• มัลแวร์บนเรือเฟอร์รี: ภัยคุกคามใหม่

    รายงานจากฝรั่งเศสระบุว่าเรือเฟอร์รี Fantastic ของบริษัท Grandi Navi Veloci ถูกพบว่ามีการติดตั้ง Remote Access Trojan (RAT) ขณะจอดที่ท่าเรือเมือง Sète ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มัลแวร์นี้สามารถเปิดทางให้บุคคลภายนอกเข้าควบคุมระบบภายในเรือได้ ซึ่งรวมถึงระบบที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือและการจัดการ

    การสอบสวนและข้อกล่าวหา
    เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสจับกุมลูกเรือชาวลัตเวียที่เพิ่งเข้ามาประจำการ โดยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการติดตั้งมัลแวร์ ขณะที่ลูกเรือชาวบัลแกเรียอีกคนถูกปล่อยตัวไป เหตุการณ์นี้ถูกจัดว่าเป็นการพยายามโจมตีระบบประมวลผลข้อมูลโดยกลุ่มที่อาจมีความเชื่อมโยงกับ “มหาอำนาจต่างชาติ” แม้รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสจะไม่ระบุชื่อประเทศ แต่ยอมรับว่าลักษณะการแทรกแซงเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในยุโรป

    ความเปราะบางของระบบเดินเรือ
    เรือสมัยใหม่ใช้ทั้ง PC มาตรฐาน, industrial controllers และ embedded systems ในการจัดการตั้งแต่เส้นทางเดินเรือจนถึงการบริหารลูกเรือ แม้ระบบที่สำคัญด้านความปลอดภัยควรถูกแยกออกจากเครือข่ายทั่วไป แต่ในทางปฏิบัติหลายครั้งกลับใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน ทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบ lateral movement หากมัลแวร์เข้าถึงระบบที่ไม่ถูกแยกอย่างเหมาะสม

    ผลกระทบและคำเตือน
    เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อความปลอดภัยของการเดินเรือ แต่ยังสะท้อนถึงความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของระบบขนส่งสมัยใหม่ ที่ IT และ OT (Operational Technology) ยังมีเส้นแบ่งที่ไม่ชัดเจน หากไม่มีมาตรการแยกเครือข่ายและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด อาจเปิดทางให้การโจมตีจากรัฐหรือองค์กรอาชญากรรมเกิดขึ้นได้

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    พบมัลแวร์ RAT บนเรือเฟอร์รี Fantastic
    ลูกเรือชาวลัตเวียถูกจับกุมในฝรั่งเศส

    การสอบสวนและข้อกล่าวหา
    ถูกสงสัยว่าเป็นการโจมตีเพื่อผลประโยชน์ของ “มหาอำนาจต่างชาติ”
    รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสยืนยันว่าเป็นรูปแบบการแทรกแซงที่เกิดบ่อยในยุโรป

    ความเปราะบางของระบบเดินเรือ
    ใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันระหว่าง IT และระบบควบคุมเดินเรือ
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ lateral movement

    คำเตือนและผลกระทบ
    หากไม่แยกเครือข่าย IT และ OT อย่างเข้มงวด อาจถูกโจมตีจากภายนอก
    การโจมตีลักษณะนี้อาจกระทบต่อความปลอดภัยของการเดินเรือและการขนส่งโดยรวม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/french-ferry-malware-arrest-exposes-fragile-boundaries-between-ship-it-and-navigation-systems
    🚢 มัลแวร์บนเรือเฟอร์รี: ภัยคุกคามใหม่ รายงานจากฝรั่งเศสระบุว่าเรือเฟอร์รี Fantastic ของบริษัท Grandi Navi Veloci ถูกพบว่ามีการติดตั้ง Remote Access Trojan (RAT) ขณะจอดที่ท่าเรือเมือง Sète ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มัลแวร์นี้สามารถเปิดทางให้บุคคลภายนอกเข้าควบคุมระบบภายในเรือได้ ซึ่งรวมถึงระบบที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือและการจัดการ 🕵️ การสอบสวนและข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสจับกุมลูกเรือชาวลัตเวียที่เพิ่งเข้ามาประจำการ โดยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการติดตั้งมัลแวร์ ขณะที่ลูกเรือชาวบัลแกเรียอีกคนถูกปล่อยตัวไป เหตุการณ์นี้ถูกจัดว่าเป็นการพยายามโจมตีระบบประมวลผลข้อมูลโดยกลุ่มที่อาจมีความเชื่อมโยงกับ “มหาอำนาจต่างชาติ” แม้รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสจะไม่ระบุชื่อประเทศ แต่ยอมรับว่าลักษณะการแทรกแซงเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในยุโรป ⚡ ความเปราะบางของระบบเดินเรือ เรือสมัยใหม่ใช้ทั้ง PC มาตรฐาน, industrial controllers และ embedded systems ในการจัดการตั้งแต่เส้นทางเดินเรือจนถึงการบริหารลูกเรือ แม้ระบบที่สำคัญด้านความปลอดภัยควรถูกแยกออกจากเครือข่ายทั่วไป แต่ในทางปฏิบัติหลายครั้งกลับใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน ทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบ lateral movement หากมัลแวร์เข้าถึงระบบที่ไม่ถูกแยกอย่างเหมาะสม ⚠️ ผลกระทบและคำเตือน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อความปลอดภัยของการเดินเรือ แต่ยังสะท้อนถึงความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของระบบขนส่งสมัยใหม่ ที่ IT และ OT (Operational Technology) ยังมีเส้นแบ่งที่ไม่ชัดเจน หากไม่มีมาตรการแยกเครือข่ายและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด อาจเปิดทางให้การโจมตีจากรัฐหรือองค์กรอาชญากรรมเกิดขึ้นได้ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ➡️ พบมัลแวร์ RAT บนเรือเฟอร์รี Fantastic ➡️ ลูกเรือชาวลัตเวียถูกจับกุมในฝรั่งเศส ✅ การสอบสวนและข้อกล่าวหา ➡️ ถูกสงสัยว่าเป็นการโจมตีเพื่อผลประโยชน์ของ “มหาอำนาจต่างชาติ” ➡️ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสยืนยันว่าเป็นรูปแบบการแทรกแซงที่เกิดบ่อยในยุโรป ✅ ความเปราะบางของระบบเดินเรือ ➡️ ใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันระหว่าง IT และระบบควบคุมเดินเรือ ➡️ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ lateral movement ‼️ คำเตือนและผลกระทบ ⛔ หากไม่แยกเครือข่าย IT และ OT อย่างเข้มงวด อาจถูกโจมตีจากภายนอก ⛔ การโจมตีลักษณะนี้อาจกระทบต่อความปลอดภัยของการเดินเรือและการขนส่งโดยรวม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/french-ferry-malware-arrest-exposes-fragile-boundaries-between-ship-it-and-navigation-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • Firefox เตรียมเพิ่ม “AI Kill Switch” ปิดการทำงาน AI ได้ทั้งหมด

    Mozilla ประกาศว่า Firefox เวอร์ชันใหม่จะมาพร้อม AI Kill Switch ซึ่งเป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถปิดการทำงานของฟีเจอร์ AI ได้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการตอบสนองต่อความกังวลของผู้ใช้ที่ไม่ต้องการให้เบราว์เซอร์มีการประมวลผลหรือแนะนำด้วย AI โดยค่าเริ่มต้น ฟีเจอร์ AI ทั้งหมดจะเป็นแบบ opt-in คือผู้ใช้ต้องเลือกเปิดเอง ไม่ได้เปิดอัตโนมัติ

    แนวทางการออกแบบและการควบคุม
    Mozilla ยืนยันว่าการเพิ่ม AI Kill Switch เป็นการสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ โดยทุกฟีเจอร์ AI ที่มีใน Firefox จะสามารถปิดได้จากการตั้งค่า ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเขียนข้อความ, การสรุปเนื้อหา, หรือการแนะนำการใช้งาน ผู้ใช้จึงมีอำนาจควบคุมเต็มที่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ AI ในเบราว์เซอร์ของตนเอง

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาดเบราว์เซอร์
    การตัดสินใจของ Mozilla อาจสร้างแรงกดดันให้เบราว์เซอร์รายอื่น เช่น Chrome หรือ Edge ต้องพิจารณาเพิ่มตัวเลือกที่คล้ายกัน เพราะผู้ใช้จำนวนมากเริ่มกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล การมี Kill Switch จึงเป็นจุดขายที่สะท้อนถึงแนวทาง “ผู้ใช้มาก่อน” ของ Firefox และอาจช่วยดึงดูดผู้ใช้ที่ไม่ต้องการ AI เข้ามาในทุกมิติของการใช้งานเว็บ

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การเพิ่ม AI Kill Switch ไม่ได้หมายถึง Mozilla ปฏิเสธ AI แต่เป็นการสร้างสมดุลระหว่าง นวัตกรรมและการควบคุม ผู้ใช้ที่สนใจ AI ยังสามารถเปิดใช้งานได้ แต่ผู้ที่กังวลก็มีทางเลือกในการปิดทั้งหมดทันที กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงการรักษาอัตลักษณ์ของ Firefox ในฐานะเบราว์เซอร์ที่เน้น ความเป็นอิสระและความโปร่งใส

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    Firefox เพิ่ม AI Kill Switch
    ผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์ AI ได้ทั้งหมดจากการตั้งค่า

    ฟีเจอร์ AI เป็นแบบ opt-in
    ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดเอง ไม่ได้เปิดอัตโนมัติ

    ผลกระทบเชิงตลาด
    อาจกดดันเบราว์เซอร์อื่นให้เพิ่มตัวเลือกคล้ายกัน

    กลยุทธ์ Mozilla
    สร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการควบคุมผู้ใช้

    คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป
    หากปิด AI อาจไม่ได้รับฟีเจอร์ช่วยเหลือ เช่น การสรุปเนื้อหา หรือการแนะนำอัจฉริยะ

    ความเสี่ยงเชิงการแข่งขัน
    หากผู้ใช้จำนวนมากเลือกปิด AI อาจทำให้การพัฒนา AI ใน Firefox ถูกจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

    https://9to5linux.com/firefox-will-ship-with-an-ai-kill-switch-to-completely-disable-all-ai-features
    🦊 Firefox เตรียมเพิ่ม “AI Kill Switch” ปิดการทำงาน AI ได้ทั้งหมด Mozilla ประกาศว่า Firefox เวอร์ชันใหม่จะมาพร้อม AI Kill Switch ซึ่งเป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถปิดการทำงานของฟีเจอร์ AI ได้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการตอบสนองต่อความกังวลของผู้ใช้ที่ไม่ต้องการให้เบราว์เซอร์มีการประมวลผลหรือแนะนำด้วย AI โดยค่าเริ่มต้น ฟีเจอร์ AI ทั้งหมดจะเป็นแบบ opt-in คือผู้ใช้ต้องเลือกเปิดเอง ไม่ได้เปิดอัตโนมัติ 🔧 แนวทางการออกแบบและการควบคุม Mozilla ยืนยันว่าการเพิ่ม AI Kill Switch เป็นการสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ โดยทุกฟีเจอร์ AI ที่มีใน Firefox จะสามารถปิดได้จากการตั้งค่า ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเขียนข้อความ, การสรุปเนื้อหา, หรือการแนะนำการใช้งาน ผู้ใช้จึงมีอำนาจควบคุมเต็มที่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ AI ในเบราว์เซอร์ของตนเอง 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาดเบราว์เซอร์ การตัดสินใจของ Mozilla อาจสร้างแรงกดดันให้เบราว์เซอร์รายอื่น เช่น Chrome หรือ Edge ต้องพิจารณาเพิ่มตัวเลือกที่คล้ายกัน เพราะผู้ใช้จำนวนมากเริ่มกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล การมี Kill Switch จึงเป็นจุดขายที่สะท้อนถึงแนวทาง “ผู้ใช้มาก่อน” ของ Firefox และอาจช่วยดึงดูดผู้ใช้ที่ไม่ต้องการ AI เข้ามาในทุกมิติของการใช้งานเว็บ 📈 มุมมองเชิงกลยุทธ์ การเพิ่ม AI Kill Switch ไม่ได้หมายถึง Mozilla ปฏิเสธ AI แต่เป็นการสร้างสมดุลระหว่าง นวัตกรรมและการควบคุม ผู้ใช้ที่สนใจ AI ยังสามารถเปิดใช้งานได้ แต่ผู้ที่กังวลก็มีทางเลือกในการปิดทั้งหมดทันที กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงการรักษาอัตลักษณ์ของ Firefox ในฐานะเบราว์เซอร์ที่เน้น ความเป็นอิสระและความโปร่งใส 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Firefox เพิ่ม AI Kill Switch ➡️ ผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์ AI ได้ทั้งหมดจากการตั้งค่า ✅ ฟีเจอร์ AI เป็นแบบ opt-in ➡️ ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดเอง ไม่ได้เปิดอัตโนมัติ ✅ ผลกระทบเชิงตลาด ➡️ อาจกดดันเบราว์เซอร์อื่นให้เพิ่มตัวเลือกคล้ายกัน ✅ กลยุทธ์ Mozilla ➡️ สร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการควบคุมผู้ใช้ ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป ⛔ หากปิด AI อาจไม่ได้รับฟีเจอร์ช่วยเหลือ เช่น การสรุปเนื้อหา หรือการแนะนำอัจฉริยะ ‼️ ความเสี่ยงเชิงการแข่งขัน ⛔ หากผู้ใช้จำนวนมากเลือกปิด AI อาจทำให้การพัฒนา AI ใน Firefox ถูกจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง https://9to5linux.com/firefox-will-ship-with-an-ai-kill-switch-to-completely-disable-all-ai-features
    9TO5LINUX.COM
    Firefox Will Ship with an "AI Kill Switch" to Completely Disable all AI Features - 9to5Linux
    Mozilla is working on an AI kill switch for the Firefox open-source web browser to let users completely disable all AI features.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน)
    ตอนสุดท้าย 1
    ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร
    ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ
    ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน
    ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น
    ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า
    และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง
    คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร
    จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน
    เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน
    เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง)
    สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ
    มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้
    รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี
    กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป
    ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah
    การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย
    คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน) ตอนสุดท้าย 1 ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง) สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้ รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • Newsstory : สนธิเตือนไทย อย่าให้สงครามไทย-เขมร เป็นเวทีของมหาอำนาจ

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #มหาอำนาจโลก #จีน #อเมริกา #ทรัมป์
    Newsstory : สนธิเตือนไทย อย่าให้สงครามไทย-เขมร เป็นเวทีของมหาอำนาจ #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #มหาอำนาจโลก #จีน #อเมริกา #ทรัมป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อทวดหลังพระนอน รุ่นเลขใต้ฐาน เบตง ปี2555
    เหรียญหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ หลังพระนอน เนื้อทองแดงรมดำ รุ่นเลขใต้ฐาน เบตง ปี2555 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทวดหลังพระนอน รุ่นเลขใต้ฐาน เบตง ปี2555 เหรียญหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ หลังพระนอน เนื้อทองแดงรมดำ รุ่นเลขใต้ฐาน เบตง ปี2555 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.47

    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถือเป็นองค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศที่โดดเด่นและมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในเชิงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงมวลมนุษยชาติภายใต้อาณัติของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญสูงสุดของประชาคมโลก ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้องค์กรนี้มีความพิเศษกว่าองค์กรอื่นในระบบสหประชาชาติคืออำนาจในการออกข้อมติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อรัฐสมาชิกทั้งหมดตามมาตรายี่สิบห้าแห่งกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุให้รัฐสมาชิกตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคง อันเป็นการโอนอ่อนอำนาจอธิปไตยบางส่วนในเชิงความมั่นคงมาไว้ที่การตัดสินใจร่วมกันในระดับพหุภาคีเพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นสงครามวงกว้าง โดยโครงสร้างทางกฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจของรัฐมหาอำนาจที่มีสถานะเป็นสมาชิกถาวรห้าประเทศกับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งอีกสิบประเทศ แม้ว่าในเชิงนิติศาสตร์มักมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมจากสิทธิยับยั้งหรือวีโต้ที่สมาชิกถาวรครอบครองอยู่แต่ในอีกมุมหนึ่งโครงสร้างนี้คือกลไกเชิงประจักษ์ที่รักษาเสถียรภาพระหว่างมหาอำนาจเพื่อไม่ให้ระบบกฎหมายโลกพังทลายลงเหมือนเช่นในอดีต

    กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของคณะมนตรีความมั่นคงนั้นดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนที่ระบุไว้ในหมวดที่หกและหมวดที่เจ็ดของกฎบัตรสหประชาชาติโดยเริ่มต้นจากการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีผ่านการสืบสวนและการประนีประนอมแต่หากสถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นการคุกคามต่อสันติภาพหรือการกระทำอันเป็นการรุกรานคณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจตามหมวดที่เจ็ดในการใช้มาตรการบังคับซึ่งรวมถึงมาตรการที่มิใช่การใช้กำลังทางทหารเช่นการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการจำกัดการคมนาคมขนส่งไปจนถึงมาตรการขั้นสูงสุดคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารเพื่อรักษาสันติภาพกลับคืนมาการตัดสินใจเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการตีความกฎหมายและการประเมินข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของรัฐอธิปไตยอย่างรุนแรงอำนาจหน้าที่เชิงนิติบัญญัติและนิติบริหารของคณะมนตรีความมั่นคงจึงถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมายระหว่างประเทศสมัยใหม่ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดนิยามของการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับร้ายแรงที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงสากล

    บทสรุปของบทบาทคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในมิติทางกฎหมายจึงมิได้เป็นเพียงแค่เวทีสำหรับการเจรจาต่อรองทางการเมืองเท่านั้นแต่คือเสาหลักของการบังคับใช้ระเบียบโลกที่อาศัยหลักนิติธรรมเป็นเครื่องนำทางท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันแม้ว่าความท้าทายใหม่ๆเช่นอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งในรูปแบบพันทางจะขยายขอบเขตออกไปเกินกว่าที่ผู้ร่างกฎบัตรเมื่อแปดสิบปีก่อนจะคาดคิดแต่คณะมนตรีความมั่นคงยังคงต้องปรับตัวและตีความกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดรับกับพลวัตของโลกเพื่อให้มั่นใจว่าเจตนารมณ์สูงสุดในการพิทักษ์สันติภาพจะยังคงศักดิ์สิทธิ์และมีผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนสืบไปความสำเร็จขององค์กรนี้จึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของรัฐสมาชิกในการปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายและการเคารพในมติที่ออกมาเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของมวลมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐใดรัฐหนึ่งเพียงลำพังอันจะเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในเวทีโลกอย่างแท้จริง
    บทความกฎหมาย EP.47 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถือเป็นองค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศที่โดดเด่นและมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในเชิงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงมวลมนุษยชาติภายใต้อาณัติของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญสูงสุดของประชาคมโลก ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้องค์กรนี้มีความพิเศษกว่าองค์กรอื่นในระบบสหประชาชาติคืออำนาจในการออกข้อมติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อรัฐสมาชิกทั้งหมดตามมาตรายี่สิบห้าแห่งกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุให้รัฐสมาชิกตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคง อันเป็นการโอนอ่อนอำนาจอธิปไตยบางส่วนในเชิงความมั่นคงมาไว้ที่การตัดสินใจร่วมกันในระดับพหุภาคีเพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นสงครามวงกว้าง โดยโครงสร้างทางกฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจของรัฐมหาอำนาจที่มีสถานะเป็นสมาชิกถาวรห้าประเทศกับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งอีกสิบประเทศ แม้ว่าในเชิงนิติศาสตร์มักมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมจากสิทธิยับยั้งหรือวีโต้ที่สมาชิกถาวรครอบครองอยู่แต่ในอีกมุมหนึ่งโครงสร้างนี้คือกลไกเชิงประจักษ์ที่รักษาเสถียรภาพระหว่างมหาอำนาจเพื่อไม่ให้ระบบกฎหมายโลกพังทลายลงเหมือนเช่นในอดีต กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของคณะมนตรีความมั่นคงนั้นดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนที่ระบุไว้ในหมวดที่หกและหมวดที่เจ็ดของกฎบัตรสหประชาชาติโดยเริ่มต้นจากการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีผ่านการสืบสวนและการประนีประนอมแต่หากสถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นการคุกคามต่อสันติภาพหรือการกระทำอันเป็นการรุกรานคณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจตามหมวดที่เจ็ดในการใช้มาตรการบังคับซึ่งรวมถึงมาตรการที่มิใช่การใช้กำลังทางทหารเช่นการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการจำกัดการคมนาคมขนส่งไปจนถึงมาตรการขั้นสูงสุดคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารเพื่อรักษาสันติภาพกลับคืนมาการตัดสินใจเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการตีความกฎหมายและการประเมินข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของรัฐอธิปไตยอย่างรุนแรงอำนาจหน้าที่เชิงนิติบัญญัติและนิติบริหารของคณะมนตรีความมั่นคงจึงถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมายระหว่างประเทศสมัยใหม่ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดนิยามของการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับร้ายแรงที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงสากล บทสรุปของบทบาทคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในมิติทางกฎหมายจึงมิได้เป็นเพียงแค่เวทีสำหรับการเจรจาต่อรองทางการเมืองเท่านั้นแต่คือเสาหลักของการบังคับใช้ระเบียบโลกที่อาศัยหลักนิติธรรมเป็นเครื่องนำทางท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันแม้ว่าความท้าทายใหม่ๆเช่นอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งในรูปแบบพันทางจะขยายขอบเขตออกไปเกินกว่าที่ผู้ร่างกฎบัตรเมื่อแปดสิบปีก่อนจะคาดคิดแต่คณะมนตรีความมั่นคงยังคงต้องปรับตัวและตีความกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดรับกับพลวัตของโลกเพื่อให้มั่นใจว่าเจตนารมณ์สูงสุดในการพิทักษ์สันติภาพจะยังคงศักดิ์สิทธิ์และมีผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนสืบไปความสำเร็จขององค์กรนี้จึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของรัฐสมาชิกในการปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายและการเคารพในมติที่ออกมาเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของมวลมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐใดรัฐหนึ่งเพียงลำพังอันจะเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในเวทีโลกอย่างแท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ยังคงมีการสู้รบอย่างหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์สำคัญ “เนิน 350” บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ช่วงชิงอำนาจการควบคุม
    .
    โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงระดมยิงอาวุธหนัก รวมถึงจรวด BM-21 ใส่พื้นที่พลเรือนและพื้นที่เกษตร ส่งผลให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องดำเนินการป้องกันตัว
    .
    รายงานยืนยันว่า ทหารไทยเสียชีวิตจากการปะทะแล้ว 20 นาย และเสียชีวิตจากภารกิจอีก 1 นาย รวม 21 นาย ขณะที่ในพื้นที่เนิน 350 ยังมีทหารอีก 2 นายที่ยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้ เนื่องจากสถานการณ์การรบยังรุนแรง
    .
    กองทัพบกระบุว่า ฝ่ายไทยยังคงควบคุมพื้นที่ได้หลายจุด และจะดำเนินการตอบโต้เพื่อยับยั้งการรุกล้ำอธิปไตย พร้อมยืนยันภารกิจปกป้องประชาชนและความมั่นคงของประเทศ
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121759
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปราสาทตาควาย #เนิน350 #กองทัพไทย #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    กองทัพแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ยังคงมีการสู้รบอย่างหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์สำคัญ “เนิน 350” บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ช่วงชิงอำนาจการควบคุม . โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงระดมยิงอาวุธหนัก รวมถึงจรวด BM-21 ใส่พื้นที่พลเรือนและพื้นที่เกษตร ส่งผลให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องดำเนินการป้องกันตัว . รายงานยืนยันว่า ทหารไทยเสียชีวิตจากการปะทะแล้ว 20 นาย และเสียชีวิตจากภารกิจอีก 1 นาย รวม 21 นาย ขณะที่ในพื้นที่เนิน 350 ยังมีทหารอีก 2 นายที่ยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้ เนื่องจากสถานการณ์การรบยังรุนแรง . กองทัพบกระบุว่า ฝ่ายไทยยังคงควบคุมพื้นที่ได้หลายจุด และจะดำเนินการตอบโต้เพื่อยับยั้งการรุกล้ำอธิปไตย พร้อมยืนยันภารกิจปกป้องประชาชนและความมั่นคงของประเทศ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121759 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปราสาทตาควาย #เนิน350 #กองทัพไทย #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไหวเหรอยศชนัน ลูกสมชายเจ๊แดง

    การเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในช่วงการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากกระแสสังคมจะเงียบเชียบแล้ว แคนดิเดต 3 คนที่เสนอมา สองคนแรกไม่มีอะไรใหม่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีผลงานโดดเด่น แม้สมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่กระทรวงเกรดเอ ในตำแหน่ง รมช.คลัง หนำซ้ำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทก็ล้มเหลว ส่วนนายสุุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คนที่ติดตามการเมืองมานานจะร้องยี้ เพราะเวียนวนเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่คุมกระทรวงคมนาคม หนำซ้ำยังถูกเคลือบแคลงสงสัยกรณี CTX9000

    จะมีหน้าใหม่อยู่คนเดียว คือ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ เชน แม้จะมีโปร์ไฟล์เป็นถึงอดีตรองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีผลงานวิจัยมากมาย แต่สังคมไม่ได้สนใจเท่ากับเป็นลูกชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงถูกจับตามองทันทีว่าสืบทอดอำนาจทางการเมืองในตระกูลชินวัตรหรือไม่ หลังครอบครัวและเครือญาติตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีโทษจำคุกคดีโครงการรับจำนำข้าว และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงนายฮุน เซน แห่งกัมพูชา

    พรรคเพื่อไทยพยายามยกเครื่องพรรคเพื่อสลัดภาพความเป็นพรรครากหญ้า พรรคประชานิยมแจกแหลก ด้วยวาทกรรม "ยกเครื่องประเทศไทย" ออกแบบด้วยวิทยาศาสตร์และเหตุผล ไปสู้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพรรคประชาชน แต่ก็ยังมีนโยบายประชานิยมติดมาด้วย ทั้งรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ถูกตั้งคำถามว่าจะยั่งยืนหรือไม่ รวมไปถึงนโยบายล้างหนี้ให้คนไทย สูงสุด 100,000 บาท แต่ไม่พูดถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นบาดแผลของพรรค รวมทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีข้อกล่าวหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตระกูลชินวัตร กับครอบครัวนายฮุน เซน

    อีกด้านหนึ่ง พรรคเพื่อไทยยังคงเลือดไหลไม่หยุด สส. มากกว่า 10 คน เห็นท่าไม่ดีย้ายไปพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับตระกูลชินวัตร แม้นายทักษิณที่เป็นศาสดาของพรรค จะถูกจำคุกในคดีทุจริต รวมทั้งคดีมาตรา 112 ที่อัยการสูงสุดสั่งให้อุทธรณ์ แถมยังแพ้คดีภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ 1.76 หมื่นล้านบาท กลายเป็นมีดปักหลังตระกูลการเมืองผู้มั่งคั่ง ที่หากดึงออกเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น ความล้มเหลวของรัฐบาลแพทองธาร รวมทั้งข้อกล่าวหาขายชาติ อาจทำให้หาเสียงยากที่สุด จึงกลายเป็นคำถามว่า ทั้งคนทั้งพรรคจะเข็นกันไหวหรือ?

    #Newskit
    ไหวเหรอยศชนัน ลูกสมชายเจ๊แดง การเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในช่วงการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากกระแสสังคมจะเงียบเชียบแล้ว แคนดิเดต 3 คนที่เสนอมา สองคนแรกไม่มีอะไรใหม่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีผลงานโดดเด่น แม้สมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่กระทรวงเกรดเอ ในตำแหน่ง รมช.คลัง หนำซ้ำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทก็ล้มเหลว ส่วนนายสุุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คนที่ติดตามการเมืองมานานจะร้องยี้ เพราะเวียนวนเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่คุมกระทรวงคมนาคม หนำซ้ำยังถูกเคลือบแคลงสงสัยกรณี CTX9000 จะมีหน้าใหม่อยู่คนเดียว คือ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ เชน แม้จะมีโปร์ไฟล์เป็นถึงอดีตรองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีผลงานวิจัยมากมาย แต่สังคมไม่ได้สนใจเท่ากับเป็นลูกชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงถูกจับตามองทันทีว่าสืบทอดอำนาจทางการเมืองในตระกูลชินวัตรหรือไม่ หลังครอบครัวและเครือญาติตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีโทษจำคุกคดีโครงการรับจำนำข้าว และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงนายฮุน เซน แห่งกัมพูชา พรรคเพื่อไทยพยายามยกเครื่องพรรคเพื่อสลัดภาพความเป็นพรรครากหญ้า พรรคประชานิยมแจกแหลก ด้วยวาทกรรม "ยกเครื่องประเทศไทย" ออกแบบด้วยวิทยาศาสตร์และเหตุผล ไปสู้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพรรคประชาชน แต่ก็ยังมีนโยบายประชานิยมติดมาด้วย ทั้งรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ถูกตั้งคำถามว่าจะยั่งยืนหรือไม่ รวมไปถึงนโยบายล้างหนี้ให้คนไทย สูงสุด 100,000 บาท แต่ไม่พูดถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นบาดแผลของพรรค รวมทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีข้อกล่าวหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตระกูลชินวัตร กับครอบครัวนายฮุน เซน อีกด้านหนึ่ง พรรคเพื่อไทยยังคงเลือดไหลไม่หยุด สส. มากกว่า 10 คน เห็นท่าไม่ดีย้ายไปพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับตระกูลชินวัตร แม้นายทักษิณที่เป็นศาสดาของพรรค จะถูกจำคุกในคดีทุจริต รวมทั้งคดีมาตรา 112 ที่อัยการสูงสุดสั่งให้อุทธรณ์ แถมยังแพ้คดีภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ 1.76 หมื่นล้านบาท กลายเป็นมีดปักหลังตระกูลการเมืองผู้มั่งคั่ง ที่หากดึงออกเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น ความล้มเหลวของรัฐบาลแพทองธาร รวมทั้งข้อกล่าวหาขายชาติ อาจทำให้หาเสียงยากที่สุด จึงกลายเป็นคำถามว่า ทั้งคนทั้งพรรคจะเข็นกันไหวหรือ? #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 5

    ” ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 5
    เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ซาอุดิอารเบียใช้เวลากวาดกลุ่มอัลไคดา ให้หมดไปจากบ้านตัวเอง อัลไคดาหมดไปจากซาอุ แต่ไม่ได้สูญพันธ์ กลับขยายตัวแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง และอาฟริกา ในปี ค.ศ.2009 กลุ่มอัลไคดาที่หลบออกไปจากซาอุ ไปโผล่ที่เยเมนแทน และมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินที่จะบินไปอเมริกา บิน นาเยฟ หรือ MBN ตามที่อเมริกาเรียก ได้แจ้งข่าวนี้ไปทางวอชิงตัน และในที่สุดก็จับตัวคนที่พกระเบิดขึ้นเครื่องบินได้ (อ่านรายละเอียดตอนนี้ได้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว”)
    บิน นาเยฟ ได้รับความชื่นชมจากอเมริกาอย่าง ยิ่ง ถึงขนาดเรียกเขาว่า เป็นเจ้าพ่อข่าวกรอง บิน นาเยฟ ยังแสดงผลงานต่อ เมื่อ อับดุลลา อสิรี Abdullah Asiri อัลไคดา ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ตกลงจะมอบตัว โดยมีเงื่อนไขว่า จะมอบตัวกับ บิน นาเยฟ คนเดียวเท่านั้น และถ้า บิน นาเยฟ ตกลง เขาอาจจะพูดให้พี่ชาย อิบราฮิม อสิรี Ibrahim Asiri มือวางระเบิดคนสำคัญ มามอบตัวอีกด้วย บิน นาเยฟ ตกลง และนัดมอบตัวกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009
    เมื่อพบกัน ทั้ง 2 นั่งบนเบาะที่วางบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน หลังจากนั้น อสิรี ก็ร้องไห้ และหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนมาในเสื้อคลุม ขอโทรไปหาครอบครัว และพูดกับพี่ชาย พูดเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้บิน นาเยฟ บอกว่าพี่ชายจะพูดด้วย ระหว่างที่ บิน นาเยฟ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ พร้อมกล่าวคำทักทาย อิสิรี ก็กดระเบิดที่ซ่อนมาในทวารหนัก ระเบิดเป็นหลุมลึกใต้เบาะที่เขานั่ง ส่วนตัวเขา แหลกละเอียด ตายต่อหน้า บิน นาเยฟ ซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดด้วย แต่ไม่สาหัส
    ในปี ค.ศ.2011 เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมงกุฏราชกุมาร ซึ่งทำให้ฝั่งอเมริกาตาเหลือกไปทั้งทำเนียบในวอชิงตัน และ ในปีนั้นเอง ตะวันออกกลางก็เกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่อเมริกาอ้างว่า ได้รับการชื่นชมจากพวกตะวันตก อย่างยิ่ง ที่ผู้นำเผด็จการทั้งหลาย ต่างร่วงผล่อยไปตามๆกัน ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย อียิปต์ และมาถึง บาห์เรน เพื่อนบ้านของซาอุดิ อารเบีย
    มันเป็นการเขียนเสือให้วัว หรืออูฐ กลัว หรือเปล่านะ
    เจ้าชายนาเยฟ เดือดดาลมาก ที่โอบามา บีบให้มูบารัคประธานาธิบดีของอียิปต์ลาออก และเมื่อบาห์เรน ซึ่งดูเหมือนจะเจอเทศกาลอาหรับสปริงไปด้วย นาเยฟ ไม่ยอมให้บาห์เรนเป็นเหมือนอียิปต์ เขาให้ราชวงศ์ซาอูด ช่วยราชวงศ์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นนิกายสุนนีด้วยกัน จึงทำให้เกิดมีการเผชิญหน้ากัน ระหว่างนิกายชีอะ กับสุนนี่ในบาห์เรนอีกด้วย การปราบปรามในบาห์เรนใช้ไม้แข็ง หรือลูกตะกั่ว ซึ่งอเมริกาอ้างว่า ได้ประท้วงการใช้ความรุนแรงอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ และกองทัพของซาอุดิอารเบีย ก็ยังอยู่เต็มในบาห์เรนจนทุกวันนี้
    เจ้าชายนาเยฟ หรือ the Black Prince ในสายตาของอเมริกา ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้มงวด และใช้อำนาจของซาอุดิอารเบียอย่างเต็มอัตรา อเมริกาเหน็บแนมว่า เจ้าชายนาเยฟ กำลังส่งเสริมให้ซาอุดิอารเบียใช้อำนาจของราชวงศ์ซาอูด แบบ “Pax Saudiana” คือสันติภาพและเสรีภาพแบบซาอุดิอารเบีย ใครที่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น
    … แล้วต่างอะไรกับ Pax Americana ของอเมริกา ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพ ต้องทำตามที่กูบอกเท่านั้น...ไม่งั้นเป็นผู้ก่อการร้าย….ฮาครับ
    นอกจากนี้ เจ้าชายนาเยฟ ยังถูกอเมริกาวิจารณ์ว่า เจ้าชาย เป็นคนยุ กษัตริย์ อับดุลลาห์ ว่า อย่ายอมใจอ่อน กับพวกที่ต้องการให้มีการปฏิรูป เด็ดขาด ขณะที่กษัตริย์อับดุลลาห์ มีแนวโน้มที่จะเดินสายกลาง โดยพยายามจะเปลี่ยนประเทศ อย่างช้าๆเป็นขั้นตอน เน้นให้ประชาชนมีการศึกษามากขึ้น และ เคยพูดว่า อาจเปิดทางให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถได้ด้วย นอกจากนี้ กษัตริย์อับดุลลาห์ ยังจัดสรรเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นกลาง และชั้นล่างของ ซาอุดิอารเบียอีกด้วย
    ถึงกระนั้น ในสายตาของอเมริกา กษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ไม่เคยแตะเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาเลย และเจ้าชาย บิน นาเยฟ ที่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็เคร่งครัดเรื่องศาสนา และดำเนินการรุนแรง กับผู้ที่กระทำผิดทางคำสอนของศาสนาเช่นกัน
    อเมริกาบอก บิน นาเยฟ อาจจะเชี่ยวชาญ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายในราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย แต่ไม่เห็นอันตราย ของการห้ามประชาชนที่จะแสดงความเห็นอย่างอิสระ และทำให้ความพยายามของอับดุลลาห์ ที่จะปฏิรูปประเทศ ก็เลยเหมือนกับค้างอยู่กลางทาง
    เจ้าชายนาเยฟ ขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารได้เพียงปีเดียว ใน ปี ค.ศ.2012 ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ในวัย 78 ปี ที่โรงพยาบาลในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก ดังยาวไปทั้งทางเดินที่ทำเนียบในวอชิงตัน …..นี่ ผมเขียนตามถ้อยคำ ที่คนเขียนบทความเกี่ยวกับ the Black Prince ใช้เลยนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 5 ” ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 5 เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ซาอุดิอารเบียใช้เวลากวาดกลุ่มอัลไคดา ให้หมดไปจากบ้านตัวเอง อัลไคดาหมดไปจากซาอุ แต่ไม่ได้สูญพันธ์ กลับขยายตัวแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง และอาฟริกา ในปี ค.ศ.2009 กลุ่มอัลไคดาที่หลบออกไปจากซาอุ ไปโผล่ที่เยเมนแทน และมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินที่จะบินไปอเมริกา บิน นาเยฟ หรือ MBN ตามที่อเมริกาเรียก ได้แจ้งข่าวนี้ไปทางวอชิงตัน และในที่สุดก็จับตัวคนที่พกระเบิดขึ้นเครื่องบินได้ (อ่านรายละเอียดตอนนี้ได้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว”) บิน นาเยฟ ได้รับความชื่นชมจากอเมริกาอย่าง ยิ่ง ถึงขนาดเรียกเขาว่า เป็นเจ้าพ่อข่าวกรอง บิน นาเยฟ ยังแสดงผลงานต่อ เมื่อ อับดุลลา อสิรี Abdullah Asiri อัลไคดา ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ตกลงจะมอบตัว โดยมีเงื่อนไขว่า จะมอบตัวกับ บิน นาเยฟ คนเดียวเท่านั้น และถ้า บิน นาเยฟ ตกลง เขาอาจจะพูดให้พี่ชาย อิบราฮิม อสิรี Ibrahim Asiri มือวางระเบิดคนสำคัญ มามอบตัวอีกด้วย บิน นาเยฟ ตกลง และนัดมอบตัวกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009 เมื่อพบกัน ทั้ง 2 นั่งบนเบาะที่วางบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน หลังจากนั้น อสิรี ก็ร้องไห้ และหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนมาในเสื้อคลุม ขอโทรไปหาครอบครัว และพูดกับพี่ชาย พูดเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้บิน นาเยฟ บอกว่าพี่ชายจะพูดด้วย ระหว่างที่ บิน นาเยฟ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ พร้อมกล่าวคำทักทาย อิสิรี ก็กดระเบิดที่ซ่อนมาในทวารหนัก ระเบิดเป็นหลุมลึกใต้เบาะที่เขานั่ง ส่วนตัวเขา แหลกละเอียด ตายต่อหน้า บิน นาเยฟ ซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดด้วย แต่ไม่สาหัส ในปี ค.ศ.2011 เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมงกุฏราชกุมาร ซึ่งทำให้ฝั่งอเมริกาตาเหลือกไปทั้งทำเนียบในวอชิงตัน และ ในปีนั้นเอง ตะวันออกกลางก็เกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่อเมริกาอ้างว่า ได้รับการชื่นชมจากพวกตะวันตก อย่างยิ่ง ที่ผู้นำเผด็จการทั้งหลาย ต่างร่วงผล่อยไปตามๆกัน ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย อียิปต์ และมาถึง บาห์เรน เพื่อนบ้านของซาอุดิ อารเบีย มันเป็นการเขียนเสือให้วัว หรืออูฐ กลัว หรือเปล่านะ เจ้าชายนาเยฟ เดือดดาลมาก ที่โอบามา บีบให้มูบารัคประธานาธิบดีของอียิปต์ลาออก และเมื่อบาห์เรน ซึ่งดูเหมือนจะเจอเทศกาลอาหรับสปริงไปด้วย นาเยฟ ไม่ยอมให้บาห์เรนเป็นเหมือนอียิปต์ เขาให้ราชวงศ์ซาอูด ช่วยราชวงศ์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นนิกายสุนนีด้วยกัน จึงทำให้เกิดมีการเผชิญหน้ากัน ระหว่างนิกายชีอะ กับสุนนี่ในบาห์เรนอีกด้วย การปราบปรามในบาห์เรนใช้ไม้แข็ง หรือลูกตะกั่ว ซึ่งอเมริกาอ้างว่า ได้ประท้วงการใช้ความรุนแรงอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ และกองทัพของซาอุดิอารเบีย ก็ยังอยู่เต็มในบาห์เรนจนทุกวันนี้ เจ้าชายนาเยฟ หรือ the Black Prince ในสายตาของอเมริกา ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้มงวด และใช้อำนาจของซาอุดิอารเบียอย่างเต็มอัตรา อเมริกาเหน็บแนมว่า เจ้าชายนาเยฟ กำลังส่งเสริมให้ซาอุดิอารเบียใช้อำนาจของราชวงศ์ซาอูด แบบ “Pax Saudiana” คือสันติภาพและเสรีภาพแบบซาอุดิอารเบีย ใครที่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น … แล้วต่างอะไรกับ Pax Americana ของอเมริกา ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพ ต้องทำตามที่กูบอกเท่านั้น...ไม่งั้นเป็นผู้ก่อการร้าย….ฮาครับ นอกจากนี้ เจ้าชายนาเยฟ ยังถูกอเมริกาวิจารณ์ว่า เจ้าชาย เป็นคนยุ กษัตริย์ อับดุลลาห์ ว่า อย่ายอมใจอ่อน กับพวกที่ต้องการให้มีการปฏิรูป เด็ดขาด ขณะที่กษัตริย์อับดุลลาห์ มีแนวโน้มที่จะเดินสายกลาง โดยพยายามจะเปลี่ยนประเทศ อย่างช้าๆเป็นขั้นตอน เน้นให้ประชาชนมีการศึกษามากขึ้น และ เคยพูดว่า อาจเปิดทางให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถได้ด้วย นอกจากนี้ กษัตริย์อับดุลลาห์ ยังจัดสรรเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นกลาง และชั้นล่างของ ซาอุดิอารเบียอีกด้วย ถึงกระนั้น ในสายตาของอเมริกา กษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ไม่เคยแตะเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาเลย และเจ้าชาย บิน นาเยฟ ที่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็เคร่งครัดเรื่องศาสนา และดำเนินการรุนแรง กับผู้ที่กระทำผิดทางคำสอนของศาสนาเช่นกัน อเมริกาบอก บิน นาเยฟ อาจจะเชี่ยวชาญ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายในราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย แต่ไม่เห็นอันตราย ของการห้ามประชาชนที่จะแสดงความเห็นอย่างอิสระ และทำให้ความพยายามของอับดุลลาห์ ที่จะปฏิรูปประเทศ ก็เลยเหมือนกับค้างอยู่กลางทาง เจ้าชายนาเยฟ ขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารได้เพียงปีเดียว ใน ปี ค.ศ.2012 ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ในวัย 78 ปี ที่โรงพยาบาลในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก ดังยาวไปทั้งทางเดินที่ทำเนียบในวอชิงตัน …..นี่ ผมเขียนตามถ้อยคำ ที่คนเขียนบทความเกี่ยวกับ the Black Prince ใช้เลยนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกสารลับเผย Pepsi และ Walmart ร่วมมือปรับขึ้นราคาอาหาร

    การสืบสวนจาก The Big Newsletter พบเอกสารภายในที่แสดงให้เห็นว่า Pepsi และ Walmart ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีการวางกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อให้การขึ้นราคาดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก

    ในเอกสารมีการระบุถึงการประชุมที่ทั้งสองบริษัทหารือเรื่องการจัดการต้นทุนและการผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดย Walmart ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองสูงในการกำหนดราคาสินค้า ขณะที่ Pepsi ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ก็ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด การร่วมมือกันเช่นนี้จึงสร้างผลกระทบต่อราคาสินค้าในวงกว้าง

    สิ่งที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นราคานี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยตลาดตามธรรมชาติ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบหรือค่าขนส่ง แต่เป็นผลจากการตกลงร่วมกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือกมากนัก

    นักเศรษฐศาสตร์และนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคเตือนว่าการร่วมมือเช่นนี้อาจทำให้เกิด “shadow cartel” หรือการสมคบกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ ที่ควบคุมตลาด ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ก็อาจทำให้ราคาสินค้าในชีวิตประจำวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดเผยเอกสารลับ
    แสดงให้เห็นการหารือระหว่าง Pepsi และ Walmart
    มีการวางกลยุทธ์ร่วมกันในการปรับขึ้นราคา

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น
    ผู้บริโภคมีทางเลือกจำกัดในการซื้อสินค้า

    อำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่
    Walmart มีอำนาจต่อรองสูงในฐานะผู้ค้าปลีก
    Pepsi ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด

    ความเสี่ยงต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม
    การร่วมมืออาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือบิดเบือนตลาด
    หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิด “shadow cartel” ที่ควบคุมราคาสินค้าในวงกว้าง

    https://www.thebignewsletter.com/p/secret-documents-show-pepsi-and-walmart
    🏪 เอกสารลับเผย Pepsi และ Walmart ร่วมมือปรับขึ้นราคาอาหาร การสืบสวนจาก The Big Newsletter พบเอกสารภายในที่แสดงให้เห็นว่า Pepsi และ Walmart ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีการวางกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อให้การขึ้นราคาดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก ในเอกสารมีการระบุถึงการประชุมที่ทั้งสองบริษัทหารือเรื่องการจัดการต้นทุนและการผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดย Walmart ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองสูงในการกำหนดราคาสินค้า ขณะที่ Pepsi ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ก็ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด การร่วมมือกันเช่นนี้จึงสร้างผลกระทบต่อราคาสินค้าในวงกว้าง สิ่งที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นราคานี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยตลาดตามธรรมชาติ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบหรือค่าขนส่ง แต่เป็นผลจากการตกลงร่วมกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือกมากนัก นักเศรษฐศาสตร์และนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคเตือนว่าการร่วมมือเช่นนี้อาจทำให้เกิด “shadow cartel” หรือการสมคบกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ ที่ควบคุมตลาด ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ก็อาจทำให้ราคาสินค้าในชีวิตประจำวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดเผยเอกสารลับ ➡️ แสดงให้เห็นการหารือระหว่าง Pepsi และ Walmart ➡️ มีการวางกลยุทธ์ร่วมกันในการปรับขึ้นราคา ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น ➡️ ผู้บริโภคมีทางเลือกจำกัดในการซื้อสินค้า ✅ อำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ ➡️ Walmart มีอำนาจต่อรองสูงในฐานะผู้ค้าปลีก ➡️ Pepsi ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด ‼️ ความเสี่ยงต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม ⛔ การร่วมมืออาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือบิดเบือนตลาด ⛔ หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิด “shadow cartel” ที่ควบคุมราคาสินค้าในวงกว้าง https://www.thebignewsletter.com/p/secret-documents-show-pepsi-and-walmart
    WWW.THEBIGNEWSLETTER.COM
    Secret Documents Show Pepsi and Walmart Colluded to Raise Food Prices Across the Economy
    The Trump FTC tried to hide a complaint showing Pepsi forced shoppers to pay higher prices everywhere but Walmart. But now it's unsealed. And the politics of affordability are explosive.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2568 ประกาศให้ ยาเฟนทานิล ถูกจัดเป็น “อาวุธทำลายล้างสูง” (Weapon of Mass Destruction – WMD) อย่างเป็นทางการ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ยาเสพติดถูกยกระดับสถานะเทียบเท่าอาวุธเคมี
    .
    ทรัมป์ระบุว่า เฟนทานิลไม่ใช่แค่วิกฤตสาธารณสุข แต่เป็น ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ หลังคร่าชีวิตชาวอเมริกันจากการใช้ยาเกินขนาดปีละหลายหมื่นราย พร้อมกล่าวว่าแก๊งค้ายาเสพติดกำลังพยายาม “ทำลายประเทศสหรัฐฯ จากภายใน”
    .
    การจัดสถานะใหม่นี้เปิดทางให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขยายอำนาจการปราบปราม ทั้งด้านกฎหมาย ความมั่นคง และข่าวกรอง โดยอนุญาตให้กระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) และหน่วยข่าวกรอง ใช้เครื่องมือระดับเดียวกับการต่อต้านการแพร่กระจายอาวุธร้ายแรง เพื่อจัดการกับเครือข่ายค้ายา
    .
    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทรัมป์ได้กำหนดให้ แก๊งค้ายาเสพติดเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ และตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีปฏิบัติการโจมตีเรือต้องสงสัยขนยาในทะเลแคริบเบียนและแปซิฟิกมากกว่า 20 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 80 ราย
    .
    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังทางทหาร โดยกังวลเรื่องความชอบธรรมทางกฎหมายและความเสี่ยงขยายความขัดแย้งข้ามพรมแดน
    .
    ทรัมป์ยังส่งสัญญาณพร้อม ยกระดับปฏิบัติการบนภาคพื้นดิน ในประเทศต้นทางและเส้นทางค้ายา เช่น เม็กซิโก โคลอมเบีย และเวเนซุเอลา โดยชี้ว่า เฟนทานิลที่ระบาดในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ผลิตในเม็กซิโก ขณะที่สารเคมีตั้งต้นจำนวนมากมาจากจีน
    .
    คำสั่งดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2568 เวลา 04.59 น. และสะท้อนท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์ ที่มองสงครามยาเสพติดเป็น “สงครามความมั่นคงระดับชาติ” มากกว่าปัญหาสุขภาพเพียงอย่างเดียว
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000120874
    .
    #News1live #News1 #ทรัมป์ #เฟนทานิล #ยาเสพติด #อาวุธทำลายล้างสูง #WMD #สงครามยา #ความมั่นคงสหรัฐ
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2568 ประกาศให้ ยาเฟนทานิล ถูกจัดเป็น “อาวุธทำลายล้างสูง” (Weapon of Mass Destruction – WMD) อย่างเป็นทางการ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ยาเสพติดถูกยกระดับสถานะเทียบเท่าอาวุธเคมี . ทรัมป์ระบุว่า เฟนทานิลไม่ใช่แค่วิกฤตสาธารณสุข แต่เป็น ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ หลังคร่าชีวิตชาวอเมริกันจากการใช้ยาเกินขนาดปีละหลายหมื่นราย พร้อมกล่าวว่าแก๊งค้ายาเสพติดกำลังพยายาม “ทำลายประเทศสหรัฐฯ จากภายใน” . การจัดสถานะใหม่นี้เปิดทางให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขยายอำนาจการปราบปราม ทั้งด้านกฎหมาย ความมั่นคง และข่าวกรอง โดยอนุญาตให้กระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) และหน่วยข่าวกรอง ใช้เครื่องมือระดับเดียวกับการต่อต้านการแพร่กระจายอาวุธร้ายแรง เพื่อจัดการกับเครือข่ายค้ายา . ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทรัมป์ได้กำหนดให้ แก๊งค้ายาเสพติดเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ และตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีปฏิบัติการโจมตีเรือต้องสงสัยขนยาในทะเลแคริบเบียนและแปซิฟิกมากกว่า 20 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 80 ราย . อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังทางทหาร โดยกังวลเรื่องความชอบธรรมทางกฎหมายและความเสี่ยงขยายความขัดแย้งข้ามพรมแดน . ทรัมป์ยังส่งสัญญาณพร้อม ยกระดับปฏิบัติการบนภาคพื้นดิน ในประเทศต้นทางและเส้นทางค้ายา เช่น เม็กซิโก โคลอมเบีย และเวเนซุเอลา โดยชี้ว่า เฟนทานิลที่ระบาดในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ผลิตในเม็กซิโก ขณะที่สารเคมีตั้งต้นจำนวนมากมาจากจีน . คำสั่งดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2568 เวลา 04.59 น. และสะท้อนท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์ ที่มองสงครามยาเสพติดเป็น “สงครามความมั่นคงระดับชาติ” มากกว่าปัญหาสุขภาพเพียงอย่างเดียว . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000120874 . #News1live #News1 #ทรัมป์ #เฟนทานิล #ยาเสพติด #อาวุธทำลายล้างสูง #WMD #สงครามยา #ความมั่นคงสหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดือดกลางพรรคประชาชน “ตรัยวรรษ” อดีต สส.สมุทรปราการ เขต 8 โพสต์แฉ เลขาธิการพรรคใช้สิทธิ์วีโต้ หักมติคณะกรรมการบริหาร บีบถอนตัวจากการเป็นผู้สมัคร สส. ตั้งคำถามแรง “แล้วจะมี กก.บห.ไว้เพื่ออะไร”
    .
    วันที่ 16 ธ.ค. 2568 เมื่อวานนี้ นายตรัยวรรธน์ อิ่มใจ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเสียงข้างมากให้ตนเป็นผู้สมัคร สส. ต่ออีกสมัย และมีการแจ้งผลอย่างเป็นทางการในช่วงเที่ยงคืน
    .
    อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เลขาธิการพรรคได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ถอนตัว โดยอ้างอำนาจวีโต้ของเลขาธิการพรรคและหัวหน้าพรรค สามารถเปลี่ยนแปลงมติของคณะกรรมการบริหารพรรคได้ทั้งหมด ทำให้เจ้าตัวตั้งคำถามถึงความหมายของระบบบริหารภายในพรรค
    .
    ตรัยวรรษ ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจแบบเผด็จการ และไม่เป็นธรรม พร้อมย้ำว่า ตลอด 2 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่ สส. ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกว่า 46,000 คะแนน
    .
    เจ้าตัวยืนยันจะเดินหน้าทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง และไม่ยอมรับมติที่เห็นว่าไม่ชอบธรรม ขณะที่มีรายงานว่า พรรคประชาชนเตรียมส่ง “นายเทพฤทธิ์ ภาษี” ลงสมัคร สส. สมุทรปราการ เขต 8 แทน
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121111
    .
    #News1live #News1 #พรรคประชาชน #ตรัยวรรษ #ศึกในพรรค #การเมืองไทย
    เดือดกลางพรรคประชาชน “ตรัยวรรษ” อดีต สส.สมุทรปราการ เขต 8 โพสต์แฉ เลขาธิการพรรคใช้สิทธิ์วีโต้ หักมติคณะกรรมการบริหาร บีบถอนตัวจากการเป็นผู้สมัคร สส. ตั้งคำถามแรง “แล้วจะมี กก.บห.ไว้เพื่ออะไร” . วันที่ 16 ธ.ค. 2568 เมื่อวานนี้ นายตรัยวรรธน์ อิ่มใจ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเสียงข้างมากให้ตนเป็นผู้สมัคร สส. ต่ออีกสมัย และมีการแจ้งผลอย่างเป็นทางการในช่วงเที่ยงคืน . อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เลขาธิการพรรคได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ถอนตัว โดยอ้างอำนาจวีโต้ของเลขาธิการพรรคและหัวหน้าพรรค สามารถเปลี่ยนแปลงมติของคณะกรรมการบริหารพรรคได้ทั้งหมด ทำให้เจ้าตัวตั้งคำถามถึงความหมายของระบบบริหารภายในพรรค . ตรัยวรรษ ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจแบบเผด็จการ และไม่เป็นธรรม พร้อมย้ำว่า ตลอด 2 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่ สส. ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกว่า 46,000 คะแนน . เจ้าตัวยืนยันจะเดินหน้าทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง และไม่ยอมรับมติที่เห็นว่าไม่ชอบธรรม ขณะที่มีรายงานว่า พรรคประชาชนเตรียมส่ง “นายเทพฤทธิ์ ภาษี” ลงสมัคร สส. สมุทรปราการ เขต 8 แทน . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121111 . #News1live #News1 #พรรคประชาชน #ตรัยวรรษ #ศึกในพรรค #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • พาณิชย์ ประเมินสถานการณ์สู้รบไทย–กัมพูชา กระทบการค้าชายแดนเพียงระยะสั้น ย้ำภาพรวมการส่งออกของไทยยังเดินหน้าได้ พร้อมเชื่อมั่นจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
    .
    นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า การปิดด่านบางจุดยังไม่กระทบการค้าภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการส่งออก ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เร่งดูแลค่าครองชีพประชาชน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น ธงฟ้า เพื่อรักษาเสถียรภาพสินค้าอุปโภคบริโภค
    .
    ส่วนสถานการณ์ด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี คาดว่าจะผ่อนคลายเร็วๆ นี้ หลังยืนยันว่า น้ำมันที่ส่งผ่านไทยไป สปป.ลาว ถูกใช้หมุนเวียนภายในประเทศ ไม่ได้ส่งต่อ พร้อมย้ำการเปิด-ปิดด่านเป็นอำนาจฝ่ายความมั่นคง
    .
    ด้านการท่องเที่ยว ททท. เผยนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง ไม่มีการยกเลิกในเมืองท่องเที่ยวหลัก ตั้งเป้าสิ้นเดือน ธ.ค. แตะ 32 ล้านคน แม้บางประเทศแสดงความกังวลสถานการณ์ชายแดน
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121116
    .
    #News1live #News1 #ไทยกัมพูชา #การค้าชายแดน #ช่องเม็ก #เศรษฐกิจไทย #ท่องเที่ยวไทย #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    พาณิชย์ ประเมินสถานการณ์สู้รบไทย–กัมพูชา กระทบการค้าชายแดนเพียงระยะสั้น ย้ำภาพรวมการส่งออกของไทยยังเดินหน้าได้ พร้อมเชื่อมั่นจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ . นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า การปิดด่านบางจุดยังไม่กระทบการค้าภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการส่งออก ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เร่งดูแลค่าครองชีพประชาชน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น ธงฟ้า เพื่อรักษาเสถียรภาพสินค้าอุปโภคบริโภค . ส่วนสถานการณ์ด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี คาดว่าจะผ่อนคลายเร็วๆ นี้ หลังยืนยันว่า น้ำมันที่ส่งผ่านไทยไป สปป.ลาว ถูกใช้หมุนเวียนภายในประเทศ ไม่ได้ส่งต่อ พร้อมย้ำการเปิด-ปิดด่านเป็นอำนาจฝ่ายความมั่นคง . ด้านการท่องเที่ยว ททท. เผยนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง ไม่มีการยกเลิกในเมืองท่องเที่ยวหลัก ตั้งเป้าสิ้นเดือน ธ.ค. แตะ 32 ล้านคน แม้บางประเทศแสดงความกังวลสถานการณ์ชายแดน . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121116 . #News1live #News1 #ไทยกัมพูชา #การค้าชายแดน #ช่องเม็ก #เศรษฐกิจไทย #ท่องเที่ยวไทย #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อไทยเปิดตัว “ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเบอร์ 1 ของพรรค ยืนยันไม่เป็นปัญหาเรื่องเครือญาติตระกูลชินวัตร ชี้เป็นโอกาสและจุดเด่นทางการเมือง
    .
    แกนนำพรรคย้ำชัด ไม่ถูกครอบงำจาก “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” พร้อมยืนยันการตัดสินใจเป็นอิสระ ร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค
    .
    “สุริยะ” ยังมั่นใจเป้าหมาย 200 ที่นั่ง ขณะที่ “จุลพันธ์” ระบุใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน ชนะใจประชาชน พร้อมประกาศสู้ทุกด่าน ทั้งอำนาจรัฐ กระสุน และกระแสชาตินิยม
    .
    “ยศชนัน” ชี้จุดยืนชัด อธิปไตยต้องมาก่อน พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยนโยบายเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และ AI เพื่อพาไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000120955
    .
    #News1live #News1 #เพื่อไทย #ยศชนัน #แคนดิเดตนายก #การเมืองไทย #เลือกตั้ง2568 #พรรคเพื่อไทย
    เพื่อไทยเปิดตัว “ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเบอร์ 1 ของพรรค ยืนยันไม่เป็นปัญหาเรื่องเครือญาติตระกูลชินวัตร ชี้เป็นโอกาสและจุดเด่นทางการเมือง . แกนนำพรรคย้ำชัด ไม่ถูกครอบงำจาก “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” พร้อมยืนยันการตัดสินใจเป็นอิสระ ร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค . “สุริยะ” ยังมั่นใจเป้าหมาย 200 ที่นั่ง ขณะที่ “จุลพันธ์” ระบุใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน ชนะใจประชาชน พร้อมประกาศสู้ทุกด่าน ทั้งอำนาจรัฐ กระสุน และกระแสชาตินิยม . “ยศชนัน” ชี้จุดยืนชัด อธิปไตยต้องมาก่อน พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยนโยบายเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และ AI เพื่อพาไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000120955 . #News1live #News1 #เพื่อไทย #ยศชนัน #แคนดิเดตนายก #การเมืองไทย #เลือกตั้ง2568 #พรรคเพื่อไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.46

    การเจรจาซึ่งถูกนิยามว่าเป็นกระบวนการหารือเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งหรือเพื่อจัดทำข้อตกลงนั้น มิได้เป็นเพียงทักษะทางสังคมหรือการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในทางนิติศาสตร์และระบบกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ การเจรจาในบริบททางกฎหมายนั้นมีความซับซ้อนและมีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอธิปไตย หรือการทำสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย การเจรจาในระดับรัฐต่อรัฐ (State-to-State Negotiation) ตามภาพที่นำเสนอ ซึ่งมีบริบททางทหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นการสะท้อนถึงเดิมพันที่สูงยิ่งและความจำเป็นในการใช้ความรอบคอบทางกฎหมายอย่างสูงสุด หลักการพื้นฐานของการเจรจาระหว่างประเทศ เช่น หลักความสุจริต (Pacta Sunt Servanda) ที่หมายถึงการที่คู่เจรจาทุกฝ่ายต้องดำเนินการเจรจาด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์และมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมและปฏิบัติได้จริงตามกฎหมายสนธิสัญญา นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงหลักความเสมอภาคแห่งรัฐอธิปไตย (Sovereign Equality) ซึ่งเป็นรากฐานของการยอมรับในศักดิ์ศรีและความเป็นอิสระของแต่ละฝ่าย ทำให้ไม่มีรัฐใดมีอำนาจเหนือกว่าอีกรัฐหนึ่งในทางกฎหมาย การเจรจาจึงต้องเป็นไปบนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนและการประนีประนอมอย่างเท่าเทียมกัน ในกรณีที่มีกองทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจหมายถึงการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางอาณาเขต ข้อพิพาทเรื่องทรัพยากร หรือการยุติสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งจำเป็นต้องอ้างอิงและปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) และข้อตกลงว่าด้วยการควบคุมอาวุธ การมีอยู่ของทหารมิได้เป็นอุปสรรคต่อการเจรจา แต่เป็นการเน้นย้ำถึงความตึงเครียดและระดับความจริงจังของประเด็นที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งทำให้ทุกถ้อยคำและเงื่อนไขที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนภายใต้กรอบของพันธกรณีทางกฎหมายที่มีอยู่เดิม การเจรจาในระดับนี้ไม่ใช่เพียงแค่การพูดคุย แต่เป็นการสร้างหรือเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ การร่างสนธิสัญญา (Treaty Drafting) ถือเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยทุกฝ่ายต้องมั่นใจว่าภาษาที่ใช้ในข้อตกลงนั้นมีความชัดเจน ไม่กำกวม และสะท้อนเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลอย่างถูกต้องตามหลักการตีความสนธิสัญญาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

    เนื้อหาของการเจรจาในบริบททางกฎหมาย มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การยุติข้อพิพาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายใหม่ การจัดทำเขตแดน การกำหนดสิทธิและหน้าที่ทางการค้า การลงทุน หรือแม้กระทั่งการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ความสำเร็จของการเจรจาจึงวัดได้จากความสามารถในการแปลงความต้องการทางการเมืองให้เป็นถ้อยคำทางกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ได้จริงและมีเสถียรภาพ ในทางปฏิบัติ การเจรจายังต้องคำนึงถึงอำนาจในการให้สัตยาบัน (Ratification) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศ หลังจากที่ผู้แทนลงนามในข้อตกลงแล้ว ข้อตกลงนั้นยังไม่ถือว่ามีผลสมบูรณ์จนกว่าจะผ่านกระบวนการอนุมัติภายในประเทศ เช่น การให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นสอดคล้องกับกฎหมายและผลประโยชน์สูงสุดของชาติ การเจรจาจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างมิติทางการทูต มิติทางกฎหมายระหว่างประเทศ และมิติทางกฎหมายรัฐธรรมนูญภายในประเทศเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก ในกรณีที่การเจรจาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ หรือเกิดการละเมิดข้อตกลงภายหลังการลงนาม กลไกทางกฎหมายก็ยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขความขัดแย้ง เช่น การใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการไกล่เกลี่ย การประนอมข้อพิพาท หรือการนำข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือศาลอนุญาโตตุลาการ (Arbitration Tribunal) ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด กฎหมายก็ยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ การเจรจาที่มีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยผู้เจรจาที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักการและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐตนเองในขณะเดียวกันก็เคารพในกฎเกณฑ์และพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีเสถียรภาพในประชาคมโลก

    ดังนั้น การเจรจาจึงเป็นมากกว่าการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เป็นกลไกทางกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนและทรงพลังที่สุดในการบริหารจัดการความขัดแย้งและสร้างพันธกรณีระหว่างประเทศ การบรรลุข้อตกลงที่ยั่งยืนและเป็นธรรมต้องอาศัยความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหลักความสุจริต หลักความเสมอภาค และการเคารพต่อระบบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด แม้ในสถานการณ์ที่มีความเปราะบางและมีแรงกดดันทางการทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง การเจรจาจึงเป็นเครื่องมือที่สะท้อนถึงอารยธรรมและความมุ่งมั่นของมนุษย์ที่จะใช้เหตุผลและกฎหมายเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกัน มากกว่าการใช้กำลังหรือการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการเปลี่ยนความขัดแย้งที่ยุ่งเหยิงให้กลายเป็นข้อตกลงที่ชัดเจนและมีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อสร้างเสถียรภาพและความสงบสุขในระยะยาว การเจรจาที่ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดคือการก่อรูปของกฎหมายที่ยอมรับร่วมกัน
    บทความกฎหมาย EP.46 การเจรจาซึ่งถูกนิยามว่าเป็นกระบวนการหารือเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งหรือเพื่อจัดทำข้อตกลงนั้น มิได้เป็นเพียงทักษะทางสังคมหรือการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในทางนิติศาสตร์และระบบกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ การเจรจาในบริบททางกฎหมายนั้นมีความซับซ้อนและมีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอธิปไตย หรือการทำสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย การเจรจาในระดับรัฐต่อรัฐ (State-to-State Negotiation) ตามภาพที่นำเสนอ ซึ่งมีบริบททางทหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นการสะท้อนถึงเดิมพันที่สูงยิ่งและความจำเป็นในการใช้ความรอบคอบทางกฎหมายอย่างสูงสุด หลักการพื้นฐานของการเจรจาระหว่างประเทศ เช่น หลักความสุจริต (Pacta Sunt Servanda) ที่หมายถึงการที่คู่เจรจาทุกฝ่ายต้องดำเนินการเจรจาด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์และมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมและปฏิบัติได้จริงตามกฎหมายสนธิสัญญา นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงหลักความเสมอภาคแห่งรัฐอธิปไตย (Sovereign Equality) ซึ่งเป็นรากฐานของการยอมรับในศักดิ์ศรีและความเป็นอิสระของแต่ละฝ่าย ทำให้ไม่มีรัฐใดมีอำนาจเหนือกว่าอีกรัฐหนึ่งในทางกฎหมาย การเจรจาจึงต้องเป็นไปบนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนและการประนีประนอมอย่างเท่าเทียมกัน ในกรณีที่มีกองทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจหมายถึงการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางอาณาเขต ข้อพิพาทเรื่องทรัพยากร หรือการยุติสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งจำเป็นต้องอ้างอิงและปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) และข้อตกลงว่าด้วยการควบคุมอาวุธ การมีอยู่ของทหารมิได้เป็นอุปสรรคต่อการเจรจา แต่เป็นการเน้นย้ำถึงความตึงเครียดและระดับความจริงจังของประเด็นที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งทำให้ทุกถ้อยคำและเงื่อนไขที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนภายใต้กรอบของพันธกรณีทางกฎหมายที่มีอยู่เดิม การเจรจาในระดับนี้ไม่ใช่เพียงแค่การพูดคุย แต่เป็นการสร้างหรือเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ การร่างสนธิสัญญา (Treaty Drafting) ถือเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยทุกฝ่ายต้องมั่นใจว่าภาษาที่ใช้ในข้อตกลงนั้นมีความชัดเจน ไม่กำกวม และสะท้อนเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลอย่างถูกต้องตามหลักการตีความสนธิสัญญาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เนื้อหาของการเจรจาในบริบททางกฎหมาย มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การยุติข้อพิพาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายใหม่ การจัดทำเขตแดน การกำหนดสิทธิและหน้าที่ทางการค้า การลงทุน หรือแม้กระทั่งการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ความสำเร็จของการเจรจาจึงวัดได้จากความสามารถในการแปลงความต้องการทางการเมืองให้เป็นถ้อยคำทางกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ได้จริงและมีเสถียรภาพ ในทางปฏิบัติ การเจรจายังต้องคำนึงถึงอำนาจในการให้สัตยาบัน (Ratification) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศ หลังจากที่ผู้แทนลงนามในข้อตกลงแล้ว ข้อตกลงนั้นยังไม่ถือว่ามีผลสมบูรณ์จนกว่าจะผ่านกระบวนการอนุมัติภายในประเทศ เช่น การให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นสอดคล้องกับกฎหมายและผลประโยชน์สูงสุดของชาติ การเจรจาจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างมิติทางการทูต มิติทางกฎหมายระหว่างประเทศ และมิติทางกฎหมายรัฐธรรมนูญภายในประเทศเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก ในกรณีที่การเจรจาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ หรือเกิดการละเมิดข้อตกลงภายหลังการลงนาม กลไกทางกฎหมายก็ยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขความขัดแย้ง เช่น การใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการไกล่เกลี่ย การประนอมข้อพิพาท หรือการนำข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือศาลอนุญาโตตุลาการ (Arbitration Tribunal) ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด กฎหมายก็ยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ การเจรจาที่มีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยผู้เจรจาที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักการและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐตนเองในขณะเดียวกันก็เคารพในกฎเกณฑ์และพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีเสถียรภาพในประชาคมโลก ดังนั้น การเจรจาจึงเป็นมากกว่าการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เป็นกลไกทางกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนและทรงพลังที่สุดในการบริหารจัดการความขัดแย้งและสร้างพันธกรณีระหว่างประเทศ การบรรลุข้อตกลงที่ยั่งยืนและเป็นธรรมต้องอาศัยความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหลักความสุจริต หลักความเสมอภาค และการเคารพต่อระบบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด แม้ในสถานการณ์ที่มีความเปราะบางและมีแรงกดดันทางการทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง การเจรจาจึงเป็นเครื่องมือที่สะท้อนถึงอารยธรรมและความมุ่งมั่นของมนุษย์ที่จะใช้เหตุผลและกฎหมายเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกัน มากกว่าการใช้กำลังหรือการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการเปลี่ยนความขัดแย้งที่ยุ่งเหยิงให้กลายเป็นข้อตกลงที่ชัดเจนและมีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อสร้างเสถียรภาพและความสงบสุขในระยะยาว การเจรจาที่ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดคือการก่อรูปของกฎหมายที่ยอมรับร่วมกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ขยายอาณาจักรโอเพ่นซอร์ส

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 Nvidia ประกาศเข้าซื้อบริษัท SchedMD ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Slurm ระบบจัดการงาน (job scheduler) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Nvidia ต้องการเสริมความแข็งแกร่งด้าน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันกับบริษัทจีนและผู้เล่นรายใหม่ทวีความรุนแรงขึ้น

    บทบาทของ Slurm ในโลก AI
    Slurm เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ช่วยจัดการการทำงานของเซิร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลในศูนย์ข้อมูล เช่น การแบ่งทรัพยากร การจัดลำดับงาน และการตรวจสอบสถานะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ Nvidia ระบุว่า Slurm จะยังคงเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สต่อไป แต่บริษัทจะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา เพื่อให้ผู้พัฒนาและองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    กลยุทธ์การแข่งขันของ Nvidia
    นอกจากการซื้อ SchedMD แล้ว Nvidia ยังเปิดตัว ชุดโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สใหม่ ที่เร็วและถูกกว่ารุ่นก่อนหน้า เพื่อรับมือกับการไหลบ่าเข้ามาของโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Nvidia ที่จะไม่เพียงขายฮาร์ดแวร์ GPU แต่ยังสร้างระบบนิเวศซอฟต์แวร์ที่ครบวงจร ตั้งแต่ CUDA ไปจนถึงเครื่องมือจัดการงานและโมเดล AI

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเข้าซื้อ SchedMD อาจทำให้ Nvidia กลายเป็นผู้เล่นที่มีอำนาจมากขึ้นในตลาด AI เพราะสามารถควบคุมทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบางส่วนกังวลว่าการรวมศูนย์เช่นนี้อาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องพึ่งพา Nvidia มากเกินไป แม้บริษัทจะยืนยันว่าจะยังคงรักษาความเปิดกว้างของ Slurm ก็ตาม

    สรุปสาระสำคัญ
    Nvidia เข้าซื้อ SchedMD
    เสริมกลยุทธ์โอเพ่นซอร์ส AI และโครงสร้างพื้นฐานการฝึกโมเดล

    Slurm ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส
    ใช้จัดการงานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก
    Nvidia จะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและบำรุงรักษา

    กลยุทธ์ใหม่ของ Nvidia
    เปิดตัวโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สรุ่นใหม่ที่เร็วและถูกกว่า
    แข่งขันกับโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน

    ข้อกังวลจากชุมชน
    การรวมศูนย์อาจทำให้ผู้ใช้พึ่งพา Nvidia มากเกินไป
    เสี่ยงต่อการลดความหลากหลายของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/nvidia-buys-ai-software-provider-schedmd-to-expand-open-source-ai-push
    💻 Nvidia ขยายอาณาจักรโอเพ่นซอร์ส เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 Nvidia ประกาศเข้าซื้อบริษัท SchedMD ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Slurm ระบบจัดการงาน (job scheduler) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Nvidia ต้องการเสริมความแข็งแกร่งด้าน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันกับบริษัทจีนและผู้เล่นรายใหม่ทวีความรุนแรงขึ้น ⚙️ บทบาทของ Slurm ในโลก AI Slurm เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ช่วยจัดการการทำงานของเซิร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลในศูนย์ข้อมูล เช่น การแบ่งทรัพยากร การจัดลำดับงาน และการตรวจสอบสถานะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ Nvidia ระบุว่า Slurm จะยังคงเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สต่อไป แต่บริษัทจะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา เพื่อให้ผู้พัฒนาและองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 📈 กลยุทธ์การแข่งขันของ Nvidia นอกจากการซื้อ SchedMD แล้ว Nvidia ยังเปิดตัว ชุดโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สใหม่ ที่เร็วและถูกกว่ารุ่นก่อนหน้า เพื่อรับมือกับการไหลบ่าเข้ามาของโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Nvidia ที่จะไม่เพียงขายฮาร์ดแวร์ GPU แต่ยังสร้างระบบนิเวศซอฟต์แวร์ที่ครบวงจร ตั้งแต่ CUDA ไปจนถึงเครื่องมือจัดการงานและโมเดล AI 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเข้าซื้อ SchedMD อาจทำให้ Nvidia กลายเป็นผู้เล่นที่มีอำนาจมากขึ้นในตลาด AI เพราะสามารถควบคุมทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบางส่วนกังวลว่าการรวมศูนย์เช่นนี้อาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องพึ่งพา Nvidia มากเกินไป แม้บริษัทจะยืนยันว่าจะยังคงรักษาความเปิดกว้างของ Slurm ก็ตาม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Nvidia เข้าซื้อ SchedMD ➡️ เสริมกลยุทธ์โอเพ่นซอร์ส AI และโครงสร้างพื้นฐานการฝึกโมเดล ✅ Slurm ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส ➡️ ใช้จัดการงานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ➡️ Nvidia จะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและบำรุงรักษา ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Nvidia ➡️ เปิดตัวโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สรุ่นใหม่ที่เร็วและถูกกว่า ➡️ แข่งขันกับโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน ‼️ ข้อกังวลจากชุมชน ⛔ การรวมศูนย์อาจทำให้ผู้ใช้พึ่งพา Nvidia มากเกินไป ⛔ เสี่ยงต่อการลดความหลากหลายของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/nvidia-buys-ai-software-provider-schedmd-to-expand-open-source-ai-push
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nvidia buys AI software provider SchedMD to expand open-source AI push
    Dec 15 (Reuters) - Nvidia said on Monday it acquired AI software firm SchedMD, as the chip designer doubles down on open-source technology and steps up investments in the artificial intelligence ecosystem to fend off rising competition.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • Hashcards: เครื่องมือทบทวนความรู้แบบเรียบง่าย

    บทความจาก borretti.me แนะนำ Hashcards ซึ่งเป็นระบบ Spaced Repetition ที่ใช้ไฟล์ Plain Text ในการจัดเก็บข้อมูลการ์ดคำถาม-คำตอบ ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและแก้ไขได้ง่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมซับซ้อนหรือฐานข้อมูลปิด การออกแบบนี้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถใช้เครื่องมือใดก็ได้ที่รองรับข้อความธรรมดา เช่น Git หรือโปรแกรมแก้ไขข้อความทั่วไป

    จุดเด่นของ Hashcards
    Hashcards ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งใสและความยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถดูและแก้ไขข้อมูลการ์ดได้โดยตรง ไม่ต้องกังวลเรื่องการล็อกอินหรือการผูกติดกับแพลตฟอร์มใดๆ อีกทั้งยังสามารถซิงก์ไฟล์กับระบบควบคุมเวอร์ชัน เช่น Git เพื่อเก็บประวัติการเรียนรู้และแชร์กับผู้อื่นได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการใช้ อัลกอริทึม Spaced Repetition ที่ช่วยให้การทบทวนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเน้นการทบทวนในช่วงเวลาที่เหมาะสม

    หลักการสำคัญของ Spaced Repetition
    Spacing Effect: งานวิจัยด้านจิตวิทยาพบว่า การทบทวนข้อมูลแบบเว้นระยะ (เช่น 1 วัน, 3 วัน, 1 สัปดาห์) จะช่วยให้สมองจดจำได้ดีกว่าการท่องจำติดกันในช่วงสั้นๆ
    Active Recall: การดึงข้อมูลออกมาใช้จริง เช่น การตอบคำถามหรือทำแฟลชการ์ด จะช่วยให้สมองสร้างการเชื่อมโยงที่แข็งแรงกว่าการอ่านซ้ำเฉยๆ
    Feedback: แอปมักให้ผลตอบกลับทันทีว่าคุณจำถูกหรือผิด ซึ่งช่วยปรับการเรียนรู้ให้แม่นยำขึ้น
    Prioritization: เน้นทบทวนสิ่งที่จำยากบ่อยกว่า ส่วนสิ่งที่จำได้แล้วจะถูกเลื่อนออกไปทบทวนห่างขึ้น

    ความแตกต่างจากระบบปิด
    ต่างจากแอป Spaced Repetition ที่นิยมอย่าง Anki หรือ Quizlet ซึ่งมักใช้ฐานข้อมูลเฉพาะและมีข้อจำกัดในการเข้าถึง Hashcards เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญเสียข้อมูลหากแพลตฟอร์มปิดตัวลง อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบการเรียนรู้ได้ตามความต้องการ โดยไม่ถูกจำกัดด้วย UI หรือฟีเจอร์ที่ตายตัว

    ผลกระทบต่อการเรียนรู้และชุมชน
    Hashcards เป็นตัวอย่างของการนำแนวคิดโอเพ่นซอร์สมาประยุกต์ใช้กับการศึกษา ทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างระบบทบทวนที่เหมาะกับตนเองได้จริง และยังเปิดโอกาสให้ชุมชนร่วมกันพัฒนา ปรับปรุง หรือแชร์ชุดการ์ดความรู้ได้อย่างอิสระ ถือเป็นการคืนอำนาจการเรียนรู้ให้กับผู้ใช้โดยตรง

    สรุปสาระสำคัญ
    คุณสมบัติของ Hashcards
    ใช้ Plain Text ในการจัดเก็บข้อมูล
    รองรับการซิงก์กับ Git และเครื่องมือทั่วไป

    ข้อดีของระบบ
    โปร่งใสและยืดหยุ่น
    ไม่ผูกติดกับแพลตฟอร์มใดๆ
    ใช้อัลกอริทึม Spaced Repetition เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้

    ข้อควรระวัง
    ต้องการความเข้าใจพื้นฐานด้านการจัดการไฟล์และข้อความ
    อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการ UI สำเร็จรูปและใช้งานง่ายทันที

    https://borretti.me/article/hashcards-plain-text-spaced-repetition
    📝 Hashcards: เครื่องมือทบทวนความรู้แบบเรียบง่าย บทความจาก borretti.me แนะนำ Hashcards ซึ่งเป็นระบบ Spaced Repetition ที่ใช้ไฟล์ Plain Text ในการจัดเก็บข้อมูลการ์ดคำถาม-คำตอบ ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและแก้ไขได้ง่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมซับซ้อนหรือฐานข้อมูลปิด การออกแบบนี้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถใช้เครื่องมือใดก็ได้ที่รองรับข้อความธรรมดา เช่น Git หรือโปรแกรมแก้ไขข้อความทั่วไป ⚡ จุดเด่นของ Hashcards Hashcards ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งใสและความยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถดูและแก้ไขข้อมูลการ์ดได้โดยตรง ไม่ต้องกังวลเรื่องการล็อกอินหรือการผูกติดกับแพลตฟอร์มใดๆ อีกทั้งยังสามารถซิงก์ไฟล์กับระบบควบคุมเวอร์ชัน เช่น Git เพื่อเก็บประวัติการเรียนรู้และแชร์กับผู้อื่นได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการใช้ อัลกอริทึม Spaced Repetition ที่ช่วยให้การทบทวนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเน้นการทบทวนในช่วงเวลาที่เหมาะสม 🧠 หลักการสำคัญของ Spaced Repetition 💠 Spacing Effect: งานวิจัยด้านจิตวิทยาพบว่า การทบทวนข้อมูลแบบเว้นระยะ (เช่น 1 วัน, 3 วัน, 1 สัปดาห์) จะช่วยให้สมองจดจำได้ดีกว่าการท่องจำติดกันในช่วงสั้นๆ 💠 Active Recall: การดึงข้อมูลออกมาใช้จริง เช่น การตอบคำถามหรือทำแฟลชการ์ด จะช่วยให้สมองสร้างการเชื่อมโยงที่แข็งแรงกว่าการอ่านซ้ำเฉยๆ 💠 Feedback: แอปมักให้ผลตอบกลับทันทีว่าคุณจำถูกหรือผิด ซึ่งช่วยปรับการเรียนรู้ให้แม่นยำขึ้น 💠 Prioritization: เน้นทบทวนสิ่งที่จำยากบ่อยกว่า ส่วนสิ่งที่จำได้แล้วจะถูกเลื่อนออกไปทบทวนห่างขึ้น 🔒 ความแตกต่างจากระบบปิด ต่างจากแอป Spaced Repetition ที่นิยมอย่าง Anki หรือ Quizlet ซึ่งมักใช้ฐานข้อมูลเฉพาะและมีข้อจำกัดในการเข้าถึง Hashcards เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญเสียข้อมูลหากแพลตฟอร์มปิดตัวลง อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบการเรียนรู้ได้ตามความต้องการ โดยไม่ถูกจำกัดด้วย UI หรือฟีเจอร์ที่ตายตัว 🌍 ผลกระทบต่อการเรียนรู้และชุมชน Hashcards เป็นตัวอย่างของการนำแนวคิดโอเพ่นซอร์สมาประยุกต์ใช้กับการศึกษา ทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างระบบทบทวนที่เหมาะกับตนเองได้จริง และยังเปิดโอกาสให้ชุมชนร่วมกันพัฒนา ปรับปรุง หรือแชร์ชุดการ์ดความรู้ได้อย่างอิสระ ถือเป็นการคืนอำนาจการเรียนรู้ให้กับผู้ใช้โดยตรง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ คุณสมบัติของ Hashcards ➡️ ใช้ Plain Text ในการจัดเก็บข้อมูล ➡️ รองรับการซิงก์กับ Git และเครื่องมือทั่วไป ✅ ข้อดีของระบบ ➡️ โปร่งใสและยืดหยุ่น ➡️ ไม่ผูกติดกับแพลตฟอร์มใดๆ ➡️ ใช้อัลกอริทึม Spaced Repetition เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ต้องการความเข้าใจพื้นฐานด้านการจัดการไฟล์และข้อความ ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการ UI สำเร็จรูปและใช้งานง่ายทันที https://borretti.me/article/hashcards-plain-text-spaced-repetition
    BORRETTI.ME
    Hashcards: A Plain-Text Spaced Repetition System
    Announcing my latest open-source project.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 2
    กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย
    อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012
    The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี
    ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ
    มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ
    อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ
    ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย
    ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย
    ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่”
    นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้
    พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 2 กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012 The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่” นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้ พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปหล่อหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2511
    รูปหล่อหลวงพ่อทวด #พิมพ์หน้าแก่ ก้นอุดกริ่ง โค๊ตนะ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี​ ปี​2511 // พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์ทิม​ วัดช้างให้​ ปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี **

    ** #ประวัติการสร้าง ระบุว่าเป็นรูปหล่อหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ปี 2511 สร้างขึ้นที่วัดช้างให้โดยคุณสุเทพ สิงหเสม คนพัทลุง สร้างขึ้นพร้อมกับวัตถุมงคลอื่นๆอีกหลายอย่าง พระกริ่งหลวงพ่อทวดรุ่นนี้มีเนื้อโลหะสีแดงคล้ายๆกับหลวงพ่อทวดเนื้อโลหะครึ่งซีกแบบหลังเตารีด ชุบทองจำนวนหนึ่ง ชุบเงินจำนวนหนึ่งกับเนื้อทองแดงไม่ได้ชุบอะไรเลยอีกจำนวนหนึ่งเป็นพระพิมพ์เดียวกันและขนาดเดียวกันทุกอย่างแต่ทำให้สีขององค์พระแตกต่างกันเป็น3อย่างดังกล่าวแล้วขนาดขององค์พระรุ่นนี้ฐานกว้างประมาณ1ซม.ส่วนสูงขององค์พระประมาณ1.8ซม.เป็นรูปหลวงพ่อทวดท่านนั่งลอยองค์อยู่บนแท่นฐานเขียงที่ฐานด้านหน้าเขียนว่า"วัดช้างให้" บรรจุเม็ดกริ่งเข้าไปภายในเย่ามีเสียงดังขลุกๆรูที่บรรจุเม็ดกริ่งใต้ฐานใช้โลหะย้ำปิดและตอกโค๊ตเป็นตัวอักษรขอมไว้ลึกลงไปในเนื้อพระ **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2511 รูปหล่อหลวงพ่อทวด #พิมพ์หน้าแก่ ก้นอุดกริ่ง โค๊ตนะ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี​ ปี​2511 // พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์ทิม​ วัดช้างให้​ ปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี ** ** #ประวัติการสร้าง ระบุว่าเป็นรูปหล่อหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ปี 2511 สร้างขึ้นที่วัดช้างให้โดยคุณสุเทพ สิงหเสม คนพัทลุง สร้างขึ้นพร้อมกับวัตถุมงคลอื่นๆอีกหลายอย่าง พระกริ่งหลวงพ่อทวดรุ่นนี้มีเนื้อโลหะสีแดงคล้ายๆกับหลวงพ่อทวดเนื้อโลหะครึ่งซีกแบบหลังเตารีด ชุบทองจำนวนหนึ่ง ชุบเงินจำนวนหนึ่งกับเนื้อทองแดงไม่ได้ชุบอะไรเลยอีกจำนวนหนึ่งเป็นพระพิมพ์เดียวกันและขนาดเดียวกันทุกอย่างแต่ทำให้สีขององค์พระแตกต่างกันเป็น3อย่างดังกล่าวแล้วขนาดขององค์พระรุ่นนี้ฐานกว้างประมาณ1ซม.ส่วนสูงขององค์พระประมาณ1.8ซม.เป็นรูปหลวงพ่อทวดท่านนั่งลอยองค์อยู่บนแท่นฐานเขียงที่ฐานด้านหน้าเขียนว่า"วัดช้างให้" บรรจุเม็ดกริ่งเข้าไปภายในเย่ามีเสียงดังขลุกๆรูที่บรรจุเม็ดกริ่งใต้ฐานใช้โลหะย้ำปิดและตอกโค๊ตเป็นตัวอักษรขอมไว้ลึกลงไปในเนื้อพระ ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.45

    ข้อพิพาทชายแดนอันเป็นความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างรัฐอธิปไตยอย่างน้อยสองรัฐเกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดน การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน หรือการควบคุมพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ถือเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในมิติทางกฎหมาย ข้อพิพาทเหล่านี้มักไม่ได้มีสาเหตุเพียงเพราะความคลุมเครือทางภูมิศาสตร์หรือความแตกต่างทางชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลพวงโดยตรงจากความไม่ชัดเจนหรือการตีความที่แตกต่างกันของเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ อันได้แก่ สนธิสัญญาเก่าแก่ ข้อตกลงเขตแดน หรือแม้กระทั่งหลักการทางกฎหมายจารีตประเพณี การวิเคราะห์เชิงกฎหมายถือเป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งเหล่านี้ เนื่องจากการกำหนดเขตแดนระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งผูกพันอยู่กับหลักการพื้นฐานเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (Territorial Sovereignty) และหลักการความศักดิ์สิทธิ์ของเขตแดน (Principle of Utis Possidetis Juris) กล่าวคือเมื่อมีการกำหนดเขตแดนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เขตแดนนั้นย่อมได้รับการยอมรับและไม่สามารถถูกละเมิดได้โดยง่าย หลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพิจารณาข้อพิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจขาดความชัดเจนทางเทคนิค หรือถูกเขียนขึ้นในบริบททางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทำให้เกิดช่องว่างในการตีความตามหลักกฎหมายปัจจุบัน นอกจากนี้ บทบาทของแผนที่ที่มีการอ้างอิงถึงในสนธิสัญญา แต่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งกันเอง ก็นับเป็นแหล่งที่มาของปัญหาทางกฎหมายที่ต้องมีการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเจตจำนงร่วมของคู่สัญญาในขณะทำสนธิสัญญา นอกเหนือจากสนธิสัญญาแล้ว การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนยังเกี่ยวข้องกับการใช้หลักการเข้าถือครองดินแดน (Acquisition of Territory) ซึ่งรวมถึงการเข้าถือครองอย่างสันติและต่อเนื่อง (Effective Occupation) ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน การแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของรัฐ (Effectivités) อย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง เช่น การบริหารราชการ การเก็บภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท จึงอาจถูกนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ทางกฎหมาย การตัดสินใจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือคณะอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทชายแดนในอดีต ได้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางภูมิศาสตร์ และความสมเหตุสมผลในการใช้ชีวิตของประชากรในพื้นที่เป็นองค์ประกอบเสริมในการตีความเครื่องมือทางกฎหมาย การแก้ไขข้อพิพาทชายแดนจึงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง โดยเริ่มต้นจากการเจรจาทางการทูต การใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย หรือการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อหาข้อยุติที่อยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรม

    ในทางปฏิบัติ ข้อพิพาทชายแดนเป็นมากกว่าเรื่องของการตีความเส้นบนแผนที่ แต่เป็นประเด็นที่ผูกโยงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของชาติอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า เช่น แหล่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือการเข้าถึงเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ ผลประโยชน์เหล่านี้มักเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ข้อพิพาททวีความรุนแรงขึ้นและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม หลักกฎหมายระหว่างประเทศจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างกรอบการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่เพียงการกำหนดเส้นเขตแดน แต่ต้องรวมถึงการจัดการทรัพยากรข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมผ่านข้อตกลงความร่วมมือ หรือการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม (Joint Development Zone) ซึ่งเป็นการแยกการจัดการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกจากการอ้างสิทธิ์เหนืออำนาจอธิปไตย เพื่อลดความตึงเครียดและส่งเสริมสันติภาพในระยะยาว ข้อพิพาทเขตแดนจึงมีความท้าทายในทางกฎหมายที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการตีความเอกสารทางกฎหมายและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การตีความตามตัวอักษรของสนธิสัญญาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดแย้งกับหลักการเข้าถือครองดินแดนที่มีมายาวนาน ดังนั้น การตัดสินใจทางกฎหมายจึงมักจะต้องพิจารณาหลักความเท่าเทียม (Equity) และความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายและนำไปสู่ความมั่นคงในภูมิภาค

    โดยสรุปแล้ว ข้อพิพาทชายแดนเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ถูกควบคุมและกำหนดทิศทางโดยกฎหมายระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการปะทะกันทางทหารหรือทางการเมืองเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่มุ่งเน้นการพิสูจน์ความชอบธรรมของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบนพื้นฐานของสนธิสัญญา หลักกฎหมายจารีตประเพณี และการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขอย่างสันติและยั่งยืนจึงต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ โดยการนำเครื่องมือทางกฎหมายมาใช้ในการตีความเอกสารที่คลุมเครือ การพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาทางการทูต หรือการพึ่งพาอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมายที่นำไปสู่การเคารพซึ่งกันและกันในอำนาจอธิปไตยเหนือพรมแดน และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมั่นคงในประชาคมโลก
    บทความกฎหมาย EP.45 ข้อพิพาทชายแดนอันเป็นความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างรัฐอธิปไตยอย่างน้อยสองรัฐเกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดน การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน หรือการควบคุมพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ถือเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในมิติทางกฎหมาย ข้อพิพาทเหล่านี้มักไม่ได้มีสาเหตุเพียงเพราะความคลุมเครือทางภูมิศาสตร์หรือความแตกต่างทางชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลพวงโดยตรงจากความไม่ชัดเจนหรือการตีความที่แตกต่างกันของเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ อันได้แก่ สนธิสัญญาเก่าแก่ ข้อตกลงเขตแดน หรือแม้กระทั่งหลักการทางกฎหมายจารีตประเพณี การวิเคราะห์เชิงกฎหมายถือเป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งเหล่านี้ เนื่องจากการกำหนดเขตแดนระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งผูกพันอยู่กับหลักการพื้นฐานเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (Territorial Sovereignty) และหลักการความศักดิ์สิทธิ์ของเขตแดน (Principle of Utis Possidetis Juris) กล่าวคือเมื่อมีการกำหนดเขตแดนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เขตแดนนั้นย่อมได้รับการยอมรับและไม่สามารถถูกละเมิดได้โดยง่าย หลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพิจารณาข้อพิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจขาดความชัดเจนทางเทคนิค หรือถูกเขียนขึ้นในบริบททางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทำให้เกิดช่องว่างในการตีความตามหลักกฎหมายปัจจุบัน นอกจากนี้ บทบาทของแผนที่ที่มีการอ้างอิงถึงในสนธิสัญญา แต่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งกันเอง ก็นับเป็นแหล่งที่มาของปัญหาทางกฎหมายที่ต้องมีการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเจตจำนงร่วมของคู่สัญญาในขณะทำสนธิสัญญา นอกเหนือจากสนธิสัญญาแล้ว การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนยังเกี่ยวข้องกับการใช้หลักการเข้าถือครองดินแดน (Acquisition of Territory) ซึ่งรวมถึงการเข้าถือครองอย่างสันติและต่อเนื่อง (Effective Occupation) ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน การแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของรัฐ (Effectivités) อย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง เช่น การบริหารราชการ การเก็บภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท จึงอาจถูกนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ทางกฎหมาย การตัดสินใจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือคณะอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทชายแดนในอดีต ได้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางภูมิศาสตร์ และความสมเหตุสมผลในการใช้ชีวิตของประชากรในพื้นที่เป็นองค์ประกอบเสริมในการตีความเครื่องมือทางกฎหมาย การแก้ไขข้อพิพาทชายแดนจึงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง โดยเริ่มต้นจากการเจรจาทางการทูต การใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย หรือการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อหาข้อยุติที่อยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรม ในทางปฏิบัติ ข้อพิพาทชายแดนเป็นมากกว่าเรื่องของการตีความเส้นบนแผนที่ แต่เป็นประเด็นที่ผูกโยงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของชาติอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า เช่น แหล่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือการเข้าถึงเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ ผลประโยชน์เหล่านี้มักเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ข้อพิพาททวีความรุนแรงขึ้นและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม หลักกฎหมายระหว่างประเทศจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างกรอบการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่เพียงการกำหนดเส้นเขตแดน แต่ต้องรวมถึงการจัดการทรัพยากรข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมผ่านข้อตกลงความร่วมมือ หรือการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม (Joint Development Zone) ซึ่งเป็นการแยกการจัดการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกจากการอ้างสิทธิ์เหนืออำนาจอธิปไตย เพื่อลดความตึงเครียดและส่งเสริมสันติภาพในระยะยาว ข้อพิพาทเขตแดนจึงมีความท้าทายในทางกฎหมายที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการตีความเอกสารทางกฎหมายและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การตีความตามตัวอักษรของสนธิสัญญาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดแย้งกับหลักการเข้าถือครองดินแดนที่มีมายาวนาน ดังนั้น การตัดสินใจทางกฎหมายจึงมักจะต้องพิจารณาหลักความเท่าเทียม (Equity) และความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายและนำไปสู่ความมั่นคงในภูมิภาค โดยสรุปแล้ว ข้อพิพาทชายแดนเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ถูกควบคุมและกำหนดทิศทางโดยกฎหมายระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการปะทะกันทางทหารหรือทางการเมืองเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่มุ่งเน้นการพิสูจน์ความชอบธรรมของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบนพื้นฐานของสนธิสัญญา หลักกฎหมายจารีตประเพณี และการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขอย่างสันติและยั่งยืนจึงต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ โดยการนำเครื่องมือทางกฎหมายมาใช้ในการตีความเอกสารที่คลุมเครือ การพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาทางการทูต หรือการพึ่งพาอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมายที่นำไปสู่การเคารพซึ่งกันและกันในอำนาจอธิปไตยเหนือพรมแดน และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมั่นคงในประชาคมโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักรบรับจ้าง คือสิ่งยืนยันถึงสันติภาพจอมปลอมของชาติหมาอำนาจและUN ร้องยุติสู้รบแต่ปล่อยนักรบรับจ้างรับงานทำลายไทย
    #7ดอกจิก
    นักรบรับจ้าง คือสิ่งยืนยันถึงสันติภาพจอมปลอมของชาติหมาอำนาจและUN ร้องยุติสู้รบแต่ปล่อยนักรบรับจ้างรับงานทำลายไทย #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 15-12-68
    .
    เช้าวันนี้วงประชุม และรับประทานอาหารเช้าของคุณสนธิ อ.ปานเทพ และทีมงานคุยทุกเรื่องกับสนธิ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเป็นโกยซีหมี่ไก่ มีการอัพเดตสถานการณ์ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ความคืบหน้าในการจัดหาโดรนและระบบแอนตี้โดรนให้กับกองทัพภาคที่ 2, กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงเหล่าทัพที่ต้องการ ที่สำคัญก็คือ คุณสนธิได้ฉายภาพให้เห็นว่า "ประเทศไทย" ควรจะวางตัว และทำอย่างไรดีท่ามกลางความซับซ้อนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ สหรัฐอเมริกา และจีน กำลังแย่งชิงอำนาจในภูมิภาคนี้ ... แต่คนที่ตายจริง เจ็บจริง และสูญเสียจริงคือคนไทยและคนเขมร
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=_8VSxoSHwW0
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามไทยเขมร #ไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง
    สนธิเล่าเรื่อง 15-12-68 . เช้าวันนี้วงประชุม และรับประทานอาหารเช้าของคุณสนธิ อ.ปานเทพ และทีมงานคุยทุกเรื่องกับสนธิ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเป็นโกยซีหมี่ไก่ มีการอัพเดตสถานการณ์ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ความคืบหน้าในการจัดหาโดรนและระบบแอนตี้โดรนให้กับกองทัพภาคที่ 2, กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงเหล่าทัพที่ต้องการ ที่สำคัญก็คือ คุณสนธิได้ฉายภาพให้เห็นว่า "ประเทศไทย" ควรจะวางตัว และทำอย่างไรดีท่ามกลางความซับซ้อนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ สหรัฐอเมริกา และจีน กำลังแย่งชิงอำนาจในภูมิภาคนี้ ... แต่คนที่ตายจริง เจ็บจริง และสูญเสียจริงคือคนไทยและคนเขมร . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=_8VSxoSHwW0 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามไทยเขมร #ไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 12

    “ลองเชิง”
    ตอน 12 (จบ)
    ผมเขียนเล่าเรื่อง ที่มาของฉากซีเรียในมิติใหญ่ ที่เกี่ยวกับเป้าหมายของอเมริกา ที่จะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการครอบครองยูเรเซีย ที่มีรัสเซียและจีน ยืนตัวใหญ่อยู่ในยูเรเซีย และอเมริกาจะครอบครองยูเรเซียได้ อเมริกาจะต้องครอบครอง (พลังงานใน) ตะวันออกกลางเสียก่อน เพื่อไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงพลังงานในตะวันออกกลาง มันเป็นแผน ที่อเมริกาวางไว้ ก่อนเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก
    อเมริกา อมตะวันออกกลางไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว โดยการเข้าไปครอบงำ และชักใยค่าย ซาอุดิอารเบียเสี่ยปั้มใหญ่ กับพวกเสี่ยปั๊มเล็ก สิงห์สำอางค์ทั้งหลาย แต่นั่น ยังไม่ทำให้อเมริกาได้ตะวันออกกลางทั้งหมด เพราะยังมีก้างขวางคออันใหญ่และแหลมคมคือ ค่ายของอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์และพวก และหมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ค่ายนี้กระเทือนคือ การอยู่ หรือการไปของซีเรีย หรือชัดๆ ก็คือ อัสซาด ผู้นำซีเรีย จะอยู่รอดหรือไม่
    และขณะเดียวกัน ซีเรีย ก็เป็นหมากตัวสำคัญ ของสงครามท่อส่งแก๊ส ซึ่ง เป็นการชิงเส้นทางท่อส่งแก๊สไปยุโรป ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ในตะวันออกกลาง และเรื่องท่อส่งแก๊สนี้ จึงเกี่ยวพันกับรัสเซีย ยุโรป และเอเซีย
    ซีเรีย จึงเป็นจุดชี้เป็น ชี้ตายในหลายมิติ และผลสรุปของการลองเชิง ที่ซีเรียน่าจะบอกอะไรเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลก
    ในสมัยก่อน การค้าขายหลายประเทศใช้เรือปืนนำหน้า ไปจอดตามอ่าวหน้าบ้านเขา เพื่อบังคับให้เจ้าของบ้านเปิดประตูมาค้าขายกัน และร้อยทั้งร้อย คนเปิดประตูก็เสียเปรียบ เพราะ (ยัง) ไม่มี ปืนใหญ่ไปต่อรองกับเขา ไอ้พวกใช้เรือปืนมาทำการค้านี่ ก็เลยติดสันดานเดิม เริ่มด้วยการข่มขู่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังใช้สันดานนี้อยู่ เว้นแต่ประเทศไหนจะมีอำนาจ หรือมีสิ่งต่อรอง
    สหภาพโซเวียต ซึ่งอเมริกามองว่า เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกอเมริกาล๊อกเป้าทำลายไว้แล้ว และอเมริกาก็ทำสำเร็จด้วยการใช้ ทฤษฏีสงครามเย็น ปิดล้อมโซเวียต จะกระดิกแทบไม่ออก ค้าขายไม่ได้ บวกกับการเสี้ยมให้รัฐเล็ก รัฐน้อย ทะยอยกันต้านแม่ใหญ่ ร่วมกับการสร้างหนอนในประเทศ ในที่สุด สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายในปี ค.ศ.1991
    สหภาพโซเสียตล่มสลาย แต่ไม่ตายสนิท รัสเซียฟื้นขึ้นมาได้ และฟื้นเร็วเกินกว่าที่อเมริกาคาด เพราะรัสเซียเรียนรู้จากการถูกปิดล้อมว่า เพื่อความอยู่รอดของรัสเซียใหม่ รัสเซียจะต้องเดินยุทธศาสตร์ประเทศ ที่จะไม่ให้ถูกปิดล้อมง่ายๆ และต้องมีอำนาจต่อรอง
    ด้วยยุทธศาสตร์ท่อส่งของรัสเซีย ที่กระจายไปทั่วยุโรป เอเซีย และกำลังจะมาถึงตะวันออกกลางนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะปิดล้อมรัสเซียทำยากขึ้น เพราะการเดินท่อส่งแก๊สไปยังจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงยุโรป แต่ละจุดนั้น เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรอง รัสเซียส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านยุโรป โดยไม่ต้องเสียเวลาขนส่ง ไม่ต้องเสียเวลาสร้างเรือบรรทุก เอาเวลาไปสร้างเรือรบและอาวุธไว้ป้องกันประเทศดีกว่า และที่สำคัญ ท่อส่งผ่านที่ไหน ก็ลงทุนด้วยกัน เป็นเจ้าของร่วมกัน ใครจะอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง
    ด้วยยุทธศาสตร์นี้ ถึงคนยุโรปจะยังไม่สะดวกใจ ที่จะแหกคอกอเมริกามาคบกับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ไม่สะดวกใจ ที่จะรังเกียจแก๊สรัสเซียเหมือนกัน
    และตอนนี้ จีน เพื่อนกันไม่ทิ้งกันของรัสเซีย ก็ใช้ยุทธศาสตร์ท่อส่ง จากอาฟริกา ยาวมาถึงเอเซีย เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน
    ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ยุโรปต้องคิดหนัก ถ้าจะเดินตามการชักใยของอเมริกาไปตลอด ถ้ารัสเซียเกิดปิดท่อแก็สที่จะมายุโรป อย่างน้อย ยุโรปจะขาดแก๊สไปถึง 60% ส่วนอเมริกาก็จะยอมให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองอย่างนี้ไม่ได้ ยูเครน ซึ่งอยู่ปลายท่อส่งแก๊สรัสเซียมาออกยุโรป จึงเกิดความไม่สงบอย่างไม่มีวันเลิก และตัวเลือกของอเมริกาจึงถูกส่งเข้ามาเป็นผู้นำยูเครน
    แต่การแก้เกมแบบนี้ของอเมริกา กระเทือนทั้ง 2 ทาง ถ้ายูเครนปิดทางไม่ให้แก๊สออก รัสเซียก็เหนื่อย ขาดรายได้สำคัญ แต่ยุโรปก็อาจแข็งตายไปด้วย ถ้าไม่มีแก๊สจากรัสเซีย ส่วนอเมริกาลอยตัวไม่กระทบกระเทือนอะไรด้วย ยุโรปถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัวเสียที
    รัสเซียจึงสร้างท่อส่งแก๊สอีกเส้น ลอดทะเลไปให้เยอรมัน และท่อส่งนี่ก็เสร็จแล้ว ถ้าแก็สส่งออกไปทางยูเครนไม่ได้ ก็มาออกเยอรมันได้ แล้วน่าคิดไหมครับ ทำไมตอนนี้ ผู้ลี้ภัยถึงมาทะลักกันเต็มอยู่ในเยอรมัน มันเป็นเรื่องการบีบคอเยอรมันหรือไม่ ป้าเข็มขัดเหล็ก คงกำลังเครียดหนัก จนตดแตกอีกแล้ว
    อเมริกา พยายามแก้อำนาจต่อรองของรัสเซียเรื่องท่อส่งแก๊สในยุโรป ด้วยการพยายามเดินท่อส่งสายใหม่ ซึ่งอเมริกาพยายามแก้เกมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เมื่อเห็นรัสเซีย และจีนเริ่มโต แต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็เดินหมากของตัวเองอย่างระวัง
    ท่านผู้อ่านจะเข้าใจเรื่องราว มองเห็นภาพต่อเนื่อง ถ้าได้อ่านนิทานเรื่อง “หักหน้าหักหลัง” https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf ซึ่งแสดงถึงวืธีการเดินแผน ฝั่งรัสเซีย กับการเดินแผนของฝั่งอเมริกาต่อจีน ในนิทานเรื่อง ” แผนชั่ว ” https://www.dropbox.com/s/mzu294f5rhhrkyr/20150914.pdf
    ดังนั้น การสู้รบในซีเรีย จึงมีความหมายเกี่ยวกับการรักษาตำแหน่งพี่เบิ้มของอเมริกา และเป็นความอยู่รอดของฝั่งรัสเซีย จีน ด้วย
    การที่รัสเซีย เข้าไปเล่นในซีเรียใน “ตอนนี้ ” ภายใต้เรื่องราว และสถานการณ์ในซีเรีย ที่ดำเนินอยู่อย่างที่เล่ามาแล้วนั้น รวมทั้งการเลือกเวลาเล่น ให้สอดคล้องกับช่วงการประชุมของสหประชาชาติ รวมทั้งคำแถลง ของรัสเซียจีนและอิหร่านในช่วง นั้น มองอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกัน มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะแปลว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย ได้แสดงตัวต่ออเมริกาแล้วว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้อง ฟัง หรือ จัดการกับปัญหาที่กระทบกับพวกเขา หรือที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหา ตามวิธีการของอเมริกาและพวก อีกต่อไปแล้ว
    สรุปสั้นๆ เป็นภาษาแถวบ้านผม ก็คงจะทำนอง “กูไม่ชอบวิธีการของมึง และกูไม่จำเป็นต้องฟังมึงอีกต่อไป เพราะกูไม่กลัวมึง (แล้ว)”
    คำพูดแบบนี้ เป็นลุงนิทานพูด มันก็คงปิดเพจผม รวนเพจผม อย่างที่มันทำกับผมมาตลอด แต่ถ้าคำพูดแบบนี้ ตามความเข้าใจผม เป็นของประเทศใหญ่อย่างรัสเซีย จีน อิหร่าน และวันนี้ เกาหลีเหนือของน้องคิม ก็พูดทำนองนี้ เรื่องซีเรียนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ถึงได้ดิ้นกันเหมือนโดนน้ำร้อนลวกหลังกันเป็นแถวๆ
    และถ้าดูจากปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่เข้าไปในซีเรียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ รวมทั้งข่าวเรื่องการขนทั้งอาวุธหนัก อาวุธเบา และกำลังพลมากมาย ที่ไม่ใช่มาจากข่าวของกระป๋องสีฝั่งตะวันตกแล้ว จะเห็นว่า คุณพี่ปูติน แสดงออกอย่างที่ผมสรุปนั่นแหละ เพราะแกจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ
    และเมื่อรัสเซียกับพวก แสดงออกแบบนี้ อเมริกาและพวก จะแสดงอะไรล่ะ
    แรกๆ ก็คงทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ คือดาหน้ากันออกมา ด่ารัสเซีย เหน็บแนมการปฎิบัติการของรัสเซีย ทำไมมึงไม่ไปถล่มไอซิส ทำไมมึงไปถล่มแต่พวกกบฏ โธ่เว้ย ถล่มกลุ่มไหน มันก็กลุ่มที่พวกมึงสร้างมาทั้งนั้น เพียงแต่ข้อตกลงภายในมันต่างกัน สุดท้ายคุณพี่ปูตินเขาคงถล่มหมดละน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก
    หลังจากตั้งหลักได้ อเมริกากับพวก มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือ เจรจากันให้รู้เรื่องกับฝ่ายรัสเซียและพวก นั่นเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสม และโลกจะสะเทือนน้อยที่สุด แต่อเมริกาจะรู้สึกเสียหน้า แต่จะเจรจาอย่างไร ผมคาดว่า รัสเซียคงยังเดินหน้าเรื่องของซีเรียอยู่ดี
    ถ้าอเมริกาเลือกวิธีนี้ ไม่ได้หมายความว่า อเมริกา “ยอมรับ” ว่าฝ่ายรัสเซียเท่าเทียมตัวแล้ว แต่มันเป็นการ “ซื้อเวลา” ของอเมริกามากกว่า และปฏิบัติการหลากหลายเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัสเซีย จะตามมาเป็นชุดและชุดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
    ทางเลือกที่ 2 สำหรับอเมริกาคือ ไม่มีเจรจา ไม่ซื้อเวลา และปฏิบัติการตอบโต้จะตามมารวดเร็ว
    ความต่างของ 2 ทางเลือกคือ ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกายังไม่พร้อม และแปลว่าฝ่ายรัสเซีย เลือกจังหวะเดินหมากถูก ไม่ให้เวลาอเมริกาตั้งตัว แต่ถ้าอเมริกาไม่ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกาพร้อมอยู่แล้ว และทางรัสเซียก็คงต้องรู้อยู่แล้ว จึงเดินหมากบังคับไปก่อน
    อเมริกาจะเลือกทางไหนก็ตาม โลกเราจะไม่มีวันถอยกลับไปที่เดิมอีกแล้ว
    ขั้วอำนาจโลก ไม่ได้มีเพียงขั้วเดียว ที่มีอเมริกาเป็นผู้นำเท่านั้นอีกแล้ว แต่มีอีกขั้วอำนาจใหม่
    ที่มีรัสเซียจีนอิหร่าน จับมือกันเกิดขึ้นแล้ว และการเผชิญหน้ากัน ของ 2 ขั้ว ก็จะรุนแรงขึ้น
    ขั้วไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องอะไรบ้าง มีโอกาสจะมาประเมินให้ฟังครับ
    วันนี้ ขอจบนิทานเรื่องลองเชิง ใครลองเชิง ใครเสียเชิง คงพอมองเห็นกัน
    คนเล่านิทาน
    11 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 12 “ลองเชิง” ตอน 12 (จบ) ผมเขียนเล่าเรื่อง ที่มาของฉากซีเรียในมิติใหญ่ ที่เกี่ยวกับเป้าหมายของอเมริกา ที่จะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการครอบครองยูเรเซีย ที่มีรัสเซียและจีน ยืนตัวใหญ่อยู่ในยูเรเซีย และอเมริกาจะครอบครองยูเรเซียได้ อเมริกาจะต้องครอบครอง (พลังงานใน) ตะวันออกกลางเสียก่อน เพื่อไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงพลังงานในตะวันออกกลาง มันเป็นแผน ที่อเมริกาวางไว้ ก่อนเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก อเมริกา อมตะวันออกกลางไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว โดยการเข้าไปครอบงำ และชักใยค่าย ซาอุดิอารเบียเสี่ยปั้มใหญ่ กับพวกเสี่ยปั๊มเล็ก สิงห์สำอางค์ทั้งหลาย แต่นั่น ยังไม่ทำให้อเมริกาได้ตะวันออกกลางทั้งหมด เพราะยังมีก้างขวางคออันใหญ่และแหลมคมคือ ค่ายของอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์และพวก และหมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ค่ายนี้กระเทือนคือ การอยู่ หรือการไปของซีเรีย หรือชัดๆ ก็คือ อัสซาด ผู้นำซีเรีย จะอยู่รอดหรือไม่ และขณะเดียวกัน ซีเรีย ก็เป็นหมากตัวสำคัญ ของสงครามท่อส่งแก๊ส ซึ่ง เป็นการชิงเส้นทางท่อส่งแก๊สไปยุโรป ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ในตะวันออกกลาง และเรื่องท่อส่งแก๊สนี้ จึงเกี่ยวพันกับรัสเซีย ยุโรป และเอเซีย ซีเรีย จึงเป็นจุดชี้เป็น ชี้ตายในหลายมิติ และผลสรุปของการลองเชิง ที่ซีเรียน่าจะบอกอะไรเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลก ในสมัยก่อน การค้าขายหลายประเทศใช้เรือปืนนำหน้า ไปจอดตามอ่าวหน้าบ้านเขา เพื่อบังคับให้เจ้าของบ้านเปิดประตูมาค้าขายกัน และร้อยทั้งร้อย คนเปิดประตูก็เสียเปรียบ เพราะ (ยัง) ไม่มี ปืนใหญ่ไปต่อรองกับเขา ไอ้พวกใช้เรือปืนมาทำการค้านี่ ก็เลยติดสันดานเดิม เริ่มด้วยการข่มขู่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังใช้สันดานนี้อยู่ เว้นแต่ประเทศไหนจะมีอำนาจ หรือมีสิ่งต่อรอง สหภาพโซเวียต ซึ่งอเมริกามองว่า เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกอเมริกาล๊อกเป้าทำลายไว้แล้ว และอเมริกาก็ทำสำเร็จด้วยการใช้ ทฤษฏีสงครามเย็น ปิดล้อมโซเวียต จะกระดิกแทบไม่ออก ค้าขายไม่ได้ บวกกับการเสี้ยมให้รัฐเล็ก รัฐน้อย ทะยอยกันต้านแม่ใหญ่ ร่วมกับการสร้างหนอนในประเทศ ในที่สุด สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายในปี ค.ศ.1991 สหภาพโซเสียตล่มสลาย แต่ไม่ตายสนิท รัสเซียฟื้นขึ้นมาได้ และฟื้นเร็วเกินกว่าที่อเมริกาคาด เพราะรัสเซียเรียนรู้จากการถูกปิดล้อมว่า เพื่อความอยู่รอดของรัสเซียใหม่ รัสเซียจะต้องเดินยุทธศาสตร์ประเทศ ที่จะไม่ให้ถูกปิดล้อมง่ายๆ และต้องมีอำนาจต่อรอง ด้วยยุทธศาสตร์ท่อส่งของรัสเซีย ที่กระจายไปทั่วยุโรป เอเซีย และกำลังจะมาถึงตะวันออกกลางนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะปิดล้อมรัสเซียทำยากขึ้น เพราะการเดินท่อส่งแก๊สไปยังจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงยุโรป แต่ละจุดนั้น เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรอง รัสเซียส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านยุโรป โดยไม่ต้องเสียเวลาขนส่ง ไม่ต้องเสียเวลาสร้างเรือบรรทุก เอาเวลาไปสร้างเรือรบและอาวุธไว้ป้องกันประเทศดีกว่า และที่สำคัญ ท่อส่งผ่านที่ไหน ก็ลงทุนด้วยกัน เป็นเจ้าของร่วมกัน ใครจะอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ด้วยยุทธศาสตร์นี้ ถึงคนยุโรปจะยังไม่สะดวกใจ ที่จะแหกคอกอเมริกามาคบกับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ไม่สะดวกใจ ที่จะรังเกียจแก๊สรัสเซียเหมือนกัน และตอนนี้ จีน เพื่อนกันไม่ทิ้งกันของรัสเซีย ก็ใช้ยุทธศาสตร์ท่อส่ง จากอาฟริกา ยาวมาถึงเอเซีย เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ยุโรปต้องคิดหนัก ถ้าจะเดินตามการชักใยของอเมริกาไปตลอด ถ้ารัสเซียเกิดปิดท่อแก็สที่จะมายุโรป อย่างน้อย ยุโรปจะขาดแก๊สไปถึง 60% ส่วนอเมริกาก็จะยอมให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองอย่างนี้ไม่ได้ ยูเครน ซึ่งอยู่ปลายท่อส่งแก๊สรัสเซียมาออกยุโรป จึงเกิดความไม่สงบอย่างไม่มีวันเลิก และตัวเลือกของอเมริกาจึงถูกส่งเข้ามาเป็นผู้นำยูเครน แต่การแก้เกมแบบนี้ของอเมริกา กระเทือนทั้ง 2 ทาง ถ้ายูเครนปิดทางไม่ให้แก๊สออก รัสเซียก็เหนื่อย ขาดรายได้สำคัญ แต่ยุโรปก็อาจแข็งตายไปด้วย ถ้าไม่มีแก๊สจากรัสเซีย ส่วนอเมริกาลอยตัวไม่กระทบกระเทือนอะไรด้วย ยุโรปถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัวเสียที รัสเซียจึงสร้างท่อส่งแก๊สอีกเส้น ลอดทะเลไปให้เยอรมัน และท่อส่งนี่ก็เสร็จแล้ว ถ้าแก็สส่งออกไปทางยูเครนไม่ได้ ก็มาออกเยอรมันได้ แล้วน่าคิดไหมครับ ทำไมตอนนี้ ผู้ลี้ภัยถึงมาทะลักกันเต็มอยู่ในเยอรมัน มันเป็นเรื่องการบีบคอเยอรมันหรือไม่ ป้าเข็มขัดเหล็ก คงกำลังเครียดหนัก จนตดแตกอีกแล้ว อเมริกา พยายามแก้อำนาจต่อรองของรัสเซียเรื่องท่อส่งแก๊สในยุโรป ด้วยการพยายามเดินท่อส่งสายใหม่ ซึ่งอเมริกาพยายามแก้เกมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เมื่อเห็นรัสเซีย และจีนเริ่มโต แต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็เดินหมากของตัวเองอย่างระวัง ท่านผู้อ่านจะเข้าใจเรื่องราว มองเห็นภาพต่อเนื่อง ถ้าได้อ่านนิทานเรื่อง “หักหน้าหักหลัง” https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf ซึ่งแสดงถึงวืธีการเดินแผน ฝั่งรัสเซีย กับการเดินแผนของฝั่งอเมริกาต่อจีน ในนิทานเรื่อง ” แผนชั่ว ” https://www.dropbox.com/s/mzu294f5rhhrkyr/20150914.pdf ดังนั้น การสู้รบในซีเรีย จึงมีความหมายเกี่ยวกับการรักษาตำแหน่งพี่เบิ้มของอเมริกา และเป็นความอยู่รอดของฝั่งรัสเซีย จีน ด้วย การที่รัสเซีย เข้าไปเล่นในซีเรียใน “ตอนนี้ ” ภายใต้เรื่องราว และสถานการณ์ในซีเรีย ที่ดำเนินอยู่อย่างที่เล่ามาแล้วนั้น รวมทั้งการเลือกเวลาเล่น ให้สอดคล้องกับช่วงการประชุมของสหประชาชาติ รวมทั้งคำแถลง ของรัสเซียจีนและอิหร่านในช่วง นั้น มองอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกัน มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะแปลว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย ได้แสดงตัวต่ออเมริกาแล้วว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้อง ฟัง หรือ จัดการกับปัญหาที่กระทบกับพวกเขา หรือที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหา ตามวิธีการของอเมริกาและพวก อีกต่อไปแล้ว สรุปสั้นๆ เป็นภาษาแถวบ้านผม ก็คงจะทำนอง “กูไม่ชอบวิธีการของมึง และกูไม่จำเป็นต้องฟังมึงอีกต่อไป เพราะกูไม่กลัวมึง (แล้ว)” คำพูดแบบนี้ เป็นลุงนิทานพูด มันก็คงปิดเพจผม รวนเพจผม อย่างที่มันทำกับผมมาตลอด แต่ถ้าคำพูดแบบนี้ ตามความเข้าใจผม เป็นของประเทศใหญ่อย่างรัสเซีย จีน อิหร่าน และวันนี้ เกาหลีเหนือของน้องคิม ก็พูดทำนองนี้ เรื่องซีเรียนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ถึงได้ดิ้นกันเหมือนโดนน้ำร้อนลวกหลังกันเป็นแถวๆ และถ้าดูจากปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่เข้าไปในซีเรียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ รวมทั้งข่าวเรื่องการขนทั้งอาวุธหนัก อาวุธเบา และกำลังพลมากมาย ที่ไม่ใช่มาจากข่าวของกระป๋องสีฝั่งตะวันตกแล้ว จะเห็นว่า คุณพี่ปูติน แสดงออกอย่างที่ผมสรุปนั่นแหละ เพราะแกจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ และเมื่อรัสเซียกับพวก แสดงออกแบบนี้ อเมริกาและพวก จะแสดงอะไรล่ะ แรกๆ ก็คงทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ คือดาหน้ากันออกมา ด่ารัสเซีย เหน็บแนมการปฎิบัติการของรัสเซีย ทำไมมึงไม่ไปถล่มไอซิส ทำไมมึงไปถล่มแต่พวกกบฏ โธ่เว้ย ถล่มกลุ่มไหน มันก็กลุ่มที่พวกมึงสร้างมาทั้งนั้น เพียงแต่ข้อตกลงภายในมันต่างกัน สุดท้ายคุณพี่ปูตินเขาคงถล่มหมดละน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากตั้งหลักได้ อเมริกากับพวก มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือ เจรจากันให้รู้เรื่องกับฝ่ายรัสเซียและพวก นั่นเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสม และโลกจะสะเทือนน้อยที่สุด แต่อเมริกาจะรู้สึกเสียหน้า แต่จะเจรจาอย่างไร ผมคาดว่า รัสเซียคงยังเดินหน้าเรื่องของซีเรียอยู่ดี ถ้าอเมริกาเลือกวิธีนี้ ไม่ได้หมายความว่า อเมริกา “ยอมรับ” ว่าฝ่ายรัสเซียเท่าเทียมตัวแล้ว แต่มันเป็นการ “ซื้อเวลา” ของอเมริกามากกว่า และปฏิบัติการหลากหลายเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัสเซีย จะตามมาเป็นชุดและชุดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทางเลือกที่ 2 สำหรับอเมริกาคือ ไม่มีเจรจา ไม่ซื้อเวลา และปฏิบัติการตอบโต้จะตามมารวดเร็ว ความต่างของ 2 ทางเลือกคือ ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกายังไม่พร้อม และแปลว่าฝ่ายรัสเซีย เลือกจังหวะเดินหมากถูก ไม่ให้เวลาอเมริกาตั้งตัว แต่ถ้าอเมริกาไม่ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกาพร้อมอยู่แล้ว และทางรัสเซียก็คงต้องรู้อยู่แล้ว จึงเดินหมากบังคับไปก่อน อเมริกาจะเลือกทางไหนก็ตาม โลกเราจะไม่มีวันถอยกลับไปที่เดิมอีกแล้ว ขั้วอำนาจโลก ไม่ได้มีเพียงขั้วเดียว ที่มีอเมริกาเป็นผู้นำเท่านั้นอีกแล้ว แต่มีอีกขั้วอำนาจใหม่ ที่มีรัสเซียจีนอิหร่าน จับมือกันเกิดขึ้นแล้ว และการเผชิญหน้ากัน ของ 2 ขั้ว ก็จะรุนแรงขึ้น ขั้วไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องอะไรบ้าง มีโอกาสจะมาประเมินให้ฟังครับ วันนี้ ขอจบนิทานเรื่องลองเชิง ใครลองเชิง ใครเสียเชิง คงพอมองเห็นกัน คนเล่านิทาน 11 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระสมเด็จหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง ปี2505
    พระสมเด็จหลวงพ่อทาบ เนื้อใบลานผสมสีผึ้ง วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง ปี2505 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 2 วาระ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภ ค้าขายดีเยี่ยม มหาอุตม์ มหาอำนาจ โชคลาภเงินทอง วาสนา หนุนดวง **

    ** มวลสารส่วนผสม 1.ผงวิเศษเก่าของหลวงปู่ทาบ 2.สีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบ 3.ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ของอาจารย์ปถม อาจสาคร 4.ผงถ่านคัมภีร์ใบลานโบราณเก่าของหลวงปู่ทาบ 5.ผงวิเศษของหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ อ.ศรีราชา ชลบุรี 6.ผงดินมงคลของหลวงปู่ทาบ 7.ผงโยคีฮาเล็บ วัดสารนาถ อ.แกลง

    ** พิธีปลุกเสก วาระที่ 1 หลวงปู่ทาบปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษาเต็ม
    วาระที่ 2 รายนามพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก ณ วัดกระบกขึ้นผึ้ง- หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี- หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก- หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง- หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก หลวงปู่ทาบเป็นสหธรรมิกและศิษย์อาจารย์เดียวกันกับหลวงปู่ทิม ท่านได้สร้างพระเครื่องมากมายหลายพิมพ์ และจะนิมนต์หลวงปู่ทิมมาปลุกเสกทุกครั้ง พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภค้าขาย **


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระสมเด็จหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง ปี2505 พระสมเด็จหลวงพ่อทาบ เนื้อใบลานผสมสีผึ้ง วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง ปี2505 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 2 วาระ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภ ค้าขายดีเยี่ยม มหาอุตม์ มหาอำนาจ โชคลาภเงินทอง วาสนา หนุนดวง ** ** มวลสารส่วนผสม 1.ผงวิเศษเก่าของหลวงปู่ทาบ 2.สีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบ 3.ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ของอาจารย์ปถม อาจสาคร 4.ผงถ่านคัมภีร์ใบลานโบราณเก่าของหลวงปู่ทาบ 5.ผงวิเศษของหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ อ.ศรีราชา ชลบุรี 6.ผงดินมงคลของหลวงปู่ทาบ 7.ผงโยคีฮาเล็บ วัดสารนาถ อ.แกลง ** พิธีปลุกเสก วาระที่ 1 หลวงปู่ทาบปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษาเต็ม วาระที่ 2 รายนามพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก ณ วัดกระบกขึ้นผึ้ง- หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี- หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก- หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง- หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก หลวงปู่ทาบเป็นสหธรรมิกและศิษย์อาจารย์เดียวกันกับหลวงปู่ทิม ท่านได้สร้างพระเครื่องมากมายหลายพิมพ์ และจะนิมนต์หลวงปู่ทิมมาปลุกเสกทุกครั้ง พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภค้าขาย ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุบสภาองศาเดือด การเมืองป่วน การบ้านวุ่น เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง?, อนุทิน ชาญวีรกูล ตัดสินใจยุบสภา เปิดเกมเลือกตั้งใหม่ท่ามกลางศึกการเมืองร้อน ปมแก้รัฐธรรมนูญ–แรงกดดันอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลายเป็นชนวนรีเซตอำนาจ เดินหน้าสู่สนามเลือกตั้งใน 45–60 วัน

    อ่านต่อ…..https://news1live.com/detail/9680000120048

    #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #ยุบสภา #การเมืองไทย #เลือกตั้ง
    ยุบสภาองศาเดือด การเมืองป่วน การบ้านวุ่น เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง?, อนุทิน ชาญวีรกูล ตัดสินใจยุบสภา เปิดเกมเลือกตั้งใหม่ท่ามกลางศึกการเมืองร้อน ปมแก้รัฐธรรมนูญ–แรงกดดันอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลายเป็นชนวนรีเซตอำนาจ เดินหน้าสู่สนามเลือกตั้งใน 45–60 วัน • อ่านต่อ…..https://news1live.com/detail/9680000120048 • #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #ยุบสภา #การเมืองไทย #เลือกตั้ง
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts