• 🧵การที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธโอเรชนิก เป็นคำเตือนร้ายแรงต่อนาโต้ท่ามกลางอันตรายของสงครามโลก – นักวิเคราะห์

    การโจมตีฐานทัพของยูเครนโดยใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียงโอเรชนิกรุ่นใหม่เป็น “คำเตือนร้ายแรงต่อนาโต้ฅ,” โรบินสัน ฟารินาซโซ, อดีตเจ้าหน้าที่บราซิล, กล่าวกับสปุตนิก

    🗨️เขาย้ำว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯได้ข้าม “เส้นแดง” ด้วยการอนุญาตให้ระบอบเคียฟโจมตีรัสเซียด้วยอาวุธพิสัยไกลของอเมริกา “มอสโกตระหนักดีว่าการโจมตีประเภทนี้ซึ่งยากในทางเทคนิคนั้น สามารถดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อได้รับการสนับสนุนจากนาโต้เท่านั้น, ในกรณีนี้คือสหรัฐฯ,” เขากล่าว
    .
    นักวิเคราะห์คนอื่นๆเห็นด้วย:
    .
    🔸วอชิงตันกำลัง “กระตุ้นให้เกิดการยกระดับความรุนแรงที่เปลี่ยนแปลงธรรมชาติของความขัดแย้งไปอย่างสิ้นเชิง,” ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์การทหาร ริคาร์โด คาบรัล เน้นย้ำ

    🔸การที่สหรัฐฯอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลเป็น “การรุกทางจิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง” เพื่อทดสอบความอดทนของมอสโกว, นักวิเคราะห์ชาวเวเนซุเอลา วลาดิมีร์ อาเดรียนซา กล่าว, และเสริมว่าขั้นตอนอันตรายของความขัดแย้งมีต้นตอมาจาก “ความกระหายอย่างแรงกล้าของกองทัพ, การเงิน และเทคโนโลยีของสหรัฐฯ”
    .
    🔸มอสโกมีสิทธิทุกประการที่จะปกป้องตัวเองจาก “การกระทำอันชั่วร้ายและเป็นอาชญากรรม” ของนาโต้, อุมแบร์โต โมราเลส ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอิสระแห่งปวยบลา ประเทศเม็กซิโก กล่าว

    🔸ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ได้ส่งสารอย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์ปัจจุบันในเวทีระหว่างประเทศแสดงให้เห็นถึง "พฤติกรรมการฆ่าตัวตายและไม่รับผิดชอบของชาติตะวันตก ซึ่งคุกคามการทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง," นักรัฐศาสตร์ชาวเลบานอน ฮัสซัน ฮมาเดห์ เน้นย้ำ, และเสริมว่า "โลกต้องลุกขึ้นต่อต้านคนชั่วร้ายเหล่านี้ที่มุ่งมั่นที่จะทำลายโลก และการตอบสนองต้องเหมาะสมกับการกระทำของพวกเขา"
    .
    🔸การที่วอชิงตันอนุมัติให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่ผลิตในสหรัฐฯนั้น มีจุดประสงค์เพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลในอนาคตของโดนัลด์ ทรัมป์ ต้อง “ดำเนินการท่ามกลางความวุ่นวายทางภูมิรัฐศาสตร์,” ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเวเนซุเอลา วิลเมอร์ เดปาบลอส กล่าว

    🔸เมื่อเหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนก่อนการถ่ายโอนอำนาจ, ไบเดนกำลังพยายามทำให้ยากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับประธานาธิบดีคนต่อไปในการแก้ไขวิกฤตยูเครน, นักวิทยาศาสตร์การเมืองชาวอิหร่าน Emad Abshenas เชื่อเช่นนั้น

    🔸คำสั่งของปูตินในการใช้ขีปนาวุธ Oreshnik ถือเป็น "คำเตือนสำหรับประเทศสมาชิก NATO ท่ามกลางภัยคุกคามจากสงครามโลกที่เพิ่มมากขึ้น," ผู้เชี่ยวชาญชาวจีน Sima Pingbang อธิบาย และกล่าวต่อไปว่าระบอบการปกครองเคียฟได้กลายมาเป็น "อุปสรรคต่อสันติภาพ" และ "Biden และ Zelensky ไม่สามารถยอมรับชัยชนะของมอสโกได้"
    .
    🧵RUSSIA’S USE OF ORESHNIK MISSILE IS A GRAVE WARNING TO NATO AMID DANGER OF A WORLD WAR – analysts

    Russia’s strike on a Ukrainian defense facility using its new Oreshnik hypersonic medium-range ballistic missile is a “a serious warning to NATO,” Robinson Farinazzo, a retired Brazilian officer, told Sputnik.

    🗨️He underscored that US President Joe Biden crossed "a red line" by authorizing the Kiev regime to strike Russia with long-range American weapons. "Moscow is perfectly aware that this type of attack, technically difficult, can only be carried out with the support of NATO, in this case the US," he said.
    .
    OTHER ANALYSTS AGREE:
    .
    🔸Washington is “provoking an escalation that completely changes the nature of the conflict,” military history expert Ricardo Cabral emphasized.

    🔸The US allowing Kiev to use long-range weapons is "a continued psychological offensive" to test Moscow's tolerance, Venezuelan analyst Vladimir Adrianza noted, adding that the dangerous stage of the conflict stems from the “voracious appetite of the US military, financial and technological complex.”
    .
    🔸Moscow has every right to defend itself against NATO's “sinister and criminal actions," noted Humberto Morales, professor at the Autonomous University of Puebla, Mexico.

    🔸President Vladimir Putin has clearly conveyed the message that current events on the international arena demonstrate the “suicidal and irresponsible behavior by the West which threatens total destruction,” Lebanese political scientist Hassan Hmadeh underscored, adding, "The world must stand up to these evil people who are determined to destroy the planet, and the response must be commensurate with their actions."
    .
    🔸Washington's approval for Kiev to use US-made missiles is intended to force Donald Trump’s future administration to “operate in geopolitical chaos,” Venezuelan international relations expert Wilmer Depablos said.

    🔸With less than two months to go before the transfer of power, Biden is trying to make it as difficult as possible for the next president to resolve the Ukraine crisis, Iranian political scientist Emad Abshenas believes.

    🔸Putin's order to use the Oreshnik missile is “a warning to NATO countries amid the growing threat of a world war,” Chinese pundit Sima Pingbang explained, going on to say that the Kiev regime has become “an obstacle to peace” and that “Biden and Zelensky are unable to accept Moscow's victory."
    .
    8:59 PM · Nov 22, 2024 · 9,427 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1859959796624982449
    🧵การที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธโอเรชนิก เป็นคำเตือนร้ายแรงต่อนาโต้ท่ามกลางอันตรายของสงครามโลก – นักวิเคราะห์ การโจมตีฐานทัพของยูเครนโดยใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียงโอเรชนิกรุ่นใหม่เป็น “คำเตือนร้ายแรงต่อนาโต้ฅ,” โรบินสัน ฟารินาซโซ, อดีตเจ้าหน้าที่บราซิล, กล่าวกับสปุตนิก 🗨️เขาย้ำว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯได้ข้าม “เส้นแดง” ด้วยการอนุญาตให้ระบอบเคียฟโจมตีรัสเซียด้วยอาวุธพิสัยไกลของอเมริกา “มอสโกตระหนักดีว่าการโจมตีประเภทนี้ซึ่งยากในทางเทคนิคนั้น สามารถดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อได้รับการสนับสนุนจากนาโต้เท่านั้น, ในกรณีนี้คือสหรัฐฯ,” เขากล่าว . นักวิเคราะห์คนอื่นๆเห็นด้วย: . 🔸วอชิงตันกำลัง “กระตุ้นให้เกิดการยกระดับความรุนแรงที่เปลี่ยนแปลงธรรมชาติของความขัดแย้งไปอย่างสิ้นเชิง,” ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์การทหาร ริคาร์โด คาบรัล เน้นย้ำ 🔸การที่สหรัฐฯอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลเป็น “การรุกทางจิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง” เพื่อทดสอบความอดทนของมอสโกว, นักวิเคราะห์ชาวเวเนซุเอลา วลาดิมีร์ อาเดรียนซา กล่าว, และเสริมว่าขั้นตอนอันตรายของความขัดแย้งมีต้นตอมาจาก “ความกระหายอย่างแรงกล้าของกองทัพ, การเงิน และเทคโนโลยีของสหรัฐฯ” . 🔸มอสโกมีสิทธิทุกประการที่จะปกป้องตัวเองจาก “การกระทำอันชั่วร้ายและเป็นอาชญากรรม” ของนาโต้, อุมแบร์โต โมราเลส ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอิสระแห่งปวยบลา ประเทศเม็กซิโก กล่าว 🔸ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ได้ส่งสารอย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์ปัจจุบันในเวทีระหว่างประเทศแสดงให้เห็นถึง "พฤติกรรมการฆ่าตัวตายและไม่รับผิดชอบของชาติตะวันตก ซึ่งคุกคามการทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง," นักรัฐศาสตร์ชาวเลบานอน ฮัสซัน ฮมาเดห์ เน้นย้ำ, และเสริมว่า "โลกต้องลุกขึ้นต่อต้านคนชั่วร้ายเหล่านี้ที่มุ่งมั่นที่จะทำลายโลก และการตอบสนองต้องเหมาะสมกับการกระทำของพวกเขา" . 🔸การที่วอชิงตันอนุมัติให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่ผลิตในสหรัฐฯนั้น มีจุดประสงค์เพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลในอนาคตของโดนัลด์ ทรัมป์ ต้อง “ดำเนินการท่ามกลางความวุ่นวายทางภูมิรัฐศาสตร์,” ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเวเนซุเอลา วิลเมอร์ เดปาบลอส กล่าว 🔸เมื่อเหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนก่อนการถ่ายโอนอำนาจ, ไบเดนกำลังพยายามทำให้ยากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับประธานาธิบดีคนต่อไปในการแก้ไขวิกฤตยูเครน, นักวิทยาศาสตร์การเมืองชาวอิหร่าน Emad Abshenas เชื่อเช่นนั้น 🔸คำสั่งของปูตินในการใช้ขีปนาวุธ Oreshnik ถือเป็น "คำเตือนสำหรับประเทศสมาชิก NATO ท่ามกลางภัยคุกคามจากสงครามโลกที่เพิ่มมากขึ้น," ผู้เชี่ยวชาญชาวจีน Sima Pingbang อธิบาย และกล่าวต่อไปว่าระบอบการปกครองเคียฟได้กลายมาเป็น "อุปสรรคต่อสันติภาพ" และ "Biden และ Zelensky ไม่สามารถยอมรับชัยชนะของมอสโกได้" . 🧵RUSSIA’S USE OF ORESHNIK MISSILE IS A GRAVE WARNING TO NATO AMID DANGER OF A WORLD WAR – analysts Russia’s strike on a Ukrainian defense facility using its new Oreshnik hypersonic medium-range ballistic missile is a “a serious warning to NATO,” Robinson Farinazzo, a retired Brazilian officer, told Sputnik. 🗨️He underscored that US President Joe Biden crossed "a red line" by authorizing the Kiev regime to strike Russia with long-range American weapons. "Moscow is perfectly aware that this type of attack, technically difficult, can only be carried out with the support of NATO, in this case the US," he said. . OTHER ANALYSTS AGREE: . 🔸Washington is “provoking an escalation that completely changes the nature of the conflict,” military history expert Ricardo Cabral emphasized. 🔸The US allowing Kiev to use long-range weapons is "a continued psychological offensive" to test Moscow's tolerance, Venezuelan analyst Vladimir Adrianza noted, adding that the dangerous stage of the conflict stems from the “voracious appetite of the US military, financial and technological complex.” . 🔸Moscow has every right to defend itself against NATO's “sinister and criminal actions," noted Humberto Morales, professor at the Autonomous University of Puebla, Mexico. 🔸President Vladimir Putin has clearly conveyed the message that current events on the international arena demonstrate the “suicidal and irresponsible behavior by the West which threatens total destruction,” Lebanese political scientist Hassan Hmadeh underscored, adding, "The world must stand up to these evil people who are determined to destroy the planet, and the response must be commensurate with their actions." . 🔸Washington's approval for Kiev to use US-made missiles is intended to force Donald Trump’s future administration to “operate in geopolitical chaos,” Venezuelan international relations expert Wilmer Depablos said. 🔸With less than two months to go before the transfer of power, Biden is trying to make it as difficult as possible for the next president to resolve the Ukraine crisis, Iranian political scientist Emad Abshenas believes. 🔸Putin's order to use the Oreshnik missile is “a warning to NATO countries amid the growing threat of a world war,” Chinese pundit Sima Pingbang explained, going on to say that the Kiev regime has become “an obstacle to peace” and that “Biden and Zelensky are unable to accept Moscow's victory." . 8:59 PM · Nov 22, 2024 · 9,427 Views https://x.com/SputnikInt/status/1859959796624982449
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • ระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ของรัสเซีย แสดงให้เห็นว่าการที่นาโต้จะยกระดับความรุนแรงขึ้นนั้น ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย - ผู้เชี่ยวชาญ

    "วลาดิมีร์ ปูติน ส่งสารอันทรงพลังไปยังตะวันตกว่าพวกเขาควรแก้ไขการตัดสินใจยกระดับความขัดแย้ง," ดมิทรี ซุสลอฟ, รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษายุโรปและระหว่างประเทศของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงของรัสเซีย, ซึ่งมีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำแก่ผู้นำในการแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียและการนำหลักคำสอนใหม่มาใช้, กล่าวกับสปุตนิก

    เมื่อวันพฤหัสบดี, ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดตัวขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ซึ่งถูกยิงเมื่อคืนวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน เพื่อตอบโต้การใช้ระบบ ATACMS และ Storm Shadows ระยะไกลของนาโต้โจมตีภูมิภาค Bryansk และ Kursk ของรัสเซีย ผลจากการโจมตี, ทำให้ Yuzhmash (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pivdenmash), ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธของยูเครนถูกโจมตีที่เมือง Dnepropetrovsk ได้สำเร็จ

    ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งนี้, ปูตินได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า หากประเทศสมาชิก NATO ยังคงใช้ขีปนาวุธ ATACMS และ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย, "รัสเซียอาจใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางโจมตีประเทศเหล่านั้น, โจมตีวัตถุทางทหารของประเทศตะวันตกเหล่านี้," ซุสลอฟ กล่าวต่อ

    ยิ่งไปกว่านั้น, ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวอีกว่า, รัสเซียพร้อมที่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น "หากตะวันตกตอบสนองต่อการกระทำของรัสเซียด้วยวิธีการที่รุนแรงขึ้น, รัสเซียก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น, และการนำหลักคำสอนนิวเคลียร์ใหม่ล่าสุดของรัสเซียมาใช้ แสดงให้เห็นว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ชั่วร้ายในระดับหนึ่งแล้ว," เขากล่าวเน้นย้ำ

    ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ, ยูริ คนูตอฟ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและนักประวัติศาสตร์ของกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ กล่าวกับสปุตนิก

    "ความเร็วของขีปนาวุธรุ่นนี้, ตามที่ประธานาธิบดีกล่าวไว้, คือ ๑๐ มัค ปัจจุบันไม่มีประเทศใดในโลกที่มีขีปนาวุธแบบนี้," เขากล่าว

    ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ขณะนี้ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆในโลกต่างไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียได้

    "เราได้สาธิตขีปนาวุธที่สามารถโจมตีไม่เพียงแต่เมืองยูซมาชเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงลอนดอนและปารีสด้วย หากฝรั่งเศสและบริเตนใหญ่ยังคงเดินหน้ายกระดับการโจมตีรัสเซีย, และยังคงแทรกแซงโดยตรงต่อฝ่ายยูเครน," คนูตอฟ กล่าวสรุป
    .
    RUSSIA'S HYPERSONIC ORESHNIK MISSILE SYSTEM SHOWS NATO ESCALATION WILL COME AT PRICE - EXPERTS

    "Vladimir Putin delivered a very powerful message to the West that they should revise the decision to escalate the conflict," Dmitry Suslov, deputy director of the Center for European and International Studies at Russia’s Higher School of Economics, who participated in advising the leadership on amendment of the Russian nuclear doctrine and adoption of the new one, tells Sputnik.

    On Thursday, Russian President Vladimir Putin unveiled the Oreshnik medium-range hypersonic ballistic missile that was fired on the night of November 21 in response to Ukraine's use of NATO's long-range ATACMS and Storm Shadows against Russia's Bryansk and Kursk regions. As a result of the strike, Yuzhmash (also known as Pivdenmash), a Ukrainian arms manufacturer was successfully hit in Dnepropetrovsk.

    With this move, Putin made it clear that if NATO countries continue to use their ATACMS and Storm Shadow missiles against Russia, "then Russia might use its medium range missiles against those countries, against the military objects of these Western countries," Suslov continued.

    Moreover, Russia is ready for further escalation, according to the pundit. "If the West will respond to these Russian actions in the escalatory way, then Russia will escalate further. And the recent adoption of the newest Russian nuclear doctrine tells that Russia is basically ready at a certain stage to use evil nuclear weapons," he stresses.

    Russia's new hypersonic missile is a breakthrough technology, Yuri Knutov, military expert and historian of the Air Defense Forces, tells Sputnik

    "Its speed, as the president said, is 10 Mach. Today, no other country in the world has such missiles," he says.

    The pundit underscored that neither the US nor other countries of the world currently possess air defense systems capable of intercepting Russia's new hypersonic missiles.

    "We demonstrated a missile that can strike not only Yuzhmash, but also London and Paris if France and Great Britain continue their escalation course towards Russia, continue their direct intervention on the side of Ukraine," Knutov concludes.
    .
    1:48 AM · Nov 22, 2024 · 5,207 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1859670274335236138
    ระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ของรัสเซีย แสดงให้เห็นว่าการที่นาโต้จะยกระดับความรุนแรงขึ้นนั้น ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย - ผู้เชี่ยวชาญ "วลาดิมีร์ ปูติน ส่งสารอันทรงพลังไปยังตะวันตกว่าพวกเขาควรแก้ไขการตัดสินใจยกระดับความขัดแย้ง," ดมิทรี ซุสลอฟ, รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษายุโรปและระหว่างประเทศของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงของรัสเซีย, ซึ่งมีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำแก่ผู้นำในการแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียและการนำหลักคำสอนใหม่มาใช้, กล่าวกับสปุตนิก เมื่อวันพฤหัสบดี, ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดตัวขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ซึ่งถูกยิงเมื่อคืนวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน เพื่อตอบโต้การใช้ระบบ ATACMS และ Storm Shadows ระยะไกลของนาโต้โจมตีภูมิภาค Bryansk และ Kursk ของรัสเซีย ผลจากการโจมตี, ทำให้ Yuzhmash (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pivdenmash), ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธของยูเครนถูกโจมตีที่เมือง Dnepropetrovsk ได้สำเร็จ ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งนี้, ปูตินได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า หากประเทศสมาชิก NATO ยังคงใช้ขีปนาวุธ ATACMS และ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย, "รัสเซียอาจใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางโจมตีประเทศเหล่านั้น, โจมตีวัตถุทางทหารของประเทศตะวันตกเหล่านี้," ซุสลอฟ กล่าวต่อ ยิ่งไปกว่านั้น, ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวอีกว่า, รัสเซียพร้อมที่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น "หากตะวันตกตอบสนองต่อการกระทำของรัสเซียด้วยวิธีการที่รุนแรงขึ้น, รัสเซียก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น, และการนำหลักคำสอนนิวเคลียร์ใหม่ล่าสุดของรัสเซียมาใช้ แสดงให้เห็นว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ชั่วร้ายในระดับหนึ่งแล้ว," เขากล่าวเน้นย้ำ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ, ยูริ คนูตอฟ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและนักประวัติศาสตร์ของกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ กล่าวกับสปุตนิก "ความเร็วของขีปนาวุธรุ่นนี้, ตามที่ประธานาธิบดีกล่าวไว้, คือ ๑๐ มัค ปัจจุบันไม่มีประเทศใดในโลกที่มีขีปนาวุธแบบนี้," เขากล่าว ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ขณะนี้ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆในโลกต่างไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียได้ "เราได้สาธิตขีปนาวุธที่สามารถโจมตีไม่เพียงแต่เมืองยูซมาชเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงลอนดอนและปารีสด้วย หากฝรั่งเศสและบริเตนใหญ่ยังคงเดินหน้ายกระดับการโจมตีรัสเซีย, และยังคงแทรกแซงโดยตรงต่อฝ่ายยูเครน," คนูตอฟ กล่าวสรุป . RUSSIA'S HYPERSONIC ORESHNIK MISSILE SYSTEM SHOWS NATO ESCALATION WILL COME AT PRICE - EXPERTS "Vladimir Putin delivered a very powerful message to the West that they should revise the decision to escalate the conflict," Dmitry Suslov, deputy director of the Center for European and International Studies at Russia’s Higher School of Economics, who participated in advising the leadership on amendment of the Russian nuclear doctrine and adoption of the new one, tells Sputnik. On Thursday, Russian President Vladimir Putin unveiled the Oreshnik medium-range hypersonic ballistic missile that was fired on the night of November 21 in response to Ukraine's use of NATO's long-range ATACMS and Storm Shadows against Russia's Bryansk and Kursk regions. As a result of the strike, Yuzhmash (also known as Pivdenmash), a Ukrainian arms manufacturer was successfully hit in Dnepropetrovsk. With this move, Putin made it clear that if NATO countries continue to use their ATACMS and Storm Shadow missiles against Russia, "then Russia might use its medium range missiles against those countries, against the military objects of these Western countries," Suslov continued. Moreover, Russia is ready for further escalation, according to the pundit. "If the West will respond to these Russian actions in the escalatory way, then Russia will escalate further. And the recent adoption of the newest Russian nuclear doctrine tells that Russia is basically ready at a certain stage to use evil nuclear weapons," he stresses. Russia's new hypersonic missile is a breakthrough technology, Yuri Knutov, military expert and historian of the Air Defense Forces, tells Sputnik "Its speed, as the president said, is 10 Mach. Today, no other country in the world has such missiles," he says. The pundit underscored that neither the US nor other countries of the world currently possess air defense systems capable of intercepting Russia's new hypersonic missiles. "We demonstrated a missile that can strike not only Yuzhmash, but also London and Paris if France and Great Britain continue their escalation course towards Russia, continue their direct intervention on the side of Ukraine," Knutov concludes. . 1:48 AM · Nov 22, 2024 · 5,207 Views https://x.com/SputnikInt/status/1859670274335236138
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 522 Views 0 Reviews
  • มีรายงานเหตุระเบิดอย่างรุนแรง2-3ครั้งติดต่อกัน "ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ในเมือง Dnipro

    ประชาชนในพื้นที่เรียกการระเบิดครั้งนี้ว่า "มีความรุนแรงอย่างเหลือเชื่อ ทำให้เกิดคลื่นกระแทกอย่างรุนแรง" เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นออกประกาศให้ประชาชนควรอยู่แต่ในบ้านและปฏิบัติตามมาตรการฉุกเฉิน"

    การระเบิดเกิดขึ้นหลังการโจมตีจากกองทัพรัสเซีย เบื้องต้นรายงานระบุว่าเป็นขีปนาวุธร่อน Kh-101 แต่บางแหล่งข่าวระบุว่าเป็นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhals
    มีรายงานเหตุระเบิดอย่างรุนแรง2-3ครั้งติดต่อกัน "ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ในเมือง Dnipro ประชาชนในพื้นที่เรียกการระเบิดครั้งนี้ว่า "มีความรุนแรงอย่างเหลือเชื่อ ทำให้เกิดคลื่นกระแทกอย่างรุนแรง" เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นออกประกาศให้ประชาชนควรอยู่แต่ในบ้านและปฏิบัติตามมาตรการฉุกเฉิน" การระเบิดเกิดขึ้นหลังการโจมตีจากกองทัพรัสเซีย เบื้องต้นรายงานระบุว่าเป็นขีปนาวุธร่อน Kh-101 แต่บางแหล่งข่าวระบุว่าเป็นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhals
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • มอสโกว์จะเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ต่อไป และจะไม่อนุญาตให้สหรัฐฯปิดปากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เนื่องจากวอชิงตันพยายามสนับสนุนปฏิบัติการของอิสราเอลในฉนวนกาซา, วาซิลี เนเบนเซีย, ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าว:
    .
    Moscow will continue to call for an end to violence against Palestinians and will not allow the US to muzzle the UN Security Council as Washington seeks to support Israel's operation in Gaza, said Vasily Nebenzya, Russia's envoy to the UN:
    https://tass.com/politics/1875401
    .
    2:41 AM · Nov 21, 2024 · 2,861 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1859321148787585040
    มอสโกว์จะเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ต่อไป และจะไม่อนุญาตให้สหรัฐฯปิดปากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เนื่องจากวอชิงตันพยายามสนับสนุนปฏิบัติการของอิสราเอลในฉนวนกาซา, วาซิลี เนเบนเซีย, ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าว: . Moscow will continue to call for an end to violence against Palestinians and will not allow the US to muzzle the UN Security Council as Washington seeks to support Israel's operation in Gaza, said Vasily Nebenzya, Russia's envoy to the UN: https://tass.com/politics/1875401 . 2:41 AM · Nov 21, 2024 · 2,861 Views https://x.com/tassagency_en/status/1859321148787585040
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • โอกาสที่ความขัดแย้งในยูเครนจะทวีความรุนแรงขึ้น อาจเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีกสองเดือนข้างหน้า, ตราบใดที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ, ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสงครามอย่างแข็งขัน, ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่, วิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี เตือน:
    .
    The likelihood of escalation in the Ukraine conflict could significantly increase in the next two months, as long as US President Joe Biden, a strong supporter of war, remains in power, Hungarian Prime Minister Viktor Orban warned:
    https://tass.com/world/1875267
    .
    8:51 PM · Nov 20, 2024 · 5,140 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1859233143967887495
    โอกาสที่ความขัดแย้งในยูเครนจะทวีความรุนแรงขึ้น อาจเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีกสองเดือนข้างหน้า, ตราบใดที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ, ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสงครามอย่างแข็งขัน, ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่, วิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี เตือน: . The likelihood of escalation in the Ukraine conflict could significantly increase in the next two months, as long as US President Joe Biden, a strong supporter of war, remains in power, Hungarian Prime Minister Viktor Orban warned: https://tass.com/world/1875267 . 8:51 PM · Nov 20, 2024 · 5,140 Views https://x.com/tassagency_en/status/1859233143967887495
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • รัสเซียเพิ่มกำลังทหารใกล้ที่ราบสูงโกลันที่ถูกอิสราเอลยึดครอง เพื่อช่วยซีเรีย 'ป้องกันการทวีความรุนแรง'

    กองทัพอิสราเอลเพิ่งเริ่มสร้าง 'กำแพงกั้น' ใกล้เมืองมัจดาลชามส์ที่ถูกยึดครอง, ซึ่งละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้มานาน ๕๐ ปี
    .
    Russia boosts presence near Israeli-occupied Golan Heights to help Syria 'prevent escalations'

    Israeli troops recently started building a 'separation wall' near the occupied town of Majdal Shams, violating a 50-year-old ceasefire agreement

    https://thecradle.co/articles-id/27766
    .
    3:02 AM · Nov 20, 2024 · 17.6K Views
    https://x.com/TheCradleMedia/status/1858964048844321244
    รัสเซียเพิ่มกำลังทหารใกล้ที่ราบสูงโกลันที่ถูกอิสราเอลยึดครอง เพื่อช่วยซีเรีย 'ป้องกันการทวีความรุนแรง' กองทัพอิสราเอลเพิ่งเริ่มสร้าง 'กำแพงกั้น' ใกล้เมืองมัจดาลชามส์ที่ถูกยึดครอง, ซึ่งละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้มานาน ๕๐ ปี . Russia boosts presence near Israeli-occupied Golan Heights to help Syria 'prevent escalations' Israeli troops recently started building a 'separation wall' near the occupied town of Majdal Shams, violating a 50-year-old ceasefire agreement https://thecradle.co/articles-id/27766 . 3:02 AM · Nov 20, 2024 · 17.6K Views https://x.com/TheCradleMedia/status/1858964048844321244
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • การโจมตีภูมิภาคไบรอันสค์ด้วยขีปนาวุธ ATACMS ถือเป็นสัญญาณว่าชาติตะวันตกต้องการยกระดับความรุนแรง และคงเป็นไปไม่ได้หากปราศจากการมีส่วนร่วมของชาวอเมริกัน

    เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ชาติตะวันตกจะต้องอ่านให้ครบถ้วนเกี่ยวกับหลักการใช้นิวเคลียร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของสหพันธรัฐรัสเซีย

    -ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวในระหว่างการเข้าร่วมประชุม G20 ที่ประเทศบราซิล
    การโจมตีภูมิภาคไบรอันสค์ด้วยขีปนาวุธ ATACMS ถือเป็นสัญญาณว่าชาติตะวันตกต้องการยกระดับความรุนแรง และคงเป็นไปไม่ได้หากปราศจากการมีส่วนร่วมของชาวอเมริกัน เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ชาติตะวันตกจะต้องอ่านให้ครบถ้วนเกี่ยวกับหลักการใช้นิวเคลียร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของสหพันธรัฐรัสเซีย -ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวในระหว่างการเข้าร่วมประชุม G20 ที่ประเทศบราซิล
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • เริ่มมีการตอบโต้จากทางฝ่ายรัสเซีย หลังจากไบเดนอนุญาตให้ยูเครนโจมตีดินแดนรัสเซีย:

    - มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ปธน.ปูตินได้แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการตัดสินใจของชาติตะวันตกในการโจมตีดินแดนของรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลไว้แล้ว และ "มันจะเป็นไปตามนั้น!"


    - ลีโอนิด สลุตสกี้ หัวหน้าคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของสภาดูมา (สภาผู้แทนราษฎร) ระบุว่า "การโจมตีด้วยขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในพื้นที่ลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย จะส่งผลให้เกิดการยกระดับความรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ ฝ่ายบริหารของไบเดนกำลังทิ้งความท้าทายให้กับทีมของทรัมป์ในการแก้ไขความรุนแรงในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่เพียงแค่ความขัดแย้งในยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความขัดแย้งที่รุนแรงกว่านั้นด้วย นั่นคือการป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันในระดับโลก"
    เริ่มมีการตอบโต้จากทางฝ่ายรัสเซีย หลังจากไบเดนอนุญาตให้ยูเครนโจมตีดินแดนรัสเซีย: - มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ปธน.ปูตินได้แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการตัดสินใจของชาติตะวันตกในการโจมตีดินแดนของรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลไว้แล้ว และ "มันจะเป็นไปตามนั้น!" - ลีโอนิด สลุตสกี้ หัวหน้าคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของสภาดูมา (สภาผู้แทนราษฎร) ระบุว่า "การโจมตีด้วยขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในพื้นที่ลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย จะส่งผลให้เกิดการยกระดับความรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ ฝ่ายบริหารของไบเดนกำลังทิ้งความท้าทายให้กับทีมของทรัมป์ในการแก้ไขความรุนแรงในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่เพียงแค่ความขัดแย้งในยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความขัดแย้งที่รุนแรงกว่านั้นด้วย นั่นคือการป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันในระดับโลก"
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • ** #หน้าใส​ ไม่=​ #เซลล์ผิวหน้าแข็งแรง ! **

    ในบางครั้ง แม้ผิวของเราจะดูใส ดูสุขภาพดีเมื่อมอง จากภายนอก แต่ลึกๆแล้ว ผิวอาจกำลังเผชิญปัญหาความอ่อนแออยู่ก็เป็นได้ โดยที่เรามองไม่เห็นหรือไม่ทันสังเกต

    >>> นี่คือ​ 3 สัญญาณ​สำคัญ‼️ ที่บ่งบอกว่าผิวของคุณ "อาจจะ" ไม่ได้แข็งแรง​ อย่างที่เห็น

    1. ผิว #ระคายเคืองง่าย และ #มีรอยแดง

    หากผิวของคุณมีแนวโน้มที่จะระคายเคืองง่าย เช่น รู้สึกแสบ คัน มีรอยแดง หรือแม้กระทั่งมีผดเล็กๆ ขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือสัมผัสกับอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผิวของคุณอาจจะอ่อนแอกว่าที่คิด อาการระคายเคืองง่ายนี้เกิดขึ้นจากการที่เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวไวต่อสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น มลภาวะ ฝุ่น หรือสารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ (Purnamawati et al., 2017)

    2. ผิว #แห้ง หรือ #ขาดความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว

    อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวของคุณกำลังอ่อนแอ คือ การที่ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย แม้จะใช้ครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ หากผิวแห้งหรือขาดน้ำบ่อยๆ นั่นอาจแปลว่าผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ผิวสูญเสียไขมันตามธรรมชาติหรือโครงสร้างผิวไม่แข็งแรงพอ การที่ผิวแห้งกร้านง่ายทำให้เกิดริ้วรอยและผิวที่หมองคล้ำเร็วกว่าปกติ (Proksch et al., 2008).

    3. ผิว #ฟื้นตัวช้า หลัง #โดนแสงแดด หรือ #ทำความสะอาด

    ผิวที่อ่อนแอมักจะฟื้นตัวได้ช้าหลังจากเจอความรุนแรงจากภายนอก เช่น การโดนแสงแดดแรงๆ หรือการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก หากหลังจากออกแดดแล้วผิวมีรอยแดง นานกว่าปกติ หรือรู้สึกแห้งตึงหลังล้างหน้าโดยที่ผิวไม่คืนสภาพได้รวดเร็ว ผิวของคุณอาจกำลังส่งสัญญาณว่าต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และอาจต้องหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอ่อนแอลงไปอีก (Krutmann et al., 2014).

    การดูแลผิวให้แข็งแรงจากภายในจึงเป็นเรื่องสำคัญ แม้ผิวจะดูใสแต่ก็ไม่ควรละเลยสัญญาณเหล่านี้ที่บ่งบอกว่าผิวของคุณอาจจะไม่ได้แข็งแรงอย่างที่เห็น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ สารให้ความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดหรือมลภาวะโดยตรง จะช่วยให้ผิวของคุณกลับมาแข็งแรง สดใส และสุขภาพดีอย่างแท้จริง

    -------

    ทำไม " #สารอาหารผิวในรูปแป้ง #COCON " จึงเหมาะสมต่อการ "ฟื้นฟูผิวอ่อนแอ" และ "ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแข็งแรงกลายเป็นผิวอ่อนแอ" ?

    COCON คือ #สารอาหารผิว ที่ประกอบด้วย โปรตีนจาก #PureCocoon 100% ไม่มีสารสังเคราะห์ ไม่มีสารคงตัวเจือปน ที่ผ่านกรรมวิธีเทคโนโลยีขั้นสูง จากแลปที่เชี่ยวชาญทางด้าน #TissueEngineering อันดับต้นๆของโลกที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ทำให้โมเลกุลของสารอาหาร "เป็นทรงกลม" จึงไม่บาดเซลลผิว ในตอนทา และ สามารถซึมลงไปให้เซลล์ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีอะไรตกค้าง ไม่ระคายเคืองเซลล์ผิวเลย จึงเป็นแบรนด์ที่ใช้ในวงการแพทย์ของญี่ปุ่น

    ซึ่ง มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและป้องกันผิว จากความอ่อนแอ ดังนี้

    1. ฟื้นฟูผิวอ่อนแอด้วยการซ่อมแซมเซลล์จากภายใน
    COCON เป็น สารอาหารผิวในรูปแป้งที่มี Silk Protein บริสุทธิ์ 100% ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายได้ลึกถึงระดับ DNA ทำให้โครงสร้างผิวที่เคยถูกทำลายจากมลภาวะ แสงแดด หรือการใช้งานหนักกลับมาแข็งแรงขึ้น ผิวที่เคยอ่อนแอจึงสามารถฟื้นตัวและกลับมาดูสุขภาพดีได้อย่างเป็นธรรมชาติ

    2. ป้องกันการสูญเสียเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier)
    ด้วยคุณสมบัติของ Silk Protein ที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ COCON ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น ฝุ่น มลภาวะ และสารเคมี ทำให้ผิวที่ยังแข็งแรงไม่ถูกทำลายง่าย และลดโอกาสที่ผิวจะกลายเป็นผิวอ่อนแอในอนาคต

    3. ป้องกันและลดการอักเสบขนาดเล็ก (Micro-Inflammation)
    การอักเสบขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแข็งแรงกลายเป็นผิวอ่อนแอ COCON มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเซลล์ผิว และลดความเสี่ยงที่ผิวจะเกิดปัญหาระยะยาว เช่น การเสื่อมสภาพหรือการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

    4. เหมาะกับทุกสภาพผิว ปลอดภัย ไร้สารสังเคราะห์
    COCON เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% ไม่มีสารสังเคราะห์เจือปน จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผิวแพ้ง่ายหรือผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การใช้สารอาหารผิวที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับผิวจะช่วยลดโอกาสเกิดอาการระคายเคืองและส่งเสริมสุขภาพผิวในระยะยาว

    5. ช่วยรักษาสมดุลของผิวอย่างยั่งยืน
    การใช้ COCON อย่างสม่ำเสมอช่วยให้ผิวได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยรักษาความสมดุลของผิว ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวที่ดีอยู่แล้วคงความสุขภาพดีไว้ได้อย่างยาวนาน

    ไม่ว่าคุณจะมีผิวที่อ่อนแอหรือผิวที่ต้องการการป้องกันไม่ให้เสื่อมสภาพ COCON คือคำตอบที่ช่วยเติมเต็มความต้องการของผิวคุณ ด้วย Silk Protein บริสุทธิ์ 100% ที่ผ่านกระบวนการเทคโนโลยีขั้นสูง ที่อ่อนโยนและทรงประสิทธิภาพในการดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก

    -------

    **สำหรับผู้ที่ใช้ COCON อยู่แล้ว** หากคุณใช้ COCON แล้วพบว่ามีอาการผื่นแดงขึ้น นั่นแปลว่า เซลล์ผิวของคุณอ่อนแอจากเคมีในผลิตภัณฑ์อื่นที่คุณใช้ หรือ มลภาวะที่คุณต้องเผชิญในแต่ละวัน

    ดังนั้น แนะนำให้ลองใช้ COCON เฉพาะตอนกลางคืนเพียงอย่างเดียวก่อน เพื่อให้ผิวได้พักและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีจากครีมหรือเครื่องสำอางตัวอื่นที่อาจปิดกั้นการทำงานของ COCON

    การใช้สารอาหารผิว COCON เพียงตัวเดียวก่อนนอน จะช่วยให้เซลล์ผิวได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ และลดความเสี่ยงจากสารเคมีที่อาจทำลายเซลล์ผิวในระยะยาว เมื่อผิวกลับมาแข็งแรงแล้ว ค่อยเริ่มใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นในช่วงกลางวัน

    #TheSignature #BangkokCraftmanship #skincare #สกินแคร์ #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    ** #หน้าใส​ ไม่=​ #เซลล์ผิวหน้าแข็งแรง ! ** ในบางครั้ง แม้ผิวของเราจะดูใส ดูสุขภาพดีเมื่อมอง จากภายนอก แต่ลึกๆแล้ว ผิวอาจกำลังเผชิญปัญหาความอ่อนแออยู่ก็เป็นได้ โดยที่เรามองไม่เห็นหรือไม่ทันสังเกต >>> นี่คือ​ 3 สัญญาณ​สำคัญ‼️ ที่บ่งบอกว่าผิวของคุณ "อาจจะ" ไม่ได้แข็งแรง​ อย่างที่เห็น 1. ผิว #ระคายเคืองง่าย และ #มีรอยแดง หากผิวของคุณมีแนวโน้มที่จะระคายเคืองง่าย เช่น รู้สึกแสบ คัน มีรอยแดง หรือแม้กระทั่งมีผดเล็กๆ ขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือสัมผัสกับอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผิวของคุณอาจจะอ่อนแอกว่าที่คิด อาการระคายเคืองง่ายนี้เกิดขึ้นจากการที่เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวไวต่อสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น มลภาวะ ฝุ่น หรือสารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ (Purnamawati et al., 2017) 2. ผิว #แห้ง หรือ #ขาดความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวของคุณกำลังอ่อนแอ คือ การที่ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย แม้จะใช้ครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ หากผิวแห้งหรือขาดน้ำบ่อยๆ นั่นอาจแปลว่าผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ผิวสูญเสียไขมันตามธรรมชาติหรือโครงสร้างผิวไม่แข็งแรงพอ การที่ผิวแห้งกร้านง่ายทำให้เกิดริ้วรอยและผิวที่หมองคล้ำเร็วกว่าปกติ (Proksch et al., 2008). 3. ผิว #ฟื้นตัวช้า หลัง #โดนแสงแดด หรือ #ทำความสะอาด ผิวที่อ่อนแอมักจะฟื้นตัวได้ช้าหลังจากเจอความรุนแรงจากภายนอก เช่น การโดนแสงแดดแรงๆ หรือการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก หากหลังจากออกแดดแล้วผิวมีรอยแดง นานกว่าปกติ หรือรู้สึกแห้งตึงหลังล้างหน้าโดยที่ผิวไม่คืนสภาพได้รวดเร็ว ผิวของคุณอาจกำลังส่งสัญญาณว่าต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และอาจต้องหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอ่อนแอลงไปอีก (Krutmann et al., 2014). การดูแลผิวให้แข็งแรงจากภายในจึงเป็นเรื่องสำคัญ แม้ผิวจะดูใสแต่ก็ไม่ควรละเลยสัญญาณเหล่านี้ที่บ่งบอกว่าผิวของคุณอาจจะไม่ได้แข็งแรงอย่างที่เห็น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ สารให้ความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดหรือมลภาวะโดยตรง จะช่วยให้ผิวของคุณกลับมาแข็งแรง สดใส และสุขภาพดีอย่างแท้จริง ------- ทำไม " #สารอาหารผิวในรูปแป้ง #COCON " จึงเหมาะสมต่อการ "ฟื้นฟูผิวอ่อนแอ" และ "ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแข็งแรงกลายเป็นผิวอ่อนแอ" ? COCON คือ #สารอาหารผิว ที่ประกอบด้วย โปรตีนจาก #PureCocoon 100% ไม่มีสารสังเคราะห์ ไม่มีสารคงตัวเจือปน ที่ผ่านกรรมวิธีเทคโนโลยีขั้นสูง จากแลปที่เชี่ยวชาญทางด้าน #TissueEngineering อันดับต้นๆของโลกที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ทำให้โมเลกุลของสารอาหาร "เป็นทรงกลม" จึงไม่บาดเซลลผิว ในตอนทา และ สามารถซึมลงไปให้เซลล์ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีอะไรตกค้าง ไม่ระคายเคืองเซลล์ผิวเลย จึงเป็นแบรนด์ที่ใช้ในวงการแพทย์ของญี่ปุ่น ซึ่ง มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและป้องกันผิว จากความอ่อนแอ ดังนี้ 1. ฟื้นฟูผิวอ่อนแอด้วยการซ่อมแซมเซลล์จากภายใน COCON เป็น สารอาหารผิวในรูปแป้งที่มี Silk Protein บริสุทธิ์ 100% ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายได้ลึกถึงระดับ DNA ทำให้โครงสร้างผิวที่เคยถูกทำลายจากมลภาวะ แสงแดด หรือการใช้งานหนักกลับมาแข็งแรงขึ้น ผิวที่เคยอ่อนแอจึงสามารถฟื้นตัวและกลับมาดูสุขภาพดีได้อย่างเป็นธรรมชาติ 2. ป้องกันการสูญเสียเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ด้วยคุณสมบัติของ Silk Protein ที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ COCON ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น ฝุ่น มลภาวะ และสารเคมี ทำให้ผิวที่ยังแข็งแรงไม่ถูกทำลายง่าย และลดโอกาสที่ผิวจะกลายเป็นผิวอ่อนแอในอนาคต 3. ป้องกันและลดการอักเสบขนาดเล็ก (Micro-Inflammation) การอักเสบขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแข็งแรงกลายเป็นผิวอ่อนแอ COCON มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเซลล์ผิว และลดความเสี่ยงที่ผิวจะเกิดปัญหาระยะยาว เช่น การเสื่อมสภาพหรือการเกิดริ้วรอยก่อนวัย 4. เหมาะกับทุกสภาพผิว ปลอดภัย ไร้สารสังเคราะห์ COCON เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% ไม่มีสารสังเคราะห์เจือปน จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผิวแพ้ง่ายหรือผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การใช้สารอาหารผิวที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับผิวจะช่วยลดโอกาสเกิดอาการระคายเคืองและส่งเสริมสุขภาพผิวในระยะยาว 5. ช่วยรักษาสมดุลของผิวอย่างยั่งยืน การใช้ COCON อย่างสม่ำเสมอช่วยให้ผิวได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยรักษาความสมดุลของผิว ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวที่ดีอยู่แล้วคงความสุขภาพดีไว้ได้อย่างยาวนาน ไม่ว่าคุณจะมีผิวที่อ่อนแอหรือผิวที่ต้องการการป้องกันไม่ให้เสื่อมสภาพ COCON คือคำตอบที่ช่วยเติมเต็มความต้องการของผิวคุณ ด้วย Silk Protein บริสุทธิ์ 100% ที่ผ่านกระบวนการเทคโนโลยีขั้นสูง ที่อ่อนโยนและทรงประสิทธิภาพในการดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก ------- **สำหรับผู้ที่ใช้ COCON อยู่แล้ว** หากคุณใช้ COCON แล้วพบว่ามีอาการผื่นแดงขึ้น นั่นแปลว่า เซลล์ผิวของคุณอ่อนแอจากเคมีในผลิตภัณฑ์อื่นที่คุณใช้ หรือ มลภาวะที่คุณต้องเผชิญในแต่ละวัน ดังนั้น แนะนำให้ลองใช้ COCON เฉพาะตอนกลางคืนเพียงอย่างเดียวก่อน เพื่อให้ผิวได้พักและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีจากครีมหรือเครื่องสำอางตัวอื่นที่อาจปิดกั้นการทำงานของ COCON การใช้สารอาหารผิว COCON เพียงตัวเดียวก่อนนอน จะช่วยให้เซลล์ผิวได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ และลดความเสี่ยงจากสารเคมีที่อาจทำลายเซลล์ผิวในระยะยาว เมื่อผิวกลับมาแข็งแรงแล้ว ค่อยเริ่มใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นในช่วงกลางวัน #TheSignature #BangkokCraftmanship #skincare #สกินแคร์ #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • ** #หน้าใส​ ไม่=​ #เซลล์ผิวหน้าแข็งแรง ! **

    ในบางครั้ง แม้ผิวของเราจะดูใส ดูสุขภาพดีเมื่อมอง จากภายนอก แต่ลึกๆแล้ว ผิวอาจกำลังเผชิญปัญหาความอ่อนแออยู่ก็เป็นได้ โดยที่เรามองไม่เห็นหรือไม่ทันสังเกต

    >>> นี่คือ​ 3 สัญญาณ​สำคัญ‼️ ที่บ่งบอกว่าผิวของคุณ "อาจจะ" ไม่ได้แข็งแรง​ อย่างที่เห็น

    1. ผิว #ระคายเคืองง่าย และ #มีรอยแดง

    หากผิวของคุณมีแนวโน้มที่จะระคายเคืองง่าย เช่น รู้สึกแสบ คัน มีรอยแดง หรือแม้กระทั่งมีผดเล็กๆ ขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือสัมผัสกับอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผิวของคุณอาจจะอ่อนแอกว่าที่คิด อาการระคายเคืองง่ายนี้เกิดขึ้นจากการที่เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวไวต่อสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น มลภาวะ ฝุ่น หรือสารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ (Purnamawati et al., 2017)

    2. ผิว #แห้ง หรือ #ขาดความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว

    อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวของคุณกำลังอ่อนแอ คือ การที่ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย แม้จะใช้ครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ หากผิวแห้งหรือขาดน้ำบ่อยๆ นั่นอาจแปลว่าผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ผิวสูญเสียไขมันตามธรรมชาติหรือโครงสร้างผิวไม่แข็งแรงพอ การที่ผิวแห้งกร้านง่ายทำให้เกิดริ้วรอยและผิวที่หมองคล้ำเร็วกว่าปกติ (Proksch et al., 2008).

    3. ผิว #ฟื้นตัวช้า หลัง #โดนแสงแดด หรือ #ทำความสะอาด

    ผิวที่อ่อนแอมักจะฟื้นตัวได้ช้าหลังจากเจอความรุนแรงจากภายนอก เช่น การโดนแสงแดดแรงๆ หรือการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก หากหลังจากออกแดดแล้วผิวมีรอยแดง นานกว่าปกติ หรือรู้สึกแห้งตึงหลังล้างหน้าโดยที่ผิวไม่คืนสภาพได้รวดเร็ว ผิวของคุณอาจกำลังส่งสัญญาณว่าต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และอาจต้องหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอ่อนแอลงไปอีก (Krutmann et al., 2014).

    การดูแลผิวให้แข็งแรงจากภายในจึงเป็นเรื่องสำคัญ แม้ผิวจะดูใสแต่ก็ไม่ควรละเลยสัญญาณเหล่านี้ที่บ่งบอกว่าผิวของคุณอาจจะไม่ได้แข็งแรงอย่างที่เห็น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ สารให้ความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดหรือมลภาวะโดยตรง จะช่วยให้ผิวของคุณกลับมาแข็งแรง สดใส และสุขภาพดีอย่างแท้จริง

    -------

    ทำไม " #สารอาหารผิวในรูปแป้ง #COCON " จึงเหมาะสมต่อการ "ฟื้นฟูผิวอ่อนแอ" และ "ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแข็งแรงกลายเป็นผิวอ่อนแอ" ?

    COCON คือ #สารอาหารผิว ที่ประกอบด้วย โปรตีนจาก #PureCocoon 100% ไม่มีสารสังเคราะห์ ไม่มีสารคงตัวเจือปน ที่ผ่านกรรมวิธีเทคโนโลยีขั้นสูง จากแลปที่เชี่ยวชาญทางด้าน #TissueEngineering อันดับต้นๆของโลกที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ทำให้โมเลกุลของสารอาหาร "เป็นทรงกลม" จึงไม่บาดเซลลผิว ในตอนทา และ สามารถซึมลงไปให้เซลล์ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีอะไรตกค้าง ไม่ระคายเคืองเซลล์ผิวเลย จึงเป็นแบรนด์ที่ใช้ในวงการแพทย์ของญี่ปุ่น

    ซึ่ง มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและป้องกันผิว จากความอ่อนแอ ดังนี้

    1. ฟื้นฟูผิวอ่อนแอด้วยการซ่อมแซมเซลล์จากภายใน
    COCON เป็น สารอาหารผิวในรูปแป้งที่มี Silk Protein บริสุทธิ์ 100% ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายได้ลึกถึงระดับ DNA ทำให้โครงสร้างผิวที่เคยถูกทำลายจากมลภาวะ แสงแดด หรือการใช้งานหนักกลับมาแข็งแรงขึ้น ผิวที่เคยอ่อนแอจึงสามารถฟื้นตัวและกลับมาดูสุขภาพดีได้อย่างเป็นธรรมชาติ

    2. ป้องกันการสูญเสียเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier)
    ด้วยคุณสมบัติของ Silk Protein ที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ COCON ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น ฝุ่น มลภาวะ และสารเคมี ทำให้ผิวที่ยังแข็งแรงไม่ถูกทำลายง่าย และลดโอกาสที่ผิวจะกลายเป็นผิวอ่อนแอในอนาคต

    3. ป้องกันและลดการอักเสบขนาดเล็ก (Micro-Inflammation)
    การอักเสบขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแข็งแรงกลายเป็นผิวอ่อนแอ COCON มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเซลล์ผิว และลดความเสี่ยงที่ผิวจะเกิดปัญหาระยะยาว เช่น การเสื่อมสภาพหรือการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

    4. เหมาะกับทุกสภาพผิว ปลอดภัย ไร้สารสังเคราะห์
    COCON เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% ไม่มีสารสังเคราะห์เจือปน จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผิวแพ้ง่ายหรือผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การใช้สารอาหารผิวที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับผิวจะช่วยลดโอกาสเกิดอาการระคายเคืองและส่งเสริมสุขภาพผิวในระยะยาว

    5. ช่วยรักษาสมดุลของผิวอย่างยั่งยืน
    การใช้ COCON อย่างสม่ำเสมอช่วยให้ผิวได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยรักษาความสมดุลของผิว ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวที่ดีอยู่แล้วคงความสุขภาพดีไว้ได้อย่างยาวนาน

    ไม่ว่าคุณจะมีผิวที่อ่อนแอหรือผิวที่ต้องการการป้องกันไม่ให้เสื่อมสภาพ COCON คือคำตอบที่ช่วยเติมเต็มความต้องการของผิวคุณ ด้วย Silk Protein บริสุทธิ์ 100% ที่ผ่านกระบวนการเทคโนโลยีขั้นสูง ที่อ่อนโยนและทรงประสิทธิภาพในการดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก

    -------

    **สำหรับผู้ที่ใช้ COCON อยู่แล้ว** หากคุณใช้ COCON แล้วพบว่ามีอาการผื่นแดงขึ้น นั่นแปลว่า เซลล์ผิวของคุณอ่อนแอจากเคมีในผลิตภัณฑ์อื่นที่คุณใช้ หรือ มลภาวะที่คุณต้องเผชิญในแต่ละวัน

    ดังนั้น แนะนำให้ลองใช้ COCON เฉพาะตอนกลางคืนเพียงอย่างเดียวก่อน เพื่อให้ผิวได้พักและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีจากครีมหรือเครื่องสำอางตัวอื่นที่อาจปิดกั้นการทำงานของ COCON

    การใช้สารอาหารผิว COCON เพียงตัวเดียวก่อนนอน จะช่วยให้เซลล์ผิวได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ และลดความเสี่ยงจากสารเคมีที่อาจทำลายเซลล์ผิวในระยะยาว เมื่อผิวกลับมาแข็งแรงแล้ว ค่อยเริ่มใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นในช่วงกลางวัน

    #TheSignature #BangkokCraftmanship #skincare #สกินแคร์ #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    ** #หน้าใส​ ไม่=​ #เซลล์ผิวหน้าแข็งแรง ! ** ในบางครั้ง แม้ผิวของเราจะดูใส ดูสุขภาพดีเมื่อมอง จากภายนอก แต่ลึกๆแล้ว ผิวอาจกำลังเผชิญปัญหาความอ่อนแออยู่ก็เป็นได้ โดยที่เรามองไม่เห็นหรือไม่ทันสังเกต >>> นี่คือ​ 3 สัญญาณ​สำคัญ‼️ ที่บ่งบอกว่าผิวของคุณ "อาจจะ" ไม่ได้แข็งแรง​ อย่างที่เห็น 1. ผิว #ระคายเคืองง่าย และ #มีรอยแดง หากผิวของคุณมีแนวโน้มที่จะระคายเคืองง่าย เช่น รู้สึกแสบ คัน มีรอยแดง หรือแม้กระทั่งมีผดเล็กๆ ขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือสัมผัสกับอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผิวของคุณอาจจะอ่อนแอกว่าที่คิด อาการระคายเคืองง่ายนี้เกิดขึ้นจากการที่เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวไวต่อสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น มลภาวะ ฝุ่น หรือสารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ (Purnamawati et al., 2017) 2. ผิว #แห้ง หรือ #ขาดความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวของคุณกำลังอ่อนแอ คือ การที่ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย แม้จะใช้ครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ หากผิวแห้งหรือขาดน้ำบ่อยๆ นั่นอาจแปลว่าผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ผิวสูญเสียไขมันตามธรรมชาติหรือโครงสร้างผิวไม่แข็งแรงพอ การที่ผิวแห้งกร้านง่ายทำให้เกิดริ้วรอยและผิวที่หมองคล้ำเร็วกว่าปกติ (Proksch et al., 2008). 3. ผิว #ฟื้นตัวช้า หลัง #โดนแสงแดด หรือ #ทำความสะอาด ผิวที่อ่อนแอมักจะฟื้นตัวได้ช้าหลังจากเจอความรุนแรงจากภายนอก เช่น การโดนแสงแดดแรงๆ หรือการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก หากหลังจากออกแดดแล้วผิวมีรอยแดง นานกว่าปกติ หรือรู้สึกแห้งตึงหลังล้างหน้าโดยที่ผิวไม่คืนสภาพได้รวดเร็ว ผิวของคุณอาจกำลังส่งสัญญาณว่าต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และอาจต้องหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอ่อนแอลงไปอีก (Krutmann et al., 2014). การดูแลผิวให้แข็งแรงจากภายในจึงเป็นเรื่องสำคัญ แม้ผิวจะดูใสแต่ก็ไม่ควรละเลยสัญญาณเหล่านี้ที่บ่งบอกว่าผิวของคุณอาจจะไม่ได้แข็งแรงอย่างที่เห็น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ สารให้ความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดหรือมลภาวะโดยตรง จะช่วยให้ผิวของคุณกลับมาแข็งแรง สดใส และสุขภาพดีอย่างแท้จริง ------- ทำไม " #สารอาหารผิวในรูปแป้ง #COCON " จึงเหมาะสมต่อการ "ฟื้นฟูผิวอ่อนแอ" และ "ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแข็งแรงกลายเป็นผิวอ่อนแอ" ? COCON คือ #สารอาหารผิว ที่ประกอบด้วย โปรตีนจาก #PureCocoon 100% ไม่มีสารสังเคราะห์ ไม่มีสารคงตัวเจือปน ที่ผ่านกรรมวิธีเทคโนโลยีขั้นสูง จากแลปที่เชี่ยวชาญทางด้าน #TissueEngineering อันดับต้นๆของโลกที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ทำให้โมเลกุลของสารอาหาร "เป็นทรงกลม" จึงไม่บาดเซลลผิว ในตอนทา และ สามารถซึมลงไปให้เซลล์ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีอะไรตกค้าง ไม่ระคายเคืองเซลล์ผิวเลย จึงเป็นแบรนด์ที่ใช้ในวงการแพทย์ของญี่ปุ่น ซึ่ง มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและป้องกันผิว จากความอ่อนแอ ดังนี้ 1. ฟื้นฟูผิวอ่อนแอด้วยการซ่อมแซมเซลล์จากภายใน COCON เป็น สารอาหารผิวในรูปแป้งที่มี Silk Protein บริสุทธิ์ 100% ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายได้ลึกถึงระดับ DNA ทำให้โครงสร้างผิวที่เคยถูกทำลายจากมลภาวะ แสงแดด หรือการใช้งานหนักกลับมาแข็งแรงขึ้น ผิวที่เคยอ่อนแอจึงสามารถฟื้นตัวและกลับมาดูสุขภาพดีได้อย่างเป็นธรรมชาติ 2. ป้องกันการสูญเสียเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ด้วยคุณสมบัติของ Silk Protein ที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ COCON ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น ฝุ่น มลภาวะ และสารเคมี ทำให้ผิวที่ยังแข็งแรงไม่ถูกทำลายง่าย และลดโอกาสที่ผิวจะกลายเป็นผิวอ่อนแอในอนาคต 3. ป้องกันและลดการอักเสบขนาดเล็ก (Micro-Inflammation) การอักเสบขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแข็งแรงกลายเป็นผิวอ่อนแอ COCON มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเซลล์ผิว และลดความเสี่ยงที่ผิวจะเกิดปัญหาระยะยาว เช่น การเสื่อมสภาพหรือการเกิดริ้วรอยก่อนวัย 4. เหมาะกับทุกสภาพผิว ปลอดภัย ไร้สารสังเคราะห์ COCON เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% ไม่มีสารสังเคราะห์เจือปน จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผิวแพ้ง่ายหรือผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การใช้สารอาหารผิวที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับผิวจะช่วยลดโอกาสเกิดอาการระคายเคืองและส่งเสริมสุขภาพผิวในระยะยาว 5. ช่วยรักษาสมดุลของผิวอย่างยั่งยืน การใช้ COCON อย่างสม่ำเสมอช่วยให้ผิวได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยรักษาความสมดุลของผิว ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวที่ดีอยู่แล้วคงความสุขภาพดีไว้ได้อย่างยาวนาน ไม่ว่าคุณจะมีผิวที่อ่อนแอหรือผิวที่ต้องการการป้องกันไม่ให้เสื่อมสภาพ COCON คือคำตอบที่ช่วยเติมเต็มความต้องการของผิวคุณ ด้วย Silk Protein บริสุทธิ์ 100% ที่ผ่านกระบวนการเทคโนโลยีขั้นสูง ที่อ่อนโยนและทรงประสิทธิภาพในการดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก ------- **สำหรับผู้ที่ใช้ COCON อยู่แล้ว** หากคุณใช้ COCON แล้วพบว่ามีอาการผื่นแดงขึ้น นั่นแปลว่า เซลล์ผิวของคุณอ่อนแอจากเคมีในผลิตภัณฑ์อื่นที่คุณใช้ หรือ มลภาวะที่คุณต้องเผชิญในแต่ละวัน ดังนั้น แนะนำให้ลองใช้ COCON เฉพาะตอนกลางคืนเพียงอย่างเดียวก่อน เพื่อให้ผิวได้พักและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีจากครีมหรือเครื่องสำอางตัวอื่นที่อาจปิดกั้นการทำงานของ COCON การใช้สารอาหารผิว COCON เพียงตัวเดียวก่อนนอน จะช่วยให้เซลล์ผิวได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ และลดความเสี่ยงจากสารเคมีที่อาจทำลายเซลล์ผิวในระยะยาว เมื่อผิวกลับมาแข็งแรงแล้ว ค่อยเริ่มใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นในช่วงกลางวัน #TheSignature #BangkokCraftmanship #skincare #สกินแคร์ #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 636 Views 0 Reviews
  • 15-11-67/04 : หมี CNN / เข้าใจผิด เข้าใจใหม่ได้น่ะจ๊ะ? ใครสั่งใครเหรอ? ใครร้องขอชีวิตอยู่ตอนนี้? ใครหลังผิงฝา ใครยังแบมือขอพลังงานรัสเซียใช้อยู่? ใครที่ถูกเจาะหลังบ้านจนพรุน พร้อมยกพลขึ้นบกได้ทุกเวลา? อีทรัมปป์การละคร หมายังรู้ อเมริกาสั่งใครไม่ได้อีกแล้ว หมดตูด หมดสภาพ แม้แต่อีโง่ยุโรปยังตาสว่าง แห่กันทิ้งเหี้ย เพราะไม่รู้กูจะไปตายห่าฟรีเพื่อใคร? ละครฉากนี้ เชิญมรึงเล่นไปเหอะคนเดียว ปูตินไม่ได้เดือดร้อน กูปูพรมยึดยูเครนจะหมดเกลี้ยง มรึงจะลีลาก็เชิญ กูไม่มาเสียเวลาด้วย เพราะรู้ มรึงกำลังยื้อ ถ่วงเวลา เบื้องหลังแล้ว อีทรัมปป์คุยอะไรกับปูติน บอกได้เลยว่า ปูตินไม่รับสาย หากไม่มีอะไรคืบหน้า สัญญานชัด 2 ฝ่าย แอบคุยล่วงหน้าไว้แล้วต่างหาก แผนการกำจัดอีก DEEP STAE ขจัดขี้ข้ายิวในหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐ ถึงต้องผูกมิตรกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย เพราะมีศัตรูตัวเดียวกัน ทุกลีลา ทุกการให้ข่าวของอีทรัมปป์ มาจากสคริปต์เต็มตรีน มันรู้ดีว่า อะไรแตะต้องไม่ได้ อะไรที่ทำร่วมกันได้ แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง รัสเซียจะเขมือบยุโรป อีทรัมปป์ยิ่งชอบ ไม่มีใครมาแข่งขันการค้ากับกูเพิ่ม? อีทรัมปป์จะช่วยปูติน ให้อีเสี้ยนยาหมอบ หั่นครึ่งประเทศคืนให้รัสเซีย พ่วงเลือกตั้งใหม่ ปูตินบอก ไม่ช้าก็เร็ว กูก็ได้ทั้งหมดอยู่แล้ว มีอะไรน่าสนใจกว่านี้มุย? คำเดียวที่อีทรัมปป์ชงให้ ปูตินยิ้มทันที "เอาอลาสก้าคืนไปมุย เดี๋ยวขายถูกๆ ให้" สำหรับเกมส์การเมือง อะไรก็ง่ายดาย หากผลประโยชน์ลงตัว ยังไง อเมริกาก็ต้องแตก ก็คืนให้เจ้าของตัวจริงไปสิ กูจะเอาไปทำมุย? แหล่งพลังงานมหาศาลอยู่ที่นั่น ทำไมกูจะไม่มอง แต่รัสเซียกาหัวหมาแล้ว มรึงกล้าไปแตะป่ะล่ะ? ขายยังได้เงิน รบคือตายโหง มรึงฉลาดคิดเป็นมุย? รอดู ตอนอีทรัมปป์ประกาศรับตำแหน่งสาบานตนก่อน ทุกอย่างถึงจะเดินหน้า หางจะโผล่หมดเกลี้ยง ตอนนี้ แค่ช่วงสูญญากาศ ถ่ายเทอำนาจ ส่วนอีลา เตรียมแผนฆ่า จุดไฟสงคราม เอาให้สุดซอยกันไปเลย?Trump Told Putin Not to Escalate Ukraine War in Post-Election Call – Washington Post สำนักข่าว Washington Post รายงานว่า ทรัมป์บอกกับปูตินไม่ให้เพิ่มความรุนแรงในสงครามยูเครนหลังคำร้องหลังการเลือกตั้ง------------------------------------------------------------------------—RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : สำนักข่าว Washington Post รายงานว่า ทรัมป์บอกกับปูตินไม่ให้เพิ่มความรุนแรงในสงครามยูเครนหลังคำร้องหลังการเลือกตั้ง สำนักข่าว The Washington Post รายงานโดยอ้างถึงผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ว่า ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือก โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินต่อต้านการสร้างความรุนแรงในสงครามเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในการเจรจาผ่านโทรศัพท์หลังทรัมป์ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งสหรัฐ ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ เขาย้ำถึงการปรากฏตัวของกองทัพสหรัฐในยุโรป เขาแสดงความสนใจที่จะเจรจาต่อเพื่อหารือ “มติยุติสงครามยูเครนเร็วๆ นี้” ตามรายงานจากแหล่งข่าวของ The Washington Post ยูเครนทราบเรื่องและไม่ได้คัดค้านการเจรจา แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ยูเครน “เข้าใจมานานแล้ว” ว่า ทรัมป์จะติดต่อกับปูตินเพื่อหาทางแก้ปัญหาทางการทูตต่อสงคราม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปูตินกล่าวว่า เขา ”พร้อม“ ที่จะจัดการเจรจากับทรัมป์โดยแสดงความยินดีต่อชัยชนะในการเลือกตั้งและกล่าวว่า เขาปฏิบัติหน้าที่ ”อย่างกล้าหาญ“ ในช่วงที่มีการพยายามลอบฆ่าระหว่างการหาเสียงในช่วงต้นปี ต่างจากประธานาธิบดี โจ ไบเดนหนึ่งในพันธมิตรของยูเครนในการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบกับรัสเซีย ทรัมป์ทาบทามปูตินมาหลายปีซึ่งกล่าวเพิ่มเติมว่า เขามี “ความสัมพันธ์อันดี” กับผู้นำรัสเซีย เขากล่าวว่า เขาจะสามารถยุติสงครามในยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่งแต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร วารสาร The Wall Street รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ที่ปรึกษาทรัมป์สนับสนุนข้อเสนอหลายอย่างที่จะยุติสงครามซึ่งสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของดินแดนรัสเซีย ประวัติศาสตร์ของทรัมป์กับปูตินทำให้เกิดการเจรจาว่าเขาจะเข้าหารัสเซียอย่างไร รัสเซียเชื่อว่า การกลับมาของทรัมป์ต่อการเป็นประธานาธิบดีอาจให้รัสเซียเพิ่มการทำสงครามกับยูเครนซึ่งสร้างความอ่อนแอกับสหภาพยุโรป (EU) และฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐ เจ้าหน้าที่อาวุโสและสมาชิกของชนชั้นสูงของรัสเซียที่เคยกล่าว https://www.themoscowtimes.com/2024/11/10/trump-told-putin-not-to-escalate-ukraine-war-in-post-election-call-washington-post-a86973 ------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    15-11-67/04 : หมี CNN / เข้าใจผิด เข้าใจใหม่ได้น่ะจ๊ะ? ใครสั่งใครเหรอ? ใครร้องขอชีวิตอยู่ตอนนี้? ใครหลังผิงฝา ใครยังแบมือขอพลังงานรัสเซียใช้อยู่? ใครที่ถูกเจาะหลังบ้านจนพรุน พร้อมยกพลขึ้นบกได้ทุกเวลา? อีทรัมปป์การละคร หมายังรู้ อเมริกาสั่งใครไม่ได้อีกแล้ว หมดตูด หมดสภาพ แม้แต่อีโง่ยุโรปยังตาสว่าง แห่กันทิ้งเหี้ย เพราะไม่รู้กูจะไปตายห่าฟรีเพื่อใคร? ละครฉากนี้ เชิญมรึงเล่นไปเหอะคนเดียว ปูตินไม่ได้เดือดร้อน กูปูพรมยึดยูเครนจะหมดเกลี้ยง มรึงจะลีลาก็เชิญ กูไม่มาเสียเวลาด้วย เพราะรู้ มรึงกำลังยื้อ ถ่วงเวลา เบื้องหลังแล้ว อีทรัมปป์คุยอะไรกับปูติน บอกได้เลยว่า ปูตินไม่รับสาย หากไม่มีอะไรคืบหน้า สัญญานชัด 2 ฝ่าย แอบคุยล่วงหน้าไว้แล้วต่างหาก แผนการกำจัดอีก DEEP STAE ขจัดขี้ข้ายิวในหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐ ถึงต้องผูกมิตรกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย เพราะมีศัตรูตัวเดียวกัน ทุกลีลา ทุกการให้ข่าวของอีทรัมปป์ มาจากสคริปต์เต็มตรีน มันรู้ดีว่า อะไรแตะต้องไม่ได้ อะไรที่ทำร่วมกันได้ แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง รัสเซียจะเขมือบยุโรป อีทรัมปป์ยิ่งชอบ ไม่มีใครมาแข่งขันการค้ากับกูเพิ่ม? อีทรัมปป์จะช่วยปูติน ให้อีเสี้ยนยาหมอบ หั่นครึ่งประเทศคืนให้รัสเซีย พ่วงเลือกตั้งใหม่ ปูตินบอก ไม่ช้าก็เร็ว กูก็ได้ทั้งหมดอยู่แล้ว มีอะไรน่าสนใจกว่านี้มุย? คำเดียวที่อีทรัมปป์ชงให้ ปูตินยิ้มทันที "เอาอลาสก้าคืนไปมุย เดี๋ยวขายถูกๆ ให้" สำหรับเกมส์การเมือง อะไรก็ง่ายดาย หากผลประโยชน์ลงตัว ยังไง อเมริกาก็ต้องแตก ก็คืนให้เจ้าของตัวจริงไปสิ กูจะเอาไปทำมุย? แหล่งพลังงานมหาศาลอยู่ที่นั่น ทำไมกูจะไม่มอง แต่รัสเซียกาหัวหมาแล้ว มรึงกล้าไปแตะป่ะล่ะ? ขายยังได้เงิน รบคือตายโหง มรึงฉลาดคิดเป็นมุย? รอดู ตอนอีทรัมปป์ประกาศรับตำแหน่งสาบานตนก่อน ทุกอย่างถึงจะเดินหน้า หางจะโผล่หมดเกลี้ยง ตอนนี้ แค่ช่วงสูญญากาศ ถ่ายเทอำนาจ ส่วนอีลา เตรียมแผนฆ่า จุดไฟสงคราม เอาให้สุดซอยกันไปเลย?Trump Told Putin Not to Escalate Ukraine War in Post-Election Call – Washington Post สำนักข่าว Washington Post รายงานว่า ทรัมป์บอกกับปูตินไม่ให้เพิ่มความรุนแรงในสงครามยูเครนหลังคำร้องหลังการเลือกตั้ง------------------------------------------------------------------------—RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : สำนักข่าว Washington Post รายงานว่า ทรัมป์บอกกับปูตินไม่ให้เพิ่มความรุนแรงในสงครามยูเครนหลังคำร้องหลังการเลือกตั้ง สำนักข่าว The Washington Post รายงานโดยอ้างถึงผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ว่า ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือก โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินต่อต้านการสร้างความรุนแรงในสงครามเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในการเจรจาผ่านโทรศัพท์หลังทรัมป์ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งสหรัฐ ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ เขาย้ำถึงการปรากฏตัวของกองทัพสหรัฐในยุโรป เขาแสดงความสนใจที่จะเจรจาต่อเพื่อหารือ “มติยุติสงครามยูเครนเร็วๆ นี้” ตามรายงานจากแหล่งข่าวของ The Washington Post ยูเครนทราบเรื่องและไม่ได้คัดค้านการเจรจา แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ยูเครน “เข้าใจมานานแล้ว” ว่า ทรัมป์จะติดต่อกับปูตินเพื่อหาทางแก้ปัญหาทางการทูตต่อสงคราม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปูตินกล่าวว่า เขา ”พร้อม“ ที่จะจัดการเจรจากับทรัมป์โดยแสดงความยินดีต่อชัยชนะในการเลือกตั้งและกล่าวว่า เขาปฏิบัติหน้าที่ ”อย่างกล้าหาญ“ ในช่วงที่มีการพยายามลอบฆ่าระหว่างการหาเสียงในช่วงต้นปี ต่างจากประธานาธิบดี โจ ไบเดนหนึ่งในพันธมิตรของยูเครนในการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบกับรัสเซีย ทรัมป์ทาบทามปูตินมาหลายปีซึ่งกล่าวเพิ่มเติมว่า เขามี “ความสัมพันธ์อันดี” กับผู้นำรัสเซีย เขากล่าวว่า เขาจะสามารถยุติสงครามในยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่งแต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร วารสาร The Wall Street รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ที่ปรึกษาทรัมป์สนับสนุนข้อเสนอหลายอย่างที่จะยุติสงครามซึ่งสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของดินแดนรัสเซีย ประวัติศาสตร์ของทรัมป์กับปูตินทำให้เกิดการเจรจาว่าเขาจะเข้าหารัสเซียอย่างไร รัสเซียเชื่อว่า การกลับมาของทรัมป์ต่อการเป็นประธานาธิบดีอาจให้รัสเซียเพิ่มการทำสงครามกับยูเครนซึ่งสร้างความอ่อนแอกับสหภาพยุโรป (EU) และฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐ เจ้าหน้าที่อาวุโสและสมาชิกของชนชั้นสูงของรัสเซียที่เคยกล่าว https://www.themoscowtimes.com/2024/11/10/trump-told-putin-not-to-escalate-ukraine-war-in-post-election-call-washington-post-a86973 ------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 368 Views 0 Reviews
  • "ดูดีขึ้นมาหน่อย!"

    ทรัมป์ประกาศแต่งตั้ง Tulsi Gabbard ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (Director of National Intelligence)

    หลังจากมีการประกาศรายชื่อรัฐมนตรีและทีมงานของทรัมป์ผ่านมาได้สองสามวัน ยังไม่ถูกใจชาวโปรรัสเซียสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้คงพอยิ้มได้ เมื่อทรัมป์ประกาศรายชื่อ "ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ" คนใหม่ คือ "พันตรีหญิง ทูลซี แกบบาร์ด"

    ทูลซี่ แกบบาร์ด เป็นอดีต สส.พรรคเดโมแครตจากรัฐฮาวาย และทหารผ่านศึกในสงครามซีเรีย เธอลาออกจากพรรคเดโมแครตในปี 2022 โดยให้เหตุผลว่า "พรรคกำลังตกอยู่ภายใต้การควบคุมโดยสมบูรณ์ของกลุ่มผู้กระหายสงคราม"

    แกบบาร์ด หันมาสนับสนุนทรัมป์ ซึ่งอยู่พรรครีพับลิกันอย่างเต็มตัว ในการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ เธอกล่าวชื่นชมนโยบายต่างประเทศที่เป็นเอกเทศและไม่ไปวุ่นวายกับภูมิรัฐศาสตร์โลกของทรัมป์ โดยระบุว่า “เราเห็นสิ่งนี้ผ่านวาระแรกของเขาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาไม่เพียงแต่ไม่ก่อสงครามใหม่ใดๆ แต่ยังลงมือปฏิบัติเพื่อลดระดับความรุนแรงและป้องกันสงครามอีกด้วย”

    เธอยังวิจารณ์ รัฐบาลไบเดนว่า “ทำให้สหรัฐต้องเผชิญกับสงครามหลายครั้งในหลายแนวรบในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก… และโลกเข้าใกล้การเกิดสงครามนิวเคลียร์ไปทุกขณะอย่างที่ไม่เคยเป็นก่อน”

    แกบบาร์ด ต่อต้านนโยบายการให้เงินทุนแก่กองทัพยูเครนของประธานาธิบดี โจ ไบเดน มาโดยตลอด และยังวิจารณ์ไบเดนว่า สามารถป้องกันไม่ให้กิดสงครามในยูเครนได้ตั้งแต่แรก เพียงแค่บอกกับเซเลนสกีไปตรงๆว่า ยูเครนจะไม่มีโอกาสเข้าเป็นสมาชิกนาโต เพราะความจริงคือยูเครนไม่มีโอกาสสักนิดเดียวที่จะเข้าใกล้การเป็นสมาชิกนาโต แต่ไบเดนเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น ในความจริงผู้นำนาโตและสหรัฐอาจต้องการให้รัสเซียบุกยูเครน เพียงเพื่อต้องการใช้มาตรการคว่ำบาตรมหาโหดต่อรัสเซีย เพียงเพื่อต้องการหยุดรัสเซียไม่ให้พัฒนาไปได้เร็วเท่าทุกวันนี้

    นอกจากนี้เธอยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกคือ:
    - มีจุดยืนต่อต้านสงครามในตะวันออกกลาง อย่างชัดเจน
    - เธอเดินทางไปประเทศซีเรีย เพื่อสืบสวนว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชนจริงหรือไม่ ซึ่งผลปรากฏว่าไม่เป็นความจริง จนตัวเธอถูกสื่อกระแสหลักในสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเข้าข้าง “รัฐบาลเผด็จการซีเรีย”
    - เมื่อปี 2017 เธอออกมาเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะว่า รัฐบาลสหรัฐฯคือผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มไอซิส กลุ่มอัลเคด้า และกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มอื่นๆในซีเรีย
    - เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว Tulsi Gabbard ถูกรัฐบาล Biden/Harris จัดให้อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังการก่อการร้ายภายในประเทศ และตอนนี้ เธอเป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติคนต่อไปเรียบร้อยแล้ว 🔥
    - เธออยู่ในรายชื่อบนเว็บไซต์ Myrotvorets ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของยูเครน ซึ่งมักจะระบุรายชื่อบุคคลที่ต่อต้านยูเครน และเป็นที่ต้องการตัวในยูเครน โดยถูกกล่าวหาว่าเธอเป็นสายลับของรัสเซีย
    - ก่อนสงครามยูเครน-รัสเซียจะเริ่มต้นขึ้น เธอเคยวิจารณ์รัฐบาลยูเครนอย่างรุนแรง โดยเรียกเซเลนสกีว่าเป็น "เผด็จ" และเรียกร้องให้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซีย เธอยังคงยืนยันคำพูดของเธอ แม้ว่ารัสเซียเริ่มบุกยูเครนไปแล้วก็ตาม
    "ดูดีขึ้นมาหน่อย!" ทรัมป์ประกาศแต่งตั้ง Tulsi Gabbard ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (Director of National Intelligence) หลังจากมีการประกาศรายชื่อรัฐมนตรีและทีมงานของทรัมป์ผ่านมาได้สองสามวัน ยังไม่ถูกใจชาวโปรรัสเซียสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้คงพอยิ้มได้ เมื่อทรัมป์ประกาศรายชื่อ "ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ" คนใหม่ คือ "พันตรีหญิง ทูลซี แกบบาร์ด" ทูลซี่ แกบบาร์ด เป็นอดีต สส.พรรคเดโมแครตจากรัฐฮาวาย และทหารผ่านศึกในสงครามซีเรีย เธอลาออกจากพรรคเดโมแครตในปี 2022 โดยให้เหตุผลว่า "พรรคกำลังตกอยู่ภายใต้การควบคุมโดยสมบูรณ์ของกลุ่มผู้กระหายสงคราม" แกบบาร์ด หันมาสนับสนุนทรัมป์ ซึ่งอยู่พรรครีพับลิกันอย่างเต็มตัว ในการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ เธอกล่าวชื่นชมนโยบายต่างประเทศที่เป็นเอกเทศและไม่ไปวุ่นวายกับภูมิรัฐศาสตร์โลกของทรัมป์ โดยระบุว่า “เราเห็นสิ่งนี้ผ่านวาระแรกของเขาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาไม่เพียงแต่ไม่ก่อสงครามใหม่ใดๆ แต่ยังลงมือปฏิบัติเพื่อลดระดับความรุนแรงและป้องกันสงครามอีกด้วย” เธอยังวิจารณ์ รัฐบาลไบเดนว่า “ทำให้สหรัฐต้องเผชิญกับสงครามหลายครั้งในหลายแนวรบในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก… และโลกเข้าใกล้การเกิดสงครามนิวเคลียร์ไปทุกขณะอย่างที่ไม่เคยเป็นก่อน” แกบบาร์ด ต่อต้านนโยบายการให้เงินทุนแก่กองทัพยูเครนของประธานาธิบดี โจ ไบเดน มาโดยตลอด และยังวิจารณ์ไบเดนว่า สามารถป้องกันไม่ให้กิดสงครามในยูเครนได้ตั้งแต่แรก เพียงแค่บอกกับเซเลนสกีไปตรงๆว่า ยูเครนจะไม่มีโอกาสเข้าเป็นสมาชิกนาโต เพราะความจริงคือยูเครนไม่มีโอกาสสักนิดเดียวที่จะเข้าใกล้การเป็นสมาชิกนาโต แต่ไบเดนเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น ในความจริงผู้นำนาโตและสหรัฐอาจต้องการให้รัสเซียบุกยูเครน เพียงเพื่อต้องการใช้มาตรการคว่ำบาตรมหาโหดต่อรัสเซีย เพียงเพื่อต้องการหยุดรัสเซียไม่ให้พัฒนาไปได้เร็วเท่าทุกวันนี้ นอกจากนี้เธอยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกคือ: - มีจุดยืนต่อต้านสงครามในตะวันออกกลาง อย่างชัดเจน - เธอเดินทางไปประเทศซีเรีย เพื่อสืบสวนว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชนจริงหรือไม่ ซึ่งผลปรากฏว่าไม่เป็นความจริง จนตัวเธอถูกสื่อกระแสหลักในสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเข้าข้าง “รัฐบาลเผด็จการซีเรีย” - เมื่อปี 2017 เธอออกมาเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะว่า รัฐบาลสหรัฐฯคือผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มไอซิส กลุ่มอัลเคด้า และกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มอื่นๆในซีเรีย - เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว Tulsi Gabbard ถูกรัฐบาล Biden/Harris จัดให้อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังการก่อการร้ายภายในประเทศ และตอนนี้ เธอเป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติคนต่อไปเรียบร้อยแล้ว 🔥 - เธออยู่ในรายชื่อบนเว็บไซต์ Myrotvorets ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของยูเครน ซึ่งมักจะระบุรายชื่อบุคคลที่ต่อต้านยูเครน และเป็นที่ต้องการตัวในยูเครน โดยถูกกล่าวหาว่าเธอเป็นสายลับของรัสเซีย - ก่อนสงครามยูเครน-รัสเซียจะเริ่มต้นขึ้น เธอเคยวิจารณ์รัฐบาลยูเครนอย่างรุนแรง โดยเรียกเซเลนสกีว่าเป็น "เผด็จ" และเรียกร้องให้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซีย เธอยังคงยืนยันคำพูดของเธอ แม้ว่ารัสเซียเริ่มบุกยูเครนไปแล้วก็ตาม
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • พวกกบฏฮูตีในเยเมนเล็งเป้าเล่นงานเรือพิฆาตของสหรัฐฯ 2 ลำ ด้วยโดรนและขีปนาวุธ ระหว่างที่ล่องผ่านช่องแคบบับเอลมันเดบแต่กองเรือรบดังกล่าวสามารถสกัดเอาไว้ได้ จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน)
    .
    กบฏฮูตีเริ่มโจมตีเรือต่างๆ ในทะเลแดงและอ่าวเอเดนในเดือนพฤศจิกายน 2023 ส่วนหนึ่งในสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาคในวงกว้าง จากสงครามทำลายล้างของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งบรรดากลุ่มติดอาวุธในประเทศต่างๆ หยิบยกประเด็นนี้มากล่าวอ้างความชอบธรรมสำหรับการโจมตี
    .
    พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกของเพนตากอน เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "เรือรบของสหรัฐฯ ถูกโจมตีโดยระบบอากาศยานไร้คนขับแบบพลีชีพอย่างน้อย 8 ลำ ขีปนาวุธต่อต้านเรือ 5 ลูก และขีปนาวุธร่อนต่อต้านเรือ 3 ลูก แต่เรือรบของเราประสบความสำเร็จในการต่อสู้และสกัดเอาไว้ได้"
    .
    "เรือทั้ง 2 ไม่ได้รับความเสียหาย และไม่มีบุคลากรได้รับบาดเจ็บ" ไรเดอร์กล่าวถึงเหตุโจมตีซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) พร้อมชี้แจงว่าคำกล่าวอ้างของพวกฮูตี ว่าได้โจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น เช่นกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
    .
    "บนพื้นฐานข้อมูลที่ผมมี มันไม่ได้ถูกโจมตี สวนทางกับคำกล่าวอ้างบางส่วน" ไรเดอร์ระบุ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ขอระบุถึงตำแหน่งที่ตั้งของเรือบรรทุกเครื่องบินอับราฮัม ลินคอล์น
    .
    ทั้งนี้ กบฏฮูตีบอกว่าการโจมตีต่างๆ ของพวกเขานั้น ก็เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ในกาซา ที่กำลังถูกอิสราเอลทำสงครามทำลายล้าง อย่างไรก็ตาม การโจมตีของฮูตี ถูกมองว่าเป็นความท้าทายใหญ่หลวงในระดับนานาชาติ ที่คุกคามเส้นทางการขนส่งสินค้าอันสำคัญ
    .
    ความโกรธเคืองต่อยุทธการทางทหารของอิสราเอล ที่กำลังทำลายล้างฉนวนกาซา ได้โหมกระพือความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทั้งในเลบานอน อิรัก ซีเรีย และเยเมน ในขณะที่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกรานกาซา แก้แค้นกรณีที่ถูกพวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว
    .
    สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ส่งเรือของกองทัพเข้าประจำการในภูมิภาค เพื่อช่วยปกป้องเรือสินค้าต่างๆ จากการถูกพวกฮูตีโจมตี แต่การโจมตีโดยตรงเล่นงานเรือรบของสหรัฐฯ นั้น เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
    .
    นอกจากนี้ กองกำลังของสหรัฐฯ ยังได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานพวกฮูตีแบบถี่ๆ ในความพยายามลดศักยภาพของนักรบกลุ่มนี้ต่อการเล็งเป้าหมายเล่นงานเรือต่างๆ และหาทางยึดอาวุธก่อนที่มันจะตกไปถึงมือกลุ่มกบฏ อย่างไรก็ตาม การโจมตีของฮูตียังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง
    .
    ไรเดอร์ เปิดเผยในวันอังคาร (12 พ.ย.) ว่าสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหลายรอบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งเป้าเล่นงานคลังเก็บอาวุธของพวกฮูตี "อาคารเหล่านี้มีอาวุธทั่วไปล้ำสมัยมากมาย ที่พวกฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ใช้เล่นงานเรือทหารสหรัฐฯ เรือกองกำลังนานาชาติและเรือพลเรือนที่กำลังล่องผ่านน่านน้ำสากล" เขากล่าว
    .
    ขณะเดียวกัน กองทัพสหรัฐฯ ยังเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มนักรบต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในซีเรียเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) ในความเคลื่อนไหวตอบโต้กรณีที่มีการปล่อยโดรนและยิงจรวดใส่ทหารอเมริกา ที่ประจำการอยู่ในประเทศดังกล่าว หนึ่งวันก่อนหน้านี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109077
    ..............
    Sondhi X
    พวกกบฏฮูตีในเยเมนเล็งเป้าเล่นงานเรือพิฆาตของสหรัฐฯ 2 ลำ ด้วยโดรนและขีปนาวุธ ระหว่างที่ล่องผ่านช่องแคบบับเอลมันเดบแต่กองเรือรบดังกล่าวสามารถสกัดเอาไว้ได้ จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) . กบฏฮูตีเริ่มโจมตีเรือต่างๆ ในทะเลแดงและอ่าวเอเดนในเดือนพฤศจิกายน 2023 ส่วนหนึ่งในสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาคในวงกว้าง จากสงครามทำลายล้างของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งบรรดากลุ่มติดอาวุธในประเทศต่างๆ หยิบยกประเด็นนี้มากล่าวอ้างความชอบธรรมสำหรับการโจมตี . พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกของเพนตากอน เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "เรือรบของสหรัฐฯ ถูกโจมตีโดยระบบอากาศยานไร้คนขับแบบพลีชีพอย่างน้อย 8 ลำ ขีปนาวุธต่อต้านเรือ 5 ลูก และขีปนาวุธร่อนต่อต้านเรือ 3 ลูก แต่เรือรบของเราประสบความสำเร็จในการต่อสู้และสกัดเอาไว้ได้" . "เรือทั้ง 2 ไม่ได้รับความเสียหาย และไม่มีบุคลากรได้รับบาดเจ็บ" ไรเดอร์กล่าวถึงเหตุโจมตีซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) พร้อมชี้แจงว่าคำกล่าวอ้างของพวกฮูตี ว่าได้โจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น เช่นกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง . "บนพื้นฐานข้อมูลที่ผมมี มันไม่ได้ถูกโจมตี สวนทางกับคำกล่าวอ้างบางส่วน" ไรเดอร์ระบุ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ขอระบุถึงตำแหน่งที่ตั้งของเรือบรรทุกเครื่องบินอับราฮัม ลินคอล์น . ทั้งนี้ กบฏฮูตีบอกว่าการโจมตีต่างๆ ของพวกเขานั้น ก็เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ในกาซา ที่กำลังถูกอิสราเอลทำสงครามทำลายล้าง อย่างไรก็ตาม การโจมตีของฮูตี ถูกมองว่าเป็นความท้าทายใหญ่หลวงในระดับนานาชาติ ที่คุกคามเส้นทางการขนส่งสินค้าอันสำคัญ . ความโกรธเคืองต่อยุทธการทางทหารของอิสราเอล ที่กำลังทำลายล้างฉนวนกาซา ได้โหมกระพือความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทั้งในเลบานอน อิรัก ซีเรีย และเยเมน ในขณะที่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกรานกาซา แก้แค้นกรณีที่ถูกพวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว . สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ส่งเรือของกองทัพเข้าประจำการในภูมิภาค เพื่อช่วยปกป้องเรือสินค้าต่างๆ จากการถูกพวกฮูตีโจมตี แต่การโจมตีโดยตรงเล่นงานเรือรบของสหรัฐฯ นั้น เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก . นอกจากนี้ กองกำลังของสหรัฐฯ ยังได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานพวกฮูตีแบบถี่ๆ ในความพยายามลดศักยภาพของนักรบกลุ่มนี้ต่อการเล็งเป้าหมายเล่นงานเรือต่างๆ และหาทางยึดอาวุธก่อนที่มันจะตกไปถึงมือกลุ่มกบฏ อย่างไรก็ตาม การโจมตีของฮูตียังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง . ไรเดอร์ เปิดเผยในวันอังคาร (12 พ.ย.) ว่าสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหลายรอบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งเป้าเล่นงานคลังเก็บอาวุธของพวกฮูตี "อาคารเหล่านี้มีอาวุธทั่วไปล้ำสมัยมากมาย ที่พวกฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ใช้เล่นงานเรือทหารสหรัฐฯ เรือกองกำลังนานาชาติและเรือพลเรือนที่กำลังล่องผ่านน่านน้ำสากล" เขากล่าว . ขณะเดียวกัน กองทัพสหรัฐฯ ยังเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มนักรบต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในซีเรียเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) ในความเคลื่อนไหวตอบโต้กรณีที่มีการปล่อยโดรนและยิงจรวดใส่ทหารอเมริกา ที่ประจำการอยู่ในประเทศดังกล่าว หนึ่งวันก่อนหน้านี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109077 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    15
    0 Comments 0 Shares 1051 Views 0 Reviews
  • 🇺🇸🇷🇺 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พูดคุยทางโทรศัพท์กับ วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับการลดระดับความรุนแรงของสงครามในยูเครน
    .
    BREAKING: 🇺🇸🇷🇺 President-elect Donald Trump holds phone call with Russia's Vladimir Putin to discuss de-escalating the war in Ukraine.
    .
    2:53 AM · Nov 11, 2024 · 255.9K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1855700288406974515
    🇺🇸🇷🇺 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พูดคุยทางโทรศัพท์กับ วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับการลดระดับความรุนแรงของสงครามในยูเครน . BREAKING: 🇺🇸🇷🇺 President-elect Donald Trump holds phone call with Russia's Vladimir Putin to discuss de-escalating the war in Ukraine. . 2:53 AM · Nov 11, 2024 · 255.9K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1855700288406974515
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • บทบรรณาธิการซินหัวชี้กฎหมายของฟิลิปปินส์ทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ซับซ้อนขึ้น

    10 พฤศจิกายน 2567 -รายงานข่าวซินหัวระบุว่า ฟิลิปปินส์ก่อปัญหาอีกครั้งด้วยการตรากฎหมายในประเทศ 2 ฉบับ ซึ่งละเมิดอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนและสิทธิทางทะเลและผลประโยชน์ของจีนในทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดการประณามอย่างรุนแรงและการประท้วงจากปักกิ่งอย่างรุนแรง

    กฎหมายที่เรียกว่า "เขตน่านน้ำทางทะเลของฟิลิปปินส์" ได้รวมเกาะหวงหยานของจีน เกาะและแนวปะการังส่วนใหญ่ในหนานซา คุนเต่าของจีน และน่านน้ำที่เกี่ยวข้องเข้าไปในเขตน่านน้ำทางทะเลของฟิลิปปินส์โดยผิดกฎหมาย ส่วนต่างๆ ของ "กฎหมายเส้นทางเดินเรือหมู่เกาะฟิลิปปินส์" ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและมติขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ

    ฟิลิปปินส์กลายเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์และใช้ประโยชน์จากกฎหมายระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่าเป็นพันธมิตรกับฟิลิปปินส์ และเป็นผู้ก่อปัญหาและผู้ทำลายสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

    การอ้างคำตัดสินที่ผิดกฎหมายของอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นพื้นฐานของกฎหมาย การเคลื่อนไหวล่าสุดของมะนิลาเพียงแค่ซ้ำเติมความผิดพลาดของตนในการทำให้การเรียกร้องทางทะเลที่ผิดกฎหมายของตนมีความชอบธรรม โดยเสี่ยงต่อการเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคอย่างรุนแรง คำตัดสินที่เรียกว่าอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและเป็นโมฆะ คณะอนุญาโตตุลาการได้พิจารณาคดีนี้โดยเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่และตัดสินให้คำตัดสินบิดเบือนกฎหมาย ดังนั้น คำตัดสินดังกล่าวจึงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS)

    กระบวนการอนุญาโตตุลาการทั้งหมดเป็นเรื่องตลกทางการเมืองโดยสิ้นเชิง จีนไม่ยอมรับหรือมีส่วนร่วมในการอนุญาโตตุลาการ และจีนก็ไม่ยอมรับหรือรับรองคำตัดสินดังกล่าว กฎหมายที่เรียกว่าของฟิลิปปินส์พยายามที่จะกำหนดให้คำตัดสินที่ผิดกฎหมายของอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นกฎหมายในประเทศ จีนจะไม่ยอมรับการเรียกร้องหรือการดำเนินการใดๆ ที่อิงตามคำตัดสินดังกล่าว

    โดยพื้นฐานแล้ว กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การออกกฎหมายเท่านั้น แต่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายดินแดนและเพื่อผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศภายนอกบางประเทศ การเคลื่อนไหวที่ไร้ความรอบคอบของมะนิลาถือเป็นการละเมิดปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้โดยเจตนา

    ผลกระทบเชิงลบของกฎหมายเหล่านี้มีให้เห็นอย่างชัดเจนและอาจเกิดขึ้นในระยะยาว นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีและสันติภาพในภูมิภาคอีกด้วย หากมะนิลาดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ ก็จะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันมากขึ้น การนำกฎหมายเหล่านี้มาใช้จะทำให้ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ทวีความรุนแรงขึ้น และจำกัดพื้นที่ในการแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือระหว่างทั้งสองประเทศ

    อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของจีน สิทธิทางทะเล และผลประโยชน์ในทะเลจีนใต้มีรากฐานที่มั่นคงในประวัติศาสตร์และกฎหมาย สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึง UNCLOS และจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการบังคับใช้กฎหมายของมะนิลา

    จีนมุ่งมั่นที่จะจัดการปัญหาทางทะเลกับฟิลิปปินส์อย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของฟิลิปปินส์ในการส่งไวน์และขายน้ำส้มสายชูเพื่อบิดเบือนกฎหมายทางทะเลและละเมิดอำนาจอธิปไตยของผู้อื่นนั้นต้องถูกปฏิเสธ ในการเจรจาครั้งก่อน ฟิลิปปินส์
    ตกลงที่จะรักษาสถานการณ์ทางทะเลและความสัมพันธ์ทวิภาคีโดยรวมให้มั่นคงโดยร่วมมือกับจีน อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวบ่งชี้ว่าฟิลิปปินส์ทำสิ่งต่างๆ ในทิศทางตรงกันข้าม

    การละเมิดโดยเจตนาและการยั่วยุที่ไม่สมเหตุสมผลต่อจีนจะส่งผลให้ผู้ริเริ่มยิงเท้าตัวเอง จีนจะดำเนินการที่เหมาะสมและมาตรการตอบโต้ที่ถูกต้องเพื่อปกป้องสิทธิของตน

    https://english.news.cn/20241110/7bf252deefff4b06a0de32134db5406e/c.html

    #Thaitimes
    บทบรรณาธิการซินหัวชี้กฎหมายของฟิลิปปินส์ทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ซับซ้อนขึ้น 10 พฤศจิกายน 2567 -รายงานข่าวซินหัวระบุว่า ฟิลิปปินส์ก่อปัญหาอีกครั้งด้วยการตรากฎหมายในประเทศ 2 ฉบับ ซึ่งละเมิดอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนและสิทธิทางทะเลและผลประโยชน์ของจีนในทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดการประณามอย่างรุนแรงและการประท้วงจากปักกิ่งอย่างรุนแรง กฎหมายที่เรียกว่า "เขตน่านน้ำทางทะเลของฟิลิปปินส์" ได้รวมเกาะหวงหยานของจีน เกาะและแนวปะการังส่วนใหญ่ในหนานซา คุนเต่าของจีน และน่านน้ำที่เกี่ยวข้องเข้าไปในเขตน่านน้ำทางทะเลของฟิลิปปินส์โดยผิดกฎหมาย ส่วนต่างๆ ของ "กฎหมายเส้นทางเดินเรือหมู่เกาะฟิลิปปินส์" ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและมติขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ฟิลิปปินส์กลายเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์และใช้ประโยชน์จากกฎหมายระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่าเป็นพันธมิตรกับฟิลิปปินส์ และเป็นผู้ก่อปัญหาและผู้ทำลายสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค การอ้างคำตัดสินที่ผิดกฎหมายของอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นพื้นฐานของกฎหมาย การเคลื่อนไหวล่าสุดของมะนิลาเพียงแค่ซ้ำเติมความผิดพลาดของตนในการทำให้การเรียกร้องทางทะเลที่ผิดกฎหมายของตนมีความชอบธรรม โดยเสี่ยงต่อการเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคอย่างรุนแรง คำตัดสินที่เรียกว่าอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและเป็นโมฆะ คณะอนุญาโตตุลาการได้พิจารณาคดีนี้โดยเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่และตัดสินให้คำตัดสินบิดเบือนกฎหมาย ดังนั้น คำตัดสินดังกล่าวจึงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) กระบวนการอนุญาโตตุลาการทั้งหมดเป็นเรื่องตลกทางการเมืองโดยสิ้นเชิง จีนไม่ยอมรับหรือมีส่วนร่วมในการอนุญาโตตุลาการ และจีนก็ไม่ยอมรับหรือรับรองคำตัดสินดังกล่าว กฎหมายที่เรียกว่าของฟิลิปปินส์พยายามที่จะกำหนดให้คำตัดสินที่ผิดกฎหมายของอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นกฎหมายในประเทศ จีนจะไม่ยอมรับการเรียกร้องหรือการดำเนินการใดๆ ที่อิงตามคำตัดสินดังกล่าว โดยพื้นฐานแล้ว กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การออกกฎหมายเท่านั้น แต่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายดินแดนและเพื่อผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศภายนอกบางประเทศ การเคลื่อนไหวที่ไร้ความรอบคอบของมะนิลาถือเป็นการละเมิดปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้โดยเจตนา ผลกระทบเชิงลบของกฎหมายเหล่านี้มีให้เห็นอย่างชัดเจนและอาจเกิดขึ้นในระยะยาว นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีและสันติภาพในภูมิภาคอีกด้วย หากมะนิลาดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ ก็จะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันมากขึ้น การนำกฎหมายเหล่านี้มาใช้จะทำให้ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ทวีความรุนแรงขึ้น และจำกัดพื้นที่ในการแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือระหว่างทั้งสองประเทศ อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของจีน สิทธิทางทะเล และผลประโยชน์ในทะเลจีนใต้มีรากฐานที่มั่นคงในประวัติศาสตร์และกฎหมาย สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึง UNCLOS และจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการบังคับใช้กฎหมายของมะนิลา จีนมุ่งมั่นที่จะจัดการปัญหาทางทะเลกับฟิลิปปินส์อย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของฟิลิปปินส์ในการส่งไวน์และขายน้ำส้มสายชูเพื่อบิดเบือนกฎหมายทางทะเลและละเมิดอำนาจอธิปไตยของผู้อื่นนั้นต้องถูกปฏิเสธ ในการเจรจาครั้งก่อน ฟิลิปปินส์ ตกลงที่จะรักษาสถานการณ์ทางทะเลและความสัมพันธ์ทวิภาคีโดยรวมให้มั่นคงโดยร่วมมือกับจีน อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวบ่งชี้ว่าฟิลิปปินส์ทำสิ่งต่างๆ ในทิศทางตรงกันข้าม การละเมิดโดยเจตนาและการยั่วยุที่ไม่สมเหตุสมผลต่อจีนจะส่งผลให้ผู้ริเริ่มยิงเท้าตัวเอง จีนจะดำเนินการที่เหมาะสมและมาตรการตอบโต้ที่ถูกต้องเพื่อปกป้องสิทธิของตน https://english.news.cn/20241110/7bf252deefff4b06a0de32134db5406e/c.html #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
  • พวกผมก็เตรียมพร้อมรับมือตำรวจเบียร์คุตไว้แล้ว พวกเราไม่เน้นความรุนแรง เราเน้นความเป็นธรรมชาติ พวกไม้ พวกตะบอง ไรงี้ อย่าลืมนะครับพวกเรามือเปล่า...
    พวกผมก็เตรียมพร้อมรับมือตำรวจเบียร์คุตไว้แล้ว พวกเราไม่เน้นความรุนแรง เราเน้นความเป็นธรรมชาติ พวกไม้ พวกตะบอง ไรงี้ อย่าลืมนะครับพวกเรามือเปล่า...
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • ความหายนะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีนักการเมืองฝ่ายค้านเข้ามาปลุกระดม เห็นไหม? ที่ไหนมีฝ่ายค้านเหี้ยๆ ที่นั่นมีแต่หายนะ นาย Klitchko ก็ปลุกปั่นจนผู้คนเริ่มเข้ามาร่วมมากขึ้น และกระแสความเกลียดชังเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น มีการด่าทอและใส่ร้ายปธน.ยานูโควิช จนทำให้ผู้ประท้วงหัวรุนแรงและหัวร้อนบางส่วนจุดชนวนคำว่าปฏิวัติขึ้นมา เห็นไม๊ล่ะ? พวกปากพาซวย และสุดท้ายหมอนี่ก็คุมม็อบไม่ได้ เจอพวกม็อบหัวรุนแรงเอาเครื่องดับเพลิงพ่นใส่จนหัวร้อน 555 สมน้ำหน้า!
    ความหายนะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีนักการเมืองฝ่ายค้านเข้ามาปลุกระดม เห็นไหม? ที่ไหนมีฝ่ายค้านเหี้ยๆ ที่นั่นมีแต่หายนะ นาย Klitchko ก็ปลุกปั่นจนผู้คนเริ่มเข้ามาร่วมมากขึ้น และกระแสความเกลียดชังเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น มีการด่าทอและใส่ร้ายปธน.ยานูโควิช จนทำให้ผู้ประท้วงหัวรุนแรงและหัวร้อนบางส่วนจุดชนวนคำว่าปฏิวัติขึ้นมา เห็นไม๊ล่ะ? พวกปากพาซวย และสุดท้ายหมอนี่ก็คุมม็อบไม่ได้ เจอพวกม็อบหัวรุนแรงเอาเครื่องดับเพลิงพ่นใส่จนหัวร้อน 555 สมน้ำหน้า!
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก

    ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก

    รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม
    อย่าง บิดพริ้วไม่ได้

    ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย
    ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ
    อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม

    รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข
    ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

    และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ

    และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล

    ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ

    และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ
    ในตำราแพทย์ไทยนั้น

    ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ

    ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67
    https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU

    ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย
    ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้
    และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง
    ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง

    ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้

    สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด

    โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า
    ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย
    โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง
    เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก
    ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท

    สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้

    วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน

    นสพ มติชน ฉบับพิมพ์
    ท็อล์กออฟเดอะทาวน์
    10 พย 2567

    กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    รวบรวมข้อมูลโดย
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม อย่าง บิดพริ้วไม่ได้ ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ ในตำราแพทย์ไทยนั้น ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67 https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้ และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น 1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน 2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้ 3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์ 4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่ 5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ 6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้ สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้ วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน นสพ มติชน ฉบับพิมพ์ ท็อล์กออฟเดอะทาวน์ 10 พย 2567 กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์ รวบรวมข้อมูลโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    Love
    13
    0 Comments 0 Shares 576 Views 0 Reviews
  • #4
    ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก"

    นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย

    การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก

    จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง!

    ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์”

    พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ

    ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    #4 ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก" นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง! ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 235 Views 68 0 Reviews
  • #3
    ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก"

    นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย

    การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก

    จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง!

    ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์”

    พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ

    ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    #3 ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก" นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง! ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    0 Comments 0 Shares 230 Views 71 0 Reviews
  • #2
    ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก"

    นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย

    การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก

    จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง!

    ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์”

    พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ

    ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    #2 ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก" นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง! ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    0 Comments 0 Shares 227 Views 69 0 Reviews
  • #1
    ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก"

    นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย

    การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก

    จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง!

    ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์”

    พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ

    ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    #1 ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก" นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง! ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 226 Views 55 0 Reviews
  • #3
    อิสราเอลโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเบรุตใต้เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากมีการประกาศให้พลเมืองอพยพออกจากพื้นที่เพียงหนึ่งชั่วโมง

    จากภาพเผยให้เห็นกลุ่มควันและเสียงระเบิดดังใกล้สนามบินนานาชาติเบรุต ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงในภูมิภาค

    นอกจากนี้ยังมีรายงานเศษจากการระเบิดทำความเสียหายเล็กน้อยให้กับเครื่องบินที่จอดอยู่ภายในสนามบินอีกด้วย บ่งบอกว่าอิสราเอลโจมตีเป้าหมายใกล้กับสนามบินเป็นอย่างมาก
    #3 อิสราเอลโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเบรุตใต้เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากมีการประกาศให้พลเมืองอพยพออกจากพื้นที่เพียงหนึ่งชั่วโมง จากภาพเผยให้เห็นกลุ่มควันและเสียงระเบิดดังใกล้สนามบินนานาชาติเบรุต ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงในภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีรายงานเศษจากการระเบิดทำความเสียหายเล็กน้อยให้กับเครื่องบินที่จอดอยู่ภายในสนามบินอีกด้วย บ่งบอกว่าอิสราเอลโจมตีเป้าหมายใกล้กับสนามบินเป็นอย่างมาก
    0 Comments 0 Shares 88 Views 29 0 Reviews
  • #2
    อิสราเอลโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเบรุตใต้เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากมีการประกาศให้พลเมืองอพยพออกจากพื้นที่เพียงหนึ่งชั่วโมง

    จากภาพเผยให้เห็นกลุ่มควันและเสียงระเบิดดังใกล้สนามบินนานาชาติเบรุต ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงในภูมิภาค

    นอกจากนี้ยังมีรายงานเศษจากการระเบิดทำความเสียหายเล็กน้อยให้กับเครื่องบินที่จอดอยู่ภายในสนามบินอีกด้วย บ่งบอกว่าอิสราเอลโจมตีเป้าหมายใกล้กับสนามบินเป็นอย่างมาก
    #2 อิสราเอลโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเบรุตใต้เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากมีการประกาศให้พลเมืองอพยพออกจากพื้นที่เพียงหนึ่งชั่วโมง จากภาพเผยให้เห็นกลุ่มควันและเสียงระเบิดดังใกล้สนามบินนานาชาติเบรุต ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงในภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีรายงานเศษจากการระเบิดทำความเสียหายเล็กน้อยให้กับเครื่องบินที่จอดอยู่ภายในสนามบินอีกด้วย บ่งบอกว่าอิสราเอลโจมตีเป้าหมายใกล้กับสนามบินเป็นอย่างมาก
    0 Comments 0 Shares 92 Views 27 0 Reviews
  • #1
    อิสราเอลโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเบรุตใต้เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากมีการประกาศให้พลเมืองอพยพออกจากพื้นที่เพียงหนึ่งชั่วโมง

    จากภาพเผยให้เห็นกลุ่มควันและเสียงระเบิดดังใกล้สนามบินนานาชาติเบรุต ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงในภูมิภาค

    นอกจากนี้ยังมีรายงานเศษจากการระเบิดทำความเสียหายเล็กน้อยให้กับเครื่องบินที่จอดอยู่ภายในสนามบินอีกด้วย บ่งบอกว่าอิสราเอลโจมตีเป้าหมายใกล้กับสนามบินเป็นอย่างมาก
    #1 อิสราเอลโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเบรุตใต้เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากมีการประกาศให้พลเมืองอพยพออกจากพื้นที่เพียงหนึ่งชั่วโมง จากภาพเผยให้เห็นกลุ่มควันและเสียงระเบิดดังใกล้สนามบินนานาชาติเบรุต ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงในภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีรายงานเศษจากการระเบิดทำความเสียหายเล็กน้อยให้กับเครื่องบินที่จอดอยู่ภายในสนามบินอีกด้วย บ่งบอกว่าอิสราเอลโจมตีเป้าหมายใกล้กับสนามบินเป็นอย่างมาก
    0 Comments 0 Shares 91 Views 17 0 Reviews
More Results