• พรรค………นี้ออกจะยุ่งๆหน่อย...!!!

    ค่ะ ยุ่งจริงๆ เพราะเหล่าผองเพื่อนต่างกลับมาจากการพักเย็นที่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส คือ หน้าร้อน ก็พักร้อน ไปเที่ยวกันไกลๆ
    หน้าหนาวก็ไปเล่นสกี หรือบินตามเกาะต่างๆที่มีอากาศอุ่นๆตามประสาความอู้ฟู่ของใครของมัน

    ดิฉันไม่มีฤดูกาลพักผ่อนอะไรกับเขาทั้งสิ้น เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน
    อีกทั้งไปไหนไม่ได้นาน เพราะหมาสามตัวที่นั่งเฝ้าหน้าประตูคอยนั่นทำให้รู้สึก”ผิด” มากกว่าอาการค้อนควักของสามี...ที่คอยรับประทานดันบ่อยๆว่า “ชีวิตดี๊ ดี นะยะเธอ”
    ชั่งเหอะ...เข้าหูซ้ายออกหูขวา ไปลั้ลลา ตีกอล์ฟพร้อมอาหารกลางวัน น้ำชากาแฟยามบ่ายแทบทุกวัน
    ไม่ใช่ว่า...เลิศหรูอะไรหรอกค่ะ สนามกอล์ฟก็จ่ายสมาชิกรายปีอยู่แล้ว
    เพื่อนฝูงก็มากมาย ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องคุยกันแบบสามวันไม่มีจบ
    กลับถึงบ้าน...ก็หมดแรง

    แต่อ่านและติดตามข่าวเมืองไทยอย่างหายใจรดต้นคอเลยเชียว
    โค้งนี้และครั้งนี้...เป็นการเดิมพันที่น่าใจหายใจคว่ำ เพราะมันไม่ใช่การเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครมาพูดถึงนโยบายแบบฉลาดๆ
    มีแต่คิดที่จะเลิกนั่นเลิกนี่ ทำแก้แค้นเอาคืนคนโน้นคนนี้ และ จะแจกนั่นแจกนี่ โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะหาเงินมาจากไหนและอย่างไร

    ที่สำคัญที่สุด คือการแสดงออกชัดเจนว่า เรามีเพียงสองขั้วเท่านั้นที่จะเลือก คือ ขั้วเอาเจ้า กับ ไม่เอาเจ้า

    สายสีส้มออกมาโจมตีบ้านเมืองทุกวัน ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ยุติธรรม
    ทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงเขามาจนถึงบัดนี้ ก็เพราะประเทศเลวๆที่ไม่มีความสมดุลย์นี่แหละ...
    ยิ่งฟังก็ยิ่งมองเห็นเงาของกลุ่มอิลลูมินาติ กับ OSF (Open Society Foundation) ของ จอร์จ โซรอส ชัดแบบไม่ต้องใช้แว่นขยาย
    เพราะมันคือหลักการพื้นๆของเขาที่ใช้ในทุกประเทศ คือ สนับสนุนคนรุ่นใหม่วัยเยาว์, เชิดชูประชาธิปไตย, ล้างสมองให้เชื่อว่าสิทธิของมนุษยชนต้องเท่ากัน โดยใช้กลุ่ม NGO และ HRW เป็นพี่เลี้ยงให้ในทุกเวที,
    ต้องเปิดพรมแดน รับผู้ลี้ภัย, และต้องไม่”ชาตินิยม” ขนบธรรมเนียม
    อะไรเก่าๆทิ้งไป..เพราะมันไม่สร้างสรรค์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ที่ไม่จำเป็นต้องมี...

    ทั้งหมดทั้งมวล เห็นได้ในนโยบายของพรรคสีส้ม จนเหมือนกับว่า...พวกเขาคือสาวกที่ได้ขายวิญญาณไปแล้ว...
    ที่แน่ๆคือ...พวกเขาได้”ก้าวข้าม” นายทุนท่อน้ำเลี้ยง ณ.ทางไกลไปหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ...คือไม่อ้อมแอ้ม...กล้าที่จะประกาศว่า...ไม่เอาสถาบัน!!

    ที่เหลือก็อยู่ที่คนไทย...จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้ว่า ข่าวที่มีเรื่องข้าว เรื่องสารพาราควอท นั่น...มันมีมูล
    ฟังแล้วจะว่าเป็นข่าวลวง ลับ พรางอะไรก็ตามที แต่เคยเขียนถึง มอนซานโต้กับไบเออร์ให้อ่านกันแล้ว นั่นคือการทำงานของเขาล้วนๆ
    เรื่องข้าว...คือการนำเมล็ดพันธุ์ไปทำ GMO เพื่อคุณภาพจะได้ทนต่อแมลงและโรคติดต่อ และทำ DNA ในแต่ละสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้มีการปลอมปน
    จกการลงทุนขนาดใหญ่นี้ หมายถึงว่า เขาจะเข้ามาควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมด และใส่ถุงกลับมาขายให้ชาวนา ที่ต้องใช้ตามที่เขากำหนด
    เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว....จะส่งขายต่างประเทศไม่ได้………!!!!
    ข้าวคือสินค้าขาออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่มีอนาคตที่ล่อแหลมมาก
    ส่วนเรื่องสารพิษนั่น...ขอขำแปล๊บ...ก็ต้องขอต่ออายุให้ใช้ไปอีกระยะหนึ่ง ใครจะตายก็ชั่งมันปะไร เพราะนายทุนเขายังมีอยู่ในสต๊อก ก็ต้องให้เขาปล่อยให้หมดก่อน จะไปแบนได้ยังไง รับนาฬิ...เอ๊ย รับซองเขามาแล้ว...คิดได้ไม่ยากเลย..!!

    ดิฉันฟังนักวิชาการของพรรคสีส้มที่เขาพูดถึงสถาบัน การเมืองกับประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่ย้อนแย้ง และไม่มีวันที่จะเข้ากันได้
    และเขาได้ยกตัวอย่างถึง ปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ที่………”เขาช่างกล้า”
    ยกเอาคำพูดการตัดสินของ Louis Antoine de Saint-Just หนึ่งในผู้นำบองคณะปฏิวัติ (Jacobin Club) ที่ประกาศชี้โทษให้ทำการใช้กิโยติน
    กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในวันที่ 21 มกราคม 1793

    การอภิปรายแบบนี้ ถือว่าพวกเขาได้แทรก”นัยยะ”ไว้ให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับความทันสมัยของโลกเทคโนโลยี ทุกอย่างสั่งได้เหมือนพิซซ่า เด็กรุ่นนี้ไม่มีความเข้าใจถึงความซับซ้อนของการเมือง และการปกครอง
    เพราะขนาดที่ฝรั่งเศสเรียกร้องหาความเป็นประชาธิปไตย ถึงขนาดล้มล้างกษัตริย์ของตัวเอง เอาพระโอรสองค์เล็กของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกที่มีอายุเพียงหกเจ็ดขวบ (ตามตำแหน่งคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ สิบเจ็ด)ไปจองจำ ขังไว้จนสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุได้ สิบขวบ
    ต่อมาก็พระอนุชา (ตามตำแหน่งที่ชอบธรรมคือ พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปด) ที่ต้องเสด็จออกไปอยู่นอกประเทศ เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง)
    ในช่วงนี้เองที่ นโปเลียนได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิ เพราะกษัตริย์พระองค์จริงยังอยู่.………
    พอนโปเลียนไปถูกเนรเทศไปจองจำที่เกาะ Alba
    พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็เสด็จกลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศส
    นโปเลียนแหกเกาะออกมา...พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็ออกไปนอกประเทศอีก
    พอนโปเลียนแพ้สงครามที่วอเตอร์ลู (กับอังกฤษ) พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็กลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศสเหมือนเดิมจนสิ้นพระชนม์ในปี 1824

    กษัตริย์ที่ครองบัลลังก์ต่อมา คือ พระเจ้าชารลส์ที่สิบ ( Charles X )
    ที่เป็นหลาน เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดไม่มีรัชทายาท
    ฝรั่งเศสได้มีกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้า Louis-Philippe (โดยตำแหน่ง) แต่พระองค์ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ สิ้นพระชนม์ในปี 1850

    ฝรั่งเศสได้มีประธานาธิบดีคนแรกในปี 1848 เขาคือ Louis-Napoléon Bonaparte หรือเป็นที่รู้จักกันใน Napoléon III ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของ
    นโปเลียน

    ฉะนั้น ถ้าใครจะมาบังอาจเล่าเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศสก็ควรจะเล่าให้จบว่า หลังจากที่สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกด้วยกิโยตินแล้ว ก็ไม่ใช่จะหลุดออกจากการปกครองของกษัตริย์และพระจักรพรรดิโดยสิ้นเชิงเสียเมื่อไหร่ กว่าประชาชนจะหาทางออกให้กับประเทศของตัวเอง จัดแจงการปกครองแบบใหม่ได้ก็ใช้เวลาร่วมร้อยปี
    ในช่วงของเกือบร้อยปีนั่น ต้องผ่านสงครามมากี่ครั้ง ทหารตายไปเท่าไหร่ อับอายขายหน้าที่ผู้นำประเทศ (นโปเลียนที่สาม) แพ้สงคราม ต้องโดนเยอรมันจับไปเป็นเชลย
    บ้านเมืองระส่ำระสาย ประชาชนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า
    นี่ไง...ประชาธิปไตยของประเทศตัวอย่างที่ชอบอ้างกันนัก
    ที่ทุกวันนี้...ประชาชนต้องออกมาไล่ผู้นำติดต่อกันสิบสี่อาทิตย์แล้ว
    ทั้งๆที่เขามาจากการเลือกตั้ง....

    แล้วอย่านึกว่า ฝรั่งเศสมีเอกเทศในการปกครองนะคะ ทั้งยุโรปเรากำลังจะอยู่ควบรวมไว้ในหม้อเดียวกัน ในนามว่า Bilderberg Group
    จะมีการจัดตั้งกองกำลังยุโรปให้มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะมีเขี้ยวเล็บให้น่าเกรงขาม
    เฉพาะที่ฝรั่งเศส เรามีคลังแสงของระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เป็นที่สามของโลกค่าาา พี่น้องงงงง....
    งบประมาณในการณ์นี้ คือ สามถึงสี่พันล้านยูโรต่อปี

    ในขณะที่ในบางประเทศคนหลายคนยังถามรัฐบาลตัวเองว่า มีทหารไว้ทำไม???

    ฟังแล้วเหมือนกับโดนลากมาตบกลางสี่แยกยังไงไม่รู้.……เมื่อก่อนหน้านั้นก็โดนไปทีนึงแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ฝรั่งเขาขยี้เรื่องเด็กของเราใส่เสื้อ
    สวัสดิกะขึ้นเวที หลังจากที่ขอโทษขอโพยกันแล้ว เขายังเขียนว่า
    ผู้คนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องความเป็นไปของโลก เพราะนักเรียนจะเรียนแค่ไทยทำสงครามกับพม่าเท่านั้น...!!!

    แค่พูดเบาๆยังเจ็บจี๊ดไปทั้งร่าง....!!!

    Wiwanda W. Vichit
    พรรค………นี้ออกจะยุ่งๆหน่อย...!!! ค่ะ ยุ่งจริงๆ เพราะเหล่าผองเพื่อนต่างกลับมาจากการพักเย็นที่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส คือ หน้าร้อน ก็พักร้อน ไปเที่ยวกันไกลๆ หน้าหนาวก็ไปเล่นสกี หรือบินตามเกาะต่างๆที่มีอากาศอุ่นๆตามประสาความอู้ฟู่ของใครของมัน ดิฉันไม่มีฤดูกาลพักผ่อนอะไรกับเขาทั้งสิ้น เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน อีกทั้งไปไหนไม่ได้นาน เพราะหมาสามตัวที่นั่งเฝ้าหน้าประตูคอยนั่นทำให้รู้สึก”ผิด” มากกว่าอาการค้อนควักของสามี...ที่คอยรับประทานดันบ่อยๆว่า “ชีวิตดี๊ ดี นะยะเธอ” ชั่งเหอะ...เข้าหูซ้ายออกหูขวา ไปลั้ลลา ตีกอล์ฟพร้อมอาหารกลางวัน น้ำชากาแฟยามบ่ายแทบทุกวัน ไม่ใช่ว่า...เลิศหรูอะไรหรอกค่ะ สนามกอล์ฟก็จ่ายสมาชิกรายปีอยู่แล้ว เพื่อนฝูงก็มากมาย ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องคุยกันแบบสามวันไม่มีจบ กลับถึงบ้าน...ก็หมดแรง แต่อ่านและติดตามข่าวเมืองไทยอย่างหายใจรดต้นคอเลยเชียว โค้งนี้และครั้งนี้...เป็นการเดิมพันที่น่าใจหายใจคว่ำ เพราะมันไม่ใช่การเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครมาพูดถึงนโยบายแบบฉลาดๆ มีแต่คิดที่จะเลิกนั่นเลิกนี่ ทำแก้แค้นเอาคืนคนโน้นคนนี้ และ จะแจกนั่นแจกนี่ โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะหาเงินมาจากไหนและอย่างไร ที่สำคัญที่สุด คือการแสดงออกชัดเจนว่า เรามีเพียงสองขั้วเท่านั้นที่จะเลือก คือ ขั้วเอาเจ้า กับ ไม่เอาเจ้า สายสีส้มออกมาโจมตีบ้านเมืองทุกวัน ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ยุติธรรม ทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงเขามาจนถึงบัดนี้ ก็เพราะประเทศเลวๆที่ไม่มีความสมดุลย์นี่แหละ... ยิ่งฟังก็ยิ่งมองเห็นเงาของกลุ่มอิลลูมินาติ กับ OSF (Open Society Foundation) ของ จอร์จ โซรอส ชัดแบบไม่ต้องใช้แว่นขยาย เพราะมันคือหลักการพื้นๆของเขาที่ใช้ในทุกประเทศ คือ สนับสนุนคนรุ่นใหม่วัยเยาว์, เชิดชูประชาธิปไตย, ล้างสมองให้เชื่อว่าสิทธิของมนุษยชนต้องเท่ากัน โดยใช้กลุ่ม NGO และ HRW เป็นพี่เลี้ยงให้ในทุกเวที, ต้องเปิดพรมแดน รับผู้ลี้ภัย, และต้องไม่”ชาตินิยม” ขนบธรรมเนียม อะไรเก่าๆทิ้งไป..เพราะมันไม่สร้างสรรค์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ที่ไม่จำเป็นต้องมี... ทั้งหมดทั้งมวล เห็นได้ในนโยบายของพรรคสีส้ม จนเหมือนกับว่า...พวกเขาคือสาวกที่ได้ขายวิญญาณไปแล้ว... ที่แน่ๆคือ...พวกเขาได้”ก้าวข้าม” นายทุนท่อน้ำเลี้ยง ณ.ทางไกลไปหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ...คือไม่อ้อมแอ้ม...กล้าที่จะประกาศว่า...ไม่เอาสถาบัน!! ที่เหลือก็อยู่ที่คนไทย...จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้ว่า ข่าวที่มีเรื่องข้าว เรื่องสารพาราควอท นั่น...มันมีมูล ฟังแล้วจะว่าเป็นข่าวลวง ลับ พรางอะไรก็ตามที แต่เคยเขียนถึง มอนซานโต้กับไบเออร์ให้อ่านกันแล้ว นั่นคือการทำงานของเขาล้วนๆ เรื่องข้าว...คือการนำเมล็ดพันธุ์ไปทำ GMO เพื่อคุณภาพจะได้ทนต่อแมลงและโรคติดต่อ และทำ DNA ในแต่ละสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้มีการปลอมปน จกการลงทุนขนาดใหญ่นี้ หมายถึงว่า เขาจะเข้ามาควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมด และใส่ถุงกลับมาขายให้ชาวนา ที่ต้องใช้ตามที่เขากำหนด เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว....จะส่งขายต่างประเทศไม่ได้………!!!! ข้าวคือสินค้าขาออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่มีอนาคตที่ล่อแหลมมาก ส่วนเรื่องสารพิษนั่น...ขอขำแปล๊บ...ก็ต้องขอต่ออายุให้ใช้ไปอีกระยะหนึ่ง ใครจะตายก็ชั่งมันปะไร เพราะนายทุนเขายังมีอยู่ในสต๊อก ก็ต้องให้เขาปล่อยให้หมดก่อน จะไปแบนได้ยังไง รับนาฬิ...เอ๊ย รับซองเขามาแล้ว...คิดได้ไม่ยากเลย..!! ดิฉันฟังนักวิชาการของพรรคสีส้มที่เขาพูดถึงสถาบัน การเมืองกับประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่ย้อนแย้ง และไม่มีวันที่จะเข้ากันได้ และเขาได้ยกตัวอย่างถึง ปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ที่………”เขาช่างกล้า” ยกเอาคำพูดการตัดสินของ Louis Antoine de Saint-Just หนึ่งในผู้นำบองคณะปฏิวัติ (Jacobin Club) ที่ประกาศชี้โทษให้ทำการใช้กิโยติน กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในวันที่ 21 มกราคม 1793 การอภิปรายแบบนี้ ถือว่าพวกเขาได้แทรก”นัยยะ”ไว้ให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับความทันสมัยของโลกเทคโนโลยี ทุกอย่างสั่งได้เหมือนพิซซ่า เด็กรุ่นนี้ไม่มีความเข้าใจถึงความซับซ้อนของการเมือง และการปกครอง เพราะขนาดที่ฝรั่งเศสเรียกร้องหาความเป็นประชาธิปไตย ถึงขนาดล้มล้างกษัตริย์ของตัวเอง เอาพระโอรสองค์เล็กของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกที่มีอายุเพียงหกเจ็ดขวบ (ตามตำแหน่งคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ สิบเจ็ด)ไปจองจำ ขังไว้จนสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุได้ สิบขวบ ต่อมาก็พระอนุชา (ตามตำแหน่งที่ชอบธรรมคือ พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปด) ที่ต้องเสด็จออกไปอยู่นอกประเทศ เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง) ในช่วงนี้เองที่ นโปเลียนได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิ เพราะกษัตริย์พระองค์จริงยังอยู่.……… พอนโปเลียนไปถูกเนรเทศไปจองจำที่เกาะ Alba พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็เสด็จกลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศส นโปเลียนแหกเกาะออกมา...พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็ออกไปนอกประเทศอีก พอนโปเลียนแพ้สงครามที่วอเตอร์ลู (กับอังกฤษ) พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็กลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศสเหมือนเดิมจนสิ้นพระชนม์ในปี 1824 กษัตริย์ที่ครองบัลลังก์ต่อมา คือ พระเจ้าชารลส์ที่สิบ ( Charles X ) ที่เป็นหลาน เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดไม่มีรัชทายาท ฝรั่งเศสได้มีกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้า Louis-Philippe (โดยตำแหน่ง) แต่พระองค์ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ สิ้นพระชนม์ในปี 1850 ฝรั่งเศสได้มีประธานาธิบดีคนแรกในปี 1848 เขาคือ Louis-Napoléon Bonaparte หรือเป็นที่รู้จักกันใน Napoléon III ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของ นโปเลียน ฉะนั้น ถ้าใครจะมาบังอาจเล่าเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศสก็ควรจะเล่าให้จบว่า หลังจากที่สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกด้วยกิโยตินแล้ว ก็ไม่ใช่จะหลุดออกจากการปกครองของกษัตริย์และพระจักรพรรดิโดยสิ้นเชิงเสียเมื่อไหร่ กว่าประชาชนจะหาทางออกให้กับประเทศของตัวเอง จัดแจงการปกครองแบบใหม่ได้ก็ใช้เวลาร่วมร้อยปี ในช่วงของเกือบร้อยปีนั่น ต้องผ่านสงครามมากี่ครั้ง ทหารตายไปเท่าไหร่ อับอายขายหน้าที่ผู้นำประเทศ (นโปเลียนที่สาม) แพ้สงคราม ต้องโดนเยอรมันจับไปเป็นเชลย บ้านเมืองระส่ำระสาย ประชาชนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า นี่ไง...ประชาธิปไตยของประเทศตัวอย่างที่ชอบอ้างกันนัก ที่ทุกวันนี้...ประชาชนต้องออกมาไล่ผู้นำติดต่อกันสิบสี่อาทิตย์แล้ว ทั้งๆที่เขามาจากการเลือกตั้ง.... แล้วอย่านึกว่า ฝรั่งเศสมีเอกเทศในการปกครองนะคะ ทั้งยุโรปเรากำลังจะอยู่ควบรวมไว้ในหม้อเดียวกัน ในนามว่า Bilderberg Group จะมีการจัดตั้งกองกำลังยุโรปให้มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะมีเขี้ยวเล็บให้น่าเกรงขาม เฉพาะที่ฝรั่งเศส เรามีคลังแสงของระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เป็นที่สามของโลกค่าาา พี่น้องงงงง.... งบประมาณในการณ์นี้ คือ สามถึงสี่พันล้านยูโรต่อปี ในขณะที่ในบางประเทศคนหลายคนยังถามรัฐบาลตัวเองว่า มีทหารไว้ทำไม??? ฟังแล้วเหมือนกับโดนลากมาตบกลางสี่แยกยังไงไม่รู้.……เมื่อก่อนหน้านั้นก็โดนไปทีนึงแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ฝรั่งเขาขยี้เรื่องเด็กของเราใส่เสื้อ สวัสดิกะขึ้นเวที หลังจากที่ขอโทษขอโพยกันแล้ว เขายังเขียนว่า ผู้คนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องความเป็นไปของโลก เพราะนักเรียนจะเรียนแค่ไทยทำสงครามกับพม่าเท่านั้น...!!! แค่พูดเบาๆยังเจ็บจี๊ดไปทั้งร่าง....!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    2
    1 Comments 0 Shares 751 Views 0 Reviews
  • #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค
    แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน
    พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา
    ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น
    พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน
    แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย
    โดยมีเนื้อหาดังนี้
    นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย
    “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น”
    “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน”
    เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์
    จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน
    ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป
    ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้ นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น” “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน” เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 460 Views 0 Reviews
  • “โจ๊ก” จอมย้อนแย้ง ปากก็บอกไม่ใช่สายมู แค่ชอบทำบุญ แต่ล่าสุดไปเปลี่ยนชื่อเป็น “สุรเชชษฐ์” เติม ช.เข้าไปอีกตัวเพื่อเสริมดวง เพราะช้างเป็นสัตว์มงคล แถมยังแต่งองค์ทรงเครื่องนั่งหลังช้าง เข้าร่วมพิธีแห่เจ้าเข้าเวียง ในพิธีไหว้ครูโนราห์ จ.พัทลุง ท่ามกลางเสียงตำหนิติเตียนว่ากระทำมิบังควร ซ้ำรอยกรณีรับเงินบัญชีม้าบริจาคในงานกฐินพระราชทานที่อยุธยา แล้วออกใบอนุโมทนาบัตรในชื่อตัวเอง
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000061990

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “โจ๊ก” จอมย้อนแย้ง ปากก็บอกไม่ใช่สายมู แค่ชอบทำบุญ แต่ล่าสุดไปเปลี่ยนชื่อเป็น “สุรเชชษฐ์” เติม ช.เข้าไปอีกตัวเพื่อเสริมดวง เพราะช้างเป็นสัตว์มงคล แถมยังแต่งองค์ทรงเครื่องนั่งหลังช้าง เข้าร่วมพิธีแห่เจ้าเข้าเวียง ในพิธีไหว้ครูโนราห์ จ.พัทลุง ท่ามกลางเสียงตำหนิติเตียนว่ากระทำมิบังควร ซ้ำรอยกรณีรับเงินบัญชีม้าบริจาคในงานกฐินพระราชทานที่อยุธยา แล้วออกใบอนุโมทนาบัตรในชื่อตัวเอง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000061990 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Sad
    15
    3 Comments 1 Shares 1811 Views 0 Reviews
  • คืออารายของพวกเมิงก่อน
    สมรสเท่าเทียม คงจะได้แต่เด็กตัวเหลืองนะ
    ทั้งฉิ่ง ทั้งดาบ มันมีลูกไม่ได้
    เอายังไงก่อน เมิง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คืออะไรก่อน
    #ธรลี่
    #ทิมมี่
    #ความย้อนแย้ง
    คืออารายของพวกเมิงก่อน สมรสเท่าเทียม คงจะได้แต่เด็กตัวเหลืองนะ ทั้งฉิ่ง ทั้งดาบ มันมีลูกไม่ได้ เอายังไงก่อน เมิง #คิงส์โพธิ์แดง #คืออะไรก่อน #ธรลี่ #ทิมมี่ #ความย้อนแย้ง
    0 Comments 0 Shares 343 Views 0 Reviews
  • รายได้ตลอด 1 สัปดาห์ คือ 2.3 ล้านบาท โรงฉาย 150 โรง รายได้เฉลี่ยต่อโรงต่อ1สัปดาห์ คือ 15,333 บาท แต่รายได้เฉลี่ยต่อวันคือ 2,142 บาท และหนึ่งวันมีฉาย 2 รอบ ดังนั้น รายได้เฉลี่ยต่อรอบคือ 1,071 บาท นะคับนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #โอ้อวด
    #ย้อนแย้ง
    #ว่าว
    รายได้ตลอด 1 สัปดาห์ คือ 2.3 ล้านบาท โรงฉาย 150 โรง รายได้เฉลี่ยต่อโรงต่อ1สัปดาห์ คือ 15,333 บาท แต่รายได้เฉลี่ยต่อวันคือ 2,142 บาท และหนึ่งวันมีฉาย 2 รอบ ดังนั้น รายได้เฉลี่ยต่อรอบคือ 1,071 บาท นะคับนะ #คิงส์โพธิ์แดง #โอ้อวด #ย้อนแย้ง #ว่าว
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews