• ตอน 2

    จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์



    อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ

    แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร

    อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา

    ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย

    (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ)

    ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้

    รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย

    สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม…

    คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก

    สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน

    ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง

    ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม

    นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย

    ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว!

    พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง

    นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ

    หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ

    สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง

    อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ

    พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ!

    แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

    ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ

    Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ)

    Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม

    คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน

    ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว

    ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ

    การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว

    นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี

    ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้

    นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว

    แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง

    คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น!

    ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย

    ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น

    ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 2 จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์ อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ) ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้ รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม… คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว! พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ! แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ) Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น! ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 262 Views 0 Reviews
  • เจ๊ดวง #แพรกษา #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อย #พาชิม #อาหาร #food #noodle #eat #fastfood #streetfood #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    เจ๊ดวง #แพรกษา #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อย #พาชิม #อาหาร #food #noodle #eat #fastfood #streetfood #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 0 Reviews
  • ทำครัวง่ายขึ้นเยอะ! "เครื่องสับผสมอเนกประสงค์" 5 ลิตร ตัวช่วยแม่บ้านยุคใหม่!
    เบื่อไหมกับงานเตรียมวัตถุดิบที่ใช้เวลานาน? ไม่ว่าจะสับเนื้อ, ทำเครื่องแกง, หรือปั่นสมุนไพร!
    ขอแนะนำ "เครื่องสับผสมอเนกประสงค์" รุ่น YMC-QS5A-Z-SUS ขนาด 5 ลิตร! จัดการวัตถุดิบได้เยอะถึง 4-6 กก. ต่อครั้ง เร็ว แรง ครบ จบในเครื่องเดียว!
    ทำไมต้องเครื่อง 5 ลิตรของเรา?
    ปั่นละเอียดกว่าใคร: มอเตอร์ 1.5 HP, ความเร็ว 1400 รอบ/นาที พร้อมใบมีด 4 ใบคมกริบ!
    สายสุขภาพห้ามพลาด: ปั่น "ใบย่านาง" ได้เนียนกริบ ได้น้ำสมุนไพรสดๆ ดื่มเพื่อสุขภาพ!
    อเนกประสงค์สุดๆ: นอกจากปั่นสมุนไพรอย่างใบย่านางแล้ว เครื่องของเรายังสามารถใช้ปั่น "ใบกระท่อมสด" เพื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับการใช้งานส่วนตัวในครัวเรือนได้อย่างง่ายดายอีกด้วย!
    สารพัดประโยชน์: ทำหมูเด้ง, พริกแกง, สับกระเทียม, พริก, ขิง... ครบครันทุกงานครัว!
    ทนทาน ใช้งานง่าย: วัสดุสเตนเลสคุณภาพสูง ตั้งเวลาได้ ถอดล้างสบาย!
    ประหยัดเวลา ประหยัดแรง ยกระดับงานครัวของคุณให้เป็นเรื่องง่ายและสนุกกว่าที่เคย!
    สนใจ? สอบถาม/ขอใบเสนอราคาได้เลย!
    โทร: 02-215-3515-9 / 081-3189098
    LINE: @yonghahheng (มี@) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com
    อยากเห็นของจริง? มาเลย!
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A
    เปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.
    #เครื่องสับผสม #เครื่องปั่นใบย่านาง #เครื่องครัว #เครื่องบดเนื้อ #เครื่องทำอาหาร #ห้องครัว #ทำอาหารง่ายๆ #เพื่อสุขภาพ
    #ปั่นใบย่านาง #น้ำใบย่านาง #สมุนไพรใบย่านาง #ใบย่านาง #ย่านาง #น้ำสมุนไพร #เครื่องดื่มสุขภาพ #สุขภาพดี #ดีท็อกซ์ #น้ำคลอโรฟิลล์ #ย่านางสกัด #เครื่องดื่มสมุนไพร #ครัวสุขภาพ #สาระสุขภาพ #ธรรมชาติบำบัด #กินดีอยู่ดี #สุขภาพดีเริ่มต้นที่ตัวเรา #เมนูสุขภาพ #เครื่องปั่นสมุนไพร #DIYน้ำย่านาง
    #แกงหน่อไม้ #แกงเห็ด #แกงอ่อม #อ่อมปลา #อ่อมไก่ #แกงเปรอะ #ขนมจีนน้ำยาป่า #แกงเลียง
    #ปั่นใบกระท่อม #กระท่อม #ใบกระท่อมสด #เครื่องปั่นกระท่อม #Kratom #สมุนไพรกระท่อม
    🌿✨ ทำครัวง่ายขึ้นเยอะ! "เครื่องสับผสมอเนกประสงค์" 5 ลิตร ตัวช่วยแม่บ้านยุคใหม่! ✨🌿 เบื่อไหมกับงานเตรียมวัตถุดิบที่ใช้เวลานาน? ไม่ว่าจะสับเนื้อ, ทำเครื่องแกง, หรือปั่นสมุนไพร! ขอแนะนำ "เครื่องสับผสมอเนกประสงค์" รุ่น YMC-QS5A-Z-SUS ขนาด 5 ลิตร! จัดการวัตถุดิบได้เยอะถึง 4-6 กก. ต่อครั้ง เร็ว แรง ครบ จบในเครื่องเดียว! 🔥 ทำไมต้องเครื่อง 5 ลิตรของเรา? 🔥 ✅ ปั่นละเอียดกว่าใคร: มอเตอร์ 1.5 HP, ความเร็ว 1400 รอบ/นาที พร้อมใบมีด 4 ใบคมกริบ! ✅ สายสุขภาพห้ามพลาด: ปั่น "ใบย่านาง" ได้เนียนกริบ ได้น้ำสมุนไพรสดๆ ดื่มเพื่อสุขภาพ! ✅ อเนกประสงค์สุดๆ: นอกจากปั่นสมุนไพรอย่างใบย่านางแล้ว เครื่องของเรายังสามารถใช้ปั่น "ใบกระท่อมสด" เพื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับการใช้งานส่วนตัวในครัวเรือนได้อย่างง่ายดายอีกด้วย! 🌿 ✅ สารพัดประโยชน์: ทำหมูเด้ง, พริกแกง, สับกระเทียม, พริก, ขิง... ครบครันทุกงานครัว! ✅ ทนทาน ใช้งานง่าย: วัสดุสเตนเลสคุณภาพสูง ตั้งเวลาได้ ถอดล้างสบาย! ประหยัดเวลา ประหยัดแรง ยกระดับงานครัวของคุณให้เป็นเรื่องง่ายและสนุกกว่าที่เคย! สนใจ? สอบถาม/ขอใบเสนอราคาได้เลย! 📞 โทร: 02-215-3515-9 / 081-3189098 🟢 LINE: @yonghahheng (มี@) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp 📧 E-mail: sales@yoryonghahheng.com อยากเห็นของจริง? มาเลย! 📍 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A ⏰ เปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น. #เครื่องสับผสม #เครื่องปั่นใบย่านาง #เครื่องครัว #เครื่องบดเนื้อ #เครื่องทำอาหาร #ห้องครัว #ทำอาหารง่ายๆ #เพื่อสุขภาพ #ปั่นใบย่านาง #น้ำใบย่านาง #สมุนไพรใบย่านาง #ใบย่านาง #ย่านาง #น้ำสมุนไพร #เครื่องดื่มสุขภาพ #สุขภาพดี #ดีท็อกซ์ #น้ำคลอโรฟิลล์ #ย่านางสกัด #เครื่องดื่มสมุนไพร #ครัวสุขภาพ #สาระสุขภาพ #ธรรมชาติบำบัด #กินดีอยู่ดี #สุขภาพดีเริ่มต้นที่ตัวเรา #เมนูสุขภาพ #เครื่องปั่นสมุนไพร #DIYน้ำย่านาง #แกงหน่อไม้ #แกงเห็ด #แกงอ่อม #อ่อมปลา #อ่อมไก่ #แกงเปรอะ #ขนมจีนน้ำยาป่า #แกงเลียง #ปั่นใบกระท่อม #กระท่อม #ใบกระท่อมสด #เครื่องปั่นกระท่อม #Kratom #สมุนไพรกระท่อม
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อเดิมหลังเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร วัดสามัคคีสุนทร ปี2553
    เหรียญหลวงพ่อเดิมหลังเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร วัดสามัคคีสุนทร ปี2553 //พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่โดยมีเกจิคณาจารย์ชั้นนำหลายรูปร่วมปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ ขอพรการงาน เมตตามหานิยม เชื่อว่าการบูชาเสด็จเตี่ยจะทำให้เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป และได้รับความเมตตาจากผู้คน มีโชคลาภ และแคล้วคลาดปลอดภัย การงาน การเงิน สุขภาพ และความรัก >>

    ** หลวงพ่อเดิม และ เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงในประเทศไทย หลวงพ่อเดิม เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยกย่องในด้านพุทธาคมและวัตถุมงคล เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือที่รู้จักกันในนาม "องค์บิดาแห่งทหารเรือไทย" ทรงเป็นที่เคารพในฐานะผู้มีคุณูปการต่อกองทัพเรือ และเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในเรื่องของการรักษาโรคและโชคลาภ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อเดิมหลังเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร วัดสามัคคีสุนทร ปี2553 เหรียญหลวงพ่อเดิมหลังเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร วัดสามัคคีสุนทร ปี2553 //พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่โดยมีเกจิคณาจารย์ชั้นนำหลายรูปร่วมปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ ขอพรการงาน เมตตามหานิยม เชื่อว่าการบูชาเสด็จเตี่ยจะทำให้เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป และได้รับความเมตตาจากผู้คน มีโชคลาภ และแคล้วคลาดปลอดภัย การงาน การเงิน สุขภาพ และความรัก >> ** หลวงพ่อเดิม และ เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงในประเทศไทย หลวงพ่อเดิม เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยกย่องในด้านพุทธาคมและวัตถุมงคล เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือที่รู้จักกันในนาม "องค์บิดาแห่งทหารเรือไทย" ทรงเป็นที่เคารพในฐานะผู้มีคุณูปการต่อกองทัพเรือ และเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในเรื่องของการรักษาโรคและโชคลาภ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 322 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อโสธร วัดแพรกวังตะเคียน
    เหรียญหลวงพ่อโสธร วัดแพรกวังตะเคียน เนื้อกะไหล่ทอง //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีโชคลาภและโภคทรัพย์อุดมสมบูรณ์ เสริมสิริมงคล และขจัดความชั่วร้ายต่าง ๆ ทำให้แคล้วคลาดจากอันตราย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อโสธร วัดแพรกวังตะเคียน เหรียญหลวงพ่อโสธร วัดแพรกวังตะเคียน เนื้อกะไหล่ทอง //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีโชคลาภและโภคทรัพย์อุดมสมบูรณ์ เสริมสิริมงคล และขจัดความชั่วร้ายต่าง ๆ ทำให้แคล้วคลาดจากอันตราย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • “คารม” อัด “ปดิพัทธ์” วิจารณ์คนอื่นติดยึดอำนาจ ไม่นึกถึงตอนที่ตัวเองหาเหตุให้พรรคขับออก เพื่อให้หัวหน้าพรรคได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/19920/
    .
    #ภูมิใจไทย #คารมพลพรกลาง #ปดิพัทธ์สันติภาดา #อนุทินชาญวีรกูล #การเมืองไทย #นายกรัฐมนตรี #ยุบสภา #รัฐธรรมนูญ2560
    “คารม” อัด “ปดิพัทธ์” วิจารณ์คนอื่นติดยึดอำนาจ ไม่นึกถึงตอนที่ตัวเองหาเหตุให้พรรคขับออก เพื่อให้หัวหน้าพรรคได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน https://www.thai-tai.tv/news/19920/ . #ภูมิใจไทย #คารมพลพรกลาง #ปดิพัทธ์สันติภาดา #อนุทินชาญวีรกูล #การเมืองไทย #นายกรัฐมนตรี #ยุบสภา #รัฐธรรมนูญ2560
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • อิ่มจุก บะหมี่เกี๊ยว 50บาท กินที่ร้านกี่ก้อนก็ได้ ซอยมังกรแพรกษาVSซอยอุดมสุข51 #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #อร่อย #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #หิว #พาชิม #อาหาร #food #eat #delicious #noodles #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    อิ่มจุก บะหมี่เกี๊ยว 50บาท กินที่ร้านกี่ก้อนก็ได้ ซอยมังกรแพรกษาVSซอยอุดมสุข51 #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #อร่อย #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #หิว #พาชิม #อาหาร #food #eat #delicious #noodles #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 417 Views 7 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 5 แสนบาท ขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียม แก่ชาวขอนแก่นต่อเนื่อง
    มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี
    .
    วานนี้ (วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง โดยมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ จำนวน 2 ชุด (4 ชิ้น) ในโครงการ “สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์” ให้แก่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เพื่อใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมทักษะอาชีพดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้ง มอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ จำนวน 10 ราย และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวม 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวขอนแก่นในครั้งนี้ทั้งสิ้น 596,362 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยมี ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นายสงวน สุธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 5 นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น
    .
    นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ในการคัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 5 แสนบาท ขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียม แก่ชาวขอนแก่นต่อเนื่อง มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี . วานนี้ (วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง โดยมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ จำนวน 2 ชุด (4 ชิ้น) ในโครงการ “สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์” ให้แก่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เพื่อใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมทักษะอาชีพดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้ง มอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ จำนวน 10 ราย และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวม 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวขอนแก่นในครั้งนี้ทั้งสิ้น 596,362 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยมี ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นายสงวน สุธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 5 นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น . นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ในการคัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 636 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าบรรเทาทุกข์จากสภาวะอากาศร้อนแก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร รุดส่งมอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น พร้อมค่าพาหนะ ค่าติดตั้งพัดลม แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนเพิ่มอีก 5 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 9 แสนบาท
    .
    ระหว่างวันที่ 13 -19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการฯ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น ในโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร ครั้งที่ 2 ให้แก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร ประกอบด้วยจังหวัดสมุทรสาคร เพชรบุรี ระยอง ตราด และสระแก้ว รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน พร้อมมอบค่าพาหนะให้แก่โรงเรียนๆ ละ 2,000 บาท และค่าติดตั้งพัดลมแก่โรงเรียนๆ ละ 3,000 บาท นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้มอบชุดนักเรียน ให้แก่นักเรียนทั้ง 25 โรงเรียน รวม 750 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 987,050 บาท (เก้าแสนแปดหมื่นเจ็ดพันห้าสิบบาทถ้วน) เพื่อลดสภาวะอากาศร้อนภายในโรงเรียน ให้นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนได้คลายร้อนและมีสมาธิในการเรียนการสอน โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี
    .
    โครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนพัดลม จึงมอบหมายให้คณะกรรมการมูลนิธิฯ จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ เร่งดำเนินการโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร นำร่องเมื่อปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยมอบชุดพัดลมแก่สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน และได้ขยายพื้นที่บรรเทาทุกข์ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2568 รวมการดำเนินการโครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดารแล้ว 10 จังหวัด 50 โรงเรียน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าบรรเทาทุกข์จากสภาวะอากาศร้อนแก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร รุดส่งมอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น พร้อมค่าพาหนะ ค่าติดตั้งพัดลม แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนเพิ่มอีก 5 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 9 แสนบาท . ระหว่างวันที่ 13 -19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการฯ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น ในโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร ครั้งที่ 2 ให้แก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร ประกอบด้วยจังหวัดสมุทรสาคร เพชรบุรี ระยอง ตราด และสระแก้ว รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน พร้อมมอบค่าพาหนะให้แก่โรงเรียนๆ ละ 2,000 บาท และค่าติดตั้งพัดลมแก่โรงเรียนๆ ละ 3,000 บาท นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้มอบชุดนักเรียน ให้แก่นักเรียนทั้ง 25 โรงเรียน รวม 750 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 987,050 บาท (เก้าแสนแปดหมื่นเจ็ดพันห้าสิบบาทถ้วน) เพื่อลดสภาวะอากาศร้อนภายในโรงเรียน ให้นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนได้คลายร้อนและมีสมาธิในการเรียนการสอน โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี . โครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนพัดลม จึงมอบหมายให้คณะกรรมการมูลนิธิฯ จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ เร่งดำเนินการโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร นำร่องเมื่อปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยมอบชุดพัดลมแก่สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน และได้ขยายพื้นที่บรรเทาทุกข์ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2568 รวมการดำเนินการโครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดารแล้ว 10 จังหวัด 50 โรงเรียน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    0 Comments 0 Shares 501 Views 0 Reviews
  • วอลเลส เบอร์เกอร์และไก่ทอด #wallace #ไก่ทอด #สมุทรปราการ #แพรกษา #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #กิน #อร่อย #อาหาร #พาชิม #eat #kfc #delicious #thaifood #fastfood #streetfood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    วอลเลส เบอร์เกอร์และไก่ทอด #wallace #ไก่ทอด #สมุทรปราการ #แพรกษา #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #กิน #อร่อย #อาหาร #พาชิม #eat #kfc #delicious #thaifood #fastfood #streetfood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 461 Views 6 0 Reviews
  • แซ่บต้นซอย #สมุทรปราการ #แพรกษา #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #กิน #อร่อย #อาหาร #พาชิม #eat #delicious #food #thaifood #thailand #streetfood #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    แซ่บต้นซอย #สมุทรปราการ #แพรกษา #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #กิน #อร่อย #อาหาร #พาชิม #eat #delicious #food #thaifood #thailand #streetfood #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 415 Views 6 0 Reviews
  • รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขน
    นายอำเภอเมืองลพบุรี รำวง
    ทั้งสองลีลา
    ไม่ธรรมดา
    ในงานแถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32
    ประจำปี 2568

    //////////////////////

    เพลงขึ้น ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมารำวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนในอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร รำวงอย่างสนุกสนาน
    ในงาน แถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคมนี้
    วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ตลอดจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกัน แถลงข่าวเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ณ สวนกระท้อนผู้ใหญ่อนุวัชร โตสวัสดิ์ (ผู้ใหญ่หนึ่ง) หมู่ที่ 7 ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ซึ่งในงานแถลงข่าวยังได้มีการเปิดตัว การแปรรูปผลผลิตกระท้อน มากมาย รวมถึง เมนูใหม่ การทำยำกระท้อนทอดกรอบ ซึ่งมีรสชาติที่อร่อย และ สีสันชวนน่ารับประทาน ให้แก่ผู้ร่วมงานได้ลิ้มรส ด้วย
    โดยมีนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 32 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ภายในงานจะมีผลกระท้อนสด จากชาวสวนกระท้อน มาจำหน่าย หลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปุยฝ้าย พันธุ์อีล่า พันธุ์นิ่มนวล พันธุ์ทองกำมะหยี่ พันธุ์ทับทิม ซึ่งเป็นสินค้า GI ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดลพบุรี และยังมีกระท้อนแปรรูป ได้แก่ กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนกวน กระท้อนทรงเครื่อง มาวางจำหน่าย เพื่อให้เลือกซื้อหาไปรับประทาน และเป็นของฝากจากลพบุรี ให้ได้เลือก ชิม ช้อป ด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “รำวงย้อนยุค” โดยชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน การแสดงของชาติพันธุ์ การแสดงดนตรี ลูกทุ่ง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึง การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรี

    สำหรับ กระท้อนของลพบุรี เป็นกระท้อน ที่มีชื่อเสียงจะอยู่ใน 3 ตำบลของอำเภอเมืองลพบุรี ได้แก่ ตำบลตะลุง ตำบลโพธิ์เก้าต้น และตำบลงิ้วราย ของอำเภอเมืองลพบุรี มีลักษณะภูมิประเทศที่พิเศษไม่เหมือนที่ใด คือ เป็นพื้นที่น้ำไหลทรายมูล เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำลพบุรี เหมาะสมกับการผลิตกระท้อนคุณภาพดี จนกระท้อนจังหวัดลพบุรี ได้รับการรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ในชื่อ “กระท้อนตะลุง” จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจาก กระท้อนมีคุณภาพดี รสชาติหวาน อมเปรี้ยว อร่อย ถูกใจผู้บริโภค แตกต่างจากระท้อนที่อื่น ซึ่งจะมีผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฎาคม แต่จะมีผลผลิตมากสุดในเดือนมิถุนายน

    มีเกษตรกรผู้ปลูกกระท้อนจำนวน 154 ราย ในพื้นที่ 464 ไร่เศษ ทั้งนี้ กระท้อนลพบุรีได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI ) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 66 ราย ในพื้นที่ 271 ไร่ ซึ่งปีนี้จะมีผลผลิตออกมาจำหน่ายอยู่ที่ ประมาณ 425,090 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับ ราคากระท้อนสดจะจำหน่าย 35-100 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของผล โดยจะมีช่องทางการจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดลพบุรี และชาวสวนกระท้อนเอง นอกจากนี้ยังเปิดจำหน่ายที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรีและริมทางถนนลพบุรี-บ้านแพรก ซึ่งกระท้อนลพบุรีมีลักษณะพิเศษคือ กลมแป้น เปลือกบาง รสหวาน เนื้อปุย หวานสะดุ้ง กระท้อนตะลุงลพบุรี

    ไฮไลท์ ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนนายอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร ลีลาไม่ธรรมดารำวง อย่างสุดสนานทำให้บรรดาผู้ร่วมแถลงข่าวต้องลุกมารำเช่นกันและจบการรำเสร็จลีลายำกระท้อนและหยิบหยิบช้อนป้อนให้
    นายอำเภอเมืองลพบุรีชิม
    นายอำเภอเมืองลพบุรีบอกว่าอร่อยจริงฝีมือขั้นเทพ
    รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขน นายอำเภอเมืองลพบุรี รำวง ทั้งสองลีลา ไม่ธรรมดา ในงานแถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ประจำปี 2568 ////////////////////// เพลงขึ้น ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมารำวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนในอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร รำวงอย่างสนุกสนาน ในงาน แถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคมนี้ วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ตลอดจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกัน แถลงข่าวเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ณ สวนกระท้อนผู้ใหญ่อนุวัชร โตสวัสดิ์ (ผู้ใหญ่หนึ่ง) หมู่ที่ 7 ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ซึ่งในงานแถลงข่าวยังได้มีการเปิดตัว การแปรรูปผลผลิตกระท้อน มากมาย รวมถึง เมนูใหม่ การทำยำกระท้อนทอดกรอบ ซึ่งมีรสชาติที่อร่อย และ สีสันชวนน่ารับประทาน ให้แก่ผู้ร่วมงานได้ลิ้มรส ด้วย โดยมีนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 32 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ภายในงานจะมีผลกระท้อนสด จากชาวสวนกระท้อน มาจำหน่าย หลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปุยฝ้าย พันธุ์อีล่า พันธุ์นิ่มนวล พันธุ์ทองกำมะหยี่ พันธุ์ทับทิม ซึ่งเป็นสินค้า GI ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดลพบุรี และยังมีกระท้อนแปรรูป ได้แก่ กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนกวน กระท้อนทรงเครื่อง มาวางจำหน่าย เพื่อให้เลือกซื้อหาไปรับประทาน และเป็นของฝากจากลพบุรี ให้ได้เลือก ชิม ช้อป ด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “รำวงย้อนยุค” โดยชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน การแสดงของชาติพันธุ์ การแสดงดนตรี ลูกทุ่ง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึง การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรี สำหรับ กระท้อนของลพบุรี เป็นกระท้อน ที่มีชื่อเสียงจะอยู่ใน 3 ตำบลของอำเภอเมืองลพบุรี ได้แก่ ตำบลตะลุง ตำบลโพธิ์เก้าต้น และตำบลงิ้วราย ของอำเภอเมืองลพบุรี มีลักษณะภูมิประเทศที่พิเศษไม่เหมือนที่ใด คือ เป็นพื้นที่น้ำไหลทรายมูล เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำลพบุรี เหมาะสมกับการผลิตกระท้อนคุณภาพดี จนกระท้อนจังหวัดลพบุรี ได้รับการรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ในชื่อ “กระท้อนตะลุง” จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจาก กระท้อนมีคุณภาพดี รสชาติหวาน อมเปรี้ยว อร่อย ถูกใจผู้บริโภค แตกต่างจากระท้อนที่อื่น ซึ่งจะมีผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฎาคม แต่จะมีผลผลิตมากสุดในเดือนมิถุนายน มีเกษตรกรผู้ปลูกกระท้อนจำนวน 154 ราย ในพื้นที่ 464 ไร่เศษ ทั้งนี้ กระท้อนลพบุรีได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI ) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 66 ราย ในพื้นที่ 271 ไร่ ซึ่งปีนี้จะมีผลผลิตออกมาจำหน่ายอยู่ที่ ประมาณ 425,090 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับ ราคากระท้อนสดจะจำหน่าย 35-100 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของผล โดยจะมีช่องทางการจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดลพบุรี และชาวสวนกระท้อนเอง นอกจากนี้ยังเปิดจำหน่ายที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรีและริมทางถนนลพบุรี-บ้านแพรก ซึ่งกระท้อนลพบุรีมีลักษณะพิเศษคือ กลมแป้น เปลือกบาง รสหวาน เนื้อปุย หวานสะดุ้ง กระท้อนตะลุงลพบุรี ไฮไลท์ ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนนายอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร ลีลาไม่ธรรมดารำวง อย่างสุดสนานทำให้บรรดาผู้ร่วมแถลงข่าวต้องลุกมารำเช่นกันและจบการรำเสร็จลีลายำกระท้อนและหยิบหยิบช้อนป้อนให้ นายอำเภอเมืองลพบุรีชิม นายอำเภอเมืองลพบุรีบอกว่าอร่อยจริงฝีมือขั้นเทพ
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสาธารณภัย-หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ลุยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยธรรมชาติภาคเหนือ อีสาน และกลาง แจกจ่ายน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท
    .
    วานนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน น้ำปลา และปลากระป๋อง บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวม 600 ชุด พร้อมจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมี นางสาวชลธิชา วงษ์อุตสาห์ นายอำเภอเลาขวัญ พร้อมด้วยคณะอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณวัดศรีพนมเทียน (ห้วยรวก) ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
    .
    โดยระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยประชาชนหลังประเทศเกิดภัยธรรมชาติในหลากหลายพื้นที่ จึงมอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย คุณศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย และแผนกอาสาสมัคร จัดทีมพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคอีสาน และ ภาคกลาง ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ราชบุรี และ กาญจนบุรี รวม 29 จังหวัด 20,200 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,110,000 บาท (สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งสมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ออกหน่วยมให้บริการประชาชนฟรีในหลากหลายพื้นที่ ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนให้ความสนใจและเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสาธารณภัย-หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ลุยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยธรรมชาติภาคเหนือ อีสาน และกลาง แจกจ่ายน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท . วานนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน น้ำปลา และปลากระป๋อง บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวม 600 ชุด พร้อมจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมี นางสาวชลธิชา วงษ์อุตสาห์ นายอำเภอเลาขวัญ พร้อมด้วยคณะอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณวัดศรีพนมเทียน (ห้วยรวก) ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี . โดยระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยประชาชนหลังประเทศเกิดภัยธรรมชาติในหลากหลายพื้นที่ จึงมอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย คุณศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย และแผนกอาสาสมัคร จัดทีมพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคอีสาน และ ภาคกลาง ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ราชบุรี และ กาญจนบุรี รวม 29 จังหวัด 20,200 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,110,000 บาท (สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งสมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ออกหน่วยมให้บริการประชาชนฟรีในหลากหลายพื้นที่ ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนให้ความสนใจและเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 724 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สนับสนุนค่าพาหนะ และเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 174 จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    .
    วานนี้ (วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานขาเทียมแก่คนพิการขาขาด ของมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ และนางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่ มอบค่าพาหนะ พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูป ขนม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ โลชั่นทากันยุง ทิชชูเปียก ทิชชูแห้ง และถุงขยะ บรรจุถุงผ้าดิบ ให้แก่ผู้รับขาเทียม และช่างอาสาสมัคร ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 174 รวมจำนวน 250 คน รวมงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 259,312.50 บาท (สองแสนห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และประธานกรรมการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จากนั้น ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลถวายรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้สนับสนุนกิจการมูลนิธิขาเทียมฯ พร้อมด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ณ หอประชุมวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    .
    การสนับสนุนโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ให้การสนับสนุน อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ตั้งแต่การดำเนินการครั้งที่ 165 รวม 10 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สนับสนุนค่าพาหนะ และเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 174 จังหวัดสุราษฎร์ธานี . วานนี้ (วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานขาเทียมแก่คนพิการขาขาด ของมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ และนางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่ มอบค่าพาหนะ พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูป ขนม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ โลชั่นทากันยุง ทิชชูเปียก ทิชชูแห้ง และถุงขยะ บรรจุถุงผ้าดิบ ให้แก่ผู้รับขาเทียม และช่างอาสาสมัคร ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 174 รวมจำนวน 250 คน รวมงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 259,312.50 บาท (สองแสนห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และประธานกรรมการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จากนั้น ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลถวายรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้สนับสนุนกิจการมูลนิธิขาเทียมฯ พร้อมด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ณ หอประชุมวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี . การสนับสนุนโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ให้การสนับสนุน อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ตั้งแต่การดำเนินการครั้งที่ 165 รวม 10 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
    0 Comments 0 Shares 615 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สนับสนุนค่าพาหนะ และเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 174 จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    .
    วานนี้ (วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานขาเทียมแก่คนพิการขาขาด ของมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ และนางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่ มอบค่าพาหนะ พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูป ขนม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ โลชั่นทากันยุง ทิชชูเปียก ทิชชูแห้ง และถุงขยะ บรรจุถุงผ้าดิบ ให้แก่ผู้รับขาเทียม และช่างอาสาสมัคร ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 174 รวมจำนวน 250 คน รวมงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 259,312.50 บาท (สองแสนห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และประธานกรรมการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จากนั้น ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลถวายรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้สนับสนุนกิจการมูลนิธิขาเทียมฯ พร้อมด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ณ หอประชุมวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    .
    การสนับสนุนโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ให้การสนับสนุน อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ตั้งแต่การดำเนินการครั้งที่ 165 รวม 10 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สนับสนุนค่าพาหนะ และเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 174 จังหวัดสุราษฎร์ธานี . วานนี้ (วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานขาเทียมแก่คนพิการขาขาด ของมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ และนางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่ มอบค่าพาหนะ พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูป ขนม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ โลชั่นทากันยุง ทิชชูเปียก ทิชชูแห้ง และถุงขยะ บรรจุถุงผ้าดิบ ให้แก่ผู้รับขาเทียม และช่างอาสาสมัคร ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 174 รวมจำนวน 250 คน รวมงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 259,312.50 บาท (สองแสนห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และประธานกรรมการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จากนั้น ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลถวายรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้สนับสนุนกิจการมูลนิธิขาเทียมฯ พร้อมด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ณ หอประชุมวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี . การสนับสนุนโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ให้การสนับสนุน อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ตั้งแต่การดำเนินการครั้งที่ 165 รวม 10 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
    0 Comments 0 Shares 615 Views 0 Reviews
  • ตอนเรียน มธ.หลงเชื่อข้อมูลผิดๆ ไม่ชอบ ร.๑๐ จนไม่เข้ารับปริญญา ทั้งๆที่ได้ #เกียรตินิยม รู้สึกเสียใจและเสียดายจนถึงทุกวันนี้...
    และ เพราะอะไรถึงกลับมารัก ร.๑๐ อย่างสุดหัวใจ
    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา

    ได้โพสเฟซบุ๊ค ดังนี้
    .
    ผมเป็นคนหนึ่งที่เรียน มธ. รหัส 53 และเคยได้รับข้อมูลผิด ๆ จนไม่ชอบในหลวง ร.10 มาก ๆ ถึงขั้นไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาทั้ง ๆ ที่ผมจบเกียรตินิยม ผมไม่ได้เข้ารับของจริง ถ้าไม่เชื่อก็ไปเช็กได้เลยครับ ผมจึงยังคงเสียใจและเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่พอได้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องด้วยตนเองในช่วงเรียนปริญญาเอกที่สิงคโปร์ จากที่ไม่ชอบก็กลายเป็นรักและเห็นใจพระองค์ท่านมาก ๆ
    .
    พบว่าสิ่งที่เคยได้ยินจากสามนิ้วล้มเจ้าในยุคนั้นล้วนเป็นความเท็จและไม่มีประโยชน์ เห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าการบิดเบือนให้ร้ายในหลวง ร.10 เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน เพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ โดยมักบิดเบือนให้ร้ายสร้างมโนภาพต่าง ๆ ให้ในหลวง ร.10 กลายเป็นคนไม่ดี เป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นจอมวายร้าย
    .
    แต่ทว่าในความเป็นจริง แม้ในหลวง ร.10 จะเป็นคนเคร่งครัดมากในระเบียบวินัยแบบทหาร แต่พระองค์ท่านก็เป็นคนที่มีเมตตาสูงมาก ขนาดชีวิตสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ท่านยังให้ความเมตตาแบบสุด ๆ ผมเคยได้ยินเรื่องหนึ่งที่เชื่อถือได้อย่างแน่ชัด เวลามีสัตว์หลงเข้ามาในลานฝึก ทหารที่ฝึกกับพระองค์ท่านจะต้องหยิบมันไปปล่อยอย่างเหมาะสม ใครจะไปนึกว่าในหลวง ร.10 จะทรงน่ารักขนาดนี้
    .
    ผมยังจำได้ดี ตอนผมจบปริญญาเอกปี 2561 ในวัย 26 ปี ในปีนั้นเพื่อนชาวสิงคโปร์ของผมชื่อ ‘ยองเจีย’ วัย 25 ปี เคยแสดงความคิดเห็นให้ผมฟังว่า "สถาบันพระมหากษัตริย์คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษอันหาได้ยากยิ่ง ลองคิดดูนะ กว่าประเทศอื่นจะรวมผู้คนให้สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ประเทศไทยสามารถทำได้แค่ในชั่วพริบตา เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน ดังนั้นถ้าหากมีใครต้องการทำลายประเทศไทย หรือแทรกแซงประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงไม่แปลกที่เขาต้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์"
    .
    ผมโชคดีที่ตาสว่างกว่า ไม่เช่นนั้นตอนนี้ผมอาจติดคุกหรือไม่ก็ได้ดิบได้ดีในพรรคการเมืองหนึ่ง พรรคที่มีรากเหง้ามาจากสามนิ้วล้มเจ้าใน มธ. ชอบอ้างอย่างปลอมเปลือกว่าอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคงสถาพร แต่ในความเป็นจริงแม้แต่ถวายพระพรก็ยังไม่มีเลย สุดท้ายเมื่อผมออกจาก Echo Chamber ของการลือตาม ๆ กันอย่างเสียสติ ไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง ไม่หลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนให้ร้ายพระองค์ท่านอีกต่อไป ผมจึงตาสว่างยิ่งกว่าตาสว่างและรักพระองค์ท่านสุดหัวใจ

    ดร.นิว ศุภณัฐ

    การที่บุคคล เห็นโทษ โดยความเป็นโทษ แล้วทำ คืนตามธรรม ถึงความสำรวมระวังต่อไป นี้เป็นความเจริญในอริยวินัย ของผู้นั้น
    #ตถาคตภาษิต
    ตอนเรียน มธ.หลงเชื่อข้อมูลผิดๆ ไม่ชอบ ร.๑๐ จนไม่เข้ารับปริญญา ทั้งๆที่ได้ #เกียรตินิยม รู้สึกเสียใจและเสียดายจนถึงทุกวันนี้... และ เพราะอะไรถึงกลับมารัก ร.๑๐ อย่างสุดหัวใจ 🙏💛 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสเฟซบุ๊ค ดังนี้ . ผมเป็นคนหนึ่งที่เรียน มธ. รหัส 53 และเคยได้รับข้อมูลผิด ๆ จนไม่ชอบในหลวง ร.10 มาก ๆ ถึงขั้นไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาทั้ง ๆ ที่ผมจบเกียรตินิยม ผมไม่ได้เข้ารับของจริง ถ้าไม่เชื่อก็ไปเช็กได้เลยครับ ผมจึงยังคงเสียใจและเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่พอได้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องด้วยตนเองในช่วงเรียนปริญญาเอกที่สิงคโปร์ จากที่ไม่ชอบก็กลายเป็นรักและเห็นใจพระองค์ท่านมาก ๆ . พบว่าสิ่งที่เคยได้ยินจากสามนิ้วล้มเจ้าในยุคนั้นล้วนเป็นความเท็จและไม่มีประโยชน์ เห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าการบิดเบือนให้ร้ายในหลวง ร.10 เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน เพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ โดยมักบิดเบือนให้ร้ายสร้างมโนภาพต่าง ๆ ให้ในหลวง ร.10 กลายเป็นคนไม่ดี เป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นจอมวายร้าย . แต่ทว่าในความเป็นจริง แม้ในหลวง ร.10 จะเป็นคนเคร่งครัดมากในระเบียบวินัยแบบทหาร แต่พระองค์ท่านก็เป็นคนที่มีเมตตาสูงมาก ขนาดชีวิตสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ท่านยังให้ความเมตตาแบบสุด ๆ ผมเคยได้ยินเรื่องหนึ่งที่เชื่อถือได้อย่างแน่ชัด เวลามีสัตว์หลงเข้ามาในลานฝึก ทหารที่ฝึกกับพระองค์ท่านจะต้องหยิบมันไปปล่อยอย่างเหมาะสม ใครจะไปนึกว่าในหลวง ร.10 จะทรงน่ารักขนาดนี้ . ผมยังจำได้ดี ตอนผมจบปริญญาเอกปี 2561 ในวัย 26 ปี ในปีนั้นเพื่อนชาวสิงคโปร์ของผมชื่อ ‘ยองเจีย’ วัย 25 ปี เคยแสดงความคิดเห็นให้ผมฟังว่า "สถาบันพระมหากษัตริย์คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษอันหาได้ยากยิ่ง ลองคิดดูนะ กว่าประเทศอื่นจะรวมผู้คนให้สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ประเทศไทยสามารถทำได้แค่ในชั่วพริบตา เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน ดังนั้นถ้าหากมีใครต้องการทำลายประเทศไทย หรือแทรกแซงประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงไม่แปลกที่เขาต้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์" . ผมโชคดีที่ตาสว่างกว่า ไม่เช่นนั้นตอนนี้ผมอาจติดคุกหรือไม่ก็ได้ดิบได้ดีในพรรคการเมืองหนึ่ง พรรคที่มีรากเหง้ามาจากสามนิ้วล้มเจ้าใน มธ. ชอบอ้างอย่างปลอมเปลือกว่าอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคงสถาพร แต่ในความเป็นจริงแม้แต่ถวายพระพรก็ยังไม่มีเลย สุดท้ายเมื่อผมออกจาก Echo Chamber ของการลือตาม ๆ กันอย่างเสียสติ ไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง ไม่หลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนให้ร้ายพระองค์ท่านอีกต่อไป ผมจึงตาสว่างยิ่งกว่าตาสว่างและรักพระองค์ท่านสุดหัวใจ ดร.นิว ศุภณัฐ การที่บุคคล เห็นโทษ โดยความเป็นโทษ แล้วทำ คืนตามธรรม ถึงความสำรวมระวังต่อไป นี้เป็นความเจริญในอริยวินัย ของผู้นั้น #ตถาคตภาษิต
    0 Comments 0 Shares 773 Views 0 Reviews
  • ร้านจิ้มจุ่มหม้อดิน ส้มตำต้มแซ่บ #สมุทรปราการ #แพรกษา #กินอะไรดี #ของดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #อาหาร #eating #foodie #food #streetfood #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitime #kaiaminute
    ร้านจิ้มจุ่มหม้อดิน ส้มตำต้มแซ่บ #สมุทรปราการ #แพรกษา #กินอะไรดี #ของดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #อาหาร #eating #foodie #food #streetfood #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitime #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 429 Views 11 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม มอบรถเข็นวีลแชร์ 100 คัน พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

    วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวม 100 คันพร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 290,000 บาท (สองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิตและเพื่อให้มีความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้ โดยมี นายกองเอก เสนีย์ มะโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ มูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
    .
    โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม โดยการมอบรถเข็นวีลแชร์นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มูลนิธิฯได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมูลนิธิฯ ได้กระจายความช่วยเหลือไปสู่ภาคต่างๆของประเทศไทยเรื่อยมา ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม มอบรถเข็นวีลแชร์ 100 คัน พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวม 100 คันพร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 290,000 บาท (สองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิตและเพื่อให้มีความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้ โดยมี นายกองเอก เสนีย์ มะโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ มูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม . โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม โดยการมอบรถเข็นวีลแชร์นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มูลนิธิฯได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมูลนิธิฯ ได้กระจายความช่วยเหลือไปสู่ภาคต่างๆของประเทศไทยเรื่อยมา ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 596 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม มอบรถเข็นวีลแชร์ 100 คัน พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

    วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวม 100 คันพร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 290,000 บาท (สองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิตและเพื่อให้มีความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้ โดยมี นายกองเอก เสนีย์ มะโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ มูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
    .
    โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม โดยการมอบรถเข็นวีลแชร์นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มูลนิธิฯได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมูลนิธิฯ ได้กระจายความช่วยเหลือไปสู่ภาคต่างๆของประเทศไทยเรื่อยมา ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม มอบรถเข็นวีลแชร์ 100 คัน พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวม 100 คันพร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 290,000 บาท (สองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิตและเพื่อให้มีความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้ โดยมี นายกองเอก เสนีย์ มะโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ มูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม . โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม โดยการมอบรถเข็นวีลแชร์นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มูลนิธิฯได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมูลนิธิฯ ได้กระจายความช่วยเหลือไปสู่ภาคต่างๆของประเทศไทยเรื่อยมา ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 563 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี
    .
    วันนี้ (วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ จำนวน 6 ราย พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส จำนวน 10 ราย และมอบจักรยาน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน พร้อมกระบอกน้ำขนาด 1 ลิตร รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวชลบุรีในครั้งนี้ทั้งสิ้น 184,072 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแปดพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมี นายพงศ์ธสิษฐ์ ปิจนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายนัธทวัฒน์ ธนโชติชัยพัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี และนางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊-อัญชลี) อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี
    .
    นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี . วันนี้ (วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ จำนวน 6 ราย พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส จำนวน 10 ราย และมอบจักรยาน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน พร้อมกระบอกน้ำขนาด 1 ลิตร รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวชลบุรีในครั้งนี้ทั้งสิ้น 184,072 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแปดพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมี นายพงศ์ธสิษฐ์ ปิจนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายนัธทวัฒน์ ธนโชติชัยพัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี และนางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊-อัญชลี) อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี . นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 1050 Views 0 Reviews
  • 'พรก.ไซเบอร์' ยาแรงปราบมิจฉาชีพ พิสูจน์ฝีมือรัฐบาล : ถอนหมุดข่าว 16/04/68
    'พรก.ไซเบอร์' ยาแรงปราบมิจฉาชีพ พิสูจน์ฝีมือรัฐบาล : ถอนหมุดข่าว 16/04/68
    0 Comments 0 Shares 353 Views 4 0 Reviews
  • ร้านตี๋หมี่ แพรกษา #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #ของดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #noodles #eating #food #thaifood #streetfood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านตี๋หมี่ แพรกษา #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #ของดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #noodles #eating #food #thaifood #streetfood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 559 Views 9 0 Reviews
  • พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) บังคับใช้วันแรก เพิ่มเติมนิยามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้ครอบคลุม ลดขั้นตอนคืนเงินผู้เสียหาย รวมทั้งธนาคารและค่ายมือถือรับผิดชอบร่วมกัน

    วันนี้ (13 เม.ย.) เป็นวันแรกที่พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สรุปสาระสำคัญ คือ เพิ่มเติมนิยามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ให้ครอบคลุมการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ระบบที่ใช้ในการจัดเก็บ และบัญชีสินทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการแก้ไข

    ขณะเดียวกัน ได้ลดขั้นตอนกระบวนการเพื่อสามารถคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายได้โดยตรงในชั้นเจ้าหน้าที่ โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาศาล อีกด้านหนึ่ง ยังมีการสร้างความร่วมมือ กำหนดความรับผิดชอบให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับผิดหากไม่ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามมาตรการหรือมาตรฐานของหน่วยงานกำกับ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035214

    #MGROnline #พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #พรก #มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
    #DE #ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
    พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) บังคับใช้วันแรก เพิ่มเติมนิยามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้ครอบคลุม ลดขั้นตอนคืนเงินผู้เสียหาย รวมทั้งธนาคารและค่ายมือถือรับผิดชอบร่วมกัน • วันนี้ (13 เม.ย.) เป็นวันแรกที่พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สรุปสาระสำคัญ คือ เพิ่มเติมนิยามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ให้ครอบคลุมการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ระบบที่ใช้ในการจัดเก็บ และบัญชีสินทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการแก้ไข • ขณะเดียวกัน ได้ลดขั้นตอนกระบวนการเพื่อสามารถคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายได้โดยตรงในชั้นเจ้าหน้าที่ โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาศาล อีกด้านหนึ่ง ยังมีการสร้างความร่วมมือ กำหนดความรับผิดชอบให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับผิดหากไม่ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามมาตรการหรือมาตรฐานของหน่วยงานกำกับ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035214 • #MGROnline #พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #พรก #มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #DE #ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 521 Views 0 Reviews
  • วันเกิดปีนี้ เชื่อว่าเกินครึ่งชีวิตแล้ว เห็นคำอวยพรมากมายจาก social net work ซึ่งก็ทำให้ประทับเสมอ ขอให้ทุกคนที่อวยพรก็ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงยิ่ง ๆ ขึ้นไปเช่นกัน แค่ส่งข้อความหากันเล็กน้อย ก็ทำให้รู้ว่ายังจำกันได้ เมื่อถึงจุดหนึ่งการที่อยู่ในความทรงจำของใครสักคน มันก็เพียงพอแล้ว

    ปล.ขอโทษ ที่รีช้า เมื่อคืนไฟดับทั้งคืน แบตหมดเลย 555

    ขอบคุณภาพจาก coco

    This birthday aniversary. I believe it passed half of my life already. I saw many people give me blessing in many platform of social network, it's always make me touch. Thank you for you all blessing, I wish all you guy more and more happy and healthy. This short massage revealed that we still remember each orther. At one point to realized that someone remember you is enough.

    PS1. Sorry for delayed response last night power down. I cannot even charge my phone. HA HA HA.
    PS2 . Sorry about wrong grammar. I will not check with AI. Because I would like you guy remember the way I speak wrong english. HA HA HA

    Thank you picture of mama Coco
    วันเกิดปีนี้ เชื่อว่าเกินครึ่งชีวิตแล้ว เห็นคำอวยพรมากมายจาก social net work ซึ่งก็ทำให้ประทับเสมอ ขอให้ทุกคนที่อวยพรก็ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงยิ่ง ๆ ขึ้นไปเช่นกัน แค่ส่งข้อความหากันเล็กน้อย ก็ทำให้รู้ว่ายังจำกันได้ เมื่อถึงจุดหนึ่งการที่อยู่ในความทรงจำของใครสักคน มันก็เพียงพอแล้ว ปล.ขอโทษ ที่รีช้า เมื่อคืนไฟดับทั้งคืน แบตหมดเลย 555 ขอบคุณภาพจาก coco This birthday aniversary. I believe it passed half of my life already. I saw many people give me blessing in many platform of social network, it's always make me touch. Thank you for you all blessing, I wish all you guy more and more happy and healthy. This short massage revealed that we still remember each orther. At one point to realized that someone remember you is enough. PS1. Sorry for delayed response last night power down. I cannot even charge my phone. HA HA HA. PS2 . Sorry about wrong grammar. I will not check with AI. Because I would like you guy remember the way I speak wrong english. HA HA HA Thank you picture of mama Coco
    0 Comments 0 Shares 609 Views 0 Reviews
  • กรมป่าไม้ส่งชุดพยัคฆ์ไพรกลับเข้าไปในพื้นที่ตำบลบ่อเวฬุ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรีอีกครั้ง หลังข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม ปรับไถพื้นที่บนภูเขาปลูกทุเรียน ขณะลงพื้นที่ตรวจพบการทำไม้หวงห้าม และพบไม้ป่าธรรมชาติยืนต้นตายในพื้นที่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000033131
    กรมป่าไม้ส่งชุดพยัคฆ์ไพรกลับเข้าไปในพื้นที่ตำบลบ่อเวฬุ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรีอีกครั้ง หลังข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม ปรับไถพื้นที่บนภูเขาปลูกทุเรียน ขณะลงพื้นที่ตรวจพบการทำไม้หวงห้าม และพบไม้ป่าธรรมชาติยืนต้นตายในพื้นที่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000033131
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    10
    0 Comments 1 Shares 673 Views 0 Reviews
More Results