• https://youtube.com/shorts/mGCrgV16wkA?si=ZD8Ps_O4dRleJh42
    https://youtube.com/shorts/mGCrgV16wkA?si=ZD8Ps_O4dRleJh42
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/eGb9fv216A4?si=3sBhB_AXDkcfzWz_
    https://youtube.com/shorts/eGb9fv216A4?si=3sBhB_AXDkcfzWz_
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • “Athena1: ซีพียูสายพันธุ์ยุโรปเพื่อความมั่นคง — SiPearl เปิดตัวชิปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมชนคู่แข่งโลกในปี 2027”

    SiPearl บริษัทออกแบบชิปจากฝรั่งเศสประกาศเปิดตัว “Athena1” ซีพียูรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน “dual-use” ทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยเน้นความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการใช้งานในภาครัฐ การสื่อสารลับ ระบบข่าวกรอง และอุตสาหกรรมอวกาศ

    Athena1 เป็นรุ่นปรับแต่งจาก Rhea1 ซึ่งเป็นชิปรุ่นแรกของบริษัท โดยใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมีให้เลือกตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ ขึ้นอยู่กับความต้องการด้านประสิทธิภาพและข้อจำกัดด้านความร้อนของแต่ละงาน

    แม้จะเป็นชิปที่ออกแบบในยุโรป แต่การผลิต die ยังต้องพึ่งพา TSMC จากไต้หวัน โดยการบรรจุ (packaging) จะเริ่มต้นในเอเชียก่อนจะย้ายกลับมาทำในยุโรป เพื่อสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมภายในภูมิภาค

    Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027 โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “อธิปไตยทางเทคโนโลยี” ของยุโรป ที่ต้องการลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเอเชีย โดยเฉพาะในช่วงที่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และภัยไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Athena1 เป็นซีพียูรุ่นใหม่จาก SiPearl สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม
    ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 มีให้เลือกตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์
    รองรับงานด้านการสื่อสารลับ, ข่าวกรอง, อุตสาหกรรมอวกาศ และระบบตรวจจับ
    เป็นรุ่นปรับแต่งจาก Rhea1 ซึ่งเป็นชิปรุ่นแรกของบริษัท
    ผลิต die โดย TSMC และเริ่ม packaging ในไต้หวันก่อนย้ายกลับยุโรป
    วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อธิปไตยทางเทคโนโลยีของยุโรป
    ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น, รังสี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Rhea1 ถูกพัฒนาภายใต้โครงการ European Processor Initiative (EPI)
    Athena1 ไม่มี HBM2e บนตัวชิป ใช้ DDR5 แทนเพื่อลดต้นทุน
    การใช้ Arm Neoverse V1 ช่วยให้รองรับงาน HPC และ AI ได้ดี
    SiPearl ได้รับเงินลงทุน €130 ล้านจากรัฐฝรั่งเศสและกองทุนยุโรปในปี 2025
    การย้าย packaging กลับยุโรปช่วยสร้าง ecosystem อุตสาหกรรมภายในภูมิภาค

    https://www.techradar.com/pro/athena-1-is-probably-the-most-secure-cpu-ever-designed-but-i-dont-think-the-only-european-cpu-will-be-good-enough-to-challenge-rivals-when-it-launches-in-2027
    🛡️ “Athena1: ซีพียูสายพันธุ์ยุโรปเพื่อความมั่นคง — SiPearl เปิดตัวชิปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมชนคู่แข่งโลกในปี 2027” SiPearl บริษัทออกแบบชิปจากฝรั่งเศสประกาศเปิดตัว “Athena1” ซีพียูรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน “dual-use” ทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยเน้นความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการใช้งานในภาครัฐ การสื่อสารลับ ระบบข่าวกรอง และอุตสาหกรรมอวกาศ Athena1 เป็นรุ่นปรับแต่งจาก Rhea1 ซึ่งเป็นชิปรุ่นแรกของบริษัท โดยใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมีให้เลือกตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ ขึ้นอยู่กับความต้องการด้านประสิทธิภาพและข้อจำกัดด้านความร้อนของแต่ละงาน แม้จะเป็นชิปที่ออกแบบในยุโรป แต่การผลิต die ยังต้องพึ่งพา TSMC จากไต้หวัน โดยการบรรจุ (packaging) จะเริ่มต้นในเอเชียก่อนจะย้ายกลับมาทำในยุโรป เพื่อสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมภายในภูมิภาค Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027 โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “อธิปไตยทางเทคโนโลยี” ของยุโรป ที่ต้องการลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเอเชีย โดยเฉพาะในช่วงที่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และภัยไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Athena1 เป็นซีพียูรุ่นใหม่จาก SiPearl สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 มีให้เลือกตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ ➡️ รองรับงานด้านการสื่อสารลับ, ข่าวกรอง, อุตสาหกรรมอวกาศ และระบบตรวจจับ ➡️ เป็นรุ่นปรับแต่งจาก Rhea1 ซึ่งเป็นชิปรุ่นแรกของบริษัท ➡️ ผลิต die โดย TSMC และเริ่ม packaging ในไต้หวันก่อนย้ายกลับยุโรป ➡️ วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อธิปไตยทางเทคโนโลยีของยุโรป ➡️ ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น, รังสี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Rhea1 ถูกพัฒนาภายใต้โครงการ European Processor Initiative (EPI) ➡️ Athena1 ไม่มี HBM2e บนตัวชิป ใช้ DDR5 แทนเพื่อลดต้นทุน ➡️ การใช้ Arm Neoverse V1 ช่วยให้รองรับงาน HPC และ AI ได้ดี ➡️ SiPearl ได้รับเงินลงทุน €130 ล้านจากรัฐฝรั่งเศสและกองทุนยุโรปในปี 2025 ➡️ การย้าย packaging กลับยุโรปช่วยสร้าง ecosystem อุตสาหกรรมภายในภูมิภาค https://www.techradar.com/pro/athena-1-is-probably-the-most-secure-cpu-ever-designed-but-i-dont-think-the-only-european-cpu-will-be-good-enough-to-challenge-rivals-when-it-launches-in-2027
    WWW.TECHRADAR.COM
    SiPearl’s Athena1 promises dual-use security for European defense and aerospace
    SiPearl's chip is designed to serve both civil and defense purposes
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้ — สูญข้อมูล 858TB เพราะไม่มีระบบสำรอง”

    เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูล National Information Resources Service ในเมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ โดยต้นเหตุคือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ระเบิดระหว่างการบำรุงรักษา ส่งผลให้ระบบ G-Drive ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดเก็บเอกสารของรัฐบาลถูกทำลายทั้งหมด พร้อมข้อมูลกว่า 858 เทราไบต์ที่ไม่มีการสำรองไว้เลย

    G-Drive ถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 125,000 คนจาก 74 หน่วยงาน และเป็นศูนย์กลางของบริการสาธารณะกว่า 160 รายการ เช่น ระบบภาษี การติดตามฉุกเฉิน 119 ระบบร้องเรียน และอีเมลราชการ การสูญเสียข้อมูลครั้งนี้ทำให้ระบบหลายส่วนหยุดชะงักทันที และการกู้คืนยังคงดำเนินไปอย่างล่าช้า โดย ณ วันที่ 4 ตุลาคม มีเพียง 17.8% ของระบบที่กลับมาออนไลน์

    เจ้าหน้าที่อ้างว่า G-Drive ไม่สามารถสำรองข้อมูลได้เพราะมีขนาดใหญ่เกินไป แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปริมาณ 858TB นั้นสามารถสำรองบนคลาวด์ได้ในราคาประมาณ $20,000 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

    เหตุการณ์นี้ยังนำไปสู่โศกนาฏกรรม เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการกู้คืนข้อมูลเสียชีวิตจากการกระโดดตึกในวันที่ 3 ตุลาคม โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเกิดจากความเครียดหรือแรงกดดันจากงานหรือไม่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เกิดไฟไหม้ศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025
    ระบบ G-Drive ถูกทำลายพร้อมข้อมูล 858TB โดยไม่มีการสำรอง
    G-Drive ใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 125,000 คนจาก 74 หน่วยงาน
    บริการสาธารณะกว่า 160 รายการได้รับผลกระทบ เช่น ภาษี อีเมล และระบบฉุกเฉิน
    ณ วันที่ 4 ตุลาคม มีเพียง 17.8% ของระบบที่กลับมาออนไลน์
    เจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่สามารถสำรองข้อมูลได้เพราะขนาดใหญ่เกินไป
    ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการสำรองข้อมูล 858TB บนคลาวด์มีค่าใช้จ่ายเพียง $20,000 ต่อเดือน
    เจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการกู้คืนข้อมูลเสียชีวิตจากการกระโดดตึก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีความหนาแน่นพลังงานสูงแต่เสี่ยงต่อการระเบิด
    เหตุการณ์คล้ายกันเคยเกิดที่ OVHcloud ในฝรั่งเศสปี 2021 แต่มีระบบสำรองจากผู้ให้บริการภายนอก
    การไม่มีระบบสำรองแบบ geographic redundancy ทำให้ไฟไหม้กลายเป็นวิกฤตระดับชาติ
    ระบบ G-Drive มี quota 30GB ต่อเจ้าหน้าที่ และเป็นศูนย์กลางเอกสารราชการ
    การกู้คืนข้อมูลบางส่วนต้องใช้วิธี manual recreation ซึ่งใช้เวลานานและไม่สมบูรณ์

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การไม่มีระบบสำรองข้อมูลทำให้เกิดการสูญเสียระดับชาติ
    การพึ่งพาศูนย์ข้อมูลเดียวโดยไม่มี geographic redundancy เป็นความเสี่ยงสูง
    การอ้างว่ข้อมูลใหญ่เกินกว่าจะสำรองได้ไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีปัจจุบัน
    การกู้คืนข้อมูลล่าช้าอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
    ความเครียดจากการกู้คืนข้อมูลอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/south-korean-government-learns-the-importance-of-backups-the-hard-way-after-catastrophic-fire-858-terabytes-of-data-goes-up-in-magic-smoke
    🔥 “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้ — สูญข้อมูล 858TB เพราะไม่มีระบบสำรอง” เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูล National Information Resources Service ในเมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ โดยต้นเหตุคือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ระเบิดระหว่างการบำรุงรักษา ส่งผลให้ระบบ G-Drive ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดเก็บเอกสารของรัฐบาลถูกทำลายทั้งหมด พร้อมข้อมูลกว่า 858 เทราไบต์ที่ไม่มีการสำรองไว้เลย G-Drive ถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 125,000 คนจาก 74 หน่วยงาน และเป็นศูนย์กลางของบริการสาธารณะกว่า 160 รายการ เช่น ระบบภาษี การติดตามฉุกเฉิน 119 ระบบร้องเรียน และอีเมลราชการ การสูญเสียข้อมูลครั้งนี้ทำให้ระบบหลายส่วนหยุดชะงักทันที และการกู้คืนยังคงดำเนินไปอย่างล่าช้า โดย ณ วันที่ 4 ตุลาคม มีเพียง 17.8% ของระบบที่กลับมาออนไลน์ เจ้าหน้าที่อ้างว่า G-Drive ไม่สามารถสำรองข้อมูลได้เพราะมีขนาดใหญ่เกินไป แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปริมาณ 858TB นั้นสามารถสำรองบนคลาวด์ได้ในราคาประมาณ $20,000 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้ยังนำไปสู่โศกนาฏกรรม เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการกู้คืนข้อมูลเสียชีวิตจากการกระโดดตึกในวันที่ 3 ตุลาคม โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเกิดจากความเครียดหรือแรงกดดันจากงานหรือไม่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เกิดไฟไหม้ศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 ➡️ ระบบ G-Drive ถูกทำลายพร้อมข้อมูล 858TB โดยไม่มีการสำรอง ➡️ G-Drive ใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 125,000 คนจาก 74 หน่วยงาน ➡️ บริการสาธารณะกว่า 160 รายการได้รับผลกระทบ เช่น ภาษี อีเมล และระบบฉุกเฉิน ➡️ ณ วันที่ 4 ตุลาคม มีเพียง 17.8% ของระบบที่กลับมาออนไลน์ ➡️ เจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่สามารถสำรองข้อมูลได้เพราะขนาดใหญ่เกินไป ➡️ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการสำรองข้อมูล 858TB บนคลาวด์มีค่าใช้จ่ายเพียง $20,000 ต่อเดือน ➡️ เจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการกู้คืนข้อมูลเสียชีวิตจากการกระโดดตึก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีความหนาแน่นพลังงานสูงแต่เสี่ยงต่อการระเบิด ➡️ เหตุการณ์คล้ายกันเคยเกิดที่ OVHcloud ในฝรั่งเศสปี 2021 แต่มีระบบสำรองจากผู้ให้บริการภายนอก ➡️ การไม่มีระบบสำรองแบบ geographic redundancy ทำให้ไฟไหม้กลายเป็นวิกฤตระดับชาติ ➡️ ระบบ G-Drive มี quota 30GB ต่อเจ้าหน้าที่ และเป็นศูนย์กลางเอกสารราชการ ➡️ การกู้คืนข้อมูลบางส่วนต้องใช้วิธี manual recreation ซึ่งใช้เวลานานและไม่สมบูรณ์ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การไม่มีระบบสำรองข้อมูลทำให้เกิดการสูญเสียระดับชาติ ⛔ การพึ่งพาศูนย์ข้อมูลเดียวโดยไม่มี geographic redundancy เป็นความเสี่ยงสูง ⛔ การอ้างว่ข้อมูลใหญ่เกินกว่าจะสำรองได้ไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีปัจจุบัน ⛔ การกู้คืนข้อมูลล่าช้าอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ⛔ ความเครียดจากการกู้คืนข้อมูลอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่ https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/south-korean-government-learns-the-importance-of-backups-the-hard-way-after-catastrophic-fire-858-terabytes-of-data-goes-up-in-magic-smoke
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • “AMD เปิดเกมรุก! ส่ง MI450 บนเทคโนโลยี 2nm ล้ำหน้า Nvidia — OpenAI เตรียมรับล็อตแรกกลางปีหน้า”

    AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Instinct MI450 ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ AMD ใช้กระบวนการผลิตระดับนี้กับชิป AI โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับ OpenAI ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ตามข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวที่ครอบคลุมถึง 6 กิกะวัตต์ของกำลังประมวลผล

    MI450 ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และเป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ รองรับรูปแบบข้อมูลและคำสั่งที่เหมาะกับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ในด้านฮาร์ดแวร์ AMD เตรียมเปิดตัว Helios rack ที่บรรจุ MI450 ถึง 72 ตัว พร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์สูงถึง 1,400 TB/s ซึ่งเหนือกว่า Nvidia Rubin NVL144 ที่ใช้เทคโนโลยี 3nm และมี HBM4 เพียง 21TB กับแบนด์วิดธ์ 936 TB/s อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังมีจุดแข็งด้าน FP4 performance ที่สูงกว่า (3,600 PFLOPS เทียบกับ 1,440 PFLOPS ของ AMD)

    ข้อตกลงกับ OpenAI ยังรวมถึงการออก warrant ให้ซื้อหุ้น AMD ได้สูงสุด 160 ล้านหุ้น โดยจะทยอย vest ตาม milestone เช่น การติดตั้งครบ 1 กิกะวัตต์ และการบรรลุเป้าหมายด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์

    Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า “นี่คือการรวมพลังของทั้งสองบริษัทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ขณะที่ Sam Altman จาก OpenAI กล่าวว่า “AMD จะช่วยเราสร้างความก้าวหน้าใน AI ได้เร็วขึ้น และนำประโยชน์ไปสู่ทุกคน”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เปิดตัว Instinct MI450 บนเทคโนโลยี 2nm จาก TSMC
    ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ
    ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ลดการใช้พลังงานได้ 25–30% และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ 15%
    Helios rack มี MI450 จำนวน 72 ตัว พร้อม HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์ 1,400 TB/s
    Nvidia Rubin NVL144 มี HBM4 21TB และแบนด์วิดธ์ 936 TB/s แต่ FP4 performance สูงกว่า
    OpenAI จะได้รับ MI450 ล็อตแรกในครึ่งหลังของปี 2026
    ข้อตกลงรวมการออก warrant ให้ OpenAI ซื้อหุ้น AMD สูงสุด 160 ล้านหุ้น
    การ vest ขึ้นอยู่กับ milestone เช่น การติดตั้งครบ 1GW และเป้าหมายด้านเทคนิค

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TSMC N2 เป็นเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2nm ที่ใช้ GAA transistor เป็นครั้งแรก
    GAA transistor ช่วยลด leakage และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบชิป
    HBM4 เป็นหน่วยความจำความเร็วสูงที่ใช้ในงาน AI และ HPC
    FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่ใช้ในการฝึกโมเดล LLM ขนาดใหญ่
    การออก warrant เป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ใช้สร้างพันธมิตรระยะยาว

    คำเตือนและข้อจำกัด
    MI450 ยังมี FP4 performance ต่ำกว่า Nvidia Rubin NVL144 อย่างชัดเจน
    การเชื่อมต่อแบบ UALink ยังไม่แน่นอนว่าจะ scale ได้ดีใน MI450
    การผลิตชิป 2nm มีความซับซ้อนและต้นทุนสูง อาจกระทบ timeline
    การ vest หุ้นของ OpenAI ขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไขที่อาจไม่บรรลุ
    การเปรียบเทียบประสิทธิภาพยังต้องรอผลการใช้งานจริงใน data center

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-could-beat-nvidia-to-launching-ai-gpus-on-the-cutting-edge-2nm-node-instinct-mi450-is-officially-the-first-amd-gpu-to-launch-with-tsmcs-finest-tech
    ⚙️ “AMD เปิดเกมรุก! ส่ง MI450 บนเทคโนโลยี 2nm ล้ำหน้า Nvidia — OpenAI เตรียมรับล็อตแรกกลางปีหน้า” AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Instinct MI450 ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ AMD ใช้กระบวนการผลิตระดับนี้กับชิป AI โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับ OpenAI ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ตามข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวที่ครอบคลุมถึง 6 กิกะวัตต์ของกำลังประมวลผล MI450 ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และเป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ รองรับรูปแบบข้อมูลและคำสั่งที่เหมาะกับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในด้านฮาร์ดแวร์ AMD เตรียมเปิดตัว Helios rack ที่บรรจุ MI450 ถึง 72 ตัว พร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์สูงถึง 1,400 TB/s ซึ่งเหนือกว่า Nvidia Rubin NVL144 ที่ใช้เทคโนโลยี 3nm และมี HBM4 เพียง 21TB กับแบนด์วิดธ์ 936 TB/s อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังมีจุดแข็งด้าน FP4 performance ที่สูงกว่า (3,600 PFLOPS เทียบกับ 1,440 PFLOPS ของ AMD) ข้อตกลงกับ OpenAI ยังรวมถึงการออก warrant ให้ซื้อหุ้น AMD ได้สูงสุด 160 ล้านหุ้น โดยจะทยอย vest ตาม milestone เช่น การติดตั้งครบ 1 กิกะวัตต์ และการบรรลุเป้าหมายด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์ Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า “นี่คือการรวมพลังของทั้งสองบริษัทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ขณะที่ Sam Altman จาก OpenAI กล่าวว่า “AMD จะช่วยเราสร้างความก้าวหน้าใน AI ได้เร็วขึ้น และนำประโยชน์ไปสู่ทุกคน” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เปิดตัว Instinct MI450 บนเทคโนโลยี 2nm จาก TSMC ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ลดการใช้พลังงานได้ 25–30% และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ 15% ➡️ Helios rack มี MI450 จำนวน 72 ตัว พร้อม HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์ 1,400 TB/s ➡️ Nvidia Rubin NVL144 มี HBM4 21TB และแบนด์วิดธ์ 936 TB/s แต่ FP4 performance สูงกว่า ➡️ OpenAI จะได้รับ MI450 ล็อตแรกในครึ่งหลังของปี 2026 ➡️ ข้อตกลงรวมการออก warrant ให้ OpenAI ซื้อหุ้น AMD สูงสุด 160 ล้านหุ้น ➡️ การ vest ขึ้นอยู่กับ milestone เช่น การติดตั้งครบ 1GW และเป้าหมายด้านเทคนิค ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TSMC N2 เป็นเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2nm ที่ใช้ GAA transistor เป็นครั้งแรก ➡️ GAA transistor ช่วยลด leakage และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบชิป ➡️ HBM4 เป็นหน่วยความจำความเร็วสูงที่ใช้ในงาน AI และ HPC ➡️ FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่ใช้ในการฝึกโมเดล LLM ขนาดใหญ่ ➡️ การออก warrant เป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ใช้สร้างพันธมิตรระยะยาว ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ MI450 ยังมี FP4 performance ต่ำกว่า Nvidia Rubin NVL144 อย่างชัดเจน ⛔ การเชื่อมต่อแบบ UALink ยังไม่แน่นอนว่าจะ scale ได้ดีใน MI450 ⛔ การผลิตชิป 2nm มีความซับซ้อนและต้นทุนสูง อาจกระทบ timeline ⛔ การ vest หุ้นของ OpenAI ขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไขที่อาจไม่บรรลุ ⛔ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพยังต้องรอผลการใช้งานจริงใน data center https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-could-beat-nvidia-to-launching-ai-gpus-on-the-cutting-edge-2nm-node-instinct-mi450-is-officially-the-first-amd-gpu-to-launch-with-tsmcs-finest-tech
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • “Tianwen-2 ถ่ายเซลฟี่กับโลก ก่อนมุ่งหน้าสู่ดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง — ภารกิจจีนที่ทะยานไกลถึงปี 2035”

    จีนได้เปิดตัวภารกิจอวกาศ Tianwen-2 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 โดยเป็นภารกิจลำดับที่สองในโครงการ “Tianwen” ซึ่งแปลว่า “คำถามถึงสวรรค์” จุดมุ่งหมายคือการสำรวจดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง เพื่อไขปริศนาเกี่ยวกับต้นกำเนิดของระบบสุริยะและน้ำบนโลก

    หลังจากออกจากโลกเพียงหนึ่งวัน Tianwen-2 ถ่ายภาพโลกจากระยะ 366,620 ไมล์ และต่อมาได้ถ่าย “เซลฟี่” โดยมีโลกเป็นฉากหลังจากระยะ 26.5 ล้านไมล์ ด้วยกล้องที่ติดตั้งบนแขนหุ่นยนต์ของยาน ภาพนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นภารกิจที่ยาวนานถึง 10 ปี

    เป้าหมายแรกของ Tianwen-2 คือดาวเคราะห์น้อย 469219 Kamoʻoalewa ซึ่งมีวงโคจรใกล้เคียงกับโลก และเชื่อว่าอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของดวงจันทร์มาก่อน ยานจะไปถึงในเดือนกรกฎาคม 2026 และใช้เวลาหลายเดือนในการสำรวจและเก็บตัวอย่าง ก่อนนำกลับสู่โลกในปี 2027 ผ่านแคปซูลส่งคืน

    หลังจากส่งตัวอย่างกลับมา Tianwen-2 จะใช้แรงโน้มถ่วงของโลกเป็น “สลิง” เพื่อเร่งความเร็วและมุ่งหน้าสู่ดาวหาง 311P/PANSTARRS ในแถบดาวเคราะห์น้อย ซึ่งมีลักษณะทั้งเป็นดาวหางและดาวเคราะห์น้อยในตัวเดียวกัน ยานจะไปถึงในปี 2035 และใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีในการสำรวจ

    ภารกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการสำรวจอวกาศระยะยาวของจีน โดย Tianwen-1 เคยสำรวจดาวอังคารในปี 2020 ส่วน Tianwen-3 จะนำตัวอย่างจากดาวอังคารกลับมา และ Tianwen-4 จะสำรวจดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์ของมัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Tianwen-2 เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2025 โดย CNSA
    ถ่ายภาพโลกจากระยะ 366,620 ไมล์ และเซลฟี่จากระยะ 26.5 ล้านไมล์
    เป้าหมายแรกคือดาวเคราะห์น้อย Kamoʻoalewa ซึ่งอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของดวงจันทร์
    จะไปถึง Kamoʻoalewa ในเดือนกรกฎาคม 2026 และส่งตัวอย่างกลับโลกในปี 2027
    ใช้แคปซูลส่งคืนเพื่อนำตัวอย่างกลับมา
    หลังจากนั้นจะมุ่งหน้าสู่ดาวหาง 311P/PANSTARRS ในปี 2035
    ดาวหางนี้มีลักษณะทั้งเป็นดาวหางและดาวเคราะห์น้อย
    Tianwen-2 จะใช้เวลาสำรวจดาวหางอย่างน้อยหนึ่งปี
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Tianwen ที่รวมถึงภารกิจไปดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Kamoʻoalewa ถูกค้นพบในปี 2016 และมีวงโคจรใกล้เคียงกับโลก
    ดาวหาง 311P/PANSTARRS มีหางหลายเส้นและอาจมีน้ำแข็งใต้พื้นผิว
    การใช้แรงโน้มถ่วงของโลกเป็น “gravity assist” ช่วยประหยัดพลังงานในการเดินทาง
    Tianwen-2 ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
    ภารกิจนี้ใช้เทคนิคใหม่ในการเก็บตัวอย่าง เช่น anchor-and-attach ซึ่งไม่เคยใช้มาก่อน

    https://www.slashgear.com/1987891/china-tianwen-2-probe-takes-selfie-with-earth/
    🚀 “Tianwen-2 ถ่ายเซลฟี่กับโลก ก่อนมุ่งหน้าสู่ดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง — ภารกิจจีนที่ทะยานไกลถึงปี 2035” จีนได้เปิดตัวภารกิจอวกาศ Tianwen-2 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 โดยเป็นภารกิจลำดับที่สองในโครงการ “Tianwen” ซึ่งแปลว่า “คำถามถึงสวรรค์” จุดมุ่งหมายคือการสำรวจดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง เพื่อไขปริศนาเกี่ยวกับต้นกำเนิดของระบบสุริยะและน้ำบนโลก หลังจากออกจากโลกเพียงหนึ่งวัน Tianwen-2 ถ่ายภาพโลกจากระยะ 366,620 ไมล์ และต่อมาได้ถ่าย “เซลฟี่” โดยมีโลกเป็นฉากหลังจากระยะ 26.5 ล้านไมล์ ด้วยกล้องที่ติดตั้งบนแขนหุ่นยนต์ของยาน ภาพนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นภารกิจที่ยาวนานถึง 10 ปี เป้าหมายแรกของ Tianwen-2 คือดาวเคราะห์น้อย 469219 Kamoʻoalewa ซึ่งมีวงโคจรใกล้เคียงกับโลก และเชื่อว่าอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของดวงจันทร์มาก่อน ยานจะไปถึงในเดือนกรกฎาคม 2026 และใช้เวลาหลายเดือนในการสำรวจและเก็บตัวอย่าง ก่อนนำกลับสู่โลกในปี 2027 ผ่านแคปซูลส่งคืน หลังจากส่งตัวอย่างกลับมา Tianwen-2 จะใช้แรงโน้มถ่วงของโลกเป็น “สลิง” เพื่อเร่งความเร็วและมุ่งหน้าสู่ดาวหาง 311P/PANSTARRS ในแถบดาวเคราะห์น้อย ซึ่งมีลักษณะทั้งเป็นดาวหางและดาวเคราะห์น้อยในตัวเดียวกัน ยานจะไปถึงในปี 2035 และใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีในการสำรวจ ภารกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการสำรวจอวกาศระยะยาวของจีน โดย Tianwen-1 เคยสำรวจดาวอังคารในปี 2020 ส่วน Tianwen-3 จะนำตัวอย่างจากดาวอังคารกลับมา และ Tianwen-4 จะสำรวจดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์ของมัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Tianwen-2 เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2025 โดย CNSA ➡️ ถ่ายภาพโลกจากระยะ 366,620 ไมล์ และเซลฟี่จากระยะ 26.5 ล้านไมล์ ➡️ เป้าหมายแรกคือดาวเคราะห์น้อย Kamoʻoalewa ซึ่งอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของดวงจันทร์ ➡️ จะไปถึง Kamoʻoalewa ในเดือนกรกฎาคม 2026 และส่งตัวอย่างกลับโลกในปี 2027 ➡️ ใช้แคปซูลส่งคืนเพื่อนำตัวอย่างกลับมา ➡️ หลังจากนั้นจะมุ่งหน้าสู่ดาวหาง 311P/PANSTARRS ในปี 2035 ➡️ ดาวหางนี้มีลักษณะทั้งเป็นดาวหางและดาวเคราะห์น้อย ➡️ Tianwen-2 จะใช้เวลาสำรวจดาวหางอย่างน้อยหนึ่งปี ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Tianwen ที่รวมถึงภารกิจไปดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Kamoʻoalewa ถูกค้นพบในปี 2016 และมีวงโคจรใกล้เคียงกับโลก ➡️ ดาวหาง 311P/PANSTARRS มีหางหลายเส้นและอาจมีน้ำแข็งใต้พื้นผิว ➡️ การใช้แรงโน้มถ่วงของโลกเป็น “gravity assist” ช่วยประหยัดพลังงานในการเดินทาง ➡️ Tianwen-2 ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ➡️ ภารกิจนี้ใช้เทคนิคใหม่ในการเก็บตัวอย่าง เช่น anchor-and-attach ซึ่งไม่เคยใช้มาก่อน https://www.slashgear.com/1987891/china-tianwen-2-probe-takes-selfie-with-earth/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    China's Tianwen-2 Probe Takes A Selfie With Earth On Its Way Out Into The Universe - SlashGear
    China’s Tianwen-2 probe captured Earth’s image while traveling to asteroid Kamoʻoalewa. It will explore the solar system collecting samples until 2035.
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • “สงครามใต้ดินในวงการบูตแคมป์: เมื่อ Reddit กลายเป็นอาวุธทำลายชื่อเสียง Codesmith ด้วยมือของคู่แข่ง”

    เรื่องราวสุดดาร์กของ Codesmith บูตแคมป์สายซอฟต์แวร์ที่เคยรุ่งเรืองด้วยรายได้กว่า $23.5 ล้าน กลับถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องผ่าน Reddit โดยผู้ก่อเหตุคือ Michael Novati — ผู้ร่วมก่อตั้ง Formation ซึ่งเป็นบูตแคมป์คู่แข่ง และยังเป็นผู้ดูแลหลักของ subreddit r/codingbootcamp

    Michael ใช้ตำแหน่ง moderator เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข้อมูล ลบโพสต์เชิงบวกของ Codesmith และปล่อยคอมเมนต์เชิงลบทุกวันตลอด 487 วัน รวมกว่า 425 โพสต์ โดยใช้เทคนิคการเปรียบเทียบกับลัทธิ NXIVM, กล่าวหาว่ามีการโกงข้อมูล CIRR, และแม้กระทั่งตามรอยลูกของพนักงานบน LinkedIn เพื่อกล่าวหาว่ามีการเล่นเส้น

    ผลกระทบไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่รวมถึงรายได้ที่ลดลงกว่า 40% จากการโจมตีบน Reddit และอีก 40% จากภาวะตลาด ทำให้ Codesmithต้องปลดพนักงานหลายรอบ เหลือเพียง 15 คน และผู้ก่อตั้งต้องลาออกเพราะความเครียด

    แม้จะมีการตรวจสอบจากหลายฝ่าย รวมถึงผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น ๆ ที่ยืนยันว่า Codesmith เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดในวงการ แต่การควบคุม narrative บน Reddit ทำให้ผู้สนใจเรียนรู้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นกลางได้

    การโจมตีนี้ยังลามไปถึง Google และ LLM อย่าง ChatGPT ซึ่งดึงข้อมูลจาก Reddit ทำให้คำค้นหา “Codesmith ดีไหม” กลายเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาและความสงสัย


    ธุรกิจของ “coding bootcamp” คือการให้บริการฝึกอบรมเข้มข้นด้านการเขียนโปรแกรมและทักษะเทคโนโลยี เพื่อเตรียมผู้เรียนเข้าสู่สายงานไอที โดยเฉพาะตำแหน่งอย่าง software engineer, full-stack developer, data analyst ฯลฯ ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน

    โมเดลธุรกิจของ bootcamp
    หลักสูตรแบบเร่งรัด (Intensive Program) Bootcamp มักจัดหลักสูตร 8–16 สัปดาห์ ที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น สร้างโปรเจกต์, pair programming, mock interview
    คัดเลือกผู้เรียนอย่างเข้มงวด หลายแห่ง เช่น Codesmith หรือ AppAcademy จะคัดเลือกผู้เรียนที่มีพื้นฐานหรือความมุ่งมั่นสูง เพื่อให้ผลลัพธ์หลังเรียนดีขึ้น
    รายได้หลักมาจากค่าเรียน ค่าเรียนมักอยู่ระหว่าง $10,000–$20,000 ต่อคน โดยบางแห่งมีระบบ “Income Share Agreement” (ISA) ที่ให้เรียนฟรีก่อน แล้วจ่ายเมื่อได้งาน
    บริการเสริมหลังเรียน เช่น การช่วยเขียน resume, mock interview, career coaching ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสได้งานและสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp
    ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี บาง bootcamp มีดีลกับบริษัทเพื่อส่งนักเรียนไปฝึกงานหรือสมัครงานโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและผลลัพธ์

    จุดที่สร้างกำไร
    ค่าเรียนต่อหัวสูง เมื่อ bootcamp มีชื่อเสียงและผลลัพธ์ดี ก็สามารถตั้งราคาสูงได้ เช่น Codesmith เคยมีรายได้ $23.5M จากนักเรียนไม่กี่พันคน
    ต้นทุนคงที่ต่ำ แม้จะมีค่าใช้จ่ายด้านครูและระบบ แต่เมื่อหลักสูตรถูกออกแบบแล้ว สามารถใช้ซ้ำได้หลายรุ่นโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมาก
    การขยายแบบออนไลน์ หลาย bootcamp เปลี่ยนจาก onsite เป็น remote ทำให้ลดค่าเช่าสถานที่ และขยายตลาดได้ทั่วโลก
    การใช้ alumni เป็น brand ambassador ผู้เรียนที่ได้งานดีจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาโดยตรง


    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Reddit เป็นแหล่งข้อมูลหลักของ LLM และปรากฏในผลการค้นหาของ Google
    CIRR เป็นองค์กรกลางที่เก็บข้อมูลผลลัพธ์ของบูตแคมป์อย่างเป็นกลาง
    การควบคุม subreddit ทำให้สามารถลบโพสต์, ปักหมุด, และแบนผู้ใช้ได้ตามใจ
    Formation เคยระดมทุน $4M จาก Andreessen Horowitz
    ผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น เช่น Tech Elevator และ AppAcademy ยืนยันว่า Codesmith มีคุณภาพสูง

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การควบคุม subreddit โดยคู่แข่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ
    ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ว่า moderator มีผลประโยชน์ทับซ้อน
    LLM และ Google ดึงข้อมูลจาก Reddit โดยไม่ตรวจสอบความเป็นกลาง
    การโจมตีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับธุรกิจใดก็ได้ที่มี subreddit อุตสาหกรรม
    ไม่มีระบบตรวจสอบหรือถ่วงดุลอำนาจของ moderator บน Reddit

    https://larslofgren.com/codesmith-reddit-reputation-attack/
    🔥 “สงครามใต้ดินในวงการบูตแคมป์: เมื่อ Reddit กลายเป็นอาวุธทำลายชื่อเสียง Codesmith ด้วยมือของคู่แข่ง” เรื่องราวสุดดาร์กของ Codesmith บูตแคมป์สายซอฟต์แวร์ที่เคยรุ่งเรืองด้วยรายได้กว่า $23.5 ล้าน กลับถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องผ่าน Reddit โดยผู้ก่อเหตุคือ Michael Novati — ผู้ร่วมก่อตั้ง Formation ซึ่งเป็นบูตแคมป์คู่แข่ง และยังเป็นผู้ดูแลหลักของ subreddit r/codingbootcamp Michael ใช้ตำแหน่ง moderator เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข้อมูล ลบโพสต์เชิงบวกของ Codesmith และปล่อยคอมเมนต์เชิงลบทุกวันตลอด 487 วัน รวมกว่า 425 โพสต์ โดยใช้เทคนิคการเปรียบเทียบกับลัทธิ NXIVM, กล่าวหาว่ามีการโกงข้อมูล CIRR, และแม้กระทั่งตามรอยลูกของพนักงานบน LinkedIn เพื่อกล่าวหาว่ามีการเล่นเส้น ผลกระทบไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่รวมถึงรายได้ที่ลดลงกว่า 40% จากการโจมตีบน Reddit และอีก 40% จากภาวะตลาด ทำให้ Codesmithต้องปลดพนักงานหลายรอบ เหลือเพียง 15 คน และผู้ก่อตั้งต้องลาออกเพราะความเครียด แม้จะมีการตรวจสอบจากหลายฝ่าย รวมถึงผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น ๆ ที่ยืนยันว่า Codesmith เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดในวงการ แต่การควบคุม narrative บน Reddit ทำให้ผู้สนใจเรียนรู้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นกลางได้ การโจมตีนี้ยังลามไปถึง Google และ LLM อย่าง ChatGPT ซึ่งดึงข้อมูลจาก Reddit ทำให้คำค้นหา “Codesmith ดีไหม” กลายเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาและความสงสัย 🔖🔖 ธุรกิจของ “coding bootcamp” คือการให้บริการฝึกอบรมเข้มข้นด้านการเขียนโปรแกรมและทักษะเทคโนโลยี เพื่อเตรียมผู้เรียนเข้าสู่สายงานไอที โดยเฉพาะตำแหน่งอย่าง software engineer, full-stack developer, data analyst ฯลฯ ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ✅ โมเดลธุรกิจของ bootcamp ➡️ หลักสูตรแบบเร่งรัด (Intensive Program) Bootcamp มักจัดหลักสูตร 8–16 สัปดาห์ ที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น สร้างโปรเจกต์, pair programming, mock interview ➡️ คัดเลือกผู้เรียนอย่างเข้มงวด หลายแห่ง เช่น Codesmith หรือ AppAcademy จะคัดเลือกผู้เรียนที่มีพื้นฐานหรือความมุ่งมั่นสูง เพื่อให้ผลลัพธ์หลังเรียนดีขึ้น ➡️ รายได้หลักมาจากค่าเรียน ค่าเรียนมักอยู่ระหว่าง $10,000–$20,000 ต่อคน โดยบางแห่งมีระบบ “Income Share Agreement” (ISA) ที่ให้เรียนฟรีก่อน แล้วจ่ายเมื่อได้งาน ➡️ บริการเสริมหลังเรียน เช่น การช่วยเขียน resume, mock interview, career coaching ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสได้งานและสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp ➡️ ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี บาง bootcamp มีดีลกับบริษัทเพื่อส่งนักเรียนไปฝึกงานหรือสมัครงานโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและผลลัพธ์ ✅ จุดที่สร้างกำไร ➡️ ค่าเรียนต่อหัวสูง เมื่อ bootcamp มีชื่อเสียงและผลลัพธ์ดี ก็สามารถตั้งราคาสูงได้ เช่น Codesmith เคยมีรายได้ $23.5M จากนักเรียนไม่กี่พันคน ➡️ ต้นทุนคงที่ต่ำ แม้จะมีค่าใช้จ่ายด้านครูและระบบ แต่เมื่อหลักสูตรถูกออกแบบแล้ว สามารถใช้ซ้ำได้หลายรุ่นโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมาก ➡️ การขยายแบบออนไลน์ หลาย bootcamp เปลี่ยนจาก onsite เป็น remote ทำให้ลดค่าเช่าสถานที่ และขยายตลาดได้ทั่วโลก ➡️ การใช้ alumni เป็น brand ambassador ผู้เรียนที่ได้งานดีจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาโดยตรง 🔖🔖🔖 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Reddit เป็นแหล่งข้อมูลหลักของ LLM และปรากฏในผลการค้นหาของ Google ➡️ CIRR เป็นองค์กรกลางที่เก็บข้อมูลผลลัพธ์ของบูตแคมป์อย่างเป็นกลาง ➡️ การควบคุม subreddit ทำให้สามารถลบโพสต์, ปักหมุด, และแบนผู้ใช้ได้ตามใจ ➡️ Formation เคยระดมทุน $4M จาก Andreessen Horowitz ➡️ ผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น เช่น Tech Elevator และ AppAcademy ยืนยันว่า Codesmith มีคุณภาพสูง ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การควบคุม subreddit โดยคู่แข่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ว่า moderator มีผลประโยชน์ทับซ้อน ⛔ LLM และ Google ดึงข้อมูลจาก Reddit โดยไม่ตรวจสอบความเป็นกลาง ⛔ การโจมตีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับธุรกิจใดก็ได้ที่มี subreddit อุตสาหกรรม ⛔ ไม่มีระบบตรวจสอบหรือถ่วงดุลอำนาจของ moderator บน Reddit https://larslofgren.com/codesmith-reddit-reputation-attack/
    LARSLOFGREN.COM
    The Story of Codesmith: How a Competitor Crippled a $23.5M Bootcamp By Becoming a Reddit Moderator
    Let’s say you decide to start a coding bootcamp. Your background is in pedagogy and you love teaching. Your parents were teachers. You find a co-founder, raise a bit of money, and pour your soul into your company. The first couple of years, students love your program. Positive feedback, extraordinary student outcomes, employees love the mission. You are quite literally […]
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • “MediaTek แจ้งเตือนช่องโหว่ร้ายแรงในชิป Wi-Fi และ GNSS — เสี่ยงถูกโจมตีจากระยะไกลผ่านคลื่นสัญญาณ”

    MediaTek ได้ออกประกาศ Product Security Bulletin ประจำเดือนตุลาคม 2025 โดยเปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยระดับสูงและระดับกลางหลายรายการที่ส่งผลกระทบต่อชิปเซ็ต Wi-Fi (WLAN) และ GNSS (Global Navigation Satellite System) ที่ใช้ในอุปกรณ์ผู้บริโภคและ IoT ทั่วโลก

    ในส่วนของชิป Wi-Fi พบช่องโหว่ buffer overflow, heap overflow และ stack overflow หลายรายการ เช่น CVE-2025-20712, CVE-2025-20709, CVE-2025-20710 และ CVE-2025-20718 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบขอบเขตข้อมูลไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถเขียนข้อมูลเกินขอบเขตหน่วยความจำ และอาจนำไปสู่การรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือทำให้ระบบล่มได้

    ชิปที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ MT6890, MT7915, MT7916, MT7981, MT7986 และรุ่นใหม่อย่าง MT7990–MT7993 รวมถึงชิปรุ่นเก่าอย่าง MT7603 และ MT7622 ซึ่งยังคงใช้งานในอุปกรณ์หลายประเภท

    ในส่วนของ GNSS และ image sensor ก็พบช่องโหว่ระดับกลาง เช่น CVE-2025-20722 และ CVE-2025-20723 ที่เกิดจาก integer overflow และ out-of-bounds write ในการจัดการข้อมูลพิกัดและการแก้ไขข้อผิดพลาด ซึ่งอาจทำให้ระบบอ่านข้อมูลผิดพลาดหรือถูกโจมตีผ่านข้อมูลที่สร้างขึ้นโดยเจตนา

    MediaTek ระบุว่าได้แจ้งผู้ผลิตอุปกรณ์ (OEM) ล่วงหน้าก่อนเผยแพร่ประกาศนี้ และแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ได้รับการอัปเดต firmware ล่าสุดจากผู้ผลิตแล้ว เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากช่องโหว่เหล่านี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    MediaTek ออกประกาศแจ้งเตือนช่องโหว่ในชิป Wi-Fi และ GNSS ประจำเดือนตุลาคม 2025
    ช่องโหว่ระดับสูงใน Wi-Fi ได้แก่ buffer overflow, heap overflow และ stack overflow
    CVE-2025-20712, CVE-2025-20709, CVE-2025-20710, CVE-2025-20718 เป็นช่องโหว่หลัก
    ชิปที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ MT6890, MT7915, MT7916, MT7981, MT7986, MT7990–MT7993
    ช่องโหว่ GNSS ได้แก่ CVE-2025-20722 และ CVE-2025-20723 เกิดจาก integer overflow
    ช่องโหว่ใน image sensor ได้แก่ CVE-2025-20721 ส่งผลต่อ MT6886, MT6899, MT8195, MT8793
    MediaTek แจ้ง OEM ล่วงหน้าและแนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้ง firmware ล่าสุด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ช่องโหว่ buffer overflow เป็นหนึ่งในวิธีโจมตีที่ใช้กันมากที่สุดในระบบ embedded
    GNSS เป็นระบบที่ใช้ในสมาร์ตโฟนและรถยนต์สำหรับระบุตำแหน่ง
    การโจมตีผ่าน Wi-Fi สามารถทำได้จากระยะไกลโดยไม่ต้องเข้าถึงตัวอุปกรณ์
    การอัปเดต firmware เป็นวิธีหลักในการป้องกันช่องโหว่ในอุปกรณ์ IoT
    CVSS v3.1 เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการประเมินความรุนแรงของช่องโหว่

    https://securityonline.info/mediatek-issues-october-2025-security-bulletin-addressing-multiple-high-severity-vulnerabilities-across-wi-fi-and-gnss-chipsets/
    📡 “MediaTek แจ้งเตือนช่องโหว่ร้ายแรงในชิป Wi-Fi และ GNSS — เสี่ยงถูกโจมตีจากระยะไกลผ่านคลื่นสัญญาณ” MediaTek ได้ออกประกาศ Product Security Bulletin ประจำเดือนตุลาคม 2025 โดยเปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยระดับสูงและระดับกลางหลายรายการที่ส่งผลกระทบต่อชิปเซ็ต Wi-Fi (WLAN) และ GNSS (Global Navigation Satellite System) ที่ใช้ในอุปกรณ์ผู้บริโภคและ IoT ทั่วโลก ในส่วนของชิป Wi-Fi พบช่องโหว่ buffer overflow, heap overflow และ stack overflow หลายรายการ เช่น CVE-2025-20712, CVE-2025-20709, CVE-2025-20710 และ CVE-2025-20718 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบขอบเขตข้อมูลไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถเขียนข้อมูลเกินขอบเขตหน่วยความจำ และอาจนำไปสู่การรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือทำให้ระบบล่มได้ ชิปที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ MT6890, MT7915, MT7916, MT7981, MT7986 และรุ่นใหม่อย่าง MT7990–MT7993 รวมถึงชิปรุ่นเก่าอย่าง MT7603 และ MT7622 ซึ่งยังคงใช้งานในอุปกรณ์หลายประเภท ในส่วนของ GNSS และ image sensor ก็พบช่องโหว่ระดับกลาง เช่น CVE-2025-20722 และ CVE-2025-20723 ที่เกิดจาก integer overflow และ out-of-bounds write ในการจัดการข้อมูลพิกัดและการแก้ไขข้อผิดพลาด ซึ่งอาจทำให้ระบบอ่านข้อมูลผิดพลาดหรือถูกโจมตีผ่านข้อมูลที่สร้างขึ้นโดยเจตนา MediaTek ระบุว่าได้แจ้งผู้ผลิตอุปกรณ์ (OEM) ล่วงหน้าก่อนเผยแพร่ประกาศนี้ และแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ได้รับการอัปเดต firmware ล่าสุดจากผู้ผลิตแล้ว เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากช่องโหว่เหล่านี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ MediaTek ออกประกาศแจ้งเตือนช่องโหว่ในชิป Wi-Fi และ GNSS ประจำเดือนตุลาคม 2025 ➡️ ช่องโหว่ระดับสูงใน Wi-Fi ได้แก่ buffer overflow, heap overflow และ stack overflow ➡️ CVE-2025-20712, CVE-2025-20709, CVE-2025-20710, CVE-2025-20718 เป็นช่องโหว่หลัก ➡️ ชิปที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ MT6890, MT7915, MT7916, MT7981, MT7986, MT7990–MT7993 ➡️ ช่องโหว่ GNSS ได้แก่ CVE-2025-20722 และ CVE-2025-20723 เกิดจาก integer overflow ➡️ ช่องโหว่ใน image sensor ได้แก่ CVE-2025-20721 ส่งผลต่อ MT6886, MT6899, MT8195, MT8793 ➡️ MediaTek แจ้ง OEM ล่วงหน้าและแนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้ง firmware ล่าสุด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ช่องโหว่ buffer overflow เป็นหนึ่งในวิธีโจมตีที่ใช้กันมากที่สุดในระบบ embedded ➡️ GNSS เป็นระบบที่ใช้ในสมาร์ตโฟนและรถยนต์สำหรับระบุตำแหน่ง ➡️ การโจมตีผ่าน Wi-Fi สามารถทำได้จากระยะไกลโดยไม่ต้องเข้าถึงตัวอุปกรณ์ ➡️ การอัปเดต firmware เป็นวิธีหลักในการป้องกันช่องโหว่ในอุปกรณ์ IoT ➡️ CVSS v3.1 เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการประเมินความรุนแรงของช่องโหว่ https://securityonline.info/mediatek-issues-october-2025-security-bulletin-addressing-multiple-high-severity-vulnerabilities-across-wi-fi-and-gnss-chipsets/
    SECURITYONLINE.INFO
    MediaTek Issues October 2025 Security Bulletin Addressing Multiple High-Severity Vulnerabilities Across Wi-Fi and GNSS Chipsets
    MediaTek's October Security Bulletin discloses multiple High-severity flaws in its WLAN and GNSS chipsets, including buffer and stack overflows that risk RCE via memory corruption.
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • “Google ปิดประตู Gemini Nano บนมือถือที่ปลดล็อก bootloader — นักพัฒนาและผู้ใช้สาย root อาจต้องเลือกระหว่างอิสระกับ AI”

    Google ได้ประกาศอย่างเป็นทางการผ่านเอกสาร ML Kit API ว่าอุปกรณ์ Android ที่มีการปลดล็อก bootloader จะไม่สามารถใช้งาน Gemini Nano ได้ ซึ่งเป็นโมเดล AI ขนาดเล็กที่ออกแบบมาให้ทำงานบนอุปกรณ์โดยตรง โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับคลาวด์

    Gemini Nano เป็นโมเดลที่ใช้พลังประมวลผลจาก GPU/NPU ภายในเครื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองได้รวดเร็วและรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยไม่ต้องส่งข้อมูลขึ้นเซิร์ฟเวอร์ของ Google ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนชื่นชอบ

    แต่เมื่อ bootloader ถูกปลดล็อก ระบบจะถือว่าอุปกรณ์นั้น “ไม่ปลอดภัย” และจะปิดการเข้าถึง API ของ Gemini Nano โดยแสดงข้อความ “FEATURE_NOT_FOUND” ซึ่งหมายถึงฟีเจอร์ไม่สามารถใช้งานได้ในสถานะปัจจุบันของเครื่อง

    แม้ผู้ใช้จะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือรีสตาร์ทเครื่อง ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ หาก bootloader ยังถูกปลดล็อกอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องการ root เครื่องหรือใช้ custom ROM เพื่อปรับแต่งระบบ

    แนวโน้มนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบ Android ที่เคยเปิดกว้างสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ขั้นสูง แต่กำลังถูกจำกัดมากขึ้น โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มปิดกั้นการปลดล็อก bootloader หรือจำกัดให้ทำได้เพียงเครื่องเดียวต่อบัญชี

    แม้จะเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้บางกลุ่มที่เคยใช้ฟีเจอร์ AI บนเครื่องอย่างเต็มประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Google ประกาศว่าอุปกรณ์ที่ปลดล็อก bootloader จะไม่สามารถใช้ Gemini Nano ได้
    Gemini Nano เป็นโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทำงานบนอุปกรณ์โดยตรง
    การปลดล็อก bootloader ทำให้ระบบถือว่าอุปกรณ์ไม่ปลอดภัย
    API ของ Gemini Nano จะแสดงข้อความ “FEATURE_NOT_FOUND” บนเครื่องที่ปลดล็อก
    การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือรีสตาร์ทเครื่องไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
    ผู้ใช้ที่ root เครื่องหรือใช้ custom ROM จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ AI บนเครื่องได้
    ผู้ผลิตหลายรายเริ่มจำกัดการปลดล็อก bootloader หรือยกเลิกฟีเจอร์นี้ไปเลย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gemini Nano ใช้ในฟีเจอร์อย่าง smart reply, audio summarization และ image description
    ML Kit API เป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาในการเรียกใช้ฟีเจอร์ AI บนอุปกรณ์ Android
    การปลดล็อก bootloader เป็นวิธีที่ใช้ในการติดตั้ง ROM แบบกำหนดเองหรือ root เครื่อง
    Android 16 เริ่มไม่เผยแพร่ device tree และ driver binaries ทำให้การพัฒนา custom ROM ยากขึ้น
    การจำกัด bootloader เป็นแนวทางที่ผู้ผลิตใช้เพื่อป้องกันการโจมตีและการ debug ที่ไม่พึงประสงค์

    https://securityonline.info/gemini-nano-block-google-locks-on-device-ai-access-for-smartphones-with-unlocked-bootloaders/
    📱 “Google ปิดประตู Gemini Nano บนมือถือที่ปลดล็อก bootloader — นักพัฒนาและผู้ใช้สาย root อาจต้องเลือกระหว่างอิสระกับ AI” Google ได้ประกาศอย่างเป็นทางการผ่านเอกสาร ML Kit API ว่าอุปกรณ์ Android ที่มีการปลดล็อก bootloader จะไม่สามารถใช้งาน Gemini Nano ได้ ซึ่งเป็นโมเดล AI ขนาดเล็กที่ออกแบบมาให้ทำงานบนอุปกรณ์โดยตรง โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับคลาวด์ Gemini Nano เป็นโมเดลที่ใช้พลังประมวลผลจาก GPU/NPU ภายในเครื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองได้รวดเร็วและรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยไม่ต้องส่งข้อมูลขึ้นเซิร์ฟเวอร์ของ Google ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนชื่นชอบ แต่เมื่อ bootloader ถูกปลดล็อก ระบบจะถือว่าอุปกรณ์นั้น “ไม่ปลอดภัย” และจะปิดการเข้าถึง API ของ Gemini Nano โดยแสดงข้อความ “FEATURE_NOT_FOUND” ซึ่งหมายถึงฟีเจอร์ไม่สามารถใช้งานได้ในสถานะปัจจุบันของเครื่อง แม้ผู้ใช้จะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือรีสตาร์ทเครื่อง ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ หาก bootloader ยังถูกปลดล็อกอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องการ root เครื่องหรือใช้ custom ROM เพื่อปรับแต่งระบบ แนวโน้มนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบ Android ที่เคยเปิดกว้างสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ขั้นสูง แต่กำลังถูกจำกัดมากขึ้น โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มปิดกั้นการปลดล็อก bootloader หรือจำกัดให้ทำได้เพียงเครื่องเดียวต่อบัญชี แม้จะเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้บางกลุ่มที่เคยใช้ฟีเจอร์ AI บนเครื่องอย่างเต็มประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Google ประกาศว่าอุปกรณ์ที่ปลดล็อก bootloader จะไม่สามารถใช้ Gemini Nano ได้ ➡️ Gemini Nano เป็นโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทำงานบนอุปกรณ์โดยตรง ➡️ การปลดล็อก bootloader ทำให้ระบบถือว่าอุปกรณ์ไม่ปลอดภัย ➡️ API ของ Gemini Nano จะแสดงข้อความ “FEATURE_NOT_FOUND” บนเครื่องที่ปลดล็อก ➡️ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือรีสตาร์ทเครื่องไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ➡️ ผู้ใช้ที่ root เครื่องหรือใช้ custom ROM จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ AI บนเครื่องได้ ➡️ ผู้ผลิตหลายรายเริ่มจำกัดการปลดล็อก bootloader หรือยกเลิกฟีเจอร์นี้ไปเลย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gemini Nano ใช้ในฟีเจอร์อย่าง smart reply, audio summarization และ image description ➡️ ML Kit API เป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาในการเรียกใช้ฟีเจอร์ AI บนอุปกรณ์ Android ➡️ การปลดล็อก bootloader เป็นวิธีที่ใช้ในการติดตั้ง ROM แบบกำหนดเองหรือ root เครื่อง ➡️ Android 16 เริ่มไม่เผยแพร่ device tree และ driver binaries ทำให้การพัฒนา custom ROM ยากขึ้น ➡️ การจำกัด bootloader เป็นแนวทางที่ผู้ผลิตใช้เพื่อป้องกันการโจมตีและการ debug ที่ไม่พึงประสงค์ https://securityonline.info/gemini-nano-block-google-locks-on-device-ai-access-for-smartphones-with-unlocked-bootloaders/
    SECURITYONLINE.INFO
    Gemini Nano Block: Google Locks On-Device AI Access for Smartphones with Unlocked Bootloaders
    Google has confirmed that the Gemini Nano on-device AI model is blocked from running on Android devices with an unlocked bootloader, citing a feature not found error.
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • กองทัพภาคที่ 1 แจง กกล.บูรพาเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิด บ.หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว 10 ต.ค.เพื่อเตรียมพื้นที่ปฏิบัติการของฝ่ายไทยให้เอื้อต่อการปกป้องอธิปไตย แจ้งให้กัมพูชาทราบป้องกันบิดเบือนข้อมูล ย้ำพร้อมเข้าดำเนินการอย่างเด็ดขาดในห้วงเวลาที่ได้เปรียบ ยึดผลสำเร็จทางยุทธวิธีและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096716

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กองทัพภาคที่ 1 แจง กกล.บูรพาเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิด บ.หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว 10 ต.ค.เพื่อเตรียมพื้นที่ปฏิบัติการของฝ่ายไทยให้เอื้อต่อการปกป้องอธิปไตย แจ้งให้กัมพูชาทราบป้องกันบิดเบือนข้อมูล ย้ำพร้อมเข้าดำเนินการอย่างเด็ดขาดในห้วงเวลาที่ได้เปรียบ ยึดผลสำเร็จทางยุทธวิธีและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096716 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • เตรียมพร้อมรับเทศกาลกินเจ! หั่นไชโป้วให้เป็นเส้นง่ายๆ ด้วย #เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 268!
    เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจแล้ว เตรียมวัตถุดิบเจให้พร้อมขาย! ปัญหาการหั่น หัวไชโป้ว ปริมาณมากให้เป็นเส้นบางสวย จบลงได้ทันทีด้วยเครื่องหั่นประสิทธิภาพสูงของเรา

    เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 268 ช่วยคุณได้:

    หั่นเร็ว หั่นเยอะ ไม่มีสะดุด: ด้วยกำลังการผลิตสูงถึง 100-200 กก./ชม. หั่นหัวไชโป้วกองโตให้เป็นเส้นสวยได้ในเวลาอันรวดเร็ว
    ได้เส้นสวยงาม สม่ำเสมอ: เลือกระยะห่างหัวหั่นได้ตั้งแต่ 2.5 มม. - 30 มม. อยากได้เส้นเล็กใหญ่แค่ไหนก็จัดการได้ตามต้องการ
    สแตนเลสทั้งหัวหั่น! ผลิตจากสแตนเลสเกรดพิเศษ ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นสนิม ถูกสุขลักษณะแน่นอน
    อเนกประสงค์: นอกจากไชโป้วแล้ว ยังใช้หั่นวัตถุดิบเจอื่นๆ ได้อีกเพียบ เช่น เห็ด, สาหร่าย, หรือผักอื่นๆ ที่ต้องการให้เป็นเส้น

    ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านอาหารเจ โรงครัว หรือโรงงานผลิตวัตถุดิบสำหรับกินเจ เครื่องนี้ตอบโจทย์ความรวดเร็วและคุณภาพ!

    อย่าปล่อยให้การหั่นมาขวางทางธุรกิจของคุณ ลงทุนกับเครื่องหั่นคุณภาพดี ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน ต้อนรับออเดอร์เจที่กำลังจะเข้ามา!

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #HashTags
    #เทศกาลกินเจ #เครื่องหั่นไชโป้ว #เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ #เครื่องหั่น #เบอร์268 #วัตถุดิบเจ #ร้านอาหารเจ
    #กินเจ #อิ่มบุญอิ่มใจ #อาหารเจ #ผักเจ #โรงงานอาหาร #โรงงานผลิตอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร
    #เครื่องหั่นสแตนเลส #หั่นผัก #หั่นเส้น #ไชโป้ว #หัวไชโป้ว #ไชโป้วผัดไข่ #อาหารจีน #ทำอาหาร #ครัวร้านอาหาร
    #เครื่องหั่นเนื้อ #ปลาหมึก #เห็ด #มะกรูด #หนังหมู #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต
    #เครื่องมือทำครัว #ย่งฮะเฮง #yonghahheng #yoryonghahheng #บรรทัดทอง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ
    #เจ2568 #เทศกาลบุญ #ถือศีลกินเจ #มังสวิรัติ #อาหารมังสวิรัติ
    📢 เตรียมพร้อมรับเทศกาลกินเจ! 📢 หั่นไชโป้วให้เป็นเส้นง่ายๆ ด้วย #เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 268! เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจแล้ว เตรียมวัตถุดิบเจให้พร้อมขาย! 🥢 ปัญหาการหั่น หัวไชโป้ว ปริมาณมากให้เป็นเส้นบางสวย จบลงได้ทันทีด้วยเครื่องหั่นประสิทธิภาพสูงของเรา เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 268 ช่วยคุณได้: ✅ หั่นเร็ว หั่นเยอะ ไม่มีสะดุด: ด้วยกำลังการผลิตสูงถึง 100-200 กก./ชม. หั่นหัวไชโป้วกองโตให้เป็นเส้นสวยได้ในเวลาอันรวดเร็ว ✅ ได้เส้นสวยงาม สม่ำเสมอ: เลือกระยะห่างหัวหั่นได้ตั้งแต่ 2.5 มม. - 30 มม. อยากได้เส้นเล็กใหญ่แค่ไหนก็จัดการได้ตามต้องการ ✅ สแตนเลสทั้งหัวหั่น! ผลิตจากสแตนเลสเกรดพิเศษ ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นสนิม ถูกสุขลักษณะแน่นอน ✅ อเนกประสงค์: นอกจากไชโป้วแล้ว ยังใช้หั่นวัตถุดิบเจอื่นๆ ได้อีกเพียบ เช่น เห็ด, สาหร่าย, หรือผักอื่นๆ ที่ต้องการให้เป็นเส้น 📣 ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านอาหารเจ โรงครัว หรือโรงงานผลิตวัตถุดิบสำหรับกินเจ เครื่องนี้ตอบโจทย์ความรวดเร็วและคุณภาพ! อย่าปล่อยให้การหั่นมาขวางทางธุรกิจของคุณ ลงทุนกับเครื่องหั่นคุณภาพดี ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน ต้อนรับออเดอร์เจที่กำลังจะเข้ามา! 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #HashTags #เทศกาลกินเจ #เครื่องหั่นไชโป้ว #เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ #เครื่องหั่น #เบอร์268 #วัตถุดิบเจ #ร้านอาหารเจ #กินเจ #อิ่มบุญอิ่มใจ #อาหารเจ #ผักเจ #โรงงานอาหาร #โรงงานผลิตอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องหั่นสแตนเลส #หั่นผัก #หั่นเส้น #ไชโป้ว #หัวไชโป้ว #ไชโป้วผัดไข่ #อาหารจีน #ทำอาหาร #ครัวร้านอาหาร #เครื่องหั่นเนื้อ #ปลาหมึก #เห็ด #มะกรูด #หนังหมู #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องมือทำครัว #ย่งฮะเฮง #yonghahheng #yoryonghahheng #บรรทัดทอง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #เจ2568 #เทศกาลบุญ #ถือศีลกินเจ #มังสวิรัติ #อาหารมังสวิรัติ
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • 🛳 Penang Cruise Port เป็นท่าเรือสำราญหลักที่ตั้งอยู่ในจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นจุดหลักที่นักท่องเที่ยวใช้เข้าสู่ปีนัง เป็นอาคารทันสมัย 3 ชั้น ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ได้พร้อมกัน 2 ลำ และมีพื้นที่ค้าขาย ร้านค้า และจุดข้อมูลนักท่องเที่ยว

    Cheong Fatt Tze Mansion ⭐️ คฤหาสน์เฉิงฟัตเจ๋อ
    คฤหาสน์เฉิงฟัตเจ๋อ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "บ้านสีฟ้า" เป็นบ้านของพ่อค้าชาวจีนผู้มั่งคั่งในศตวรรษที่ 19 ตัวบ้านมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมกับอิทธิพลตะวันตก

    Kek Lok Si Temple ⭐️ วัดเค็ก ลก ซี
    วัดเค็ก ลก ซี เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 วัดนี้ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมจีน ไทย และพม่า และเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา

    Penang Hill ⭐️ ปีนังฮิลล์
    ปีนังฮิลล์เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดในปีนัง โดยสามารถนั่งกระเช้าขึ้นไป ยังยอดเขาได้ บนยอดเขามีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองจอร์จทาวน์ ทะเล และสะพานปีนังได้ชัดเจน

    Pinang Peranakan Mansion ⭐️ บ้านพักตระกูลเปรัก
    บ้านพักตระกูลเปรักเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงชีวิตของชาวจีนช่องแคบ ซึ่งเป็นชุมชนชาวจีนที่ผสมผสานวัฒนธรรมจีนและมาเลย์เข้าด้วยกัน บ้านนี้สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #PenangCruisePort #MALAYSIA #CheongFattTzeMansion #KekLokSiTemple #PenangHill #PinangPeranakanMansion #port #cruisedomain
    🛳 Penang Cruise Port เป็นท่าเรือสำราญหลักที่ตั้งอยู่ในจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นจุดหลักที่นักท่องเที่ยวใช้เข้าสู่ปีนัง เป็นอาคารทันสมัย 3 ชั้น ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ได้พร้อมกัน 2 ลำ และมีพื้นที่ค้าขาย ร้านค้า และจุดข้อมูลนักท่องเที่ยว 💨 🅿️ Cheong Fatt Tze Mansion ⭐️ คฤหาสน์เฉิงฟัตเจ๋อ คฤหาสน์เฉิงฟัตเจ๋อ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "บ้านสีฟ้า" เป็นบ้านของพ่อค้าชาวจีนผู้มั่งคั่งในศตวรรษที่ 19 ตัวบ้านมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมกับอิทธิพลตะวันตก 🅿️ Kek Lok Si Temple ⭐️ วัดเค็ก ลก ซี วัดเค็ก ลก ซี เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 วัดนี้ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมจีน ไทย และพม่า และเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา 🅿️ Penang Hill ⭐️ ปีนังฮิลล์ ปีนังฮิลล์เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดในปีนัง โดยสามารถนั่งกระเช้าขึ้นไป ยังยอดเขาได้ บนยอดเขามีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองจอร์จทาวน์ ทะเล และสะพานปีนังได้ชัดเจน 🅿️ Pinang Peranakan Mansion ⭐️ บ้านพักตระกูลเปรัก บ้านพักตระกูลเปรักเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงชีวิตของชาวจีนช่องแคบ ซึ่งเป็นชุมชนชาวจีนที่ผสมผสานวัฒนธรรมจีนและมาเลย์เข้าด้วยกัน บ้านนี้สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #PenangCruisePort #MALAYSIA #CheongFattTzeMansion #KekLokSiTemple #PenangHill #PinangPeranakanMansion #port #cruisedomain
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • “AOC เปิดตัวจอเกมสองรุ่นใหม่ U32G4U และ Q27G4SRU — จอเร็ว 320Hz ในราคาประหยัด พร้อมโหมดคู่ UHD/FHD สำหรับทุกสไตล์เกมเมอร์”

    AOC ผู้ผลิตจอภาพชื่อดังในกลุ่มเกมเมอร์ เปิดตัวจอเกมสองรุ่นใหม่ในซีรีส์ AGON ได้แก่ U32G4U และ Q27G4SRU โดยเน้นความเร็ว ความคมชัด และความคุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงได้ ทั้งสองรุ่นใช้พาเนล Fast IPS ที่ตอบสนองเร็วระดับ 1ms GtG และรองรับเทคโนโลยี Adaptive Sync รวมถึง G-SYNC Compatible เพื่อภาพลื่นไหลไร้การฉีกขาด

    Q27G4SRU มาพร้อมหน้าจอขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560x1440) และรีเฟรชเรตสูงถึง 320Hz เหมาะสำหรับเกมเมอร์สายแข่งขันที่ต้องการความเร็วและความคมชัดในขนาดที่พอดี โดยมีความสว่างสูงสุด 450 nits, รองรับ DisplayHDR 400 และครอบคลุมสี 136.9% sRGB และ 93.7% DCI-P3

    U32G4U คือรุ่นที่โดดเด่นด้วย “Dual Mode” ให้ผู้ใช้เลือกได้ระหว่าง UHD (3840x2160) ที่ 160Hz สำหรับภาพสวยคมในเกมเนื้อเรื่อง หรือ FHD (1920x1080) ที่ 320Hz สำหรับเกมที่ต้องการความเร็วสูง โดยหน้าจอขนาด 31.5 นิ้วให้พื้นที่การมองเห็นกว้างขึ้น เหมาะกับเกมแข่งรถ เกมยิง และงานสร้างคอนเทนต์

    ทั้งสองรุ่นมีพอร์ต HDMI 2.1 สองช่อง, DisplayPort 1.4 หนึ่งช่อง และ USB Hub 4 พอร์ต พร้อมลำโพงในตัว 2x2W และขาตั้งปรับระดับได้ รองรับการใช้งานทั้งกับ PC และคอนโซลยุคใหม่

    ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ £249 สำหรับ Q27G4SRU และ £339 สำหรับ U32G4U โดยจะวางขายกลางเดือนตุลาคม 2025 พร้อมรับประกัน 3 ปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AOC เปิดตัวจอเกมรุ่น Q27G4SRU และ U32G4U ในซีรีส์ AGON
    ทั้งสองรุ่นใช้พาเนล Fast IPS ตอบสนองเร็ว 1ms GtG
    Q27G4SRU: ขนาด 27 นิ้ว, QHD 2560x1440, รีเฟรชเรต 320Hz
    U32G4U: ขนาด 31.5 นิ้ว, Dual Mode UHD@160Hz / FHD@320Hz
    รองรับ DisplayHDR 400, ความสว่างสูงสุด 450 nits
    ครอบคลุมสี 136.9% sRGB และ 93.7% DCI-P3
    มีพอร์ต HDMI 2.1 x2, DP 1.4 x1, USB Hub x4, ลำโพง 2x2W
    รองรับ G-SYNC Compatible และ Adaptive Sync
    ราคาจำหน่าย: Q27G4SRU £249 / U32G4U £339 พร้อมรับประกัน 3 ปี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    จอ 320Hz ให้ความลื่นไหลเหนือกว่า 240Hz อย่างชัดเจนในเกม FPS
    Dual Mode ช่วยให้ผู้ใช้เลือกโหมดตามประเภทเกมหรือฮาร์ดแวร์ที่ใช้งาน
    Fast IPS ให้สีสวยและมุมมองกว้างกว่า TN หรือ VA
    DisplayHDR 400 เหมาะกับการเล่นเกมและดูคอนเทนต์ทั่วไป
    USB Hub ช่วยลดความยุ่งยากในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม

    https://wccftech.com/aoc-launches-dual-mode-u32g4u-and-qhd-q27g4sru-gaming-monitors-in-the-budget-segment/
    🖥️ “AOC เปิดตัวจอเกมสองรุ่นใหม่ U32G4U และ Q27G4SRU — จอเร็ว 320Hz ในราคาประหยัด พร้อมโหมดคู่ UHD/FHD สำหรับทุกสไตล์เกมเมอร์” AOC ผู้ผลิตจอภาพชื่อดังในกลุ่มเกมเมอร์ เปิดตัวจอเกมสองรุ่นใหม่ในซีรีส์ AGON ได้แก่ U32G4U และ Q27G4SRU โดยเน้นความเร็ว ความคมชัด และความคุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงได้ ทั้งสองรุ่นใช้พาเนล Fast IPS ที่ตอบสนองเร็วระดับ 1ms GtG และรองรับเทคโนโลยี Adaptive Sync รวมถึง G-SYNC Compatible เพื่อภาพลื่นไหลไร้การฉีกขาด Q27G4SRU มาพร้อมหน้าจอขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560x1440) และรีเฟรชเรตสูงถึง 320Hz เหมาะสำหรับเกมเมอร์สายแข่งขันที่ต้องการความเร็วและความคมชัดในขนาดที่พอดี โดยมีความสว่างสูงสุด 450 nits, รองรับ DisplayHDR 400 และครอบคลุมสี 136.9% sRGB และ 93.7% DCI-P3 U32G4U คือรุ่นที่โดดเด่นด้วย “Dual Mode” ให้ผู้ใช้เลือกได้ระหว่าง UHD (3840x2160) ที่ 160Hz สำหรับภาพสวยคมในเกมเนื้อเรื่อง หรือ FHD (1920x1080) ที่ 320Hz สำหรับเกมที่ต้องการความเร็วสูง โดยหน้าจอขนาด 31.5 นิ้วให้พื้นที่การมองเห็นกว้างขึ้น เหมาะกับเกมแข่งรถ เกมยิง และงานสร้างคอนเทนต์ ทั้งสองรุ่นมีพอร์ต HDMI 2.1 สองช่อง, DisplayPort 1.4 หนึ่งช่อง และ USB Hub 4 พอร์ต พร้อมลำโพงในตัว 2x2W และขาตั้งปรับระดับได้ รองรับการใช้งานทั้งกับ PC และคอนโซลยุคใหม่ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ £249 สำหรับ Q27G4SRU และ £339 สำหรับ U32G4U โดยจะวางขายกลางเดือนตุลาคม 2025 พร้อมรับประกัน 3 ปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AOC เปิดตัวจอเกมรุ่น Q27G4SRU และ U32G4U ในซีรีส์ AGON ➡️ ทั้งสองรุ่นใช้พาเนล Fast IPS ตอบสนองเร็ว 1ms GtG ➡️ Q27G4SRU: ขนาด 27 นิ้ว, QHD 2560x1440, รีเฟรชเรต 320Hz ➡️ U32G4U: ขนาด 31.5 นิ้ว, Dual Mode UHD@160Hz / FHD@320Hz ➡️ รองรับ DisplayHDR 400, ความสว่างสูงสุด 450 nits ➡️ ครอบคลุมสี 136.9% sRGB และ 93.7% DCI-P3 ➡️ มีพอร์ต HDMI 2.1 x2, DP 1.4 x1, USB Hub x4, ลำโพง 2x2W ➡️ รองรับ G-SYNC Compatible และ Adaptive Sync ➡️ ราคาจำหน่าย: Q27G4SRU £249 / U32G4U £339 พร้อมรับประกัน 3 ปี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ จอ 320Hz ให้ความลื่นไหลเหนือกว่า 240Hz อย่างชัดเจนในเกม FPS ➡️ Dual Mode ช่วยให้ผู้ใช้เลือกโหมดตามประเภทเกมหรือฮาร์ดแวร์ที่ใช้งาน ➡️ Fast IPS ให้สีสวยและมุมมองกว้างกว่า TN หรือ VA ➡️ DisplayHDR 400 เหมาะกับการเล่นเกมและดูคอนเทนต์ทั่วไป ➡️ USB Hub ช่วยลดความยุ่งยากในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม https://wccftech.com/aoc-launches-dual-mode-u32g4u-and-qhd-q27g4sru-gaming-monitors-in-the-budget-segment/
    WCCFTECH.COM
    AOC Launches Dual Mode U32G4U And QHD Q27G4SRU Gaming Monitors In The Budget Segment
    AOC has launched two new budget gaming monitors, featuring a QHD model called Q27G4SRU and a dual mode model called U32G4U.
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • “Solidigm เปิดตัวคลัสเตอร์ SSD ขนาด 23.6PB ในพื้นที่แค่ 16U — ปลดล็อกศักยภาพ AI ด้วยความหนาแน่นระดับใหม่”

    Solidigm บริษัทในเครือ SK hynix ที่เชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กร ได้เปิดตัว AI Central Lab ที่เมือง Rancho Cordova รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยใช้ SSD ขนาด 122TB จำนวน 192 ตัว รวมเป็นคลัสเตอร์ขนาด 23.6PB ในพื้นที่เพียง 16U ของแร็คเซิร์ฟเวอร์

    คลัสเตอร์นี้ใช้ SSD รุ่น D5-P5336 สำหรับความจุ และ D7-PS1010 สำหรับความเร็ว โดยสามารถทำ throughput ได้สูงถึง 116GB/s ต่อ node ในการทดสอบ MLPerf Storage ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับงานฝึกโมเดล AI แม้จะเป็นการทดสอบแบบ synthetic แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของระบบในการรองรับงาน AI ที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลสูงมาก

    AI Central Lab ยังใช้ GPU ระดับสูงอย่าง NVIDIA B200 และ H200 พร้อมระบบเครือข่าย Ethernet 800Gbps เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษาว่า “การจัดเก็บข้อมูลใกล้ GPU” จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ AI ได้มากแค่ไหน

    หนึ่งในความร่วมมือที่น่าสนใจคือกับ Metrum AI ซึ่งพัฒนาเทคนิคการ offload ข้อมูลจาก DRAM ไปยัง SSD เพื่อลดการใช้หน่วยความจำลงถึง 57% ในงาน inference แบบ RAG (Retrieval-Augmented Generation) ซึ่งเป็นเทคนิคที่นิยมในงาน AI สมัยใหม่

    Solidigm ระบุว่า AI Central Lab ไม่ใช่แค่พื้นที่ทดสอบ แต่เป็นเวทีสำหรับนวัตกรรมร่วมกับนักพัฒนาและพันธมิตร เพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในด้านพลังงาน ความเร็ว และต้นทุนต่อ token

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Solidigm เปิดตัว AI Central Lab ที่ Rancho Cordova, California
    ใช้ SSD D5-P5336 ขนาด 122TB จำนวน 192 ตัว รวมเป็น 23.6PB ในพื้นที่ 16U
    ใช้ SSD D7-PS1010 สำหรับความเร็ว throughput สูงสุด 116GB/s ต่อ node
    ใช้ GPU NVIDIA B200 และ H200 พร้อมเครือข่าย Ethernet 800Gbps
    ทดสอบงาน AI จริง เช่น training, inference, KV cache offload และ VectorDB tuning
    ร่วมมือกับ Metrum AI เพื่อลดการใช้ DRAM ลง 57% ด้วยการ offload ไปยัง SSD
    ศูนย์นี้ช่วยแปลงสเปก SSD ให้เป็น metric ที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น tokens per watt
    Solidigm เป็นบริษัทในเครือ SK hynix ที่เน้นโซลูชันจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SSD ขนาดใหญ่ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในงาน AI ที่ใช้ GPU หนัก
    MLPerf Storage เป็น benchmark ที่ใช้วัดประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลในงาน AI
    RAG เป็นเทคนิคที่ใช้ข้อมูลภายนอกมาช่วยตอบคำถามในโมเดล AI
    การจัดเก็บข้อมูลใกล้ GPU ช่วยลด bottleneck และเพิ่ม utilization ของ accelerator
    การใช้ SSD แทน DRAM ช่วยลดต้นทุนและพลังงานในระบบขนาดใหญ่

    https://www.techradar.com/pro/solidigm-packed-usd2-7-million-worth-of-ssds-into-the-biggest-storage-cluster-ive-ever-seen-nearly-200-192tb-ssds-used-to-build-a-23-6pb-cluster-in-16u-rackspace
    📦 “Solidigm เปิดตัวคลัสเตอร์ SSD ขนาด 23.6PB ในพื้นที่แค่ 16U — ปลดล็อกศักยภาพ AI ด้วยความหนาแน่นระดับใหม่” Solidigm บริษัทในเครือ SK hynix ที่เชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กร ได้เปิดตัว AI Central Lab ที่เมือง Rancho Cordova รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยใช้ SSD ขนาด 122TB จำนวน 192 ตัว รวมเป็นคลัสเตอร์ขนาด 23.6PB ในพื้นที่เพียง 16U ของแร็คเซิร์ฟเวอร์ คลัสเตอร์นี้ใช้ SSD รุ่น D5-P5336 สำหรับความจุ และ D7-PS1010 สำหรับความเร็ว โดยสามารถทำ throughput ได้สูงถึง 116GB/s ต่อ node ในการทดสอบ MLPerf Storage ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับงานฝึกโมเดล AI แม้จะเป็นการทดสอบแบบ synthetic แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของระบบในการรองรับงาน AI ที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลสูงมาก AI Central Lab ยังใช้ GPU ระดับสูงอย่าง NVIDIA B200 และ H200 พร้อมระบบเครือข่าย Ethernet 800Gbps เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษาว่า “การจัดเก็บข้อมูลใกล้ GPU” จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ AI ได้มากแค่ไหน หนึ่งในความร่วมมือที่น่าสนใจคือกับ Metrum AI ซึ่งพัฒนาเทคนิคการ offload ข้อมูลจาก DRAM ไปยัง SSD เพื่อลดการใช้หน่วยความจำลงถึง 57% ในงาน inference แบบ RAG (Retrieval-Augmented Generation) ซึ่งเป็นเทคนิคที่นิยมในงาน AI สมัยใหม่ Solidigm ระบุว่า AI Central Lab ไม่ใช่แค่พื้นที่ทดสอบ แต่เป็นเวทีสำหรับนวัตกรรมร่วมกับนักพัฒนาและพันธมิตร เพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในด้านพลังงาน ความเร็ว และต้นทุนต่อ token ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Solidigm เปิดตัว AI Central Lab ที่ Rancho Cordova, California ➡️ ใช้ SSD D5-P5336 ขนาด 122TB จำนวน 192 ตัว รวมเป็น 23.6PB ในพื้นที่ 16U ➡️ ใช้ SSD D7-PS1010 สำหรับความเร็ว throughput สูงสุด 116GB/s ต่อ node ➡️ ใช้ GPU NVIDIA B200 และ H200 พร้อมเครือข่าย Ethernet 800Gbps ➡️ ทดสอบงาน AI จริง เช่น training, inference, KV cache offload และ VectorDB tuning ➡️ ร่วมมือกับ Metrum AI เพื่อลดการใช้ DRAM ลง 57% ด้วยการ offload ไปยัง SSD ➡️ ศูนย์นี้ช่วยแปลงสเปก SSD ให้เป็น metric ที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น tokens per watt ➡️ Solidigm เป็นบริษัทในเครือ SK hynix ที่เน้นโซลูชันจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SSD ขนาดใหญ่ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในงาน AI ที่ใช้ GPU หนัก ➡️ MLPerf Storage เป็น benchmark ที่ใช้วัดประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลในงาน AI ➡️ RAG เป็นเทคนิคที่ใช้ข้อมูลภายนอกมาช่วยตอบคำถามในโมเดล AI ➡️ การจัดเก็บข้อมูลใกล้ GPU ช่วยลด bottleneck และเพิ่ม utilization ของ accelerator ➡️ การใช้ SSD แทน DRAM ช่วยลดต้นทุนและพลังงานในระบบขนาดใหญ่ https://www.techradar.com/pro/solidigm-packed-usd2-7-million-worth-of-ssds-into-the-biggest-storage-cluster-ive-ever-seen-nearly-200-192tb-ssds-used-to-build-a-23-6pb-cluster-in-16u-rackspace
    WWW.TECHRADAR.COM
    Solidigm unveils dense cluster pushing storage limits
    Performance tests remain synthetic, raising doubts about real workloads
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • “Sparkle เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์สุดโหด! ยัด 16 GPU Arc Pro B60 Dual ลงเครื่องเดียว พร้อม VRAM 768 GB และพลังไฟ 10.8kW”

    บริษัท Sparkle จากไต้หวัน ซึ่งหลายคนรู้จักในฐานะผู้ผลิตการ์ดจอสำหรับผู้ใช้ทั่วไป สร้างความฮือฮาในวงการเซิร์ฟเวอร์ด้วยการเปิดตัว C741-6U-Dual 16P — เซิร์ฟเวอร์ที่บรรจุการ์ดจอ Arc Pro B60 Dual GPU ถึง 16 ใบในเครื่องเดียว รวมพลัง GPU core กว่า 81,920 หน่วย และ VRAM สูงถึง 768 GB

    การ์ดแต่ละใบมีหน่วยความจำ 48 GB และใช้ชิป Battlemage BMG-G21 จาก Intel โดย Sparkleออกแบบวงจรพิเศษเพื่อขยาย PCIe ให้รองรับ 16 ช่องแบบ PCIe 5.0 x8 ทำให้ทุก GPU ได้แบนด์วิดธ์เต็มที่ ไม่ต้องแชร์ช่องสัญญาณ

    เซิร์ฟเวอร์นี้ใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable รุ่นที่ 4 หรือ 5 และต้องการพลังงานมหาศาล โดยรุ่น 768 GB ใช้พาวเวอร์ซัพพลาย 2,700 W จำนวน 5 ตัว (4+1 redundancy) รวมเป็น 10,800 W ส่วนรุ่นเล็ก 384 GB ใช้ 4 ตัวที่ 2,400 W รวมเป็น 7,200 W

    ระบบระบายความร้อนใช้พัดลม 80 มม. 15 ตัว หรือ 60 มม. 12 ตัวในรุ่นเล็ก ทั้งหมดบรรจุในเคสขนาด 6U ซึ่งถือว่าแน่นมากสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มี GPU ระดับ workstation

    Sparkle ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์นี้เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการประมวลผลแบบ multimodal เช่น Retrieval-Augmented Generation (RAG), การวิเคราะห์วิดีโออัจฉริยะ และระบบจัดการความรู้ขนาดใหญ่

    แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยราคา แต่การนำ GPU ระดับ workstation มาใช้ในเซิร์ฟเวอร์แบบนี้ถือเป็นแนวทางใหม่ที่อาจผลักดันผู้ผลิตรายอื่นให้หันมาทำตาม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Sparkle เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ C741-6U-Dual 16P ที่บรรจุ Arc Pro B60 Dual GPU จำนวน 16 ใบ
    รวม GPU core 81,920 หน่วย และ VRAM สูงสุด 768 GB
    ใช้ชิป Battlemage BMG-G21 และ Intel Xeon Scalable Gen 4/5
    วงจรขยาย PCIe รองรับ 16 ช่องแบบ PCIe 5.0 x8
    พาวเวอร์ซัพพลายรวม 10,800 W สำหรับรุ่นใหญ่ และ 7,200 W สำหรับรุ่นเล็ก
    ระบบระบายความร้อนใช้พัดลม 15 ตัว (หรือ 12 ตัวในรุ่นเล็ก)
    เคสขนาด 6U รองรับการติดตั้งแบบ rack
    เหมาะกับงาน AI เช่น RAG, Video Analysis และ Knowledge Management

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Arc Pro B60 Dual GPU มีหน่วยความจำ 48 GB และรองรับงาน AI, Media, Design
    Battlemage BMG-G21 เป็นสถาปัตยกรรมใหม่จาก Intel ที่เน้นงาน ML และ inference
    PCIe 5.0 x8 ให้แบนด์วิดธ์สูงถึง 32 GB/s ต่อช่อง
    ระบบ redundancy ของ PSU ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานต่อได้แม้ PSU ตัวใดตัวหนึ่งเสีย
    การใช้ GPU ระดับ workstation ในเซิร์ฟเวอร์ช่วยลดต้นทุนเมื่อเทียบกับ GPU data center

    https://www.techpowerup.com/341716/sparkle-packs-16-arc-pro-b60-dual-gpus-into-one-server-with-up-to-768-gb-vram-10-8kw-psu
    🖥️ “Sparkle เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์สุดโหด! ยัด 16 GPU Arc Pro B60 Dual ลงเครื่องเดียว พร้อม VRAM 768 GB และพลังไฟ 10.8kW” บริษัท Sparkle จากไต้หวัน ซึ่งหลายคนรู้จักในฐานะผู้ผลิตการ์ดจอสำหรับผู้ใช้ทั่วไป สร้างความฮือฮาในวงการเซิร์ฟเวอร์ด้วยการเปิดตัว C741-6U-Dual 16P — เซิร์ฟเวอร์ที่บรรจุการ์ดจอ Arc Pro B60 Dual GPU ถึง 16 ใบในเครื่องเดียว รวมพลัง GPU core กว่า 81,920 หน่วย และ VRAM สูงถึง 768 GB การ์ดแต่ละใบมีหน่วยความจำ 48 GB และใช้ชิป Battlemage BMG-G21 จาก Intel โดย Sparkleออกแบบวงจรพิเศษเพื่อขยาย PCIe ให้รองรับ 16 ช่องแบบ PCIe 5.0 x8 ทำให้ทุก GPU ได้แบนด์วิดธ์เต็มที่ ไม่ต้องแชร์ช่องสัญญาณ เซิร์ฟเวอร์นี้ใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable รุ่นที่ 4 หรือ 5 และต้องการพลังงานมหาศาล โดยรุ่น 768 GB ใช้พาวเวอร์ซัพพลาย 2,700 W จำนวน 5 ตัว (4+1 redundancy) รวมเป็น 10,800 W ส่วนรุ่นเล็ก 384 GB ใช้ 4 ตัวที่ 2,400 W รวมเป็น 7,200 W ระบบระบายความร้อนใช้พัดลม 80 มม. 15 ตัว หรือ 60 มม. 12 ตัวในรุ่นเล็ก ทั้งหมดบรรจุในเคสขนาด 6U ซึ่งถือว่าแน่นมากสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มี GPU ระดับ workstation Sparkle ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์นี้เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการประมวลผลแบบ multimodal เช่น Retrieval-Augmented Generation (RAG), การวิเคราะห์วิดีโออัจฉริยะ และระบบจัดการความรู้ขนาดใหญ่ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยราคา แต่การนำ GPU ระดับ workstation มาใช้ในเซิร์ฟเวอร์แบบนี้ถือเป็นแนวทางใหม่ที่อาจผลักดันผู้ผลิตรายอื่นให้หันมาทำตาม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Sparkle เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ C741-6U-Dual 16P ที่บรรจุ Arc Pro B60 Dual GPU จำนวน 16 ใบ ➡️ รวม GPU core 81,920 หน่วย และ VRAM สูงสุด 768 GB ➡️ ใช้ชิป Battlemage BMG-G21 และ Intel Xeon Scalable Gen 4/5 ➡️ วงจรขยาย PCIe รองรับ 16 ช่องแบบ PCIe 5.0 x8 ➡️ พาวเวอร์ซัพพลายรวม 10,800 W สำหรับรุ่นใหญ่ และ 7,200 W สำหรับรุ่นเล็ก ➡️ ระบบระบายความร้อนใช้พัดลม 15 ตัว (หรือ 12 ตัวในรุ่นเล็ก) ➡️ เคสขนาด 6U รองรับการติดตั้งแบบ rack ➡️ เหมาะกับงาน AI เช่น RAG, Video Analysis และ Knowledge Management ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Arc Pro B60 Dual GPU มีหน่วยความจำ 48 GB และรองรับงาน AI, Media, Design ➡️ Battlemage BMG-G21 เป็นสถาปัตยกรรมใหม่จาก Intel ที่เน้นงาน ML และ inference ➡️ PCIe 5.0 x8 ให้แบนด์วิดธ์สูงถึง 32 GB/s ต่อช่อง ➡️ ระบบ redundancy ของ PSU ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานต่อได้แม้ PSU ตัวใดตัวหนึ่งเสีย ➡️ การใช้ GPU ระดับ workstation ในเซิร์ฟเวอร์ช่วยลดต้นทุนเมื่อเทียบกับ GPU data center https://www.techpowerup.com/341716/sparkle-packs-16-arc-pro-b60-dual-gpus-into-one-server-with-up-to-768-gb-vram-10-8kw-psu
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Sparkle Packs 16 Arc Pro B60 Dual GPUs into One Server with Up to 768 GB VRAM, 10.8kW PSU
    For most of us, when we think of Taiwanese company Sparkle, graphics cards come to mind first. So it came as quite a surprise when Sparkle just announced the C741-6U-Dual 16P servers packing no less than 16 Arc Pro B60 graphics cards—both in the single-GPU variant with 24 GB and the Arc Pro B60 Dual...
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • “Pixel 10 Pro Fold — พับได้ ทนได้ แบตอึด แต่กล้องยังไม่สุด”

    Google เปิดตัว Pixel 10 Pro Fold สมาร์ตโฟนพับได้รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมความทนทานระดับ IP68 และแบตเตอรี่สุดอึด พร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Pixelsnap ที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์เสริมแบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple แม้จะยังมีข้อจำกัดเรื่องกล้องและความหนา แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญของ Google ในตลาดมือถือพับได้

    Pixel 10 Pro Fold ใช้ชิป Tensor G5 แบบ 3nm ที่เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าความเร็วแรง พร้อม RAM 16GB และตัวเลือกความจุสูงสุดถึง 1TB หน้าจอด้านนอกขนาด 6.4 นิ้ว และด้านในขนาด 8 นิ้ว รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz และความสว่างสูงถึง 3000 nits

    จุดเด่นคือความทนทาน — Pixel 10 Pro Fold เป็นมือถือพับได้เครื่องแรกที่ได้มาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น และใช้บานพับแบบใหม่ที่ไม่มีเฟือง ทำให้เปิด–ปิดได้ลื่นไหลและลดความเปราะบางของตัวเครื่อง

    ฟีเจอร์ Pixelsnap เป็นแม่เหล็กฝังในตัวเครื่องที่รองรับอุปกรณ์เสริม เช่น แหวนจับ เคส และแท่นชาร์จไร้สายแบบ Qi2 ซึ่งช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการชาร์จหรือถือเครื่องนาน ๆ

    ด้านกล้อง Pixel 10 Pro Fold มาพร้อมกล้องหลัก 48MP, เทเลโฟโต้ 10.8MP (ซูม 5x) และอัลตร้าไวด์ 10.5MP แม้จะถ่ายภาพกลางวันได้ดี แต่เมื่อแสงน้อยหรือซูมเกิน 5x ภาพจะเริ่มสูญเสียรายละเอียดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในโหมดวิดีโอที่ยังมีปัญหาเรื่องความคมชัดและการประมวลผลที่ล่าช้า

    แบตเตอรี่ขนาด 5015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และชาร์จไร้สาย 15W ผ่าน Pixelsnap ในการใช้งานจริงสามารถใช้งานหนักได้ตลอดวันโดยยังเหลือแบตอยู่ ถือเป็นจุดแข็งที่สุดของรุ่นนี้

    Pixel 10 Pro Fold วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,799 โดยมีสีให้เลือกคือ Jade และ Moonstone พร้อมรับการอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 7 ปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Pixel 10 Pro Fold เป็นมือถือพับได้รุ่นใหม่จาก Google
    ใช้ชิป Tensor G5 แบบ 3nm เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงาน
    RAM 16GB และความจุสูงสุด 1TB
    หน้าจอด้านนอก 6.4 นิ้ว ด้านใน 8 นิ้ว รีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz
    ความสว่างหน้าจอสูงสุด 3000 nits
    ได้มาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น
    ใช้บานพับแบบไม่มีเฟือง เพิ่มความทนทาน
    Pixelsnap รองรับอุปกรณ์เสริมแม่เหล็ก เช่น เคสและแท่นชาร์จ
    กล้องหลัก 48MP, เทเลโฟโต้ 10.8MP, อัลตร้าไวด์ 10.5MP
    แบตเตอรี่ 5015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และไร้สาย 15W
    วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,799 พร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ 7 ปี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Pixelsnap ใช้มาตรฐาน Qi2 เหมือน MagSafe ของ Apple
    Tensor G5 มีประสิทธิภาพด้าน AI สูงขึ้น 2.6 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
    Pixel 10 Pro Fold เป็นรุ่นเดียวในกลุ่ม Pixel 10 ที่มีหน้าจอพับได้
    Galaxy Z Fold 7 และ Honor Magic V5 เป็นคู่แข่งหลักในตลาดพับได้
    Pixel 10 Pro Fold มีจุดเด่นเรื่องความทนทานมากกว่าความบาง

    https://www.slashgear.com/1990224/google-pixel-10-pro-fold-review/
    📱 “Pixel 10 Pro Fold — พับได้ ทนได้ แบตอึด แต่กล้องยังไม่สุด” Google เปิดตัว Pixel 10 Pro Fold สมาร์ตโฟนพับได้รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมความทนทานระดับ IP68 และแบตเตอรี่สุดอึด พร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Pixelsnap ที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์เสริมแบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple แม้จะยังมีข้อจำกัดเรื่องกล้องและความหนา แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญของ Google ในตลาดมือถือพับได้ Pixel 10 Pro Fold ใช้ชิป Tensor G5 แบบ 3nm ที่เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าความเร็วแรง พร้อม RAM 16GB และตัวเลือกความจุสูงสุดถึง 1TB หน้าจอด้านนอกขนาด 6.4 นิ้ว และด้านในขนาด 8 นิ้ว รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz และความสว่างสูงถึง 3000 nits จุดเด่นคือความทนทาน — Pixel 10 Pro Fold เป็นมือถือพับได้เครื่องแรกที่ได้มาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น และใช้บานพับแบบใหม่ที่ไม่มีเฟือง ทำให้เปิด–ปิดได้ลื่นไหลและลดความเปราะบางของตัวเครื่อง ฟีเจอร์ Pixelsnap เป็นแม่เหล็กฝังในตัวเครื่องที่รองรับอุปกรณ์เสริม เช่น แหวนจับ เคส และแท่นชาร์จไร้สายแบบ Qi2 ซึ่งช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการชาร์จหรือถือเครื่องนาน ๆ ด้านกล้อง Pixel 10 Pro Fold มาพร้อมกล้องหลัก 48MP, เทเลโฟโต้ 10.8MP (ซูม 5x) และอัลตร้าไวด์ 10.5MP แม้จะถ่ายภาพกลางวันได้ดี แต่เมื่อแสงน้อยหรือซูมเกิน 5x ภาพจะเริ่มสูญเสียรายละเอียดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในโหมดวิดีโอที่ยังมีปัญหาเรื่องความคมชัดและการประมวลผลที่ล่าช้า แบตเตอรี่ขนาด 5015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และชาร์จไร้สาย 15W ผ่าน Pixelsnap ในการใช้งานจริงสามารถใช้งานหนักได้ตลอดวันโดยยังเหลือแบตอยู่ ถือเป็นจุดแข็งที่สุดของรุ่นนี้ Pixel 10 Pro Fold วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,799 โดยมีสีให้เลือกคือ Jade และ Moonstone พร้อมรับการอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 7 ปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Pixel 10 Pro Fold เป็นมือถือพับได้รุ่นใหม่จาก Google ➡️ ใช้ชิป Tensor G5 แบบ 3nm เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงาน ➡️ RAM 16GB และความจุสูงสุด 1TB ➡️ หน้าจอด้านนอก 6.4 นิ้ว ด้านใน 8 นิ้ว รีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz ➡️ ความสว่างหน้าจอสูงสุด 3000 nits ➡️ ได้มาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น ➡️ ใช้บานพับแบบไม่มีเฟือง เพิ่มความทนทาน ➡️ Pixelsnap รองรับอุปกรณ์เสริมแม่เหล็ก เช่น เคสและแท่นชาร์จ ➡️ กล้องหลัก 48MP, เทเลโฟโต้ 10.8MP, อัลตร้าไวด์ 10.5MP ➡️ แบตเตอรี่ 5015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และไร้สาย 15W ➡️ วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,799 พร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ 7 ปี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Pixelsnap ใช้มาตรฐาน Qi2 เหมือน MagSafe ของ Apple ➡️ Tensor G5 มีประสิทธิภาพด้าน AI สูงขึ้น 2.6 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ➡️ Pixel 10 Pro Fold เป็นรุ่นเดียวในกลุ่ม Pixel 10 ที่มีหน้าจอพับได้ ➡️ Galaxy Z Fold 7 และ Honor Magic V5 เป็นคู่แข่งหลักในตลาดพับได้ ➡️ Pixel 10 Pro Fold มีจุดเด่นเรื่องความทนทานมากกว่าความบาง https://www.slashgear.com/1990224/google-pixel-10-pro-fold-review/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Google Pixel 10 Pro Fold Review: The Features You Can't See Give It Its Edge - SlashGear
    The Google Pixel 10 Pro Fold is a game of gives and takes. Most of the gives are hidden, and the takes may surprise you.
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • “System76 เปิดตัว Oryx Pro รุ่นใหม่ — แล็ปท็อป Linux เครื่องแรกที่มาพร้อม COSMIC Desktop เต็มรูปแบบ”

    System76 ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ Linux ชื่อดังจากสหรัฐฯ ประกาศเปิดตัว Oryx Pro รุ่นใหม่ล่าสุดในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งถือเป็นแล็ปท็อปเครื่องแรกที่มาพร้อม COSMIC Desktop เวอร์ชันเบต้า ติดตั้งบน Pop!_OS 24.04 LTS โดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนา Linux Desktop ที่ออกแบบมาเพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่ลื่นไหลและทันสมัย

    Oryx Pro รุ่นใหม่นี้มาพร้อมสเปกระดับสูงที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้านวิศวกรรม การพัฒนา AI และการเล่นเกม โดยใช้ชิป AMD Ryzen AI 9 HX 370 แบบ 12 คอร์ 24 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.1GHz พร้อมกราฟิก NVIDIA GeForce RTX 5070 และรองรับ RAM สูงสุดถึง 96GB DDR5 ความเร็ว 5600MHz รวมถึงพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ M.2 PCIe Gen4 สูงสุด 8TB

    หน้าจอขนาด 16 นิ้วแบบ 2K matte มีอัตราส่วน 16:10 และรีเฟรชเรตสูงถึง 240Hz เหมาะสำหรับงานกราฟิกและการเล่นเกมที่ต้องการความแม่นยำสูง ส่วนระบบเชื่อมต่อก็จัดเต็มด้วย Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.4, USB 4 Type-C, HDMI, DisplayPort, microSD card reader และช่องหูฟัง 3.5 มม.

    COSMIC Desktop ซึ่งเป็นผลงานพัฒนาโดย System76 เอง ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยใช้ Rust และ GTK4 เพื่อให้มีความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่งสูง โดยเน้นการใช้งานแบบ keyboard-centric และ workflow ที่ไม่รบกวนผู้ใช้

    Oryx Pro ยังสามารถเลือกติดตั้ง Ubuntu 24.04 LTS ได้แทน Pop!_OS หากผู้ใช้ต้องการ และเปิดให้สั่งซื้อแล้วผ่านเว็บไซต์ของ System76 โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $2,599 USD

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Oryx Pro เป็นแล็ปท็อป Linux เครื่องแรกที่มาพร้อม COSMIC Desktop เวอร์ชันเบต้า
    ติดตั้ง Pop!_OS 24.04 LTS โดยตรง หรือเลือก Ubuntu 24.04 LTS ได้
    ใช้ชิป AMD Ryzen AI 9 HX 370 แบบ 12 คอร์ 24 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.1GHz
    กราฟิก NVIDIA GeForce RTX 5070 รองรับงาน AI และเกมระดับสูง
    RAM สูงสุด 96GB DDR5 5600MHz และ SSD สูงสุด 8TB M.2 PCIe Gen4
    หน้าจอ 16 นิ้ว 2K matte อัตราส่วน 16:10 รีเฟรชเรต 240Hz
    ระบบเชื่อมต่อครบครัน: Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.4, USB 4, HDMI, DisplayPort ฯลฯ
    มีแบตเตอรี่ 80Wh, คีย์บอร์ดมีไฟ backlit พร้อม NumPad, กล้อง HD 1MP
    COSMIC Desktop พัฒนาโดย System76 ด้วยภาษา Rust และ GTK4
    เปิดให้สั่งซื้อแล้วผ่านเว็บไซต์ System76 ราคาเริ่มต้น $2,599 USD

    https://9to5linux.com/system76s-oryx-pro-is-the-first-linux-laptop-to-ship-with-the-cosmic-desktop
    💻 “System76 เปิดตัว Oryx Pro รุ่นใหม่ — แล็ปท็อป Linux เครื่องแรกที่มาพร้อม COSMIC Desktop เต็มรูปแบบ” System76 ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ Linux ชื่อดังจากสหรัฐฯ ประกาศเปิดตัว Oryx Pro รุ่นใหม่ล่าสุดในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งถือเป็นแล็ปท็อปเครื่องแรกที่มาพร้อม COSMIC Desktop เวอร์ชันเบต้า ติดตั้งบน Pop!_OS 24.04 LTS โดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนา Linux Desktop ที่ออกแบบมาเพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่ลื่นไหลและทันสมัย Oryx Pro รุ่นใหม่นี้มาพร้อมสเปกระดับสูงที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้านวิศวกรรม การพัฒนา AI และการเล่นเกม โดยใช้ชิป AMD Ryzen AI 9 HX 370 แบบ 12 คอร์ 24 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.1GHz พร้อมกราฟิก NVIDIA GeForce RTX 5070 และรองรับ RAM สูงสุดถึง 96GB DDR5 ความเร็ว 5600MHz รวมถึงพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ M.2 PCIe Gen4 สูงสุด 8TB หน้าจอขนาด 16 นิ้วแบบ 2K matte มีอัตราส่วน 16:10 และรีเฟรชเรตสูงถึง 240Hz เหมาะสำหรับงานกราฟิกและการเล่นเกมที่ต้องการความแม่นยำสูง ส่วนระบบเชื่อมต่อก็จัดเต็มด้วย Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.4, USB 4 Type-C, HDMI, DisplayPort, microSD card reader และช่องหูฟัง 3.5 มม. COSMIC Desktop ซึ่งเป็นผลงานพัฒนาโดย System76 เอง ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยใช้ Rust และ GTK4 เพื่อให้มีความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่งสูง โดยเน้นการใช้งานแบบ keyboard-centric และ workflow ที่ไม่รบกวนผู้ใช้ Oryx Pro ยังสามารถเลือกติดตั้ง Ubuntu 24.04 LTS ได้แทน Pop!_OS หากผู้ใช้ต้องการ และเปิดให้สั่งซื้อแล้วผ่านเว็บไซต์ของ System76 โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $2,599 USD ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Oryx Pro เป็นแล็ปท็อป Linux เครื่องแรกที่มาพร้อม COSMIC Desktop เวอร์ชันเบต้า ➡️ ติดตั้ง Pop!_OS 24.04 LTS โดยตรง หรือเลือก Ubuntu 24.04 LTS ได้ ➡️ ใช้ชิป AMD Ryzen AI 9 HX 370 แบบ 12 คอร์ 24 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.1GHz ➡️ กราฟิก NVIDIA GeForce RTX 5070 รองรับงาน AI และเกมระดับสูง ➡️ RAM สูงสุด 96GB DDR5 5600MHz และ SSD สูงสุด 8TB M.2 PCIe Gen4 ➡️ หน้าจอ 16 นิ้ว 2K matte อัตราส่วน 16:10 รีเฟรชเรต 240Hz ➡️ ระบบเชื่อมต่อครบครัน: Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.4, USB 4, HDMI, DisplayPort ฯลฯ ➡️ มีแบตเตอรี่ 80Wh, คีย์บอร์ดมีไฟ backlit พร้อม NumPad, กล้อง HD 1MP ➡️ COSMIC Desktop พัฒนาโดย System76 ด้วยภาษา Rust และ GTK4 ➡️ เปิดให้สั่งซื้อแล้วผ่านเว็บไซต์ System76 ราคาเริ่มต้น $2,599 USD https://9to5linux.com/system76s-oryx-pro-is-the-first-linux-laptop-to-ship-with-the-cosmic-desktop
    9TO5LINUX.COM
    System76's Oryx Pro Is the First Linux Laptop to Ship with the COSMIC Desktop - 9to5Linux
    System76 announces a new Oryx Pro laptop that comes preinstalled with the COSMIC Beta desktop environment on top of Pop!_OS 24.04 LTS.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • “Cloudflare พบช่องโหว่ในคอมไพเลอร์ Go บน arm64 — เมื่อการจัดการ stack กลายเป็นจุดอ่อนที่คาดไม่ถึง”

    Cloudflare ซึ่งใช้ภาษา Go ในระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ ได้ค้นพบบั๊กที่ซ่อนอยู่ในคอมไพเลอร์ Go สำหรับสถาปัตยกรรม arm64 โดยบั๊กนี้ส่งผลให้เกิดการ crash แบบไม่คาดคิดในบริการควบคุมเครือข่าย เช่น Magic Transit และ Magic WAN ซึ่งแม้จะเป็นบริการที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการหยุดทำงาน แต่ความถี่ของปัญหาทำให้ทีมวิศวกรต้องลงมือสืบค้นอย่างจริงจัง

    ปัญหาเริ่มต้นจากการพบ panic ที่ไม่สามารถ unwind stack ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งบ่งชี้ถึงการเสียหายของ stack memory โดยเฉพาะใน goroutine ที่ใช้ panic/recover เป็นกลไกจัดการข้อผิดพลาด ทีมงานพบว่าการ recover panic จะเรียก deferred function และกระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการเดิน stack ซึ่งเป็นจุดที่เกิด crash

    หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ทีมงานพบว่าบั๊กนี้เกี่ยวข้องกับการจัดการ immediate operand ในคำสั่งของ arm64 ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความยาว เช่น add รองรับ immediate 12 บิต และ mov รองรับ 16 บิต หาก operand เกินขนาด คอมไพเลอร์ต้องใช้เทคนิคพิเศษในการจัดการ ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างโค้ดที่ไม่ปลอดภัย

    บั๊กนี้มีลักษณะเป็น race condition ที่เกิดขึ้นเฉพาะในบางสถานการณ์ เช่น เมื่อ stack ถูกใช้งานพร้อมกันหลาย thread หรือมีการ recover panic หลายครั้งในเวลาใกล้เคียงกัน โดย Cloudflare พบว่ามีทั้งการ crash จากการเข้าถึง memory ผิดพลาด และการตรวจพบข้อผิดพลาดแบบ fatal ที่ถูกบันทึกไว้

    แม้จะยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน 100% แต่การค้นพบนี้นำไปสู่การรายงานบั๊กใน Go (#73259) และการปรับปรุงคอมไพเลอร์ในเวอร์ชันถัดไป เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำในระบบที่ใช้ arm64

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Cloudflare พบบั๊กในคอมไพเลอร์ Go สำหรับ arm64 ที่ทำให้เกิด stack crash
    บั๊กเกิดจากการ unwind stack ไม่สมบูรณ์ระหว่างการ recover panic
    เกี่ยวข้องกับ immediate operand ที่เกินขนาดในคำสั่งของ arm64
    พบทั้งการ crash จาก memory access ผิดพลาด และ fatal error ที่ตรวจพบ
    บั๊กมีลักษณะเป็น race condition ที่เกิดในบางสถานการณ์เท่านั้น
    บริการที่ได้รับผลกระทบคือ Magic Transit และ Magic WAN
    บั๊กถูกรายงานใน Go issue #73259 เพื่อการแก้ไขในอนาคต
    คอมไพเลอร์ Go ต้องปรับเทคนิคการจัดการ operand เพื่อความปลอดภัย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    arm64 เป็นสถาปัตยกรรมที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์พกพา เช่น Apple Silicon และ AWS Graviton
    immediate operand คือค่าคงที่ที่ฝังอยู่ในคำสั่งของ CPU โดยมีข้อจำกัดด้านขนาด
    panic/recover เป็นกลไกจัดการข้อผิดพลาดใน Go ที่ใช้ deferred function
    race condition คือสถานการณ์ที่ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับลำดับเวลาของการทำงานหลาย thread
    การ unwind stack คือกระบวนการย้อนกลับการเรียกฟังก์ชันเพื่อจัดการข้อผิดพลาด

    https://blog.cloudflare.com/how-we-found-a-bug-in-gos-arm64-compiler/
    🧩 “Cloudflare พบช่องโหว่ในคอมไพเลอร์ Go บน arm64 — เมื่อการจัดการ stack กลายเป็นจุดอ่อนที่คาดไม่ถึง” Cloudflare ซึ่งใช้ภาษา Go ในระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ ได้ค้นพบบั๊กที่ซ่อนอยู่ในคอมไพเลอร์ Go สำหรับสถาปัตยกรรม arm64 โดยบั๊กนี้ส่งผลให้เกิดการ crash แบบไม่คาดคิดในบริการควบคุมเครือข่าย เช่น Magic Transit และ Magic WAN ซึ่งแม้จะเป็นบริการที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการหยุดทำงาน แต่ความถี่ของปัญหาทำให้ทีมวิศวกรต้องลงมือสืบค้นอย่างจริงจัง ปัญหาเริ่มต้นจากการพบ panic ที่ไม่สามารถ unwind stack ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งบ่งชี้ถึงการเสียหายของ stack memory โดยเฉพาะใน goroutine ที่ใช้ panic/recover เป็นกลไกจัดการข้อผิดพลาด ทีมงานพบว่าการ recover panic จะเรียก deferred function และกระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการเดิน stack ซึ่งเป็นจุดที่เกิด crash หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ทีมงานพบว่าบั๊กนี้เกี่ยวข้องกับการจัดการ immediate operand ในคำสั่งของ arm64 ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความยาว เช่น add รองรับ immediate 12 บิต และ mov รองรับ 16 บิต หาก operand เกินขนาด คอมไพเลอร์ต้องใช้เทคนิคพิเศษในการจัดการ ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างโค้ดที่ไม่ปลอดภัย บั๊กนี้มีลักษณะเป็น race condition ที่เกิดขึ้นเฉพาะในบางสถานการณ์ เช่น เมื่อ stack ถูกใช้งานพร้อมกันหลาย thread หรือมีการ recover panic หลายครั้งในเวลาใกล้เคียงกัน โดย Cloudflare พบว่ามีทั้งการ crash จากการเข้าถึง memory ผิดพลาด และการตรวจพบข้อผิดพลาดแบบ fatal ที่ถูกบันทึกไว้ แม้จะยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน 100% แต่การค้นพบนี้นำไปสู่การรายงานบั๊กใน Go (#73259) และการปรับปรุงคอมไพเลอร์ในเวอร์ชันถัดไป เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำในระบบที่ใช้ arm64 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Cloudflare พบบั๊กในคอมไพเลอร์ Go สำหรับ arm64 ที่ทำให้เกิด stack crash ➡️ บั๊กเกิดจากการ unwind stack ไม่สมบูรณ์ระหว่างการ recover panic ➡️ เกี่ยวข้องกับ immediate operand ที่เกินขนาดในคำสั่งของ arm64 ➡️ พบทั้งการ crash จาก memory access ผิดพลาด และ fatal error ที่ตรวจพบ ➡️ บั๊กมีลักษณะเป็น race condition ที่เกิดในบางสถานการณ์เท่านั้น ➡️ บริการที่ได้รับผลกระทบคือ Magic Transit และ Magic WAN ➡️ บั๊กถูกรายงานใน Go issue #73259 เพื่อการแก้ไขในอนาคต ➡️ คอมไพเลอร์ Go ต้องปรับเทคนิคการจัดการ operand เพื่อความปลอดภัย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ arm64 เป็นสถาปัตยกรรมที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์พกพา เช่น Apple Silicon และ AWS Graviton ➡️ immediate operand คือค่าคงที่ที่ฝังอยู่ในคำสั่งของ CPU โดยมีข้อจำกัดด้านขนาด ➡️ panic/recover เป็นกลไกจัดการข้อผิดพลาดใน Go ที่ใช้ deferred function ➡️ race condition คือสถานการณ์ที่ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับลำดับเวลาของการทำงานหลาย thread ➡️ การ unwind stack คือกระบวนการย้อนกลับการเรียกฟังก์ชันเพื่อจัดการข้อผิดพลาด https://blog.cloudflare.com/how-we-found-a-bug-in-gos-arm64-compiler/
    BLOG.CLOUDFLARE.COM
    How we found a bug in Go's arm64 compiler
    84 million requests a second means even rare bugs appear often. We'll reveal how we discovered a race condition in the Go arm64 compiler and got it fixed.
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • “CrowdStrike อุดช่องโหว่ Falcon Sensor บน Windows — ป้องกันการลบไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก Race Condition และ Logic Error”

    CrowdStrike ได้ออกแพตช์ความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 2 รายการใน Falcon Sensor สำหรับ Windows ได้แก่ CVE-2025-42701 และ CVE-2025-42706 ซึ่งอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีที่สามารถรันโค้ดในเครื่องได้ลบไฟล์ใด ๆ ก็ได้บนระบบ ส่งผลต่อเสถียรภาพและความสามารถในการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบ

    ช่องโหว่แรก CVE-2025-42701 เกิดจาก Race Condition ในการจัดการไฟล์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการลบไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ หากมีการเปลี่ยนแปลงสถานะของไฟล์ระหว่างการตรวจสอบและการใช้งาน ส่วนช่องโหว่ที่สอง CVE-2025-42706 เกิดจาก Logic Error ในการจัดการคำสั่งไฟล์ของ Falcon Sensor ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีลบไฟล์สำคัญได้เช่นกัน

    แม้ช่องโหว่ทั้งสองจะไม่สามารถถูกโจมตีจากระยะไกลได้โดยตรง แต่หากผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในเครื่องได้ ก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อทำลายระบบหรือปิดการทำงานของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอื่น ๆ ได้

    CrowdStrike ยืนยันว่าไม่มีการโจมตีจริงในขณะนี้ และได้ออกแพตช์สำหรับเวอร์ชัน 7.24 ถึง 7.28 รวมถึงเวอร์ชัน 7.16 สำหรับ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 โดย Falcon Sensor บน macOS, Linux และ Windows รุ่นเก่าไม่ได้รับผลกระทบ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    CrowdStrike แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-42701 และ CVE-2025-42706 ใน Falcon Sensor บน Windows
    CVE-2025-42701 เกิดจาก Race Condition ในการจัดการไฟล์
    CVE-2025-42706 เกิดจาก Logic Error ในการจัดการคำสั่งไฟล์
    ช่องโหว่เปิดโอกาสให้ลบไฟล์ใด ๆ บนระบบ หากผู้โจมตีสามารถรันโค้ดได้
    ไม่มีการโจมตีจริงในขณะนี้ แต่ CrowdStrike เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
    Falcon Sensor บน macOS, Linux และ Windows รุ่นเก่าไม่ได้รับผลกระทบ
    แพตช์ออกสำหรับเวอร์ชัน 7.24–7.28 และ 7.16 สำหรับ Windows 7 / 2008 R2
    ช่องโหว่ถูกค้นพบผ่านโปรแกรม Bug Bounty ของ CrowdStrike

    https://securityonline.info/crowdstrike-releases-fixes-for-two-falcon-sensor-for-windows-vulnerabilities-cve-2025-42701-cve-2025-42706/
    🛡️ “CrowdStrike อุดช่องโหว่ Falcon Sensor บน Windows — ป้องกันการลบไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก Race Condition และ Logic Error” CrowdStrike ได้ออกแพตช์ความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 2 รายการใน Falcon Sensor สำหรับ Windows ได้แก่ CVE-2025-42701 และ CVE-2025-42706 ซึ่งอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีที่สามารถรันโค้ดในเครื่องได้ลบไฟล์ใด ๆ ก็ได้บนระบบ ส่งผลต่อเสถียรภาพและความสามารถในการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบ ช่องโหว่แรก CVE-2025-42701 เกิดจาก Race Condition ในการจัดการไฟล์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการลบไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ หากมีการเปลี่ยนแปลงสถานะของไฟล์ระหว่างการตรวจสอบและการใช้งาน ส่วนช่องโหว่ที่สอง CVE-2025-42706 เกิดจาก Logic Error ในการจัดการคำสั่งไฟล์ของ Falcon Sensor ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีลบไฟล์สำคัญได้เช่นกัน แม้ช่องโหว่ทั้งสองจะไม่สามารถถูกโจมตีจากระยะไกลได้โดยตรง แต่หากผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในเครื่องได้ ก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อทำลายระบบหรือปิดการทำงานของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอื่น ๆ ได้ CrowdStrike ยืนยันว่าไม่มีการโจมตีจริงในขณะนี้ และได้ออกแพตช์สำหรับเวอร์ชัน 7.24 ถึง 7.28 รวมถึงเวอร์ชัน 7.16 สำหรับ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 โดย Falcon Sensor บน macOS, Linux และ Windows รุ่นเก่าไม่ได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ CrowdStrike แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-42701 และ CVE-2025-42706 ใน Falcon Sensor บน Windows ➡️ CVE-2025-42701 เกิดจาก Race Condition ในการจัดการไฟล์ ➡️ CVE-2025-42706 เกิดจาก Logic Error ในการจัดการคำสั่งไฟล์ ➡️ ช่องโหว่เปิดโอกาสให้ลบไฟล์ใด ๆ บนระบบ หากผู้โจมตีสามารถรันโค้ดได้ ➡️ ไม่มีการโจมตีจริงในขณะนี้ แต่ CrowdStrike เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ➡️ Falcon Sensor บน macOS, Linux และ Windows รุ่นเก่าไม่ได้รับผลกระทบ ➡️ แพตช์ออกสำหรับเวอร์ชัน 7.24–7.28 และ 7.16 สำหรับ Windows 7 / 2008 R2 ➡️ ช่องโหว่ถูกค้นพบผ่านโปรแกรม Bug Bounty ของ CrowdStrike https://securityonline.info/crowdstrike-releases-fixes-for-two-falcon-sensor-for-windows-vulnerabilities-cve-2025-42701-cve-2025-42706/
    SECURITYONLINE.INFO
    CrowdStrike Releases Fixes for Two Falcon Sensor for Windows Vulnerabilities (CVE-2025-42701 & CVE-2025-42706)
    CrowdStrike patched two flaws in Falcon Sensor for Windows (CVE-2025-42701). Attackers with local code execution can delete arbitrary files, risking system stability.
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • ป.ป.ช. ขยายผลไต่สวน คดีเอื้อประโยชน์ทักษิณรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ พบ 2 ตัวละครใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/21816/
    .
    #ไทยไท #ปปช #ทักษิณ #รพตำรวจ #พักโทษ #เอื้อประโยชน์ #ข้าราชการ
    ป.ป.ช. ขยายผลไต่สวน คดีเอื้อประโยชน์ทักษิณรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ พบ 2 ตัวละครใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/21816/ . #ไทยไท #ปปช #ทักษิณ #รพตำรวจ #พักโทษ #เอื้อประโยชน์ #ข้าราชการ
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • “TSMC เปิดราคาชิป 2nm — แพงขึ้นไม่มาก แต่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ที่ลูกค้าต้องรับมือ”

    หลังจากมีข่าวลือว่าชิป 2nm จาก TSMC จะมีราคาสูงกว่ารุ่น 3nm ถึง 50% ล่าสุดมีรายงานใหม่ระบุว่าราคาจริงของแผ่นเวเฟอร์ 2nm จะเพิ่มขึ้นเพียง 10–20% เท่านั้นเมื่อเทียบกับรุ่น 3nm อย่าง N3P และ N3E แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ TSMC กำลังปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm ให้สูงขึ้นด้วย ทำให้ช่องว่างระหว่างรุ่นดูแคบลง

    ราคาของเวเฟอร์ 2nm ยังคงอยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากสำหรับการผลิตชิปในระดับผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวเฟอร์ 3nm ที่เคยอยู่ที่ $25,000–$27,000 แต่กำลังถูกปรับขึ้นเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปยัง 2nm ดู “สมเหตุสมผล”

    Qualcomm และ MediaTek เป็นสองบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปใช้ N3P โดยต้องจ่ายเพิ่มถึง 16–24% สำหรับชิปรุ่นใหม่ เช่น Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ Dimensity 9500 ขณะที่ Qualcomm เตรียมย้ายไปใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ในปีหน้า

    แม้ราคาจะไม่พุ่งแรงอย่างที่คาด แต่ผลกระทบต่อราคาสินค้า เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ยังคงมีอยู่ เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะถูกผลักไปยังผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Gate-All-Around และ EUV ที่มีต้นทุนสูงมาก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ราคาของเวเฟอร์ 2nm อยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น
    เพิ่มขึ้นจากเวเฟอร์ 3nm เพียง 10–20% ไม่ใช่ 50% ตามข่าวลือ
    TSMC ปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm เช่น N3E และ N3P ให้สูงขึ้น
    Qualcomm และ MediaTek ได้รับผลกระทบจากราคาที่เพิ่มขึ้น
    Qualcomm เตรียมใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6
    ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเวเฟอร์
    การผลิตชิป 2nm ใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around และ EUV
    TSMC เริ่มผลิต 2nm ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gate-All-Around เป็นเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ที่ลดการรั่วไหลของกระแสไฟ
    EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) เป็นเทคนิคพิมพ์ลวดลายที่ใช้แสงความยาวคลื่นสั้น
    การผลิตเวเฟอร์ในสหรัฐฯ เช่นที่โรงงานใน Arizona มีต้นทุนสูงกว่าที่ไต้หวันถึง 20–30%
    Apple และ AMD เป็นลูกค้าหลักของ TSMC ที่เตรียมใช้ 2nm ในผลิตภัณฑ์ปี 2026
    Chiplet architecture ช่วยลดต้นทุนโดยใช้เวเฟอร์ขั้นสูงเฉพาะในส่วนสำคัญของชิป

    https://wccftech.com/tsmc-2nm-wafers-to-be-10-to-20-percent-more-expensive-than-3nm/
    💰 “TSMC เปิดราคาชิป 2nm — แพงขึ้นไม่มาก แต่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ที่ลูกค้าต้องรับมือ” หลังจากมีข่าวลือว่าชิป 2nm จาก TSMC จะมีราคาสูงกว่ารุ่น 3nm ถึง 50% ล่าสุดมีรายงานใหม่ระบุว่าราคาจริงของแผ่นเวเฟอร์ 2nm จะเพิ่มขึ้นเพียง 10–20% เท่านั้นเมื่อเทียบกับรุ่น 3nm อย่าง N3P และ N3E แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ TSMC กำลังปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm ให้สูงขึ้นด้วย ทำให้ช่องว่างระหว่างรุ่นดูแคบลง ราคาของเวเฟอร์ 2nm ยังคงอยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากสำหรับการผลิตชิปในระดับผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวเฟอร์ 3nm ที่เคยอยู่ที่ $25,000–$27,000 แต่กำลังถูกปรับขึ้นเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปยัง 2nm ดู “สมเหตุสมผล” Qualcomm และ MediaTek เป็นสองบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปใช้ N3P โดยต้องจ่ายเพิ่มถึง 16–24% สำหรับชิปรุ่นใหม่ เช่น Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ Dimensity 9500 ขณะที่ Qualcomm เตรียมย้ายไปใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ในปีหน้า แม้ราคาจะไม่พุ่งแรงอย่างที่คาด แต่ผลกระทบต่อราคาสินค้า เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ยังคงมีอยู่ เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะถูกผลักไปยังผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Gate-All-Around และ EUV ที่มีต้นทุนสูงมาก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ราคาของเวเฟอร์ 2nm อยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ➡️ เพิ่มขึ้นจากเวเฟอร์ 3nm เพียง 10–20% ไม่ใช่ 50% ตามข่าวลือ ➡️ TSMC ปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm เช่น N3E และ N3P ให้สูงขึ้น ➡️ Qualcomm และ MediaTek ได้รับผลกระทบจากราคาที่เพิ่มขึ้น ➡️ Qualcomm เตรียมใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ➡️ ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเวเฟอร์ ➡️ การผลิตชิป 2nm ใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around และ EUV ➡️ TSMC เริ่มผลิต 2nm ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gate-All-Around เป็นเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ที่ลดการรั่วไหลของกระแสไฟ ➡️ EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) เป็นเทคนิคพิมพ์ลวดลายที่ใช้แสงความยาวคลื่นสั้น ➡️ การผลิตเวเฟอร์ในสหรัฐฯ เช่นที่โรงงานใน Arizona มีต้นทุนสูงกว่าที่ไต้หวันถึง 20–30% ➡️ Apple และ AMD เป็นลูกค้าหลักของ TSMC ที่เตรียมใช้ 2nm ในผลิตภัณฑ์ปี 2026 ➡️ Chiplet architecture ช่วยลดต้นทุนโดยใช้เวเฟอร์ขั้นสูงเฉพาะในส่วนสำคัญของชิป https://wccftech.com/tsmc-2nm-wafers-to-be-10-to-20-percent-more-expensive-than-3nm/
    WCCFTECH.COM
    TSMC’s 2nm Customers Can Take A Breather; Wafers Reportedly Only 10-20 Percent More Expensive Than 3nm But There Is A Catch
    A new report states that instead of TSMC’s 2nm wafers being 50 percent more expensive than 3nm, they will be between 10-20 percent pricier
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • “Point2 เปิดตัว e-Tube ระบบส่งข้อมูล RF ผ่านพลาสติก — พลิกโฉมการเชื่อมต่อ AI ระดับดาต้าเซ็นเตอร์”

    ในงาน Open Compute Project Global Summit ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2025 ณ เมืองซานโฮเซ่ บริษัท Point2 Technology ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า “e-Tube” ซึ่งเป็นระบบส่งข้อมูลแบบ RF (Radio Frequency) ผ่านพลาสติก waveguide สำหรับการเชื่อมต่อภายในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมุ่งเป้าไปที่การรองรับงาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและพลังงานต่ำ

    e-Tube ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แทนสายทองแดงและสายไฟเบอร์ออปติก โดยมีข้อได้เปรียบหลายด้าน เช่น

    ระยะส่งข้อมูลไกลกว่าสายทองแดงถึง 10 เท่า
    ใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า
    มี latency ต่ำกว่าถึง 1000 เท่า
    ราคาถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า

    ระบบนี้ใช้การส่งข้อมูลผ่านคลื่นวิทยุในย่าน millimeter wave โดยใช้พลาสติกเป็นตัวนำคลื่น ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดจาก skin effect ที่พบในสายทองแดง และไม่ต้องใช้การแปลงสัญญาณแบบ optical-electrical ที่กินพลังงานสูง

    Point2 ได้ร่วมมือกับ Molex และ Foxconn Interconnect Technology (FIT) เพื่อพัฒนา ecosystem ของสายและหัวเชื่อมต่อที่สามารถใช้งานร่วมกับมาตรฐาน OSFP ได้ทันที โดยมีการสาธิตการใช้งานจริงในรูปแบบ OSFP Pluggable Active RF Cable (ARC) สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างแร็คและภายในแร็ค

    อีกหนึ่งการใช้งานสำคัญคือการเชื่อมต่อ GPU accelerator ผ่าน backplane ด้วย e-Tube ซึ่งช่วยให้สามารถขยายคลัสเตอร์ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งสายทองแดงหรือออปติกที่มีข้อจำกัดด้านระยะและพลังงาน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Point2 เปิดตัว e-Tube ระบบส่งข้อมูล RF ผ่านพลาสติก waveguide
    ใช้คลื่น millimeter wave ส่งข้อมูลผ่านพลาสติก dielectric waveguide
    ระยะส่งข้อมูลไกลกว่าสายทองแดงถึง 10 เท่า
    ใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า
    latency ต่ำกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 1000 เท่า
    ราคาถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า
    ไม่ต้องใช้การแปลงสัญญาณ OE conversion แบบ optical
    รองรับความเร็ว 800G / 1.6T / 3.2T ต่อสาย
    ร่วมมือกับ Molex และ FIT พัฒนา ecosystem สำหรับการใช้งานจริง
    รองรับ OSFP form factor และการเชื่อมต่อ GPU ผ่าน backplane

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    millimeter wave เป็นคลื่นวิทยุที่มีความถี่สูง ใช้ใน 5G และ radar
    dielectric waveguide ทำจากพลาสติกทั่วไป แต่มีคุณสมบัติในการนำคลื่น
    skin effect คือปรากฏการณ์ที่กระแสไฟฟ้าไหลเฉพาะผิวของสายทองแดง ทำให้มีข้อจำกัดด้านความเร็ว
    OE conversion คือการแปลงสัญญาณแสงเป็นไฟฟ้า ซึ่งใช้พลังงานสูงและมี latency
    OSFP (Octal Small Form Factor Pluggable) เป็นมาตรฐานหัวเชื่อมต่อสำหรับความเร็วสูงในดาต้าเซ็นเตอร์

    https://www.techpowerup.com/341677/point2-technology-demos-e-tube-rack-scale-rf-transmission-over-plastic-waveguide-for-ai-interconnect
    🔌 “Point2 เปิดตัว e-Tube ระบบส่งข้อมูล RF ผ่านพลาสติก — พลิกโฉมการเชื่อมต่อ AI ระดับดาต้าเซ็นเตอร์” ในงาน Open Compute Project Global Summit ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2025 ณ เมืองซานโฮเซ่ บริษัท Point2 Technology ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า “e-Tube” ซึ่งเป็นระบบส่งข้อมูลแบบ RF (Radio Frequency) ผ่านพลาสติก waveguide สำหรับการเชื่อมต่อภายในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมุ่งเป้าไปที่การรองรับงาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและพลังงานต่ำ e-Tube ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แทนสายทองแดงและสายไฟเบอร์ออปติก โดยมีข้อได้เปรียบหลายด้าน เช่น 🔰 ระยะส่งข้อมูลไกลกว่าสายทองแดงถึง 10 เท่า 🔰 ใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า 🔰 มี latency ต่ำกว่าถึง 1000 เท่า 🔰 ราคาถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า ระบบนี้ใช้การส่งข้อมูลผ่านคลื่นวิทยุในย่าน millimeter wave โดยใช้พลาสติกเป็นตัวนำคลื่น ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดจาก skin effect ที่พบในสายทองแดง และไม่ต้องใช้การแปลงสัญญาณแบบ optical-electrical ที่กินพลังงานสูง Point2 ได้ร่วมมือกับ Molex และ Foxconn Interconnect Technology (FIT) เพื่อพัฒนา ecosystem ของสายและหัวเชื่อมต่อที่สามารถใช้งานร่วมกับมาตรฐาน OSFP ได้ทันที โดยมีการสาธิตการใช้งานจริงในรูปแบบ OSFP Pluggable Active RF Cable (ARC) สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างแร็คและภายในแร็ค อีกหนึ่งการใช้งานสำคัญคือการเชื่อมต่อ GPU accelerator ผ่าน backplane ด้วย e-Tube ซึ่งช่วยให้สามารถขยายคลัสเตอร์ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งสายทองแดงหรือออปติกที่มีข้อจำกัดด้านระยะและพลังงาน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Point2 เปิดตัว e-Tube ระบบส่งข้อมูล RF ผ่านพลาสติก waveguide ➡️ ใช้คลื่น millimeter wave ส่งข้อมูลผ่านพลาสติก dielectric waveguide ➡️ ระยะส่งข้อมูลไกลกว่าสายทองแดงถึง 10 เท่า ➡️ ใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า ➡️ latency ต่ำกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 1000 เท่า ➡️ ราคาถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า ➡️ ไม่ต้องใช้การแปลงสัญญาณ OE conversion แบบ optical ➡️ รองรับความเร็ว 800G / 1.6T / 3.2T ต่อสาย ➡️ ร่วมมือกับ Molex และ FIT พัฒนา ecosystem สำหรับการใช้งานจริง ➡️ รองรับ OSFP form factor และการเชื่อมต่อ GPU ผ่าน backplane ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ millimeter wave เป็นคลื่นวิทยุที่มีความถี่สูง ใช้ใน 5G และ radar ➡️ dielectric waveguide ทำจากพลาสติกทั่วไป แต่มีคุณสมบัติในการนำคลื่น ➡️ skin effect คือปรากฏการณ์ที่กระแสไฟฟ้าไหลเฉพาะผิวของสายทองแดง ทำให้มีข้อจำกัดด้านความเร็ว ➡️ OE conversion คือการแปลงสัญญาณแสงเป็นไฟฟ้า ซึ่งใช้พลังงานสูงและมี latency ➡️ OSFP (Octal Small Form Factor Pluggable) เป็นมาตรฐานหัวเชื่อมต่อสำหรับความเร็วสูงในดาต้าเซ็นเตอร์ https://www.techpowerup.com/341677/point2-technology-demos-e-tube-rack-scale-rf-transmission-over-plastic-waveguide-for-ai-interconnect
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Point2 Technology Demos e-Tube Rack-Scale RF Transmission Over Plastic Waveguide for AI Interconnect
    Point2 Technology, a leading provider of ultra-low-power, low-latency mixed-signal SoC solutions for scalable interconnects in AI data centers, will showcase its latest advancements in e-Tube RF rack-scale data transmission over plastic waveguides at the upcoming Open Compute Project (OCP) Global Su...
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • “Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ซีพียู 96 คอร์ — ท้าชน AMD EPYC ด้วยดีไซน์ chiplet และแบนด์วิดธ์ระดับเซิร์ฟเวอร์”

    Zhaoxin ผู้ผลิตชิปจากจีนที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในตลาดโลก ได้เปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ KH-50000 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ โดยมีจำนวนคอร์สูงถึง 96 คอร์ ใช้ดีไซน์แบบ chiplet ที่คล้ายกับ AMD EPYC รุ่น Genoa และ Bergamo ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดเซิร์ฟเวอร์ระดับสูง

    KH-50000 ใช้สถาปัตยกรรม “Century Avenue” ที่สืบทอดจาก Centaur Technology โดยประกอบด้วย 12 compute dies ล้อมรอบ I/O die ขนาดใหญ่ รวมเป็น 96 คอร์ และแคช L3 ขนาด 384MB โดยไม่มี simultaneous multithreading ทำให้จำนวนเธรดเท่ากับจำนวนคอร์

    ชิปนี้รองรับหน่วยความจำ DDR5 ECC แบบ 12 ช่อง รวมสูงสุดถึง 3TB และมี PCIe 5.0 ถึง 128 lanes พร้อม PCIe 4.0 อีก 16 lanes ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดจากรุ่นก่อน KH-40000 ที่รองรับแค่ DDR4 และ PCIe 3.0

    KH-50000 ยังสามารถใช้งานแบบ multi-socket ด้วย interconnect ZPI 5.0 ซึ่งรองรับการติดตั้ง 2S และ 4S ทำให้สามารถรวมได้ถึง 384 คอร์ในเมนบอร์ดเดียว โดยมีขนาดแพ็กเกจ 72 x 76 มม. ใกล้เคียงกับ AMD SP5 socket

    แม้จะมีการเปิดเผยสเปกหลายด้าน แต่ Zhaoxin ยังไม่เปิดเผยค่า TDP (thermal design power) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินความเหมาะสมของชิปในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ซีพียูเซิร์ฟเวอร์แบบ 96 คอร์
    ใช้ดีไซน์ chiplet ประกอบด้วย 12 compute dies และ I/O die
    ไม่มี simultaneous multithreading — เธรดเท่ากับจำนวนคอร์
    รองรับ DDR5 ECC แบบ 12 ช่อง รวมสูงสุด 3TB
    มี PCIe 5.0 จำนวน 128 lanes และ PCIe 4.0 อีก 16 lanes
    ใช้ interconnect ZPI 5.0 รองรับ multi-socket สูงสุด 4 ชิป (384 คอร์)
    ขนาดแพ็กเกจ 72 x 76 มม. ใกล้เคียง AMD EPYC SP5
    เหมาะสำหรับงานเซิร์ฟเวอร์ ไม่ใช่สำหรับเดสก์ท็อปหรือเกม
    เปรียบเทียบกับ AMD EPYC Genoa และ Bergamo ในด้านดีไซน์และขนาด
    ยังไม่เปิดเผยค่า TDP ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการใช้งานจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Zhaoxin เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง VIA Technologies และรัฐบาลเซี่ยงไฮ้
    AMD EPYC Genoa มี TDP อยู่ที่ประมาณ 300–500W สำหรับ 96 คอร์
    การใช้ chiplet ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิต
    ZPI 5.0 มีแนวคิดคล้าย Infinity Fabric ของ AMD สำหรับการเชื่อมต่อหลายชิป
    KH-50000 อาจเป็นก้าวสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก

    https://www.techradar.com/pro/a-cpu-vendor-youve-never-heard-of-could-launch-a-96-core-x86-cpu-that-is-very-very-similar-to-amds-epyc-but-i-wonder-what-the-tdp-will-be-on-that-one
    🧬 “Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ซีพียู 96 คอร์ — ท้าชน AMD EPYC ด้วยดีไซน์ chiplet และแบนด์วิดธ์ระดับเซิร์ฟเวอร์” Zhaoxin ผู้ผลิตชิปจากจีนที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในตลาดโลก ได้เปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ KH-50000 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ โดยมีจำนวนคอร์สูงถึง 96 คอร์ ใช้ดีไซน์แบบ chiplet ที่คล้ายกับ AMD EPYC รุ่น Genoa และ Bergamo ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดเซิร์ฟเวอร์ระดับสูง KH-50000 ใช้สถาปัตยกรรม “Century Avenue” ที่สืบทอดจาก Centaur Technology โดยประกอบด้วย 12 compute dies ล้อมรอบ I/O die ขนาดใหญ่ รวมเป็น 96 คอร์ และแคช L3 ขนาด 384MB โดยไม่มี simultaneous multithreading ทำให้จำนวนเธรดเท่ากับจำนวนคอร์ ชิปนี้รองรับหน่วยความจำ DDR5 ECC แบบ 12 ช่อง รวมสูงสุดถึง 3TB และมี PCIe 5.0 ถึง 128 lanes พร้อม PCIe 4.0 อีก 16 lanes ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดจากรุ่นก่อน KH-40000 ที่รองรับแค่ DDR4 และ PCIe 3.0 KH-50000 ยังสามารถใช้งานแบบ multi-socket ด้วย interconnect ZPI 5.0 ซึ่งรองรับการติดตั้ง 2S และ 4S ทำให้สามารถรวมได้ถึง 384 คอร์ในเมนบอร์ดเดียว โดยมีขนาดแพ็กเกจ 72 x 76 มม. ใกล้เคียงกับ AMD SP5 socket แม้จะมีการเปิดเผยสเปกหลายด้าน แต่ Zhaoxin ยังไม่เปิดเผยค่า TDP (thermal design power) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินความเหมาะสมของชิปในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ซีพียูเซิร์ฟเวอร์แบบ 96 คอร์ ➡️ ใช้ดีไซน์ chiplet ประกอบด้วย 12 compute dies และ I/O die ➡️ ไม่มี simultaneous multithreading — เธรดเท่ากับจำนวนคอร์ ➡️ รองรับ DDR5 ECC แบบ 12 ช่อง รวมสูงสุด 3TB ➡️ มี PCIe 5.0 จำนวน 128 lanes และ PCIe 4.0 อีก 16 lanes ➡️ ใช้ interconnect ZPI 5.0 รองรับ multi-socket สูงสุด 4 ชิป (384 คอร์) ➡️ ขนาดแพ็กเกจ 72 x 76 มม. ใกล้เคียง AMD EPYC SP5 ➡️ เหมาะสำหรับงานเซิร์ฟเวอร์ ไม่ใช่สำหรับเดสก์ท็อปหรือเกม ➡️ เปรียบเทียบกับ AMD EPYC Genoa และ Bergamo ในด้านดีไซน์และขนาด ➡️ ยังไม่เปิดเผยค่า TDP ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการใช้งานจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Zhaoxin เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง VIA Technologies และรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ➡️ AMD EPYC Genoa มี TDP อยู่ที่ประมาณ 300–500W สำหรับ 96 คอร์ ➡️ การใช้ chiplet ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิต ➡️ ZPI 5.0 มีแนวคิดคล้าย Infinity Fabric ของ AMD สำหรับการเชื่อมต่อหลายชิป ➡️ KH-50000 อาจเป็นก้าวสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก https://www.techradar.com/pro/a-cpu-vendor-youve-never-heard-of-could-launch-a-96-core-x86-cpu-that-is-very-very-similar-to-amds-epyc-but-i-wonder-what-the-tdp-will-be-on-that-one
    WWW.TECHRADAR.COM
    A server processor from China now rivals AMD with 96 cores
    Processor achieves 96 cores through twelve compute dies and a large cache
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 RAM ความเร็วทะลุ 8,533 MT/s — เร็วที่สุดในโลก แต่ราคาก็แรงไม่แพ้กัน”

    Crucial ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้ Micron ได้เปิดตัวหน่วยความจำ LPCAMM2 สำหรับแล็ปท็อป โดยมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533 MT/s ถือเป็น RAM สำหรับโน้ตบุ๊กที่เร็วที่สุดในตลาดขณะนี้ โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงานหนัก เช่น การประมวลผล AI, การเรนเดอร์กราฟิก และการทำงานแบบมัลติทาสก์ในระดับมืออาชีพ

    LPCAMM2 เป็นฟอร์แมตใหม่ที่ลดขนาดลงจาก SODIMM เดิมถึง 60% ทำให้ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในเครื่อง ส่งผลให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยใช้ LPDDR5X ที่มีแรงดันไฟต่ำเพียง 1.05V และมีประสิทธิภาพด้านพลังงานดีกว่า DDR5 รุ่นก่อนถึง 7 เท่า

    Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เร็วกว่า DDR5 SODIMM ทั่วไปถึง 1.5 เท่า และจากการทดสอบจริงพบว่าประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 70% ในงานด้านการสร้างคอนเทนต์และการใช้งานสำนักงานทั่วไป

    หน่วยความจำนี้มีให้เลือกทั้งขนาด 32GB และ 64GB โดยรุ่น 64GB มีราคาประมาณ $451.99 (ราว 16,500 บาท) ซึ่งถือว่าเป็นระดับพรีเมียม และยังจำกัดเฉพาะโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่รองรับ LPCAMM2 เท่านั้น เช่น Lenovo และ Dell ในกลุ่ม AI mobile workstation

    Crucial ยังชูจุดเด่นด้านความสามารถในการอัปเกรด ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่นิยมใช้ RAM แบบฝังถาวร โดยเชื่อว่าการอัปเกรดได้จะช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Crucial เปิดตัว LPCAMM2 RAM สำหรับแล็ปท็อป ความเร็วสูงสุด 8,533 MT/s
    เร็วกว่า DDR5 SODIMM ทั่วไปถึง 1.5 เท่า และประสิทธิภาพดีขึ้น 70% ในการใช้งานจริง
    ใช้ LPDDR5X ที่มีแรงดันไฟต่ำ 1.05V และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 7 เท่า
    ขนาดเล็กลง 60% จาก SODIMM ช่วยเพิ่ม airflow และความยืดหยุ่นในการออกแบบเครื่อง
    มีให้เลือกทั้ง 32GB และ 64GB โดยรุ่น 64GB ราคา $451.99
    รองรับเฉพาะโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ เช่น Lenovo และ Dell ที่มีสล็อต LPCAMM2
    ชูจุดเด่นด้านการอัปเกรดได้ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และยืดอายุเครื่อง
    เหมาะกับงาน AI, การเรนเดอร์, การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และมัลติทาสก์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    LPCAMM2 ย่อมาจาก Low-Power Compression-Attached Memory Module 2
    JEDEC กำลังพิจารณามาตรฐาน LPCAMM2 เพื่อให้รองรับในวงกว้าง
    LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S23 Ultra
    ความเร็ว 8,533 MT/s เทียบเท่ากับ SSD PCIe Gen6 ในการจัดการข้อมูล
    Crucial เคยเปิดตัว Clocked SODIMM ที่เร็วสุด 6,400 MT/s แต่ยังช้ากว่า LPCAMM2

    https://www.techradar.com/pro/crucial-reveals-fastest-laptop-memory-ever-lpcamm2-ram-reaches-a-staggering-8533-mt-s-but-at-just-under-usd500-it-aint-for-everyone
    ⚡ “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 RAM ความเร็วทะลุ 8,533 MT/s — เร็วที่สุดในโลก แต่ราคาก็แรงไม่แพ้กัน” Crucial ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้ Micron ได้เปิดตัวหน่วยความจำ LPCAMM2 สำหรับแล็ปท็อป โดยมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533 MT/s ถือเป็น RAM สำหรับโน้ตบุ๊กที่เร็วที่สุดในตลาดขณะนี้ โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงานหนัก เช่น การประมวลผล AI, การเรนเดอร์กราฟิก และการทำงานแบบมัลติทาสก์ในระดับมืออาชีพ LPCAMM2 เป็นฟอร์แมตใหม่ที่ลดขนาดลงจาก SODIMM เดิมถึง 60% ทำให้ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในเครื่อง ส่งผลให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยใช้ LPDDR5X ที่มีแรงดันไฟต่ำเพียง 1.05V และมีประสิทธิภาพด้านพลังงานดีกว่า DDR5 รุ่นก่อนถึง 7 เท่า Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เร็วกว่า DDR5 SODIMM ทั่วไปถึง 1.5 เท่า และจากการทดสอบจริงพบว่าประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 70% ในงานด้านการสร้างคอนเทนต์และการใช้งานสำนักงานทั่วไป หน่วยความจำนี้มีให้เลือกทั้งขนาด 32GB และ 64GB โดยรุ่น 64GB มีราคาประมาณ $451.99 (ราว 16,500 บาท) ซึ่งถือว่าเป็นระดับพรีเมียม และยังจำกัดเฉพาะโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่รองรับ LPCAMM2 เท่านั้น เช่น Lenovo และ Dell ในกลุ่ม AI mobile workstation Crucial ยังชูจุดเด่นด้านความสามารถในการอัปเกรด ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่นิยมใช้ RAM แบบฝังถาวร โดยเชื่อว่าการอัปเกรดได้จะช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Crucial เปิดตัว LPCAMM2 RAM สำหรับแล็ปท็อป ความเร็วสูงสุด 8,533 MT/s ➡️ เร็วกว่า DDR5 SODIMM ทั่วไปถึง 1.5 เท่า และประสิทธิภาพดีขึ้น 70% ในการใช้งานจริง ➡️ ใช้ LPDDR5X ที่มีแรงดันไฟต่ำ 1.05V และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 7 เท่า ➡️ ขนาดเล็กลง 60% จาก SODIMM ช่วยเพิ่ม airflow และความยืดหยุ่นในการออกแบบเครื่อง ➡️ มีให้เลือกทั้ง 32GB และ 64GB โดยรุ่น 64GB ราคา $451.99 ➡️ รองรับเฉพาะโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ เช่น Lenovo และ Dell ที่มีสล็อต LPCAMM2 ➡️ ชูจุดเด่นด้านการอัปเกรดได้ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และยืดอายุเครื่อง ➡️ เหมาะกับงาน AI, การเรนเดอร์, การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และมัลติทาสก์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ LPCAMM2 ย่อมาจาก Low-Power Compression-Attached Memory Module 2 ➡️ JEDEC กำลังพิจารณามาตรฐาน LPCAMM2 เพื่อให้รองรับในวงกว้าง ➡️ LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S23 Ultra ➡️ ความเร็ว 8,533 MT/s เทียบเท่ากับ SSD PCIe Gen6 ในการจัดการข้อมูล ➡️ Crucial เคยเปิดตัว Clocked SODIMM ที่เร็วสุด 6,400 MT/s แต่ยังช้ากว่า LPCAMM2 https://www.techradar.com/pro/crucial-reveals-fastest-laptop-memory-ever-lpcamm2-ram-reaches-a-staggering-8533-mt-s-but-at-just-under-usd500-it-aint-for-everyone
    WWW.TECHRADAR.COM
    New Crucial LPCAMM2 memory offers premium speed at a high price
    The smaller size promises better airflow and efficiency
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • 7 วัน 6 คืนแห่งความประทับใจ! ชมอุทยานฟยอร์ด สะพานมหัศจรรย์ แสงเหนือ และเมืองสีสันนอร์เวย์ บนเรือ Havila พร้อมที่พัก และอาหารบนเรือทุกมื้อ

    🛳 แพ็คเกจล่องเรือสำราญ Havila Adventure in Norway 7 วัน 6 คืน

    เดินทาง ต.ค. 68 - ธ.ค. 69

    เส้นทางสแกนดิเนเวีย เบอร์เกน - เคิร์กเคเนส แวะจอด 34 ports

    ราคาเริ่มต้น : EUR 815

    ห้องพักบนเรือ พักคู่ รวม 6คืน (พักสองท่านต่อห้อง)
    อาหารทุกมื้อบนเรือ(ยกเว้นห้องอาหารพิเศษ)
    การแสดง และกิจกรรมสันทนาการ (บางรายการ)
    ภาษีท่าเรือ

    รหัสโปรแกรม : HAVP-7D6N-BGO-KKN-2612291
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e3e51c

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #HavilaAdventure #Norway #Scandinavia #Trondheim #Havoysund #Tromso #แสงเหนือ #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    💥 7 วัน 6 คืนแห่งความประทับใจ! ชมอุทยานฟยอร์ด สะพานมหัศจรรย์ แสงเหนือ และเมืองสีสันนอร์เวย์ บนเรือ Havila พร้อมที่พัก และอาหารบนเรือทุกมื้อ ✨ 🛳 แพ็คเกจล่องเรือสำราญ Havila Adventure in Norway 7 วัน 6 คืน 📅 เดินทาง ต.ค. 68 - ธ.ค. 69 📍 เส้นทางสแกนดิเนเวีย เบอร์เกน - เคิร์กเคเนส แวะจอด 34 ports 💳 ราคาเริ่มต้น : EUR 815 ✅ ห้องพักบนเรือ พักคู่ รวม 6คืน (พักสองท่านต่อห้อง) ✅ อาหารทุกมื้อบนเรือ(ยกเว้นห้องอาหารพิเศษ) ✅ การแสดง และกิจกรรมสันทนาการ (บางรายการ) ✅ ภาษีท่าเรือ 🅿️ รหัสโปรแกรม : HAVP-7D6N-BGO-KKN-2612291 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e3e51c 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #HavilaAdventure #Norway #Scandinavia #Trondheim #Havoysund #Tromso #แสงเหนือ #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
More Results