• ๑๓๘) ที่กล่าวว่าอามิสทานเป็นปัจจัยแห่งพระนิพพาน ก็เพราะว่าการให้ทานเป็นการตัดกิเลสร้ายตัวต้นตัวหนึ่ง ที่เราเรียกว่า โลภะ ให้สิ้นไป ให้ทานครั้งหนึ่ง โลภะมันก็แหว่งไปหน่อยหนึ่ง ให้ทาน ๒ ครั้ง ความโลภ โลภแหว่งไปอีกนิดหนึ่ง แหว่งไปทุกครั้ง ๆ ที่เราให้ ในที่สุดถ้าให้บ่อย ๆ ให้ด้วยการมีใจ ไม่ยึดถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรา เป็นของเรา เราให้ด้วยการสงเคราะห์อย่างนี้ชื่อว่าให้ด้วยการบริจาคเป็นการตัดสินใจแท้ของทาน อันนี้องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงกล่าวว่า เป็นกิริยาที่ตัดโลภะความโลภ ถ้าเราตัดโลภะความโลภเสียได้ตัวหนึ่งแล้ว ก็ชื่อว่าใกล้พระนิพพานเข้าไป

    คนที่จะถึงพระนิพพานไม่ได้ก็เพราะมีกิเลสใหญ่ ๓ ตัวประจำอยู่หรือประจำใจ ได้แก่ โลภะ ความโลภหนึ่ง โทสะ ความโกรธหรือการพยาบาท จองล้างจองผลาญหนึ่ง แล้วก็ โมหะ ความหลงหนึ่ง มี ๓ ตัวนี่เท่านั้นที่จะกั้นคนให้เข้าถึงพระนิพพานไม่ได้ ถ้าบุคคลใดทำลายกิเลสทั้ง ๓ ประการนี้ได้หมดเมื่อไร ก็เป็นพระอรหันต์เมื่อนั้น เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วตายแล้วก็เข้าสู่พระนิพพาน เป็นแดนแห่งความสุข หาความทุกข์ไม่ได้ นี่ว่ากันส่วนอามิสทาน ทานที่ ๒

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๕ หน้าที่ ๖๙ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    ๑๓๘) ที่กล่าวว่าอามิสทานเป็นปัจจัยแห่งพระนิพพาน ก็เพราะว่าการให้ทานเป็นการตัดกิเลสร้ายตัวต้นตัวหนึ่ง ที่เราเรียกว่า โลภะ ให้สิ้นไป ให้ทานครั้งหนึ่ง โลภะมันก็แหว่งไปหน่อยหนึ่ง ให้ทาน ๒ ครั้ง ความโลภ โลภแหว่งไปอีกนิดหนึ่ง แหว่งไปทุกครั้ง ๆ ที่เราให้ ในที่สุดถ้าให้บ่อย ๆ ให้ด้วยการมีใจ ไม่ยึดถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรา เป็นของเรา เราให้ด้วยการสงเคราะห์อย่างนี้ชื่อว่าให้ด้วยการบริจาคเป็นการตัดสินใจแท้ของทาน อันนี้องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงกล่าวว่า เป็นกิริยาที่ตัดโลภะความโลภ ถ้าเราตัดโลภะความโลภเสียได้ตัวหนึ่งแล้ว ก็ชื่อว่าใกล้พระนิพพานเข้าไป คนที่จะถึงพระนิพพานไม่ได้ก็เพราะมีกิเลสใหญ่ ๓ ตัวประจำอยู่หรือประจำใจ ได้แก่ โลภะ ความโลภหนึ่ง โทสะ ความโกรธหรือการพยาบาท จองล้างจองผลาญหนึ่ง แล้วก็ โมหะ ความหลงหนึ่ง มี ๓ ตัวนี่เท่านั้นที่จะกั้นคนให้เข้าถึงพระนิพพานไม่ได้ ถ้าบุคคลใดทำลายกิเลสทั้ง ๓ ประการนี้ได้หมดเมื่อไร ก็เป็นพระอรหันต์เมื่อนั้น เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วตายแล้วก็เข้าสู่พระนิพพาน เป็นแดนแห่งความสุข หาความทุกข์ไม่ได้ นี่ว่ากันส่วนอามิสทาน ทานที่ ๒ จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๕ หน้าที่ ๖๙ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เห็นจะเป็นเพราะรัก
    #มนันยา
    #เรื่องสั้น
    #ของขวัญ
    #ของขวัญวันคริสต์มาส
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน

    วันก่อนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นรวมเรื่องสั้นแนวความรัก ในเล่มมี 27 เรื่องแปลจากฝั่งตะวันตกโดยสำนวนของมนันยา มีภาพประกอบสีสวยการ์ตูนแฟชั่นทุกเรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นรักของชายหญิงหลากหลายอาชีพ หลายวัย ที่มีรูปแบบการแสดงออกอย่างชาวตะวันตก ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อินมากด้วยความที่แต่ละเรื่องไม่ยาวเท่าไร จึงไม่มีรายละเอียดมากพอจะทำให้รู้สึกเอาใจช่วยไปกับตัวละครในเรื่องนัก มีที่ชอบอยู่บ้าง แต่มีเรื่องหนึ่งประทับใจมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในเนื้อหานั้นไม่มีความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาวที่ดิ้นรนแสวงหาคนเพื่อมาอยู่ข้างกายเลย แต่ความรักที่ปรากฏในเรื่องนี้ช่างงดงามและสร้างพลัง ช่วยชุบชูจิตใจให้รู้สึกอบอุ่น และมีหวังต่อโลกใบนี้ขึ้นมาไม่น้อย

    ตอนดังกล่าวนี้คือเรื่องแรกของเล่มที่มีชื่อว่า ของขวัญ

    เรื่องมีว่า ชายสูงวัยที่สูญเสียเมียที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีไป ทำให้เขาทนอยู่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับเธอไม่ได้ จึงขายแล้วย้ายมาซื้อบ้านหลังเล็กสำหรับคนเดียว ในตำบลอันห่างไกลริมชายฝั่งซึ่งไร้คนรู้จัก ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบร่วมกิจกรรมเข้าสังคมโดยเฉพาะในวันคริสต์มาสและช่วงเทศกาลที่เขาไม่ชอบอย่างยิ่ง เห็นเป็นความสิ้นเปลือง มีแต่กินแล้วก็มอบของขวัญให้กัน ทำให้ห่างไกลใจความสำคัญและความหมายแท้จริง เขาไม่เห็นด้วยกับการให้ของตามใจที่เด็กอยากได้ เพราะสร้างนิสัยให้เด็กคิดว่าต้องได้ของขวัญเสมอในวันคริสต์มาส เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้เกลียดวันคริสต์มาสอย่างตาเฒ่าสครูจใน A Christmas Carol จนวิญญาณเพื่อนเก่าที่ตายไปชื่อ เจค็อบ มาร์เลย์ ต้องมาเตือน

    วันคริสต์มาสที่จะมาถึงในคืนนั้น ช่วงกลางวันเขาออกไปซื้อของที่สโตร์ห่างไปไม่ไกล ซึ่งคุ้นเคยกับหญิงเจ้าของร้านอยู่บ้างเพราะต้องมาซื้อข้าวของบ่อย ตอนเดินเข้าไปหญิงเจ้าของร้านยิ้มแย้มต้อนรับ ชวนคุยเกี่ยวกับหุ่นจำลองนกแก้วขนาดยักษ์ที่แขวนห้อยอยู่บนเพดานกลางร้านซึ่งมีสีสันสดสวยและปีกยาวใหญ่ เธอบอกว่าจะให้เป็นของขวัญคริสต์มาส สำหรับผู้ที่ซื้อของปอนด์หนึ่งจะได้รับการเขียนชื่อไว้จับสลาก1 ใบ แล้วเธอจะเขียนชื่อลงในบัตรให้เขาด้วย ชายชราที่นึกรังเกียจเจ้านกยักษ์จำต้องเออออไปกับเธอ บอกว่าเขาเป็นคนไร้โชคมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยถูกรางวัลใด ๆ คงไม่มีหวังหรอก

    หลังเขากลับมาบ้านและกำลังพักผ่อนตามสบายนั้น โทรศัพท์จากหญิงเจ้าของร้านดังขึ้น เมื่อเขารับ เธอบอกด้วยความดีใจว่าเขาต้องไม่เชื่อแน่เลยว่าชื่อที่จับสลากได้นกแก้วตัวนั้นก็คือเขา เธอขอให้เขาขับรถมานำของขวัญกลับบ้าน นี่เป็นเหมือนทุกขลาภที่ตนไม่อยากได้แต่ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ ด้วยเธอคือบุคคลหนึ่งในจำนวนน้อยนิดเพียงไม่กี่คนที่เขารู้จัก ต้องรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ จึงจำใจขับรถกลับไปรับนกแก้วยักษ์ขนาด 6 ฟุตตัวนั้น เมื่อเอาเข้าไปไว้ในรถก็เต็มที่ว่างจนชนกระจก เขาใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะกำจัดมันได้อย่างไร จะเอาทิ้งทันทีไม่ได้แน่ของใหญ่อย่างนี้ ไม่นานจะรู้ถึงหูเจ้าของร้าน

    ในที่สุดเขานึกออก ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปสถานเลี้ยงเด็กซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมอยู่ในที่ประชุม และมีคนเสนอให้ขายที่ดินว่างเปล่า แต่เขาคัดค้านเพราะจะทำให้เด็ก ๆ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่น เมื่อไปถึงสถานเลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลหญิงเอ่ยทักทาย เธอจำได้ว่าชายชราคือบุคคลหนึ่งซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ยังมีพื้นที่กลางแจ้งไว้สันทนาการ เขารีบบอกว่านำนกแก้วยักษ์มามอบให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแก่เด็ก ๆ (ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวมาก่อน) แต่ผู้ดูแลสาวจำต้องกล่าวปฏิเสธ แม้จะซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเขามากเพราะนกนั้นตัวใหญ่เกินไป

    เธอเล่าว่าถ้าเป็นไก่งวงตัวใหญ่ที่กินได้จะรีบรับไว้เลย ด้วยเหตุว่าทางสถานเลี้ยงเด็กไม่มีเงินมากพอจะจัดอาหารเลี้ยงในคืนวันคริสต์มาส ชายชราจึงควักธนบัตรหลายใบที่มีมูลค่ามากพอสมควรยื่นให้ผู้ดูแล พร้อมบอกว่าขอเป็นเจ้าภาพอุปการะการกินเลี้ยงของเด็ก แม้นเธอจะไม่กล้ารับแต่เขายืนยันบอกว่าตนเองมีพอไม่เดือดร้อน และกำชับว่าช่วยจัดอาหารดี ๆ ให้พวกเขาด้วย สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ แล้วแบกนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถ ขับต่อไปพลางคิดว่าจะกำจัดมันไปที่ไหนดี

    เขานึกถึงโรงเรียนอนุบาล เด็กเล็กต้องชอบแน่เขามั่นใจ จึงมุ่งหน้าไปถึงโรงเรียน จอดรถและแบกนกยักษ์เข้าไป เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงจึงตรงเข้าไปถามว่าเธอคือครูใช่ไหม หญิงสาวบอกชื่อและทักทายชายชรา เธอจำได้ว่าเขาคือคนบริจาคเงินให้โรงเรียนตอนที่จัดซื้อรถมินิบัส เขาแปลกใจที่มีคนจำเรื่องนั้นได้ ความจริงเขาทราบจากหญิงเจ้าของร้านขายของว่าโรงเรียนลำบากในการเดินทางพาเด็กไปว่ายน้ำในสระที่อยู่อีกตำบลซึ่งห่างไกล เขาจำได้ว่าตอนเมียยังมีชีวิตมักพูดว่าถ้าชาวบ้านช่วยโรงเรียนได้ก็ควรช่วย เขาจึงบริจาคช่วยไปโดยไม่คิดอะไร

    ครูสาวจำต้องปฏิเสธนกแก้วยักษ์เช่นกัน เธอบอกว่าโรงเรียนคับแคบไม่มีที่พอจะแขวน ลำพังเด็ก35คนวิ่งไปมาก็แทบแย่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะขนนกกลับ เด็กหลายคนมองมาเห็นเข้าจึงพากันเข้ามารุมล้อมชื่นชมนกแก้วตัวใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย พลางแข่งกันถามมากมายเช่นว่า

    มันกัดไหมค่ะ

    มันบินได้หรือเปล่าฮะ

    ขอผมดูหน่อย

    ขอหนูจับหน่อยนะคะ

    นุ่มไหมฮะ

    ที่สุดครูก็ไม่สามารถจะห้ามเด็กได้ จึงยอมให้เขานำนกเข้าไปในห้องเรียนครู่หนึ่งเพื่อให้เด็กทุกคนได้ชื่นชม จับต้อง เด็กกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

    " ซ้วยสวย.. ตัวมันใหญ่นะ.."

    ครูสาวถือโอกาสสอนเรื่องสีโดยถามเด็ก ๆ ว่าส่วนต่าง ๆ ของนกแก้วสีอะไรบ้าง เด็กแต่ละคนพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลาให้เขาอยู่นานที่สุด โดยเรียกไปชมต้นไม้ที่เขาทำ งานประดิษฐ์ที่อยากอวด ชายชราชมของทุกชิ้นของเด็ก ๆ ก่อนจะนำนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถและนึกหาสถานที่ใหม่ จะมีที่ไหนอีกหนอ

    เขานึกได้ถึงหญิงที่รับจ้างซักรีดให้ตนที่ยากจนและมีลูก 2 คน เมื่อไปถึงบ้านของเธอก็ได้พบว่าเล็กยังกับรูหนู ไม่มีทางเลยที่จะมีที่ให้แขวนนกได้ แม่ของเด็กพูดว่า จะเป็นของอะไรก็ดีทั้งนั้นถ้าวางใต้ต้นคริสต์มาส แต่สามีเธอตกงานมา 3 สัปดาหืแล้ว เธอพยายามหาเงินจนพอซื้อไก่งวงตัวหนึ่ง และวัตถุดิบทำพายได้สัก 2-3 ชิ้น นั่นคือทั้งหมดที่พอจะมีในคืนคริสต์มาสนี้ สามีไม่ยอมให้กู้ยืมใคร ลูกทั้งสองอยากได้จักรยานมานาน แต่เธอต้องสอนให้เขารู้ว่าการอยากได้ กับการได้รับนั้นต่างกัน

    ชายชราบอกว่าเด้กสองคนนิสัยดี สภาพ มักวิ่งมาเปิดประตูรถให้เขาเสมอ ให้เขาเป็นซานต้าให้เด็ก ๆ แล้วกัน พลางหยิบสมุดเช็กออกมาเขียน บอกกับคนเป็นแม่ว่า ซื้อจักรยานดี ๆ ที่เขาอยากได้ให้พวกเด็กคนละคันนะ หญิงสาวไม่กล้ารับ บอกว่าสามีเธอไม่ชอบให้รับบริจาค เขาเกลียดการขอ ชายชราตัดบทว่าเหลวไหล ให้บอกสามีว่าเขาเป็นคนเคี่ยวเข็ยเองให้รับ เพราะเขาไม่มีลูกเลย จากนั้นก็แบกนกแก้วยักษ์ยัดกลับเข้ารถตรงกลับบ้าน บัดนี้เขาไม่รู้จะเอามันไปให้ใคร ไม่สนใจแล้วว่าเจ้าของร้านที่ให้นกมาจะคิดอย่างไร เขาจะเอามันไปโยนลงถังขยะ แต่ถังก้เล้กเกิน เขาจึงจำใจเอานกตัวนั้นกลับบ้านวางกองไว้ในห้องรับแขก พรุ่งนี้ค่อยหาทาง

    เขาพักผ่อนกินของว่าง ชงกาแฟดื่ม ขระที่ดวงตานกยักษืมองจ้องมาตลอดเวลา สุดท้ายเขาจึงคิดว่าปล่อยมันบนพื้นอย่างนี้คงไม่ดี เพราะไม่อยากถูกจ้อง จึงทำห่วงแล้วเอามันห้อยแขวนไว้ชั่วคราว แล้วเขาก้ได้ยินเสียงบางอย่างนอกบ้าน มองออกไปเห็นรถสถานเลี้ยงเด็กมาจอด เด็ก ๆ กรูลงมายืนร้องเพลง โอ ลิตเติลทาวน์ ออฟ เบธเลเฮม ทำเอาหัวใจเขาแปลบ จึงเปิดประตูให้เด็ก ๆ เข้ามา เด็ก ๆ ร้องไซเลนไนท์ ต่อด้วย วี วิช ยู เอ เมอร์รี คริสต์มาส ชายชราสั่งน้ำมูก ผู้ดูแลบอกว่าเด็ก ๆ อยากมาร้องเพลงเพื่อขอบคุณ ทุกคนเข้าไปจับนกที่ห้อยอยู่ก่อนจะกลับ

    ครู่เดียวต่อมา เด็กชายสองคนมาเคาะประตุด้วยความตื่นเต้น เขาเอาพายมาให้ชายชราพร้อมบอกว่า สวัสดีวันคริสต์มาส แม่เด็กยืนโบกมืออยู่ตรงรั้วและกล่าวประโยคเดียวกับลูกของเธอ ชายชราก้มลงบอกว่า หวังว่าวานต้าจะนำของที่หนุอยากได้มาให้นะ แล้วก็ฉงนใจตัวเองนี่เขากำลังทำให้เด็กเกิดความโลภหรือไม่

    เขากลับเข้าบ้านพร้อมจานพานในมือ คุยกับนกแก้วยักษืว่าเสียใจด้วยนะที่แกกินไม่ได้ ต่อจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอีก คุรครูจากโรงเรียนอนุบาลและเด็ก 4 คน เธอบอกว่าเด็ก ๆ อยากทำอะไรเพื่อให้เขารู้ว่านกแก้วตัวนั้นวิเศษเพียงใดก้เลยวาดรูปมาให้ แล้วก็สวัสดีวันคริสต์มาส ชายชราซาบซึ้งบอกว่าเข้ามาก่อนสิ เขาจะเอาภาพติดฝาผนัง

    เด็กหญิงคนหนึ่งเข้าไปยืนหน้านก ชื่นชมว่านกสวยอย่างไร และแกใช้ทุกสีในการวาด ถึงตอนครูจะพากลับ เด็กหญิงหันมาเปรยบอกหูคิดว่ามันอยากเป็นเพื่อนกับหนู ชายชราเห็นด้วย เด็กหญิงพูดต่อว่า ถ้าจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักชื่อด้วย ชายชรานิ่งอึ้ง หันไปมองเจ้านกแก้วยักษ์ เหมือนมันจะมองตอบแล้วส่งกระแสอะไรบางอย่าง เขาคิดว่ารู้แล้วว่านกชื่ออะไรจึงยิ้มให้เด็กน้อย พลางตอบว่า

    มันชื่อเจค็อบจ้ะ ..เจค็อบ มาร์เลย์
    #เห็นจะเป็นเพราะรัก #มนันยา #เรื่องสั้น #ของขวัญ #ของขวัญวันคริสต์มาส #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน วันก่อนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นรวมเรื่องสั้นแนวความรัก ในเล่มมี 27 เรื่องแปลจากฝั่งตะวันตกโดยสำนวนของมนันยา มีภาพประกอบสีสวยการ์ตูนแฟชั่นทุกเรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นรักของชายหญิงหลากหลายอาชีพ หลายวัย ที่มีรูปแบบการแสดงออกอย่างชาวตะวันตก ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อินมากด้วยความที่แต่ละเรื่องไม่ยาวเท่าไร จึงไม่มีรายละเอียดมากพอจะทำให้รู้สึกเอาใจช่วยไปกับตัวละครในเรื่องนัก มีที่ชอบอยู่บ้าง แต่มีเรื่องหนึ่งประทับใจมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในเนื้อหานั้นไม่มีความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาวที่ดิ้นรนแสวงหาคนเพื่อมาอยู่ข้างกายเลย แต่ความรักที่ปรากฏในเรื่องนี้ช่างงดงามและสร้างพลัง ช่วยชุบชูจิตใจให้รู้สึกอบอุ่น และมีหวังต่อโลกใบนี้ขึ้นมาไม่น้อย ตอนดังกล่าวนี้คือเรื่องแรกของเล่มที่มีชื่อว่า ของขวัญ เรื่องมีว่า ชายสูงวัยที่สูญเสียเมียที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีไป ทำให้เขาทนอยู่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับเธอไม่ได้ จึงขายแล้วย้ายมาซื้อบ้านหลังเล็กสำหรับคนเดียว ในตำบลอันห่างไกลริมชายฝั่งซึ่งไร้คนรู้จัก ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบร่วมกิจกรรมเข้าสังคมโดยเฉพาะในวันคริสต์มาสและช่วงเทศกาลที่เขาไม่ชอบอย่างยิ่ง เห็นเป็นความสิ้นเปลือง มีแต่กินแล้วก็มอบของขวัญให้กัน ทำให้ห่างไกลใจความสำคัญและความหมายแท้จริง เขาไม่เห็นด้วยกับการให้ของตามใจที่เด็กอยากได้ เพราะสร้างนิสัยให้เด็กคิดว่าต้องได้ของขวัญเสมอในวันคริสต์มาส เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้เกลียดวันคริสต์มาสอย่างตาเฒ่าสครูจใน A Christmas Carol จนวิญญาณเพื่อนเก่าที่ตายไปชื่อ เจค็อบ มาร์เลย์ ต้องมาเตือน วันคริสต์มาสที่จะมาถึงในคืนนั้น ช่วงกลางวันเขาออกไปซื้อของที่สโตร์ห่างไปไม่ไกล ซึ่งคุ้นเคยกับหญิงเจ้าของร้านอยู่บ้างเพราะต้องมาซื้อข้าวของบ่อย ตอนเดินเข้าไปหญิงเจ้าของร้านยิ้มแย้มต้อนรับ ชวนคุยเกี่ยวกับหุ่นจำลองนกแก้วขนาดยักษ์ที่แขวนห้อยอยู่บนเพดานกลางร้านซึ่งมีสีสันสดสวยและปีกยาวใหญ่ เธอบอกว่าจะให้เป็นของขวัญคริสต์มาส สำหรับผู้ที่ซื้อของปอนด์หนึ่งจะได้รับการเขียนชื่อไว้จับสลาก1 ใบ แล้วเธอจะเขียนชื่อลงในบัตรให้เขาด้วย ชายชราที่นึกรังเกียจเจ้านกยักษ์จำต้องเออออไปกับเธอ บอกว่าเขาเป็นคนไร้โชคมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยถูกรางวัลใด ๆ คงไม่มีหวังหรอก หลังเขากลับมาบ้านและกำลังพักผ่อนตามสบายนั้น โทรศัพท์จากหญิงเจ้าของร้านดังขึ้น เมื่อเขารับ เธอบอกด้วยความดีใจว่าเขาต้องไม่เชื่อแน่เลยว่าชื่อที่จับสลากได้นกแก้วตัวนั้นก็คือเขา เธอขอให้เขาขับรถมานำของขวัญกลับบ้าน นี่เป็นเหมือนทุกขลาภที่ตนไม่อยากได้แต่ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ ด้วยเธอคือบุคคลหนึ่งในจำนวนน้อยนิดเพียงไม่กี่คนที่เขารู้จัก ต้องรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ จึงจำใจขับรถกลับไปรับนกแก้วยักษ์ขนาด 6 ฟุตตัวนั้น เมื่อเอาเข้าไปไว้ในรถก็เต็มที่ว่างจนชนกระจก เขาใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะกำจัดมันได้อย่างไร จะเอาทิ้งทันทีไม่ได้แน่ของใหญ่อย่างนี้ ไม่นานจะรู้ถึงหูเจ้าของร้าน ในที่สุดเขานึกออก ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปสถานเลี้ยงเด็กซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมอยู่ในที่ประชุม และมีคนเสนอให้ขายที่ดินว่างเปล่า แต่เขาคัดค้านเพราะจะทำให้เด็ก ๆ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่น เมื่อไปถึงสถานเลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลหญิงเอ่ยทักทาย เธอจำได้ว่าชายชราคือบุคคลหนึ่งซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ยังมีพื้นที่กลางแจ้งไว้สันทนาการ เขารีบบอกว่านำนกแก้วยักษ์มามอบให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแก่เด็ก ๆ (ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวมาก่อน) แต่ผู้ดูแลสาวจำต้องกล่าวปฏิเสธ แม้จะซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเขามากเพราะนกนั้นตัวใหญ่เกินไป เธอเล่าว่าถ้าเป็นไก่งวงตัวใหญ่ที่กินได้จะรีบรับไว้เลย ด้วยเหตุว่าทางสถานเลี้ยงเด็กไม่มีเงินมากพอจะจัดอาหารเลี้ยงในคืนวันคริสต์มาส ชายชราจึงควักธนบัตรหลายใบที่มีมูลค่ามากพอสมควรยื่นให้ผู้ดูแล พร้อมบอกว่าขอเป็นเจ้าภาพอุปการะการกินเลี้ยงของเด็ก แม้นเธอจะไม่กล้ารับแต่เขายืนยันบอกว่าตนเองมีพอไม่เดือดร้อน และกำชับว่าช่วยจัดอาหารดี ๆ ให้พวกเขาด้วย สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ แล้วแบกนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถ ขับต่อไปพลางคิดว่าจะกำจัดมันไปที่ไหนดี เขานึกถึงโรงเรียนอนุบาล เด็กเล็กต้องชอบแน่เขามั่นใจ จึงมุ่งหน้าไปถึงโรงเรียน จอดรถและแบกนกยักษ์เข้าไป เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงจึงตรงเข้าไปถามว่าเธอคือครูใช่ไหม หญิงสาวบอกชื่อและทักทายชายชรา เธอจำได้ว่าเขาคือคนบริจาคเงินให้โรงเรียนตอนที่จัดซื้อรถมินิบัส เขาแปลกใจที่มีคนจำเรื่องนั้นได้ ความจริงเขาทราบจากหญิงเจ้าของร้านขายของว่าโรงเรียนลำบากในการเดินทางพาเด็กไปว่ายน้ำในสระที่อยู่อีกตำบลซึ่งห่างไกล เขาจำได้ว่าตอนเมียยังมีชีวิตมักพูดว่าถ้าชาวบ้านช่วยโรงเรียนได้ก็ควรช่วย เขาจึงบริจาคช่วยไปโดยไม่คิดอะไร ครูสาวจำต้องปฏิเสธนกแก้วยักษ์เช่นกัน เธอบอกว่าโรงเรียนคับแคบไม่มีที่พอจะแขวน ลำพังเด็ก35คนวิ่งไปมาก็แทบแย่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะขนนกกลับ เด็กหลายคนมองมาเห็นเข้าจึงพากันเข้ามารุมล้อมชื่นชมนกแก้วตัวใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย พลางแข่งกันถามมากมายเช่นว่า มันกัดไหมค่ะ มันบินได้หรือเปล่าฮะ ขอผมดูหน่อย ขอหนูจับหน่อยนะคะ นุ่มไหมฮะ ที่สุดครูก็ไม่สามารถจะห้ามเด็กได้ จึงยอมให้เขานำนกเข้าไปในห้องเรียนครู่หนึ่งเพื่อให้เด็กทุกคนได้ชื่นชม จับต้อง เด็กกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ " ซ้วยสวย.. ตัวมันใหญ่นะ.." ครูสาวถือโอกาสสอนเรื่องสีโดยถามเด็ก ๆ ว่าส่วนต่าง ๆ ของนกแก้วสีอะไรบ้าง เด็กแต่ละคนพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลาให้เขาอยู่นานที่สุด โดยเรียกไปชมต้นไม้ที่เขาทำ งานประดิษฐ์ที่อยากอวด ชายชราชมของทุกชิ้นของเด็ก ๆ ก่อนจะนำนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถและนึกหาสถานที่ใหม่ จะมีที่ไหนอีกหนอ เขานึกได้ถึงหญิงที่รับจ้างซักรีดให้ตนที่ยากจนและมีลูก 2 คน เมื่อไปถึงบ้านของเธอก็ได้พบว่าเล็กยังกับรูหนู ไม่มีทางเลยที่จะมีที่ให้แขวนนกได้ แม่ของเด็กพูดว่า จะเป็นของอะไรก็ดีทั้งนั้นถ้าวางใต้ต้นคริสต์มาส แต่สามีเธอตกงานมา 3 สัปดาหืแล้ว เธอพยายามหาเงินจนพอซื้อไก่งวงตัวหนึ่ง และวัตถุดิบทำพายได้สัก 2-3 ชิ้น นั่นคือทั้งหมดที่พอจะมีในคืนคริสต์มาสนี้ สามีไม่ยอมให้กู้ยืมใคร ลูกทั้งสองอยากได้จักรยานมานาน แต่เธอต้องสอนให้เขารู้ว่าการอยากได้ กับการได้รับนั้นต่างกัน ชายชราบอกว่าเด้กสองคนนิสัยดี สภาพ มักวิ่งมาเปิดประตูรถให้เขาเสมอ ให้เขาเป็นซานต้าให้เด็ก ๆ แล้วกัน พลางหยิบสมุดเช็กออกมาเขียน บอกกับคนเป็นแม่ว่า ซื้อจักรยานดี ๆ ที่เขาอยากได้ให้พวกเด็กคนละคันนะ หญิงสาวไม่กล้ารับ บอกว่าสามีเธอไม่ชอบให้รับบริจาค เขาเกลียดการขอ ชายชราตัดบทว่าเหลวไหล ให้บอกสามีว่าเขาเป็นคนเคี่ยวเข็ยเองให้รับ เพราะเขาไม่มีลูกเลย จากนั้นก็แบกนกแก้วยักษ์ยัดกลับเข้ารถตรงกลับบ้าน บัดนี้เขาไม่รู้จะเอามันไปให้ใคร ไม่สนใจแล้วว่าเจ้าของร้านที่ให้นกมาจะคิดอย่างไร เขาจะเอามันไปโยนลงถังขยะ แต่ถังก้เล้กเกิน เขาจึงจำใจเอานกตัวนั้นกลับบ้านวางกองไว้ในห้องรับแขก พรุ่งนี้ค่อยหาทาง เขาพักผ่อนกินของว่าง ชงกาแฟดื่ม ขระที่ดวงตานกยักษืมองจ้องมาตลอดเวลา สุดท้ายเขาจึงคิดว่าปล่อยมันบนพื้นอย่างนี้คงไม่ดี เพราะไม่อยากถูกจ้อง จึงทำห่วงแล้วเอามันห้อยแขวนไว้ชั่วคราว แล้วเขาก้ได้ยินเสียงบางอย่างนอกบ้าน มองออกไปเห็นรถสถานเลี้ยงเด็กมาจอด เด็ก ๆ กรูลงมายืนร้องเพลง โอ ลิตเติลทาวน์ ออฟ เบธเลเฮม ทำเอาหัวใจเขาแปลบ จึงเปิดประตูให้เด็ก ๆ เข้ามา เด็ก ๆ ร้องไซเลนไนท์ ต่อด้วย วี วิช ยู เอ เมอร์รี คริสต์มาส ชายชราสั่งน้ำมูก ผู้ดูแลบอกว่าเด็ก ๆ อยากมาร้องเพลงเพื่อขอบคุณ ทุกคนเข้าไปจับนกที่ห้อยอยู่ก่อนจะกลับ ครู่เดียวต่อมา เด็กชายสองคนมาเคาะประตุด้วยความตื่นเต้น เขาเอาพายมาให้ชายชราพร้อมบอกว่า สวัสดีวันคริสต์มาส แม่เด็กยืนโบกมืออยู่ตรงรั้วและกล่าวประโยคเดียวกับลูกของเธอ ชายชราก้มลงบอกว่า หวังว่าวานต้าจะนำของที่หนุอยากได้มาให้นะ แล้วก็ฉงนใจตัวเองนี่เขากำลังทำให้เด็กเกิดความโลภหรือไม่ เขากลับเข้าบ้านพร้อมจานพานในมือ คุยกับนกแก้วยักษืว่าเสียใจด้วยนะที่แกกินไม่ได้ ต่อจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอีก คุรครูจากโรงเรียนอนุบาลและเด็ก 4 คน เธอบอกว่าเด็ก ๆ อยากทำอะไรเพื่อให้เขารู้ว่านกแก้วตัวนั้นวิเศษเพียงใดก้เลยวาดรูปมาให้ แล้วก็สวัสดีวันคริสต์มาส ชายชราซาบซึ้งบอกว่าเข้ามาก่อนสิ เขาจะเอาภาพติดฝาผนัง เด็กหญิงคนหนึ่งเข้าไปยืนหน้านก ชื่นชมว่านกสวยอย่างไร และแกใช้ทุกสีในการวาด ถึงตอนครูจะพากลับ เด็กหญิงหันมาเปรยบอกหูคิดว่ามันอยากเป็นเพื่อนกับหนู ชายชราเห็นด้วย เด็กหญิงพูดต่อว่า ถ้าจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักชื่อด้วย ชายชรานิ่งอึ้ง หันไปมองเจ้านกแก้วยักษ์ เหมือนมันจะมองตอบแล้วส่งกระแสอะไรบางอย่าง เขาคิดว่ารู้แล้วว่านกชื่ออะไรจึงยิ้มให้เด็กน้อย พลางตอบว่า มันชื่อเจค็อบจ้ะ ..เจค็อบ มาร์เลย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์
    ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ"
    วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้
    พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้

    1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ
    เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน
    โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ
    รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์
    ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ
    ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า
    เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา

    2. การตามกระแส
    ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส
    หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ
    ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป
    สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ
    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง
    ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้

    3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน
    ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย
    พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร
    ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา
    การขาดทุนตามมา

    4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง
    เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ
    โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น
    มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
    เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
    มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ
    ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา
    ส่งผลให้เราขาดทุนได้

    5. การขาดการวางแผน
    การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน
    มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ
    ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน
    รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม
    ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ
    พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน
    ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน

    นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล
    ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ
    ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง
    เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ
    ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    🔥🔥สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์ ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ" วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้ พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้ 🚩1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา 🚩2. การตามกระแส ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้ 🚩3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา การขาดทุนตามมา 🚩4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้เราขาดทุนได้ 🚩5. การขาดการวางแผน การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน 🚩นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 718 มุมมอง 277 0 รีวิว
  • สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์
    ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ"
    วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้
    พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้

    1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ
    เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน
    โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ
    รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์
    ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ
    ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า
    เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา

    2. การตามกระแส
    ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส
    หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ
    ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป
    สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ
    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง
    ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้

    3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน
    ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย
    พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร
    ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา
    การขาดทุนตามมา

    4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง
    เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ
    โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น
    มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
    เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
    มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ
    ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา
    ส่งผลให้เราขาดทุนได้

    5. การขาดการวางแผน
    การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน
    มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ
    ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน
    รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม
    ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ
    พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน
    ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน

    นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล
    ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ
    ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง
    เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ
    ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    🔥🔥สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์ ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ" วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้ พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้ 🚩1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา 🚩2. การตามกระแส ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้ 🚩3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา การขาดทุนตามมา 🚩4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้เราขาดทุนได้ 🚩5. การขาดการวางแผน การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน 🚩นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 642 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตราบใดจริยธรรมนักการเมืองไม่อยู่ในทำนองคลองธรรม
    ประเทศจะไม่ปลอดภัย

    เพราะความโลภ ความพยาบาท และความเห็นผิด ของนักการเมืองทุจริต ยังอยู่เบื้องหลังการพูดและการกระทำเสมอ..
    ไม่หายไปไหน
    ตราบใดจริยธรรมนักการเมืองไม่อยู่ในทำนองคลองธรรม ประเทศจะไม่ปลอดภัย เพราะความโลภ ความพยาบาท และความเห็นผิด ของนักการเมืองทุจริต ยังอยู่เบื้องหลังการพูดและการกระทำเสมอ.. 😅ไม่หายไปไหน
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณเชื่อจริงๆหรือ ว่าของหลักพันหลักหมื่น เริ่มต้น 9 บาท แล้วไม่มีคนดันราคา. อาจจะมีอยู่จริงก็ได้แต่คงน้อยเต็มทน.
    __ดูอย่างไร..
    มีอยู่ 2แบบ คือ
    1.มีตัวตนจริง พรรคพวกกัน อาศัยไหว้วาน โดยการส่ง link ให้ เคาะบวกราคาเท่านั้นเท่านี้
    2. เฟสอวตาลเลย บางคนมีเป็น 10 บัญชี เพื่อเอามาดันราคาโดนเฉพาะ..พวกนี้ดูง่าย โปรไฟล์ไม่ใช่บุคคล ชื่อก็ไม่ใช่บุคคล ในเฟสไม่มีการเคลื่อนไหว หรือมีการปฏิสัมพันธ์กับคน..มีแต่แชร์อะไรไปเรื่อยเปื่อย.
    เชื่อไหม บางโพส หน้าม้าล้วนๆ เขาแค่ต้องการคน "หลงกลเข้าตีน" แค่คนเดียว..ถ้าจบตามเวลา หาคนหลงเข้าทางไม่เจอ ก็อ้างว่า เคาะชนะแล้วหายบ้าง ไม่พร้อมบ้าง เปลี่ยนเป็นชิ้นอื่นบ้าง..ย้อนหลังไป 10 กว่าปีก่อน มีการเหนียมอาย โดยเปลี่ยนแปลงสภาพพระ เข่นเอาห่วง เข้า_ออก ถ่ายรูปในที่แสงต่างกัน เอาไปเลี่ยมพลาสติกเพิ่ม จนถึงขั้นทำผิวใหม่ก็มี เพื่อไม่ให้คนจำได้ แต่สมัยนี้ไม่มีเรื่องแบบนั้น ภายใน 1_2 วัน ก็จะนำมาลงใหม่ อาจจะเป็นคนเดิม หรือหนึ่งในทีมงานเขาก็ได้..สมัยก่อนเคาะราคาแบบโดดเลย ไม่เนียน สมัยนี้เคาะทีละเล็กละน้อย แต่ใช้หน้าม้าหลายเฟส.เพื่อให้เป็นธรรมชาติ.
    ถามว่า แล้วทำไมคนชอบประมูล ตอบว่า ก็อยากได้ของถูกไง..อาศัยความโลภของคน
    ถ้าท่านกลัวจะหลงกล ก็ตั้งราคาในใจไว้ เท่านี้สู้ เท่านั้นยอม จะมีหน้าม้าสักกี่คนก็ไม่ต้องสนใจ.
    คุณเชื่อจริงๆหรือ ว่าของหลักพันหลักหมื่น เริ่มต้น 9 บาท แล้วไม่มีคนดันราคา. อาจจะมีอยู่จริงก็ได้แต่คงน้อยเต็มทน. __ดูอย่างไร.. มีอยู่ 2แบบ คือ 1.มีตัวตนจริง พรรคพวกกัน อาศัยไหว้วาน โดยการส่ง link ให้ เคาะบวกราคาเท่านั้นเท่านี้ 2. เฟสอวตาลเลย บางคนมีเป็น 10 บัญชี เพื่อเอามาดันราคาโดนเฉพาะ..พวกนี้ดูง่าย โปรไฟล์ไม่ใช่บุคคล ชื่อก็ไม่ใช่บุคคล ในเฟสไม่มีการเคลื่อนไหว หรือมีการปฏิสัมพันธ์กับคน..มีแต่แชร์อะไรไปเรื่อยเปื่อย. 👉 เชื่อไหม บางโพส หน้าม้าล้วนๆ เขาแค่ต้องการคน "หลงกลเข้าตีน" แค่คนเดียว..ถ้าจบตามเวลา หาคนหลงเข้าทางไม่เจอ ก็อ้างว่า เคาะชนะแล้วหายบ้าง ไม่พร้อมบ้าง เปลี่ยนเป็นชิ้นอื่นบ้าง..ย้อนหลังไป 10 กว่าปีก่อน มีการเหนียมอาย โดยเปลี่ยนแปลงสภาพพระ เข่นเอาห่วง เข้า_ออก ถ่ายรูปในที่แสงต่างกัน เอาไปเลี่ยมพลาสติกเพิ่ม จนถึงขั้นทำผิวใหม่ก็มี เพื่อไม่ให้คนจำได้ แต่สมัยนี้ไม่มีเรื่องแบบนั้น ภายใน 1_2 วัน ก็จะนำมาลงใหม่ อาจจะเป็นคนเดิม หรือหนึ่งในทีมงานเขาก็ได้..สมัยก่อนเคาะราคาแบบโดดเลย ไม่เนียน สมัยนี้เคาะทีละเล็กละน้อย แต่ใช้หน้าม้าหลายเฟส.เพื่อให้เป็นธรรมชาติ. ถามว่า แล้วทำไมคนชอบประมูล ตอบว่า ก็อยากได้ของถูกไง..อาศัยความโลภของคน ถ้าท่านกลัวจะหลงกล ก็ตั้งราคาในใจไว้ เท่านี้สู้ เท่านั้นยอม จะมีหน้าม้าสักกี่คนก็ไม่ต้องสนใจ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลภะ แปลว่า ความโลภ

    โลภะ เกิดจาก ตัณหา คือ เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้จิตหิวโหยอยากได้ เกิดความดิ้นรน อยู่ไม่เป็นสุข หากหยุดยั้งไม่ได้ก็จะเป็นต้นเหตุให้ดิ้นรนแสวงหา โดยวิธีชอบ นำไปสู่การทำความชั่วความไม่ดีงามต่างๆ เช่น ลักขโมย การทุจริต คอรัปชั่น โกง ปล้น จนถึงฆ่าคนตาย
    โลภะ แปลว่า ความโลภ โลภะ เกิดจาก ตัณหา คือ เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้จิตหิวโหยอยากได้ เกิดความดิ้นรน อยู่ไม่เป็นสุข หากหยุดยั้งไม่ได้ก็จะเป็นต้นเหตุให้ดิ้นรนแสวงหา โดยวิธีชอบ นำไปสู่การทำความชั่วความไม่ดีงามต่างๆ เช่น ลักขโมย การทุจริต คอรัปชั่น โกง ปล้น จนถึงฆ่าคนตาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง
    มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
    หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน

    วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด
    หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท
    ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้

    1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้
    นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด
    การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม
    ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง
    ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน

    2. การจัดการอารมณ์
    นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
    จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก
    มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง
    หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า
    ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว

    3. การปรับตัวและยืดหยุ่น
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา
    สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น
    ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ
    ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ
    แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง

    4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง
    นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
    มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน
    การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน
    ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ
    ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า

    5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์
    นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง
    มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น
    ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท
    มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ
    สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า

    ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง
    แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ
    ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ
    คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์
    ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท
    มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป
    ลงทุนทุกครั้ง

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
    #thaitimes
    💥5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน 💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้ 🚩1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้ นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน 🚩2. การจัดการอารมณ์ นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว 🚩3. การปรับตัวและยืดหยุ่น ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง 🚩4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า 🚩5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์ นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า 💥ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป ลงทุนทุกครั้ง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 706 มุมมอง 231 0 รีวิว
  • 5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง
    มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
    หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน

    วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด
    หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท
    ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้

    1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้
    นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด
    การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม
    ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง
    ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน

    2. การจัดการอารมณ์
    นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
    จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก
    มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง
    หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า
    ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว

    3. การปรับตัวและยืดหยุ่น
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา
    สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น
    ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ
    ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ
    แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง

    4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง
    นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
    มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน
    การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน
    ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ
    ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า

    5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์
    นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง
    มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น
    ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท
    มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ
    สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า

    ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง
    แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ
    ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ
    คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์
    ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท
    มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป
    ลงทุนทุกครั้ง

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
    #thaitimes
    💥5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน 💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้ 🚩1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้ นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน 🚩2. การจัดการอารมณ์ นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว 🚩3. การปรับตัวและยืดหยุ่น ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง 🚩4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า 🚩5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์ นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า 💥ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป ลงทุนทุกครั้ง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 661 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เดอะลู๊ค Lucabet

    ล่าสุด..แหล่งข่าวแจ้งมาว่าคดีของเดอะลู๊ค-ป้ายแพง-หลวงดีด จะมีคำสั่งไม่ฟ้อง เราก็รอดูกันต่อไปว่าผลจะออกมาอย่างไร

    ep.นี้จะเอาแช็ตที่ทีมงานเราล่อซื้อคนในทีมงานของเดอะลู๊คมาให้อ่านเล่นกัน

    แช็ตสนทนาชุดนี้ทีมงานคุยกับคนของเดอะลู๊คตอนปลายปี 2565

    ทีมงานเจรจาล่อซื้อได้บัญชีม้าที่รับโอนเงินมา 1 บัญชี (ส่งให้เจ้าหน้าที่รัฐไปแล้ว)

    โฆษณาเว็บพนันที่มักจะขายขิงด้วยตรรกะที่ว่า..“เป็นเว็บตรงจากต่างประเทศ ระบบฝากถอนเงินอัตโนมัติ”

    เว็บตรงจากต่างประเทศ“ไม่มีอยู่จริง” ทุกเว็บล้วนเช่าสิทธิ์มาจากต่างประเทศ มีหลายสิทธิ์และ % ต่างกัน

    -company
    -shareholder
    -masteragent
    -agent
    -member

    สิทธิ์จะมีประมาณนี้

    ส่วนระบบฝากถอนเงินออโต้..มีอยู่จริง

    อ้าว.! ระบบการฝาก-ถอนเงินทุกบาท มันเป็นเรื่องของธนาคารนี่ แล้วเว็บพนันมันเอาระบบมาใช้ได้อย่างไร.?

    มีใครเคยรู้สึก เอ๊ะ ในใจกันบ้างไหมครับ.?

    ถ้าคนในธนาคารไม่ร่วมมือกับคนทำเว็บพนันระบบการฝากถอนออโต้ของเว็บพนันจะมีความเป็นไปได้แค่ 1 ข้อที่จะทำได้คือ..
    ใช้โปรแกรมเมอร์แกะเข้าไปใน app ธนาคาร

    เราเห็นโฆษณาฝากถอนออโต้ครั้งแรก เราเอ๊ะทันทีเพราะนี่มันเรื่องใหญ่ระดับประเทศเลยนะ เราจึงให้ทีมงานล่อซื้อจากแก๊ง..#เดอะลู๊ค

    พวกเราไล่ตามรอยไปจนรู้ว่า“คนในธนาคารไม่ต้องมีส่วนรู้เห็น”กับพวกทำเว็บพนัน พวกมันก็ทำกันได้อย่างงายดาย

    โปรแกรมเมอร์เว็บพนันจะใช้หลักการ reverse enging กันแทบทุกเว็บ

    เพื่อแกะเข้าไปใน app ของธนาคารเพื่อเอาเส้น api มาทำเป็นหน้าเว็บ สามารถฝาก-ถอนผ่านหน้าเว็บได้ โดยไม่ต้องผ่าน app ของธนาคาร

    ตอนหน้าจะเล่าให้อ่านเรื่องระบบฝาก-ถอนออโต้ของแก๊งตัวตึงบ่อนลอยฟ้า #เดอะลู๊ค มีหลักการแกะหน้าธนาคารมาได้อย่างไร

    จะดีลกับเดอะลู๊ค ก็ลองอ่านค่าใช้จ่ายในแช็ตดูให้จบ แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เรตราคาขยับไปกี่บาทแล้ว

    รู้ยัง.? ระบบ sms2pro กับ host2pro ก็เป็นของเดอะลู๊คเขานะฮะ แล้วพวกท่านจะสั่งไม่ฟ้องตัวอันตรายระดับประเทศอย่าง #เดอะลู๊ค Lucabet จริงๆอ่ะ.?

    #อย่าให้ความโลภครอบงำเจ้าได้ จงคิดถึงบุตรหลานของท่านที่อยู่ในประเทศอเมริกาให้เยอะๆ นะครับท่าน

    @เล้ง โอภาสี
    #เดอะลู๊ค Lucabet ล่าสุด..แหล่งข่าวแจ้งมาว่าคดีของเดอะลู๊ค-ป้ายแพง-หลวงดีด จะมีคำสั่งไม่ฟ้อง เราก็รอดูกันต่อไปว่าผลจะออกมาอย่างไร ep.นี้จะเอาแช็ตที่ทีมงานเราล่อซื้อคนในทีมงานของเดอะลู๊คมาให้อ่านเล่นกัน แช็ตสนทนาชุดนี้ทีมงานคุยกับคนของเดอะลู๊คตอนปลายปี 2565 ทีมงานเจรจาล่อซื้อได้บัญชีม้าที่รับโอนเงินมา 1 บัญชี (ส่งให้เจ้าหน้าที่รัฐไปแล้ว) โฆษณาเว็บพนันที่มักจะขายขิงด้วยตรรกะที่ว่า..“เป็นเว็บตรงจากต่างประเทศ ระบบฝากถอนเงินอัตโนมัติ” เว็บตรงจากต่างประเทศ“ไม่มีอยู่จริง” ทุกเว็บล้วนเช่าสิทธิ์มาจากต่างประเทศ มีหลายสิทธิ์และ % ต่างกัน -company -shareholder -masteragent -agent -member 👆สิทธิ์จะมีประมาณนี้ ส่วนระบบฝากถอนเงินออโต้..มีอยู่จริง อ้าว.! ระบบการฝาก-ถอนเงินทุกบาท มันเป็นเรื่องของธนาคารนี่ แล้วเว็บพนันมันเอาระบบมาใช้ได้อย่างไร.? มีใครเคยรู้สึก เอ๊ะ ในใจกันบ้างไหมครับ.? ถ้าคนในธนาคารไม่ร่วมมือกับคนทำเว็บพนันระบบการฝากถอนออโต้ของเว็บพนันจะมีความเป็นไปได้แค่ 1 ข้อที่จะทำได้คือ.. 👉ใช้โปรแกรมเมอร์แกะเข้าไปใน app ธนาคาร เราเห็นโฆษณาฝากถอนออโต้ครั้งแรก เราเอ๊ะทันทีเพราะนี่มันเรื่องใหญ่ระดับประเทศเลยนะ เราจึงให้ทีมงานล่อซื้อจากแก๊ง..#เดอะลู๊ค พวกเราไล่ตามรอยไปจนรู้ว่า“คนในธนาคารไม่ต้องมีส่วนรู้เห็น”กับพวกทำเว็บพนัน พวกมันก็ทำกันได้อย่างงายดาย โปรแกรมเมอร์เว็บพนันจะใช้หลักการ reverse enging กันแทบทุกเว็บ เพื่อแกะเข้าไปใน app ของธนาคารเพื่อเอาเส้น api มาทำเป็นหน้าเว็บ สามารถฝาก-ถอนผ่านหน้าเว็บได้ โดยไม่ต้องผ่าน app ของธนาคาร ตอนหน้าจะเล่าให้อ่านเรื่องระบบฝาก-ถอนออโต้ของแก๊งตัวตึงบ่อนลอยฟ้า #เดอะลู๊ค มีหลักการแกะหน้าธนาคารมาได้อย่างไร จะดีลกับเดอะลู๊ค ก็ลองอ่านค่าใช้จ่ายในแช็ตดูให้จบ แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เรตราคาขยับไปกี่บาทแล้ว รู้ยัง.? ระบบ sms2pro กับ host2pro ก็เป็นของเดอะลู๊คเขานะฮะ แล้วพวกท่านจะสั่งไม่ฟ้องตัวอันตรายระดับประเทศอย่าง #เดอะลู๊ค Lucabet จริงๆอ่ะ.? #อย่าให้ความโลภครอบงำเจ้าได้ จงคิดถึงบุตรหลานของท่านที่อยู่ในประเทศอเมริกาให้เยอะๆ นะครับท่าน @เล้ง โอภาสี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันเสาร์ ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ความว่า

    “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่สาธุชนจักได้น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น “พระรัตนตรัย” ซึ่งเป็นสรณะนำทางชีวิตของพุทธบริษัท ให้มุ่งหน้าดำเนินไปสู่หนทางดับเพลิงกิเลสกองทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง

    ปฐมเทศนาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั้น คือ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ทรงประกาศวิถีทางดับทุกข์ด้วยมรรคมีองค์ ๘ ที่เรียกอีกอย่างว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกปัจจุบัน อันเต็มไปด้วยมิจฉาชีพ มีการฉ้อโกง หลอกลวง ประทุษร้ายกัน ประกอบกับเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มิจฉาชีพจึงสบช่องทำอันตรายต่อผู้คนในสังคมทุกระดับอย่างอย่างรวดเร็วและร้ายแรงมากขึ้น ท่านทั้งหลายควรเร่งหันมาศึกษาพิจารณาธรรมะหมวด “อริยมรรค” โดยดำเนินไปบนหนทางแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุประการหนึ่ง กล่าวคือ การปลูกฝังสั่งสมให้สมาชิกในสังคม มีค่านิยมในการครอง “สัมมาอาชีวะ” ซึ่งหมายถึง “การเลี้ยงชีพชอบ” ไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ขอให้ช่วยกันเชิดชูสุจริตชนผู้แสวงหาปัจจัยมาบริโภคโดยชอบ ขอให้งดเว้นการคิดคดโกง หลอกลวง ประจบสอพลอ บีบบังคับขู่เข็ญ และต่อลาภด้วยลาภโดยไม่ประกอบด้วยความเพียร ไม่อาศัยกำลังกายและกำลังปัญญาของตน ขอให้หยุดและเลิกการกระทำบนพื้นฐานของความโลภที่เกินประมาณ ถึงขั้นทำลายวัฒนธรรม ศีลธรรมอันดีงาม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสวัสดิภาพของส่วนรวม อันจัดเข้าข่ายว่าเป็นมิจฉาชีพทั้งสิ้น

    วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังอาจเตือนใจให้ทุกท่าน ตระหนักแน่วแน่ในอริยมรรคข้อ “สัมมาอาชีวะ” เพราะฉะนั้น หากท่านประสงค์ให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข จงหมั่นเพียรศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมะ มีน้ำใจกล้าหาญที่จะละทิ้งความเป็นมิจฉาชีพ แล้วสู้อุตสาหะประกอบสัมมาชีพด้วยกันทุกคน เพื่อให้ทุกครอบครัว และทุกชุมชน เป็นสถานที่ปลอดจากทุจริตชน นับเป็นการเกื้อกูลตนเอง และสรรพชีวิตทั่วหน้า ให้สามารถพ้นจากภยันตราย ได้สมตามความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแท้จริง อนึ่ง ขอความเจริญงอกงามในพระสัทธรรม จงพลันบังเกิดมีแด่สาธุชนผู้เลี้ยงชีพชอบ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”

    #thaitimes
    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันเสาร์ ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ความว่า “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่สาธุชนจักได้น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น “พระรัตนตรัย” ซึ่งเป็นสรณะนำทางชีวิตของพุทธบริษัท ให้มุ่งหน้าดำเนินไปสู่หนทางดับเพลิงกิเลสกองทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง ปฐมเทศนาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั้น คือ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ทรงประกาศวิถีทางดับทุกข์ด้วยมรรคมีองค์ ๘ ที่เรียกอีกอย่างว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกปัจจุบัน อันเต็มไปด้วยมิจฉาชีพ มีการฉ้อโกง หลอกลวง ประทุษร้ายกัน ประกอบกับเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มิจฉาชีพจึงสบช่องทำอันตรายต่อผู้คนในสังคมทุกระดับอย่างอย่างรวดเร็วและร้ายแรงมากขึ้น ท่านทั้งหลายควรเร่งหันมาศึกษาพิจารณาธรรมะหมวด “อริยมรรค” โดยดำเนินไปบนหนทางแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุประการหนึ่ง กล่าวคือ การปลูกฝังสั่งสมให้สมาชิกในสังคม มีค่านิยมในการครอง “สัมมาอาชีวะ” ซึ่งหมายถึง “การเลี้ยงชีพชอบ” ไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ขอให้ช่วยกันเชิดชูสุจริตชนผู้แสวงหาปัจจัยมาบริโภคโดยชอบ ขอให้งดเว้นการคิดคดโกง หลอกลวง ประจบสอพลอ บีบบังคับขู่เข็ญ และต่อลาภด้วยลาภโดยไม่ประกอบด้วยความเพียร ไม่อาศัยกำลังกายและกำลังปัญญาของตน ขอให้หยุดและเลิกการกระทำบนพื้นฐานของความโลภที่เกินประมาณ ถึงขั้นทำลายวัฒนธรรม ศีลธรรมอันดีงาม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสวัสดิภาพของส่วนรวม อันจัดเข้าข่ายว่าเป็นมิจฉาชีพทั้งสิ้น วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังอาจเตือนใจให้ทุกท่าน ตระหนักแน่วแน่ในอริยมรรคข้อ “สัมมาอาชีวะ” เพราะฉะนั้น หากท่านประสงค์ให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข จงหมั่นเพียรศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมะ มีน้ำใจกล้าหาญที่จะละทิ้งความเป็นมิจฉาชีพ แล้วสู้อุตสาหะประกอบสัมมาชีพด้วยกันทุกคน เพื่อให้ทุกครอบครัว และทุกชุมชน เป็นสถานที่ปลอดจากทุจริตชน นับเป็นการเกื้อกูลตนเอง และสรรพชีวิตทั่วหน้า ให้สามารถพ้นจากภยันตราย ได้สมตามความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแท้จริง อนึ่ง ขอความเจริญงอกงามในพระสัทธรรม จงพลันบังเกิดมีแด่สาธุชนผู้เลี้ยงชีพชอบ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.” #thaitimes
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว