🛜 “Wireguard FPGA — ปฏิวัติความปลอดภัยเครือข่ายด้วยฮาร์ดแวร์โอเพนซอร์สราคาประหยัด”
ในยุคที่ความปลอดภัยของข้อมูลกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน VPN กลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่โซลูชันแบบเดิมอย่าง OpenVPN หรือ IPSec เริ่มล้าหลัง ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความซับซ้อนในการจัดการ นี่คือจุดเริ่มต้นของโครงการ “Wireguard FPGA” ที่มุ่งสร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบ ด้วยความเร็วระดับสายไฟ (wire-speed) บน FPGA ราคาประหยัด พร้อมเปิดซอร์สให้ทุกคนเข้าถึงได้
โครงการนี้ใช้ Artix-7 FPGA ซึ่งรองรับเครื่องมือโอเพนซอร์ส และเขียนโค้ดทั้งหมดด้วย Verilog/SystemVerilog โดยไม่พึ่งพา IP แบบปิดหรือเครื่องมือเชิงพาณิชย์ จุดเด่นคือการออกแบบระบบให้ทำงานแบบ self-contained ไม่ต้องพึ่งพา PC host และสามารถจัดการการเข้ารหัสแบบ ChaCha20-Poly1305 ได้ในระดับฮาร์ดแวร์
ทีมงานเบื้องหลังเคยมีส่วนร่วมในโครงการ Blackwire ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ VPN ความเร็ว 100Gbps แต่มีข้อจำกัดด้านราคาและเครื่องมือที่ใช้ ทำให้ Wireguard FPGA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยมีแผนพัฒนาเป็นหลายเฟส ตั้งแต่การสร้างต้นแบบ ไปจนถึงการทดสอบจริง และการเพิ่มฟีเจอร์ควบคุมการไหลของข้อมูล
เป้าหมายของโครงการ Wireguard FPGA
สร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์ที่เร็วระดับสายไฟ
ใช้ Artix-7 FPGA ราคาประหยัดและเครื่องมือโอเพนซอร์ส
เขียนโค้ดด้วย Verilog/SystemVerilog ทั้งหมด
ความแตกต่างจากโครงการ Blackwire
Blackwire ใช้ Alveo U50 ที่มีราคาสูงและเครื่องมือ Vivado แบบปิด
Wireguard FPGA ไม่พึ่งพา PC host และใช้โค้ดที่เข้าถึงได้ง่าย
Blackwire เปิดซอร์สเพราะปัญหาทางการเงิน ไม่ใช่เจตนาเดิม
สถาปัตยกรรมระบบ
แบ่งเป็น Control Plane (ซอฟต์แวร์บน RISC-V CPU) และ Data Plane (ฮาร์ดแวร์เข้ารหัส)
ใช้ CSR-based HAL ในการเชื่อมต่อระหว่างสองส่วน
รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสด้วย ChaCha20-Poly1305 ในฮาร์ดแวร์
การพัฒนาแบบหลายเฟส
Phase 1: สร้างต้นแบบและทดสอบพื้นฐาน
Phase 2: สร้าง datapath และรวม IP เข้าด้วยกัน
Phase 3: พัฒนาเฟิร์มแวร์ควบคุมบน RISC-V
Phase 4: จัดการ VPN tunnel แบบครบวงจร
Phase 5: ทดสอบจริงและพอร์ตไปยัง OpenXC7
Phase 6: เพิ่มโมดูลควบคุมการไหลของข้อมูล
เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้
ใช้ Verilator, cocoTB, VProc ISS ในการจำลอง
ใช้ IP จากโครงการอื่น เช่น Corundum, Cookie Cutter SOC
ใช้ระบบ co-simulation HAL ที่สร้างจาก SystemRDL
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึม AEAD ที่ใช้ใน Wireguard ตาม RFC7539
Curve25519 ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนคีย์แบบ ECDH
OpenXC7 เป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับ FPGA ตระกูล Xilinx Series7
ข้อควรระวังและความท้าทาย
Artix-7 ไม่รองรับ High-Performance I/O ทำให้จำกัดความเร็วที่ 600MHz
เครื่องมือโอเพนซอร์สยังไม่สมบูรณ์ อาจมีปัญหา timing closure และ routing
การจำลองระบบขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงและอาจไม่เหมาะกับทุกคน
การพอร์ตไปยัง OpenXC7 ยังมีปัญหา crash และไม่มี timing-driven STA
https://github.com/chili-chips-ba/wireguard-fpga
ในยุคที่ความปลอดภัยของข้อมูลกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน VPN กลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่โซลูชันแบบเดิมอย่าง OpenVPN หรือ IPSec เริ่มล้าหลัง ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความซับซ้อนในการจัดการ นี่คือจุดเริ่มต้นของโครงการ “Wireguard FPGA” ที่มุ่งสร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบ ด้วยความเร็วระดับสายไฟ (wire-speed) บน FPGA ราคาประหยัด พร้อมเปิดซอร์สให้ทุกคนเข้าถึงได้
โครงการนี้ใช้ Artix-7 FPGA ซึ่งรองรับเครื่องมือโอเพนซอร์ส และเขียนโค้ดทั้งหมดด้วย Verilog/SystemVerilog โดยไม่พึ่งพา IP แบบปิดหรือเครื่องมือเชิงพาณิชย์ จุดเด่นคือการออกแบบระบบให้ทำงานแบบ self-contained ไม่ต้องพึ่งพา PC host และสามารถจัดการการเข้ารหัสแบบ ChaCha20-Poly1305 ได้ในระดับฮาร์ดแวร์
ทีมงานเบื้องหลังเคยมีส่วนร่วมในโครงการ Blackwire ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ VPN ความเร็ว 100Gbps แต่มีข้อจำกัดด้านราคาและเครื่องมือที่ใช้ ทำให้ Wireguard FPGA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยมีแผนพัฒนาเป็นหลายเฟส ตั้งแต่การสร้างต้นแบบ ไปจนถึงการทดสอบจริง และการเพิ่มฟีเจอร์ควบคุมการไหลของข้อมูล
เป้าหมายของโครงการ Wireguard FPGA
สร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์ที่เร็วระดับสายไฟ
ใช้ Artix-7 FPGA ราคาประหยัดและเครื่องมือโอเพนซอร์ส
เขียนโค้ดด้วย Verilog/SystemVerilog ทั้งหมด
ความแตกต่างจากโครงการ Blackwire
Blackwire ใช้ Alveo U50 ที่มีราคาสูงและเครื่องมือ Vivado แบบปิด
Wireguard FPGA ไม่พึ่งพา PC host และใช้โค้ดที่เข้าถึงได้ง่าย
Blackwire เปิดซอร์สเพราะปัญหาทางการเงิน ไม่ใช่เจตนาเดิม
สถาปัตยกรรมระบบ
แบ่งเป็น Control Plane (ซอฟต์แวร์บน RISC-V CPU) และ Data Plane (ฮาร์ดแวร์เข้ารหัส)
ใช้ CSR-based HAL ในการเชื่อมต่อระหว่างสองส่วน
รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสด้วย ChaCha20-Poly1305 ในฮาร์ดแวร์
การพัฒนาแบบหลายเฟส
Phase 1: สร้างต้นแบบและทดสอบพื้นฐาน
Phase 2: สร้าง datapath และรวม IP เข้าด้วยกัน
Phase 3: พัฒนาเฟิร์มแวร์ควบคุมบน RISC-V
Phase 4: จัดการ VPN tunnel แบบครบวงจร
Phase 5: ทดสอบจริงและพอร์ตไปยัง OpenXC7
Phase 6: เพิ่มโมดูลควบคุมการไหลของข้อมูล
เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้
ใช้ Verilator, cocoTB, VProc ISS ในการจำลอง
ใช้ IP จากโครงการอื่น เช่น Corundum, Cookie Cutter SOC
ใช้ระบบ co-simulation HAL ที่สร้างจาก SystemRDL
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึม AEAD ที่ใช้ใน Wireguard ตาม RFC7539
Curve25519 ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนคีย์แบบ ECDH
OpenXC7 เป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับ FPGA ตระกูล Xilinx Series7
ข้อควรระวังและความท้าทาย
Artix-7 ไม่รองรับ High-Performance I/O ทำให้จำกัดความเร็วที่ 600MHz
เครื่องมือโอเพนซอร์สยังไม่สมบูรณ์ อาจมีปัญหา timing closure และ routing
การจำลองระบบขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงและอาจไม่เหมาะกับทุกคน
การพอร์ตไปยัง OpenXC7 ยังมีปัญหา crash และไม่มี timing-driven STA
https://github.com/chili-chips-ba/wireguard-fpga
🛜 “Wireguard FPGA — ปฏิวัติความปลอดภัยเครือข่ายด้วยฮาร์ดแวร์โอเพนซอร์สราคาประหยัด”
ในยุคที่ความปลอดภัยของข้อมูลกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน VPN กลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่โซลูชันแบบเดิมอย่าง OpenVPN หรือ IPSec เริ่มล้าหลัง ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความซับซ้อนในการจัดการ นี่คือจุดเริ่มต้นของโครงการ “Wireguard FPGA” ที่มุ่งสร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบ ด้วยความเร็วระดับสายไฟ (wire-speed) บน FPGA ราคาประหยัด พร้อมเปิดซอร์สให้ทุกคนเข้าถึงได้
โครงการนี้ใช้ Artix-7 FPGA ซึ่งรองรับเครื่องมือโอเพนซอร์ส และเขียนโค้ดทั้งหมดด้วย Verilog/SystemVerilog โดยไม่พึ่งพา IP แบบปิดหรือเครื่องมือเชิงพาณิชย์ จุดเด่นคือการออกแบบระบบให้ทำงานแบบ self-contained ไม่ต้องพึ่งพา PC host และสามารถจัดการการเข้ารหัสแบบ ChaCha20-Poly1305 ได้ในระดับฮาร์ดแวร์
ทีมงานเบื้องหลังเคยมีส่วนร่วมในโครงการ Blackwire ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ VPN ความเร็ว 100Gbps แต่มีข้อจำกัดด้านราคาและเครื่องมือที่ใช้ ทำให้ Wireguard FPGA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยมีแผนพัฒนาเป็นหลายเฟส ตั้งแต่การสร้างต้นแบบ ไปจนถึงการทดสอบจริง และการเพิ่มฟีเจอร์ควบคุมการไหลของข้อมูล
✅ เป้าหมายของโครงการ Wireguard FPGA
➡️ สร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์ที่เร็วระดับสายไฟ
➡️ ใช้ Artix-7 FPGA ราคาประหยัดและเครื่องมือโอเพนซอร์ส
➡️ เขียนโค้ดด้วย Verilog/SystemVerilog ทั้งหมด
✅ ความแตกต่างจากโครงการ Blackwire
➡️ Blackwire ใช้ Alveo U50 ที่มีราคาสูงและเครื่องมือ Vivado แบบปิด
➡️ Wireguard FPGA ไม่พึ่งพา PC host และใช้โค้ดที่เข้าถึงได้ง่าย
➡️ Blackwire เปิดซอร์สเพราะปัญหาทางการเงิน ไม่ใช่เจตนาเดิม
✅ สถาปัตยกรรมระบบ
➡️ แบ่งเป็น Control Plane (ซอฟต์แวร์บน RISC-V CPU) และ Data Plane (ฮาร์ดแวร์เข้ารหัส)
➡️ ใช้ CSR-based HAL ในการเชื่อมต่อระหว่างสองส่วน
➡️ รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสด้วย ChaCha20-Poly1305 ในฮาร์ดแวร์
✅ การพัฒนาแบบหลายเฟส
➡️ Phase 1: สร้างต้นแบบและทดสอบพื้นฐาน
➡️ Phase 2: สร้าง datapath และรวม IP เข้าด้วยกัน
➡️ Phase 3: พัฒนาเฟิร์มแวร์ควบคุมบน RISC-V
➡️ Phase 4: จัดการ VPN tunnel แบบครบวงจร
➡️ Phase 5: ทดสอบจริงและพอร์ตไปยัง OpenXC7
➡️ Phase 6: เพิ่มโมดูลควบคุมการไหลของข้อมูล
✅ เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้
➡️ ใช้ Verilator, cocoTB, VProc ISS ในการจำลอง
➡️ ใช้ IP จากโครงการอื่น เช่น Corundum, Cookie Cutter SOC
➡️ ใช้ระบบ co-simulation HAL ที่สร้างจาก SystemRDL
✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก
➡️ ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึม AEAD ที่ใช้ใน Wireguard ตาม RFC7539
➡️ Curve25519 ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนคีย์แบบ ECDH
➡️ OpenXC7 เป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับ FPGA ตระกูล Xilinx Series7
‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย
⛔ Artix-7 ไม่รองรับ High-Performance I/O ทำให้จำกัดความเร็วที่ 600MHz
⛔ เครื่องมือโอเพนซอร์สยังไม่สมบูรณ์ อาจมีปัญหา timing closure และ routing
⛔ การจำลองระบบขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงและอาจไม่เหมาะกับทุกคน
⛔ การพอร์ตไปยัง OpenXC7 ยังมีปัญหา crash และไม่มี timing-driven STA
https://github.com/chili-chips-ba/wireguard-fpga
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
56 มุมมอง
0 รีวิว