• 🛜 “Wireguard FPGA — ปฏิวัติความปลอดภัยเครือข่ายด้วยฮาร์ดแวร์โอเพนซอร์สราคาประหยัด”

    ในยุคที่ความปลอดภัยของข้อมูลกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน VPN กลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่โซลูชันแบบเดิมอย่าง OpenVPN หรือ IPSec เริ่มล้าหลัง ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความซับซ้อนในการจัดการ นี่คือจุดเริ่มต้นของโครงการ “Wireguard FPGA” ที่มุ่งสร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบ ด้วยความเร็วระดับสายไฟ (wire-speed) บน FPGA ราคาประหยัด พร้อมเปิดซอร์สให้ทุกคนเข้าถึงได้

    โครงการนี้ใช้ Artix-7 FPGA ซึ่งรองรับเครื่องมือโอเพนซอร์ส และเขียนโค้ดทั้งหมดด้วย Verilog/SystemVerilog โดยไม่พึ่งพา IP แบบปิดหรือเครื่องมือเชิงพาณิชย์ จุดเด่นคือการออกแบบระบบให้ทำงานแบบ self-contained ไม่ต้องพึ่งพา PC host และสามารถจัดการการเข้ารหัสแบบ ChaCha20-Poly1305 ได้ในระดับฮาร์ดแวร์

    ทีมงานเบื้องหลังเคยมีส่วนร่วมในโครงการ Blackwire ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ VPN ความเร็ว 100Gbps แต่มีข้อจำกัดด้านราคาและเครื่องมือที่ใช้ ทำให้ Wireguard FPGA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยมีแผนพัฒนาเป็นหลายเฟส ตั้งแต่การสร้างต้นแบบ ไปจนถึงการทดสอบจริง และการเพิ่มฟีเจอร์ควบคุมการไหลของข้อมูล


    เป้าหมายของโครงการ Wireguard FPGA
    สร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์ที่เร็วระดับสายไฟ
    ใช้ Artix-7 FPGA ราคาประหยัดและเครื่องมือโอเพนซอร์ส
    เขียนโค้ดด้วย Verilog/SystemVerilog ทั้งหมด

    ความแตกต่างจากโครงการ Blackwire
    Blackwire ใช้ Alveo U50 ที่มีราคาสูงและเครื่องมือ Vivado แบบปิด
    Wireguard FPGA ไม่พึ่งพา PC host และใช้โค้ดที่เข้าถึงได้ง่าย
    Blackwire เปิดซอร์สเพราะปัญหาทางการเงิน ไม่ใช่เจตนาเดิม

    สถาปัตยกรรมระบบ
    แบ่งเป็น Control Plane (ซอฟต์แวร์บน RISC-V CPU) และ Data Plane (ฮาร์ดแวร์เข้ารหัส)
    ใช้ CSR-based HAL ในการเชื่อมต่อระหว่างสองส่วน
    รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสด้วย ChaCha20-Poly1305 ในฮาร์ดแวร์

    การพัฒนาแบบหลายเฟส
    Phase 1: สร้างต้นแบบและทดสอบพื้นฐาน
    Phase 2: สร้าง datapath และรวม IP เข้าด้วยกัน
    Phase 3: พัฒนาเฟิร์มแวร์ควบคุมบน RISC-V
    Phase 4: จัดการ VPN tunnel แบบครบวงจร
    Phase 5: ทดสอบจริงและพอร์ตไปยัง OpenXC7
    Phase 6: เพิ่มโมดูลควบคุมการไหลของข้อมูล

    เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้
    ใช้ Verilator, cocoTB, VProc ISS ในการจำลอง
    ใช้ IP จากโครงการอื่น เช่น Corundum, Cookie Cutter SOC
    ใช้ระบบ co-simulation HAL ที่สร้างจาก SystemRDL

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึม AEAD ที่ใช้ใน Wireguard ตาม RFC7539
    Curve25519 ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนคีย์แบบ ECDH
    OpenXC7 เป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับ FPGA ตระกูล Xilinx Series7

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    Artix-7 ไม่รองรับ High-Performance I/O ทำให้จำกัดความเร็วที่ 600MHz
    เครื่องมือโอเพนซอร์สยังไม่สมบูรณ์ อาจมีปัญหา timing closure และ routing
    การจำลองระบบขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงและอาจไม่เหมาะกับทุกคน
    การพอร์ตไปยัง OpenXC7 ยังมีปัญหา crash และไม่มี timing-driven STA

    https://github.com/chili-chips-ba/wireguard-fpga
    🛜 “Wireguard FPGA — ปฏิวัติความปลอดภัยเครือข่ายด้วยฮาร์ดแวร์โอเพนซอร์สราคาประหยัด” ในยุคที่ความปลอดภัยของข้อมูลกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน VPN กลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่โซลูชันแบบเดิมอย่าง OpenVPN หรือ IPSec เริ่มล้าหลัง ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความซับซ้อนในการจัดการ นี่คือจุดเริ่มต้นของโครงการ “Wireguard FPGA” ที่มุ่งสร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบ ด้วยความเร็วระดับสายไฟ (wire-speed) บน FPGA ราคาประหยัด พร้อมเปิดซอร์สให้ทุกคนเข้าถึงได้ โครงการนี้ใช้ Artix-7 FPGA ซึ่งรองรับเครื่องมือโอเพนซอร์ส และเขียนโค้ดทั้งหมดด้วย Verilog/SystemVerilog โดยไม่พึ่งพา IP แบบปิดหรือเครื่องมือเชิงพาณิชย์ จุดเด่นคือการออกแบบระบบให้ทำงานแบบ self-contained ไม่ต้องพึ่งพา PC host และสามารถจัดการการเข้ารหัสแบบ ChaCha20-Poly1305 ได้ในระดับฮาร์ดแวร์ ทีมงานเบื้องหลังเคยมีส่วนร่วมในโครงการ Blackwire ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ VPN ความเร็ว 100Gbps แต่มีข้อจำกัดด้านราคาและเครื่องมือที่ใช้ ทำให้ Wireguard FPGA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยมีแผนพัฒนาเป็นหลายเฟส ตั้งแต่การสร้างต้นแบบ ไปจนถึงการทดสอบจริง และการเพิ่มฟีเจอร์ควบคุมการไหลของข้อมูล ✅ เป้าหมายของโครงการ Wireguard FPGA ➡️ สร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์ที่เร็วระดับสายไฟ ➡️ ใช้ Artix-7 FPGA ราคาประหยัดและเครื่องมือโอเพนซอร์ส ➡️ เขียนโค้ดด้วย Verilog/SystemVerilog ทั้งหมด ✅ ความแตกต่างจากโครงการ Blackwire ➡️ Blackwire ใช้ Alveo U50 ที่มีราคาสูงและเครื่องมือ Vivado แบบปิด ➡️ Wireguard FPGA ไม่พึ่งพา PC host และใช้โค้ดที่เข้าถึงได้ง่าย ➡️ Blackwire เปิดซอร์สเพราะปัญหาทางการเงิน ไม่ใช่เจตนาเดิม ✅ สถาปัตยกรรมระบบ ➡️ แบ่งเป็น Control Plane (ซอฟต์แวร์บน RISC-V CPU) และ Data Plane (ฮาร์ดแวร์เข้ารหัส) ➡️ ใช้ CSR-based HAL ในการเชื่อมต่อระหว่างสองส่วน ➡️ รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสด้วย ChaCha20-Poly1305 ในฮาร์ดแวร์ ✅ การพัฒนาแบบหลายเฟส ➡️ Phase 1: สร้างต้นแบบและทดสอบพื้นฐาน ➡️ Phase 2: สร้าง datapath และรวม IP เข้าด้วยกัน ➡️ Phase 3: พัฒนาเฟิร์มแวร์ควบคุมบน RISC-V ➡️ Phase 4: จัดการ VPN tunnel แบบครบวงจร ➡️ Phase 5: ทดสอบจริงและพอร์ตไปยัง OpenXC7 ➡️ Phase 6: เพิ่มโมดูลควบคุมการไหลของข้อมูล ✅ เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ ➡️ ใช้ Verilator, cocoTB, VProc ISS ในการจำลอง ➡️ ใช้ IP จากโครงการอื่น เช่น Corundum, Cookie Cutter SOC ➡️ ใช้ระบบ co-simulation HAL ที่สร้างจาก SystemRDL ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึม AEAD ที่ใช้ใน Wireguard ตาม RFC7539 ➡️ Curve25519 ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนคีย์แบบ ECDH ➡️ OpenXC7 เป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับ FPGA ตระกูล Xilinx Series7 ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ Artix-7 ไม่รองรับ High-Performance I/O ทำให้จำกัดความเร็วที่ 600MHz ⛔ เครื่องมือโอเพนซอร์สยังไม่สมบูรณ์ อาจมีปัญหา timing closure และ routing ⛔ การจำลองระบบขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงและอาจไม่เหมาะกับทุกคน ⛔ การพอร์ตไปยัง OpenXC7 ยังมีปัญหา crash และไม่มี timing-driven STA https://github.com/chili-chips-ba/wireguard-fpga
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • “YoLink Smart Hub ราคาแค่ $20 แต่เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าบ้านคุณ — ช่องโหว่ 4 จุดที่ยังไม่มีแพตช์”

    ใครจะคิดว่าอุปกรณ์ IoT ราคาประหยัดอย่าง YoLink Smart Hub รุ่น v0382 ที่ขายเพียง $20 จะกลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์เข้าถึงบ้านคุณได้โดยตรง ล่าสุดทีมวิจัยจาก Bishop Fox ได้เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรง 4 จุดในอุปกรณ์นี้ ซึ่งรวมถึงการควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล, การขโมยข้อมูล Wi-Fi, และการรักษาสิทธิ์เข้าถึงแบบไม่หมดอายุ

    YoLink Hub ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทในบ้าน เช่น ล็อกประตู เซ็นเซอร์ และปลั๊กไฟ โดยใช้ชิป ESP32 และสื่อสารผ่านโปรโตคอล MQTT ร่วมกับเทคโนโลยี LoRaWAN ซึ่งแม้จะดูทันสมัย แต่กลับมีช่องโหว่ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้คนอื่นได้ หากรู้ device ID ซึ่งสามารถคาดเดาได้ง่าย

    ช่องโหว่แรกคือการ “ข้ามการตรวจสอบสิทธิ์” (CVE-2025-59449 และ CVE-2025-59452) ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้คนอื่นได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่ที่สองคือการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น รหัส Wi-Fi แบบไม่เข้ารหัส (CVE-2025-59448) ผ่าน MQTT ทำให้ข้อมูลถูกดักจับได้ง่าย และช่องโหว่สุดท้ายคือการจัดการ session ที่ผิดพลาด (CVE-2025-59451) ซึ่งทำให้แฮกเกอร์สามารถรักษาการเข้าถึงอุปกรณ์ได้อย่างต่อเนื่อง

    ที่น่ากังวลคือ YoSmart ผู้ผลิตยังไม่ได้ออกแพตช์หรือคำแนะนำใด ๆ แม้จะได้รับรายงานช่องโหว่ล่วงหน้ากว่า 90 วัน ทำให้ผู้ใช้ต้องรับมือเอง โดย Bishop Fox แนะนำให้ถอดอุปกรณ์ออกจากระบบเครือข่ายบ้านทันที และหลีกเลี่ยงการใช้กับอุปกรณ์ที่ควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพ เช่น ล็อกประตูหรือประตูโรงรถ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    YoLink Smart Hub รุ่น v0382 มีช่องโหว่ร้ายแรง 4 จุดที่ยังไม่มีแพตช์
    ใช้ชิป ESP32 และสื่อสารผ่าน MQTT และ LoRaWAN
    ช่องโหว่ CVE-2025-59449 และ CVE-2025-59452: ข้ามการตรวจสอบสิทธิ์
    ช่องโหว่ CVE-2025-59448: ส่งข้อมูลสำคัญแบบไม่เข้ารหัส
    ช่องโหว่ CVE-2025-59451: การจัดการ session ที่ผิดพลาด
    นักวิจัยสามารถควบคุมล็อกประตูของผู้ใช้คนอื่นได้จริง
    Device ID สามารถคาดเดาได้ง่าย ทำให้การโจมตีเป็นไปได้จริง
    YoSmart ยังไม่ตอบสนองต่อรายงานช่องโหว่ภายในกรอบเวลา 90 วัน
    Bishop Fox แนะนำให้หยุดใช้งานอุปกรณ์ทันที

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ESP32 เป็นชิปยอดนิยมในอุปกรณ์ IoT แต่ต้องมีการเสริมความปลอดภัย
    MQTT เป็นโปรโตคอล lightweight ที่นิยมใช้ใน IoT แต่ต้องเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย
    LoRaWAN เหมาะกับการสื่อสารระยะไกล แต่มีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
    CVE (Common Vulnerabilities and Exposures) เป็นระบบจัดการช่องโหว่ที่ใช้ทั่วโลก
    การจัดการ session ที่ดีต้องมีการหมดอายุและตรวจสอบสิทธิ์ซ้ำ

    https://hackread.com/20-yolink-iot-gateway-vulnerabilities-home-security/
    🔓 “YoLink Smart Hub ราคาแค่ $20 แต่เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าบ้านคุณ — ช่องโหว่ 4 จุดที่ยังไม่มีแพตช์” ใครจะคิดว่าอุปกรณ์ IoT ราคาประหยัดอย่าง YoLink Smart Hub รุ่น v0382 ที่ขายเพียง $20 จะกลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์เข้าถึงบ้านคุณได้โดยตรง ล่าสุดทีมวิจัยจาก Bishop Fox ได้เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรง 4 จุดในอุปกรณ์นี้ ซึ่งรวมถึงการควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล, การขโมยข้อมูล Wi-Fi, และการรักษาสิทธิ์เข้าถึงแบบไม่หมดอายุ YoLink Hub ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทในบ้าน เช่น ล็อกประตู เซ็นเซอร์ และปลั๊กไฟ โดยใช้ชิป ESP32 และสื่อสารผ่านโปรโตคอล MQTT ร่วมกับเทคโนโลยี LoRaWAN ซึ่งแม้จะดูทันสมัย แต่กลับมีช่องโหว่ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้คนอื่นได้ หากรู้ device ID ซึ่งสามารถคาดเดาได้ง่าย ช่องโหว่แรกคือการ “ข้ามการตรวจสอบสิทธิ์” (CVE-2025-59449 และ CVE-2025-59452) ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้คนอื่นได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่ที่สองคือการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น รหัส Wi-Fi แบบไม่เข้ารหัส (CVE-2025-59448) ผ่าน MQTT ทำให้ข้อมูลถูกดักจับได้ง่าย และช่องโหว่สุดท้ายคือการจัดการ session ที่ผิดพลาด (CVE-2025-59451) ซึ่งทำให้แฮกเกอร์สามารถรักษาการเข้าถึงอุปกรณ์ได้อย่างต่อเนื่อง ที่น่ากังวลคือ YoSmart ผู้ผลิตยังไม่ได้ออกแพตช์หรือคำแนะนำใด ๆ แม้จะได้รับรายงานช่องโหว่ล่วงหน้ากว่า 90 วัน ทำให้ผู้ใช้ต้องรับมือเอง โดย Bishop Fox แนะนำให้ถอดอุปกรณ์ออกจากระบบเครือข่ายบ้านทันที และหลีกเลี่ยงการใช้กับอุปกรณ์ที่ควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพ เช่น ล็อกประตูหรือประตูโรงรถ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ YoLink Smart Hub รุ่น v0382 มีช่องโหว่ร้ายแรง 4 จุดที่ยังไม่มีแพตช์ ➡️ ใช้ชิป ESP32 และสื่อสารผ่าน MQTT และ LoRaWAN ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-59449 และ CVE-2025-59452: ข้ามการตรวจสอบสิทธิ์ ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-59448: ส่งข้อมูลสำคัญแบบไม่เข้ารหัส ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-59451: การจัดการ session ที่ผิดพลาด ➡️ นักวิจัยสามารถควบคุมล็อกประตูของผู้ใช้คนอื่นได้จริง ➡️ Device ID สามารถคาดเดาได้ง่าย ทำให้การโจมตีเป็นไปได้จริง ➡️ YoSmart ยังไม่ตอบสนองต่อรายงานช่องโหว่ภายในกรอบเวลา 90 วัน ➡️ Bishop Fox แนะนำให้หยุดใช้งานอุปกรณ์ทันที ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ESP32 เป็นชิปยอดนิยมในอุปกรณ์ IoT แต่ต้องมีการเสริมความปลอดภัย ➡️ MQTT เป็นโปรโตคอล lightweight ที่นิยมใช้ใน IoT แต่ต้องเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย ➡️ LoRaWAN เหมาะกับการสื่อสารระยะไกล แต่มีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ➡️ CVE (Common Vulnerabilities and Exposures) เป็นระบบจัดการช่องโหว่ที่ใช้ทั่วโลก ➡️ การจัดการ session ที่ดีต้องมีการหมดอายุและตรวจสอบสิทธิ์ซ้ำ https://hackread.com/20-yolink-iot-gateway-vulnerabilities-home-security/
    HACKREAD.COM
    $20 YoLink IoT Gateway Vulnerabilities Put Home Security at Risk
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • “CVE-2025-38352: ช่องโหว่ TOCTOU ใน Linux/Android Kernel — แค่เสี้ยววินาที ก็อาจเปิดทางสู่สิทธิ Root”

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยชื่อ StreyPaws ได้เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของช่องโหว่ CVE-2025-38352 ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) ที่เกิดขึ้นในระบบ POSIX CPU Timer ของ Linux และ Android kernel โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุใน Android Security Bulletin เดือนกันยายน 2025 และมีแนวโน้มว่าจะถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงในบางกรณีแล้ว

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ synchronization ที่ผิดพลาดในไฟล์ posix-cpu-timers.c โดยเฉพาะเมื่อมีสองเธรดทำงานพร้อมกัน — เธรดหนึ่งกำลังจัดการกับ timer ที่หมดเวลา ส่วนอีกเธรดพยายามลบ timer เดียวกัน ทำให้เกิด race condition ที่อาจนำไปสู่การอ้างอิงหน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว (use-after-free) ซึ่งอาจทำให้ระบบ crash หรือแม้แต่ privilege escalation ได้

    POSIX CPU Timer ใช้ติดตามเวลาการประมวลผลของ process ไม่ใช่เวลาจริง ทำให้มีความสำคัญในการวิเคราะห์ performance และจัดการทรัพยากร โดยระบบรองรับ clock หลายประเภท เช่น CPUCLOCK_PROF, CPUCLOCK_VIRT และ CPUCLOCK_SCHED เพื่อใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ

    นักวิจัยได้สร้างสภาพแวดล้อมจำลอง kernel บน Android และพัฒนา PoC ที่สามารถทำให้ระบบ crash ได้แม้จะเปิดใช้ CONFIG_POSIX_CPU_TIMERS_TASK_WORK ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่ควรช่วยลดความเสี่ยง แสดงให้เห็นว่าช่องโหว่นี้มีความซับซ้อนและอันตรายแม้ในระบบที่มีการป้องกันเบื้องต้น

    แพตช์ที่ออกมาเพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้มีการเพิ่มเงื่อนไขตรวจสอบสถานะการ exit ของ task ก่อนดำเนินการลบ timer ซึ่งช่วยป้องกันการเกิด race condition ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    CVE-2025-38352 เป็นช่องโหว่ TOCTOU ใน POSIX CPU Timer subsystem ของ Linux/Android kernel
    เกิดจาก race condition ระหว่างการจัดการ timer ที่หมดเวลาและการลบ timer พร้อมกัน
    อาจนำไปสู่ use-after-free, memory corruption และ privilege escalation
    POSIX CPU Timer ใช้ติดตามเวลาประมวลผลของ process ไม่ใช่เวลาจริง
    รองรับ clock หลายประเภท เช่น CPUCLOCK_PROF, CPUCLOCK_VIRT, CPUCLOCK_SCHED
    นักวิจัยสร้าง PoC ที่ทำให้ระบบ crash ได้แม้เปิดใช้ CONFIG_POSIX_CPU_TIMERS_TASK_WORK
    แพตช์แก้ไขโดยเพิ่มการตรวจสอบ exit_state เพื่อป้องกันการอ้างอิงหน่วยความจำที่ถูกปล่อย
    ช่องโหว่นี้ถูกระบุใน Android Security Bulletin เดือนกันยายน 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TOCTOU เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนใช้งาน แต่เงื่อนไขเปลี่ยนไปในระหว่างนั้น
    Use-after-free เป็นช่องโหว่ที่อันตรายเพราะสามารถนำไปสู่การควบคุมระบบได้
    Race condition มักเกิดในระบบที่มีการทำงานแบบ multi-threaded หรือ interrupt context
    การตรวจสอบ exit_state เป็นเทคนิคที่ใช้กันทั่วไปในการป้องกันการอ้างอิง task ที่กำลังถูกลบ
    ช่องโหว่ระดับ kernel มีผลกระทบสูงต่อความมั่นคงของระบบ เพราะสามารถควบคุมทุกระดับได้

    https://securityonline.info/researcher-details-zero-day-linux-android-kernel-flaw-cve-2025-38352/
    🧨 “CVE-2025-38352: ช่องโหว่ TOCTOU ใน Linux/Android Kernel — แค่เสี้ยววินาที ก็อาจเปิดทางสู่สิทธิ Root” นักวิจัยด้านความปลอดภัยชื่อ StreyPaws ได้เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของช่องโหว่ CVE-2025-38352 ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) ที่เกิดขึ้นในระบบ POSIX CPU Timer ของ Linux และ Android kernel โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุใน Android Security Bulletin เดือนกันยายน 2025 และมีแนวโน้มว่าจะถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงในบางกรณีแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ synchronization ที่ผิดพลาดในไฟล์ posix-cpu-timers.c โดยเฉพาะเมื่อมีสองเธรดทำงานพร้อมกัน — เธรดหนึ่งกำลังจัดการกับ timer ที่หมดเวลา ส่วนอีกเธรดพยายามลบ timer เดียวกัน ทำให้เกิด race condition ที่อาจนำไปสู่การอ้างอิงหน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว (use-after-free) ซึ่งอาจทำให้ระบบ crash หรือแม้แต่ privilege escalation ได้ POSIX CPU Timer ใช้ติดตามเวลาการประมวลผลของ process ไม่ใช่เวลาจริง ทำให้มีความสำคัญในการวิเคราะห์ performance และจัดการทรัพยากร โดยระบบรองรับ clock หลายประเภท เช่น CPUCLOCK_PROF, CPUCLOCK_VIRT และ CPUCLOCK_SCHED เพื่อใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ นักวิจัยได้สร้างสภาพแวดล้อมจำลอง kernel บน Android และพัฒนา PoC ที่สามารถทำให้ระบบ crash ได้แม้จะเปิดใช้ CONFIG_POSIX_CPU_TIMERS_TASK_WORK ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่ควรช่วยลดความเสี่ยง แสดงให้เห็นว่าช่องโหว่นี้มีความซับซ้อนและอันตรายแม้ในระบบที่มีการป้องกันเบื้องต้น แพตช์ที่ออกมาเพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้มีการเพิ่มเงื่อนไขตรวจสอบสถานะการ exit ของ task ก่อนดำเนินการลบ timer ซึ่งช่วยป้องกันการเกิด race condition ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ CVE-2025-38352 เป็นช่องโหว่ TOCTOU ใน POSIX CPU Timer subsystem ของ Linux/Android kernel ➡️ เกิดจาก race condition ระหว่างการจัดการ timer ที่หมดเวลาและการลบ timer พร้อมกัน ➡️ อาจนำไปสู่ use-after-free, memory corruption และ privilege escalation ➡️ POSIX CPU Timer ใช้ติดตามเวลาประมวลผลของ process ไม่ใช่เวลาจริง ➡️ รองรับ clock หลายประเภท เช่น CPUCLOCK_PROF, CPUCLOCK_VIRT, CPUCLOCK_SCHED ➡️ นักวิจัยสร้าง PoC ที่ทำให้ระบบ crash ได้แม้เปิดใช้ CONFIG_POSIX_CPU_TIMERS_TASK_WORK ➡️ แพตช์แก้ไขโดยเพิ่มการตรวจสอบ exit_state เพื่อป้องกันการอ้างอิงหน่วยความจำที่ถูกปล่อย ➡️ ช่องโหว่นี้ถูกระบุใน Android Security Bulletin เดือนกันยายน 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TOCTOU เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนใช้งาน แต่เงื่อนไขเปลี่ยนไปในระหว่างนั้น ➡️ Use-after-free เป็นช่องโหว่ที่อันตรายเพราะสามารถนำไปสู่การควบคุมระบบได้ ➡️ Race condition มักเกิดในระบบที่มีการทำงานแบบ multi-threaded หรือ interrupt context ➡️ การตรวจสอบ exit_state เป็นเทคนิคที่ใช้กันทั่วไปในการป้องกันการอ้างอิง task ที่กำลังถูกลบ ➡️ ช่องโหว่ระดับ kernel มีผลกระทบสูงต่อความมั่นคงของระบบ เพราะสามารถควบคุมทุกระดับได้ https://securityonline.info/researcher-details-zero-day-linux-android-kernel-flaw-cve-2025-38352/
    SECURITYONLINE.INFO
    Researcher Details Zero-Day Linux/Android Kernel Flaw (CVE-2025-38352)
    A High-severity TOCTOU race condition (CVE-2025-38352) in the Linux/Android POSIX CPU Timer subsystem can lead to kernel crashes and privilege escalation.
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • เนื้อว่านหลวงพ่อทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2540
    เนื้อว่านหลวงพ่อทวด พิมพ์พระรอด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2540 //พระดีพิธีใหญ่ พระพิธีใหญ่มากๆ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ปลุกเสก และคณาจารย์อีก 108 รูป ร่วมปลุกเสกด้วย ซึ่งมีพิธีใหญ่ทั้งที่วัดช้างให้และวัดพระแก้ว //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** หลวงปู่ทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม สร้างปี พ.ศ. 2540 โดยมีพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง คือ ณ สถูปเจดีย์วัดช้างให้ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2540 และ ณ วัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2540 โดยมีอาจารย์นอง วัดทรายขาว และคณาจารย์อีก 108 รูป ร่วมปลุกเสก

    พิธีพุทธาภิเษก:ครั้งที่ 1: ณ สถูปเจดีย์ วัดช้างให้ วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2540
    ครั้งที่ 2: ณ วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม 2540 ผสมแผ่นยันต์ชนวนเก่า โดยใช้ทรงพิมพ์หลวงปู่ทวดรูปหล่อลอยองค์บัวรอบที่เป็นที่นิยม พระทำออกมาได้สวยงามมาก น่าบูชาเก็บไว้มาก ยิ่งเป็นพระหลวงปู่ทวดที่สร้างโดยกระทรวงกลาโหม ต้องรีบเก็บครับ >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เนื้อว่านหลวงพ่อทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2540 เนื้อว่านหลวงพ่อทวด พิมพ์พระรอด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2540 //พระดีพิธีใหญ่ พระพิธีใหญ่มากๆ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ปลุกเสก และคณาจารย์อีก 108 รูป ร่วมปลุกเสกด้วย ซึ่งมีพิธีใหญ่ทั้งที่วัดช้างให้และวัดพระแก้ว //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** หลวงปู่ทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม สร้างปี พ.ศ. 2540 โดยมีพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง คือ ณ สถูปเจดีย์วัดช้างให้ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2540 และ ณ วัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2540 โดยมีอาจารย์นอง วัดทรายขาว และคณาจารย์อีก 108 รูป ร่วมปลุกเสก พิธีพุทธาภิเษก:ครั้งที่ 1: ณ สถูปเจดีย์ วัดช้างให้ วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2540 ครั้งที่ 2: ณ วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม 2540 ผสมแผ่นยันต์ชนวนเก่า โดยใช้ทรงพิมพ์หลวงปู่ทวดรูปหล่อลอยองค์บัวรอบที่เป็นที่นิยม พระทำออกมาได้สวยงามมาก น่าบูชาเก็บไว้มาก ยิ่งเป็นพระหลวงปู่ทวดที่สร้างโดยกระทรวงกลาโหม ต้องรีบเก็บครับ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 211 Views 0 Reviews
  • “OpenSSL แพตช์ช่องโหว่ 3 รายการ — เสี่ยง RCE, Side-Channel และ Crash จาก IPv6 ‘no_proxy’”

    OpenSSL ซึ่งเป็นไลบรารีเข้ารหัสที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ได้ออกแพตช์อัปเดตเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2025 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัย 3 รายการที่ส่งผลกระทบต่อทุกเวอร์ชันหลัก ตั้งแต่ 1.0.2 ถึง 3.5 โดยมีระดับความรุนแรงตั้งแต่ Low ถึง Moderate แต่มีผลกระทบที่อาจร้ายแรงในบางบริบท

    ช่องโหว่แรก (CVE-2025-9230) เป็นการอ่านและเขียนข้อมูลนอกขอบเขต (Out-of-Bounds Read & Write) ในกระบวนการถอดรหัส CMS ที่ใช้การเข้ารหัสแบบรหัสผ่าน (PWRI) ซึ่งอาจนำไปสู่การ crash หรือแม้แต่การรันโค้ดจากผู้โจมตีได้ แม้โอกาสในการโจมตีจะต่ำ เพราะ CMS แบบ PWRI ใช้น้อยมากในโลกจริง แต่ช่องโหว่นี้ยังคงถูกจัดว่า “Moderate” และส่งผลต่อทุกเวอร์ชันหลักของ OpenSSL

    ช่องโหว่ที่สอง (CVE-2025-9231) เป็นการโจมตีแบบ Timing Side-Channel บนแพลตฟอร์ม ARM64 ที่ใช้ SM2 algorithm ซึ่งอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถวัดเวลาและกู้คืน private key ได้จากระยะไกลในบางกรณี โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้ provider แบบ custom ที่รองรับ SM2

    ช่องโหว่สุดท้าย (CVE-2025-9232) เป็นการอ่านข้อมูลนอกขอบเขตใน HTTP client API เมื่อมีการตั้งค่า no_proxy และใช้ URL ที่มี IPv6 ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชัน crash ได้ แม้จะมีโอกาสโจมตีต่ำ แต่ก็ส่งผลต่อระบบที่ใช้ OCSP และ CMP ที่อิง HTTP client ของ OpenSSL

    OpenSSL ได้ออกแพตช์สำหรับเวอร์ชัน 3.5.4, 3.4.3, 3.3.5, 3.2.6, 3.0.18, 1.1.1zd และ 1.0.2zm โดยแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง แม้ FIPS module จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่โค้ดที่อยู่ภายนอกยังคงเสี่ยงต่อการโจมตี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenSSL ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ 3 รายการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2025
    CVE-2025-9230: Out-of-Bounds Read & Write ในการถอดรหัส CMS แบบ PWRI
    CVE-2025-9231: Timing Side-Channel ใน SM2 บน ARM64 อาจกู้คืน private key ได้
    CVE-2025-9232: Out-of-Bounds Read ใน HTTP client เมื่อใช้ no_proxy กับ IPv6
    ช่องโหว่ทั้งหมดส่งผลต่อเวอร์ชัน 1.0.2 ถึง 3.5 ของ OpenSSL
    แพตช์ใหม่ได้แก่เวอร์ชัน 3.5.4, 3.4.3, 3.3.5, 3.2.6, 3.0.18, 1.1.1zd และ 1.0.2zm
    FIPS module ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะโค้ดที่มีช่องโหว่อยู่ภายนอก boundary

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SM2 เป็นอัลกอริธึมเข้ารหัสที่ใช้ในประเทศจีน และไม่เป็นมาตรฐาน TLS ทั่วไป
    Timing Side-Channel เป็นเทคนิคที่ใช้วัดเวลาการประมวลผลเพื่อกู้ข้อมูลลับ
    CMS (Cryptographic Message Syntax) ใช้ในระบบอีเมลและเอกสารที่เข้ารหัส
    no_proxy เป็น environment variable ที่ใช้ควบคุมการ bypass proxy ใน HTTP client
    OCSP และ CMP เป็นโปรโตคอลที่ใช้ตรวจสอบใบรับรองดิจิทัลในระบบ PKI

    https://securityonline.info/openssl-patches-three-flaws-timing-side-channel-rce-risk-and-memory-corruption-affect-all-versions/
    🔐 “OpenSSL แพตช์ช่องโหว่ 3 รายการ — เสี่ยง RCE, Side-Channel และ Crash จาก IPv6 ‘no_proxy’” OpenSSL ซึ่งเป็นไลบรารีเข้ารหัสที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ได้ออกแพตช์อัปเดตเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2025 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัย 3 รายการที่ส่งผลกระทบต่อทุกเวอร์ชันหลัก ตั้งแต่ 1.0.2 ถึง 3.5 โดยมีระดับความรุนแรงตั้งแต่ Low ถึง Moderate แต่มีผลกระทบที่อาจร้ายแรงในบางบริบท ช่องโหว่แรก (CVE-2025-9230) เป็นการอ่านและเขียนข้อมูลนอกขอบเขต (Out-of-Bounds Read & Write) ในกระบวนการถอดรหัส CMS ที่ใช้การเข้ารหัสแบบรหัสผ่าน (PWRI) ซึ่งอาจนำไปสู่การ crash หรือแม้แต่การรันโค้ดจากผู้โจมตีได้ แม้โอกาสในการโจมตีจะต่ำ เพราะ CMS แบบ PWRI ใช้น้อยมากในโลกจริง แต่ช่องโหว่นี้ยังคงถูกจัดว่า “Moderate” และส่งผลต่อทุกเวอร์ชันหลักของ OpenSSL ช่องโหว่ที่สอง (CVE-2025-9231) เป็นการโจมตีแบบ Timing Side-Channel บนแพลตฟอร์ม ARM64 ที่ใช้ SM2 algorithm ซึ่งอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถวัดเวลาและกู้คืน private key ได้จากระยะไกลในบางกรณี โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้ provider แบบ custom ที่รองรับ SM2 ช่องโหว่สุดท้าย (CVE-2025-9232) เป็นการอ่านข้อมูลนอกขอบเขตใน HTTP client API เมื่อมีการตั้งค่า no_proxy และใช้ URL ที่มี IPv6 ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชัน crash ได้ แม้จะมีโอกาสโจมตีต่ำ แต่ก็ส่งผลต่อระบบที่ใช้ OCSP และ CMP ที่อิง HTTP client ของ OpenSSL OpenSSL ได้ออกแพตช์สำหรับเวอร์ชัน 3.5.4, 3.4.3, 3.3.5, 3.2.6, 3.0.18, 1.1.1zd และ 1.0.2zm โดยแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง แม้ FIPS module จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่โค้ดที่อยู่ภายนอกยังคงเสี่ยงต่อการโจมตี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenSSL ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ 3 รายการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2025 ➡️ CVE-2025-9230: Out-of-Bounds Read & Write ในการถอดรหัส CMS แบบ PWRI ➡️ CVE-2025-9231: Timing Side-Channel ใน SM2 บน ARM64 อาจกู้คืน private key ได้ ➡️ CVE-2025-9232: Out-of-Bounds Read ใน HTTP client เมื่อใช้ no_proxy กับ IPv6 ➡️ ช่องโหว่ทั้งหมดส่งผลต่อเวอร์ชัน 1.0.2 ถึง 3.5 ของ OpenSSL ➡️ แพตช์ใหม่ได้แก่เวอร์ชัน 3.5.4, 3.4.3, 3.3.5, 3.2.6, 3.0.18, 1.1.1zd และ 1.0.2zm ➡️ FIPS module ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะโค้ดที่มีช่องโหว่อยู่ภายนอก boundary ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SM2 เป็นอัลกอริธึมเข้ารหัสที่ใช้ในประเทศจีน และไม่เป็นมาตรฐาน TLS ทั่วไป ➡️ Timing Side-Channel เป็นเทคนิคที่ใช้วัดเวลาการประมวลผลเพื่อกู้ข้อมูลลับ ➡️ CMS (Cryptographic Message Syntax) ใช้ในระบบอีเมลและเอกสารที่เข้ารหัส ➡️ no_proxy เป็น environment variable ที่ใช้ควบคุมการ bypass proxy ใน HTTP client ➡️ OCSP และ CMP เป็นโปรโตคอลที่ใช้ตรวจสอบใบรับรองดิจิทัลในระบบ PKI https://securityonline.info/openssl-patches-three-flaws-timing-side-channel-rce-risk-and-memory-corruption-affect-all-versions/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenSSL Patches Three Flaws: Timing Side-Channel RCE Risk and Memory Corruption Affect All Versions
    OpenSSL patches three flaws, including CVE-2025-9230 (RCE/DoS risk) and a SM2 timing side-channel (CVE-2025-9231) that could allow private key recovery on ARM64.
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • “รัสเซียเปิดแผนสร้างเครื่อง EUV Lithography แบบใหม่ถึงปี 2037 — หวังล้ม ASML ด้วยเทคโนโลยี 11.2nm ที่ไม่เหมือนใคร”

    สถาบันฟิสิกส์โครงสร้างจุลภาคแห่ง Russian Academy of Sciences ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาเครื่อง EUV Lithography แบบใหม่ที่ใช้ความยาวคลื่น 11.2 นาโนเมตร ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ใช้ 13.5 นาโนเมตรของ ASML โดยแผนนี้ครอบคลุมตั้งแต่ปี 2026 ถึง 2037 และแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ตั้งเป้าสร้างเครื่องผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงแต่ต้นทุนต่ำ เพื่อใช้ในโรงงานขนาดเล็กและตลาดที่ถูกกีดกันจากระบบของ ASML

    สิ่งที่โดดเด่นคือ รัสเซียเลือกใช้เลเซอร์แบบ solid-state ร่วมกับพลาสมาจากแก๊สซีนอน แทนการใช้หยดดีบุกแบบ ASML ซึ่งช่วยลดเศษซากที่ทำลาย photomask และลดความซับซ้อนของระบบ โดยใช้กระจกสะท้อนแสงที่ทำจากรูทีเนียมและเบริลเลียม ซึ่งสามารถสะท้อนแสงที่ความยาวคลื่น 11.2nm ได้ดี

    แผนพัฒนาแบ่งเป็น 3 ระยะ:

    ปี 2026–2028: เครื่องรุ่นแรก รองรับการผลิตที่ระดับ 40nm ใช้กระจก 2 ชิ้น ความแม่นยำ 10nm throughput 5 แผ่นต่อชั่วโมง
    ปี 2029–2032: เครื่องรุ่นสอง รองรับ 28nm (อาจถึง 14nm) ใช้กระจก 4 ชิ้น ความแม่นยำ 5nm throughput 50 แผ่นต่อชั่วโมง
    ปี 2033–2036: เครื่องรุ่นสาม รองรับต่ำกว่า 10nm ใช้กระจก 6 ชิ้น ความแม่นยำ 2nm throughput 100 แผ่นต่อชั่วโมง

    แม้แผนนี้จะดูทะเยอทะยาน แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จริง และยังต้องสร้าง ecosystem ใหม่ทั้งหมด เช่น กระจกเฉพาะ, เครื่องขัด, photoresist, และซอฟต์แวร์ออกแบบชิปที่รองรับความยาวคลื่น 11.2nm

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัสเซียเปิดแผนพัฒนาเครื่อง EUV Lithography ความยาวคลื่น 11.2nm ถึงปี 2037
    ใช้เลเซอร์ solid-state และพลาสมาจากแก๊สซีนอน แทนหยดดีบุกแบบ ASML
    ใช้กระจกสะท้อนแสงจากรูทีเนียมและเบริลเลียม (Ru/Be)
    เครื่องรุ่นแรก (2026–2028) รองรับ 40nm ความแม่นยำ 10nm throughput 5 แผ่น/ชม.
    เครื่องรุ่นสอง (2029–2032) รองรับ 28nm ความแม่นยำ 5nm throughput 50 แผ่น/ชม.
    เครื่องรุ่นสาม (2033–2036) รองรับต่ำกว่า 10nm ความแม่นยำ 2nm throughput 100 แผ่น/ชม.
    ระบบนี้ไม่ใช้ immersion fluid และ multi-patterning เหมือน DUV
    ตั้งเป้าให้เครื่องมีต้นทุนต่ำกว่า ASML Twinscan NXE และ EXE
    เหมาะกับโรงงานขนาดเล็กและตลาดที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบของ ASML

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV รายเดียวในโลกที่ใช้ความยาวคลื่น 13.5nm
    การใช้ความยาวคลื่น 11.2nm อาจเพิ่มความละเอียดได้ถึง 20%
    การใช้แก๊สซีนอนช่วยลดการปนเปื้อนและยืดอายุ photomask และ pellicle
    เครื่องรุ่นต้นแบบของรัสเซียตั้งเป้าผลิต 60 แผ่นขนาด 200mm ต่อชั่วโมง และ 300mm ในอนาคต2
    การสร้าง ecosystem ใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี และยังไม่มี timeline ที่ชัดเจน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/russia-outlines-euv-litho-chipmaking-tool-roadmap-through-2037-country-eyes-replacing-duv-with-euv-but-plans-appear-unrealistic
    🔬 “รัสเซียเปิดแผนสร้างเครื่อง EUV Lithography แบบใหม่ถึงปี 2037 — หวังล้ม ASML ด้วยเทคโนโลยี 11.2nm ที่ไม่เหมือนใคร” สถาบันฟิสิกส์โครงสร้างจุลภาคแห่ง Russian Academy of Sciences ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาเครื่อง EUV Lithography แบบใหม่ที่ใช้ความยาวคลื่น 11.2 นาโนเมตร ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ใช้ 13.5 นาโนเมตรของ ASML โดยแผนนี้ครอบคลุมตั้งแต่ปี 2026 ถึง 2037 และแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ตั้งเป้าสร้างเครื่องผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงแต่ต้นทุนต่ำ เพื่อใช้ในโรงงานขนาดเล็กและตลาดที่ถูกกีดกันจากระบบของ ASML สิ่งที่โดดเด่นคือ รัสเซียเลือกใช้เลเซอร์แบบ solid-state ร่วมกับพลาสมาจากแก๊สซีนอน แทนการใช้หยดดีบุกแบบ ASML ซึ่งช่วยลดเศษซากที่ทำลาย photomask และลดความซับซ้อนของระบบ โดยใช้กระจกสะท้อนแสงที่ทำจากรูทีเนียมและเบริลเลียม ซึ่งสามารถสะท้อนแสงที่ความยาวคลื่น 11.2nm ได้ดี แผนพัฒนาแบ่งเป็น 3 ระยะ: 🗝️ ปี 2026–2028: เครื่องรุ่นแรก รองรับการผลิตที่ระดับ 40nm ใช้กระจก 2 ชิ้น ความแม่นยำ 10nm throughput 5 แผ่นต่อชั่วโมง 🗝️ ปี 2029–2032: เครื่องรุ่นสอง รองรับ 28nm (อาจถึง 14nm) ใช้กระจก 4 ชิ้น ความแม่นยำ 5nm throughput 50 แผ่นต่อชั่วโมง 🗝️ ปี 2033–2036: เครื่องรุ่นสาม รองรับต่ำกว่า 10nm ใช้กระจก 6 ชิ้น ความแม่นยำ 2nm throughput 100 แผ่นต่อชั่วโมง แม้แผนนี้จะดูทะเยอทะยาน แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จริง และยังต้องสร้าง ecosystem ใหม่ทั้งหมด เช่น กระจกเฉพาะ, เครื่องขัด, photoresist, และซอฟต์แวร์ออกแบบชิปที่รองรับความยาวคลื่น 11.2nm ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัสเซียเปิดแผนพัฒนาเครื่อง EUV Lithography ความยาวคลื่น 11.2nm ถึงปี 2037 ➡️ ใช้เลเซอร์ solid-state และพลาสมาจากแก๊สซีนอน แทนหยดดีบุกแบบ ASML ➡️ ใช้กระจกสะท้อนแสงจากรูทีเนียมและเบริลเลียม (Ru/Be) ➡️ เครื่องรุ่นแรก (2026–2028) รองรับ 40nm ความแม่นยำ 10nm throughput 5 แผ่น/ชม. ➡️ เครื่องรุ่นสอง (2029–2032) รองรับ 28nm ความแม่นยำ 5nm throughput 50 แผ่น/ชม. ➡️ เครื่องรุ่นสาม (2033–2036) รองรับต่ำกว่า 10nm ความแม่นยำ 2nm throughput 100 แผ่น/ชม. ➡️ ระบบนี้ไม่ใช้ immersion fluid และ multi-patterning เหมือน DUV ➡️ ตั้งเป้าให้เครื่องมีต้นทุนต่ำกว่า ASML Twinscan NXE และ EXE ➡️ เหมาะกับโรงงานขนาดเล็กและตลาดที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบของ ASML ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV รายเดียวในโลกที่ใช้ความยาวคลื่น 13.5nm ➡️ การใช้ความยาวคลื่น 11.2nm อาจเพิ่มความละเอียดได้ถึง 20% ➡️ การใช้แก๊สซีนอนช่วยลดการปนเปื้อนและยืดอายุ photomask และ pellicle ➡️ เครื่องรุ่นต้นแบบของรัสเซียตั้งเป้าผลิต 60 แผ่นขนาด 200mm ต่อชั่วโมง และ 300mm ในอนาคต2 ➡️ การสร้าง ecosystem ใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี และยังไม่มี timeline ที่ชัดเจน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/russia-outlines-euv-litho-chipmaking-tool-roadmap-through-2037-country-eyes-replacing-duv-with-euv-but-plans-appear-unrealistic
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568
    คำทำนาย พื้นดวงชะตา ของคนที่เกิดในแต่ละนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ในเดือนตุลาคม 2568 ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมี การเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่น และ เรื่องใดต้องระมัดระวังปรับปรุงแก้ไข
    ในเดือน ตุลาคมเป็นเดือน เปี้ยสุกนักษัตร จอ พลังดิน ธาตุไฟ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังธาตุของปีมะเส็งเสริมพลังธาตุของเดือนจอทำให้มีพลังส่งเสริมในทางที่ดี
    ส่งผลให้สถานะการณ์ในเดือนนี้เรื่องที่เป็นปัญหาติดขัด ได้รับการแก้ไขให้คลี่คลาย ธุรกิจการค้าขยายตัวช่วย ส่งผลดีต่อธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ นายหน้า ซื้อมาขายไป การลงทุนตลาดหุ้น การโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว
    ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือน จอ จะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน

    https://youtu.be/sZ8CbhCQCFk

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568

    00:00 บทนำ
    01:21 ดวง ปีชวด (หนู)
    03:02 ดวง ปีฉลู (วัว)
    04:53 ดวง ปีขาล (เสือ)
    06:55 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    08:52 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    10:46 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    12:42 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    15:15 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    17:21 ดวง ปีวอก (ลิง)
    19:26 ดวง ปีระกา (ไก่)
    21:49 ดวง ปีจอ (หมา)
    24:00 ดวง ปีกุน (หมู)
    คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 8 ตุลาคมถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568 คำทำนาย พื้นดวงชะตา ของคนที่เกิดในแต่ละนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ในเดือนตุลาคม 2568 ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมี การเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่น และ เรื่องใดต้องระมัดระวังปรับปรุงแก้ไข ในเดือน ตุลาคมเป็นเดือน เปี้ยสุกนักษัตร จอ พลังดิน ธาตุไฟ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังธาตุของปีมะเส็งเสริมพลังธาตุของเดือนจอทำให้มีพลังส่งเสริมในทางที่ดี ส่งผลให้สถานะการณ์ในเดือนนี้เรื่องที่เป็นปัญหาติดขัด ได้รับการแก้ไขให้คลี่คลาย ธุรกิจการค้าขยายตัวช่วย ส่งผลดีต่อธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ นายหน้า ซื้อมาขายไป การลงทุนตลาดหุ้น การโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือน จอ จะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน https://youtu.be/sZ8CbhCQCFk ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2568 00:00 บทนำ 01:21 ดวง ปีชวด (หนู) 03:02 ดวง ปีฉลู (วัว) 04:53 ดวง ปีขาล (เสือ) 06:55 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 08:52 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 10:46 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 12:42 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 15:15 ดวง ปีมะแม (แพะ) 17:21 ดวง ปีวอก (ลิง) 19:26 ดวง ปีระกา (ไก่) 21:49 ดวง ปีจอ (หมา) 24:00 ดวง ปีกุน (หมู) คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 8 ตุลาคมถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568
    0 Comments 1 Shares 314 Views 0 Reviews
  • “Qualcomm เปิดตัว APV มาตรฐานวิดีโอระดับโปรแบบเปิด — ท้าชน Apple ProRes ด้วยพลัง Snapdragon และพันธมิตรอุตสาหกรรม”

    ในงานเปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 เมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 Qualcomm ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการวิดีโอระดับมืออาชีพ ด้วยการเปิดตัว APV (Advanced Professional Video) ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสวิดีโอแบบเปิดที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายทำและตัดต่อระดับโปร โดยมีเป้าหมายชัดเจน: แข่งกับ Apple ProRes และลดการพึ่งพาฟอร์แมตแบบเสียค่าลิขสิทธิ์อย่าง H.265

    APV ถูกพัฒนาร่วมกันโดย Qualcomm, Adobe, Google, Dolby, Blackmagic, Samsung และพันธมิตรอื่น ๆ โดยเน้นให้เป็นมาตรฐานแบบโอเพ่นซอร์ส เพื่อให้ผู้ผลิตอุปกรณ์และซอฟต์แวร์สามารถนำไปใช้ได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ทำให้เกิดความยืดหยุ่นทั้งในฝั่งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

    ด้านเทคนิค APV รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit ทั้งในรูปแบบ 4:4:4 และ 4:2:2 พร้อมอัตราการเข้ารหัสที่ 3–4 Gbps ซึ่งให้คุณภาพสูงแต่ใช้พื้นที่จัดเก็บน้อยกว่าฟอร์แมต ProRes ถึง 10% และยังสามารถทำงานร่วมกับระบบ Windows PC ได้ทันที โดยไม่ต้องแปลงไฟล์ก่อนตัดต่อ

    Qualcomm ยังร่วมมือกับ Microsoft เพื่อให้ APV ทำงานได้อย่างไร้รอยต่อบน Windows โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่ใช้ Snapdragon ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอด้วยมือถือ แล้วนำไปตัดต่อบน PC ได้ทันทีโดยไม่สูญเสียคุณภาพ

    แม้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 จะเริ่มวางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ แต่ฮาร์ดแวร์ที่รองรับ APV โดยตรงจะเริ่มมีในปี 2026 เนื่องจากต้องปรับตัวในระดับอุตสาหกรรม ทั้งด้านซอฟต์แวร์ตัดต่อ, ระบบจัดเก็บข้อมูล และเวิร์กโฟลว์การผลิต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm เปิดตัว APV (Advanced Professional Video) เป็นมาตรฐานวิดีโอแบบเปิด
    พัฒนาโดยความร่วมมือกับ Adobe, Google, Dolby, Blackmagic, Samsung และพันธมิตรอื่น ๆ
    ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Apple ProRes และลดการพึ่งพา H.265
    รองรับ 10-bit 4:4:4 และ 4:2:2 ที่อัตรา 3–4 Gbps
    ขนาดไฟล์เล็กกว่า ProRes ประมาณ 10% แต่ยังคงคุณภาพระดับโปร
    ทำงานร่วมกับ Windows PC ได้ทันทีโดยไม่ต้องแปลงไฟล์
    Qualcomm ร่วมมือกับ Microsoft เพื่อให้ APV ทำงานบน Windows อย่างไร้รอยต่อ
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 รองรับ APV แต่ฮาร์ดแวร์จะเริ่มใช้งานจริงในปี 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    APV รองรับ HDR 10/10+ metadata และสามารถบันทึกวิดีโอระดับ 8K ได้
    การใช้ codec แบบเปิดช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิต
    ProRes ของ Apple แม้จะเป็น open framework แต่ยังมีข้อจำกัดด้านการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม
    APV ถูกออกแบบให้ใช้พลังงานน้อย เหมาะกับอุปกรณ์พกพา
    การมีมาตรฐานแบบเปิดช่วยให้ผู้ผลิตกล้อง, มือถือ และซอฟต์แวร์ตัดต่อสามารถพัฒนา ecosystem ร่วมกันได้

    https://securityonline.info/qualcomm-launches-apv-the-open-standard-for-pro-grade-video-to-rival-apple-prores/
    🎥 “Qualcomm เปิดตัว APV มาตรฐานวิดีโอระดับโปรแบบเปิด — ท้าชน Apple ProRes ด้วยพลัง Snapdragon และพันธมิตรอุตสาหกรรม” ในงานเปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 เมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 Qualcomm ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการวิดีโอระดับมืออาชีพ ด้วยการเปิดตัว APV (Advanced Professional Video) ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสวิดีโอแบบเปิดที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายทำและตัดต่อระดับโปร โดยมีเป้าหมายชัดเจน: แข่งกับ Apple ProRes และลดการพึ่งพาฟอร์แมตแบบเสียค่าลิขสิทธิ์อย่าง H.265 APV ถูกพัฒนาร่วมกันโดย Qualcomm, Adobe, Google, Dolby, Blackmagic, Samsung และพันธมิตรอื่น ๆ โดยเน้นให้เป็นมาตรฐานแบบโอเพ่นซอร์ส เพื่อให้ผู้ผลิตอุปกรณ์และซอฟต์แวร์สามารถนำไปใช้ได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ทำให้เกิดความยืดหยุ่นทั้งในฝั่งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ด้านเทคนิค APV รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit ทั้งในรูปแบบ 4:4:4 และ 4:2:2 พร้อมอัตราการเข้ารหัสที่ 3–4 Gbps ซึ่งให้คุณภาพสูงแต่ใช้พื้นที่จัดเก็บน้อยกว่าฟอร์แมต ProRes ถึง 10% และยังสามารถทำงานร่วมกับระบบ Windows PC ได้ทันที โดยไม่ต้องแปลงไฟล์ก่อนตัดต่อ Qualcomm ยังร่วมมือกับ Microsoft เพื่อให้ APV ทำงานได้อย่างไร้รอยต่อบน Windows โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่ใช้ Snapdragon ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอด้วยมือถือ แล้วนำไปตัดต่อบน PC ได้ทันทีโดยไม่สูญเสียคุณภาพ แม้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 จะเริ่มวางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ แต่ฮาร์ดแวร์ที่รองรับ APV โดยตรงจะเริ่มมีในปี 2026 เนื่องจากต้องปรับตัวในระดับอุตสาหกรรม ทั้งด้านซอฟต์แวร์ตัดต่อ, ระบบจัดเก็บข้อมูล และเวิร์กโฟลว์การผลิต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm เปิดตัว APV (Advanced Professional Video) เป็นมาตรฐานวิดีโอแบบเปิด ➡️ พัฒนาโดยความร่วมมือกับ Adobe, Google, Dolby, Blackmagic, Samsung และพันธมิตรอื่น ๆ ➡️ ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Apple ProRes และลดการพึ่งพา H.265 ➡️ รองรับ 10-bit 4:4:4 และ 4:2:2 ที่อัตรา 3–4 Gbps ➡️ ขนาดไฟล์เล็กกว่า ProRes ประมาณ 10% แต่ยังคงคุณภาพระดับโปร ➡️ ทำงานร่วมกับ Windows PC ได้ทันทีโดยไม่ต้องแปลงไฟล์ ➡️ Qualcomm ร่วมมือกับ Microsoft เพื่อให้ APV ทำงานบน Windows อย่างไร้รอยต่อ ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 5 รองรับ APV แต่ฮาร์ดแวร์จะเริ่มใช้งานจริงในปี 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ APV รองรับ HDR 10/10+ metadata และสามารถบันทึกวิดีโอระดับ 8K ได้ ➡️ การใช้ codec แบบเปิดช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิต ➡️ ProRes ของ Apple แม้จะเป็น open framework แต่ยังมีข้อจำกัดด้านการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม ➡️ APV ถูกออกแบบให้ใช้พลังงานน้อย เหมาะกับอุปกรณ์พกพา ➡️ การมีมาตรฐานแบบเปิดช่วยให้ผู้ผลิตกล้อง, มือถือ และซอฟต์แวร์ตัดต่อสามารถพัฒนา ecosystem ร่วมกันได้ https://securityonline.info/qualcomm-launches-apv-the-open-standard-for-pro-grade-video-to-rival-apple-prores/
    SECURITYONLINE.INFO
    Qualcomm Launches APV: The Open Standard for Pro-Grade Video to Rival Apple ProRes
    Qualcomm unveils APV (Advanced Professional Video), an open-source encoding standard for professional video capture designed to challenge Apple's ProRes.
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • “ShadowV2: บ็อตเน็ตยุคใหม่ที่ใช้ AWS Docker เป็นฐานยิง DDoS — เมื่ออาชญากรรมไซเบอร์กลายเป็นธุรกิจ SaaS เต็มรูปแบบ”

    นักวิจัยจาก Darktrace ได้เปิดโปงเครือข่ายบ็อตเน็ตใหม่ชื่อว่า ShadowV2 ซึ่งไม่ใช่แค่มัลแวร์ทั่วไป แต่เป็น “DDoS-for-hire platform” หรือบริการยิง DDoS แบบเช่าใช้ ที่ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายเหมือนแอปพลิเคชันบนคลาวด์ โดยผู้โจมตีสามารถล็อกอินเข้าไปตั้งค่าการโจมตีผ่านแดชบอร์ดได้ทันที

    สิ่งที่ทำให้ ShadowV2 น่ากลัวคือการใช้ Docker containers ที่ตั้งค่าผิดบน AWS EC2 เป็นฐานในการติดตั้งมัลแวร์ โดยเริ่มจากการใช้ Python script บน GitHub CodeSpaces เพื่อสร้าง container ชั่วคราว จากนั้นติดตั้ง Go-based Remote Access Trojan (RAT) ที่สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน RESTful API และรับคำสั่งโจมตีแบบเรียลไทม์

    ระบบของ ShadowV2 ถูกออกแบบอย่างมืออาชีพ มีทั้ง UI ที่สร้างด้วย Tailwind, ระบบล็อกอิน, การจัดการผู้ใช้, การตั้งค่าการโจมตี, และแม้แต่ระบบ blacklist ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนว่าอาชญากรรมไซเบอร์กำลังกลายเป็น “ธุรกิจแบบ SaaS” ที่มีการจัดการเหมือนซอฟต์แวร์องค์กร

    เทคนิคการโจมตีของ ShadowV2 ยังรวมถึงการใช้ HTTP/2 rapid reset ที่สามารถทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ทันที และการหลบหลีกระบบป้องกันของ Cloudflare ด้วยการใช้ ChromeDP เพื่อแก้ JavaScript challenge อัตโนมัติ แม้จะไม่สำเร็จทุกครั้ง แต่ก็แสดงถึงความพยายามในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    Jason Soroko จาก Sectigo ระบุว่า ShadowV2 เป็นตัวอย่างของ “ตลาดอาชญากรรมที่กำลังเติบโต” โดยเน้นเฉพาะ DDoS และขายการเข้าถึงแบบ multi-tenant ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการปฏิบัติการ และเพิ่มความสามารถในการขยายระบบอย่างรวดเร็ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ShadowV2 เป็นบ็อตเน็ตแบบ DDoS-for-hire ที่ใช้ Docker containers บน AWS เป็นฐาน
    เริ่มต้นด้วย Python script บน GitHub CodeSpaces เพื่อสร้าง container ชั่วคราว
    ติดตั้ง Go-based RAT ที่สื่อสารผ่าน RESTful API และรับคำสั่งโจมตี
    มี UI แบบมืออาชีพ พร้อมแดชบอร์ด, ระบบล็อกอิน, การจัดการผู้ใช้ และ blacklist
    ใช้เทคนิค HTTP/2 rapid reset และ Cloudflare UAM bypass เพื่อโจมตีเซิร์ฟเวอร์
    ใช้ ChromeDP เพื่อแก้ JavaScript challenge อัตโนมัติ
    Darktrace พบการโจมตีครั้งแรกเมื่อ 24 มิถุนายน 2025 และพบเวอร์ชันเก่าบน threat database
    เว็บไซต์ของ ShadowV2 มีการแสดงข้อความยึดทรัพย์ปลอมเพื่อหลอกผู้ใช้
    Jason Soroko ระบุว่าเป็นตัวอย่างของตลาดอาชญากรรมที่เน้นเฉพาะ DDoS

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Docker เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สร้าง container สำหรับรันแอปแบบแยกส่วน
    หากตั้งค่า Docker daemon ให้เข้าถึงจากภายนอกโดยไม่จำกัด จะเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    HTTP/2 rapid reset เป็นเทคนิคใหม่ที่ใช้รีเซ็ตการเชื่อมต่อจำนวนมากพร้อมกัน
    ChromeDP เป็นเครื่องมือควบคุม Chrome แบบ headless ที่ใช้ในงาน automation
    การใช้ RESTful API ทำให้ระบบสามารถควบคุมจากระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://hackread.com/shadowv2-botnet-aws-docker-ddos-for-hire-service/
    🕷️ “ShadowV2: บ็อตเน็ตยุคใหม่ที่ใช้ AWS Docker เป็นฐานยิง DDoS — เมื่ออาชญากรรมไซเบอร์กลายเป็นธุรกิจ SaaS เต็มรูปแบบ” นักวิจัยจาก Darktrace ได้เปิดโปงเครือข่ายบ็อตเน็ตใหม่ชื่อว่า ShadowV2 ซึ่งไม่ใช่แค่มัลแวร์ทั่วไป แต่เป็น “DDoS-for-hire platform” หรือบริการยิง DDoS แบบเช่าใช้ ที่ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายเหมือนแอปพลิเคชันบนคลาวด์ โดยผู้โจมตีสามารถล็อกอินเข้าไปตั้งค่าการโจมตีผ่านแดชบอร์ดได้ทันที สิ่งที่ทำให้ ShadowV2 น่ากลัวคือการใช้ Docker containers ที่ตั้งค่าผิดบน AWS EC2 เป็นฐานในการติดตั้งมัลแวร์ โดยเริ่มจากการใช้ Python script บน GitHub CodeSpaces เพื่อสร้าง container ชั่วคราว จากนั้นติดตั้ง Go-based Remote Access Trojan (RAT) ที่สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน RESTful API และรับคำสั่งโจมตีแบบเรียลไทม์ ระบบของ ShadowV2 ถูกออกแบบอย่างมืออาชีพ มีทั้ง UI ที่สร้างด้วย Tailwind, ระบบล็อกอิน, การจัดการผู้ใช้, การตั้งค่าการโจมตี, และแม้แต่ระบบ blacklist ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนว่าอาชญากรรมไซเบอร์กำลังกลายเป็น “ธุรกิจแบบ SaaS” ที่มีการจัดการเหมือนซอฟต์แวร์องค์กร เทคนิคการโจมตีของ ShadowV2 ยังรวมถึงการใช้ HTTP/2 rapid reset ที่สามารถทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ทันที และการหลบหลีกระบบป้องกันของ Cloudflare ด้วยการใช้ ChromeDP เพื่อแก้ JavaScript challenge อัตโนมัติ แม้จะไม่สำเร็จทุกครั้ง แต่ก็แสดงถึงความพยายามในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Jason Soroko จาก Sectigo ระบุว่า ShadowV2 เป็นตัวอย่างของ “ตลาดอาชญากรรมที่กำลังเติบโต” โดยเน้นเฉพาะ DDoS และขายการเข้าถึงแบบ multi-tenant ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการปฏิบัติการ และเพิ่มความสามารถในการขยายระบบอย่างรวดเร็ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ShadowV2 เป็นบ็อตเน็ตแบบ DDoS-for-hire ที่ใช้ Docker containers บน AWS เป็นฐาน ➡️ เริ่มต้นด้วย Python script บน GitHub CodeSpaces เพื่อสร้าง container ชั่วคราว ➡️ ติดตั้ง Go-based RAT ที่สื่อสารผ่าน RESTful API และรับคำสั่งโจมตี ➡️ มี UI แบบมืออาชีพ พร้อมแดชบอร์ด, ระบบล็อกอิน, การจัดการผู้ใช้ และ blacklist ➡️ ใช้เทคนิค HTTP/2 rapid reset และ Cloudflare UAM bypass เพื่อโจมตีเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ใช้ ChromeDP เพื่อแก้ JavaScript challenge อัตโนมัติ ➡️ Darktrace พบการโจมตีครั้งแรกเมื่อ 24 มิถุนายน 2025 และพบเวอร์ชันเก่าบน threat database ➡️ เว็บไซต์ของ ShadowV2 มีการแสดงข้อความยึดทรัพย์ปลอมเพื่อหลอกผู้ใช้ ➡️ Jason Soroko ระบุว่าเป็นตัวอย่างของตลาดอาชญากรรมที่เน้นเฉพาะ DDoS ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Docker เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สร้าง container สำหรับรันแอปแบบแยกส่วน ➡️ หากตั้งค่า Docker daemon ให้เข้าถึงจากภายนอกโดยไม่จำกัด จะเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ➡️ HTTP/2 rapid reset เป็นเทคนิคใหม่ที่ใช้รีเซ็ตการเชื่อมต่อจำนวนมากพร้อมกัน ➡️ ChromeDP เป็นเครื่องมือควบคุม Chrome แบบ headless ที่ใช้ในงาน automation ➡️ การใช้ RESTful API ทำให้ระบบสามารถควบคุมจากระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://hackread.com/shadowv2-botnet-aws-docker-ddos-for-hire-service/
    HACKREAD.COM
    ShadowV2 Botnet Uses Misconfigured AWS Docker for DDoS-For-Hire Service
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • เรื่อง บันทึกวันฉลอง
    “บันทึกวันฉลอง”
    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม
    ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง
    ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน)
    นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ)
    อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย
    (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ)
    สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้
    อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย
    พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ
    ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก
    ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง
    พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง
    สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง)
    สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
    นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart
    มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้)
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้)
    ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง)
    ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน)
    ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ)
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ)
    เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก)
    ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา)
    คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี
    หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ)
    เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง )
    จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว
    เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา
    ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767
    มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง
    อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี
    สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    เรื่อง บันทึกวันฉลอง “บันทึกวันฉลอง” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน) นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ) อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ) สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้ อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง) สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้) ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้) ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง) ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน) ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ) เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ) เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก) ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา) คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ) เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง ) จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767 มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 454 Views 0 Reviews



  • รัฐอิสราเอลก่อตั้งขึ้นในปี 1947 โดย "ไซออนิสต์" = ซาตานิสต์คาซาเรียน

    ตัวการยุแหย่สร้างความแตกแยกโกลาหลหรือทำลาย ไทยพุทธ - ไทยมุสลิม ตัวจริงคือ ไซออนิสต์.




    #อิสราเอลสงครามครั้งสุดท้าย

    สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างคือสงครามระหว่างซาตานและพระเจ้า

    ระหว่างสายเลือดสัตว์เลื้อยคลานของซาตานและสายเลือดมนุษย์ของพระเยซู

    อิสราเอลเป็นประเทศสุดท้ายเพราะโควิดเปิดเผยการทุจริตในระบบการดูแลสุขภาพและการเมืองของเรา

    อิสราเอลจะเปิดเผยต้นตอของการทุจริตและความชั่วร้ายทั้งหมดในระบบศาสนาของเรา
    การเปิดเผยการจี้พระคัมภีร์โดยซาตานเมื่อหลายศตวรรษก่อน

    แสงสว่างบนโลกใบนี้ถูกแสงเทียมแห่งความมืดทำให้มืดลง

    งูเข้าไปในสวนเอเดนและแอบเข้าไปในหลุมงู

    หัวของงูในวาติกัน ส่วนลำตัวของงูสร้างเส้นทางสายไหมที่นำไปสู่อู่ฮั่นซึ่งมันแพร่กระจายพิษของมัน
    ซ่อนตัวอยู่ในหลุมงูในอิสราเอล ซึ่งลัทธิซาตานจี้พระคัมภีร์บางส่วนและกลายเป็นแสงเทียมที่หลอกล่อมนุษยชาติด้วยความถี่แห่งความชั่วร้ายของความกลัว ความอับอาย และความรู้สึกผิด

    แยกจากพระเจ้าและความรักที่เราทุกคนเป็น แบ่งแยกศาสนา เชื้อชาติ การเมือง ทำให้เกิดความมืดมนมาหลายศตวรรษ
    แยกจากกันโดยกลุ่มเล็กๆ ที่ได้ประโยชน์จากการควบคุมพลังงานและผู้คน

    กลุ่มเล็กๆ นี้ คือ ชนชั้นสูงซาตาน อิลูมินาติ คณะปกครอง

    ราชวงศ์ทั้งหมดในยุโรป ประเทศบอลติก และรัสเซีย อ้างว่าบรรพบุรุษของตนคือโวตันหรือโอดิน
    โวตันหรือโอดินเป็นเพนดรากอน - งู - งู - สัตว์เลื้อยคลาน

    ราชวงศ์ 13 ราชวงศ์เป็นลูกผสมของสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ โดยแสร้งทำเป็นมนุษย์

    สัญลักษณ์ของงูมีอยู่ทั่วไปในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน พระสันตปาปาประทับนั่งในปากงูเหมือนลิ้นและเทศนาหลอกลวง
    สายเลือดดรูซของพระเยซูสืบเชื้อสายมาจาก “เจโธร” นักบวชแห่งมีเดียนในพระคัมภีร์ และ “โตราห์” (อพยพ 2:18)
    ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา “อับราฮัม ลินคอล์น” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลคาห์ลูนี

    ในปี 1855 ISIS ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์แห่งโมร็อกโกและลิเบีย [ตระกูลฮัสซัน] ร่วมกับตระกูลโรทัลอังกฤษ
    พวกเขาลงนามในกฎหมายโมฮัมเหม็ดดีซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสังหารสายเลือดของพระเยซูคริสต์ [DRUZE]
    6 ปีต่อมา พวกเขาได้รวมเข้ากับ Skull n Bones:
    Rothschilds, Schiff, Rockefellers, Scherff หรือที่รู้จักในชื่อ Bush, Kissingers เป็นต้น
    Skull n Bones_ISIS สังหาร JFK

    1855 - ISIS ก่อตั้งโดยตระกูลซานุสซีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษ (คาซาเรียน)
    1861 - รวมเข้ากับกะโหลกและกระดูก 322 ชิ้น (คาซาเรียน)
    1870 - 1930 บริษัทเภสัชยักษ์ใหญ่ (คาซาเรียน)
    1871 พระราชบัญญัติอังกฤษ (รัฐธรรมนูญลับที่จัดทำโดยสมาคมลับ) คาซาเรียน
    1912 เรือไททานิค/โอลิมปิกจม
    (ใครอยู่บนเรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่)
    1913 ธนาคารกลางสหรัฐ
    1917 - 1923 การปฏิวัติบอลเชวิค
    1945 - 1959 ปฏิบัติการกระดาษคลิป/ม็อกกิ้งเบิร์ด 1948 - อิสราเอลก่อตั้งขึ้น (รัฐบาลคาซาเรียน/บอลเชวิค)
    1949 - มอสสาด = ก่อตั้งซีไอเอ

    พลเอกฟลินน์ ผู้แจ้งเบาะแสเปิดโปงเครือข่ายก่อการร้ายของกูเลน:

    • ฟลินน์ค้นพบว่ารัฐบาลโอบามากำลังจัดหาเงินทุนและอาวุธให้กับนักรบญิฮาดที่โบกธงไอเอสในเวลาต่อมา

    • การกระทำของนักรบญิฮาดเหล่านี้เกิดขึ้นในฉนวนกาซา

    • โอบามาด้วยความช่วยเหลือของซีไอเอ นาโต้ และพวกพ้องนักรบญิฮาดของเขา กำลังพยายามเอาชนะอัสซาดในซีเรีย

    • รัฐบาลที่ทรยศเหล่านี้จัดหาเงินทุนให้ไอเอส

    • สหรัฐฯ/นักรบญิฮาดกลายเป็นอาหรับสปริง ทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และสร้างวิกฤตการอพยพระหว่างประเทศ

    • ฮิลลารีมีส่วนร่วมในการเปิดตัวอาหรับสปริงในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้รัฐบาลโอบามา
    • ฟลินน์เปิดโปงการมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายผู้ก่อการร้ายกูเลนของรัฐบาลโอบามาและโดยปริยายของเอช. ดับเบิลยู. บุช, จี. บุช, คลินตัน, กระทรวงการต่างประเทศ, เอฟบีไอ, ซีไอเอ และหน่วยข่าวกรองอเมริกัน

    ตอนนี้ กลับมาที่อิสราเอลในวันนี้

    อย่าหลงกล/
    อาคารที่ถล่มลงมาในฉนวนกาซาจากขีปนาวุธลูกหนึ่งนั้นถูกรื้อถอนโดยการควบคุม
    ผู้ปฏิบัติการของดีพสเตตทั้งในค่ายอิสราเอลและปาเลสไตน์
    ถูกแทรกซึมมานานแล้ว (Mossad/CIA)//

    ผู้ควบคุมอิสราเอลก็คือ MOSSAD >>MI6 ของสหราชอาณาจักร>>ROTHSCHILDs>>CIA

    เซิร์ฟเวอร์ Dominion มีอะไรให้ปกปิดมากมาย
    ตั้งแต่การค้ามนุษย์ไปจนถึงการก่อตั้ง Epstein ไปจนถึงธนาคารในวาติกัน
    กลุ่มมาเฟีย Mossad/Kazarian ที่ควบคุมยูเครน
    ความเชื่อมโยงจากหลุมพรางแห่งการทุจริตของชนชั้นนำอิสราเอลนั้นลึกล้ำเข้าไปในการควบคุมของ MSM สมยศ จิราวณิชานันท์ ของสหรัฐอเมริกา

    https://rumble.com/v4bzuzo-khazarian-mafia-ผู้กินเทพ-ภาค2-ของ2.html


    รัฐอิสราเอลก่อตั้งขึ้นในปี 1947 โดย "ไซออนิสต์" = ซาตานิสต์คาซาเรียน ตัวการยุแหย่สร้างความแตกแยกโกลาหลหรือทำลาย ไทยพุทธ - ไทยมุสลิม ตัวจริงคือ ไซออนิสต์. #อิสราเอลสงครามครั้งสุดท้าย สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างคือสงครามระหว่างซาตานและพระเจ้า ระหว่างสายเลือดสัตว์เลื้อยคลานของซาตานและสายเลือดมนุษย์ของพระเยซู อิสราเอลเป็นประเทศสุดท้ายเพราะโควิดเปิดเผยการทุจริตในระบบการดูแลสุขภาพและการเมืองของเรา อิสราเอลจะเปิดเผยต้นตอของการทุจริตและความชั่วร้ายทั้งหมดในระบบศาสนาของเรา การเปิดเผยการจี้พระคัมภีร์โดยซาตานเมื่อหลายศตวรรษก่อน แสงสว่างบนโลกใบนี้ถูกแสงเทียมแห่งความมืดทำให้มืดลง งูเข้าไปในสวนเอเดนและแอบเข้าไปในหลุมงู หัวของงูในวาติกัน ส่วนลำตัวของงูสร้างเส้นทางสายไหมที่นำไปสู่อู่ฮั่นซึ่งมันแพร่กระจายพิษของมัน ซ่อนตัวอยู่ในหลุมงูในอิสราเอล ซึ่งลัทธิซาตานจี้พระคัมภีร์บางส่วนและกลายเป็นแสงเทียมที่หลอกล่อมนุษยชาติด้วยความถี่แห่งความชั่วร้ายของความกลัว ความอับอาย และความรู้สึกผิด แยกจากพระเจ้าและความรักที่เราทุกคนเป็น แบ่งแยกศาสนา เชื้อชาติ การเมือง ทำให้เกิดความมืดมนมาหลายศตวรรษ แยกจากกันโดยกลุ่มเล็กๆ ที่ได้ประโยชน์จากการควบคุมพลังงานและผู้คน กลุ่มเล็กๆ นี้ คือ ชนชั้นสูงซาตาน อิลูมินาติ คณะปกครอง ราชวงศ์ทั้งหมดในยุโรป ประเทศบอลติก และรัสเซีย อ้างว่าบรรพบุรุษของตนคือโวตันหรือโอดิน โวตันหรือโอดินเป็นเพนดรากอน - งู - งู - สัตว์เลื้อยคลาน ราชวงศ์ 13 ราชวงศ์เป็นลูกผสมของสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ โดยแสร้งทำเป็นมนุษย์ สัญลักษณ์ของงูมีอยู่ทั่วไปในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน พระสันตปาปาประทับนั่งในปากงูเหมือนลิ้นและเทศนาหลอกลวง สายเลือดดรูซของพระเยซูสืบเชื้อสายมาจาก “เจโธร” นักบวชแห่งมีเดียนในพระคัมภีร์ และ “โตราห์” (อพยพ 2:18) ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา “อับราฮัม ลินคอล์น” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลคาห์ลูนี ในปี 1855 ISIS ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์แห่งโมร็อกโกและลิเบีย [ตระกูลฮัสซัน] ร่วมกับตระกูลโรทัลอังกฤษ พวกเขาลงนามในกฎหมายโมฮัมเหม็ดดีซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสังหารสายเลือดของพระเยซูคริสต์ [DRUZE] 6 ปีต่อมา พวกเขาได้รวมเข้ากับ Skull n Bones: Rothschilds, Schiff, Rockefellers, Scherff หรือที่รู้จักในชื่อ Bush, Kissingers เป็นต้น Skull n Bones_ISIS สังหาร JFK 1855 - ISIS ก่อตั้งโดยตระกูลซานุสซีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษ (คาซาเรียน) 1861 - รวมเข้ากับกะโหลกและกระดูก 322 ชิ้น (คาซาเรียน) 1870 - 1930 บริษัทเภสัชยักษ์ใหญ่ (คาซาเรียน) 1871 พระราชบัญญัติอังกฤษ (รัฐธรรมนูญลับที่จัดทำโดยสมาคมลับ) คาซาเรียน 1912 เรือไททานิค/โอลิมปิกจม (ใครอยู่บนเรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่) 1913 ธนาคารกลางสหรัฐ 1917 - 1923 การปฏิวัติบอลเชวิค 1945 - 1959 ปฏิบัติการกระดาษคลิป/ม็อกกิ้งเบิร์ด 1948 - อิสราเอลก่อตั้งขึ้น (รัฐบาลคาซาเรียน/บอลเชวิค) 1949 - มอสสาด = ก่อตั้งซีไอเอ พลเอกฟลินน์ ผู้แจ้งเบาะแสเปิดโปงเครือข่ายก่อการร้ายของกูเลน: • ฟลินน์ค้นพบว่ารัฐบาลโอบามากำลังจัดหาเงินทุนและอาวุธให้กับนักรบญิฮาดที่โบกธงไอเอสในเวลาต่อมา • การกระทำของนักรบญิฮาดเหล่านี้เกิดขึ้นในฉนวนกาซา • โอบามาด้วยความช่วยเหลือของซีไอเอ นาโต้ และพวกพ้องนักรบญิฮาดของเขา กำลังพยายามเอาชนะอัสซาดในซีเรีย • รัฐบาลที่ทรยศเหล่านี้จัดหาเงินทุนให้ไอเอส • สหรัฐฯ/นักรบญิฮาดกลายเป็นอาหรับสปริง ทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และสร้างวิกฤตการอพยพระหว่างประเทศ • ฮิลลารีมีส่วนร่วมในการเปิดตัวอาหรับสปริงในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้รัฐบาลโอบามา • ฟลินน์เปิดโปงการมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายผู้ก่อการร้ายกูเลนของรัฐบาลโอบามาและโดยปริยายของเอช. ดับเบิลยู. บุช, จี. บุช, คลินตัน, กระทรวงการต่างประเทศ, เอฟบีไอ, ซีไอเอ และหน่วยข่าวกรองอเมริกัน ตอนนี้ กลับมาที่อิสราเอลในวันนี้ อย่าหลงกล/ อาคารที่ถล่มลงมาในฉนวนกาซาจากขีปนาวุธลูกหนึ่งนั้นถูกรื้อถอนโดยการควบคุม ผู้ปฏิบัติการของดีพสเตตทั้งในค่ายอิสราเอลและปาเลสไตน์ ถูกแทรกซึมมานานแล้ว (Mossad/CIA)// ผู้ควบคุมอิสราเอลก็คือ MOSSAD >>MI6 ของสหราชอาณาจักร>>ROTHSCHILDs>>CIA เซิร์ฟเวอร์ Dominion มีอะไรให้ปกปิดมากมาย ตั้งแต่การค้ามนุษย์ไปจนถึงการก่อตั้ง Epstein ไปจนถึงธนาคารในวาติกัน กลุ่มมาเฟีย Mossad/Kazarian ที่ควบคุมยูเครน ความเชื่อมโยงจากหลุมพรางแห่งการทุจริตของชนชั้นนำอิสราเอลนั้นลึกล้ำเข้าไปในการควบคุมของ MSM [CIA] ของสหรัฐอเมริกา https://rumble.com/v4bzuzo-khazarian-mafia-ผู้กินเทพ-ภาค2-ของ2.html
    0 Comments 0 Shares 378 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2540
    เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2540 //พระดีพิธีใหญ่ พระพิธีใหญ่มากๆ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ปลุกเสก และคณาจารย์อีก 108 รูป ร่วมปลุกเสกด้วย ซึ่งมีพิธีใหญ่ทั้งที่วัดช้างให้และวัดพระแก้ว //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** หลวงปู่ทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม สร้างปี พ.ศ. 2540 โดยมีพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง คือ ณ สถูปเจดีย์วัดช้างให้ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2540 และ ณ วัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2540 โดยมีอาจารย์นอง วัดทรายขาว และคณาจารย์อีก 108 รูป ร่วมปลุกเสก

    พิธีพุทธาภิเษก:ครั้งที่ 1: ณ สถูปเจดีย์ วัดช้างให้ วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2540
    ครั้งที่ 2: ณ วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม 2540 ผสมแผ่นยันต์ชนวนเก่า โดยใช้ทรงพิมพ์หลวงปู่ทวดรูปหล่อลอยองค์บัวรอบที่เป็นที่นิยม พระทำออกมาได้สวยงามมาก น่าบูชาเก็บไว้มาก ยิ่งเป็นพระหลวงปู่ทวดที่สร้างโดยกระทรวงกลาโหม ต้องรีบเก็บครับ >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2540 เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2540 //พระดีพิธีใหญ่ พระพิธีใหญ่มากๆ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ปลุกเสก และคณาจารย์อีก 108 รูป ร่วมปลุกเสกด้วย ซึ่งมีพิธีใหญ่ทั้งที่วัดช้างให้และวัดพระแก้ว //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** หลวงปู่ทวด รุ่น 111 ปี กระทรวงกลาโหม สร้างปี พ.ศ. 2540 โดยมีพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง คือ ณ สถูปเจดีย์วัดช้างให้ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2540 และ ณ วัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2540 โดยมีอาจารย์นอง วัดทรายขาว และคณาจารย์อีก 108 รูป ร่วมปลุกเสก พิธีพุทธาภิเษก:ครั้งที่ 1: ณ สถูปเจดีย์ วัดช้างให้ วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2540 ครั้งที่ 2: ณ วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม 2540 ผสมแผ่นยันต์ชนวนเก่า โดยใช้ทรงพิมพ์หลวงปู่ทวดรูปหล่อลอยองค์บัวรอบที่เป็นที่นิยม พระทำออกมาได้สวยงามมาก น่าบูชาเก็บไว้มาก ยิ่งเป็นพระหลวงปู่ทวดที่สร้างโดยกระทรวงกลาโหม ต้องรีบเก็บครับ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • Anthropic เปิดเบื้องหลัง 3 บั๊กใหญ่ที่ทำให้ Claude ตอบผิดเพี้ยน — เมื่อ AI ไม่ได้ “เนิร์ฟ” แต่โครงสร้างพื้นฐานพัง

    ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2025 ผู้ใช้ Claude หลายคนเริ่มสังเกตว่าคุณภาพการตอบกลับของโมเดลลดลงอย่างผิดปกติ บางคนได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด เช่นมีตัวอักษรไทยโผล่กลางข้อความภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่ผิดไวยากรณ์อย่างชัดเจน จนเกิดข้อสงสัยว่า Anthropic กำลัง “ลดคุณภาพ” ของโมเดลเพื่อจัดการกับโหลดหรือควบคุมต้นทุน

    แต่ล่าสุด Anthropic ได้ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก “บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน” ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา โดยมีทั้งหมด 3 บั๊กที่เกิดขึ้นพร้อมกันและส่งผลกระทบต่อโมเดล Claude หลายรุ่น ได้แก่ Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 และ Opus 3

    บั๊กแรกคือการ “ส่งคำขอผิดเซิร์ฟเวอร์” โดยคำขอที่ควรใช้ context window แบบสั้น กลับถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เตรียมไว้สำหรับ context window ขนาด 1 ล้านโทเคน ซึ่งยังไม่พร้อมใช้งาน ทำให้การตอบกลับผิดเพี้ยนและช้า โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ load balancing ทำให้คำขอผิดพลาดเพิ่มขึ้นถึง 16%

    บั๊กที่สองคือ “การสร้างโทเคนผิดพลาด” บนเซิร์ฟเวอร์ TPU ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ทำให้โมเดลเลือกโทเคนที่ไม่ควรปรากฏ เช่น ตัวอักษรจีนหรือไทยในคำตอบภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่มี syntax ผิดอย่างชัดเจน

    บั๊กสุดท้ายคือ “การคอมไพล์ผิดพลาดใน XLA:TPU” ซึ่งเกิดจากการใช้การคำนวณแบบ approximate top-k ที่ควรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้โมเดลเลือกโทเคนผิด โดยเฉพาะเมื่อใช้ precision ที่ไม่ตรงกันระหว่าง bf16 และ fp32 ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออกไปโดยไม่ตั้งใจ

    Anthropic ได้แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว และประกาศแผนปรับปรุงระบบตรวจสอบคุณภาพให้ละเอียดขึ้น รวมถึงพัฒนาเครื่องมือ debug ที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ใช้ให้ส่ง feedback เมื่อพบปัญหา เพื่อช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น

    Claude ตอบผิดเพี้ยนจาก 3 บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน
    ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา
    ส่งผลกระทบต่อหลายรุ่น เช่น Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5

    บั๊กที่ 1: Context window routing error
    คำขอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ context window 1M โดยผิดพลาด
    ส่งผลให้คำตอบผิดเพี้ยน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนสิงหาคม

    บั๊กที่ 2: Output corruption บน TPU
    โทเคนที่ไม่ควรปรากฏถูกเลือก เช่น “สวัสดี” ในคำตอบภาษาอังกฤษ
    เกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ผิดพลาด

    บั๊กที่ 3: XLA:TPU miscompilation
    การใช้ approximate top-k ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออก
    เกิดจาก precision mismatch ระหว่าง bf16 และ fp32

    Anthropic แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว
    ปรับ routing logic / rollback การเปลี่ยนแปลง / ใช้ exact top-k แทน
    เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพและเครื่องมือ debug ใหม่

    ผู้ใช้สามารถช่วยแจ้งปัญหาได้โดยใช้ /bug หรือปุ่ม thumbs down
    Feedback จากผู้ใช้ช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น
    Anthropic ยืนยันความโปร่งใสและขอบคุณชุมชนที่ช่วยเหลือ

    https://www.anthropic.com/engineering/a-postmortem-of-three-recent-issues
    📰 Anthropic เปิดเบื้องหลัง 3 บั๊กใหญ่ที่ทำให้ Claude ตอบผิดเพี้ยน — เมื่อ AI ไม่ได้ “เนิร์ฟ” แต่โครงสร้างพื้นฐานพัง ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2025 ผู้ใช้ Claude หลายคนเริ่มสังเกตว่าคุณภาพการตอบกลับของโมเดลลดลงอย่างผิดปกติ บางคนได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด เช่นมีตัวอักษรไทยโผล่กลางข้อความภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่ผิดไวยากรณ์อย่างชัดเจน จนเกิดข้อสงสัยว่า Anthropic กำลัง “ลดคุณภาพ” ของโมเดลเพื่อจัดการกับโหลดหรือควบคุมต้นทุน แต่ล่าสุด Anthropic ได้ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก “บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน” ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา โดยมีทั้งหมด 3 บั๊กที่เกิดขึ้นพร้อมกันและส่งผลกระทบต่อโมเดล Claude หลายรุ่น ได้แก่ Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 และ Opus 3 บั๊กแรกคือการ “ส่งคำขอผิดเซิร์ฟเวอร์” โดยคำขอที่ควรใช้ context window แบบสั้น กลับถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เตรียมไว้สำหรับ context window ขนาด 1 ล้านโทเคน ซึ่งยังไม่พร้อมใช้งาน ทำให้การตอบกลับผิดเพี้ยนและช้า โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ load balancing ทำให้คำขอผิดพลาดเพิ่มขึ้นถึง 16% บั๊กที่สองคือ “การสร้างโทเคนผิดพลาด” บนเซิร์ฟเวอร์ TPU ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ทำให้โมเดลเลือกโทเคนที่ไม่ควรปรากฏ เช่น ตัวอักษรจีนหรือไทยในคำตอบภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่มี syntax ผิดอย่างชัดเจน บั๊กสุดท้ายคือ “การคอมไพล์ผิดพลาดใน XLA:TPU” ซึ่งเกิดจากการใช้การคำนวณแบบ approximate top-k ที่ควรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้โมเดลเลือกโทเคนผิด โดยเฉพาะเมื่อใช้ precision ที่ไม่ตรงกันระหว่าง bf16 และ fp32 ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออกไปโดยไม่ตั้งใจ Anthropic ได้แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว และประกาศแผนปรับปรุงระบบตรวจสอบคุณภาพให้ละเอียดขึ้น รวมถึงพัฒนาเครื่องมือ debug ที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ใช้ให้ส่ง feedback เมื่อพบปัญหา เพื่อช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น ✅ Claude ตอบผิดเพี้ยนจาก 3 บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา ➡️ ส่งผลกระทบต่อหลายรุ่น เช่น Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 ✅ บั๊กที่ 1: Context window routing error ➡️ คำขอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ context window 1M โดยผิดพลาด ➡️ ส่งผลให้คำตอบผิดเพี้ยน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนสิงหาคม ✅ บั๊กที่ 2: Output corruption บน TPU ➡️ โทเคนที่ไม่ควรปรากฏถูกเลือก เช่น “สวัสดี” ในคำตอบภาษาอังกฤษ ➡️ เกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ผิดพลาด ✅ บั๊กที่ 3: XLA:TPU miscompilation ➡️ การใช้ approximate top-k ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออก ➡️ เกิดจาก precision mismatch ระหว่าง bf16 และ fp32 ✅ Anthropic แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว ➡️ ปรับ routing logic / rollback การเปลี่ยนแปลง / ใช้ exact top-k แทน ➡️ เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพและเครื่องมือ debug ใหม่ ✅ ผู้ใช้สามารถช่วยแจ้งปัญหาได้โดยใช้ /bug หรือปุ่ม thumbs down ➡️ Feedback จากผู้ใช้ช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น ➡️ Anthropic ยืนยันความโปร่งใสและขอบคุณชุมชนที่ช่วยเหลือ https://www.anthropic.com/engineering/a-postmortem-of-three-recent-issues
    WWW.ANTHROPIC.COM
    A postmortem of three recent issues
    This is a technical report on three bugs that intermittently degraded responses from Claude. Below we explain what happened, why it took time to fix, and what we're changing.
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • “เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยของแฮกเกอร์ — 80% ของแรนซัมแวร์ในปี 2025 ใช้ AI สร้างมัลแวร์ ปลอมเสียง และเจาะระบบแบบไร้รอย”

    ภัยไซเบอร์ในปี 2025 ไม่ได้มาในรูปแบบเดิมอีกต่อไป เพราะตอนนี้แฮกเกอร์ใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างแรนซัมแวร์ที่ทั้งฉลาดและอันตรายกว่าเดิม จากการศึกษาของ MIT Sloan และ Safe Security พบว่า 80% ของการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการใช้ AI เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างมัลแวร์อัตโนมัติ, ปลอมเสียงด้วย deepfake, หรือแม้แต่การเจาะระบบผ่าน CAPTCHA และรหัสผ่านด้วย LLM

    AI ไม่ได้แค่ช่วยให้แฮกเกอร์ทำงานเร็วขึ้น แต่ยังทำให้การโจมตีมีความแม่นยำและยากต่อการตรวจจับมากขึ้น เช่น การปลอมตัวเป็นฝ่ายบริการลูกค้าด้วยเสียงที่เหมือนจริง หรือการสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังหลงกล

    Michael Siegel นักวิจัยจาก CAMS เตือนว่า “ผู้โจมตีต้องการแค่ช่องโหว่เดียว แต่ผู้ป้องกันต้องปิดทุกช่องทาง” ซึ่งกลายเป็นความท้าทายที่รุนแรงขึ้นเมื่อ AI ทำให้การโจมตีขยายตัวได้ในระดับที่มนุษย์ตามไม่ทัน

    เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ นักวิจัยเสนอแนวทางป้องกันแบบ 3 เสาหลัก ได้แก่

    1️⃣ ระบบ hygiene อัตโนมัติ เช่น โค้ดที่ซ่อมตัวเอง, ระบบ patch อัตโนมัติ และการตรวจสอบพื้นผิวการโจมตีแบบต่อเนื่อง

    2️⃣ ระบบป้องกันแบบหลอกล่อและอัตโนมัติ เช่น การเปลี่ยนเป้าหมายตลอดเวลา และการใช้ข้อมูลปลอมเพื่อหลอกแฮกเกอร์

    3️⃣ การรายงานและ oversight แบบ real-time เพื่อให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของภัยคุกคามและตัดสินใจได้ทันเวลา

    สถานการณ์ภัยไซเบอร์ในปี 2025
    80% ของแรนซัมแวร์ใช้ AI ในการสร้างมัลแวร์ ฟิชชิ่ง และ deepfake
    ใช้ LLM ในการเจาะรหัสผ่าน, bypass CAPTCHA และเขียนโค้ดอัตโนมัติ
    ปลอมเสียงเป็นฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อหลอกเหยื่อผ่านโทรศัพท์
    AI ทำให้การโจมตีขยายตัวเร็วและแม่นยำกว่าที่เคย

    แนวทางป้องกันที่แนะนำ
    เสาหลักที่ 1: ระบบ hygiene อัตโนมัติ เช่น self-healing code และ zero-trust architecture
    เสาหลักที่ 2: ระบบป้องกันแบบหลอกล่อ เช่น moving-target defense และข้อมูลปลอม
    เสาหลักที่ 3: การ oversight แบบ real-time เพื่อให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ทัน
    ต้องใช้หลายชั้นร่วมกัน ไม่ใช่แค่เครื่องมือ AI ฝั่งป้องกันอย่างเดียว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Deepfake phishing หรือ “vishing” เพิ่มขึ้น 1,633% ใน Q1 ปี 2025
    การโจมตีแบบ adversary-in-the-middle เพิ่มขึ้น — ขโมย session cookie เพื่อข้าม 2FA
    การโจมตีระบบ OT (Operational Technology) เช่นโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น
    จำนวนการโจมตี ransomware เพิ่มขึ้น 132% แม้ยอดจ่ายค่าไถ่จะลดลง

    https://www.techradar.com/pro/security/only-20-of-ransomware-is-not-powered-by-ai-but-expect-that-number-to-drop-even-further-in-2025
    🧨 “เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยของแฮกเกอร์ — 80% ของแรนซัมแวร์ในปี 2025 ใช้ AI สร้างมัลแวร์ ปลอมเสียง และเจาะระบบแบบไร้รอย” ภัยไซเบอร์ในปี 2025 ไม่ได้มาในรูปแบบเดิมอีกต่อไป เพราะตอนนี้แฮกเกอร์ใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างแรนซัมแวร์ที่ทั้งฉลาดและอันตรายกว่าเดิม จากการศึกษาของ MIT Sloan และ Safe Security พบว่า 80% ของการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการใช้ AI เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างมัลแวร์อัตโนมัติ, ปลอมเสียงด้วย deepfake, หรือแม้แต่การเจาะระบบผ่าน CAPTCHA และรหัสผ่านด้วย LLM AI ไม่ได้แค่ช่วยให้แฮกเกอร์ทำงานเร็วขึ้น แต่ยังทำให้การโจมตีมีความแม่นยำและยากต่อการตรวจจับมากขึ้น เช่น การปลอมตัวเป็นฝ่ายบริการลูกค้าด้วยเสียงที่เหมือนจริง หรือการสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังหลงกล Michael Siegel นักวิจัยจาก CAMS เตือนว่า “ผู้โจมตีต้องการแค่ช่องโหว่เดียว แต่ผู้ป้องกันต้องปิดทุกช่องทาง” ซึ่งกลายเป็นความท้าทายที่รุนแรงขึ้นเมื่อ AI ทำให้การโจมตีขยายตัวได้ในระดับที่มนุษย์ตามไม่ทัน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ นักวิจัยเสนอแนวทางป้องกันแบบ 3 เสาหลัก ได้แก่ 1️⃣ ระบบ hygiene อัตโนมัติ เช่น โค้ดที่ซ่อมตัวเอง, ระบบ patch อัตโนมัติ และการตรวจสอบพื้นผิวการโจมตีแบบต่อเนื่อง 2️⃣ ระบบป้องกันแบบหลอกล่อและอัตโนมัติ เช่น การเปลี่ยนเป้าหมายตลอดเวลา และการใช้ข้อมูลปลอมเพื่อหลอกแฮกเกอร์ 3️⃣ การรายงานและ oversight แบบ real-time เพื่อให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของภัยคุกคามและตัดสินใจได้ทันเวลา ✅ สถานการณ์ภัยไซเบอร์ในปี 2025 ➡️ 80% ของแรนซัมแวร์ใช้ AI ในการสร้างมัลแวร์ ฟิชชิ่ง และ deepfake ➡️ ใช้ LLM ในการเจาะรหัสผ่าน, bypass CAPTCHA และเขียนโค้ดอัตโนมัติ ➡️ ปลอมเสียงเป็นฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อหลอกเหยื่อผ่านโทรศัพท์ ➡️ AI ทำให้การโจมตีขยายตัวเร็วและแม่นยำกว่าที่เคย ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ ➡️ เสาหลักที่ 1: ระบบ hygiene อัตโนมัติ เช่น self-healing code และ zero-trust architecture ➡️ เสาหลักที่ 2: ระบบป้องกันแบบหลอกล่อ เช่น moving-target defense และข้อมูลปลอม ➡️ เสาหลักที่ 3: การ oversight แบบ real-time เพื่อให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ทัน ➡️ ต้องใช้หลายชั้นร่วมกัน ไม่ใช่แค่เครื่องมือ AI ฝั่งป้องกันอย่างเดียว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Deepfake phishing หรือ “vishing” เพิ่มขึ้น 1,633% ใน Q1 ปี 2025 ➡️ การโจมตีแบบ adversary-in-the-middle เพิ่มขึ้น — ขโมย session cookie เพื่อข้าม 2FA ➡️ การโจมตีระบบ OT (Operational Technology) เช่นโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น ➡️ จำนวนการโจมตี ransomware เพิ่มขึ้น 132% แม้ยอดจ่ายค่าไถ่จะลดลง https://www.techradar.com/pro/security/only-20-of-ransomware-is-not-powered-by-ai-but-expect-that-number-to-drop-even-further-in-2025
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • “Patch Tuesday กันยายน 2025: ช่องโหว่ SAP NetWeaver และ Microsoft NTLM ที่ต้องรีบอุด — เมื่อการเจาะระบบไม่ต้องล็อกอินก็ล้มเซิร์ฟเวอร์ได้”

    ในรอบอัปเดตความปลอดภัยประจำเดือนกันยายน 2025 หรือที่เรียกว่า “Patch Tuesday” มีช่องโหว่ระดับวิกฤตหลายรายการที่ผู้ดูแลระบบต้องรีบจัดการ โดยเฉพาะใน SAP NetWeaver และ Microsoft Windows ซึ่งมีช่องโหว่ที่สามารถนำไปสู่การควบคุมระบบทั้งหมดได้ แม้ผู้โจมตีจะไม่ต้องล็อกอินก็ตาม.

    ช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-42944 ใน SAP NetWeaver AS Java ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ insecure deserialization ในโมดูล RMI-P4 ที่เปิดให้ผู้โจมตีส่ง payload ผ่านพอร์ตที่เปิดอยู่ และสามารถรันคำสั่งระบบปฏิบัติการได้ทันที — โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนเลยแม้แต่น้อย2. นักวิจัยจาก Onapsis เตือนว่า ช่องโหว่นี้คล้ายกับเทคนิคที่กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered LAPSUS$ และ ShinyHunters เคยใช้มาก่อน และควรรีบอุดทันที

    อีกช่องโหว่ใน SAP ที่อันตรายไม่แพ้กันคือ CVE-2025-42922 ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินสามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายผ่าน HTTP และเมื่อไฟล์ถูกเรียกใช้งาน ก็สามารถควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบ. แม้จะต้องล็อกอินก่อน แต่ก็ยังถือว่าเสี่ยงสูงมาก

    ฝั่ง Microsoft ก็มีช่องโหว่ที่ต้องจับตา โดยเฉพาะ CVE-2025-54918 ซึ่งเป็นช่องโหว่ในระบบ NTLM ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตียกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM-level ได้ทั่วเครือข่าย และ Microsoft ยังระบุว่า “มีแนวโน้มจะถูกโจมตี” มากกว่าช่องโหว่อื่นๆ ในรอบนี้.

    นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ใน Hyper-V (CVE-2025-54098 และ CVE-2025-55224) ที่เปิดทางให้ผู้ใช้ใน guest VM หลบหนีออกมาและควบคุม host ได้ — เป็นภัยคุกคามต่อศูนย์ข้อมูลที่ใช้ virtualization อย่างหนัก

    ช่องโหว่ CVE-2025-55234 ใน SMB ก็สร้างความสับสน เพราะ Microsoft ระบุว่าเป็นช่องโหว่เพื่อ “ช่วยให้ลูกค้าประเมินความเข้ากันได้ก่อนปรับระบบ” มากกว่าจะเป็นช่องโหว่จริง ทำให้นักวิจัยบางคนตั้งคำถามว่า Microsoft ใช้ CVE เพื่อโปรโมตฟีเจอร์ใหม่หรือไม่

    ช่องโหว่สำคัญใน SAP NetWeaver
    CVE-2025-42944: ช่องโหว่ insecure deserialization ใน RMI-P4
    ไม่ต้องล็อกอินก็สามารถรันคำสั่ง OS ได้ทันที
    ควรใช้การกรองพอร์ต P4 ที่ระดับ ICM เป็นมาตรการชั่วคราว
    ช่องโหว่นี้คล้ายกับเทคนิคที่กลุ่ม Scattered LAPSUS$ เคยใช้

    ช่องโหว่ SAP อื่นที่ต้องอุด
    CVE-2025-42922: ช่องโหว่ file upload ผ่าน HTTP
    ผู้ใช้ทั่วไปสามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายและรันได้
    CVE-2025-42958: ช่องโหว่ missing authentication check บน IBM i-series
    เปิดทางให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูงเข้าถึงข้อมูลสำคัญ

    ช่องโหว่สำคัญใน Microsoft
    CVE-2025-54918: ช่องโหว่ NTLM ที่อาจยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM
    Microsoft ระบุว่า “มีแนวโน้มถูกโจมตี” มากกว่าช่องโหว่อื่น
    CVE-2025-54098 และ CVE-2025-55224: ช่องโหว่ Hyper-V ที่เปิดทางให้ guest VM หลบหนี
    CVE-2025-55232: ช่องโหว่ใน HPC Pack ที่เปิดให้รันโค้ดผ่านเครือข่าย

    ช่องโหว่ SMB ที่สร้างข้อถกเถียง
    CVE-2025-55234: Microsoft ระบุว่าเป็นช่องโหว่เพื่อช่วยประเมินระบบก่อนปรับ
    นักวิจัยบางคนตั้งคำถามว่าเป็นการใช้ CVE เพื่อโปรโมตฟีเจอร์ใหม่
    การอัปเดตต้องทำหลายขั้นตอน เช่น audit, test compatibility, และ hardening

    https://www.csoonline.com/article/4054195/patch-tuesday-priorities-vulnerabilities-in-sap-netweaver-and-microsoft-ntlm-and-hyper-v.html
    🛠️ “Patch Tuesday กันยายน 2025: ช่องโหว่ SAP NetWeaver และ Microsoft NTLM ที่ต้องรีบอุด — เมื่อการเจาะระบบไม่ต้องล็อกอินก็ล้มเซิร์ฟเวอร์ได้” ในรอบอัปเดตความปลอดภัยประจำเดือนกันยายน 2025 หรือที่เรียกว่า “Patch Tuesday” มีช่องโหว่ระดับวิกฤตหลายรายการที่ผู้ดูแลระบบต้องรีบจัดการ โดยเฉพาะใน SAP NetWeaver และ Microsoft Windows ซึ่งมีช่องโหว่ที่สามารถนำไปสู่การควบคุมระบบทั้งหมดได้ แม้ผู้โจมตีจะไม่ต้องล็อกอินก็ตาม. ช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-42944 ใน SAP NetWeaver AS Java ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ insecure deserialization ในโมดูล RMI-P4 ที่เปิดให้ผู้โจมตีส่ง payload ผ่านพอร์ตที่เปิดอยู่ และสามารถรันคำสั่งระบบปฏิบัติการได้ทันที — โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนเลยแม้แต่น้อย2. นักวิจัยจาก Onapsis เตือนว่า ช่องโหว่นี้คล้ายกับเทคนิคที่กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered LAPSUS$ และ ShinyHunters เคยใช้มาก่อน และควรรีบอุดทันที อีกช่องโหว่ใน SAP ที่อันตรายไม่แพ้กันคือ CVE-2025-42922 ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินสามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายผ่าน HTTP และเมื่อไฟล์ถูกเรียกใช้งาน ก็สามารถควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบ. แม้จะต้องล็อกอินก่อน แต่ก็ยังถือว่าเสี่ยงสูงมาก ฝั่ง Microsoft ก็มีช่องโหว่ที่ต้องจับตา โดยเฉพาะ CVE-2025-54918 ซึ่งเป็นช่องโหว่ในระบบ NTLM ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตียกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM-level ได้ทั่วเครือข่าย และ Microsoft ยังระบุว่า “มีแนวโน้มจะถูกโจมตี” มากกว่าช่องโหว่อื่นๆ ในรอบนี้. นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ใน Hyper-V (CVE-2025-54098 และ CVE-2025-55224) ที่เปิดทางให้ผู้ใช้ใน guest VM หลบหนีออกมาและควบคุม host ได้ — เป็นภัยคุกคามต่อศูนย์ข้อมูลที่ใช้ virtualization อย่างหนัก ช่องโหว่ CVE-2025-55234 ใน SMB ก็สร้างความสับสน เพราะ Microsoft ระบุว่าเป็นช่องโหว่เพื่อ “ช่วยให้ลูกค้าประเมินความเข้ากันได้ก่อนปรับระบบ” มากกว่าจะเป็นช่องโหว่จริง ทำให้นักวิจัยบางคนตั้งคำถามว่า Microsoft ใช้ CVE เพื่อโปรโมตฟีเจอร์ใหม่หรือไม่ ✅ ช่องโหว่สำคัญใน SAP NetWeaver ➡️ CVE-2025-42944: ช่องโหว่ insecure deserialization ใน RMI-P4 ➡️ ไม่ต้องล็อกอินก็สามารถรันคำสั่ง OS ได้ทันที ➡️ ควรใช้การกรองพอร์ต P4 ที่ระดับ ICM เป็นมาตรการชั่วคราว ➡️ ช่องโหว่นี้คล้ายกับเทคนิคที่กลุ่ม Scattered LAPSUS$ เคยใช้ ✅ ช่องโหว่ SAP อื่นที่ต้องอุด ➡️ CVE-2025-42922: ช่องโหว่ file upload ผ่าน HTTP ➡️ ผู้ใช้ทั่วไปสามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายและรันได้ ➡️ CVE-2025-42958: ช่องโหว่ missing authentication check บน IBM i-series ➡️ เปิดทางให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูงเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ✅ ช่องโหว่สำคัญใน Microsoft ➡️ CVE-2025-54918: ช่องโหว่ NTLM ที่อาจยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ➡️ Microsoft ระบุว่า “มีแนวโน้มถูกโจมตี” มากกว่าช่องโหว่อื่น ➡️ CVE-2025-54098 และ CVE-2025-55224: ช่องโหว่ Hyper-V ที่เปิดทางให้ guest VM หลบหนี ➡️ CVE-2025-55232: ช่องโหว่ใน HPC Pack ที่เปิดให้รันโค้ดผ่านเครือข่าย ✅ ช่องโหว่ SMB ที่สร้างข้อถกเถียง ➡️ CVE-2025-55234: Microsoft ระบุว่าเป็นช่องโหว่เพื่อช่วยประเมินระบบก่อนปรับ ➡️ นักวิจัยบางคนตั้งคำถามว่าเป็นการใช้ CVE เพื่อโปรโมตฟีเจอร์ใหม่ ➡️ การอัปเดตต้องทำหลายขั้นตอน เช่น audit, test compatibility, และ hardening https://www.csoonline.com/article/4054195/patch-tuesday-priorities-vulnerabilities-in-sap-netweaver-and-microsoft-ntlm-and-hyper-v.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Patch Tuesday priorities: Vulnerabilities in SAP NetWeaver and Microsoft NTLM and Hyper-V
    NetWeaver AS Java hole, rated severity 10, allows an unauthenticated attacker to execute arbitrary OS commands, and NTLM bug is rated likely for exploitation, warn security vendors.
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • “SiFive เปิดตัว RISC-V Gen 2 IP — ชิปใหม่ที่รวมพลัง Scalar, Vector และ Matrix เพื่อเร่ง AI ตั้งแต่ IoT จนถึง Data Center!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาอุปกรณ์ IoT ที่ต้องการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์ หรือคุณเป็นผู้ดูแลระบบในศูนย์ข้อมูลที่ต้องรันโมเดล LLM ขนาดมหึมา — ตอนนี้ SiFive ได้เปิดตัวชุด IP ใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ด้วยการรวมพลังการประมวลผลแบบ scalar, vector และ matrix เข้าไว้ในสถาปัตยกรรม RISC-V รุ่นล่าสุด

    SiFive เปิดตัว “2nd Generation Intelligence IP” ซึ่งประกอบด้วย 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ X160 Gen 2, X180 Gen 2, X280 Gen 2, X390 Gen 2 และ XM Gen 2 โดย X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนอีกสามรุ่นเป็นการอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้า จุดเด่นคือการรองรับการประมวลผลแบบเวกเตอร์และเมทริกซ์ที่เหมาะกับงาน AI ทุกระดับ ตั้งแต่ edge computing ไปจนถึง data center

    X160 และ X180 ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ฝังตัวที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและพื้นที่ เช่น รถยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบ IoT อัจฉริยะ ส่วน XM Gen 2 มาพร้อม matrix engine ที่ปรับขนาดได้ เหมาะกับงาน inference โมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLM และ AI ด้านภาพ

    ทุก IP ในซีรีส์นี้สามารถทำหน้าที่เป็น Accelerator Control Unit (ACU) เพื่อควบคุม accelerator ภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ SSCI และ VCIX ซึ่งช่วยลดภาระของซอฟต์แวร์และเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนาน

    SiFive ยังชี้ว่า vector engine มีข้อได้เปรียบเหนือ CPU แบบ scalar โดยสามารถประมวลผลข้อมูลหลายชุดพร้อมกัน ลด overhead และใช้พลังงานน้อยลง — เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพในพื้นที่จำกัด

    การเปิดตัว IP ใหม่ของ SiFive
    เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Gen 2: X160, X180, X280, X390 และ XM
    X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่สำหรับ edge และ IoT
    X280, X390 และ XM เป็นรุ่นอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อน
    รองรับ scalar, vector และ matrix compute ในสถาปัตยกรรมเดียว

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    XM Gen 2 มี matrix engine ที่ปรับขนาดได้ รองรับงาน AI ขนาดใหญ่
    Vector engine ลด overhead และใช้พลังงานน้อยกว่าการประมวลผลแบบ scalar
    รองรับ datatype ใหม่ เช่น BF16 และ vector crypto extensions
    มี memory subsystem ที่ลด latency และเพิ่ม throughput

    การใช้งานในโลกจริง
    X160 และ X180 เหมาะกับรถยนต์อัตโนมัติ, หุ่นยนต์, IoT อัจฉริยะ
    X390 Gen 2 รองรับ 4-core cache-coherent complex และ bandwidth สูงถึง 1 TB/s
    ทุก IP สามารถทำหน้าที่เป็น ACU เพื่อควบคุม accelerator ภายนอก
    ใช้ SSCI และ VCIX interface เพื่อเชื่อมต่อกับ co-processor

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Deloitte คาดการณ์ว่า edge AI จะเติบโตถึง 78% ในปีนี้
    SiFive ได้รับการยอมรับจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ Tier 1 ในสหรัฐฯ
    IP ทั้งหมดพร้อมให้ license แล้ว และจะมี silicon ตัวแรกใน Q2 2026
    SiFive จะโชว์ผลิตภัณฑ์ในงาน AI Infra Summit ที่ Santa Clara

    คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและองค์กร
    IP เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง pre-silicon — ประสิทธิภาพจริงต้องรอการพิสูจน์
    การใช้งาน matrix engine ต้องมีการออกแบบซอฟต์แวร์ที่รองรับโดยเฉพาะ
    การเชื่อมต่อกับ accelerator ภายนอกต้องใช้ interface เฉพาะ SSCI/VCIX
    หากใช้ในระบบที่ไม่รองรับ vector หรือ matrix compute อาจไม่เห็นประโยชน์เต็มที่
    การนำไปใช้ใน edge device ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้านพลังงานและความร้อน

    https://www.techpowerup.com/340788/sifives-new-risc-v-ip-combines-scalar-vector-and-matrix-compute-to-accelerate-ai-from-the-far-edge-iot-to-the-data-center
    🧠 “SiFive เปิดตัว RISC-V Gen 2 IP — ชิปใหม่ที่รวมพลัง Scalar, Vector และ Matrix เพื่อเร่ง AI ตั้งแต่ IoT จนถึง Data Center!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาอุปกรณ์ IoT ที่ต้องการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์ หรือคุณเป็นผู้ดูแลระบบในศูนย์ข้อมูลที่ต้องรันโมเดล LLM ขนาดมหึมา — ตอนนี้ SiFive ได้เปิดตัวชุด IP ใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ด้วยการรวมพลังการประมวลผลแบบ scalar, vector และ matrix เข้าไว้ในสถาปัตยกรรม RISC-V รุ่นล่าสุด SiFive เปิดตัว “2nd Generation Intelligence IP” ซึ่งประกอบด้วย 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ X160 Gen 2, X180 Gen 2, X280 Gen 2, X390 Gen 2 และ XM Gen 2 โดย X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนอีกสามรุ่นเป็นการอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้า จุดเด่นคือการรองรับการประมวลผลแบบเวกเตอร์และเมทริกซ์ที่เหมาะกับงาน AI ทุกระดับ ตั้งแต่ edge computing ไปจนถึง data center X160 และ X180 ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ฝังตัวที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและพื้นที่ เช่น รถยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบ IoT อัจฉริยะ ส่วน XM Gen 2 มาพร้อม matrix engine ที่ปรับขนาดได้ เหมาะกับงาน inference โมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLM และ AI ด้านภาพ ทุก IP ในซีรีส์นี้สามารถทำหน้าที่เป็น Accelerator Control Unit (ACU) เพื่อควบคุม accelerator ภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ SSCI และ VCIX ซึ่งช่วยลดภาระของซอฟต์แวร์และเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนาน SiFive ยังชี้ว่า vector engine มีข้อได้เปรียบเหนือ CPU แบบ scalar โดยสามารถประมวลผลข้อมูลหลายชุดพร้อมกัน ลด overhead และใช้พลังงานน้อยลง — เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพในพื้นที่จำกัด ✅ การเปิดตัว IP ใหม่ของ SiFive ➡️ เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Gen 2: X160, X180, X280, X390 และ XM ➡️ X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่สำหรับ edge และ IoT ➡️ X280, X390 และ XM เป็นรุ่นอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อน ➡️ รองรับ scalar, vector และ matrix compute ในสถาปัตยกรรมเดียว ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ XM Gen 2 มี matrix engine ที่ปรับขนาดได้ รองรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ Vector engine ลด overhead และใช้พลังงานน้อยกว่าการประมวลผลแบบ scalar ➡️ รองรับ datatype ใหม่ เช่น BF16 และ vector crypto extensions ➡️ มี memory subsystem ที่ลด latency และเพิ่ม throughput ✅ การใช้งานในโลกจริง ➡️ X160 และ X180 เหมาะกับรถยนต์อัตโนมัติ, หุ่นยนต์, IoT อัจฉริยะ ➡️ X390 Gen 2 รองรับ 4-core cache-coherent complex และ bandwidth สูงถึง 1 TB/s ➡️ ทุก IP สามารถทำหน้าที่เป็น ACU เพื่อควบคุม accelerator ภายนอก ➡️ ใช้ SSCI และ VCIX interface เพื่อเชื่อมต่อกับ co-processor ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Deloitte คาดการณ์ว่า edge AI จะเติบโตถึง 78% ในปีนี้ ➡️ SiFive ได้รับการยอมรับจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ Tier 1 ในสหรัฐฯ ➡️ IP ทั้งหมดพร้อมให้ license แล้ว และจะมี silicon ตัวแรกใน Q2 2026 ➡️ SiFive จะโชว์ผลิตภัณฑ์ในงาน AI Infra Summit ที่ Santa Clara ‼️ คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและองค์กร ⛔ IP เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง pre-silicon — ประสิทธิภาพจริงต้องรอการพิสูจน์ ⛔ การใช้งาน matrix engine ต้องมีการออกแบบซอฟต์แวร์ที่รองรับโดยเฉพาะ ⛔ การเชื่อมต่อกับ accelerator ภายนอกต้องใช้ interface เฉพาะ SSCI/VCIX ⛔ หากใช้ในระบบที่ไม่รองรับ vector หรือ matrix compute อาจไม่เห็นประโยชน์เต็มที่ ⛔ การนำไปใช้ใน edge device ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้านพลังงานและความร้อน https://www.techpowerup.com/340788/sifives-new-risc-v-ip-combines-scalar-vector-and-matrix-compute-to-accelerate-ai-from-the-far-edge-iot-to-the-data-center
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SiFive's New RISC-V IP Combines Scalar, Vector and Matrix Compute to Accelerate AI from the Far Edge IoT to the Data Center
    Further expanding SiFive's lead in RISC-V AI IP, the company today launched its 2nd Generation Intelligence family, featuring five new RISC-V-based products designed to accelerate AI workloads across thousands of potential applications. The lineup includes two entirely new products—the X160 Gen 2 an...
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • “Windows 11 25H2: อัปเดตใหญ่ที่ไม่แรงขึ้นเลย — ผลทดสอบชี้ชัดว่าเร็วเท่าเดิมกับ 24H2!”

    ถ้าคุณกำลังรอ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม…ข่าวนี้อาจทำให้คุณต้องทบทวนใหม่ เพราะผลการทดสอบจาก Phoronix พบว่า 25H2 ไม่ได้เร็วขึ้นเลยเมื่อเทียบกับ 24H2 — แถมบางการทดสอบยังช้ากว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ!

    Phoronix ได้ทดสอบระบบปฏิบัติการ 4 ตัว ได้แก่ Windows 11 24H2, Windows 11 25H2, Ubuntu 24.04 LTS และ Ubuntu 25.10 โดยใช้เครื่อง Ryzen 9 9950X กับ RAM DDR5 32GB และรันการทดสอบกว่า 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, Intel Open Image Denoise และ IndigoBench

    ผลลัพธ์คือ Ubuntu ทั้งสองเวอร์ชันทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows 11 25H2 ถึง 15% และเมื่อเทียบกันเองระหว่าง 24H2 กับ 25H2 พบว่า “ไม่มีความแตกต่างด้านประสิทธิภาพเลย” โดยเฉลี่ยคือ 0% — บางการทดสอบ 24H2 ยังเร็วกว่า 2% ด้วยซ้ำ

    สาเหตุหลักคือ 25H2 เป็นเพียง “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2 ให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนลใดๆ ต่างจาก 24H2 ที่เคยมีการเขียนส่วนสำคัญใหม่ด้วยภาษา Rust และปรับปรุงระบบหลายจุด

    25H2 ยังมีการลบฟีเจอร์เก่า เช่น PowerShell 2.0 และ WMIC CLI และจะใช้การอัปเดตแบบ cumulative update ที่ใช้เวลารีสตาร์ทเพียงครั้งเดียว — เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความเสถียร แต่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่หวังประสิทธิภาพใหม่ๆ

    ผลการทดสอบ Windows 11 25H2
    ทดสอบเทียบกับ Ubuntu 24.04, Ubuntu 25.10 และ Windows 11 24H2
    ใช้ Ryzen 9 9950X + RAM DDR5 32GB
    ทดสอบ 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, IndigoBench
    25H2 ไม่เร็วกว่า 24H2 โดยเฉลี่ย = 0% Ubuntu ทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows ถึง 15%

    ลักษณะของ Windows 11 25H2
    เป็น “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2
    ไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนล
    ลบ PowerShell 2.0 และ WMIC CLI ออกจากระบบ
    ใช้การอัปเดตแบบ cumulative update — รีสตาร์ทครั้งเดียว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Windows 11 24H2 เคยมีการเขียนระบบใหม่บางส่วนด้วยภาษา Rust
    25H2 มีการปรับปรุง UI เช่น Start Menu แบบใหม่ และการซ่อน Recommended
    Microsoft เตรียมเลื่อน Windows 12 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี
    การอัปเดตแบบ enablement package ช่วยลดความเสี่ยงในการติดตั้ง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/early-windows-11-25h2-benchmarks-confirm-the-update-provides-no-performance-improvements-over-24h2
    🪟 “Windows 11 25H2: อัปเดตใหญ่ที่ไม่แรงขึ้นเลย — ผลทดสอบชี้ชัดว่าเร็วเท่าเดิมกับ 24H2!” ถ้าคุณกำลังรอ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม…ข่าวนี้อาจทำให้คุณต้องทบทวนใหม่ เพราะผลการทดสอบจาก Phoronix พบว่า 25H2 ไม่ได้เร็วขึ้นเลยเมื่อเทียบกับ 24H2 — แถมบางการทดสอบยังช้ากว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ! Phoronix ได้ทดสอบระบบปฏิบัติการ 4 ตัว ได้แก่ Windows 11 24H2, Windows 11 25H2, Ubuntu 24.04 LTS และ Ubuntu 25.10 โดยใช้เครื่อง Ryzen 9 9950X กับ RAM DDR5 32GB และรันการทดสอบกว่า 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, Intel Open Image Denoise และ IndigoBench ผลลัพธ์คือ Ubuntu ทั้งสองเวอร์ชันทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows 11 25H2 ถึง 15% และเมื่อเทียบกันเองระหว่าง 24H2 กับ 25H2 พบว่า “ไม่มีความแตกต่างด้านประสิทธิภาพเลย” โดยเฉลี่ยคือ 0% — บางการทดสอบ 24H2 ยังเร็วกว่า 2% ด้วยซ้ำ สาเหตุหลักคือ 25H2 เป็นเพียง “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2 ให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนลใดๆ ต่างจาก 24H2 ที่เคยมีการเขียนส่วนสำคัญใหม่ด้วยภาษา Rust และปรับปรุงระบบหลายจุด 25H2 ยังมีการลบฟีเจอร์เก่า เช่น PowerShell 2.0 และ WMIC CLI และจะใช้การอัปเดตแบบ cumulative update ที่ใช้เวลารีสตาร์ทเพียงครั้งเดียว — เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความเสถียร แต่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่หวังประสิทธิภาพใหม่ๆ ✅ ผลการทดสอบ Windows 11 25H2 ➡️ ทดสอบเทียบกับ Ubuntu 24.04, Ubuntu 25.10 และ Windows 11 24H2 ➡️ ใช้ Ryzen 9 9950X + RAM DDR5 32GB ➡️ ทดสอบ 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, IndigoBench ➡️ 25H2 ไม่เร็วกว่า 24H2 โดยเฉลี่ย = 0% ➡️ Ubuntu ทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows ถึง 15% ✅ ลักษณะของ Windows 11 25H2 ➡️ เป็น “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2 ➡️ ไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนล ➡️ ลบ PowerShell 2.0 และ WMIC CLI ออกจากระบบ ➡️ ใช้การอัปเดตแบบ cumulative update — รีสตาร์ทครั้งเดียว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Windows 11 24H2 เคยมีการเขียนระบบใหม่บางส่วนด้วยภาษา Rust ➡️ 25H2 มีการปรับปรุง UI เช่น Start Menu แบบใหม่ และการซ่อน Recommended ➡️ Microsoft เตรียมเลื่อน Windows 12 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี ➡️ การอัปเดตแบบ enablement package ช่วยลดความเสี่ยงในการติดตั้ง https://www.tomshardware.com/software/windows/early-windows-11-25h2-benchmarks-confirm-the-update-provides-no-performance-improvements-over-24h2
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • “USB ไม่พอ? เพิ่มพอร์ตให้ PS5 ง่ายๆ ด้วยฮับที่เหมาะกับการเล่นเกมยุคใหม่!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะเริ่มเล่นเกมบน PS5 ที่คุณรัก แต่พบว่า...พอร์ต USB ทั้ง 4 ช่องถูกใช้หมดแล้ว — ชาร์จจอย, ต่อกล้อง, เสียบหูฟังไร้สาย และเชื่อมต่อ PS VR2 แล้วจะเสียบฮาร์ดดิสก์เสริมตรงไหน?

    นั่นคือปัญหาที่ผู้ใช้ PS5 หลายคนเจอ และข่าวนี้มีคำตอบ: ใช้ “USB Hub” เพื่อเพิ่มจำนวนพอร์ตให้กับเครื่องของคุณ โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือเสียบสลับอุปกรณ์ไปมาให้ยุ่งยาก

    PS5 มีพอร์ต USB ทั้งหมด 4 ช่อง (2 ด้านหน้า, 2 ด้านหลัง) ซึ่งรองรับความเร็วสูงสุดถึง 10Gbps แต่เมื่อใช้งานพร้อมกันหลายอุปกรณ์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ภายนอก, จอยหลายตัว, กล้อง หรือ VR — พื้นที่ก็ไม่พอ

    ทางออกคือการเลือก USB Hub ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ เช่น:
    - ถ้าใช้กับอุปกรณ์เบาๆ อย่างคีย์บอร์ดหรือหูฟังไร้สาย: ฮับธรรมดา USB 2.0 ก็เพียงพอ
    - ถ้าใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์หรือ PS VR2: ต้องใช้ฮับแบบมีไฟเลี้ยง (Powered USB Hub)
    - ถ้าอยากให้ฮับกลมกลืนกับดีไซน์เครื่อง: มีฮับที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ PS5 เช่น Megadream หรือ IQIKU

    นอกจากนี้ยังมีฮับที่รองรับ USB 3.0 หรือ 3.2 ซึ่งให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้น เหมาะกับการเล่นเกมหรือโหลดไฟล์ขนาดใหญ่

    พอร์ต USB บน PS5
    มีทั้งหมด 4 ช่อง: ด้านหน้า 2 (Type-C และ Type-A), ด้านหลัง 2 (Type-A)
    รองรับความเร็ว Hi-Speed และ SuperSpeed (สูงสุด 10Gbps)
    ใช้สำหรับชาร์จจอย, ต่อกล้อง, หูฟัง, PS VR2 และฮาร์ดดิสก์ภายนอก

    การเพิ่มพอร์ตด้วย USB Hub
    USB Hub คืออุปกรณ์ที่แปลง 1 พอร์ตให้กลายเป็นหลายพอร์ต
    ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้
    ไม่จำเป็นต้องใช้ฮับที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ PS5 — ฮับทั่วไปก็ใช้ได้
    ตัวอย่างฮับยอดนิยม:   
    - Ugreen USB 3.0 Hub (4.7 ดาว, $9.99)   
    - Megadream 6-Port Hub (USB 2.0, $16.99)   
    - PowerA 4-Port Powered Hub (USB 3.0, $29.99)
    ฮับแบบมีไฟเลี้ยงเหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์

    ข้อมูลเพิ่มเติมจากภายนอก
    Anker Ultra Slim 4-Port USB 3.0 Hub เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับ PS5
    IQIKU PS5 USB Hub รองรับการชาร์จและเชื่อมต่ออุปกรณ์เบาๆ
    StarTech และ UGREEN มีฮับที่รองรับ USB-C ความเร็วสูงถึง 10Gbps
    ฮับบางรุ่นออกแบบให้เข้ากับดีไซน์ PS5 โดยเฉพาะ

    คำเตือนในการเลือกใช้งาน USB Hub
    ฮับ USB 2.0 ไม่สามารถใช้กับฮาร์ดดิสก์หรือ PS VR2 ได้
    ฮับแบบไม่มีไฟเลี้ยงอาจไม่รองรับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง
    การใช้ฮับที่ไม่รองรับความเร็วสูง อาจทำให้การโหลดเกมหรือส่งข้อมูลช้าลง
    ฮับบางรุ่นอาจมีดีไซน์ไม่เข้ากับเครื่อง PS5 และเกะกะพื้นที่ใช้งาน

    https://www.slashgear.com/1959486/how-to-add-more-usb-ports-to-ps5/
    🎮 “USB ไม่พอ? เพิ่มพอร์ตให้ PS5 ง่ายๆ ด้วยฮับที่เหมาะกับการเล่นเกมยุคใหม่!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะเริ่มเล่นเกมบน PS5 ที่คุณรัก แต่พบว่า...พอร์ต USB ทั้ง 4 ช่องถูกใช้หมดแล้ว — ชาร์จจอย, ต่อกล้อง, เสียบหูฟังไร้สาย และเชื่อมต่อ PS VR2 แล้วจะเสียบฮาร์ดดิสก์เสริมตรงไหน? นั่นคือปัญหาที่ผู้ใช้ PS5 หลายคนเจอ และข่าวนี้มีคำตอบ: ใช้ “USB Hub” เพื่อเพิ่มจำนวนพอร์ตให้กับเครื่องของคุณ โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือเสียบสลับอุปกรณ์ไปมาให้ยุ่งยาก PS5 มีพอร์ต USB ทั้งหมด 4 ช่อง (2 ด้านหน้า, 2 ด้านหลัง) ซึ่งรองรับความเร็วสูงสุดถึง 10Gbps แต่เมื่อใช้งานพร้อมกันหลายอุปกรณ์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ภายนอก, จอยหลายตัว, กล้อง หรือ VR — พื้นที่ก็ไม่พอ ทางออกคือการเลือก USB Hub ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ เช่น: - ถ้าใช้กับอุปกรณ์เบาๆ อย่างคีย์บอร์ดหรือหูฟังไร้สาย: ฮับธรรมดา USB 2.0 ก็เพียงพอ - ถ้าใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์หรือ PS VR2: ต้องใช้ฮับแบบมีไฟเลี้ยง (Powered USB Hub) - ถ้าอยากให้ฮับกลมกลืนกับดีไซน์เครื่อง: มีฮับที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ PS5 เช่น Megadream หรือ IQIKU นอกจากนี้ยังมีฮับที่รองรับ USB 3.0 หรือ 3.2 ซึ่งให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้น เหมาะกับการเล่นเกมหรือโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ✅ พอร์ต USB บน PS5 ➡️ มีทั้งหมด 4 ช่อง: ด้านหน้า 2 (Type-C และ Type-A), ด้านหลัง 2 (Type-A) ➡️ รองรับความเร็ว Hi-Speed และ SuperSpeed (สูงสุด 10Gbps) ➡️ ใช้สำหรับชาร์จจอย, ต่อกล้อง, หูฟัง, PS VR2 และฮาร์ดดิสก์ภายนอก ✅ การเพิ่มพอร์ตด้วย USB Hub ➡️ USB Hub คืออุปกรณ์ที่แปลง 1 พอร์ตให้กลายเป็นหลายพอร์ต ➡️ ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้ ➡️ ไม่จำเป็นต้องใช้ฮับที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ PS5 — ฮับทั่วไปก็ใช้ได้ ➡️ ตัวอย่างฮับยอดนิยม:    - Ugreen USB 3.0 Hub (4.7 ดาว, $9.99)    - Megadream 6-Port Hub (USB 2.0, $16.99)    - PowerA 4-Port Powered Hub (USB 3.0, $29.99) ➡️ ฮับแบบมีไฟเลี้ยงเหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์ ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจากภายนอก ➡️ Anker Ultra Slim 4-Port USB 3.0 Hub เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับ PS5 ➡️ IQIKU PS5 USB Hub รองรับการชาร์จและเชื่อมต่ออุปกรณ์เบาๆ ➡️ StarTech และ UGREEN มีฮับที่รองรับ USB-C ความเร็วสูงถึง 10Gbps ➡️ ฮับบางรุ่นออกแบบให้เข้ากับดีไซน์ PS5 โดยเฉพาะ ‼️ คำเตือนในการเลือกใช้งาน USB Hub ⛔ ฮับ USB 2.0 ไม่สามารถใช้กับฮาร์ดดิสก์หรือ PS VR2 ได้ ⛔ ฮับแบบไม่มีไฟเลี้ยงอาจไม่รองรับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง ⛔ การใช้ฮับที่ไม่รองรับความเร็วสูง อาจทำให้การโหลดเกมหรือส่งข้อมูลช้าลง ⛔ ฮับบางรุ่นอาจมีดีไซน์ไม่เข้ากับเครื่อง PS5 และเกะกะพื้นที่ใช้งาน https://www.slashgear.com/1959486/how-to-add-more-usb-ports-to-ps5/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How To Add More USB Ports To Your PS5 - SlashGear
    You can add more USB ports to your PS5 using a USB hub. Choose between basic splitters for low-power devices or powered hubs for external drives.
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • Dimensity 9500 vs Snapdragon 8 Elite Gen 2: เปิดตัวก่อนแต่แรงไม่สุด

    MediaTek เตรียมเปิดตัวชิป Dimensity 9500 ก่อน Snapdragon 8 Elite Gen 2 หนึ่งวัน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์เพื่อแย่งความสนใจจากตลาด แต่ผลการทดสอบ Geekbench 6 บน Vivo X300 กลับเผยว่า Dimensity 9500 ทำคะแนนได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยได้เพียง 2,352 คะแนนในแบบ single-core และ 7,129 คะแนนในแบบ multi-core

    Dimensity 9500 ใช้โครงสร้าง CPU แบบ “1 + 3 + 4” โดยมีคอร์หลักที่เร็วที่สุดอยู่ที่ 4.20GHz ซึ่งสูงกว่าความเร็วที่ใช้ในการทดสอบจริง แต่ยังต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง Snapdragon 8 Elite Gen 2 ที่แม้จะลดความเร็วลงเหลือ 4.00GHz ก็ยังทำคะแนนได้ถึง 3,393 และ 11,515 คะแนน—เร็วกว่า Dimensity ถึง 61%

    สาเหตุหนึ่งที่ Snapdragon 8 Elite Gen 2 ทำได้ดีกว่า คือการใช้คอร์แบบ in-house ที่ไม่พึ่งพา ARM โดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่สูงกว่า และยังมีความยืดหยุ่นในการออกแบบมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม Dimensity 9500 ยังมีจุดเด่นในด้านการประมวลผลแบบ floating-point และคะแนน AnTuTu ที่สูงกว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 ถึง 11% ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าชิปนี้เหมาะกับงานกราฟิกหรือ AI มากกว่าการประมวลผลทั่วไป

    สเปกและโครงสร้างของ Dimensity 9500
    ใช้โครงสร้าง CPU แบบ “1 + 3 + 4”
    คอร์หลักเร็วสุดที่ 4.20GHz แต่ทำงานต่ำกว่าความเร็วจริง
    ใช้ Cortex-X930 และ Cortex-A730 บนสถาปัตยกรรม ARMv9.2-A
    ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm โดย TSMC

    ผลการทดสอบเบื้องต้น
    Geekbench 6: single-core 2,352 / multi-core 7,129
    Snapdragon 8 Elite Gen 2 ได้คะแนนสูงกว่า 61%
    Dimensity 9500 ทำคะแนน AnTuTu สูงกว่า 11% (3449366 vs 3115282)
    มีประสิทธิภาพด้าน floating-point computation สูงกว่า 41%

    จุดเด่นของ Snapdragon 8 Elite Gen 2
    ใช้คอร์แบบ in-house “Oryon Gen 2” ไม่พึ่ง ARM
    ความเร็วสูงสุด 4.74GHz ในรุ่น Galaxy Edition
    ผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P 3nm โดย TSMC
    มี GPU Adreno 840 และ NPU Hexagon รุ่นใหม่

    ความคาดหวังและการใช้งาน
    Dimensity 9500 อาจเหมาะกับงาน AI และกราฟิกมากกว่าการประมวลผลทั่วไป
    Snapdragon 8 Elite Gen 2 เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงแบบต่อเนื่อง
    ทั้งสองชิปรองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0, และ 5G ทุกย่านความถี่

    https://wccftech.com/dimensity-9500-latest-single-core-and-multi-core-scores-fail-to-impress/
    🧠 Dimensity 9500 vs Snapdragon 8 Elite Gen 2: เปิดตัวก่อนแต่แรงไม่สุด MediaTek เตรียมเปิดตัวชิป Dimensity 9500 ก่อน Snapdragon 8 Elite Gen 2 หนึ่งวัน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์เพื่อแย่งความสนใจจากตลาด แต่ผลการทดสอบ Geekbench 6 บน Vivo X300 กลับเผยว่า Dimensity 9500 ทำคะแนนได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยได้เพียง 2,352 คะแนนในแบบ single-core และ 7,129 คะแนนในแบบ multi-core Dimensity 9500 ใช้โครงสร้าง CPU แบบ “1 + 3 + 4” โดยมีคอร์หลักที่เร็วที่สุดอยู่ที่ 4.20GHz ซึ่งสูงกว่าความเร็วที่ใช้ในการทดสอบจริง แต่ยังต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง Snapdragon 8 Elite Gen 2 ที่แม้จะลดความเร็วลงเหลือ 4.00GHz ก็ยังทำคะแนนได้ถึง 3,393 และ 11,515 คะแนน—เร็วกว่า Dimensity ถึง 61% สาเหตุหนึ่งที่ Snapdragon 8 Elite Gen 2 ทำได้ดีกว่า คือการใช้คอร์แบบ in-house ที่ไม่พึ่งพา ARM โดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่สูงกว่า และยังมีความยืดหยุ่นในการออกแบบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม Dimensity 9500 ยังมีจุดเด่นในด้านการประมวลผลแบบ floating-point และคะแนน AnTuTu ที่สูงกว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 ถึง 11% ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าชิปนี้เหมาะกับงานกราฟิกหรือ AI มากกว่าการประมวลผลทั่วไป ✅ สเปกและโครงสร้างของ Dimensity 9500 ➡️ ใช้โครงสร้าง CPU แบบ “1 + 3 + 4” ➡️ คอร์หลักเร็วสุดที่ 4.20GHz แต่ทำงานต่ำกว่าความเร็วจริง ➡️ ใช้ Cortex-X930 และ Cortex-A730 บนสถาปัตยกรรม ARMv9.2-A ➡️ ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm โดย TSMC ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้น ➡️ Geekbench 6: single-core 2,352 / multi-core 7,129 ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 2 ได้คะแนนสูงกว่า 61% ➡️ Dimensity 9500 ทำคะแนน AnTuTu สูงกว่า 11% (3449366 vs 3115282) ➡️ มีประสิทธิภาพด้าน floating-point computation สูงกว่า 41% ✅ จุดเด่นของ Snapdragon 8 Elite Gen 2 ➡️ ใช้คอร์แบบ in-house “Oryon Gen 2” ไม่พึ่ง ARM ➡️ ความเร็วสูงสุด 4.74GHz ในรุ่น Galaxy Edition ➡️ ผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P 3nm โดย TSMC ➡️ มี GPU Adreno 840 และ NPU Hexagon รุ่นใหม่ ✅ ความคาดหวังและการใช้งาน ➡️ Dimensity 9500 อาจเหมาะกับงาน AI และกราฟิกมากกว่าการประมวลผลทั่วไป ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 2 เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงแบบต่อเนื่อง ➡️ ทั้งสองชิปรองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0, และ 5G ทุกย่านความถี่ https://wccftech.com/dimensity-9500-latest-single-core-and-multi-core-scores-fail-to-impress/
    WCCFTECH.COM
    Dimensity 9500 With A ‘1 + 3 + 4’ CPU Cluster And Maximum Clock Speed Of 4.20GHz Fails To Impress In The Latest Benchmark Leak; Snapdragon 8 Elite Gen 2 Up To 61 Percent Faster In The Latest Comparison
    The Snapdragon 8 Elite Gen 2 appears to be significantly faster than the Dimensity 9500, as the latter’s single-core and multi-core results are jaw-dropping
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • RTX 5090D V2: การ์ด “ลดสเปก” ที่ไม่ลดพลังเกม

    NVIDIA เปิดตัว RTX 5090D V2 สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ โดยรุ่นนี้ลดขนาดแบนด์วิดธ์หน่วยความจำจาก 512-bit เหลือ 384-bit และลด VRAM จาก 32GB เหลือ 24GB GDDR7

    แต่ผลการทดสอบจากหลายสำนัก เช่น Yesky, Expreview และ Inno3D กลับพบว่า RTX 5090D V2 มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมใกล้เคียงกับ RTX 5090D รุ่นเต็มอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉลี่ยช้ากว่าเพียง 1–2% เท่านั้น แม้ในความละเอียด 4K ที่ปกติจะไวต่อแบนด์วิดธ์หน่วยความจำ

    สาเหตุหนึ่งคือสถาปัตยกรรม Blackwell ของ NVIDIA ที่แม้จะรองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 1.79TB/s แต่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์ 512-bit ได้เต็มที่ในงานเกม ทำให้การลดเหลือ 384-bit ไม่ส่งผลกระทบมากนัก

    การเปิดตัว RTX 5090D V2
    เป็นรุ่นที่ปรับลดสเปกเพื่อขายในจีนตามข้อจำกัดการส่งออก
    ลด VRAM จาก 32GB เหลือ 24GB และลดแบนด์วิดธ์จาก 512-bit เหลือ 384-bit
    ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell เหมือนรุ่นเต็ม

    ผลการทดสอบด้านเกม
    ประสิทธิภาพใกล้เคียง RTX 5090D ในทุกเกมที่ทดสอบ เช่น Cyberpunk 2077, Hogwarts Legacy, Borderlands 3
    เฉลี่ยช้ากว่าเพียง 1–2% แม้ในความละเอียด 4K
    DLSS 4 ช่วยให้เฟรมเรตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    การเปรียบเทียบกับรุ่นเต็ม
    RTX 5090D มี VRAM 32GB และแบนด์วิดธ์ 512-bit
    RTX 5090D V2 มี VRAM 24GB และแบนด์วิดธ์ 384-bit
    สเปกอื่น ๆ เช่น CUDA cores, Tensor cores, TDP ยังคงเท่ากัน

    สถาปัตยกรรม Blackwell
    ใช้ GDDR7 และมี L2 cache ที่ช่วยลดการพึ่งพาแบนด์วิดธ์
    รองรับ DLSS 4 และฟีเจอร์ใหม่สำหรับการเรนเดอร์แบบ AI
    ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์ 512-bit ได้เต็มที่ในงานเกม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/early-rtx-5090d-v2-benchmarks-suggest-that-maybe-384-bit-memory-is-just-fine-after-all-nerfed-china-market-gpu-runs-within-2-2-percent-of-5090d-in-some-tests
    🧠 RTX 5090D V2: การ์ด “ลดสเปก” ที่ไม่ลดพลังเกม NVIDIA เปิดตัว RTX 5090D V2 สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ โดยรุ่นนี้ลดขนาดแบนด์วิดธ์หน่วยความจำจาก 512-bit เหลือ 384-bit และลด VRAM จาก 32GB เหลือ 24GB GDDR7 แต่ผลการทดสอบจากหลายสำนัก เช่น Yesky, Expreview และ Inno3D กลับพบว่า RTX 5090D V2 มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมใกล้เคียงกับ RTX 5090D รุ่นเต็มอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉลี่ยช้ากว่าเพียง 1–2% เท่านั้น แม้ในความละเอียด 4K ที่ปกติจะไวต่อแบนด์วิดธ์หน่วยความจำ สาเหตุหนึ่งคือสถาปัตยกรรม Blackwell ของ NVIDIA ที่แม้จะรองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 1.79TB/s แต่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์ 512-bit ได้เต็มที่ในงานเกม ทำให้การลดเหลือ 384-bit ไม่ส่งผลกระทบมากนัก ✅ การเปิดตัว RTX 5090D V2 ➡️ เป็นรุ่นที่ปรับลดสเปกเพื่อขายในจีนตามข้อจำกัดการส่งออก ➡️ ลด VRAM จาก 32GB เหลือ 24GB และลดแบนด์วิดธ์จาก 512-bit เหลือ 384-bit ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell เหมือนรุ่นเต็ม ✅ ผลการทดสอบด้านเกม ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียง RTX 5090D ในทุกเกมที่ทดสอบ เช่น Cyberpunk 2077, Hogwarts Legacy, Borderlands 3 ➡️ เฉลี่ยช้ากว่าเพียง 1–2% แม้ในความละเอียด 4K ➡️ DLSS 4 ช่วยให้เฟรมเรตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ✅ การเปรียบเทียบกับรุ่นเต็ม ➡️ RTX 5090D มี VRAM 32GB และแบนด์วิดธ์ 512-bit ➡️ RTX 5090D V2 มี VRAM 24GB และแบนด์วิดธ์ 384-bit ➡️ สเปกอื่น ๆ เช่น CUDA cores, Tensor cores, TDP ยังคงเท่ากัน ✅ สถาปัตยกรรม Blackwell ➡️ ใช้ GDDR7 และมี L2 cache ที่ช่วยลดการพึ่งพาแบนด์วิดธ์ ➡️ รองรับ DLSS 4 และฟีเจอร์ใหม่สำหรับการเรนเดอร์แบบ AI ➡️ ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์ 512-bit ได้เต็มที่ในงานเกม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/early-rtx-5090d-v2-benchmarks-suggest-that-maybe-384-bit-memory-is-just-fine-after-all-nerfed-china-market-gpu-runs-within-2-2-percent-of-5090d-in-some-tests
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Early RTX 5090D V2 benchmarks suggest that maybe 384-bit memory is just fine after all — 'nerfed' China-market GPU runs within 2.2% of 5090D in some tests
    There's barely any difference in performance between the RTX 5090D and its 512-bit interface compared to the 5090D V2 and its skinnier 384-bit interface in games.
    0 Comments 0 Shares 318 Views 0 Reviews
  • DeepSeek R2: โมเดล AI ที่สะดุดเพราะชิป Huawei

    DeepSeek บริษัท AI สัญชาติจีนที่เคยสร้างชื่อจากโมเดล R1 กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการพัฒนา R2 ซึ่งเดิมทีตั้งใจจะใช้ชิป Ascend 910C ของ Huawei ในการฝึกโมเดล เพื่อสนับสนุนแนวทาง “พึ่งพาตนเอง” ของรัฐบาลจีน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามแผน

    แม้ Huawei จะส่งทีมวิศวกรไปช่วย DeepSeek โดยตรง แต่ชิป Ascend กลับมีปัญหาหลายด้าน เช่น ความร้อนสูง, การเชื่อมต่อระหว่างชิปที่ช้า, และซอฟต์แวร์ที่ยังไม่เทียบเท่ากับ CUDA ของ NVIDIA ทำให้ DeepSeek ไม่สามารถฝึกโมเดล R2 ได้สำเร็จ

    สุดท้าย DeepSeek ต้องหันกลับมาใช้ชิป NVIDIA H20 ในการฝึกโมเดล และใช้ชิป Huawei เฉพาะในขั้นตอน inference เท่านั้น ซึ่งเป็นการประนีประนอมระหว่างประสิทธิภาพและนโยบายรัฐ

    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ R2 ล่าช้า เช่น การติดป้ายข้อมูล (data labeling) ที่ใช้เวลานานกว่าคาด และความกังวลเรื่องความปลอดภัยของชิป NVIDIA ที่อาจมีระบบติดตามตำแหน่ง ทำให้รัฐบาลจีนลังเลที่จะอนุมัติการใช้งานในวงกว้าง

    แม้ DeepSeek จะยังไม่ประกาศวันเปิดตัวใหม่อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าโมเดล R2 จะเปิดตัวภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยต้องแข่งกับคู่แข่งอย่าง Qwen3 จาก Alibaba ที่กำลังมาแรง

    DeepSeek ล่าช้าในการเปิดตัวโมเดล R2
    เดิมตั้งใจเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม แต่เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด
    ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงและทดสอบประสิทธิภาพ

    ปัญหาจากการใช้ชิป Huawei Ascend 910C
    มีปัญหาความร้อนสูงและการเชื่อมต่อระหว่างชิปที่ช้า
    ซอฟต์แวร์ CANN ยังไม่เทียบเท่ากับ CUDA ของ NVIDIA
    ไม่สามารถฝึกโมเดลขนาดใหญ่ได้สำเร็จ

    การเปลี่ยนกลับมาใช้ชิป NVIDIA
    ใช้ NVIDIA H20 ในการฝึกโมเดล R2
    ใช้ Huawei เฉพาะในขั้นตอน inference เพื่อประหยัดต้นทุน
    เป็นแนวทางแบบ hybrid ที่หลายบริษัทจีนเริ่มนำมาใช้

    ปัจจัยอื่นที่ทำให้ R2 ล่าช้า
    การติดป้ายข้อมูลใช้เวลานานกว่าคาด
    ผู้ก่อตั้งไม่พอใจกับความก้าวหน้า และต้องการคุณภาพสูงกว่าคู่แข่ง
    รัฐบาลจีนยังลังเลเรื่องการอนุมัติชิป NVIDIA เพราะข้อกังวลด้านความปลอดภัย

    https://wccftech.com/deepseek-r2-ai-model-is-reportedly-delayed-after-chinese-authorities-encouraged-the-firm-to-use-huawei-ai-chips/
    🧠 DeepSeek R2: โมเดล AI ที่สะดุดเพราะชิป Huawei DeepSeek บริษัท AI สัญชาติจีนที่เคยสร้างชื่อจากโมเดล R1 กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการพัฒนา R2 ซึ่งเดิมทีตั้งใจจะใช้ชิป Ascend 910C ของ Huawei ในการฝึกโมเดล เพื่อสนับสนุนแนวทาง “พึ่งพาตนเอง” ของรัฐบาลจีน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามแผน แม้ Huawei จะส่งทีมวิศวกรไปช่วย DeepSeek โดยตรง แต่ชิป Ascend กลับมีปัญหาหลายด้าน เช่น ความร้อนสูง, การเชื่อมต่อระหว่างชิปที่ช้า, และซอฟต์แวร์ที่ยังไม่เทียบเท่ากับ CUDA ของ NVIDIA ทำให้ DeepSeek ไม่สามารถฝึกโมเดล R2 ได้สำเร็จ สุดท้าย DeepSeek ต้องหันกลับมาใช้ชิป NVIDIA H20 ในการฝึกโมเดล และใช้ชิป Huawei เฉพาะในขั้นตอน inference เท่านั้น ซึ่งเป็นการประนีประนอมระหว่างประสิทธิภาพและนโยบายรัฐ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ R2 ล่าช้า เช่น การติดป้ายข้อมูล (data labeling) ที่ใช้เวลานานกว่าคาด และความกังวลเรื่องความปลอดภัยของชิป NVIDIA ที่อาจมีระบบติดตามตำแหน่ง ทำให้รัฐบาลจีนลังเลที่จะอนุมัติการใช้งานในวงกว้าง แม้ DeepSeek จะยังไม่ประกาศวันเปิดตัวใหม่อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าโมเดล R2 จะเปิดตัวภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยต้องแข่งกับคู่แข่งอย่าง Qwen3 จาก Alibaba ที่กำลังมาแรง ✅ DeepSeek ล่าช้าในการเปิดตัวโมเดล R2 ➡️ เดิมตั้งใจเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม แต่เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ➡️ ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงและทดสอบประสิทธิภาพ ✅ ปัญหาจากการใช้ชิป Huawei Ascend 910C ➡️ มีปัญหาความร้อนสูงและการเชื่อมต่อระหว่างชิปที่ช้า ➡️ ซอฟต์แวร์ CANN ยังไม่เทียบเท่ากับ CUDA ของ NVIDIA ➡️ ไม่สามารถฝึกโมเดลขนาดใหญ่ได้สำเร็จ ✅ การเปลี่ยนกลับมาใช้ชิป NVIDIA ➡️ ใช้ NVIDIA H20 ในการฝึกโมเดล R2 ➡️ ใช้ Huawei เฉพาะในขั้นตอน inference เพื่อประหยัดต้นทุน ➡️ เป็นแนวทางแบบ hybrid ที่หลายบริษัทจีนเริ่มนำมาใช้ ✅ ปัจจัยอื่นที่ทำให้ R2 ล่าช้า ➡️ การติดป้ายข้อมูลใช้เวลานานกว่าคาด ➡️ ผู้ก่อตั้งไม่พอใจกับความก้าวหน้า และต้องการคุณภาพสูงกว่าคู่แข่ง ➡️ รัฐบาลจีนยังลังเลเรื่องการอนุมัติชิป NVIDIA เพราะข้อกังวลด้านความปลอดภัย https://wccftech.com/deepseek-r2-ai-model-is-reportedly-delayed-after-chinese-authorities-encouraged-the-firm-to-use-huawei-ai-chips/
    WCCFTECH.COM
    DeepSeek's R2 AI Model Is Reportedly Delayed After Chinese Authorities Encouraged the Firm to Use Huawei's AI Chips; Beijing Is Still in Need of NVIDIA's Alternatives
    Well, relying on Huawei's AI chips didn't go well for DeepSeek, as the AI firm has failed to train the R2 model on Chinese chips.
    0 Comments 0 Shares 400 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากอากาศที่เราหายใจ: มลพิษกลางแจ้งกับความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม

    ลองจินตนาการว่าอากาศที่เราหายใจทุกวัน ไม่ใช่แค่ทำให้ไอหรือหอบ แต่อาจค่อย ๆ ทำลายความทรงจำของเราไปทีละนิด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 29 ล้านคนทั่วโลก และพบว่า “การสัมผัสมลพิษทางอากาศกลางแจ้งในระยะยาว” มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคสมองเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์

    พวกเขาเจาะลึกถึง 51 งานวิจัย และพบว่า 3 ชนิดของมลพิษที่มีผลชัดเจน ได้แก่:
    - PM2.5: ฝุ่นขนาดเล็กมากที่สามารถเข้าสู่ปอดลึกและแม้แต่สมอง
    - NO₂: ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ไอเสียรถยนต์
    - เขม่าควัน (Soot): อนุภาคจากการเผาไหม้ เช่น เตาไม้หรือโรงงาน

    ผลกระทบไม่ใช่แค่เรื่องปอดหรือหัวใจ แต่ยังรวมถึงสมอง โดยพบว่า:
    - ทุก 10 μg/m³ ของ PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมขึ้น 17%
    - NO₂ เพิ่มความเสี่ยง 3% ต่อ 10 μg/m³
    - เขม่าควันเพิ่มความเสี่ยง 13% ต่อ 1 μg/m³

    นักวิจัยยังชี้ว่า การวางผังเมือง การขนส่ง และนโยบายสิ่งแวดล้อม ควรมีบทบาทร่วมในการป้องกันโรคสมองเสื่อม ไม่ใช่แค่ระบบสาธารณสุขเท่านั้น

    การสัมผัสมลพิษทางอากาศกลางแจ้งในระยะยาวเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม
    วิเคราะห์จากข้อมูลของผู้คนกว่า 29 ล้านคนทั่วโลก

    งานวิจัยรวม 51 ชิ้น โดย 34 ชิ้นถูกนำมาวิเคราะห์เชิงสถิติ
    ครอบคลุมจากอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย

    พบความสัมพันธ์เชิงสถิติระหว่าง 3 มลพิษกับโรคสมองเสื่อม
    PM2.5, NO₂ และเขม่าควัน

    PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม 17% ต่อ 10 μg/m³
    พบมากในไอเสียรถยนต์ โรงงาน และฝุ่นก่อสร้าง

    NO₂ เพิ่มความเสี่ยง 3% ต่อ 10 μg/m³
    มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ดีเซล

    เขม่าควันเพิ่มความเสี่ยง 13% ต่อ 1 μg/m³
    มาจากเตาไม้และการเผาไหม้ในบ้านหรืออุตสาหกรรม

    นักวิจัยเสนอให้ใช้แนวทางสหวิทยาการในการป้องกันโรคสมองเสื่อม
    รวมถึงการออกแบบเมืองและนโยบายสิ่งแวดล้อม

    WHO ระบุว่า 99% ของประชากรโลกหายใจอากาศที่มีมลพิษเกินมาตรฐาน
    โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และประเทศกำลังพัฒนา

    กลไกที่มลพิษอาจทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมคือการอักเสบและ oxidative stress
    ส่งผลต่อเซลล์สมองและการทำงานของระบบประสาท

    มลพิษสามารถเข้าสู่สมองผ่านเส้นเลือดหรือเส้นประสาทรับกลิ่น
    ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมองที่คล้ายกับอัลไซเมอร์

    กลุ่มประชากรชายขอบมักได้รับผลกระทบจากมลพิษมากกว่า
    แต่กลับมีตัวแทนในงานวิจัยน้อย

    มลพิษทางอากาศอาจเป็นภัยเงียบที่ทำลายสมองโดยไม่รู้ตัว
    โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นและโรงงานอุตสาหกรรม

    ความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากมลพิษที่พบทั่วไป
    เช่น PM2.5 ที่พบในระดับ 10 μg/m³ บนถนนในลอนดอน

    การไม่ควบคุมมลพิษอาจเพิ่มภาระต่อระบบสาธารณสุขในอนาคต
    ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว

    การวิจัยยังขาดความหลากหลายของกลุ่มตัวอย่าง
    ทำให้ไม่สามารถประเมินผลกระทบในประชากรบางกลุ่มได้อย่างแม่นยำ

    https://www.cam.ac.uk/research/news/long-term-exposure-to-outdoor-air-pollution-linked-to-increased-risk-of-dementia
    🧠🌫️ เรื่องเล่าจากอากาศที่เราหายใจ: มลพิษกลางแจ้งกับความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม ลองจินตนาการว่าอากาศที่เราหายใจทุกวัน ไม่ใช่แค่ทำให้ไอหรือหอบ แต่อาจค่อย ๆ ทำลายความทรงจำของเราไปทีละนิด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 29 ล้านคนทั่วโลก และพบว่า “การสัมผัสมลพิษทางอากาศกลางแจ้งในระยะยาว” มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคสมองเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์ พวกเขาเจาะลึกถึง 51 งานวิจัย และพบว่า 3 ชนิดของมลพิษที่มีผลชัดเจน ได้แก่: - PM2.5: ฝุ่นขนาดเล็กมากที่สามารถเข้าสู่ปอดลึกและแม้แต่สมอง - NO₂: ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ไอเสียรถยนต์ - เขม่าควัน (Soot): อนุภาคจากการเผาไหม้ เช่น เตาไม้หรือโรงงาน ผลกระทบไม่ใช่แค่เรื่องปอดหรือหัวใจ แต่ยังรวมถึงสมอง โดยพบว่า: - ทุก 10 μg/m³ ของ PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมขึ้น 17% - NO₂ เพิ่มความเสี่ยง 3% ต่อ 10 μg/m³ - เขม่าควันเพิ่มความเสี่ยง 13% ต่อ 1 μg/m³ นักวิจัยยังชี้ว่า การวางผังเมือง การขนส่ง และนโยบายสิ่งแวดล้อม ควรมีบทบาทร่วมในการป้องกันโรคสมองเสื่อม ไม่ใช่แค่ระบบสาธารณสุขเท่านั้น ✅ การสัมผัสมลพิษทางอากาศกลางแจ้งในระยะยาวเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม ➡️ วิเคราะห์จากข้อมูลของผู้คนกว่า 29 ล้านคนทั่วโลก ✅ งานวิจัยรวม 51 ชิ้น โดย 34 ชิ้นถูกนำมาวิเคราะห์เชิงสถิติ ➡️ ครอบคลุมจากอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย ✅ พบความสัมพันธ์เชิงสถิติระหว่าง 3 มลพิษกับโรคสมองเสื่อม ➡️ PM2.5, NO₂ และเขม่าควัน ✅ PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม 17% ต่อ 10 μg/m³ ➡️ พบมากในไอเสียรถยนต์ โรงงาน และฝุ่นก่อสร้าง ✅ NO₂ เพิ่มความเสี่ยง 3% ต่อ 10 μg/m³ ➡️ มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ดีเซล ✅ เขม่าควันเพิ่มความเสี่ยง 13% ต่อ 1 μg/m³ ➡️ มาจากเตาไม้และการเผาไหม้ในบ้านหรืออุตสาหกรรม ✅ นักวิจัยเสนอให้ใช้แนวทางสหวิทยาการในการป้องกันโรคสมองเสื่อม ➡️ รวมถึงการออกแบบเมืองและนโยบายสิ่งแวดล้อม ✅ WHO ระบุว่า 99% ของประชากรโลกหายใจอากาศที่มีมลพิษเกินมาตรฐาน ➡️ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และประเทศกำลังพัฒนา ✅ กลไกที่มลพิษอาจทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมคือการอักเสบและ oxidative stress ➡️ ส่งผลต่อเซลล์สมองและการทำงานของระบบประสาท ✅ มลพิษสามารถเข้าสู่สมองผ่านเส้นเลือดหรือเส้นประสาทรับกลิ่น ➡️ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมองที่คล้ายกับอัลไซเมอร์ ✅ กลุ่มประชากรชายขอบมักได้รับผลกระทบจากมลพิษมากกว่า ➡️ แต่กลับมีตัวแทนในงานวิจัยน้อย ‼️ มลพิษทางอากาศอาจเป็นภัยเงียบที่ทำลายสมองโดยไม่รู้ตัว ⛔ โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นและโรงงานอุตสาหกรรม ‼️ ความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากมลพิษที่พบทั่วไป ⛔ เช่น PM2.5 ที่พบในระดับ 10 μg/m³ บนถนนในลอนดอน ‼️ การไม่ควบคุมมลพิษอาจเพิ่มภาระต่อระบบสาธารณสุขในอนาคต ⛔ ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว ‼️ การวิจัยยังขาดความหลากหลายของกลุ่มตัวอย่าง ⛔ ทำให้ไม่สามารถประเมินผลกระทบในประชากรบางกลุ่มได้อย่างแม่นยำ https://www.cam.ac.uk/research/news/long-term-exposure-to-outdoor-air-pollution-linked-to-increased-risk-of-dementia
    WWW.CAM.AC.UK
    Long-term exposure to outdoor air pollution linked to increased risk of dementia
    An analysis of studies incorporating data from almost 30 million people has highlighted the role that air pollution – including that coming from car exhaust
    0 Comments 0 Shares 454 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากแนวหน้าการแพทย์: ยาฉีดปีละสองครั้งที่อาจหยุดการระบาดของ HIV

    หลังจากการต่อสู้กับ HIV มานานกว่า 44 ปี โลกอาจเข้าใกล้จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ Lenacapavir ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ใช้เป็นยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง โดยผลการทดลองแสดงว่า ผู้เข้าร่วมกว่า 99.9% ไม่ติดเชื้อ หลังได้รับยา

    Lenacapavir เป็นยากลุ่มใหม่ที่เรียกว่า capsid inhibitor ซึ่งทำงานโดยขัดขวางการทำงานของเปลือกโปรตีนของไวรัส HIV ทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนในร่างกายได้

    ที่สำคัญคือ Gilead Sciences ผู้ผลิตยา ได้ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายานี้ให้กับ 2 ล้านคนในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง โดยไม่แสวงหากำไร พร้อมเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญ 6 รายผลิตยาใน 120 ประเทศ

    Lenacapavir (Yeztugo) ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายน 2025
    เป็นยาฉีดปีละสองครั้งสำหรับป้องกัน HIV ในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ
    เป็นยากลุ่ม capsid inhibitor ที่ทำงานหลายขั้นตอนในวงจรชีวิตของไวรัส

    ผลการทดลองทางคลินิกแสดงประสิทธิภาพสูงมาก
    ในการทดลอง PURPOSE 1: ผู้หญิงในแอฟริกาใต้และยูกันดา ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย
    ในการทดลอง PURPOSE 2: ผู้ชายและกลุ่มหลากหลายเพศจากหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้อเพียง 2 คนจากกว่า 2,000 คน

    Gilead ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายาให้ประเทศรายได้น้อยโดยไม่แสวงหากำไร
    ตั้งเป้าเข้าถึง 2 ล้านคนภายใน 3 ปี
    มีการเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผลิตยาสามัญใน 120 ประเทศ

    WHO ออกคำแนะนำให้ใช้ Lenacapavir เป็นทางเลือกใหม่ในการป้องกัน HIV
    เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการใช้ยาแบบรายวัน
    เป็น “ทางเลือกที่ใกล้เคียงวัคซีน HIV ที่สุดในปัจจุบัน”

    Lenacapavir ช่วยลดอุปสรรคด้านการเข้าถึงและความอับอายในการใช้ PrEP
    ลดจำนวนการไปคลินิกเหลือเพียงปีละสองครั้ง
    เหมาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิง, LGBTQ+, ผู้ใช้สารเสพติด, ผู้ต้องขัง

    ราคายาในสหรัฐยังสูงมาก แม้จะมีโครงการช่วยเหลือ
    ราคาปีละประมาณ $28,000 หรือราว 1 ล้านบาท
    แม้มีโครงการช่วยเหลือ แต่การเข้าถึงยังขึ้นอยู่กับระบบประกันสุขภาพ

    การเข้าถึงในประเทศกำลังพัฒนาอาจถูกขัดขวางจากการตัดงบของสหรัฐ
    โครงการ PEPFAR ถูกลดงบประมาณโดยรัฐบาลทรัมป์
    ส่งผลให้คลินิกและบริการ HIV ในหลายประเทศต้องปิดตัว

    การใช้ยาในผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา
    ต้องตรวจ HIV ก่อนเริ่มใช้และก่อนฉีดทุกครั้ง
    หากติดเชื้อแล้ว ต้องเปลี่ยนไปใช้ยารักษา HIV เต็มรูปแบบทันที

    ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น ปวดบริเวณฉีด, คลื่นไส้, ก้อนใต้ผิวหนัง
    ก้อนยาอาจอยู่ใต้ผิวหนังนานหลายเดือน
    ต้องแจ้งผู้ใช้ให้ทราบล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล

    https://newatlas.com/infectious-diseases/hiv-prevention-fda-lenacapavir/
    🧬 เรื่องเล่าจากแนวหน้าการแพทย์: ยาฉีดปีละสองครั้งที่อาจหยุดการระบาดของ HIV หลังจากการต่อสู้กับ HIV มานานกว่า 44 ปี โลกอาจเข้าใกล้จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ Lenacapavir ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ใช้เป็นยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง โดยผลการทดลองแสดงว่า ผู้เข้าร่วมกว่า 99.9% ไม่ติดเชื้อ หลังได้รับยา Lenacapavir เป็นยากลุ่มใหม่ที่เรียกว่า capsid inhibitor ซึ่งทำงานโดยขัดขวางการทำงานของเปลือกโปรตีนของไวรัส HIV ทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนในร่างกายได้ ที่สำคัญคือ Gilead Sciences ผู้ผลิตยา ได้ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายานี้ให้กับ 2 ล้านคนในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง โดยไม่แสวงหากำไร พร้อมเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญ 6 รายผลิตยาใน 120 ประเทศ ✅ Lenacapavir (Yeztugo) ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ➡️ เป็นยาฉีดปีละสองครั้งสำหรับป้องกัน HIV ในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ ➡️ เป็นยากลุ่ม capsid inhibitor ที่ทำงานหลายขั้นตอนในวงจรชีวิตของไวรัส ✅ ผลการทดลองทางคลินิกแสดงประสิทธิภาพสูงมาก ➡️ ในการทดลอง PURPOSE 1: ผู้หญิงในแอฟริกาใต้และยูกันดา ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย ➡️ ในการทดลอง PURPOSE 2: ผู้ชายและกลุ่มหลากหลายเพศจากหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้อเพียง 2 คนจากกว่า 2,000 คน ✅ Gilead ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายาให้ประเทศรายได้น้อยโดยไม่แสวงหากำไร ➡️ ตั้งเป้าเข้าถึง 2 ล้านคนภายใน 3 ปี ➡️ มีการเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผลิตยาสามัญใน 120 ประเทศ ✅ WHO ออกคำแนะนำให้ใช้ Lenacapavir เป็นทางเลือกใหม่ในการป้องกัน HIV ➡️ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการใช้ยาแบบรายวัน ➡️ เป็น “ทางเลือกที่ใกล้เคียงวัคซีน HIV ที่สุดในปัจจุบัน” ✅ Lenacapavir ช่วยลดอุปสรรคด้านการเข้าถึงและความอับอายในการใช้ PrEP ➡️ ลดจำนวนการไปคลินิกเหลือเพียงปีละสองครั้ง ➡️ เหมาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิง, LGBTQ+, ผู้ใช้สารเสพติด, ผู้ต้องขัง ‼️ ราคายาในสหรัฐยังสูงมาก แม้จะมีโครงการช่วยเหลือ ⛔ ราคาปีละประมาณ $28,000 หรือราว 1 ล้านบาท ⛔ แม้มีโครงการช่วยเหลือ แต่การเข้าถึงยังขึ้นอยู่กับระบบประกันสุขภาพ ‼️ การเข้าถึงในประเทศกำลังพัฒนาอาจถูกขัดขวางจากการตัดงบของสหรัฐ ⛔ โครงการ PEPFAR ถูกลดงบประมาณโดยรัฐบาลทรัมป์ ⛔ ส่งผลให้คลินิกและบริการ HIV ในหลายประเทศต้องปิดตัว ‼️ การใช้ยาในผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา ⛔ ต้องตรวจ HIV ก่อนเริ่มใช้และก่อนฉีดทุกครั้ง ⛔ หากติดเชื้อแล้ว ต้องเปลี่ยนไปใช้ยารักษา HIV เต็มรูปแบบทันที ‼️ ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น ปวดบริเวณฉีด, คลื่นไส้, ก้อนใต้ผิวหนัง ⛔ ก้อนยาอาจอยู่ใต้ผิวหนังนานหลายเดือน ⛔ ต้องแจ้งผู้ใช้ให้ทราบล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล https://newatlas.com/infectious-diseases/hiv-prevention-fda-lenacapavir/
    NEWATLAS.COM
    The first 100% effective HIV prevention drug is approved and going global
    An epidemic that's been sustained for 44 years might finally be quelled, with the milestone approval of the first HIV drug that offers 100% protection with its twice-yearly injections. It's a landmark achievement that stands to save millions of lives across the globe. The makers are also providing…
    0 Comments 0 Shares 444 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อเกมม็อดกลายเป็นประตูสู่การโจรกรรมคริปโต

    เรื่องเริ่มจากการสืบสวนของ Doctor Web ในรัสเซีย ซึ่งพบว่าแฮกเกอร์ใช้เทคนิค DLL Search Order Hijacking โดยวางไฟล์ DLL ปลอมในโฟลเดอร์ของแอปเป้าหมาย เพื่อให้ระบบโหลดไฟล์ปลอมแทนของจริง ทำให้มัลแวร์สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในแอปได้โดยตรง

    มัลแวร์ Scavenger ถูกปลอมเป็นไฟล์เกมม็อด เช่น “performance patch” ของเกม Oblivion Remastered หรือไฟล์ .ASI สำหรับ GTA ซึ่งเมื่อผู้ใช้ติดตั้งตามคำแนะนำ มัลแวร์จะเริ่มทำงานเป็นขั้นตอน:

    1️⃣ Trojan.Scavenger1: ปลอมเป็นไฟล์ DLL เกม

    2️⃣ Trojan.Scavenger2: ดาวน์โหลดโมดูลเพิ่มเติม

    3️⃣ Trojan.Scavenger3: แฝงตัวในเบราว์เซอร์ Chromium เช่น Chrome, Edge, Opera
    - ปิดระบบ sandbox และการตรวจสอบ extension
    - แก้ไข extension ยอดนิยม เช่น MetaMask, Bitwarden, LastPass
    - ส่งข้อมูล mnemonic และรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์

    4️⃣ Trojan.Scavenger4: เจาะเข้าแอป Exodus เพื่อขโมย private key และ mnemonic

    มัลแวร์ยังมีความสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับ:
    - ตรวจสอบว่าอยู่ใน VM หรือ debug environment แล้วหยุดทำงาน
    - ใช้การ handshake แบบเข้ารหัสก่อนสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์

    แม้ Doctor Web จะแจ้งนักพัฒนาแอปให้แก้ไขช่องโหว่ DLL hijacking แต่หลายรายปฏิเสธ ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเอง เช่น หลีกเลี่ยงการใช้เกมเถื่อน, ไม่โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และอัปเดตแอนตี้ไวรัสเสมอ

    https://hackread.com/scavenger-trojan-crypto-wallets-game-mods-browser-flaws/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อเกมม็อดกลายเป็นประตูสู่การโจรกรรมคริปโต เรื่องเริ่มจากการสืบสวนของ Doctor Web ในรัสเซีย ซึ่งพบว่าแฮกเกอร์ใช้เทคนิค DLL Search Order Hijacking โดยวางไฟล์ DLL ปลอมในโฟลเดอร์ของแอปเป้าหมาย เพื่อให้ระบบโหลดไฟล์ปลอมแทนของจริง ทำให้มัลแวร์สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในแอปได้โดยตรง มัลแวร์ Scavenger ถูกปลอมเป็นไฟล์เกมม็อด เช่น “performance patch” ของเกม Oblivion Remastered หรือไฟล์ .ASI สำหรับ GTA ซึ่งเมื่อผู้ใช้ติดตั้งตามคำแนะนำ มัลแวร์จะเริ่มทำงานเป็นขั้นตอน: 1️⃣ Trojan.Scavenger1: ปลอมเป็นไฟล์ DLL เกม 2️⃣ Trojan.Scavenger2: ดาวน์โหลดโมดูลเพิ่มเติม 3️⃣ Trojan.Scavenger3: แฝงตัวในเบราว์เซอร์ Chromium เช่น Chrome, Edge, Opera - ปิดระบบ sandbox และการตรวจสอบ extension - แก้ไข extension ยอดนิยม เช่น MetaMask, Bitwarden, LastPass - ส่งข้อมูล mnemonic และรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ 4️⃣ Trojan.Scavenger4: เจาะเข้าแอป Exodus เพื่อขโมย private key และ mnemonic มัลแวร์ยังมีความสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับ: - ตรวจสอบว่าอยู่ใน VM หรือ debug environment แล้วหยุดทำงาน - ใช้การ handshake แบบเข้ารหัสก่อนสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ แม้ Doctor Web จะแจ้งนักพัฒนาแอปให้แก้ไขช่องโหว่ DLL hijacking แต่หลายรายปฏิเสธ ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเอง เช่น หลีกเลี่ยงการใช้เกมเถื่อน, ไม่โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และอัปเดตแอนตี้ไวรัสเสมอ https://hackread.com/scavenger-trojan-crypto-wallets-game-mods-browser-flaws/
    HACKREAD.COM
    Scavenger Trojan Targets Crypto Wallets via Game Mods and Browser Flaws
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 Elon Musk และทีม xAI เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบมัลติโหมดรุ่นล่าสุด โดยมีจุดเด่นด้านการเข้าใจภาษา การแก้โจทย์คณิตศาสตร์ และการให้เหตุผลอย่างลึกซึ้ง

    Grok 4 มีหลายเวอร์ชัน โดยเวอร์ชัน “Heavy” ที่ใช้เครื่องมือหลายตัวพร้อมกัน (multi-agent tools) ทำคะแนนได้สูงมากในหลายการทดสอบ เช่น:
    - Humanity’s Last Exam (HLE): Grok 4 Heavy ทำคะแนนได้ 44.4% สูงกว่า Gemini 2.5 Pro ที่ใช้เครื่องมือ (26.9%)
    - ARC-AGI-2: Grok 4 ได้ 16.2% ซึ่งสูงกว่า Claude Opus 4 เกือบเท่าตัว
    - MMLU: ได้คะแนน 86.6% และมี Intelligence Index สูงถึง 73 ซึ่งนำหน้าทั้ง OpenAI และ Google

    ในด้าน STEM และการเขียนโค้ด:
    - GPQA: Grok 4 ได้ 87.5%, ส่วน Grok 4 Heavy ได้ 88.9%
    - AIME: Grok 4 Heavy ได้คะแนนเต็ม 100%
    - SWE-Bench: Grok 4 Code (จะเปิดตัวเดือนสิงหาคม) ทำคะแนนได้ 72–75%

    Elon Musk ระบุว่า Grok 4 “แทบไม่เคยตอบผิดในข้อสอบฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์เลย” และสามารถตรวจจับข้อผิดพลาดในคำถามได้ด้วย

    ด้านราคาการใช้งาน:
    - API ราคาเท่า Grok 3: $3/$15 ต่อ 1 ล้าน tokens

    แพ็กเกจผู้ใช้ทั่วไป:
    - ฟรี: เข้าถึง Grok 3 แบบจำกัด
    - SuperGrok ($30/เดือน): เข้าถึง Grok 3 และ Grok 4
    - SuperGrok Heavy ($300/เดือน): เข้าถึง Grok 3, Grok 4 และ Grok 4 Heavy

    https://www.neowin.net/news/elon-musks-xai-launches-grok-4-claiming-top-spot-among-industry-ai-models/
    เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 Elon Musk และทีม xAI เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบมัลติโหมดรุ่นล่าสุด โดยมีจุดเด่นด้านการเข้าใจภาษา การแก้โจทย์คณิตศาสตร์ และการให้เหตุผลอย่างลึกซึ้ง Grok 4 มีหลายเวอร์ชัน โดยเวอร์ชัน “Heavy” ที่ใช้เครื่องมือหลายตัวพร้อมกัน (multi-agent tools) ทำคะแนนได้สูงมากในหลายการทดสอบ เช่น: - Humanity’s Last Exam (HLE): Grok 4 Heavy ทำคะแนนได้ 44.4% สูงกว่า Gemini 2.5 Pro ที่ใช้เครื่องมือ (26.9%) - ARC-AGI-2: Grok 4 ได้ 16.2% ซึ่งสูงกว่า Claude Opus 4 เกือบเท่าตัว - MMLU: ได้คะแนน 86.6% และมี Intelligence Index สูงถึง 73 ซึ่งนำหน้าทั้ง OpenAI และ Google ในด้าน STEM และการเขียนโค้ด: - GPQA: Grok 4 ได้ 87.5%, ส่วน Grok 4 Heavy ได้ 88.9% - AIME: Grok 4 Heavy ได้คะแนนเต็ม 100% - SWE-Bench: Grok 4 Code (จะเปิดตัวเดือนสิงหาคม) ทำคะแนนได้ 72–75% Elon Musk ระบุว่า Grok 4 “แทบไม่เคยตอบผิดในข้อสอบฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์เลย” และสามารถตรวจจับข้อผิดพลาดในคำถามได้ด้วย ด้านราคาการใช้งาน: - API ราคาเท่า Grok 3: $3/$15 ต่อ 1 ล้าน tokens แพ็กเกจผู้ใช้ทั่วไป: - ฟรี: เข้าถึง Grok 3 แบบจำกัด - SuperGrok ($30/เดือน): เข้าถึง Grok 3 และ Grok 4 - SuperGrok Heavy ($300/เดือน): เข้าถึง Grok 3, Grok 4 และ Grok 4 Heavy https://www.neowin.net/news/elon-musks-xai-launches-grok-4-claiming-top-spot-among-industry-ai-models/
    WWW.NEOWIN.NET
    Elon Musk's xAI launches Grok 4, claiming top spot among industry AI models
    Elon Musk's xAI has launched its new flagship AI model, Grok-4, which demonstrates leading performance in various academic, reasoning, and coding benchmarks.
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
More Results