🌫️ อย่าฝากชีวิตไว้กับลมหายใจเฮือกสุดท้าย
ลองจินตนาการดู...
คุณนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล
เสียงเครื่องวัดชีพจรดัง บี๊บ... บี๊บ... ช้าลงเรื่อย ๆ
คุณคิดว่า “ต้องมีสติไว้ ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้า”
แต่แล้ว...
มันก็มาถึง — ความมืดมิด
ไม่ใช่แค่ดับไฟในห้อง
แต่คือการที่ “เรา” หายไปจากการรับรู้ทั้งหมด
🪷 จิตหลุดพ้นจากความคิด ความจำ
เหลือเพียง “นิสัย” ที่ฝึกไว้เท่านั้น...ที่จะนำทางจิตไป
---
🤍 หลายคนฝากความหวังไว้กับจิตสุดท้าย
หวังว่าแค่ตอนตาย "ตั้งจิตดี ๆ" ก็เพียงพอ
แต่รู้ไหมว่า...
> วาระจิตสุดท้าย ไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมได้
มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่คุณ “มีเวลา” ตั้งสติ
แต่มันคือช่วงที่กรรมเก่าจะถาโถมเข้ามา “ก่อนที่คุณจะได้ตั้งตัว”
และถ้าใจเราไม่คุ้นเคยกับธรรม
มันจะกลับไปสู่สิ่งที่คุ้นเคยมากที่สุดคือ...
ความกลัว ความโกรธ ความโลภ ความหลง
ซึ่งเราเคยทำมันบ่อยที่สุด โดยไม่รู้ตัว
---
😞 แม้จิตสุดท้ายดี… ก็ยังหนีไม่พ้น
บางคนโชคดี ได้สติทัน
ได้ครูบาอาจารย์อยู่ข้างเตียง
แต่แม้จิตจะดีตอนตาย
นิสัยเดิม ความเห็นผิดเดิม ก็ยังตามไปเหมือนเดิม
> เกิดใหม่แค่เปลี่ยนเวที... แต่บทเดิม นักแสดงเดิม ยังอยู่
---
⏳ ความตายไม่เคยนัดล่วงหน้า
ไม่เคยส่งอีเมลเตือน
ไม่เคยให้คุณเลือกสถานที่หรือเวลา
จิตสุดท้ายอาจเกิดขึ้นตอนที่คุณ…
• กำลังโกรธ
• กำลังเพลิน
• กำลังเมา
• กำลังลืมตัว
...และคุณอาจไม่มีโอกาสตั้งสติได้ทันแม้แต่เสี้ยววินาที
---
💡 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดว่า
“ความไม่ประมาทคือทางแห่งนิพพาน”
ไม่ใช่ให้กลัวความตาย
แต่ให้ตื่นรู้ต่อ “วัฏฏะ”
ที่หลอกล่อให้เรา “ผลัดวันประกันธรรม”
---
✨ โอกาสสำคัญไม่ใช่ตอนใกล้ตาย
แต่คือ “ตอนนี้” ขณะที่คุณยังมีลมหายใจ
ยังมีสติ ยังมีโอกาสฝึกจิต
ยังมีสิทธิ์จะเปลี่ยนนิสัยจิตจากการหลงเป็นการรู้
อย่าฝากอนาคตของจิตไว้กับ "เฮือกสุดท้าย"
เพราะเฮือกนั้น...อาจไม่มีเวลาให้คุณทัน “รู้ตัว”
🧘♂️ จงฝึกในลมหายใจนี้ ให้จิตคุ้นกับธรรม
ให้จิตจำ “ทางกลับบ้าน” ได้
ไม่ใช่เพราะจำได้ด้วยสมอง
แต่เพราะมัน เคยเดินซ้ำจนเป็นทางธรรมชาติ
---
#วาระจิตสุดท้าย
#ธรรมะแบบไม่ประมาท
#ปัจจุบันคือเวทีซ้อมที่แท้จริง
#จิตคุ้นธรรมเท่านั้นที่จะพาเราข้ามพ้น
#ฝึกไว้ก่อนตายเพราะตอนไกล้ตายอาจไม่มีเวลา
ลองจินตนาการดู...
คุณนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล
เสียงเครื่องวัดชีพจรดัง บี๊บ... บี๊บ... ช้าลงเรื่อย ๆ
คุณคิดว่า “ต้องมีสติไว้ ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้า”
แต่แล้ว...
มันก็มาถึง — ความมืดมิด
ไม่ใช่แค่ดับไฟในห้อง
แต่คือการที่ “เรา” หายไปจากการรับรู้ทั้งหมด
🪷 จิตหลุดพ้นจากความคิด ความจำ
เหลือเพียง “นิสัย” ที่ฝึกไว้เท่านั้น...ที่จะนำทางจิตไป
---
🤍 หลายคนฝากความหวังไว้กับจิตสุดท้าย
หวังว่าแค่ตอนตาย "ตั้งจิตดี ๆ" ก็เพียงพอ
แต่รู้ไหมว่า...
> วาระจิตสุดท้าย ไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมได้
มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่คุณ “มีเวลา” ตั้งสติ
แต่มันคือช่วงที่กรรมเก่าจะถาโถมเข้ามา “ก่อนที่คุณจะได้ตั้งตัว”
และถ้าใจเราไม่คุ้นเคยกับธรรม
มันจะกลับไปสู่สิ่งที่คุ้นเคยมากที่สุดคือ...
ความกลัว ความโกรธ ความโลภ ความหลง
ซึ่งเราเคยทำมันบ่อยที่สุด โดยไม่รู้ตัว
---
😞 แม้จิตสุดท้ายดี… ก็ยังหนีไม่พ้น
บางคนโชคดี ได้สติทัน
ได้ครูบาอาจารย์อยู่ข้างเตียง
แต่แม้จิตจะดีตอนตาย
นิสัยเดิม ความเห็นผิดเดิม ก็ยังตามไปเหมือนเดิม
> เกิดใหม่แค่เปลี่ยนเวที... แต่บทเดิม นักแสดงเดิม ยังอยู่
---
⏳ ความตายไม่เคยนัดล่วงหน้า
ไม่เคยส่งอีเมลเตือน
ไม่เคยให้คุณเลือกสถานที่หรือเวลา
จิตสุดท้ายอาจเกิดขึ้นตอนที่คุณ…
• กำลังโกรธ
• กำลังเพลิน
• กำลังเมา
• กำลังลืมตัว
...และคุณอาจไม่มีโอกาสตั้งสติได้ทันแม้แต่เสี้ยววินาที
---
💡 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดว่า
“ความไม่ประมาทคือทางแห่งนิพพาน”
ไม่ใช่ให้กลัวความตาย
แต่ให้ตื่นรู้ต่อ “วัฏฏะ”
ที่หลอกล่อให้เรา “ผลัดวันประกันธรรม”
---
✨ โอกาสสำคัญไม่ใช่ตอนใกล้ตาย
แต่คือ “ตอนนี้” ขณะที่คุณยังมีลมหายใจ
ยังมีสติ ยังมีโอกาสฝึกจิต
ยังมีสิทธิ์จะเปลี่ยนนิสัยจิตจากการหลงเป็นการรู้
อย่าฝากอนาคตของจิตไว้กับ "เฮือกสุดท้าย"
เพราะเฮือกนั้น...อาจไม่มีเวลาให้คุณทัน “รู้ตัว”
🧘♂️ จงฝึกในลมหายใจนี้ ให้จิตคุ้นกับธรรม
ให้จิตจำ “ทางกลับบ้าน” ได้
ไม่ใช่เพราะจำได้ด้วยสมอง
แต่เพราะมัน เคยเดินซ้ำจนเป็นทางธรรมชาติ
---
#วาระจิตสุดท้าย
#ธรรมะแบบไม่ประมาท
#ปัจจุบันคือเวทีซ้อมที่แท้จริง
#จิตคุ้นธรรมเท่านั้นที่จะพาเราข้ามพ้น
#ฝึกไว้ก่อนตายเพราะตอนไกล้ตายอาจไม่มีเวลา
🌫️ อย่าฝากชีวิตไว้กับลมหายใจเฮือกสุดท้าย
ลองจินตนาการดู...
คุณนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล
เสียงเครื่องวัดชีพจรดัง บี๊บ... บี๊บ... ช้าลงเรื่อย ๆ
คุณคิดว่า “ต้องมีสติไว้ ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้า”
แต่แล้ว...
มันก็มาถึง — ความมืดมิด
ไม่ใช่แค่ดับไฟในห้อง
แต่คือการที่ “เรา” หายไปจากการรับรู้ทั้งหมด
🪷 จิตหลุดพ้นจากความคิด ความจำ
เหลือเพียง “นิสัย” ที่ฝึกไว้เท่านั้น...ที่จะนำทางจิตไป
---
🤍 หลายคนฝากความหวังไว้กับจิตสุดท้าย
หวังว่าแค่ตอนตาย "ตั้งจิตดี ๆ" ก็เพียงพอ
แต่รู้ไหมว่า...
> วาระจิตสุดท้าย ไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมได้
มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่คุณ “มีเวลา” ตั้งสติ
แต่มันคือช่วงที่กรรมเก่าจะถาโถมเข้ามา “ก่อนที่คุณจะได้ตั้งตัว”
และถ้าใจเราไม่คุ้นเคยกับธรรม
มันจะกลับไปสู่สิ่งที่คุ้นเคยมากที่สุดคือ...
ความกลัว ความโกรธ ความโลภ ความหลง
ซึ่งเราเคยทำมันบ่อยที่สุด โดยไม่รู้ตัว
---
😞 แม้จิตสุดท้ายดี… ก็ยังหนีไม่พ้น
บางคนโชคดี ได้สติทัน
ได้ครูบาอาจารย์อยู่ข้างเตียง
แต่แม้จิตจะดีตอนตาย
นิสัยเดิม ความเห็นผิดเดิม ก็ยังตามไปเหมือนเดิม
> เกิดใหม่แค่เปลี่ยนเวที... แต่บทเดิม นักแสดงเดิม ยังอยู่
---
⏳ ความตายไม่เคยนัดล่วงหน้า
ไม่เคยส่งอีเมลเตือน
ไม่เคยให้คุณเลือกสถานที่หรือเวลา
จิตสุดท้ายอาจเกิดขึ้นตอนที่คุณ…
• กำลังโกรธ
• กำลังเพลิน
• กำลังเมา
• กำลังลืมตัว
...และคุณอาจไม่มีโอกาสตั้งสติได้ทันแม้แต่เสี้ยววินาที
---
💡 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดว่า
“ความไม่ประมาทคือทางแห่งนิพพาน”
ไม่ใช่ให้กลัวความตาย
แต่ให้ตื่นรู้ต่อ “วัฏฏะ”
ที่หลอกล่อให้เรา “ผลัดวันประกันธรรม”
---
✨ โอกาสสำคัญไม่ใช่ตอนใกล้ตาย
แต่คือ “ตอนนี้” ขณะที่คุณยังมีลมหายใจ
ยังมีสติ ยังมีโอกาสฝึกจิต
ยังมีสิทธิ์จะเปลี่ยนนิสัยจิตจากการหลงเป็นการรู้
อย่าฝากอนาคตของจิตไว้กับ "เฮือกสุดท้าย"
เพราะเฮือกนั้น...อาจไม่มีเวลาให้คุณทัน “รู้ตัว”
🧘♂️ จงฝึกในลมหายใจนี้ ให้จิตคุ้นกับธรรม
ให้จิตจำ “ทางกลับบ้าน” ได้
ไม่ใช่เพราะจำได้ด้วยสมอง
แต่เพราะมัน เคยเดินซ้ำจนเป็นทางธรรมชาติ
---
#วาระจิตสุดท้าย
#ธรรมะแบบไม่ประมาท
#ปัจจุบันคือเวทีซ้อมที่แท้จริง
#จิตคุ้นธรรมเท่านั้นที่จะพาเราข้ามพ้น
#ฝึกไว้ก่อนตายเพราะตอนไกล้ตายอาจไม่มีเวลา
0 Comments
0 Shares
66 Views
0 Reviews