• เมื่อจิตใจเบาสบาย
    ชีวิตคุณ
    ก็จะเต็มไปด้วย
    เรื่องดีๆในทุกวัน

    จากหนังสือ |ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น
    เมื่อจิตใจเบาสบาย ชีวิตคุณ ก็จะเต็มไปด้วย เรื่องดีๆในทุกวัน จากหนังสือ |ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • การตอบแทนบุญคุณพระพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า การตอบแทนบุญคุณของพระองค์ที่สมบูรณ์ที่สุดคือการ ปฏิบัติธรรมเป็นบูชา เพราะพระองค์ทรงมุ่งหมายให้สัตว์โลกหลุดพ้นจากความทุกข์ และการปฏิบัติธรรมคือหนทางที่นำไปสู่จุดมุ่งหมายนี้โดยตรง


    ---

    วิธีปฏิบัติธรรมเป็นบูชา

    1. เริ่มต้นด้วยการทำจิตดีๆ ให้เกิดขึ้น

    ด้วยทาน: เปิดใจด้วยการแบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่น

    ด้วยศีล: รักษาความประพฤติของตนให้สะอาดบริสุทธิ์

    ด้วยสมาธิและสติ: ฝึกเจริญสติ รู้กายรู้ใจจนกระจ่างในความไม่เที่ยง



    2. การถวายจิตดีๆ เป็นบูชา

    หากสามารถทำจิตให้สงบและเบาสบายได้แม้เพียงชั่วครู่ ก็น้อมนำจิตดีๆ นั้นถวายแทนการบูชา

    การปฏิบัติที่นำไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์ของตัวเรา คือสิ่งที่ทำให้พระพุทธเจ้าทรงพอพระทัยที่สุด





    ---

    ทางเลือกสำหรับผู้เริ่มต้น

    หากยังไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้ลึกซึ้งนัก ก็สามารถแสดงความกตัญญูต่อพระพุทธเจ้าได้ด้วยการ:

    นำรูปหรือพระพุทธรูปมาบูชา เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในการปฏิบัติดี

    ทำบุญ ถวายทาน หรือร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา

    ศึกษาและเผยแผ่คำสอนของพระองค์



    ---

    การตอบแทนคุณครูบาอาจารย์

    ปฏิบัติตามคำสอน: งดเว้นจากสิ่งไม่ดีและลงมือปฏิบัติธรรม

    เผยแผ่คำสอน: ช่วยสืบทอดคำสอนของท่านให้กว้างไกล

    เคารพและระลึกถึงท่าน: ด้วยการประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี



    ---

    สรุป

    การตอบแทนบุญคุณพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์เริ่มต้นได้จากใจจริง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ขอเพียงมีความตั้งใจจริง และลงมือทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทุกการกระทำที่ดีงาม ล้วนถือเป็นการตอบแทนคุณอันสมบูรณ์แล้ว.

    การตอบแทนบุญคุณพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า การตอบแทนบุญคุณของพระองค์ที่สมบูรณ์ที่สุดคือการ ปฏิบัติธรรมเป็นบูชา เพราะพระองค์ทรงมุ่งหมายให้สัตว์โลกหลุดพ้นจากความทุกข์ และการปฏิบัติธรรมคือหนทางที่นำไปสู่จุดมุ่งหมายนี้โดยตรง --- วิธีปฏิบัติธรรมเป็นบูชา 1. เริ่มต้นด้วยการทำจิตดีๆ ให้เกิดขึ้น ด้วยทาน: เปิดใจด้วยการแบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยศีล: รักษาความประพฤติของตนให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยสมาธิและสติ: ฝึกเจริญสติ รู้กายรู้ใจจนกระจ่างในความไม่เที่ยง 2. การถวายจิตดีๆ เป็นบูชา หากสามารถทำจิตให้สงบและเบาสบายได้แม้เพียงชั่วครู่ ก็น้อมนำจิตดีๆ นั้นถวายแทนการบูชา การปฏิบัติที่นำไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์ของตัวเรา คือสิ่งที่ทำให้พระพุทธเจ้าทรงพอพระทัยที่สุด --- ทางเลือกสำหรับผู้เริ่มต้น หากยังไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้ลึกซึ้งนัก ก็สามารถแสดงความกตัญญูต่อพระพุทธเจ้าได้ด้วยการ: นำรูปหรือพระพุทธรูปมาบูชา เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในการปฏิบัติดี ทำบุญ ถวายทาน หรือร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ศึกษาและเผยแผ่คำสอนของพระองค์ --- การตอบแทนคุณครูบาอาจารย์ ปฏิบัติตามคำสอน: งดเว้นจากสิ่งไม่ดีและลงมือปฏิบัติธรรม เผยแผ่คำสอน: ช่วยสืบทอดคำสอนของท่านให้กว้างไกล เคารพและระลึกถึงท่าน: ด้วยการประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี --- สรุป การตอบแทนบุญคุณพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์เริ่มต้นได้จากใจจริง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ขอเพียงมีความตั้งใจจริง และลงมือทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทุกการกระทำที่ดีงาม ล้วนถือเป็นการตอบแทนคุณอันสมบูรณ์แล้ว.
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • นับหนึ่งถึงอนาคต รถไฟฟ้าสายแรกปีนัง

    รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย กำลังจะมีรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) สายแรกเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ หลังจากเมื่อเดือน มี.ค.2567 รัฐบาลกลางมาเลเซีย รับช่วงต่อจากรัฐบาลท้องถิ่นรัฐปีนัง พัฒนาโครงการรถไฟรางเบาสายมูเทียร่า ไลน์ (Mutiara Line) โดยแต่งตั้งบริษัท เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด เป็นผู้พัฒนาโครงการ

    พิธีวางศิลาฤกษ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2568 บริเวณสถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธาน

    จากการลงพื้นที่ของ Newskit พบว่า สถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) ติดกับทางด่วนลิม ชอง ยู (Lim Chong Eu) ใกล้กับมัสยิดอัล บัคฮารี่ (Al Bukhary) และทางจักรยานเลียบชายทะเล บริเวณฝั่งตะวันออกของเกาะปีนัง เมื่อข้ามแม่น้ำปีนังไปแล้วจะเป็นสถานีแมคคัลลัม ก่อนแยกเป็นสองสาย แยกซ้ายไปสถานีคอมตาร์ แยกขวาข้ามทะเลไปสถานีปีนังเซ็นทรัล

    ก่อนที่เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 จะมีการลงนามสัญญาก่อสร้างช่วงคอมตาร์-เกาะซิลิคอน (Komtar-Silicon Island) ระยะทาง 24 กิโลเมตร รวม 19 สถานี มูลค่าประมาณ 8,310 ล้านริงกิต (64,000 ล้านบาท) โดยมีกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสอาร์เอส ที่บริษัทก่อสร้างกามูดา (Gamuda) ถือหุ้น 60% เป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้าง โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2574

    ส่วนช่วงคอมตาร์-ปีนังเซ็นทรัล (Komtar-Penang Sentral) จากสถานีแมคคัลลัม (Macallum) ในเมืองจอร์จทาวน์ ผ่านช่องแคบปีนัง ระยะทาง 5.8 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน ก.ค. 2568 และประกาศผลการประมูลในต้นปี 2569 ส่วนการประมูลระบบรถไฟฟ้าและการบำรุงรักษา กำลังดำเนินการ โดยมีกำหนดส่งข้อเสนอขั้นสุดท้ายในวันที่ 14 เม.ย. 2568

    นายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า โครงการนี้ได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สามารถเข้าถึงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญได้อย่างราบรื่น สนับสนุนโครงการ Penang Silicon Design @5km+ การยกระดับท่าอากาศยานนานาชาติปีนัง และเขตอุตสาหกรรมเสรีบายัน เลอปาส (Bayan Lepas)

    อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ดินก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง บริเวณสถานีสุไหงนิบง (Sungai Nibong) ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีการจัดงานเทศกาลประจำปี เพสต้า ปูเลา ปีนัง (Pesta Pulau Pinang) มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2509 แต่ทาง MRT Corp ยืนยันว่าจะใช้พื้นที่ไม่มาก ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรองและพื้นที่พัฒนารอบสถานี (TOD) เท่านั้น

    #Newskit

    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    นับหนึ่งถึงอนาคต รถไฟฟ้าสายแรกปีนัง รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย กำลังจะมีรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) สายแรกเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ หลังจากเมื่อเดือน มี.ค.2567 รัฐบาลกลางมาเลเซีย รับช่วงต่อจากรัฐบาลท้องถิ่นรัฐปีนัง พัฒนาโครงการรถไฟรางเบาสายมูเทียร่า ไลน์ (Mutiara Line) โดยแต่งตั้งบริษัท เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด เป็นผู้พัฒนาโครงการ พิธีวางศิลาฤกษ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2568 บริเวณสถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธาน จากการลงพื้นที่ของ Newskit พบว่า สถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) ติดกับทางด่วนลิม ชอง ยู (Lim Chong Eu) ใกล้กับมัสยิดอัล บัคฮารี่ (Al Bukhary) และทางจักรยานเลียบชายทะเล บริเวณฝั่งตะวันออกของเกาะปีนัง เมื่อข้ามแม่น้ำปีนังไปแล้วจะเป็นสถานีแมคคัลลัม ก่อนแยกเป็นสองสาย แยกซ้ายไปสถานีคอมตาร์ แยกขวาข้ามทะเลไปสถานีปีนังเซ็นทรัล ก่อนที่เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 จะมีการลงนามสัญญาก่อสร้างช่วงคอมตาร์-เกาะซิลิคอน (Komtar-Silicon Island) ระยะทาง 24 กิโลเมตร รวม 19 สถานี มูลค่าประมาณ 8,310 ล้านริงกิต (64,000 ล้านบาท) โดยมีกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสอาร์เอส ที่บริษัทก่อสร้างกามูดา (Gamuda) ถือหุ้น 60% เป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้าง โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2574 ส่วนช่วงคอมตาร์-ปีนังเซ็นทรัล (Komtar-Penang Sentral) จากสถานีแมคคัลลัม (Macallum) ในเมืองจอร์จทาวน์ ผ่านช่องแคบปีนัง ระยะทาง 5.8 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน ก.ค. 2568 และประกาศผลการประมูลในต้นปี 2569 ส่วนการประมูลระบบรถไฟฟ้าและการบำรุงรักษา กำลังดำเนินการ โดยมีกำหนดส่งข้อเสนอขั้นสุดท้ายในวันที่ 14 เม.ย. 2568 นายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า โครงการนี้ได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สามารถเข้าถึงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญได้อย่างราบรื่น สนับสนุนโครงการ Penang Silicon Design @5km+ การยกระดับท่าอากาศยานนานาชาติปีนัง และเขตอุตสาหกรรมเสรีบายัน เลอปาส (Bayan Lepas) อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ดินก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง บริเวณสถานีสุไหงนิบง (Sungai Nibong) ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีการจัดงานเทศกาลประจำปี เพสต้า ปูเลา ปีนัง (Pesta Pulau Pinang) มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2509 แต่ทาง MRT Corp ยืนยันว่าจะใช้พื้นที่ไม่มาก ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรองและพื้นที่พัฒนารอบสถานี (TOD) เท่านั้น #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • สุดยอด บาส เฟรม 14/01/68 #แบดมินตัน #บาส เดชาพล #เฟรม ศุภิสรา #มาเลเซีย โอเพ่น 2025
    สุดยอด บาส เฟรม 14/01/68 #แบดมินตัน #บาส เดชาพล #เฟรม ศุภิสรา #มาเลเซีย โอเพ่น 2025
    Like
    Love
    12
    0 Comments 0 Shares 917 Views 65 0 Reviews
  • การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' ในสถานการณ์เลวร้าย

    หลักการสำคัญ

    1. ตระหนักในวงจรของกรรม:

    การลดความเดือดร้อนของตัวเองด้วยการเพิ่มความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองเดือดร้อนต่อไปไม่จบสิ้น

    หากเราเลือกที่จะช่วยลดความเดือดร้อนให้คนอื่น เรากำลังสร้างวงจรแห่งความสบายใจและความสงบสุขในระยะยาว



    2. มีสติและปัญญาในความทุกข์:

    เมื่อเผชิญสถานการณ์เลวร้าย อย่ารีบด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์

    สังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเอง แล้วเลือกลงมือทำสิ่งที่ไม่เพิ่มปัญหาให้ใคร





    ---

    วิธีเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'

    1. เริ่มที่ใจของตนเอง:

    ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ

    ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนอื่น เพราะการแสดงออกที่รุนแรงอาจเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์



    2. ช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้:

    หากช่วยแก้ปัญหาได้ ให้เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด เช่น การพูดปลอบโยน การให้คำแนะนำ หรือการแบ่งปันสิ่งของจำเป็น

    หากไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ การไม่เพิ่มปัญหาก็ถือเป็นการช่วยแล้ว



    3. พูดและกระทำด้วยเมตตา:

    ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ ลดการตำหนิหรือโทษใคร

    แสดงออกด้วยกิริยาที่ให้กำลังใจ เช่น การยิ้ม การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ



    4. รักษาความเป็นกลาง:

    อย่าลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์ขัดแย้ง

    พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน





    ---

    ผลลัพธ์ของการเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'

    สร้างความสงบในใจตนเอง:

    เมื่อรู้ว่าตนเองไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้ใคร ใจจะเบาสบายและสงบ


    เกิดความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี:

    ผู้คนรอบข้างจะเห็นคุณค่าในตัวคุณ และพร้อมสนับสนุนในยามที่คุณต้องการ


    เปลี่ยนสถานการณ์เลวร้ายให้ดีขึ้น:

    การมีคนช่วยบรรเทาปัญหา ย่อมสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ได้ดีขึ้น




    ---

    สรุป

    การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' เริ่มต้นจากการไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติม ทั้งกับตนเองและผู้อื่น หากทุกคนช่วยกันลดความเดือดร้อนในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น และสถานการณ์เลวร้ายก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายกว่าเดิม.

    การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' ในสถานการณ์เลวร้าย หลักการสำคัญ 1. ตระหนักในวงจรของกรรม: การลดความเดือดร้อนของตัวเองด้วยการเพิ่มความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองเดือดร้อนต่อไปไม่จบสิ้น หากเราเลือกที่จะช่วยลดความเดือดร้อนให้คนอื่น เรากำลังสร้างวงจรแห่งความสบายใจและความสงบสุขในระยะยาว 2. มีสติและปัญญาในความทุกข์: เมื่อเผชิญสถานการณ์เลวร้าย อย่ารีบด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์ สังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเอง แล้วเลือกลงมือทำสิ่งที่ไม่เพิ่มปัญหาให้ใคร --- วิธีเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' 1. เริ่มที่ใจของตนเอง: ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนอื่น เพราะการแสดงออกที่รุนแรงอาจเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์ 2. ช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้: หากช่วยแก้ปัญหาได้ ให้เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด เช่น การพูดปลอบโยน การให้คำแนะนำ หรือการแบ่งปันสิ่งของจำเป็น หากไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ การไม่เพิ่มปัญหาก็ถือเป็นการช่วยแล้ว 3. พูดและกระทำด้วยเมตตา: ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ ลดการตำหนิหรือโทษใคร แสดงออกด้วยกิริยาที่ให้กำลังใจ เช่น การยิ้ม การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ 4. รักษาความเป็นกลาง: อย่าลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์ขัดแย้ง พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน --- ผลลัพธ์ของการเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' สร้างความสงบในใจตนเอง: เมื่อรู้ว่าตนเองไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้ใคร ใจจะเบาสบายและสงบ เกิดความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี: ผู้คนรอบข้างจะเห็นคุณค่าในตัวคุณ และพร้อมสนับสนุนในยามที่คุณต้องการ เปลี่ยนสถานการณ์เลวร้ายให้ดีขึ้น: การมีคนช่วยบรรเทาปัญหา ย่อมสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ได้ดีขึ้น --- สรุป การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' เริ่มต้นจากการไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติม ทั้งกับตนเองและผู้อื่น หากทุกคนช่วยกันลดความเดือดร้อนในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น และสถานการณ์เลวร้ายก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายกว่าเดิม.
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • "เริ่มโทษกันเอง!"

    คริสติน โครว์ลีย์ (Kristin Crowley) หัวหน้าดับเพลิงเมืองแอล.เอ. เตือนนายกเทศมนตรีคาเรน บาสส์ (พรรคเดโมแครต) เมื่อเดือนที่แล้วว่า การตัดงบประมาณกว่า 17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของเธอนั้นเป็นการ "จำกัดศักยภาพของหน่วยในการเตรียมพร้อม ฝึกอบรม และตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินขนาดใหญ่ รวมถึงไฟป่าอย่างรุนแรง"
    "เริ่มโทษกันเอง!" คริสติน โครว์ลีย์ (Kristin Crowley) หัวหน้าดับเพลิงเมืองแอล.เอ. เตือนนายกเทศมนตรีคาเรน บาสส์ (พรรคเดโมแครต) เมื่อเดือนที่แล้วว่า การตัดงบประมาณกว่า 17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของเธอนั้นเป็นการ "จำกัดศักยภาพของหน่วยในการเตรียมพร้อม ฝึกอบรม และตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินขนาดใหญ่ รวมถึงไฟป่าอย่างรุนแรง"
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 497 Views 0 Reviews
  • การหลุดพ้นจากบ่วงกรรมในครอบครัว

    1. รู้คุณท่าน (กตัญญู)

    เริ่มต้นจากการพิจารณาความจริง:

    พ่อแม่ให้ชีวิต ให้ร่างกายนี้แก่เรา ซึ่งเป็นพื้นฐานของโอกาสทั้งหมดในชีวิต

    หากขาดบุญคุณนี้ คุณจะไม่มีโอกาสรับรู้หรือสัมผัสความสว่างทางธรรม

    ให้อภัยในความผิดพลาดของพ่อแม่:

    เห็นว่าท่านก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่อาจผิดพลาดได้

    เลิกผูกพยาบาท เพราะการให้อภัยคือการปลดล็อกใจของตัวเอง

    ---

    2. สนองคุณท่าน (กตเวที)

    ทำให้พ่อแม่มีความสุข:

    ทั้งด้วยคำพูด การดูแลเอาใจใส่ และการกระทำที่แสดงถึงความรักและเคารพ

    นำพาท่านสู่ความดี:

    สนับสนุนให้พ่อแม่มีศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้อง เช่น พระพุทธเจ้า กรรมวิบาก

    ช่วยให้พวกท่านรักษาศีล และละเว้นจากการกระทำที่ผิด

    ทำให้พ่อแม่พ้นจากความมืดบอดทางจิตใจ ไปสู่ปัญญาและความสว่าง

    ---

    3. วิธีปฏิบัติในทางธรรม

    เริ่มจากสิ่งเล็กๆ:

    ช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน

    แผ่เมตตาให้พ่อแม่ มีความปรารถนาดีต่อพวกท่านเสมอ

    สื่อสารผ่านธรรมะ:

    วางหนังสือธรรมะ หรือสื่อที่พวกท่านสนใจ เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อแม่เข้าถึงธรรมะ

    ใช้คำพูดที่อ่อนโยนและสร้างแรงบันดาลใจ

    ---

    4. ผลลัพธ์ของการปฏิบัติ

    เกิดความเบาสบายในจิตใจ:

    เมื่อรู้คุณและตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ จะรู้สึกเหมือนปลดบ่วงบางอย่างออกไป

    ปลูกแนวโน้มแห่งความสว่างในชีวิต:

    การทำกรรมดีต่อพ่อแม่ คือการสร้างเหตุให้ชีวิตพบเจอสิ่งดีๆ

    พ้นจากแรงดึงดูดของกรรมเดิม:

    เมื่อเราทำดีต่อพ่อแม่อย่างจริงใจ กรรมที่เป็นบ่วงรัดกับพวกท่านจะค่อยๆ คลายลง

    ---

    สรุป

    การหลุดพ้นจากแรงกรรมในครอบครัว ไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนแปลงพ่อแม่โดยทันที แต่คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการรู้คุณ และตอบแทนคุณอย่างเต็มที่ การให้อภัยและการพยายามนำพาท่านสู่สิ่งที่ดี คือหนทางที่ช่วยให้เราหลุดพ้นจากบ่วงกรรมได้ทั้งในชาตินี้และภายภาคหน้า.
    การหลุดพ้นจากบ่วงกรรมในครอบครัว 1. รู้คุณท่าน (กตัญญู) เริ่มต้นจากการพิจารณาความจริง: พ่อแม่ให้ชีวิต ให้ร่างกายนี้แก่เรา ซึ่งเป็นพื้นฐานของโอกาสทั้งหมดในชีวิต หากขาดบุญคุณนี้ คุณจะไม่มีโอกาสรับรู้หรือสัมผัสความสว่างทางธรรม ให้อภัยในความผิดพลาดของพ่อแม่: เห็นว่าท่านก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่อาจผิดพลาดได้ เลิกผูกพยาบาท เพราะการให้อภัยคือการปลดล็อกใจของตัวเอง --- 2. สนองคุณท่าน (กตเวที) ทำให้พ่อแม่มีความสุข: ทั้งด้วยคำพูด การดูแลเอาใจใส่ และการกระทำที่แสดงถึงความรักและเคารพ นำพาท่านสู่ความดี: สนับสนุนให้พ่อแม่มีศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้อง เช่น พระพุทธเจ้า กรรมวิบาก ช่วยให้พวกท่านรักษาศีล และละเว้นจากการกระทำที่ผิด ทำให้พ่อแม่พ้นจากความมืดบอดทางจิตใจ ไปสู่ปัญญาและความสว่าง --- 3. วิธีปฏิบัติในทางธรรม เริ่มจากสิ่งเล็กๆ: ช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน แผ่เมตตาให้พ่อแม่ มีความปรารถนาดีต่อพวกท่านเสมอ สื่อสารผ่านธรรมะ: วางหนังสือธรรมะ หรือสื่อที่พวกท่านสนใจ เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อแม่เข้าถึงธรรมะ ใช้คำพูดที่อ่อนโยนและสร้างแรงบันดาลใจ --- 4. ผลลัพธ์ของการปฏิบัติ เกิดความเบาสบายในจิตใจ: เมื่อรู้คุณและตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ จะรู้สึกเหมือนปลดบ่วงบางอย่างออกไป ปลูกแนวโน้มแห่งความสว่างในชีวิต: การทำกรรมดีต่อพ่อแม่ คือการสร้างเหตุให้ชีวิตพบเจอสิ่งดีๆ พ้นจากแรงดึงดูดของกรรมเดิม: เมื่อเราทำดีต่อพ่อแม่อย่างจริงใจ กรรมที่เป็นบ่วงรัดกับพวกท่านจะค่อยๆ คลายลง --- สรุป การหลุดพ้นจากแรงกรรมในครอบครัว ไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนแปลงพ่อแม่โดยทันที แต่คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการรู้คุณ และตอบแทนคุณอย่างเต็มที่ การให้อภัยและการพยายามนำพาท่านสู่สิ่งที่ดี คือหนทางที่ช่วยให้เราหลุดพ้นจากบ่วงกรรมได้ทั้งในชาตินี้และภายภาคหน้า.
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • มีรายงานเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการโจมตีเป้าหมายยูเครนในพื้นที่ของภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์(Dnepropetrovsk / Dnipro) ด้วยระเบิดร่อน FAB จากรัสเซีย

    ในทิศทางนี้ ก่อนหน้านี้ การโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB จะถูกใช้อยู่เพียงในดอนบาสเท่านั้น

    สิ่งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า แนวหน้าของการต่อสู้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์มากขึ้นจากทางตะวันออก ในทิศทาง Pokrovsk-Kurakhove

    ชุดระเบิดร่อน FAB มีระยะการบินร่อนประมาณ 50–70 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการดัดแปลงชุด UMPK (Universal Modular Gliding and Correction Kit) ที่ติดตั้งอยู่กับระเบิด
    มีรายงานเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการโจมตีเป้าหมายยูเครนในพื้นที่ของภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์(Dnepropetrovsk / Dnipro) ด้วยระเบิดร่อน FAB จากรัสเซีย ในทิศทางนี้ ก่อนหน้านี้ การโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB จะถูกใช้อยู่เพียงในดอนบาสเท่านั้น สิ่งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า แนวหน้าของการต่อสู้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์มากขึ้นจากทางตะวันออก ในทิศทาง Pokrovsk-Kurakhove ชุดระเบิดร่อน FAB มีระยะการบินร่อนประมาณ 50–70 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการดัดแปลงชุด UMPK (Universal Modular Gliding and Correction Kit) ที่ติดตั้งอยู่กับระเบิด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 318 Views 0 Reviews
  • คนยูเครนไม่ได้เลือกเซเลนสกีมาทำสงคราม

    ผมเห็นคลิปน่าสนใจใน X เข้าไปดูได้ตามบัญชีในภาพ เป็นคลิปเจ้าหน้าที่อุ้ม เอ้ย เกณฑ์ทหารของยูเครน บอกกับคนยูเครนที่มาประท้วงว่า ถ้าไม่เลือก "ตัวตลก" มาเป็นผู้นำ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เป็นการโยนความผิดให้คนยูเครนที่เลือกเซเลนสกีเป็นประธานาธิบดี แล้วเกิดสงครามขึ้น ส่วนเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหารถือว่าเขาแค่ทำตามหน้าที่

    ไม่ว่าทุกคนจะมีมุมมองเกี่ยวกับเซเลนสกีอย่างไร แต่ผมขอให้ความเป็นธรรมกับชาวยูเครนนะครับ ตอนเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนเมื่อปี 2019 นโยบายที่เซเลนสกีใช้หาเสียงคือ "ฟื้นสัมพันธ์กับรัสเซีย ยุติการสู้รบในดอนบาส" ส่วนคู่แข่งของเซเลนสกีคืออดีตประธานาธิบดีโปโรเชงโก ซึ่งเป็นสายตรงของตะวันตกเลย เมื่อตัวเลือกมีแค่นี้ การที่คนยูเครนเลือกเซเลนสกี ก็แสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลานั้น คนยูเครนส่วนใหญ่ไม่ต้องการสงครามกับรัสเซียครับ แม้ว่าหลังจากนั้นเหตุการณ์จะเปลี่ยนไป แต่ถ้าใครจะวิจารณ์คนยูเครนว่าเลือกเซเลนสกีมาเอง เลยเกิดสงคราม ผมไม่เห็นด้วยครับ ตอนนั้นถ้าไม่เลือกเซเลนสกี ก็ได้โปโรเชงโกครับ ทีนี้เมื่อเซเลนสกีมาสารภาพภายหลังว่า เขาไม่คิดจะทำตามข้อตกลง Minsk II แต่แรก ก็คงต้องถือเป็นกรรมของคนยูเครนที่ไม่มีทางเลี่ยงสงครามได้ครับ

    สวัสดี

    การทูตและการทหาร
    Military and Diplomacy

    04.01.2025
    คนยูเครนไม่ได้เลือกเซเลนสกีมาทำสงคราม ผมเห็นคลิปน่าสนใจใน X เข้าไปดูได้ตามบัญชีในภาพ เป็นคลิปเจ้าหน้าที่อุ้ม เอ้ย เกณฑ์ทหารของยูเครน บอกกับคนยูเครนที่มาประท้วงว่า ถ้าไม่เลือก "ตัวตลก" มาเป็นผู้นำ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เป็นการโยนความผิดให้คนยูเครนที่เลือกเซเลนสกีเป็นประธานาธิบดี แล้วเกิดสงครามขึ้น ส่วนเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหารถือว่าเขาแค่ทำตามหน้าที่ ไม่ว่าทุกคนจะมีมุมมองเกี่ยวกับเซเลนสกีอย่างไร แต่ผมขอให้ความเป็นธรรมกับชาวยูเครนนะครับ ตอนเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนเมื่อปี 2019 นโยบายที่เซเลนสกีใช้หาเสียงคือ "ฟื้นสัมพันธ์กับรัสเซีย ยุติการสู้รบในดอนบาส" ส่วนคู่แข่งของเซเลนสกีคืออดีตประธานาธิบดีโปโรเชงโก ซึ่งเป็นสายตรงของตะวันตกเลย เมื่อตัวเลือกมีแค่นี้ การที่คนยูเครนเลือกเซเลนสกี ก็แสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลานั้น คนยูเครนส่วนใหญ่ไม่ต้องการสงครามกับรัสเซียครับ แม้ว่าหลังจากนั้นเหตุการณ์จะเปลี่ยนไป แต่ถ้าใครจะวิจารณ์คนยูเครนว่าเลือกเซเลนสกีมาเอง เลยเกิดสงคราม ผมไม่เห็นด้วยครับ ตอนนั้นถ้าไม่เลือกเซเลนสกี ก็ได้โปโรเชงโกครับ ทีนี้เมื่อเซเลนสกีมาสารภาพภายหลังว่า เขาไม่คิดจะทำตามข้อตกลง Minsk II แต่แรก ก็คงต้องถือเป็นกรรมของคนยูเครนที่ไม่มีทางเลี่ยงสงครามได้ครับ สวัสดี การทูตและการทหาร Military and Diplomacy 04.01.2025
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • บาส 7 แต้มลุงกับหลาน

    #ช้างเรื่องเยอะ #ลุงช้างหญ่าย #เล่นบาสกัน #ออกกําลังกาย
    @uncle Changyai #CapCut #T7anssiraChallenge
    บาส 7 แต้มลุงกับหลาน #ช้างเรื่องเยอะ #ลุงช้างหญ่าย #เล่นบาสกัน #ออกกําลังกาย @uncle Changyai #CapCut #T7anssiraChallenge
    0 Comments 0 Shares 974 Views 9 0 Reviews
  • ชีวิตคือการแลกเปลี่ยน

    ทุกวันคุณกำลังแลกบางสิ่งเพื่อได้อีกสิ่งหนึ่งมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเงิน สุขภาพ เวลา หรือความสัมพันธ์ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่คุณแลกมาและสิ่งที่คุณเสียไป

    ---

    สองทางเลือกในการแลกเปลี่ยน

    1. การแลกเปลี่ยนที่เน้นวัตถุ

    ตัวอย่าง: มีรายได้วันละล้าน แต่ต้องแลกกับเวลาอยู่กับครอบครัว ความเครียด หรือความเสี่ยง

    ผลลัพธ์: สิ่งที่ได้อาจเติมเต็มในด้านทรัพย์สิน แต่ไม่ได้เติมเต็มจิตใจ

    2. การแลกเปลี่ยนที่เน้นความสุขภายใน

    ตัวอย่าง: สละความโกรธ ความคิดที่มุ่งได้เปรียบเสียเปรียบ เพื่อแลกกับความสงบสุขในใจ

    ผลลัพธ์: ได้ความพอใจในชีวิตอย่างแท้จริง แม้สิ่งที่มีอยู่จะไม่มากมาย

    ---

    พอใจกับสิ่งที่มีอยู่

    การมีความสุขไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณมีเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้จัก พอใจ กับสิ่งที่มีหรือไม่

    การฝึกพอใจเริ่มจากสิ่งง่ายๆ เช่น ลมหายใจ

    1. สังเกตลมหายใจเข้าออก

    2. รับรู้ความไม่พอใจที่อาจเกิดขึ้น เช่น จิตอยากให้ลมหายใจยาวกว่านี้ หรือสงบกว่านี้

    3. เมื่อสังเกตไปเรื่อยๆ จิตจะเริ่มเรียนรู้ที่จะ "พอ" กับสิ่งที่เป็นอยู่

    ---

    ผลลัพธ์ของการพอใจ

    1. ความสงบภายใน

    ความสุขไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก เช่น เงินทอง หรือคำชื่นชม

    2. ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    คนที่รู้จักพอใจในตัวเอง จะสามารถสร้างความสุขให้คนรอบข้างได้ง่ายกว่า

    3. การมองโลกอย่างเบาสบาย

    เมื่อจิตเริ่ม "พอ" กับชีวิต ไม่ว่าจะเจออะไร ก็รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่น่าพอใจ

    ---

    ข้อคิดสำคัญ:
    ชีวิตที่น่าพอใจไม่ได้มาจากการได้มากที่สุด แต่มาจากการรู้สึกว่า พอ กับสิ่งที่มีอยู่ การฝึกจิตให้เห็นความพอใจในลมหายใจคือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด เมื่อจิตพอได้ครั้งหนึ่ง การพอใจในชีวิตทั้งมวลก็จะตามมาเอง!
    ชีวิตคือการแลกเปลี่ยน ทุกวันคุณกำลังแลกบางสิ่งเพื่อได้อีกสิ่งหนึ่งมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเงิน สุขภาพ เวลา หรือความสัมพันธ์ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่คุณแลกมาและสิ่งที่คุณเสียไป --- สองทางเลือกในการแลกเปลี่ยน 1. การแลกเปลี่ยนที่เน้นวัตถุ ตัวอย่าง: มีรายได้วันละล้าน แต่ต้องแลกกับเวลาอยู่กับครอบครัว ความเครียด หรือความเสี่ยง ผลลัพธ์: สิ่งที่ได้อาจเติมเต็มในด้านทรัพย์สิน แต่ไม่ได้เติมเต็มจิตใจ 2. การแลกเปลี่ยนที่เน้นความสุขภายใน ตัวอย่าง: สละความโกรธ ความคิดที่มุ่งได้เปรียบเสียเปรียบ เพื่อแลกกับความสงบสุขในใจ ผลลัพธ์: ได้ความพอใจในชีวิตอย่างแท้จริง แม้สิ่งที่มีอยู่จะไม่มากมาย --- พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ การมีความสุขไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณมีเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้จัก พอใจ กับสิ่งที่มีหรือไม่ การฝึกพอใจเริ่มจากสิ่งง่ายๆ เช่น ลมหายใจ 1. สังเกตลมหายใจเข้าออก 2. รับรู้ความไม่พอใจที่อาจเกิดขึ้น เช่น จิตอยากให้ลมหายใจยาวกว่านี้ หรือสงบกว่านี้ 3. เมื่อสังเกตไปเรื่อยๆ จิตจะเริ่มเรียนรู้ที่จะ "พอ" กับสิ่งที่เป็นอยู่ --- ผลลัพธ์ของการพอใจ 1. ความสงบภายใน ความสุขไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก เช่น เงินทอง หรือคำชื่นชม 2. ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น คนที่รู้จักพอใจในตัวเอง จะสามารถสร้างความสุขให้คนรอบข้างได้ง่ายกว่า 3. การมองโลกอย่างเบาสบาย เมื่อจิตเริ่ม "พอ" กับชีวิต ไม่ว่าจะเจออะไร ก็รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่น่าพอใจ --- ข้อคิดสำคัญ: ชีวิตที่น่าพอใจไม่ได้มาจากการได้มากที่สุด แต่มาจากการรู้สึกว่า พอ กับสิ่งที่มีอยู่ การฝึกจิตให้เห็นความพอใจในลมหายใจคือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด เมื่อจิตพอได้ครั้งหนึ่ง การพอใจในชีวิตทั้งมวลก็จะตามมาเอง!
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • อภัยและปล่อยวาง: วิธีสร้างใจเย็นและโปร่งเบา

    เริ่มต้นให้อภัย: ทำไมจึงยาก?
    การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่รู้สึกเจ็บลึกจากการกระทำของผู้อื่น ความรู้สึกเจ็บปวดและผูกใจเจ็บมักทำให้เราเห็นการให้อภัยเป็นการ "ปล่อยให้คนผิดลอยนวล" หรือ "ยอมเสียเปรียบ" แต่ในมุมมองทางพุทธศาสนา การให้อภัยคือการรักษาจิตใจของเราให้หายจาก "โรคทางใจ" ที่ชื่อว่าพยาบาท

    ---

    มองความพยาบาทในฐานะ 'โรคทางใจ'
    พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบความโกรธเกลียดว่าเป็นโรคที่รุมเร้าจิตใจ ทำให้เกิดความหดหู่ เศร้าหมอง และไร้กำลังวังชา การยอมปล่อยวางความพยาบาทจึงเปรียบเสมือนการรักษาใจให้กลับมาสดชื่นและมีพลังอีกครั้ง

    ---

    อุบายฝึกใจให้อภัย

    1. สังเกตใจที่ป่วย:
    เมื่อเราโกรธหรือผูกใจเจ็บ ให้สังเกตว่าใจของเรานั้นฟุ้งซ่าน ร้อนรน และไม่มีความสุข

    2. เปรียบเทียบสุขและทุกข์:
    เมื่อยังยึดติดกับความพยาบาท ความร้อนเหมือนไข้จะครอบงำใจ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นอภัย ความเย็นและความสุขจะเข้ามาแทนที่

    3. เจริญเมตตา:
    ฝึกมองคู่กรณีในฐานะเพื่อนร่วมทุกข์ ปรารถนาให้เขาไม่ต้องเป็นต้นเหตุแห่งความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น

    4. ไม่จำเป็นต้องแกล้งดี:
    หากความสัมพันธ์ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ให้ยุติความสัมพันธ์โดยไม่สร้างความเกลียดชังเพิ่มเติม การให้อภัยไม่ได้หมายถึงการกลับไปคบหากันเสมอไป

    ---

    อภัยไม่ได้แปลว่าไม่รักษาสิทธิ์
    การให้อภัยในมุมพุทธศาสนาไม่ใช่การยอมละทิ้งความยุติธรรม เราสามารถเรียกร้องสิทธิ์หรือปกป้องความถูกต้องได้ โดยไม่ต้องยึดติดหรือเก็บความโกรธไว้ในใจ

    ---

    ผลลัพธ์ของการให้อภัย
    เมื่อจิตใจเย็นลงจากการให้อภัยจริง เราจะรู้สึกโปร่งโล่ง มีพลัง และเปี่ยมด้วยความสุขแบบที่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น ความสุขนี้จะสะท้อนผ่านสายตา น้ำเสียง และท่าที ทำให้ผู้คนที่พบเจอรู้สึกประทับใจในความสงบและความเมตตาของเรา

    ข้อคิดส่งท้าย:
    การให้อภัยไม่ใช่เพียงการปล่อยคนอื่นไป แต่คือการปล่อยตัวเองจากความทุกข์ และสร้างโลกในใจให้เย็นและเบาสบาย!
    อภัยและปล่อยวาง: วิธีสร้างใจเย็นและโปร่งเบา เริ่มต้นให้อภัย: ทำไมจึงยาก? การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่รู้สึกเจ็บลึกจากการกระทำของผู้อื่น ความรู้สึกเจ็บปวดและผูกใจเจ็บมักทำให้เราเห็นการให้อภัยเป็นการ "ปล่อยให้คนผิดลอยนวล" หรือ "ยอมเสียเปรียบ" แต่ในมุมมองทางพุทธศาสนา การให้อภัยคือการรักษาจิตใจของเราให้หายจาก "โรคทางใจ" ที่ชื่อว่าพยาบาท --- มองความพยาบาทในฐานะ 'โรคทางใจ' พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบความโกรธเกลียดว่าเป็นโรคที่รุมเร้าจิตใจ ทำให้เกิดความหดหู่ เศร้าหมอง และไร้กำลังวังชา การยอมปล่อยวางความพยาบาทจึงเปรียบเสมือนการรักษาใจให้กลับมาสดชื่นและมีพลังอีกครั้ง --- อุบายฝึกใจให้อภัย 1. สังเกตใจที่ป่วย: เมื่อเราโกรธหรือผูกใจเจ็บ ให้สังเกตว่าใจของเรานั้นฟุ้งซ่าน ร้อนรน และไม่มีความสุข 2. เปรียบเทียบสุขและทุกข์: เมื่อยังยึดติดกับความพยาบาท ความร้อนเหมือนไข้จะครอบงำใจ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นอภัย ความเย็นและความสุขจะเข้ามาแทนที่ 3. เจริญเมตตา: ฝึกมองคู่กรณีในฐานะเพื่อนร่วมทุกข์ ปรารถนาให้เขาไม่ต้องเป็นต้นเหตุแห่งความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น 4. ไม่จำเป็นต้องแกล้งดี: หากความสัมพันธ์ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ให้ยุติความสัมพันธ์โดยไม่สร้างความเกลียดชังเพิ่มเติม การให้อภัยไม่ได้หมายถึงการกลับไปคบหากันเสมอไป --- อภัยไม่ได้แปลว่าไม่รักษาสิทธิ์ การให้อภัยในมุมพุทธศาสนาไม่ใช่การยอมละทิ้งความยุติธรรม เราสามารถเรียกร้องสิทธิ์หรือปกป้องความถูกต้องได้ โดยไม่ต้องยึดติดหรือเก็บความโกรธไว้ในใจ --- ผลลัพธ์ของการให้อภัย เมื่อจิตใจเย็นลงจากการให้อภัยจริง เราจะรู้สึกโปร่งโล่ง มีพลัง และเปี่ยมด้วยความสุขแบบที่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น ความสุขนี้จะสะท้อนผ่านสายตา น้ำเสียง และท่าที ทำให้ผู้คนที่พบเจอรู้สึกประทับใจในความสงบและความเมตตาของเรา ข้อคิดส่งท้าย: การให้อภัยไม่ใช่เพียงการปล่อยคนอื่นไป แต่คือการปล่อยตัวเองจากความทุกข์ และสร้างโลกในใจให้เย็นและเบาสบาย!
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ

    คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที

    ---

    ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ?

    สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด

    เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า

    แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า

    ---

    ตัวอย่างคำทักทายจากใจ

    "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ"

    "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!"

    "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ"

    "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ"

    ---

    เคล็ดลับในการทักทายจากใจ

    1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น

    2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด

    3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย

    ---

    ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ

    เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา

    สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น

    ---

    เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที --- ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ? สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า --- ตัวอย่างคำทักทายจากใจ "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ" "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!" "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ" "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ" --- เคล็ดลับในการทักทายจากใจ 1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น 2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด 3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย --- ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น --- เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • เมตตาเสมอกัน: หลักปฏิบัติสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกสถานะ

    การมองคนอื่นในด้านดีและสร้างไมตรีจิตโดยไม่แบ่งแยกนั้น ไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ยังส่งผลให้จิตใจเราเองเบาสบาย ไม่ถูกครอบงำด้วยความอคติหรือการแบ่งแยกใดๆ หลักการสำคัญอยู่ที่ "เมตตาเสมอกัน" ซึ่งหมายถึงการปรารถนาดีต่อทุกคนในฐานะเพื่อนร่วมโลก แม้จะมีความแตกต่างในบทบาทหรือสถานะ

    ---

    1. ปฏิบัติตามฐานะ แต่เมตตาเท่าเทียมกัน

    ลูกน้องต่อเจ้านาย: ให้ความเคารพและปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ไม่ยอมลดคุณค่าตัวเอง มองเจ้านายในฐานะผู้ร่วมงานที่ต้องการความสำเร็จเช่นกัน

    เจ้านายต่อลูกน้อง: แสดงความใส่ใจ สนับสนุน และให้คำปรึกษา ด้วยความปรารถนาดี ไม่มองลูกน้องเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เห็นเขาเป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพ

    เพื่อนร่วมงานต่อกัน: ปฏิบัติอย่างเป็นมิตร แบ่งปัน และช่วยเหลือกัน โดยไม่มองกันเป็นคู่แข่งหรือแบ่งชนชั้นในทีม

    ---

    2. มองในด้านดีและสร้างไมตรีจิต

    มองในด้านดี: เห็นจุดเด่นหรือสิ่งที่น่าชื่นชมในตัวผู้อื่น แม้บางครั้งอาจมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ให้เลือกที่จะเน้นในส่วนที่ดี

    ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา: หลีกเลี่ยงความคิดแบ่งแยกตามสถานะ ความคิดเห็น หรือความแตกต่างอื่นๆ

    สร้างไมตรีจิต: ใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี เช่น การกล่าวคำขอบคุณ การยิ้ม หรือการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ

    ---

    3. กระแสจิตใจที่สร้างสุข

    การปรากฏตัวที่ให้ความรู้สึกดี: การปรากฏตัวของเราควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและอบอุ่น เช่น การทักทายด้วยความจริงใจ

    คำพูดที่สร้างสุข: พูดในสิ่งที่เป็นกำลังใจ สร้างพลังบวก และช่วยให้ผู้อื่นมองโลกในแง่ดี

    กระแสจิตใจที่ดี: แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่การมีจิตที่เมตตาและปรารถนาดีจริงๆ จะส่งผลให้คนรอบตัวรู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัย

    ---

    ผลของเมตตาเสมอกัน

    ต่อผู้อื่น: ทำให้ผู้อื่นรู้สึกมีคุณค่า ได้รับการยอมรับ และมีแรงบันดาลใจที่จะปฏิบัติตัวในทางที่ดี

    ต่อตนเอง: เกิดความสงบสุขในใจ เพราะไม่มีความอคติหรือความรู้สึกแบ่งแยกมารบกวน

    ต่อสังคม: สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมบรรยากาศที่เกื้อกูลกัน

    ---

    เมตตาเสมอกัน คือเครื่องมือในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในทุกสถานะ หากทุกคนปฏิบัติด้วยใจเมตตาและไมตรีจิต โลกนี้ก็จะเต็มไปด้วยพลังบวกและความสุขที่ส่งต่อกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
    เมตตาเสมอกัน: หลักปฏิบัติสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกสถานะ การมองคนอื่นในด้านดีและสร้างไมตรีจิตโดยไม่แบ่งแยกนั้น ไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ยังส่งผลให้จิตใจเราเองเบาสบาย ไม่ถูกครอบงำด้วยความอคติหรือการแบ่งแยกใดๆ หลักการสำคัญอยู่ที่ "เมตตาเสมอกัน" ซึ่งหมายถึงการปรารถนาดีต่อทุกคนในฐานะเพื่อนร่วมโลก แม้จะมีความแตกต่างในบทบาทหรือสถานะ --- 1. ปฏิบัติตามฐานะ แต่เมตตาเท่าเทียมกัน ลูกน้องต่อเจ้านาย: ให้ความเคารพและปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ไม่ยอมลดคุณค่าตัวเอง มองเจ้านายในฐานะผู้ร่วมงานที่ต้องการความสำเร็จเช่นกัน เจ้านายต่อลูกน้อง: แสดงความใส่ใจ สนับสนุน และให้คำปรึกษา ด้วยความปรารถนาดี ไม่มองลูกน้องเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เห็นเขาเป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพ เพื่อนร่วมงานต่อกัน: ปฏิบัติอย่างเป็นมิตร แบ่งปัน และช่วยเหลือกัน โดยไม่มองกันเป็นคู่แข่งหรือแบ่งชนชั้นในทีม --- 2. มองในด้านดีและสร้างไมตรีจิต มองในด้านดี: เห็นจุดเด่นหรือสิ่งที่น่าชื่นชมในตัวผู้อื่น แม้บางครั้งอาจมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ให้เลือกที่จะเน้นในส่วนที่ดี ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา: หลีกเลี่ยงความคิดแบ่งแยกตามสถานะ ความคิดเห็น หรือความแตกต่างอื่นๆ สร้างไมตรีจิต: ใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี เช่น การกล่าวคำขอบคุณ การยิ้ม หรือการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ --- 3. กระแสจิตใจที่สร้างสุข การปรากฏตัวที่ให้ความรู้สึกดี: การปรากฏตัวของเราควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและอบอุ่น เช่น การทักทายด้วยความจริงใจ คำพูดที่สร้างสุข: พูดในสิ่งที่เป็นกำลังใจ สร้างพลังบวก และช่วยให้ผู้อื่นมองโลกในแง่ดี กระแสจิตใจที่ดี: แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่การมีจิตที่เมตตาและปรารถนาดีจริงๆ จะส่งผลให้คนรอบตัวรู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัย --- ผลของเมตตาเสมอกัน ต่อผู้อื่น: ทำให้ผู้อื่นรู้สึกมีคุณค่า ได้รับการยอมรับ และมีแรงบันดาลใจที่จะปฏิบัติตัวในทางที่ดี ต่อตนเอง: เกิดความสงบสุขในใจ เพราะไม่มีความอคติหรือความรู้สึกแบ่งแยกมารบกวน ต่อสังคม: สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมบรรยากาศที่เกื้อกูลกัน --- เมตตาเสมอกัน คือเครื่องมือในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในทุกสถานะ หากทุกคนปฏิบัติด้วยใจเมตตาและไมตรีจิต โลกนี้ก็จะเต็มไปด้วยพลังบวกและความสุขที่ส่งต่อกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
    0 Comments 0 Shares 233 Views 0 Reviews
  • วิธีทำสมาธิก่อนนอนแบบง่ายๆ ให้จิตสงบและเปิดกว้าง

    1. จับที่จิตสบาย เปิดกว้างจากลมหายใจยาว

    นอนหงายสบายๆ บนที่นอน

    หายใจเข้าลึกๆ ท้องป่องขึ้นมา

    หายใจออกยาวๆ ท้องยุบลงไป

    ทำแค่ 1-2 ครั้ง จะเริ่มรู้สึกผ่อนคลายทั่วตัว

    สังเกตจิตของตัวเองตอนนี้ จะเริ่มมีความเปิดกว้าง เบาสบาย

    > ไม่ต้องบังคับให้เกิดสมาธิ แค่หายใจอย่างมีสติ แล้วสังเกตจิตที่ผ่อนคลายก็พอ

    ---

    2. เห็นจิตที่ยู่ยี่จากความคิดแปรปรวน

    หากจิตเริ่มวุ่นวาย ฟุ้งซ่าน ให้มีสติรู้ว่า “จิตยู่ยี่”

    สังเกตการเปลี่ยนแปลงของจิต

    ตอนความคิดเบาบาง เว้นวรรคไป

    ตอนจิตกลับมาเปิดกว้างใหม่

    ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะพบว่าจิตเริ่มสงบ เป็นสมาธิเองอย่างเป็นธรรมชาติ

    > จุดสำคัญ คือเห็นความคิดที่แปรปรวน แต่ไม่ไปต่อกับมัน

    ---

    3. น้อมแผ่เมตตา ให้คนอื่นเป็นสุขแบบเรา

    เมื่อจิตผ่อนคลาย เปิดกว้าง ก็ให้เริ่มแผ่เมตตา

    น้อมคิดว่า “เรามีความสุข ก็อยากให้คนอื่นมีความสุขเหมือนกัน”

    “ไม่อยากเบียดเบียน ไม่อยากให้ใครต้องทุกข์”

    การแผ่เมตตาจะทำให้จิตมีความสุขอบอุ่น พร้อมเข้าสู่สมาธิที่สงบเย็น

    ---

    ผลลัพธ์ของการฝึกสมาธิก่อนนอน

    จิตสงบ ผ่อนคลาย หลับสบาย

    มีความสุขจากภายใน ยิ้มได้จากใจ

    เมื่อตื่นขึ้นมาจะรู้สึกสดชื่น และพร้อมรับวันใหม่

    > ทำสมาธิแบบนี้ก่อนนอน จะไม่สร้างความเครียดหรือฝืนใจ และยังเป็นการฝึกจิตให้พร้อมแผ่เมตตาอย่างเป็นธรรมชาติ!
    วิธีทำสมาธิก่อนนอนแบบง่ายๆ ให้จิตสงบและเปิดกว้าง 1. จับที่จิตสบาย เปิดกว้างจากลมหายใจยาว นอนหงายสบายๆ บนที่นอน หายใจเข้าลึกๆ ท้องป่องขึ้นมา หายใจออกยาวๆ ท้องยุบลงไป ทำแค่ 1-2 ครั้ง จะเริ่มรู้สึกผ่อนคลายทั่วตัว สังเกตจิตของตัวเองตอนนี้ จะเริ่มมีความเปิดกว้าง เบาสบาย > ไม่ต้องบังคับให้เกิดสมาธิ แค่หายใจอย่างมีสติ แล้วสังเกตจิตที่ผ่อนคลายก็พอ --- 2. เห็นจิตที่ยู่ยี่จากความคิดแปรปรวน หากจิตเริ่มวุ่นวาย ฟุ้งซ่าน ให้มีสติรู้ว่า “จิตยู่ยี่” สังเกตการเปลี่ยนแปลงของจิต ตอนความคิดเบาบาง เว้นวรรคไป ตอนจิตกลับมาเปิดกว้างใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะพบว่าจิตเริ่มสงบ เป็นสมาธิเองอย่างเป็นธรรมชาติ > จุดสำคัญ คือเห็นความคิดที่แปรปรวน แต่ไม่ไปต่อกับมัน --- 3. น้อมแผ่เมตตา ให้คนอื่นเป็นสุขแบบเรา เมื่อจิตผ่อนคลาย เปิดกว้าง ก็ให้เริ่มแผ่เมตตา น้อมคิดว่า “เรามีความสุข ก็อยากให้คนอื่นมีความสุขเหมือนกัน” “ไม่อยากเบียดเบียน ไม่อยากให้ใครต้องทุกข์” การแผ่เมตตาจะทำให้จิตมีความสุขอบอุ่น พร้อมเข้าสู่สมาธิที่สงบเย็น --- ผลลัพธ์ของการฝึกสมาธิก่อนนอน จิตสงบ ผ่อนคลาย หลับสบาย มีความสุขจากภายใน ยิ้มได้จากใจ เมื่อตื่นขึ้นมาจะรู้สึกสดชื่น และพร้อมรับวันใหม่ > ทำสมาธิแบบนี้ก่อนนอน จะไม่สร้างความเครียดหรือฝืนใจ และยังเป็นการฝึกจิตให้พร้อมแผ่เมตตาอย่างเป็นธรรมชาติ!
    Love
    1
    0 Comments 1 Shares 235 Views 0 Reviews
  • แสดงเต้นบาสโลปให้กับผู้สูงอายุบ้านหาดสำราญรับชม
    แสดงเต้นบาสโลปให้กับผู้สูงอายุบ้านหาดสำราญรับชม
    0 Comments 0 Shares 212 Views 9 0 Reviews
  • กองกำลังรัสเซียทำลายเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน "แพทริออต" 4 หน่วย ที่บรรดาตะวันตกจัดหาให้แก่ยูเครน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางปฏิบัติการรุกคืบที่ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
    .
    ถ้อยแถลงของกองทัพรัสเซียระบุว่า เครื่องบินกองทัพอากาศ 4 ลำ รวมถึงโดรนและกองปืนใหญ่ ได้ทำลายยานยนต์ควบคุมการรบ, สถานีเรดาร์ AN/MPQ-65 จำนวน 1 สถานี และแท่นยิงระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแพทริออต 4 ชุด ที่ผลิตในอเมริกา
    .
    นอกเหนือจากนี้แล้ว ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทหารรัสเซียยังปลดปล่อยหมู่บ้าน 2 แห่ง ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตส์ก หนึ่งในนั้นได้แก่หมู่บ้านเวเซลี ไก ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองคูรัคโฮโว ไปทางใต้ราว 10 กิโลเมตร และหมู่บ้านปุชคิโน ที่อยู่ห่างจากเมืองโปครอฟส์ก ไปทางใต้ราวๆ 15 กิโลเมตร
    .
    ที่ผ่านมา กองกำลังยูเครนคุ้มกันอย่างหนาแน่นป้องกันเมืองโครัคโฮโว หนึ่งในพื้นที่ชุมชนใหญ่ๆไม่กี่แห่งที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของเคียฟ ในภูมิภาคดอนบาส โดยถิ่นพักอาศัยใหญ่ที่สุดที่อยู่ภายใต้การยูเครนคือเมืองโปครอฟส์ก ตั้งอยู่ห่างจากเมืองคูรัคโฮโว ไปทางเหนือราว 30 กิโลเมตร
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้คำจำกัดความพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง ว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดสำหรับกองกำลังเคียฟ
    .
    ในช่วง 2 เดือนหลังสุด กองทัพรัสเซียสามารถรุกคืบในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ความเป็นปรปักษ์เริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยึดครองดินแดนได้ราวๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร
    .
    ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางสัปดาห์ เซเลนสกี แสดงความผิดหวังกับบรรดาผู้บริจาคอาวุธตะวันตก ต่อกรณีที่ไม่ยอมทำตามเสียงเรียกร้องของเขาที่ขอระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม เนื่องจากยูเครนกำลังเผชิญความท้าทายต่างๆนานาในสมรภูมิรบ และกำลังดิ้นรนปกป้องตำแหน่งสำคัญๆจากการโจมตีพิสัยไกล
    .
    ย้อนกลับไปในเดือนเมษายน เซเลนสกีบอกว่ายูเครนต้องการระบบแพทริออต 25 หน่วย เพื่อต้านทานการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเเผยว่ากำลังมีความพยายามในการให้ได้มาซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมอีกอย่างน้อยๆ "20 หน่วย" และเน้นว่าระบบแพทริออต คือตัวเลือกลำดับต้นๆที่ร้องขอไป
    .
    พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียเน้นย้ำว่าไม่มีความช่วยเหลือทางทหารของตะวันตกใดๆที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของความขัดแย้ง และความพยายามดังกล่าวรังแต่จะทำให้สงครามยืดเยื้อ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120426
    ..............
    Sondhi X
    กองกำลังรัสเซียทำลายเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน "แพทริออต" 4 หน่วย ที่บรรดาตะวันตกจัดหาให้แก่ยูเครน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางปฏิบัติการรุกคืบที่ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย . ถ้อยแถลงของกองทัพรัสเซียระบุว่า เครื่องบินกองทัพอากาศ 4 ลำ รวมถึงโดรนและกองปืนใหญ่ ได้ทำลายยานยนต์ควบคุมการรบ, สถานีเรดาร์ AN/MPQ-65 จำนวน 1 สถานี และแท่นยิงระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแพทริออต 4 ชุด ที่ผลิตในอเมริกา . นอกเหนือจากนี้แล้ว ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทหารรัสเซียยังปลดปล่อยหมู่บ้าน 2 แห่ง ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตส์ก หนึ่งในนั้นได้แก่หมู่บ้านเวเซลี ไก ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองคูรัคโฮโว ไปทางใต้ราว 10 กิโลเมตร และหมู่บ้านปุชคิโน ที่อยู่ห่างจากเมืองโปครอฟส์ก ไปทางใต้ราวๆ 15 กิโลเมตร . ที่ผ่านมา กองกำลังยูเครนคุ้มกันอย่างหนาแน่นป้องกันเมืองโครัคโฮโว หนึ่งในพื้นที่ชุมชนใหญ่ๆไม่กี่แห่งที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของเคียฟ ในภูมิภาคดอนบาส โดยถิ่นพักอาศัยใหญ่ที่สุดที่อยู่ภายใต้การยูเครนคือเมืองโปครอฟส์ก ตั้งอยู่ห่างจากเมืองคูรัคโฮโว ไปทางเหนือราว 30 กิโลเมตร . เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้คำจำกัดความพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง ว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดสำหรับกองกำลังเคียฟ . ในช่วง 2 เดือนหลังสุด กองทัพรัสเซียสามารถรุกคืบในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ความเป็นปรปักษ์เริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยึดครองดินแดนได้ราวๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร . ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางสัปดาห์ เซเลนสกี แสดงความผิดหวังกับบรรดาผู้บริจาคอาวุธตะวันตก ต่อกรณีที่ไม่ยอมทำตามเสียงเรียกร้องของเขาที่ขอระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม เนื่องจากยูเครนกำลังเผชิญความท้าทายต่างๆนานาในสมรภูมิรบ และกำลังดิ้นรนปกป้องตำแหน่งสำคัญๆจากการโจมตีพิสัยไกล . ย้อนกลับไปในเดือนเมษายน เซเลนสกีบอกว่ายูเครนต้องการระบบแพทริออต 25 หน่วย เพื่อต้านทานการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเเผยว่ากำลังมีความพยายามในการให้ได้มาซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมอีกอย่างน้อยๆ "20 หน่วย" และเน้นว่าระบบแพทริออต คือตัวเลือกลำดับต้นๆที่ร้องขอไป . พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียเน้นย้ำว่าไม่มีความช่วยเหลือทางทหารของตะวันตกใดๆที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของความขัดแย้ง และความพยายามดังกล่าวรังแต่จะทำให้สงครามยืดเยื้อ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120426 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 Comments 0 Shares 655 Views 0 Reviews
  • สถานการณ์ในซีเนียมี "ผู้เล่น" ที่อาจะเป็นตัวเชื่อมโยงสถานการณ์ในตะวันออกกลางกับจีน คือ กลุ่ม Turkistan Islamic Party in Syria (TIP) นักรบกลุ่มนี้นำโดยชาวอุยกูร์และมีแนวร่วมชนชาติอื่นๆ ด้วย อาจมีสมาชิกมากที่สุดถึง 4,000 คน โดยเป็นสายหนึ่งของอัลกออิดะฮ์แต่เดิมกลุ่มนี้มีฐานอยู่ในปากีสถานและอัฟกานิสถาน แต่ในเวลาต่อมาจีนร่วมมือกับปากีสถาน (ซึ่งติดกับซินเจียง) บีบให้ TIP ออกไปจากพื้นที่ กลุ่มนี้จึงมารบในซีเรียมาตั้งแต่ปี 2015 และล่าสุดช่วยกลุ่ม HTS ต่อต้านรัฐบาลอัสซาดจนชนะในที่สุด พอชนะแล้วก็ทำคลิปประกาศว่าเป้าหมายต่อไปคือ "จีน" TIP ออกคลิปเรียกร้องให้ชาวอุยกูร์ที่อยู่นอกจีนให้กลับไปยังบ้านเกิดของตนและร่วมทำสงครามญิฮาดต่อต้านจีน โดยบอกว่า “พ่อแม่ของคุณที่อยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงอันโหดร้ายของจีนกำลังรอคุณอยู่” (อ้างอิง 1)คำว่า Turkistan (เตอร์กิสถาน) หมายถึงหมายซินเจียงใช้ควบคู่กับคำว่า East Turkestan (เตอร์กิสถานตะวันออก) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวอุยกูร์ชาตินิยมใช้เรียกดินแดนของตนเอง ไม่ใช่คำว่า Xinjiang โดยคำว่า East Turkestan หมายถึงแผ่นดินเติร์กตะวันออก หรือจะหมายถึงตุรกีตะวันออกก็ได้ เพราะชาวอุยกกูร์นั้นเป็นญาติกับชาวเติร์ก/ตุรกีแม้จะอยู่กันคนละซีกโลกเลยก็ตาม แต่นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ตุรกีชาตินิยมสนับสนุนกลุ่มแบกแยกดินแดนเตอร์กิสถานตะวันออกและรับเอาคนอุยกูร์มาอยู่เป็นจำนวนมากในตุรกีทั้งนี้ กลุ่มเตอร์กิสถานตะวันออกมีขบวนการทางการเมืองชื่อ East Turkestan Islamic Movement (ETIM) และ TIP เป็นสายติดอาวุธของกลุ่มนี้ตุรกีเองก็ให้การสนับสนุนกลุ่ม TIP เช่นเดียวกับสนับสนุนอาวุธให้ HTS และกลุ่มติดอาวุธใดก็ตามที่เป็นศัตรูกับอัสซาดตุรกีนั้นสนับสนุนการต่อสู้ของอุยกูร์อย่างออกนอกหน้ามาตลอด แต่บางครั้งเพื่อคบหากับจีนเพื่อถ่วงดุลกับตะวันตกก็จะทำเฉยๆ บ้าง แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่เคยเลิกสนับสนุนอุยกูร์ชาตินิยม (อัยที่่จริงคือชาตินิยมเติร์ก-นีโอ ออตโตมัน)เช่น เรเจป ทายิป เออร์โดกัน ปรระธานาธิบดีตุรกีเคยกล่าวไว้ตอนเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูลว่า “เตอร์กิสถานตะวันออกไม่เพียงแต่เป็นบ้านของชาวเติร์กเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมเติร์กอีกด้วย หากลืมเรื่องนี้ไป เราจะไม่รู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมของเราเอง เหล่าผู้พลีชีพของเตอร์กิสถานตะวันออกก็คือผู้พลีชีพของเราเอง […] ในปัจจุบัน วัฒนธรรมของชาวเตอร์กิสถานตะวันออกกำลังถูกทำให้เป็นจีนอย่างเป็นระบบ” (อ้างอิง 2)เออร์โดกันนั้นบางทีก็หนุนอุยกูร์เวลาทะเลาะกับจีน แต่จะเงียบปากไปบ้างเวลาพยายามจะใช้จีนถ่วงดุลตะวันตกท่าทีแบบไม่อยู่ฝ่ายไหนจริงจังของตุรกีแสดงออกชัดเจนขึ้นในการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดและการสนับสนุนอุยกูร์ และย้ำวา่ตุรกีมีวาระของตัวเองที่พร้อมๆ จะ "ดุล" กับตะวันตกก็ได้หรือจีนกับรัสเซียก็ได้ ถ้าผลประโยชน์ลงตัวเออร์โดกันมักจะแสดงท่าทีแบบ "ชาตินิยมเติร์ก" ซึ่งปรารถนาจะรวมชาติเติร์กเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด ตั้งแต่ตุรกีไปจนถึงเอเชียกลางและซินเจียง หรืออย่างน้อยก็เอาแค่ "จักรวรรดิออตโตมัน" เดิมก็พอ นั่นคือควบคุมตะวันออกกลางทั้งหมดดังนั้น นักวิเคราะห์ชาวจีนเชื่อว่าประธานาธิบดีตุรกีกำลังใช้ "นักรบญิฮาด" ชาวอุยกูร์เพื่อทำสงครามตัวแทนกับจีนเพื่อให้บรรลุความทะเยอทะยานของเขาในการสร้าง "โลกตุรกีตั้งแต่ทะเลเอเดรียติกไปจนถึงกำแพงเมืองจีน" (อ้างอิง 2)หลังจากที่ตุรกีหนุนกลุ่มต่างๆ กำจัดอัสซาดไปได้ ก็กลับมาชักธง (ในสถานทูตในดามัสกัส) อีกครั้งในรอบ 12 ปี นี่มีนัยสำคัญแน่นอน และพร้อมกันนั้น กลุ่ม TIP ที่ตัวเองเลี้ยงไว้ก็เริ่ม "กวนจีน"การที่ TIP ท้าทายจีนแบบนี้ และมีตุรกีให้ท้ายแบบนี้ เราอาจจะเห็นจีนแสดงท่าทีอะไรบางอย่างต่อตุรกี หรือไม่จีนอาจะไม่ขยับทำอะไรก็ได้ เพราะ TIP อาจเป็นหมากที่ลวงให้จีนเข้ามายุ่งกับความวุ่นวายในตะวันออกกลางจนถึงเวลานี้ ในบรรดาผู้เล่นระดับมหาอำนาจ มีแต่จีนที่สงวนท่าทีที่สุด แต่ตะวันตกดูเหมือนจะกระเหี้ยนกระหือรือที่จะดึงจีนมาร่วมวง "สงครามโลก" อย่างยิ่งพูดถึงการเดินเกมของตะวันตก มีความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาให้ดีของสหรัฐฯ เช่น มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอดชื่อกลุ่ม HTS ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ หลังจากที่ HTS ล้มรัฐบาลอัสซาดลงได้ (อ้างอิง 1)นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ รบกับ "กลุ่มญิฮาด" แล้วก็ญาติดีกับ "กลุ่มญิฮาด" หลังจากผลประโยชน์ตรงกัน เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 สหรัฐอเมริกาได้ถอด ETIM ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้าย (โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา 2020) นับเป็นการตัดสินใจที่น่าประหลาดใจมาก นอกจากนี้ ควรสังเกตว่า TIP ไม่เคยอยู่ในรายชื่อดังกล่าวอีกด้วย (อ้างอิง 2)อับบาส ชาริฟา (Abbas Sharifa) นักวิจัยกลุ่มซีเรีย กล่าวกับ Al-Monitor โดยตั้งสมมติฐานไว้ 3 ข้อ ข้อแรกคือต้องการใช้ ETIM เพื่อกดดันจีน แต่ในจำนวนนี้ข้อที่ 2 ดูเหมือนจะคล้องจองกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด คือ "แนวทางนี้ (การยกเลิกสถานะก่อการร้ายของพวกอุยกูร์ในซีเรีย) จะช่วยยุติการเคลื่อนไหวกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ และเปิดทางให้สหรัฐฯ และตุรกี ประสานงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ หลังการล้มรัฐบาลอัสซาดลงแล้ว ดูเหมือนว่าที่กำลังแบ่งเค้กในซีเรียก็มีแต่สหรัฐฯ กับตุรกีนี่เองอ้างอิง1. Bill Roggio. "Turkistan Islamic Party uses video from Syria to encourage jihad in China". Long War Journal. December 14, 2024 2. Przemysław Mazur. "Uyghurs of Syria: Significance for the Syrian Conflict and International Implications". Athenaeum Polskie Studia Politologiczne. 79/2023. :Kornkit Disthan
    สถานการณ์ในซีเนียมี "ผู้เล่น" ที่อาจะเป็นตัวเชื่อมโยงสถานการณ์ในตะวันออกกลางกับจีน คือ กลุ่ม Turkistan Islamic Party in Syria (TIP) นักรบกลุ่มนี้นำโดยชาวอุยกูร์และมีแนวร่วมชนชาติอื่นๆ ด้วย อาจมีสมาชิกมากที่สุดถึง 4,000 คน โดยเป็นสายหนึ่งของอัลกออิดะฮ์แต่เดิมกลุ่มนี้มีฐานอยู่ในปากีสถานและอัฟกานิสถาน แต่ในเวลาต่อมาจีนร่วมมือกับปากีสถาน (ซึ่งติดกับซินเจียง) บีบให้ TIP ออกไปจากพื้นที่ กลุ่มนี้จึงมารบในซีเรียมาตั้งแต่ปี 2015 และล่าสุดช่วยกลุ่ม HTS ต่อต้านรัฐบาลอัสซาดจนชนะในที่สุด พอชนะแล้วก็ทำคลิปประกาศว่าเป้าหมายต่อไปคือ "จีน" TIP ออกคลิปเรียกร้องให้ชาวอุยกูร์ที่อยู่นอกจีนให้กลับไปยังบ้านเกิดของตนและร่วมทำสงครามญิฮาดต่อต้านจีน โดยบอกว่า “พ่อแม่ของคุณที่อยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงอันโหดร้ายของจีนกำลังรอคุณอยู่” (อ้างอิง 1)คำว่า Turkistan (เตอร์กิสถาน) หมายถึงหมายซินเจียงใช้ควบคู่กับคำว่า East Turkestan (เตอร์กิสถานตะวันออก) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวอุยกูร์ชาตินิยมใช้เรียกดินแดนของตนเอง ไม่ใช่คำว่า Xinjiang โดยคำว่า East Turkestan หมายถึงแผ่นดินเติร์กตะวันออก หรือจะหมายถึงตุรกีตะวันออกก็ได้ เพราะชาวอุยกกูร์นั้นเป็นญาติกับชาวเติร์ก/ตุรกีแม้จะอยู่กันคนละซีกโลกเลยก็ตาม แต่นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ตุรกีชาตินิยมสนับสนุนกลุ่มแบกแยกดินแดนเตอร์กิสถานตะวันออกและรับเอาคนอุยกูร์มาอยู่เป็นจำนวนมากในตุรกีทั้งนี้ กลุ่มเตอร์กิสถานตะวันออกมีขบวนการทางการเมืองชื่อ East Turkestan Islamic Movement (ETIM) และ TIP เป็นสายติดอาวุธของกลุ่มนี้ตุรกีเองก็ให้การสนับสนุนกลุ่ม TIP เช่นเดียวกับสนับสนุนอาวุธให้ HTS และกลุ่มติดอาวุธใดก็ตามที่เป็นศัตรูกับอัสซาดตุรกีนั้นสนับสนุนการต่อสู้ของอุยกูร์อย่างออกนอกหน้ามาตลอด แต่บางครั้งเพื่อคบหากับจีนเพื่อถ่วงดุลกับตะวันตกก็จะทำเฉยๆ บ้าง แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่เคยเลิกสนับสนุนอุยกูร์ชาตินิยม (อัยที่่จริงคือชาตินิยมเติร์ก-นีโอ ออตโตมัน)เช่น เรเจป ทายิป เออร์โดกัน ปรระธานาธิบดีตุรกีเคยกล่าวไว้ตอนเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูลว่า “เตอร์กิสถานตะวันออกไม่เพียงแต่เป็นบ้านของชาวเติร์กเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมเติร์กอีกด้วย หากลืมเรื่องนี้ไป เราจะไม่รู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมของเราเอง เหล่าผู้พลีชีพของเตอร์กิสถานตะวันออกก็คือผู้พลีชีพของเราเอง […] ในปัจจุบัน วัฒนธรรมของชาวเตอร์กิสถานตะวันออกกำลังถูกทำให้เป็นจีนอย่างเป็นระบบ” (อ้างอิง 2)เออร์โดกันนั้นบางทีก็หนุนอุยกูร์เวลาทะเลาะกับจีน แต่จะเงียบปากไปบ้างเวลาพยายามจะใช้จีนถ่วงดุลตะวันตกท่าทีแบบไม่อยู่ฝ่ายไหนจริงจังของตุรกีแสดงออกชัดเจนขึ้นในการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดและการสนับสนุนอุยกูร์ และย้ำวา่ตุรกีมีวาระของตัวเองที่พร้อมๆ จะ "ดุล" กับตะวันตกก็ได้หรือจีนกับรัสเซียก็ได้ ถ้าผลประโยชน์ลงตัวเออร์โดกันมักจะแสดงท่าทีแบบ "ชาตินิยมเติร์ก" ซึ่งปรารถนาจะรวมชาติเติร์กเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด ตั้งแต่ตุรกีไปจนถึงเอเชียกลางและซินเจียง หรืออย่างน้อยก็เอาแค่ "จักรวรรดิออตโตมัน" เดิมก็พอ นั่นคือควบคุมตะวันออกกลางทั้งหมดดังนั้น นักวิเคราะห์ชาวจีนเชื่อว่าประธานาธิบดีตุรกีกำลังใช้ "นักรบญิฮาด" ชาวอุยกูร์เพื่อทำสงครามตัวแทนกับจีนเพื่อให้บรรลุความทะเยอทะยานของเขาในการสร้าง "โลกตุรกีตั้งแต่ทะเลเอเดรียติกไปจนถึงกำแพงเมืองจีน" (อ้างอิง 2)หลังจากที่ตุรกีหนุนกลุ่มต่างๆ กำจัดอัสซาดไปได้ ก็กลับมาชักธง (ในสถานทูตในดามัสกัส) อีกครั้งในรอบ 12 ปี นี่มีนัยสำคัญแน่นอน และพร้อมกันนั้น กลุ่ม TIP ที่ตัวเองเลี้ยงไว้ก็เริ่ม "กวนจีน"การที่ TIP ท้าทายจีนแบบนี้ และมีตุรกีให้ท้ายแบบนี้ เราอาจจะเห็นจีนแสดงท่าทีอะไรบางอย่างต่อตุรกี หรือไม่จีนอาจะไม่ขยับทำอะไรก็ได้ เพราะ TIP อาจเป็นหมากที่ลวงให้จีนเข้ามายุ่งกับความวุ่นวายในตะวันออกกลางจนถึงเวลานี้ ในบรรดาผู้เล่นระดับมหาอำนาจ มีแต่จีนที่สงวนท่าทีที่สุด แต่ตะวันตกดูเหมือนจะกระเหี้ยนกระหือรือที่จะดึงจีนมาร่วมวง "สงครามโลก" อย่างยิ่งพูดถึงการเดินเกมของตะวันตก มีความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาให้ดีของสหรัฐฯ เช่น มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอดชื่อกลุ่ม HTS ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ หลังจากที่ HTS ล้มรัฐบาลอัสซาดลงได้ (อ้างอิง 1)นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ รบกับ "กลุ่มญิฮาด" แล้วก็ญาติดีกับ "กลุ่มญิฮาด" หลังจากผลประโยชน์ตรงกัน เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 สหรัฐอเมริกาได้ถอด ETIM ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้าย (โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา 2020) นับเป็นการตัดสินใจที่น่าประหลาดใจมาก นอกจากนี้ ควรสังเกตว่า TIP ไม่เคยอยู่ในรายชื่อดังกล่าวอีกด้วย (อ้างอิง 2)อับบาส ชาริฟา (Abbas Sharifa) นักวิจัยกลุ่มซีเรีย กล่าวกับ Al-Monitor โดยตั้งสมมติฐานไว้ 3 ข้อ ข้อแรกคือต้องการใช้ ETIM เพื่อกดดันจีน แต่ในจำนวนนี้ข้อที่ 2 ดูเหมือนจะคล้องจองกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด คือ "แนวทางนี้ (การยกเลิกสถานะก่อการร้ายของพวกอุยกูร์ในซีเรีย) จะช่วยยุติการเคลื่อนไหวกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ และเปิดทางให้สหรัฐฯ และตุรกี ประสานงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ หลังการล้มรัฐบาลอัสซาดลงแล้ว ดูเหมือนว่าที่กำลังแบ่งเค้กในซีเรียก็มีแต่สหรัฐฯ กับตุรกีนี่เองอ้างอิง1. Bill Roggio. "Turkistan Islamic Party uses video from Syria to encourage jihad in China". Long War Journal. December 14, 2024 2. Przemysław Mazur. "Uyghurs of Syria: Significance for the Syrian Conflict and International Implications". Athenaeum Polskie Studia Politologiczne. 79/2023. :Kornkit Disthan
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • พระอุโบสถ และยังมีอีกมีหลายความหมาย คือ หมายถึงสถานที่ที่พระสงฆ์ประชุมทำสังฆกรรมตามพระวินัย เรียกตามคำวัดว่า อุโบสถาคาร บ้าง อุโบสถัคคะ บ้าง แต่เรียกโดยทั่วไปว่า โบสถ์การเข้าจำ คือการรักษาศีล ๘ ของอุบาสก อุบาสิกา ในวันขึ้นและแรม ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เรียกว่า รักษาอุโบสถ และรักษาอุโบสถศีลวันพระหรือวันฟังธรรมของคฤหัสถ์ วันขึ้นและแรม ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ซึ่งเป็นวันที่คฤหัสถ์รักษาอุโบสถกัน เรียกว่า วันอุโบสถวันที่พระสงค์ลงฟังพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือน เรียกว่าวันอุโบสถการสวดพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือนหรือทุกวันอุโบสถของพระสงฆ์ เรียกว่า การทำอุโบสถโบสถ์ เป็นคำเรียกสถานที่สำหรับพระสงฆ์ใช้ประชุมกันทำสังฆกรรมตามพระวินัย เช่นสวดพระปาติโมกข์ ให้อุปสมบท มีสีมาเป็นเครื่องบอกเขต คำว่า โบสถ์ เป็นคำที่ใช้เฉพาะในพระพุทธศาสนาโบสถ์ เรียกเต็มคำว่า อุโบสถ หรือ โรงอุโบสถ ถ้าเป็นของพระอารามหลวงเรียกว่า พระอุโบสถ บางถิ่นเรียกว่า สีมา หรือ สิมโบสถ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า เป็นเขตแดนที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานให้แก่สงฆ์เป็นพิเศษ เรียกว่า วิสุงคามสีมาก่อนที่จะมาเป็นโบสถ์ที่ถูกต้องตามพระวินัยจะต้องมีสังฆกรรมที่เรียกว่า ผูกสีมา หรือ ผูกพัทธสีมาก่อน
    พระอุโบสถ และยังมีอีกมีหลายความหมาย คือ หมายถึงสถานที่ที่พระสงฆ์ประชุมทำสังฆกรรมตามพระวินัย เรียกตามคำวัดว่า อุโบสถาคาร บ้าง อุโบสถัคคะ บ้าง แต่เรียกโดยทั่วไปว่า โบสถ์การเข้าจำ คือการรักษาศีล ๘ ของอุบาสก อุบาสิกา ในวันขึ้นและแรม ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เรียกว่า รักษาอุโบสถ และรักษาอุโบสถศีลวันพระหรือวันฟังธรรมของคฤหัสถ์ วันขึ้นและแรม ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ซึ่งเป็นวันที่คฤหัสถ์รักษาอุโบสถกัน เรียกว่า วันอุโบสถวันที่พระสงค์ลงฟังพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือน เรียกว่าวันอุโบสถการสวดพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือนหรือทุกวันอุโบสถของพระสงฆ์ เรียกว่า การทำอุโบสถโบสถ์ เป็นคำเรียกสถานที่สำหรับพระสงฆ์ใช้ประชุมกันทำสังฆกรรมตามพระวินัย เช่นสวดพระปาติโมกข์ ให้อุปสมบท มีสีมาเป็นเครื่องบอกเขต คำว่า โบสถ์ เป็นคำที่ใช้เฉพาะในพระพุทธศาสนาโบสถ์ เรียกเต็มคำว่า อุโบสถ หรือ โรงอุโบสถ ถ้าเป็นของพระอารามหลวงเรียกว่า พระอุโบสถ บางถิ่นเรียกว่า สีมา หรือ สิมโบสถ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า เป็นเขตแดนที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานให้แก่สงฆ์เป็นพิเศษ เรียกว่า วิสุงคามสีมาก่อนที่จะมาเป็นโบสถ์ที่ถูกต้องตามพระวินัยจะต้องมีสังฆกรรมที่เรียกว่า ผูกสีมา หรือ ผูกพัทธสีมาก่อน
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • อับบาส อาราห์ชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า ชะตากรรมของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรียไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะครั้งหนึ่งในปี 2554 หลายฝ่ายก็เคยคาดว่าการล่มสลายจะเกิดขึ้นกับเขา แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น

    อาราห์ชีกล่าวระหว่างการเยือนดามัสกัส ซึ่งเขาได้พบกับประธานาธิบดีอัสซาด และยืนยันอีกครั้งถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของอิหร่านต่อซีเรียในการเผชิญกับความท้าทายในปัจจุบัน—อัลอาราบียา

    อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของอาราห์ชีมีขึ้น ก่อนที่ทางอิสราเอลจะประกาศว่า พร้อมโจมตีซีเรียให้ย่อยยับ หากอิหร่านส่งความช่วยเหลือให้ซีเรีย ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ หรือกองกำลังก็ตาม
    อับบาส อาราห์ชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า ชะตากรรมของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรียไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะครั้งหนึ่งในปี 2554 หลายฝ่ายก็เคยคาดว่าการล่มสลายจะเกิดขึ้นกับเขา แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น อาราห์ชีกล่าวระหว่างการเยือนดามัสกัส ซึ่งเขาได้พบกับประธานาธิบดีอัสซาด และยืนยันอีกครั้งถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของอิหร่านต่อซีเรียในการเผชิญกับความท้าทายในปัจจุบัน—อัลอาราบียา อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของอาราห์ชีมีขึ้น ก่อนที่ทางอิสราเอลจะประกาศว่า พร้อมโจมตีซีเรียให้ย่อยยับ หากอิหร่านส่งความช่วยเหลือให้ซีเรีย ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ หรือกองกำลังก็ตาม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน:

    “หากรัฐบาลซีเรียร้องขอ อิหร่านจะส่งทหารไปซีเรียทันที”
    อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน: “หากรัฐบาลซีเรียร้องขอ อิหร่านจะส่งทหารไปซีเรียทันที”
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • อับบาส อาราฆชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เดินทางถึงกรุงอังการาในช่วงเช้าของวันจันทร์ หลังจากเยือนซีเรียเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อพบกับฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี

    ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อ อาราฆชีกล่าวว่า "เป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างมาก หากใครที่คิดว่ากลุ่มกบฏหัวรุนแรงจะสามารถกลับมาสร้างฐานอำนาจในซีเรียได้อีกครั้ง โดยคิดว่าซีเรียจะอ่อนแอลงหลังจากสถานการณ์ที่อิสราเอลรุกรานเลบานอนและปาเลสไตน์ รัฐบาลซีเรียมีความสามารถในการจัดการกับกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน"

    อาราฆชีกล่าวว่าอิหร่านกับตุรกีพยายามหารือและทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆร่วมกัน โดยหวังว่าจะส่งเสริมให้เกิดเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ต่อไป
    อับบาส อาราฆชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เดินทางถึงกรุงอังการาในช่วงเช้าของวันจันทร์ หลังจากเยือนซีเรียเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อพบกับฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อ อาราฆชีกล่าวว่า "เป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างมาก หากใครที่คิดว่ากลุ่มกบฏหัวรุนแรงจะสามารถกลับมาสร้างฐานอำนาจในซีเรียได้อีกครั้ง โดยคิดว่าซีเรียจะอ่อนแอลงหลังจากสถานการณ์ที่อิสราเอลรุกรานเลบานอนและปาเลสไตน์ รัฐบาลซีเรียมีความสามารถในการจัดการกับกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน" อาราฆชีกล่าวว่าอิหร่านกับตุรกีพยายามหารือและทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆร่วมกัน โดยหวังว่าจะส่งเสริมให้เกิดเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ต่อไป
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • อะเลปโป เมืองใหญ่อันดับ 2 ของซีเรีย หลุดจากการควบคุมของฝ่ายรัฐบาลเป็นครั้งแรก ภายหลังจากพวกกบฏอิสลามมิสต์เปิดการรุกใหญ่แบบเซอร์ไพรส์ กลุ่มติดตามสถานการณ์สู้รบกล่าวอ้างในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ขณะที่กองทัพซีเรียยอมรับว่าทหารของฝ่ายตนถูกสังหารไปหลายสิบคน ส่วนรัสเซียแถลงส่งกำลังทางอากาศโจมตีใส่พวกกบฏอย่างดุเดือด สำหรับอิหร่านย้ำอเมริกาและอิสราเอลอยู่เบื้องหลังการบุกสายฟ้าแลบ ด้านวอชิงตันโต้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะซีเรียมัวแต่พึ่งพิงมอสโกและเตหะราน
    .
    รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้นำกลุ่มซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส กลุ่มติดตามสถานการณ์การสู้รบในซีเรียที่มีฐานอยู่ในลอนดอน บอกกับเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อ้างว่า ขณะนี้กลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ในอดีต และพันธมิตรกบฏกลุ่มอื่นๆ ในซีเรีย สามารถควบคุมเมืองอะเลปโปได้แล้ว ยกเว้นย่านที่อยู่อาศัยบางส่วนที่อยู่ในการควบคุมของกองกำลังเคิร์ด
    .
    เอชทีเอสยังเข้ายึดสนามบินเมืองอะเลปโปและเมืองเล็กๆ ใกล้เคียงอีกหลายสิบเมืองเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.)
    .
    ก่อนที่จะเปิดการรุกครั้งนี้ เอชทีเอส หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ที่นำโดยอดีตอัลกออิดะห์สาขาซีเรีย และถูกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายโดยสหรัฐฯ รัสเซีย ตุรกี และประเทศอื่นๆ ก็เป็นผู้ควบคุมดินแดนผืนใหญ่หลายผืนในจังหวัดอิดลิบ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งถือเป็นพื้นที่สุดท้ายที่ยังอยู่นอกการควบคุมของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตรอย่างอิหร่านและรัสเซีย
    .
    ข่าวระบุว่า เอชทีเอส และพวกพันธมิตรที่เป็นกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ได้เปิดฉากบุกฟ้าแลบในอะเลปโปตั้งแต่เมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) วันเดียวกับที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเพื่อนบ้านคือเลบานอนมีผลบังคับใช้
    .
    ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียออกคำแถลงระบุว่า กองทัพอากาศของตนได้ออกโจมตีใส่พวกกบฏเพื่อสนับสนุนกองทัพซีเรีย โดยใช้ทั้งขีปนาวุธและลูกระเบิดถล่มใส่เป้าหมายที่เป็นจุดชุมพลของพวกนักรบ ที่ตั้งศูนย์บังคับบัญชา คลังสัมภาระ และที่ตั้งปืนใหญ่ ทั้งที่อะเลปโป และที่จังหวัดอิดลิบ
    .
    สำหรับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย ยืนยันระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า จะจัดการ “ผู้ก่อการร้าย” ไม่ว่าจะถูกโจมตีหนักแค่ไหนก็ตาม
    .
    กลุ่มออบเซอร์วาทอรีระบุว่า การสู้รบระหว่างสองฝ่ายทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 327 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารและนักรบ และมีพลเรือนราว 44 คน และอ้างว่า เอชทีเอสและพันธมิตรยึดศูนย์กลางเมืองและที่ทำการรัฐบาลส่วนใหญ่ รวมทั้งเรือนจำในเมืองอะเลปโปโดยไม่มีการต้านทานมากนัก และไม่มีการต้านทานเลยในเมืองเล็กๆ ที่มีความสำคัญยุทธศาสตร์อีกหลายสิบเมือง
    .
    กลุ่มติดตามการสู้รบกลุ่มนี้กล่าวอีกว่า กองทัพซีเรียถอนออกจากฮามา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 4 และอยู่ห่างจากอะเลปโปทางใต้ราว 140 กม. หลังจากเผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏ
    .
    ทว่า แหล่งข่าวในกองทัพซีเรียปฏิเสธเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า ทหารของรัฐบาลยังประจำอยู่ในที่มั่นบนเส้นทางที่กลุ่มกบฏเคลื่อนผ่าน
    .
    อย่างไรก็ดี กองทัพซีเรียยอมรับว่า กลุ่มกบฏบุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอะเลปโป และทหารหลายสิบนายเสียชีวิตและบาดเจ็บ และสำทับว่า กลุ่มกบฏเปิดฉากโจมตีอะเลปโปและอิดลิบพร้อมกันจากหลายทิศทาง
    .
    รามี ผู้นำกลุ่มออบเซอร์วาทอรี ให้ความเห็นว่า ดูเหมือนตอนนี้ซีเรียถูกพันธมิตรหลักอย่างรัสเซียและอิหร่านทิ้ง และระบุว่า การโจมตีของรัสเซียเป็นการโจมตีทางสัญลักษณ์เท่านั้น
    .
    อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวหลายรายในกองทัพซีเรียบอกว่า เครื่องบินไอพ่นของรัสเซียและซีเรียได้ระดมโจมตีใส่พวกกบฏ โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งพวกกบฏยึดไว้ในอิดลิบตั้งแต่วันเสาร์ ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพซีเรียอ้างว่าสามารถยึดคืนเมือเล็กๆ หลายแห่งคืนจากฝ่ายกบฏ
    .
    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ รัสเซียได้ร่วมกับอิหร่านออกคำแถลงแสดงความกังวลต่อการสูญเสียของซีเรีย ภายหลังการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย กับอับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โดยที่รัสเซียยืนยันว่ายังคงให้การสนับสนุนแก่ซีเรียอย่างแข็งแกร่ง
    .
    ทางฝ่ายอารากชีเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะเดินทางไปดามัสกัสเพื่อยืนยันการสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพซีเรีย และย้ำว่า การบุกจู่โจมสายฟ้าแลบของกลุ่มกบฏซีเรียเป็นการวางแผนของอเมริกาและอิสราเอล อย่างไรก็ตาม กองทัพซีเรียจะเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายเหล่านั้นได้เหมือนที่ผ่านมา
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาแถลงว่า สถานการณ์ในขณะนี้ เกิดขึ้นจากการที่ซีเรียเอาแต่พึ่งพิงรัสเซียและอิหร่าน รวมทั้งไม่ยอมปฏิบัติตามกระบวนการสันติภาพที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร่างขึ้นในปี 2015
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115647
    ..............
    Sondhi X
    อะเลปโป เมืองใหญ่อันดับ 2 ของซีเรีย หลุดจากการควบคุมของฝ่ายรัฐบาลเป็นครั้งแรก ภายหลังจากพวกกบฏอิสลามมิสต์เปิดการรุกใหญ่แบบเซอร์ไพรส์ กลุ่มติดตามสถานการณ์สู้รบกล่าวอ้างในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ขณะที่กองทัพซีเรียยอมรับว่าทหารของฝ่ายตนถูกสังหารไปหลายสิบคน ส่วนรัสเซียแถลงส่งกำลังทางอากาศโจมตีใส่พวกกบฏอย่างดุเดือด สำหรับอิหร่านย้ำอเมริกาและอิสราเอลอยู่เบื้องหลังการบุกสายฟ้าแลบ ด้านวอชิงตันโต้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะซีเรียมัวแต่พึ่งพิงมอสโกและเตหะราน . รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้นำกลุ่มซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส กลุ่มติดตามสถานการณ์การสู้รบในซีเรียที่มีฐานอยู่ในลอนดอน บอกกับเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อ้างว่า ขณะนี้กลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ในอดีต และพันธมิตรกบฏกลุ่มอื่นๆ ในซีเรีย สามารถควบคุมเมืองอะเลปโปได้แล้ว ยกเว้นย่านที่อยู่อาศัยบางส่วนที่อยู่ในการควบคุมของกองกำลังเคิร์ด . เอชทีเอสยังเข้ายึดสนามบินเมืองอะเลปโปและเมืองเล็กๆ ใกล้เคียงอีกหลายสิบเมืองเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.) . ก่อนที่จะเปิดการรุกครั้งนี้ เอชทีเอส หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ที่นำโดยอดีตอัลกออิดะห์สาขาซีเรีย และถูกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายโดยสหรัฐฯ รัสเซีย ตุรกี และประเทศอื่นๆ ก็เป็นผู้ควบคุมดินแดนผืนใหญ่หลายผืนในจังหวัดอิดลิบ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งถือเป็นพื้นที่สุดท้ายที่ยังอยู่นอกการควบคุมของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตรอย่างอิหร่านและรัสเซีย . ข่าวระบุว่า เอชทีเอส และพวกพันธมิตรที่เป็นกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ได้เปิดฉากบุกฟ้าแลบในอะเลปโปตั้งแต่เมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) วันเดียวกับที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเพื่อนบ้านคือเลบานอนมีผลบังคับใช้ . ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียออกคำแถลงระบุว่า กองทัพอากาศของตนได้ออกโจมตีใส่พวกกบฏเพื่อสนับสนุนกองทัพซีเรีย โดยใช้ทั้งขีปนาวุธและลูกระเบิดถล่มใส่เป้าหมายที่เป็นจุดชุมพลของพวกนักรบ ที่ตั้งศูนย์บังคับบัญชา คลังสัมภาระ และที่ตั้งปืนใหญ่ ทั้งที่อะเลปโป และที่จังหวัดอิดลิบ . สำหรับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย ยืนยันระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า จะจัดการ “ผู้ก่อการร้าย” ไม่ว่าจะถูกโจมตีหนักแค่ไหนก็ตาม . กลุ่มออบเซอร์วาทอรีระบุว่า การสู้รบระหว่างสองฝ่ายทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 327 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารและนักรบ และมีพลเรือนราว 44 คน และอ้างว่า เอชทีเอสและพันธมิตรยึดศูนย์กลางเมืองและที่ทำการรัฐบาลส่วนใหญ่ รวมทั้งเรือนจำในเมืองอะเลปโปโดยไม่มีการต้านทานมากนัก และไม่มีการต้านทานเลยในเมืองเล็กๆ ที่มีความสำคัญยุทธศาสตร์อีกหลายสิบเมือง . กลุ่มติดตามการสู้รบกลุ่มนี้กล่าวอีกว่า กองทัพซีเรียถอนออกจากฮามา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 4 และอยู่ห่างจากอะเลปโปทางใต้ราว 140 กม. หลังจากเผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏ . ทว่า แหล่งข่าวในกองทัพซีเรียปฏิเสธเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า ทหารของรัฐบาลยังประจำอยู่ในที่มั่นบนเส้นทางที่กลุ่มกบฏเคลื่อนผ่าน . อย่างไรก็ดี กองทัพซีเรียยอมรับว่า กลุ่มกบฏบุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอะเลปโป และทหารหลายสิบนายเสียชีวิตและบาดเจ็บ และสำทับว่า กลุ่มกบฏเปิดฉากโจมตีอะเลปโปและอิดลิบพร้อมกันจากหลายทิศทาง . รามี ผู้นำกลุ่มออบเซอร์วาทอรี ให้ความเห็นว่า ดูเหมือนตอนนี้ซีเรียถูกพันธมิตรหลักอย่างรัสเซียและอิหร่านทิ้ง และระบุว่า การโจมตีของรัสเซียเป็นการโจมตีทางสัญลักษณ์เท่านั้น . อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวหลายรายในกองทัพซีเรียบอกว่า เครื่องบินไอพ่นของรัสเซียและซีเรียได้ระดมโจมตีใส่พวกกบฏ โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งพวกกบฏยึดไว้ในอิดลิบตั้งแต่วันเสาร์ ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพซีเรียอ้างว่าสามารถยึดคืนเมือเล็กๆ หลายแห่งคืนจากฝ่ายกบฏ . ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ รัสเซียได้ร่วมกับอิหร่านออกคำแถลงแสดงความกังวลต่อการสูญเสียของซีเรีย ภายหลังการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย กับอับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โดยที่รัสเซียยืนยันว่ายังคงให้การสนับสนุนแก่ซีเรียอย่างแข็งแกร่ง . ทางฝ่ายอารากชีเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะเดินทางไปดามัสกัสเพื่อยืนยันการสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพซีเรีย และย้ำว่า การบุกจู่โจมสายฟ้าแลบของกลุ่มกบฏซีเรียเป็นการวางแผนของอเมริกาและอิสราเอล อย่างไรก็ตาม กองทัพซีเรียจะเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายเหล่านั้นได้เหมือนที่ผ่านมา . ในอีกด้านหนึ่ง ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาแถลงว่า สถานการณ์ในขณะนี้ เกิดขึ้นจากการที่ซีเรียเอาแต่พึ่งพิงรัสเซียและอิหร่าน รวมทั้งไม่ยอมปฏิบัติตามกระบวนการสันติภาพที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร่างขึ้นในปี 2015 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115647 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 752 Views 0 Reviews
  • "ศิลปะแห่งการวางใจ: เคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบาย"---สองมือที่รับผิดชอบ กับหัวใจที่ไม่แบกภาระชีวิตเรามักถูกผูกโยงกับคำว่า "ความรับผิดชอบ" ทั้งในหน้าที่การงานและความสัมพันธ์ แต่การรับผิดชอบไม่ได้หมายถึงการแบกภาระไว้ในใจเคล็ดลับ:ใช้สองมือทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังแต่ปล่อยใจให้ว่างจากความหนักอึ้งคนที่เข้าใจจุดนี้ จะสามารถรับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จมอยู่กับความกังวล คล้ายกับเด็กที่ไม่มีใครกะเกณฑ์ให้รับผิดชอบมากเกินไป---วางแผนอนาคต แต่ไม่หวั่นไหวกับวันพรุ่งนี้การมองไปข้างหน้าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้ามองด้วยความกังวล สิ่งที่ยังมาไม่ถึงจะกลายเป็นเงามืดที่ทำให้ปัจจุบันไร้ความสุขเคล็ดลับ:วางแผนด้วยสองตาที่จดจ่อแต่ปล่อยใจให้สนุกกับการเดินทางคนที่เข้าใจจุดนี้ จะเปลี่ยนความล้มเหลวเป็นบทเรียน ไม่ใช่ห่วงโซ่ที่ฉุดรั้ง คล้ายกับเด็กที่เล่นเกมด้วยความสนุก รู้ผลเพื่อเริ่มใหม่ ไม่ใช่เพื่อสะสมความทุกข์---พูดคุยอย่างเบาใจ ไม่หลงติดในเรื่องชาวบ้านการพูดคุยเป็นธรรมชาติของการเข้าสังคม แต่สิ่งที่ทำให้ใจหนักคือการเก็บเรื่องคนอื่นมาเป็นภาระของตัวเองเคล็ดลับ:ปากพูดในสิ่งที่ควรพูดใจวางเรื่องนั้นไว้ที่ตรงนั้นคนที่เข้าใจจุดนี้ จะเข้าสังคมได้อย่างสง่างาม โดยไม่หลงติดอยู่ในดราม่า คล้ายกับเด็กที่เล่าถึงตัวละครในการ์ตูนอย่างสนุกสนาน โดยไม่ยึดติดกับความจริงจัง---ชีวิตที่เบาสบาย เริ่มต้นด้วยการวางสิ่งที่ไม่จำเป็นแรกเกิด เรามาด้วยมือเปล่า และ ใกล้ตาย ก็ควรวางทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง การใช้ชีวิตอย่างไม่แบกโลกไว้ทั้งใบ จึงต้องเริ่มจากการฝึกวางสิ่งที่ไม่จำเป็นในทุกวันเคล็ดลับ:ฝึกปล่อยวางทีละน้อยหัดไม่เอาเรื่องหนักใจเกินจำเป็นมาทับจิตมีความตั้งใจทำในสิ่งที่ควรทำ แต่ไม่ยึดติดในผลลัพธ์---บทสรุป: ชีวิตเบาได้ ใจปล่อยวางเป็นการมีชีวิตที่เบาสบายไม่ใช่การหนีจากความรับผิดชอบ แต่คือการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แล้วปล่อยใจให้ว่างเปล่าเหมือนวันแรกเกิด"ใช้สองมือทำสิ่งสำคัญ ใช้หนึ่งใจปล่อยวางสิ่งไม่จำเป็น แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตเบาสบายยิ่งกว่าที่เคยเป็น"
    "ศิลปะแห่งการวางใจ: เคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบาย"---สองมือที่รับผิดชอบ กับหัวใจที่ไม่แบกภาระชีวิตเรามักถูกผูกโยงกับคำว่า "ความรับผิดชอบ" ทั้งในหน้าที่การงานและความสัมพันธ์ แต่การรับผิดชอบไม่ได้หมายถึงการแบกภาระไว้ในใจเคล็ดลับ:ใช้สองมือทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังแต่ปล่อยใจให้ว่างจากความหนักอึ้งคนที่เข้าใจจุดนี้ จะสามารถรับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จมอยู่กับความกังวล คล้ายกับเด็กที่ไม่มีใครกะเกณฑ์ให้รับผิดชอบมากเกินไป---วางแผนอนาคต แต่ไม่หวั่นไหวกับวันพรุ่งนี้การมองไปข้างหน้าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้ามองด้วยความกังวล สิ่งที่ยังมาไม่ถึงจะกลายเป็นเงามืดที่ทำให้ปัจจุบันไร้ความสุขเคล็ดลับ:วางแผนด้วยสองตาที่จดจ่อแต่ปล่อยใจให้สนุกกับการเดินทางคนที่เข้าใจจุดนี้ จะเปลี่ยนความล้มเหลวเป็นบทเรียน ไม่ใช่ห่วงโซ่ที่ฉุดรั้ง คล้ายกับเด็กที่เล่นเกมด้วยความสนุก รู้ผลเพื่อเริ่มใหม่ ไม่ใช่เพื่อสะสมความทุกข์---พูดคุยอย่างเบาใจ ไม่หลงติดในเรื่องชาวบ้านการพูดคุยเป็นธรรมชาติของการเข้าสังคม แต่สิ่งที่ทำให้ใจหนักคือการเก็บเรื่องคนอื่นมาเป็นภาระของตัวเองเคล็ดลับ:ปากพูดในสิ่งที่ควรพูดใจวางเรื่องนั้นไว้ที่ตรงนั้นคนที่เข้าใจจุดนี้ จะเข้าสังคมได้อย่างสง่างาม โดยไม่หลงติดอยู่ในดราม่า คล้ายกับเด็กที่เล่าถึงตัวละครในการ์ตูนอย่างสนุกสนาน โดยไม่ยึดติดกับความจริงจัง---ชีวิตที่เบาสบาย เริ่มต้นด้วยการวางสิ่งที่ไม่จำเป็นแรกเกิด เรามาด้วยมือเปล่า และ ใกล้ตาย ก็ควรวางทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง การใช้ชีวิตอย่างไม่แบกโลกไว้ทั้งใบ จึงต้องเริ่มจากการฝึกวางสิ่งที่ไม่จำเป็นในทุกวันเคล็ดลับ:ฝึกปล่อยวางทีละน้อยหัดไม่เอาเรื่องหนักใจเกินจำเป็นมาทับจิตมีความตั้งใจทำในสิ่งที่ควรทำ แต่ไม่ยึดติดในผลลัพธ์---บทสรุป: ชีวิตเบาได้ ใจปล่อยวางเป็นการมีชีวิตที่เบาสบายไม่ใช่การหนีจากความรับผิดชอบ แต่คือการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แล้วปล่อยใจให้ว่างเปล่าเหมือนวันแรกเกิด"ใช้สองมือทำสิ่งสำคัญ ใช้หนึ่งใจปล่อยวางสิ่งไม่จำเป็น แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตเบาสบายยิ่งกว่าที่เคยเป็น"
    0 Comments 0 Shares 375 Views 0 Reviews
  • นักข่าวชื่อดังชาวอเมริกัน ทักเกอร์ คาร์ลสัน เปิดโปงสงครามตัวแทนของนาโต้ในยูเครน:

    "รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริสโน้มน้าวให้ยูเครนยกเลิกข้อตกลงสันติภาพที่ยอมเสียดินแดนไปเพียงครึ่งเดียว ซึ่งปัจจุบันรัสเซียยึดครองอยู่

    และเพื่อโอกาสที่จะสูญเสียบ้านเกิดไปสองเท่า, พวกเขาต้องจ่ายด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคน

    เราทำสิ่งนี้เพื่อควบคุมแร่ธาตุมูลค่า ๑๑ ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้การปกครองของดอนบาส เราทำสิ่งนี้เพื่อบดขยี้สงครามรัสเซียด้วยเศษซากของวัยรุ่นยูเครน

    เราทำไปเพื่อแจกเงินหลายร้อยพันล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนป้องกันความเสี่ยงของสหรัฐฯ, ซึ่งขณะนี้, กำลังแบ่งสิทธิ์ในดินอันอุดมสมบูรณ์และทรัพยากรแร่ธาตุอันมากมายของยูเครน

    ความจริงก็คือ, สหรัฐฯไม่เคยยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวยูเครนเลย นั่นเป็นเพียงเพลงประกอบ, เป็นแคมเปญโฆษณาที่ออกอากาศให้ผู้ที่ไม่เคยไปที่นั่นฟัง, ออกแบบมาเพื่อขายความน่าดึงดูดใจในการยืดเวลาสงครามเพื่อผลกำไรให้กับผู้เสียภาษี

    พวกเราทำให้ยูเครนต้องสูญเสียดินแดนของพวกเธอ พวกเราทำให้ยูเครนต้องสูญเสียลูกๆของพวกเธอ ไอ้พวกเหยี่ยวสงครามและบรรดานายธนาคารไม่ใช่มิตรของยูเครน"
    .
    Prominent American journalist Tucker Carlson exposes NATO's proxy war in Ukraine:

    "The Biden-Harris administration convinced Ukraine to abandon a peace deal that would have ceded only half of the territory Russia now occupies.

    And for that opportunity to lose twice as much of their homeland, they paid with tens of thousands of innocent lives.

    We did this to control the $11 trillion of minerals under the Donbas. We did it to grind down the Russian war on the grist of Ukrainian teenagers.

    We did it to hand out hundreds of billions of dollars to U.S. hedge funds who are, as we speak, carving up rights to Ukraine’s fertile soil and vast mineral resources.

    The truth is, the United States has never stood with the people of Ukraine. That is simply a jingle, an ad campaign broadcast to those who have never been there, designed to sell taxpayers on the appeal of prolonging war for profit.

    We have cost Ukraine her territory. We have cost Ukraine her children. The war hawks and the bankers are no friends to Ukraine."
    .
    11:49 AM · Nov 26, 2024 · 263.1K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1861270959480623525
    นักข่าวชื่อดังชาวอเมริกัน ทักเกอร์ คาร์ลสัน เปิดโปงสงครามตัวแทนของนาโต้ในยูเครน: "รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริสโน้มน้าวให้ยูเครนยกเลิกข้อตกลงสันติภาพที่ยอมเสียดินแดนไปเพียงครึ่งเดียว ซึ่งปัจจุบันรัสเซียยึดครองอยู่ และเพื่อโอกาสที่จะสูญเสียบ้านเกิดไปสองเท่า, พวกเขาต้องจ่ายด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคน เราทำสิ่งนี้เพื่อควบคุมแร่ธาตุมูลค่า ๑๑ ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้การปกครองของดอนบาส เราทำสิ่งนี้เพื่อบดขยี้สงครามรัสเซียด้วยเศษซากของวัยรุ่นยูเครน เราทำไปเพื่อแจกเงินหลายร้อยพันล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนป้องกันความเสี่ยงของสหรัฐฯ, ซึ่งขณะนี้, กำลังแบ่งสิทธิ์ในดินอันอุดมสมบูรณ์และทรัพยากรแร่ธาตุอันมากมายของยูเครน ความจริงก็คือ, สหรัฐฯไม่เคยยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวยูเครนเลย นั่นเป็นเพียงเพลงประกอบ, เป็นแคมเปญโฆษณาที่ออกอากาศให้ผู้ที่ไม่เคยไปที่นั่นฟัง, ออกแบบมาเพื่อขายความน่าดึงดูดใจในการยืดเวลาสงครามเพื่อผลกำไรให้กับผู้เสียภาษี พวกเราทำให้ยูเครนต้องสูญเสียดินแดนของพวกเธอ พวกเราทำให้ยูเครนต้องสูญเสียลูกๆของพวกเธอ ไอ้พวกเหยี่ยวสงครามและบรรดานายธนาคารไม่ใช่มิตรของยูเครน" . Prominent American journalist Tucker Carlson exposes NATO's proxy war in Ukraine: "The Biden-Harris administration convinced Ukraine to abandon a peace deal that would have ceded only half of the territory Russia now occupies. And for that opportunity to lose twice as much of their homeland, they paid with tens of thousands of innocent lives. We did this to control the $11 trillion of minerals under the Donbas. We did it to grind down the Russian war on the grist of Ukrainian teenagers. We did it to hand out hundreds of billions of dollars to U.S. hedge funds who are, as we speak, carving up rights to Ukraine’s fertile soil and vast mineral resources. The truth is, the United States has never stood with the people of Ukraine. That is simply a jingle, an ad campaign broadcast to those who have never been there, designed to sell taxpayers on the appeal of prolonging war for profit. We have cost Ukraine her territory. We have cost Ukraine her children. The war hawks and the bankers are no friends to Ukraine." . 11:49 AM · Nov 26, 2024 · 263.1K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1861270959480623525
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 627 Views 7 0 Reviews
More Results