• Elon Musk เผชิญกับคดีความที่กล่าวหาว่าเขาเปิดเผยการถือหุ้นใน Twitter ช้ากว่ากำหนด เพื่อซื้อหุ้นในราคาต่ำก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้น ข้อกล่าวหาเน้นถึงการที่อดีตผู้ถือหุ้นเสียโอกาสในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น Musk ยังถูกมองว่าทวีตข้อความที่เพิ่มความคลุมเครือเกี่ยวกับแผนการของเขาในอนาคต ทำให้ศาลกำลังพิจารณาว่าข้อกล่าวหานี้มีน้ำหนักเพียงใด

    ข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกง:
    - Musk ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎของ SEC ที่กำหนดให้ผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่ต้องรายงานการถือหุ้นเกิน 5% ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2022 แต่ Musk รายงานช้ากว่าเดิมถึง 11 วัน ซึ่งผู้ถือหุ้นอ้างว่า Musk ประหยัดเงินได้มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์จากการซื้อหุ้นในราคาต่ำ.

    ผลกระทบต่อราคาหุ้น:
    - เมื่อ Musk เปิดเผยการถือหุ้น 9.2% ในวันที่ 4 เมษายน 2022 ราคาหุ้นของ Twitter พุ่งขึ้น 27% ซึ่งทำให้อดีตผู้ถือหุ้นที่ขายหุ้นก่อนหน้าต้องเสียโอกาสในการรับผลกำไร.

    พฤติกรรมที่ทำให้เกิดข้อสงสัย:
    - ในวันที่ 26 มีนาคม 2022 Musk ทวีตเกี่ยวกับการสร้างโซเชียลมีเดียใหม่ หรืออาจซื้อ Twitter และเปลี่ยนโลโก้เป็นสุนัข Doge ข้อความเหล่านี้สร้างความคลุมเครือเกี่ยวกับเจตนาที่แท้จริงของเขา.

    คดีที่ต่อเนื่อง:
    - ศาลไม่ได้ตัดสินว่า Musk ผิดหรือไม่ แต่การร้องเรียนนี้ดำเนินการในนามของกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของความโปร่งใสในการถือหุ้นและการรายงานข้อมูล.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/29/elon-musk-must-face-fraud-lawsuit-over-disclosure-of-twitter-stake
    Elon Musk เผชิญกับคดีความที่กล่าวหาว่าเขาเปิดเผยการถือหุ้นใน Twitter ช้ากว่ากำหนด เพื่อซื้อหุ้นในราคาต่ำก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้น ข้อกล่าวหาเน้นถึงการที่อดีตผู้ถือหุ้นเสียโอกาสในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น Musk ยังถูกมองว่าทวีตข้อความที่เพิ่มความคลุมเครือเกี่ยวกับแผนการของเขาในอนาคต ทำให้ศาลกำลังพิจารณาว่าข้อกล่าวหานี้มีน้ำหนักเพียงใด ข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกง: - Musk ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎของ SEC ที่กำหนดให้ผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่ต้องรายงานการถือหุ้นเกิน 5% ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2022 แต่ Musk รายงานช้ากว่าเดิมถึง 11 วัน ซึ่งผู้ถือหุ้นอ้างว่า Musk ประหยัดเงินได้มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์จากการซื้อหุ้นในราคาต่ำ. ผลกระทบต่อราคาหุ้น: - เมื่อ Musk เปิดเผยการถือหุ้น 9.2% ในวันที่ 4 เมษายน 2022 ราคาหุ้นของ Twitter พุ่งขึ้น 27% ซึ่งทำให้อดีตผู้ถือหุ้นที่ขายหุ้นก่อนหน้าต้องเสียโอกาสในการรับผลกำไร. พฤติกรรมที่ทำให้เกิดข้อสงสัย: - ในวันที่ 26 มีนาคม 2022 Musk ทวีตเกี่ยวกับการสร้างโซเชียลมีเดียใหม่ หรืออาจซื้อ Twitter และเปลี่ยนโลโก้เป็นสุนัข Doge ข้อความเหล่านี้สร้างความคลุมเครือเกี่ยวกับเจตนาที่แท้จริงของเขา. คดีที่ต่อเนื่อง: - ศาลไม่ได้ตัดสินว่า Musk ผิดหรือไม่ แต่การร้องเรียนนี้ดำเนินการในนามของกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของความโปร่งใสในการถือหุ้นและการรายงานข้อมูล. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/29/elon-musk-must-face-fraud-lawsuit-over-disclosure-of-twitter-stake
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Elon Musk must face fraud lawsuit over disclosure of Twitter stake
    NEW YORK (Reuters) -A U.S. judge on Friday rejected billionaire Elon Musk's bid to dismiss a lawsuit claiming he defrauded former Twitter shareholders by waiting too long to disclose his initial investment in the social media company, now known as X.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • งามไส้เลย รมว. กระทรวงทรัพย์ฯ ยุคนั่งเกษตรก็มีข่าวพัวพันนำเข้าหมูเถื่อน ย้ายมากระทรวงทรัพย์ ก็เลยลองนำออกบ้าง แต่ดันเป็นการนำตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะสิมิลันออก จากหลายร้อยคนเหลือแค่ 5-6 คน เพื่อโกงกินค่าธรรมเนียมหลายพันหัว ขนาดตรวจสอบแค่ 2 ชั่วโมง ฟาดนิ่มๆ กินเงินหลวง ไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท แมลงสาบยุคใหม่ หากินในน้ำได้ด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    งามไส้เลย รมว. กระทรวงทรัพย์ฯ ยุคนั่งเกษตรก็มีข่าวพัวพันนำเข้าหมูเถื่อน ย้ายมากระทรวงทรัพย์ ก็เลยลองนำออกบ้าง แต่ดันเป็นการนำตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะสิมิลันออก จากหลายร้อยคนเหลือแค่ 5-6 คน เพื่อโกงกินค่าธรรมเนียมหลายพันหัว ขนาดตรวจสอบแค่ 2 ชั่วโมง ฟาดนิ่มๆ กินเงินหลวง ไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท แมลงสาบยุคใหม่ หากินในน้ำได้ด้วย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่คือสิ่งที่ลุงกลัวและเป็นเหตุผลที่ลุงจะไม่ซื้อของที่เป็นมือสองหรือจากร้านที่ไม่มีชื่อเสียง

    ผู้บริโภคต้องระวังการ์ดจอปลอมที่ถูกออกแบบให้เหมือน RTX 4090 แต่แท้จริงใช้ชิป GA102 ของ RTX 3090 โดยมักถูกขายในราคาที่ถูกกว่า RTX 4090 มาก การดัดแปลงทำได้อย่างแนบเนียนจนผู้ซื้อที่ไม่เชี่ยวชาญอาจไม่สามารถแยกแยะได้ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบชิ้นส่วนภายในและการทดสอบไดรเวอร์สามารถช่วยยืนยันได้ว่าการ์ดนั้นเป็นของแท้หรือไม่

    การตรวจสอบการปลอมแปลง:
    - การปลอมแปลงทำได้เนียนจนแทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นได้ง่าย นอกจากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่คุ้นเคยกับชิ้นส่วนภายในของการ์ดจอ โดยพบว่าตำแหน่งของตัวเก็บประจุ (capacitor) ไม่ตรงกับของแท้ รวมถึงการออกแบบ MLCC ที่เหมือน RTX 3090 มากกว่า RTX 4090.

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค:
    - ผู้ใช้ที่ซื้อการ์ดปลอมมักจะพบปัญหา เช่น การ์ดไม่สามารถทำงานได้ และการตรวจสอบผ่านไดรเวอร์ของ Nvidia จะแสดงความผิดปกติ.

    ประวัติของการโกงการ์ดจอ:
    - นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดกรณีลักษณะนี้ การปลอมแปลง RTX 4090 เคยปรากฏในกรณีที่มีการดัดแปลงการ์ดจอโดยใช้ชิป GA102 หรือขายโดยไม่มีชิป GPU และหน่วยความจำในตัว.

    https://www.techspot.com/news/107311-fake-rtx-4090-graphics-card-looks-real-ndash.html
    นี่คือสิ่งที่ลุงกลัวและเป็นเหตุผลที่ลุงจะไม่ซื้อของที่เป็นมือสองหรือจากร้านที่ไม่มีชื่อเสียง ผู้บริโภคต้องระวังการ์ดจอปลอมที่ถูกออกแบบให้เหมือน RTX 4090 แต่แท้จริงใช้ชิป GA102 ของ RTX 3090 โดยมักถูกขายในราคาที่ถูกกว่า RTX 4090 มาก การดัดแปลงทำได้อย่างแนบเนียนจนผู้ซื้อที่ไม่เชี่ยวชาญอาจไม่สามารถแยกแยะได้ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบชิ้นส่วนภายในและการทดสอบไดรเวอร์สามารถช่วยยืนยันได้ว่าการ์ดนั้นเป็นของแท้หรือไม่ การตรวจสอบการปลอมแปลง: - การปลอมแปลงทำได้เนียนจนแทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นได้ง่าย นอกจากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่คุ้นเคยกับชิ้นส่วนภายในของการ์ดจอ โดยพบว่าตำแหน่งของตัวเก็บประจุ (capacitor) ไม่ตรงกับของแท้ รวมถึงการออกแบบ MLCC ที่เหมือน RTX 3090 มากกว่า RTX 4090. ผลกระทบต่อผู้บริโภค: - ผู้ใช้ที่ซื้อการ์ดปลอมมักจะพบปัญหา เช่น การ์ดไม่สามารถทำงานได้ และการตรวจสอบผ่านไดรเวอร์ของ Nvidia จะแสดงความผิดปกติ. ประวัติของการโกงการ์ดจอ: - นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดกรณีลักษณะนี้ การปลอมแปลง RTX 4090 เคยปรากฏในกรณีที่มีการดัดแปลงการ์ดจอโดยใช้ชิป GA102 หรือขายโดยไม่มีชิป GPU และหน่วยความจำในตัว. https://www.techspot.com/news/107311-fake-rtx-4090-graphics-card-looks-real-ndash.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Fake RTX 4090 graphics card looks real – but hides an RTX 3090 GPU
    A user on Chinese video-sharing platform Bilibili (via Tom's Hardware) shared a video of what appears to be an unboxing of a Palit RTX 4090 graphics card.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลำพูน – ศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว สั่งจำคุก 15 ปี อดีตสาวโรงงานนิคมฯลำพูน หลอกหมอฟันสาวเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียน ลงทุนสูญ 68 ล้านบาท พ่วงคดีฟอกเงินกับพวกอีก 2 ราย พร้อมคืนเงินให้กับโจทย์ 38 ล้าน พบจำเลยนั่งรถหรูราคาหลายล้านมาฟังมาคำตัดสิน

    นางสาวจิตรลดา กัลยาธง หรือหมอนก เจ้าของคลินิกทำฟันชื่อดังในตัวเมืองลำพูน ผู้เสียหาย พร้อมญาติที่เดินทางมาฟังคำตัดสินคดีที่ถูกเพื่อนสนิทสมัยเรียนหลอกลงทุน
    นางสาวจิตรลดา กัลยาธง หรือหมอนก เจ้าของคลินิกทำฟันชื่อดังในตัวเมืองลำพูน ผู้เสียหาย พร้อมญาติที่เดินทางมาฟังคำตัดสินคดีที่ถูกเพื่อนสนิทสมัยเรียนหลอกลงทุน

    ความคืบหน้ากรณีนางสาวกบ (นามสมมุติ) อดีตพนักงานโรงงานนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน ถูกฟ้องร้องฐานฉ้อโกงนางสาวจิตรลดา กัลยาธง หรือหมอนก เจ้าของคลินิกทำฟันชื่อดังในตัวเมืองลำพูน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน โดยอ้างว่าได้เปิดบริษัทรับซื้อกากอุตสาหกรรมตามโรงงานย่านนิคมอุตสาหกรรม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000029230

    #MGROnline #หมอฟัน #เจ้าของคลินิกทำฟัน #ลำพูน
    ลำพูน – ศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว สั่งจำคุก 15 ปี อดีตสาวโรงงานนิคมฯลำพูน หลอกหมอฟันสาวเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียน ลงทุนสูญ 68 ล้านบาท พ่วงคดีฟอกเงินกับพวกอีก 2 ราย พร้อมคืนเงินให้กับโจทย์ 38 ล้าน พบจำเลยนั่งรถหรูราคาหลายล้านมาฟังมาคำตัดสิน • นางสาวจิตรลดา กัลยาธง หรือหมอนก เจ้าของคลินิกทำฟันชื่อดังในตัวเมืองลำพูน ผู้เสียหาย พร้อมญาติที่เดินทางมาฟังคำตัดสินคดีที่ถูกเพื่อนสนิทสมัยเรียนหลอกลงทุน นางสาวจิตรลดา กัลยาธง หรือหมอนก เจ้าของคลินิกทำฟันชื่อดังในตัวเมืองลำพูน ผู้เสียหาย พร้อมญาติที่เดินทางมาฟังคำตัดสินคดีที่ถูกเพื่อนสนิทสมัยเรียนหลอกลงทุน • ความคืบหน้ากรณีนางสาวกบ (นามสมมุติ) อดีตพนักงานโรงงานนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน ถูกฟ้องร้องฐานฉ้อโกงนางสาวจิตรลดา กัลยาธง หรือหมอนก เจ้าของคลินิกทำฟันชื่อดังในตัวเมืองลำพูน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน โดยอ้างว่าได้เปิดบริษัทรับซื้อกากอุตสาหกรรมตามโรงงานย่านนิคมอุตสาหกรรม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000029230 • #MGROnline #หมอฟัน #เจ้าของคลินิกทำฟัน #ลำพูน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครสอนให้ตอบอย่างนั้น มโนกรรมทุจริตชัด ๆ..เพราะเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ) จึงเห็นผิดเป็นชอบ ที่ครอบครัวทำธุรกิจในที่ดินวัด เห็นว่า เป็นธุรกิจชอบด้วยกฎหมาย ไม่สะดุ้ง ไม่ละอาย ไม่เกรงกลัวบาป ไม่เชื่อเรื่องกรรม

    เคียดแค้นพยาบาท ใครทำไม่ถูกใจ ก็ทำลายล้าง

    โลภเพ่งเล็งในอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของชาติ โกง ทุจริตทุกช่องทาง รายการยาวเหมือนหางว่าว

    ตอบได้คำเดียว.."ไม่เป็นความจริงค่ะ"..
    ใครสอนให้ตอบอย่างนั้น มโนกรรมทุจริตชัด ๆ..เพราะเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ) จึงเห็นผิดเป็นชอบ ที่ครอบครัวทำธุรกิจในที่ดินวัด เห็นว่า เป็นธุรกิจชอบด้วยกฎหมาย ไม่สะดุ้ง ไม่ละอาย ไม่เกรงกลัวบาป ไม่เชื่อเรื่องกรรม เคียดแค้นพยาบาท ใครทำไม่ถูกใจ ก็ทำลายล้าง โลภเพ่งเล็งในอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของชาติ โกง ทุจริตทุกช่องทาง รายการยาวเหมือนหางว่าว ตอบได้คำเดียว.."ไม่เป็นความจริงค่ะ"..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทุจริตยาภายในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเป็นแผลในวงการสาธารณสุขของไทย ที่กลุ่มคนบางกลุ่มใช้ช่องโหว่ในการเบิกยาจากภาษีประชาชนเพื่อนำไปขายต่อให้กับตลาดมืด เป็นเรื่องที่กระทบความเชื่อมั่นในระบบการทำงานของภาครัฐ ที่ต้องถูกจัดการอย่างจริงจัง

    #ล้างบางแก๊งโกงยา #แก๊งโกงยา #จับแก๊งทุจริตยา #ตำรวจสอบสวนกลาง #โรงพยาบาลทหารผ่านศึก #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    การทุจริตยาภายในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเป็นแผลในวงการสาธารณสุขของไทย ที่กลุ่มคนบางกลุ่มใช้ช่องโหว่ในการเบิกยาจากภาษีประชาชนเพื่อนำไปขายต่อให้กับตลาดมืด เป็นเรื่องที่กระทบความเชื่อมั่นในระบบการทำงานของภาครัฐ ที่ต้องถูกจัดการอย่างจริงจัง #ล้างบางแก๊งโกงยา #แก๊งโกงยา #จับแก๊งทุจริตยา #ตำรวจสอบสวนกลาง #โรงพยาบาลทหารผ่านศึก #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1209 มุมมอง 45 0 รีวิว
  • “นิพิฏฐ์” มอง โกงภาษี หรือ บริหารภาษี ?
    https://www.thai-tai.tv/news/17854/
    “นิพิฏฐ์” มอง โกงภาษี หรือ บริหารภาษี ? https://www.thai-tai.tv/news/17854/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโกงการเงินแบบใหม่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นจากการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยมิจฉาชีพในจีนใช้แอป Z-NFC ส่งธุรกรรมจากมือถือในจีนไปยังร้านค้าในสหรัฐฯ ผ่านระบบ Tap-to-Pay ทำให้สามารถซื้อบัตรของขวัญได้อย่างรวดเร็วแม้ไม่ได้อยู่ในประเทศ เหตุการณ์นี้เน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการป้องกันภัยฟิชชิงและเพิ่มความปลอดภัยของระบบกระเป๋าเงินดิจิทัล

    เทคนิคที่ใช้ในการหลอกลวง:
    - ฟิชชิงมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การส่งข้อความปลอมจากบริการไปรษณีย์หรือระบบเก็บค่าผ่านทาง ข้อมูลบัตรเครดิตที่หลอกลวงเหล่านี้ถูกเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินดิจิทัลผ่านรหัส OTP ที่เหยื่อได้รับและส่งให้มิจฉาชีพ.

    เทคโนโลยีที่สนับสนุนการโกง:
    - แอป Z-NFC ที่ใช้งานในกระบวนการโกงสามารถถ่ายโอนธุรกรรมผ่าน NFC จากอุปกรณ์ที่อยู่ในจีนไปยังเครื่องอ่านในสหรัฐฯ มิจฉาชีพจึงสามารถชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินปลอมได้โดยไม่ต้องอยู่ในสถานที่จริง.

    บทบาทของแพลตฟอร์ม Telegram:
    - กลุ่มมิจฉาชีพขายโทรศัพท์ที่มีการตั้งค่ากระเป๋าเงินหลอกใน Telegram โดยมีมูลค่าการขายต่ออุปกรณ์ที่สูง พร้อมการสนับสนุนทางเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง.

    ผลกระทบในวงกว้าง:
    - บัตรของขวัญมูลค่ากว่า $23,000 ถูกซื้อผ่านข้อมูลบัตรที่ขโมยมา และการโกงนี้เป็นการขยายตัวของอาชญากรรมไซเบอร์ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง.

    https://krebsonsecurity.com/2025/03/arrests-in-tap-to-pay-scheme-powered-by-phishing/
    การโกงการเงินแบบใหม่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นจากการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยมิจฉาชีพในจีนใช้แอป Z-NFC ส่งธุรกรรมจากมือถือในจีนไปยังร้านค้าในสหรัฐฯ ผ่านระบบ Tap-to-Pay ทำให้สามารถซื้อบัตรของขวัญได้อย่างรวดเร็วแม้ไม่ได้อยู่ในประเทศ เหตุการณ์นี้เน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการป้องกันภัยฟิชชิงและเพิ่มความปลอดภัยของระบบกระเป๋าเงินดิจิทัล เทคนิคที่ใช้ในการหลอกลวง: - ฟิชชิงมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การส่งข้อความปลอมจากบริการไปรษณีย์หรือระบบเก็บค่าผ่านทาง ข้อมูลบัตรเครดิตที่หลอกลวงเหล่านี้ถูกเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินดิจิทัลผ่านรหัส OTP ที่เหยื่อได้รับและส่งให้มิจฉาชีพ. เทคโนโลยีที่สนับสนุนการโกง: - แอป Z-NFC ที่ใช้งานในกระบวนการโกงสามารถถ่ายโอนธุรกรรมผ่าน NFC จากอุปกรณ์ที่อยู่ในจีนไปยังเครื่องอ่านในสหรัฐฯ มิจฉาชีพจึงสามารถชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินปลอมได้โดยไม่ต้องอยู่ในสถานที่จริง. บทบาทของแพลตฟอร์ม Telegram: - กลุ่มมิจฉาชีพขายโทรศัพท์ที่มีการตั้งค่ากระเป๋าเงินหลอกใน Telegram โดยมีมูลค่าการขายต่ออุปกรณ์ที่สูง พร้อมการสนับสนุนทางเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง. ผลกระทบในวงกว้าง: - บัตรของขวัญมูลค่ากว่า $23,000 ถูกซื้อผ่านข้อมูลบัตรที่ขโมยมา และการโกงนี้เป็นการขยายตัวของอาชญากรรมไซเบอร์ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง. https://krebsonsecurity.com/2025/03/arrests-in-tap-to-pay-scheme-powered-by-phishing/
    KREBSONSECURITY.COM
    Arrests in Tap-to-Pay Scheme Powered by Phishing
    Authorities in at least two U.S. states last week independently announced arrests of Chinese nationals accused of perpetrating a novel form of tap-to-pay fraud using mobile devices. Details released by authorities so far indicate the mobile wallets being used by…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ศาลอาญา” มีคำพิพากษาให้จำคุกอดีตผู้บริหาร GGC และกรรมการบริษัทคู่ค้าในคดีฉ้อโกงและละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ หลังตรวจพบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบหายไปจากระบบ มูลค่ากว่า 2,157 ล้านบาทนายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่าตามที่บริษัทฯ ได้แจ้งความร้องทุกข์อดีตผู้บริหารและคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับพวก ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ในไตรมาส 3/2561 รวมทั้งสิ้น 8คดี ปัจจุบันคดีอยู่ในขั้นพนักงานสอบสวน 4 คดี อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ 1 คดี และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอีก 3 คดี นั้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.1926/2565 ว่า จำเลยบางคนมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา และ/หรือ ความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกอดีตผู้บริหารของบริษัทฯจำนวน 1 คน เป็นระยะเวลา 2 ปี และให้นับโทษต่อจากคคีอาญาหมายเลขดำที่ อ.600/2565 อีกทั้งพิพากษาลงโทษจำคุกอดีตผู้บริหารของบริษัทฯ อีก 1 คน เป็นระยะเวลา 2 ปี และจำคุกกรรมการบริษัทคู่ค้า 1 คน เป็นระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน พร้อมให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.600/2565
    “ศาลอาญา” มีคำพิพากษาให้จำคุกอดีตผู้บริหาร GGC และกรรมการบริษัทคู่ค้าในคดีฉ้อโกงและละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ หลังตรวจพบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบหายไปจากระบบ มูลค่ากว่า 2,157 ล้านบาทนายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่าตามที่บริษัทฯ ได้แจ้งความร้องทุกข์อดีตผู้บริหารและคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับพวก ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ในไตรมาส 3/2561 รวมทั้งสิ้น 8คดี ปัจจุบันคดีอยู่ในขั้นพนักงานสอบสวน 4 คดี อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ 1 คดี และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอีก 3 คดี นั้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.1926/2565 ว่า จำเลยบางคนมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา และ/หรือ ความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกอดีตผู้บริหารของบริษัทฯจำนวน 1 คน เป็นระยะเวลา 2 ปี และให้นับโทษต่อจากคคีอาญาหมายเลขดำที่ อ.600/2565 อีกทั้งพิพากษาลงโทษจำคุกอดีตผู้บริหารของบริษัทฯ อีก 1 คน เป็นระยะเวลา 2 ปี และจำคุกกรรมการบริษัทคู่ค้า 1 คน เป็นระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน พร้อมให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.600/2565
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ศาลอาญา” มีคำพิพากษาให้จำคุกอดีตผู้บริหาร GGC และกรรมการบริษัทคู่ค้าในคดีฉ้อโกงและละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ หลังตรวจพบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบหายไปจากระบบ มูลค่ากว่า 2,157 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000028902
    “ศาลอาญา” มีคำพิพากษาให้จำคุกอดีตผู้บริหาร GGC และกรรมการบริษัทคู่ค้าในคดีฉ้อโกงและละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ หลังตรวจพบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบหายไปจากระบบ มูลค่ากว่า 2,157 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000028902
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล้างบาง ‘โกงยา’ โรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่มีขบวนการทำมาอย่างยาวนานนับ 7 ปีตั้งแต่ แพทย์ ทหาร พันเองหญิง คนไข้ทิพย์ ที่ยอมกิน หวาน มัน เค็ม เพื่อให้ค่าเลือดผิด พบเส้นเงินกว่า 80 ล้าน กินเงินภาษีคนไทยทั้งประเทศมานานปี จนถึงวันที่เครื่อข่ายล้มสลาย ตอนโดนจับ แขนขาอ่อนแรงเดินเองไม่ได้ มีความเป็นมาอย่างไร NBT CONNEXT จะเล่าให้ฟัง🛑 ขบวนการนี้เป็นเครือข่ายจากลพบุรี มีทั้งแพทย์ ทหาร พยาบาล ครู เกี่ยวข้องกันทั้งหมดมี แพทย์ทหารหญิงยศพันเอกเป็นตัวบงการใหญ่ เริ่มแรกมีการเปิดโปงเรื่องนี้คือ นางสาวพัชนีย์ พูนสุข หรือ “ก้อย” ผู้ และนายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน และรองประธาน กมธ.ทหารฯ ที่ทนเห็นพฤติกรรมของกลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้ รวบรวมเก็บหลักฐานมานานปี มอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง เธอต้องมาใช้ชีวิตที่กองปราบนานนับเดือน เธอบอกว่าตอนนี้กองปราบเหมือนเป็นบ้านของเธอไปแล้ว🛑 ทีมนี้ แบ่งออกเป็น 6 ทีม แต่ละทีมมีแม่ทีม และชาวบ้านลูกทีมหลายสิบคน โดยการเตี๊ยมเนื้อหากับลูกทีม ว่าให้ไปพูดกับหมอยังไงตอนหมอนัดตรวจ บางคนก็ถูกบอกว่าให้กินอาหาร หวาน เค็ม มัน ให้ความดันสูง น้ำตาลสูง ไขมันสูง เพื่อให้ผลเลือดแย่ หมอจะได้จ่ายยาให้เยอะๆ เน้นเอายานอกบัญชีที่ราคาสูง โดยแต่ละคนได้ค่าตอบแทนครั้งละ 2-3 พันบาท พอได้ยามา ก็เอาไปให้แม่ทีม เอาไปขายต่อ อย่างไรก็ตาม มีการดำเนินการแบบนี้มาตลอดไม่เคยถูกจับได้ เพราะฐานข้อมูลไม่เชื่อมโยงกัน🛑 หลังจากเรื่องแดงขึ้น พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผ.อ.องค์การทหารผ่านศึก ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เมื่อเดือน ก.พ.2568 หลังพบว่ามีขบวนการนำยาออกจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และพบพฤติการณ์ผิดปกติว่ามีการจัดหาเครือข่ายบุคคลจาก จ.ลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท🛑 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ได้วางแนวทางการสืบสวนพบมีการทำเป็นขบวนการมี พ.อ.หญิง เป็นผู้วางแผนให้แม่ขายจัดหาบุคคลมาพบแพทย์ ทำทีตรวจรักษากับแพทย์หญิง และสั่งจ่ายยาให้กับผู้ป่วยทิพย์ เพื่อสั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ก่อนจะรวบรวมยาไปเก็บเพื่อรอจำหน่าย กระจายไปยังจุดต่าง ๆ🛑 เมื่อได้หลักฐานเรียบร้อยแล้ว เช้าวันนี้จึงเริ่มมีปฏิบัติการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปปป. นำกำลังร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ลุยตรวจค้นเป้าหมาย 17 จุดในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี และปราจีนบุรี ชลบุรี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตเบิกจ่ายยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึกก่อนนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก ได้ตัวการสำคัญ พันเอกหญิง อายุ 59 ปี ข้าราชการบำนาญ ในย่านเกียกกาย เป็นถึงหัวหน้าขบวนการ ทำหน้าที่จัดหาเครือข่ายบุคคลจากจังหวัดลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา โดยแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท🛑 แพทย์หญิง อายุ 48 ปี ผู้ชำนาญการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านลาดพร้าว 71 โดยตัวแพทย์หญิงบรินดา ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ เนื่องจากเป็นคนทำหน้าที่สั่งจ่ายยา ด้วยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริงกับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้🛑 นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ยืนยันว่า ผลการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินไม่พบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง และไม่มี mastermind แต่เส้นเงินดังกล่าวไปสิ้นสุดที่ 2 ผู้ต้องหาและเครือข่ายเท่านั้น จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ขบวนการดังกล่าวมีการทุจริตตั้งปี 2561-2564 และยังพบข้อมูลอีกว่าในช่วงปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท และมีการประเมินความเสียหายจากการทุจริตอยู่ที่มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท🛑 คดีดังกล่าวขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว 8 ราย และตามข้อกฎหมาย ให้สันนิษฐานว่า ผู้ถูกจับกุมยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาจนถึงที่สุดให้ให้ถือว่า ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่มา : nbtconnext
    ล้างบาง ‘โกงยา’ โรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่มีขบวนการทำมาอย่างยาวนานนับ 7 ปีตั้งแต่ แพทย์ ทหาร พันเองหญิง คนไข้ทิพย์ ที่ยอมกิน หวาน มัน เค็ม เพื่อให้ค่าเลือดผิด พบเส้นเงินกว่า 80 ล้าน กินเงินภาษีคนไทยทั้งประเทศมานานปี จนถึงวันที่เครื่อข่ายล้มสลาย ตอนโดนจับ แขนขาอ่อนแรงเดินเองไม่ได้ มีความเป็นมาอย่างไร NBT CONNEXT จะเล่าให้ฟัง🛑 ขบวนการนี้เป็นเครือข่ายจากลพบุรี มีทั้งแพทย์ ทหาร พยาบาล ครู เกี่ยวข้องกันทั้งหมดมี แพทย์ทหารหญิงยศพันเอกเป็นตัวบงการใหญ่ เริ่มแรกมีการเปิดโปงเรื่องนี้คือ นางสาวพัชนีย์ พูนสุข หรือ “ก้อย” ผู้ และนายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน และรองประธาน กมธ.ทหารฯ ที่ทนเห็นพฤติกรรมของกลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้ รวบรวมเก็บหลักฐานมานานปี มอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง เธอต้องมาใช้ชีวิตที่กองปราบนานนับเดือน เธอบอกว่าตอนนี้กองปราบเหมือนเป็นบ้านของเธอไปแล้ว🛑 ทีมนี้ แบ่งออกเป็น 6 ทีม แต่ละทีมมีแม่ทีม และชาวบ้านลูกทีมหลายสิบคน โดยการเตี๊ยมเนื้อหากับลูกทีม ว่าให้ไปพูดกับหมอยังไงตอนหมอนัดตรวจ บางคนก็ถูกบอกว่าให้กินอาหาร หวาน เค็ม มัน ให้ความดันสูง น้ำตาลสูง ไขมันสูง เพื่อให้ผลเลือดแย่ หมอจะได้จ่ายยาให้เยอะๆ เน้นเอายานอกบัญชีที่ราคาสูง โดยแต่ละคนได้ค่าตอบแทนครั้งละ 2-3 พันบาท พอได้ยามา ก็เอาไปให้แม่ทีม เอาไปขายต่อ อย่างไรก็ตาม มีการดำเนินการแบบนี้มาตลอดไม่เคยถูกจับได้ เพราะฐานข้อมูลไม่เชื่อมโยงกัน🛑 หลังจากเรื่องแดงขึ้น พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผ.อ.องค์การทหารผ่านศึก ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เมื่อเดือน ก.พ.2568 หลังพบว่ามีขบวนการนำยาออกจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และพบพฤติการณ์ผิดปกติว่ามีการจัดหาเครือข่ายบุคคลจาก จ.ลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท🛑 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ได้วางแนวทางการสืบสวนพบมีการทำเป็นขบวนการมี พ.อ.หญิง เป็นผู้วางแผนให้แม่ขายจัดหาบุคคลมาพบแพทย์ ทำทีตรวจรักษากับแพทย์หญิง และสั่งจ่ายยาให้กับผู้ป่วยทิพย์ เพื่อสั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ก่อนจะรวบรวมยาไปเก็บเพื่อรอจำหน่าย กระจายไปยังจุดต่าง ๆ🛑 เมื่อได้หลักฐานเรียบร้อยแล้ว เช้าวันนี้จึงเริ่มมีปฏิบัติการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปปป. นำกำลังร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ลุยตรวจค้นเป้าหมาย 17 จุดในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี และปราจีนบุรี ชลบุรี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตเบิกจ่ายยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึกก่อนนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก ได้ตัวการสำคัญ พันเอกหญิง อายุ 59 ปี ข้าราชการบำนาญ ในย่านเกียกกาย เป็นถึงหัวหน้าขบวนการ ทำหน้าที่จัดหาเครือข่ายบุคคลจากจังหวัดลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา โดยแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท🛑 แพทย์หญิง อายุ 48 ปี ผู้ชำนาญการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านลาดพร้าว 71 โดยตัวแพทย์หญิงบรินดา ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ เนื่องจากเป็นคนทำหน้าที่สั่งจ่ายยา ด้วยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริงกับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้🛑 นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ยืนยันว่า ผลการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินไม่พบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง และไม่มี mastermind แต่เส้นเงินดังกล่าวไปสิ้นสุดที่ 2 ผู้ต้องหาและเครือข่ายเท่านั้น จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ขบวนการดังกล่าวมีการทุจริตตั้งปี 2561-2564 และยังพบข้อมูลอีกว่าในช่วงปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท และมีการประเมินความเสียหายจากการทุจริตอยู่ที่มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท🛑 คดีดังกล่าวขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว 8 ราย และตามข้อกฎหมาย ให้สันนิษฐานว่า ผู้ถูกจับกุมยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาจนถึงที่สุดให้ให้ถือว่า ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่มา : nbtconnext
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวแทนบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด พร้อมทนายความแจ้งความตำรวจ สน.ปทุมวัน แจ้งความเอาผิด “ดิว อริสรา” ข้อหาฉ้อโกง กรณีนำเอาสร้อย “Bvlgari” ของ "เมย์ วาสนา" มาจำนำ โดยอ้างเป็นของตัวเอง ทนายเผยแจ้งเป็นคดีอาญาไว้ก่อนแต่ยอมความได้ถ้ามาพูดคุยให้จบและเยียวยา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027655
    ตัวแทนบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด พร้อมทนายความแจ้งความตำรวจ สน.ปทุมวัน แจ้งความเอาผิด “ดิว อริสรา” ข้อหาฉ้อโกง กรณีนำเอาสร้อย “Bvlgari” ของ "เมย์ วาสนา" มาจำนำ โดยอ้างเป็นของตัวเอง ทนายเผยแจ้งเป็นคดีอาญาไว้ก่อนแต่ยอมความได้ถ้ามาพูดคุยให้จบและเยียวยา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027655
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 667 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 11. 00 น. ทางด้าน "ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน" ได้เดินทางมาที่สน.ปทุมวัน พร้อมกับตัวแทนของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักแสดงชื่อดัง "ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์" ในข้อหาฉ้อโกง โดยการเอาสร้อยของผู้อื่นมาขายฝากกับบริษัท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง โดย ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ความผิดของนักแสดงสาวเข้าข่ายกฎหมายฉ้อโกงทุกประการ

    ทนาย : "ผมพาตัวแทนจากบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ มาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคุณดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ในข้อหาฉ้อโกง เพราะตอนที่คุณดิวให้คนเอาสร้อยคอของบุลการีมาวางขายฝากกับทางบริษัท คุณดิวก็อ้างว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของตัวเขาเอง และเอามาขายฝากไว้เพื่อจะได้เงินสินเชื่อนี้ไปเป็นของตัวเอง คือปกปิดข้อเท็จจริงครับ เข้าองค์ประกอบความผิดข้อหาฉ้อโกงทุกประการ ตอนนี้ทางบริษัทต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย เพราะว่าบริษัทได้รับความเสียหาย จากการถูกหลอกลวงโดยทำให้เชื่อว่าทรัพย์สินนี้เป็นของลูกหนี้ และนำมาขายฝากไว้ มีสัญญาขายฝากตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 65 และมีการต่อขยายสัญญามาเรื่อยๆ ครับจนถึงสัญญาฉบับที่ 4"

    ตัวแทนบริษัท : "เรื่องของใบเซอร์ ในวันที่ 19 ส.ค. ที่นำสร้อยมาฝาก เราได้มีการสอบถามถึงใบเซอร์แล้ว ทางคุณดิวก็แจ้งว่าอยู่อีกที่นึง อย่างที่แจ้งว่าบริษัทเราทำธุรกิจที่ทำสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมและสินเชื่อรับฝากแบรนด์เนม คือเราไม่ได้ต้องการของเพื่อจะนำไปขายต่อ แต่เราเป็นการรับฝาก ซึ่งอุปกรณ์ไม่ต้องมาครบก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ราคาก็จะลดหลั่นลงไปตามที่อุปกรณ์มี ซึ่งตอนนั้นเราได้มาแค่สร้อยกับตัวกล่องค่ะ การรับฝากแบรนด์เนมเราไม่สามารถไปเช็คจากช็อปได้ว่าของชิ้นนี้เป็นของใคร ทุกช็อปจะมีกฎของเขาในการเช็ก ซึ่งชื่อที่มาขายฝากก็เป็นชื่อคุณดิวเลยค่ะ เรามีการทำธุรกรรมถูกต้องกับคุณดิว มีการเซ็นเอกสารสัญญาถูกต้องค่ะ แต่เป็นการเซ็นออนไลน์ เราส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปค่ะ แล้วคุณดิวก็ส่งกลับมา มีเอกสารถูกต้องก็คือมีบัตรประชาชน และการลงนามถูกต้องในสัญญาค่ะ"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000027618

    #MGROnline #ดิวอริสรา #ข้อหาฉ้อโกง
    วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 11. 00 น. ทางด้าน "ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน" ได้เดินทางมาที่สน.ปทุมวัน พร้อมกับตัวแทนของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักแสดงชื่อดัง "ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์" ในข้อหาฉ้อโกง โดยการเอาสร้อยของผู้อื่นมาขายฝากกับบริษัท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง โดย ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ความผิดของนักแสดงสาวเข้าข่ายกฎหมายฉ้อโกงทุกประการ • ทนาย : "ผมพาตัวแทนจากบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ มาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคุณดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ในข้อหาฉ้อโกง เพราะตอนที่คุณดิวให้คนเอาสร้อยคอของบุลการีมาวางขายฝากกับทางบริษัท คุณดิวก็อ้างว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของตัวเขาเอง และเอามาขายฝากไว้เพื่อจะได้เงินสินเชื่อนี้ไปเป็นของตัวเอง คือปกปิดข้อเท็จจริงครับ เข้าองค์ประกอบความผิดข้อหาฉ้อโกงทุกประการ ตอนนี้ทางบริษัทต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย เพราะว่าบริษัทได้รับความเสียหาย จากการถูกหลอกลวงโดยทำให้เชื่อว่าทรัพย์สินนี้เป็นของลูกหนี้ และนำมาขายฝากไว้ มีสัญญาขายฝากตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 65 และมีการต่อขยายสัญญามาเรื่อยๆ ครับจนถึงสัญญาฉบับที่ 4" • ตัวแทนบริษัท : "เรื่องของใบเซอร์ ในวันที่ 19 ส.ค. ที่นำสร้อยมาฝาก เราได้มีการสอบถามถึงใบเซอร์แล้ว ทางคุณดิวก็แจ้งว่าอยู่อีกที่นึง อย่างที่แจ้งว่าบริษัทเราทำธุรกิจที่ทำสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมและสินเชื่อรับฝากแบรนด์เนม คือเราไม่ได้ต้องการของเพื่อจะนำไปขายต่อ แต่เราเป็นการรับฝาก ซึ่งอุปกรณ์ไม่ต้องมาครบก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ราคาก็จะลดหลั่นลงไปตามที่อุปกรณ์มี ซึ่งตอนนั้นเราได้มาแค่สร้อยกับตัวกล่องค่ะ การรับฝากแบรนด์เนมเราไม่สามารถไปเช็คจากช็อปได้ว่าของชิ้นนี้เป็นของใคร ทุกช็อปจะมีกฎของเขาในการเช็ก ซึ่งชื่อที่มาขายฝากก็เป็นชื่อคุณดิวเลยค่ะ เรามีการทำธุรกรรมถูกต้องกับคุณดิว มีการเซ็นเอกสารสัญญาถูกต้องค่ะ แต่เป็นการเซ็นออนไลน์ เราส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปค่ะ แล้วคุณดิวก็ส่งกลับมา มีเอกสารถูกต้องก็คือมีบัตรประชาชน และการลงนามถูกต้องในสัญญาค่ะ" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000027618 • #MGROnline #ดิวอริสรา #ข้อหาฉ้อโกง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทั้งแต่โบราณมา ท่านก็ว่าจิต/หรือมนุษย์นี้แหละคือ "ยักษ์" กินได้ทุกอย่าง รบฟันฆ่าแกงกัน โกงกินทุกอย่าง มันคือมนุษย์
    ทั้งแต่โบราณมา ท่านก็ว่าจิต/หรือมนุษย์นี้แหละคือ "ยักษ์" กินได้ทุกอย่าง รบฟันฆ่าแกงกัน โกงกินทุกอย่าง มันคือมนุษย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดิว อริสรา เผยของ 1 ชิ้นไปอยู่ที่รัฐมนตรี ขอสาบานด้วยชีวิต ไม่โกง ไฮโซเมย์ ตอนนี้อยู่ไต้หวัน
    https://www.thai-tai.tv/news/17729/
    ดิว อริสรา เผยของ 1 ชิ้นไปอยู่ที่รัฐมนตรี ขอสาบานด้วยชีวิต ไม่โกง ไฮโซเมย์ ตอนนี้อยู่ไต้หวัน https://www.thai-tai.tv/news/17729/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขย่าวงการศาสนา! วัดป่าถูกแฉเป็นเครือข่ายธุรกิจแฝง พระสงฆ์ใช้ศรัทธาชักชวนศิษย์ลงทุน ก่อนกลายเป็นขบวนการฉ้อโกงกว่า 200 ล้านบาท

    #sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhix #เปิดโปงเครือข่ายวัดป่า #เครือข่ายธุรกิจวัดป่า #ศรัทธาถูกใช้บังหน้า #ธรรมะกลายเป็นธุรกิจ
    เขย่าวงการศาสนา! วัดป่าถูกแฉเป็นเครือข่ายธุรกิจแฝง พระสงฆ์ใช้ศรัทธาชักชวนศิษย์ลงทุน ก่อนกลายเป็นขบวนการฉ้อโกงกว่า 200 ล้านบาท #sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhix #เปิดโปงเครือข่ายวัดป่า #เครือข่ายธุรกิจวัดป่า #ศรัทธาถูกใช้บังหน้า #ธรรมะกลายเป็นธุรกิจ
    Like
    Angry
    Love
    21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2151 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • พ.ต.อ.โกงสอบศาลปกครอง ยังแถ อ้างเผลอพกโน้ตเข้าห้องสอบ เผลอพ่อง เผลอจริงต้องวางกองไว้กับพื้นเหมือนคนอื่นๆ วางเอกสารไว้ แต่มึงมันวางโน้ตซ้อนอยู่ในข้อสอบเลย ไอ้ชั่วร์
    #คิงส์โพธิ์แดง
    พ.ต.อ.โกงสอบศาลปกครอง ยังแถ อ้างเผลอพกโน้ตเข้าห้องสอบ เผลอพ่อง เผลอจริงต้องวางกองไว้กับพื้นเหมือนคนอื่นๆ วางเอกสารไว้ แต่มึงมันวางโน้ตซ้อนอยู่ในข้อสอบเลย ไอ้ชั่วร์ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีโทรทัศน์ CCTV เปิดโปงว่าอุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งจำนวนมากมีการใช้สารอุ้มน้ำ หรือฟอสเฟต (Phosphate) เกินมาตรฐาน เพื่อเพิ่มน้ำหนักและทำให้เนื้อกุ้งดูเด้งกรอบกว่าปกติ โดยพบว่าบางโรงงานใช้กุ้ง 100 กิโลกรัม แต่เมื่อนำไปแช่สารและผ่านกระบวนการต่างๆ น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 124 กิโลกรัม

    ฟอสเฟตเป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อช่วยรักษาความสดของอาหารทะเลแช่แข็ง ทำให้เนื้อกุ้งดูเต่งตึง คงความชุ่มชื้น และยืดอายุการเก็บรักษา อย่างไรก็ตาม กฎหมายจีนกำหนดให้สารฟอสเฟตในกุ้งแช่แข็งต้องไม่เกิน 5 กรัมต่อกิโลกรัม แต่ผลการตรวจสอบพบว่า มีบางโรงงานใช้เกินมาตรฐานถึง 145% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรง

    นอกจากการแช่สารฟอสเฟตแล้ว อีกหนึ่งเทคนิคที่ใช้โกงน้ำหนักกุ้งแช่แข็งคือ “การเคลือบน้ำแข็ง” หรือที่เรียกว่า "glazing" ซึ่งเป็นการพ่นน้ำหรือแช่กุ้งในน้ำเย็นจัดให้เกิดชั้นน้ำแข็งเคลือบตัวกุ้งก่อนนำไปแช่แข็ง วิธีนี้ช่วยให้กุ้งดูใหญ่ขึ้นและเพิ่มน้ำหนักโดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนวัตถุดิบ ในบางกรณี กุ้งแช่แข็ง 1 กิโลกรัม เมื่อนำไปละลายน้ำแล้วเหลือเนื้อกุ้งจริงๆ เพียง 3 ขีดเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคกำลังจ่ายเงินซื้อ “น้ำแข็ง” มากกว่ากุ้งโดยไม่รู้ตัว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000025097

    #MGROnline #กุ้งแช่แข็ง #การเคลือบน้ำแข็ง #glazing
    สถานีโทรทัศน์ CCTV เปิดโปงว่าอุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งจำนวนมากมีการใช้สารอุ้มน้ำ หรือฟอสเฟต (Phosphate) เกินมาตรฐาน เพื่อเพิ่มน้ำหนักและทำให้เนื้อกุ้งดูเด้งกรอบกว่าปกติ โดยพบว่าบางโรงงานใช้กุ้ง 100 กิโลกรัม แต่เมื่อนำไปแช่สารและผ่านกระบวนการต่างๆ น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 124 กิโลกรัม • ฟอสเฟตเป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อช่วยรักษาความสดของอาหารทะเลแช่แข็ง ทำให้เนื้อกุ้งดูเต่งตึง คงความชุ่มชื้น และยืดอายุการเก็บรักษา อย่างไรก็ตาม กฎหมายจีนกำหนดให้สารฟอสเฟตในกุ้งแช่แข็งต้องไม่เกิน 5 กรัมต่อกิโลกรัม แต่ผลการตรวจสอบพบว่า มีบางโรงงานใช้เกินมาตรฐานถึง 145% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรง • นอกจากการแช่สารฟอสเฟตแล้ว อีกหนึ่งเทคนิคที่ใช้โกงน้ำหนักกุ้งแช่แข็งคือ “การเคลือบน้ำแข็ง” หรือที่เรียกว่า "glazing" ซึ่งเป็นการพ่นน้ำหรือแช่กุ้งในน้ำเย็นจัดให้เกิดชั้นน้ำแข็งเคลือบตัวกุ้งก่อนนำไปแช่แข็ง วิธีนี้ช่วยให้กุ้งดูใหญ่ขึ้นและเพิ่มน้ำหนักโดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนวัตถุดิบ ในบางกรณี กุ้งแช่แข็ง 1 กิโลกรัม เมื่อนำไปละลายน้ำแล้วเหลือเนื้อกุ้งจริงๆ เพียง 3 ขีดเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคกำลังจ่ายเงินซื้อ “น้ำแข็ง” มากกว่ากุ้งโดยไม่รู้ตัว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000025097 • #MGROnline #กุ้งแช่แข็ง #การเคลือบน้ำแข็ง #glazing
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนทำชั่วมันก็ไม่รู้จักอาย..มียศฐาบรรดาศักดิ์ยิ่งทำ โทร.ไปยืมเงินเสี่ยอ่าง โกงสมาคม ทำมาตลอดไร้อย่างอาย ไม่อายต่อบาป
    คนทำชั่วมันก็ไม่รู้จักอาย..มียศฐาบรรดาศักดิ์ยิ่งทำ โทร.ไปยืมเงินเสี่ยอ่าง โกงสมาคม ทำมาตลอดไร้อย่างอาย ไม่อายต่อบาป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยจำได้ว่า Storyฯ เคยเขียนว่าพระเอกในเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> ‘ลู่อี้’ นั้นมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ วันนี้มาคุยกันกับเกร็ดประวัติศาสตร์จากละครเรื่องนี้ที่ Storyฯ เพิ่งได้กลับมาตั้งใจดูอีกครั้งและพบว่าตัวเองตกหล่นรายละเอียดไปไม่น้อย

    เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้อาจพอจำได้ว่าในเนื้อเรื่องมีตัวร้ายคือ ‘เหยียนซื่อฟาน’ ซึ่งเป็นลูกชายของขุนนางตัวโกงนาม ‘เหยียนซง’ ซึ่งทั้งสองคนนี้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ในรัชสมัยขององค์หมิงซื่อจงแห่งราชวง์หมิง โดยเหยียนซงรับตำแหน่งหัวหน้าของคณะขุนนางสูงสุดหรือที่เรียกว่า ‘เน่ยเก๋อ’ (内阁 จึงเป็นที่มาของการเรียกขาน เหยียนซื่อฟานว่า ‘เสี่ยวเก๋อเหล่า’) ในละครมีฉากที่เหยียนซื่อฟานได้ภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ มาและมีการถกกันว่าเป็นภาพของแท้หรือไม่

    Storyฯ เคยเขียนถึงภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ มาแล้วตอนที่คุยกันเกี่ยวกับละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> แต่วันนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติม ขอถอดบทสนทนาจากในละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> มาดังนี้
    ... “ได้ยินมาว่าจางเจ๋อตวนใช้เวลาหนึ่งปีก็วาดภาพม้วนยาวนี้เสร็จ นับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถหายาก... ท่านใต้เท่าสวี่... เชิญท่านลองคุยๆ ดูภาพนี้จริงปลอมหรือไม่อย่างไร” เหยียนซงกล่าว
    ใต้เท้าสวี่เอ่ย “...ตามที่ข้าน้อยทราบมา ภาพนี้ควรมีลายพระอักษรรูปแบบโซ่วจินขององค์ซ่งฮุยจงเป็นคำว่า ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ห้าอักษร... และมีตราประทับมังกรคู่ อีกทั้งมีบทกลอนนำ ภาพนี้ดูแล้วไม่คล้ายเป็นภาพวาดเลียนแบบ” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ยาว 528 ซม. สูง 24.8 ซม. เป็นหนึ่งในสิบของภาพโบราณที่มีค่าที่สุดของจีน ถูกวาดขึ้นโดยจางเจ๋อตวน เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการวาดภาพนี้จริงหรือไม่ ไม่ปรากฏหลักฐานหรือบันทึกใดกล่าวชัด แต่ภาพนี้เคยตกอยู่ในมือของเหยียนซงจริง! ตอนที่ตระกูลเหยียนถูกลงทัณฑ์และยึดสมบัตินั้น รายชื่อของสมบัติที่ริบได้นั้นยาวถึง 140 หน้ากระดาษและหนึ่งในนั้นก็คือ ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ นี้

    จากบันทึกที่พอแกะรอยกันได้ ว่ากันว่าภาพนี้แรกเริ่มถูกนำถวายองค์ซ่งฮุยจง (ค.ศ. 1522-1566) และพระองค์ทรงเขียนชื่อ ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ขึ้นบนภาพด้วยอักษรในรูปแบบ ‘โซ่วจิน’ ซึ่งเป็นรูปแบบอักษรที่ทรงคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง (ดูตัวอย่างจากรูป2 ขวา) เป็นที่ถกเถียงกันต่อมาว่าทรงโปรดภาพนี้หรือไม่เพราะมันไม่ได้ถูกเก็บไว้ในท้องพระคลังแต่ถูกพระราชทานให้ขุนนาง

    หลังจากนั้น ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ผ่านการเดินทางอย่างโชกโชน ในช่วงที่ราชวงศ์จินยึดแผ่นดินซ่งได้สำเร็จนั้น ว่ากันว่ามันถูกเก็บเข้าท้องพระคลังและถูกยักยอกออกมาขายทอดตลาด เป็นช่วงที่มีการเขียนบทนำลงไปหน้าภาพ ต่อมาในสมัยหยวนก็ถูกซื้อเก็บเข้าท้องพระคลังอีกครั้งและถูกยักยอกออกมาขายอีก มีการเสาะหามันเรื่อยมาจนตกมาอยู่ในมือของเหยียนซงในสมัยหมิง โดยที่ก่อนหน้านั้นปรากฏงานลอกเลียนแบบออกมาจำนวนไม่น้อย ต่อมามันถูกริบเป็นสมบัติหลวงอีกครั้งโดยมีการลบตราประทับที่แสดงความเป็นเจ้าของของตระกูลเหยียนออกจากภาพ หลังจากนั้นมันถูกเปลี่ยนมือไปมาในแวดวงขุนนาง โดยไม่แน่ว่าเป็นการได้รับพระราชทานหรือยักยอก และปรากฏบทความนำหน้าภาพขึ้นมาเพิ่มอีก โดยที่ลายพระหัตถ์ขององค์หมิงซื่อจงไม่ทราบว่าหายไปจากภาพตั้งแต่เมื่อใด ผู้ที่ถือครองครั้งสุดท้ายว่ากันว่าคือขันทีนามว่า ‘เฝิงเป่า’ ซึ่งต่อมาถูกลงทัณฑ์ริบสมบัติ

    ภาพนี้หายสาบสูญไปนานกว่าสองร้อยปี แน่นอนว่ามีภาพปลอมจำนวนไม่น้อยปรากฏขึ้น และภาพที่เชื่อว่าเป็นฉบับจริงนี้ปรากฏในตลาดและมาถึงมือของพิพิธภัณฑ์มณฑลเหลียวหนิงในปีค.ศ. 1950 ปัจจุบันถูกเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความของ Storyฯ เกี่ยวกับลู่อี้: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid0QA8xxCRgWSD6jP6PexAdnrZmEdGAHVxGTu3UXj3CpZfkovdY37ft9rQbauD6KfQzl
    บทความของ Storyฯ เกี่ยวกับชิงหมิงซ่างเหอถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid01MbyBtawx6X9xEHogRvHY8NesM2MVWHUBgYeuujQnFrPFA39dgddSihm4jjXrfiPl

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    http://www.zgsshh.com/Works_body.asp?id=1190&amp;qx=137
    http://www.fengxuelin.com/tougao/16546.html
    http://ent.sina.com.cn/v/m/2017-10-12/doc-ifymviyp0369720.shtml
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2010/06-21/2352544.shtml
    http://collection.sina.com.cn/jczs/2016-10-26/doc-ifxwztrt0466746.shtml
    https://baike.baidu.com/item/瘦金体/884949

    #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ชิงหมิงซ่างเหอถู #เหยียนซื่อฟาน #ซ่งฮุยจง #อักษรโซ่วจิน
    เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยจำได้ว่า Storyฯ เคยเขียนว่าพระเอกในเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> ‘ลู่อี้’ นั้นมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ วันนี้มาคุยกันกับเกร็ดประวัติศาสตร์จากละครเรื่องนี้ที่ Storyฯ เพิ่งได้กลับมาตั้งใจดูอีกครั้งและพบว่าตัวเองตกหล่นรายละเอียดไปไม่น้อย เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้อาจพอจำได้ว่าในเนื้อเรื่องมีตัวร้ายคือ ‘เหยียนซื่อฟาน’ ซึ่งเป็นลูกชายของขุนนางตัวโกงนาม ‘เหยียนซง’ ซึ่งทั้งสองคนนี้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ในรัชสมัยขององค์หมิงซื่อจงแห่งราชวง์หมิง โดยเหยียนซงรับตำแหน่งหัวหน้าของคณะขุนนางสูงสุดหรือที่เรียกว่า ‘เน่ยเก๋อ’ (内阁 จึงเป็นที่มาของการเรียกขาน เหยียนซื่อฟานว่า ‘เสี่ยวเก๋อเหล่า’) ในละครมีฉากที่เหยียนซื่อฟานได้ภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ มาและมีการถกกันว่าเป็นภาพของแท้หรือไม่ Storyฯ เคยเขียนถึงภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ มาแล้วตอนที่คุยกันเกี่ยวกับละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> แต่วันนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติม ขอถอดบทสนทนาจากในละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> มาดังนี้ ... “ได้ยินมาว่าจางเจ๋อตวนใช้เวลาหนึ่งปีก็วาดภาพม้วนยาวนี้เสร็จ นับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถหายาก... ท่านใต้เท่าสวี่... เชิญท่านลองคุยๆ ดูภาพนี้จริงปลอมหรือไม่อย่างไร” เหยียนซงกล่าว ใต้เท้าสวี่เอ่ย “...ตามที่ข้าน้อยทราบมา ภาพนี้ควรมีลายพระอักษรรูปแบบโซ่วจินขององค์ซ่งฮุยจงเป็นคำว่า ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ห้าอักษร... และมีตราประทับมังกรคู่ อีกทั้งมีบทกลอนนำ ภาพนี้ดูแล้วไม่คล้ายเป็นภาพวาดเลียนแบบ” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ยาว 528 ซม. สูง 24.8 ซม. เป็นหนึ่งในสิบของภาพโบราณที่มีค่าที่สุดของจีน ถูกวาดขึ้นโดยจางเจ๋อตวน เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการวาดภาพนี้จริงหรือไม่ ไม่ปรากฏหลักฐานหรือบันทึกใดกล่าวชัด แต่ภาพนี้เคยตกอยู่ในมือของเหยียนซงจริง! ตอนที่ตระกูลเหยียนถูกลงทัณฑ์และยึดสมบัตินั้น รายชื่อของสมบัติที่ริบได้นั้นยาวถึง 140 หน้ากระดาษและหนึ่งในนั้นก็คือ ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ นี้ จากบันทึกที่พอแกะรอยกันได้ ว่ากันว่าภาพนี้แรกเริ่มถูกนำถวายองค์ซ่งฮุยจง (ค.ศ. 1522-1566) และพระองค์ทรงเขียนชื่อ ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ขึ้นบนภาพด้วยอักษรในรูปแบบ ‘โซ่วจิน’ ซึ่งเป็นรูปแบบอักษรที่ทรงคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง (ดูตัวอย่างจากรูป2 ขวา) เป็นที่ถกเถียงกันต่อมาว่าทรงโปรดภาพนี้หรือไม่เพราะมันไม่ได้ถูกเก็บไว้ในท้องพระคลังแต่ถูกพระราชทานให้ขุนนาง หลังจากนั้น ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ผ่านการเดินทางอย่างโชกโชน ในช่วงที่ราชวงศ์จินยึดแผ่นดินซ่งได้สำเร็จนั้น ว่ากันว่ามันถูกเก็บเข้าท้องพระคลังและถูกยักยอกออกมาขายทอดตลาด เป็นช่วงที่มีการเขียนบทนำลงไปหน้าภาพ ต่อมาในสมัยหยวนก็ถูกซื้อเก็บเข้าท้องพระคลังอีกครั้งและถูกยักยอกออกมาขายอีก มีการเสาะหามันเรื่อยมาจนตกมาอยู่ในมือของเหยียนซงในสมัยหมิง โดยที่ก่อนหน้านั้นปรากฏงานลอกเลียนแบบออกมาจำนวนไม่น้อย ต่อมามันถูกริบเป็นสมบัติหลวงอีกครั้งโดยมีการลบตราประทับที่แสดงความเป็นเจ้าของของตระกูลเหยียนออกจากภาพ หลังจากนั้นมันถูกเปลี่ยนมือไปมาในแวดวงขุนนาง โดยไม่แน่ว่าเป็นการได้รับพระราชทานหรือยักยอก และปรากฏบทความนำหน้าภาพขึ้นมาเพิ่มอีก โดยที่ลายพระหัตถ์ขององค์หมิงซื่อจงไม่ทราบว่าหายไปจากภาพตั้งแต่เมื่อใด ผู้ที่ถือครองครั้งสุดท้ายว่ากันว่าคือขันทีนามว่า ‘เฝิงเป่า’ ซึ่งต่อมาถูกลงทัณฑ์ริบสมบัติ ภาพนี้หายสาบสูญไปนานกว่าสองร้อยปี แน่นอนว่ามีภาพปลอมจำนวนไม่น้อยปรากฏขึ้น และภาพที่เชื่อว่าเป็นฉบับจริงนี้ปรากฏในตลาดและมาถึงมือของพิพิธภัณฑ์มณฑลเหลียวหนิงในปีค.ศ. 1950 ปัจจุบันถูกเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความของ Storyฯ เกี่ยวกับลู่อี้: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid0QA8xxCRgWSD6jP6PexAdnrZmEdGAHVxGTu3UXj3CpZfkovdY37ft9rQbauD6KfQzl บทความของ Storyฯ เกี่ยวกับชิงหมิงซ่างเหอถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid01MbyBtawx6X9xEHogRvHY8NesM2MVWHUBgYeuujQnFrPFA39dgddSihm4jjXrfiPl Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://www.zgsshh.com/Works_body.asp?id=1190&amp;qx=137 http://www.fengxuelin.com/tougao/16546.html http://ent.sina.com.cn/v/m/2017-10-12/doc-ifymviyp0369720.shtml Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2010/06-21/2352544.shtml http://collection.sina.com.cn/jczs/2016-10-26/doc-ifxwztrt0466746.shtml https://baike.baidu.com/item/瘦金体/884949 #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ชิงหมิงซ่างเหอถู #เหยียนซื่อฟาน #ซ่งฮุยจง #อักษรโซ่วจิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ไม่ค่อยว่างเลย ติดเสพอย่างอื่น เบื่อข่าวสมยศ vs มาดามแป้ง มากๆเลย ส่วนตัวผมไม่อยากจะสนใจข่าวนี้ด้วยซ้ำ เสียเวลา เสียพลังงาน แต่หันมาฝึกทำโจทย์แคลคูลัสที่ขาดหายไป และเรียนรู้ส่วนที่ขาดหายไปจากการเรียน ป.ตรี แต่ก็พยายามเรียนรู้ ไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่อสร้างตัวตนใหม่ที่ดีกว่า ข่าวนึงที่เบื่ออีกก็เบื่อข่าว ส้ม vs สปส. ไม่อยากอินกับข่าวนี้ ไม่รู้คนอวยส้มไม่พอ อวยไอ้โทนาฟอีก อยากให้ไทยภักดีออกมาพูดเรื่องปฏิรูปประกันสังคม จัดการทุจริตประกันสังคมบ้างก็ได้ เพราะส้มได้หน้าแล้ว ถ้าปราบโกงประกันสังคมจริง ต้องเลือกไทยภักดี
    วันนี้ไม่ค่อยว่างเลย ติดเสพอย่างอื่น เบื่อข่าวสมยศ vs มาดามแป้ง มากๆเลย ส่วนตัวผมไม่อยากจะสนใจข่าวนี้ด้วยซ้ำ เสียเวลา เสียพลังงาน แต่หันมาฝึกทำโจทย์แคลคูลัสที่ขาดหายไป และเรียนรู้ส่วนที่ขาดหายไปจากการเรียน ป.ตรี แต่ก็พยายามเรียนรู้ ไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่อสร้างตัวตนใหม่ที่ดีกว่า ข่าวนึงที่เบื่ออีกก็เบื่อข่าว ส้ม vs สปส. ไม่อยากอินกับข่าวนี้ ไม่รู้คนอวยส้มไม่พอ อวยไอ้โทนาฟอีก อยากให้ไทยภักดีออกมาพูดเรื่องปฏิรูปประกันสังคม จัดการทุจริตประกันสังคมบ้างก็ได้ เพราะส้มได้หน้าแล้ว ถ้าปราบโกงประกันสังคมจริง ต้องเลือกไทยภักดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗

    เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด!

    🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨

    🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล!

    ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱

    🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨

    3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ?
    - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์
    - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์
    - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์

    รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸

    การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน

    🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง...

    นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨

    🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก
    - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม
    - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี
    - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์
    - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู

    ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ!

    ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡

    🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

    ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️

    4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊
    1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี
    2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี
    3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี
    4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี

    ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"!

    🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้!

    คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย

    คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท

    ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้

    นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน

    จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง

    บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้

    มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568

    🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗 เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด! 🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨 🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล! ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱 🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨 3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ? - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์ - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸 การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน 🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง... นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨 🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์ - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ! ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡 🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️ 4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊 1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี 2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี 3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี 4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"! 🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้! คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้ นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้ มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568 🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 638 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส.ฟุตบอลยุค "สมยศ" เละ! พบพิรุธฟอกเงิน 30 ล้าน : [THE MESSAGE]

    นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผย เตรียมยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล หลังศาลฎีกาตัดสินให้ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) ชนะคดีการยกเลิกสัญญาถ่ายทอดสดไม่เป็นธรรม ทำให้สมาคมต้องชดใช้เงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย พบพิรุธการจ่ายเงินของสมาคมชุดเก่าให้ทนายความในชั้นฎีกา 30 ล้านบาท ในคดีพิพาทกับสยามสปอร์ต ตามหลักฐานทนายเรียกเงินค่าจ้างในศาลชั้นต้น 700,000 บาท ชั้นต่อๆ ไป 300,000 บาท ตั้งข้อสงสัยอาจฉ้อโกงฟอกเงิน ให้ทีมกฏหมายดำเนินการซึ่งอาจฟ้องร้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนการตรวจงบการเงินมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27 ล้านบาท มีหนี้สินที่ต้องชำระ 132 ล้านบาท ซึ่งมาจากยุค พล.ต.อ.สมยศ ที่กู้ยืมเงินระยะยาวจากฟีฟ่ามาใช้ในกิจการของสมาคม 5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 155 ล้านบาท แบ่งจ่าย 10 งวด 10 ปี ส่งผลให้สมาคมจะถูกตัดเงินไปจนถึงปี 2573
    ส.ฟุตบอลยุค "สมยศ" เละ! พบพิรุธฟอกเงิน 30 ล้าน : [THE MESSAGE] นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผย เตรียมยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล หลังศาลฎีกาตัดสินให้ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) ชนะคดีการยกเลิกสัญญาถ่ายทอดสดไม่เป็นธรรม ทำให้สมาคมต้องชดใช้เงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย พบพิรุธการจ่ายเงินของสมาคมชุดเก่าให้ทนายความในชั้นฎีกา 30 ล้านบาท ในคดีพิพาทกับสยามสปอร์ต ตามหลักฐานทนายเรียกเงินค่าจ้างในศาลชั้นต้น 700,000 บาท ชั้นต่อๆ ไป 300,000 บาท ตั้งข้อสงสัยอาจฉ้อโกงฟอกเงิน ให้ทีมกฏหมายดำเนินการซึ่งอาจฟ้องร้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนการตรวจงบการเงินมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27 ล้านบาท มีหนี้สินที่ต้องชำระ 132 ล้านบาท ซึ่งมาจากยุค พล.ต.อ.สมยศ ที่กู้ยืมเงินระยะยาวจากฟีฟ่ามาใช้ในกิจการของสมาคม 5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 155 ล้านบาท แบ่งจ่าย 10 งวด 10 ปี ส่งผลให้สมาคมจะถูกตัดเงินไปจนถึงปี 2573
    Like
    Love
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1171 มุมมอง 52 1 รีวิว
  • ซิมเพนกวินลดล้างสต็อก ปิดตำนาน MVNO ของ NT

    การสิ้นสุดสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในเดือน ส.ค. 2568 ส่งผลกระทบกับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายเสมือน (MVNO) ที่ซื้อบริการต่อจาก NT โดยมีผู้ใช้บริการนับแสนราย เพราะผู้บริหาร NT ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาด เพราะต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง และผู้ให้บริการหลายรายขาดสภาพคล่อง

    ล่าสุด บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2559 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ประกาศปิดระบบลงทะเบียนซิมการ์ด เนื่องจากต้องยุติการให้บริการตามสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ในวันที่ 16 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้การยุติการให้บริการซิมเพนกวินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนซิมการ์ด (เปิดเบอร์ใหม่) ได้ถึงวันที่ 20 เม.ย.2568 หลังจากวันดังกล่าว ลูกค้าจะไม่สามารถเปิดเบอร์ใหม่ได้ตามข้อกำนดของ กสทช.

    และเพื่อให้ลูกค้าซิมเพนกวินสามารถใช้งานเลขหมายอย่างต่อเนื่อง และรักษาสิทธิการครอบครองเลขหมาย บริษัทฯ เสนอแนวทางให้โอนย้ายเลขหมายซิมเพนกวินที่ใช้อยู่ ไปยังผู้ให้บริการรายอื่น (การย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้ถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 ในระหว่างดำเนินการย้ายค่าย ยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ จนกว่าระบบจะแจ้งผลการย้ายค่ายสำเร็จ

    ขณะที่เฟซบุ๊ก "ซิมเพนกวิน Penguin SIM" ประกาศลดล้างสต็อก ปรับราคาเบอร์มงคล 2,838 เลขหมาย ลด 50% ในราคาเริ่มต้นที่ 600-10,000 บาท เมื่อซื้อแล้วสามารถทำเรื่องย้ายค่ายได้ทันที

    ปัจจุบัน ผู้ให้บริการ MVNO โดยใช้เครือข่ายของ NT ประกอบด้วย

    1. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ i-Kool 3G ซึ่งให้บริการมานาน 16 ปี มีแผนสิ้นสุดการให้บริการ 30 มิ.ย.2568 โดยให้ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือปิดเบอร์แล้วขอรับเงินคืนภายใน 31 พ.ค.2568

    2. บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE กำลังเจรจากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

    3. บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน

    4. บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด หรือซิมอินฟินิท (Infinite)

    5. บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ฟิล (Feels)

    6. บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือซิมเคโฟร์ (K4) กรรมการบริษัทถูกจับกุมฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กสทช.อยู่ระหว่างเพิกถอนใบอนุญาต และให้ NT ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานราว 40,000 ราย

    #Newskit
    ซิมเพนกวินลดล้างสต็อก ปิดตำนาน MVNO ของ NT การสิ้นสุดสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในเดือน ส.ค. 2568 ส่งผลกระทบกับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายเสมือน (MVNO) ที่ซื้อบริการต่อจาก NT โดยมีผู้ใช้บริการนับแสนราย เพราะผู้บริหาร NT ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาด เพราะต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง และผู้ให้บริการหลายรายขาดสภาพคล่อง ล่าสุด บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2559 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ประกาศปิดระบบลงทะเบียนซิมการ์ด เนื่องจากต้องยุติการให้บริการตามสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ในวันที่ 16 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้การยุติการให้บริการซิมเพนกวินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนซิมการ์ด (เปิดเบอร์ใหม่) ได้ถึงวันที่ 20 เม.ย.2568 หลังจากวันดังกล่าว ลูกค้าจะไม่สามารถเปิดเบอร์ใหม่ได้ตามข้อกำนดของ กสทช. และเพื่อให้ลูกค้าซิมเพนกวินสามารถใช้งานเลขหมายอย่างต่อเนื่อง และรักษาสิทธิการครอบครองเลขหมาย บริษัทฯ เสนอแนวทางให้โอนย้ายเลขหมายซิมเพนกวินที่ใช้อยู่ ไปยังผู้ให้บริการรายอื่น (การย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้ถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 ในระหว่างดำเนินการย้ายค่าย ยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ จนกว่าระบบจะแจ้งผลการย้ายค่ายสำเร็จ ขณะที่เฟซบุ๊ก "ซิมเพนกวิน Penguin SIM" ประกาศลดล้างสต็อก ปรับราคาเบอร์มงคล 2,838 เลขหมาย ลด 50% ในราคาเริ่มต้นที่ 600-10,000 บาท เมื่อซื้อแล้วสามารถทำเรื่องย้ายค่ายได้ทันที ปัจจุบัน ผู้ให้บริการ MVNO โดยใช้เครือข่ายของ NT ประกอบด้วย 1. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ i-Kool 3G ซึ่งให้บริการมานาน 16 ปี มีแผนสิ้นสุดการให้บริการ 30 มิ.ย.2568 โดยให้ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือปิดเบอร์แล้วขอรับเงินคืนภายใน 31 พ.ค.2568 2. บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE กำลังเจรจากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่มีความคืบหน้า 3. บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน 4. บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด หรือซิมอินฟินิท (Infinite) 5. บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ฟิล (Feels) 6. บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือซิมเคโฟร์ (K4) กรรมการบริษัทถูกจับกุมฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กสทช.อยู่ระหว่างเพิกถอนใบอนุญาต และให้ NT ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานราว 40,000 ราย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เลวซ้ำซาก #โกง #ทุจริต #เห็นแก่ประโยชน์ #ตัวเอง #นายทุน #นักการเมือง
    #เลวซ้ำซาก #โกง #ทุจริต #เห็นแก่ประโยชน์ #ตัวเอง #นายทุน #นักการเมือง
    ปูด ลูกนักการเมืองเบอร์ใหญ่ “ส” เป็นเจ้าของตึก SKYY9 Centre หลัง “เด็ก ปชน.” กัดไม่ปล่อย จี้ถาม สปสช.ทุ่ม 7 พันล้าน ซื้อ แต่ราคาประเมินจริงแค่ 3 พันล้าน เป็นการเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่

    วันนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน และ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ออกมาตั้งคำถามถึงการลงทุนซื้ออาคาร SKYY9 Centre ย่านพระราม 9 ด้วยราคา 7 พันล้านบาท แต่มูลค่าจริงเพียง 3 พันล้านบาท ในปี 2565 ของกองทุนประกันสังคม (สปสช.) นั้น เป็นการเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่ เพราะถือเป็นการจงใจลงทุนผิดพลาด พร้อมระบุว่า

    “ใครเป็นเจ้าของ เป็นของนักการเมืองพรรคไหน เกี่ยวข้องกับพรรคที่อยู่ในป่าหรือไม่ น่าสงสัย เพราะท่านอดีต รมว.แรงงาน ก็อยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยากให้ทุกท่านได้ลองหาข้อมูลดู ตึกนี้ปรับปรุงเสร็จปี 2565 ก็พร้อมขายให้กองทุน สปส.เลย”

    แหล่งข่าวระดับสูง เปิดเผยว่า ชื่อผู้ที่ครอบครองกรรมสิทธิ์ของอาคาร SKYY9 Centre ก่อนที่จะมีการขายให้กับกองทุนประกันสังคม ในสมัยที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คือ บุตรชายของนักการเมือง “ส” ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาล และเป็นบุคคลในตำนานคนหนึ่ง เพราะแว่วว่า เป็นคนๆ เดียวกับที่เคยตกเป็นข่าวดัง ”รัฐมนตรีเบี้ยวไม่จ่ายค่าตัวหญิงบริการ” นั่นเอง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000023472

    #MGROnline #SKYY9Centre #กองทุนประกันสังคม #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts