้รู้กันว่า คนเยอรมันจะได้รับของขวัญหรือไม่
    ส่วนชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ชี้นกเป็นไม้คู่กับนักล่าใบตองแห้งมาตลอด คราวนี้โผบอก เราน่าจะสร้างเรื่องให้ยิวได้ทดลองขยับหมาก ดังนั้น หลังจากความอลหม่านเกิดขึ้นในฝรั่งเศสแล้ว คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าอังกฤษจะสั่งการรับมือเตรียมภัยขั้นสูงให้สอดคล้องกัน และอาจจะมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับฝรั่งเศสลามไปที่อังกฤษด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แปลว่า นักล่ากับชาวเกาะ ช่วยกันห่อของขวัญ เช็คเรทติ่ง เตรียมปรับยุทธศาสตร์ ขยับหมากรุกแน่นอน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 มค. 2558
    เรื่อง ของขวัญ “ของขวัญ” (1) ปีใหม่นี้ เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเขียนกลอนหน้าต่างสักบาน สองบาน ให้ท่านผู้อ่านครื้นเครงกันเล่น แต่สมองไม่แล่น ดันกลอนไม่ออก เลยได้แต่ส่งรูปช้างไทยหวงถิ่น ที่ผมแสนจะหลงรัก ประทับใจในความหวงถิ่นของช้างหนุ่มเชือกนี้ไปให้ดูแก้ขัดไปก่อน แต่อันที่จริงผมกำลังซุ่มเงียบ เขียนนิทานเรื่องลึกลับซับซ้อนอยู่ แต่มันก็ซับซ้อนเสียจนผมใช้เวลาถอดรหัสนานมาก อดใจรอหน่อยนะครับ ระหว่างนี้ ผมเห็นเขาส่งของขวัญกันเป็นว่าเล่น หลังจากดิ้นพล่านออกอาการสาระพัดเรื่องแบบเด็กขี้อิจฉาไปแล้ว คราวนี้ยกระดับความเข้มไปอีกหนึ่งหุน ถึงกับลงทุนส่งของขวัญจะไม่เขียนถึง เดี๋ยวคนจัดส่งของขวัญ เขาจะน้อยใจ ว่าไม่เห็นหัวเลยหรือไง เลยต้องเอาเสียหน่อย ผมเห็นเขาเริ่มส่งของขวัญกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2557 เหตุเกิดที่ร้านกาแฟที่ออสเตรเลียก็จริง แต่เป้าหมายมุ่งไปไกลกว่านั้น ข่าวบอกว่าคนถือของขวัญเป็นชาวอิหร่านที่ขอเข้ามาอยู่ที่ออสเตรเลีย ข่าวหนึ่งบอกว่า ลี้ภัยการเมือง อีกข่าวดันบอกว่าเป็นคนบ๊อง เอะยังไง จะลี้ภัยหรือเป็นบ๊อง แต่ก็เป็นชาวอิหร่านแล้วกัน ทำไมต้องเป็นชาวอิหร่าน? อิหร่านเป็นแนวร่วมสำคัญยิ่งของคู่ชิงแชมป์ฝั่งรัสเซีย จีน มีความหมายมาก ทั้งด้านสถานที่ตั้งประเทศ อาวุธ ชั้นเชิง และที่สำคัญ ความพร้อมด้านจิตใจ อเมริกาพยายามทั้งบี้ ขยี้ แต่อิหร่านไม่แหลกคามือเสียที อิหร่านกลับฟื้น พร้อมพกอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้ยิ่งทำให้อเมริกาหงุดหงิด ขัดใจมากขึ้น อเมริกากับอิหร่าน มีการเจรจากันเรื่องให้อิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาหลายรอบ ในปี 2014 กำหนดการเจรจาสิ้นสุด 24 พฤศจิกายน โดยไม่มีความคืบหน้า อเมริกานินทาว่า อิหร่านเจรจาไปพัฒนาอาวุธไป ยิ่งเจรจานาน นิวเคลียร์อิหร่านคงเสร็จครบตามเป้าหมาย อิหร่านบอกงั้นเลิกเจรจาเอาไหมล่ะ ใบตองแห้งใจไม่ถึง ตกลงนัดเจอกันอีกทีเดือนธันวาคม เพื่อจะสรุปว่าจะการเจรจากันต่อไหม ก่อนถึงวันนัดสรุป มันก็ต้องมีการบีบบี้กันเบี้ยวเสียหน่อย ฉากที่สั่งให้เปิดแสดงง่ายๆ ก็เลยเลือกเอาแดนจิงโจ้ ที่ตอนประชุม G 20 ลบ 1 ช่วยกันแสดงบทผู้ดีรุมตีแขก ขอเปิดอีกสักฉากเป็นไรไป ไอ้พวกที่วิ่งหนีกระสุนน่ะ มันพวกเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศเราทั้งนั้น คนของเราอย่าให้มายุ่ง แต่ดันหลุดโผไปคนนึง คุณแหม่มแกวิ่งหนีไม่ทัน ใบตองแห้งคิดว่าอิหร่านจะออกมาตอบโต้ จะได้ถือโอกาสบี้กลับ แหม เดาผิดไปไกลเลยพี่โอ อิหร่านน่ะเขามีบทเรียนแยะแล้ว ไม่หลงกลง่ายๆ สู้แอบซุ่ม สร้างระเบิดต่อดีกว่า ของขวัญเลยไม่ค่อยมีคนตื่นเต้น ตีปีบซะเกือบตาย ก็ไม่เอาดาราแดนจิ้งโจ้ดังๆมาเข้าฉากนี่น้า นับรอง CNN ตีข่าวไม่เลิก ส่วนการเจรจา ก็เลยสรุปว่า งั้นเราเจรจาต่อไปแล้วกันนะจนถึงเดือนมีนาคม 2015 และต้องจบเรื่องภายในเดือนนิถุนาย ปี 2015 อิหร่านหัวร่อ หึ หึ แบบนี้ก็ผลิตได้อีกหลายลูก ไอ้ที่เจ็บที่ตาย เรื่องของใบตองแห้ง เราเสี่ยนิวเคลียร์ไม่เกี่ยวด้วย (2) ของขวัญส่งชิ้นเดียวมันจะตื่นเต้นได้ยังไง ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มงวดเข้ามาแล้ว อะไรๆก็ยังไม่ลงตัว สมันน้อยเดี๋ยวนี้ชักจะแข็งข้อ ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหน (สงสัยอ่านนิทานมากไป ฮา) หันไปจับมือ จูบปากกับอาเฮีย ทำท่าจะเปิดบ้านให้พวกอาเฮียรวยทองมาสร้างทางรถไฟ แบบนี้มันหยามหน้าเรา สมันน้อยก็เตรียมตัวรับมือหน่อยนะ ใบตองแห้งมันเอาคืนแน่ แต่มันจะทอดเวลา รอเราลืมเรื่องสักแป๊บ แล้วมันค่อยส่งของขวัญมาให้ แต่ไอ้ที่เคยเดินกร่าง เข้ามาในบ้านสมันน้อยง่ายๆ แบบสมัยก่อนน่ะ ไม่แน่ว่าสมันน้อยยุคคุณพี่ตู่แกจะยอมง่ายๆ คนรอขวาง รอเสียบมีอยู่นะ คุณพี่ตู่ก็อย่าหยิบบทผิดมาเล่นแล้วกันนะครับ แล้วจะทำยังไง บอกแล้วว่าใช้เป็นฐานทัพก็เรื่องหนึ่ง แต่การส่งบำรุงกำลังพลมันก็อีกเรื่องนึง ทอดตาดูแถบนี้แล้ว จะไปเอาใครที่ไหนมาส่งบำรุงกำลังให้ ไล่มาเลย ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น 5 ประเทศแรก ไม่มีความพร้อมส่งทั้งด้านอาหารและพลังงาน เกาหลีพร้อม แต่ขืนไปเทียบท่าแถบนั้น ก็เท่ากับเดินเข้าปากอาเฮีย ถูกเคี้ยวอร่อยไปเท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นอย่าไปพูดถึงเลย ของจริงน่าสงสารจนพูดไม่ออก เอาว่า ตัวเองก็จะไม่รอด แล้วจะไปส่งกำลังให้ใครได้ แล้วเหลือใครในแถบนี้ ก็คงมีแค่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และสมันน้อย สิงคโปร์ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง คงได้แค่ส่งกำลังบำรุง แบบเซ่นเจ้าไหว้ศาล ทั้งประเทศ ขนาดเล็กกว่ากรุงเทพมหา พระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ของเราอีก หัดภูมิใจบ้านเรากันบ้างนะครับ สิงคโปร์มันมีถนนหรู หลอกให้เดินซื้อของ 2,3 ถนนเอง กับถมทะเลทำเป็นที่นั่งเล่นนั่งกิน อาหารก็ไม่ได้เศษความอร่อยของบ้านเรา ป้าอ้วนแม่ครัวบ้านผมทำอร่อยกว่า 500 เท่า เราไม่ต้องเห่อเอาเงินไปให้มันหรอก ไอ้สิงคโปร์น่ะ เหลือมาเลเซียที่น่าสนใจ เราถึงได้เห็นนายโอบามาไปเดินโชว์ขาตะเกียบตีกอล์ฟกับนายราจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2014 ขณะที่มาเลเซียกำลังน้ำท่วมถึงคอหอย ชาวมาเลย์ด่า เรียกให้นายกกลับมาดูแลได้แล้ว(โว้ย) ผลการตีกอล์ฟไปคุยไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ วันที่ 29 ธันวาคม เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเซีย ติดธงชาติมาเลย์ก็หายวับไปจากจอเรดาร์ เป็นเรื่องเศร้าส่งท้ายปีเก่า มาเลเซีย ถึงจะเป็นลูกกระเป๋งเก่า ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ แต่การเมืองภายในและเรื่องเชิ้อชาติศาสนา ซับซ้อน หลายพวกหลายกลุ่ม แถมเป็นถิ่นสำหรับกบดาน และทางผ่านของเหล่าเสือซ่อนรูป สารพัดสัญชาติ ไอ้นักล่าใบตองแห้งส่งพวก Contactor มาคุมเชิงอยู่หลายพันคน มาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว นักล่าใบตองแห้งเก็งไว้ว่า ถ้าจวนตัวจริงๆ สมันน้อยกลายเป็นช้างไทยหวงถิ่นขึ้นมา นักล่าก็คงต้องจำใจใช้มาเลเซีย เป็นฐานวิ่งรอกกับฐานลับที่หมู่เกาะ Diego Garcia แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ก็มันชุมทางเสือแบบนั้น ไว้ใจได้หรือ ใครเป็นใคร ใครกลายพันธ์ไปแล้วบ้าง ราคาต่อรองมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉะน้ั้น สมันน้อยก็ต้องรอบคอบ ระวังตัวให้มากๆ ดูเหตุการณ์มาเลเซีย และฝรั่งเศสที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เป็นอุทาหรณ์ไว้ (3) เรื่องที่ฝรั่งเศส คงมีใครอยากให้บานปลาย กลายเป็นเรื่องระหว่างยิวกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง จะเป็นไอซิสพันธ์แท้ กลายพันธ์ หรือ พันธ์ปลอมก็แล้วแต่ แต่เรื่องคงจบไม่ง่ายๆ
อุตส่าห์ขนชุดปราบจราจลมาจนเกลี้ยงเมือง เงื้อง่ากันมาถึงขนาดนี้แล้ว ต้องไม่ลืมว่า เมือต้นเดือนธันวาคม 2014 นายฟรังซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แวะไปจอดเครื่องบินแอบคุยกับคุณพี่ปูติน ที่มาคอยอยู่สนามบินกรุงมอสโคว์ แบบไม่มีหมายกำหนดการณ์ นี่มันผู้นำประเทศมหาอำนาจนะครับ ไม่ใช่คุณๆผมๆ ที่ขับรถผ่านบ้านแล้วคิดถึง ขอเข้ามากินกาแฟคุยกันสักหน่อย ท่านผู้นำเขาทำแบบนี้ แปลว่ามันต้องเรื่องใหญ่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ แต่คนที่น่าจะรู้เรื่องและนั่งไม่ติดมีหลายคน ตั้งแต่นายโอบามานักล่าขาตะเกียบ และไอ้จีบปาก นายเดวิด แคมารอน นายกรัฐมนตรีของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ส่วนคุณป้าแมร์เคิลแห่งเยอรมัน ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่หายใจไม่ทั่วท้องเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ก่อนอเมริกาจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ จะเป็นยุทธศาสตร์รุกคืบ หรือรุกฆาตก็ตาม อเมริกาคงต้องมีส่งของขวัญ ไปถามใจเธอหน่อยกับบรรดาพันธมิตรรุ่นใหญ่ว่า ยังอยู่ดีกับพี่เบิ้มหรือเปล่าจ้ะ รุ่นใหญ่ที่ได้รับของขวัญเป็นรายแรก ต้อนรับปีใหม่ ก็คือฝรั่งเศส ที่แอบแวบไปจู๋จี๋กับคุณพี่ปูตินนั่นแหละ และถ้าถามกันแล้ว คำตอบไม่น่าพอใจ เราคงได้เห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสบานปลาย พอให้ยิวถือโอกาสขยับสัก 2,3 ก้าว เอาหัวรบไปจ่อ ฝ่ายตรงข้ามในตะวันออกกลาง กันไม่ให้อิหร่านขยับตัวคล่องไป และได้ดูใจตุรกีว่า ตกลงใจจะลงมาเดินบนพื้น หรืออยากไต่ลวดเล่นเสียวต่อ แต่ถ้ายิวเลยเถิด จะจ่อหัวรบเงยขึ้นไปทางเหนือแบบนั้น คงได้เห็นดอกเห็ดบานจริง หลายชาติไม่อยากทำสงคราม นอกจากกระเป๋ากำลังแห้งแล้ว แถมหนาวจะตายอีกด้วย ใครจะไปอยากรบ แต่เยอรมัน โดยคุณป้าแมร์เคิล เลือดยิวเก่า หัวเรือใหญ่ในยุโรปและนาโต้บอกว่า เราคงไม่คว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ พร้อมจับมือกับนาโต้เดินหน้าตามคำสั่งของนักล่าขาตะเกียบ แต่มีคำพูดรู้กันทั่วว่า ในเยอรมัน ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้นที่ใหญ่ Siemens บริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ผลิตตั้งแต่เครื่องบิน เรือ รถไฟฟ้า จนถึงเครื่องซักผ้า และที่เป่าผม ก็คิดว่า ตัวเองใหญ่ไม่น้อยกว่ารัฐบาล เคยมีผู้บริหารใหญ่ของ Siemens พูดว่า Siemens ก็คือเยอรมันนั่นแหละ รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่เราซิ อยู่คู่กับประเทศเยอรมันมาตลอด ไม่นานหลังจากที่ คุณพี่ปูตินผนวกไครเมียกลับมาอยู่ในอ้อมอก เมื่อต้นปีที่แล้ว นาย Joe Kaeser ซีอีโอของ Siemens เดินทางไปเยี่ยมนายปูตินที่บ้านพักนอกเมืองมอสโคว์ แล้วบอกกับนายปูตินว่า บริษัทเราทำธุรกิจกับรัสเซียมากว่า 160 ปีแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องไครเมีย ที่เป็นเรื่องวุ่นวายช่วงสั้นนี้ มากระทบความสัมพันธ์ของ Siemens กับรัสเซียอันยาวนานหรอก แบบนี้นักล่าใบตองแห้ง ก็คงยังต้องตามประกบคุณนายแมร์เคิลต่อไปอีก แต่อีกไม่นานคงได้รู้กันว่า คนเยอรมันจะได้รับของขวัญหรือไม่ ส่วนชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ชี้นกเป็นไม้คู่กับนักล่าใบตองแห้งมาตลอด คราวนี้โผบอก เราน่าจะสร้างเรื่องให้ยิวได้ทดลองขยับหมาก ดังนั้น หลังจากความอลหม่านเกิดขึ้นในฝรั่งเศสแล้ว คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าอังกฤษจะสั่งการรับมือเตรียมภัยขั้นสูงให้สอดคล้องกัน และอาจจะมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับฝรั่งเศสลามไปที่อังกฤษด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แปลว่า นักล่ากับชาวเกาะ ช่วยกันห่อของขวัญ เช็คเรทติ่ง เตรียมปรับยุทธศาสตร์ ขยับหมากรุกแน่นอน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 มค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 838 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมายกำหนดการ

    พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา

    กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

    (ฉบับเปลี่ยนแปลง)

    ตามหมายกำหนดการสำนักพระราชวัง ฉบับที่ ๑๗/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เรื่อง พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ดังรายละเอียดแจ้งอยู่แล้ว นั้น

    การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้งดพระราชพิธีดังกล่าว และให้กำหนดการเปลี่ยนแปลงดังนี้ -

    วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๘ นาฬิกา ถึงเวลา ๑๒ นาฬิกา สำนักพระราชวังจัดที่สำหรับลงพระนามและลงนามถวายพระพร ไว้ที่ในพระบรมหาราชวัง

    การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน เข้ากราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ที่ปราสาทพระเทพบิดร ตั้งแต่เวลา ๘ นาฬิกา ถึงเวลา ๑๗ นาฬิกา

    เวลา ๑๒ นาฬิกา ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ ๒๑ นัด

    การแต่งกาย

    - ลงพระนามและลงนามถวายพระพร
    แต่งเครื่องแบบปกติขาว

    - กราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร
    แต่งชุดสุภาพ

    สำนักพระราชวัง
    วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

    #หมายกำหนดการ
    #พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
    หมายกำหนดการ พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ฉบับเปลี่ยนแปลง) ตามหมายกำหนดการสำนักพระราชวัง ฉบับที่ ๑๗/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เรื่อง พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ดังรายละเอียดแจ้งอยู่แล้ว นั้น การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้งดพระราชพิธีดังกล่าว และให้กำหนดการเปลี่ยนแปลงดังนี้ - วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๘ นาฬิกา ถึงเวลา ๑๒ นาฬิกา สำนักพระราชวังจัดที่สำหรับลงพระนามและลงนามถวายพระพร ไว้ที่ในพระบรมหาราชวัง การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน เข้ากราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ที่ปราสาทพระเทพบิดร ตั้งแต่เวลา ๘ นาฬิกา ถึงเวลา ๑๗ นาฬิกา เวลา ๑๒ นาฬิกา ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ ๒๑ นัด การแต่งกาย - ลงพระนามและลงนามถวายพระพร แต่งเครื่องแบบปกติขาว - กราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร แต่งชุดสุภาพ สำนักพระราชวัง วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ #หมายกำหนดการ #พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 548 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555มาแล้วละครอีกฉาก,ตามหมายกำหนดการตามแผนที่วางไว้กำหนดเวลาไว้,คนวงในออกใาเตือนเอง เราบอกผ่านคนของเราแล้วนะก็ว่า.,ก่อนลงมือฝ่ายมืดจะบอกผ่านสื่อต่างๆทุกๆครั้งเพื่อกันท่าพระเจ้าว่า,ฉันเตือนมันแล้วนะก่อนลงมือ,ส่วนพวกมันจะเตรียมรับมือแบบใดก็เรื่องของมัน,นี้ล่ะ ทหารพระราชาต้องปฏิวัติทันทีในช่วงเวลานี้,บริบทสายการเมืองปกติไร้ปัญญาความสามารถรับมือแน่นอน,ผลงานกากๆที่ผ่านมาก็ประจักษ์ชัดเจนแล้ว.,
    ..ยุทธวิธีตั้งรับต้องชัดเจน,สามารถประกาศความเป็นกลางล่วงหน้าไว้ก่อนด้วย,ปิดพรมแดนตลอดแนวรอบประเทศก็ได้เพื่อป้องกันมือที่สามแทรกแซงภายในประเทศ ผลักดันต่างด้าวต่างชาติออกไปอย่างเร่งด่วน เราจะควบคุมความโกลาหลวุ่นวายไม่สงบภายในได้ชัดเจนเด็ดขาดง่ายสะดวกมากเพราะมีแต่คนไทยเราล้วนๆนั้นเอง,ปลอดภัยไร้กังวลใดๆต่ออาชญากรรมใดๆด้วย.และมากมายหลายมิติ,แต่จะมากกว่าถ้าให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยปฏิวัติในนามภาคมหาประชาชนคนไทย,จะแสดงจุดยืนชัดเจนเด่นสง่างามกว่า,เพราะประชาชนคือผู้บริสุทธิ์ในแผ่นดินไทย ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนกว่า.,ทหารยืนข้างๆร่วมกันปกป้องประเทศก็ว่า.

    https://youtu.be/HPt1vyiNlXw?si=59t6JcbbVv6PsuYo
    555มาแล้วละครอีกฉาก,ตามหมายกำหนดการตามแผนที่วางไว้กำหนดเวลาไว้,คนวงในออกใาเตือนเอง เราบอกผ่านคนของเราแล้วนะก็ว่า.,ก่อนลงมือฝ่ายมืดจะบอกผ่านสื่อต่างๆทุกๆครั้งเพื่อกันท่าพระเจ้าว่า,ฉันเตือนมันแล้วนะก่อนลงมือ,ส่วนพวกมันจะเตรียมรับมือแบบใดก็เรื่องของมัน,นี้ล่ะ ทหารพระราชาต้องปฏิวัติทันทีในช่วงเวลานี้,บริบทสายการเมืองปกติไร้ปัญญาความสามารถรับมือแน่นอน,ผลงานกากๆที่ผ่านมาก็ประจักษ์ชัดเจนแล้ว., ..ยุทธวิธีตั้งรับต้องชัดเจน,สามารถประกาศความเป็นกลางล่วงหน้าไว้ก่อนด้วย,ปิดพรมแดนตลอดแนวรอบประเทศก็ได้เพื่อป้องกันมือที่สามแทรกแซงภายในประเทศ ผลักดันต่างด้าวต่างชาติออกไปอย่างเร่งด่วน เราจะควบคุมความโกลาหลวุ่นวายไม่สงบภายในได้ชัดเจนเด็ดขาดง่ายสะดวกมากเพราะมีแต่คนไทยเราล้วนๆนั้นเอง,ปลอดภัยไร้กังวลใดๆต่ออาชญากรรมใดๆด้วย.และมากมายหลายมิติ,แต่จะมากกว่าถ้าให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยปฏิวัติในนามภาคมหาประชาชนคนไทย,จะแสดงจุดยืนชัดเจนเด่นสง่างามกว่า,เพราะประชาชนคือผู้บริสุทธิ์ในแผ่นดินไทย ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนกว่า.,ทหารยืนข้างๆร่วมกันปกป้องประเทศก็ว่า. https://youtu.be/HPt1vyiNlXw?si=59t6JcbbVv6PsuYo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว

  • 555,ไม่มีอะไรสำคัญกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวหรอก,อธิปไตยของชาติมาทีหลัง,ภูมิใจไทยและพลังประชารัฐมันโง่ มันด่วนตัดสินใจว่าอธิปไตยไทยสำคัญกว่า,งบประมาณปี69ถ้าไม่ผ่านจะไม่ได้แดกตามที่มีหมายกำหนดการดักรอแดกไว้แล้ว,หลายๆอย่างกูทำเพื่อผลประโยชน์พวกพ้องกูที่รอรับเหมางานราชงานหลวงรอไว้แล้ว,ตังทั้งนั้นเข้าสู่พวกกู,สส.กู พรรคกู ตำแหน่งเก้าอี้กูผูกยึดต่อรองเรียบร้อยเพื่อเป็นเกียรติประวัติชาติเชื้อวงศ์ตระกูลกูอีกว่าสมัยหนึ่งได้เป็นพรรครัฐบาลอย่างสุดกำลังเต็มที่,สส.รัฐบาลอย่างกล้าหาญองอาจบนคลิปเสียที่ว่า ทหารไทยอยู่ฝ่ายตรงข้ามเราพะนะ,อังเคิลฮุนเซนเขมรอยากได้อะไรเดี๋ยวจัดให้โน้น,นี้คือความภาคภูมิใจเกิน100%ที่หยัดยืนเคียงคู่สถานะรัฐบาลยุคสส.ร่วมรัฐบาลเราทุกๆคนในครั้งนี้,เราคือตำนานก็ว่า,จะบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ตลอดยาวนานให้ผู้คนคีย์ค้นหาสืบค้นเจอชื่อเราแน่นอน.,มันภาคภูมิใจจริงๆ.

    https://www.youtube.com/live/QI2OZkvaEbg?si=kpnbCDVnPbV1iEO2
    555,ไม่มีอะไรสำคัญกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวหรอก,อธิปไตยของชาติมาทีหลัง,ภูมิใจไทยและพลังประชารัฐมันโง่ มันด่วนตัดสินใจว่าอธิปไตยไทยสำคัญกว่า,งบประมาณปี69ถ้าไม่ผ่านจะไม่ได้แดกตามที่มีหมายกำหนดการดักรอแดกไว้แล้ว,หลายๆอย่างกูทำเพื่อผลประโยชน์พวกพ้องกูที่รอรับเหมางานราชงานหลวงรอไว้แล้ว,ตังทั้งนั้นเข้าสู่พวกกู,สส.กู พรรคกู ตำแหน่งเก้าอี้กูผูกยึดต่อรองเรียบร้อยเพื่อเป็นเกียรติประวัติชาติเชื้อวงศ์ตระกูลกูอีกว่าสมัยหนึ่งได้เป็นพรรครัฐบาลอย่างสุดกำลังเต็มที่,สส.รัฐบาลอย่างกล้าหาญองอาจบนคลิปเสียที่ว่า ทหารไทยอยู่ฝ่ายตรงข้ามเราพะนะ,อังเคิลฮุนเซนเขมรอยากได้อะไรเดี๋ยวจัดให้โน้น,นี้คือความภาคภูมิใจเกิน100%ที่หยัดยืนเคียงคู่สถานะรัฐบาลยุคสส.ร่วมรัฐบาลเราทุกๆคนในครั้งนี้,เราคือตำนานก็ว่า,จะบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ตลอดยาวนานให้ผู้คนคีย์ค้นหาสืบค้นเจอชื่อเราแน่นอน.,มันภาคภูมิใจจริงๆ. https://www.youtube.com/live/QI2OZkvaEbg?si=kpnbCDVnPbV1iEO2
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..สื่อหลักไทยเราไม่น้อยยังบิดเบือนข่าวเหมือนเดิมไม่ต่างจากยุคโควิดเลย,ไม่นำเสนอตรงไปตรงมา,สร้างหัวข้อข่าวหมายผลว่ากระทำการแล้ว,แต่ความจริงของตัวข่าวยังไม่ตัดสินใจและอาจไม่เข้าร่วมสงครามแบบอดีตอีกเลย,
    ..ไทยเราอีลิทมีมาก เชียร์อิสราเอลโดยพื้นฐานอยู่แล้วเพราะทุนยิวกิจการเครือข่ายยิวเต็มประเทศไทย.จึงสำเร็จในการฉีดวัคซีนโควิดลดประชากรไทยร่วมกับประชากรโลกด้วยเพราะสื่อหลักในบ้านเราไม่นำเสนอความจริง บิดเบือนข่าว ปั่นข่าว โหนกระแสให้ดุเดือดเข้าไว้ เหมือนปัจจุบันบอกว่าอิหร่านผิด,ลงความเห็นตัดสินพิพากษาเองเลยว่าอิหร่านผิดแล้ว อิสราเอลจึงชอบธรรมสามารถโจมตีอิหร่านได้ก่อน.นี้คือการบิดเบือนบดบังความจริง,ไม่ยุติธรรมต่ออิหร่าน ทัังที่อิหร่านและอิสราเอลมีหมายกำหนดการเจรจาสงบศึกอยู่แล้ว,ตัวจริงตัวแท้ที่มีความผิดคืออิสราเอลชัดเจนแต่สื่อไทยเสือกไปเล่นงานอิหร่านว่าทำผิด,เหี้ยไทยสร้างระเบิดนิวเคบียร์เองแบบอเมริกาแบบจีนแบบรัสเชียแบบเกาหลีเหนือซึ่งไทยมีวัตถุดิบในประเทศอยู่แล้วจะเป็นอะไร,รัสเชียรู้ว่าพม่าก็มีวัตถุดิบทำจึงมาสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่พม่า,เช่นนั้นอินเดียสามารถยิงระเบิดพม่าได้ว่าเป็นภัยความมั่นคงมีข่าวอย่างเปิดเผยสิ,อิสราเอลผิดเต็มๆเพราะลงมือยิงระเบิดอิหร่านก่อน,
    ..จริงๆถ้าแต่ละประเทศเป็นชาติที่ดี ไม่รุกรานกันแบบฝรั่งเศสอังกฤษฝรั่งชั่วๆไล่ล่าวัตถุดิบชาติอื่นยึดดินแดนชาติอื่นเอาเป็นเมืองขึ้นตนเอง มีแต่ความสงบสุขจะไม่เหี้ยบัดสบอะไรเลย,ต่างชาติต่างๆมีสัมมาชีวิตของแต่ละใครมันไม่ทำลายทำร้ายกันก็โอเคมาก,ทหารสากลและตำรวจสากลโลกจึงสมควรมีและจับกุมลงโทษจริงต่อประเทศที่ไม่ดีมีผู้นำไม่ดีนั้นจริงๆด้วย,ประชาชนคนบริสุทธิ์ต้องแยกออกจากผู้รำผู้ปกครองชาตินั้นๆที่เลวชั่วและเด็ดชีพให้ชัดเจน,ลงโทษคนชั่วเลวทั่วโลกเสรีเมื่อชาติประเทศนั้นๆทำไม่ได้หรือละเว้นไว้ มันย่อมเป็นภัยแก่ประชาชนในชาตินั้นๆหรือคนทั้งโลก.

    https://youtu.be/1-K0vA1OTTU?si=Fw-_yUs80SY6MGcE
    ..สื่อหลักไทยเราไม่น้อยยังบิดเบือนข่าวเหมือนเดิมไม่ต่างจากยุคโควิดเลย,ไม่นำเสนอตรงไปตรงมา,สร้างหัวข้อข่าวหมายผลว่ากระทำการแล้ว,แต่ความจริงของตัวข่าวยังไม่ตัดสินใจและอาจไม่เข้าร่วมสงครามแบบอดีตอีกเลย, ..ไทยเราอีลิทมีมาก เชียร์อิสราเอลโดยพื้นฐานอยู่แล้วเพราะทุนยิวกิจการเครือข่ายยิวเต็มประเทศไทย.จึงสำเร็จในการฉีดวัคซีนโควิดลดประชากรไทยร่วมกับประชากรโลกด้วยเพราะสื่อหลักในบ้านเราไม่นำเสนอความจริง บิดเบือนข่าว ปั่นข่าว โหนกระแสให้ดุเดือดเข้าไว้ เหมือนปัจจุบันบอกว่าอิหร่านผิด,ลงความเห็นตัดสินพิพากษาเองเลยว่าอิหร่านผิดแล้ว อิสราเอลจึงชอบธรรมสามารถโจมตีอิหร่านได้ก่อน.นี้คือการบิดเบือนบดบังความจริง,ไม่ยุติธรรมต่ออิหร่าน ทัังที่อิหร่านและอิสราเอลมีหมายกำหนดการเจรจาสงบศึกอยู่แล้ว,ตัวจริงตัวแท้ที่มีความผิดคืออิสราเอลชัดเจนแต่สื่อไทยเสือกไปเล่นงานอิหร่านว่าทำผิด,เหี้ยไทยสร้างระเบิดนิวเคบียร์เองแบบอเมริกาแบบจีนแบบรัสเชียแบบเกาหลีเหนือซึ่งไทยมีวัตถุดิบในประเทศอยู่แล้วจะเป็นอะไร,รัสเชียรู้ว่าพม่าก็มีวัตถุดิบทำจึงมาสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่พม่า,เช่นนั้นอินเดียสามารถยิงระเบิดพม่าได้ว่าเป็นภัยความมั่นคงมีข่าวอย่างเปิดเผยสิ,อิสราเอลผิดเต็มๆเพราะลงมือยิงระเบิดอิหร่านก่อน, ..จริงๆถ้าแต่ละประเทศเป็นชาติที่ดี ไม่รุกรานกันแบบฝรั่งเศสอังกฤษฝรั่งชั่วๆไล่ล่าวัตถุดิบชาติอื่นยึดดินแดนชาติอื่นเอาเป็นเมืองขึ้นตนเอง มีแต่ความสงบสุขจะไม่เหี้ยบัดสบอะไรเลย,ต่างชาติต่างๆมีสัมมาชีวิตของแต่ละใครมันไม่ทำลายทำร้ายกันก็โอเคมาก,ทหารสากลและตำรวจสากลโลกจึงสมควรมีและจับกุมลงโทษจริงต่อประเทศที่ไม่ดีมีผู้นำไม่ดีนั้นจริงๆด้วย,ประชาชนคนบริสุทธิ์ต้องแยกออกจากผู้รำผู้ปกครองชาตินั้นๆที่เลวชั่วและเด็ดชีพให้ชัดเจน,ลงโทษคนชั่วเลวทั่วโลกเสรีเมื่อชาติประเทศนั้นๆทำไม่ได้หรือละเว้นไว้ มันย่อมเป็นภัยแก่ประชาชนในชาตินั้นๆหรือคนทั้งโลก. https://youtu.be/1-K0vA1OTTU?si=Fw-_yUs80SY6MGcE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณีข่าวสะเทือนวงการ “คะน้า ริญญารัตน์ วัชรโรจน์สิริ” นางร้ายช่อง 7 สี เปิดหน้าแฉแฟนเก่า “ฮอท ธัญเทพ ศิริทรัพย์เดชากุล” แอบอ้างคนใหญ่คนโต อ้างเบื้องสูง อ้างเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไปไหนต้องมีรถนำขบวนนั้น

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. เพจ อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้แฉว่าไฮโซเก๊ร่อนจดหมาย ประกาศขอยุติความสัมพันธ์กับคะน้า ผ่านทางทนายส่วนตัว ข้อความว่า...

    “ตามที่ ดร. ได้มีการขอท่านแต่งงานเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 พร้อมทั้งได้มอบแหวนให้ไว้กับท่าน เพื่อเป็นการยืนยันว่ามีความประสงค์จะใช้ชีวิตคู่กับท่านและดำเนินการจัดงานแต่งงานตามธรรมเนียมประเพณีของไทยต่อไป ซึ่งต่อมาท่านและ ดร. ได้มีการปรึกษาพร้อมทั้งได้มีการกำหนดวันวิวาห์ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งรายละเอียดท่านทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

    แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ได้มีการกำหนดวันที่จะทำการวิวาห์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านมีการให้สัมภาษณ์ทั้งทางสื่อโทรทัศน์ รวมทั้งได้มีการให้ข่าวกับทางสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หลายฉบับ

    สถานะปัจจุบันของท่านจากสถานะของการเป็นเจ้าสาวได้กลับมาสู่สถานะโสดแล้ว ซึ่งจากการสัมภาษณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนาของท่านได้อย่างชัดเจนว่าท่านไม่ประสงค์ที่จะเข้าทำการวิวาห์กับ ดร. ตามวันเวลาที่ได้มีการกำหนดไว้ต่อไปแล้ว และจากการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก

    ดังนั้นด้วยหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้าในฐานะผู้รับมอบอำนาจของ ดร. จึงขอแจ้งมายังท่านเพื่อทราบว่าขอแจ้งยกเลิกหมายกำหนดการจัดงานวิวาห์กับท่านในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 พร้อมทั้งขอยุติความสัมพันธ์ต่าง ๆ กับท่านโดยทันทีที่ท่านได้รับหนังสือฉบับและขอสงวนสิทธิ์ในการที่จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายต่อไปด้วย”

    โดยเพจอีซ้อยังเผยอีกว่า แหวนหมั้นเพชรก็ยังปลอม ไอ้นี่เป็นคนตลกจริงๆ

    #MGROnline #ไฮโซเก๊ #คะน้าริญญารัตน์
    กรณีข่าวสะเทือนวงการ “คะน้า ริญญารัตน์ วัชรโรจน์สิริ” นางร้ายช่อง 7 สี เปิดหน้าแฉแฟนเก่า “ฮอท ธัญเทพ ศิริทรัพย์เดชากุล” แอบอ้างคนใหญ่คนโต อ้างเบื้องสูง อ้างเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไปไหนต้องมีรถนำขบวนนั้น • ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. เพจ อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้แฉว่าไฮโซเก๊ร่อนจดหมาย ประกาศขอยุติความสัมพันธ์กับคะน้า ผ่านทางทนายส่วนตัว ข้อความว่า... • “ตามที่ ดร. ได้มีการขอท่านแต่งงานเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 พร้อมทั้งได้มอบแหวนให้ไว้กับท่าน เพื่อเป็นการยืนยันว่ามีความประสงค์จะใช้ชีวิตคู่กับท่านและดำเนินการจัดงานแต่งงานตามธรรมเนียมประเพณีของไทยต่อไป ซึ่งต่อมาท่านและ ดร. ได้มีการปรึกษาพร้อมทั้งได้มีการกำหนดวันวิวาห์ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งรายละเอียดท่านทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้ว • แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ได้มีการกำหนดวันที่จะทำการวิวาห์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านมีการให้สัมภาษณ์ทั้งทางสื่อโทรทัศน์ รวมทั้งได้มีการให้ข่าวกับทางสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หลายฉบับ • สถานะปัจจุบันของท่านจากสถานะของการเป็นเจ้าสาวได้กลับมาสู่สถานะโสดแล้ว ซึ่งจากการสัมภาษณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนาของท่านได้อย่างชัดเจนว่าท่านไม่ประสงค์ที่จะเข้าทำการวิวาห์กับ ดร. ตามวันเวลาที่ได้มีการกำหนดไว้ต่อไปแล้ว และจากการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก • ดังนั้นด้วยหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้าในฐานะผู้รับมอบอำนาจของ ดร. จึงขอแจ้งมายังท่านเพื่อทราบว่าขอแจ้งยกเลิกหมายกำหนดการจัดงานวิวาห์กับท่านในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 พร้อมทั้งขอยุติความสัมพันธ์ต่าง ๆ กับท่านโดยทันทีที่ท่านได้รับหนังสือฉบับและขอสงวนสิทธิ์ในการที่จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายต่อไปด้วย” • โดยเพจอีซ้อยังเผยอีกว่า แหวนหมั้นเพชรก็ยังปลอม ไอ้นี่เป็นคนตลกจริงๆ • #MGROnline #ไฮโซเก๊ #คะน้าริญญารัตน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    [ ในหลวง - ราชินี จะเสด็จฯ ทอดพระเนตรการแสดงการบิน เนื่องในโอกาสครบรอบ ๘๘ ปี กองทัพอากาศ ]
    .
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปยัง กองบิน ๖ กองทัพอากาศ ดอนเมือง เพื่อทรงทอดพระเนตรการแสดงการบิน นิทรรศการด้านการบิน และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันสถาปนากองทัพอากาศ ครบรอบ ๘๘ ปี ในวันศุกร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ น. ถึง ๑๑.๑๕ น.
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    #หมายกำหนดการ [ ในหลวง - ราชินี จะเสด็จฯ ทอดพระเนตรการแสดงการบิน เนื่องในโอกาสครบรอบ ๘๘ ปี กองทัพอากาศ ] . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปยัง กองบิน ๖ กองทัพอากาศ ดอนเมือง เพื่อทรงทอดพระเนตรการแสดงการบิน นิทรรศการด้านการบิน และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันสถาปนากองทัพอากาศ ครบรอบ ๘๘ ปี ในวันศุกร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ น. ถึง ๑๑.๑๕ น. #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 917 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    (อัปเดต ณ วันที่ 1 มีนาคม 2568)
    #หมายกำหนดการ HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida (อัปเดต ณ วันที่ 1 มีนาคม 2568)
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 899 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    ภาพช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีดูดาของโปแลนด์ กำลังรอทรัมป์นานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่กลับได้คุยกันเพียง 11 นาทีเท่านั้น

    ตามหมายกำหนดการประชุมระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับอันเดรจ ดูดา ควรจะเริ่มต้นในเวลา 19.00 น. แต่กลับเลื่อนออกไปเริ่มตอน 20.30 น. เนื่องจากทรัมป์ยังติดงานอื่น และการสนทนากินเวลาสั้นๆเพียง 11 นาที เท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วควรใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มตามกำหนดการ

    หลังจากคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไป มีเสียงวิจารณ์จากโซเชียลในยูโรปว่า พฤติกรรมของทรัมป์และทีมงานกำลังดูหมิ่นยุโรป ทำไมยุโรปต้องเสียเวลามายืนรอเศษขนมปังจากอเมริกา


    2/ ภาพช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีดูดาของโปแลนด์ กำลังรอทรัมป์นานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่กลับได้คุยกันเพียง 11 นาทีเท่านั้น ตามหมายกำหนดการประชุมระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับอันเดรจ ดูดา ควรจะเริ่มต้นในเวลา 19.00 น. แต่กลับเลื่อนออกไปเริ่มตอน 20.30 น. เนื่องจากทรัมป์ยังติดงานอื่น และการสนทนากินเวลาสั้นๆเพียง 11 นาที เท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วควรใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มตามกำหนดการ หลังจากคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไป มีเสียงวิจารณ์จากโซเชียลในยูโรปว่า พฤติกรรมของทรัมป์และทีมงานกำลังดูหมิ่นยุโรป ทำไมยุโรปต้องเสียเวลามายืนรอเศษขนมปังจากอเมริกา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • 1/
    ภาพช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีดูดาของโปแลนด์ กำลังรอทรัมป์นานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่กลับได้คุยกันเพียง 11 นาทีเท่านั้น

    ตามหมายกำหนดการประชุมระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับอันเดรจ ดูดา ควรจะเริ่มต้นในเวลา 19.00 น. แต่กลับเลื่อนออกไปเริ่มตอน 20.30 น. เนื่องจากทรัมป์ยังติดงานอื่น และการสนทนากินเวลาสั้นๆเพียง 11 นาที เท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วควรใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มตามกำหนดการ

    หลังจากคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไป มีเสียงวิจารณ์จากโซเชียลในยูโรปว่า พฤติกรรมของทรัมป์และทีมงานกำลังดูหมิ่นยุโรป ทำไมยุโรปต้องเสียเวลามายืนรอเศษขนมปังจากอเมริกา


    1/ ภาพช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีดูดาของโปแลนด์ กำลังรอทรัมป์นานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่กลับได้คุยกันเพียง 11 นาทีเท่านั้น ตามหมายกำหนดการประชุมระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับอันเดรจ ดูดา ควรจะเริ่มต้นในเวลา 19.00 น. แต่กลับเลื่อนออกไปเริ่มตอน 20.30 น. เนื่องจากทรัมป์ยังติดงานอื่น และการสนทนากินเวลาสั้นๆเพียง 11 นาที เท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วควรใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มตามกำหนดการ หลังจากคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไป มีเสียงวิจารณ์จากโซเชียลในยูโรปว่า พฤติกรรมของทรัมป์และทีมงานกำลังดูหมิ่นยุโรป ทำไมยุโรปต้องเสียเวลามายืนรอเศษขนมปังจากอเมริกา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568
    : เริ่มปล่อยตัวนักวิ่งเวลา 05.30 น.
    ขอเชิญประชาชนเฝ้าฯรับเสด็จ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินร่วมงานวิ่ง “Run for wheels 2025” วิ่งเพื่อให้หมาได้วิ่ง
    ณ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    #runforwheels #runforwheels2025
    #หมายกำหนดการ วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 : เริ่มปล่อยตัวนักวิ่งเวลา 05.30 น. ขอเชิญประชาชนเฝ้าฯรับเสด็จ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินร่วมงานวิ่ง “Run for wheels 2025” วิ่งเพื่อให้หมาได้วิ่ง ณ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida #runforwheels #runforwheels2025
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1141 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ กุมภาพันธ์ 2568
    HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    (อัปเดต ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568)
    #หมายกำหนดการ กุมภาพันธ์ 2568 HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida (อัปเดต ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568)
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 901 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    25 กุมภาพันธ์ 2568
    ในหลวง พระราชินี จะเสด็จฯ ทรงเปิดสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสวนจากภูผาสู่มหานที
    เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร


    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    #หมายกำหนดการ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ในหลวง พระราชินี จะเสด็จฯ ทรงเปิดสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสวนจากภูผาสู่มหานที เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 860 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    (อัปเดต ณ วันที่ 31 มกราคม 2568)
    #หมายกำหนดการ HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida (อัปเดต ณ วันที่ 31 มกราคม 2568)
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 713 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    (อัปเดต ณ วันที่ 31 มกราคม 2568)
    #หมายกำหนดการ HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida (อัปเดต ณ วันที่ 31 มกราคม 2568)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    HMSV
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    (อัปเดต ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2567)
    #หมายกำหนดการ HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida (อัปเดต ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2567)
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 766 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

    เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารจักรีทศมรามาธิบดินทร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๐๐ น.

    ร่วมรับชมการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
    #หมายกำหนดการ วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารจักรีทศมรามาธิบดินทร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๐๐ น. ร่วมรับชมการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1104 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567
    เปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้ว เป็นฤดูหนาว
    ณ วัดพระแก้ว

    วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเปิดอาคารจักรีทศมรามาธิบดินทร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    #หมายกำหนดการ วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567 เปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้ว เป็นฤดูหนาว ณ วัดพระแก้ว วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเปิดอาคารจักรีทศมรามาธิบดินทร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1286 มุมมอง 1 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567
    ทอดพระเนตร โขนพระราชทาน
    ณ ศูนย์วัฒนธรรมฯ

    วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567
    เปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้ว เป็นฤดูหนาว
    ณ วัดพระแก้ว
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    #หมายกำหนดการ วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ทอดพระเนตร โขนพระราชทาน ณ ศูนย์วัฒนธรรมฯ วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567 เปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้ว เป็นฤดูหนาว ณ วัดพระแก้ว #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 886 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    ถวายผ้ากฐิน ตุลาคม 2567
    HMSV
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    #หมายกำหนดการ ถวายผ้ากฐิน ตุลาคม 2567 HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 905 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    ในวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2567
    ขอเชิญร่วมรับเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ แทนพระองค์ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน

    1️⃣ เวลา 17.00 น.
    ณ วัดสุวรรณดาราราม ราชวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    2️⃣เวลา 17.30 น.
    ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ ราชวรวิหาร อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    #เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ
    #หมายกำหนดการ ในวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2567 ขอเชิญร่วมรับเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ แทนพระองค์ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน 1️⃣ เวลา 17.00 น. ณ วัดสุวรรณดาราราม ราชวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2️⃣เวลา 17.30 น. ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ ราชวรวิหาร อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida #เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ
    Love
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 938 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2567
    พระราชินี เสด็จฯ ร่วมงานกาลาดินเนอร์
    Islamic Fashion Festival (IFF) Bangkok 2024
    ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียน เต็ล
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    #หมายกำหนดการ วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2567 พระราชินี เสด็จฯ ร่วมงานกาลาดินเนอร์ Islamic Fashion Festival (IFF) Bangkok 2024 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียน เต็ล #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 775 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมายกำหนดการ
    วันศุกร์ที่ 13 กันยายน
    เสด็จฯ ไปทรงทอดพระเนตรการแสดงบัลเลต์เรื่อง “สวอนเลค”
    ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

    วันอังคารที่ 24 กันยายน
    วันมหิดล
    ณ โรงพยาบาลศิริราช

    วันเสาร์ที่ 28 กันยายน
    เสด็จฯ ปัตตานี

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินี
    #หมายกำหนดการ 🗓️ วันศุกร์ที่ 13 กันยายน เสด็จฯ ไปทรงทอดพระเนตรการแสดงบัลเลต์เรื่อง “สวอนเลค” ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 🗓️ วันอังคารที่ 24 กันยายน วันมหิดล ณ โรงพยาบาลศิริราช 🗓️วันเสาร์ที่ 28 กันยายน เสด็จฯ ปัตตานี #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินี
    Love
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 977 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts