• เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น
    .
    ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ
    .
    อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้
    .
    ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน
    .
    [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้]
    .
    เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus)
    .
    นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี
    .
    อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland
    .
    เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่
    .
    ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่
    .
    และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก
    .
    ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย)
    .
    ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด
    .
    คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน?
    .
    บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน
    .
    หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า
    .
    ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน
    .
    เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก
    .
    สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน
    ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้
    .
    คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที
    .
    เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น
    ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี
    ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“
    แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม
    .
    นี่รู้ไหม...
    มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า?
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    .
    เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น . ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ . อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้ . ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน . [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้] . เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus) . นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี . อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland . เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่ . ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่ . และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก . ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย) . ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด . คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน? . บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน . หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า . ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน . เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก . สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้ . คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที . เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“ แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม . นี่รู้ไหม... มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า? . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] - .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอนทหารประมาณ 4,500 นายออกจากเกาหลีใต้ และเคลื่อนกำลังพลไปยังพื้นที่อื่นๆ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมถึงเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิฟิก

    - WSJ รายงาน
    สหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอนทหารประมาณ 4,500 นายออกจากเกาหลีใต้ และเคลื่อนกำลังพลไปยังพื้นที่อื่นๆ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมถึงเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิฟิก - WSJ รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซนฮึงมิน 20/05/68 #ซนฮึงมิน #นักฟุตบอล #เกาหลีใต้ #คดีทำสาวท้อง #แบล็กเมล์ซนฮึงมิน
    ซนฮึงมิน 20/05/68 #ซนฮึงมิน #นักฟุตบอล #เกาหลีใต้ #คดีทำสาวท้อง #แบล็กเมล์ซนฮึงมิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • อดีตพนักงาน SK hynix ถูกจับกุมขณะพยายามลักลอบนำเทคโนโลยี HBM ไปยังจีน

    เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ จับกุมชายที่ถูกสงสัยว่าพยายามลักลอบนำเทคโนโลยี High-Bandwidth Memory (HBM) ของ SK hynix ไปยังจีน ขณะกำลังขึ้นเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติอินชอน

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีลักลอบนำเทคโนโลยี HBM ไปจีน
    ✅ ผู้ต้องสงสัยชื่อ "Mr. Kim" เคยเป็นพนักงานของบริษัทรับเหมาช่วงที่ทำงานกับ SK Hynix
    - เขาถูกกล่าวหาว่า ขโมยข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ HBM และเทคนิค Hybrid Bonding

    ✅ ตำรวจพบหลักฐานเป็นภาพเอกสารกว่า 11,000 ภาพที่ถูกถ่ายและแก้ไขเพื่อซ่อนโลโก้ของ SK hynix
    - มีรายงานว่า Kim ใช้เอกสารเหล่านี้ในการสมัครงานกับบริษัทจีน รวมถึง Huawei HiSilicon

    ✅ การจับกุมเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรมของ Kim มาหลายเดือน
    - หน่วยสืบสวนด้านความปลอดภัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของกรุงโซล ดำเนินการจับกุมก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่องบิน

    ✅ HBM เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ AI accelerators และเป็นที่ต้องการของบริษัทจีน
    - ทำให้ การขโมยข้อมูลนี้มีผลกระทบต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    ✅ เกาหลีใต้มีบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - ผู้กระทำผิด อาจถูกปรับสูงสุด 71,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และจำคุกสูงสุด 10 ปี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/suspected-sk-hynix-hbm-tech-leaker-arrested-boarding-flight-to-china
    อดีตพนักงาน SK hynix ถูกจับกุมขณะพยายามลักลอบนำเทคโนโลยี HBM ไปยังจีน เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ จับกุมชายที่ถูกสงสัยว่าพยายามลักลอบนำเทคโนโลยี High-Bandwidth Memory (HBM) ของ SK hynix ไปยังจีน ขณะกำลังขึ้นเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติอินชอน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีลักลอบนำเทคโนโลยี HBM ไปจีน ✅ ผู้ต้องสงสัยชื่อ "Mr. Kim" เคยเป็นพนักงานของบริษัทรับเหมาช่วงที่ทำงานกับ SK Hynix - เขาถูกกล่าวหาว่า ขโมยข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ HBM และเทคนิค Hybrid Bonding ✅ ตำรวจพบหลักฐานเป็นภาพเอกสารกว่า 11,000 ภาพที่ถูกถ่ายและแก้ไขเพื่อซ่อนโลโก้ของ SK hynix - มีรายงานว่า Kim ใช้เอกสารเหล่านี้ในการสมัครงานกับบริษัทจีน รวมถึง Huawei HiSilicon ✅ การจับกุมเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรมของ Kim มาหลายเดือน - หน่วยสืบสวนด้านความปลอดภัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของกรุงโซล ดำเนินการจับกุมก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่องบิน ✅ HBM เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ AI accelerators และเป็นที่ต้องการของบริษัทจีน - ทำให้ การขโมยข้อมูลนี้มีผลกระทบต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ✅ เกาหลีใต้มีบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - ผู้กระทำผิด อาจถูกปรับสูงสุด 71,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และจำคุกสูงสุด 10 ปี https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/suspected-sk-hynix-hbm-tech-leaker-arrested-boarding-flight-to-china
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Suspected SK hynix HBM tech leaker arrested boarding flight to China
    ‘Mr Kim’ was apprehended moments before boarding a flight at South Korea’s Incheon International Airport.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • TNG eWallet เติมเงินด้วยบัตรไทยได้แล้ว

    สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เดินทางไปเที่ยวประเทศมาเลเซียบ่อยครั้ง นอกจากจะต้องมีหัวแปลงปลั๊กไฟมาเลเซีย กับเบอร์มือถือมาเลเซียไว้เล่นเน็ตแทนการซื้อแพ็คเกจโรมมิ่งราคาแพงแล้ว บัตร Touch 'n Go สำหรับใช้บริการขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ จ่ายค่าทางด่วน ที่จอดรถ และร้านค้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชัน TNG eWallet ก็สามารถทำธุรกรรมกับบัตร Touch 'n Go รุ่น NFC ได้ทันที รวมทั้งใช้จ่ายที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ และประเทศไทยได้อีกด้วย

    การเติมเงินถ้าเป็นในประเทศมาเลเซีย มีช่องทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะสถานีรถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขั้นต่ำ 10 ริงกิตโดยไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ คนที่อยู่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อาจเลือกใช้วิธีแลกเงินที่ร้านแลกเงิน แล้วซื้อรหัสเติมเงิน (Reload PIN) ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฝั่งประเทศมาเลเซีย หรือหากอยู่ที่ต่างประเทศมักจะซื้อรหัสผ่านตัวแทนจำหน่าย เช่น เว็บไซต์ SEAGM ขั้นต่ำ 10 ริงกิต บวกค่าบริการ 0.10 ริงกิต สำหรับชาวไทยสามารถซื้อรหัสผ่านเว็บไซต์ เลือกสกุลเงิน MYR แล้วเลือกชำระผ่าน DuitNow QR สแกนจ่ายผ่านแอปฯ Krungthai NEXT หรือ CIMB THAI ได้

    อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้ใช้งาน Touch N'Go e-Wallet ที่อยู่ต่างประเทศ สามารถเติมเงินด้วยบัตร VISA, Mastercard และ AMEX ที่ออกจากต่างประเทศได้แล้วบางธนาคารในประเทศไทย ขั้นต่ำ 20 ริงกิต เช่น บัตร YouTrip ของธนาคารกสิกรไทย บัตร Krungthai Travel Debit Card ธนาคารกรุงไทย โดยคิดค่าธรรมเนียม 2.6% ของยอดที่เติม โดยจะเป็นยอดเงินแบบ Transferable สามารถโอนเงินระหว่างบุคคล (Peer-to-Peer) ได้ ต่างจากการเติมเงินผ่าน Reload PIN สามารถเลือกแบบ Non-Transferable สำหรับสแกนจ่ายร้านค้าเท่านั้น ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่หากโอนเงินระหว่างบุคคลจะถูกหัก 1% ต่อรายการ

    วิธีการเติมเงิน ให้เข้าไปที่ "Add money" เลือก "Credit Card" ใส่จำนวนเงินที่ต้องการลงไป (ขั้นต่ำ 20 ริงกิต) แล้วกด Continue จากนั้นกรอกเลขที่บัตรเครดิต (Card Number) เดือน/ปีที่หมดอายุบัตร (MM/YY) รหัสความปลอดภัย (CVV/CVV2) แล้วกด Next ระบบจะยืนยันการทำรายการ (Confirm amount) โดยจะแสดงจำนวนเงิน (Amount) และค่าธรรมเนียม (Convenience fee 2.6%) กด Continue ระบบจะเข้าสู่หน้าระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคาร กรอกรหัส OTP ลงไปเหมือนการช้อปปิ้งออนไลน์ เมื่อทำรายการสำเร็จจะมีข้อความแจ้งเตือนและหน้าธุรกรรมสำเร็จ (Successfully added)

    #Newskit
    TNG eWallet เติมเงินด้วยบัตรไทยได้แล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เดินทางไปเที่ยวประเทศมาเลเซียบ่อยครั้ง นอกจากจะต้องมีหัวแปลงปลั๊กไฟมาเลเซีย กับเบอร์มือถือมาเลเซียไว้เล่นเน็ตแทนการซื้อแพ็คเกจโรมมิ่งราคาแพงแล้ว บัตร Touch 'n Go สำหรับใช้บริการขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ จ่ายค่าทางด่วน ที่จอดรถ และร้านค้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชัน TNG eWallet ก็สามารถทำธุรกรรมกับบัตร Touch 'n Go รุ่น NFC ได้ทันที รวมทั้งใช้จ่ายที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ และประเทศไทยได้อีกด้วย การเติมเงินถ้าเป็นในประเทศมาเลเซีย มีช่องทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะสถานีรถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขั้นต่ำ 10 ริงกิตโดยไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ คนที่อยู่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อาจเลือกใช้วิธีแลกเงินที่ร้านแลกเงิน แล้วซื้อรหัสเติมเงิน (Reload PIN) ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฝั่งประเทศมาเลเซีย หรือหากอยู่ที่ต่างประเทศมักจะซื้อรหัสผ่านตัวแทนจำหน่าย เช่น เว็บไซต์ SEAGM ขั้นต่ำ 10 ริงกิต บวกค่าบริการ 0.10 ริงกิต สำหรับชาวไทยสามารถซื้อรหัสผ่านเว็บไซต์ เลือกสกุลเงิน MYR แล้วเลือกชำระผ่าน DuitNow QR สแกนจ่ายผ่านแอปฯ Krungthai NEXT หรือ CIMB THAI ได้ อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้ใช้งาน Touch N'Go e-Wallet ที่อยู่ต่างประเทศ สามารถเติมเงินด้วยบัตร VISA, Mastercard และ AMEX ที่ออกจากต่างประเทศได้แล้วบางธนาคารในประเทศไทย ขั้นต่ำ 20 ริงกิต เช่น บัตร YouTrip ของธนาคารกสิกรไทย บัตร Krungthai Travel Debit Card ธนาคารกรุงไทย โดยคิดค่าธรรมเนียม 2.6% ของยอดที่เติม โดยจะเป็นยอดเงินแบบ Transferable สามารถโอนเงินระหว่างบุคคล (Peer-to-Peer) ได้ ต่างจากการเติมเงินผ่าน Reload PIN สามารถเลือกแบบ Non-Transferable สำหรับสแกนจ่ายร้านค้าเท่านั้น ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่หากโอนเงินระหว่างบุคคลจะถูกหัก 1% ต่อรายการ วิธีการเติมเงิน ให้เข้าไปที่ "Add money" เลือก "Credit Card" ใส่จำนวนเงินที่ต้องการลงไป (ขั้นต่ำ 20 ริงกิต) แล้วกด Continue จากนั้นกรอกเลขที่บัตรเครดิต (Card Number) เดือน/ปีที่หมดอายุบัตร (MM/YY) รหัสความปลอดภัย (CVV/CVV2) แล้วกด Next ระบบจะยืนยันการทำรายการ (Confirm amount) โดยจะแสดงจำนวนเงิน (Amount) และค่าธรรมเนียม (Convenience fee 2.6%) กด Continue ระบบจะเข้าสู่หน้าระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคาร กรอกรหัส OTP ลงไปเหมือนการช้อปปิ้งออนไลน์ เมื่อทำรายการสำเร็จจะมีข้อความแจ้งเตือนและหน้าธุรกรรมสำเร็จ (Successfully added) #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung SDI ลดราคาหุ้นใหม่ลง 17% ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ

    Samsung SDI ประกาศลดราคาหุ้นใหม่ลง 17% หลังจากที่ราคาหุ้นของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยบริษัทได้ปรับราคาหุ้นใหม่สองครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม และล่าสุดกำหนดราคาขายที่ 140,000 วอน ($100.37) ต่อหุ้น ลดลงจากราคาเดิมที่ 169,200 วอน

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการลดราคาหุ้นของ Samsung SDI
    ✅ Samsung SDI ลดราคาหุ้นใหม่ลง 17% จากราคาเดิมที่ประกาศในเดือนมีนาคม
    - ราคาล่าสุดอยู่ที่ 140,000 วอน ($100.37) ต่อหุ้น

    ✅ บริษัทปรับราคาหุ้นใหม่สองครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม
    - ครั้งแรก ลดลงเหลือ 146,200 วอน ก่อนลดลงอีกครั้งเป็น 140,000 วอน

    ✅ แรงกดดันจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลต่อราคาหุ้นของ Samsung SDI
    - นักลงทุนกังวลว่า มาตรการภาษีอาจกระทบต่อยอดขายแบตเตอรี่ของบริษัท

    ✅ Samsung SDI เป็นหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลก
    - มีโรงงานใน ฮังการี, เกาหลีใต้ และจีน

    ✅ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
    - นักลงทุนจับตาดู นโยบายการค้าของสหรัฐฯ และยุโรป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/19/samsung-sdi-cuts-pricing-of-new-shares-by-17-amid-tariff-driven-sell-off
    Samsung SDI ลดราคาหุ้นใหม่ลง 17% ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ Samsung SDI ประกาศลดราคาหุ้นใหม่ลง 17% หลังจากที่ราคาหุ้นของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยบริษัทได้ปรับราคาหุ้นใหม่สองครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม และล่าสุดกำหนดราคาขายที่ 140,000 วอน ($100.37) ต่อหุ้น ลดลงจากราคาเดิมที่ 169,200 วอน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการลดราคาหุ้นของ Samsung SDI ✅ Samsung SDI ลดราคาหุ้นใหม่ลง 17% จากราคาเดิมที่ประกาศในเดือนมีนาคม - ราคาล่าสุดอยู่ที่ 140,000 วอน ($100.37) ต่อหุ้น ✅ บริษัทปรับราคาหุ้นใหม่สองครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม - ครั้งแรก ลดลงเหลือ 146,200 วอน ก่อนลดลงอีกครั้งเป็น 140,000 วอน ✅ แรงกดดันจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลต่อราคาหุ้นของ Samsung SDI - นักลงทุนกังวลว่า มาตรการภาษีอาจกระทบต่อยอดขายแบตเตอรี่ของบริษัท ✅ Samsung SDI เป็นหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลก - มีโรงงานใน ฮังการี, เกาหลีใต้ และจีน ✅ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ - นักลงทุนจับตาดู นโยบายการค้าของสหรัฐฯ และยุโรป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/19/samsung-sdi-cuts-pricing-of-new-shares-by-17-amid-tariff-driven-sell-off
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Samsung SDI cuts pricing of new shares by 17% amid tariff-driven sell-off
    SEOUL (Reuters) -Samsung SDI on Monday slashed the pricing of its new share issue by 17% after its stock declined in a broad market sell-off sparked by concerns over potential U.S. tariffs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระ 4วัน 2คืน ❄❄
    6,999 รีบจอง ก่อนเต็ม 🔥🔥

    🗓 จำนวนวัน 4 วัน 2 คืน
    ✈ BXxLJx7C-แอร์ปูซาน/จินแอร์/เจจูแอร์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐

    📍 Aurora Media Show
    📍 เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระ
    📍 ศูนย์รวมเครื่องสำอาง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #โซล #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระ 4วัน 2คืน ❄❄ 6,999 รีบจอง ก่อนเต็ม 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 4 วัน 2 คืน ✈ BXxLJx7C-แอร์ปูซาน/จินแอร์/เจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 Aurora Media Show 📍 เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระ 📍 ศูนย์รวมเครื่องสำอาง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #โซล #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • ..ยอมรับว่าเบื่อหน่ายทัังระบบข้าราชการพลเรือนและข้าราชการแบบส่วนท้องถิ่นมา อบต.อบท.อบจ.เหี้ยหมด ตลอดผู้ใหญ่บ้านก็ด้วย ซื้อเสียงหมด พรรคการเมืองระดับชาติคุมหมด,กำนันผีบ้าก็ไม่เลือกตั้งตรงอีก,สมบัติชาติ ทรัพยากรระดับท้องถิ่นใครมันสมควรไปสร้างประโยชน์สาธารณะระดับประเทศแบบบ่อน้ำมันในพื้นที่ อบต.อบท.อบจ.อำเภอ จังหวัดนั้นๆอะไรจะไม่เห็นจริงได้ไง,นำพาประชาชนเรียกร้องห้ามเปืดสัมปทานยกให้ต่างชาติสิ,เอาสื่อหลักมาตีแผ่ความจริงก็ไม่ทำ ทั้งผู้ว่า นายอำเภอนั้นๆ ปิดปากเงียบร่วมกับอบต.อบท.อบจ.นัันๆอีก,ไม่รวมบ่อทองคำด้วย,ถ้าค่ายบางระจันมีจริง แต่ละอบต.อบท.อบจ.นายอำเภอผู้ว่านั้นๆต้องเปิดค่ายบางระจันรบเลย เต็มตรึมทั่วบนแผ่นดิน สร้างกองทัพมวลชนปลุกคนไทยพื้นที่อื่นๆมารู้จะมากมายขนาดไหน,นี้คือวิถีปกครองที่ผิดพลาดและล้มเหลว,ชาติไทยดำรงมั่นคงดักดานในความยากจนเกินพอแล้วจริงๆ ร.5เราคือตัวอย่างที่ดีชัดเจน จนต่างชาติหวาดกลัวในภูมิภาคนี้ เกินหน้าชาติใดๆก็ว่า เกาหลีใต้ยังขี้เล็บเราเลยสมัยนั้น.,ฝรั่งมันกลัวเราจึงตัดขาเราทุกๆรูปแบบ.จึงฝรั่งได้มุกสำเร็จในยุคกบฎคณะ2475 ประชุมกองโจรกบฎก็ทำที่ชาติฝรั่งมันอำนวยสถานที่ทัังประสานงานและก่อการอำนวยสร้าง,
    ..แม้ข้ามเดือนนี้ไปก็ไม่ต้องการข้าม ถีบๆลงไปเถอะทั้งหมดพวกหนักแผ่นดินไทย.,ทุบทิ้งกลางเดือนนี้ยิ่งดี.

    https://youtube.com/shorts/NLiCRW-2iG4?si=9YNOkJvL7sfljW3Y
    ..ยอมรับว่าเบื่อหน่ายทัังระบบข้าราชการพลเรือนและข้าราชการแบบส่วนท้องถิ่นมา อบต.อบท.อบจ.เหี้ยหมด ตลอดผู้ใหญ่บ้านก็ด้วย ซื้อเสียงหมด พรรคการเมืองระดับชาติคุมหมด,กำนันผีบ้าก็ไม่เลือกตั้งตรงอีก,สมบัติชาติ ทรัพยากรระดับท้องถิ่นใครมันสมควรไปสร้างประโยชน์สาธารณะระดับประเทศแบบบ่อน้ำมันในพื้นที่ อบต.อบท.อบจ.อำเภอ จังหวัดนั้นๆอะไรจะไม่เห็นจริงได้ไง,นำพาประชาชนเรียกร้องห้ามเปืดสัมปทานยกให้ต่างชาติสิ,เอาสื่อหลักมาตีแผ่ความจริงก็ไม่ทำ ทั้งผู้ว่า นายอำเภอนั้นๆ ปิดปากเงียบร่วมกับอบต.อบท.อบจ.นัันๆอีก,ไม่รวมบ่อทองคำด้วย,ถ้าค่ายบางระจันมีจริง แต่ละอบต.อบท.อบจ.นายอำเภอผู้ว่านั้นๆต้องเปิดค่ายบางระจันรบเลย เต็มตรึมทั่วบนแผ่นดิน สร้างกองทัพมวลชนปลุกคนไทยพื้นที่อื่นๆมารู้จะมากมายขนาดไหน,นี้คือวิถีปกครองที่ผิดพลาดและล้มเหลว,ชาติไทยดำรงมั่นคงดักดานในความยากจนเกินพอแล้วจริงๆ ร.5เราคือตัวอย่างที่ดีชัดเจน จนต่างชาติหวาดกลัวในภูมิภาคนี้ เกินหน้าชาติใดๆก็ว่า เกาหลีใต้ยังขี้เล็บเราเลยสมัยนั้น.,ฝรั่งมันกลัวเราจึงตัดขาเราทุกๆรูปแบบ.จึงฝรั่งได้มุกสำเร็จในยุคกบฎคณะ2475 ประชุมกองโจรกบฎก็ทำที่ชาติฝรั่งมันอำนวยสถานที่ทัังประสานงานและก่อการอำนวยสร้าง, ..แม้ข้ามเดือนนี้ไปก็ไม่ต้องการข้าม ถีบๆลงไปเถอะทั้งหมดพวกหนักแผ่นดินไทย.,ทุบทิ้งกลางเดือนนี้ยิ่งดี. https://youtube.com/shorts/NLiCRW-2iG4?si=9YNOkJvL7sfljW3Y
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับ NVIDIA และ Qualcomm: ก้าวสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    Samsung กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด ชิป 2nm โดยมี NVIDIA และ Qualcomm อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการประเมินเพื่อใช้เทคโนโลยีนี้ Samsung ตั้งเป้าที่จะเป็น ทางเลือกที่แข็งแกร่งแทน TSMC ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

    ✅ Samsung กำลังพัฒนาเทคโนโลยี 2nm เพื่อแข่งขันกับ TSMC
    - NVIDIA และ Qualcomm อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการประเมินชิป 2nm ของ Samsung

    ✅ Samsung ปรับปรุงอัตราผลผลิตของชิป 2nm อย่างต่อเนื่อง
    - ปัจจุบันมีอัตราผลผลิต 40% และกำลังเพิ่มขึ้น

    ✅ TSMC ยังคงเป็นผู้นำด้วยอัตราผลผลิต 60%
    - แต่ Samsung กำลังลดช่องว่างอย่างรวดเร็ว

    ✅ Samsung วางแผนผลิตชิป 2nm ในสหรัฐฯ ที่โรงงาน Taylor
    - เพื่อ ขยายตลาดและลดการพึ่งพาการผลิตในเกาหลีใต้

    ✅ เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ของ Samsung ได้รับการปรับปรุง
    - ทำให้ ชิป 2nm และ 3nm มีประสิทธิภาพดีขึ้น

    https://wccftech.com/samsungs-2nm-is-ready-to-be-adopted-by-nvidia-for-its-consumer-ai-gpus/
    Samsung เตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับ NVIDIA และ Qualcomm: ก้าวสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Samsung กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด ชิป 2nm โดยมี NVIDIA และ Qualcomm อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการประเมินเพื่อใช้เทคโนโลยีนี้ Samsung ตั้งเป้าที่จะเป็น ทางเลือกที่แข็งแกร่งแทน TSMC ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ✅ Samsung กำลังพัฒนาเทคโนโลยี 2nm เพื่อแข่งขันกับ TSMC - NVIDIA และ Qualcomm อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการประเมินชิป 2nm ของ Samsung ✅ Samsung ปรับปรุงอัตราผลผลิตของชิป 2nm อย่างต่อเนื่อง - ปัจจุบันมีอัตราผลผลิต 40% และกำลังเพิ่มขึ้น ✅ TSMC ยังคงเป็นผู้นำด้วยอัตราผลผลิต 60% - แต่ Samsung กำลังลดช่องว่างอย่างรวดเร็ว ✅ Samsung วางแผนผลิตชิป 2nm ในสหรัฐฯ ที่โรงงาน Taylor - เพื่อ ขยายตลาดและลดการพึ่งพาการผลิตในเกาหลีใต้ ✅ เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ของ Samsung ได้รับการปรับปรุง - ทำให้ ชิป 2nm และ 3nm มีประสิทธิภาพดีขึ้น https://wccftech.com/samsungs-2nm-is-ready-to-be-adopted-by-nvidia-for-its-consumer-ai-gpus/
    WCCFTECH.COM
    Samsung's 2nm Will See Adoption By NVIDIA For Its Consumer/AI GPUs, Yield Rate Witnesses Phenmenonal Progress
    Samsung is now contending for the top spot in the chip industry, as according to reports, the firm has managed to gain massive ground.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อนาคต พม่า เขมร ลาว เวียดนาม จีน แขกอินเดีย แขกอาหรับ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มันก็จะอ้างเช่นกันว่า เงินของมันสร้างประเทศไทยนะ แรงงานของมันสร้างประเทศไทยนะ โรงงานของมันสร้างประเทศไทยนะ บริษัทของมันสร้างประเทศไทยนะ ,นี้ไง เราจึงสมควรพึ่งพาตนเองให้ได้รอบด้านทันที นั้นคือยึดคืนวัตถุดิบมีค่ามากมายที่ยกให้ต่างชาติไป อาทิบ่อน้ำมัน บ่อเหมืองทองคำ แค่สองอย่างนี้ก่อนนะไทยเราพลิกฟื้นทันที ต้นทุนพื้นฐานในการขับเคลื่อนประเทศจะถูกลงทันทึ,สามารถทำกำไรกลับคืนมหาศาลด้านตังด้านเงินทองอีก,พัฒนาคนไทย&ทักษะด้านศักยภาพด้านสัมมาอาชีพต่างๆแก่คนไทยทั่วประเทศจะไม่ยากอะไรอีกเลย,สู่การปรับตนยุคAIชีวภาพได้ลงตัวสบายๆ เตรียมเยาวชนคนไทยเติบโตสร้างชาติไทยรุ่นต่อไปคู่ขนานความล้ำสมัยด้านการเรียนรู้เทคโนโลยีอวกาศAIคงง่ายสบายด้วย คนพร้อม ตังสร้างนั้นนี้เตรียมวัตถุดิบการเรียนรู้มีพร้อมอีก คนไทยร่ำรวยมีตังย่อมเข้าถึงทุกๆนวัตกรรมต่างๆแบบล้ำไม่ยาก จ้างกูรูทั่วประเทศมาสอนในการสัมผัสจริงใดๆได้หมด ตลอดกูรูสายออนไลน์AIอีก ปรับประยุกต์สายจิตวิญญาณเชื่อมจิตต่างดาวที่อยู่ห่างไกลแลกเปลี่ยนวิวัฒนการก็ได้อีก,
    ..ผู้นำผู้ปกครอง&ผู้มีอำนาจเราหากยังเกรงกลัวขลาดเขลาโง่เหง้าตามตูนต่างชาติอยู่จะฝรั่งแขกจีนยุ่นใดๆอีก จะเสียของแบบในอดีตมาก,เราผ่านมากมายความยากลำบากพอแล้ว สถานะการณ์คนไทยเราเองก็พร้อมกว่ายุคอดีตอีก เราก็สร้างคนจากสถานศึกษาเราเองดีระดับหนึ่งแล้ว คนไทยมีองค์ความรู้ไม่ก้าวล่วงกันแบบป่าเถื่อนเหมือนสมัยก่อนๆแล้วแบบก่อนสงครามอินโดจีนก็ว่าหรือ50-60ปีที่แล้วยังเต็มตรึมทั่วไทยกรุงหรือชนบท,ตีฆ่ากันง่ายๆกว่ายุคสมัยนี้อีก,คนก็ไร้ความรู้ถูกผิดชอบชั่วดีเป็นอันมาก,เผด็จการจึงอาจเหมาะสมแก่ช่วงเวลานั้นๆในการควบคุมผู้คน,แต่อนาคตโลกเปลี่ยนไปกว่านี้อีก,อาจธรรมในใจคือกษัตริย์ปกครองทั้งตัวตนใครมันเอง ต่างเคารพในกษัตริย์ของตนใครตัวมันหรือปัจเจกกันและกันด้วยธรรมแล้ว อาทิขนาดสัตว์ต่างๆอาจไม่ฆ่ากันกิน รอให้ตายเอง ปลาตายเองจึงกินมันได้ก็ว่าในคนยุคสมัยระดับจิตใจเจริญอีกระดับหนึ่ง,ไม่ก้าวล่วงในชีวิตกันและกัน,เราสามารถสร้างชาติไทยสร้างชุมชนไทยเองแบบนั้นได้โดยมิใช่เอากฎหมายผีบ้าผีบอแบบปัจจุบันขีดเขียนบังคับผู้คนสไตล์มารซาตานฝ่ายมืดบังคับใช้ในหมู่สังคมมันที่สร้างทำขึ้น,
    ..ผู้นำจึงสำคัญมากๆ ประชาชนไทยเราก็สำคัญโคตรๆเช่นกัน ต่างเคียงคู่ร่วมกันสร้างชาติไทยให้สมบูรณ์สไตล์สมบัติมนุษย์โลกๆแบบเราๆได้ปกติร่มเย็นสงบสุขสันติก็ว่าได้อีก,ชาติเรา เราชวนกันมาพึ่งพากันและกันกันเองดีกว่า ภาคภูมิใจเองในหมู่เรา ดีชั่วก็ชาติไทยเรานี้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครชื่นชมสรรเสริญอะไรหรอก มันจะดีจะชั่วจะลำบากยากจนหรือร่ำรวยมหาศาลโคตรๆแก่ทุกๆคนไทยก็ประชาชนคนไทยเราเองทั้งหมดจะร่วมกันสร้างมันขึ้นเอง,ไปไหนเราไปด้วยกันหมด.ชาติพังก็พังด้วยกันหมดเหมือนกันเพราะเราไม่ร่วมกันปกป้องเอง,ชาติเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ก็ใช่ผู้นำฝ่ายเดียวสร้างขึ้น หากประชาชนคือคนทรยศทั้งแผ่นดินผู้นำนั้นก็ถีบลงโดยง่าย,ประชาชนแม้เจริญรุ่งโรจน์เต็มแผ่นดินก็เช่นกัน หากผู้นำเลวชั่วขึ้นปกครองแม้วินาทีเดียวก็ตกอับลงเหวลงนรกยากไร้ยากจนในทันทีทั้งประเทศไทยในทุกๆคนไทยเช่นกัน,และจะดีมากๆคือเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์เราทั้งๆหมดทุกๆคนไทยทุกๆผู้นำก็ไปด้วยกันหมดเช่นกัน.

    https://youtube.com/watch?v=iOjiuOMAj7k&si=9OmR1YsgKE3QzoMx
    ..อนาคต พม่า เขมร ลาว เวียดนาม จีน แขกอินเดีย แขกอาหรับ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มันก็จะอ้างเช่นกันว่า เงินของมันสร้างประเทศไทยนะ แรงงานของมันสร้างประเทศไทยนะ โรงงานของมันสร้างประเทศไทยนะ บริษัทของมันสร้างประเทศไทยนะ ,นี้ไง เราจึงสมควรพึ่งพาตนเองให้ได้รอบด้านทันที นั้นคือยึดคืนวัตถุดิบมีค่ามากมายที่ยกให้ต่างชาติไป อาทิบ่อน้ำมัน บ่อเหมืองทองคำ แค่สองอย่างนี้ก่อนนะไทยเราพลิกฟื้นทันที ต้นทุนพื้นฐานในการขับเคลื่อนประเทศจะถูกลงทันทึ,สามารถทำกำไรกลับคืนมหาศาลด้านตังด้านเงินทองอีก,พัฒนาคนไทย&ทักษะด้านศักยภาพด้านสัมมาอาชีพต่างๆแก่คนไทยทั่วประเทศจะไม่ยากอะไรอีกเลย,สู่การปรับตนยุคAIชีวภาพได้ลงตัวสบายๆ เตรียมเยาวชนคนไทยเติบโตสร้างชาติไทยรุ่นต่อไปคู่ขนานความล้ำสมัยด้านการเรียนรู้เทคโนโลยีอวกาศAIคงง่ายสบายด้วย คนพร้อม ตังสร้างนั้นนี้เตรียมวัตถุดิบการเรียนรู้มีพร้อมอีก คนไทยร่ำรวยมีตังย่อมเข้าถึงทุกๆนวัตกรรมต่างๆแบบล้ำไม่ยาก จ้างกูรูทั่วประเทศมาสอนในการสัมผัสจริงใดๆได้หมด ตลอดกูรูสายออนไลน์AIอีก ปรับประยุกต์สายจิตวิญญาณเชื่อมจิตต่างดาวที่อยู่ห่างไกลแลกเปลี่ยนวิวัฒนการก็ได้อีก, ..ผู้นำผู้ปกครอง&ผู้มีอำนาจเราหากยังเกรงกลัวขลาดเขลาโง่เหง้าตามตูนต่างชาติอยู่จะฝรั่งแขกจีนยุ่นใดๆอีก จะเสียของแบบในอดีตมาก,เราผ่านมากมายความยากลำบากพอแล้ว สถานะการณ์คนไทยเราเองก็พร้อมกว่ายุคอดีตอีก เราก็สร้างคนจากสถานศึกษาเราเองดีระดับหนึ่งแล้ว คนไทยมีองค์ความรู้ไม่ก้าวล่วงกันแบบป่าเถื่อนเหมือนสมัยก่อนๆแล้วแบบก่อนสงครามอินโดจีนก็ว่าหรือ50-60ปีที่แล้วยังเต็มตรึมทั่วไทยกรุงหรือชนบท,ตีฆ่ากันง่ายๆกว่ายุคสมัยนี้อีก,คนก็ไร้ความรู้ถูกผิดชอบชั่วดีเป็นอันมาก,เผด็จการจึงอาจเหมาะสมแก่ช่วงเวลานั้นๆในการควบคุมผู้คน,แต่อนาคตโลกเปลี่ยนไปกว่านี้อีก,อาจธรรมในใจคือกษัตริย์ปกครองทั้งตัวตนใครมันเอง ต่างเคารพในกษัตริย์ของตนใครตัวมันหรือปัจเจกกันและกันด้วยธรรมแล้ว อาทิขนาดสัตว์ต่างๆอาจไม่ฆ่ากันกิน รอให้ตายเอง ปลาตายเองจึงกินมันได้ก็ว่าในคนยุคสมัยระดับจิตใจเจริญอีกระดับหนึ่ง,ไม่ก้าวล่วงในชีวิตกันและกัน,เราสามารถสร้างชาติไทยสร้างชุมชนไทยเองแบบนั้นได้โดยมิใช่เอากฎหมายผีบ้าผีบอแบบปัจจุบันขีดเขียนบังคับผู้คนสไตล์มารซาตานฝ่ายมืดบังคับใช้ในหมู่สังคมมันที่สร้างทำขึ้น, ..ผู้นำจึงสำคัญมากๆ ประชาชนไทยเราก็สำคัญโคตรๆเช่นกัน ต่างเคียงคู่ร่วมกันสร้างชาติไทยให้สมบูรณ์สไตล์สมบัติมนุษย์โลกๆแบบเราๆได้ปกติร่มเย็นสงบสุขสันติก็ว่าได้อีก,ชาติเรา เราชวนกันมาพึ่งพากันและกันกันเองดีกว่า ภาคภูมิใจเองในหมู่เรา ดีชั่วก็ชาติไทยเรานี้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครชื่นชมสรรเสริญอะไรหรอก มันจะดีจะชั่วจะลำบากยากจนหรือร่ำรวยมหาศาลโคตรๆแก่ทุกๆคนไทยก็ประชาชนคนไทยเราเองทั้งหมดจะร่วมกันสร้างมันขึ้นเอง,ไปไหนเราไปด้วยกันหมด.ชาติพังก็พังด้วยกันหมดเหมือนกันเพราะเราไม่ร่วมกันปกป้องเอง,ชาติเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ก็ใช่ผู้นำฝ่ายเดียวสร้างขึ้น หากประชาชนคือคนทรยศทั้งแผ่นดินผู้นำนั้นก็ถีบลงโดยง่าย,ประชาชนแม้เจริญรุ่งโรจน์เต็มแผ่นดินก็เช่นกัน หากผู้นำเลวชั่วขึ้นปกครองแม้วินาทีเดียวก็ตกอับลงเหวลงนรกยากไร้ยากจนในทันทีทั้งประเทศไทยในทุกๆคนไทยเช่นกัน,และจะดีมากๆคือเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์เราทั้งๆหมดทุกๆคนไทยทุกๆผู้นำก็ไปด้วยกันหมดเช่นกัน. https://youtube.com/watch?v=iOjiuOMAj7k&si=9OmR1YsgKE3QzoMx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • วลาดิมีร์ ปูตินปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง 30 วันจากฝ่ายตะวันตก และเรียกร้องให้เริ่มการเจรจาโดยตรงอีกครั้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่อิสตันบูลในวันที่ 15 พฤษภาคมแทน

    ประเด็นที่น่าสนใจบางส่วนของแถลงการณ์:
    👉รัสเซียเสนอให้กลับมาเจรจาโดยตรงอีกครั้ง โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆระหว่างมีการเจรจา ในวันที่ 15 พฤษภาคม ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี

    👉(สื่อรายงานว่า "การเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไข" หมายถึง แม้การเจรจาจะเกิดขึ้น แต่การสู้รบอาจดำเนินต่อไป ปูตินไม่ได้หมายถึงการยอมเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไขในการเจรจาแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมายูเครนมักใช้โอกาสในการเจรจา โดยเรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อเติมอาวุธ)

    👉รัสเซียพร้อมสำหรับการเจรจาอย่างจริงจังกับยูเครนเพื่อแก้ไขสาเหตุหลักของความขัดแย้ง

    👉รัสเซียไม่เคยปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจากับยูเครน

    👉การเจรจาอย่างจริงจังกับยูเครน คือการกำจัดสาเหตุหลักของความขัดแย้ง

    👉เงื่อนไขของรัสเซียอยู่บนโต๊ะแล้ว การตัดสินใจขึ้นอยู่กับเคียฟและเจ้านายพวกเขา

    👉ผู้ที่แสวงหาสันติภาพอย่างแท้จริงไม่ควรเพิกเฉยต่อข้อเสนอการเจรจาของรัสเซีย

    👉แม้ว่าที่ผ่านมารัสเซียได้เสนอข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้ง แต่ทั้งหมดถูกละเมิดโดยระบอบเคียฟ

    👉แม้ในช่วงเวลาหยุดยิงที่ประกาศไว้เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะ ยูเครนก็ยังเปิดฉากโจมตีดินแดนของรัสเซียเป็นวงกว้าง

    👉“ตั้งแต่วันที่ 8–10 พฤษภาคม ยูเครนละเมิดการหยุดยิงมากกว่า 5,000 ครั้ง โดยใช้โดรน 524 ลำ ขีปนาวุธจากฝ่ายตะวันตก และโดรนผิวน้ำไร้คนขับ 45 ลำ” ปูตินกล่าว

    👉ปูตินกล่าวว่า เขาจะหารือกับเออร์โดกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดการเจรจากับยูเครนในอิสตันบูล

    👉ปูตินไม่ลืมในการกล่าวขอบคุณรัฐบาลทรัมป์สำหรับความพยายามไกล่เกลี่ยในการแก้ไขความขัดแย้งในยูเครน

    👉ปูตินขอบคุณผู้บัญชาการเกาหลีเหนือ โดยกล่าวว่ากองกำลังของเปียงยางมีบทบาทสำคัญในการปลดปล่อยภูมิภาคเคิร์สก์


    วิดีโอแถลงการณ์ของปูติน ความยาว 18 นาที
    วลาดิมีร์ ปูตินปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง 30 วันจากฝ่ายตะวันตก และเรียกร้องให้เริ่มการเจรจาโดยตรงอีกครั้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่อิสตันบูลในวันที่ 15 พฤษภาคมแทน ประเด็นที่น่าสนใจบางส่วนของแถลงการณ์: 👉รัสเซียเสนอให้กลับมาเจรจาโดยตรงอีกครั้ง โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆระหว่างมีการเจรจา ในวันที่ 15 พฤษภาคม ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี 👉(สื่อรายงานว่า "การเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไข" หมายถึง แม้การเจรจาจะเกิดขึ้น แต่การสู้รบอาจดำเนินต่อไป ปูตินไม่ได้หมายถึงการยอมเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไขในการเจรจาแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมายูเครนมักใช้โอกาสในการเจรจา โดยเรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อเติมอาวุธ) 👉รัสเซียพร้อมสำหรับการเจรจาอย่างจริงจังกับยูเครนเพื่อแก้ไขสาเหตุหลักของความขัดแย้ง 👉รัสเซียไม่เคยปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจากับยูเครน 👉การเจรจาอย่างจริงจังกับยูเครน คือการกำจัดสาเหตุหลักของความขัดแย้ง 👉เงื่อนไขของรัสเซียอยู่บนโต๊ะแล้ว การตัดสินใจขึ้นอยู่กับเคียฟและเจ้านายพวกเขา 👉ผู้ที่แสวงหาสันติภาพอย่างแท้จริงไม่ควรเพิกเฉยต่อข้อเสนอการเจรจาของรัสเซีย 👉แม้ว่าที่ผ่านมารัสเซียได้เสนอข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้ง แต่ทั้งหมดถูกละเมิดโดยระบอบเคียฟ 👉แม้ในช่วงเวลาหยุดยิงที่ประกาศไว้เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะ ยูเครนก็ยังเปิดฉากโจมตีดินแดนของรัสเซียเป็นวงกว้าง 👉“ตั้งแต่วันที่ 8–10 พฤษภาคม ยูเครนละเมิดการหยุดยิงมากกว่า 5,000 ครั้ง โดยใช้โดรน 524 ลำ ขีปนาวุธจากฝ่ายตะวันตก และโดรนผิวน้ำไร้คนขับ 45 ลำ” ปูตินกล่าว 👉ปูตินกล่าวว่า เขาจะหารือกับเออร์โดกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดการเจรจากับยูเครนในอิสตันบูล 👉ปูตินไม่ลืมในการกล่าวขอบคุณรัฐบาลทรัมป์สำหรับความพยายามไกล่เกลี่ยในการแก้ไขความขัดแย้งในยูเครน 👉ปูตินขอบคุณผู้บัญชาการเกาหลีเหนือ โดยกล่าวว่ากองกำลังของเปียงยางมีบทบาทสำคัญในการปลดปล่อยภูมิภาคเคิร์สก์ วิดีโอแถลงการณ์ของปูติน ความยาว 18 นาที
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • OpenAI ขยายการรองรับ Data Residency ใน 4 ประเทศเอเชีย OpenAI ประกาศว่า ChatGPT Enterprise, ChatGPT Edu และ API Platform จะรองรับ Data Residency ใน ญี่ปุ่น, อินเดีย, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ซึ่งช่วยให้ องค์กรสามารถจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศของตน ตามข้อกำหนดด้าน Data Sovereignty

    นอกจากนี้ OpenAI ยังเน้นย้ำถึง มาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล เช่น การเข้ารหัสขั้นสูง, การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล และการไม่ใช้ข้อมูลลูกค้าในการฝึกโมเดล AI

    ✅ OpenAI รองรับ Data Residency ในญี่ปุ่น, อินเดีย, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้
    - ช่วยให้ องค์กรสามารถจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศของตน

    ✅ Data Residency รองรับ ChatGPT Enterprise, ChatGPT Edu และ API Platform
    - ลูกค้าสามารถ เลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสำหรับ API Platform ได้

    ✅ OpenAI ใช้การเข้ารหัส AES-256 สำหรับข้อมูลที่จัดเก็บ และ TLS 1.2+ สำหรับข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย
    - ช่วยให้ ข้อมูลมีความปลอดภัยทั้งขณะจัดเก็บและขณะส่งผ่านเครือข่าย

    ✅ OpenAI ไม่ใช้ข้อมูลจาก ChatGPT Business Plans หรือ API ในการฝึกโมเดล AI
    - ยกเว้นกรณีที่ ลูกค้าเลือกแชร์ข้อมูลกับ OpenAI

    ✅ OpenAI ปฏิบัติตามมาตรฐาน GDPR, CCPA และ CSA STAR
    - ช่วยให้ องค์กรสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว

    https://www.neowin.net/news/openai-announces-data-residency-support-in-asian-countries/
    OpenAI ขยายการรองรับ Data Residency ใน 4 ประเทศเอเชีย OpenAI ประกาศว่า ChatGPT Enterprise, ChatGPT Edu และ API Platform จะรองรับ Data Residency ใน ญี่ปุ่น, อินเดีย, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ซึ่งช่วยให้ องค์กรสามารถจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศของตน ตามข้อกำหนดด้าน Data Sovereignty นอกจากนี้ OpenAI ยังเน้นย้ำถึง มาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล เช่น การเข้ารหัสขั้นสูง, การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล และการไม่ใช้ข้อมูลลูกค้าในการฝึกโมเดล AI ✅ OpenAI รองรับ Data Residency ในญี่ปุ่น, อินเดีย, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ - ช่วยให้ องค์กรสามารถจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศของตน ✅ Data Residency รองรับ ChatGPT Enterprise, ChatGPT Edu และ API Platform - ลูกค้าสามารถ เลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสำหรับ API Platform ได้ ✅ OpenAI ใช้การเข้ารหัส AES-256 สำหรับข้อมูลที่จัดเก็บ และ TLS 1.2+ สำหรับข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย - ช่วยให้ ข้อมูลมีความปลอดภัยทั้งขณะจัดเก็บและขณะส่งผ่านเครือข่าย ✅ OpenAI ไม่ใช้ข้อมูลจาก ChatGPT Business Plans หรือ API ในการฝึกโมเดล AI - ยกเว้นกรณีที่ ลูกค้าเลือกแชร์ข้อมูลกับ OpenAI ✅ OpenAI ปฏิบัติตามมาตรฐาน GDPR, CCPA และ CSA STAR - ช่วยให้ องค์กรสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว https://www.neowin.net/news/openai-announces-data-residency-support-in-asian-countries/
    WWW.NEOWIN.NET
    OpenAI announces data residency support in Asian countries
    This allows organizations in these regions to store their data locally, helping them comply with data sovereignty regulations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีปูติน สนทนาและขอบคุณผู้บัญชาการชาวเกาหลีเหนือขณะร่วมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะในมอสโก
    ประธานาธิบดีปูติน สนทนาและขอบคุณผู้บัญชาการชาวเกาหลีเหนือขณะร่วมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะในมอสโก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยอนฮับนิวส์​ สื่อเกาหลีใต้เผย​ (8​ พ.ค.)​ ว่าตำรวจเกาหลีใต้ได้ดำเนินคดีหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่จูบสมาชิกวง BTS ในงานแฟนคลับ

    สำนักข่าว ยอนฮับ​(Yonhap)​ รายงานว่าคดีของหญิงสาวคนดังกล่าวถูกส่งไปยังอัยการในข้อหาละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ โดยระบุว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเพิ่งเดินทางเข้าเกาหลีใต้และเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยสมัครใจ

    หญิงสาววัย 50 ปีรายนี้ถูกกล่าวหาว่าจูบแก้มของจิน สมาชิกวง BTS ในงาน "กอดฟรี" ซึ่งมีแฟนๆ เข้าร่วม 1,000 คนเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วในกรุงโซล งานดังกล่าวจัดขึ้นหนึ่งวันหลังจากจินปลดประจำการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/japan/detail/9680000043166

    #MGROnline #จินBTS
    ยอนฮับนิวส์​ สื่อเกาหลีใต้เผย​ (8​ พ.ค.)​ ว่าตำรวจเกาหลีใต้ได้ดำเนินคดีหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่จูบสมาชิกวง BTS ในงานแฟนคลับ • สำนักข่าว ยอนฮับ​(Yonhap)​ รายงานว่าคดีของหญิงสาวคนดังกล่าวถูกส่งไปยังอัยการในข้อหาละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ โดยระบุว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเพิ่งเดินทางเข้าเกาหลีใต้และเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยสมัครใจ • หญิงสาววัย 50 ปีรายนี้ถูกกล่าวหาว่าจูบแก้มของจิน สมาชิกวง BTS ในงาน "กอดฟรี" ซึ่งมีแฟนๆ เข้าร่วม 1,000 คนเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วในกรุงโซล งานดังกล่าวจัดขึ้นหนึ่งวันหลังจากจินปลดประจำการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/japan/detail/9680000043166 • #MGROnline #จินBTS
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • Han Duck-soo อดีตผู้นำชั่วคราวของเกาหลีใต้และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ประกาศแผนจัดตั้งกระทรวง AI เพื่อผลักดัน นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์และนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ หากเขาได้รับเลือกตั้ง

    แผนดังกล่าวเป็น คำมั่นสัญญาแรกของเขาหลังจากเปิดตัวแคมเปญหาเสียง โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ AI และ จัดตั้งกองทุนมูลค่า 1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 716 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุน บุคลากรในประเทศและดึงดูดนักวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศ

    ✅ Han Duck-soo วางแผนจัดตั้งกระทรวง AI หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
    - มุ่งเน้น นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์และนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์
    - เป็น คำมั่นสัญญาแรกของเขาหลังจากเปิดตัวแคมเปญหาเสียง

    ✅ เป้าหมายหลักคือการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ AI
    - เกาหลีใต้ต้องการ แข่งขันกับประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยี AI

    ✅ จัดตั้งกองทุนมูลค่า 1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 716 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3 พันล้านบาท)
    - สนับสนุน บุคลากรในประเทศและดึงดูดนักวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศ

    ✅ เกาหลีใต้ต้องการไล่ตามประเทศอื่น ๆ ในด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง
    - มุ่งเน้น การพัฒนาอุตสาหกรรม AI ให้สามารถแข่งขันในระดับโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/south-korea-presidential-hopeful-han-vows-to-create-ai-ministry
    Han Duck-soo อดีตผู้นำชั่วคราวของเกาหลีใต้และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ประกาศแผนจัดตั้งกระทรวง AI เพื่อผลักดัน นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์และนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ หากเขาได้รับเลือกตั้ง แผนดังกล่าวเป็น คำมั่นสัญญาแรกของเขาหลังจากเปิดตัวแคมเปญหาเสียง โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ AI และ จัดตั้งกองทุนมูลค่า 1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 716 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุน บุคลากรในประเทศและดึงดูดนักวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศ ✅ Han Duck-soo วางแผนจัดตั้งกระทรวง AI หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี - มุ่งเน้น นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์และนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ - เป็น คำมั่นสัญญาแรกของเขาหลังจากเปิดตัวแคมเปญหาเสียง ✅ เป้าหมายหลักคือการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ AI - เกาหลีใต้ต้องการ แข่งขันกับประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยี AI ✅ จัดตั้งกองทุนมูลค่า 1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 716 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3 พันล้านบาท) - สนับสนุน บุคลากรในประเทศและดึงดูดนักวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศ ✅ เกาหลีใต้ต้องการไล่ตามประเทศอื่น ๆ ในด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง - มุ่งเน้น การพัฒนาอุตสาหกรรม AI ให้สามารถแข่งขันในระดับโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/south-korea-presidential-hopeful-han-vows-to-create-ai-ministry
    WWW.THESTAR.COM.MY
    South Korea presidential hopeful Han vows to create AI ministry
    The election comes at a critical time for Asia's fourth-largest economy as it faces slowing exports resulting from Donald Trump's sweeping tariffs campaign.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung กำลังต่อสู้กับ คำสั่งเรียกเก็บภาษีมูลค่า 520 ล้านดอลลาร์ จากรัฐบาลอินเดีย โดยอ้างว่า บริษัท Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี เป็นเวลาหลายปี

    รัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่า Samsung หลีกเลี่ยงภาษี 10-20% โดยการ จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายที่นำเข้าจาก เกาหลีและเวียดนาม ระหว่างปี 2018-2021 ซึ่งถูกขายให้กับ Reliance Jio

    Samsung โต้แย้งว่า หน่วยงานภาษีอินเดียรับรู้ถึงแนวทางการนำเข้านี้มานานแล้ว และไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดประเภทสินค้าจนกระทั่งปี 2025

    ✅ Samsung ถูกเรียกเก็บภาษี 520 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลอินเดีย
    - ถูกกล่าวหาว่า จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย
    - อุปกรณ์ดังกล่าวถูกขายให้กับ Reliance Jio

    ✅ ข้อโต้แย้งของ Samsung
    - อ้างว่า Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี
    - หน่วยงานภาษีอินเดีย รับรู้ถึงแนวทางนี้มานานแล้ว

    ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ Samsung ในอินเดีย
    - คำสั่งเรียกเก็บภาษีคิดเป็น มากกว่า 50% ของกำไรสุทธิของ Samsung ในอินเดียปีที่แล้ว
    - อาจส่งผลต่อ กลยุทธ์ทางธุรกิจของ Samsung ในตลาดอินเดีย

    ✅ แนวทางการต่อสู้ของ Samsung
    - ยื่นคำร้องต่อ ศาลภาษีในมุมไบ
    - อ้างว่า ไม่ได้รับโอกาสที่เป็นธรรมในการนำเสนอหลักฐาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/samsung-fights-520-million-india-tax-demand-points-to-reliance-practice
    Samsung กำลังต่อสู้กับ คำสั่งเรียกเก็บภาษีมูลค่า 520 ล้านดอลลาร์ จากรัฐบาลอินเดีย โดยอ้างว่า บริษัท Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี เป็นเวลาหลายปี รัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่า Samsung หลีกเลี่ยงภาษี 10-20% โดยการ จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายที่นำเข้าจาก เกาหลีและเวียดนาม ระหว่างปี 2018-2021 ซึ่งถูกขายให้กับ Reliance Jio Samsung โต้แย้งว่า หน่วยงานภาษีอินเดียรับรู้ถึงแนวทางการนำเข้านี้มานานแล้ว และไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดประเภทสินค้าจนกระทั่งปี 2025 ✅ Samsung ถูกเรียกเก็บภาษี 520 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลอินเดีย - ถูกกล่าวหาว่า จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย - อุปกรณ์ดังกล่าวถูกขายให้กับ Reliance Jio ✅ ข้อโต้แย้งของ Samsung - อ้างว่า Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี - หน่วยงานภาษีอินเดีย รับรู้ถึงแนวทางนี้มานานแล้ว ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ Samsung ในอินเดีย - คำสั่งเรียกเก็บภาษีคิดเป็น มากกว่า 50% ของกำไรสุทธิของ Samsung ในอินเดียปีที่แล้ว - อาจส่งผลต่อ กลยุทธ์ทางธุรกิจของ Samsung ในตลาดอินเดีย ✅ แนวทางการต่อสู้ของ Samsung - ยื่นคำร้องต่อ ศาลภาษีในมุมไบ - อ้างว่า ไม่ได้รับโอกาสที่เป็นธรรมในการนำเสนอหลักฐาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/samsung-fights-520-million-india-tax-demand-points-to-reliance-practice
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Samsung fights $520 million India tax demand, points to Reliance practice
    NEW DELHI (Reuters) -Samsung has asked an Indian tribunal to quash a $520 million tax demand for allegedly misclassifying imports of networking gear, arguing officials were aware of the practice as India's Reliance imported the same component in a similar manner for years, documents show.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ กำลังใช้ AI และเทคนิคปลอมตัวขั้นสูง เพื่อสมัครงานระยะไกลในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อ ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและรับเงินเดือนจากบริษัทตะวันตก

    ที่งาน RSA Conference ในซานฟรานซิสโก ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเปิดเผยว่า แฮกเกอร์เหล่านี้ใช้ AI สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่ดูน่าเชื่อถือ และใช้ ทีมงานเบื้องหลังช่วยตอบคำถามในการสัมภาษณ์งาน นอกจากนี้ ยังมีการใช้ deepfake และฟาร์มแล็ปท็อป เพื่อปลอมแปลงตำแหน่งที่ตั้งและตัวตนของผู้สมัคร

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ AI และ deepfake เพื่อสมัครงานระยะไกล
    - สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่ดูน่าเชื่อถือ
    - ใช้ทีมงานเบื้องหลังช่วยตอบคำถามในการสัมภาษณ์

    ✅ เทคนิคการปลอมตัวที่ซับซ้อน
    - ใช้ ฟาร์มแล็ปท็อป ในสหรัฐฯ เพื่อปลอมแปลงตำแหน่งที่ตั้ง
    - ใช้ deepfake เพื่อหลอกทีมสรรหาบุคลากร

    ✅ เป้าหมายของแฮกเกอร์
    - ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาโดยค่อย ๆ ส่งข้อมูลออกไปทีละน้อย
    - รับเงินเดือนจากบริษัทตะวันตกเพื่อสนับสนุนรัฐบาลเกาหลีเหนือ

    ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ
    - ใช้ คำถามนอกบท เช่น "คิมจองอึน อ้วนแค่ไหน?" เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของผู้สมัคร
    - จัดสัมภาษณ์งาน ภายในองค์กร เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติ

    https://www.techradar.com/pro/security/asking-remote-job-candidates-this-shocking-question-could-save-your-company-big-bucks-security-expert-says
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ กำลังใช้ AI และเทคนิคปลอมตัวขั้นสูง เพื่อสมัครงานระยะไกลในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อ ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและรับเงินเดือนจากบริษัทตะวันตก ที่งาน RSA Conference ในซานฟรานซิสโก ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเปิดเผยว่า แฮกเกอร์เหล่านี้ใช้ AI สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่ดูน่าเชื่อถือ และใช้ ทีมงานเบื้องหลังช่วยตอบคำถามในการสัมภาษณ์งาน นอกจากนี้ ยังมีการใช้ deepfake และฟาร์มแล็ปท็อป เพื่อปลอมแปลงตำแหน่งที่ตั้งและตัวตนของผู้สมัคร ✅ แฮกเกอร์ใช้ AI และ deepfake เพื่อสมัครงานระยะไกล - สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่ดูน่าเชื่อถือ - ใช้ทีมงานเบื้องหลังช่วยตอบคำถามในการสัมภาษณ์ ✅ เทคนิคการปลอมตัวที่ซับซ้อน - ใช้ ฟาร์มแล็ปท็อป ในสหรัฐฯ เพื่อปลอมแปลงตำแหน่งที่ตั้ง - ใช้ deepfake เพื่อหลอกทีมสรรหาบุคลากร ✅ เป้าหมายของแฮกเกอร์ - ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาโดยค่อย ๆ ส่งข้อมูลออกไปทีละน้อย - รับเงินเดือนจากบริษัทตะวันตกเพื่อสนับสนุนรัฐบาลเกาหลีเหนือ ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ - ใช้ คำถามนอกบท เช่น "คิมจองอึน อ้วนแค่ไหน?" เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของผู้สมัคร - จัดสัมภาษณ์งาน ภายในองค์กร เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติ https://www.techradar.com/pro/security/asking-remote-job-candidates-this-shocking-question-could-save-your-company-big-bucks-security-expert-says
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging Choawalit Chotwattanaphong หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ Choawalit Chotwattanaphong https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging [1] หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ [1] https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple วางแผนที่จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัว จากโรงงานในสหรัฐฯ ในปี 2025 โดย TSMC ในรัฐแอริโซนา จะผลิตชิปหลายสิบล้านตัวให้กับ Apple แม้ว่าชิประดับสูงสุดของ Apple จะยังคงผลิตในไต้หวัน

    Tim Cook CEO ของ Apple เปิดเผยว่า Apple มีซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ และกำลังลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 ปีข้างหน้าเพื่อขยายการดำเนินงานในหลายรัฐ รวมถึง มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา

    แม้ว่าโรงงาน Fab 21 ของ TSMC ในแอริโซนา จะผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้

    ✅ Apple จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัวจากโรงงานในสหรัฐฯ
    - รวมถึง หลายสิบล้านตัวจาก TSMC ในแอริโซนา
    - Apple มี ซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ

    ✅ การลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ของ Apple
    - ขยายการดำเนินงานใน มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา
    - ตั้งโรงงานใหม่ใน เท็กซัส เพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI

    ✅ บทบาทของ TSMC ในแอริโซนา
    - โรงงาน Fab 21 ผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes
    - Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้

    ✅ การผลิตชิประดับสูงสุดของ Apple
    - ชิปหลัก เช่น SoC, หน่วยความจำ และเซ็นเซอร์กล้อง ยังคงผลิตใน ไต้หวัน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/apple-expects-to-source-over-19-billion-chips-from-u-s-factories-this-year
    Apple วางแผนที่จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัว จากโรงงานในสหรัฐฯ ในปี 2025 โดย TSMC ในรัฐแอริโซนา จะผลิตชิปหลายสิบล้านตัวให้กับ Apple แม้ว่าชิประดับสูงสุดของ Apple จะยังคงผลิตในไต้หวัน Tim Cook CEO ของ Apple เปิดเผยว่า Apple มีซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ และกำลังลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 ปีข้างหน้าเพื่อขยายการดำเนินงานในหลายรัฐ รวมถึง มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา แม้ว่าโรงงาน Fab 21 ของ TSMC ในแอริโซนา จะผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้ ✅ Apple จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัวจากโรงงานในสหรัฐฯ - รวมถึง หลายสิบล้านตัวจาก TSMC ในแอริโซนา - Apple มี ซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ ✅ การลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ของ Apple - ขยายการดำเนินงานใน มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา - ตั้งโรงงานใหม่ใน เท็กซัส เพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ✅ บทบาทของ TSMC ในแอริโซนา - โรงงาน Fab 21 ผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes - Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้ ✅ การผลิตชิประดับสูงสุดของ Apple - ชิปหลัก เช่น SoC, หน่วยความจำ และเซ็นเซอร์กล้อง ยังคงผลิตใน ไต้หวัน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/apple-expects-to-source-over-19-billion-chips-from-u-s-factories-this-year
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครนิวยอร์กกำลังทดลองใช้ AI และกล้องวงจรปิด เพื่อ ตรวจจับอาชญากรรมในระบบรถไฟใต้ดินก่อนที่มันจะเกิดขึ้น โดยหน่วยงานขนส่งนครนิวยอร์ก (MTA) กำลังทำงานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์

    ระบบนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถ ตอบสนองต่อพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การผลักคนลงไปบนรางรถไฟ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม New York Civil Liberties Union ได้ออกมาเตือนว่า AI อาจมีความลำเอียงและอาจนำไปสู่การเฝ้าระวังที่มากเกินไป โดยระบุว่า "ความปลอดภัยที่แท้จริงมาจากการลงทุนในชุมชน ไม่ใช่จากการเฝ้าระวังตลอดเวลา"

    ✅ MTA กำลังพัฒนา AI เพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัย
    - วิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์
    - แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ก่อนเกิดเหตุการณ์

    ✅ เป้าหมายของระบบ AI
    - ลดอาชญากรรมในระบบรถไฟใต้ดิน
    - ป้องกันเหตุการณ์รุนแรง เช่น การผลักคนลงรางรถไฟ

    ✅ ข้อจำกัดของระบบ
    - ไม่ใช้ การจดจำใบหน้า แต่เน้นการตรวจจับพฤติกรรม
    - ยังอยู่ในช่วงทดลองและพัฒนา

    ✅ ตัวอย่างการใช้ AI ในประเทศอื่น
    - สหราชอาณาจักรกำลังพัฒนา อัลกอริธึมทำนายคดีฆาตกรรม
    - เกาหลีใต้กำลังทดลองใช้ Dejaview ซึ่งเป็นระบบ AI ที่วิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิด

    https://www.techspot.com/news/107741-new-york-wants-use-ai-cameras-detect-subway.html
    นครนิวยอร์กกำลังทดลองใช้ AI และกล้องวงจรปิด เพื่อ ตรวจจับอาชญากรรมในระบบรถไฟใต้ดินก่อนที่มันจะเกิดขึ้น โดยหน่วยงานขนส่งนครนิวยอร์ก (MTA) กำลังทำงานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์ ระบบนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถ ตอบสนองต่อพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การผลักคนลงไปบนรางรถไฟ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม New York Civil Liberties Union ได้ออกมาเตือนว่า AI อาจมีความลำเอียงและอาจนำไปสู่การเฝ้าระวังที่มากเกินไป โดยระบุว่า "ความปลอดภัยที่แท้จริงมาจากการลงทุนในชุมชน ไม่ใช่จากการเฝ้าระวังตลอดเวลา" ✅ MTA กำลังพัฒนา AI เพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัย - วิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์ - แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ก่อนเกิดเหตุการณ์ ✅ เป้าหมายของระบบ AI - ลดอาชญากรรมในระบบรถไฟใต้ดิน - ป้องกันเหตุการณ์รุนแรง เช่น การผลักคนลงรางรถไฟ ✅ ข้อจำกัดของระบบ - ไม่ใช้ การจดจำใบหน้า แต่เน้นการตรวจจับพฤติกรรม - ยังอยู่ในช่วงทดลองและพัฒนา ✅ ตัวอย่างการใช้ AI ในประเทศอื่น - สหราชอาณาจักรกำลังพัฒนา อัลกอริธึมทำนายคดีฆาตกรรม - เกาหลีใต้กำลังทดลองใช้ Dejaview ซึ่งเป็นระบบ AI ที่วิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิด https://www.techspot.com/news/107741-new-york-wants-use-ai-cameras-detect-subway.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New York wants to use AI and cameras to detect subway crime before it happens
    MTA Chief Security Officer Michael Kemper said (via The Gothamist) that the agency is working with AI companies to develop the software that can analyze real-time subway...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยดึงดูดนักวิจัยจากต่างประเทศ ล่าสุด Lee Young-hee นักวิจัยชาวเกาหลีใต้ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยวัสดุควอนตัมที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหูเป่ย หลังจากไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมในเกาหลีใต้

    ศูนย์วิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่ วัสดุใหม่, พลังงานใหม่, ออปโตอิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ และชีวการแพทย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาอุตสาหกรรมในมณฑลหูเป่ย

    การแต่งตั้ง Lee Young-hee เป็นหนึ่งในหลายกรณีที่จีน ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านเซมิคอนดักเตอร์ แม้ว่าการวิจัยของเขาอาจไม่ได้ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน แต่มีแนวโน้มจะมีบทบาทสำคัญในทศวรรษหน้า

    ✅ Lee Young-hee ได้รับตำแหน่งหัวหน้าศูนย์วิจัยวัสดุควอนตัม
    - ศูนย์วิจัยตั้งอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหูเป่ย
    - มุ่งเน้นไปที่ วัสดุใหม่, พลังงานใหม่, ออปโตอิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ และชีวการแพทย์

    ✅ เหตุผลที่ Lee Young-hee ย้ายไปจีน
    - ไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมในเกาหลีใต้หลังเกษียณ
    - เคยเสนอแผนวิจัยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของเกาหลีใต้ แต่ไม่ได้รับการตอบรับ

    ✅ แนวโน้มของจีนในการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ
    - มีรายงานว่าจีน ดึงดูดวิศวกรจาก Apple และ TSMC ด้วยข้อเสนอเงินเดือนสูง
    - Huawei เคยเสนอเงินเดือน สามเท่า ให้กับพนักงาน TSMC เพื่อดึงดูดให้ย้ายไปทำงานในจีน

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การวิจัยวัสดุควอนตัมอาจมีบทบาทสำคัญในทศวรรษหน้า
    - อาจช่วยให้จีนลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

    https://wccftech.com/china-appoints-south-korean-semiconductor-research-for-quantum-materials-research/
    จีนกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยดึงดูดนักวิจัยจากต่างประเทศ ล่าสุด Lee Young-hee นักวิจัยชาวเกาหลีใต้ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยวัสดุควอนตัมที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหูเป่ย หลังจากไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมในเกาหลีใต้ ศูนย์วิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่ วัสดุใหม่, พลังงานใหม่, ออปโตอิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ และชีวการแพทย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาอุตสาหกรรมในมณฑลหูเป่ย การแต่งตั้ง Lee Young-hee เป็นหนึ่งในหลายกรณีที่จีน ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านเซมิคอนดักเตอร์ แม้ว่าการวิจัยของเขาอาจไม่ได้ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน แต่มีแนวโน้มจะมีบทบาทสำคัญในทศวรรษหน้า ✅ Lee Young-hee ได้รับตำแหน่งหัวหน้าศูนย์วิจัยวัสดุควอนตัม - ศูนย์วิจัยตั้งอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหูเป่ย - มุ่งเน้นไปที่ วัสดุใหม่, พลังงานใหม่, ออปโตอิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ และชีวการแพทย์ ✅ เหตุผลที่ Lee Young-hee ย้ายไปจีน - ไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมในเกาหลีใต้หลังเกษียณ - เคยเสนอแผนวิจัยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของเกาหลีใต้ แต่ไม่ได้รับการตอบรับ ✅ แนวโน้มของจีนในการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ - มีรายงานว่าจีน ดึงดูดวิศวกรจาก Apple และ TSMC ด้วยข้อเสนอเงินเดือนสูง - Huawei เคยเสนอเงินเดือน สามเท่า ให้กับพนักงาน TSMC เพื่อดึงดูดให้ย้ายไปทำงานในจีน ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การวิจัยวัสดุควอนตัมอาจมีบทบาทสำคัญในทศวรรษหน้า - อาจช่วยให้จีนลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ https://wccftech.com/china-appoints-south-korean-semiconductor-research-for-quantum-materials-research/
    WCCFTECH.COM
    China Has Recruited South Korean Semiconductor Researcher And Appointed Him Head Of Quantum Materials Research After He Was Unable To Find A Suitable Position In His Home Country
    After being unable to find a suitable research position in his home country, a South Korean semiconductor expert has been recruited by China
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google รายงานว่าในปี 2024 มีการใช้ช่องโหว่ zero-day จำนวน 75 รายการ โดยส่วนใหญ่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะจาก จีนและเกาหลีเหนือ

    แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day จะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 แต่แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การใช้ช่องโหว่เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    Google พบว่า 44% ของช่องโหว่ zero-day ในปี 2024 ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2023 โดยเฉพาะช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย

    นอกจากนี้ รัฐบาลเป็นผู้ใช้ช่องโหว่ zero-day มากที่สุด โดย 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือบริษัทที่ให้บริการสอดแนม

    ✅ จำนวนช่องโหว่ zero-day ที่พบ
    - พบ 75 รายการ ลดลงจาก 98 รายการในปี 2023
    - แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการใช้ช่องโหว่ยังคงเพิ่มขึ้น

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - 44% ของช่องโหว่ zero-day ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร
    - ช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย เป็นเป้าหมายหลัก

    ✅ บทบาทของรัฐบาลในการใช้ช่องโหว่
    - 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
    - จีนและเกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด

    ✅ แนวโน้มของช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ
    - ช่องโหว่ใน Windows เพิ่มขึ้นเป็น 22 รายการ จาก 16 รายการในปี 2023
    - ช่องโหว่ใน Safari และ iOS ลดลงจาก 11 และ 9 รายการ เหลือ 3 และ 2 รายการ

    https://www.techradar.com/pro/security/75-zero-day-exploitations-spotted-by-google-governments-increasingly-responsible-for-attacks
    Google รายงานว่าในปี 2024 มีการใช้ช่องโหว่ zero-day จำนวน 75 รายการ โดยส่วนใหญ่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะจาก จีนและเกาหลีเหนือ แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day จะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 แต่แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การใช้ช่องโหว่เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Google พบว่า 44% ของช่องโหว่ zero-day ในปี 2024 ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2023 โดยเฉพาะช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย นอกจากนี้ รัฐบาลเป็นผู้ใช้ช่องโหว่ zero-day มากที่สุด โดย 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือบริษัทที่ให้บริการสอดแนม ✅ จำนวนช่องโหว่ zero-day ที่พบ - พบ 75 รายการ ลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 - แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการใช้ช่องโหว่ยังคงเพิ่มขึ้น ✅ เป้าหมายของการโจมตี - 44% ของช่องโหว่ zero-day ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร - ช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย เป็นเป้าหมายหลัก ✅ บทบาทของรัฐบาลในการใช้ช่องโหว่ - 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล - จีนและเกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด ✅ แนวโน้มของช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ - ช่องโหว่ใน Windows เพิ่มขึ้นเป็น 22 รายการ จาก 16 รายการในปี 2023 - ช่องโหว่ใน Safari และ iOS ลดลงจาก 11 และ 9 รายการ เหลือ 3 และ 2 รายการ https://www.techradar.com/pro/security/75-zero-day-exploitations-spotted-by-google-governments-increasingly-responsible-for-attacks
    WWW.TECHRADAR.COM
    75 zero-day exploitations spotted by Google, governments increasingly responsible for attacks
    Of all the zero-days abused in 2024, the majority were used in state-sponsored attacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจีนมีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2010 เป็น 38% ในปี 2024 ขณะที่ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาดลดลง

    ไต้หวันเริ่มสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใน สหรัฐฯ และยุโรป ส่วนญี่ปุ่นมีโครงการโรงงานใหม่เพียงไม่กี่แห่ง แม้ว่า TSMC จะมีแผนสร้างโรงงานใน คุมาโมโตะ

    แม้ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนจะชะลอตัวลงระหว่างปี 2019-2023 เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อ Huawei แต่จีนยังคงเติบโตที่ 9-10% ต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตต่อไป

    จีนกำลังพัฒนา ระบบลิโทกราฟี EUV ภายในประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี laser-induced discharge plasma ซึ่งจะเริ่มทดลองผลิตในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 และมีแผนผลิตจำนวนมากในปี 2026

    ✅ ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น
    - จีนมีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2010 เป็น 38% ในปี 2024
    - ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาดลดลง

    ✅ การขยายตัวของโรงงานผลิต
    - ไต้หวันเริ่มสร้างโรงงานใน สหรัฐฯ และยุโรป
    - ญี่ปุ่นมีโครงการโรงงานใหม่เพียงไม่กี่แห่ง แม้ว่า TSMC จะมีแผนสร้างโรงงานใน คุมาโมโตะ

    ✅ ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
    - การเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนชะลอตัวลงระหว่างปี 2019-2023
    - Huawei ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่จีนยังคงเติบโตที่ 9-10% ต่อปี

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ
    - จีนกำลังพัฒนา ระบบลิโทกราฟี EUV โดยใช้ laser-induced discharge plasma
    - เริ่มทดลองผลิตในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 และมีแผนผลิตจำนวนมากในปี 2026

    https://www.techpowerup.com/336222/chinas-semiconductor-equipment-market-share-rises-as-taiwan-korea-and-japan-decline
    อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจีนมีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2010 เป็น 38% ในปี 2024 ขณะที่ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาดลดลง ไต้หวันเริ่มสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใน สหรัฐฯ และยุโรป ส่วนญี่ปุ่นมีโครงการโรงงานใหม่เพียงไม่กี่แห่ง แม้ว่า TSMC จะมีแผนสร้างโรงงานใน คุมาโมโตะ แม้ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนจะชะลอตัวลงระหว่างปี 2019-2023 เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อ Huawei แต่จีนยังคงเติบโตที่ 9-10% ต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตต่อไป จีนกำลังพัฒนา ระบบลิโทกราฟี EUV ภายในประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี laser-induced discharge plasma ซึ่งจะเริ่มทดลองผลิตในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 และมีแผนผลิตจำนวนมากในปี 2026 ✅ ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น - จีนมีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2010 เป็น 38% ในปี 2024 - ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาดลดลง ✅ การขยายตัวของโรงงานผลิต - ไต้หวันเริ่มสร้างโรงงานใน สหรัฐฯ และยุโรป - ญี่ปุ่นมีโครงการโรงงานใหม่เพียงไม่กี่แห่ง แม้ว่า TSMC จะมีแผนสร้างโรงงานใน คุมาโมโตะ ✅ ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ - การเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนชะลอตัวลงระหว่างปี 2019-2023 - Huawei ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่จีนยังคงเติบโตที่ 9-10% ต่อปี ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ - จีนกำลังพัฒนา ระบบลิโทกราฟี EUV โดยใช้ laser-induced discharge plasma - เริ่มทดลองผลิตในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 และมีแผนผลิตจำนวนมากในปี 2026 https://www.techpowerup.com/336222/chinas-semiconductor-equipment-market-share-rises-as-taiwan-korea-and-japan-decline
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    China's Semiconductor Equipment Market Share Rises as Taiwan, Korea and Japan Decline
    The global semiconductor industry is experiencing notable shifts, largely influenced by the rapid expansion of the Mainland China market. From 2010 to 2024, China's share of global semiconductor equipment sales rose significantly, from just 6% in 2010 to 38% in 2024. On the other side McKinsey repor...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงกรานต์ปี 68 ต่างชาติเที่ยวไทยลดลง

    สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI เปิดเผยสถิติการเดินทางเข้าออกประเทศ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 เทียบกับปี 2567 โดยใช้ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ระหว่างวันที่ 1-20 เม.ย. พบว่าชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยลดลงกว่าปีก่อน ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงกว่า 43% อีกด้านหนึ่ง คนไทยเดินทางออกนอกประเทศมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

    โดยชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย มีจำนวนประมาณ 2.1 ล้านคน ลดลง 4.5% จากปี 2567 สัญชาติที่เข้าประเทศไทยมากที่สุด คือ มาเลเซีย ประมาณ 306,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.53% อันดับสอง จีน ประมาณ 225,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 43.06% อันดับสาม ลาว ประมาณ 189,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 7.02% อันดับสี่ อินเดีย ประมาณ 141,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 23.43% และอันดับห้า รัสเซีย ประมาณ 118,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 15.43%

    ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากที่สุด อันดับ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 897,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 3.18% อันดับสอง ท่าอากาศยานภูเก็ต ประมาณ 299,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.73% อันดับสาม ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ประมาณ 224,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 18.63% อันดับสี่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา ประมาณ 122,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.43% และอันดับห้า จุดตรวจสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 จ.หนองคาย ประมาณ 74,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 11.27% ส่วนเที่ยวบินขาเข้าจากต่างประเทศ มีประมาณ 12,000 เที่ยวบิน ลดลงจากปีที่แล้ว 5.24%

    ส่วนคนไทยที่เดินทางออกนอกประเทศ มีประมาณ 702,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.92% โดยพบว่าผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมากที่สุด ประมาณ 196,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 0.67% จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ประมาณ 97,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 20.02% ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ประมาณ 82,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 58.62% ด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ประมาณ 57,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 64.15% และ จุดตรวจสะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประมาณ 54,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 19.37%

    ก่อนหน้านี้ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 20 เม.ย. 2568 พบว่ามีจำนวน 11,272,379 คน จำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 1,524,697 คน มาเลเซีย 1,401,169 คน รัสเซีย 835,385 คน อินเดีย 677,793 คน และเกาหลีใต้ 549,982 คน

    #Newskit
    สงกรานต์ปี 68 ต่างชาติเที่ยวไทยลดลง สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI เปิดเผยสถิติการเดินทางเข้าออกประเทศ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 เทียบกับปี 2567 โดยใช้ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ระหว่างวันที่ 1-20 เม.ย. พบว่าชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยลดลงกว่าปีก่อน ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงกว่า 43% อีกด้านหนึ่ง คนไทยเดินทางออกนอกประเทศมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย มีจำนวนประมาณ 2.1 ล้านคน ลดลง 4.5% จากปี 2567 สัญชาติที่เข้าประเทศไทยมากที่สุด คือ มาเลเซีย ประมาณ 306,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.53% อันดับสอง จีน ประมาณ 225,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 43.06% อันดับสาม ลาว ประมาณ 189,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 7.02% อันดับสี่ อินเดีย ประมาณ 141,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 23.43% และอันดับห้า รัสเซีย ประมาณ 118,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 15.43% ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากที่สุด อันดับ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 897,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 3.18% อันดับสอง ท่าอากาศยานภูเก็ต ประมาณ 299,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.73% อันดับสาม ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ประมาณ 224,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 18.63% อันดับสี่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา ประมาณ 122,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.43% และอันดับห้า จุดตรวจสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 จ.หนองคาย ประมาณ 74,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 11.27% ส่วนเที่ยวบินขาเข้าจากต่างประเทศ มีประมาณ 12,000 เที่ยวบิน ลดลงจากปีที่แล้ว 5.24% ส่วนคนไทยที่เดินทางออกนอกประเทศ มีประมาณ 702,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.92% โดยพบว่าผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมากที่สุด ประมาณ 196,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 0.67% จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ประมาณ 97,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 20.02% ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ประมาณ 82,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 58.62% ด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ประมาณ 57,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 64.15% และ จุดตรวจสะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประมาณ 54,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 19.37% ก่อนหน้านี้ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 20 เม.ย. 2568 พบว่ามีจำนวน 11,272,379 คน จำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 1,524,697 คน มาเลเซีย 1,401,169 คน รัสเซีย 835,385 คน อินเดีย 677,793 คน และเกาหลีใต้ 549,982 คน #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิปวิดีโอเริ่มถูกทะยอยปล่อยออกมาจากฝ่ายรัสเซีย ซึ่งเป็นช่วงที่ทหารรัสเซียจากกองพลนาวิกโยธินที่ 810 ต่อสู้ร่วมกับทหารเกาหลีเหนือที่ไหนสักแห่งในแนวหน้าภูมิภาคเคิร์สต์
    คลิปวิดีโอเริ่มถูกทะยอยปล่อยออกมาจากฝ่ายรัสเซีย ซึ่งเป็นช่วงที่ทหารรัสเซียจากกองพลนาวิกโยธินที่ 810 ต่อสู้ร่วมกับทหารเกาหลีเหนือที่ไหนสักแห่งในแนวหน้าภูมิภาคเคิร์สต์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 26 0 รีวิว
Pages Boosts