• ผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน ตั้งทีมติดตามหยุดยิง : [NEWS UPDATE]

    พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผย กองทัพบกหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นพ้องตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมถึงหารือการตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team(AMIT) ในอนาคต ทำหน้าที่หลักในการเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยจะหารือในเวทีประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(GBC) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ ยืนยัน จุดยืนไทยเคารพหลักสากล ไม่รุกราน ไม่ใช้ความรุนแรง

    -หวั่นล่ามล้วงข้อมูลไทย

    -เปลี่ยนสถานที่วัดใจกัมพูชา

    -เขมรฉวยจังหวะฟ้องโลก

    -ลดค่าไฟ กันยายน–ธันวาคม
    ผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน ตั้งทีมติดตามหยุดยิง : [NEWS UPDATE] พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผย กองทัพบกหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นพ้องตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมถึงหารือการตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team(AMIT) ในอนาคต ทำหน้าที่หลักในการเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยจะหารือในเวทีประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(GBC) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ ยืนยัน จุดยืนไทยเคารพหลักสากล ไม่รุกราน ไม่ใช้ความรุนแรง -หวั่นล่ามล้วงข้อมูลไทย -เปลี่ยนสถานที่วัดใจกัมพูชา -เขมรฉวยจังหวะฟ้องโลก -ลดค่าไฟ กันยายน–ธันวาคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: ธีม WordPress “Alone” ถูกเจาะทะลุ—เปิดทางให้แฮกเกอร์ยึดเว็บแบบเงียบ ๆ

    ธีม Alone – Charity Multipurpose Non-profit ซึ่งถูกใช้ในเว็บไซต์องค์กรการกุศลกว่า 200 แห่งทั่วโลก ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-4394 ที่เปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถอัปโหลดไฟล์ ZIP ที่มี backdoor PHP เพื่อรันคำสั่งจากระยะไกล และสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบปลอมได้ทันที

    ช่องโหว่นี้มีอยู่ในทุกเวอร์ชันก่อน 7.8.5 ซึ่งเพิ่งได้รับการแก้ไขเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 แต่การโจมตีเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม ก่อนที่ช่องโหว่จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเพียง 2 วัน โดย Wordfence รายงานว่ามีความพยายามโจมตีมากกว่า 120,000 ครั้งแล้วจากหลาย IP ทั่วโลก

    แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้เพื่อ:
    - สร้างบัญชีแอดมินปลอม
    - อัปโหลดมัลแวร์
    - เปลี่ยนเส้นทางผู้เยี่ยมชมไปยังเว็บฟิชชิ่ง
    - ใช้เว็บไซต์เป็นฐานปล่อยมัลแวร์อื่น

    ธีม Alone – Charity Multipurpose ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-4394
    คะแนนความรุนแรง 9.8/10
    เปิดทางให้แฮกเกอร์อัปโหลดไฟล์และรันคำสั่งจากระยะไกล

    ช่องโหว่นี้มีอยู่ในทุกเวอร์ชันก่อน 7.8.5
    เวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ 7.8.5 ขึ้นไป
    ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    Wordfence รายงานว่ามีการโจมตีมากกว่า 120,000 ครั้งแล้ว
    เริ่มโจมตีตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2025
    ใช้ไฟล์ ZIP ที่มี backdoor เช่น wp-classic-editor.zip

    แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอมและควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ
    ใช้เว็บไซต์เป็นฐานปล่อยมัลแวร์หรือ redirect ไปยังเว็บอันตราย
    อาจส่งผลต่อชื่อเสียงและข้อมูลผู้ใช้งาน

    ธีมนี้ถูกใช้ในเว็บไซต์องค์กรการกุศลและ NGO กว่า 200 แห่งทั่วโลก
    มีฟีเจอร์ donation integration และรองรับ Elementor/WPBakery
    เป็นธีมเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มไม่แสวงหากำไร

    หากยังใช้เวอร์ชันก่อน 7.8.5 เว็บไซต์ของคุณเสี่ยงต่อการถูกยึดครองทันที
    ช่องโหว่เปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน
    อาจถูกใช้เป็นฐานปล่อยมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผู้ใช้

    การโจมตีเกิดขึ้นก่อนการเปิดเผยช่องโหว่ต่อสาธารณะ
    แสดงว่าแฮกเกอร์ติดตามการเปลี่ยนแปลงโค้ดอย่างใกล้ชิด
    อาจมีการโจมตีแบบ zero-day ในธีมอื่น ๆ อีก

    ผู้ดูแลเว็บไซต์อาจไม่รู้ว่าถูกเจาะ เพราะมัลแวร์ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน
    เช่น การสร้างผู้ใช้ชื่อ “officialwp” หรือการซ่อนไฟล์ใน mu-plugins
    ต้องตรวจสอบ log และผู้ใช้แอดมินอย่างละเอียด

    การใช้ธีมและปลั๊กอินจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยเพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก
    ธีมเชิงพาณิชย์ที่ไม่มีการอัปเดตสม่ำเสมออาจมีช่องโหว่
    ควรใช้ธีมที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-target-critical-wordpress-theme-flaw-thousands-of-sites-at-risk-from-potential-takeover-find-out-if-youre-affected
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: ธีม WordPress “Alone” ถูกเจาะทะลุ—เปิดทางให้แฮกเกอร์ยึดเว็บแบบเงียบ ๆ ธีม Alone – Charity Multipurpose Non-profit ซึ่งถูกใช้ในเว็บไซต์องค์กรการกุศลกว่า 200 แห่งทั่วโลก ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-4394 ที่เปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถอัปโหลดไฟล์ ZIP ที่มี backdoor PHP เพื่อรันคำสั่งจากระยะไกล และสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบปลอมได้ทันที ช่องโหว่นี้มีอยู่ในทุกเวอร์ชันก่อน 7.8.5 ซึ่งเพิ่งได้รับการแก้ไขเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 แต่การโจมตีเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม ก่อนที่ช่องโหว่จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเพียง 2 วัน โดย Wordfence รายงานว่ามีความพยายามโจมตีมากกว่า 120,000 ครั้งแล้วจากหลาย IP ทั่วโลก แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้เพื่อ: - สร้างบัญชีแอดมินปลอม - อัปโหลดมัลแวร์ - เปลี่ยนเส้นทางผู้เยี่ยมชมไปยังเว็บฟิชชิ่ง - ใช้เว็บไซต์เป็นฐานปล่อยมัลแวร์อื่น ✅ ธีม Alone – Charity Multipurpose ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-4394 ➡️ คะแนนความรุนแรง 9.8/10 ➡️ เปิดทางให้แฮกเกอร์อัปโหลดไฟล์และรันคำสั่งจากระยะไกล ✅ ช่องโหว่นี้มีอยู่ในทุกเวอร์ชันก่อน 7.8.5 ➡️ เวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ 7.8.5 ขึ้นไป ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี ✅ Wordfence รายงานว่ามีการโจมตีมากกว่า 120,000 ครั้งแล้ว ➡️ เริ่มโจมตีตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2025 ➡️ ใช้ไฟล์ ZIP ที่มี backdoor เช่น wp-classic-editor.zip ✅ แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอมและควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ➡️ ใช้เว็บไซต์เป็นฐานปล่อยมัลแวร์หรือ redirect ไปยังเว็บอันตราย ➡️ อาจส่งผลต่อชื่อเสียงและข้อมูลผู้ใช้งาน ✅ ธีมนี้ถูกใช้ในเว็บไซต์องค์กรการกุศลและ NGO กว่า 200 แห่งทั่วโลก ➡️ มีฟีเจอร์ donation integration และรองรับ Elementor/WPBakery ➡️ เป็นธีมเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มไม่แสวงหากำไร ‼️ หากยังใช้เวอร์ชันก่อน 7.8.5 เว็บไซต์ของคุณเสี่ยงต่อการถูกยึดครองทันที ⛔ ช่องโหว่เปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน ⛔ อาจถูกใช้เป็นฐานปล่อยมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผู้ใช้ ‼️ การโจมตีเกิดขึ้นก่อนการเปิดเผยช่องโหว่ต่อสาธารณะ ⛔ แสดงว่าแฮกเกอร์ติดตามการเปลี่ยนแปลงโค้ดอย่างใกล้ชิด ⛔ อาจมีการโจมตีแบบ zero-day ในธีมอื่น ๆ อีก ‼️ ผู้ดูแลเว็บไซต์อาจไม่รู้ว่าถูกเจาะ เพราะมัลแวร์ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน ⛔ เช่น การสร้างผู้ใช้ชื่อ “officialwp” หรือการซ่อนไฟล์ใน mu-plugins ⛔ ต้องตรวจสอบ log และผู้ใช้แอดมินอย่างละเอียด ‼️ การใช้ธีมและปลั๊กอินจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยเพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก ⛔ ธีมเชิงพาณิชย์ที่ไม่มีการอัปเดตสม่ำเสมออาจมีช่องโหว่ ⛔ ควรใช้ธีมที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/security/hackers-target-critical-wordpress-theme-flaw-thousands-of-sites-at-risk-from-potential-takeover-find-out-if-youre-affected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: ช่องโหว่ Google ที่ถูกใช้ลบข่าวไม่พึงประสงค์แบบแนบเนียน

    นักข่าวอิสระ Jack Poulson พบว่าบทความของเขาเกี่ยวกับการจับกุม CEO ชื่อ Delwin Maurice Blackman ในปี 2021 ได้หายไปจากผลการค้นหาของ Google แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงเป๊ะก็ไม่เจอ

    หลังจากตรวจสอบร่วมกับ Freedom of the Press Foundation (FPF) พบว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้เครื่องมือ “Refresh Outdated Content” ของ Google เพื่อส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนจะล้าสมัย โดยใช้เทคนิคเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่บางตัว เช่น “anatomy” เป็น “AnAtomy” ทำให้ Google เข้าใจผิดว่า URL นั้นเสีย (404) และลบ URL จริงที่ยังใช้งานได้ออกจากดัชนีการค้นหาไปด้วย

    Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้ว แต่ไม่เปิดเผยว่ามีเว็บไซต์ใดได้รับผลกระทบบ้าง และไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอเหล่านั้น

    นักข่าว Jack Poulson พบว่าบทความของเขาหายไปจาก Google Search โดยไม่ทราบสาเหตุ
    แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงก็ไม่พบในผลการค้นหา
    บทความเกี่ยวข้องกับการจับกุม CEO Premise Data ในคดีความรุนแรงในครอบครัว

    Freedom of the Press Foundation ตรวจสอบและพบช่องโหว่ในเครื่องมือ Refresh Outdated Content ของ Google
    ผู้ใช้สามารถส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนล้าสมัยได้ แม้จะไม่ใช่เจ้าของเว็บไซต์
    การเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทำให้ Google เข้าใจผิดว่าเป็นลิงก์เสีย

    Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้วในเดือนมิถุนายน 2025
    ระบุว่า “มีผลกระทบต่อเว็บไซต์เพียงส่วนน้อย”
    ไม่เปิดเผยจำนวนคำขอที่ถูกใช้ในทางมิชอบ

    บทความของ FPF ที่รายงานเรื่องนี้ก็ถูกลบจาก Google Search ด้วยวิธีเดียวกัน
    มีการส่งคำขอซ้ำหลายครั้งโดยเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทีละตัว
    กลายเป็น “เกมตีตัวตุ่น” ที่ต้องคอยส่งบทความกลับเข้าไปใหม่ตลอด

    ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้โดยบริษัทจัดการชื่อเสียงหรือบุคคลมีอิทธิพลเพื่อเซ็นเซอร์ข้อมูล
    ไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอ
    เป็นการเซ็นเซอร์แบบเงียบที่ไม่ต้องลบเนื้อหาจริงจากเว็บไซต์

    https://www.techspot.com/news/108880-google-search-flaw-allows-articles-vanish-through-clever.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: ช่องโหว่ Google ที่ถูกใช้ลบข่าวไม่พึงประสงค์แบบแนบเนียน นักข่าวอิสระ Jack Poulson พบว่าบทความของเขาเกี่ยวกับการจับกุม CEO ชื่อ Delwin Maurice Blackman ในปี 2021 ได้หายไปจากผลการค้นหาของ Google แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงเป๊ะก็ไม่เจอ หลังจากตรวจสอบร่วมกับ Freedom of the Press Foundation (FPF) พบว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้เครื่องมือ “Refresh Outdated Content” ของ Google เพื่อส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนจะล้าสมัย โดยใช้เทคนิคเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่บางตัว เช่น “anatomy” เป็น “AnAtomy” ทำให้ Google เข้าใจผิดว่า URL นั้นเสีย (404) และลบ URL จริงที่ยังใช้งานได้ออกจากดัชนีการค้นหาไปด้วย Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้ว แต่ไม่เปิดเผยว่ามีเว็บไซต์ใดได้รับผลกระทบบ้าง และไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอเหล่านั้น ✅ นักข่าว Jack Poulson พบว่าบทความของเขาหายไปจาก Google Search โดยไม่ทราบสาเหตุ ➡️ แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงก็ไม่พบในผลการค้นหา ➡️ บทความเกี่ยวข้องกับการจับกุม CEO Premise Data ในคดีความรุนแรงในครอบครัว ✅ Freedom of the Press Foundation ตรวจสอบและพบช่องโหว่ในเครื่องมือ Refresh Outdated Content ของ Google ➡️ ผู้ใช้สามารถส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนล้าสมัยได้ แม้จะไม่ใช่เจ้าของเว็บไซต์ ➡️ การเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทำให้ Google เข้าใจผิดว่าเป็นลิงก์เสีย ✅ Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้วในเดือนมิถุนายน 2025 ➡️ ระบุว่า “มีผลกระทบต่อเว็บไซต์เพียงส่วนน้อย” ➡️ ไม่เปิดเผยจำนวนคำขอที่ถูกใช้ในทางมิชอบ ✅ บทความของ FPF ที่รายงานเรื่องนี้ก็ถูกลบจาก Google Search ด้วยวิธีเดียวกัน ➡️ มีการส่งคำขอซ้ำหลายครั้งโดยเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทีละตัว ➡️ กลายเป็น “เกมตีตัวตุ่น” ที่ต้องคอยส่งบทความกลับเข้าไปใหม่ตลอด ✅ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้โดยบริษัทจัดการชื่อเสียงหรือบุคคลมีอิทธิพลเพื่อเซ็นเซอร์ข้อมูล ➡️ ไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอ ➡️ เป็นการเซ็นเซอร์แบบเงียบที่ไม่ต้องลบเนื้อหาจริงจากเว็บไซต์ https://www.techspot.com/news/108880-google-search-flaw-allows-articles-vanish-through-clever.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google search flaw allows articles to vanish through "clever" censorship tactics
    Someone successfully censored a pair of uncomfortable articles that were previously accessible through Google Search. The unknown party exploited a clever trick along with a bug in...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากศูนย์หลอกลวง: เมื่อคนถูกล่อลวงให้กลายเป็นอาชญากรโดยไม่รู้ตัว

    ในวันต่อต้านการค้ามนุษย์โลก (30 ก.ค.) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ของ UN ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังอยู่ในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

    เหยื่อส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพ คนหนุ่มสาว เด็ก และผู้พิการ ที่ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาเรื่องงานดีรายได้สูง แต่กลับถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และบังคับให้ทำอาชญากรรมออนไลน์ เช่น หลอกลงทุน หลอกรัก หรือหลอกให้โอนเงินผ่านคริปโต

    ที่น่าตกใจคือ เหยื่อเหล่านี้มักถูกจับกุมและลงโทษแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้ถูกบังคับ ไม่ใช่อาชญากร

    UN เตือนว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์เพื่ออาชญากรรมออนไลน์
    มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังในศูนย์หลอกลวง
    สร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับองค์กรอาชญากรรม

    เหยื่อถูกล่อลวงด้วยงานดี แต่กลับถูกบังคับให้ทำอาชญากรรม
    หลอกให้ทำ scam ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น romance scam, crypto fraud
    ถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และใช้ความรุนแรง

    เหยื่อมักถูกจับกุมแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ
    หลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ถูกบังคับให้ทำ
    UN เรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายเพื่อปกป้องเหยื่อ

    IOM ช่วยเหลือเหยื่อกว่า 3,000 คนตั้งแต่ปี 2022
    ส่งกลับประเทศจากฟิลิปปินส์และเวียดนาม
    สนับสนุนเหยื่อในไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ

    UN เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมร่วมกันแก้ปัญหา
    ต้องเปลี่ยนกฎหมายให้เหยื่อได้รับการคุ้มครอง
    ต้องไล่ล่าผู้ค้ามนุษย์ ไม่ใช่ลงโทษเหยื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/un-sounds-alarm-on-se-asia-scam-centre-surge
    🧠 เรื่องเล่าจากศูนย์หลอกลวง: เมื่อคนถูกล่อลวงให้กลายเป็นอาชญากรโดยไม่รู้ตัว ในวันต่อต้านการค้ามนุษย์โลก (30 ก.ค.) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ของ UN ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังอยู่ในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เหยื่อส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพ คนหนุ่มสาว เด็ก และผู้พิการ ที่ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาเรื่องงานดีรายได้สูง แต่กลับถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และบังคับให้ทำอาชญากรรมออนไลน์ เช่น หลอกลงทุน หลอกรัก หรือหลอกให้โอนเงินผ่านคริปโต ที่น่าตกใจคือ เหยื่อเหล่านี้มักถูกจับกุมและลงโทษแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้ถูกบังคับ ไม่ใช่อาชญากร ✅ UN เตือนว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์เพื่ออาชญากรรมออนไลน์ ➡️ มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังในศูนย์หลอกลวง ➡️ สร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับองค์กรอาชญากรรม ✅ เหยื่อถูกล่อลวงด้วยงานดี แต่กลับถูกบังคับให้ทำอาชญากรรม ➡️ หลอกให้ทำ scam ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น romance scam, crypto fraud ➡️ ถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และใช้ความรุนแรง ✅ เหยื่อมักถูกจับกุมแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ➡️ หลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ถูกบังคับให้ทำ ➡️ UN เรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายเพื่อปกป้องเหยื่อ ✅ IOM ช่วยเหลือเหยื่อกว่า 3,000 คนตั้งแต่ปี 2022 ➡️ ส่งกลับประเทศจากฟิลิปปินส์และเวียดนาม ➡️ สนับสนุนเหยื่อในไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ ✅ UN เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมร่วมกันแก้ปัญหา ➡️ ต้องเปลี่ยนกฎหมายให้เหยื่อได้รับการคุ้มครอง ➡️ ต้องไล่ล่าผู้ค้ามนุษย์ ไม่ใช่ลงโทษเหยื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/un-sounds-alarm-on-se-asia-scam-centre-surge
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UN sounds alarm on SE Asia scam centre surge
    Too often, instead of getting help, victims are arrested for crimes they were forced to commit, the head of the UN's migration agency said on World Day Against Trafficking in Persons.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชาเผยแพร่จดหมายเปิดผนึก เรียกร้องบรรดาผู้ซื้อและผู้บริโภคนานาชาติ ในสินค้าและบริการของไทย ให้ใช้มาตรการเร่งด่วน ตามหลังมีเหตุความรุนแรงและตามราวีแรงงานต่างด้าวกัมพูชาในไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000071808

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชาเผยแพร่จดหมายเปิดผนึก เรียกร้องบรรดาผู้ซื้อและผู้บริโภคนานาชาติ ในสินค้าและบริการของไทย ให้ใช้มาตรการเร่งด่วน ตามหลังมีเหตุความรุนแรงและตามราวีแรงงานต่างด้าวกัมพูชาในไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000071808 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชาเผยแพร่จดหมายเปิดผนึก เรียกร้องบรรดาผู้ซื้อและผู้บริโภคนานาชาติ ในสินค้าและบริการของไทย ให้ใช้มาตรการเร่งด่วน ตามหลังมีเหตุความรุนแรงและตามราวีแรงงานต่างด้าวกัมพูชาในไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071827

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes

    กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชาเผยแพร่จดหมายเปิดผนึก เรียกร้องบรรดาผู้ซื้อและผู้บริโภคนานาชาติ ในสินค้าและบริการของไทย ให้ใช้มาตรการเร่งด่วน ตามหลังมีเหตุความรุนแรงและตามราวีแรงงานต่างด้าวกัมพูชาในไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071827 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 731 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิธรรมมั่นใจยุติศึกเขมร! ทรัมป์โทรชมไทยเลือกสันติภาพ เปิดทางเจรจาภาษี ย้ำรักษาอธิปไตย เชื่อโลกหนุนไทย ภูมิธรรมเผยคุยทรัมป์ 30 นาที สหรัฐฯชื่นชมไทยกล้าหาญสร้างสันติภาพ เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ พร้อมเจรจาภาษี เชื่อโลกชื่นชมไทยหยุดความรุนแรง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071460

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ภูมิธรรมมั่นใจยุติศึกเขมร! ทรัมป์โทรชมไทยเลือกสันติภาพ เปิดทางเจรจาภาษี ย้ำรักษาอธิปไตย เชื่อโลกหนุนไทย ภูมิธรรมเผยคุยทรัมป์ 30 นาที สหรัฐฯชื่นชมไทยกล้าหาญสร้างสันติภาพ เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ พร้อมเจรจาภาษี เชื่อโลกชื่นชมไทยหยุดความรุนแรง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071460 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากช่องโหว่: เมื่อปลั๊กอินส่งอีเมลกลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์

    ปลั๊กอิน Post SMTP เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เว็บไซต์ WordPress ส่งอีเมลผ่าน SMTP ได้อย่างปลอดภัยและมีฟีเจอร์เสริม เช่น การบันทึกอีเมล, การตรวจสอบ DNS, และการรองรับ OAuth แต่ในเวอร์ชัน ≤3.2.0 กลับมีช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ระดับ Subscriber สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ควรสงวนไว้สำหรับผู้ดูแลระบบ

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ใน REST API ที่ไม่สมบูรณ์—ระบบตรวจแค่ว่าผู้ใช้ “ล็อกอินแล้ว” แต่ไม่ตรวจว่า “มีสิทธิ์หรือไม่” ส่งผลให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดู log อีเมลทั้งหมด รวมถึงอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ และใช้ข้อมูลนั้นในการยึดบัญชีแอดมินได้ทันที

    ช่องโหว่นี้ถูกระบุเป็น CVE-2025-24000 และได้รับคะแนนความรุนแรง 8.8/10 โดย Patchstack รายงานเมื่อ 23 พฤษภาคม 2025 และมีการอัปเดตแก้ไขในเวอร์ชัน 3.3.0 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 แต่ปัญหาคือยังมีเว็บไซต์กว่า 160,000 แห่งที่ยังไม่ได้อัปเดต และเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    ปลั๊กอิน Post SMTP มีช่องโหว่ร้ายแรงในเวอร์ชัน ≤3.2.0
    ช่องโหว่เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ใน REST API ที่ไม่สมบูรณ์
    ผู้ใช้ระดับ Subscriber สามารถเข้าถึง log อีเมลและข้อมูลสำคัญได้

    ช่องโหว่ถูกระบุเป็น CVE-2025-24000 และมีคะแนน CVSS 8.8/10
    รายงานโดย Patchstack ผ่านโปรแกรม Zero Day
    แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 3.3.0 โดยเพิ่มการตรวจสอบ manage_options capability

    ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถยึดบัญชีแอดมินได้ผ่านการรีเซ็ตรหัสผ่าน
    ดูอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่านจาก log แล้วใช้ลิงก์เพื่อเปลี่ยนรหัส
    ส่งผลให้สามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ

    ปลั๊กอินมีการติดตั้งมากกว่า 400,000 เว็บไซต์ทั่วโลก
    ประมาณ 40.2% ยังใช้เวอร์ชันที่มีช่องโหว่
    คิดเป็นกว่า 160,000 เว็บไซต์ที่ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี24

    การแก้ไขในเวอร์ชัน 3.3.0 ปรับปรุงฟังก์ชัน get_logs_permission
    ตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้อย่างถูกต้องก่อนเข้าถึง API
    ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์

    เว็บไซต์ที่ยังใช้เวอร์ชัน ≤3.2.0 เสี่ยงต่อการถูกยึดบัญชีแอดมิน
    ผู้โจมตีสามารถใช้บัญชี Subscriber เพื่อดู log และรีเซ็ตรหัสผ่าน
    ส่งผลให้เกิดการควบคุมเว็บไซต์, เปลี่ยนเนื้อหา, หรือฝังมัลแวร์

    เว็บไซต์ที่เปิดให้ลงทะเบียนผู้ใช้ทั่วไปยิ่งเสี่ยงมากขึ้น
    เช่น เว็บอีคอมเมิร์ซ, เว็บสมาชิก, หรือเว็บที่เปิดคอมเมนต์
    ผู้โจมตีสามารถสร้างบัญชีแล้วใช้ช่องโหว่โจมตีได้ทันที

    การไม่อัปเดตปลั๊กอินเป็นปัญหาเรื้อรังในระบบ WordPress
    แม้จะมีการแก้ไขแล้ว แต่ผู้ดูแลระบบจำนวนมากยังไม่อัปเดต
    ส่งผลให้ช่องโหว่ยังถูกใช้งานโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง

    การออกแบบปลั๊กอินที่ไม่ใช้หลัก least privilege ทำให้เกิดช่องโหว่
    ควรจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้ให้เข้าถึงเฉพาะสิ่งที่จำเป็น
    การตรวจสอบสิทธิ์ต้องละเอียด ไม่ใช่แค่ “ล็อกอินแล้ว”

    https://hackread.com/post-smtp-plugin-flaw-subscribers-over-admin-accounts/
    🔓 เรื่องเล่าจากช่องโหว่: เมื่อปลั๊กอินส่งอีเมลกลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์ ปลั๊กอิน Post SMTP เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เว็บไซต์ WordPress ส่งอีเมลผ่าน SMTP ได้อย่างปลอดภัยและมีฟีเจอร์เสริม เช่น การบันทึกอีเมล, การตรวจสอบ DNS, และการรองรับ OAuth แต่ในเวอร์ชัน ≤3.2.0 กลับมีช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ระดับ Subscriber สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ควรสงวนไว้สำหรับผู้ดูแลระบบ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ใน REST API ที่ไม่สมบูรณ์—ระบบตรวจแค่ว่าผู้ใช้ “ล็อกอินแล้ว” แต่ไม่ตรวจว่า “มีสิทธิ์หรือไม่” ส่งผลให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดู log อีเมลทั้งหมด รวมถึงอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ และใช้ข้อมูลนั้นในการยึดบัญชีแอดมินได้ทันที ช่องโหว่นี้ถูกระบุเป็น CVE-2025-24000 และได้รับคะแนนความรุนแรง 8.8/10 โดย Patchstack รายงานเมื่อ 23 พฤษภาคม 2025 และมีการอัปเดตแก้ไขในเวอร์ชัน 3.3.0 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 แต่ปัญหาคือยังมีเว็บไซต์กว่า 160,000 แห่งที่ยังไม่ได้อัปเดต และเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ✅ ปลั๊กอิน Post SMTP มีช่องโหว่ร้ายแรงในเวอร์ชัน ≤3.2.0 ➡️ ช่องโหว่เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ใน REST API ที่ไม่สมบูรณ์ ➡️ ผู้ใช้ระดับ Subscriber สามารถเข้าถึง log อีเมลและข้อมูลสำคัญได้ ✅ ช่องโหว่ถูกระบุเป็น CVE-2025-24000 และมีคะแนน CVSS 8.8/10 ➡️ รายงานโดย Patchstack ผ่านโปรแกรม Zero Day ➡️ แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 3.3.0 โดยเพิ่มการตรวจสอบ manage_options capability ✅ ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถยึดบัญชีแอดมินได้ผ่านการรีเซ็ตรหัสผ่าน ➡️ ดูอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่านจาก log แล้วใช้ลิงก์เพื่อเปลี่ยนรหัส ➡️ ส่งผลให้สามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ✅ ปลั๊กอินมีการติดตั้งมากกว่า 400,000 เว็บไซต์ทั่วโลก ➡️ ประมาณ 40.2% ยังใช้เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ ➡️ คิดเป็นกว่า 160,000 เว็บไซต์ที่ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี24 ✅ การแก้ไขในเวอร์ชัน 3.3.0 ปรับปรุงฟังก์ชัน get_logs_permission ➡️ ตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้อย่างถูกต้องก่อนเข้าถึง API ➡️ ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ ‼️ เว็บไซต์ที่ยังใช้เวอร์ชัน ≤3.2.0 เสี่ยงต่อการถูกยึดบัญชีแอดมิน ⛔ ผู้โจมตีสามารถใช้บัญชี Subscriber เพื่อดู log และรีเซ็ตรหัสผ่าน ⛔ ส่งผลให้เกิดการควบคุมเว็บไซต์, เปลี่ยนเนื้อหา, หรือฝังมัลแวร์ ‼️ เว็บไซต์ที่เปิดให้ลงทะเบียนผู้ใช้ทั่วไปยิ่งเสี่ยงมากขึ้น ⛔ เช่น เว็บอีคอมเมิร์ซ, เว็บสมาชิก, หรือเว็บที่เปิดคอมเมนต์ ⛔ ผู้โจมตีสามารถสร้างบัญชีแล้วใช้ช่องโหว่โจมตีได้ทันที ‼️ การไม่อัปเดตปลั๊กอินเป็นปัญหาเรื้อรังในระบบ WordPress ⛔ แม้จะมีการแก้ไขแล้ว แต่ผู้ดูแลระบบจำนวนมากยังไม่อัปเดต ⛔ ส่งผลให้ช่องโหว่ยังถูกใช้งานโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง ‼️ การออกแบบปลั๊กอินที่ไม่ใช้หลัก least privilege ทำให้เกิดช่องโหว่ ⛔ ควรจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้ให้เข้าถึงเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ⛔ การตรวจสอบสิทธิ์ต้องละเอียด ไม่ใช่แค่ “ล็อกอินแล้ว” https://hackread.com/post-smtp-plugin-flaw-subscribers-over-admin-accounts/
    HACKREAD.COM
    Post SMTP Plugin Flaw Allowed Subscribers to Take Over Admin Accounts
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ “ติ๊กถูกว่าอายุเกิน 18” ไม่พออีกต่อไป

    ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2025 เป็นต้นไป การเข้าถึงเว็บไซต์ผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักรจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะกฎหมาย Online Safety Act ได้เริ่มบังคับใช้จริงแล้ว โดยกำหนดให้ทุกเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาลามกอนาจารต้องใช้ระบบตรวจสอบอายุที่ “มีประสิทธิภาพสูง” — ไม่ใช่แค่การกรอกวันเกิดหรือคลิกยืนยันว่าอายุเกิน 18 อีกต่อไป

    ผู้ใช้อาจต้องส่งภาพเซลฟี่, สแกนบัตรประชาชน, ใช้ข้อมูลธนาคาร หรือแม้แต่ระบบวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันเด็กจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น สื่อลามก, การยุยงให้ทำร้ายตัวเอง, การกินผิดปกติ และความรุนแรง

    เว็บไซต์ใหญ่ ๆ อย่าง Pornhub, Reddit, X (Twitter เดิม), Discord และ Bluesky ได้เริ่มใช้ระบบตรวจสอบอายุแล้ว ขณะที่บางเว็บไซต์เล็ก ๆ เช่น BitChute เลือกปิดบริการในสหราชอาณาจักรแทน เพราะไม่สามารถรับภาระต้นทุนและความเสี่ยงได้

    Online Safety Act เริ่มบังคับใช้ในสหราชอาณาจักร
    มีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2025
    บังคับให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาผู้ใหญ่ต้องใช้ระบบตรวจสอบอายุที่มีประสิทธิภาพ

    รูปแบบการตรวจสอบอายุที่ได้รับอนุญาต
    การวิเคราะห์ใบหน้าจากภาพหรือวิดีโอ
    การตรวจสอบผ่านบัตรเครดิตหรือธนาคาร
    การจับคู่ภาพถ่ายกับเอกสารราชการ
    การใช้ digital identity wallets

    เว็บไซต์ใหญ่เริ่มปรับตัวแล้ว
    Reddit ใช้ระบบ Persona ตรวจสอบอายุผ่านเซลฟี่หรือบัตรประชาชน
    X ปรับการตั้งค่าเนื้อหาให้เป็น “ปลอดภัย” หากไม่สามารถยืนยันอายุได้
    Pornhub แสดงหน้าตรวจสอบอายุทันทีเมื่อเข้าจาก IP ในสหราชอาณาจักร

    Ofcom เป็นผู้กำกับดูแลและมีอำนาจลงโทษ
    ปรับสูงสุด £18 ล้าน หรือ 10% ของรายได้ทั่วโลก
    ผู้บริหารอาจถูกดำเนินคดีอาญาหากละเมิดซ้ำ

    เป้าหมายหลักคือการปกป้องเด็กจากเนื้อหาที่เป็นอันตราย
    รวมถึงสื่อลามก, การยุยงให้ทำร้ายตัวเอง, การกินผิดปกติ, ความรุนแรง และการกลั่นแกล้ง

    https://www.techspot.com/news/108814-no-porn-you-uk-online-safety-act-now.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ “ติ๊กถูกว่าอายุเกิน 18” ไม่พออีกต่อไป ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2025 เป็นต้นไป การเข้าถึงเว็บไซต์ผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักรจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะกฎหมาย Online Safety Act ได้เริ่มบังคับใช้จริงแล้ว โดยกำหนดให้ทุกเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาลามกอนาจารต้องใช้ระบบตรวจสอบอายุที่ “มีประสิทธิภาพสูง” — ไม่ใช่แค่การกรอกวันเกิดหรือคลิกยืนยันว่าอายุเกิน 18 อีกต่อไป ผู้ใช้อาจต้องส่งภาพเซลฟี่, สแกนบัตรประชาชน, ใช้ข้อมูลธนาคาร หรือแม้แต่ระบบวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันเด็กจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น สื่อลามก, การยุยงให้ทำร้ายตัวเอง, การกินผิดปกติ และความรุนแรง เว็บไซต์ใหญ่ ๆ อย่าง Pornhub, Reddit, X (Twitter เดิม), Discord และ Bluesky ได้เริ่มใช้ระบบตรวจสอบอายุแล้ว ขณะที่บางเว็บไซต์เล็ก ๆ เช่น BitChute เลือกปิดบริการในสหราชอาณาจักรแทน เพราะไม่สามารถรับภาระต้นทุนและความเสี่ยงได้ ✅ Online Safety Act เริ่มบังคับใช้ในสหราชอาณาจักร ➡️ มีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2025 ➡️ บังคับให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาผู้ใหญ่ต้องใช้ระบบตรวจสอบอายุที่มีประสิทธิภาพ ✅ รูปแบบการตรวจสอบอายุที่ได้รับอนุญาต ➡️ การวิเคราะห์ใบหน้าจากภาพหรือวิดีโอ ➡️ การตรวจสอบผ่านบัตรเครดิตหรือธนาคาร ➡️ การจับคู่ภาพถ่ายกับเอกสารราชการ ➡️ การใช้ digital identity wallets ✅ เว็บไซต์ใหญ่เริ่มปรับตัวแล้ว ➡️ Reddit ใช้ระบบ Persona ตรวจสอบอายุผ่านเซลฟี่หรือบัตรประชาชน ➡️ X ปรับการตั้งค่าเนื้อหาให้เป็น “ปลอดภัย” หากไม่สามารถยืนยันอายุได้ ➡️ Pornhub แสดงหน้าตรวจสอบอายุทันทีเมื่อเข้าจาก IP ในสหราชอาณาจักร ✅ Ofcom เป็นผู้กำกับดูแลและมีอำนาจลงโทษ ➡️ ปรับสูงสุด £18 ล้าน หรือ 10% ของรายได้ทั่วโลก ➡️ ผู้บริหารอาจถูกดำเนินคดีอาญาหากละเมิดซ้ำ ✅ เป้าหมายหลักคือการปกป้องเด็กจากเนื้อหาที่เป็นอันตราย ➡️ รวมถึงสื่อลามก, การยุยงให้ทำร้ายตัวเอง, การกินผิดปกติ, ความรุนแรง และการกลั่นแกล้ง https://www.techspot.com/news/108814-no-porn-you-uk-online-safety-act-now.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    No porn for you, UK: Online Safety Act now requires age and ID checks on all adult sites
    The rules, designed to protect children from exposure to harmful content online, require sites that publish or display pornographic content to have rigorous age-verification systems in place....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • SONDHITALK

    ขอแสดงความเคารพ
    และส่งกำลังใจแด่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ
    และทุกผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้เสียสละ
    เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยด้วยหัวใจกล้า
    เราขอร่วมไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ความรุนแรง
    และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้

    เพราะความเสียสละ...คือเกียรติอันสูงสุด

    #กัมพูชายิงก่อน
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #CambodiaOpenedFire
    SONDHITALK ขอแสดงความเคารพ และส่งกำลังใจแด่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และทุกผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้เสียสละ เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยด้วยหัวใจกล้า เราขอร่วมไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ความรุนแรง และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะความเสียสละ...คือเกียรติอันสูงสุด #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    14
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1311 มุมมอง 1 รีวิว
  • จุดชมวิวแหลมแท่น บางแสน ชลบุรี ลดธงชาติเขมรลงสู่พื้น เพื่อแสดงออกถึงจุดยืนและประณามที่เขมรจู่โจมใช้ความรุนแรงใน รพ. และบ้านเรือนของพลเรือนชาวไทย
    จุดชมวิวแหลมแท่น บางแสน ชลบุรี ลดธงชาติเขมรลงสู่พื้น เพื่อแสดงออกถึงจุดยืนและประณามที่เขมรจู่โจมใช้ความรุนแรงใน รพ. และบ้านเรือนของพลเรือนชาวไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กรรมคัดเลือกพ่อแม่เรา...ไม่ใช่ฟ้าดินลำเอียง”

    เมื่อคุณเกิดมาในบ้านที่โหดร้าย
    กับพ่อแม่ที่ไม่เคยเป็นที่พักใจให้สักครั้ง
    คำถามยอดฮิตคือ...
    “ทำไมถึงต้องเจอแบบนี้?”

    ถ้าไม่อยากเชื่อว่าโลกนี้ไร้ความยุติธรรม
    ถ้าไม่อยากคิดว่าเราคือเหยื่อของโชคชะตาบังเอิญ
    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า...

    “เรามีกรรมเป็นของของตน”
    เราเป็น ทายาทแห่งกรรม
    เราเกิดมาเพราะกรรม
    เราอยู่ในตระกูลนี้เพราะกรรม
    เราจะรับผลทุกอย่างที่เคยกระทำไว้ — ดีหรือร้าย — เพราะ กรรมคือของเราเอง

    ทำไมถึงได้พ่อแม่แบบนี้?

    พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด
    คือผลลัพธ์ของ วิบากกรรม ที่เคยกระทำไว้
    ช่วงชีวิตที่เราช่วยตัวเองไม่ได้—คือทารกแรกเกิด
    เป็นช่วงที่ “กรรมเก่า” มีสิทธิ์ชี้ขาดที่สุด

    ใครเคยฆ่าลูก ใครเคยทารุณเด็กเล็ก
    ใครเคยทำลายชีวิตที่ไร้ทางสู้
    กรรมเหล่านั้นจะส่งผลให้…
    เราเกิดมาในบ้านที่ความรุนแรงคือของประจำวัน

    แล้วคนที่ถูกพ่อแม่ทำร้ายล่ะ?

    คุณไม่ได้ผิดที่เจ็บ
    คุณไม่ได้ผิดที่ร้องไห้
    แต่ อย่าเผลอคิดว่าไม่มีคำอธิบาย

    พระพุทธศาสนาบอกเราว่า

    “กรรมเก่าอธิบายได้เสมอ
    และกรรมใหม่จะเป็นทางออกเดียวของเรา”

    คนที่ถูกทำร้าย ต้อง “ตั้งสติให้ไว”
    อย่าโต้ตอบด้วยความโกรธ
    อย่าคืนกรรมเก่าด้วยกรรมใหม่ที่ร้ายยิ่งกว่า

    แม้คุณจะเป็นฝ่ายเจ็บ
    แต่ยังมีทางเลือกเสมอ
    ว่าจะ “ปิดฉากกรรม” อย่างสงบ
    หรือ “เปิดฉากกรรมใหม่” ที่จะยิ่งลากให้เจ็บกว่าเดิมในภายหน้า

    เปลี่ยนบาดแผลให้เป็นบุญ

    ศาสนาพุทธไม่ได้บอกให้ “ทนแบบโง่ๆ”
    ไม่ได้สอนให้ “เงียบยอมจนสูญเสียตัวตน”
    แต่สอนให้เรา...

    รู้เท่าทันกรรม
    ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
    หยุดวงจรเจ็บที่รุ่นเรา

    ถ้าไม่อยากให้ลูกเรามีกรรมแบบเรา
    ถ้าไม่อยากเกิดในแดนประหารอีก
    จงเมตตาผู้ด้อยกว่าในชาตินี้ให้มากที่สุด
    ทั้งลูก หลาน ลูกน้อง ผู้ใช้แรงงาน หรือสัตว์ที่ไร้เสียง

    เพราะพวกเขา…
    คือกระจกสะท้อนพฤติกรรมของเราในอดีต
    และเป็นผู้คัดเลือก “แดนเกิดใหม่” ให้กับเราในอนาคต

    สรุปใจความ:

    “ใครอยากได้พ่อแม่ดีในชาติหน้า
    วันนี้ต้องเป็นพ่อแม่ที่ดีให้กับลูก”

    “ใครอยากได้เจ้านายเมตตาในชาติหน้า
    วันนี้ต้องปฏิบัติกับลูกน้องอย่างมีเมตตา”
    🧠 “กรรมคัดเลือกพ่อแม่เรา...ไม่ใช่ฟ้าดินลำเอียง” เมื่อคุณเกิดมาในบ้านที่โหดร้าย กับพ่อแม่ที่ไม่เคยเป็นที่พักใจให้สักครั้ง คำถามยอดฮิตคือ... “ทำไมถึงต้องเจอแบบนี้?” ถ้าไม่อยากเชื่อว่าโลกนี้ไร้ความยุติธรรม ถ้าไม่อยากคิดว่าเราคือเหยื่อของโชคชะตาบังเอิญ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า... “เรามีกรรมเป็นของของตน” เราเป็น ทายาทแห่งกรรม เราเกิดมาเพราะกรรม เราอยู่ในตระกูลนี้เพราะกรรม เราจะรับผลทุกอย่างที่เคยกระทำไว้ — ดีหรือร้าย — เพราะ กรรมคือของเราเอง 👶 ทำไมถึงได้พ่อแม่แบบนี้? พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด คือผลลัพธ์ของ วิบากกรรม ที่เคยกระทำไว้ ช่วงชีวิตที่เราช่วยตัวเองไม่ได้—คือทารกแรกเกิด เป็นช่วงที่ “กรรมเก่า” มีสิทธิ์ชี้ขาดที่สุด ใครเคยฆ่าลูก ใครเคยทารุณเด็กเล็ก ใครเคยทำลายชีวิตที่ไร้ทางสู้ กรรมเหล่านั้นจะส่งผลให้… เราเกิดมาในบ้านที่ความรุนแรงคือของประจำวัน 💔 แล้วคนที่ถูกพ่อแม่ทำร้ายล่ะ? คุณไม่ได้ผิดที่เจ็บ คุณไม่ได้ผิดที่ร้องไห้ แต่ อย่าเผลอคิดว่าไม่มีคำอธิบาย พระพุทธศาสนาบอกเราว่า “กรรมเก่าอธิบายได้เสมอ และกรรมใหม่จะเป็นทางออกเดียวของเรา” คนที่ถูกทำร้าย ต้อง “ตั้งสติให้ไว” อย่าโต้ตอบด้วยความโกรธ อย่าคืนกรรมเก่าด้วยกรรมใหม่ที่ร้ายยิ่งกว่า แม้คุณจะเป็นฝ่ายเจ็บ แต่ยังมีทางเลือกเสมอ ว่าจะ “ปิดฉากกรรม” อย่างสงบ หรือ “เปิดฉากกรรมใหม่” ที่จะยิ่งลากให้เจ็บกว่าเดิมในภายหน้า ✨ เปลี่ยนบาดแผลให้เป็นบุญ ศาสนาพุทธไม่ได้บอกให้ “ทนแบบโง่ๆ” ไม่ได้สอนให้ “เงียบยอมจนสูญเสียตัวตน” แต่สอนให้เรา... ✨ รู้เท่าทันกรรม ✨ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ✨ หยุดวงจรเจ็บที่รุ่นเรา ถ้าไม่อยากให้ลูกเรามีกรรมแบบเรา ถ้าไม่อยากเกิดในแดนประหารอีก จงเมตตาผู้ด้อยกว่าในชาตินี้ให้มากที่สุด ทั้งลูก หลาน ลูกน้อง ผู้ใช้แรงงาน หรือสัตว์ที่ไร้เสียง เพราะพวกเขา… คือกระจกสะท้อนพฤติกรรมของเราในอดีต และเป็นผู้คัดเลือก “แดนเกิดใหม่” ให้กับเราในอนาคต 📌 สรุปใจความ: “ใครอยากได้พ่อแม่ดีในชาติหน้า วันนี้ต้องเป็นพ่อแม่ที่ดีให้กับลูก” “ใครอยากได้เจ้านายเมตตาในชาติหน้า วันนี้ต้องปฏิบัติกับลูกน้องอย่างมีเมตตา”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ป่าเถื่อน!" กัมพูชายิงถล่มโรงพยาบาลพนมดงรัก อาคารพังยับ-กระจกแตก ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-อาชญากรรมสงคราม
    https://www.thai-tai.tv/news/20512/
    .
    #ประณามกัมพูชา #โรงพยาบาลพนมดงรัก #สุรินทร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #อาชญากรรมสงคราม #โจมตีโรงพยาบาล #กฎหมายมนุษยธรรม #ความรุนแรง #พนมดงรัก
    "ป่าเถื่อน!" กัมพูชายิงถล่มโรงพยาบาลพนมดงรัก อาคารพังยับ-กระจกแตก ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-อาชญากรรมสงคราม https://www.thai-tai.tv/news/20512/ . #ประณามกัมพูชา #โรงพยาบาลพนมดงรัก #สุรินทร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #อาชญากรรมสงคราม #โจมตีโรงพยาบาล #กฎหมายมนุษยธรรม #ความรุนแรง #พนมดงรัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพไทยจ่อยกระดับปฏิบัติการทางทหาร หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
    .
    "จากสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ขยายความรุนแรงมีการเปิดฉากการยิงโดยกำลังทหารฝั่งกัมพูชา มีการใช้อาวุธประจำกาย และอาวุธประจำหน่วยหลายชนิดเข้ามายังฝั่งไทย ในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งทหาร และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตามที่ปรากฏในภาพข่าว

    โดยการปฏิบัติทางทหาร ตามพระราชบัญญัติ การจัดระเบียบราชการ กระทรวงกลาโหมพุทธศักราช 2551 มาตรา 39 มอบอำนาจให้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็น ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร ได้สั่งการให้ กองทัพบกใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุ ตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก โดยมี ผู้บัญชาการทหารบก เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีอำนาจในการบัญชาการและการใช้กำลังทางบก และร้องขอการสนับสนุนกำลังทางอากาศ และทางเรือ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกำลังทางบก ตามแผนเผชิญเหตุ

    โดยการปฏิบัติการทางทหาร มี 2 ขั้น คือ ขั้นปกติ ขั้นปฏิบัติการ ปัจจุบันอยู่ในขั้นการปฏิบัติการ โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนของกองทัพภาคที่ 2 และ การยิงสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอากาศ โดยมีเป้าหมายคือ ที่ตั้งกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อระงับเหตุการณ์ โดยไม่มีการใช้อาวุธต่อเป้าหมายฝ่ายพลเรือนกัมพูชาแต่อย่างใด

    ทั้งนี้หากไม่สามารถระงับสถานการณ์ความรุนแรงหรือการใช้กำลังของฝ่ายตรงข้าม กองทัพจะพิจารณายกระดับการใช้กำลัง สู่ขั้นการป้องกันประเทศในระดับต่อไป
    .
    https://web.facebook.com/share/p/1EFfmnyPe2/
    กองทัพไทยจ่อยกระดับปฏิบัติการทางทหาร หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ . "จากสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ขยายความรุนแรงมีการเปิดฉากการยิงโดยกำลังทหารฝั่งกัมพูชา มีการใช้อาวุธประจำกาย และอาวุธประจำหน่วยหลายชนิดเข้ามายังฝั่งไทย ในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งทหาร และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตามที่ปรากฏในภาพข่าว โดยการปฏิบัติทางทหาร ตามพระราชบัญญัติ การจัดระเบียบราชการ กระทรวงกลาโหมพุทธศักราช 2551 มาตรา 39 มอบอำนาจให้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็น ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร ได้สั่งการให้ กองทัพบกใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุ ตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก โดยมี ผู้บัญชาการทหารบก เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีอำนาจในการบัญชาการและการใช้กำลังทางบก และร้องขอการสนับสนุนกำลังทางอากาศ และทางเรือ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกำลังทางบก ตามแผนเผชิญเหตุ โดยการปฏิบัติการทางทหาร มี 2 ขั้น คือ ขั้นปกติ ขั้นปฏิบัติการ ปัจจุบันอยู่ในขั้นการปฏิบัติการ โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนของกองทัพภาคที่ 2 และ การยิงสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอากาศ โดยมีเป้าหมายคือ ที่ตั้งกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อระงับเหตุการณ์ โดยไม่มีการใช้อาวุธต่อเป้าหมายฝ่ายพลเรือนกัมพูชาแต่อย่างใด ทั้งนี้หากไม่สามารถระงับสถานการณ์ความรุนแรงหรือการใช้กำลังของฝ่ายตรงข้าม กองทัพจะพิจารณายกระดับการใช้กำลัง สู่ขั้นการป้องกันประเทศในระดับต่อไป . https://web.facebook.com/share/p/1EFfmnyPe2/
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พร้อมยกระดับ!" กองทัพไทยสั่งใช้ "แผนจักรพงษ์ภูวนารถ" เตือนหากกัมพูชาไม่หยุดยั้งความรุนแรง อาจเข้าสู่ขั้นป้องกันประเทศระดับต่อไป
    https://www.thai-tai.tv/news/20501/
    .
    #กองทัพไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #แผนจักรพงษ์ภูวนารถ #กัมพูชายิงก่อน #ประณามกัมพูชา #ปกป้องอธิปไตย #ความมั่นคงของชาติ #พลเรือนบาดเจ็บเสียชีวิต #ยกระดับการใช้กำลัง #กองบัญชาการกองทัพไทย
    "พร้อมยกระดับ!" กองทัพไทยสั่งใช้ "แผนจักรพงษ์ภูวนารถ" เตือนหากกัมพูชาไม่หยุดยั้งความรุนแรง อาจเข้าสู่ขั้นป้องกันประเทศระดับต่อไป https://www.thai-tai.tv/news/20501/ . #กองทัพไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #แผนจักรพงษ์ภูวนารถ #กัมพูชายิงก่อน #ประณามกัมพูชา #ปกป้องอธิปไตย #ความมั่นคงของชาติ #พลเรือนบาดเจ็บเสียชีวิต #ยกระดับการใช้กำลัง #กองบัญชาการกองทัพไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพบกประณามกัมพูชา! ยิงจรวด BM-21 ถล่มพื้นที่พลเรือนสุรินทร์ เจ็บ 3 ราย เร่งอพยพประชาชน
    https://www.thai-tai.tv/news/20479/
    .
    #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #ยิงจรวด #BM21 #สุรินทร์ #กาบเชิง #พลเรือนบาดเจ็บ #ความรุนแรง #ความมั่นคงชายแดน #อพยพประชาชน #กัมพูชายิงก่อน
    กองทัพบกประณามกัมพูชา! ยิงจรวด BM-21 ถล่มพื้นที่พลเรือนสุรินทร์ เจ็บ 3 ราย เร่งอพยพประชาชน https://www.thai-tai.tv/news/20479/ . #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #ยิงจรวด #BM21 #สุรินทร์ #กาบเชิง #พลเรือนบาดเจ็บ #ความรุนแรง #ความมั่นคงชายแดน #อพยพประชาชน #กัมพูชายิงก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • อันวาร์แจกเงิน 100 ริงกิต ประชานิยมสกัดม็อบ

    นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ประกาศมาตรการช่วยเหลือชาวมาเลเซียเพื่อแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. โดยชาวมาเลเซียที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินช่วยเหลือแบบครั้งเดียว 100 ริงกิต (ประมาณ 760 บาท) ผ่านบัตรประชาชน (MyKAD) เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านค้าและห้างค้าปลีกกว่า 4,100 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. ถึง 31 ธ.ค. คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ 22 ล้านคน ใช้งบประมาณ 2,000 ล้านริงกิต

    พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมัน RON95 สำหรับภาคการขนส่งในมาเลเซียอีก 0.06 ริงกิต ตามแผนอุดหนุนราคาน้ำมัน จากเดิม 2.05 ริงกิต เหลือ 1.99 ริงกิตต่อลิตร การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า การระงับขึ้นค่าผ่านทางบนทางด่วน 10 เส้นทาง ที่มีกำหนดปรับขึ้นในปีนี้ การเพิ่มวันจันทร์ที่ 15 ก.ย. เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติม เพื่อให้หยุดยาว 4 วันในวันมาเลเซียปีนี้ 13-16 ก.ย. เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ

    การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการชุมนุมใหญ่ภายใต้ชื่อ Himpunan Turun Anwar ซึ่งจัดโดยกลุ่มเยาวชนพรรคพาส (PAS) ในวันเสาร์นี้ (26 ก.ค.) ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออก ด้วยข้อกล่าวหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมืองและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์คาดว่าจะมีผู้ชุมนุมราว 10,000-15,000 คน โดยจัดกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยและควบคุมฝูงชนราว 2,000 นาย

    นายฟัดห์ลี ชาอารี (Fadhli Shaari) สส.เขตปาร์เซมัส หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศของพรรคพาส กล่าวว่า การประกาศแจกเงิน 100 ริงกิตน่าสนใจที่สุด ส่วนมาตรการอื่นเป็นเพียงนโยบายทั่วไปที่ประกาศได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการปรับลดราคาน้ำมัน RON95 ลง 6 เซน ไม่สมกับที่นายกฯ ต้องประกาศเอง ถึงกระนั้นการแจกเงินไม่มีความหมาย เมื่อเทียบกับรายได้ที่รัฐบาลได้รับจากการลดเงินอุดหนุนน้ำมันดีเซลสูงถึง 7,500 ล้านริงกิต โดยไม่มีมาตรการใดที่ส่งผลในระยะยาวอย่างแท้จริง เป็นเพียงการลดกระแสความไม่พอใจของประชาชนที่จะออกมาชุมนุมเท่านั้น

    ก่อนหน้านี้อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด กล่าวปราศรัยที่เมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออก เพราะขาดความสามารถในการบริหารประเทศ และแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งการบริหารจัดการความมั่งคั่งของชาติที่ผิดพลาด ยกเลิกการอุดหนุนต่างๆ ทำให้ประชาชนยากลำบาก ชาวมาเลเซียจำนวนมากเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร บางคนเจอแรงกดดันจนเสียสติและจบชีวิตตัวเองหรือใช้ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเกิดขึ้นจากความยากจน

    #Newskit
    อันวาร์แจกเงิน 100 ริงกิต ประชานิยมสกัดม็อบ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ประกาศมาตรการช่วยเหลือชาวมาเลเซียเพื่อแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. โดยชาวมาเลเซียที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินช่วยเหลือแบบครั้งเดียว 100 ริงกิต (ประมาณ 760 บาท) ผ่านบัตรประชาชน (MyKAD) เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านค้าและห้างค้าปลีกกว่า 4,100 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. ถึง 31 ธ.ค. คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ 22 ล้านคน ใช้งบประมาณ 2,000 ล้านริงกิต พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมัน RON95 สำหรับภาคการขนส่งในมาเลเซียอีก 0.06 ริงกิต ตามแผนอุดหนุนราคาน้ำมัน จากเดิม 2.05 ริงกิต เหลือ 1.99 ริงกิตต่อลิตร การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า การระงับขึ้นค่าผ่านทางบนทางด่วน 10 เส้นทาง ที่มีกำหนดปรับขึ้นในปีนี้ การเพิ่มวันจันทร์ที่ 15 ก.ย. เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติม เพื่อให้หยุดยาว 4 วันในวันมาเลเซียปีนี้ 13-16 ก.ย. เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการชุมนุมใหญ่ภายใต้ชื่อ Himpunan Turun Anwar ซึ่งจัดโดยกลุ่มเยาวชนพรรคพาส (PAS) ในวันเสาร์นี้ (26 ก.ค.) ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออก ด้วยข้อกล่าวหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมืองและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์คาดว่าจะมีผู้ชุมนุมราว 10,000-15,000 คน โดยจัดกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยและควบคุมฝูงชนราว 2,000 นาย นายฟัดห์ลี ชาอารี (Fadhli Shaari) สส.เขตปาร์เซมัส หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศของพรรคพาส กล่าวว่า การประกาศแจกเงิน 100 ริงกิตน่าสนใจที่สุด ส่วนมาตรการอื่นเป็นเพียงนโยบายทั่วไปที่ประกาศได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการปรับลดราคาน้ำมัน RON95 ลง 6 เซน ไม่สมกับที่นายกฯ ต้องประกาศเอง ถึงกระนั้นการแจกเงินไม่มีความหมาย เมื่อเทียบกับรายได้ที่รัฐบาลได้รับจากการลดเงินอุดหนุนน้ำมันดีเซลสูงถึง 7,500 ล้านริงกิต โดยไม่มีมาตรการใดที่ส่งผลในระยะยาวอย่างแท้จริง เป็นเพียงการลดกระแสความไม่พอใจของประชาชนที่จะออกมาชุมนุมเท่านั้น ก่อนหน้านี้อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด กล่าวปราศรัยที่เมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออก เพราะขาดความสามารถในการบริหารประเทศ และแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งการบริหารจัดการความมั่งคั่งของชาติที่ผิดพลาด ยกเลิกการอุดหนุนต่างๆ ทำให้ประชาชนยากลำบาก ชาวมาเลเซียจำนวนมากเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร บางคนเจอแรงกดดันจนเสียสติและจบชีวิตตัวเองหรือใช้ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเกิดขึ้นจากความยากจน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากรถเงียบที่ทำให้คนเวียนหัว: เมื่อ EV กลายเป็น “สภาพแวดล้อมใหม่” ที่สมองยังไม่ชิน

    ผู้โดยสารจำนวนมากรายงานว่าเกิดอาการเมารถเมื่อขึ้น EV โดยเฉพาะในเบาะหลัง ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัย เช่น:

    - สมองยังไม่คุ้นเคยกับ “สัญญาณการเคลื่อนไหว” แบบใหม่
    - EV ไม่มีเสียงเครื่องยนต์หรือแรงสั่นสะเทือนที่ช่วยเตือนสมองล่วงหน้า
    - ระบบ regenerative braking ทำให้การชะลอรถเป็นแบบนุ่มนวลและต่อเนื่อง ซึ่งต่างจากเบรกแบบเดิมที่หยุดรถอย่างฉับพลัน

    William Emond นักศึกษาปริญญาเอกด้าน motion sickness จากฝรั่งเศสอธิบายว่า:

    “สมองของเราคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวในรถที่มีเสียงเครื่องยนต์และแรงสั่นสะเทือน แต่ EV เป็นสภาพแวดล้อมใหม่ที่สมองยังไม่มีประสบการณ์มากพอในการประเมินแรงเคลื่อน”

    งานวิจัยหลายฉบับสนับสนุนแนวคิดนี้ เช่น:
    - งานปี 2024 พบว่าแรงสั่นสะเทือนในเบาะของ EV มีผลต่อความรุนแรงของอาการเมารถ
    - งานปี 2020 ชี้ว่า “ความเงียบ” ของ EV เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมองขาดข้อมูลในการคาดการณ์การเคลื่อนไหว

    นักวิจัยกำลังทดลองวิธีแก้ เช่น:
    - เพิ่มเสียงเครื่องยนต์จำลอง
    - ใช้แสงภายในรถแบบ interactive
    - เพิ่มแรงสั่นสะเทือนบางจุดเพื่อให้สมองรับรู้การเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

    ผู้โดยสารจำนวนมากรายงานว่าเกิดอาการเมารถเมื่อโดยสาร EV โดยเฉพาะในเบาะหลัง
    เกิดจากสมองไม่สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวได้แม่นยำ

    EV ไม่มีเสียงเครื่องยนต์หรือแรงสั่นสะเทือนที่ช่วยเตือนสมองล่วงหน้า
    ทำให้สมอง “เดา” การเปลี่ยนความเร็วหรือทิศทางผิดพลาด

    ระบบ regenerative braking ทำให้การชะลอรถเป็นแบบนุ่มนวลและต่อเนื่อง
    ต่างจากเบรกแบบเดิมที่หยุดรถอย่างฉับพลัน ซึ่งสมองคุ้นเคยมากกว่า

    งานวิจัยปี 2024 และ 2020 สนับสนุนว่าแรงสั่นสะเทือนและความเงียบของ EV เป็นปัจจัยหลัก
    ส่งผลให้เกิดอาการเมารถมากกว่ารถยนต์ทั่วไป

    นักวิจัยกำลังทดลองวิธีแก้ เช่นเสียงเครื่องยนต์จำลอง, แสง interactive, และแรงสั่นสะเทือน
    เพื่อช่วยให้สมองรับรู้การเคลื่อนไหวได้แม่นยำขึ้น

    อาการเมารถเกิดจากความขัดแย้งของสัญญาณจากตา, หูชั้นใน, และร่างกาย
    เมื่อสมองรับข้อมูลไม่ตรงกัน จะเกิดอาการคลื่นไส้ เวียนหัว และไม่สบาย

    https://www.techspot.com/news/108757-evs-triggering-wave-motion-sickness-claims-scientists-investigating.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากรถเงียบที่ทำให้คนเวียนหัว: เมื่อ EV กลายเป็น “สภาพแวดล้อมใหม่” ที่สมองยังไม่ชิน ผู้โดยสารจำนวนมากรายงานว่าเกิดอาการเมารถเมื่อขึ้น EV โดยเฉพาะในเบาะหลัง ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัย เช่น: - สมองยังไม่คุ้นเคยกับ “สัญญาณการเคลื่อนไหว” แบบใหม่ - EV ไม่มีเสียงเครื่องยนต์หรือแรงสั่นสะเทือนที่ช่วยเตือนสมองล่วงหน้า - ระบบ regenerative braking ทำให้การชะลอรถเป็นแบบนุ่มนวลและต่อเนื่อง ซึ่งต่างจากเบรกแบบเดิมที่หยุดรถอย่างฉับพลัน William Emond นักศึกษาปริญญาเอกด้าน motion sickness จากฝรั่งเศสอธิบายว่า: 🔖 “สมองของเราคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวในรถที่มีเสียงเครื่องยนต์และแรงสั่นสะเทือน แต่ EV เป็นสภาพแวดล้อมใหม่ที่สมองยังไม่มีประสบการณ์มากพอในการประเมินแรงเคลื่อน” งานวิจัยหลายฉบับสนับสนุนแนวคิดนี้ เช่น: - งานปี 2024 พบว่าแรงสั่นสะเทือนในเบาะของ EV มีผลต่อความรุนแรงของอาการเมารถ - งานปี 2020 ชี้ว่า “ความเงียบ” ของ EV เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมองขาดข้อมูลในการคาดการณ์การเคลื่อนไหว นักวิจัยกำลังทดลองวิธีแก้ เช่น: - เพิ่มเสียงเครื่องยนต์จำลอง - ใช้แสงภายในรถแบบ interactive - เพิ่มแรงสั่นสะเทือนบางจุดเพื่อให้สมองรับรู้การเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ✅ ผู้โดยสารจำนวนมากรายงานว่าเกิดอาการเมารถเมื่อโดยสาร EV โดยเฉพาะในเบาะหลัง ➡️ เกิดจากสมองไม่สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวได้แม่นยำ ✅ EV ไม่มีเสียงเครื่องยนต์หรือแรงสั่นสะเทือนที่ช่วยเตือนสมองล่วงหน้า ➡️ ทำให้สมอง “เดา” การเปลี่ยนความเร็วหรือทิศทางผิดพลาด ✅ ระบบ regenerative braking ทำให้การชะลอรถเป็นแบบนุ่มนวลและต่อเนื่อง ➡️ ต่างจากเบรกแบบเดิมที่หยุดรถอย่างฉับพลัน ซึ่งสมองคุ้นเคยมากกว่า ✅ งานวิจัยปี 2024 และ 2020 สนับสนุนว่าแรงสั่นสะเทือนและความเงียบของ EV เป็นปัจจัยหลัก ➡️ ส่งผลให้เกิดอาการเมารถมากกว่ารถยนต์ทั่วไป ✅ นักวิจัยกำลังทดลองวิธีแก้ เช่นเสียงเครื่องยนต์จำลอง, แสง interactive, และแรงสั่นสะเทือน ➡️ เพื่อช่วยให้สมองรับรู้การเคลื่อนไหวได้แม่นยำขึ้น ✅ อาการเมารถเกิดจากความขัดแย้งของสัญญาณจากตา, หูชั้นใน, และร่างกาย ➡️ เมื่อสมองรับข้อมูลไม่ตรงกัน จะเกิดอาการคลื่นไส้ เวียนหัว และไม่สบาย https://www.techspot.com/news/108757-evs-triggering-wave-motion-sickness-claims-scientists-investigating.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    EVs are triggering a wave of motion sickness claims, scientists are investigating why
    Because electric vehicles are still a new experience for many passengers, their unfamiliar motion may be one reason some people are more prone to motion sickness. "Greater...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากรหัสลับในเฟิร์มแวร์: เมื่อ Wi-Fi ธุรกิจกลายเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าระบบ

    ช่องโหว่หลักคือ CVE-2025-37103 ซึ่งมีคะแนนความรุนแรงถึง 9.8/10 (ระดับวิกฤต) โดยเกิดจากการที่มีบัญชีแอดมินแบบ hardcoded อยู่ในเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ — ใครก็ตามที่รู้รหัสนี้สามารถ:
    - เข้าสู่ระบบในฐานะแอดมิน
    - เปลี่ยนการตั้งค่า
    - ติดตั้งมัลแวร์
    - ควบคุมอุปกรณ์และเครือข่ายที่เชื่อมต่อ

    ช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ชั่วคราว (no workaround) นอกจากการติดตั้งแพตช์ล่าสุดเท่านั้น

    นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่รองอีกตัวคือ CVE-2025-37102 ซึ่งเป็นช่องโหว่ command injection ที่เปิดให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูงสามารถรันคำสั่งบนระบบปฏิบัติการได้โดยตรง — มีคะแนนความรุนแรง 7.2/10 (ระดับสูง)

    HPE พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Aruba Instant On Access Points และออกแพตช์แล้ว
    ช่องโหว่หลักคือ CVE-2025-37103 ที่มีรหัสแอดมินแบบ hardcoded ในเฟิร์มแวร์

    ช่องโหว่นี้เปิดให้แฮกเกอร์เข้าถึงอุปกรณ์ในฐานะแอดมินโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    สามารถเปลี่ยนการตั้งค่า, ติดตั้งมัลแวร์ และควบคุมเครือข่ายได้

    ช่องโหว่รองคือ CVE-2025-37102 เป็น command injection สำหรับผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูง
    สามารถรันคำสั่งบนระบบปฏิบัติการได้โดยตรง

    Aruba Instant On เป็นอุปกรณ์ Wi-Fi สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เน้นความง่ายและความปลอดภัย
    แต่ช่องโหว่นี้ทำให้ความปลอดภัยถูกลดลงอย่างมาก

    ช่องโหว่ทั้งสองไม่มีวิธีแก้ชั่วคราว ต้องติดตั้งแพตช์เท่านั้น
    HPE แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    ช่องโหว่แบบ hardcoded credential มักเกิดจากการตั้งค่าชั่วคราวในช่วงพัฒนา
    หากทีม DevSecOps ไม่ลบออกก่อนปล่อยผลิตภัณฑ์ จะกลายเป็นช่องโหว่ถาวร

    ช่องโหว่ CVE-2025-37103 มีความรุนแรงระดับวิกฤตและสามารถถูกใช้โจมตีจากระยะไกล
    หากไม่อัปเดตแพตช์ อุปกรณ์อาจถูกควบคุมโดยแฮกเกอร์ทันที

    ไม่มีวิธีแก้ชั่วคราวสำหรับช่องโหว่ทั้งสอง
    การป้องกันต้องอาศัยการติดตั้งแพตช์เท่านั้น

    ช่องโหว่ command injection อาจถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นเพื่อเจาะระบบลึกขึ้น
    โดยเฉพาะในระบบที่มีผู้ใช้หลายระดับสิทธิ์

    การมีรหัสแอดมินแบบ hardcoded เป็นความผิดพลาดด้านความปลอดภัยที่ไม่ควรเกิดขึ้น
    แสดงถึงการขาดการตรวจสอบในกระบวนการพัฒนาและปล่อยผลิตภัณฑ์

    อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการอัปเดตอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีทั้งเครือข่าย
    โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีทีมรักษาความปลอดภัยเฉพาะทาง

    https://www.techradar.com/pro/security/hpe-warns-hardcoded-passwords-in-aruba-hardware-could-be-a-security-risk
    🎙️ เรื่องเล่าจากรหัสลับในเฟิร์มแวร์: เมื่อ Wi-Fi ธุรกิจกลายเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าระบบ ช่องโหว่หลักคือ CVE-2025-37103 ซึ่งมีคะแนนความรุนแรงถึง 9.8/10 (ระดับวิกฤต) โดยเกิดจากการที่มีบัญชีแอดมินแบบ hardcoded อยู่ในเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ — ใครก็ตามที่รู้รหัสนี้สามารถ: - เข้าสู่ระบบในฐานะแอดมิน - เปลี่ยนการตั้งค่า - ติดตั้งมัลแวร์ - ควบคุมอุปกรณ์และเครือข่ายที่เชื่อมต่อ ช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ชั่วคราว (no workaround) นอกจากการติดตั้งแพตช์ล่าสุดเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่รองอีกตัวคือ CVE-2025-37102 ซึ่งเป็นช่องโหว่ command injection ที่เปิดให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูงสามารถรันคำสั่งบนระบบปฏิบัติการได้โดยตรง — มีคะแนนความรุนแรง 7.2/10 (ระดับสูง) ✅ HPE พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Aruba Instant On Access Points และออกแพตช์แล้ว ➡️ ช่องโหว่หลักคือ CVE-2025-37103 ที่มีรหัสแอดมินแบบ hardcoded ในเฟิร์มแวร์ ✅ ช่องโหว่นี้เปิดให้แฮกเกอร์เข้าถึงอุปกรณ์ในฐานะแอดมินโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ➡️ สามารถเปลี่ยนการตั้งค่า, ติดตั้งมัลแวร์ และควบคุมเครือข่ายได้ ✅ ช่องโหว่รองคือ CVE-2025-37102 เป็น command injection สำหรับผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูง ➡️ สามารถรันคำสั่งบนระบบปฏิบัติการได้โดยตรง ✅ Aruba Instant On เป็นอุปกรณ์ Wi-Fi สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เน้นความง่ายและความปลอดภัย ➡️ แต่ช่องโหว่นี้ทำให้ความปลอดภัยถูกลดลงอย่างมาก ✅ ช่องโหว่ทั้งสองไม่มีวิธีแก้ชั่วคราว ต้องติดตั้งแพตช์เท่านั้น ➡️ HPE แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี ✅ ช่องโหว่แบบ hardcoded credential มักเกิดจากการตั้งค่าชั่วคราวในช่วงพัฒนา ➡️ หากทีม DevSecOps ไม่ลบออกก่อนปล่อยผลิตภัณฑ์ จะกลายเป็นช่องโหว่ถาวร ‼️ ช่องโหว่ CVE-2025-37103 มีความรุนแรงระดับวิกฤตและสามารถถูกใช้โจมตีจากระยะไกล ⛔ หากไม่อัปเดตแพตช์ อุปกรณ์อาจถูกควบคุมโดยแฮกเกอร์ทันที ‼️ ไม่มีวิธีแก้ชั่วคราวสำหรับช่องโหว่ทั้งสอง ⛔ การป้องกันต้องอาศัยการติดตั้งแพตช์เท่านั้น ‼️ ช่องโหว่ command injection อาจถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นเพื่อเจาะระบบลึกขึ้น ⛔ โดยเฉพาะในระบบที่มีผู้ใช้หลายระดับสิทธิ์ ‼️ การมีรหัสแอดมินแบบ hardcoded เป็นความผิดพลาดด้านความปลอดภัยที่ไม่ควรเกิดขึ้น ⛔ แสดงถึงการขาดการตรวจสอบในกระบวนการพัฒนาและปล่อยผลิตภัณฑ์ ‼️ อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการอัปเดตอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีทั้งเครือข่าย ⛔ โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีทีมรักษาความปลอดภัยเฉพาะทาง https://www.techradar.com/pro/security/hpe-warns-hardcoded-passwords-in-aruba-hardware-could-be-a-security-risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากมือถือ: Android กลายเป็นเครือข่ายตรวจแผ่นดินไหวโลก

    ระหว่างปี 2021–2024 Google ได้เปิดตัวระบบ Android Earthquake Alerts ที่ใช้ motion sensor บนมือถือ Android เพื่อ “จับสัญญาณการสั่นสะเทือน” โดยอัตโนมัติ

    หลักการคือ:
    - ไม่ใช่แค่ “เครื่องเดียวที่แม่น” แต่ใช้ “จำนวนมหาศาล” ประกอบกัน
    - ระบบ algorithm จะวิเคราะห์รูปแบบการสั่นร่วมจากมือถือหลายเครื่อง
    - แม้จะมีความต่างในอุปกรณ์, พื้นดิน, อาคาร หรือพื้นที่ แต่ระบบรวมสัญญาณได้ดี

    ผลลัพธ์คือ:
    - ตรวจจับแผ่นดินไหวได้มากกว่า 11,000 ครั้ง
    - ความแม่นยำเทียบเท่ากับ seismometer แบบเฉพาะทาง
    - ส่ง alert ไปยังผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วง 3 ปี
    - ในบางเหตุการณ์สามารถแจ้งเตือนได้ “ก่อนการสั่นจะถึงผู้ใช้” หลายวินาที

    ความท้าทายใหญ่ของระบบคือการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เช่นเหตุการณ์ในตุรกีปี 2023 ที่ระบบประเมินความรุนแรงต่ำเกินไป แต่เมื่ออัปเกรด algorithm แล้ว ระบบสามารถแจ้งเตือนได้แม่นขึ้นถึง 10 ล้านเครื่องในเวอร์ชันใหม่

    Google ใช้ motion sensor จากมือถือ Android กว่า 2 พันล้านเครื่องเป็นระบบตรวจแผ่นดินไหว
    ครอบคลุม 98 ประเทศ และให้สัญญาณได้แม่นยำแบบ real-time

    จับแผ่นดินไหวมากกว่า 11,000 ครั้ง พร้อมแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติ
    ระบุตำแหน่งและความแรงใกล้เคียงกับระบบ seismometer มืออาชีพ

    ใช้ collective shaking จากหลายเครื่องเพื่อดูรูปแบบการสั่น
    แก้ปัญหาความต่างของอุปกรณ์และพื้นที่แต่ละประเทศ

    จำนวนผู้ได้รับแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วง 3 ปี
    ระบบช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการแจ้งเตือนได้ฟรีทั่วโลก

    รายงานจากทีมวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Science เป็นครั้งแรก
    สะท้อนผลลัพธ์เชิงวิทยาศาสตร์และขยายความน่าเชื่อถือของระบบ

    เหตุการณ์ในตุรกีปี 2023 เป็นแรงผลักดันให้ปรับ algorithm ใหม่
    ระบบใหม่สามารถ trigger “TakeAction alert” ไปยัง 10 ล้านเครื่อง

    นักวิทยาศาสตร์ชื่นชมว่าเป็นระบบเสริมที่ช่วยให้ประเทศที่ไม่มีระบบเตือนภัยสามารถรับการแจ้งเตือนได้
    เป็นแนวทางให้ประชาชนได้รับสิทธิด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรอระบบของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/108732-google-using-two-billion-android-phones-detect-earthquakes.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากมือถือ: Android กลายเป็นเครือข่ายตรวจแผ่นดินไหวโลก ระหว่างปี 2021–2024 Google ได้เปิดตัวระบบ Android Earthquake Alerts ที่ใช้ motion sensor บนมือถือ Android เพื่อ “จับสัญญาณการสั่นสะเทือน” โดยอัตโนมัติ หลักการคือ: - ไม่ใช่แค่ “เครื่องเดียวที่แม่น” แต่ใช้ “จำนวนมหาศาล” ประกอบกัน - ระบบ algorithm จะวิเคราะห์รูปแบบการสั่นร่วมจากมือถือหลายเครื่อง - แม้จะมีความต่างในอุปกรณ์, พื้นดิน, อาคาร หรือพื้นที่ แต่ระบบรวมสัญญาณได้ดี 📊 ผลลัพธ์คือ: - ตรวจจับแผ่นดินไหวได้มากกว่า 11,000 ครั้ง - ความแม่นยำเทียบเท่ากับ seismometer แบบเฉพาะทาง - ส่ง alert ไปยังผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วง 3 ปี - ในบางเหตุการณ์สามารถแจ้งเตือนได้ “ก่อนการสั่นจะถึงผู้ใช้” หลายวินาที ความท้าทายใหญ่ของระบบคือการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เช่นเหตุการณ์ในตุรกีปี 2023 ที่ระบบประเมินความรุนแรงต่ำเกินไป แต่เมื่ออัปเกรด algorithm แล้ว ระบบสามารถแจ้งเตือนได้แม่นขึ้นถึง 10 ล้านเครื่องในเวอร์ชันใหม่ ✅ Google ใช้ motion sensor จากมือถือ Android กว่า 2 พันล้านเครื่องเป็นระบบตรวจแผ่นดินไหว ➡️ ครอบคลุม 98 ประเทศ และให้สัญญาณได้แม่นยำแบบ real-time ✅ จับแผ่นดินไหวมากกว่า 11,000 ครั้ง พร้อมแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติ ➡️ ระบุตำแหน่งและความแรงใกล้เคียงกับระบบ seismometer มืออาชีพ ✅ ใช้ collective shaking จากหลายเครื่องเพื่อดูรูปแบบการสั่น ➡️ แก้ปัญหาความต่างของอุปกรณ์และพื้นที่แต่ละประเทศ ✅ จำนวนผู้ได้รับแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วง 3 ปี ➡️ ระบบช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการแจ้งเตือนได้ฟรีทั่วโลก ✅ รายงานจากทีมวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Science เป็นครั้งแรก ➡️ สะท้อนผลลัพธ์เชิงวิทยาศาสตร์และขยายความน่าเชื่อถือของระบบ ✅ เหตุการณ์ในตุรกีปี 2023 เป็นแรงผลักดันให้ปรับ algorithm ใหม่ ➡️ ระบบใหม่สามารถ trigger “TakeAction alert” ไปยัง 10 ล้านเครื่อง ✅ นักวิทยาศาสตร์ชื่นชมว่าเป็นระบบเสริมที่ช่วยให้ประเทศที่ไม่มีระบบเตือนภัยสามารถรับการแจ้งเตือนได้ ➡️ เป็นแนวทางให้ประชาชนได้รับสิทธิด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรอระบบของรัฐ https://www.techspot.com/news/108732-google-using-two-billion-android-phones-detect-earthquakes.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google is using two billion Android phones to detect earthquakes worldwide
    Unlike conventional systems that use dedicated, expensive seismic instruments, Google's Android Earthquake Alerts system leverages the sheer scale of smartphones, which continuously collect motion data unless users...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลก Net Zero: AI จะปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบิน...จริงเหรอ?

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลและบริษัททั่วโลกทุ่มงบมหาศาลเพื่อบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่น การตั้งข้อบังคับด้านพลังงาน สีเขียว และการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

    แต่ในขณะเดียวกัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น data center และ GPU cluster กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งนำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ และทรัพยากรมหาศาล

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ระบุว่า:

    “ภายในสิ้นทศวรรษหน้า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเป็นต้นกำเนิด 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก” ซึ่งเกินกว่าการเดินทางทางอากาศเสียอีก

    ตัวอย่างความรุนแรงในปัจจุบัน:
    - data center ในสหรัฐฯ ยุโรป และจีนใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 2–4% ของการผลิตทั้งหมด
    - ระบบไฟฟ้าหลายประเทศเริ่มตึงตัว ไม่สามารถรองรับการขยาย AI ได้อย่างยั่งยืน
    - มีรายงานว่าบางเมืองต้องจำกัดพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะถูกแย่งไปใช้ในศูนย์ข้อมูล

    John Naughton จากศูนย์ Minderoo กล่าวว่า “ทุกเมกะวัตต์ที่ใช้ใน data center คือเมกะวัตต์ที่บ้านหรือโรงงานไม่มีใช้”

    นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ยังมีผลสำรวจจาก Gallup ที่เผยว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า:
    - AI เป็นภัยต่อมนุษย์และสังคม
    - จะลดความจำเป็นของมนุษย์ในงานสร้างสรรค์
    - เกือบสองในสามไม่อยากใช้ AI หากหลีกเลี่ยงได้

    เคมบริดจ์เผยว่า AI จะปล่อยคาร์บอน “มากกว่าการบิน” ภายใน 10 ปี
    คาดว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะปล่อยถึง 8% ของคาร์บอนทั่วโลก

    Data center ใช้ไฟฟ้า 2–4% ของกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน
    ทำให้ระบบไฟฟ้าตึงตัว และจำกัดทรัพยากรสำหรับภาคอื่น

    การลงทุนใน AI มาเร็วและรุนแรงในภาครัฐและเอกชน
    ส่งผลต่อพลังงาน น้ำ และการปล่อยคาร์บอนอย่างมาก

    ผลสำรวจ Gallup พบประชาชนวิตกเกี่ยวกับ AI
    ครึ่งหนึ่งเห็นว่า AI คุกคามมนุษย์และสังคม

    60% เชื่อว่า AI จะมาแทนงานสำคัญและงานสร้างสรรค์ของมนุษย์
    มีเพียง 38% ที่คิดว่า AI จะช่วยให้มนุษย์ไปทำงานที่มีคุณค่ามากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/net-zero-zero-chance-ai-emissions-to-exceed-air-travel-report-says
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก Net Zero: AI จะปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบิน...จริงเหรอ? ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลและบริษัททั่วโลกทุ่มงบมหาศาลเพื่อบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่น การตั้งข้อบังคับด้านพลังงาน สีเขียว และการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ในขณะเดียวกัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น data center และ GPU cluster กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งนำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ และทรัพยากรมหาศาล นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ระบุว่า: “ภายในสิ้นทศวรรษหน้า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเป็นต้นกำเนิด 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก” ซึ่งเกินกว่าการเดินทางทางอากาศเสียอีก ตัวอย่างความรุนแรงในปัจจุบัน: - data center ในสหรัฐฯ ยุโรป และจีนใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 2–4% ของการผลิตทั้งหมด - ระบบไฟฟ้าหลายประเทศเริ่มตึงตัว ไม่สามารถรองรับการขยาย AI ได้อย่างยั่งยืน - มีรายงานว่าบางเมืองต้องจำกัดพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะถูกแย่งไปใช้ในศูนย์ข้อมูล John Naughton จากศูนย์ Minderoo กล่าวว่า “ทุกเมกะวัตต์ที่ใช้ใน data center คือเมกะวัตต์ที่บ้านหรือโรงงานไม่มีใช้” นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ยังมีผลสำรวจจาก Gallup ที่เผยว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า: - AI เป็นภัยต่อมนุษย์และสังคม - จะลดความจำเป็นของมนุษย์ในงานสร้างสรรค์ - เกือบสองในสามไม่อยากใช้ AI หากหลีกเลี่ยงได้ ✅ เคมบริดจ์เผยว่า AI จะปล่อยคาร์บอน “มากกว่าการบิน” ภายใน 10 ปี ➡️ คาดว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะปล่อยถึง 8% ของคาร์บอนทั่วโลก ✅ Data center ใช้ไฟฟ้า 2–4% ของกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ➡️ ทำให้ระบบไฟฟ้าตึงตัว และจำกัดทรัพยากรสำหรับภาคอื่น ✅ การลงทุนใน AI มาเร็วและรุนแรงในภาครัฐและเอกชน ➡️ ส่งผลต่อพลังงาน น้ำ และการปล่อยคาร์บอนอย่างมาก ✅ ผลสำรวจ Gallup พบประชาชนวิตกเกี่ยวกับ AI ➡️ ครึ่งหนึ่งเห็นว่า AI คุกคามมนุษย์และสังคม ✅ 60% เชื่อว่า AI จะมาแทนงานสำคัญและงานสร้างสรรค์ของมนุษย์ ➡️ มีเพียง 38% ที่คิดว่า AI จะช่วยให้มนุษย์ไปทำงานที่มีคุณค่ามากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/net-zero-zero-chance-ai-emissions-to-exceed-air-travel-report-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Net zero? Zero chance: AI emissions to exceed air travel, report says
    Researchers are questioning the efforts of companies and governments to achieve so-called net-zero emissions targets while also backing the rise of artificial intelligence (AI), whose emissions are now projected to "far exceed" those of air travel.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • กู่ไม่กลับ! 'ธนาธร' ชี้ทหารไม่ควรให้ความเห็นเรื่องชายแดน ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน

    ///////////

    "ธนาธร" เชื่อยังไม่สายเกินไป แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอทั้งสองฝ่ายร่วมกันส่งเสียงดังๆ ต้องการความร่วมมือ-สันติภาพ แนะรัฐบาลต้องอดทน แม้ถูกยั่วยุ ย้ำโต๊ะเจรจา JBC ยังจำเป็น เพื่อทำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รับประชาชนเรียกร้องนายกฯที่เป็นทหาร เหตุรัฐบาลพลเรือนคุมสถานการณ์ไม่ได้

    18 กรกฎาคม 2568 - ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวผ่านรายการ Exclusive Talk : ผ่าทางตัน ซึ่งจัดโดยเครือเนชั่น ถึงปัญหาชายแดนไทย กัมพูชาในขณะนี้ คิดว่าจะบานปลายหรือไม่ หรือควรแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ว่า ตนไม่กลัวเบื้องหลัง กลัวเบื้องหน้ามากกว่า ขอเกมของกัมพูชา คือต้องการสร้างความได้เปรียบในเวทีโลก ผ่านศาลโลก
    หรือกระบวนการของ UNGA UNHC ซึ่งเขาต้องการดันไปสู่จุดนั้น โดยใช้การสร้างความชอบธรรม

    ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว ท่าทีของรัฐบาลไทย หรือกองทัพไทย จึงต้องอดทนอดกลั้น เป็นผู้ใหญ่ และไม่ไปตกหลุมเขา เราต้องไม่เริ่มก่อน ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความขัดแย้งก่อตัวขึ้น มีการปะทะ จนนำมาสู่การบาดเจ็บล้นตาย เกิดการใช้ความรุนแรง ซึ่งก็จะเข้าทางเขา
    นายธนาธร มองว่า ความสำคัญของเรื่องนี้ ในวันนี้คือเบื้องหน้า ไม่ใช่เบื้องหลัง คือเราจะทำอย่างไร ให้สถานการณ์อ่อนลง ทำให้สถานการณ์กลับไปเป็นปกติได้เร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้รัฐบาลพลเรือน ผ่านกลไก JBC ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาพูดคุยกัน เพื่อทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ
    นายธนาธร ระบุว่า การที่สถานการณ์ตึงเครียด เป็นเพราะรัฐบาลพลาดในกรณีคลิปเสียง ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นโจทย์ของตัวเอง จึงต้องทำท่าทีขึงขัง และนี่ก็เป็นสิ่งที่ตนกลัว เพราะถ้าทีขึงขังนี้ เกิดจากการที่ต้องการแก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง แต่สิ่งที่เราต้องการคือต้องการลดความตึงเครียด ลดความรุนแรง ผ่านโต๊ะเจรจา เพราะหากเกิดอะไรขึ้น จะกลายเป็นข้ออ้าง ที่เขาสามารถใช้ในเวทีโลก และทำให้เราเสียเปรียบ ส่วนแปลกใจหรือไม่ ที่ผลโพลล่าสุด ออกมาว่านายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ คือพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นทหาร นายธนาธร ระบุว่า ตนติดใจเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกัน มากกว่าเรื่องนี้ คือเรื่องการกลับเข้ามาไว้วางใจทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล เนื่องจากประเทศไทยมีความหลากหลายเยอะมาก หลายชาติพันธุ์ วัฒนธรรมเต็มไปหมด สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพ การอยู่ร่วมกัน การเคารพในตัวตน และศรัทธาของกันและกัน เราไม่ได้ต้องการสงคราม
    ดังนั้น สิ่งที่ตนเป็นกังวลก็คือ การใช้ความรู้สึก หรือสถานการณ์มาสร้างอารมณ์ความรู้สึก ชาตินิยมที่ล้นเกิน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังในสังคม เมื่อเมล็ดพันธุ์ของความเกลียดชังเบ่งบาน ก็จะเอาไม่ลง เพราะหากเมล็ดพันธุ์การแบ่งแยกผู้คน ที่ทำให้ผู้คนเกลียดกลัวกัน ระแวงกัน ด้วยการใช้ศาสนา ชาติพันธุ์ หรืออะไรก็ตาม มันนำมาสู่ ความเกลียดชังกันเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใคร และสิ่งที่สำคัญที่สุดคนที่เดือดร้อน คือคนตัวเล็กตัวน้อยหน้างานของทั้งสองฝั่ง แต่คนที่ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
    จากการเบ่งบานของเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง ที่นั่งอยู่ที่กรุงพนมเปญ ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เสียอะไร

    เมื่อถามว่า ไม่ได้คิดบ้างหรือว่าเนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ประชาชนพึ่งพาไม่ได้เช่นนี้ จึงทำให้คนโหยหาทหาร นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอนที่สุดเราไม่ปฏิเสธว่า การที่รัฐบาลตอบโต้กัมพูชาในช่วงหลายเดือนก่อน น้อยเกินไป ช้าเกินไป แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้าง
    หากจะให้พูดกันตรงๆ คือทหารไม่สามารถออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ได้ และไม่ควรจะให้ความเห็น ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ สะท้อนปัญหาการเมืองไทย ว่ารัฐบาลพลเรือนไม่สามารถแก้ปัญหาสถานการณ์กองทัพได้ แม้ว่าขณะนี้ รัฐบาลพลเรือนจะแก้ข้อผิดพลาดด้วยการมอบอำนาจให้กับทหาร
    เรื่องนี้ยังไม่สายเกินไป ว่าเราต้องการสันติภาพ นี่คือพี่น้องกัน เดินข้ามถนน เดินข้ามพรมแดน ก็พี่น้องกันแล้ว ความร่วมมือจะนำมาซึ่งการสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางวัฒนธรรมที่ดีกว่า เราอยากเห็นความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนบ้านเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ที่เผชิญหน้ากัน ดังนั้น เราต้องส่งเสียงทั้งสองฝ่าย ว่าสิ่งที่เราแสวงหารร่วมกัน คือ ความร่วมมือ และสันติภาพ ไม่ใช่ความเกลียดชัง และ
    สงคราม ส่งเสียงให้ดังๆ" นายธนาธร กล่าว
    กู่ไม่กลับ! 'ธนาธร' ชี้ทหารไม่ควรให้ความเห็นเรื่องชายแดน ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน /////////// "ธนาธร" เชื่อยังไม่สายเกินไป แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอทั้งสองฝ่ายร่วมกันส่งเสียงดังๆ ต้องการความร่วมมือ-สันติภาพ แนะรัฐบาลต้องอดทน แม้ถูกยั่วยุ ย้ำโต๊ะเจรจา JBC ยังจำเป็น เพื่อทำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รับประชาชนเรียกร้องนายกฯที่เป็นทหาร เหตุรัฐบาลพลเรือนคุมสถานการณ์ไม่ได้ 18 กรกฎาคม 2568 - ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวผ่านรายการ Exclusive Talk : ผ่าทางตัน ซึ่งจัดโดยเครือเนชั่น ถึงปัญหาชายแดนไทย กัมพูชาในขณะนี้ คิดว่าจะบานปลายหรือไม่ หรือควรแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ว่า ตนไม่กลัวเบื้องหลัง กลัวเบื้องหน้ามากกว่า ขอเกมของกัมพูชา คือต้องการสร้างความได้เปรียบในเวทีโลก ผ่านศาลโลก หรือกระบวนการของ UNGA UNHC ซึ่งเขาต้องการดันไปสู่จุดนั้น โดยใช้การสร้างความชอบธรรม ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว ท่าทีของรัฐบาลไทย หรือกองทัพไทย จึงต้องอดทนอดกลั้น เป็นผู้ใหญ่ และไม่ไปตกหลุมเขา เราต้องไม่เริ่มก่อน ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความขัดแย้งก่อตัวขึ้น มีการปะทะ จนนำมาสู่การบาดเจ็บล้นตาย เกิดการใช้ความรุนแรง ซึ่งก็จะเข้าทางเขา นายธนาธร มองว่า ความสำคัญของเรื่องนี้ ในวันนี้คือเบื้องหน้า ไม่ใช่เบื้องหลัง คือเราจะทำอย่างไร ให้สถานการณ์อ่อนลง ทำให้สถานการณ์กลับไปเป็นปกติได้เร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้รัฐบาลพลเรือน ผ่านกลไก JBC ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาพูดคุยกัน เพื่อทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ นายธนาธร ระบุว่า การที่สถานการณ์ตึงเครียด เป็นเพราะรัฐบาลพลาดในกรณีคลิปเสียง ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นโจทย์ของตัวเอง จึงต้องทำท่าทีขึงขัง และนี่ก็เป็นสิ่งที่ตนกลัว เพราะถ้าทีขึงขังนี้ เกิดจากการที่ต้องการแก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง แต่สิ่งที่เราต้องการคือต้องการลดความตึงเครียด ลดความรุนแรง ผ่านโต๊ะเจรจา เพราะหากเกิดอะไรขึ้น จะกลายเป็นข้ออ้าง ที่เขาสามารถใช้ในเวทีโลก และทำให้เราเสียเปรียบ ส่วนแปลกใจหรือไม่ ที่ผลโพลล่าสุด ออกมาว่านายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ คือพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นทหาร นายธนาธร ระบุว่า ตนติดใจเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกัน มากกว่าเรื่องนี้ คือเรื่องการกลับเข้ามาไว้วางใจทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล เนื่องจากประเทศไทยมีความหลากหลายเยอะมาก หลายชาติพันธุ์ วัฒนธรรมเต็มไปหมด สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพ การอยู่ร่วมกัน การเคารพในตัวตน และศรัทธาของกันและกัน เราไม่ได้ต้องการสงคราม ดังนั้น สิ่งที่ตนเป็นกังวลก็คือ การใช้ความรู้สึก หรือสถานการณ์มาสร้างอารมณ์ความรู้สึก ชาตินิยมที่ล้นเกิน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังในสังคม เมื่อเมล็ดพันธุ์ของความเกลียดชังเบ่งบาน ก็จะเอาไม่ลง เพราะหากเมล็ดพันธุ์การแบ่งแยกผู้คน ที่ทำให้ผู้คนเกลียดกลัวกัน ระแวงกัน ด้วยการใช้ศาสนา ชาติพันธุ์ หรืออะไรก็ตาม มันนำมาสู่ ความเกลียดชังกันเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใคร และสิ่งที่สำคัญที่สุดคนที่เดือดร้อน คือคนตัวเล็กตัวน้อยหน้างานของทั้งสองฝั่ง แต่คนที่ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จากการเบ่งบานของเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง ที่นั่งอยู่ที่กรุงพนมเปญ ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เสียอะไร เมื่อถามว่า ไม่ได้คิดบ้างหรือว่าเนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ประชาชนพึ่งพาไม่ได้เช่นนี้ จึงทำให้คนโหยหาทหาร นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอนที่สุดเราไม่ปฏิเสธว่า การที่รัฐบาลตอบโต้กัมพูชาในช่วงหลายเดือนก่อน น้อยเกินไป ช้าเกินไป แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้าง หากจะให้พูดกันตรงๆ คือทหารไม่สามารถออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ได้ และไม่ควรจะให้ความเห็น ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ สะท้อนปัญหาการเมืองไทย ว่ารัฐบาลพลเรือนไม่สามารถแก้ปัญหาสถานการณ์กองทัพได้ แม้ว่าขณะนี้ รัฐบาลพลเรือนจะแก้ข้อผิดพลาดด้วยการมอบอำนาจให้กับทหาร เรื่องนี้ยังไม่สายเกินไป ว่าเราต้องการสันติภาพ นี่คือพี่น้องกัน เดินข้ามถนน เดินข้ามพรมแดน ก็พี่น้องกันแล้ว ความร่วมมือจะนำมาซึ่งการสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางวัฒนธรรมที่ดีกว่า เราอยากเห็นความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนบ้านเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ที่เผชิญหน้ากัน ดังนั้น เราต้องส่งเสียงทั้งสองฝ่าย ว่าสิ่งที่เราแสวงหารร่วมกัน คือ ความร่วมมือ และสันติภาพ ไม่ใช่ความเกลียดชัง และ สงคราม ส่งเสียงให้ดังๆ" นายธนาธร กล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้

    ### มุมมองของจีนต่อไทย:
    1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค**
    - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC)
    - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023)

    2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง**
    - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
    - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน

    3. **มิติทางวัฒนธรรม**
    - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด)

    ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย:
    1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม**
    - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold
    - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557

    2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์**
    - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง
    - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership

    3. **ประเด็นค่านิยม**
    - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง
    - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต

    ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ:
    - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต
    - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด
    - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก

    ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย:
    ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย:
    1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ
    2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน
    3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง

    ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้ ### มุมมองของจีนต่อไทย: 1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค** - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC) - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023) 2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง** - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน 3. **มิติทางวัฒนธรรม** - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด) ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย: 1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม** - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557 2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์** - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership 3. **ประเด็นค่านิยม** - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ: - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย: ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย: 1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ 2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน 3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 430 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: ช่องโหว่เก่าใน SonicWall กลับมาหลอกหลอนองค์กรอีกครั้ง

    Google Threat Intelligence Group (GTIG) รายงานว่ากลุ่มแฮกเกอร์ UNC6148 ซึ่งมีแรงจูงใจทางการเงิน ได้ใช้ช่องโหว่ zero-day ในอุปกรณ์ SonicWall SMA 100 series เพื่อฝังมัลแวร์ OVERSTEP ซึ่งเป็น rootkit แบบ user-mode ที่สามารถ:
    - แก้ไขกระบวนการบูตของอุปกรณ์
    - ขโมยข้อมูล credential และ OTP seed
    - ซ่อนตัวเองจากระบบตรวจจับ

    แม้อุปกรณ์จะได้รับการแพตช์แล้ว แต่แฮกเกอร์ยังสามารถเข้าถึงได้ผ่าน credential ที่ขโมยไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้การอัปเดตไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์

    หนึ่งในองค์กรที่ถูกโจมตีในเดือนพฤษภาคม 2025 ถูกนำข้อมูลไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ World Leaks ในเดือนมิถุนายน และมีความเชื่อมโยงกับการโจมตีที่ใช้ ransomware ชื่อ Abyss ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2023 ถึงต้นปี 2024

    กลุ่มแฮกเกอร์ UNC6148 ใช้ช่องโหว่ใน SonicWall SMA 100 series
    แม้อุปกรณ์จะได้รับการแพตช์แล้ว แต่ยังถูกเจาะผ่าน credential เดิม

    มัลแวร์ OVERSTEP เป็น rootkit แบบ user-mode
    แก้ไขกระบวนการบูต ขโมยข้อมูล และซ่อนตัวเองจากระบบ

    การโจมตีเริ่มต้นตั้งแต่ตุลาคม 2024 และยังดำเนินต่อเนื่อง
    มีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลและเรียกค่าไถ่

    องค์กรที่ถูกโจมตีถูกนำข้อมูลไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ World Leaks
    แสดงถึงความรุนแรงของการละเมิดข้อมูล

    GTIG เชื่อมโยงการโจมตีกับ ransomware ชื่อ Abyss (VSOCIETY)
    เคยใช้โจมตี SonicWall ในช่วงปลายปี 2023

    การโจมตีเน้นอุปกรณ์ที่หมดอายุการสนับสนุน (end-of-life)
    เช่น SonicWall SMA 100 series ที่ยังมีการใช้งานอยู่ในบางองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/security/hacker-using-backdoor-to-exploit-sonicwall-secure-mobile-access-to-steal-credentials
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: ช่องโหว่เก่าใน SonicWall กลับมาหลอกหลอนองค์กรอีกครั้ง Google Threat Intelligence Group (GTIG) รายงานว่ากลุ่มแฮกเกอร์ UNC6148 ซึ่งมีแรงจูงใจทางการเงิน ได้ใช้ช่องโหว่ zero-day ในอุปกรณ์ SonicWall SMA 100 series เพื่อฝังมัลแวร์ OVERSTEP ซึ่งเป็น rootkit แบบ user-mode ที่สามารถ: - แก้ไขกระบวนการบูตของอุปกรณ์ - ขโมยข้อมูล credential และ OTP seed - ซ่อนตัวเองจากระบบตรวจจับ แม้อุปกรณ์จะได้รับการแพตช์แล้ว แต่แฮกเกอร์ยังสามารถเข้าถึงได้ผ่าน credential ที่ขโมยไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้การอัปเดตไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์ หนึ่งในองค์กรที่ถูกโจมตีในเดือนพฤษภาคม 2025 ถูกนำข้อมูลไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ World Leaks ในเดือนมิถุนายน และมีความเชื่อมโยงกับการโจมตีที่ใช้ ransomware ชื่อ Abyss ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2023 ถึงต้นปี 2024 ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ UNC6148 ใช้ช่องโหว่ใน SonicWall SMA 100 series ➡️ แม้อุปกรณ์จะได้รับการแพตช์แล้ว แต่ยังถูกเจาะผ่าน credential เดิม ✅ มัลแวร์ OVERSTEP เป็น rootkit แบบ user-mode ➡️ แก้ไขกระบวนการบูต ขโมยข้อมูล และซ่อนตัวเองจากระบบ ✅ การโจมตีเริ่มต้นตั้งแต่ตุลาคม 2024 และยังดำเนินต่อเนื่อง ➡️ มีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลและเรียกค่าไถ่ ✅ องค์กรที่ถูกโจมตีถูกนำข้อมูลไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ World Leaks ➡️ แสดงถึงความรุนแรงของการละเมิดข้อมูล ✅ GTIG เชื่อมโยงการโจมตีกับ ransomware ชื่อ Abyss (VSOCIETY) ➡️ เคยใช้โจมตี SonicWall ในช่วงปลายปี 2023 ✅ การโจมตีเน้นอุปกรณ์ที่หมดอายุการสนับสนุน (end-of-life) ➡️ เช่น SonicWall SMA 100 series ที่ยังมีการใช้งานอยู่ในบางองค์กร https://www.techradar.com/pro/security/hacker-using-backdoor-to-exploit-sonicwall-secure-mobile-access-to-steal-credentials
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hacker using backdoor to exploit SonicWall Secure Mobile Access to steal credentials
    The vulnerability is fully patched, but criminals are still finding a way
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพอิสราเอลถล่มทางอากาศกลางกรุงดามัสกัส พังบางส่วนกระทรวงกลาโหมและโจมตีใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีซีเรีย ด้านรัฐบาลซีเรียเผยมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ท่ามกลางความรุนแรงใน Sweida ที่อิสราเอลอ้างเป็นการปกป้องชาวดรูซ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000067141

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes

    กองทัพอิสราเอลถล่มทางอากาศกลางกรุงดามัสกัส พังบางส่วนกระทรวงกลาโหมและโจมตีใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีซีเรีย ด้านรัฐบาลซีเรียเผยมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ท่ามกลางความรุนแรงใน Sweida ที่อิสราเอลอ้างเป็นการปกป้องชาวดรูซ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000067141 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1035 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts