• ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อท้ายบ้าน ปากซอยศูภนิมิตร2 #สมุทรปราการ #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #กิน #หิว #กินเก่ง #กินอะไรดี #พาชิม #ชวนชิม #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อท้ายบ้าน ปากซอยศูภนิมิตร2 #สมุทรปราการ #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #กิน #หิว #กินเก่ง #กินอะไรดี #พาชิม #ชวนชิม #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • เปิบพิสดารกับร้านก๋วยเตี๋ยวตำลึง คุณบุบผา #ร้านอร่อย #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #หิว #กินอะไรดี #พาชิม #ชวนชิม #กินเก่ง #food #thaifood #thailand #noodles #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    เปิบพิสดารกับร้านก๋วยเตี๋ยวตำลึง คุณบุบผา #ร้านอร่อย #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #หิว #กินอะไรดี #พาชิม #ชวนชิม #กินเก่ง #food #thaifood #thailand #noodles #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 17/3/68

    @Kittisuk iPhone
    ส่งไปให้ลูกดูนะ

    หมอได้ผ่าศพคนอายุ 90-103 ปีที่ตายธรรมชาติ

    พบว่าแต่ละคนล้วนมีเซลล์มะเร็งอยู่
    บางคนมีหลายแห่งด้วย
    แต่
    ทำไมพวกเขาจึงไม่มีอาการ

    เขาเชื่อว่า

    มันสงบอยู่ในระยะฟักตัว
    หรือ จำศีล
    ถ้ามีสิ่งที่มีปลุกหรือกระตุ้นให้ตื่น จึงจะเจริญเติบโต


    วงการแพทย์ปัจจุบัน
    กำลังพยายามหาวิธีทำให้เซลล์มะเร็งสงบอยู่ได้ตลอดไป
    เชื่อว่า
    อาหารที่ทำให้เซลล์มะเร็งสงบได้แก่

    1. ขมิ้น
    (สารที่เชื่อว่าต้านมะเร็ง
    คือ curcumin)
    2. พริก (capsaicin)
    3. ขิง (curcumin)
    4. ชาเขียว (catechin)
    5. ถั่วเหลือง (isoflavones)
    6. มะเขือเทศ (lycopene)
    7. องุ่น (resveratrol)y
    8. กระเทียม (sulfides)

    “10 อันดับอาหาร
    ที่กระตุ้นให้เซลล์มะเร็งฟื้น”
    คือ
    1. แฮมเบอร์เกอร์ ของทอด,
    โค้ก (Hamburger Fries
    + Cola)
    2. ข้าวซี่โครงหมูตุ๋น +
    ชาไข่มุก (Pork ribs rice
    + Zhen milk)
    3. เกี๊ยวซ่า + นมถั่วเหลือง
    (Pot Sticker + Soy Milk)
    4. สปาร์เก็ตตี้อิตาเลียน +
    ซุปเมอแรงค์ ((Grilled
    Italian noodles) +
    meringue soup)
    5. ไก่ทอดเกาหลีกับเบียร์
    (Korean fried chicken
    + beer)
    6. ข้าวผัด + ซุปกงเหมา
    (Fried rice + Gongmao
    soup)
    7. ราเมง + ครีมแข็ง (Ramen
    + Frost Cream)
    8. ข้าวหน้าหมูตุ๋น +
    ซุปลูกชิ้นปลา (Braised
    Pork Rice + Fish Ball
    Soup)
    9. ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น +
    กะหล่ำปลีดอง (Braised
    beef noodles +
    sauerkraut)
    10. หมูทอด + โอเด้ง (Fried meat round + Oden boiled)

    ส่วนอาหารที่ต้านพิษ
    ได้แก่
    1. มันหวาน (Sweet potato)
    2. ถั่วเขียว (Mung beans)
    3. ข้าวโอ๊ต (Oats)
    4. เม็ดบัว (Huanren)
    5. เซียวหมี่ (Xiaomi)
    6. ข้าวกล้อง (Brown rice)
    7. ถั่วแดง (Red Beans)
    8. แครอท (Carrots)
    9. แยม (Yam)
    10. หญ้าเจ้าชู้ (Burdock)
    11. หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus)
    12. หัวหอม (Onions)
    13. รากบัว (Lotus root)
    14. หัวไชเท้า (White radish)
    15. โกฐจุฬาลัมพา (Artemisia
    halodendron)
    16. ใบของมันหวาน (Sweet
    potato leaves)
    17. ใบหัวไชเท้า (Radish
    leaves)
    18. ชวานชี (Chuanqi)
    19. โยเกิร์ต (Yogurt)
    20. น้ำส้มสายชู (Vinegart)

    "You are what You eat"
    คุณ กินอะไรเข้าไป
    คุณก็จะเป็นอย่างนั้น

    Don’t no who wrote but I do
    ไม่รู้ใครเขียนแต่ผมทำตาม...

    ด่วน...
    เส้นเลือด "ตีบ" ในสมอง
    เกิดขึ้นทุก 4 นาที
    ทำไมตรวจหาสาเหตุไม่เจอ แล้วจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร ?

    ทุกวันนี้ ผมเจอคนป่วยเส้นเลือดตีบทุกวัน
    ตั้งแต่อายุ 13 ปี ยัน 95 ปี
    มันเกิดอะไรขึ้น
    ความพิการจะหยุดได้
    หรือไม่ได้...

    ถ้าสำหรับผม ผมตอบได้เลยว่า
    "หยุดได้"

    เส้นเลือดตีบในสมอง
    เกิดขึ้นทุก 4 นาที
    ปีละเป็นแสนคน
    ดารานักแสดง.. คนรวย.. คนจน.... ก็ไม่เว้น
    จนเป็นเรื่องน่าวิตกมาก

    วันนี้การแพทย์สหรัฐ
    ยังบอกเลยว่า
    มันยากมากที่สุด

    การรักษาคนป่วยเหล่านี้
    แทบจะเลือนลาง
    เสียงบประมาณมากมาย
    กับคนป่วยเหล่านี้...

    อาการเส้นเลือดตีบ
    เป็นอย่างไร ?

    เส้นเลือดตีบ
    อาการที่ส่งสัญญาณ คือ.-
    1. อาการมึนหัว
    2. อาการบ้านหมุน
    3. อาจมีอาการอาเจียนร่วม
    4. อาการร่วม-อ่อนแรงที่แขน
    5. อาการร่วม-อ่อนแรงที่ขา
    6. มีกลุ่มก้อนแข็งอุดตาม คอ
    บ่า ไหล่
    อาจส่งสัญญาณปวด

    จากพฤติกรรมที่ทำ คือ.-
    1. พักผ่อนน้อย
    2. ดื่มน้ำน้อย
    3. นอนดึก
    4. ดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ
    5. ชอบทานอาหารมันๆ
    6. ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่
    7. ขาดการออกกำลังกาย
    8. ไม่เคยปรับสมดุล ดูแล
    ระบบหลอดเลือด และ
    การไหลเวียนให้สมดุล
    9. นั่งนาน
    10. ยืนนาน
    11. ทำงานหนัก
    12. ชอบดื่มน้ำอัดลม เป็นต้น

    ภาวะเส้นเลือดตีบในสมอง
    ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค
    แต่เกิดจากพฤติกรรม
    ที่สะสมมานาน
    ไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี
    การอุดตันในเส้นเลือด
    ถึงจะเกิดขึ้นได้
    การรักษาฟื้นฟู
    สามารถทำได้
    แต่ต้องใช้ระยะเวลา..
    นาน.. ไม่ต่ำกว่า 5 ปี

    คนที่เป็น
    มีอาการก่อนเส้นเลือดจะตีบตัน
    สามารถรักษาได้
    ใช้ระยะเวลาไม่เกิด 3-6 เดือน

    อาการเส้นเลือดตีบในสมองถึงจะไม่เกิดขึ้น
    แต่ถ้ายังกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็อาจกลับมาได้อีก เพราะเส้นเลือดตีบในสมอง

    “เกิดจากพฤติกรรม
    ในการดำเนินชีวิต…..

    ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค“

    เอาละครับ
    คิดว่าข้อมูลเล็กๆน้อยๆ
    คงช่วยให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงได้
    ห่างไกลความพิการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    อนุญาตให้แชร์ข้อมูลได้ครับ
    เพื่อเป็นวิทยาทาน...
    17/3/68 @Kittisuk iPhone ส่งไปให้ลูกดูนะ หมอได้ผ่าศพคนอายุ 90-103 ปีที่ตายธรรมชาติ พบว่าแต่ละคนล้วนมีเซลล์มะเร็งอยู่ บางคนมีหลายแห่งด้วย แต่ ทำไมพวกเขาจึงไม่มีอาการ เขาเชื่อว่า มันสงบอยู่ในระยะฟักตัว หรือ จำศีล ถ้ามีสิ่งที่มีปลุกหรือกระตุ้นให้ตื่น จึงจะเจริญเติบโต วงการแพทย์ปัจจุบัน กำลังพยายามหาวิธีทำให้เซลล์มะเร็งสงบอยู่ได้ตลอดไป เชื่อว่า อาหารที่ทำให้เซลล์มะเร็งสงบได้แก่ 1. ขมิ้น (สารที่เชื่อว่าต้านมะเร็ง คือ curcumin) 2. พริก (capsaicin) 3. ขิง (curcumin) 4. ชาเขียว (catechin) 5. ถั่วเหลือง (isoflavones) 6. มะเขือเทศ (lycopene) 7. องุ่น (resveratrol)y 8. กระเทียม (sulfides) “10 อันดับอาหาร ที่กระตุ้นให้เซลล์มะเร็งฟื้น” คือ 1. แฮมเบอร์เกอร์ ของทอด, โค้ก (Hamburger Fries + Cola) 2. ข้าวซี่โครงหมูตุ๋น + ชาไข่มุก (Pork ribs rice + Zhen milk) 3. เกี๊ยวซ่า + นมถั่วเหลือง (Pot Sticker + Soy Milk) 4. สปาร์เก็ตตี้อิตาเลียน + ซุปเมอแรงค์ ((Grilled Italian noodles) + meringue soup) 5. ไก่ทอดเกาหลีกับเบียร์ (Korean fried chicken + beer) 6. ข้าวผัด + ซุปกงเหมา (Fried rice + Gongmao soup) 7. ราเมง + ครีมแข็ง (Ramen + Frost Cream) 8. ข้าวหน้าหมูตุ๋น + ซุปลูกชิ้นปลา (Braised Pork Rice + Fish Ball Soup) 9. ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น + กะหล่ำปลีดอง (Braised beef noodles + sauerkraut) 10. หมูทอด + โอเด้ง (Fried meat round + Oden boiled) ส่วนอาหารที่ต้านพิษ ได้แก่ 1. มันหวาน (Sweet potato) 2. ถั่วเขียว (Mung beans) 3. ข้าวโอ๊ต (Oats) 4. เม็ดบัว (Huanren) 5. เซียวหมี่ (Xiaomi) 6. ข้าวกล้อง (Brown rice) 7. ถั่วแดง (Red Beans) 8. แครอท (Carrots) 9. แยม (Yam) 10. หญ้าเจ้าชู้ (Burdock) 11. หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) 12. หัวหอม (Onions) 13. รากบัว (Lotus root) 14. หัวไชเท้า (White radish) 15. โกฐจุฬาลัมพา (Artemisia halodendron) 16. ใบของมันหวาน (Sweet potato leaves) 17. ใบหัวไชเท้า (Radish leaves) 18. ชวานชี (Chuanqi) 19. โยเกิร์ต (Yogurt) 20. น้ำส้มสายชู (Vinegart) "You are what You eat" คุณ กินอะไรเข้าไป คุณก็จะเป็นอย่างนั้น Don’t no who wrote but I do ไม่รู้ใครเขียนแต่ผมทำตาม... ด่วน... เส้นเลือด "ตีบ" ในสมอง เกิดขึ้นทุก 4 นาที ทำไมตรวจหาสาเหตุไม่เจอ แล้วจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร ? ทุกวันนี้ ผมเจอคนป่วยเส้นเลือดตีบทุกวัน ตั้งแต่อายุ 13 ปี ยัน 95 ปี มันเกิดอะไรขึ้น ความพิการจะหยุดได้ หรือไม่ได้... ถ้าสำหรับผม ผมตอบได้เลยว่า "หยุดได้" เส้นเลือดตีบในสมอง เกิดขึ้นทุก 4 นาที ปีละเป็นแสนคน ดารานักแสดง.. คนรวย.. คนจน.... ก็ไม่เว้น จนเป็นเรื่องน่าวิตกมาก วันนี้การแพทย์สหรัฐ ยังบอกเลยว่า มันยากมากที่สุด การรักษาคนป่วยเหล่านี้ แทบจะเลือนลาง เสียงบประมาณมากมาย กับคนป่วยเหล่านี้... อาการเส้นเลือดตีบ เป็นอย่างไร ? เส้นเลือดตีบ อาการที่ส่งสัญญาณ คือ.- 1. อาการมึนหัว 2. อาการบ้านหมุน 3. อาจมีอาการอาเจียนร่วม 4. อาการร่วม-อ่อนแรงที่แขน 5. อาการร่วม-อ่อนแรงที่ขา 6. มีกลุ่มก้อนแข็งอุดตาม คอ บ่า ไหล่ อาจส่งสัญญาณปวด จากพฤติกรรมที่ทำ คือ.- 1. พักผ่อนน้อย 2. ดื่มน้ำน้อย 3. นอนดึก 4. ดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ 5. ชอบทานอาหารมันๆ 6. ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่ 7. ขาดการออกกำลังกาย 8. ไม่เคยปรับสมดุล ดูแล ระบบหลอดเลือด และ การไหลเวียนให้สมดุล 9. นั่งนาน 10. ยืนนาน 11. ทำงานหนัก 12. ชอบดื่มน้ำอัดลม เป็นต้น ภาวะเส้นเลือดตีบในสมอง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากพฤติกรรม ที่สะสมมานาน ไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี การอุดตันในเส้นเลือด ถึงจะเกิดขึ้นได้ การรักษาฟื้นฟู สามารถทำได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลา.. นาน.. ไม่ต่ำกว่า 5 ปี คนที่เป็น มีอาการก่อนเส้นเลือดจะตีบตัน สามารถรักษาได้ ใช้ระยะเวลาไม่เกิด 3-6 เดือน อาการเส้นเลือดตีบในสมองถึงจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ายังกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็อาจกลับมาได้อีก เพราะเส้นเลือดตีบในสมอง “เกิดจากพฤติกรรม ในการดำเนินชีวิต….. ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค“ เอาละครับ คิดว่าข้อมูลเล็กๆน้อยๆ คงช่วยให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงได้ ห่างไกลความพิการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อนุญาตให้แชร์ข้อมูลได้ครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 471 มุมมอง 0 รีวิว
  • ของดีใกล้ตัว ปล่อยผ่านไปได้ยังไง ร้านป้าพรก๋วยเตี๋ยวหมู #สมุทรปราการ #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #กินอะไรดี #พาชิม #ชวนชิม #กินเก่ง #ร้านอร่อย #กิน #หิว #food #thaifood #noodles #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ของดีใกล้ตัว ปล่อยผ่านไปได้ยังไง ร้านป้าพรก๋วยเตี๋ยวหมู #สมุทรปราการ #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #กินอะไรดี #พาชิม #ชวนชิม #กินเก่ง #ร้านอร่อย #กิน #หิว #food #thaifood #noodles #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 687 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวเอกรส ลูกชิ้นชั้น1 #สระบุรี #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #ชวนชิม #กินเก่ง #พาชิม #กิน #หิว #noodles #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #เทรนด์วันนี้ #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวเอกรส ลูกชิ้นชั้น1 #สระบุรี #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #ชวนชิม #กินเก่ง #พาชิม #กิน #หิว #noodles #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #เทรนด์วันนี้ #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านปู่ วัดอโศการาม #สมุทรปราการ #หิว #กิน #กินอะไรดี #พาชิม #ชวนชิม #กินเก่ง #ร้านอร่อย #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #food #thaifood #thailand #เทรนด์วันนี้ #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านปู่ วัดอโศการาม #สมุทรปราการ #หิว #กิน #กินอะไรดี #พาชิม #ชวนชิม #กินเก่ง #ร้านอร่อย #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #food #thaifood #thailand #เทรนด์วันนี้ #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • เส้นบางๆ ระหว่างผู้นำ กับผู้ทำลาย เลือกเอาว่าจะใช้ ไลต์เซเบอร์ หรือจะรีวิวแดกก๋วยเตี๋ยวราดพริกป่นหมดถ้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    เส้นบางๆ ระหว่างผู้นำ กับผู้ทำลาย เลือกเอาว่าจะใช้ ไลต์เซเบอร์ หรือจะรีวิวแดกก๋วยเตี๋ยวราดพริกป่นหมดถ้วย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • .......📌#ว่าด้วยเรื่องหัวไชเท้า.........
    .........................................
    ใครที่ชอบ ทาน หัวไชเท้า เป็นชีวิตจิตใจ ได้โปรดอ่านให้ละเอียดเลย

    เมื่อทานผักผลไม้และสมุนไพรได้ อาหารเสริมจึงไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะอาหารเสริมก็สกัดมาจากพืชผัก ผลไม้และสมุนไพรเช่นเดียวกัน ตามคำนิยามที่ว่า ทานอาหารเป็นยานั่นเอง

    สำหรับหัวไชเท้านี้เป็นอาหารทางการแพทย์ที่มีมากเป็นอันดับสองของโลก เป็นผักตระกูลกระหล่ำ ความพิเศษและแตกต่างจากไม้ตระกูลกะหล่ำที่เหลือคือ หัวไชเท้ามีองค์ประกอบสองส่วน คือมีรากและหัวไชเท้าช่วยเติมเต็มระบบภูมิคุ้มกัน

    เมื่อเราทานเข้าไป กำมะถันที่มีอยู่ในหัวไชเท้าจะขับไล่เชื้อโรคทุกชนิดและทำหน้าที่เป็นมูลไส้เดือน มันจะช่วยฆ่าหนอนพยาธิในลำไส้และปรสิตอื่น ๆ ทั้งหมดได้อีกด้วย

    หัวไชเท้ามีส่วนประกอบของ ออร์กาโนซัลเฟอร์ช่วยให้หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำสะอาดและสร้างเกราะป้องกันในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้คราบจุลินทรีย์เกาะติดกับเยื่อบุ

    หัวไชเท้าช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยป้องกันโรคหัวใจและปัญหาหลอดเลือดหัวใจอื่น ๆ ได้ดี เพราะหัวไชเท้าช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล ชนิดที่ดี และลดคอเลสเตอรอล ชนิดที่ไม่ดี

    หัวไชเท้าช่วยขับไล่มะเร็งได้เกือบทุกชนิด เพราะสามารถฟื้นฟูไต ตับ ตับอ่อน และม้ามได้เป็นอย่างดี

    ใบของหัวไชเท้าไม่ต้องทิ้งเพราะเป็นหนึ่งในอาหารรักษาร่างกาย ที่ดีมาก เช่นกัน เพราะใบไม้หัวไชเท้าเป็นพรีไบโอติกที่มีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับสองรองจาก บลูเบอร์รี่ป่า เลยทีเดียว

    ทั้งหัวไชเท้าและใบและมีสารอาหารจำนวนมาก เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตเคมิคอล และอัลคาลอยด์ ต้านมะเร็ง และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

    ช่วยซ่อมแซมลำไส้ใหญ่ และส่วนอื่น ๆ ของลำไส้ที่สูญเสียความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร สารอาหารของมันนั้นถูกดูดซึมโดยระบบย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติมากที่สุด และดูดซึมได้ดีกว่าอาหารอื่น ๆ เนื่องจากมีเอนไซม์สูง

    จริง ๆ แล้ว ใบหัวไชเท้าเป็นอาหารป่า แม้ว่าจะปลูกในสวนหรือในฟาร์มก็ตาม ใบไม้เหล่านี้ช่วยกำจัดสารพิษทั้ง 4 อย่างออกจากร่างกาย คือ กำจัดดีดีที รังสี โลหะหนัก ไวรัส ทานได้ทั้งสดและต้มใส่ซุบน้ำก๋วยเตี๋ยวต้มจืดหรือแกงส้ม ส่วนทานสดโดยจิ้มน้ำพริกหรือทานกับชูชิ ปั่นดื่มจะดีมาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำความสะอาดโลหะหนักในระดับที่รุนแรง และกำจัดสารปรอท ตะกั่ว สารหนู และอะลูมิเนียมออกจากร่างกาย มีพลังเกือบเท่าผักชี

    ใบและหัวไชเท้าช่วยป้องกันโรคทางระบบประสาทรวมถึงโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง เอแอลเอส ( ALS ) และโรคไลม์ ( Lyme ) ทางระบบประสาท หัวไชเท้าจึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผักใบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับสุขภาพของผู้คนนั่นเอง

    Cr: Boos Day ❤️
    ด้วยความรักและปรารถนาดีจากแพทย์และทีมงานสถาบันสุขภาพครอบครัวองค์รวมดร.อรวรรณ
    .......📌#ว่าด้วยเรื่องหัวไชเท้า......... ......................................... ใครที่ชอบ ทาน หัวไชเท้า เป็นชีวิตจิตใจ ได้โปรดอ่านให้ละเอียดเลย เมื่อทานผักผลไม้และสมุนไพรได้ อาหารเสริมจึงไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะอาหารเสริมก็สกัดมาจากพืชผัก ผลไม้และสมุนไพรเช่นเดียวกัน ตามคำนิยามที่ว่า ทานอาหารเป็นยานั่นเอง สำหรับหัวไชเท้านี้เป็นอาหารทางการแพทย์ที่มีมากเป็นอันดับสองของโลก เป็นผักตระกูลกระหล่ำ ความพิเศษและแตกต่างจากไม้ตระกูลกะหล่ำที่เหลือคือ หัวไชเท้ามีองค์ประกอบสองส่วน คือมีรากและหัวไชเท้าช่วยเติมเต็มระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อเราทานเข้าไป กำมะถันที่มีอยู่ในหัวไชเท้าจะขับไล่เชื้อโรคทุกชนิดและทำหน้าที่เป็นมูลไส้เดือน มันจะช่วยฆ่าหนอนพยาธิในลำไส้และปรสิตอื่น ๆ ทั้งหมดได้อีกด้วย หัวไชเท้ามีส่วนประกอบของ ออร์กาโนซัลเฟอร์ช่วยให้หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำสะอาดและสร้างเกราะป้องกันในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้คราบจุลินทรีย์เกาะติดกับเยื่อบุ หัวไชเท้าช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยป้องกันโรคหัวใจและปัญหาหลอดเลือดหัวใจอื่น ๆ ได้ดี เพราะหัวไชเท้าช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล ชนิดที่ดี และลดคอเลสเตอรอล ชนิดที่ไม่ดี หัวไชเท้าช่วยขับไล่มะเร็งได้เกือบทุกชนิด เพราะสามารถฟื้นฟูไต ตับ ตับอ่อน และม้ามได้เป็นอย่างดี ใบของหัวไชเท้าไม่ต้องทิ้งเพราะเป็นหนึ่งในอาหารรักษาร่างกาย ที่ดีมาก เช่นกัน เพราะใบไม้หัวไชเท้าเป็นพรีไบโอติกที่มีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับสองรองจาก บลูเบอร์รี่ป่า เลยทีเดียว ทั้งหัวไชเท้าและใบและมีสารอาหารจำนวนมาก เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตเคมิคอล และอัลคาลอยด์ ต้านมะเร็ง และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยซ่อมแซมลำไส้ใหญ่ และส่วนอื่น ๆ ของลำไส้ที่สูญเสียความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร สารอาหารของมันนั้นถูกดูดซึมโดยระบบย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติมากที่สุด และดูดซึมได้ดีกว่าอาหารอื่น ๆ เนื่องจากมีเอนไซม์สูง จริง ๆ แล้ว ใบหัวไชเท้าเป็นอาหารป่า แม้ว่าจะปลูกในสวนหรือในฟาร์มก็ตาม ใบไม้เหล่านี้ช่วยกำจัดสารพิษทั้ง 4 อย่างออกจากร่างกาย คือ กำจัดดีดีที รังสี โลหะหนัก ไวรัส ทานได้ทั้งสดและต้มใส่ซุบน้ำก๋วยเตี๋ยวต้มจืดหรือแกงส้ม ส่วนทานสดโดยจิ้มน้ำพริกหรือทานกับชูชิ ปั่นดื่มจะดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำความสะอาดโลหะหนักในระดับที่รุนแรง และกำจัดสารปรอท ตะกั่ว สารหนู และอะลูมิเนียมออกจากร่างกาย มีพลังเกือบเท่าผักชี ใบและหัวไชเท้าช่วยป้องกันโรคทางระบบประสาทรวมถึงโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง เอแอลเอส ( ALS ) และโรคไลม์ ( Lyme ) ทางระบบประสาท หัวไชเท้าจึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผักใบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับสุขภาพของผู้คนนั่นเอง Cr: Boos Day ❤️ ด้วยความรักและปรารถนาดีจากแพทย์และทีมงานสถาบันสุขภาพครอบครัวองค์รวมดร.อรวรรณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสี่ยง..ไตวาย
    ก๋วยเตี๋ยว(เจ้าดัง) โซเดียมสูงกว่า บะหมี่ซอง 3 เท่า !!!
    เสี่ยง..ไตวาย ก๋วยเตี๋ยว(เจ้าดัง) โซเดียมสูงกว่า บะหมี่ซอง 3 เท่า !!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • แลดูธรรมดาๆแบบนี้ แต่มีสาขานะแจ๊ะ ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระสูตรดั้งเดิม เจ้ออ #สมุทรปราการ #ร้านดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #พาชิม #กิน #หิว #พากิน #กินเก่ง #ชวนชิม #ร้านอร่อย #เทรนด์วันนี้ #กินอะไรดี #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    แลดูธรรมดาๆแบบนี้ แต่มีสาขานะแจ๊ะ ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระสูตรดั้งเดิม เจ้ออ #สมุทรปราการ #ร้านดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #พาชิม #กิน #หิว #พากิน #กินเก่ง #ชวนชิม #ร้านอร่อย #เทรนด์วันนี้ #กินอะไรดี #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 512 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • สมคำร่ำลือ ร้านก๋วยเตี๋ยววัดปริวาส #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #หิว #กิน #พากิน #กินเก่ง #ชวนชิม #ร้านอร่อย #เทรนด์วันนี้ #กินอะไรดี #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    สมคำร่ำลือ ร้านก๋วยเตี๋ยววัดปริวาส #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #หิว #กิน #พากิน #กินเก่ง #ชวนชิม #ร้านอร่อย #เทรนด์วันนี้ #กินอะไรดี #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • #การย่อยและลำดับ

    สุขภาพทางเดินอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปของเรา การย่อยอาหารและกระบวนการย่อยอาหารทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับการทำงานตามปกติ

    เนื่องจากการย่อยอาหารเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน บางครั้งผู้คนจึงสงสัยว่าพวกเขาแปรรูปอาหารด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ใช้เวลานานเท่าไหร่

    โดยทั่วไป กระบวนการย่อยอาหารจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่ ระยะเวลาการเดินทางในระบบทางเดินอาหารทั้งหมด อาจใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง แม้ว่าเวลาที่แท้จริงอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ก็ตาม

    การเดินทางของอาหารผ่านระบบย่อยอาหาร

    การย่อยอาหารเริ่มต้นที่ปากของคุณ เมื่อคุณเคี้ยวอาหาร น้ำลายจะย่อยแป้งในแต่ละคำด้วยเอนไซม์ ทำให้คุณกลืนสิ่งที่คุณกินได้ง่ายขึ้น

    เมื่อคุณกลืนอาหารเข้าไป อาหารจะไหลผ่านหลอดอาหาร จากนั้นกล้ามเนื้อที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะคลายตัวและปล่อยให้เข้าสู่กระเพาะอาหารของคุณ ซึ่งกล้ามเนื้อดังกล่าวจะปิดลงทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารจะไม่เดินทางกลับเข้าไปในปากของคุณ จำได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามเนื้อนี้กระตือรือร้นที่จะผ่อนคลายมากเกินไป

    ในกระเพาะของคุณ อาหารและเชื้อแบคทีเรียต่างๆจะถูกทำลายเนื่องจากกรดในกระเพาะ และส่วนผสมของอาหารที่ย่อยได้บางส่วนจะเข้าไปในลำไส้เล็กของคุณ

    ในลำไส้เล็ก ตับอ่อนและตับจะเพิ่มน้ำย่อยที่ช่วยเร่งกระบวนการทั้งหมด ผนังของมันดูดซึมสารอาหารและน้ำและทำให้ร่างกายได้รับสิ่งดีๆ (สารอาหาร) จากอาหารที่คุณบริโภค (หวังว่าสิ่งที่คุณกิน จะเป็นสิ่งที่ดี) ส่วนอาหารที่เหลือที่ไม่ได้ย่อยจะดำเนินต่อไปยังลำไส้ใหญ่ของคุณ

    โดยปกติจะใช้เวลา 6 ถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่อาหารจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ อาหารนั้นจะคงอยู่นานกว่าหนึ่งวันและสลายตัวมากยิ่งขึ้น น้ำและสารอาหารที่เหลือซึ่งร่างกายของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการดูดซึมและต่อมาส่วนที่เหลือคืออุจจาระที่จะออกจากร่างกายของคุณเมื่อคุณพร้อมที่จะขับถ่าย

    ในเวลาประมาณสามวัน อาหารที่คุณกินควรจะเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารไปยังสถานีสุดท้าย

    อาหารใช้เวลาย่อยนานแค่ไหน

    เวลาที่ใช้ในการย่อยอาหารยังขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ระบบการเผาผลาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ประเภทและปริมาณของอาหารที่เป็นปัญหา

    การย่อยน้ำเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน

    หากดื่มน้ำในขณะท้องว่าง น้ำจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ทันที นี่คือสาเหตุว่าทำไมการดื่มน้ำตอนตื่นนอนจึงเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และว่าด้วยวิชา วงจรชีวิต (Circadian rhythm) ในช่วงเวลาระหว่าง 5:00 น ถึง 7:00 น ร่างกายจะไม่ดูดซึมน้ำแต่จะปล่อยน้ำทั้งหมดลงไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยในการขับถ่าย

    เราสามารถย่อยของเหลวอื่นๆ ได้เร็วแค่ไหน

    หากคุณดื่มน้ำผลไม้บ่อยกว่าน้ำเปล่า น้ำผลไม้นั้นจะถูกย่อยและถูกขับออกจากร่างกายในเวลาประมาณ 20 นาที เนื่องจากร่างกายไม่ต้องการน้ำตาลฟรักโตส

    สมูทตี้ต่างจากน้ำผลไม้ โดยคงเส้นใยจากผักและผลไม้ที่ผสมเข้าด้วยกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงทำให้คุณอิ่มมากขึ้นและกระบวนการย่อยอาหารก็ใช้เวลานานขึ้น (ประมาณ 30 นาที) อาหารที่มีเส้นใยสูงอาจจะดีต่อระบบย่อยอาหารเนื่องจากช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้ามีน้ำตาลฟรักโตสร่วมด้วย ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    เกี่ยวกับการย่อยผลไม้

    แตงโมเป็นผลไม้ที่เร็วที่สุดในการย่อยผลไม้ เนื่องจากแตงโมใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการออกจากกระเพาะอาหาร ลูกพี่ลูกน้องของมัน เช่น แตง ส้ม เกรฟฟรุต กล้วย และองุ่น จะออกจากท้องคุณในเวลาประมาณ 30 นาที

    หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร ไม่ควรผสมผลไม้กับกับผักเหตุเพราะเวลาในการย่อยอาหารที่แตกต่างกัน

    การย่อยผัก

    ผักใช้เวลาย่อยนานกว่าผลไม้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผักกาดหอม แตงกวา พริก มะเขือเทศ และผักอื่นๆ ที่มีน้ำปริมาณมากจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

    ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักเคล กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ มักจะย่อยภายใน 40 นาที

    และแบบช้าๆ ได้แก่ แครอท บีทรูท และผักที่มีรากอื่นๆ จะถูกย่อยภายในเวลาประมาณ 50 นาที ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผักที่มีรากที่เป็นแป้ง เช่น มันฝรั่ง ซึ่งร่วมกับสควอชบัตเตอร์นัท อาร์ติโชค มันเทศ ข้าวโพด ฯลฯ ใช้เวลาในการย่อยถึง 60 นาที

    การย่อยเมล็ดพืชจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย

    การย่อยธัญพืชและคาร์โบไฮเดรตต่างๆ จะใช้เวลานานกว่าการแปรรูปผักและผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง บักวีต และข้าวโอ๊ตอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการออกจากท้อง ในขณะที่พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล ถั่วต่างๆ ฯลฯ ใช้เวลามากกว่านั้น – ประมาณสองชั่วโมง

    การย่อยเนื้อสัตว์

    ถ้ากำลังมองหาเนื้อสัตว์ที่ใช้เวลาย่อยน้อยที่สุด

    ..ปลาที่ไม่มีน้ำมัน (เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล อาหารทะเล ฯลฯ) ซึ่งจะออกจากกระเพาะในเวลาประมาณ 30 นาที ในขณะที่ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาโอ ปลาสวาย แซลมอน ฯลฯ) จะย่อยในเวลาประมาณ 50 นาที

    เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ใช้เวลาย่อยนานกว่าเนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานถึงสองวัน ไก่และไก่งวงเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุด ในขณะที่เนื้อวัว เนื้อแกะ และโดยเฉพาะเนื้อหมูต้องใช้เวลานานกว่ามากในการย่อยให้เต็มที่

    การย่อยนม

    โดยเฉลี่ยแล้ว นมพร่องมันเนยและชีสไขมันต่ำ (เช่น คอทเทจชีสไขมันต่ำหรือริคอตต้า) จะใช้เวลาย่อย 1.5 ชั่วโมง ในขณะที่คอตเทจชีสจากนมทั้งตัวและซอฟต์ชีสจะออกจากกระเพาะภายใน 2 ชั่วโมง ชีสแข็งจากนมเต็มตัวอาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการย่อยอย่างเหมาะสม

    ย่อยไข่นานแค่ไหน

    ไข่แดงจะใช้เวลาย่อย 30 นาที ในขณะที่การย่อยไข่ทั้งฟองจะใช้เวลา 45 นาที

    เมล็ดพืชและถั่ว

    เมล็ดพืชที่มีไขมันสูง (เช่น งา ทานตะวัน รวมถึงเมล็ดฟักทอง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการย่อย

    ถั่วต่างๆ (ถั่วลิสงดิบ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ฯลฯ) ต้องใช้เวลาในการย่อยประมาณ 2.5 ถึง 3 ชั่วโมง

    เวลาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเป็นเวลาโดยประมาณ พวกเขาอธิบายว่าโดยปกติแล้วอาหารบางประเภทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนกหากประสบการณ์ของคุณแตกต่างไปจากคำอธิบายข้างต้น

    อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าระบบย่อยอาหารของคุณค่อนข้างเชื่องช้า และหากคุณต้องการป้องกันไม่ให้การย่อยอาหารของคุณช้าลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ค้นหาว่าอาหารชนิดใดที่คุณควรหลีกเลี่ยง

    อาหารที่ย่อยยาก

    อาหารทอดที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการย่อยอาหารของคุณและสุขภาพโดยทั่วไป มีสองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากรับประทานอาหารทอด ซึ่งอาจเคลื่อนตัวไปทั่วร่างกายเร็วเกินไปและส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียหรืออยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานจน ส่งผลให้ท้องอืดและรู้สึกอิ่ม

    ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

    โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวนั้นดีต่อการย่อยอาหารเนื่องจากมีไฟเบอร์สูง อย่างไรก็ตาม บางคนอาจประสบปัญหาทางเดินอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้นอย่ารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวมากเกินไปในคราวเดียว

    น้ำตาลเทียมและฟรุกโตส

    น้ำตาลเทียมนั้นย่อยยากและมักจะเดินทางผ่านระบบโดยไม่ได้รับการย่อย ดังนั้นจึงไม่ให้สารอาหารแก่ร่างกายมากนัก นอกจากนี้ พวกมันยังส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ที่พบในระบบทางเดินอาหารของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายได้ เมื่อบริโภคน้ำตาลมากเกินไป คุณอาจมีอาการตะคริวและท้องร่วงได้ และเพิ่มน้ำหนักแน่นอน

    ถั่ว

    ถั่วเป็นแหล่งอาหารที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากมีโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อาจย่อยยากและมักทำให้เกิดแก๊สรวมถึงเป็นตะคริวเนื่องจากร่างกายของคุณขาดเอนไซม์ที่จำเป็นในการสลายน้ำตาลในนั้น

    ผักตระกูลกะหล่ำ

    ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี และอื่นๆ มีน้ำตาลแบบเดียวกับที่พบในถั่ว ดังนั้นจึงย่อยได้ยาก พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบเพราะจะช่วยให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น

    อาหารรสเผ็ด

    สำหรับบางคนการย่อยอาหารช้าและอาการเสียดท้องเป็นเรื่องปกติหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด ซึ่งมีสาเหตุมาจากแคปไซซินที่พบในพริก

    ผลิตภัณฑ์นม

    ผลิตภัณฑ์จากนมย่อยยากและช้า จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและสามารถก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย สำหรับผู้ที่แพ้แลคโตส หากคุณไม่สามารถกำจัดอาหารดังกล่าวออกจากอาหารได้ คุณก็ต้องหาเอนไซม์จากภายนอกเพื่อย่อยนมนั้น

    เนื่องจากเราทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพบผู้ร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาในระบบย่อยอาหาร และวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการบรรลุภารกิจนี้คือการจดบันทึกอาหาร กำจัดอาหารบางชนิดที่คุณสงสัยว่าจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย เมื่อคุณจับฝ่ายที่มีความผิดได้แล้ว ให้หลีกเลี่ยงหรือค้นหาทางเลือกอื่นที่ไม่ทำให้คุณเกิดปัญหา

    และอาหารชนิดใดที่ย่อยง่าย

    หากคุณสงสัยว่าจะย่อยอาหารอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงการย่อยช้า ได้อย่างไร ให้เน้นไปที่อาหารที่ย่อยเร็ว เช่น:

    • ข้าวขาว : หากคุณพยายามหาธัญพืชที่ย่อยง่าย ให้เลือกข้าวขาวและหลีกเลี่ยงข้าวกล้อง สีดำ หรือสีแดง

    • ไข่ : ไข่ไม่เพียงแต่ปรุงง่าย แต่ยังย่อยง่ายอีกด้วย

    • มันเทศ : มันเทศเป็นแหล่งของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งย่อยได้ง่ายกว่าเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ และยังเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณด้วย

    • ไก่ : หากคุณต้องการเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในอาหาร ให้เลือกไก่เพราะเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและใช้เวลาย่อยน้อยลง

    • ปลา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าใช้เวลาในการย่อยน้อย

    ปัญหาและเงื่อนไขทางเดินอาหาร

    หากคุณเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหารของคุณแต่ยังคงมีอาการอาหารไม่ย่อยอยู่บ้าง คุณอาจมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภทหรือแม้กระทั่งต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประจำตัว หากปัญหาของคุณมีเพียงกรดไหลย้อน ท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูกมีลมในท้อง ท้องร่วง และอื่นๆ เป็นครั้งคราว ก็มักจะไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นค่อนข้างสม่ำเสมอหรือกลายเป็นโรคเรื้อรัง ควรแน่ใจว่าคุณติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด

    นี่เป็นเพียงเงื่อนไขบางประการที่อาจทำให้เกิดอาการของคุณ:

    แพ้แลคโตส

    ผลิตภัณฑ์นมอาจย่อยยากสำหรับผู้ที่ขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยน้ำตาลที่พบในนมและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในท้อง และท้องอืด

    โรค Celiac

    กลูเตนในอาหารที่มีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์เป็นสาเหตุของปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซลิแอก ร่างกายของพวกเขาระบุว่ากลูเตนเป็นสิ่งแปลกปลอมและตอบสนองโดยการโจมตีโปรตีนนี้และทำลายลำไส้ทันทีที่กลูเตนไปถึงลำไส้เล็ก

    หากคุณมีอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า ท้องอืดและปวดท้อง ท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุจจาระมีกลิ่นเหม็นหรือดูเป็นไขมัน และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณอาจเป็นโรคเซลิแอก

    กรดไหลย้อน

    กรดไหลย้อนเป็นอาการทางการแพทย์ทั่วไปที่เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนเข้าไปในปาก หากกรดไหลย้อนปรากฏในรูปแบบเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้น คุณมีอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างปิดไม่สนิท แต่ถ้าหูรูดคุณทำงานได้ดีแต่ในระบบคุณมีแก๊ส แก๊สเหล่านี้ก็จะหาทางไปที่อื่น ซึ่ง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่าไหล่ ชามือ อาการนี้อาจสร้างความรำคาญแต่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวมากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ หากเป็นกรณีนี้ โปรดติดต่อ ผู้เชี่ยวชาญของคุณเนื่องจากคุณอาจได้รับผลกระทบจากโรคกรดไหลย้อนจริงๆ

    อาการลำไส้แปรปรวน (IBS)

    ภาวะนี้ทำให้ลำไส้ระคายเคืองและมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น ตะคริว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และมีแก๊สในช่องท้อง เช่นเดียวกับโรค Celiac การเปลี่ยนแปลงอาหารสามารถช่วยให้คุณรักษาอาการให้สมดุลได้

    บทสรุป

    จะเห็นได้ว่าอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรกินอาหารตามลำดับ

    วิธีการที่ดี ให้เริ่มต้นที่ผักร้อยละ 40 ตามด้วยข้าวหรือแป้งขัดขาว ไม่ว่าจะเป็นเส้นขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นต่างๆ แล้วค่อยตามด้วยโปรตีน จากนั้นปล่อยให้ไขมันเป็นลำดับสุดท้าย

    วิธีการนี้ร่างกายคุณจะย่อยตามลำดับและสิ่งที่คุณกินเข้าไปจะไม่ถูกหมักหมมจนทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #การย่อยและลำดับ สุขภาพทางเดินอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปของเรา การย่อยอาหารและกระบวนการย่อยอาหารทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับการทำงานตามปกติ เนื่องจากการย่อยอาหารเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน บางครั้งผู้คนจึงสงสัยว่าพวกเขาแปรรูปอาหารด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ใช้เวลานานเท่าไหร่ โดยทั่วไป กระบวนการย่อยอาหารจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่ ระยะเวลาการเดินทางในระบบทางเดินอาหารทั้งหมด อาจใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง แม้ว่าเวลาที่แท้จริงอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ก็ตาม การเดินทางของอาหารผ่านระบบย่อยอาหาร การย่อยอาหารเริ่มต้นที่ปากของคุณ เมื่อคุณเคี้ยวอาหาร น้ำลายจะย่อยแป้งในแต่ละคำด้วยเอนไซม์ ทำให้คุณกลืนสิ่งที่คุณกินได้ง่ายขึ้น เมื่อคุณกลืนอาหารเข้าไป อาหารจะไหลผ่านหลอดอาหาร จากนั้นกล้ามเนื้อที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะคลายตัวและปล่อยให้เข้าสู่กระเพาะอาหารของคุณ ซึ่งกล้ามเนื้อดังกล่าวจะปิดลงทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารจะไม่เดินทางกลับเข้าไปในปากของคุณ จำได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามเนื้อนี้กระตือรือร้นที่จะผ่อนคลายมากเกินไป ในกระเพาะของคุณ อาหารและเชื้อแบคทีเรียต่างๆจะถูกทำลายเนื่องจากกรดในกระเพาะ และส่วนผสมของอาหารที่ย่อยได้บางส่วนจะเข้าไปในลำไส้เล็กของคุณ ในลำไส้เล็ก ตับอ่อนและตับจะเพิ่มน้ำย่อยที่ช่วยเร่งกระบวนการทั้งหมด ผนังของมันดูดซึมสารอาหารและน้ำและทำให้ร่างกายได้รับสิ่งดีๆ (สารอาหาร) จากอาหารที่คุณบริโภค (หวังว่าสิ่งที่คุณกิน จะเป็นสิ่งที่ดี) ส่วนอาหารที่เหลือที่ไม่ได้ย่อยจะดำเนินต่อไปยังลำไส้ใหญ่ของคุณ โดยปกติจะใช้เวลา 6 ถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่อาหารจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ อาหารนั้นจะคงอยู่นานกว่าหนึ่งวันและสลายตัวมากยิ่งขึ้น น้ำและสารอาหารที่เหลือซึ่งร่างกายของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการดูดซึมและต่อมาส่วนที่เหลือคืออุจจาระที่จะออกจากร่างกายของคุณเมื่อคุณพร้อมที่จะขับถ่าย ในเวลาประมาณสามวัน อาหารที่คุณกินควรจะเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารไปยังสถานีสุดท้าย อาหารใช้เวลาย่อยนานแค่ไหน เวลาที่ใช้ในการย่อยอาหารยังขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ระบบการเผาผลาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ประเภทและปริมาณของอาหารที่เป็นปัญหา การย่อยน้ำเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน หากดื่มน้ำในขณะท้องว่าง น้ำจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ทันที นี่คือสาเหตุว่าทำไมการดื่มน้ำตอนตื่นนอนจึงเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และว่าด้วยวิชา วงจรชีวิต (Circadian rhythm) ในช่วงเวลาระหว่าง 5:00 น ถึง 7:00 น ร่างกายจะไม่ดูดซึมน้ำแต่จะปล่อยน้ำทั้งหมดลงไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยในการขับถ่าย เราสามารถย่อยของเหลวอื่นๆ ได้เร็วแค่ไหน หากคุณดื่มน้ำผลไม้บ่อยกว่าน้ำเปล่า น้ำผลไม้นั้นจะถูกย่อยและถูกขับออกจากร่างกายในเวลาประมาณ 20 นาที เนื่องจากร่างกายไม่ต้องการน้ำตาลฟรักโตส สมูทตี้ต่างจากน้ำผลไม้ โดยคงเส้นใยจากผักและผลไม้ที่ผสมเข้าด้วยกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงทำให้คุณอิ่มมากขึ้นและกระบวนการย่อยอาหารก็ใช้เวลานานขึ้น (ประมาณ 30 นาที) อาหารที่มีเส้นใยสูงอาจจะดีต่อระบบย่อยอาหารเนื่องจากช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้ามีน้ำตาลฟรักโตสร่วมด้วย ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เกี่ยวกับการย่อยผลไม้ แตงโมเป็นผลไม้ที่เร็วที่สุดในการย่อยผลไม้ เนื่องจากแตงโมใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการออกจากกระเพาะอาหาร ลูกพี่ลูกน้องของมัน เช่น แตง ส้ม เกรฟฟรุต กล้วย และองุ่น จะออกจากท้องคุณในเวลาประมาณ 30 นาที หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร ไม่ควรผสมผลไม้กับกับผักเหตุเพราะเวลาในการย่อยอาหารที่แตกต่างกัน การย่อยผัก ผักใช้เวลาย่อยนานกว่าผลไม้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผักกาดหอม แตงกวา พริก มะเขือเทศ และผักอื่นๆ ที่มีน้ำปริมาณมากจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักเคล กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ มักจะย่อยภายใน 40 นาที และแบบช้าๆ ได้แก่ แครอท บีทรูท และผักที่มีรากอื่นๆ จะถูกย่อยภายในเวลาประมาณ 50 นาที ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผักที่มีรากที่เป็นแป้ง เช่น มันฝรั่ง ซึ่งร่วมกับสควอชบัตเตอร์นัท อาร์ติโชค มันเทศ ข้าวโพด ฯลฯ ใช้เวลาในการย่อยถึง 60 นาที การย่อยเมล็ดพืชจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย การย่อยธัญพืชและคาร์โบไฮเดรตต่างๆ จะใช้เวลานานกว่าการแปรรูปผักและผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง บักวีต และข้าวโอ๊ตอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการออกจากท้อง ในขณะที่พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล ถั่วต่างๆ ฯลฯ ใช้เวลามากกว่านั้น – ประมาณสองชั่วโมง การย่อยเนื้อสัตว์ ถ้ากำลังมองหาเนื้อสัตว์ที่ใช้เวลาย่อยน้อยที่สุด ..ปลาที่ไม่มีน้ำมัน (เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล อาหารทะเล ฯลฯ) ซึ่งจะออกจากกระเพาะในเวลาประมาณ 30 นาที ในขณะที่ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาโอ ปลาสวาย แซลมอน ฯลฯ) จะย่อยในเวลาประมาณ 50 นาที เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ใช้เวลาย่อยนานกว่าเนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานถึงสองวัน ไก่และไก่งวงเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุด ในขณะที่เนื้อวัว เนื้อแกะ และโดยเฉพาะเนื้อหมูต้องใช้เวลานานกว่ามากในการย่อยให้เต็มที่ การย่อยนม โดยเฉลี่ยแล้ว นมพร่องมันเนยและชีสไขมันต่ำ (เช่น คอทเทจชีสไขมันต่ำหรือริคอตต้า) จะใช้เวลาย่อย 1.5 ชั่วโมง ในขณะที่คอตเทจชีสจากนมทั้งตัวและซอฟต์ชีสจะออกจากกระเพาะภายใน 2 ชั่วโมง ชีสแข็งจากนมเต็มตัวอาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการย่อยอย่างเหมาะสม ย่อยไข่นานแค่ไหน ไข่แดงจะใช้เวลาย่อย 30 นาที ในขณะที่การย่อยไข่ทั้งฟองจะใช้เวลา 45 นาที เมล็ดพืชและถั่ว เมล็ดพืชที่มีไขมันสูง (เช่น งา ทานตะวัน รวมถึงเมล็ดฟักทอง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการย่อย ถั่วต่างๆ (ถั่วลิสงดิบ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ฯลฯ) ต้องใช้เวลาในการย่อยประมาณ 2.5 ถึง 3 ชั่วโมง เวลาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเป็นเวลาโดยประมาณ พวกเขาอธิบายว่าโดยปกติแล้วอาหารบางประเภทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนกหากประสบการณ์ของคุณแตกต่างไปจากคำอธิบายข้างต้น อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าระบบย่อยอาหารของคุณค่อนข้างเชื่องช้า และหากคุณต้องการป้องกันไม่ให้การย่อยอาหารของคุณช้าลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ค้นหาว่าอาหารชนิดใดที่คุณควรหลีกเลี่ยง อาหารที่ย่อยยาก อาหารทอดที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการย่อยอาหารของคุณและสุขภาพโดยทั่วไป มีสองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากรับประทานอาหารทอด ซึ่งอาจเคลื่อนตัวไปทั่วร่างกายเร็วเกินไปและส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียหรืออยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานจน ส่งผลให้ท้องอืดและรู้สึกอิ่ม ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวนั้นดีต่อการย่อยอาหารเนื่องจากมีไฟเบอร์สูง อย่างไรก็ตาม บางคนอาจประสบปัญหาทางเดินอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้นอย่ารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวมากเกินไปในคราวเดียว น้ำตาลเทียมและฟรุกโตส น้ำตาลเทียมนั้นย่อยยากและมักจะเดินทางผ่านระบบโดยไม่ได้รับการย่อย ดังนั้นจึงไม่ให้สารอาหารแก่ร่างกายมากนัก นอกจากนี้ พวกมันยังส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ที่พบในระบบทางเดินอาหารของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายได้ เมื่อบริโภคน้ำตาลมากเกินไป คุณอาจมีอาการตะคริวและท้องร่วงได้ และเพิ่มน้ำหนักแน่นอน ถั่ว ถั่วเป็นแหล่งอาหารที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากมีโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อาจย่อยยากและมักทำให้เกิดแก๊สรวมถึงเป็นตะคริวเนื่องจากร่างกายของคุณขาดเอนไซม์ที่จำเป็นในการสลายน้ำตาลในนั้น ผักตระกูลกะหล่ำ ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี และอื่นๆ มีน้ำตาลแบบเดียวกับที่พบในถั่ว ดังนั้นจึงย่อยได้ยาก พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบเพราะจะช่วยให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น อาหารรสเผ็ด สำหรับบางคนการย่อยอาหารช้าและอาการเสียดท้องเป็นเรื่องปกติหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด ซึ่งมีสาเหตุมาจากแคปไซซินที่พบในพริก ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์จากนมย่อยยากและช้า จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและสามารถก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย สำหรับผู้ที่แพ้แลคโตส หากคุณไม่สามารถกำจัดอาหารดังกล่าวออกจากอาหารได้ คุณก็ต้องหาเอนไซม์จากภายนอกเพื่อย่อยนมนั้น เนื่องจากเราทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพบผู้ร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาในระบบย่อยอาหาร และวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการบรรลุภารกิจนี้คือการจดบันทึกอาหาร กำจัดอาหารบางชนิดที่คุณสงสัยว่าจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย เมื่อคุณจับฝ่ายที่มีความผิดได้แล้ว ให้หลีกเลี่ยงหรือค้นหาทางเลือกอื่นที่ไม่ทำให้คุณเกิดปัญหา และอาหารชนิดใดที่ย่อยง่าย หากคุณสงสัยว่าจะย่อยอาหารอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงการย่อยช้า ได้อย่างไร ให้เน้นไปที่อาหารที่ย่อยเร็ว เช่น: • ข้าวขาว : หากคุณพยายามหาธัญพืชที่ย่อยง่าย ให้เลือกข้าวขาวและหลีกเลี่ยงข้าวกล้อง สีดำ หรือสีแดง • ไข่ : ไข่ไม่เพียงแต่ปรุงง่าย แต่ยังย่อยง่ายอีกด้วย • มันเทศ : มันเทศเป็นแหล่งของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งย่อยได้ง่ายกว่าเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ และยังเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณด้วย • ไก่ : หากคุณต้องการเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในอาหาร ให้เลือกไก่เพราะเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและใช้เวลาย่อยน้อยลง • ปลา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าใช้เวลาในการย่อยน้อย ปัญหาและเงื่อนไขทางเดินอาหาร หากคุณเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหารของคุณแต่ยังคงมีอาการอาหารไม่ย่อยอยู่บ้าง คุณอาจมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภทหรือแม้กระทั่งต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประจำตัว หากปัญหาของคุณมีเพียงกรดไหลย้อน ท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูกมีลมในท้อง ท้องร่วง และอื่นๆ เป็นครั้งคราว ก็มักจะไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นค่อนข้างสม่ำเสมอหรือกลายเป็นโรคเรื้อรัง ควรแน่ใจว่าคุณติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด นี่เป็นเพียงเงื่อนไขบางประการที่อาจทำให้เกิดอาการของคุณ: แพ้แลคโตส ผลิตภัณฑ์นมอาจย่อยยากสำหรับผู้ที่ขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยน้ำตาลที่พบในนมและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในท้อง และท้องอืด โรค Celiac กลูเตนในอาหารที่มีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์เป็นสาเหตุของปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซลิแอก ร่างกายของพวกเขาระบุว่ากลูเตนเป็นสิ่งแปลกปลอมและตอบสนองโดยการโจมตีโปรตีนนี้และทำลายลำไส้ทันทีที่กลูเตนไปถึงลำไส้เล็ก หากคุณมีอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า ท้องอืดและปวดท้อง ท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุจจาระมีกลิ่นเหม็นหรือดูเป็นไขมัน และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณอาจเป็นโรคเซลิแอก กรดไหลย้อน กรดไหลย้อนเป็นอาการทางการแพทย์ทั่วไปที่เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนเข้าไปในปาก หากกรดไหลย้อนปรากฏในรูปแบบเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้น คุณมีอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างปิดไม่สนิท แต่ถ้าหูรูดคุณทำงานได้ดีแต่ในระบบคุณมีแก๊ส แก๊สเหล่านี้ก็จะหาทางไปที่อื่น ซึ่ง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่าไหล่ ชามือ อาการนี้อาจสร้างความรำคาญแต่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวมากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ หากเป็นกรณีนี้ โปรดติดต่อ ผู้เชี่ยวชาญของคุณเนื่องจากคุณอาจได้รับผลกระทบจากโรคกรดไหลย้อนจริงๆ อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) ภาวะนี้ทำให้ลำไส้ระคายเคืองและมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น ตะคริว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และมีแก๊สในช่องท้อง เช่นเดียวกับโรค Celiac การเปลี่ยนแปลงอาหารสามารถช่วยให้คุณรักษาอาการให้สมดุลได้ บทสรุป จะเห็นได้ว่าอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรกินอาหารตามลำดับ วิธีการที่ดี ให้เริ่มต้นที่ผักร้อยละ 40 ตามด้วยข้าวหรือแป้งขัดขาว ไม่ว่าจะเป็นเส้นขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นต่างๆ แล้วค่อยตามด้วยโปรตีน จากนั้นปล่อยให้ไขมันเป็นลำดับสุดท้าย วิธีการนี้ร่างกายคุณจะย่อยตามลำดับและสิ่งที่คุณกินเข้าไปจะไม่ถูกหมักหมมจนทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21/2/68

    วันนี้ช่วงเวลา 11 โมงไปถึงวัดตลาดศาลเจ้า ปทุมธานี ไปทานก๋วยเตี๋ยวหมูถูกมากชามละ 25& 30฿

    ได้ซื้อขนมหลายๆอย่าง รวมถึงห่อหมกตาเรศ

    ก่อนกลับแวะไปกราบอากงเซียนแปะโรงสี
    ได้เป็นผลไม้ที่ไหว้อากงมา 1 ถุง
    เอาบุญมาฝากกัลยามิตรทุกท่าน ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ร่ำรวยเงินทอง&ความดีงามกันทั่วทุกๆท่านนะคะ
    สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
    21/2/68 วันนี้ช่วงเวลา 11 โมงไปถึงวัดตลาดศาลเจ้า ปทุมธานี ไปทานก๋วยเตี๋ยวหมูถูกมากชามละ 25& 30฿ ได้ซื้อขนมหลายๆอย่าง รวมถึงห่อหมกตาเรศ ก่อนกลับแวะไปกราบอากงเซียนแปะโรงสี ได้เป็นผลไม้ที่ไหว้อากงมา 1 ถุง เอาบุญมาฝากกัลยามิตรทุกท่าน ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ร่ำรวยเงินทอง&ความดีงามกันทั่วทุกๆท่านนะคะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • 6 ร้านใหม่..เชียงใหม่
    1. คั่วไก่นิมมาน 2. Mooh Doughnuts 3. ก๋วยเตี๋ยว3บาท
    4. ร้านสุขพอดี 5. SIAMAYA 6. โกโก้เจ้มจ้น
    6 ร้านใหม่..เชียงใหม่ 1. คั่วไก่นิมมาน 2. Mooh Doughnuts 3. ก๋วยเตี๋ยว3บาท 4. ร้านสุขพอดี 5. SIAMAYA 6. โกโก้เจ้มจ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • น้ำมันพริก 辣椒油 làjiāo yóu
    คือ เครื่องปรุงอาหารที่ทำจากน้ำมันพืชที่ผสมกับพริก เป็นที่นิยมใช้กับอาหารจีน เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และที่อื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารเสฉวนจะใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารหรือใช้เป็นเครื่องปรุงทีหลัง บางครั้งใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับเนื้อสัตว์และติ่มซำ นอกจากนี้ยังใช้ใส่ในก๋วยเตี๋ยวจัมปง ซึ่งเป็นอาหารจีนแบบอย่างเกาหลีอีกด้วย
    น้ำมันพริก 辣椒油 làjiāo yóu คือ เครื่องปรุงอาหารที่ทำจากน้ำมันพืชที่ผสมกับพริก เป็นที่นิยมใช้กับอาหารจีน เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และที่อื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารเสฉวนจะใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารหรือใช้เป็นเครื่องปรุงทีหลัง บางครั้งใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับเนื้อสัตว์และติ่มซำ นอกจากนี้ยังใช้ใส่ในก๋วยเตี๋ยวจัมปง ซึ่งเป็นอาหารจีนแบบอย่างเกาหลีอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง TEXAS เยาวราช
    ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง TEXAS เยาวราช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • โรงเตี๊ยมสีแดง ในปั๊ม ปตท.
    https://maps.app.goo.gl/P6FMcQELX91nnw887
    ก๋วยเตี๋ยว ติ่มซำ ที่ เชียงใหม่-ลำพูน(สายเก่า)
    โรงเตี๊ยมสีแดง ในปั๊ม ปตท. https://maps.app.goo.gl/P6FMcQELX91nnw887 ก๋วยเตี๋ยว ติ่มซำ ที่ เชียงใหม่-ลำพูน(สายเก่า)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ร้าน(ลับ) ออยก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น
    ซอยโรงเรียนพิงครัตน์ สันป่าข่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    https://maps.app.goo.gl/RuQxkvgDAK4Twbw69
    ร้าน(ลับ) ออยก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น ซอยโรงเรียนพิงครัตน์ สันป่าข่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ https://maps.app.goo.gl/RuQxkvgDAK4Twbw69
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวมหาชัยนายสมบูรณ์ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #หิว #กินเก่ง #ชวนชิม #พาชิม #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวมหาชัยนายสมบูรณ์ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #หิว #กินเก่ง #ชวนชิม #พาชิม #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • อีพีม มือสาดน้ำก๋วยเตี๋ยวเดือด พ้นสภาพนศ.ม.กรุงเทพแล้ว เพื่อรับสภาพ นช.แทน เตรียมเป็นดาว
    แดน๑
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    อีพีม มือสาดน้ำก๋วยเตี๋ยวเดือด พ้นสภาพนศ.ม.กรุงเทพแล้ว เพื่อรับสภาพ นช.แทน เตรียมเป็นดาว แดน๑ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • สูตร น้ำก๋วยเตี๋ยว

    ผงรากผักชี 8g รากขึ้นฉ่าย 40g พริกไทยดำเม็ด 7.5g ผงชวงเจีย 79 ผงยี่หร่า 3g หอมแขก 135g หอมใหญ่ 125g ข่า 50g เห็ดหอมสด 70g ใบกระวาน 6 ใบ ใบเตย 189
    *คั่วเครื่องเทศทุกอย่างให้มีกลิ่นหอม*
    ----------------------------
    เหล้า 40ml น้ำสะอาด 600ml น้ำตาลกรวด 150g ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมเด็กสมบูรณ์ 100g ซอสภูเขาทอง 110g น้ำมันหอยสามแม่ครัว 100g ผงปรุงรสฟ้าไทย 30g ผงปรุงรสเห็ดหอม 40g
    -----------------------------
    สูตร น้ำก๋วยเตี๋ยว ผงรากผักชี 8g รากขึ้นฉ่าย 40g พริกไทยดำเม็ด 7.5g ผงชวงเจีย 79 ผงยี่หร่า 3g หอมแขก 135g หอมใหญ่ 125g ข่า 50g เห็ดหอมสด 70g ใบกระวาน 6 ใบ ใบเตย 189 *คั่วเครื่องเทศทุกอย่างให้มีกลิ่นหอม* ---------------------------- เหล้า 40ml น้ำสะอาด 600ml น้ำตาลกรวด 150g ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมเด็กสมบูรณ์ 100g ซอสภูเขาทอง 110g น้ำมันหอยสามแม่ครัว 100g ผงปรุงรสฟ้าไทย 30g ผงปรุงรสเห็ดหอม 40g -----------------------------
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ 3อ.รสเด็ด #สมุทรปราการ #ชวนชิม #กินเก่ง #พาชิม #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #กินอะไรดี #หิว #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ 3อ.รสเด็ด #สมุทรปราการ #ชวนชิม #กินเก่ง #พาชิม #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #กินอะไรดี #หิว #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูป้าเล็ก #พาชิม #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #กินอะไรดี #หิว #food #thaifood #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูป้าเล็ก #พาชิม #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #กินอะไรดี #หิว #food #thaifood #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือบางหัวเสือ (สูตรโบราณ) #สมุทรปราการ #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #ร้านอร่อย #กินเก่ง #ชวนชิม #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือบางหัวเสือ (สูตรโบราณ) #สมุทรปราการ #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #ร้านอร่อย #กินเก่ง #ชวนชิม #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวศรีลักษณ์ Ep.2 #สมุทรปราการ #พาชิม #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อาหารไทย #ครัวไทย #ร้านอร่อย #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวศรีลักษณ์ Ep.2 #สมุทรปราการ #พาชิม #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อาหารไทย #ครัวไทย #ร้านอร่อย #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 832 มุมมอง 7 0 รีวิว
Pages Boosts