• 83 ปี แห่งการประชุมวันเซ จุดเริ่มไอน์ซัทซ์กรุพเพิน นาซีเยอรมนี ปฏิบัติการล้างบางชาวยิว


    ย้อนไปเมื่อ 83 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2485 การประชุมวันเซ (Wannsee Conference) ณ คฤหาสน์โกเบน วันเซ ชานกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่เปลี่ยนโฉมหน้า ประวัติศาสตร์โลก ไปตลอดกาล ที่นี่ ผู้นำนาซีเยอรมัน รวมถึงสมาชิกระดับสูง ของหน่วยเอสเอส (SS) และเจ้าหน้าที่ข้าราชการระดับสูง ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อดำเนิน "การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย" หรือ “Final Solution” ซึ่งเป็นโครงการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ทั่วทวีปยุโรป

    การประชุมวันเซ จุดเริ่มต้นการล้างบาง
    การประชุมครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดย ไรน์ฮาร์ด ไฮดริช (Reinhard Heydrich) ผู้อำนวยการ สำนักความมั่นคงหลักไรช์ (Reich Security Main Office) โดยมีเป้าหมายเพื่อวางแผน และสร้างความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ของเยอรมนี ในปฏิบัติการกำจัดชาวยิว ทั่วทั้งทวีปยุโรป ไฮดริชต้องการความแน่ใจว่า หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง เช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ จะปฏิบัติตามแผนการ ที่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน

    นอกจากการสร้างความร่วมมือ ไฮดริชยังได้ใช้การประชุมครั้งนี้ เพื่อชี้แจงแผนการ ส่งชาวยิวในยุโรปตะวันตก ไปยังค่ายมรณะในโปแลนด์ เช่น ค่ายเอาชวิทซ์ (Auschwitz) และเทรบลินกา (Treblinka) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย”

    ผู้เข้าร่วมการประชุม มีทั้งหมด 15 คน ซึ่งเป็นตัวแทนระดับสูง จากหลายหน่วยงาน รวมถึงผู้นำจากหน่วยเอสเอส ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และข้าราชการระดับสูง หนึ่งในนั้นคือ อัดอล์ฟ ไอช์มันน์ (Adolf Eichmann) ผู้มีบทบาทสำคัญ ในการประสานงาน และดำเนินการขนส่งชาวยิว ไปยังค่ายมรณะ

    ในบันทึกการประชุม ที่หลงเหลือมาจากสงคราม แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมไม่ได้แสดงความขัดแย้ง ต่อแผนการนี้ แต่กลับสนับสนุน และมีการพูดคุย ถึงวิธีการอย่างละเอียด

    ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน กองกำลังสังหาร ที่ปฏิบัติการในแนวรบตะวันออก
    ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน (Einsatzgruppen) หรือ "หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ" เป็นกลุ่มกองกำลัง ของหน่วยเอสเอส ที่ถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติภารกิจสังหารหมู่ ในพื้นที่ที่กองทัพเยอรมันยึดครอง โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก หลังการรุกรานโปแลนด์ และสหภาพโซเวียต หน่วยเหล่านี้ มีหน้าที่กำจัดกลุ่มคน ที่ถูกระบุว่า เป็นภัยต่อระบอบนาซี เช่น ชาวยิว ชาวโรมานี (ยิปซี) ปัญญาชน และสมาชิกฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง

    ปฏิบัติการไอน์ซัทซ์กรุพเพิน
    การสังหารหมู่ส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นผ่านการยิงเป้า ในพื้นที่ชนบทหรือป่าลึก ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักคือ การสังหารหมู่ที่บาบี ยาร์ (Babi Yar) ในยูเครน เมื่อเดือนกันยายน 2484 ซึ่งมีชาวยิวมากกว่า 33,000 คน ถูกสังหารภายในเวลาเพียง 2 วัน

    ในช่วงแรก เหยื่อถูกบังคับ ให้ขุดหลุมศพของตนเอง ก่อนจะถูกยิงเป้า ต่อมานาซีเริ่มใช้วิธีการที่ "มีประสิทธิภาพมากขึ้น" เช่น การส่งเหยื่อไปยังค่ายมรณะ และสังหารในห้องรมแก๊ส

    ตามการประเมิน ของนักประวัติศาสตร์ หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน มีส่วนรับผิดชอบ ต่อการสังหารผู้คนกว่า 2 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ มีชาวยิวประมาณ 1.3 ล้านคน

    มาตรการสุดท้าย การล้างเผ่าพันธุ์อย่างเป็นระบบ
    บังคับใช้กฎหมาย แบ่งแยกชาวยิว
    ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีเริ่มจากการบังคับใช้ กฎหมายเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Laws) ในปี 1935 ซึ่งแยกชาวยิว ออกจากสังคมเยอรมัน อย่างเป็นทางการ

    ตั้งเกตโต
    ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวถูกบังคับ ให้ย้ายไปอาศัยในเขตเกตโต (Ghetto) เช่น เกตโตวอร์ซอ (Warsaw Ghetto) ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด และไร้มนุษยธรรม

    การเนรเทศและสังหารหมู่
    ชาวยิวถูกขนส่งใน "รถไฟมรณะ" ไปยังค่ายมรณะ เช่น เอาชวิทซ์ เพื่อถูกสังหาร ในห้องรมแก๊ส

    มาตรการสุดท้ายของนาซี นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่า 6 ล้านคน คิดเป็นสองในสาม ของประชากรยิวในยุโรป ในขณะนั้น

    เอกสารที่หลงเหลือ
    หลังสงครามสิ้นสุดลง สำเนาพิธีสารการประชุมวันเซ ถูกค้นพบโดยฝ่ายสัมพันธมิตร และถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานสำคัญ ในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Trials) เพื่อดำเนินคดี กับผู้นำนาซี

    สำนึกผิดและสร้างอนุสรณ์
    ปัจจุบัน อาคารที่เคยใช้จัดการประชุมวันเซ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ และอนุสรณ์สถาน เพื่อรำลึกถึงเหยื่อ ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

    คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
    1. การประชุมวันเซ มีผลกระทบอย่างไรต่อชาวยิว?
    การประชุมวันเซ เป็นการกำหนดแผนปฏิบัติการ สังหารหมู่ชาวยิว อย่างเป็นระบบ ทั่วทวีปยุโรป ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิต ของชาวยิวกว่า 6 ล้านคน

    2. หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน ทำหน้าที่อะไร?
    ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน เป็นหน่วยกองกำลังของเอสเอส ที่มีหน้าที่ปฏิบัติการสังหารหมู่ ในยุโรปตะวันออก โดยใช้วิธีการยิงเป้า และการสังหารหมู่ในระดับใหญ่

    3. มีชาวยิวกี่คนที่เสียชีวิต ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์?
    ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ ชาวยิวประมาณ 6 ล้านคน ถูกสังหาร รวมถึงผู้เสียชีวิตจากกลุ่มชาติพันธุ์ และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ อีกกว่า 11 ล้านคน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200908 ม.ค. 2568

    #Holocaust #WannseeConference #Einsatzgruppen #FinalSolution #NaziGermany #JewishHistory #WorldWarII #Genocide #NeverAgain #HistoryMatters
    83 ปี แห่งการประชุมวันเซ จุดเริ่มไอน์ซัทซ์กรุพเพิน นาซีเยอรมนี ปฏิบัติการล้างบางชาวยิว ย้อนไปเมื่อ 83 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2485 การประชุมวันเซ (Wannsee Conference) ณ คฤหาสน์โกเบน วันเซ ชานกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่เปลี่ยนโฉมหน้า ประวัติศาสตร์โลก ไปตลอดกาล ที่นี่ ผู้นำนาซีเยอรมัน รวมถึงสมาชิกระดับสูง ของหน่วยเอสเอส (SS) และเจ้าหน้าที่ข้าราชการระดับสูง ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อดำเนิน "การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย" หรือ “Final Solution” ซึ่งเป็นโครงการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ทั่วทวีปยุโรป การประชุมวันเซ จุดเริ่มต้นการล้างบาง การประชุมครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดย ไรน์ฮาร์ด ไฮดริช (Reinhard Heydrich) ผู้อำนวยการ สำนักความมั่นคงหลักไรช์ (Reich Security Main Office) โดยมีเป้าหมายเพื่อวางแผน และสร้างความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ของเยอรมนี ในปฏิบัติการกำจัดชาวยิว ทั่วทั้งทวีปยุโรป ไฮดริชต้องการความแน่ใจว่า หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง เช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ จะปฏิบัติตามแผนการ ที่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน นอกจากการสร้างความร่วมมือ ไฮดริชยังได้ใช้การประชุมครั้งนี้ เพื่อชี้แจงแผนการ ส่งชาวยิวในยุโรปตะวันตก ไปยังค่ายมรณะในโปแลนด์ เช่น ค่ายเอาชวิทซ์ (Auschwitz) และเทรบลินกา (Treblinka) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย” ผู้เข้าร่วมการประชุม มีทั้งหมด 15 คน ซึ่งเป็นตัวแทนระดับสูง จากหลายหน่วยงาน รวมถึงผู้นำจากหน่วยเอสเอส ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และข้าราชการระดับสูง หนึ่งในนั้นคือ อัดอล์ฟ ไอช์มันน์ (Adolf Eichmann) ผู้มีบทบาทสำคัญ ในการประสานงาน และดำเนินการขนส่งชาวยิว ไปยังค่ายมรณะ ในบันทึกการประชุม ที่หลงเหลือมาจากสงคราม แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมไม่ได้แสดงความขัดแย้ง ต่อแผนการนี้ แต่กลับสนับสนุน และมีการพูดคุย ถึงวิธีการอย่างละเอียด ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน กองกำลังสังหาร ที่ปฏิบัติการในแนวรบตะวันออก ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน (Einsatzgruppen) หรือ "หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ" เป็นกลุ่มกองกำลัง ของหน่วยเอสเอส ที่ถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติภารกิจสังหารหมู่ ในพื้นที่ที่กองทัพเยอรมันยึดครอง โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก หลังการรุกรานโปแลนด์ และสหภาพโซเวียต หน่วยเหล่านี้ มีหน้าที่กำจัดกลุ่มคน ที่ถูกระบุว่า เป็นภัยต่อระบอบนาซี เช่น ชาวยิว ชาวโรมานี (ยิปซี) ปัญญาชน และสมาชิกฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง ปฏิบัติการไอน์ซัทซ์กรุพเพิน การสังหารหมู่ส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นผ่านการยิงเป้า ในพื้นที่ชนบทหรือป่าลึก ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักคือ การสังหารหมู่ที่บาบี ยาร์ (Babi Yar) ในยูเครน เมื่อเดือนกันยายน 2484 ซึ่งมีชาวยิวมากกว่า 33,000 คน ถูกสังหารภายในเวลาเพียง 2 วัน ในช่วงแรก เหยื่อถูกบังคับ ให้ขุดหลุมศพของตนเอง ก่อนจะถูกยิงเป้า ต่อมานาซีเริ่มใช้วิธีการที่ "มีประสิทธิภาพมากขึ้น" เช่น การส่งเหยื่อไปยังค่ายมรณะ และสังหารในห้องรมแก๊ส ตามการประเมิน ของนักประวัติศาสตร์ หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน มีส่วนรับผิดชอบ ต่อการสังหารผู้คนกว่า 2 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ มีชาวยิวประมาณ 1.3 ล้านคน มาตรการสุดท้าย การล้างเผ่าพันธุ์อย่างเป็นระบบ บังคับใช้กฎหมาย แบ่งแยกชาวยิว ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีเริ่มจากการบังคับใช้ กฎหมายเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Laws) ในปี 1935 ซึ่งแยกชาวยิว ออกจากสังคมเยอรมัน อย่างเป็นทางการ ตั้งเกตโต ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวถูกบังคับ ให้ย้ายไปอาศัยในเขตเกตโต (Ghetto) เช่น เกตโตวอร์ซอ (Warsaw Ghetto) ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด และไร้มนุษยธรรม การเนรเทศและสังหารหมู่ ชาวยิวถูกขนส่งใน "รถไฟมรณะ" ไปยังค่ายมรณะ เช่น เอาชวิทซ์ เพื่อถูกสังหาร ในห้องรมแก๊ส มาตรการสุดท้ายของนาซี นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่า 6 ล้านคน คิดเป็นสองในสาม ของประชากรยิวในยุโรป ในขณะนั้น เอกสารที่หลงเหลือ หลังสงครามสิ้นสุดลง สำเนาพิธีสารการประชุมวันเซ ถูกค้นพบโดยฝ่ายสัมพันธมิตร และถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานสำคัญ ในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Trials) เพื่อดำเนินคดี กับผู้นำนาซี สำนึกผิดและสร้างอนุสรณ์ ปัจจุบัน อาคารที่เคยใช้จัดการประชุมวันเซ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ และอนุสรณ์สถาน เพื่อรำลึกถึงเหยื่อ ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คำถามที่พบบ่อย (FAQs) 1. การประชุมวันเซ มีผลกระทบอย่างไรต่อชาวยิว? การประชุมวันเซ เป็นการกำหนดแผนปฏิบัติการ สังหารหมู่ชาวยิว อย่างเป็นระบบ ทั่วทวีปยุโรป ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิต ของชาวยิวกว่า 6 ล้านคน 2. หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน ทำหน้าที่อะไร? ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน เป็นหน่วยกองกำลังของเอสเอส ที่มีหน้าที่ปฏิบัติการสังหารหมู่ ในยุโรปตะวันออก โดยใช้วิธีการยิงเป้า และการสังหารหมู่ในระดับใหญ่ 3. มีชาวยิวกี่คนที่เสียชีวิต ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์? ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ ชาวยิวประมาณ 6 ล้านคน ถูกสังหาร รวมถึงผู้เสียชีวิตจากกลุ่มชาติพันธุ์ และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ อีกกว่า 11 ล้านคน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200908 ม.ค. 2568 #Holocaust #WannseeConference #Einsatzgruppen #FinalSolution #NaziGermany #JewishHistory #WorldWarII #Genocide #NeverAgain #HistoryMatters
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี้โวยรัสเซียไร้มนุษยธรรม ยิงขีปนาวุธ 70 ลูก และ โดรนอีกกว่า 100 ลำ โจมตีในวันคริสต์มาส

    รัสเซียมุ่งเป้าถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในหลายเมืองของยูเครน ซึ่งรวมถึงเมืองคาร์คีฟ ส่งผลให้ต้องจำกัดการจ่ายไฟให้กับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงกรุงเคียฟ
    เซเลนสกี้โวยรัสเซียไร้มนุษยธรรม ยิงขีปนาวุธ 70 ลูก และ โดรนอีกกว่า 100 ลำ โจมตีในวันคริสต์มาส รัสเซียมุ่งเป้าถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในหลายเมืองของยูเครน ซึ่งรวมถึงเมืองคาร์คีฟ ส่งผลให้ต้องจำกัดการจ่ายไฟให้กับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงกรุงเคียฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨ข้อมูลที่อันตรายและน่าเป็นห่วงสำหรับมุสลิม แต่เพื่อความสัตย์จริงและประวัติศาสตร์ ผมต้องเผยแพร่มันเกี่ยวกับสัญชาติที่แท้จริงของอัล-โจลานี เพราะเขาเป็น #ยิว และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนิติศาสตร์อิสลามใน #เทลอาวีฟ! ● ฉากทัศน์เวอร์ชันใหม่ของไซออนิสต์ สำหรับ โจลานี Mohammad al-Jolani ซึ่งปัจจุบันในฐานะผู้นำของกลุ่มผู้ก่อการร้าย HTS ( Tahrir al-Sham ) ในซีเรียได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสื่อในเครือข่ายระหว่างประเทศ ซึ่งตลอดกิจกรรมของเขาในกลุ่มก่อการร้าย เขาสามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของระบอบไซออนิสต์ในตะวันออกกลางตามความต้องการของประเทศตะวันตกอย่างดีเยี่ยมปัจจุบันเขาปรากฏอยู่ในสื่อไซออนิสต์ด้วยหน้าตาที่มีเสน่ห์ เป็นที่นิยม ร่วมสนทนา และมีอารยธรรม เป็นคนที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้ายในเดือนพฤษภาคม 2013 และสี่ปีต่อมาตั้งค่าหัว 10 ล้านดอลลาร์สำหรับบุคคลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจับกุมของเขาเขามีชื่อเล่นว่า Al-Jolani มาจากชื่อของที่ราบสูงโกลัน ซึ่งระบอบไซออนิสต์ยึดครองและผนวกเข้ากับอาณาเขตของตนในสงครามปี 1967เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2014 โจลานีอ้างว่าเขาจะต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เขาถอนตัวออกจากจุดยืนดังกล่าวและประกาศในการให้สัมภาษณ์ว่า ตาห์รีร์ อัล-ชาม #ไม่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกา และได้เรียกร้องรัฐบาลอเมริกา เพื่อลบกลุ่มนี้ออกจากบัญชีรายการผู้ก่อการร้าย● โจลานี และมรดกของอเมริกาสำหรับภูมิภาคนี้ในปี 2033 โจลานีเข้าร่วมกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักภายใต้การนำของอาบู มัซอับ อัล-ซาร์กาวี เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในตำแหน่งอัลกออิดะห์ในอิรัก และกลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดของ Abu Musab al-Zarqawi ซึ่งเป็นผู้นำขององค์กรนี้ในขณะนั้นการปรากฏตัวของโจลานีในองค์กรอัลกออิดะห์ในฐานะมรดกของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เชื่อมโยงโจลานีกับนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์แม้ว่าอเมริกาจะเผชิญหน้ากับอัลกออิดะห์อย่างชัดเจน แต่ความสัมพันธ์เบื้องหลังผู้นำหลักของอัลกออิดะห์กับหน่วยข่าวกรองอเมริกันยังคงมีการติดต่ออยู่ตลอดเวลา และเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้ ควรกล่าวได้ว่าการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและรุนแรงของอัลกออิดะห์ มีมากกว่าการโจมตีชาติตะวันตก เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติตะวันตก และได้เตรียมพื้นที่สำหรับการรณรงค์ของอเมริกาและพันธมิตรในตะวันออกกลางโดยอ้างว่าต่อสู้กับการก่อการร้าย● การบริการที่ดีเยี่ยมของ โจลานี ให้กับอเมริกาในขบวนการ ISISหลังจากการก่อตั้งอัลกออิดะห์ การสร้าง ISIS ก็ถูกจัดให้อยู่ในวาระนโยบายของอเมริกา ซึ่งเป็นหัวข้อที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า เราสร้าง ISIS ด้วยตัวเราเองอย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ISIS เป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดสำหรับการบริการและการรับใช้ที่ดีของ โจลานีต่อนโยบายของอเมริกา เขาจึงเปิดสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้ชื่อ Jabhat al-Nusra และรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ กลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็นสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้การนำของ Abu Bakr al-Baghdadi และ al-Baghdadi ได้ช่วยเหลือ โจลานี ด้วยการจัดหานักรบ อาวุธ และเงิน ในเดือนมกราคม 2012 อัล-โจลานีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแนวร่วมอัล-นุสรา● ญับฮะตุล อัล-นุสเราะห์ จะเป็นที่รู้จักในนาม ญับฮะตุล ตาห์รีร์ อัลชามในปี 2016 โจลานีประกาศว่าต่อจากนี้ไป Jabhat al-Nusra จะเป็นที่รู้จักในชื่อ Jabhat Tahrir al-Shamการเปลี่ยนชื่อองค์กรที่โจลานีเป็นหัวหน้ายังคงเป็นการสานต่อนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์ และเป็นปฐมบทจนกระทั่งในที่สุด กลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้โจมตีซีเรียด้วยอุปกรณ์ชนิดใหม่ เช่น โดรนพิฆาต เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศ การหยุดยิงระหว่างระบอบไซออนิสต์กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ทำให้เกิดความกระจ่างเกี่ยวกับความร่วมมือขององค์กรก่อการร้ายเหล่านี้กับระบอบไซออนิสต์● โจลานี เปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่โซฮาอิล คาริมี ผู้สร้างสารคดีแนวต่อต้านกล่าวในการสนทนากับ “ดานา” ว่า “โจลานีได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นบุตรชายแห่งกาลเวลาตั้งแต่เริ่มกิจกรรมก่อการร้ายในทุกแง่มุม และเขาได้เปลี่ยนสีและใบหน้าของเขาเพื่อให้สนองตามข้อเรียกร้องของอเมริกา-ไซออนิสต์" เขากล่าวต่อไปว่า ผู้ก่อการร้ายเช่น บิน ลาเดน มีความคิดบางอย่าง และเขาได้เริ่มต้นชีวิตนักรบญิฮาดตั้งแต่เริ่มต้นและดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ผิด ๆ จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุด แต่คนอย่างโจลานีเปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ๆตลอดเวลาคาริมี กล่าวเสริมโดยชี้ให้เห็นว่า โจลานี มีความสอดคล้องกับความคิดของขบวนการภราดรภาพ ด้วยความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากซัดดัมและการสนับสนุนของประเทศต่างๆ ที่ต่อต้านขบวนการต่อสู้ กลุ่มภราดรภาพจึงเริ่มก่อกบฏในซีเรีย และต่อมา โจลานีก็เข้าร่วมความคิดเหล่านี้และเติบโตไปพร้อมกับมุมมองของลัทธิซาลาฟีตักฟีรีย์ เขากล่าวเสริมว่า : เมื่อบุคคล เช่น Abu Musab al-Zarqawi เริ่มกิจกรรมการก่อการร้ายของเขา โจลานีก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลังจากที่เขาไม่เห็นด้วยกับอัลกออิดะห์ และขัดแย้งกับ Abu Bakr al-Baghdadi จึงหันมาสร้างกลุ่ม Jabhat al-Nusra ขึ้นมา ซึ่งมันคือกลุ่ม Tahrir al-Sham ในเวลาต่อเวลา คาริมี ชี้ให้เห็นว่า โจลานีไม่เคยเป็นบุคคลที่เป็นอิสระในชีวิตการต่อสู้ของเขา และนำนโยบายตะวันตกในภูมิภาคนี้มาปฏิบัติเสมอมาในฐานะเสาหลักไซออนิสต์-อเมริกา คาริมีกล่าวเสริมว่า: วันหนึ่งเขาใช้ชีวิตตามคำสั่งและสถานการณ์ของเจ้านายของเขา และวันหนึ่งเขาก็มีชีวิตอยู่ด้วยมือที่ถือดอกกุหลาบแต่ตอนนี้เราต้องรอดูชะตากรรมที่นโยบายไซออนิสต์-อเมริกา ว่าจะกำหนดให้กับโมฮัมหมัด อัล-โจลานี อย่างไรแต่อาจจะเป็นชะตากรรมที่วันหนึ่งอเมริกากำหนดไว้สำหรับบิน ลาเดน, อาบู บักร์ อัล-แบกดาดี, อัล-ซาร์กาวี, ซัดดัม ฮุสเซน, มูฮัมหมัด มอร์ซี, กัดดาฟี และหุ่นเชิดอื่นๆ อีกมากมายในภูมิภาคนี้#โจลานีเป็นตัวแทนไซออนิสต์ในภูมิภาค ซึ่งพี่น้องจะเห็นบทบาทของเขาในฐานะหุ่นเชิดของไซออนิสต์ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
    🚨ข้อมูลที่อันตรายและน่าเป็นห่วงสำหรับมุสลิม แต่เพื่อความสัตย์จริงและประวัติศาสตร์ ผมต้องเผยแพร่มันเกี่ยวกับสัญชาติที่แท้จริงของอัล-โจลานี เพราะเขาเป็น #ยิว และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนิติศาสตร์อิสลามใน #เทลอาวีฟ! ● ฉากทัศน์เวอร์ชันใหม่ของไซออนิสต์ สำหรับ โจลานี Mohammad al-Jolani ซึ่งปัจจุบันในฐานะผู้นำของกลุ่มผู้ก่อการร้าย HTS ( Tahrir al-Sham ) ในซีเรียได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสื่อในเครือข่ายระหว่างประเทศ ซึ่งตลอดกิจกรรมของเขาในกลุ่มก่อการร้าย เขาสามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของระบอบไซออนิสต์ในตะวันออกกลางตามความต้องการของประเทศตะวันตกอย่างดีเยี่ยมปัจจุบันเขาปรากฏอยู่ในสื่อไซออนิสต์ด้วยหน้าตาที่มีเสน่ห์ เป็นที่นิยม ร่วมสนทนา และมีอารยธรรม เป็นคนที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้ายในเดือนพฤษภาคม 2013 และสี่ปีต่อมาตั้งค่าหัว 10 ล้านดอลลาร์สำหรับบุคคลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจับกุมของเขาเขามีชื่อเล่นว่า Al-Jolani มาจากชื่อของที่ราบสูงโกลัน ซึ่งระบอบไซออนิสต์ยึดครองและผนวกเข้ากับอาณาเขตของตนในสงครามปี 1967เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2014 โจลานีอ้างว่าเขาจะต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เขาถอนตัวออกจากจุดยืนดังกล่าวและประกาศในการให้สัมภาษณ์ว่า ตาห์รีร์ อัล-ชาม #ไม่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกา และได้เรียกร้องรัฐบาลอเมริกา เพื่อลบกลุ่มนี้ออกจากบัญชีรายการผู้ก่อการร้าย● โจลานี และมรดกของอเมริกาสำหรับภูมิภาคนี้ในปี 2033 โจลานีเข้าร่วมกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักภายใต้การนำของอาบู มัซอับ อัล-ซาร์กาวี เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในตำแหน่งอัลกออิดะห์ในอิรัก และกลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดของ Abu Musab al-Zarqawi ซึ่งเป็นผู้นำขององค์กรนี้ในขณะนั้นการปรากฏตัวของโจลานีในองค์กรอัลกออิดะห์ในฐานะมรดกของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เชื่อมโยงโจลานีกับนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์แม้ว่าอเมริกาจะเผชิญหน้ากับอัลกออิดะห์อย่างชัดเจน แต่ความสัมพันธ์เบื้องหลังผู้นำหลักของอัลกออิดะห์กับหน่วยข่าวกรองอเมริกันยังคงมีการติดต่ออยู่ตลอดเวลา และเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้ ควรกล่าวได้ว่าการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและรุนแรงของอัลกออิดะห์ มีมากกว่าการโจมตีชาติตะวันตก เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติตะวันตก และได้เตรียมพื้นที่สำหรับการรณรงค์ของอเมริกาและพันธมิตรในตะวันออกกลางโดยอ้างว่าต่อสู้กับการก่อการร้าย● การบริการที่ดีเยี่ยมของ โจลานี ให้กับอเมริกาในขบวนการ ISISหลังจากการก่อตั้งอัลกออิดะห์ การสร้าง ISIS ก็ถูกจัดให้อยู่ในวาระนโยบายของอเมริกา ซึ่งเป็นหัวข้อที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า เราสร้าง ISIS ด้วยตัวเราเองอย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ISIS เป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดสำหรับการบริการและการรับใช้ที่ดีของ โจลานีต่อนโยบายของอเมริกา เขาจึงเปิดสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้ชื่อ Jabhat al-Nusra และรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ กลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็นสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้การนำของ Abu Bakr al-Baghdadi และ al-Baghdadi ได้ช่วยเหลือ โจลานี ด้วยการจัดหานักรบ อาวุธ และเงิน ในเดือนมกราคม 2012 อัล-โจลานีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแนวร่วมอัล-นุสรา● ญับฮะตุล อัล-นุสเราะห์ จะเป็นที่รู้จักในนาม ญับฮะตุล ตาห์รีร์ อัลชามในปี 2016 โจลานีประกาศว่าต่อจากนี้ไป Jabhat al-Nusra จะเป็นที่รู้จักในชื่อ Jabhat Tahrir al-Shamการเปลี่ยนชื่อองค์กรที่โจลานีเป็นหัวหน้ายังคงเป็นการสานต่อนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์ และเป็นปฐมบทจนกระทั่งในที่สุด กลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้โจมตีซีเรียด้วยอุปกรณ์ชนิดใหม่ เช่น โดรนพิฆาต เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศ การหยุดยิงระหว่างระบอบไซออนิสต์กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ทำให้เกิดความกระจ่างเกี่ยวกับความร่วมมือขององค์กรก่อการร้ายเหล่านี้กับระบอบไซออนิสต์● โจลานี เปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่โซฮาอิล คาริมี ผู้สร้างสารคดีแนวต่อต้านกล่าวในการสนทนากับ “ดานา” ว่า “โจลานีได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นบุตรชายแห่งกาลเวลาตั้งแต่เริ่มกิจกรรมก่อการร้ายในทุกแง่มุม และเขาได้เปลี่ยนสีและใบหน้าของเขาเพื่อให้สนองตามข้อเรียกร้องของอเมริกา-ไซออนิสต์" เขากล่าวต่อไปว่า ผู้ก่อการร้ายเช่น บิน ลาเดน มีความคิดบางอย่าง และเขาได้เริ่มต้นชีวิตนักรบญิฮาดตั้งแต่เริ่มต้นและดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ผิด ๆ จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุด แต่คนอย่างโจลานีเปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ๆตลอดเวลาคาริมี กล่าวเสริมโดยชี้ให้เห็นว่า โจลานี มีความสอดคล้องกับความคิดของขบวนการภราดรภาพ ด้วยความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากซัดดัมและการสนับสนุนของประเทศต่างๆ ที่ต่อต้านขบวนการต่อสู้ กลุ่มภราดรภาพจึงเริ่มก่อกบฏในซีเรีย และต่อมา โจลานีก็เข้าร่วมความคิดเหล่านี้และเติบโตไปพร้อมกับมุมมองของลัทธิซาลาฟีตักฟีรีย์ เขากล่าวเสริมว่า : เมื่อบุคคล เช่น Abu Musab al-Zarqawi เริ่มกิจกรรมการก่อการร้ายของเขา โจลานีก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลังจากที่เขาไม่เห็นด้วยกับอัลกออิดะห์ และขัดแย้งกับ Abu Bakr al-Baghdadi จึงหันมาสร้างกลุ่ม Jabhat al-Nusra ขึ้นมา ซึ่งมันคือกลุ่ม Tahrir al-Sham ในเวลาต่อเวลา คาริมี ชี้ให้เห็นว่า โจลานีไม่เคยเป็นบุคคลที่เป็นอิสระในชีวิตการต่อสู้ของเขา และนำนโยบายตะวันตกในภูมิภาคนี้มาปฏิบัติเสมอมาในฐานะเสาหลักไซออนิสต์-อเมริกา คาริมีกล่าวเสริมว่า: วันหนึ่งเขาใช้ชีวิตตามคำสั่งและสถานการณ์ของเจ้านายของเขา และวันหนึ่งเขาก็มีชีวิตอยู่ด้วยมือที่ถือดอกกุหลาบแต่ตอนนี้เราต้องรอดูชะตากรรมที่นโยบายไซออนิสต์-อเมริกา ว่าจะกำหนดให้กับโมฮัมหมัด อัล-โจลานี อย่างไรแต่อาจจะเป็นชะตากรรมที่วันหนึ่งอเมริกากำหนดไว้สำหรับบิน ลาเดน, อาบู บักร์ อัล-แบกดาดี, อัล-ซาร์กาวี, ซัดดัม ฮุสเซน, มูฮัมหมัด มอร์ซี, กัดดาฟี และหุ่นเชิดอื่นๆ อีกมากมายในภูมิภาคนี้#โจลานีเป็นตัวแทนไซออนิสต์ในภูมิภาค ซึ่งพี่น้องจะเห็นบทบาทของเขาในฐานะหุ่นเชิดของไซออนิสต์ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนโจมตีรถบัสพลเรือน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย หลังจากนั้นโจมตีซ้ำไปที่รถบริการฉุกเฉินที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ

    โดรนของยูเครนโจมตีรถฉุกเฉินที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บบนรถบัสในโนวาคาคอฟกา ส่งผลให้รถได้รับความเสียหาย 2 คัน ผู้ว่าการภูมิภาคเคอร์ซอนกล่าวรายงาน

    "การโจมตีครั้งนี้แม่นยำมาก หมายความว่าได้เล็งเป้าหมายไปที่ตำแหน่งแล้ว พวกเขากำลังรอให้รถบัสจอดที่ป้ายรถเมล์เพื่อโจมตีในลักษณะที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้" วลาดิมีร์ ซัลโด ผู้ว่าการภูมิภาคเคอร์ซอนกล่าวเสริม
    ยูเครนโจมตีรถบัสพลเรือน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย หลังจากนั้นโจมตีซ้ำไปที่รถบริการฉุกเฉินที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ โดรนของยูเครนโจมตีรถฉุกเฉินที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บบนรถบัสในโนวาคาคอฟกา ส่งผลให้รถได้รับความเสียหาย 2 คัน ผู้ว่าการภูมิภาคเคอร์ซอนกล่าวรายงาน "การโจมตีครั้งนี้แม่นยำมาก หมายความว่าได้เล็งเป้าหมายไปที่ตำแหน่งแล้ว พวกเขากำลังรอให้รถบัสจอดที่ป้ายรถเมล์เพื่อโจมตีในลักษณะที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้" วลาดิมีร์ ซัลโด ผู้ว่าการภูมิภาคเคอร์ซอนกล่าวเสริม
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา “ฆาเวียร์ มิลเล” มีคำสั่งปลดรัฐมนตรีต่างประเทศอาร์เจนตินา หลังสนับสนุนมติสหประชาชาติ ยกเลิกคว่ำบาตรคิวบา

    เฆราร์โด เวิร์ธไฮน์ เอกอัครราชทูตอาร์เจนตินาประจำสหรัฐฯ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่แทน

    เมื่อวันก่อนที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ มีการลงมติเรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรคิวบาอย่างท่วมท้นด้วยคะแนนโหวตเห็นด้วย 187 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคู่หูจากนรก "สหรัฐอเมริกาและอิสราเอล" ขณะที่ 1 เสียงของมอลโดวา งดออกเสียง

    ทางด้านตัวแทนของสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า แม้สหรัฐฯจะคัดค้านมตินี้ แต่ยืนยันด้วยความจริงใจว่าสหรัฐฯ ยังคงอยู่เคียงข้างประชาชนชาวคิวบา และจะแสวงหาหนทางเพื่อให้การสนับสนุนที่มีความหมายแก่คิวบาต่อไป

    สหรัฐฯ เริ่มมีมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจคิวบายาวนานถึง 64 ปี โดยตั้งแต่ปี 2503 หลังการปฏิวัติที่นำโดยนายฟิเดล คาสโตร

    ปีนี้เป็นปีที่ 32 ติดต่อกันที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีการลงมติที่ไม่มีผลผูกมัดทางกฎหมายเรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรคิวบา แน่นอนว่าเสียงที่ไม่เห็นชอบแต่ละปีจะยืนพื้นอยู่สองประเทศ คือ สหรัฐฯ และ อิสราเอล โดยในแต่ละปีอาจจะมีประเทศอื่นเข้าร่วมไม่เห็นด้วย ตามแรงกดดันของสหรัฐ

    และในปีนี้อิหร่านได้กล่าวแสดงสนับสนุนให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวในสหประชาชาติ: "การคว่ำบาตรและการปิดล้อมที่ไร้มนุษยธรรมที่สหรัฐฯ กำหนดต่อคิวบามานานกว่า 6 ทศวรรษ ถือเป็นระบบมาตรการฝ่ายเดียวที่ไม่ยุติธรรมและยืดเยื้อที่สุดเท่าที่เคยใช้กับประเทศใดๆ... เราขอแสดงความสามัคคีกับคิวบาเช่นเดียวกับที่เราทำมาตลอด 32 ปีที่ผ่านมา"

    ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา “ฆาเวียร์ มิลเล” มีคำสั่งปลดรัฐมนตรีต่างประเทศอาร์เจนตินา หลังสนับสนุนมติสหประชาชาติ ยกเลิกคว่ำบาตรคิวบา เฆราร์โด เวิร์ธไฮน์ เอกอัครราชทูตอาร์เจนตินาประจำสหรัฐฯ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่แทน เมื่อวันก่อนที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ มีการลงมติเรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรคิวบาอย่างท่วมท้นด้วยคะแนนโหวตเห็นด้วย 187 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคู่หูจากนรก "สหรัฐอเมริกาและอิสราเอล" ขณะที่ 1 เสียงของมอลโดวา งดออกเสียง ทางด้านตัวแทนของสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า แม้สหรัฐฯจะคัดค้านมตินี้ แต่ยืนยันด้วยความจริงใจว่าสหรัฐฯ ยังคงอยู่เคียงข้างประชาชนชาวคิวบา และจะแสวงหาหนทางเพื่อให้การสนับสนุนที่มีความหมายแก่คิวบาต่อไป สหรัฐฯ เริ่มมีมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจคิวบายาวนานถึง 64 ปี โดยตั้งแต่ปี 2503 หลังการปฏิวัติที่นำโดยนายฟิเดล คาสโตร ปีนี้เป็นปีที่ 32 ติดต่อกันที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีการลงมติที่ไม่มีผลผูกมัดทางกฎหมายเรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรคิวบา แน่นอนว่าเสียงที่ไม่เห็นชอบแต่ละปีจะยืนพื้นอยู่สองประเทศ คือ สหรัฐฯ และ อิสราเอล โดยในแต่ละปีอาจจะมีประเทศอื่นเข้าร่วมไม่เห็นด้วย ตามแรงกดดันของสหรัฐ และในปีนี้อิหร่านได้กล่าวแสดงสนับสนุนให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวในสหประชาชาติ: "การคว่ำบาตรและการปิดล้อมที่ไร้มนุษยธรรมที่สหรัฐฯ กำหนดต่อคิวบามานานกว่า 6 ทศวรรษ ถือเป็นระบบมาตรการฝ่ายเดียวที่ไม่ยุติธรรมและยืดเยื้อที่สุดเท่าที่เคยใช้กับประเทศใดๆ... เราขอแสดงความสามัคคีกับคิวบาเช่นเดียวกับที่เราทำมาตลอด 32 ปีที่ผ่านมา"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อรุณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่านคร๊าบบบ
    #ว่าด้วยโพสนี้ของป้าโจววววว
    มีใจความหลักที่ลงไว้คือ
    "ขอเตือนทุกคนตรงนี้นะคะ
    หยุดปั่นกระแสรุมด่าผู้หญิงด้วยข้อกล่าวหาผิดๆได้แล้ว เหมือนสื่อและสังคมกำลังสนุกสนานกับการรุมเหยียบฝ่ายหญิงให้จมธรณี ราวกับฝูงไฮยีน่าฉีกเนื้อเหยื่อ ทั้งที่มันเป็นข้อกล่าวหาผิดๆที่ถูกตีตกไปแล้ว"
    ถูกตีตกอาราย งงงง
    .....................................
    ประเด็นที่หนึ่งงงงง
    การที่ผู้ชายทั้งวงการมารุมเหยียบผู้หญิงที่เคยรักให้มิด เงยหัวขึ้นมาไม่ได้ มันอัปลักษณ์จนเกินไปค่ะ
    #ตอบ ไม่ได้รุมผู้ญ. กำลังเปิดขบวนการกามิจแอนเดอะแก๊vvvvvส์ ที่แต่งสตอรี่ร่วมกับเอเจนซี่กิมจิ สร้างความน่าสงสารเห็นใจ หวังได้ติ๊กเกอร์แล้วแบ่งตังค์กัน ต้มคนไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก แยกแยะหน่อย อิป้า
    ------------------------
    ประเด็นที่ฉอง
    บทสุดท้ายในคลิปที่พี่โจบอกแบบนั้น เพราะเป็นการคุยจบใหม่ๆ คืนวันที่ 6 กย. พี่โจอยากให้ความทรงจำที่แสนดีปิดฉากลงได้แบบสวยงาม ไม่ทำร้ายใคร จึงเขียนแบบเป็นกลางและเป็นธรรมให้กับทั้งกามินและชาลี
    #ตอบ ถ้าความทรงจำที่แสนดี เน็กจะมานั่งไลฟ์ด้วยความอัดอั้นตั้งแต่เที่ยงคืนยันเช้าหรือ อิป้า ไหนความเป็นธรรม พี่คิงส์เห็นแต่ความลำเอียง แล้วสุดท้าย พวกจิตอ่อนก็พาทัวร์ไปลงแน็ก ตลกมากอิป้า
    ..............................
    ประเด็นที่ฉาม
    แต่ความเป็นจริงที่ตามหลังมา มันโหดร้ายกว่าที่คาดไว้
    และยิ่งมาถึงตอนนี้ยิ่งเล่นกันถึงขั้น #ไร้มนุษยธรรม !
    #ตอบ สิ่งที่กามิจเจอ ก็คือสิ่งที่กามิจทำ แค่มีคนมาเปิดเผยความจริง อิป้ารับไม่ได้ ความจริงยังไง อ่านต่อ
    ----------------------------------
    ประเด็นที่ฉี่
    ปล. 1 ขอเพิ่ม “คนไทยหลอกง่าย” กามินไม่เคยพูดนะคะ เพื่อนของผู้ช่วยฝ่ายชายพูด
    #ตอบ ไม่แปลกใจ ไปถามมิจ มิจคงตอบแหละ "ฉานพูดจริง" ก็ต้องออกตัวแบบนี้ เพราะไม่ได้มีใครอัดเทป บันทึกเสียงเรื่องนี้ไว้
    แต่ๆๆๆๆ
    ป้าโจ ต้องตั้งสติ และทำความเข้าใจกับความจริงที่ป้าหนีไม่ได้แก้ยังไงก็ไม่พ้น
    สิ่งที่กามินพูดในไลฟ์ ตอนยังปากกล้าๆ ได้ถูกแปลออกมาแล้ว
    "ฉันเลิกกับเขาคนนั้นตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม (ไม่เอ่ยชื่อเน็ก) ฉันภูมิใจในตัวเองที่ยืนอยู่บนจุดนี้ได้ เพราะตัวฉันเอง ที่ซื่อสัตย์ และจริงใจ และความสามารถของฉันเอง (ไม่ได้กล่าวถึงเน็กชาลีเลยแม้แต่น้อยว่าเป็นคนทำให้คนไทยรู้จักเธอ) ฉันพอใจในรายได้จากการ pk ของฉันอยู่แล้ว ตอนอยู่ที่เกาหลี ฉันยอมเสี่ยง อุตส่าห์มาเมืองไทยเพื่อเรียนรุ้จักชาลี
    ตอนนี้เดินออกมาแล้วรู้สึกโล่งขึ้นเยอะ
    ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันดังและมีชื่อเสียงด้วยตัวฉันเอง ฉันเป็นอินฟูลที่มีความสุข มีรายได้ที่ดีอยู่ที่เกาหลี และที่ไปประเทศไทย ก็ไม่ได้อยากไป แต่เพราะชาลีชวนไป ก็ไป และก็ไม่ต้องมาอิจฉาฉันที่ฉันดังและมีชื่อเสียง อยากดังก็ไปทำช่องเองสิ แบบฉันเนี่ยดังได้โดยไม่ต้องได้รับการซัพพอตจากใคร แล้วถ้าใครดูฉันแล้วไม่ชอบ ก็อันฟอลไปได้เลย ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร"
    คนเกาหลีแท้ๆแปลเองเลย โดยไม่ได้ผ่านการดัดแปลงของทีมป้าด้วยการแปลภาษาหลงทิศหลงทาง
    เอาแค่นี้ ที่ป้าแถถถไม่ได้ ลบความจริงไม่ได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนไทยตาสว่าง
    แม้ป้าและทีมงานเอเจนซี่พยายามมาแก้เกมส์ทีหลัง ให้อิเหวิงให้สัมภาษณ์สื่อมาอวยชาลีรัวๆ แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวที่อิเหวิงกาฝากมันพูดด้วยตัวของมันเอง
    ข้อที่สองที่แถถถไม่ได้คือ
    กามินมีเอเจนซี่จริง ตั้งแต่สร้างสตอรี่กินมาม่า ไลฟ์ทั้งวันทั้งคืน เรียกร้องความเห็นใจ กามินบอกเองว่ามีรายได้เดือนละเจ็ดแปดหมื่นไม่ได้ลำบาก แล้วป้าว่าข้อมูลไม่จริงตรงไหน
    ----------------------------------------
    ประเด็นที่ (เท่าไหรแล้วไม่ได้นับ)
    ปล. 2 ขอเตือนคุณสนธิ ลิ้ม อย่าเล่นประเด็นเหยียบย่ำผู้หญิงด้วยข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ จากข้อมูลที่ได้รับมาแบบเอียงข้างเลยค่ะ
    เช็คข้อเท็จจริงดีๆก่อนค่ะ อย่าสร้างเวรสร้างกรรมให้กับ “เหยื่อ” เลย
    #ตอบ เมิงไปเตือนอะไรเค้า อย่าทาลึ่งเล่นข้ามรุ่น เค้าผู้ใหญ่แล้วข้อมูลเค้าแน่น ต่อสู้เพื่อความถูกต้องตั้งแต่ป้ายังเล่นปั่นแปะอยู่เลย เรื่องข้อมูลแค่นี้ป้าก็ยังแยกไม่ออกเลย ใครโดนกระทำใครถูกกระทำ หลงจนไม่ลืมหูลืมตา ข้อมูลที่ว่าเอียงข้าง
    1. คลิปที่กามิจออกมาพูดเอง ว่าตัวเองดังเองไม่ต้องมีใครซัพพอต
    หรือ
    2. พฤติกรรมของกามิจที่มีพยานรู้เห็นกันทั่วทั้งเรื่องขอส่วนแบ่งสติ๊กเกอร์ ทั้งเรื่องขอเข้าซีนไลฟ์ชาลี ก็เพื่อติ๊กเกอร์
    3. หรือคลิปที่ถ่ายเต้นแร้งเต้นกา หรือ อ่านบทภาษาไทย ทำท่าแสดงร้องไห้ไปหัวเราะไป
    เรื่องไหนฟร๊ะที่ไม่จริง อิป้า
    อ่านปากให้ดีนะ
    ทุกอย่างที่ทำให้คนไทยชัง มาจากตัวกามิจเอง อย่าโทษใคร
    -----------------------------------------
    ประเด็นสุดท้ายอันนี้ชอบ
    ปล. ใครจะมาท้าชนกับเจ้เรื่องนี้แม่ไขว้แหลก เตรียมทำใจไว้ด้วย
    #ตอบ ป้าโจ ยังไม่รู้จักเพจคิงส์โพธิ์แดงดีพอ
    มาลองกันซักตั้ง
    อยากรู้ว่าป้าจะมีฤทธิ์เดชแค่ไหน เอาทัวร์ไปลงแน๊กรัวๆ หงายการ์ดความเป็นหญิงถูกรุงแก
    เริ่มสงสัยแล้วหละ ว่าที่ป้าทำ ป้าทำด้วยรักกามิจ
    หรือป้าและทีมงาน มีเอี่ยวกับผลประโยชน์เอเจนซี่กิมจิรึเปล่าน้าาาาา
    ออกตัวแร๊งๆ แน๊กคนถูกกกระทำชัดๆ ไหงเอาเวลามาช่วยอิเหวิง
    และปกป้องการเปิดความจริงที่กิมจิต้มคนไทย สรุปยังไง
    อิป้า เอาความจริง
    อิเหวิงน่าฉงฉานตรงไหน มันยังเต้นเย้ยหนุกหนาน พร้อมหอบตังกลับบ้านเป็นหลายสิบล้าน
    ในขณะที่ชาลี ต้องรับผิดชอบทั้งสิ่งที่อยู่ในปัจจุบัน และอดีตมากี่สิบล้านเพราะรักกามิน วงในจริงทำไมไม่รู้ห่านอะไรเลย แล้วชาลียังต้องมานั่งปวดหัวกับพวกด้อมที่ป้าสร้างเอาทั่วร์ไปลงอีกนี่สิ สำนึกหน่อย ต้องยืนข้างใคร
    มนุษป้าชื่อโจ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อรุณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่านคร๊าบบบ #ว่าด้วยโพสนี้ของป้าโจววววว มีใจความหลักที่ลงไว้คือ "ขอเตือนทุกคนตรงนี้นะคะ หยุดปั่นกระแสรุมด่าผู้หญิงด้วยข้อกล่าวหาผิดๆได้แล้ว เหมือนสื่อและสังคมกำลังสนุกสนานกับการรุมเหยียบฝ่ายหญิงให้จมธรณี ราวกับฝูงไฮยีน่าฉีกเนื้อเหยื่อ ทั้งที่มันเป็นข้อกล่าวหาผิดๆที่ถูกตีตกไปแล้ว" ถูกตีตกอาราย งงงง ..................................... ประเด็นที่หนึ่งงงงง การที่ผู้ชายทั้งวงการมารุมเหยียบผู้หญิงที่เคยรักให้มิด เงยหัวขึ้นมาไม่ได้ มันอัปลักษณ์จนเกินไปค่ะ #ตอบ ไม่ได้รุมผู้ญ. กำลังเปิดขบวนการกามิจแอนเดอะแก๊vvvvvส์ ที่แต่งสตอรี่ร่วมกับเอเจนซี่กิมจิ สร้างความน่าสงสารเห็นใจ หวังได้ติ๊กเกอร์แล้วแบ่งตังค์กัน ต้มคนไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก แยกแยะหน่อย อิป้า ------------------------ ประเด็นที่ฉอง บทสุดท้ายในคลิปที่พี่โจบอกแบบนั้น เพราะเป็นการคุยจบใหม่ๆ คืนวันที่ 6 กย. พี่โจอยากให้ความทรงจำที่แสนดีปิดฉากลงได้แบบสวยงาม ไม่ทำร้ายใคร จึงเขียนแบบเป็นกลางและเป็นธรรมให้กับทั้งกามินและชาลี #ตอบ ถ้าความทรงจำที่แสนดี เน็กจะมานั่งไลฟ์ด้วยความอัดอั้นตั้งแต่เที่ยงคืนยันเช้าหรือ อิป้า ไหนความเป็นธรรม พี่คิงส์เห็นแต่ความลำเอียง แล้วสุดท้าย พวกจิตอ่อนก็พาทัวร์ไปลงแน็ก ตลกมากอิป้า .............................. ประเด็นที่ฉาม แต่ความเป็นจริงที่ตามหลังมา มันโหดร้ายกว่าที่คาดไว้ และยิ่งมาถึงตอนนี้ยิ่งเล่นกันถึงขั้น #ไร้มนุษยธรรม ! #ตอบ สิ่งที่กามิจเจอ ก็คือสิ่งที่กามิจทำ แค่มีคนมาเปิดเผยความจริง อิป้ารับไม่ได้ ความจริงยังไง อ่านต่อ ---------------------------------- ประเด็นที่ฉี่ ปล. 1 ขอเพิ่ม “คนไทยหลอกง่าย” กามินไม่เคยพูดนะคะ เพื่อนของผู้ช่วยฝ่ายชายพูด #ตอบ ไม่แปลกใจ ไปถามมิจ มิจคงตอบแหละ "ฉานพูดจริง" ก็ต้องออกตัวแบบนี้ เพราะไม่ได้มีใครอัดเทป บันทึกเสียงเรื่องนี้ไว้ แต่ๆๆๆๆ ป้าโจ ต้องตั้งสติ และทำความเข้าใจกับความจริงที่ป้าหนีไม่ได้แก้ยังไงก็ไม่พ้น สิ่งที่กามินพูดในไลฟ์ ตอนยังปากกล้าๆ ได้ถูกแปลออกมาแล้ว "ฉันเลิกกับเขาคนนั้นตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม (ไม่เอ่ยชื่อเน็ก) ฉันภูมิใจในตัวเองที่ยืนอยู่บนจุดนี้ได้ เพราะตัวฉันเอง ที่ซื่อสัตย์ และจริงใจ และความสามารถของฉันเอง (ไม่ได้กล่าวถึงเน็กชาลีเลยแม้แต่น้อยว่าเป็นคนทำให้คนไทยรู้จักเธอ) ฉันพอใจในรายได้จากการ pk ของฉันอยู่แล้ว ตอนอยู่ที่เกาหลี ฉันยอมเสี่ยง อุตส่าห์มาเมืองไทยเพื่อเรียนรุ้จักชาลี ตอนนี้เดินออกมาแล้วรู้สึกโล่งขึ้นเยอะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันดังและมีชื่อเสียงด้วยตัวฉันเอง ฉันเป็นอินฟูลที่มีความสุข มีรายได้ที่ดีอยู่ที่เกาหลี และที่ไปประเทศไทย ก็ไม่ได้อยากไป แต่เพราะชาลีชวนไป ก็ไป และก็ไม่ต้องมาอิจฉาฉันที่ฉันดังและมีชื่อเสียง อยากดังก็ไปทำช่องเองสิ แบบฉันเนี่ยดังได้โดยไม่ต้องได้รับการซัพพอตจากใคร แล้วถ้าใครดูฉันแล้วไม่ชอบ ก็อันฟอลไปได้เลย ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร" คนเกาหลีแท้ๆแปลเองเลย โดยไม่ได้ผ่านการดัดแปลงของทีมป้าด้วยการแปลภาษาหลงทิศหลงทาง เอาแค่นี้ ที่ป้าแถถถไม่ได้ ลบความจริงไม่ได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนไทยตาสว่าง แม้ป้าและทีมงานเอเจนซี่พยายามมาแก้เกมส์ทีหลัง ให้อิเหวิงให้สัมภาษณ์สื่อมาอวยชาลีรัวๆ แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวที่อิเหวิงกาฝากมันพูดด้วยตัวของมันเอง ข้อที่สองที่แถถถไม่ได้คือ กามินมีเอเจนซี่จริง ตั้งแต่สร้างสตอรี่กินมาม่า ไลฟ์ทั้งวันทั้งคืน เรียกร้องความเห็นใจ กามินบอกเองว่ามีรายได้เดือนละเจ็ดแปดหมื่นไม่ได้ลำบาก แล้วป้าว่าข้อมูลไม่จริงตรงไหน ---------------------------------------- ประเด็นที่ (เท่าไหรแล้วไม่ได้นับ) ปล. 2 ขอเตือนคุณสนธิ ลิ้ม อย่าเล่นประเด็นเหยียบย่ำผู้หญิงด้วยข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ จากข้อมูลที่ได้รับมาแบบเอียงข้างเลยค่ะ เช็คข้อเท็จจริงดีๆก่อนค่ะ อย่าสร้างเวรสร้างกรรมให้กับ “เหยื่อ” เลย #ตอบ เมิงไปเตือนอะไรเค้า อย่าทาลึ่งเล่นข้ามรุ่น เค้าผู้ใหญ่แล้วข้อมูลเค้าแน่น ต่อสู้เพื่อความถูกต้องตั้งแต่ป้ายังเล่นปั่นแปะอยู่เลย เรื่องข้อมูลแค่นี้ป้าก็ยังแยกไม่ออกเลย ใครโดนกระทำใครถูกกระทำ หลงจนไม่ลืมหูลืมตา ข้อมูลที่ว่าเอียงข้าง 1. คลิปที่กามิจออกมาพูดเอง ว่าตัวเองดังเองไม่ต้องมีใครซัพพอต หรือ 2. พฤติกรรมของกามิจที่มีพยานรู้เห็นกันทั่วทั้งเรื่องขอส่วนแบ่งสติ๊กเกอร์ ทั้งเรื่องขอเข้าซีนไลฟ์ชาลี ก็เพื่อติ๊กเกอร์ 3. หรือคลิปที่ถ่ายเต้นแร้งเต้นกา หรือ อ่านบทภาษาไทย ทำท่าแสดงร้องไห้ไปหัวเราะไป เรื่องไหนฟร๊ะที่ไม่จริง อิป้า อ่านปากให้ดีนะ ทุกอย่างที่ทำให้คนไทยชัง มาจากตัวกามิจเอง อย่าโทษใคร ----------------------------------------- ประเด็นสุดท้ายอันนี้ชอบ ปล. ใครจะมาท้าชนกับเจ้เรื่องนี้แม่ไขว้แหลก เตรียมทำใจไว้ด้วย #ตอบ ป้าโจ ยังไม่รู้จักเพจคิงส์โพธิ์แดงดีพอ มาลองกันซักตั้ง อยากรู้ว่าป้าจะมีฤทธิ์เดชแค่ไหน เอาทัวร์ไปลงแน๊กรัวๆ หงายการ์ดความเป็นหญิงถูกรุงแก เริ่มสงสัยแล้วหละ ว่าที่ป้าทำ ป้าทำด้วยรักกามิจ หรือป้าและทีมงาน มีเอี่ยวกับผลประโยชน์เอเจนซี่กิมจิรึเปล่าน้าาาาา ออกตัวแร๊งๆ แน๊กคนถูกกกระทำชัดๆ ไหงเอาเวลามาช่วยอิเหวิง และปกป้องการเปิดความจริงที่กิมจิต้มคนไทย สรุปยังไง อิป้า เอาความจริง อิเหวิงน่าฉงฉานตรงไหน มันยังเต้นเย้ยหนุกหนาน พร้อมหอบตังกลับบ้านเป็นหลายสิบล้าน ในขณะที่ชาลี ต้องรับผิดชอบทั้งสิ่งที่อยู่ในปัจจุบัน และอดีตมากี่สิบล้านเพราะรักกามิน วงในจริงทำไมไม่รู้ห่านอะไรเลย แล้วชาลียังต้องมานั่งปวดหัวกับพวกด้อมที่ป้าสร้างเอาทั่วร์ไปลงอีกนี่สิ สำนึกหน่อย ต้องยืนข้างใคร มนุษป้าชื่อโจ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3318 มุมมอง 0 รีวิว
  • พื้นที่สุสานในกาซาขาดแคลนเนื่องจากการรุกรานของเอล
    ยอดผู้ถูกดับชีพที่สามารถบันทึกเอาไว้ได้จากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของเอลใน
    กาซาพุ่งสูง
    เกิน 40,000 รายเข้าไปแล้ว ทำให้ไม่มีพื้นที่ในสุสานให้ครอบครัวต่างๆ ฝังร่างอันไร้วิญญาณคนที่ตนรัก
    ชาวปาเลสในกาซาต้องดิ้นรนหาพื้นที่ว่างในสุสานสำหรับสมาชิกครอบครัวที่ถูกดับชีพในความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคกลางของดินแดนที่ถูกปิดล้อม
    ซาอัด ฮัสซัน บารากัต พนักงานสุสานแห่งหนึ่งในเมืองกาซา กล่าวว่า เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตในการทำงานในสุสาน แต่ไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน
    บารากัตกล่าวว่าก่อนเกิดการรุกรานอย่างไร่มนุษยธรรมจากเอล เขาจะฝังร่างเพียงไม่กี่ร่างในแต่ละวัน แต่ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา เขาก็ฝังไปแล้วถึง 70, 80, 100 หรือแม้กระทั่ง 300 ในวันเดียว
    “ปัญหาคือไม่มีพื้นที่เหลือให้ขุดหลุมฝังแล้ว ผมจึงต้องวางหลุมซ้อนกัน” สำนักข่าว Anadolu อ้างคำพูดของเขา “ที่นี่ไม่ใช่หลุมแค่ชั้นเดียวหรือสองชั้น แต่เป็นสามชั้น”
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    พื้นที่สุสานในกาซาขาดแคลนเนื่องจากการรุกรานของเอล ยอดผู้ถูกดับชีพที่สามารถบันทึกเอาไว้ได้จากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของเอลใน กาซาพุ่งสูง เกิน 40,000 รายเข้าไปแล้ว ทำให้ไม่มีพื้นที่ในสุสานให้ครอบครัวต่างๆ ฝังร่างอันไร้วิญญาณคนที่ตนรัก ชาวปาเลสในกาซาต้องดิ้นรนหาพื้นที่ว่างในสุสานสำหรับสมาชิกครอบครัวที่ถูกดับชีพในความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคกลางของดินแดนที่ถูกปิดล้อม ซาอัด ฮัสซัน บารากัต พนักงานสุสานแห่งหนึ่งในเมืองกาซา กล่าวว่า เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตในการทำงานในสุสาน แต่ไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน บารากัตกล่าวว่าก่อนเกิดการรุกรานอย่างไร่มนุษยธรรมจากเอล เขาจะฝังร่างเพียงไม่กี่ร่างในแต่ละวัน แต่ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา เขาก็ฝังไปแล้วถึง 70, 80, 100 หรือแม้กระทั่ง 300 ในวันเดียว “ปัญหาคือไม่มีพื้นที่เหลือให้ขุดหลุมฝังแล้ว ผมจึงต้องวางหลุมซ้อนกัน” สำนักข่าว Anadolu อ้างคำพูดของเขา “ที่นี่ไม่ใช่หลุมแค่ชั้นเดียวหรือสองชั้น แต่เป็นสามชั้น” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ่อของฝาแฝดที่ถูกดับชีพเผยว่าไม่ได้มีโอกาสฉลองวันเกิดให้พวกเขาอีกแล้ว
    โมฮัมหมัด มะห์ดี อาบู อัล-คุมซาน พ่อของฝาแฝด ให้สัมภาษณ์กับอัลยาซีราเกี่ยวกับการถูกดับชีพของพวกเขา
    “ผมไปเอาใบสูติบัตรให้ลูก ภรรยาผมเพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่วันก่อน และผมยังไม่มีโอกาสได้ฉลองวันเกิดของลูกๆ เธอต้องผ่าคลอดและเหนื่อยมาก เธอไม่สามารถออกจากบ้านได้” อัล-กุมซันกล่าว
    มูฮัมหมัดทิ้งครอบครัวไว้ที่บ้านและกลับมาพร้อมสูติบัตรของเด็ก ๆ พบว่าพวกเขาทั้งหมดถูกดับชีพด้วยความไร้มนุษยธรรม ฝาแฝด – ไอเซลและไอซาร์ อาบู อัล-คุมซาน – ถูกฝังในถุงบรรจุร่างอันไร้วิญญาณเดียวกับแม่ของพวกเขาซึ่งเป็นหมอ
    กระทรวงสาธารณสุขของกาซากล่าวว่าทารกที่เกิดหลังจากที่เอลเปิดฉากการรุกรานในกาซาจำนวน 115 ราย เสียชีวิตจาก "การทิ้งระเบิดและการรุกราน"
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    พ่อของฝาแฝดที่ถูกดับชีพเผยว่าไม่ได้มีโอกาสฉลองวันเกิดให้พวกเขาอีกแล้ว โมฮัมหมัด มะห์ดี อาบู อัล-คุมซาน พ่อของฝาแฝด ให้สัมภาษณ์กับอัลยาซีราเกี่ยวกับการถูกดับชีพของพวกเขา “ผมไปเอาใบสูติบัตรให้ลูก ภรรยาผมเพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่วันก่อน และผมยังไม่มีโอกาสได้ฉลองวันเกิดของลูกๆ เธอต้องผ่าคลอดและเหนื่อยมาก เธอไม่สามารถออกจากบ้านได้” อัล-กุมซันกล่าว มูฮัมหมัดทิ้งครอบครัวไว้ที่บ้านและกลับมาพร้อมสูติบัตรของเด็ก ๆ พบว่าพวกเขาทั้งหมดถูกดับชีพด้วยความไร้มนุษยธรรม ฝาแฝด – ไอเซลและไอซาร์ อาบู อัล-คุมซาน – ถูกฝังในถุงบรรจุร่างอันไร้วิญญาณเดียวกับแม่ของพวกเขาซึ่งเป็นหมอ กระทรวงสาธารณสุขของกาซากล่าวว่าทารกที่เกิดหลังจากที่เอลเปิดฉากการรุกรานในกาซาจำนวน 115 ราย เสียชีวิตจาก "การทิ้งระเบิดและการรุกราน" . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัลยาซีราปฏิเสธข้อกล่าวหาของเอลที่ "ไร้เหตุผล" ต่อนักข่าวที่ถูกดับชีพอย่างเจตนา
    สำนักข่าวอัลยาซีราได้ออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาที่ “ไร้เหตุผล” ของเอล ซึ่งระบุว่า อิสมาอิล อัล-กูล ผู้สื่อข่าวของเครือข่าย ซึ่งถูกดับชีพอย่างไร้มนุษยธรรมในการโจมตีของเอลในกาซา เป็นสมาชิกกลุ่มปกป้องดินแดนปาเลส
    เครือข่ายในกรุงโดฮารายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่าข้อกล่าวหาที่เอลยื่นโดยไม่มีหลักฐานนั้นเป็นความพยายามที่จะหาเหตุผลให้กับการ "ดับชีพโดยเจตนา" ของอัล-กูลและรามี อัล-ริฟี ช่างภาพเพื่อนของเขา
    เครือข่ายสื่ออัลยาซีรา กล่าวว่าข้อกล่าวหาต่ออัลกูล "เน้นย้ำถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของเอลในการสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จที่ใช้เพื่อปกปิดอาชญากรรมที่ชั่วร้าย" และเน้นย้ำว่าประเทศนี้ห้ามนักข่าวต่างประเทศเข้าไปในกาซาอย่างเด็ดขาดอีกด้วย
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    อัลยาซีราปฏิเสธข้อกล่าวหาของเอลที่ "ไร้เหตุผล" ต่อนักข่าวที่ถูกดับชีพอย่างเจตนา สำนักข่าวอัลยาซีราได้ออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาที่ “ไร้เหตุผล” ของเอล ซึ่งระบุว่า อิสมาอิล อัล-กูล ผู้สื่อข่าวของเครือข่าย ซึ่งถูกดับชีพอย่างไร้มนุษยธรรมในการโจมตีของเอลในกาซา เป็นสมาชิกกลุ่มปกป้องดินแดนปาเลส เครือข่ายในกรุงโดฮารายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่าข้อกล่าวหาที่เอลยื่นโดยไม่มีหลักฐานนั้นเป็นความพยายามที่จะหาเหตุผลให้กับการ "ดับชีพโดยเจตนา" ของอัล-กูลและรามี อัล-ริฟี ช่างภาพเพื่อนของเขา เครือข่ายสื่ออัลยาซีรา กล่าวว่าข้อกล่าวหาต่ออัลกูล "เน้นย้ำถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของเอลในการสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จที่ใช้เพื่อปกปิดอาชญากรรมที่ชั่วร้าย" และเน้นย้ำว่าประเทศนี้ห้ามนักข่าวต่างประเทศเข้าไปในกาซาอย่างเด็ดขาดอีกด้วย . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 752 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงตาของชาวปาเลสที่ได้รับการปล่อยตัวจากคุกของเอลแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานที่จิตใจไม่อาจเข้าใจได้
    โมฮัมหมัด อาบู ชาอาร์ ชาวปาเลสที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำของเอล กล่าวว่า "พวกเขาแทงเราด้วยแท่งเหล็กในปากและทึ่ลับของเรา และช็อตไฟฟ้าเรา"
    เรื่องราวอันไร้มนุษยธรรมดังกล่าวถูกเล่าขานในโรงพยาบาลในกาซาทุกครั้งที่เอลปล่อยตัวชาวปาเลสที่ถูกนำตัวมาจากกาซาและถูกคุมขังในเรือนจำของเอล
    เอกสารระบุว่ากรณีการทรมานและละเมิดทางเพศผู้ถูกคุมขังชาวปาเลสได้เพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าเอลยังคงดำเนินการทำให้บุรุษ สตรี และเยาวชนนับพันคนสูญหายในกาซาต่อไป
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    ดวงตาของชาวปาเลสที่ได้รับการปล่อยตัวจากคุกของเอลแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานที่จิตใจไม่อาจเข้าใจได้ โมฮัมหมัด อาบู ชาอาร์ ชาวปาเลสที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำของเอล กล่าวว่า "พวกเขาแทงเราด้วยแท่งเหล็กในปากและทึ่ลับของเรา และช็อตไฟฟ้าเรา" เรื่องราวอันไร้มนุษยธรรมดังกล่าวถูกเล่าขานในโรงพยาบาลในกาซาทุกครั้งที่เอลปล่อยตัวชาวปาเลสที่ถูกนำตัวมาจากกาซาและถูกคุมขังในเรือนจำของเอล เอกสารระบุว่ากรณีการทรมานและละเมิดทางเพศผู้ถูกคุมขังชาวปาเลสได้เพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าเอลยังคงดำเนินการทำให้บุรุษ สตรี และเยาวชนนับพันคนสูญหายในกาซาต่อไป . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว