• หลังจากสหรัฐฯ ออกข้อจำกัดไม่ให้ Nvidia ขายการ์ด AI ระดับสูง (เช่น H100, H200, B200) ให้กับจีนโดยตรง บริษัทจีนหลายแห่งก็พยายาม “หาทางอ้อม” เพื่อใช้งาน GPU เหล่านี้ต่อ

    ล่าสุด มีรายงานว่า ชาวจีน 4 คนบินจากปักกิ่งมามาเลเซีย พร้อมนำฮาร์ดดิสก์ที่บรรจุข้อมูลหลายสิบเทราไบต์ ทั้งวิดีโอ ภาพ และ spreadsheet เพื่อ “ฝึก AI” บนเซิร์ฟเวอร์ที่เช่าผ่าน data center ในมาเลเซีย ที่มี GPU ของ Nvidia ติดตั้งอยู่ราว 2,400 ตัว

    แม้จะฟังดูไม่ใช่คลัสเตอร์ขนาดใหญ่เท่า supercomputer แต่ก็เพียงพอสำหรับ training model ได้สบาย ๆ—ที่สำคัญคือ “เป็นวิธีที่ช่วยให้บริษัทจีนยังคงเข้าถึงเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ ห้ามขาย” ได้โดยไม่ซื้อโดยตรง

    ประเด็นนี้ทำให้กระทรวงการค้าและการลงทุนของมาเลเซีย (MITI) ต้องออกมายืนยันว่ากำลังสอบสวนร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อดูว่าเข้าข่ายละเมิดกฎหมายหรือไม่

    ✅ กระทรวงการค้าและการลงทุนของมาเลเซีย (MITI) กำลังสอบสวนกรณีบริษัทจีนใช้ GPU Nvidia ผ่าน data center ในมาเลเซีย  
    • เป็นการเช่าเซิร์ฟเวอร์เพื่อ train AI โดยไม่ได้ครอบครองฮาร์ดแวร์โดยตรง  
    • ยังไม่พบการละเมิดกฎหมายในประเทศ ณ เวลานี้

    ✅ มีรายงานว่าชาวจีน 4 คนขน HDD หลายสิบเทราไบต์เข้าเครื่องที่เช่าไว้ในมาเลเซีย  
    • ฝึกโมเดล AI บนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ Nvidia GPU ~2,400 ตัว  
    • GPU เหล่านี้น่าจะเป็น H100 หรือรุ่นที่สหรัฐห้ามส่งออกไปยังจีน

    ✅ มาเลเซียไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐ  
    • ทำให้บริษัทในประเทศสามารถนำเข้า GPU ได้อย่างถูกกฎหมาย  
    • แต่ถ้ามีการ “นำ GPU ไปให้จีนใช้ทางอ้อม” ก็อาจละเมิดกฎของสหรัฐฯ

    ✅ หน่วยงานด้านการค้าในสหรัฐฯ เคยร้องขอให้มาเลเซียตรวจสอบทุก shipment ที่อาจเกี่ยวข้องกับ GPU ขั้นสูง  
    • หลังพบว่าในปี 2025 การนำเข้าเซิร์ฟเวอร์ AI จากไต้หวันไปยังมาเลเซีย “พุ่งขึ้นถึง 3,400%”

    ✅ บริษัทจีนที่ใช้บริการเช่าระยะไกลแบบนี้ อาจเลี่ยงข้อห้ามสหรัฐฯ ได้ชั่วคราวโดยไม่ซื้อตรง  
    • เรียกว่าใช้ “compute-as-a-service” แบบหลบเลี่ยง

    ‼️ ยังไม่แน่ชัดว่ากรณีนี้จะเข้าข่าย “ละเมิดมาตรการของสหรัฐฯ” หรือไม่ เพราะไม่ได้ส่งมอบฮาร์ดแวร์ไปจีนโดยตรง  
    • หากสหรัฐมองว่า “การให้คนจีนเข้าถึง compute” ถือว่าเข้าข่าย ก็อาจสร้างแรงกดดันต่อมาเลเซียในอนาคต

    ‼️ มาเลเซียอาจถูกจับตาจากรัฐบาลสหรัฐฯ หากพบว่าเป็นจุดผ่านของการ “ลักลอบใช้ GPU ที่ควบคุมอยู่”  
    • ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในเทคโนโลยี AI

    ‼️ ผู้ให้บริการ data center ในภูมิภาคอาเซียนอาจต้องเผชิญแรงกดดันเช่นเดียวกัน  
    • หากไม่มีระบบ “ตรวจสอบแหล่งข้อมูลลูกค้า” อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายต่าง ๆ ใช้หลบมาตรการ

    ‼️ กรณีนี้สะท้อนว่าแม้มาตรการควบคุม GPU จะรุนแรง แต่จีนยังคงหาวิธีเข้าถึงทรัพยากร AI ได้อยู่ดี  
    • เช่นเดียวกับกรณีก่อนหน้านี้ที่มีข่าวลอบขน GPU ผ่าน “กุ้ง” และ “ซิลิโคนหน้าท้องปลอม”

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/malaysia-investigates-chinese-use-of-nvidia-powered-servers-in-the-country-trade-minister-verifying-reports-of-possible-regulation-breach-following-reports-of-smuggled-hard-drives-and-server-rentals
    หลังจากสหรัฐฯ ออกข้อจำกัดไม่ให้ Nvidia ขายการ์ด AI ระดับสูง (เช่น H100, H200, B200) ให้กับจีนโดยตรง บริษัทจีนหลายแห่งก็พยายาม “หาทางอ้อม” เพื่อใช้งาน GPU เหล่านี้ต่อ ล่าสุด มีรายงานว่า ชาวจีน 4 คนบินจากปักกิ่งมามาเลเซีย พร้อมนำฮาร์ดดิสก์ที่บรรจุข้อมูลหลายสิบเทราไบต์ ทั้งวิดีโอ ภาพ และ spreadsheet เพื่อ “ฝึก AI” บนเซิร์ฟเวอร์ที่เช่าผ่าน data center ในมาเลเซีย ที่มี GPU ของ Nvidia ติดตั้งอยู่ราว 2,400 ตัว แม้จะฟังดูไม่ใช่คลัสเตอร์ขนาดใหญ่เท่า supercomputer แต่ก็เพียงพอสำหรับ training model ได้สบาย ๆ—ที่สำคัญคือ “เป็นวิธีที่ช่วยให้บริษัทจีนยังคงเข้าถึงเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ ห้ามขาย” ได้โดยไม่ซื้อโดยตรง ประเด็นนี้ทำให้กระทรวงการค้าและการลงทุนของมาเลเซีย (MITI) ต้องออกมายืนยันว่ากำลังสอบสวนร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อดูว่าเข้าข่ายละเมิดกฎหมายหรือไม่ ✅ กระทรวงการค้าและการลงทุนของมาเลเซีย (MITI) กำลังสอบสวนกรณีบริษัทจีนใช้ GPU Nvidia ผ่าน data center ในมาเลเซีย   • เป็นการเช่าเซิร์ฟเวอร์เพื่อ train AI โดยไม่ได้ครอบครองฮาร์ดแวร์โดยตรง   • ยังไม่พบการละเมิดกฎหมายในประเทศ ณ เวลานี้ ✅ มีรายงานว่าชาวจีน 4 คนขน HDD หลายสิบเทราไบต์เข้าเครื่องที่เช่าไว้ในมาเลเซีย   • ฝึกโมเดล AI บนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ Nvidia GPU ~2,400 ตัว   • GPU เหล่านี้น่าจะเป็น H100 หรือรุ่นที่สหรัฐห้ามส่งออกไปยังจีน ✅ มาเลเซียไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐ   • ทำให้บริษัทในประเทศสามารถนำเข้า GPU ได้อย่างถูกกฎหมาย   • แต่ถ้ามีการ “นำ GPU ไปให้จีนใช้ทางอ้อม” ก็อาจละเมิดกฎของสหรัฐฯ ✅ หน่วยงานด้านการค้าในสหรัฐฯ เคยร้องขอให้มาเลเซียตรวจสอบทุก shipment ที่อาจเกี่ยวข้องกับ GPU ขั้นสูง   • หลังพบว่าในปี 2025 การนำเข้าเซิร์ฟเวอร์ AI จากไต้หวันไปยังมาเลเซีย “พุ่งขึ้นถึง 3,400%” ✅ บริษัทจีนที่ใช้บริการเช่าระยะไกลแบบนี้ อาจเลี่ยงข้อห้ามสหรัฐฯ ได้ชั่วคราวโดยไม่ซื้อตรง   • เรียกว่าใช้ “compute-as-a-service” แบบหลบเลี่ยง ‼️ ยังไม่แน่ชัดว่ากรณีนี้จะเข้าข่าย “ละเมิดมาตรการของสหรัฐฯ” หรือไม่ เพราะไม่ได้ส่งมอบฮาร์ดแวร์ไปจีนโดยตรง   • หากสหรัฐมองว่า “การให้คนจีนเข้าถึง compute” ถือว่าเข้าข่าย ก็อาจสร้างแรงกดดันต่อมาเลเซียในอนาคต ‼️ มาเลเซียอาจถูกจับตาจากรัฐบาลสหรัฐฯ หากพบว่าเป็นจุดผ่านของการ “ลักลอบใช้ GPU ที่ควบคุมอยู่”   • ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในเทคโนโลยี AI ‼️ ผู้ให้บริการ data center ในภูมิภาคอาเซียนอาจต้องเผชิญแรงกดดันเช่นเดียวกัน   • หากไม่มีระบบ “ตรวจสอบแหล่งข้อมูลลูกค้า” อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายต่าง ๆ ใช้หลบมาตรการ ‼️ กรณีนี้สะท้อนว่าแม้มาตรการควบคุม GPU จะรุนแรง แต่จีนยังคงหาวิธีเข้าถึงทรัพยากร AI ได้อยู่ดี   • เช่นเดียวกับกรณีก่อนหน้านี้ที่มีข่าวลอบขน GPU ผ่าน “กุ้ง” และ “ซิลิโคนหน้าท้องปลอม” https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/malaysia-investigates-chinese-use-of-nvidia-powered-servers-in-the-country-trade-minister-verifying-reports-of-possible-regulation-breach-following-reports-of-smuggled-hard-drives-and-server-rentals
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนใช้ฮาร์ดไดรฟ์ขนส่งข้อมูล AI เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านชิป
    บริษัท AI ในจีนกำลังใช้ ฮาร์ดไดรฟ์ความจุสูง เพื่อขนส่งข้อมูลฝึกสอนโมเดล AI ข้ามพรมแดน หลังจากที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI เช่น Nvidia H100 ซึ่งเป็นชิปที่สำคัญสำหรับการประมวลผล AI.

    รายละเอียดกลยุทธ์ใหม่
    ✅ บริษัทจีนใช้ฮาร์ดไดรฟ์แทนการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากหน่วยงานสหรัฐฯ.
    ✅ นักวิจัยจีนเดินทางไปมาเลเซียพร้อมฮาร์ดไดรฟ์ 15 ลูก ซึ่งมีข้อมูลรวมกว่า 4.8 เพตะไบต์ สำหรับฝึกโมเดล AI.
    ✅ ศูนย์ข้อมูลในมาเลเซียกลายเป็นศูนย์กลางการประมวลผล AI ของจีน เนื่องจากมีเซิร์ฟเวอร์ที่มี GPU ประสิทธิภาพสูง.
    ✅ บริษัทจีนใช้บริษัทลูกในสิงคโปร์เพื่อเซ็นสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูล แต่ต้องลงทะเบียนในมาเลเซียเพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดดันทางกฎหมาย.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    ‼️ การขนส่งข้อมูลด้วยฮาร์ดไดรฟ์อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การสูญหายหรือถูกขโมยระหว่างการเดินทาง.
    ‼️ การใช้ฮาร์ดไดรฟ์แทนการส่งข้อมูลออนไลน์อาจทำให้กระบวนการฝึกโมเดลล่าช้า เนื่องจากต้องรอการขนส่ง.
    ‼️ สหรัฐฯ อาจเพิ่มมาตรการตรวจสอบการขนส่งฮาร์ดไดรฟ์ เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านชิป.

    แนวทางการรับมือและการพัฒนา
    ✅ บริษัทจีนอาจต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศ.
    ✅ การใช้เทคโนโลยีบีบอัดข้อมูลอาจช่วยลดขนาดไฟล์ ทำให้สามารถส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น.
    ✅ การพัฒนา AI ที่ใช้พลังงานต่ำและไม่ต้องพึ่งพา GPU ระดับสูง อาจเป็นทางออกในระยะยาว.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อจำกัดด้านชิปและ AI
    ✅ Nvidia กำลังพัฒนา GPU รุ่นพิเศษสำหรับตลาดจีน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ.
    ✅ Huawei เปิดตัวชิป AI ที่เร็วที่สุดของบริษัท หนึ่งวันหลังจากสหรัฐฯ แบน Nvidia H20 ในจีน.
    ‼️ ตลาดศูนย์ข้อมูล AI ในจีนกำลังเผชิญกับปัญหาความต้องการที่ลดลง เนื่องจากข้อจำกัดด้านชิปและการลงทุนที่ชะลอตัว.

    https://www.techradar.com/pro/no-ai-gpu-no-problem-ai-firms-from-china-skirt-around-us-chip-restrictions-by-moving-petabytes-of-data-on-good-ol-hard-drives-but-why-not-use-tape
    จีนใช้ฮาร์ดไดรฟ์ขนส่งข้อมูล AI เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านชิป บริษัท AI ในจีนกำลังใช้ ฮาร์ดไดรฟ์ความจุสูง เพื่อขนส่งข้อมูลฝึกสอนโมเดล AI ข้ามพรมแดน หลังจากที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI เช่น Nvidia H100 ซึ่งเป็นชิปที่สำคัญสำหรับการประมวลผล AI. รายละเอียดกลยุทธ์ใหม่ ✅ บริษัทจีนใช้ฮาร์ดไดรฟ์แทนการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากหน่วยงานสหรัฐฯ. ✅ นักวิจัยจีนเดินทางไปมาเลเซียพร้อมฮาร์ดไดรฟ์ 15 ลูก ซึ่งมีข้อมูลรวมกว่า 4.8 เพตะไบต์ สำหรับฝึกโมเดล AI. ✅ ศูนย์ข้อมูลในมาเลเซียกลายเป็นศูนย์กลางการประมวลผล AI ของจีน เนื่องจากมีเซิร์ฟเวอร์ที่มี GPU ประสิทธิภาพสูง. ✅ บริษัทจีนใช้บริษัทลูกในสิงคโปร์เพื่อเซ็นสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูล แต่ต้องลงทะเบียนในมาเลเซียเพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดดันทางกฎหมาย. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ การขนส่งข้อมูลด้วยฮาร์ดไดรฟ์อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การสูญหายหรือถูกขโมยระหว่างการเดินทาง. ‼️ การใช้ฮาร์ดไดรฟ์แทนการส่งข้อมูลออนไลน์อาจทำให้กระบวนการฝึกโมเดลล่าช้า เนื่องจากต้องรอการขนส่ง. ‼️ สหรัฐฯ อาจเพิ่มมาตรการตรวจสอบการขนส่งฮาร์ดไดรฟ์ เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านชิป. แนวทางการรับมือและการพัฒนา ✅ บริษัทจีนอาจต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศ. ✅ การใช้เทคโนโลยีบีบอัดข้อมูลอาจช่วยลดขนาดไฟล์ ทำให้สามารถส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น. ✅ การพัฒนา AI ที่ใช้พลังงานต่ำและไม่ต้องพึ่งพา GPU ระดับสูง อาจเป็นทางออกในระยะยาว. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อจำกัดด้านชิปและ AI ✅ Nvidia กำลังพัฒนา GPU รุ่นพิเศษสำหรับตลาดจีน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ. ✅ Huawei เปิดตัวชิป AI ที่เร็วที่สุดของบริษัท หนึ่งวันหลังจากสหรัฐฯ แบน Nvidia H20 ในจีน. ‼️ ตลาดศูนย์ข้อมูล AI ในจีนกำลังเผชิญกับปัญหาความต้องการที่ลดลง เนื่องจากข้อจำกัดด้านชิปและการลงทุนที่ชะลอตัว. https://www.techradar.com/pro/no-ai-gpu-no-problem-ai-firms-from-china-skirt-around-us-chip-restrictions-by-moving-petabytes-of-data-on-good-ol-hard-drives-but-why-not-use-tape
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อปาน รุ่น1 วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่
    เหรียญหลวงพ่อปาน รุ่น1 วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่ // พระดีพิธีใหญ ปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก พัทลุง หลวงพ่อปาน วัดเขาอ้อ พัทลุง หลวงพ่อเจ๊ก วัดเขาแดงตะวันตก พัทลุง พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >>

    ** เหรียญหลวงพ่อปาน รุ่น1 วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่ พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ปรกเสกมากมาย อาทิ หลวงพ่อแอบ วัดปากน้ำ หาดใหญ่ หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก พัทลุง หลวงพ่อปาน วัดเขาอ้อ พัทลุง หลวงพ่อเจ๊ก วัดเขาแดงตะวันตก พัทลุง พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง หลวงพ่อปั้นฯ วัดโคกสมานคุณ และพระเกจิอาจารย์อื่นๆ อีก รวม 30 รูป ที่ได้นิมนต์มาจาก กรุงเทพฯ เพชรบุรี มหาสารคาม ข่อนแก่น มาเลเซีย ฯลฯ นับว่าเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์อีกเหรียญหนึ่งของภาคใต้ ได้สายเขาอ้อ ปลุกเสก ชนิดเต็มสูตร พิธีใหญ่ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อปาน รุ่น1 วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่ เหรียญหลวงพ่อปาน รุ่น1 วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่ // พระดีพิธีใหญ ปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก พัทลุง หลวงพ่อปาน วัดเขาอ้อ พัทลุง หลวงพ่อเจ๊ก วัดเขาแดงตะวันตก พัทลุง พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >> ** เหรียญหลวงพ่อปาน รุ่น1 วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่ พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ปรกเสกมากมาย อาทิ หลวงพ่อแอบ วัดปากน้ำ หาดใหญ่ หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก พัทลุง หลวงพ่อปาน วัดเขาอ้อ พัทลุง หลวงพ่อเจ๊ก วัดเขาแดงตะวันตก พัทลุง พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง หลวงพ่อปั้นฯ วัดโคกสมานคุณ และพระเกจิอาจารย์อื่นๆ อีก รวม 30 รูป ที่ได้นิมนต์มาจาก กรุงเทพฯ เพชรบุรี มหาสารคาม ข่อนแก่น มาเลเซีย ฯลฯ นับว่าเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์อีกเหรียญหนึ่งของภาคใต้ ได้สายเขาอ้อ ปลุกเสก ชนิดเต็มสูตร พิธีใหญ่ >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝีเริ่มแตก ขบวนการขายชาติมานาน จะเริ่มผุดออกมาจากน้ำหนอง และไม่เกินความคาดหมายว่า การประชุม JBC ก็เป็นแค่ละคร ยื้อเวลาของสองตระกูล ที่กำลังเดินหมากมาถึงทางตัน

    ไทยไม่เคยรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503
    ไทยไม่เคยรับแผนที่ ที่มาตราส่วน1:200,000 ของเขมร

    แต่ตระกูลชิน ที่ไม่ใช่คนรักชาติและกลุ่มขบวนการขายชาติ ยอมรับทั้งอำนาจศาลโลกและแอบลงนาม MOU ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของเขมร จนทำให้ไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร ให้กับเขมร และทำให้นาย วีระ สมความคิด ต้องติดคุกในเขมร และพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยนาย อภิสิทธิ์ ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเขมร แค่เพื่อช่วยเหลือ สส.ตนเองไม่ให้ติดคุกที่เขมร ทำให้คนไทยเจ็บปวดใจกันทั้งประเทศ ยกเว้นแค่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ที่ดีใจที่เห็นไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร

    ขบวนการขายชาติ มีทั้งอดีตนักการฑูตไทย ที่ประจำอยู่ประเทศเขมร และนักการฑูตในปัจจุบัน รวมไปถึง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง อัยการ ศาลและกลุ่มนายทุนเจ้าสัวเชื้อจีน ที่ขายชาติ ที่ทำงานรับใช้สองตระกูลชินกับตระกูลฮุนมานาน

    การแอบใช้เล่ห์เหลี่ยม หลอกคนไทยว่า หากเราลงนาม MOUกับเขมรและยอมรับแผนที่ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเอง ที่อัตราส่วน 1:200,000 ไทยจะได้ประโยชน์ จากพื้นที่เขมรเพิ่มขึ้นถึง 100ตารางวา
    แต่ในความเป็นจริงคนพวกนี้ วางแผนให้เขมรได้พื้นที่ประเทศไทยทั้งแนวตะเข็บชายแดน รวมกันมากถึงกว่า 2 ล้านไร่ หากไทยยอมรับแผนที่ของเขมร ที่เขียนขึ้นมาเอง แต่พรรคเพื่อไทยและตระกูลชิน ยอมรับเงื่อนไขของเขมรทั้งหมด เพราะเป็นญาติกัน

    การประชุม JBC ให้ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ก็แค่เล่นละครปาหี่ เพื่อประวิงเวลาหาทางส่งทักษิณ หนีออกนอกประเทศไปทางเขมรให้ได้เท่านั้น ในขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ ที่มีทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการขายชาติ อัยการและศาล บางกลุ่มบางตัว ในประเทศไทย ก็พยายามดิ้นรน หาวิธีช่วยเหลือทักษิณ จนสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เกมนี้จะมีคนมองออกกันหมด และถึงเวลาที่จะจัดการสองตระกูลนี้ให้สาสม ที่บังอาจทำตัวขายชาติ จนไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร

    ***รอยแค้นนี้ฝังใจลึกมาช้านาน และใกล้จะถึงเวลากวาดล้างสองตระกูลนี้ให้สิ้นซากลง แบบหมดจรดและถาวร***

    ปัญหาของตระกูลชิน คือ ทักษิณ ต้องติดคุก และ ปปช.ชี้มูลความผิดต่อแพทองธาร ในคดีดิจิตอล วอลเล็ต ที่มีความผิดชัดเจน ที่เอาเงินภาษีรัฐไปแจก และทุจริตในเชิงนโยบาย ใช้เงินภาษีแผ่นดินไปแจกหาเสียงให้พรรคตนเอง และมีเจตนาทำผิดต่อเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง

    ประเด็นมีสองทางคือ พ่อติดคุกและตามมาด้วยลูกสาวก็ต้องติดคุกตามพ่อ

    หรือ ต้องหนีออกนอกประเทศ ทั้งพ่อและลูกสาว และยอมให้รัฐบาลใหม่ ยึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูล ไปเป็นสมบัติของชาติ และตามไล่เช็ดปัดกวาด ลิ่วล้อลูกกระจ๊อก พวกกลุ่มขบวนการขายชาติ ให้หมดเกลี้ยง

    นี่คือทางตันของตระกูลชิน ที่กำลังเดินทางมาถึงปากเหว แม้จะพยายามสร้างภาพว่าตระกูลของตน ยังคงมีอำนาจทางการเมืองอยู่ก็ตาม ด้วยการสร้างภาพว่า กำลังปรับ ครม.อยู่ในตอนนี้ และพรรคเพื่อไทยยังมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่ แต่เกมนี้ก็เป็นได้แค่เพียงฉากละครสั้นๆ ที่อีกไม่นาน ละครทั้งหมดก็ต้องถึงตอนจบในอีกไม่นาน อนุทิน จะเล่นเกมไปเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทย บีบจะเอากระทรวงมหาดไทยให้ได้ และบีบให้พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคสีส้มแทน เพื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาล และนั่นคือระเบิดเวลา ที่จะใช้โอกาสทำลายทั้งสองพรรคในคราเดียวกัน

    พรรคสีส้มเมื่อรวมกับพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล พรรคสีส้มจะกลายเป็นสัญลักษณ์พรรคขายชาติในทันทีในสายตาของประชาชน และผลงานสุดห่วยแตกของพรรคเพื่อไทย กำลังดิ่งลงเหวอย่างหนัก หากพรรคไหนยังอยากจับมือกับพรรคนี้ โอกาสสูญพันธุ์ทางการเมืองมีสูงมาก

    และพรรคเพื่อไทยก็รู้ดีว่า หากเพื่อไทยรวมกับพรรคสีส้มเมื่อไหร่ และพรรคสีส้มก็รู้ดีไม่แพ้กันว่า****โอกาสสูงมาก หากสองพรรคนี้มารวมตัวกัน การปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นสูงมาก***

    นี่คือเกมที่พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบ ให้กลายเป็นผีสัมภเวสีทางการเมือง ในขณะที่ภาคประชาชนและกองทัพ ก็กำลังเพ่งเล็ง ถึงพฤติกรรมของแพทองธารกับนายภูมิธรรม ต่อเจตนาและมีพฤติกรรมขายชาติและเอื้อผลประโยชน์ให้กับเขมร และกำลังเดินมาจนมุม เมื่อตระกูลฮุน ญาติฝั่งเขมร ก็กำลังจะพังพินาสทั้งตระกูลเช่นกัน

    และก็เป็นความจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขมรกำลังเผชิญน้ำท่วมอย่างหนักในหลายพื้นที่ จากปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่มในหลายเมือง ทำให้อาวุธของเขมรจำนวนมาก ไปติดหล่มเคลื่อนที่ไม่ได้ กองทิ้งเป็นภูเขา แถมยังเกิดตึกถล่มอีก ไฟฟ้าเริ่มติดๆขัดๆ อินเตอร์เนตก็เริ่มใช้ไม่ได้ ผู้คนและกองทัพเขมรเริ่มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก โรคมาลาเลียและไข้เลือดออก กำลังแพร่กระจายอย่างหนักกับทหารเขมรที่อยู่แนวหน้า บ่อนคาสิโนเริ่มร้าง
    คนเขมรไม่สามารถออกมาล่าสัตว์ป่าและอาหารป่าที่จะนำไปขายได้ในฝั่งไทย ผู้คนขาดเงินอย่างหนักที่จะเดินทางไปรักษาโรคได้ สะเบียงอาหารในประเทศก็เริ่มหร่อยหรอลง

    ล่าสุดฮุนมาเนต ก็โดนประธาน EU เรียกมาด่าและตำหนิอย่างรุนแรงว่า ชอบนำภาพที่ถ่ายคู่ผู้นำไปลงfacebook แล้วสร้างภาพเท็จและหลอกลวงคนเขมร และผู้นำฝรั่งเศส ก็ไม่เคยรับรู้แผนที่กระโปกของเขมร ที่อ้างเอาชื่อฝรั่งเศส มาเขียนแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 กับไทย แล้วบอกว่าฝรั่งเศสเป็นคนเขียเอง ซึ่งไม่เป็นความจริงสักอย่าง แถมเมื่อสืบสาวไปเรื่อยๆ ผู้นำฝรั่งเศสเอง เป็นผู้เตือนฮุนมาเนตอย่างแรง ที่เมืองนีซ ว่า ระวังจะเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารคืนให้กับประเทศไทยนะ เพราะไทยมีลายลักษณ์อักษร ในสัญญาแบ่งเขตแดนมาตั้งแต่สมัยยุคของ ร.5 แล้ว มีเสาแบ่งเขตแดนชัดเจนร่วมกัน และฝรั่งเศสก็จะไม่ยอมรับพื้นที่อัตราส่วน 1:200,000 ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเองด้วย

    ในขณะที่ประธาน UN ก็ออกมาซ้ำเติมตระกูลฮุนว่า เป็นเผด็จการทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน เป็นตระกูลที่ผูกขาดอำนาจมานาน ใส่ร้ายและคอยทำร้ายฝ่ายค้าน เพื่ออำนาจของตระกูลตนเอง และถูก UN งดความช่วยเหลือเขมรในทุกด้านด้วย ซวยซ้ำซวยซ้อน

    ตระกูลฮุน กำลังทำให้บ้านเมืองตนเอง กำลังจะล่มจม หวังพึ่งมหาอำนาจก็ไม่มีใครสนใจสักประเทศ

    ผู้นำจีน แสดงความชัดเจน ไม่เข้าร่วมซ้อมรบทางทะเลกับเขมร เพราะรู้ไส้รู้พุงเขมรแล้ว ว่า ตระกูลฮุน ต้องเอาชื่อเสียงของจีน มาสร้างภาพให้เกิดความขัดแย้งกับไทย เลยสั่งสอนตบกะบาลตระกูลฮุน ด้วยการประกาศจะเข้าร่วมฝึกซ้อมเครื่องบินรบกับไทยในทันที

    และตามมาด้วยผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศมีแผนจะเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพไทยในอีกไม่นาน

    แต่ช้ากว่าผู้นำมาเลเซีย ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่า จะขอเข้ามาทำการซ้อมรบทางทะเลกับกองทัพเรือไทย แถมใจดีเปิดด่านถาวรให้ไทย จากปัญหาเรื่องยาเสพติดที่มาเลเซียสั่งปิดด่านมานาน และยังขยายความร่วมมือทางการแพทย์ตามแนวชายแดนร่วมกันด้วย

    และในอีกไม่นาน การฝึกรบร่วมกันของกลุ่มประเทศอาเซี่ยน ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่มีเขมร ก็กำลังจะเกิดขึ้นตามมา

    แถมยังมีข่าวดีว่า รัสเซีย พร้อมจะส่งขีปนาวุธวิสัยไกล มาให้ไทยใช้ทดสอบแข่งกับอาวุธของค่ายตะวันตก ลองยิงไปสัก3-4 ลูก ลงไปที่กรุงพนมเปญ คงจะดีนะ

    และมีข่าวแว่วๆ ที่จะเป็นจริงว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจเลือกกองทัพไทยเข้าฝึกซ้อมรบพิเศษร่วมกัน เหมือนจะวางรากฐานสร้างกลุ่ม NATO ในเขตภูมิถาคเอเซียในอนาคต

    ทะเลาะกับเขมรในช่วงนี้ มีแต่เรื่องดี้ดี เพราะมหาอำนาจโลกและกลุ่มประเทศของเอเซียและในอาเซี่ยน ยอมรับแสนยานุภาพทางทหารไทยกันหมดแล้ว

    ดูไปดูมา ไม่ได้มีแค่ไทย แต่เหมือนทั้งโลก กำลังช่วยกัน ถล่มซ้ำสองตระกูลนี้ ให้จมธรณีตายไปเลย
    ว่าไหม.

    CR. เดชา นฤนารท.
    15/6/68 10.32 น.
    ฝีเริ่มแตก ขบวนการขายชาติมานาน จะเริ่มผุดออกมาจากน้ำหนอง และไม่เกินความคาดหมายว่า การประชุม JBC ก็เป็นแค่ละคร ยื้อเวลาของสองตระกูล ที่กำลังเดินหมากมาถึงทางตัน ไทยไม่เคยรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 ไทยไม่เคยรับแผนที่ ที่มาตราส่วน1:200,000 ของเขมร แต่ตระกูลชิน ที่ไม่ใช่คนรักชาติและกลุ่มขบวนการขายชาติ ยอมรับทั้งอำนาจศาลโลกและแอบลงนาม MOU ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของเขมร จนทำให้ไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร ให้กับเขมร และทำให้นาย วีระ สมความคิด ต้องติดคุกในเขมร และพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยนาย อภิสิทธิ์ ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเขมร แค่เพื่อช่วยเหลือ สส.ตนเองไม่ให้ติดคุกที่เขมร ทำให้คนไทยเจ็บปวดใจกันทั้งประเทศ ยกเว้นแค่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ที่ดีใจที่เห็นไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร ขบวนการขายชาติ มีทั้งอดีตนักการฑูตไทย ที่ประจำอยู่ประเทศเขมร และนักการฑูตในปัจจุบัน รวมไปถึง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง อัยการ ศาลและกลุ่มนายทุนเจ้าสัวเชื้อจีน ที่ขายชาติ ที่ทำงานรับใช้สองตระกูลชินกับตระกูลฮุนมานาน การแอบใช้เล่ห์เหลี่ยม หลอกคนไทยว่า หากเราลงนาม MOUกับเขมรและยอมรับแผนที่ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเอง ที่อัตราส่วน 1:200,000 ไทยจะได้ประโยชน์ จากพื้นที่เขมรเพิ่มขึ้นถึง 100ตารางวา แต่ในความเป็นจริงคนพวกนี้ วางแผนให้เขมรได้พื้นที่ประเทศไทยทั้งแนวตะเข็บชายแดน รวมกันมากถึงกว่า 2 ล้านไร่ หากไทยยอมรับแผนที่ของเขมร ที่เขียนขึ้นมาเอง แต่พรรคเพื่อไทยและตระกูลชิน ยอมรับเงื่อนไขของเขมรทั้งหมด เพราะเป็นญาติกัน การประชุม JBC ให้ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ก็แค่เล่นละครปาหี่ เพื่อประวิงเวลาหาทางส่งทักษิณ หนีออกนอกประเทศไปทางเขมรให้ได้เท่านั้น ในขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ ที่มีทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการขายชาติ อัยการและศาล บางกลุ่มบางตัว ในประเทศไทย ก็พยายามดิ้นรน หาวิธีช่วยเหลือทักษิณ จนสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เกมนี้จะมีคนมองออกกันหมด และถึงเวลาที่จะจัดการสองตระกูลนี้ให้สาสม ที่บังอาจทำตัวขายชาติ จนไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร ***รอยแค้นนี้ฝังใจลึกมาช้านาน และใกล้จะถึงเวลากวาดล้างสองตระกูลนี้ให้สิ้นซากลง แบบหมดจรดและถาวร*** ปัญหาของตระกูลชิน คือ ทักษิณ ต้องติดคุก และ ปปช.ชี้มูลความผิดต่อแพทองธาร ในคดีดิจิตอล วอลเล็ต ที่มีความผิดชัดเจน ที่เอาเงินภาษีรัฐไปแจก และทุจริตในเชิงนโยบาย ใช้เงินภาษีแผ่นดินไปแจกหาเสียงให้พรรคตนเอง และมีเจตนาทำผิดต่อเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง ประเด็นมีสองทางคือ พ่อติดคุกและตามมาด้วยลูกสาวก็ต้องติดคุกตามพ่อ หรือ ต้องหนีออกนอกประเทศ ทั้งพ่อและลูกสาว และยอมให้รัฐบาลใหม่ ยึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูล ไปเป็นสมบัติของชาติ และตามไล่เช็ดปัดกวาด ลิ่วล้อลูกกระจ๊อก พวกกลุ่มขบวนการขายชาติ ให้หมดเกลี้ยง นี่คือทางตันของตระกูลชิน ที่กำลังเดินทางมาถึงปากเหว แม้จะพยายามสร้างภาพว่าตระกูลของตน ยังคงมีอำนาจทางการเมืองอยู่ก็ตาม ด้วยการสร้างภาพว่า กำลังปรับ ครม.อยู่ในตอนนี้ และพรรคเพื่อไทยยังมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่ แต่เกมนี้ก็เป็นได้แค่เพียงฉากละครสั้นๆ ที่อีกไม่นาน ละครทั้งหมดก็ต้องถึงตอนจบในอีกไม่นาน อนุทิน จะเล่นเกมไปเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทย บีบจะเอากระทรวงมหาดไทยให้ได้ และบีบให้พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคสีส้มแทน เพื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาล และนั่นคือระเบิดเวลา ที่จะใช้โอกาสทำลายทั้งสองพรรคในคราเดียวกัน พรรคสีส้มเมื่อรวมกับพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล พรรคสีส้มจะกลายเป็นสัญลักษณ์พรรคขายชาติในทันทีในสายตาของประชาชน และผลงานสุดห่วยแตกของพรรคเพื่อไทย กำลังดิ่งลงเหวอย่างหนัก หากพรรคไหนยังอยากจับมือกับพรรคนี้ โอกาสสูญพันธุ์ทางการเมืองมีสูงมาก และพรรคเพื่อไทยก็รู้ดีว่า หากเพื่อไทยรวมกับพรรคสีส้มเมื่อไหร่ และพรรคสีส้มก็รู้ดีไม่แพ้กันว่า****โอกาสสูงมาก หากสองพรรคนี้มารวมตัวกัน การปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นสูงมาก*** นี่คือเกมที่พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบ ให้กลายเป็นผีสัมภเวสีทางการเมือง ในขณะที่ภาคประชาชนและกองทัพ ก็กำลังเพ่งเล็ง ถึงพฤติกรรมของแพทองธารกับนายภูมิธรรม ต่อเจตนาและมีพฤติกรรมขายชาติและเอื้อผลประโยชน์ให้กับเขมร และกำลังเดินมาจนมุม เมื่อตระกูลฮุน ญาติฝั่งเขมร ก็กำลังจะพังพินาสทั้งตระกูลเช่นกัน และก็เป็นความจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขมรกำลังเผชิญน้ำท่วมอย่างหนักในหลายพื้นที่ จากปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่มในหลายเมือง ทำให้อาวุธของเขมรจำนวนมาก ไปติดหล่มเคลื่อนที่ไม่ได้ กองทิ้งเป็นภูเขา แถมยังเกิดตึกถล่มอีก ไฟฟ้าเริ่มติดๆขัดๆ อินเตอร์เนตก็เริ่มใช้ไม่ได้ ผู้คนและกองทัพเขมรเริ่มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก โรคมาลาเลียและไข้เลือดออก กำลังแพร่กระจายอย่างหนักกับทหารเขมรที่อยู่แนวหน้า บ่อนคาสิโนเริ่มร้าง คนเขมรไม่สามารถออกมาล่าสัตว์ป่าและอาหารป่าที่จะนำไปขายได้ในฝั่งไทย ผู้คนขาดเงินอย่างหนักที่จะเดินทางไปรักษาโรคได้ สะเบียงอาหารในประเทศก็เริ่มหร่อยหรอลง ล่าสุดฮุนมาเนต ก็โดนประธาน EU เรียกมาด่าและตำหนิอย่างรุนแรงว่า ชอบนำภาพที่ถ่ายคู่ผู้นำไปลงfacebook แล้วสร้างภาพเท็จและหลอกลวงคนเขมร และผู้นำฝรั่งเศส ก็ไม่เคยรับรู้แผนที่กระโปกของเขมร ที่อ้างเอาชื่อฝรั่งเศส มาเขียนแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 กับไทย แล้วบอกว่าฝรั่งเศสเป็นคนเขียเอง ซึ่งไม่เป็นความจริงสักอย่าง แถมเมื่อสืบสาวไปเรื่อยๆ ผู้นำฝรั่งเศสเอง เป็นผู้เตือนฮุนมาเนตอย่างแรง ที่เมืองนีซ ว่า ระวังจะเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารคืนให้กับประเทศไทยนะ เพราะไทยมีลายลักษณ์อักษร ในสัญญาแบ่งเขตแดนมาตั้งแต่สมัยยุคของ ร.5 แล้ว มีเสาแบ่งเขตแดนชัดเจนร่วมกัน และฝรั่งเศสก็จะไม่ยอมรับพื้นที่อัตราส่วน 1:200,000 ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเองด้วย ในขณะที่ประธาน UN ก็ออกมาซ้ำเติมตระกูลฮุนว่า เป็นเผด็จการทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน เป็นตระกูลที่ผูกขาดอำนาจมานาน ใส่ร้ายและคอยทำร้ายฝ่ายค้าน เพื่ออำนาจของตระกูลตนเอง และถูก UN งดความช่วยเหลือเขมรในทุกด้านด้วย ซวยซ้ำซวยซ้อน ตระกูลฮุน กำลังทำให้บ้านเมืองตนเอง กำลังจะล่มจม หวังพึ่งมหาอำนาจก็ไม่มีใครสนใจสักประเทศ ผู้นำจีน แสดงความชัดเจน ไม่เข้าร่วมซ้อมรบทางทะเลกับเขมร เพราะรู้ไส้รู้พุงเขมรแล้ว ว่า ตระกูลฮุน ต้องเอาชื่อเสียงของจีน มาสร้างภาพให้เกิดความขัดแย้งกับไทย เลยสั่งสอนตบกะบาลตระกูลฮุน ด้วยการประกาศจะเข้าร่วมฝึกซ้อมเครื่องบินรบกับไทยในทันที และตามมาด้วยผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศมีแผนจะเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพไทยในอีกไม่นาน แต่ช้ากว่าผู้นำมาเลเซีย ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่า จะขอเข้ามาทำการซ้อมรบทางทะเลกับกองทัพเรือไทย แถมใจดีเปิดด่านถาวรให้ไทย จากปัญหาเรื่องยาเสพติดที่มาเลเซียสั่งปิดด่านมานาน และยังขยายความร่วมมือทางการแพทย์ตามแนวชายแดนร่วมกันด้วย และในอีกไม่นาน การฝึกรบร่วมกันของกลุ่มประเทศอาเซี่ยน ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่มีเขมร ก็กำลังจะเกิดขึ้นตามมา แถมยังมีข่าวดีว่า รัสเซีย พร้อมจะส่งขีปนาวุธวิสัยไกล มาให้ไทยใช้ทดสอบแข่งกับอาวุธของค่ายตะวันตก ลองยิงไปสัก3-4 ลูก ลงไปที่กรุงพนมเปญ คงจะดีนะ และมีข่าวแว่วๆ ที่จะเป็นจริงว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจเลือกกองทัพไทยเข้าฝึกซ้อมรบพิเศษร่วมกัน เหมือนจะวางรากฐานสร้างกลุ่ม NATO ในเขตภูมิถาคเอเซียในอนาคต ทะเลาะกับเขมรในช่วงนี้ มีแต่เรื่องดี้ดี เพราะมหาอำนาจโลกและกลุ่มประเทศของเอเซียและในอาเซี่ยน ยอมรับแสนยานุภาพทางทหารไทยกันหมดแล้ว ดูไปดูมา ไม่ได้มีแค่ไทย แต่เหมือนทั้งโลก กำลังช่วยกัน ถล่มซ้ำสองตระกูลนี้ ให้จมธรณีตายไปเลย ว่าไหม. CR. เดชา นฤนารท. 15/6/68 10.32 น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jetstar Asia โบกมือลา ยุติกิจการ 31 ก.ค.นี้

    ธุรกิจการบินในอาเซียนเริ่มมีผู้ออกจากเกม เมื่อเจ็ทสตาร์ กรุ๊ป (Jetstar Group) ประกาศปิดกิจการสายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชีย (Jetstar Asia) ซึ่งมีฐานการบินอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้รหัส 3K  โดยทยอยลดเที่ยวบินลง ก่อนยุติกิจการในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ให้เหตุผลว่าสายการบินฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งต้นทุนจากผู้ให้บริการที่เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมสนามบิน และค่าบริการด้านการบิน รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค แม้จะพยายามลดผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาราคาค่าโดยสารให้ถูกลงได้อย่างยั่งยืน

    สำหรับเที่ยวบินของเจ็ทสตาร์เอเชีย (รหัส 3K) ยังคงให้บริการตามปกติ แต่อาจมีการลดจำนวนเที่ยวบินลง หากมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินจะติดต่อกลับไปยังผู้โดยสาร หากไม่ได้รับการติดต่อแสดงว่าเที่ยวบินยังคงให้บริการตามปกติ แต่หากเดินทางหลังวันที่ 31 ก.ค. มีสิทธิ์ขอคืนเงินเต็มจำนวนไปยังช่องทางที่ใช้ชำระเงิน และจะมีการติดต่อกลับโดยตรง หรือเข้าไปที่หน้า Manage Booking เพื่อดำเนินการคืนเงินด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินกับสายการบินเจ็ทสตาร์แอร์เวย์ส (รหัส JQ) หรือเจ็ทสตาร์ เจแปน (รหัส GK) จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินใดๆ

    สายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชีย (3K) เป็นสายการบินราคาประหยัดในกลุ่มเจ็ทสตาร์ กรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทเวสต์บรู๊ค อินเวสต์เมนต์ ประเทศสิงคโปร์ ถือหุ้น 51% และกลุ่มบริษัทสายการบินแควนตัส (Qantas) จากออสเตรเลียถือหุ้น 49% มีฐานการบินที่ประเทศสิงคโปร์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2546 เส้นทางสิงคโปร์-ฮ่องกง ปัจจุบันให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศระยะสั้น จากท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ ไปยัง 16 เส้นทางใน 9 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ศรีลังกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ไปยังปลายทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ภูเก็ต และกระบี่

    เส้นทางยอดนิยมของสายการบินนี้ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (สุวรรณภูมิ) ไป-กลับสัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน เดนปาซาร์ (บาหลี) อินโดนีเซีย 28 เที่ยวบิน จาการ์ตา อินโดนีเซีย 21 เที่ยวบิน กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย 21 เที่ยวบิน มะนิลา ฟิลิปปินส์ 18 เที่ยวบิน และภูเก็ต 15 เที่ยวบิน การปิดกิจการของเจ็ทสตาร์ เอเชีย จะกระทบกับพนักงานมากกว่า 500 คนในสิงคโปร์ที่ถูกเลิกจ้าง ส่วนเครื่องบินแอร์บัส A320 จำนวน 13 ลำ จะทยอยถูกนำกลับไปใช้ให้บริการเส้นทางบินภายในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กลุ่มแควนตัสได้ถึง 500 ล้านเหรียญออสเตรเลีย

    #Newskit
    Jetstar Asia โบกมือลา ยุติกิจการ 31 ก.ค.นี้ ธุรกิจการบินในอาเซียนเริ่มมีผู้ออกจากเกม เมื่อเจ็ทสตาร์ กรุ๊ป (Jetstar Group) ประกาศปิดกิจการสายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชีย (Jetstar Asia) ซึ่งมีฐานการบินอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้รหัส 3K  โดยทยอยลดเที่ยวบินลง ก่อนยุติกิจการในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ให้เหตุผลว่าสายการบินฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งต้นทุนจากผู้ให้บริการที่เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมสนามบิน และค่าบริการด้านการบิน รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค แม้จะพยายามลดผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาราคาค่าโดยสารให้ถูกลงได้อย่างยั่งยืน สำหรับเที่ยวบินของเจ็ทสตาร์เอเชีย (รหัส 3K) ยังคงให้บริการตามปกติ แต่อาจมีการลดจำนวนเที่ยวบินลง หากมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินจะติดต่อกลับไปยังผู้โดยสาร หากไม่ได้รับการติดต่อแสดงว่าเที่ยวบินยังคงให้บริการตามปกติ แต่หากเดินทางหลังวันที่ 31 ก.ค. มีสิทธิ์ขอคืนเงินเต็มจำนวนไปยังช่องทางที่ใช้ชำระเงิน และจะมีการติดต่อกลับโดยตรง หรือเข้าไปที่หน้า Manage Booking เพื่อดำเนินการคืนเงินด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินกับสายการบินเจ็ทสตาร์แอร์เวย์ส (รหัส JQ) หรือเจ็ทสตาร์ เจแปน (รหัส GK) จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินใดๆ สายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชีย (3K) เป็นสายการบินราคาประหยัดในกลุ่มเจ็ทสตาร์ กรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทเวสต์บรู๊ค อินเวสต์เมนต์ ประเทศสิงคโปร์ ถือหุ้น 51% และกลุ่มบริษัทสายการบินแควนตัส (Qantas) จากออสเตรเลียถือหุ้น 49% มีฐานการบินที่ประเทศสิงคโปร์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2546 เส้นทางสิงคโปร์-ฮ่องกง ปัจจุบันให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศระยะสั้น จากท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ ไปยัง 16 เส้นทางใน 9 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ศรีลังกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ไปยังปลายทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ภูเก็ต และกระบี่ เส้นทางยอดนิยมของสายการบินนี้ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (สุวรรณภูมิ) ไป-กลับสัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน เดนปาซาร์ (บาหลี) อินโดนีเซีย 28 เที่ยวบิน จาการ์ตา อินโดนีเซีย 21 เที่ยวบิน กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย 21 เที่ยวบิน มะนิลา ฟิลิปปินส์ 18 เที่ยวบิน และภูเก็ต 15 เที่ยวบิน การปิดกิจการของเจ็ทสตาร์ เอเชีย จะกระทบกับพนักงานมากกว่า 500 คนในสิงคโปร์ที่ถูกเลิกจ้าง ส่วนเครื่องบินแอร์บัส A320 จำนวน 13 ลำ จะทยอยถูกนำกลับไปใช้ให้บริการเส้นทางบินภายในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กลุ่มแควนตัสได้ถึง 500 ล้านเหรียญออสเตรเลีย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ ใช้คำหยาบคาย มากที่สุดบนโลกออนไลน์

    เมื่อวันก่อน สองนักวิจัย ดร.มาร์ติน ชไวน์เบอร์เกอร์ จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ และ ศ.เคท เบอร์ริดจ์ จากมหาวิทยาลัยโมนาช ประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยผลการศึกษาในหัวข้อ "Vulgarity in online discourse around the English-speaking world" (ความหยาบคายในบทสนทนาออนไลน์ทั่วโลกที่ใช้ภาษาอังกฤษ) ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการลินกัว (Lingua) วิเคราะห์คำหยาบจากเนื้อหาออนไลน์กว่า 1.7 พันล้านคำในคลังข้อมูล GloWbE (Global Web-Based English Corpus)

    ผลการศึกษาพบว่า จาก 20 ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมีการใช้คำหยาบมากกว่าออสเตรเลีย โดย สหรัฐอเมริกามีคำหยาบคิดเป็น 0.036% ของเนื้อหาออนไลน์ รองลงมาคือ สหราชอาณาจักร 0.025% และออสเตรเลีย 0.022% ถึงกระนั้น แม้ออสเตรเลียจะมีสัดส่วนการใช้คำหยาบน้อยกว่า แต่การศึกษาพบว่าออสเตรเลียมีความคิดสร้างสรรค์ในการใช้คำหยาบสูง เช่น คำว่า “cockknuckle” ที่ไม่พบในประเทศอื่นๆ

    สำหรับศัพท์ที่ใช้บ่อยที่สุดในแต่ละประเทศ สหรัฐอเมริกานิยมใช้คำว่า “*******” ส่วนสหราชอาณาจักรนิยมใช้คำว่า “cunt” ขณะที่ออสเตรเลียใช้คำว่า “crap” บ่อยที่สุด ส่วนประเทศในภูมิภาคอาเซียน พบว่าสิงคโปร์ใช้คำหยาบคายอันดับที่ 4 มาเลเซียอยู่อันดับที่ 6 แต่ประเทศที่ใช้คำหยาบคายต่ำที่สุดคือบังคลาเทศ กานา และแทนซาเนีย

    อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้อาจมีข้อจำกัด เนื่องจากข้อมูลจากบล็อกของออสเตรเลียไม่ได้รวมอยู่ในชุดข้อมูล ซึ่งอาจทำให้สัดส่วนการใช้คำหยาบของออสเตรเลียต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ การใช้คำหยาบยังมีบริบทและความหมายที่แตกต่างกันในแต่ละวัฒนธรรม เช่น คำว่า “cunt” ที่ถือว่าเป็นคำหยาบรุนแรงในหลายประเทศ แต่ในหมู่คนรุ่นใหม่ของออสเตรเลียกลับมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของออสเตรเลียที่มองว่าเป็นเรื่องปกติ

    ผู้เขียนงานวิจัยกล่าวในตอนหนึ่งว่า ภาษาหยาบคายเป็นสนามเด็กเล่นตามธรรมชาติ สำหรับการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ทางภาษา ภาษาหยาบคายใช้ประโยชน์จากข้อห้ามและความกลัวทางสังคม เพื่อสร้างผลกระทบผ่านปริมาณความสั่นสะเทือน พลังทางอารมณ์ และผลกระทบทางสังคมเมื่อละเมิดขอบเขต

    นอกจากนี้ เป็นไปได้ว่าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับลัทธิที่เคร่งครัดของนิกายโปรเตสแตนต์ ความศรัทธาในศาสนาคริสต์ และความถือตัว ผู้คนมักไม่ค่อยใช้คำหยาบคายในที่สาธารณะ นั่นอาจหมายความว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ทางออนไลน์มากขึ้น ส่วนชาวออสเตรเลียมีแนวโน้มที่จะพูดคุยแบบเห็นหน้ามากขึ้น และที่ทำได้ดีกว่าคือความคิดสร้างสรรค์

    #Newskit
    สหรัฐฯ ใช้คำหยาบคาย มากที่สุดบนโลกออนไลน์ เมื่อวันก่อน สองนักวิจัย ดร.มาร์ติน ชไวน์เบอร์เกอร์ จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ และ ศ.เคท เบอร์ริดจ์ จากมหาวิทยาลัยโมนาช ประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยผลการศึกษาในหัวข้อ "Vulgarity in online discourse around the English-speaking world" (ความหยาบคายในบทสนทนาออนไลน์ทั่วโลกที่ใช้ภาษาอังกฤษ) ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการลินกัว (Lingua) วิเคราะห์คำหยาบจากเนื้อหาออนไลน์กว่า 1.7 พันล้านคำในคลังข้อมูล GloWbE (Global Web-Based English Corpus) ผลการศึกษาพบว่า จาก 20 ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมีการใช้คำหยาบมากกว่าออสเตรเลีย โดย สหรัฐอเมริกามีคำหยาบคิดเป็น 0.036% ของเนื้อหาออนไลน์ รองลงมาคือ สหราชอาณาจักร 0.025% และออสเตรเลีย 0.022% ถึงกระนั้น แม้ออสเตรเลียจะมีสัดส่วนการใช้คำหยาบน้อยกว่า แต่การศึกษาพบว่าออสเตรเลียมีความคิดสร้างสรรค์ในการใช้คำหยาบสูง เช่น คำว่า “cockknuckle” ที่ไม่พบในประเทศอื่นๆ สำหรับศัพท์ที่ใช้บ่อยที่สุดในแต่ละประเทศ สหรัฐอเมริกานิยมใช้คำว่า “asshole” ส่วนสหราชอาณาจักรนิยมใช้คำว่า “cunt” ขณะที่ออสเตรเลียใช้คำว่า “crap” บ่อยที่สุด ส่วนประเทศในภูมิภาคอาเซียน พบว่าสิงคโปร์ใช้คำหยาบคายอันดับที่ 4 มาเลเซียอยู่อันดับที่ 6 แต่ประเทศที่ใช้คำหยาบคายต่ำที่สุดคือบังคลาเทศ กานา และแทนซาเนีย อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้อาจมีข้อจำกัด เนื่องจากข้อมูลจากบล็อกของออสเตรเลียไม่ได้รวมอยู่ในชุดข้อมูล ซึ่งอาจทำให้สัดส่วนการใช้คำหยาบของออสเตรเลียต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ การใช้คำหยาบยังมีบริบทและความหมายที่แตกต่างกันในแต่ละวัฒนธรรม เช่น คำว่า “cunt” ที่ถือว่าเป็นคำหยาบรุนแรงในหลายประเทศ แต่ในหมู่คนรุ่นใหม่ของออสเตรเลียกลับมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของออสเตรเลียที่มองว่าเป็นเรื่องปกติ ผู้เขียนงานวิจัยกล่าวในตอนหนึ่งว่า ภาษาหยาบคายเป็นสนามเด็กเล่นตามธรรมชาติ สำหรับการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ทางภาษา ภาษาหยาบคายใช้ประโยชน์จากข้อห้ามและความกลัวทางสังคม เพื่อสร้างผลกระทบผ่านปริมาณความสั่นสะเทือน พลังทางอารมณ์ และผลกระทบทางสังคมเมื่อละเมิดขอบเขต นอกจากนี้ เป็นไปได้ว่าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับลัทธิที่เคร่งครัดของนิกายโปรเตสแตนต์ ความศรัทธาในศาสนาคริสต์ และความถือตัว ผู้คนมักไม่ค่อยใช้คำหยาบคายในที่สาธารณะ นั่นอาจหมายความว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ทางออนไลน์มากขึ้น ส่วนชาวออสเตรเลียมีแนวโน้มที่จะพูดคุยแบบเห็นหน้ามากขึ้น และที่ทำได้ดีกว่าคือความคิดสร้างสรรค์ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากปีนังไปกัวลาลัมเปอร์ รถไฟเร็วกว่าเครื่องบิน?

    การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย เปิดตัวห้องรับรองผู้โดยสารชั้นธุรกิจ (Business Class) ที่ชื่อว่า รูบี้ เลาจน์ (Ruby Lounge) ที่สถานีรถไฟบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2568 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจของบริการรถไฟ ETS พักคอยแยกจากห้องโถงผู้โดยสารรวม รองรับได้ 40 ที่นั่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งตู้กดน้ำดื่ม เครื่องดื่มร้อน ห้องน้ำแยกเฉพาะ ช่องปลั๊กไฟ โดยจะเปิดให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจเข้าใช้บริการก่อนเวลารถไฟออก 1 ชั่วโมง นับเป็นแห่งที่สองต่อจากสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์

    บริการถไฟ ETS ชั้นธุรกิจ (Business Class) ขบวน Platinum (EP) และ Express (EX) ไปยังปลายทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ และสถานีเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่ละขบวนจะมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 36 ที่นั่ง นอกจากผู้โดยสารจะได้ใช้บริการ Ruby Lounge แล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งที่นั่งกว้างขึ้น ไฟอ่านหนังสือ ช่องเสียบปลั๊กและยูเอสบี หน้าจอส่วนตัว โดยจ่ายในราคาที่สูงกว่าที่นั่งปกติ แต่ระหว่างการเดินทางมีอาหารและของว่างให้บริการตลอดการเดินทาง ปัจจุบันค่าโดยสารชั้นธุรกิจระหว่างบัตเตอร์เวิร์ธ ถึง KL Sentral ราคาเริ่มต้นที่ 167-176 ริงกิตต่อเที่ยว (1,286-1,355 บาท)

    ที่ผ่านมามีผู้โดยสารจากปีนังส่วนหนึ่งนิยมใช้บริการรถไฟ ETS แทนที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะเมื่อเทียบกับการเดินทางไปสนามบินปีนัง การรอเที่ยวบินและพบปัญหาเที่ยวบินล่าช้า และการเดินทางจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) หรือสนามบินซูบัง (SZB) ไปยังใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์นั้นยุ่งยากและเสียเวลาพอกัน เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถไฟใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเศษเท่านั้น นอกจากนี้ยังนั่งสบายกว่าเครื่องบิน ผู้โดยสารส่วนมากเป็นบุคคลวีไอพีและนักธุรกิจ

    นูรูล อัซฮา โมคมิน (Nurul Azha Mokmin) ผู้จัดการทั่วไปแผนกบริการ ETS และ Intercity ของ KTMB กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา ว่าจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟ ETS เพิ่มขึ้น 10% ต่อปี และยังคงมีความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู กำลังจะแล้วเสร็จ ก่อนหน้านี้ KTMB ได้รับมอบขบวนรถไฟ ETS ใหม่จำนวน 2 ชุด จากทั้งหมด 10 ชุด มูลค่า 400 ล้านริงกิต เพื่อยกระดับคุณภาพและขีดความสามารถในการให้บริการ ขณะนี้อยู่ในระหว่างทดสอบการให้บริการ คาดว่าจะเริ่มให้บริการเส้นทางเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bharu) ตั้งแต่ปี 2569 หลังจากนั้นจะเปิดเส้นทางใหม่ ยะโฮร์บาห์รู-บัตเตอร์เวิร์ธ และยะโฮร์บาห์รู-ปาดังเบซาร์อีกด้วย

    #Newskit
    จากปีนังไปกัวลาลัมเปอร์ รถไฟเร็วกว่าเครื่องบิน? การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย เปิดตัวห้องรับรองผู้โดยสารชั้นธุรกิจ (Business Class) ที่ชื่อว่า รูบี้ เลาจน์ (Ruby Lounge) ที่สถานีรถไฟบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2568 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจของบริการรถไฟ ETS พักคอยแยกจากห้องโถงผู้โดยสารรวม รองรับได้ 40 ที่นั่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งตู้กดน้ำดื่ม เครื่องดื่มร้อน ห้องน้ำแยกเฉพาะ ช่องปลั๊กไฟ โดยจะเปิดให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจเข้าใช้บริการก่อนเวลารถไฟออก 1 ชั่วโมง นับเป็นแห่งที่สองต่อจากสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ บริการถไฟ ETS ชั้นธุรกิจ (Business Class) ขบวน Platinum (EP) และ Express (EX) ไปยังปลายทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ และสถานีเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่ละขบวนจะมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 36 ที่นั่ง นอกจากผู้โดยสารจะได้ใช้บริการ Ruby Lounge แล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งที่นั่งกว้างขึ้น ไฟอ่านหนังสือ ช่องเสียบปลั๊กและยูเอสบี หน้าจอส่วนตัว โดยจ่ายในราคาที่สูงกว่าที่นั่งปกติ แต่ระหว่างการเดินทางมีอาหารและของว่างให้บริการตลอดการเดินทาง ปัจจุบันค่าโดยสารชั้นธุรกิจระหว่างบัตเตอร์เวิร์ธ ถึง KL Sentral ราคาเริ่มต้นที่ 167-176 ริงกิตต่อเที่ยว (1,286-1,355 บาท) ที่ผ่านมามีผู้โดยสารจากปีนังส่วนหนึ่งนิยมใช้บริการรถไฟ ETS แทนที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะเมื่อเทียบกับการเดินทางไปสนามบินปีนัง การรอเที่ยวบินและพบปัญหาเที่ยวบินล่าช้า และการเดินทางจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) หรือสนามบินซูบัง (SZB) ไปยังใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์นั้นยุ่งยากและเสียเวลาพอกัน เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถไฟใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเศษเท่านั้น นอกจากนี้ยังนั่งสบายกว่าเครื่องบิน ผู้โดยสารส่วนมากเป็นบุคคลวีไอพีและนักธุรกิจ นูรูล อัซฮา โมคมิน (Nurul Azha Mokmin) ผู้จัดการทั่วไปแผนกบริการ ETS และ Intercity ของ KTMB กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา ว่าจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟ ETS เพิ่มขึ้น 10% ต่อปี และยังคงมีความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู กำลังจะแล้วเสร็จ ก่อนหน้านี้ KTMB ได้รับมอบขบวนรถไฟ ETS ใหม่จำนวน 2 ชุด จากทั้งหมด 10 ชุด มูลค่า 400 ล้านริงกิต เพื่อยกระดับคุณภาพและขีดความสามารถในการให้บริการ ขณะนี้อยู่ในระหว่างทดสอบการให้บริการ คาดว่าจะเริ่มให้บริการเส้นทางเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bharu) ตั้งแต่ปี 2569 หลังจากนั้นจะเปิดเส้นทางใหม่ ยะโฮร์บาห์รู-บัตเตอร์เวิร์ธ และยะโฮร์บาห์รู-ปาดังเบซาร์อีกด้วย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • การคาดการณ์ว่าประเทศใดในเอเชียจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงครามโลกครั้งต่อไปเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย **แต่ต้องย้ำว่า สงครามโลกไม่ใช่เรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และประชาคมโลกต่างมุ่งมั่นที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก**

    อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ปัจจุบันและความเปราะบางในภูมิภาค ประเทศหรือพื้นที่ต่อไปนี้อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบทางตรงหรือทางอ้อม **หากเกิดความขัดแย้งขนาดใหญ่**:

    1. **คาบสมุทรเกาหลี**:
    - เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้: อยู่ในแนวหน้าความตึงเครียด โดยเฉพาะหากเกาหลีเหนือมีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งใหญ่
    - ฐานทัพสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้อาจเป็นเป้าหมาย

    2. **ไต้หวันและพื้นที่ใกล้เคียง**:
    - ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันอาจขยายตัว หากเกิดวิกฤตระหว่างจีนและสหรัฐฯ
    - ญี่ปุ่น (โดยเฉพาะเกาะทางใต้เช่น โอกินาวา) และฟิลิปปินส์ อาจถูก波及เนื่องจากพันธมิตรทางทหาร

    3. **ประเทศที่มีฐานทัพสหรัฐฯ**:
    - ญี่ปุ่น (ฐานทัพในโอกินาวา/โยโกสุกะ)
    - เกาหลีใต้
    - อาจรวมถึงฟิลิปปินส์ (ภายใต้ข้อตกลง EDCA)

    4. **จุดยุทธศาสตร์ทางทะเล**:
    - ประเทศควบคุมช่องแคบสำคัญ เช่น มะละกา (สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย) หรือช่องแคบฮอร์มุซ (ไม่ใช่เอเชียแต่ส่งผลต่อการขนส่งน้ำมันสู่เอเชีย)
    - หากการขนส่งทางทะเลถูกขัดขวาง ประเทศพึ่งพาการนำเข้า เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรง

    5. **พื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้**:
    - เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน อาจถูกดึงเข้าไปในความขัดแย้งหากเกิดการปะทะ

    6. **ประเทศที่พึ่งพาการค้าทางทะเลอย่างหนัก**:
    - สิงคโปร์: ศูนย์กลางการค้าโลก
    - ญี่ปุ่น เกาหลีใต้: พึ่งพาการนำเข้าพลังงานและวัตถุดิบ

    7. **ประเทศใกล้รัสเซีย**:
    - ญี่ปุ่น (พิพาทหมู่เกาะคูริล) และมองโกเลีย อาจได้รับผลกระทบหากความขัดแย้งขยายสู่ไซบีเรีย

    ### ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยง:
    - **การแข่งขันสหรัฐฯ-จีน**: การเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจ/การทหารอาจลุกลาม
    - **อาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาค**: ปากีสถาน อินเดีย เกาหลีเหนือ จีน
    - **ความไม่มั่นคงภายใน**: ความขัดแย้งในเมียนมา กลุ่มติดอาวุธในปากีสถาน/อัฟกานิสถาน

    ### ข้อควรจำ:
    - **การทูตคือทางออก**: องค์กรเช่น ASEAN และ UN ทำงานเพื่อระงับความขัดแย้ง
    - **ผลกระทบจะไม่จำกัดเฉพาะสมรภูมิ**: เศรษฐกิจโลก ระบบขนส่ง และเสบียงอาหารจะสั่นคลาย
    - **ไม่มีผู้ชนะในสงครามนิวเคลียร์**: ทุกฝ่ายจะสูญเสียอย่างมหาศาล

    แทนที่จะจินตนาการถึงสงคราม สิ่งที่สำคัญกว่าคือสนับสนุนกลไกสันติภาพ ความร่วมมือระหว่างประเทศ และการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมในอดีตเกิดขึ้นอีก
    การคาดการณ์ว่าประเทศใดในเอเชียจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงครามโลกครั้งต่อไปเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย **แต่ต้องย้ำว่า สงครามโลกไม่ใช่เรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และประชาคมโลกต่างมุ่งมั่นที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก** อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ปัจจุบันและความเปราะบางในภูมิภาค ประเทศหรือพื้นที่ต่อไปนี้อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบทางตรงหรือทางอ้อม **หากเกิดความขัดแย้งขนาดใหญ่**: 1. **คาบสมุทรเกาหลี**: - เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้: อยู่ในแนวหน้าความตึงเครียด โดยเฉพาะหากเกาหลีเหนือมีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งใหญ่ - ฐานทัพสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้อาจเป็นเป้าหมาย 2. **ไต้หวันและพื้นที่ใกล้เคียง**: - ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันอาจขยายตัว หากเกิดวิกฤตระหว่างจีนและสหรัฐฯ - ญี่ปุ่น (โดยเฉพาะเกาะทางใต้เช่น โอกินาวา) และฟิลิปปินส์ อาจถูก波及เนื่องจากพันธมิตรทางทหาร 3. **ประเทศที่มีฐานทัพสหรัฐฯ**: - ญี่ปุ่น (ฐานทัพในโอกินาวา/โยโกสุกะ) - เกาหลีใต้ - อาจรวมถึงฟิลิปปินส์ (ภายใต้ข้อตกลง EDCA) 4. **จุดยุทธศาสตร์ทางทะเล**: - ประเทศควบคุมช่องแคบสำคัญ เช่น มะละกา (สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย) หรือช่องแคบฮอร์มุซ (ไม่ใช่เอเชียแต่ส่งผลต่อการขนส่งน้ำมันสู่เอเชีย) - หากการขนส่งทางทะเลถูกขัดขวาง ประเทศพึ่งพาการนำเข้า เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรง 5. **พื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้**: - เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน อาจถูกดึงเข้าไปในความขัดแย้งหากเกิดการปะทะ 6. **ประเทศที่พึ่งพาการค้าทางทะเลอย่างหนัก**: - สิงคโปร์: ศูนย์กลางการค้าโลก - ญี่ปุ่น เกาหลีใต้: พึ่งพาการนำเข้าพลังงานและวัตถุดิบ 7. **ประเทศใกล้รัสเซีย**: - ญี่ปุ่น (พิพาทหมู่เกาะคูริล) และมองโกเลีย อาจได้รับผลกระทบหากความขัดแย้งขยายสู่ไซบีเรีย ### ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยง: - **การแข่งขันสหรัฐฯ-จีน**: การเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจ/การทหารอาจลุกลาม - **อาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาค**: ปากีสถาน อินเดีย เกาหลีเหนือ จีน - **ความไม่มั่นคงภายใน**: ความขัดแย้งในเมียนมา กลุ่มติดอาวุธในปากีสถาน/อัฟกานิสถาน ### ข้อควรจำ: - **การทูตคือทางออก**: องค์กรเช่น ASEAN และ UN ทำงานเพื่อระงับความขัดแย้ง - **ผลกระทบจะไม่จำกัดเฉพาะสมรภูมิ**: เศรษฐกิจโลก ระบบขนส่ง และเสบียงอาหารจะสั่นคลาย - **ไม่มีผู้ชนะในสงครามนิวเคลียร์**: ทุกฝ่ายจะสูญเสียอย่างมหาศาล แทนที่จะจินตนาการถึงสงคราม สิ่งที่สำคัญกว่าคือสนับสนุนกลไกสันติภาพ ความร่วมมือระหว่างประเทศ และการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมในอดีตเกิดขึ้นอีก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระผงหน้าเสือ เดช อำนาจ หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ปี2537
    พระผงหน้าเสือ เดช อำนาจ เนื้อผงพุทธคุณ หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ปี2537 //พระดีพิธีขลังเกจิดังร่วมปลุกเสก รุ่นนี้มีบันทึกในหนังสือหลวงพ่อชัดเจน //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบทุกด้าน เสริมอำนาจบารมี เมตตามหาเสน่ห์ ผู้ครอบครองจะมีอำนาจบารมี มีฤทธิ์อำนาจคงกระพัน แคล้วคลาด รวมทั้งมหาอุด มหาเดช มหาอำนาจ >>

    ** หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ.วัดถ้ำเสือ ท่านเป็นศิษย์พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน พระอาจารย์จำเนียร ท่านเรียนวิชาปลุกเสกของไม่ให้เสื่อมจากพ่อท่านคล้าย สุดยอดประสบการณ์ แคล้วคลาด ปลอดภัน เมตตามหานิยม โชคลาภ ท่านหลวงพ่อจําเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมาก เป็นพระสุปฏิปันโนองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางของคนไทยทั้งในและต่างประเทศ เป็นพระที่มีกิจนิมนต์เป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยเฉพาะการเดินทางไปแสดงธรรมในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระผงหน้าเสือ เดช อำนาจ หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ปี2537 พระผงหน้าเสือ เดช อำนาจ เนื้อผงพุทธคุณ หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ปี2537 //พระดีพิธีขลังเกจิดังร่วมปลุกเสก รุ่นนี้มีบันทึกในหนังสือหลวงพ่อชัดเจน //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบทุกด้าน เสริมอำนาจบารมี เมตตามหาเสน่ห์ ผู้ครอบครองจะมีอำนาจบารมี มีฤทธิ์อำนาจคงกระพัน แคล้วคลาด รวมทั้งมหาอุด มหาเดช มหาอำนาจ >> ** หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ.วัดถ้ำเสือ ท่านเป็นศิษย์พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน พระอาจารย์จำเนียร ท่านเรียนวิชาปลุกเสกของไม่ให้เสื่อมจากพ่อท่านคล้าย สุดยอดประสบการณ์ แคล้วคลาด ปลอดภัน เมตตามหานิยม โชคลาภ ท่านหลวงพ่อจําเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมาก เป็นพระสุปฏิปันโนองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางของคนไทยทั้งในและต่างประเทศ เป็นพระที่มีกิจนิมนต์เป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยเฉพาะการเดินทางไปแสดงธรรมในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัวลาลัมเปอร์ใกล้ฉัน บาติกแอร์บินตรงดอนเมือง-ซูบัง

    สนามบินเก่าเมืองหลวงของมาเลเซียอย่าง ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิซชาห์ ซูบัง (SZB) ในเมืองซูบัง รัฐสลังงอร์ ทางทิศตะวันตกของกรุงกัวลาลัมเปอร์ กำลังจะมีเที่ยวบินไปยังกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก เมื่อสายการบินบาติกแอร์ (Batik Air) เตรียมเปิดเส้นทางใหม่ จากท่าอากาศยานซูบัง ไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ (DMK) วันละ 1 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบินที่ OD532 ออกจากซูบัง 09.25 น. ถึงดอนเมือง 10.40 น. เที่ยวกลับ เที่ยวบินที่ OD533 ออกจากดอนเมือง 11.40 น. ถึงซูบัง 14.45 น. ค่าโดยสารราคาเริ่มต้นที่ 259 ริงกิต เริ่มให้บริการในวันที่ 28 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป

    จันทราน รามา มูร์ธี (Chandran Rama Muthy) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบาติกแอร์ กล่าวกับสื่อในมาเลเซียว่า การเปิดเที่ยวบินดังกล่าวจะมอบความสะดวกสบายให้กับนักเดินทาง และเข้าถึงเครือข่ายเส้นทางบินที่กำลังเติบโต โดยจะเปลี่ยนท่าอากาศยานซูบังให้กลายเป็นศูนย์กลางการบินที่ทันสมัย ซึ่งเส้นทางบินกรุงเทพฯ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเปิดเส้นทางไปยังเมืองกูชิ่ง (KCH) ในรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว ที่จะช่วยสร้างการเชื่อมต่อภายในประเทศมาเลเซียจากกูชิ่งให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บาติกแอร์ยังให้บริการจากท่าอากาศยานสุบัง ไปยังปีนัง โกตาบาห์รู และโกตากินาบาลูอีกด้วย

    ท่าอากาศยานซูบังจะเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและประหยัดเวลา เมื่อเทียบกับท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) เชื่อว่าจะจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตต่ออุตสาหกรรมการบินในมาเลเซีย และใกล้ชิดกับผู้โดยสารในพื้นที่แคลงวัลเลย์ (Klang Valley) มากขึ้น โดยเฉพาะเมืองต่างๆ อาทิ เปตาลิง จายา, ชาห์ อลาม และกัวลาลัมเปอร์ ผู้ที่อยู่อาศัยในย่านแคลงวัลเลย์ สามารถเดินทางเข้า-ออกสนามบินอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับสนามบินใหญ่ที่อยู่ห่างไกล คาดว่าเส้นทางซูบัง-ดอนเมือง จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเลเซียมายังกรุงเทพฯ ที่มีวัฒนธรรม อาหาร ช้อปปิ้ง และการผจญภัยอันมีชีวิตชีวา

    การเดินทางจากสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปยังท่าอากาศยานซูบัง ด้วยระบบขนส่งมวลชน ได้แก่ รถไฟฟ้า LRT สาย Kelana Jaya จากสถานี KL Sentral ไปลงที่สถานี Pasar Seni ต่อรถไฟฟ้า MRT สาย Kajang ลงที่สถานี Kwasa Sentral จากนั้นต่อรถเมล์สาย T804 ไปลงที่ป้าย Subang Airport รถออกทุก 40-60 นาที ส่วนรถประจำทาง RapidKL สาย 772 จากป้ายหยุดรถประจำทาง KL1760 Suasana Sentral Loft ไปลงที่ป้าย SA909 Subang Skypark Terminal ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

    #Newskit
    กัวลาลัมเปอร์ใกล้ฉัน บาติกแอร์บินตรงดอนเมือง-ซูบัง สนามบินเก่าเมืองหลวงของมาเลเซียอย่าง ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิซชาห์ ซูบัง (SZB) ในเมืองซูบัง รัฐสลังงอร์ ทางทิศตะวันตกของกรุงกัวลาลัมเปอร์ กำลังจะมีเที่ยวบินไปยังกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก เมื่อสายการบินบาติกแอร์ (Batik Air) เตรียมเปิดเส้นทางใหม่ จากท่าอากาศยานซูบัง ไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ (DMK) วันละ 1 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบินที่ OD532 ออกจากซูบัง 09.25 น. ถึงดอนเมือง 10.40 น. เที่ยวกลับ เที่ยวบินที่ OD533 ออกจากดอนเมือง 11.40 น. ถึงซูบัง 14.45 น. ค่าโดยสารราคาเริ่มต้นที่ 259 ริงกิต เริ่มให้บริการในวันที่ 28 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป จันทราน รามา มูร์ธี (Chandran Rama Muthy) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบาติกแอร์ กล่าวกับสื่อในมาเลเซียว่า การเปิดเที่ยวบินดังกล่าวจะมอบความสะดวกสบายให้กับนักเดินทาง และเข้าถึงเครือข่ายเส้นทางบินที่กำลังเติบโต โดยจะเปลี่ยนท่าอากาศยานซูบังให้กลายเป็นศูนย์กลางการบินที่ทันสมัย ซึ่งเส้นทางบินกรุงเทพฯ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเปิดเส้นทางไปยังเมืองกูชิ่ง (KCH) ในรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว ที่จะช่วยสร้างการเชื่อมต่อภายในประเทศมาเลเซียจากกูชิ่งให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บาติกแอร์ยังให้บริการจากท่าอากาศยานสุบัง ไปยังปีนัง โกตาบาห์รู และโกตากินาบาลูอีกด้วย ท่าอากาศยานซูบังจะเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและประหยัดเวลา เมื่อเทียบกับท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) เชื่อว่าจะจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตต่ออุตสาหกรรมการบินในมาเลเซีย และใกล้ชิดกับผู้โดยสารในพื้นที่แคลงวัลเลย์ (Klang Valley) มากขึ้น โดยเฉพาะเมืองต่างๆ อาทิ เปตาลิง จายา, ชาห์ อลาม และกัวลาลัมเปอร์ ผู้ที่อยู่อาศัยในย่านแคลงวัลเลย์ สามารถเดินทางเข้า-ออกสนามบินอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับสนามบินใหญ่ที่อยู่ห่างไกล คาดว่าเส้นทางซูบัง-ดอนเมือง จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเลเซียมายังกรุงเทพฯ ที่มีวัฒนธรรม อาหาร ช้อปปิ้ง และการผจญภัยอันมีชีวิตชีวา การเดินทางจากสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปยังท่าอากาศยานซูบัง ด้วยระบบขนส่งมวลชน ได้แก่ รถไฟฟ้า LRT สาย Kelana Jaya จากสถานี KL Sentral ไปลงที่สถานี Pasar Seni ต่อรถไฟฟ้า MRT สาย Kajang ลงที่สถานี Kwasa Sentral จากนั้นต่อรถเมล์สาย T804 ไปลงที่ป้าย Subang Airport รถออกทุก 40-60 นาที ส่วนรถประจำทาง RapidKL สาย 772 จากป้ายหยุดรถประจำทาง KL1760 Suasana Sentral Loft ไปลงที่ป้าย SA909 Subang Skypark Terminal ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ

    แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี

    โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร

    สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน

    ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด

    #Newskit
    เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ เผย บทบาทไทยบนเวทีสำคัญของสามภูมิภาค “อาเซียน -อ่าวอาหรับ-จีน” ที่มีขนาดศก. 1 ใน 4 ของโลก แสดงวิสัยทัศน์เน้นย้ำกรอบ “3M” ขับเคลื่อนความร่วมมือพหุภาคี หนุนขนส่งรวดเร็วทุกมิติ ร่วมกันกำหนดทิศทางใหม่เพื่อรับมือความไม่แน่นอนศก.โลก เพื่อการเจริญเติบโตทางศก.ในสามภูมิภาคของโลก

    วันนี้ (27 พฤษภาคม 2568) เวลา 15.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งตรงกับเวลา 14.45 น.ในประเทศไทย ณ ห้อง Ballroom 1 ชั้น 3 ศูนย์ประชุม Kuala Lumpur Convention Center (KLCC) ประเทศมาเลเซีย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ – จีน (ASEAN – GCC – China Summit) ประกอบไปด้วยผู้นำประเทศ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับประเทศจีน โดยนายหลี่ เฉียง (H.E. Mr. Li Qiang) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนและผู้นำจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049631

    #MGROnline #อาเซียน #อ่าวอาหรับ #จีน
    นายกฯ เผย บทบาทไทยบนเวทีสำคัญของสามภูมิภาค “อาเซียน -อ่าวอาหรับ-จีน” ที่มีขนาดศก. 1 ใน 4 ของโลก แสดงวิสัยทัศน์เน้นย้ำกรอบ “3M” ขับเคลื่อนความร่วมมือพหุภาคี หนุนขนส่งรวดเร็วทุกมิติ ร่วมกันกำหนดทิศทางใหม่เพื่อรับมือความไม่แน่นอนศก.โลก เพื่อการเจริญเติบโตทางศก.ในสามภูมิภาคของโลก • วันนี้ (27 พฤษภาคม 2568) เวลา 15.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งตรงกับเวลา 14.45 น.ในประเทศไทย ณ ห้อง Ballroom 1 ชั้น 3 ศูนย์ประชุม Kuala Lumpur Convention Center (KLCC) ประเทศมาเลเซีย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ – จีน (ASEAN – GCC – China Summit) ประกอบไปด้วยผู้นำประเทศ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับประเทศจีน โดยนายหลี่ เฉียง (H.E. Mr. Li Qiang) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนและผู้นำจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049631 • #MGROnline #อาเซียน #อ่าวอาหรับ #จีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทย กับทางเลือก ด้านเทคโนโลยี CPU Processor - RISC-V หรือ ARM ⁉️

    💡 ความสำคัญของ CPU RISC-V ในปัจจุบัน
    RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (Instruction Set Architecture - ISA) แบบ RISC ที่เป็นโอเพนซอร์ส ภายใต้ใบอนุญาต BSD ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถนำไปพัฒนา ปรับแต่ง หรือผลิตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์หรือค่าธรรมเนียม (Royalty Fee) ความสำคัญในปัจจุบันมีดังนี้:

    ✅ ลดต้นทุนการพัฒนา: ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ
    ✅ ความยืดหยุ่นสูง: ผู้พัฒนาสามารถปรับแต่งชุดคำสั่งให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางได้
    ✅ การสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ: บริษัทใหญ่ เช่น Google, Alibaba, Qualcomm และ Intel ได้ให้ความสนใจและนำ RISC-V ไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ของตน
    ✅ การใช้งานที่หลากหลาย: ปัจจุบัน RISC-V ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ IoT ระบบฝังตัว และการประมวลผลขั้นสูง

    💡 แนวโน้มการพัฒนาและใช้งานในอนาคต
    RISC-V มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะมีการส่งมอบ RISC-V cores ถึง 80 พันล้านอันภายในปี 2025 แนวโน้มที่น่าสนใจมีดังนี้:
    ✅ การขยายสู่หลากหลายอุตสาหกรรม:
    👉 IoT: ด้วยความประหยัดพลังงานและขนาดเล็ก
    👉 ยานยนต์: ใช้ในระบบควบคุมและเซ็นเซอร์
    👉 AI และคลาวด์: การพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูง เช่น SiFive P870
    👉 อุปกรณ์พกพา: เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต
    ✅การพัฒนาประสิทธิภาพ: มีการออกแบบ RISC-V cores ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกับสถาปัตยกรรมอื่น เช่น ARM และ x86
    ✅ การสนับสนุนจากชุมชนและรัฐบาล: หลายประเทศเริ่มลงทุนใน RISC-V เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ

    💡 โอกาสของธุรกิจไทยในการพัฒนา ขาย หรือใช้งาน RISC-V ในอนาคต
    ธุรกิจไทยมีโอกาสที่น่าสนใจในการใช้ประโยชน์จาก RISC-V ดังนี้:
    ✅ การพัฒนาฮาร์ดแวร์: สามารถออกแบบและผลิต CPU/MCU โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ เช่น IoT หรือยานยนต์
    ✅ การแข่งขันในตลาดโลก: สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ RISC-V เพื่อส่งออกไปยังตลาดสากล
    ✅ การพัฒนาซอฟต์แวร์: สร้างแอปพลิเคชันและระบบที่รองรับ RISC-V
    ✅ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ธุรกิจไทยสามารถกลายเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้

    💡 รัฐบาลไทยควรซื้อ ARM License หรือทุ่มกับ RISC-V
    การตัดสินใจของรัฐบาลไทยขึ้นอยู่กับเป้าหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้:

    🛍️ การซื้อ ARM License
    ✅ ข้อดี:
    👉 มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
    👉 เอกชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้กับ ARM ได้ทันที
    👉 เหมาะสำหรับการเข้าสู่ตลาดระยะสั้น

    ❌ ข้อเสีย:
    👉 ค่าใช้จ่ายสูงทั้งในส่วนของไลเซนส์และ Royalty Fee
    👉 ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งอาจขัดกับนโยบายพึ่งพาตนเอง

    🛍️ การทุ่มกับ RISC-V
    ✅ ข้อดี:
    👉 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ช่วยลดต้นทุน
    👉 สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของไทย
    👉 ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ
    👉 มีโอกาสเติบโตในระยะยาวและเป็นผู้นำในภูมิภาค

    ❌ ข้อเสีย:
    👉 Ecosystem ยังไม่สมบูรณ์เท่า ARM อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนา
    👉 มีความเสี่ยงจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่

    💡 ข้อเสนอแนะ
    ⏲️ระยะสั้น : การซื้อ ARM License อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ทันที คล้ายกับที่มาเลเซียทำ
    ⏲️ ระยะยาว: รัฐบาลควรลงทุนใน RISC-V ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างฐานเทคโนโลยีของตัวเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ และใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำของ RISC-V
    ⏲️ แนวทางผสมผสาน: สนับสนุนทั้ง ARM และ RISC-V โดยให้เอกชนเลือกใช้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมการวิจัย RISC-V ในสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม

    💡 บทสรุป
    RISC-V มีความสำคัญในปัจจุบันจากความเป็นโอเพนซอร์สและการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ แนวโน้มในอนาคตแสดงถึงการเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจไทยมีโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันในตลาดโลกด้วย RISC-V ส่วนรัฐบาลไทยควรพิจารณาทั้ง ARM และ RISC-V โดยเน้น RISC-V ในระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี
    ประเทศไทย กับทางเลือก ด้านเทคโนโลยี CPU Processor - RISC-V หรือ ARM ⁉️ 💡 ความสำคัญของ CPU RISC-V ในปัจจุบัน RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (Instruction Set Architecture - ISA) แบบ RISC ที่เป็นโอเพนซอร์ส ภายใต้ใบอนุญาต BSD ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถนำไปพัฒนา ปรับแต่ง หรือผลิตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์หรือค่าธรรมเนียม (Royalty Fee) ความสำคัญในปัจจุบันมีดังนี้: ✅ ลดต้นทุนการพัฒนา: ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ ✅ ความยืดหยุ่นสูง: ผู้พัฒนาสามารถปรับแต่งชุดคำสั่งให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางได้ ✅ การสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ: บริษัทใหญ่ เช่น Google, Alibaba, Qualcomm และ Intel ได้ให้ความสนใจและนำ RISC-V ไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ของตน ✅ การใช้งานที่หลากหลาย: ปัจจุบัน RISC-V ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ IoT ระบบฝังตัว และการประมวลผลขั้นสูง 💡 แนวโน้มการพัฒนาและใช้งานในอนาคต RISC-V มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะมีการส่งมอบ RISC-V cores ถึง 80 พันล้านอันภายในปี 2025 แนวโน้มที่น่าสนใจมีดังนี้: ✅ การขยายสู่หลากหลายอุตสาหกรรม: 👉 IoT: ด้วยความประหยัดพลังงานและขนาดเล็ก 👉 ยานยนต์: ใช้ในระบบควบคุมและเซ็นเซอร์ 👉 AI และคลาวด์: การพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูง เช่น SiFive P870 👉 อุปกรณ์พกพา: เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ✅การพัฒนาประสิทธิภาพ: มีการออกแบบ RISC-V cores ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกับสถาปัตยกรรมอื่น เช่น ARM และ x86 ✅ การสนับสนุนจากชุมชนและรัฐบาล: หลายประเทศเริ่มลงทุนใน RISC-V เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ 💡 โอกาสของธุรกิจไทยในการพัฒนา ขาย หรือใช้งาน RISC-V ในอนาคต ธุรกิจไทยมีโอกาสที่น่าสนใจในการใช้ประโยชน์จาก RISC-V ดังนี้: ✅ การพัฒนาฮาร์ดแวร์: สามารถออกแบบและผลิต CPU/MCU โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ เช่น IoT หรือยานยนต์ ✅ การแข่งขันในตลาดโลก: สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ RISC-V เพื่อส่งออกไปยังตลาดสากล ✅ การพัฒนาซอฟต์แวร์: สร้างแอปพลิเคชันและระบบที่รองรับ RISC-V ✅ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ธุรกิจไทยสามารถกลายเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้ 💡 รัฐบาลไทยควรซื้อ ARM License หรือทุ่มกับ RISC-V การตัดสินใจของรัฐบาลไทยขึ้นอยู่กับเป้าหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้: 🛍️ การซื้อ ARM License ✅ ข้อดี: 👉 มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก 👉 เอกชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้กับ ARM ได้ทันที 👉 เหมาะสำหรับการเข้าสู่ตลาดระยะสั้น ❌ ข้อเสีย: 👉 ค่าใช้จ่ายสูงทั้งในส่วนของไลเซนส์และ Royalty Fee 👉 ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งอาจขัดกับนโยบายพึ่งพาตนเอง 🛍️ การทุ่มกับ RISC-V ✅ ข้อดี: 👉 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ช่วยลดต้นทุน 👉 สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของไทย 👉 ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ 👉 มีโอกาสเติบโตในระยะยาวและเป็นผู้นำในภูมิภาค ❌ ข้อเสีย: 👉 Ecosystem ยังไม่สมบูรณ์เท่า ARM อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนา 👉 มีความเสี่ยงจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ 💡 ข้อเสนอแนะ ⏲️ระยะสั้น : การซื้อ ARM License อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ทันที คล้ายกับที่มาเลเซียทำ ⏲️ ระยะยาว: รัฐบาลควรลงทุนใน RISC-V ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างฐานเทคโนโลยีของตัวเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ และใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำของ RISC-V ⏲️ แนวทางผสมผสาน: สนับสนุนทั้ง ARM และ RISC-V โดยให้เอกชนเลือกใช้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมการวิจัย RISC-V ในสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม 💡 บทสรุป RISC-V มีความสำคัญในปัจจุบันจากความเป็นโอเพนซอร์สและการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ แนวโน้มในอนาคตแสดงถึงการเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจไทยมีโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันในตลาดโลกด้วย RISC-V ส่วนรัฐบาลไทยควรพิจารณาทั้ง ARM และ RISC-V โดยเน้น RISC-V ในระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์ โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 625 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียยังคงได้รับชิป Intel และ AMD ผ่านช่องทางเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร

    แม้ว่าสหรัฐฯ จะออกมาตรการคว่ำบาตรเพื่อจำกัดการส่งออกชิปไปยังรัสเซียหลังการรุกรานยูเครน แต่รายงานล่าสุดพบว่าชิปยังคงไหลเข้าสู่รัสเซียผ่านเครือข่ายช่องทางที่ไม่เป็นทางการ โดยมี ฮ่องกง, มาเลเซีย และอินเดีย เป็นศูนย์กลางสำคัญในการนำเข้าชิป

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการนำเข้าชิปของรัสเซีย
    ✅ ข้อมูลจาก Federal Customs Service (FCS) ของรัสเซียเผยว่า การนำเข้า CPU Intel ลดลง 95% ในปีที่ผ่านมา
    - ลดลงจาก 537,000 หน่วยในปี 2023 เหลือเพียง 37,000 หน่วย

    ✅ การนำเข้า CPU AMD ลดลง 81% ในช่วงเวลาเดียวกัน
    - แสดงให้เห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรส่งผลกระทบต่อการนำเข้าชิปโดยตรง

    ✅ อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีในรัสเซียรายงานว่าการจัดหาชิปยังคงดำเนินต่อไปและเพิ่มขึ้น
    - Rikor รายงานว่าซื้อ CPU กว่า 120,000 หน่วยในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน

    ✅ ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางสำคัญในการนำเข้าชิป โดยมีที่อยู่หนึ่งที่จัดการการนำเข้าชิปมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
    - นอกจากนี้ มาเลเซียและอินเดียยังมีบทบาทสำคัญในการส่งชิปไปยังรัสเซีย

    ✅ ชิปบางส่วนถูกนำเข้าโดยไม่มีการระบุว่าเป็น "โปรเซสเซอร์" บนเอกสารการจัดส่ง
    - ทำให้ สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากหน่วยงานศุลกากรได้

    ✅ ราคาชิปในรัสเซียคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10-12% ในปี 2025
    - เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

    https://www.techspot.com/news/108053-russia-swimming-new-intel-amd-chips-thanks-sanction.html
    รัสเซียยังคงได้รับชิป Intel และ AMD ผ่านช่องทางเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร แม้ว่าสหรัฐฯ จะออกมาตรการคว่ำบาตรเพื่อจำกัดการส่งออกชิปไปยังรัสเซียหลังการรุกรานยูเครน แต่รายงานล่าสุดพบว่าชิปยังคงไหลเข้าสู่รัสเซียผ่านเครือข่ายช่องทางที่ไม่เป็นทางการ โดยมี ฮ่องกง, มาเลเซีย และอินเดีย เป็นศูนย์กลางสำคัญในการนำเข้าชิป 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการนำเข้าชิปของรัสเซีย ✅ ข้อมูลจาก Federal Customs Service (FCS) ของรัสเซียเผยว่า การนำเข้า CPU Intel ลดลง 95% ในปีที่ผ่านมา - ลดลงจาก 537,000 หน่วยในปี 2023 เหลือเพียง 37,000 หน่วย ✅ การนำเข้า CPU AMD ลดลง 81% ในช่วงเวลาเดียวกัน - แสดงให้เห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรส่งผลกระทบต่อการนำเข้าชิปโดยตรง ✅ อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีในรัสเซียรายงานว่าการจัดหาชิปยังคงดำเนินต่อไปและเพิ่มขึ้น - Rikor รายงานว่าซื้อ CPU กว่า 120,000 หน่วยในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน ✅ ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางสำคัญในการนำเข้าชิป โดยมีที่อยู่หนึ่งที่จัดการการนำเข้าชิปมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ - นอกจากนี้ มาเลเซียและอินเดียยังมีบทบาทสำคัญในการส่งชิปไปยังรัสเซีย ✅ ชิปบางส่วนถูกนำเข้าโดยไม่มีการระบุว่าเป็น "โปรเซสเซอร์" บนเอกสารการจัดส่ง - ทำให้ สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากหน่วยงานศุลกากรได้ ✅ ราคาชิปในรัสเซียคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10-12% ในปี 2025 - เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน https://www.techspot.com/news/108053-russia-swimming-new-intel-amd-chips-thanks-sanction.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Russia is still swimming in new Intel and AMD chips thanks to sanction "workarounds"
    Russia's official customs data suggests the country's once-thriving market for US-made processors has nearly disappeared. Figures from the Federal Customs Service (FCS), reported by Russian publication Kommersant,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • TNG eWallet เติมเงินด้วยบัตรไทยได้แล้ว

    สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เดินทางไปเที่ยวประเทศมาเลเซียบ่อยครั้ง นอกจากจะต้องมีหัวแปลงปลั๊กไฟมาเลเซีย กับเบอร์มือถือมาเลเซียไว้เล่นเน็ตแทนการซื้อแพ็คเกจโรมมิ่งราคาแพงแล้ว บัตร Touch 'n Go สำหรับใช้บริการขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ จ่ายค่าทางด่วน ที่จอดรถ และร้านค้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชัน TNG eWallet ก็สามารถทำธุรกรรมกับบัตร Touch 'n Go รุ่น NFC ได้ทันที รวมทั้งใช้จ่ายที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ และประเทศไทยได้อีกด้วย

    การเติมเงินถ้าเป็นในประเทศมาเลเซีย มีช่องทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะสถานีรถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขั้นต่ำ 10 ริงกิตโดยไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ คนที่อยู่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อาจเลือกใช้วิธีแลกเงินที่ร้านแลกเงิน แล้วซื้อรหัสเติมเงิน (Reload PIN) ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฝั่งประเทศมาเลเซีย หรือหากอยู่ที่ต่างประเทศมักจะซื้อรหัสผ่านตัวแทนจำหน่าย เช่น เว็บไซต์ SEAGM ขั้นต่ำ 10 ริงกิต บวกค่าบริการ 0.10 ริงกิต สำหรับชาวไทยสามารถซื้อรหัสผ่านเว็บไซต์ เลือกสกุลเงิน MYR แล้วเลือกชำระผ่าน DuitNow QR สแกนจ่ายผ่านแอปฯ Krungthai NEXT หรือ CIMB THAI ได้

    อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้ใช้งาน Touch N'Go e-Wallet ที่อยู่ต่างประเทศ สามารถเติมเงินด้วยบัตร VISA, Mastercard และ AMEX ที่ออกจากต่างประเทศได้แล้วบางธนาคารในประเทศไทย ขั้นต่ำ 20 ริงกิต เช่น บัตร YouTrip ของธนาคารกสิกรไทย บัตร Krungthai Travel Debit Card ธนาคารกรุงไทย โดยคิดค่าธรรมเนียม 2.6% ของยอดที่เติม โดยจะเป็นยอดเงินแบบ Transferable สามารถโอนเงินระหว่างบุคคล (Peer-to-Peer) ได้ ต่างจากการเติมเงินผ่าน Reload PIN สามารถเลือกแบบ Non-Transferable สำหรับสแกนจ่ายร้านค้าเท่านั้น ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่หากโอนเงินระหว่างบุคคลจะถูกหัก 1% ต่อรายการ

    วิธีการเติมเงิน ให้เข้าไปที่ "Add money" เลือก "Credit Card" ใส่จำนวนเงินที่ต้องการลงไป (ขั้นต่ำ 20 ริงกิต) แล้วกด Continue จากนั้นกรอกเลขที่บัตรเครดิต (Card Number) เดือน/ปีที่หมดอายุบัตร (MM/YY) รหัสความปลอดภัย (CVV/CVV2) แล้วกด Next ระบบจะยืนยันการทำรายการ (Confirm amount) โดยจะแสดงจำนวนเงิน (Amount) และค่าธรรมเนียม (Convenience fee 2.6%) กด Continue ระบบจะเข้าสู่หน้าระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคาร กรอกรหัส OTP ลงไปเหมือนการช้อปปิ้งออนไลน์ เมื่อทำรายการสำเร็จจะมีข้อความแจ้งเตือนและหน้าธุรกรรมสำเร็จ (Successfully added)

    #Newskit
    TNG eWallet เติมเงินด้วยบัตรไทยได้แล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เดินทางไปเที่ยวประเทศมาเลเซียบ่อยครั้ง นอกจากจะต้องมีหัวแปลงปลั๊กไฟมาเลเซีย กับเบอร์มือถือมาเลเซียไว้เล่นเน็ตแทนการซื้อแพ็คเกจโรมมิ่งราคาแพงแล้ว บัตร Touch 'n Go สำหรับใช้บริการขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ จ่ายค่าทางด่วน ที่จอดรถ และร้านค้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชัน TNG eWallet ก็สามารถทำธุรกรรมกับบัตร Touch 'n Go รุ่น NFC ได้ทันที รวมทั้งใช้จ่ายที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ และประเทศไทยได้อีกด้วย การเติมเงินถ้าเป็นในประเทศมาเลเซีย มีช่องทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะสถานีรถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขั้นต่ำ 10 ริงกิตโดยไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ คนที่อยู่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อาจเลือกใช้วิธีแลกเงินที่ร้านแลกเงิน แล้วซื้อรหัสเติมเงิน (Reload PIN) ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฝั่งประเทศมาเลเซีย หรือหากอยู่ที่ต่างประเทศมักจะซื้อรหัสผ่านตัวแทนจำหน่าย เช่น เว็บไซต์ SEAGM ขั้นต่ำ 10 ริงกิต บวกค่าบริการ 0.10 ริงกิต สำหรับชาวไทยสามารถซื้อรหัสผ่านเว็บไซต์ เลือกสกุลเงิน MYR แล้วเลือกชำระผ่าน DuitNow QR สแกนจ่ายผ่านแอปฯ Krungthai NEXT หรือ CIMB THAI ได้ อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้ใช้งาน Touch N'Go e-Wallet ที่อยู่ต่างประเทศ สามารถเติมเงินด้วยบัตร VISA, Mastercard และ AMEX ที่ออกจากต่างประเทศได้แล้วบางธนาคารในประเทศไทย ขั้นต่ำ 20 ริงกิต เช่น บัตร YouTrip ของธนาคารกสิกรไทย บัตร Krungthai Travel Debit Card ธนาคารกรุงไทย โดยคิดค่าธรรมเนียม 2.6% ของยอดที่เติม โดยจะเป็นยอดเงินแบบ Transferable สามารถโอนเงินระหว่างบุคคล (Peer-to-Peer) ได้ ต่างจากการเติมเงินผ่าน Reload PIN สามารถเลือกแบบ Non-Transferable สำหรับสแกนจ่ายร้านค้าเท่านั้น ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่หากโอนเงินระหว่างบุคคลจะถูกหัก 1% ต่อรายการ วิธีการเติมเงิน ให้เข้าไปที่ "Add money" เลือก "Credit Card" ใส่จำนวนเงินที่ต้องการลงไป (ขั้นต่ำ 20 ริงกิต) แล้วกด Continue จากนั้นกรอกเลขที่บัตรเครดิต (Card Number) เดือน/ปีที่หมดอายุบัตร (MM/YY) รหัสความปลอดภัย (CVV/CVV2) แล้วกด Next ระบบจะยืนยันการทำรายการ (Confirm amount) โดยจะแสดงจำนวนเงิน (Amount) และค่าธรรมเนียม (Convenience fee 2.6%) กด Continue ระบบจะเข้าสู่หน้าระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคาร กรอกรหัส OTP ลงไปเหมือนการช้อปปิ้งออนไลน์ เมื่อทำรายการสำเร็จจะมีข้อความแจ้งเตือนและหน้าธุรกรรมสำเร็จ (Successfully added) #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • No Processing Fee แค่มุกใหม่ไทยแอร์เอเชีย

    แคมเปญล่าสุดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย คือการงดเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Processing Fee) สำหรับทุกการจองเที่ยวบิน FD ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึง 15 ส.ค. 2568 ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุดนอกจากการออกโปรโมชัน BIG SALE จ่ายเฉพาะภาษีสนามบิน (Airport Tax) แต่ก็ต้องจ่ายค่า Processing Fee ตั้งแต่ 107.00 ถึง 128.40 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน เท่ากับค่าโดยสารราคาโปรโมชันประมาณ 300-600 บาทต่อเที่ยวบิน ถึงกระนั้น ในช่วงนี้ยังไม่มีโปรโมชันแรงๆ อย่าง BIG SALE เกิดขึ้น มีแต่โปรโมชันปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 900-930 บาทต่อเที่ยว ซึ่งช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (Low Season) ที่นักท่องเที่ยวลดลง ราคาบัตรโดยสารไม่น่าจะเกิน 2,000 บาทต่อเที่ยว

    แต่ถ้าเป็นประเทศมาเลเซีย ต้นกำเนิดแอร์เอเชีย เส้นทางบินทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ เช่น ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ไม่มีค่า Processing Fee อย่างชัดเจน เพราะได้ยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2562 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน หลังคณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งปรับสายการบินแอร์เอเชีย และแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินละ 200,000 ริงกิต เนื่องจากคิดค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารพื้นฐาน เพราะก่อนหน้านี้ MAVCOM กำหนดให้ทุกสายการบินในมาเลเซียยกเลิกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝง หนึ่งในนั้นคือค่า Processing Fee ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคการบินแห่งมาเลเซีย 2016 (MACPC) นับจากนั้นเป็นต้นมาการจองผ่านแอปฯ ของแอร์เอเชีย โดยเฉพาะบัตรเครดิตจะไม่ถูกเรียกเก็บค่า Processing Fee อีกต่อไป

    น่าเสียดายที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT กลับมองข้ามถึงเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นการคุ้มครองผู้โดยสารไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกทางหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาโปรโมชันค่าโดยสารถูกที่สุดมีเพียงแค่การนำที่นั่งในช่วงเวลาที่ไม่มีผู้โดยสารคับคั่งออกมาลดราคา เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 20% ของจำนวนที่นั่งต่อเที่ยวบิน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยนอกจากจะต้องจ่ายในราคาที่สูงแล้ว ต่อที่สองยังต้องจ่ายค่า Processing Fee ต่อคนต่อเที่ยวบินอีก ถึงกระนั้นหากมองอีกมุมหนึ่ง ถือเป็นช่องทางหารายได้ของสายการบิน ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามเหมือนมาเลเซีย อีกทั้งการชำระเงินผ่านช่องทาง Direct Debit และบัตรเครดิต สายการบินยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่ผู้ให้บริการอีก

    สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นในสายการบินแอร์เอเชีย พบว่า รายได้จากการขายและบริการ 13,225 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท

    #Newskit
    No Processing Fee แค่มุกใหม่ไทยแอร์เอเชีย แคมเปญล่าสุดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย คือการงดเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Processing Fee) สำหรับทุกการจองเที่ยวบิน FD ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึง 15 ส.ค. 2568 ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุดนอกจากการออกโปรโมชัน BIG SALE จ่ายเฉพาะภาษีสนามบิน (Airport Tax) แต่ก็ต้องจ่ายค่า Processing Fee ตั้งแต่ 107.00 ถึง 128.40 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน เท่ากับค่าโดยสารราคาโปรโมชันประมาณ 300-600 บาทต่อเที่ยวบิน ถึงกระนั้น ในช่วงนี้ยังไม่มีโปรโมชันแรงๆ อย่าง BIG SALE เกิดขึ้น มีแต่โปรโมชันปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 900-930 บาทต่อเที่ยว ซึ่งช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (Low Season) ที่นักท่องเที่ยวลดลง ราคาบัตรโดยสารไม่น่าจะเกิน 2,000 บาทต่อเที่ยว แต่ถ้าเป็นประเทศมาเลเซีย ต้นกำเนิดแอร์เอเชีย เส้นทางบินทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ เช่น ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ไม่มีค่า Processing Fee อย่างชัดเจน เพราะได้ยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2562 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน หลังคณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งปรับสายการบินแอร์เอเชีย และแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินละ 200,000 ริงกิต เนื่องจากคิดค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารพื้นฐาน เพราะก่อนหน้านี้ MAVCOM กำหนดให้ทุกสายการบินในมาเลเซียยกเลิกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝง หนึ่งในนั้นคือค่า Processing Fee ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคการบินแห่งมาเลเซีย 2016 (MACPC) นับจากนั้นเป็นต้นมาการจองผ่านแอปฯ ของแอร์เอเชีย โดยเฉพาะบัตรเครดิตจะไม่ถูกเรียกเก็บค่า Processing Fee อีกต่อไป น่าเสียดายที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT กลับมองข้ามถึงเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นการคุ้มครองผู้โดยสารไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกทางหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาโปรโมชันค่าโดยสารถูกที่สุดมีเพียงแค่การนำที่นั่งในช่วงเวลาที่ไม่มีผู้โดยสารคับคั่งออกมาลดราคา เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 20% ของจำนวนที่นั่งต่อเที่ยวบิน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยนอกจากจะต้องจ่ายในราคาที่สูงแล้ว ต่อที่สองยังต้องจ่ายค่า Processing Fee ต่อคนต่อเที่ยวบินอีก ถึงกระนั้นหากมองอีกมุมหนึ่ง ถือเป็นช่องทางหารายได้ของสายการบิน ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามเหมือนมาเลเซีย อีกทั้งการชำระเงินผ่านช่องทาง Direct Debit และบัตรเครดิต สายการบินยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่ผู้ให้บริการอีก สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นในสายการบินแอร์เอเชีย พบว่า รายได้จากการขายและบริการ 13,225 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปฯ K PLUS สแกนจ่ายที่ลาวได้แล้ว

    แอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เวอร์ชัน 5.19.11 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ สแกนจ่ายผ่าน QR Code ระบบ Cross-border QR Payment ของ LAO QR ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องแลกเงิน และไม่มีค่าธรรมเนียม เป็นธนาคารที่สี่ ต่อจากแอปพลิเคชัน KMA ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย และ Bangkok Bank Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ

    ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของโมบายแบงกิ้งอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 23 ล้านราย หันมาพัฒนาระบบ Cross-border QR Payment เอง นอกจากพัฒนารองรับการสแกน QR Code ในต่างประเทศหลากหลายรูปแบบ เช่น UnionPay QR Payment, Alipay+, WeChat เฉพาะประเทศจีน และ Cross Border Outbound เฉพาะประเทศมาเลเซีย ที่สแกนจ่าย QR Code ของ DuitNow ผ่านเครือข่าย Alipay+ ต่างจากธนาคารอื่น ที่เชื่อมโยงระบบจากเครือข่าย PayNet ผู้ให้บริการระบบ DuitNow

    ผู้ใช้งาน K PLUS สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจากร้านค้าที่ใช้ระบบ LAO QR ของธนาคารในลาว 12 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารเอซีลีดา (ACLEDA) ธนาคารส่งเสริมกสิกรรรม (APB) ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BCEL) ธนาคารลาว-ฝรั่งเศส (LBF) ธนาคารบีไอซี (BIC) ธนาคารอินโดจีน (IBL) ธนาคารร่วมพัฒนา (JDB) ธนาคารกสิกรไทย ลาว (KBANK LAOS) ธนาคารพัฒนาลาว (LDB) ธนาคารร่วมธุรกิจลาว-เวียด (Laoviet) ธนาคารพงสะหวัน (Pongsavanh) และธนาคารเอสที (ST Bank) วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 500,000 บาทต่อวัน

    อย่างไรก็ตาม แอปฯ ธนาคารในไทยทั้ง 4 แห่ง สามารถสแกน QR Code ของ LAO QR ได้เฉพาะคิวอาร์โค้ดร้านค้าที่รองรับเท่านั้น แต่คิวอาร์โค้ดสำหรับโอนเงินระหว่างบุคคล หรือร้านค้าขนาดเล็กในประเทศลาวไม่สามารถใช้ได้ จึงควรทดลองใช้ธนาคารของไทยสแกนคิวอาร์โค้ดก่อน โดยยังไม่ต้องโอนเงิน หากขึ้นหน้าจอชำระเงินถือว่าสามารถสแกนจ่ายได้

    ก่อนหน้านี้ผู้ใช้โมบายแบงกิ้งในประเทศลาว สามารถสแกนจ่ายตามร้านค้า Thai QR Payment ผ่านเครื่องรับบัตร EDC หรือ QR Code สำหรับร้านค้า มาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2567 อาทิ K SHOP ธนาคารกสิกรไทย, ถุงเงิน ธนาคารกรุงไทย, BeMerchant NextGen ธนาคารกรุงเทพ และ krungsri Mung-Mee SHOP ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

    ข้อมูลจากกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว ประเทศลาว พบว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศลาวต้อนรับนักท่องเที่ยว 4,120,832 คน โดยอันดับ 1 นักท่องเที่ยวจากไทย 1,215,553 คน อันดับ 2 จากเวียดนาม 1,054,204 คน และอันดับ 3 จากจีน 1,048,034 คน

    #Newskit
    แอปฯ K PLUS สแกนจ่ายที่ลาวได้แล้ว แอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เวอร์ชัน 5.19.11 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ สแกนจ่ายผ่าน QR Code ระบบ Cross-border QR Payment ของ LAO QR ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องแลกเงิน และไม่มีค่าธรรมเนียม เป็นธนาคารที่สี่ ต่อจากแอปพลิเคชัน KMA ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย และ Bangkok Bank Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของโมบายแบงกิ้งอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 23 ล้านราย หันมาพัฒนาระบบ Cross-border QR Payment เอง นอกจากพัฒนารองรับการสแกน QR Code ในต่างประเทศหลากหลายรูปแบบ เช่น UnionPay QR Payment, Alipay+, WeChat เฉพาะประเทศจีน และ Cross Border Outbound เฉพาะประเทศมาเลเซีย ที่สแกนจ่าย QR Code ของ DuitNow ผ่านเครือข่าย Alipay+ ต่างจากธนาคารอื่น ที่เชื่อมโยงระบบจากเครือข่าย PayNet ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ผู้ใช้งาน K PLUS สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจากร้านค้าที่ใช้ระบบ LAO QR ของธนาคารในลาว 12 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารเอซีลีดา (ACLEDA) ธนาคารส่งเสริมกสิกรรรม (APB) ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BCEL) ธนาคารลาว-ฝรั่งเศส (LBF) ธนาคารบีไอซี (BIC) ธนาคารอินโดจีน (IBL) ธนาคารร่วมพัฒนา (JDB) ธนาคารกสิกรไทย ลาว (KBANK LAOS) ธนาคารพัฒนาลาว (LDB) ธนาคารร่วมธุรกิจลาว-เวียด (Laoviet) ธนาคารพงสะหวัน (Pongsavanh) และธนาคารเอสที (ST Bank) วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 500,000 บาทต่อวัน อย่างไรก็ตาม แอปฯ ธนาคารในไทยทั้ง 4 แห่ง สามารถสแกน QR Code ของ LAO QR ได้เฉพาะคิวอาร์โค้ดร้านค้าที่รองรับเท่านั้น แต่คิวอาร์โค้ดสำหรับโอนเงินระหว่างบุคคล หรือร้านค้าขนาดเล็กในประเทศลาวไม่สามารถใช้ได้ จึงควรทดลองใช้ธนาคารของไทยสแกนคิวอาร์โค้ดก่อน โดยยังไม่ต้องโอนเงิน หากขึ้นหน้าจอชำระเงินถือว่าสามารถสแกนจ่ายได้ ก่อนหน้านี้ผู้ใช้โมบายแบงกิ้งในประเทศลาว สามารถสแกนจ่ายตามร้านค้า Thai QR Payment ผ่านเครื่องรับบัตร EDC หรือ QR Code สำหรับร้านค้า มาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2567 อาทิ K SHOP ธนาคารกสิกรไทย, ถุงเงิน ธนาคารกรุงไทย, BeMerchant NextGen ธนาคารกรุงเทพ และ krungsri Mung-Mee SHOP ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ข้อมูลจากกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว ประเทศลาว พบว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศลาวต้อนรับนักท่องเที่ยว 4,120,832 คน โดยอันดับ 1 นักท่องเที่ยวจากไทย 1,215,553 คน อันดับ 2 จากเวียดนาม 1,054,204 คน และอันดับ 3 จากจีน 1,048,034 คน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำพูดตลกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม และ “ภรรยาคนที่สอง” ทำให้คนในประเทศเกิดปฏิกิริยาที่หลากหลาย โดยทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรู้สึกขบขัน แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้คนอื่นๆรู้สึกไม่พอใจเพราะยังคงไว้อาลัยเที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ หลังจากที่รัสเซียถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อปี 2014 ระหว่างที่อันวาร์เยือนกรุงมอสโก

    อันวาร์อยู่ระหว่างการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ 4 วันตามคำเชิญของปูติน โดยทั้งสองฝ่ายต่างยกย่องความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในภาคส่วนต่างๆ เช่น อวกาศ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีดิจิทัล

    แต่คำพูดที่หลุดจากปากของปูตินเองต่างหากที่ดึงดูดความสนใจ

    ในการแถลงข่าวร่วมกันที่กรุงมอสโกเมื่อวันพุธที่14 พ.ค. ผู้นำรัสเซียเล่าว่าพาอันวาร์ชมห้องโถงเซนต์แอนดรูว์อันโอ่อ่าในเครมลิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์พิธีการ 3 บัลลังก์ที่ราชวงศ์รัสเซียเคยใช้ ผู้นำรัสเซียอธิบายว่าบัลลังก์หนึ่งเป็นของซาร์ และอีกบัลลังก์หนึ่งเป็นของภรรยา จากนั้นจึงถามผู้นำมาเลเซียว่าบัลลังก์ที่สามเป็นของใคร

    “นายกรัฐมนตรีอันวาร์กล่าวโดยไม่คิดอะไรเลยว่า ‘เพื่อภรรยาคนที่สอง’” ปูตินกล่าว ทำให้ผู้ฟังหัวเราะ “ฉันหวังว่าเขาจะไม่โกรธฉันที่พูดแบบนั้น แต่นี่คือคำตอบของมุสลิมแท้ ตัวแทนที่แท้จริงของวัฒนธรรมอิสลาม”

    อันวาร์ซึ่งหัวเราะขณะที่ปูตินเล่าเรื่องนี้ตอบกลับว่า “ผมมีภรรยาคนเดียวเท่านั้น ท่านประธานาธิบดี” และเสริมว่าภายหลังเขาเพิ่งตระหนักว่าบัลลังก์ที่สามนั้นเป็นของพระมารดาของซาร์

    ชาวมาเลเซียรีบล้อเลียนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนี้บนโซเชียลมีเดีย โดยบางคนเสนอว่าควรมีเพลง “Russia Sayang” เป็นเพลงประกอบการเยือนของอันวาร์ ซึ่งเป็นการเล่นคำกับเพลง “Rasa Sayang” ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านยอดนิยมของชาวมาเลย์ที่แปลว่า “ความรู้สึกรัก”

    “จากรัสเซียด้วยความรัก” ผู้ใช้รายหนึ่งชื่ออัซลัน อับดุลลาห์ เขียน พร้อมเพิ่มอีโมจิหัวเราะในความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กของเขา

    อย่างไรก็ตาม ชาวมาเลเซียบางคนก็ไม่ได้รู้สึกขบขัน นักวิจารณ์โต้แย้งว่าความตลกโปกฮานี้ขาดความจริงจัง เนื่องจากรัสเซียมีบทบาทในเหตุโศกนาฏกรรม MH17 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 298 ราย รวมถึงชาวมาเลเซีย 43 ราย เมื่อเครื่องบินถูกขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ Buk ที่ผลิตโดยรัสเซียโจมตีเหนือยูเครนตะวันออกในเดือนกรกฎาคม 2557 ระหว่างการสู้รบระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนมอสโกวและกองกำลังยูเครน

    ผู้ใช้รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “เขาคิดว่าเขาไปมอสโกวเพื่อเรียกร้องคำตอบเกี่ยวกับ MH17 แต่กลับกลายเป็นว่าเขากำลังเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับภรรยาคนที่สองกับปูตินแทน” ผู้ใช้อีกรายเขียนว่า “หัวเราะและเล่าเรื่องตลกในขณะที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจาก MH17 ร้องไห้” ในโพสต์ที่แชร์คลิปการแถลงข่าวที่กลายเป็นไวรัล

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะกรรมการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตัดสินว่ารัสเซียต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เครื่องบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ถูกยิงตก

    คำตัดสินดังกล่าวระบุว่ารัสเซียละเมิดอนุสัญญาชิคาโก ซึ่งห้ามใช้อาวุธโจมตีเครื่องบินพลเรือนขณะบิน และเปิดโอกาสให้รัฐที่ได้รับผลกระทบเรียกร้องค่าชดเชยแทนครอบครัวของผู้เสียชีวิตผ่านกลไกทางกฎหมายระหว่างประเทศ

    เครมลินปฏิเสธคำตัดสินดังกล่าวโดยระบุว่า “ลำเอียง” โดยให้เหตุผลว่ามอสโกไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวน

    ในการแถลงข่าวแยกกับสื่อมาเลเซียในกรุงมอสโก อันวาร์กล่าวว่าปูตินบอกกับเขาว่ารัสเซียเปิดกว้างที่จะให้ความร่วมมือในคดีนี้ แต่เฉพาะกับหน่วยงานสอบสวนที่ถือว่าเป็นกลางเท่านั้น

    “สิ่งที่ฉันยืนยันได้คือเขากล่าวว่าไม่เป็นความจริงที่จะบอกว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ แต่พวกเขาไม่สามารถให้ความร่วมมือกับใครก็ตามที่รัสเซียถือว่าไม่เป็นอิสระ” เขากล่าว

    มาเลเซียซึ่งสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซียในช่วงยุคโซเวียตในทศวรรษ 1960 นำเข้าธัญพืช น้ำมันกลั่น และอาวุธจากรัสเซีย และล่าสุดหันไปหามอสโกเพื่อขอการสนับสนุนในการพยายามเข้าร่วมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บริกส์

    ที่มา Putin’s ‘second wife’ joke about Anwar draws laughs and backlash in Malaysia
    https://www.scmp.com/week-asia/politics/article/3310606/putins-second-wife-joke-about-malaysias-anwar-draws-laughs-and-anger-amid-mh17-ruling?share=mYixsqD3Gx74oC2WLCVGDbUSw3YQ5trX%2FyBWyU9E0%2F%2FQDIcV%2Ba96vAUpBw3v%2BoxVR4RAImnq9JxgzHKpT4WMZjU%2BOyv%2BvSxYeWul0pVvbj0%3D&utm_campaign=social_share
    คำพูดตลกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม และ “ภรรยาคนที่สอง” ทำให้คนในประเทศเกิดปฏิกิริยาที่หลากหลาย โดยทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรู้สึกขบขัน แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้คนอื่นๆรู้สึกไม่พอใจเพราะยังคงไว้อาลัยเที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ หลังจากที่รัสเซียถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อปี 2014 ระหว่างที่อันวาร์เยือนกรุงมอสโก อันวาร์อยู่ระหว่างการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ 4 วันตามคำเชิญของปูติน โดยทั้งสองฝ่ายต่างยกย่องความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในภาคส่วนต่างๆ เช่น อวกาศ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีดิจิทัล แต่คำพูดที่หลุดจากปากของปูตินเองต่างหากที่ดึงดูดความสนใจ ในการแถลงข่าวร่วมกันที่กรุงมอสโกเมื่อวันพุธที่14 พ.ค. ผู้นำรัสเซียเล่าว่าพาอันวาร์ชมห้องโถงเซนต์แอนดรูว์อันโอ่อ่าในเครมลิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์พิธีการ 3 บัลลังก์ที่ราชวงศ์รัสเซียเคยใช้ ผู้นำรัสเซียอธิบายว่าบัลลังก์หนึ่งเป็นของซาร์ และอีกบัลลังก์หนึ่งเป็นของภรรยา จากนั้นจึงถามผู้นำมาเลเซียว่าบัลลังก์ที่สามเป็นของใคร “นายกรัฐมนตรีอันวาร์กล่าวโดยไม่คิดอะไรเลยว่า ‘เพื่อภรรยาคนที่สอง’” ปูตินกล่าว ทำให้ผู้ฟังหัวเราะ “ฉันหวังว่าเขาจะไม่โกรธฉันที่พูดแบบนั้น แต่นี่คือคำตอบของมุสลิมแท้ ตัวแทนที่แท้จริงของวัฒนธรรมอิสลาม” อันวาร์ซึ่งหัวเราะขณะที่ปูตินเล่าเรื่องนี้ตอบกลับว่า “ผมมีภรรยาคนเดียวเท่านั้น ท่านประธานาธิบดี” และเสริมว่าภายหลังเขาเพิ่งตระหนักว่าบัลลังก์ที่สามนั้นเป็นของพระมารดาของซาร์ ชาวมาเลเซียรีบล้อเลียนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนี้บนโซเชียลมีเดีย โดยบางคนเสนอว่าควรมีเพลง “Russia Sayang” เป็นเพลงประกอบการเยือนของอันวาร์ ซึ่งเป็นการเล่นคำกับเพลง “Rasa Sayang” ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านยอดนิยมของชาวมาเลย์ที่แปลว่า “ความรู้สึกรัก” “จากรัสเซียด้วยความรัก” ผู้ใช้รายหนึ่งชื่ออัซลัน อับดุลลาห์ เขียน พร้อมเพิ่มอีโมจิหัวเราะในความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กของเขา อย่างไรก็ตาม ชาวมาเลเซียบางคนก็ไม่ได้รู้สึกขบขัน นักวิจารณ์โต้แย้งว่าความตลกโปกฮานี้ขาดความจริงจัง เนื่องจากรัสเซียมีบทบาทในเหตุโศกนาฏกรรม MH17 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 298 ราย รวมถึงชาวมาเลเซีย 43 ราย เมื่อเครื่องบินถูกขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ Buk ที่ผลิตโดยรัสเซียโจมตีเหนือยูเครนตะวันออกในเดือนกรกฎาคม 2557 ระหว่างการสู้รบระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนมอสโกวและกองกำลังยูเครน ผู้ใช้รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “เขาคิดว่าเขาไปมอสโกวเพื่อเรียกร้องคำตอบเกี่ยวกับ MH17 แต่กลับกลายเป็นว่าเขากำลังเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับภรรยาคนที่สองกับปูตินแทน” ผู้ใช้อีกรายเขียนว่า “หัวเราะและเล่าเรื่องตลกในขณะที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจาก MH17 ร้องไห้” ในโพสต์ที่แชร์คลิปการแถลงข่าวที่กลายเป็นไวรัล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะกรรมการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตัดสินว่ารัสเซียต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เครื่องบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ถูกยิงตก คำตัดสินดังกล่าวระบุว่ารัสเซียละเมิดอนุสัญญาชิคาโก ซึ่งห้ามใช้อาวุธโจมตีเครื่องบินพลเรือนขณะบิน และเปิดโอกาสให้รัฐที่ได้รับผลกระทบเรียกร้องค่าชดเชยแทนครอบครัวของผู้เสียชีวิตผ่านกลไกทางกฎหมายระหว่างประเทศ เครมลินปฏิเสธคำตัดสินดังกล่าวโดยระบุว่า “ลำเอียง” โดยให้เหตุผลว่ามอสโกไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวน ในการแถลงข่าวแยกกับสื่อมาเลเซียในกรุงมอสโก อันวาร์กล่าวว่าปูตินบอกกับเขาว่ารัสเซียเปิดกว้างที่จะให้ความร่วมมือในคดีนี้ แต่เฉพาะกับหน่วยงานสอบสวนที่ถือว่าเป็นกลางเท่านั้น “สิ่งที่ฉันยืนยันได้คือเขากล่าวว่าไม่เป็นความจริงที่จะบอกว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ แต่พวกเขาไม่สามารถให้ความร่วมมือกับใครก็ตามที่รัสเซียถือว่าไม่เป็นอิสระ” เขากล่าว มาเลเซียซึ่งสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซียในช่วงยุคโซเวียตในทศวรรษ 1960 นำเข้าธัญพืช น้ำมันกลั่น และอาวุธจากรัสเซีย และล่าสุดหันไปหามอสโกเพื่อขอการสนับสนุนในการพยายามเข้าร่วมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บริกส์ ที่มา Putin’s ‘second wife’ joke about Anwar draws laughs and backlash in Malaysia https://www.scmp.com/week-asia/politics/article/3310606/putins-second-wife-joke-about-malaysias-anwar-draws-laughs-and-anger-amid-mh17-ruling?share=mYixsqD3Gx74oC2WLCVGDbUSw3YQ5trX%2FyBWyU9E0%2F%2FQDIcV%2Ba96vAUpBw3v%2BoxVR4RAImnq9JxgzHKpT4WMZjU%2BOyv%2BvSxYeWul0pVvbj0%3D&utm_campaign=social_share
    WWW.SCMP.COM
    Putin’s ‘second wife’ joke about Anwar draws laughs and backlash in Malaysia
    While some social media users were amused by the leaders’ moment of levity, others felt it was inappropriate in light of the MH17 tragedy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⛰ ตามล่าลมหายใจแห่งเทพเจ้า "โบรโม่"‼️ บินฟลูเซอร์วิส มาเลเซียแอร์ไลน์ วิวถ่ายรูปสุดปัง เช็คอินไม่ซ้ำใคร!
    ⛰ Stunning Bromo 4D3N ทัวร์อินโดนีเซีย โบรโม่ ซูราบายา ฟรี!น้ำหนักกระเป๋า 30 ก.ก.

    🛫 Malaysia Airlines เดินทางวันที่
    📆 วันที่ 26 - 29 ก.ค. 68 24,900.- รับได้ 14 ที่ (วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว)
    📆 วันที่ 10 - 13 ส.ค. 68 24,900.- รับได้ 18 ที่ (วันแม่แห่งชาติ)

    ⛰ ไฮไลท์ที่ห้ามพลาด!!!
    📌 ดูพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมชมวิวภูเขาไฟสามสหาย โบรโม่ เซเมรุ บาตก
    📌 ชมน้ำตกมาดาคารีปุระที่สวยงาม สูงที่สุดในป่าลึกในชวาตะวันออก
    📌 "อังคุต" พิพิธภัณฑ์การขนส่งแบบดั้งเดิมจนถึงสมัยใหม่ มากกว่า 300 คอลเลกชั่น
    📌 เช็คอินจุดถ่ายรูปรถจี๊ปยอดฮิต / คิงคองฮิลล์
    📌 ประตูสู่โบรโม่ CEMORO LAWANG

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e381db

    ดูทัวร์อินโดนีเซียทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/0cb09d

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์อินโดนีเซีย #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    ⛰ ตามล่าลมหายใจแห่งเทพเจ้า "โบรโม่"‼️ บินฟลูเซอร์วิส มาเลเซียแอร์ไลน์ วิวถ่ายรูปสุดปัง เช็คอินไม่ซ้ำใคร! ⛰ Stunning Bromo 4D3N ทัวร์อินโดนีเซีย โบรโม่ ซูราบายา ฟรี!น้ำหนักกระเป๋า 30 ก.ก. 🛫 Malaysia Airlines เดินทางวันที่ 📆 วันที่ 26 - 29 ก.ค. 68 24,900.- รับได้ 14 ที่ (วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) 📆 วันที่ 10 - 13 ส.ค. 68 24,900.- รับได้ 18 ที่ (วันแม่แห่งชาติ) ⛰ ไฮไลท์ที่ห้ามพลาด!!! 📌 ดูพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมชมวิวภูเขาไฟสามสหาย โบรโม่ เซเมรุ บาตก 📌 ชมน้ำตกมาดาคารีปุระที่สวยงาม สูงที่สุดในป่าลึกในชวาตะวันออก 📌 "อังคุต" พิพิธภัณฑ์การขนส่งแบบดั้งเดิมจนถึงสมัยใหม่ มากกว่า 300 คอลเลกชั่น 📌 เช็คอินจุดถ่ายรูปรถจี๊ปยอดฮิต / คิงคองฮิลล์ 📌 ประตูสู่โบรโม่ CEMORO LAWANG ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e381db ดูทัวร์อินโดนีเซียทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/0cb09d LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์อินโดนีเซีย #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • THE ANWAR’S DISGUSTING ADVISOR

    เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว สำหรับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพในปี 2568 ทั้งที่นายทักษิณเพิ่งได้รับการพักโทษอย่างน่ากังขาจากคดีทุจริต 3 คดี โดยที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว กลับอาศัยอยู่ที่ห้องพักสุดหรูบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วยข้ออ้างอาการป่วยขั้นวิกฤต เป็นบุคคลน่ารังเกียจในสายตาชาวไทยที่ยึดถือความยุติธรรม และตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาที่ปรึกษารายนี้ไม่มีผลงานใดเป็นรูปธรรม นอกจากใช้เป็นข้ออ้าง ขออนุญาตศาลอาญาเดินทางออกนอกประเทศ

    เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ ชุมนุมหน้าอาคารโครนอส สาทร ทาวเวอร์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือผ่านสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ทั้งที่ปัจจุบันนายทักษิณเป็นจำเลยในคดีอาญา มาตรา 112 รวมทั้งนายทักษิณเคยให้การรับสารภาพและถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยคดีถึงที่สุดแล้ว ในคดีทุจริตคอร์รัปชันเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถูกประชาชนคนไทยมีคำถามกับสิ่งที่นายทักษิณอ้างว่าป่วยวิกฤตและไม่เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว

    คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และศาลฎีกาได้เริ่มกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงว่า การบังคับโทษนายทักษิณเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้น นายทักษิณที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนที่นายอันวาร์แต่งตั้ง จึงเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินการทางกฎหมายของประเทศไทย และถูกดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจากศาลไทยซึ่งอาจจะนำมาสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด หรือแม้แต่การลงโทษนายทักษิณอีกครั้งหนึ่ง

    "เกรงว่าด้วยตำแหน่งที่นายอันวาร์แต่งตั้งให้นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะกลายเป็นเงื่อนไขใช้เป็นข้ออ้างในการเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณ แล้วไม่กลับมาสู่การพิสูจน์ความจริงเหมือนที่นายทักษิณเคยกระทำมาแล้ว ซึ่งก็จะกลายเป็นการใช้ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายอันวาร์ มาบดบังกระบวนการยุติธรรมของไทย อันเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดมิตรไมตรีของสองประเทศอันมีมาช้านาน จึงขอให้ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณ เพื่อธํารงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมืองของประเทศอาเซียน และให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนทุกประเทศมีกระบวนการยุติธรรมในประเทศของตนเอง"

    #Newskit
    THE ANWAR’S DISGUSTING ADVISOR เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว สำหรับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพในปี 2568 ทั้งที่นายทักษิณเพิ่งได้รับการพักโทษอย่างน่ากังขาจากคดีทุจริต 3 คดี โดยที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว กลับอาศัยอยู่ที่ห้องพักสุดหรูบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วยข้ออ้างอาการป่วยขั้นวิกฤต เป็นบุคคลน่ารังเกียจในสายตาชาวไทยที่ยึดถือความยุติธรรม และตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาที่ปรึกษารายนี้ไม่มีผลงานใดเป็นรูปธรรม นอกจากใช้เป็นข้ออ้าง ขออนุญาตศาลอาญาเดินทางออกนอกประเทศ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ ชุมนุมหน้าอาคารโครนอส สาทร ทาวเวอร์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือผ่านสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ทั้งที่ปัจจุบันนายทักษิณเป็นจำเลยในคดีอาญา มาตรา 112 รวมทั้งนายทักษิณเคยให้การรับสารภาพและถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยคดีถึงที่สุดแล้ว ในคดีทุจริตคอร์รัปชันเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถูกประชาชนคนไทยมีคำถามกับสิ่งที่นายทักษิณอ้างว่าป่วยวิกฤตและไม่เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และศาลฎีกาได้เริ่มกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงว่า การบังคับโทษนายทักษิณเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้น นายทักษิณที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนที่นายอันวาร์แต่งตั้ง จึงเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินการทางกฎหมายของประเทศไทย และถูกดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจากศาลไทยซึ่งอาจจะนำมาสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด หรือแม้แต่การลงโทษนายทักษิณอีกครั้งหนึ่ง "เกรงว่าด้วยตำแหน่งที่นายอันวาร์แต่งตั้งให้นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะกลายเป็นเงื่อนไขใช้เป็นข้ออ้างในการเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณ แล้วไม่กลับมาสู่การพิสูจน์ความจริงเหมือนที่นายทักษิณเคยกระทำมาแล้ว ซึ่งก็จะกลายเป็นการใช้ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายอันวาร์ มาบดบังกระบวนการยุติธรรมของไทย อันเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดมิตรไมตรีของสองประเทศอันมีมาช้านาน จึงขอให้ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณ เพื่อธํารงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมืองของประเทศอาเซียน และให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนทุกประเทศมีกระบวนการยุติธรรมในประเทศของตนเอง" #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 572 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมไม่ทราบว่าผู้นำชีอะห์ท่านนี้ ท่านซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี เป็นใคร มีความเป็นมาอย่างไร (อ่านบทความจากลิงก์ข้างล่าง) แต่ผมพูดบ่อยๆ ว่า ปัญหาผู้ก่อการร้าย จชต. โยงใยโดยกลไกจารชนตะวันตกที่ฝังตัวมานาน ในเวลาเดียวกับที่มีความพยายามมาโดยตลอดที่จะชักจูงชี้นำให้เชื่อโดยป้ายสีไปที่ชาติมุสลิมในอาหรับ โดยเฉพาะอิหร่าน
    .
    ขอบอกอีกครั้งว่า ไม่ใช่แค่ในบ้านเรา การป้ายสีแบบนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดกระแส Islamophobia ทั่วไปในโลก และกองโจรก่อการร้ายมุสลิมที่เป็นที่หวาดกลัวเช่น อัลเคด้า ตอลีบัน ไอสิส ในที่สุดถูกเปิดโปงว่าถูกสร้างขึ้น ได้รับการสนับสนุนเงินทุน ได้รับการฝึกฝนและติดอาวุธโดยรัฐบาลสหรัฐ
    .
    เบื้องลึกความขัดแย้งภายในประเทศต่างๆ ในโลก หลายต่อหลายครั้ง เกิดขึ้นจากแผนร้ายในการแทรกแซงทางการเมืองของตะวันตก โดยมีอำนาจการเมืองและทุนท้องถิ่นให้ความร่วมมือ เช่น การแยกดินแดนของติมอร์.. ตะวันตกสนับสนุนเงินทุนทั้งฝ่ายเรียกร้องและฝ่ายต่อต้าน เมื่อการเคลื่อนไหวสุกงอมได้ที่ก็มีการสนับสนุนอาวุธเพื่อยกระดับความรุนแรงจากแค่การด่าทอและผลักกันไปมา จุดแตกหักมาถึงเมื่อนักศึกษาสาวแกนนำคนหนึ่งของฝ่ายเรียกร้องถูกข่มขืนฆ่า ความรุนแรงก็ระเบิดปะทุจนหยุดไม่อยู่ หลังการแยกดินแดนสำเร็จ สัมปะทานน้ำมันในติมอร์ตกอยู่ในมือตะวันตกทันที
    .
    กรณีของไทยก็ไม่ต่างกัน ทรัพยากรในภาคใต้และศักยภาพในภูมิภาคนั้นกำลังเป็นที่หมายปอง ลำพังแค่ความคิดในการตัดคลองหรือเซาท์เทิร์นซีบอร์ดอะไรทำนองนี้เพียงความคิดเดียว ก็บีบให้ทั้งคาบสมุทรมาเลย์ต้องดิ้นเร่าเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้า โดยเฉพาะเพื่อนบ้านตัวแสบอย่างมาเลเซียที่ผมบอกว่าไว้ใจไม่ได้และคอยลอบแทงเราข้างหลังตลอดเวลา.. ณ เวลานี้หากคุณไปเยือนมาเลเซียเพื่อเห็นด้วยตา คุณก็จะรู้ถึงความเสื่อมถอยของมาเลเซียทั้งบ้านเมืองและชีวิตผู้คนที่ไม่ได้ก้าวหน้าไปเท่าไหร่อย่างที่ควรเป็นในหลายปีมานี้ และยิ่งกว่านั้นโดยลึกๆ แล้วผู้บริหารประเทศมาเลเซียมีอคติมาโดยตลอด เห็นว่าไทยคือตัวการที่ดึงเอาความมั่งคั่งของภูมิภาคไป ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง แม้แต่เกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งที่อยู่ติดจมูกของพวกเขาอย่างสิงคโปร์ พวกเขาก็ไม่อาจพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าขึ้นเทียบเคียงได้ เวลาที่มีข่าวประโคมอะไรก็ตามที่ด้อยค่าเราและมักเอาเราไปเปรียบเทียบกับมาเลเซีย จะพิสูจน์ให้เห็นง่ายๆ โดยการไปเยือนเมืองหลวงของเขาและลองใช้ชีวิตสักหนึ่งสัปดาห์
    .
    ผมมีสายสัมพันธ์กับคนมุสลิมเยอะ ทั้งเพื่อนฝูงและญาติ อย่างที่เคยเล่า คุณย่าผมเป็นมุสลิมอยุธยา มีความสัมพันธ์ฉันท์ญาติกับครอบครัวพี่ซัน มาโนช พุฒตาล พี่สาวแท้ๆ ของผมก็แต่งเข้าบ้านอิสลาม ผมมีช่วงเวลาหนึ่งนานนับปีที่แวะเวียนไปที่มัสยิดแห่งหนึ่งเพื่อสงบใจ ไปพูดคุยกับผู้คน ไปฟังเสียงสวดของน้องคนหนึ่งที่สวดพระคัมภีร์ได้ไพเราะจับใจเหลือเกิน.. คุณจะต้องเข้าใจว่า ความไพเราะของดนตรีและท่วงทำนองแบบตะวันตกนั้นเต็มไปด้วยสุ้มเสียงที่ชวนให้ลุ่มหลง ด้วยทำนองชวนเคลิบเคลิ้ม ด้วยเสียงประสานอันกลมกลืน ด้วยจังหวะอันสนุกสนานรื่นเริง.. แต่ทำนองในการสวดของมุสลิมนั้นต่างกันออกไป อิสลามปฏิเสธดนตรีที่เล้าโลมให้รู้สึกลุ่มหลงและท่วงทำนองเช่นนั้นเป็นสิ่งที่เป็นบาป... แล้วทำไมกันเมื่อเราฟังการสวดของอิสลามแล้วเราจึงรู้สึกไพเราะได้? ทั้งที่ถ้อยคำไม่ใช่ข้อความประโลมโลก แต่เป็นวลีอันศักดิ์สิทธิ์จากพระคัมภีร์ นี่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง คำตอบคือ สิ่งที่สัมผัสใจเราได้นั้นเป็นเพราะถ้อยคำเหล่านั้นเปล่งออกมาจากใจอันอ่อนโยน มาจากจิตวิญญาณอันสงบและศรัทธาอย่างแก่กล้า ผู้ฟังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกจริงแท้นั้นจึงประทับใจเหลือประมาณ
    .
    เสียงเช่นนี้จะไม่มีวันเปล่งออกมาจากฆาตกรที่ฆ่าเด็ก ฆ่าผู้หญิง ฆ่าคนแก่ที่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน ผมยืนยัน
    .
    https://www.facebook.com/thongdaw.thongaram.9/posts/1712738992940472
    ผมไม่ทราบว่าผู้นำชีอะห์ท่านนี้ ท่านซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี เป็นใคร มีความเป็นมาอย่างไร (อ่านบทความจากลิงก์ข้างล่าง) แต่ผมพูดบ่อยๆ ว่า ปัญหาผู้ก่อการร้าย จชต. โยงใยโดยกลไกจารชนตะวันตกที่ฝังตัวมานาน ในเวลาเดียวกับที่มีความพยายามมาโดยตลอดที่จะชักจูงชี้นำให้เชื่อโดยป้ายสีไปที่ชาติมุสลิมในอาหรับ โดยเฉพาะอิหร่าน . ขอบอกอีกครั้งว่า ไม่ใช่แค่ในบ้านเรา การป้ายสีแบบนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดกระแส Islamophobia ทั่วไปในโลก และกองโจรก่อการร้ายมุสลิมที่เป็นที่หวาดกลัวเช่น อัลเคด้า ตอลีบัน ไอสิส ในที่สุดถูกเปิดโปงว่าถูกสร้างขึ้น ได้รับการสนับสนุนเงินทุน ได้รับการฝึกฝนและติดอาวุธโดยรัฐบาลสหรัฐ . เบื้องลึกความขัดแย้งภายในประเทศต่างๆ ในโลก หลายต่อหลายครั้ง เกิดขึ้นจากแผนร้ายในการแทรกแซงทางการเมืองของตะวันตก โดยมีอำนาจการเมืองและทุนท้องถิ่นให้ความร่วมมือ เช่น การแยกดินแดนของติมอร์.. ตะวันตกสนับสนุนเงินทุนทั้งฝ่ายเรียกร้องและฝ่ายต่อต้าน เมื่อการเคลื่อนไหวสุกงอมได้ที่ก็มีการสนับสนุนอาวุธเพื่อยกระดับความรุนแรงจากแค่การด่าทอและผลักกันไปมา จุดแตกหักมาถึงเมื่อนักศึกษาสาวแกนนำคนหนึ่งของฝ่ายเรียกร้องถูกข่มขืนฆ่า ความรุนแรงก็ระเบิดปะทุจนหยุดไม่อยู่ หลังการแยกดินแดนสำเร็จ สัมปะทานน้ำมันในติมอร์ตกอยู่ในมือตะวันตกทันที . กรณีของไทยก็ไม่ต่างกัน ทรัพยากรในภาคใต้และศักยภาพในภูมิภาคนั้นกำลังเป็นที่หมายปอง ลำพังแค่ความคิดในการตัดคลองหรือเซาท์เทิร์นซีบอร์ดอะไรทำนองนี้เพียงความคิดเดียว ก็บีบให้ทั้งคาบสมุทรมาเลย์ต้องดิ้นเร่าเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้า โดยเฉพาะเพื่อนบ้านตัวแสบอย่างมาเลเซียที่ผมบอกว่าไว้ใจไม่ได้และคอยลอบแทงเราข้างหลังตลอดเวลา.. ณ เวลานี้หากคุณไปเยือนมาเลเซียเพื่อเห็นด้วยตา คุณก็จะรู้ถึงความเสื่อมถอยของมาเลเซียทั้งบ้านเมืองและชีวิตผู้คนที่ไม่ได้ก้าวหน้าไปเท่าไหร่อย่างที่ควรเป็นในหลายปีมานี้ และยิ่งกว่านั้นโดยลึกๆ แล้วผู้บริหารประเทศมาเลเซียมีอคติมาโดยตลอด เห็นว่าไทยคือตัวการที่ดึงเอาความมั่งคั่งของภูมิภาคไป ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง แม้แต่เกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งที่อยู่ติดจมูกของพวกเขาอย่างสิงคโปร์ พวกเขาก็ไม่อาจพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าขึ้นเทียบเคียงได้ เวลาที่มีข่าวประโคมอะไรก็ตามที่ด้อยค่าเราและมักเอาเราไปเปรียบเทียบกับมาเลเซีย จะพิสูจน์ให้เห็นง่ายๆ โดยการไปเยือนเมืองหลวงของเขาและลองใช้ชีวิตสักหนึ่งสัปดาห์ . ผมมีสายสัมพันธ์กับคนมุสลิมเยอะ ทั้งเพื่อนฝูงและญาติ อย่างที่เคยเล่า คุณย่าผมเป็นมุสลิมอยุธยา มีความสัมพันธ์ฉันท์ญาติกับครอบครัวพี่ซัน มาโนช พุฒตาล พี่สาวแท้ๆ ของผมก็แต่งเข้าบ้านอิสลาม ผมมีช่วงเวลาหนึ่งนานนับปีที่แวะเวียนไปที่มัสยิดแห่งหนึ่งเพื่อสงบใจ ไปพูดคุยกับผู้คน ไปฟังเสียงสวดของน้องคนหนึ่งที่สวดพระคัมภีร์ได้ไพเราะจับใจเหลือเกิน.. คุณจะต้องเข้าใจว่า ความไพเราะของดนตรีและท่วงทำนองแบบตะวันตกนั้นเต็มไปด้วยสุ้มเสียงที่ชวนให้ลุ่มหลง ด้วยทำนองชวนเคลิบเคลิ้ม ด้วยเสียงประสานอันกลมกลืน ด้วยจังหวะอันสนุกสนานรื่นเริง.. แต่ทำนองในการสวดของมุสลิมนั้นต่างกันออกไป อิสลามปฏิเสธดนตรีที่เล้าโลมให้รู้สึกลุ่มหลงและท่วงทำนองเช่นนั้นเป็นสิ่งที่เป็นบาป... แล้วทำไมกันเมื่อเราฟังการสวดของอิสลามแล้วเราจึงรู้สึกไพเราะได้? ทั้งที่ถ้อยคำไม่ใช่ข้อความประโลมโลก แต่เป็นวลีอันศักดิ์สิทธิ์จากพระคัมภีร์ นี่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง คำตอบคือ สิ่งที่สัมผัสใจเราได้นั้นเป็นเพราะถ้อยคำเหล่านั้นเปล่งออกมาจากใจอันอ่อนโยน มาจากจิตวิญญาณอันสงบและศรัทธาอย่างแก่กล้า ผู้ฟังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกจริงแท้นั้นจึงประทับใจเหลือประมาณ . เสียงเช่นนี้จะไม่มีวันเปล่งออกมาจากฆาตกรที่ฆ่าเด็ก ฆ่าผู้หญิง ฆ่าคนแก่ที่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน ผมยืนยัน . https://www.facebook.com/thongdaw.thongaram.9/posts/1712738992940472
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • Phison E28: SSD ที่เร็วที่สุดในตลาด PCIe 5.0

    Phison ได้เปิดตัว PS5028-E28 ซึ่งเป็น คอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่สำหรับ PCIe 5.0 โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Samsung 9100 Pro, Micron 4600 และ Acer Predator GM9000 ตามผลการทดสอบ PCMark 10

    ✅ Phison E28 มีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 18-32% ตามผลการทดสอบ PCMark 10
    - เร็วกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 18%
    - เร็วกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 32%

    ✅ Phison E28 มีแบนด์วิดท์สูงกว่าคู่แข่งถึง 16-29%
    - แบนด์วิดท์สูงกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 16%
    - สูงกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 29%

    ✅ Phison E28 มีค่า Access Time ต่ำกว่าคู่แข่งถึง 17-26%
    - ค่า Access Time ต่ำกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 17%
    - ต่ำกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 26%

    ✅ Phison E28 มีประสิทธิภาพการอ่าน/เขียนแบบสุ่มสูงกว่าคู่แข่งถึง 36% และ 15% ตามลำดับ
    - Random Read สูงกว่าถึง 36%
    - Random Write สูงกว่าถึง 15%

    ✅ Phison E28 ใช้ NAND ที่มีความเร็วสูงกว่าคู่แข่ง
    - ใช้ Micron 276-layer B68S FortisFlash NAND ที่ 3,600 MT/s
    - คู่แข่งบางรายใช้ Micron 232-layer B58R FortisFlash ที่ 2,400 MT/s

    ℹ️ℹ️ℹ️ประวัติของ Phison Electronics Corporationℹ️ℹ️ℹ️

    ✅ ก่อตั้งขึ้นในปี 2000
    - Phison Electronics Corporation ก่อตั้งโดย Datuk Pua Khein Seng และผู้ร่วมก่อตั้งอีก 4 คน
    - เป็นบริษัทสัญชาติไต้หวันที่ เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตคอนโทรลเลอร์สำหรับ NAND flash memory

    ✅ ผลิตภัณฑ์แรกของ Phison คือ USB Flash Drive แบบชิปเดียว
    - Phison อ้างว่าเป็น ผู้ผลิต USB Flash Drive แบบชิปเดียวรายแรกของโลก

    ✅ เป็นสมาชิกของ Open NAND Flash Interface Working Group (ONFI)
    - มีบทบาทสำคัญในการ กำหนดมาตรฐานฮาร์ดแวร์สำหรับ NAND flash memory

    ✅ ขยายธุรกิจสู่ตลาด SSD และ NVMe
    - ในปี 2019 Phison เปิดตัว PS-50 series เช่น PS5018-E18 ที่รองรับ PCIe 4.0 NVMe SSD
    - ในปี 2022 Phison เปิดตัว E26 SSD controller ที่มีความเร็วสูงขึ้น

    ✅ ร่วมมือกับ Seagate ในปี 2022
    - เพื่อพัฒนาและจัดจำหน่าย NVMe SSD สำหรับตลาดองค์กร

    ✅ มีศูนย์วิจัยและพัฒนาในหลายประเทศ
    - เคยตั้งศูนย์ R&D ใน Bayan Lepas, มาเลเซีย ในปี 2012 แต่ปิดตัวลงในปี 2019
    - ในปี 2024 Phison ก่อตั้ง MaiStorage ใน Puchong, มาเลเซีย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี IC และการจัดเก็บข้อมูลสำหรับ ศูนย์ข้อมูล, รถยนต์ไฟฟ้า และ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/exclusive-phison-e28-ssd-trashes-the-fastest-ssds-on-the-market-in-new-benchmark
    Phison E28: SSD ที่เร็วที่สุดในตลาด PCIe 5.0 Phison ได้เปิดตัว PS5028-E28 ซึ่งเป็น คอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่สำหรับ PCIe 5.0 โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Samsung 9100 Pro, Micron 4600 และ Acer Predator GM9000 ตามผลการทดสอบ PCMark 10 ✅ Phison E28 มีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 18-32% ตามผลการทดสอบ PCMark 10 - เร็วกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 18% - เร็วกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 32% ✅ Phison E28 มีแบนด์วิดท์สูงกว่าคู่แข่งถึง 16-29% - แบนด์วิดท์สูงกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 16% - สูงกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 29% ✅ Phison E28 มีค่า Access Time ต่ำกว่าคู่แข่งถึง 17-26% - ค่า Access Time ต่ำกว่า Samsung 9100 Pro และ Micron 4600 ประมาณ 17% - ต่ำกว่า Acer Predator GM9000 ถึง 26% ✅ Phison E28 มีประสิทธิภาพการอ่าน/เขียนแบบสุ่มสูงกว่าคู่แข่งถึง 36% และ 15% ตามลำดับ - Random Read สูงกว่าถึง 36% - Random Write สูงกว่าถึง 15% ✅ Phison E28 ใช้ NAND ที่มีความเร็วสูงกว่าคู่แข่ง - ใช้ Micron 276-layer B68S FortisFlash NAND ที่ 3,600 MT/s - คู่แข่งบางรายใช้ Micron 232-layer B58R FortisFlash ที่ 2,400 MT/s ℹ️ℹ️ℹ️ประวัติของ Phison Electronics Corporationℹ️ℹ️ℹ️ ✅ ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 - Phison Electronics Corporation ก่อตั้งโดย Datuk Pua Khein Seng และผู้ร่วมก่อตั้งอีก 4 คน - เป็นบริษัทสัญชาติไต้หวันที่ เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตคอนโทรลเลอร์สำหรับ NAND flash memory ✅ ผลิตภัณฑ์แรกของ Phison คือ USB Flash Drive แบบชิปเดียว - Phison อ้างว่าเป็น ผู้ผลิต USB Flash Drive แบบชิปเดียวรายแรกของโลก ✅ เป็นสมาชิกของ Open NAND Flash Interface Working Group (ONFI) - มีบทบาทสำคัญในการ กำหนดมาตรฐานฮาร์ดแวร์สำหรับ NAND flash memory ✅ ขยายธุรกิจสู่ตลาด SSD และ NVMe - ในปี 2019 Phison เปิดตัว PS-50 series เช่น PS5018-E18 ที่รองรับ PCIe 4.0 NVMe SSD - ในปี 2022 Phison เปิดตัว E26 SSD controller ที่มีความเร็วสูงขึ้น ✅ ร่วมมือกับ Seagate ในปี 2022 - เพื่อพัฒนาและจัดจำหน่าย NVMe SSD สำหรับตลาดองค์กร ✅ มีศูนย์วิจัยและพัฒนาในหลายประเทศ - เคยตั้งศูนย์ R&D ใน Bayan Lepas, มาเลเซีย ในปี 2012 แต่ปิดตัวลงในปี 2019 - ในปี 2024 Phison ก่อตั้ง MaiStorage ใน Puchong, มาเลเซีย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี IC และการจัดเก็บข้อมูลสำหรับ ศูนย์ข้อมูล, รถยนต์ไฟฟ้า และ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/exclusive-phison-e28-ssd-trashes-the-fastest-ssds-on-the-market-in-new-benchmark
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถบรรทุกหินพุ่งชน คร่า 9 ชีวิตตำรวจมาเลย์ฯ

    โศกนาฎกรรมบนท้องถนนที่คร่าชีวิตตำรวจมาเลเซียครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อรถบรรทุกของตำรวจ หน่วยกองกำลังสำรองแห่งสหพันธรัฐมาเลเซีย (The Federal Reserve Unit หรือ FRU) ประสบอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุกหินกรวด เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 13 พ.ค. บนถนนสายชิคุส-สุไหงลำปำ เมืองเตลุก อินตาน รัฐเปรัก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลเซีย เป็นเหตุให้ตำรวจหน่วย FRU เสียชีวิต 9 นาย บาดเจ็บอีก 9 นาย รักษาตัวที่โรงพยาบาลเตลุก อินตาน รัฐเปรัก

    ก่อนเกิดเหตุตำรวจหน่วย FRU เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจดูแลความเรียบร้อยในพิธีชิตรา ปูร์นามิ ในเมืองเตลุก อินตาน กำลังจะเดินทางกลับที่ตั้งในเมืองอิโปห์ โดยมีรถบรรทุก 7 คันเป็นยานพาหนะ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถบรรทุกหินกรวดที่ระบบบังคับเลี้ยวขัดข้อง พุ่งชนรถบรรทุกคันที่ 5 ซึ่งมีตำรวจทั้งหมด 18 นาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว โดยพบว่ารถบรรทุกหินคันดังกล่าวไม่ได้บำรุงรักษารถ และจากการสืบสวนของตำรวจรัฐเปรัก พบว่าคนขับรถบรรทุกหินกรวดวัย 45 ปี มีประวัติอาชญากรรม 6 ครั้ง รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมีหมายคดีจราจรค้างอยู่หลายฉบับ

    สำหรับตำรวจที่เสียชีวิตจะได้รับค่าชดเชยเยียวยาตั้งแต่ 58,000 ถึง 269,700 ริงกิต (ประมาณ 449,000 ถึง 2,000,000 บาท) ผ่านกองทุนสวัสดิการต่างๆ ซึ่งศพของตำรวจทั้ง 9 นาย หลังชันสูตรแล้วจะประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม โดยจะมีพิธีฝังศพที่หน่วยบัญชาการตำรวจกำลังสำรองแห่งสหพันธรัฐที่ 5 (FRU No.5) สุไหงเซนัม เมืองอิโปห์

    ตำรวจหน่วยกองกำลังสำรองของมาเลเซีย (FRU) เป็นหน่วยตำรวจที่ทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนและตอบสนองเหตุฉุกเฉินพิเศษ ขึ้นตรงสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย และกระทรวงมหาดไทย มีลักษณะกึ่งทหาร สามารถส่งกำลังไปได้ทุกแห่งเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือความไม่สงบในประเทศ มีบทบาทหลักได้แก่ สลายการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ปราบปรามจลาจล และปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ เช่น อุทกภัย เพลิงไหม้ ดินถล่ม เครื่องบินตก เป็นต้น

    ตำรวจหน่วยดังกล่าวมีหมวกเบเร่ต์สีแดงเป็นสัญลักษณ์ ปัจจุบันมีหน่วยบัญชาการของตำรวจ FRU จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ 2 แห่ง (No.1 และ No.4) ยะโฮร์บาห์รู (No.2) ปีนัง (No.3) เมืองอิโปห์ รัฐเปรัก (No.5) กัวลาตรังกานู (No.6) เมืองเซเรมบัน รัฐเนกรีเซมบีลัน (No.7) และยังมีหน่วยเฉพาะได้แก่ กองกำลังสตรี หน่วยตำรวจม้า (Mounted Unit) และศูนย์ฝึกอบรม FRU ในเมืองอิโปห์ รัฐเปรัก โดยมีกำลังพลรวมกันประมาณ 2,400 นาย

    #Newskit
    รถบรรทุกหินพุ่งชน คร่า 9 ชีวิตตำรวจมาเลย์ฯ โศกนาฎกรรมบนท้องถนนที่คร่าชีวิตตำรวจมาเลเซียครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อรถบรรทุกของตำรวจ หน่วยกองกำลังสำรองแห่งสหพันธรัฐมาเลเซีย (The Federal Reserve Unit หรือ FRU) ประสบอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุกหินกรวด เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 13 พ.ค. บนถนนสายชิคุส-สุไหงลำปำ เมืองเตลุก อินตาน รัฐเปรัก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลเซีย เป็นเหตุให้ตำรวจหน่วย FRU เสียชีวิต 9 นาย บาดเจ็บอีก 9 นาย รักษาตัวที่โรงพยาบาลเตลุก อินตาน รัฐเปรัก ก่อนเกิดเหตุตำรวจหน่วย FRU เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจดูแลความเรียบร้อยในพิธีชิตรา ปูร์นามิ ในเมืองเตลุก อินตาน กำลังจะเดินทางกลับที่ตั้งในเมืองอิโปห์ โดยมีรถบรรทุก 7 คันเป็นยานพาหนะ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถบรรทุกหินกรวดที่ระบบบังคับเลี้ยวขัดข้อง พุ่งชนรถบรรทุกคันที่ 5 ซึ่งมีตำรวจทั้งหมด 18 นาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว โดยพบว่ารถบรรทุกหินคันดังกล่าวไม่ได้บำรุงรักษารถ และจากการสืบสวนของตำรวจรัฐเปรัก พบว่าคนขับรถบรรทุกหินกรวดวัย 45 ปี มีประวัติอาชญากรรม 6 ครั้ง รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมีหมายคดีจราจรค้างอยู่หลายฉบับ สำหรับตำรวจที่เสียชีวิตจะได้รับค่าชดเชยเยียวยาตั้งแต่ 58,000 ถึง 269,700 ริงกิต (ประมาณ 449,000 ถึง 2,000,000 บาท) ผ่านกองทุนสวัสดิการต่างๆ ซึ่งศพของตำรวจทั้ง 9 นาย หลังชันสูตรแล้วจะประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม โดยจะมีพิธีฝังศพที่หน่วยบัญชาการตำรวจกำลังสำรองแห่งสหพันธรัฐที่ 5 (FRU No.5) สุไหงเซนัม เมืองอิโปห์ ตำรวจหน่วยกองกำลังสำรองของมาเลเซีย (FRU) เป็นหน่วยตำรวจที่ทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนและตอบสนองเหตุฉุกเฉินพิเศษ ขึ้นตรงสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย และกระทรวงมหาดไทย มีลักษณะกึ่งทหาร สามารถส่งกำลังไปได้ทุกแห่งเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือความไม่สงบในประเทศ มีบทบาทหลักได้แก่ สลายการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ปราบปรามจลาจล และปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ เช่น อุทกภัย เพลิงไหม้ ดินถล่ม เครื่องบินตก เป็นต้น ตำรวจหน่วยดังกล่าวมีหมวกเบเร่ต์สีแดงเป็นสัญลักษณ์ ปัจจุบันมีหน่วยบัญชาการของตำรวจ FRU จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ 2 แห่ง (No.1 และ No.4) ยะโฮร์บาห์รู (No.2) ปีนัง (No.3) เมืองอิโปห์ รัฐเปรัก (No.5) กัวลาตรังกานู (No.6) เมืองเซเรมบัน รัฐเนกรีเซมบีลัน (No.7) และยังมีหน่วยเฉพาะได้แก่ กองกำลังสตรี หน่วยตำรวจม้า (Mounted Unit) และศูนย์ฝึกอบรม FRU ในเมืองอิโปห์ รัฐเปรัก โดยมีกำลังพลรวมกันประมาณ 2,400 นาย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • การนำเข้า GPU ไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้น 3,400% ในปี 2025: สัญญาณเตือนเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้า

    มาเลเซียกำลังเผชิญกับ การเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของการนำเข้า GPU โดยในเดือนเมษายน 2025 มีการนำเข้า มูลค่ารวม 2.74 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3,400% จากปี 2023 ข้อมูลนี้มาจาก Taiwan’s International Trade Administration และถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้ X @kakashiii111

    ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี 2025
    - มกราคม: 1.12 พันล้านดอลลาร์ (+700% YoY)
    - กุมภาพันธ์: 627 ล้านดอลลาร์
    - มีนาคม: 1.96 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY)
    - เมษายน: 2.74 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY)

    ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียอาจเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าสู่จีน
    - สหรัฐฯ ได้ขอให้มาเลเซีย เพิ่มมาตรการตรวจสอบการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน

    ✅ AI Diffusion Rule จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025
    - อาจทำให้มาเลเซียกลายเป็น ช่องทางลับสำหรับการนำเข้าเทคโนโลยีที่ถูกจำกัด

    ✅ Nvidia อาจไม่เปิดเผยปริมาณการส่งออก GPU ไปยังมาเลเซียอย่างชัดเจน
    - เนื่องจาก ใช้ระบบรายงานรายได้ตามสถานที่เรียกเก็บเงินของลูกค้าแทนที่จะเป็นปลายทางจริงของสินค้า

    ✅ การนำเข้า GPU และอุปกรณ์ AI อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของมาเลเซีย
    - หรืออาจเป็น ช่องทางสำหรับผู้ซื้อชาวจีนในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpu-imports-to-malaysia-surge-by-3-400-percent-in-2025-raising-alarm-amid-smuggling-investigations
    การนำเข้า GPU ไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้น 3,400% ในปี 2025: สัญญาณเตือนเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้า มาเลเซียกำลังเผชิญกับ การเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของการนำเข้า GPU โดยในเดือนเมษายน 2025 มีการนำเข้า มูลค่ารวม 2.74 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3,400% จากปี 2023 ข้อมูลนี้มาจาก Taiwan’s International Trade Administration และถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้ X @kakashiii111 ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี 2025 - มกราคม: 1.12 พันล้านดอลลาร์ (+700% YoY) - กุมภาพันธ์: 627 ล้านดอลลาร์ - มีนาคม: 1.96 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY) - เมษายน: 2.74 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY) ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียอาจเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าสู่จีน - สหรัฐฯ ได้ขอให้มาเลเซีย เพิ่มมาตรการตรวจสอบการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน ✅ AI Diffusion Rule จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025 - อาจทำให้มาเลเซียกลายเป็น ช่องทางลับสำหรับการนำเข้าเทคโนโลยีที่ถูกจำกัด ✅ Nvidia อาจไม่เปิดเผยปริมาณการส่งออก GPU ไปยังมาเลเซียอย่างชัดเจน - เนื่องจาก ใช้ระบบรายงานรายได้ตามสถานที่เรียกเก็บเงินของลูกค้าแทนที่จะเป็นปลายทางจริงของสินค้า ✅ การนำเข้า GPU และอุปกรณ์ AI อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของมาเลเซีย - หรืออาจเป็น ช่องทางสำหรับผู้ซื้อชาวจีนในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpu-imports-to-malaysia-surge-by-3-400-percent-in-2025-raising-alarm-amid-smuggling-investigations
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts