• ทอ.ปฏิเสธลั่น! ไทยไม่ใช้ F-16 โจมตีพลเรือน ซัดกัมพูชาบิดเบือนหวังผลการเมือง แฉกลับใช้ "โล่มนุษย์"
    https://www.thai-tai.tv/news/20554/
    .
    #กองทัพอากาศ #F16 #ข่าวบิดเบือน #HumanShields #ชายแดนไทยกัมพูชา #SelfDefense #InternationalLaw #PrecisionStrike #BM21 #ความมั่นคง
    ทอ.ปฏิเสธลั่น! ไทยไม่ใช้ F-16 โจมตีพลเรือน ซัดกัมพูชาบิดเบือนหวังผลการเมือง แฉกลับใช้ "โล่มนุษย์" https://www.thai-tai.tv/news/20554/ . #กองทัพอากาศ #F16 #ข่าวบิดเบือน #HumanShields #ชายแดนไทยกัมพูชา #SelfDefense #InternationalLaw #PrecisionStrike #BM21 #ความมั่นคง
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • เนทันยาฮูตัดพ้อว่าคำโกหกที่มีต่ออิสราเอลนั้นแพร่กระจายเร็วกว่าความจริง:

    "การสร้างข่าวบิดเบือนมีอยู่ท่ามกลางพวกเรา คำโกหกใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการแพร่กระจายไปทั่วโลก คุณต้องต่อสู้กับมันด้วยอาวุธเดียวที่คุณมี นั่นคือความจริง

    คุณสามารถพูดอะไรก็ได้ในคำโกหก และมันจะถูกส่งต่อทันที แต่ความจริงนั้นช้ากว่าคำโกหกและยากที่จะตรวจสอบ เพราะคุณต้องได้รับความจริงอย่างแท้จริง และกว่าคุณจะทำแบบนั้นในยุคโซเชียลแบบนี้ คำโกหกนั้นมักก็แผ่ขยายไปทั่วโลกและวนเวียนอยู่แบบนั้น"
    เนทันยาฮูตัดพ้อว่าคำโกหกที่มีต่ออิสราเอลนั้นแพร่กระจายเร็วกว่าความจริง: "การสร้างข่าวบิดเบือนมีอยู่ท่ามกลางพวกเรา คำโกหกใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการแพร่กระจายไปทั่วโลก คุณต้องต่อสู้กับมันด้วยอาวุธเดียวที่คุณมี นั่นคือความจริง คุณสามารถพูดอะไรก็ได้ในคำโกหก และมันจะถูกส่งต่อทันที แต่ความจริงนั้นช้ากว่าคำโกหกและยากที่จะตรวจสอบ เพราะคุณต้องได้รับความจริงอย่างแท้จริง และกว่าคุณจะทำแบบนั้นในยุคโซเชียลแบบนี้ คำโกหกนั้นมักก็แผ่ขยายไปทั่วโลกและวนเวียนอยู่แบบนั้น"
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 0 Reviews
  • ทูลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ กลับลำ 360 องศา “เห็นด้วย” กับทรัมป์เรื่องอิหร่าน

    “อิหร่าน…สามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงไม่กี่เดือน”

    พร้อมกับตำหนิสื่อว่านำเสนอข่าวบิดเบือนคำพูดของเธอ
    .

    ต่อมาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวกับสื่อว่า "ไม่ยอมรับการประเมิน" ของ ทูลซี แกบบาร์ด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ทรัมป์ ออกมาโต้แย้งข้อมูลของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ และเชื่อคำกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลมากกว่า ว่าอิหร่าน "เข้าใกล้" การครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
    .

    เมื่อ 25 มีนาคม 2025 ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐ กล่าวต่อหน้ากรรมาธิการในวุฒิสภาว่า "อิหร่านไม่ได้กำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์"

    “หน่วยข่าวกรองยังคงยืนยันการประเมินว่าอิหร่านไม่ได้กำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์ และผู้นำสูงสุด Khamanei ไม่ได้อนุมัติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ที่เขาระงับไปตั้งแต่ปี 2003 เรากำลังติดตามดูว่าเตหะรานตัดสินใจอนุมัติโครงการอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้งหรือไม่” 
    ทูลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ กลับลำ 360 องศา “เห็นด้วย” กับทรัมป์เรื่องอิหร่าน “อิหร่าน…สามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงไม่กี่เดือน” พร้อมกับตำหนิสื่อว่านำเสนอข่าวบิดเบือนคำพูดของเธอ . 👉ต่อมาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวกับสื่อว่า "ไม่ยอมรับการประเมิน" ของ ทูลซี แกบบาร์ด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ทรัมป์ ออกมาโต้แย้งข้อมูลของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ และเชื่อคำกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลมากกว่า ว่าอิหร่าน "เข้าใกล้" การครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ . 👉เมื่อ 25 มีนาคม 2025 ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐ กล่าวต่อหน้ากรรมาธิการในวุฒิสภาว่า "อิหร่านไม่ได้กำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์" “หน่วยข่าวกรองยังคงยืนยันการประเมินว่าอิหร่านไม่ได้กำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์ และผู้นำสูงสุด Khamanei ไม่ได้อนุมัติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ที่เขาระงับไปตั้งแต่ปี 2003 เรากำลังติดตามดูว่าเตหะรานตัดสินใจอนุมัติโครงการอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้งหรือไม่” 
    0 Comments 0 Shares 241 Views 0 Reviews
  • มาครงบ่นว่าช่วงนี้เขาเจอแต่ข่าวบิดเบือนที่มุ่งโจมตีเขาจากโฆษณาชวนเชื่อของสื่อรัสเซีย

    เรื่องแรก มันเป็นแค่ "ทิชชู่!!!"
    เรื่องที่สอง แค่เรื่องตำแหน่งการวางมือในการพบกับเออร์โดกัน
    เรื่องที่สาม มันเป็นการหยอกล้อของภริยากับเขาเท่านั้นเอง!!
    มาครงบ่นว่าช่วงนี้เขาเจอแต่ข่าวบิดเบือนที่มุ่งโจมตีเขาจากโฆษณาชวนเชื่อของสื่อรัสเซีย 👉เรื่องแรก มันเป็นแค่ "ทิชชู่!!!" 👉เรื่องที่สอง แค่เรื่องตำแหน่งการวางมือในการพบกับเออร์โดกัน 👉เรื่องที่สาม มันเป็นการหยอกล้อของภริยากับเขาเท่านั้นเอง!!
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 225 Views 13 0 Reviews
  • เปิดศึกเดินหน้าเต็มตัวแล้วสำหรับครอบครัวของ “คิมแซรน” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ หลังจากประกาศไม่ขอเจรจากับ “คิมซูฮยอน” และต้นสังกัด “Gold Medalist ” และเรียกร้องเพียงการยอมรับและขอโทษ ล่าสุดเดินหน้ายื่นฟ้อง ยูทูบเบอร์ปากแจ๋ว “อีจินโฮ” ที่เล่าข่าวบิดเบือนและใส่ร้าย “คิมแซรน” จนเธอแทบไม่มีที่ยืนและตัดสินใจจบชีวิตตนเอง

    ครอบครัวของนักแสดงสาว คิมแซรน ยื่นฟ้องยูทูบเบอร์ อีจินโฮ ในข้อหาหมิ่นประมาทวันนี้ (17 มี.ค.) ครอบครัวของ คิมแซรน ซึ่งมีทนายความ บูจีซอก จากสำนักงานกฎหมาย Buyou เป็นตัวแทน จะยื่นฟ้องยูทูปเบอร์ อีจินโฮ ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยกล่าวหาว่ายูทูบเบอร์คนนี้ เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ

    สำนักงานกฎหมาย Buyou กล่าวกับ Xportsnews ว่า ก่อนที่จะยื่นคำฟ้อง พวกเขาจะจัดงานแถลงข่าวเพื่ออธิบายความเป็นมาของคดีความ

    เมื่อเดือนที่แล้ว คิมแซรนน ได้ตัดสินใจจบชีวิตตนเอง โดยหลังจากที่เธอเสียชีวิต อีจินโฮ ได้ตั้งค่าคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับ คิมแซรน เป็นส่วนตัวทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาได้เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวของเธอซ้ำยังบิดเบือนอย่างมากมาย เช่น “คิมแซรน จัดปาร์ตี้ดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ ในช่วงที่เธอกำลังพิจารณาตัวเอง” “ข่าวลือเรื่องเดตที่แต่งขึ้นเอง” และ “ข่าวลือเรื่องการแต่งงานโดยสมัครใจ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000025352

    #MGROnline #คิมแซรน #คิมซูฮยอน
    เปิดศึกเดินหน้าเต็มตัวแล้วสำหรับครอบครัวของ “คิมแซรน” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ หลังจากประกาศไม่ขอเจรจากับ “คิมซูฮยอน” และต้นสังกัด “Gold Medalist ” และเรียกร้องเพียงการยอมรับและขอโทษ ล่าสุดเดินหน้ายื่นฟ้อง ยูทูบเบอร์ปากแจ๋ว “อีจินโฮ” ที่เล่าข่าวบิดเบือนและใส่ร้าย “คิมแซรน” จนเธอแทบไม่มีที่ยืนและตัดสินใจจบชีวิตตนเอง • ครอบครัวของนักแสดงสาว คิมแซรน ยื่นฟ้องยูทูบเบอร์ อีจินโฮ ในข้อหาหมิ่นประมาทวันนี้ (17 มี.ค.) ครอบครัวของ คิมแซรน ซึ่งมีทนายความ บูจีซอก จากสำนักงานกฎหมาย Buyou เป็นตัวแทน จะยื่นฟ้องยูทูปเบอร์ อีจินโฮ ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยกล่าวหาว่ายูทูบเบอร์คนนี้ เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ • สำนักงานกฎหมาย Buyou กล่าวกับ Xportsnews ว่า ก่อนที่จะยื่นคำฟ้อง พวกเขาจะจัดงานแถลงข่าวเพื่ออธิบายความเป็นมาของคดีความ • เมื่อเดือนที่แล้ว คิมแซรนน ได้ตัดสินใจจบชีวิตตนเอง โดยหลังจากที่เธอเสียชีวิต อีจินโฮ ได้ตั้งค่าคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับ คิมแซรน เป็นส่วนตัวทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาได้เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวของเธอซ้ำยังบิดเบือนอย่างมากมาย เช่น “คิมแซรน จัดปาร์ตี้ดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ ในช่วงที่เธอกำลังพิจารณาตัวเอง” “ข่าวลือเรื่องเดตที่แต่งขึ้นเอง” และ “ข่าวลือเรื่องการแต่งงานโดยสมัครใจ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000025352 • #MGROnline #คิมแซรน #คิมซูฮยอน
    0 Comments 0 Shares 537 Views 0 Reviews
  • การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ มีการจัดระเบียบสื่อในทำเนียบขาวไม่ให้นักข่าวหลายคนจากหลายสำนักทำการรายงานข่าว จนเป็นที่มาของ AP, Reuters และ Bloomberg ออกแถลงการณ์ร่วม ว่านี่ถือเป็นการคุกคาม "สื่ออิสระและเสรี" ตามระบอบประชาธิปไตย

    เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ เวลาท้องถิ่น ตามนโยบายใหม่ว่าด้วยการรายงานข่าวของสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวเป็นผู้จัดคิวและคัดเลือกสื่อเข้ารายงาน

    สื่อที่ถูกปฏิเสธรวมถึงช่างภาพเอพี (AP) นักข่าว 3 คนจากรอยเตอร์ (Reuters) ฮัฟฟ์โพสต์ (HuffPost) และแดร์ สปีเกล (Der Spiegel) ซึ่งสื่อรายหลังสุดเป็นของเยอรมนี ที่เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมนี

    สำหรับนักข่าวที่ได้รับอนุญาตให้รายงานข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รอบแรกนี้ได้แก่ ทีมงานทีวีจากเอบีซี (ABC News) และนิวส์แม็กซ์ (Newsmax) รวมถึงนักข่าวจากแอ็กซีออส (Axios) และ บลูมเบิร์กนิวส์ (Bloomberg) และเอ็นพีอาร์ (NPR - National Public Radio)

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ เวลาท้องถิ่น ว่าทำเนียบขาวจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้สื่อใดรายงานข่าวของประธานาธิบดีในพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น ห้องทำงานรูปไข่

    ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ส่งอีเมลถึงพนักงานทุกคน เพื่อแจ้งให้ยกเลิกการสมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารจากสื่อนำเสนอข่าวบิดเบือน และต่อต้านรัฐบาลของทรัมป์ดังนี้:
    •The Economist
    •New York Times
    •Politico
    •Bloomberg
    •AP
    •Reuters

    เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ที่มีการประกาศให้สำนักข่าวใหญ่ 4 แห่งออก คือ NBC News, The New York Times, National Public Radio (NPR) and Politico และ "เปิดโอกาส" ให้สื่อขนาดเล็กกว่าเข้ามาแทนที่ โดยอ้างว่าเป็นนโยบายปรับเปลี่ยนที่ทำงาน ได้แก่ One America News Network (OAN) New York Post, Breitbart News Network และ HuffPost
    การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ มีการจัดระเบียบสื่อในทำเนียบขาวไม่ให้นักข่าวหลายคนจากหลายสำนักทำการรายงานข่าว จนเป็นที่มาของ AP, Reuters และ Bloomberg ออกแถลงการณ์ร่วม ว่านี่ถือเป็นการคุกคาม "สื่ออิสระและเสรี" ตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ เวลาท้องถิ่น ตามนโยบายใหม่ว่าด้วยการรายงานข่าวของสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวเป็นผู้จัดคิวและคัดเลือกสื่อเข้ารายงาน สื่อที่ถูกปฏิเสธรวมถึงช่างภาพเอพี (AP) นักข่าว 3 คนจากรอยเตอร์ (Reuters) ฮัฟฟ์โพสต์ (HuffPost) และแดร์ สปีเกล (Der Spiegel) ซึ่งสื่อรายหลังสุดเป็นของเยอรมนี ที่เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมนี สำหรับนักข่าวที่ได้รับอนุญาตให้รายงานข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รอบแรกนี้ได้แก่ ทีมงานทีวีจากเอบีซี (ABC News) และนิวส์แม็กซ์ (Newsmax) รวมถึงนักข่าวจากแอ็กซีออส (Axios) และ บลูมเบิร์กนิวส์ (Bloomberg) และเอ็นพีอาร์ (NPR - National Public Radio) ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ เวลาท้องถิ่น ว่าทำเนียบขาวจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้สื่อใดรายงานข่าวของประธานาธิบดีในพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น ห้องทำงานรูปไข่ ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ส่งอีเมลถึงพนักงานทุกคน เพื่อแจ้งให้ยกเลิกการสมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารจากสื่อนำเสนอข่าวบิดเบือน และต่อต้านรัฐบาลของทรัมป์ดังนี้: •The Economist •New York Times •Politico •Bloomberg •AP •Reuters เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ที่มีการประกาศให้สำนักข่าวใหญ่ 4 แห่งออก คือ NBC News, The New York Times, National Public Radio (NPR) and Politico และ "เปิดโอกาส" ให้สื่อขนาดเล็กกว่าเข้ามาแทนที่ โดยอ้างว่าเป็นนโยบายปรับเปลี่ยนที่ทำงาน ได้แก่ One America News Network (OAN) New York Post, Breitbart News Network และ HuffPost
    0 Comments 0 Shares 611 Views 0 Reviews
  • สามสำนักข่าวชื่อดังของโลกส่งสารถึงทรัมป์ หยุดคุกคามสื่อ ทุกสื่อมีความเป็นอิสระเสรีในการนำเสนอข่าวสารตามระบอบประชาธิปไตย อย่าเลือกปฏิบัติต่อสื่อ

    บรรณาธิการของสำนักข่าว Reuters, AP และ Bloomberg ส่งสารถึงรัฐบาลทรัมป์:

    “3 สำนักข่าวประจำทำเนียบขาว ได้แก่ Associated Press, Bloomberg News และ Reuters ได้ทำงานกันมาอย่างยาวนานเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งประธานาธิบดีจะถูกสื่อสารไปยังกลุ่มผู้ฟังที่หลากหลายทางการเมืองทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก

    ในการรายงานข่าวสารเกี่ยวกับทำเนียบขาว ที่ผู้คนจากทั่วโลกได้เห็น จากสำนักข่าวท้องถิ่นของพวกเขา ล้วนมาจากสำนักข่าวเหล่านี้

    ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจำเป็นต้องเข้าถึงข่าวสารเกี่ยวกับรัฐบาลของตนจากสื่ออิสระและเสรี

    เราเชื่อว่าการดำเนินการใดๆ ของรัฐบาลในการจำกัดจำนวนบริการข่าวที่สามารถเข้าถึงประธานาธิบดีได้นั้น ถือเป็นการคุกคามหลักการดังกล่าว

    นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการเผยแพร่ข้อมูลที่เชื่อถือได้ไปยังประชาชน ชุมชน ธุรกิจ และตลาดการเงินทั่วโลก ซึ่งต้องพึ่งพาการรายงานของเราเป็นอย่างมาก”

    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์มีคำสั่งกีดสำนักข่าวดังกล่าวในการรายงานข่าวในทำเนียบขาว เนื่องจากที่ผ่านมาสำนักข่าวเหล่านี้มักเสนอข่าวบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และฝักใฝ่กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม
    สามสำนักข่าวชื่อดังของโลกส่งสารถึงทรัมป์ หยุดคุกคามสื่อ ทุกสื่อมีความเป็นอิสระเสรีในการนำเสนอข่าวสารตามระบอบประชาธิปไตย อย่าเลือกปฏิบัติต่อสื่อ บรรณาธิการของสำนักข่าว Reuters, AP และ Bloomberg ส่งสารถึงรัฐบาลทรัมป์: “3 สำนักข่าวประจำทำเนียบขาว ได้แก่ Associated Press, Bloomberg News และ Reuters ได้ทำงานกันมาอย่างยาวนานเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งประธานาธิบดีจะถูกสื่อสารไปยังกลุ่มผู้ฟังที่หลากหลายทางการเมืองทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ในการรายงานข่าวสารเกี่ยวกับทำเนียบขาว ที่ผู้คนจากทั่วโลกได้เห็น จากสำนักข่าวท้องถิ่นของพวกเขา ล้วนมาจากสำนักข่าวเหล่านี้ ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจำเป็นต้องเข้าถึงข่าวสารเกี่ยวกับรัฐบาลของตนจากสื่ออิสระและเสรี เราเชื่อว่าการดำเนินการใดๆ ของรัฐบาลในการจำกัดจำนวนบริการข่าวที่สามารถเข้าถึงประธานาธิบดีได้นั้น ถือเป็นการคุกคามหลักการดังกล่าว นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการเผยแพร่ข้อมูลที่เชื่อถือได้ไปยังประชาชน ชุมชน ธุรกิจ และตลาดการเงินทั่วโลก ซึ่งต้องพึ่งพาการรายงานของเราเป็นอย่างมาก” ➡️ก่อนหน้านี้ ทรัมป์มีคำสั่งกีดสำนักข่าวดังกล่าวในการรายงานข่าวในทำเนียบขาว เนื่องจากที่ผ่านมาสำนักข่าวเหล่านี้มักเสนอข่าวบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และฝักใฝ่กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม
    0 Comments 0 Shares 531 Views 0 Reviews
  • หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลประกาศยกระดับการชุมนุมแบบเบิ้มๆเข้าสู่วันที่ 6 เจ้าหน้าที่รัฐบาลของจอร์เจียมีคำสั่งอนุมัติการจับกุมบุคคลสำคัญรวมทั้งนักการเมืองฝ่ายค้านที่อยู่เบื้องหลังการจัดการประท้วง

    ในบรรดาผู้ที่ถูกจับกุมมี "นิกา กวารามีอา" เจ้าของสื่อแห่งหนึ่งในจอร์เจียที่นำเสนอข่าวบิดเบือน ยุยุงให้ประชาชนเข้าใจผิด ทำให้เกิดความขัดแย้ง และยังเป็นผู้ก่อตั้งพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดของมิคาอิล ซาคาชวิลี อดีตประธานาธิบดีของจอร์เจีย
    หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลประกาศยกระดับการชุมนุมแบบเบิ้มๆเข้าสู่วันที่ 6 เจ้าหน้าที่รัฐบาลของจอร์เจียมีคำสั่งอนุมัติการจับกุมบุคคลสำคัญรวมทั้งนักการเมืองฝ่ายค้านที่อยู่เบื้องหลังการจัดการประท้วง ในบรรดาผู้ที่ถูกจับกุมมี "นิกา กวารามีอา" เจ้าของสื่อแห่งหนึ่งในจอร์เจียที่นำเสนอข่าวบิดเบือน ยุยุงให้ประชาชนเข้าใจผิด ทำให้เกิดความขัดแย้ง และยังเป็นผู้ก่อตั้งพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดของมิคาอิล ซาคาชวิลี อดีตประธานาธิบดีของจอร์เจีย
    0 Comments 0 Shares 289 Views 7 0 Reviews
  • ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาสื่อตะวันตกหลายแห่ง เช่น WSJ และที่อื่นๆ เริ่มต้นการรายงานข่าวบิดเบือนว่า "เจ้าหน้าที่ฮามาสถูกขับออกจากกาตาร์" เนื่องจากไม่ยอมรับข้อเสนอหยุดยิง

    ข่าวได้แพร่กระจายสู่โซเชียลอย่างรวดเร็ว
    ในที่สุดกาตาร์ต้องออกแถลงการณ์สยบ "ข่าวปลอม" นี้ ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

    เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ยืนยันได้ว่าตะวันตกคือ "ต้นตอ" ของการปล่อยข่าวลวงไปทั่วโลก
    ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาสื่อตะวันตกหลายแห่ง เช่น WSJ และที่อื่นๆ เริ่มต้นการรายงานข่าวบิดเบือนว่า "เจ้าหน้าที่ฮามาสถูกขับออกจากกาตาร์" เนื่องจากไม่ยอมรับข้อเสนอหยุดยิง ข่าวได้แพร่กระจายสู่โซเชียลอย่างรวดเร็ว ในที่สุดกาตาร์ต้องออกแถลงการณ์สยบ "ข่าวปลอม" นี้ ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ยืนยันได้ว่าตะวันตกคือ "ต้นตอ" ของการปล่อยข่าวลวงไปทั่วโลก
    0 Comments 0 Shares 377 Views 0 Reviews
  • ติ่งขา….เส้นทางของพี่ปูไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ คราวนี้เจอหนามเพียบเลยค่าาาา….

    ตอนสิบเอ็ด.……ผู้นำหน้าใหม่……ที่แทบม้วยเพราะพิษสื่อ…!!!!!

    หลังจากที่พิธีเข้ารับการสาบานตนรับตำแหน่งที่สมเกียรติได้ผ่านไป ปูตินต้องจัดระเบียบครอบครัวใหม่ มาชาและแคทยา
    ธิดาทั้งสอง เข้าเรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส นอกเหนือไปจากเยอรมันที่ใช้เป็นภาษาที่สอง ลุดมิลาลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ที่ Telekominvest
    อาคันตุกะรายแรกที่มาเยี่ยมประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Tony Blair นายกรัฐมนตรีจากอังกฤษ
    ที่ลุดมิลาได้ทำหน้าที่ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งได้อย่างเต็มภาคภูมิ

    ในส่วนของการแสดงทรัพย์สิน…ปูตินมีอสังหาริมทรัพย์สามแห่ง แห่งหนึ่งคือบ้านพักตามอากาศที่เพิ่งซ่อมเสร็จจากไฟไหม้
    และอีกสองแห่งที่รับมาจากพ่อแม่เขา และ พ่อตา
    เงินในธนาคาร มีอยู่ประมาณ 13,000 ดอลล่าร์ ที่นับว่าพอประมาณ แต่ไม่ใช่ขั้นเศรษฐี

    ด้านบุคลากร ปูตินได้นำเพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงานจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก เข้ามาทั้งทีม เช่น Dmitri Medvedev (ต่อมาคือนายกรัฐมนตรี) Aleksei Kudrin (ต่อมาคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง)
    รวมไปถึงทีมจาก FSB
    กลุ่มนี้ เป็นที่รู้จักกันว่า คณะปีเตอร์สเบอร์ก ที่เริ่มจะไม่กินเส้นกับกลุ่มมอสโคว์
    ปูติน……ไม่ไว้ใจกลุ่มมอสโคว์ เพราะพวกนี้ต่างมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะมีธุรกิจแอบแฝงในเบื้องหลัง อีกทั้งมีความสนิทสนมกับกลุ่มทุน
    ส่วนกลุ่มข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเยลซิน……เขายังเก็บไว้บางคน เช่น Alexandr Voloshin และ Anatoly Chubais
    ปูตินพูดเสมอว่า “ผมมีเพื่อนเยอะแยะ แต่ที่สนิทจริงๆมีไม่กี่คน
    กลุ่มนี้จะไม่ทิ้งผมไปไหน และผมก็จะไม่ทิ้งเขาเช่นกัน”

    นายกรัฐมนตรีที่เขาเลือก คือ Mikhail Kasyanov

    ทางด้านเศรษฐกิจ……ปูตินปรับระบบภาษี คือ 13% สำหรับประชาชนทั่วไป และ 24% จากธุรกิจห้างร้าน ลดจากเมื่อก่อนที่เคยเก็บ 35% ที่เก็บไม่ค่อยได้เพราะคนเลี่ยงจ่าย
    แต่นโยบายใหม่นี้ ……จะเก็บถึงที่ และเก็บทุกราย
    เริ่มต้นในเดือนมกราคม 2002
    นอกจากนั้น คือการชำระสะสางการใช้จ่ายของรัฐบาล
    กำจัดพวกที่อิงผลประโยชน์ และ สั่งให้กลุ่มจากตะวันตกจัดระเบียบใหม่ในเรื่องค่าแรง
    ในรัฐบาลชองปูตินเป็นผสมผสานระหว่าง ประชาธิปไตยสมัยใหม่กับระบบโซเวียต ที่ขึ้นอยู่กับปูตินว่าเขาจะเอาส่วนไหนมาใช้

    วันที่ 11 พฤษภาคม สี่วันหลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีหมาดๆ งานเก็บกวาดได้เริ่มขึ้น นั่นคือ
    กลุ่ม FSB ได้บุกเข้าไปค้นสำนักพิมพ์ Media-Most
    ต้อนพนักงานทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ห้องอาหาร
    เหล่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดเอาเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์
    และ…ปืนพก(แบบสั่งทำขึ้น ประเภทสวยงาม สำหรับสะสม)
    ที่เป็นของ Vladimir Gusinsky เจ้าของและบรรณาธิการ
    นายกัสซินสกี้ เป็นเจ้าของช่องโทรทัศน์ NTV ซึ่งเป็นช่องเอกชนรายแรกของรัสเซีย
    ไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ หรือ ช่องทีวี ทั้งสองรายการคือ ไม่โปรปูติน แถมยังทำการ์ตูนล้อเลียน เช่นลักษณะหูกาง ตาโรย ที่ใครๆก็รู้ว่า นั่นคือปูติน
    ที่เขาล้อเลียนหนักข้อเข้าทุกที
    นอกจากเข้าค้นสำนักงานแล้ว หน่วยเก็บภาษีได้ทำการตรวจย้อนหลังสมทบอีก
    FSB ได้ทำการยึดปืนพกกระบอกนั้นไป และ กัสซินสกี้ได้ตกเป็นผู้ต้องหา

    ในช่วงที่เกิดขึ้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่ ประธานาธิบดี บิล คลินตัน ได้มาเยี่ยมเยียนเป็นอาคันตุกะพอดี คลินตันได้พยายาม
    ถามถึงเรื่องคดีนี้ (กัสซินสกี้เป็นมหาเศรษฐียิว ที่มีธุรกิจอยู่ในอเมริกาด้วยเช่นกัน)
    แต่ปูตินได้อ้างว่า เขาไม่ทราบเรื่องเพราะในช่วงที่เกิดขึ้น เขาอยู่ที่สเปน

    สาเหตุที่บิล คลินตันไปรัสเซีย คือเรื่องการเจรจาถอยคนละก้าวในเรื่องของนิวเคลียร์ที่ต้องจำกัดจำนวนให้น้อยที่สุด
    แต่ไม่ได้ผลอะไรกับปูติน เพราะมันเป็นการใส่หน้ากากเข้าหากัน เพราะความขัดแย้งในพื้นที่รอบรัสเซียที่งัดกันอยู่ ก็เพราะอเมริกาสนับสนุนอยู่อย่างลับๆ……ใครๆก็รู้
    หลังจากที่คลินตันกลับไป เก้าวันต่อมา……กัสซินสกี้ก็ถูกจับด้วยข้อหามีปืนในครอบครองโดยไม่มีใบอนุญาต

    **กัสซินสกี้ได้มีหลายคดีตามมา จนเขาต้องขอแลกอิสรภาพด้วยการขายหุ้นทุกอย่างคืนให้กับรัฐบาล เมื่อเขาออกไปอยู่ที่สเปน ก็ได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลรัสเซียในเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน…คดียาวนานมาเป็นยี่สิบปี ในระหว่างนั้น เขาก็ยังทำธุรกิจหนังสือพิมพ์และช่องทีวีในต่างประเทศ แน่นอนว่า……
    ไม่เป็นมิตรกับรัสเซียและปูติน

    วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงของการพักร้อน พักผ่อนหย่อนใจ
    ปูตินและครอบครัวไปยังรีสอร์ตที่ Sochi ชายฝั่งทะเลดำ
    เมื่อไปถึง เขายังไม่ทันได้วางกระเป๋าเสื้อผ้า เสียงโทรศัพท์ด่วนเข้ามา ข่าวร้าย……คือ เรือดำน้ำบรรทุกนิวเคลียร์ “the Kursk”
    ได้เกิดระเบิดขึ้นในขณะที่มีการซ้อมรบที่ Barents Sea, Murmansk
    เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เคอร์สค์ ได้สร้างขึ้นในสมัยโซเวียต มาเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 1994 ที่นับว่าทันสมัยที่สุด สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา (ถ้ามีสงคราม)
    ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เกิดอะไรขึ้น

    แต่เหตุได้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ปูตินเพิ่งออกจากมอสโคว์ มีการระเบิดขึ้นสองครั้ง เรือจมดิ่งลงก้นสมุทร ลูกเรือ 113 คน เสียชีวิตหมด
    เมื่อปูตินได้ทราบข่าว……ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
    อย่างเดียวที่ทำได้ คือ ปิดข่าวไว้ก่อน แล้วส่งทีมไปค้นหา
    เขายังทำตัวปรกติ……เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่รอฟังข่าว
    อย่างใจจดใจจ่อ
    Boris Berezovsky โทรมาหาเขาจากปารีส ถามว่า
    “มาทำอะไรอยู่ในโซชิ…ทำไมไม่กลับไปที่มอสโคว์ หรือไปที่เกิดเหตุ……?”
    มาถึงตอนนี้……ปูตินเริ่มฉุน เพราะไม่ใช่หน้าที่อะไรของนายแบเรซอฟสกี้ ที่เป็นเพียงกลุ่มทุนที่อิงมาตั้งแต่สมัยกอร์บาเชฟ แต่ชอบเสนอหน้าไปทุกสิ่ง ประมาณตัวว่าเป็นนักการเมืองใหญ่ จะสั่งใครก็ได้
    ในตอนนั้น……หลายประเทศเสนอตัวมาช่วยค้นหา แต่แม่ทัพเรือปฏิเสธ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นสอดแนมดูพิมพ์เขียว

    จนบิล คลินตันโทรมาหาปูตินเป็นการส่วนตัว เขาจึงยอมให้มีการช่วยเหลือร่วมมือจาก ทีมอังกฤษและทีมนอร์เวย์ ที่มาช่วยกัน ในวันที่ 21
    ที่ทีมทั้งสองนี้ สามารถเปิดฝาปิดเรือดำน้ำได้ภายใน 6 ชั่วโมง
    ในขณะที่รัสเซียได้พยายามอยู่ถึงเก้าวันยังเปิดไม่ได้
    ทันทีที่ปูตินกลับถึงมอสโคว์……เสียงตำหนิ ก่นด่ามาจากทุกสารทิศ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวของทหารผู้เสียชีวิต
    ซ้ำร้าย……สื่อตีซ้ำด้วยในเรื่องที่ประธานาธิบดีไม่ได้สนใจกับ
    เรื่องนี้ เพราะกำลังไปสนุกสนานพักร้อนริมชายหาด……
    โดยเฉพาะช่องทีวีของ Boris Berezovsky ที่เป็นฝ่ายประโคมข่าว…

    ปูตินโกรธจัด เพราะข่าวจากสายในกองทัพบอกมาว่า บอริสได้จ้างหน้าม้าที่เป็นผู้หญิงมาอ้างตัวว่าเป็นภรรยาของทหารที่ตาย มาร้องห่มร้องไห้ ด่าปูตินออกอากาศ
    บอริสได้เข้าพบกับปูติน เพื่อแก้ข้อหา พร้อมตะโดนใส่ปูตินว่า
    “นั่นเป็นเรื่องจริง…ไม่ใช่หน้าม้า……ไอ้พวกนั้นมันโกหก……!!”
    วันที่ 22 สิงหาคม……ปูตินได้ไปที่ที่เกิดเหตุ พร้อมพบปะกับเหล่าครอบครัวผู้สูญเสีย ที่อยู่ในสภาพโกรธแค้น
    เขาพยายามเยียวยาด้วยการจ่ายเงินเดือนยาวไปสิบปี
    และจัดหาที่อยู่ให้อย่างสะดวกสะบาย พร้อมสวัสดิการเต็มที่
    แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก
    เมื่อหนึ่งในนั้น……ได้ตะโกนถามเขาว่า
    “ทำไมไม่มาช่วยกู้อย่างทันที ……”
    ปูตินตอบไปอย่างตรงๆว่า……
    “เพราะเราไม่มีเครื่องมืออะไรอย่างนั้นเหลือใช้ในชาติเราไง…”

    ปูตินรู้ดีแก่ใจว่า……ไม่ใช่ความผิดของแม่ทัพเรือ (ที่โบ้ยว่าเป็นความผิดของอเมริกา ) ไม่ใช่ความผิดของหน่วยข่าวกรอง
    แต่ทุกอย่างที่มันเลวร้ายได้ขนาดนี้ เพราะ “สื่อ” ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ล้วนๆ ที่มีอำนาจทำลายล้างได้เทียบเท่ากับกองทัพขนาดใหญ่

    วันต่อมา..ปูตินได้ออกแถลงการทางโทรทัศน์ ที่เขาถอดใจพูดออกมาว่า ประเทศชาติได้ผ่านวิกฤติมาทุกรูปแบบ ทั้งในและนอกประเทศ แต่สิ่งที่ซ้ำเติมเรา คือ กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากความเดือดร้อนของชาติ โดยการให้ข่าวบิดเบือนสร้างความเจ็บช้ำ แล้วมาทำดีโดยการระดมทุนเพื่อให้ผู้เสียหาย เพื่อเอาการค้ามาอิงร่วม การระดมทุนที่อ้างว่ามีถึงล้านเหรียญ (โดยประมาณ) มันแค่เป็นเศษน้อยนิด จากสิ่งที่เขารีดไปจากเรา ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์หรูที่เมดิเตอร์เรเนียน ฝั่งฝรั่งเศส และฝั่งสเปน ไปช่วยกันถามหน่อยซิ ว่าเขาเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อ……??

    เรื่องนี้……คือการกระทบ Boris Berezovsky โดยตรง เพราะเขาเป็นคนระดมทุนที่ว่า
    จากวันนั้น……ปูตินได้ทำการรุกเอาสมบัติของชาติคืนอย่างเอาจริงเอาจัง
    ยึดหุ้น Aeroflot คืนจากบอริส ที่หนีออกนอกประเทศไป
    ก่อนหนี……เขาได้ลุกลี้ลุกลนขายหุ้นสถานีโทรทัศน์ให้กับ
    Roman Abramovich (ที่คืนให้กับรัฐบาลในต่อมา)
    ส่วนนาย Gusinsky ได้ถูกยึดหุ้นทั้งหมดของ NTV เพราะมีหนี้ติดค้างกับ Gazprom หลังจากที่หนีไปสเปน
    เท่ากับว่า……ช่องทีวีเอกชนทั้งหมดได้ไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาลอย่างเรียบร้อย

    วันที่ 11 กันยายน…ปูตินได้เรียกประชุมนักข่าวจาก 48 สำนัก
    ให้เข้ามารับนโยบายของรัฐบาล และจะมีการให้ข่าวในเรื่องการปฎิบัติการทางทหารที่เชเชน…
    ทันทีที่จบการบันทึกภาพการประชุม ……เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้รีบเข้ามารายงานให้เขาเข้าไปดู”อะไรบางอย่าง” โดยด่วนที่หน้าจอมอนิเตอร์ทีวี
    ภาพที่เขาเห็นคือ ภาพของเหตุการณ์ 9/11 ที่นครนิวยอร์ค
    ที่เป็นฝีมือของ Al-Queda ที่มีประวัติแทรกแซงฟาดฟันกับรัสเซียในเชเชนด้วยเช่นกัน
    สิ่งแรกที่ปูตินทำ คือ เขาหันไปถาม Sergei Ivanov ว่า..
    “เราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง…??”
    เขาไม่ได้พูดเฉยๆ ปูตินยกหูไปหาประธานาธิบดีบุชทันที
    และได้พูดกับ นาง Condoleeza Rice (ฝ่ายความมั่นคง)
    เขาได้ยืนยันกับเธอว่า รัสเซียจะยกเลิกเรื่องการซ้อมรบทางฝั่งแปซิฟิค (ที่เพิ่งเริ่มไปเมื่อวาน) และ จะพักเรื่องการเจรจานิวเคลียร์ไปก่อน ทางอเมริกามีอะไรให้เราช่วยได้ ขอให้บอกมาได้เลย ทางเรายินดีให้ความร่วมมือเต็มที่…”

    ทันทีที่วางหูโทรศัพท์ไป.……ความรู้สึกอย่างหนึ่งได้บอกกับ
    เขาว่า………สงครามเย็นได้จบสิ้นลงแล้ว………!!!
    เพราะจากนี้ไป รัสเซียและอเมริกาจะต้องร่วมมือกัน เพราะมีศัตรูคนเดียวกัน
    คือ….กลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ (The Terrorists) ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า……พวกเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน…?!!

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งขา….เส้นทางของพี่ปูไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ คราวนี้เจอหนามเพียบเลยค่าาาา…. ตอนสิบเอ็ด.……ผู้นำหน้าใหม่……ที่แทบม้วยเพราะพิษสื่อ…!!!!! หลังจากที่พิธีเข้ารับการสาบานตนรับตำแหน่งที่สมเกียรติได้ผ่านไป ปูตินต้องจัดระเบียบครอบครัวใหม่ มาชาและแคทยา ธิดาทั้งสอง เข้าเรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส นอกเหนือไปจากเยอรมันที่ใช้เป็นภาษาที่สอง ลุดมิลาลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ที่ Telekominvest อาคันตุกะรายแรกที่มาเยี่ยมประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Tony Blair นายกรัฐมนตรีจากอังกฤษ ที่ลุดมิลาได้ทำหน้าที่ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งได้อย่างเต็มภาคภูมิ ในส่วนของการแสดงทรัพย์สิน…ปูตินมีอสังหาริมทรัพย์สามแห่ง แห่งหนึ่งคือบ้านพักตามอากาศที่เพิ่งซ่อมเสร็จจากไฟไหม้ และอีกสองแห่งที่รับมาจากพ่อแม่เขา และ พ่อตา เงินในธนาคาร มีอยู่ประมาณ 13,000 ดอลล่าร์ ที่นับว่าพอประมาณ แต่ไม่ใช่ขั้นเศรษฐี ด้านบุคลากร ปูตินได้นำเพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงานจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก เข้ามาทั้งทีม เช่น Dmitri Medvedev (ต่อมาคือนายกรัฐมนตรี) Aleksei Kudrin (ต่อมาคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) รวมไปถึงทีมจาก FSB กลุ่มนี้ เป็นที่รู้จักกันว่า คณะปีเตอร์สเบอร์ก ที่เริ่มจะไม่กินเส้นกับกลุ่มมอสโคว์ ปูติน……ไม่ไว้ใจกลุ่มมอสโคว์ เพราะพวกนี้ต่างมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะมีธุรกิจแอบแฝงในเบื้องหลัง อีกทั้งมีความสนิทสนมกับกลุ่มทุน ส่วนกลุ่มข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเยลซิน……เขายังเก็บไว้บางคน เช่น Alexandr Voloshin และ Anatoly Chubais ปูตินพูดเสมอว่า “ผมมีเพื่อนเยอะแยะ แต่ที่สนิทจริงๆมีไม่กี่คน กลุ่มนี้จะไม่ทิ้งผมไปไหน และผมก็จะไม่ทิ้งเขาเช่นกัน” นายกรัฐมนตรีที่เขาเลือก คือ Mikhail Kasyanov ทางด้านเศรษฐกิจ……ปูตินปรับระบบภาษี คือ 13% สำหรับประชาชนทั่วไป และ 24% จากธุรกิจห้างร้าน ลดจากเมื่อก่อนที่เคยเก็บ 35% ที่เก็บไม่ค่อยได้เพราะคนเลี่ยงจ่าย แต่นโยบายใหม่นี้ ……จะเก็บถึงที่ และเก็บทุกราย เริ่มต้นในเดือนมกราคม 2002 นอกจากนั้น คือการชำระสะสางการใช้จ่ายของรัฐบาล กำจัดพวกที่อิงผลประโยชน์ และ สั่งให้กลุ่มจากตะวันตกจัดระเบียบใหม่ในเรื่องค่าแรง ในรัฐบาลชองปูตินเป็นผสมผสานระหว่าง ประชาธิปไตยสมัยใหม่กับระบบโซเวียต ที่ขึ้นอยู่กับปูตินว่าเขาจะเอาส่วนไหนมาใช้ วันที่ 11 พฤษภาคม สี่วันหลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีหมาดๆ งานเก็บกวาดได้เริ่มขึ้น นั่นคือ กลุ่ม FSB ได้บุกเข้าไปค้นสำนักพิมพ์ Media-Most ต้อนพนักงานทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ห้องอาหาร เหล่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดเอาเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์ และ…ปืนพก(แบบสั่งทำขึ้น ประเภทสวยงาม สำหรับสะสม) ที่เป็นของ Vladimir Gusinsky เจ้าของและบรรณาธิการ นายกัสซินสกี้ เป็นเจ้าของช่องโทรทัศน์ NTV ซึ่งเป็นช่องเอกชนรายแรกของรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ หรือ ช่องทีวี ทั้งสองรายการคือ ไม่โปรปูติน แถมยังทำการ์ตูนล้อเลียน เช่นลักษณะหูกาง ตาโรย ที่ใครๆก็รู้ว่า นั่นคือปูติน ที่เขาล้อเลียนหนักข้อเข้าทุกที นอกจากเข้าค้นสำนักงานแล้ว หน่วยเก็บภาษีได้ทำการตรวจย้อนหลังสมทบอีก FSB ได้ทำการยึดปืนพกกระบอกนั้นไป และ กัสซินสกี้ได้ตกเป็นผู้ต้องหา ในช่วงที่เกิดขึ้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่ ประธานาธิบดี บิล คลินตัน ได้มาเยี่ยมเยียนเป็นอาคันตุกะพอดี คลินตันได้พยายาม ถามถึงเรื่องคดีนี้ (กัสซินสกี้เป็นมหาเศรษฐียิว ที่มีธุรกิจอยู่ในอเมริกาด้วยเช่นกัน) แต่ปูตินได้อ้างว่า เขาไม่ทราบเรื่องเพราะในช่วงที่เกิดขึ้น เขาอยู่ที่สเปน สาเหตุที่บิล คลินตันไปรัสเซีย คือเรื่องการเจรจาถอยคนละก้าวในเรื่องของนิวเคลียร์ที่ต้องจำกัดจำนวนให้น้อยที่สุด แต่ไม่ได้ผลอะไรกับปูติน เพราะมันเป็นการใส่หน้ากากเข้าหากัน เพราะความขัดแย้งในพื้นที่รอบรัสเซียที่งัดกันอยู่ ก็เพราะอเมริกาสนับสนุนอยู่อย่างลับๆ……ใครๆก็รู้ หลังจากที่คลินตันกลับไป เก้าวันต่อมา……กัสซินสกี้ก็ถูกจับด้วยข้อหามีปืนในครอบครองโดยไม่มีใบอนุญาต **กัสซินสกี้ได้มีหลายคดีตามมา จนเขาต้องขอแลกอิสรภาพด้วยการขายหุ้นทุกอย่างคืนให้กับรัฐบาล เมื่อเขาออกไปอยู่ที่สเปน ก็ได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลรัสเซียในเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน…คดียาวนานมาเป็นยี่สิบปี ในระหว่างนั้น เขาก็ยังทำธุรกิจหนังสือพิมพ์และช่องทีวีในต่างประเทศ แน่นอนว่า…… ไม่เป็นมิตรกับรัสเซียและปูติน วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงของการพักร้อน พักผ่อนหย่อนใจ ปูตินและครอบครัวไปยังรีสอร์ตที่ Sochi ชายฝั่งทะเลดำ เมื่อไปถึง เขายังไม่ทันได้วางกระเป๋าเสื้อผ้า เสียงโทรศัพท์ด่วนเข้ามา ข่าวร้าย……คือ เรือดำน้ำบรรทุกนิวเคลียร์ “the Kursk” ได้เกิดระเบิดขึ้นในขณะที่มีการซ้อมรบที่ Barents Sea, Murmansk เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เคอร์สค์ ได้สร้างขึ้นในสมัยโซเวียต มาเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 1994 ที่นับว่าทันสมัยที่สุด สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา (ถ้ามีสงคราม) ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เกิดอะไรขึ้น แต่เหตุได้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ปูตินเพิ่งออกจากมอสโคว์ มีการระเบิดขึ้นสองครั้ง เรือจมดิ่งลงก้นสมุทร ลูกเรือ 113 คน เสียชีวิตหมด เมื่อปูตินได้ทราบข่าว……ทุกอย่างก็สายไปแล้ว อย่างเดียวที่ทำได้ คือ ปิดข่าวไว้ก่อน แล้วส่งทีมไปค้นหา เขายังทำตัวปรกติ……เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่รอฟังข่าว อย่างใจจดใจจ่อ Boris Berezovsky โทรมาหาเขาจากปารีส ถามว่า “มาทำอะไรอยู่ในโซชิ…ทำไมไม่กลับไปที่มอสโคว์ หรือไปที่เกิดเหตุ……?” มาถึงตอนนี้……ปูตินเริ่มฉุน เพราะไม่ใช่หน้าที่อะไรของนายแบเรซอฟสกี้ ที่เป็นเพียงกลุ่มทุนที่อิงมาตั้งแต่สมัยกอร์บาเชฟ แต่ชอบเสนอหน้าไปทุกสิ่ง ประมาณตัวว่าเป็นนักการเมืองใหญ่ จะสั่งใครก็ได้ ในตอนนั้น……หลายประเทศเสนอตัวมาช่วยค้นหา แต่แม่ทัพเรือปฏิเสธ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นสอดแนมดูพิมพ์เขียว จนบิล คลินตันโทรมาหาปูตินเป็นการส่วนตัว เขาจึงยอมให้มีการช่วยเหลือร่วมมือจาก ทีมอังกฤษและทีมนอร์เวย์ ที่มาช่วยกัน ในวันที่ 21 ที่ทีมทั้งสองนี้ สามารถเปิดฝาปิดเรือดำน้ำได้ภายใน 6 ชั่วโมง ในขณะที่รัสเซียได้พยายามอยู่ถึงเก้าวันยังเปิดไม่ได้ ทันทีที่ปูตินกลับถึงมอสโคว์……เสียงตำหนิ ก่นด่ามาจากทุกสารทิศ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวของทหารผู้เสียชีวิต ซ้ำร้าย……สื่อตีซ้ำด้วยในเรื่องที่ประธานาธิบดีไม่ได้สนใจกับ เรื่องนี้ เพราะกำลังไปสนุกสนานพักร้อนริมชายหาด…… โดยเฉพาะช่องทีวีของ Boris Berezovsky ที่เป็นฝ่ายประโคมข่าว… ปูตินโกรธจัด เพราะข่าวจากสายในกองทัพบอกมาว่า บอริสได้จ้างหน้าม้าที่เป็นผู้หญิงมาอ้างตัวว่าเป็นภรรยาของทหารที่ตาย มาร้องห่มร้องไห้ ด่าปูตินออกอากาศ บอริสได้เข้าพบกับปูติน เพื่อแก้ข้อหา พร้อมตะโดนใส่ปูตินว่า “นั่นเป็นเรื่องจริง…ไม่ใช่หน้าม้า……ไอ้พวกนั้นมันโกหก……!!” วันที่ 22 สิงหาคม……ปูตินได้ไปที่ที่เกิดเหตุ พร้อมพบปะกับเหล่าครอบครัวผู้สูญเสีย ที่อยู่ในสภาพโกรธแค้น เขาพยายามเยียวยาด้วยการจ่ายเงินเดือนยาวไปสิบปี และจัดหาที่อยู่ให้อย่างสะดวกสะบาย พร้อมสวัสดิการเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เมื่อหนึ่งในนั้น……ได้ตะโกนถามเขาว่า “ทำไมไม่มาช่วยกู้อย่างทันที ……” ปูตินตอบไปอย่างตรงๆว่า…… “เพราะเราไม่มีเครื่องมืออะไรอย่างนั้นเหลือใช้ในชาติเราไง…” ปูตินรู้ดีแก่ใจว่า……ไม่ใช่ความผิดของแม่ทัพเรือ (ที่โบ้ยว่าเป็นความผิดของอเมริกา ) ไม่ใช่ความผิดของหน่วยข่าวกรอง แต่ทุกอย่างที่มันเลวร้ายได้ขนาดนี้ เพราะ “สื่อ” ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ล้วนๆ ที่มีอำนาจทำลายล้างได้เทียบเท่ากับกองทัพขนาดใหญ่ วันต่อมา..ปูตินได้ออกแถลงการทางโทรทัศน์ ที่เขาถอดใจพูดออกมาว่า ประเทศชาติได้ผ่านวิกฤติมาทุกรูปแบบ ทั้งในและนอกประเทศ แต่สิ่งที่ซ้ำเติมเรา คือ กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากความเดือดร้อนของชาติ โดยการให้ข่าวบิดเบือนสร้างความเจ็บช้ำ แล้วมาทำดีโดยการระดมทุนเพื่อให้ผู้เสียหาย เพื่อเอาการค้ามาอิงร่วม การระดมทุนที่อ้างว่ามีถึงล้านเหรียญ (โดยประมาณ) มันแค่เป็นเศษน้อยนิด จากสิ่งที่เขารีดไปจากเรา ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์หรูที่เมดิเตอร์เรเนียน ฝั่งฝรั่งเศส และฝั่งสเปน ไปช่วยกันถามหน่อยซิ ว่าเขาเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อ……?? เรื่องนี้……คือการกระทบ Boris Berezovsky โดยตรง เพราะเขาเป็นคนระดมทุนที่ว่า จากวันนั้น……ปูตินได้ทำการรุกเอาสมบัติของชาติคืนอย่างเอาจริงเอาจัง ยึดหุ้น Aeroflot คืนจากบอริส ที่หนีออกนอกประเทศไป ก่อนหนี……เขาได้ลุกลี้ลุกลนขายหุ้นสถานีโทรทัศน์ให้กับ Roman Abramovich (ที่คืนให้กับรัฐบาลในต่อมา) ส่วนนาย Gusinsky ได้ถูกยึดหุ้นทั้งหมดของ NTV เพราะมีหนี้ติดค้างกับ Gazprom หลังจากที่หนีไปสเปน เท่ากับว่า……ช่องทีวีเอกชนทั้งหมดได้ไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาลอย่างเรียบร้อย วันที่ 11 กันยายน…ปูตินได้เรียกประชุมนักข่าวจาก 48 สำนัก ให้เข้ามารับนโยบายของรัฐบาล และจะมีการให้ข่าวในเรื่องการปฎิบัติการทางทหารที่เชเชน… ทันทีที่จบการบันทึกภาพการประชุม ……เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้รีบเข้ามารายงานให้เขาเข้าไปดู”อะไรบางอย่าง” โดยด่วนที่หน้าจอมอนิเตอร์ทีวี ภาพที่เขาเห็นคือ ภาพของเหตุการณ์ 9/11 ที่นครนิวยอร์ค ที่เป็นฝีมือของ Al-Queda ที่มีประวัติแทรกแซงฟาดฟันกับรัสเซียในเชเชนด้วยเช่นกัน สิ่งแรกที่ปูตินทำ คือ เขาหันไปถาม Sergei Ivanov ว่า.. “เราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง…??” เขาไม่ได้พูดเฉยๆ ปูตินยกหูไปหาประธานาธิบดีบุชทันที และได้พูดกับ นาง Condoleeza Rice (ฝ่ายความมั่นคง) เขาได้ยืนยันกับเธอว่า รัสเซียจะยกเลิกเรื่องการซ้อมรบทางฝั่งแปซิฟิค (ที่เพิ่งเริ่มไปเมื่อวาน) และ จะพักเรื่องการเจรจานิวเคลียร์ไปก่อน ทางอเมริกามีอะไรให้เราช่วยได้ ขอให้บอกมาได้เลย ทางเรายินดีให้ความร่วมมือเต็มที่…” ทันทีที่วางหูโทรศัพท์ไป.……ความรู้สึกอย่างหนึ่งได้บอกกับ เขาว่า………สงครามเย็นได้จบสิ้นลงแล้ว………!!! เพราะจากนี้ไป รัสเซียและอเมริกาจะต้องร่วมมือกัน เพราะมีศัตรูคนเดียวกัน คือ….กลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ (The Terrorists) ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า……พวกเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน…?!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 989 Views 0 Reviews