• # ดีเอสไอเรียก "โปรแกรมเมอร์" ขอหลักฐานเป็นภาพและคลิปวิดีโอ พิสูจน์ข้อเท็จจริงคดี "แตงโม" สันนิษฐานว่าภาพคู่กระติกมีการตัดต่อถ่ายกับคนอื่น

    วันนี้ (30 ม.ค.) เวลา 11.30 น. ห้องประชุม ชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พา นายเอกราช นามโภคิน โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และวิเคราะห์ระบบ GPS เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งเเวดล้อม ในฐานะหัวหน้าทีมตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

    นายอัจฉริยะ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้พยานบุคคลในคดีนี้คือ นายเอกราช นามโภคิน เข้ามาพบกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยในวันนี้ยังได้นำรายงานการวิเคราะห์ทางด้านโปรแกรมเมอร์มาให้เห็นว่ามีการทุจริตอย่างไรในการตัดแต่งภาพ หรือการใช้เอกสารปลอมเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐเคยแถลงข่าว พร้อมกับคนบนเรือที่เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ซึ่งตอนนี้ได้ส่งมอบให้กับดีเอสไอสมบูรณ์เรียบร้อย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000009747

    #MGROnline #ดีเอสไอ #โปรแกรมเมอร์ #แตงโม #กระติก #ภาพคู่กระติก #ตัดต่อ

    # ดีเอสไอเรียก "โปรแกรมเมอร์" ขอหลักฐานเป็นภาพและคลิปวิดีโอ พิสูจน์ข้อเท็จจริงคดี "แตงโม" สันนิษฐานว่าภาพคู่กระติกมีการตัดต่อถ่ายกับคนอื่น • วันนี้ (30 ม.ค.) เวลา 11.30 น. ห้องประชุม ชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พา นายเอกราช นามโภคิน โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และวิเคราะห์ระบบ GPS เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งเเวดล้อม ในฐานะหัวหน้าทีมตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568 • นายอัจฉริยะ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้พยานบุคคลในคดีนี้คือ นายเอกราช นามโภคิน เข้ามาพบกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยในวันนี้ยังได้นำรายงานการวิเคราะห์ทางด้านโปรแกรมเมอร์มาให้เห็นว่ามีการทุจริตอย่างไรในการตัดแต่งภาพ หรือการใช้เอกสารปลอมเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐเคยแถลงข่าว พร้อมกับคนบนเรือที่เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ซึ่งตอนนี้ได้ส่งมอบให้กับดีเอสไอสมบูรณ์เรียบร้อย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000009747 • #MGROnline #ดีเอสไอ #โปรแกรมเมอร์ #แตงโม #กระติก #ภาพคู่กระติก #ตัดต่อ •
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยสำนักงานคดีพิเศษ สั่งฟ้องทนายตั้ม ฉ้อโกง-ฟอกเงิน ทั้งสำนวนทำผิดในประเทศและนอกประเทศ รวมทั้งภรรยา พี่สาว และพวก รวมทั้งพนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย พร้อมขอศาลสั่งให้กลุ่มผู้ต้องหาชดใช้เงินคุณอ้อย ทั้งแอปฯ หวยออนไลน์ ส่วนต่างรถเบนซ์ และสแกมเมอร์ทิพย์ รวม 111 ล้านบาท
    .
    วันนี้ (30 ม.ค.) นายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จำนวน 2 สำนวน เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 และได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้ สำนักงานคดีพิเศษ ได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวและมีคำสั่ง ได้แก่ สำนวนที่ 1 (สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร กรณีการออกแบบโรงแรม) ที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ พ.ต.ต.สันติชัย ศรีสวัสดิ์ สารวัตร กก.3 บก.ป. ผู้กล่าวหา กับนายษิทรา และ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยานายษิทรา พนักงานอัยการสั่งฟ้อง นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60 และสั่งฟ้อง น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60
    .
    สำนวนที่ 2 น.ส.จตุพร กับพวกรวม 4 คน ผู้กล่าวหา นายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยานายษิทรา, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ กับ น.ส.สารินี นุชนารถ สองสามีภรรยากรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ, น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยานายษิทรา, น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล และ น.ส.วมนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ พนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย เหตุเกิดระหว่างวันที่ 16 ก.พ. 2566 ถึงวันที่ 6 ก.พ. 2567 ในหลายท้องที่ในราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน และประเทศฝรั่งเศส เกี่ยวพันกัน สำนวนคดีนี้เป็นความผิดที่กระทำนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจการสอบสวนของอัยการสูงสุด โดยอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน ทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอัยการสูงสุด มีคำสั่งดังนี้
    .
    1. สั่งฟ้องนายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง (กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์) ฉ้อโกงโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม (กรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400) ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 83, 84, 91, 137, 173, 264, 265, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60, 
    .
    2. สั่งฟ้องนางปทิตตา ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60  
    .
    3. สั่งฟ้องนายนุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 3 และ น.ส.สารินี ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 173, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,        
    .
    4. สั่งฟ้อง น.ส.แก้วสวรรค์ ผู้ต้องหาที่ 6 และ น.ส.มนันพัทธ์ ผู้ต้องหาที่ 7 ฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264, 265 
    .
    5. ขอศาลสั่งให้นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 คืนหรือชดใช้เงิน จำนวน 72,597,764.70 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ และกรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 และขอศาลสั่งให้ผู้ต้องหาที่ 1, ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินอีก จำนวน 39,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009738
    .........
    Sondhi X
    รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยสำนักงานคดีพิเศษ สั่งฟ้องทนายตั้ม ฉ้อโกง-ฟอกเงิน ทั้งสำนวนทำผิดในประเทศและนอกประเทศ รวมทั้งภรรยา พี่สาว และพวก รวมทั้งพนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย พร้อมขอศาลสั่งให้กลุ่มผู้ต้องหาชดใช้เงินคุณอ้อย ทั้งแอปฯ หวยออนไลน์ ส่วนต่างรถเบนซ์ และสแกมเมอร์ทิพย์ รวม 111 ล้านบาท . วันนี้ (30 ม.ค.) นายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จำนวน 2 สำนวน เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 และได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้ สำนักงานคดีพิเศษ ได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวและมีคำสั่ง ได้แก่ สำนวนที่ 1 (สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร กรณีการออกแบบโรงแรม) ที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ พ.ต.ต.สันติชัย ศรีสวัสดิ์ สารวัตร กก.3 บก.ป. ผู้กล่าวหา กับนายษิทรา และ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยานายษิทรา พนักงานอัยการสั่งฟ้อง นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60 และสั่งฟ้อง น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60 . สำนวนที่ 2 น.ส.จตุพร กับพวกรวม 4 คน ผู้กล่าวหา นายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยานายษิทรา, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ กับ น.ส.สารินี นุชนารถ สองสามีภรรยากรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ, น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยานายษิทรา, น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล และ น.ส.วมนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ พนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย เหตุเกิดระหว่างวันที่ 16 ก.พ. 2566 ถึงวันที่ 6 ก.พ. 2567 ในหลายท้องที่ในราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน และประเทศฝรั่งเศส เกี่ยวพันกัน สำนวนคดีนี้เป็นความผิดที่กระทำนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจการสอบสวนของอัยการสูงสุด โดยอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน ทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอัยการสูงสุด มีคำสั่งดังนี้ . 1. สั่งฟ้องนายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง (กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์) ฉ้อโกงโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม (กรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400) ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 83, 84, 91, 137, 173, 264, 265, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,  . 2. สั่งฟ้องนางปทิตตา ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60   . 3. สั่งฟ้องนายนุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 3 และ น.ส.สารินี ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 173, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,         . 4. สั่งฟ้อง น.ส.แก้วสวรรค์ ผู้ต้องหาที่ 6 และ น.ส.มนันพัทธ์ ผู้ต้องหาที่ 7 ฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264, 265  . 5. ขอศาลสั่งให้นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 คืนหรือชดใช้เงิน จำนวน 72,597,764.70 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ และกรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 และขอศาลสั่งให้ผู้ต้องหาที่ 1, ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินอีก จำนวน 39,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009738 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    25
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 953 มุมมอง 1 รีวิว
  • เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่นำเสนอเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเตือนเกี่ยวกับข่าวปลอมของ "น้องมะพร้าว" นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย หลังหายตัวปริศนา ว่าขณะนี้ยังคงไม่เจอน้อง หลังปรากฏข่าวว่อนเน็ตว่าเจอตัวน้องแล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างค้นหาและสืบสวน

    จากกรณีโซเชียลฯ ร่วมแชร์ช่วยหลังเพื่อนประกาศตามหา “มะพร้าว พรสวรรค์” นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย วัย 30 ปี หลังหายตัวปริศนาในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 ม.ค. 68

    ล่าสุดวันนี้ (30 ม.ค.) เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่แชร์ข้อมูลเรื่องข่าวสารในประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเผยแพร่ Fake News เกี่ยวกับน้องมะพร้าว เช่น เจอน้องแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

    "ขอความกรุณาอย่าเผยแพร่ Fake News (ข่าวปลอม) เกี่ยวกับน้องมะพร้าว

    ขณะนี้เกิดข่าวปลอมจำนวนมากในกลุ่มญี่ปุ่น เช่น พบน้องแล้ว / เนื้อความในจดหมายมีเนื้อความว่า พร้อมทั้งมีลายมือเขียนด้วย เป็นต้น

    ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า ณ วันที่ 30 มกราคม เวลา 12.00 น.

    เนื้อหาที่เผยแพร่ไม่เป็นความจริง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000009653

    #MGROnline #มะพร้าวพรสวรรค์ #นักศึกษาปริญญาเอก #ชาวไทย #หายตัวปริศนา #ประเทศญี่ปุ่น
    เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่นำเสนอเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเตือนเกี่ยวกับข่าวปลอมของ "น้องมะพร้าว" นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย หลังหายตัวปริศนา ว่าขณะนี้ยังคงไม่เจอน้อง หลังปรากฏข่าวว่อนเน็ตว่าเจอตัวน้องแล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างค้นหาและสืบสวน • จากกรณีโซเชียลฯ ร่วมแชร์ช่วยหลังเพื่อนประกาศตามหา “มะพร้าว พรสวรรค์” นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย วัย 30 ปี หลังหายตัวปริศนาในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 ม.ค. 68 • ล่าสุดวันนี้ (30 ม.ค.) เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่แชร์ข้อมูลเรื่องข่าวสารในประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเผยแพร่ Fake News เกี่ยวกับน้องมะพร้าว เช่น เจอน้องแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า • "ขอความกรุณาอย่าเผยแพร่ Fake News (ข่าวปลอม) เกี่ยวกับน้องมะพร้าว • ขณะนี้เกิดข่าวปลอมจำนวนมากในกลุ่มญี่ปุ่น เช่น พบน้องแล้ว / เนื้อความในจดหมายมีเนื้อความว่า พร้อมทั้งมีลายมือเขียนด้วย เป็นต้น • ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า ณ วันที่ 30 มกราคม เวลา 12.00 น. • เนื้อหาที่เผยแพร่ไม่เป็นความจริง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000009653 • #MGROnline #มะพร้าวพรสวรรค์ #นักศึกษาปริญญาเอก #ชาวไทย #หายตัวปริศนา #ประเทศญี่ปุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบช.สอท.แถลงข่าวเตรียมดำเนินคดี “แก๊ง Oreo” หลังพบโพสต์ข้อมูลเชื่อมโยง การกระทำความผิดหลายข้อหา

    วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. รรท.รอง ผบช.สอท. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว เตรียมดำเนินคดีเอาผิด “แก๊ง Oreo” หลังพบโพสต์ข้อมูลเชื่อมโยง การกระทำความผิดหลายข้อหา

    พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณี กลุ่มวัยรุ่นที่เล่นเกม FiveM และมีพฤติกรรมรุนแรงในชีวิตจริง เกิดจากการที่กลุ่มนี้ซึ่งเรียกตัวเองว่า “Oreo” นำพฤติกรรมในเกมมาสู่โลกจริง โดยมีการทำร้ายร่างกายผู้อื่น บังคับให้เหยื่อกระทำสิ่งไม่เหมาะสม เช่น แก้ผ้า กินหญ้า หรือเคี้ยวก้นบุหรี่ พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอเผยแพร่บนโซเชียลเพื่อความสนุกบุคคล

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000009684

    #MGROnline #แก๊งOreo #FiveM
    ผบช.สอท.แถลงข่าวเตรียมดำเนินคดี “แก๊ง Oreo” หลังพบโพสต์ข้อมูลเชื่อมโยง การกระทำความผิดหลายข้อหา • วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. รรท.รอง ผบช.สอท. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว เตรียมดำเนินคดีเอาผิด “แก๊ง Oreo” หลังพบโพสต์ข้อมูลเชื่อมโยง การกระทำความผิดหลายข้อหา • พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณี กลุ่มวัยรุ่นที่เล่นเกม FiveM และมีพฤติกรรมรุนแรงในชีวิตจริง เกิดจากการที่กลุ่มนี้ซึ่งเรียกตัวเองว่า “Oreo” นำพฤติกรรมในเกมมาสู่โลกจริง โดยมีการทำร้ายร่างกายผู้อื่น บังคับให้เหยื่อกระทำสิ่งไม่เหมาะสม เช่น แก้ผ้า กินหญ้า หรือเคี้ยวก้นบุหรี่ พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอเผยแพร่บนโซเชียลเพื่อความสนุกบุคคล • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000009684 • #MGROnline #แก๊งOreo #FiveM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามใน "คำสั่งฝ่ายบริหาร" ที่สั่งให้หน่วยงานต่างๆ ปราบปรามการต่อต้านชาวยิวเพื่อตอบสนองต่อการประท้วงสงครามในฉนวนกาซา

    คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้มหาวิทยาลัยต้องรายงานพฤติกรรมนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่แสดงความเห็นต่อต้านชาวยิว รวมถึงแสดงความเห็นใจและสนับสนุนต่อกลุ่มฮามาส และต้องแน่ใจว่าการรายงานดังกล่าวจะสามารถนำไปสู่การสืบสวนและการเนรเทศเมื่อจำเป็น

    ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ อย่างแข็งกร้าว โดยอ้างถึงความล้มเหลวในการปกป้องนักศึกษาชาวยิวหลังวันที่ 7 ตุลาคม และสั่งให้หน่วยงานต่างๆ ใช้ทุกวิถีทางทางกฎหมายเพื่อปราบปรามการต่อต้านชาวยิว
    ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามใน "คำสั่งฝ่ายบริหาร" ที่สั่งให้หน่วยงานต่างๆ ปราบปรามการต่อต้านชาวยิวเพื่อตอบสนองต่อการประท้วงสงครามในฉนวนกาซา คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้มหาวิทยาลัยต้องรายงานพฤติกรรมนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่แสดงความเห็นต่อต้านชาวยิว รวมถึงแสดงความเห็นใจและสนับสนุนต่อกลุ่มฮามาส และต้องแน่ใจว่าการรายงานดังกล่าวจะสามารถนำไปสู่การสืบสวนและการเนรเทศเมื่อจำเป็น ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ อย่างแข็งกร้าว โดยอ้างถึงความล้มเหลวในการปกป้องนักศึกษาชาวยิวหลังวันที่ 7 ตุลาคม และสั่งให้หน่วยงานต่างๆ ใช้ทุกวิถีทางทางกฎหมายเพื่อปราบปรามการต่อต้านชาวยิว
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักบินกองทัพอากาศสหรัฐฯ ดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย หลังเครื่องบินขับไล่ล้ำสมัย F-35 เกิดขัดข้อง ก่อนร่วงกระแทกพื้น ระเบิดไฟลุกท่วม ระหว่างภารกิจฝึกฝน ณ ฐานทัพอากาศไอเอลสัน ในรัฐอะแลสกา เมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.)
    .
    นาวาอากาศเอกพอล ทาวน์เซนด์ ผู้บัญชาการกองบินที่ 354 กองทัพอากาศสหรัฐฯ ระบุนักบินประสบปัญหาขัดข้องระหว่างทำการบิน แต่สามารถดีดตัวออกมาได้ทัน และเครื่องบินโหม่งโลกระหว่างขั้นตอนการลงจอด
    .
    "นักบินแจ้งเหตุฉุกเฉินระหว่างทำการบินก่อนประสบเหตุ และได้รับรายงานว่าเขาอยู่ในอาการทรงตัว หลังจากถูกพาตัวส่งสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง" นาวาอากาศเอกทาวน์เซนด์กล่ว "นักบินปลอดภัย และถูกส่งไปยังโรงพยาบาลทหารบาสเซตต์ เพื่อประเมินอาการเพิ่มเติม ผมรับประกันกับคุณว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯ จะทำการสืบนสวนอย่างละเอียด ในความหวังเพื่อลดโอกาส ไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก"
    .
    กองบินที่ 354 กองทัพอากาศสหรัฐฯ ยืนยันในถ้อยแถลงว่า "อุบัติเหตุทางเครื่องบิน" เกิดขึ้นตอน 12.49 น.ตามเวลาท้องถิ่น "ผลก็คือก่อความเสียหายร้ายแรงแก่เครื่องบิน" ทั้งนี้ฐานทัพอากาศไอเอลสัน อยู่ห่างจากเมืองแฟร์แบงค์ ไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร โดยเมืองแห่งนี้ถูกใช้เป็นศูนย์กลางปฏิบัติการหนึ่งของเครื่องบิน F-35 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีล่องหน ยุคที่ 5 จำนวน 50 ลำ
    .
    ในเหตุการณ์อันน่าตื่นตะลึงที่ถูกจับภาพเอาไว้ได้ และเกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินกำลังลงจอด พบเห็นเครื่องบินล้ำสมัยที่ผลิตโดยล็อคฮีด มาร์ติน หมุนเกลียวในวงแคบๆ ในสภาพที่กางล้อออกมา ระหว่างที่ร่วงเกือบในแนวดิ่งมุ่งสู่พื้นโลก จนกระทั่งกระแทกพื้น โหมกระพือเปลวไฟขนาดใหญ่ลุกท่วมเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง พบเห็นร่มชูชีพกางออก เป็นสัญญาณว่านักบินดีดตัวออกมาได้ทัน
    .
    เครื่องบิน F-35 เป็นเสาหลักแห่งกองบินของกองทัพสหรัฐฯ มันถูกคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับศักยภาพล่องหนล้ำสมัยและการสู้รบของมัน และมีประจำการทั้งในกองทัพอากาศ กองทัพเรือและนาวิกโยธินอเมริกา อย่างไรก็ตาม มันถูกพินิจพิเคราะห์ตรวจสอบเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
    .
    ในเดือนพฤษภาคม เครื่องบิน F-35 ลำหนึ่ง ที่อยู่ระหว่างเดินทางจากเทกซัสไปยังฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ดส์ ในแคลิฟอร์เนีย เกิดอุบัติเหตุโหม่งโลก ไม่นานหลังแวะเติมเชื้อเพลิงในนิวเม็กซิโก ตามรายงานของเอพี นักบินได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกลำเลียงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
    .
    อีกเหตุการณ์เมื่อเดือนตุลาคม การสืบสวนของนาวิกโยธินสหรัฐฯ สรุปว่านักบินรายหนึ่งถูกดีดออกจากเครื่องบิน F-35 ทั้งที่เขาไม่ได้ออกคำสั่งใดๆ ส่งผลให้เครื่องบินลำดังกล่าวบินเองโดยอัตโนมัติเป็นเวลา 11 นาที ก่อนโหม่งโลก ในพื้นที่ห่างไกลแห่งหนึ่งในรัฐเซาท์แคโรไลนา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009489
    .........
    Sondhi X
    นักบินกองทัพอากาศสหรัฐฯ ดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย หลังเครื่องบินขับไล่ล้ำสมัย F-35 เกิดขัดข้อง ก่อนร่วงกระแทกพื้น ระเบิดไฟลุกท่วม ระหว่างภารกิจฝึกฝน ณ ฐานทัพอากาศไอเอลสัน ในรัฐอะแลสกา เมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.) . นาวาอากาศเอกพอล ทาวน์เซนด์ ผู้บัญชาการกองบินที่ 354 กองทัพอากาศสหรัฐฯ ระบุนักบินประสบปัญหาขัดข้องระหว่างทำการบิน แต่สามารถดีดตัวออกมาได้ทัน และเครื่องบินโหม่งโลกระหว่างขั้นตอนการลงจอด . "นักบินแจ้งเหตุฉุกเฉินระหว่างทำการบินก่อนประสบเหตุ และได้รับรายงานว่าเขาอยู่ในอาการทรงตัว หลังจากถูกพาตัวส่งสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง" นาวาอากาศเอกทาวน์เซนด์กล่ว "นักบินปลอดภัย และถูกส่งไปยังโรงพยาบาลทหารบาสเซตต์ เพื่อประเมินอาการเพิ่มเติม ผมรับประกันกับคุณว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯ จะทำการสืบนสวนอย่างละเอียด ในความหวังเพื่อลดโอกาส ไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก" . กองบินที่ 354 กองทัพอากาศสหรัฐฯ ยืนยันในถ้อยแถลงว่า "อุบัติเหตุทางเครื่องบิน" เกิดขึ้นตอน 12.49 น.ตามเวลาท้องถิ่น "ผลก็คือก่อความเสียหายร้ายแรงแก่เครื่องบิน" ทั้งนี้ฐานทัพอากาศไอเอลสัน อยู่ห่างจากเมืองแฟร์แบงค์ ไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร โดยเมืองแห่งนี้ถูกใช้เป็นศูนย์กลางปฏิบัติการหนึ่งของเครื่องบิน F-35 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีล่องหน ยุคที่ 5 จำนวน 50 ลำ . ในเหตุการณ์อันน่าตื่นตะลึงที่ถูกจับภาพเอาไว้ได้ และเกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินกำลังลงจอด พบเห็นเครื่องบินล้ำสมัยที่ผลิตโดยล็อคฮีด มาร์ติน หมุนเกลียวในวงแคบๆ ในสภาพที่กางล้อออกมา ระหว่างที่ร่วงเกือบในแนวดิ่งมุ่งสู่พื้นโลก จนกระทั่งกระแทกพื้น โหมกระพือเปลวไฟขนาดใหญ่ลุกท่วมเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง พบเห็นร่มชูชีพกางออก เป็นสัญญาณว่านักบินดีดตัวออกมาได้ทัน . เครื่องบิน F-35 เป็นเสาหลักแห่งกองบินของกองทัพสหรัฐฯ มันถูกคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับศักยภาพล่องหนล้ำสมัยและการสู้รบของมัน และมีประจำการทั้งในกองทัพอากาศ กองทัพเรือและนาวิกโยธินอเมริกา อย่างไรก็ตาม มันถูกพินิจพิเคราะห์ตรวจสอบเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา . ในเดือนพฤษภาคม เครื่องบิน F-35 ลำหนึ่ง ที่อยู่ระหว่างเดินทางจากเทกซัสไปยังฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ดส์ ในแคลิฟอร์เนีย เกิดอุบัติเหตุโหม่งโลก ไม่นานหลังแวะเติมเชื้อเพลิงในนิวเม็กซิโก ตามรายงานของเอพี นักบินได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกลำเลียงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง . อีกเหตุการณ์เมื่อเดือนตุลาคม การสืบสวนของนาวิกโยธินสหรัฐฯ สรุปว่านักบินรายหนึ่งถูกดีดออกจากเครื่องบิน F-35 ทั้งที่เขาไม่ได้ออกคำสั่งใดๆ ส่งผลให้เครื่องบินลำดังกล่าวบินเองโดยอัตโนมัติเป็นเวลา 11 นาที ก่อนโหม่งโลก ในพื้นที่ห่างไกลแห่งหนึ่งในรัฐเซาท์แคโรไลนา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009489 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    Sad
    11
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 902 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์สั่งตรวจสอบเพื่อหาทางกำหนดบทลงโทษ และเนรเทศ ลัทธิต่อต้านชาวยิว รวมถึงนักศึกษาที่ถือวีซ่า

    คาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพุธ เพื่อสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางทั้งหมดระบุหน่วยงานแพ่งและอาญาที่มีอยู่ ปราบปรามการต่อต้านชาวยิว รวมถึงหาวิธีเนรเทศนักเคลื่อนไหวต่อต้านชาวยิวที่ละเมิดกฎหมาย

    คาดว่าคำสั่งดังกล่าว จะกำหนดให้ผู้นำหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ จัดเตรียมคำแนะนำให้กับทำเนียบขาวภายใน 60 วัน และระบุแผนในการสืบสวนการพ่นสีและการข่มขู่ที่สนับสนุนกลุ่มฮามาส รวมถึงในมหาวิทยาลัย
    ทรัมป์สั่งตรวจสอบเพื่อหาทางกำหนดบทลงโทษ และเนรเทศ ลัทธิต่อต้านชาวยิว รวมถึงนักศึกษาที่ถือวีซ่า คาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพุธ เพื่อสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางทั้งหมดระบุหน่วยงานแพ่งและอาญาที่มีอยู่ ปราบปรามการต่อต้านชาวยิว รวมถึงหาวิธีเนรเทศนักเคลื่อนไหวต่อต้านชาวยิวที่ละเมิดกฎหมาย คาดว่าคำสั่งดังกล่าว จะกำหนดให้ผู้นำหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ จัดเตรียมคำแนะนำให้กับทำเนียบขาวภายใน 60 วัน และระบุแผนในการสืบสวนการพ่นสีและการข่มขู่ที่สนับสนุนกลุ่มฮามาส รวมถึงในมหาวิทยาลัย
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า

    "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง"

    #silenttokyoandsothisisxmas
    สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก)
    ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน
    เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล
    248 หน้า 280 บาท
    พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564

    คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง?

    เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม!

    🧨

    จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด

    🧨

    ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น

    🧨

    ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย

    🧨

    ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด

    🧨

    ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น

    🧨

    มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้

    🧨

    ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน

    สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว

    🧨

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป..

    ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม ..

    สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป..

    หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่..

    ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่..

    หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป..

    หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ...

    ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ

    .......

    ภาควิเคราะห์✒️

    ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย

    ✒️

    ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย

    ✒️

    อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ✒️

    อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ

    แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่

    ✒️

    พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว

    หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย

    ✒️

    กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า

    "อยากตายนักหรือไง"

    เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว

    ✒️

    ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า

    อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย

    พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ

    ✒️

    เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ)

    ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร

    ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่

    ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน

    คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต

    ✒️

    มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่

    ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี

    แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด

    ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา

    สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด

    ..........

    อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย

    แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี

    ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ

    สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King

    "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น"

    #หนังญี่ปุ่น
    #หนังน่าดู
    #หนังสือน่าอ่าน
    #บทความ
    #รีววิหนังสือ
    #thaitimes
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #ระเบิดกลางกรุง
    #โตเกียว
    #สงคราม
    #แง่คิด
    #ระทึกขวัญ
    #สืบสวน
    #ก่อการร้าย
    ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง" #silenttokyoandsothisisxmas สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก) ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล 248 หน้า 280 บาท พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564 คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง? เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม! 🧨 จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด 🧨 ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น 🧨 ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย 🧨 ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด 🧨 ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น 🧨 มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้ 🧨 ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว 🧨 เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป.. ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม .. สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป.. หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่.. ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่.. หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป.. หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ... ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ ....... ภาควิเคราะห์✒️ ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย ✒️ ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย ✒️ อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ✒️ อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่ ✒️ พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย ✒️ กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า "อยากตายนักหรือไง" เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว ✒️ ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ ✒️ เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ) ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่ ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต ✒️ มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่ ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด .......... อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น" #หนังญี่ปุ่น #หนังน่าดู #หนังสือน่าอ่าน #บทความ #รีววิหนังสือ #thaitimes #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #ระเบิดกลางกรุง #โตเกียว #สงคราม #แง่คิด #ระทึกขวัญ #สืบสวน #ก่อการร้าย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการเกาหลีใต้ สั่งฟ้อง ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีผู้ถูกถอดถอน ในข้อหาเป็นผู้นำในการก่อกบฏ ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้ช่วงสั้นๆ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม จากการเปิดเผยของทนายความของยุนและพรรคฝ่ายค้านหลัก
    .
    ทนายความของยุน วิพากษ์วิจารณ์การสั่งฟ้องครั้งนี้ว่า "เป็นตัวเลือกที่เลวร้าย" ที่ดำเนินการโดยสำนักงานอัยการ แต่ทางพรรคฝ่ายค้านหลักขานรับด้วยความยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าว
    .
    การสั่งฟ้องครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับประธานาธิบดีรายหนึ่งรายใดของเกาหลีใต้ และถ้าถูกตัดสินว่ามีความผิด ยุน อาจต้องเผชิญโทษจำคุกสำหรับการประกาศกฎอัยการศึกที่ก่อความตกตะลึงของเขา ในความพยายามหาทางห้ามกิจกรรมทางการเมืองและรัฐสภา รวมถึงควบคุมสื่อมวลชน
    .
    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเขา นำมาซึ่งความอลหม่านทางการเมืองในชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย และพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ถูกถอดถอนเช่นกันและถูกพักอำนาจ นอกจากนี้แล้วยังเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงจำนวนหนึ่งถูกสั่งฟ้องจากบทบาทของพวกเขาในคำกล่าวหาก่อกบฏ
    .
    "ประกาศอัยการศึกฉุกเฉินของประธานาธิบดี เป็นคำวิงวอนที่สิ้นหวังที่มีถึงประชาชน ว่าวิกฤตระดับชาติหนึ่งๆ ที่ก่อโดยพวกฝ่ายค้าน กำลังหลุดจากการควบคุม" ทนายความของยุนระบุในถ้อยแถลง
    .
    สำนักงานอัยการยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ข่าวคราวเกี่ยวกับการสั่งฟ้องถูกรายงานโดยสื่อมวลชนเกาหลีใต้เช่นกัน
    .
    ทีมสืบสวนต่อต้านคอร์รัปชัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เสนอให้ตั้งข้อหายุน ที่อยู่ภายใต้การคุมขัง หลังจากถูกถอดถอนโดยรัฐสภาและพักจากการทำหน้าที่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม
    .
    ยุน ซึ่งตัวเองเคยเป็นอัยการสูงสุด ถูกคุมขังเดี่ยวอยู่ที่ทัณฑสถาน ชานกรุงโซล มาตั้งแต่กลายเป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง คนแรกที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม การจับกุมที่มีขึ้นตามหลังหลายวันของการขัดขืน และการเผชิญหน้าติดอาวุธระหว่างทีมรักษาความปลอดภัยของเขากับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่จับกุมตัว
    .
    เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลปฏิเสธอัยการถึง 2 รอบในคำร้องขอขยายเวลาควบคุมตัวเขาระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติม แต่ด้วยคำสั่งฟ้อง อัยการจึงร้องขออีกครั้งให้คุมขังเขาต่อไป ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น
    .
    การก่อกบฏเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหาทางอาญาไม่กี่ข้อกล่าวหา ที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้รายหนึ่งๆ ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และมันมีบทลงโทษหนักจำคุกตลอดชีวิตหรือถึงขั้นประหาร แม้เกาหลีใต้ไม่ได้ประหารชีวิตใครมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม
    .
    "อัยการตัดสินใจสั่งฟ้องยุน ซ็อกยอล ผู้ซึ่งเผชิญข้อกล่าวหาเป็นหัวหน้าแก๊งก่อกบฏ" ฮัน มิน-ซู โฆษกพรรคเดโมแครต ปาร์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าว "เวลานี้การลงโทษหัวหน้าแก๊งก่อกบฏเริ่มต้นขึ้นได้เสียที"
    .
    ยุนและทนายความของเขา โต้แย้ง ณ ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการพิจารณาการถอดถอน ว่าเขาไม่เคยมีความตั้งใจบังคับใช้อัยการศึกเต็มรูปแบบ แต่มีเจตนาใช้เป็นแค่มาตรการเตือนเพื่อทลายทางตันทางการเมืองเท่านั้น
    .
    ในความเคลื่อนไหวคู่ขนานกับกระบวนการทางอาญา ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากตำแหน่ง หรือคืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา โดยศาลมีเวลา 180 วัน สำหรับการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว
    .
    รัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ ลงมติถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ส่งผลให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสายอนุรักษนิยมรายที่ 2 ของประเทศ ที่ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง
    .
    ยุน ถอนประกาศอัยการศึกหลังจากบังคับใช้ไปราวๆ 6 ชั่วโมง หลังบรรดาสมาชิกรัฐสภา ที่เผชิญหน้ากับทหารในรัฐสภา ลงมติคว่ำประกาศดังกล่าว
    .
    ระหว่างการเผชิญหน้าอันน่าตกอกตกใจ ทหารพร้อมปืนไรเฟิล เสื้อกันกระสุนและยุทโธปกรณ์สำหรับปฏิบัติการตอนกลางคืน กำลังทุบบานกระจก ในความพยายามเข้าไปยังอาคารรัฐสภา
    .
    ทั้งนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับรองการถอดถอน ยุน พ้นจากตำแหน่ง ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีจะถูกจัดขึ้นภายใน 60 วัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008311
    ..............
    Sondhi X
    อัยการเกาหลีใต้ สั่งฟ้อง ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีผู้ถูกถอดถอน ในข้อหาเป็นผู้นำในการก่อกบฏ ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้ช่วงสั้นๆ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม จากการเปิดเผยของทนายความของยุนและพรรคฝ่ายค้านหลัก . ทนายความของยุน วิพากษ์วิจารณ์การสั่งฟ้องครั้งนี้ว่า "เป็นตัวเลือกที่เลวร้าย" ที่ดำเนินการโดยสำนักงานอัยการ แต่ทางพรรคฝ่ายค้านหลักขานรับด้วยความยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าว . การสั่งฟ้องครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับประธานาธิบดีรายหนึ่งรายใดของเกาหลีใต้ และถ้าถูกตัดสินว่ามีความผิด ยุน อาจต้องเผชิญโทษจำคุกสำหรับการประกาศกฎอัยการศึกที่ก่อความตกตะลึงของเขา ในความพยายามหาทางห้ามกิจกรรมทางการเมืองและรัฐสภา รวมถึงควบคุมสื่อมวลชน . ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเขา นำมาซึ่งความอลหม่านทางการเมืองในชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย และพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ถูกถอดถอนเช่นกันและถูกพักอำนาจ นอกจากนี้แล้วยังเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงจำนวนหนึ่งถูกสั่งฟ้องจากบทบาทของพวกเขาในคำกล่าวหาก่อกบฏ . "ประกาศอัยการศึกฉุกเฉินของประธานาธิบดี เป็นคำวิงวอนที่สิ้นหวังที่มีถึงประชาชน ว่าวิกฤตระดับชาติหนึ่งๆ ที่ก่อโดยพวกฝ่ายค้าน กำลังหลุดจากการควบคุม" ทนายความของยุนระบุในถ้อยแถลง . สำนักงานอัยการยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ข่าวคราวเกี่ยวกับการสั่งฟ้องถูกรายงานโดยสื่อมวลชนเกาหลีใต้เช่นกัน . ทีมสืบสวนต่อต้านคอร์รัปชัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เสนอให้ตั้งข้อหายุน ที่อยู่ภายใต้การคุมขัง หลังจากถูกถอดถอนโดยรัฐสภาและพักจากการทำหน้าที่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม . ยุน ซึ่งตัวเองเคยเป็นอัยการสูงสุด ถูกคุมขังเดี่ยวอยู่ที่ทัณฑสถาน ชานกรุงโซล มาตั้งแต่กลายเป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง คนแรกที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม การจับกุมที่มีขึ้นตามหลังหลายวันของการขัดขืน และการเผชิญหน้าติดอาวุธระหว่างทีมรักษาความปลอดภัยของเขากับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่จับกุมตัว . เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลปฏิเสธอัยการถึง 2 รอบในคำร้องขอขยายเวลาควบคุมตัวเขาระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติม แต่ด้วยคำสั่งฟ้อง อัยการจึงร้องขออีกครั้งให้คุมขังเขาต่อไป ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น . การก่อกบฏเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหาทางอาญาไม่กี่ข้อกล่าวหา ที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้รายหนึ่งๆ ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และมันมีบทลงโทษหนักจำคุกตลอดชีวิตหรือถึงขั้นประหาร แม้เกาหลีใต้ไม่ได้ประหารชีวิตใครมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม . "อัยการตัดสินใจสั่งฟ้องยุน ซ็อกยอล ผู้ซึ่งเผชิญข้อกล่าวหาเป็นหัวหน้าแก๊งก่อกบฏ" ฮัน มิน-ซู โฆษกพรรคเดโมแครต ปาร์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าว "เวลานี้การลงโทษหัวหน้าแก๊งก่อกบฏเริ่มต้นขึ้นได้เสียที" . ยุนและทนายความของเขา โต้แย้ง ณ ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการพิจารณาการถอดถอน ว่าเขาไม่เคยมีความตั้งใจบังคับใช้อัยการศึกเต็มรูปแบบ แต่มีเจตนาใช้เป็นแค่มาตรการเตือนเพื่อทลายทางตันทางการเมืองเท่านั้น . ในความเคลื่อนไหวคู่ขนานกับกระบวนการทางอาญา ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากตำแหน่ง หรือคืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา โดยศาลมีเวลา 180 วัน สำหรับการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว . รัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ ลงมติถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ส่งผลให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสายอนุรักษนิยมรายที่ 2 ของประเทศ ที่ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง . ยุน ถอนประกาศอัยการศึกหลังจากบังคับใช้ไปราวๆ 6 ชั่วโมง หลังบรรดาสมาชิกรัฐสภา ที่เผชิญหน้ากับทหารในรัฐสภา ลงมติคว่ำประกาศดังกล่าว . ระหว่างการเผชิญหน้าอันน่าตกอกตกใจ ทหารพร้อมปืนไรเฟิล เสื้อกันกระสุนและยุทโธปกรณ์สำหรับปฏิบัติการตอนกลางคืน กำลังทุบบานกระจก ในความพยายามเข้าไปยังอาคารรัฐสภา . ทั้งนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับรองการถอดถอน ยุน พ้นจากตำแหน่ง ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีจะถูกจัดขึ้นภายใน 60 วัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008311 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1029 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป
    .
    ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี
    .
    ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้
    .
    เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA
    .
    นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา
    .
    16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด
    .
    ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง
    .
    ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้
    .
    จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง
    .
    ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า
    .
    ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น
    .
    แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป . ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี . ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้ . เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA . นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา . 16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด . ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง . ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้ . จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง . ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า . ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น . แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    24
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1173 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานเลี้ยงขอบคุณผู้หาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    เดินสุดซอยแรกเข้าสู่ซอยที่ 2 กับดีเอสไอ
    .
    เมื่อวานซืนนี้ (22ม.ค.68 )ผมจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่ร่วมช่วยเหลือจำลองเหตุการณ์ในการตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตของน้องแตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ คนที่เข้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน มี อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, คุณหมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุ , คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล พามิสแกรนด์ที่ร่วมพิสูจน์ความจริงมาในการแสดงเป็นน้องแตงโมที่ตกน้ำ ประกอบด้วย น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม น้องเฟ-ริน มิสแกรนด์นครสวรรค์ น้องบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีครูลิต้า ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก มาด้วย
    .
    ส่วนคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาไม่ได้ เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดนิ่ว ยังไม่พอ ยังต้องถ่อสังขารออกจากโรงพยาบาลไปศาลอาญา เพื่อให้ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล
    .
    เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงบ่ายๆอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เปิดเผยหนังสือที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อนุมัติสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดา ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยส่งต่อผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษรับผิดชอบดำเนินการ พร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น โดยท่านอธิบดีมอบหมาย พ.ต.ต.ณัฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และแจ้งให้ผู้รับเรื่องร้องทุกข์ทราบต่อไป
    .
    ท่านผู้ชมครับ การเดินทางเพื่อหาความจริงที่มีหนึ่งเดียวของคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก็ได้เดินทางมาถึงอย่างน้อยที่สุด ซอยแรก มาถึงสุดซอยแล้ว เรากำลังเดินเข้าซอยที่ 2 อยู่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเรื่องราวส่วนตัวกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว
    .
    มีคนพูดว่าทำไมเราต้องไปยุ่งเรื่องนี้ คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นคนที่ไร้เดียงสา เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าตำรวจ อัยการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจจะมีส่วนรับรู้หรือรับเห็น หรือจงใจทำให้เกิดช่องโหว่นี้ขึ้นมา ที่สำคัญคือเขาได้ปิดกั้นความเห็นและข้อมูลที่แตกต่างไม่ให้นำเสนอ เมื่อกระบวนการขึ้นสู่ศาล ศาลก็ไม่มีทางเลือก ก็ต้องพิจารณาเฉพาะหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งมา ตรงนี้เป็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาก
    .
    ตรงนี้ล่ะครับท่านผู้ชม เราไม่ได้เข้าข้างน้องแตงโม และเราไม่ได้เข้าข้างตำรวจหรือว่าคุณแม่ หรือทนายความของน้องแตงโม แต่เรายืนอยู่บนความจริงมีหนึ่งเดียว นี่คือหลักการในชีวิตของผม ซึ่งถ่ายทอดต่อไป และเป็นหลักการของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และเผอิญมันก็ไปตรงกับหลักการของคุณหมอธวัชชัย แล้วก็มีส่วนในการที่คุณอัจฉริยะ เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา
    .
    บ้านพระอาทิตย์ สนธิ ลิ้มทองกุล ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่ได้สนใจข้อมูลอันนี้จะไปกระเทือนใครบ้าง ถ้าข้อมูลอันนี้ออกมาแล้วพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้จะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป
    .
    แล้วเราก็มีที่พึ่งที่เดียว คือ ดีเอสไอ ถ้าคดีมีมูล สิ่งที่เราพิสูจน์แล้วดีเอสไอเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดที่สืบสวนสอบสวนมาแล้ว มีบทสรุปเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ทั้งหมด 21 คน ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธาน เมื่อตกลงแล้วข้อมูลที่ทำขึ้นมาจากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอนั้น เขาคิดว่าน่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือเปล่า ถ้าเขารับเป็นคดีพิเศษ กระบวนการทั้งหมดก็จะเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่
    .
    ถ้ารับเป็นคดีพิเศษ เขาก็ต้องถามว่า ผู้ใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีตำรวจยศอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียกมาสอบทีละคนๆๆ ผมถึงบอกว่า เราเพิ่งผ่านซอยแรกไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังเริ่มเดินเข้าซอยที่สอง แต่อย่างน้อย ปรัชญาของความจริงมีหนึ่งเดียวของเรานั้น ก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนกำลังเดินหน้าเข้าไปหาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    งานเลี้ยงขอบคุณผู้หาความจริงที่มีหนึ่งเดียว เดินสุดซอยแรกเข้าสู่ซอยที่ 2 กับดีเอสไอ . เมื่อวานซืนนี้ (22ม.ค.68 )ผมจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่ร่วมช่วยเหลือจำลองเหตุการณ์ในการตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตของน้องแตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ คนที่เข้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน มี อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, คุณหมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุ , คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล พามิสแกรนด์ที่ร่วมพิสูจน์ความจริงมาในการแสดงเป็นน้องแตงโมที่ตกน้ำ ประกอบด้วย น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม น้องเฟ-ริน มิสแกรนด์นครสวรรค์ น้องบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีครูลิต้า ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก มาด้วย . ส่วนคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาไม่ได้ เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดนิ่ว ยังไม่พอ ยังต้องถ่อสังขารออกจากโรงพยาบาลไปศาลอาญา เพื่อให้ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล . เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงบ่ายๆอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เปิดเผยหนังสือที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อนุมัติสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดา ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยส่งต่อผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษรับผิดชอบดำเนินการ พร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น โดยท่านอธิบดีมอบหมาย พ.ต.ต.ณัฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และแจ้งให้ผู้รับเรื่องร้องทุกข์ทราบต่อไป . ท่านผู้ชมครับ การเดินทางเพื่อหาความจริงที่มีหนึ่งเดียวของคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก็ได้เดินทางมาถึงอย่างน้อยที่สุด ซอยแรก มาถึงสุดซอยแล้ว เรากำลังเดินเข้าซอยที่ 2 อยู่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเรื่องราวส่วนตัวกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว . มีคนพูดว่าทำไมเราต้องไปยุ่งเรื่องนี้ คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นคนที่ไร้เดียงสา เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าตำรวจ อัยการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจจะมีส่วนรับรู้หรือรับเห็น หรือจงใจทำให้เกิดช่องโหว่นี้ขึ้นมา ที่สำคัญคือเขาได้ปิดกั้นความเห็นและข้อมูลที่แตกต่างไม่ให้นำเสนอ เมื่อกระบวนการขึ้นสู่ศาล ศาลก็ไม่มีทางเลือก ก็ต้องพิจารณาเฉพาะหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งมา ตรงนี้เป็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาก . ตรงนี้ล่ะครับท่านผู้ชม เราไม่ได้เข้าข้างน้องแตงโม และเราไม่ได้เข้าข้างตำรวจหรือว่าคุณแม่ หรือทนายความของน้องแตงโม แต่เรายืนอยู่บนความจริงมีหนึ่งเดียว นี่คือหลักการในชีวิตของผม ซึ่งถ่ายทอดต่อไป และเป็นหลักการของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และเผอิญมันก็ไปตรงกับหลักการของคุณหมอธวัชชัย แล้วก็มีส่วนในการที่คุณอัจฉริยะ เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา . บ้านพระอาทิตย์ สนธิ ลิ้มทองกุล ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่ได้สนใจข้อมูลอันนี้จะไปกระเทือนใครบ้าง ถ้าข้อมูลอันนี้ออกมาแล้วพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้จะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป . แล้วเราก็มีที่พึ่งที่เดียว คือ ดีเอสไอ ถ้าคดีมีมูล สิ่งที่เราพิสูจน์แล้วดีเอสไอเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดที่สืบสวนสอบสวนมาแล้ว มีบทสรุปเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ทั้งหมด 21 คน ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธาน เมื่อตกลงแล้วข้อมูลที่ทำขึ้นมาจากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอนั้น เขาคิดว่าน่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือเปล่า ถ้าเขารับเป็นคดีพิเศษ กระบวนการทั้งหมดก็จะเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่ . ถ้ารับเป็นคดีพิเศษ เขาก็ต้องถามว่า ผู้ใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีตำรวจยศอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียกมาสอบทีละคนๆๆ ผมถึงบอกว่า เราเพิ่งผ่านซอยแรกไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังเริ่มเดินเข้าซอยที่สอง แต่อย่างน้อย ปรัชญาของความจริงมีหนึ่งเดียวของเรานั้น ก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนกำลังเดินหน้าเข้าไปหาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    Like
    Love
    22
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน

    #กระบี่อมตะ
    โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล
    สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์
    นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน
    เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า

    นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย

    วกมาสู่เล่มนี้

    เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ

    เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน

    มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา

    ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก

    คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ

    แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่

    ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด

    สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร

    ไปลองอ่านดูนะครับ

    #โก้วเล้ง
    #วณเมืองลุง
    #นิบายจีน
    #นิยายแปล
    #รีวิวหนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes]

    ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน #กระบี่อมตะ โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์ นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย วกมาสู่เล่มนี้ เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่ ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร ไปลองอ่านดูนะครับ #โก้วเล้ง #วณเมืองลุง #นิบายจีน #นิยายแปล #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes]
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สนุกจังตังอยู่ครบ

    ความสนุกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กับแค่โครงเรื่องแนวคลาสสิกที่ให้คนกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่อาจติดต่อกับคนอื่นได้ แล้วมีการตายเกิดขึ้นทีละราย ทว่าเล่มนี้มีการรื้อโครงสร้างแนวเก่าออก แล้วก่อขึ้นใหม่โดยรูปแบบภายนอกยังคงคล้ายเดิม ทว่าภายในนั้นมีความดัดแปลงให้แตกต่างไป นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่ง

    ผมกำลังพูดถึง #ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะ ผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ฝีมือแปลโดย สุรีรัตน์ งามสง่าพงษ์
    จัดพิมพ์โดย สนพ.ไดฟุกุ เมื่อกรกฎาคม 2566 ความหนา 240 หน้า ราคา 270 บาท ต้นฉบับพิมพ์ตั้งแต่ปี 2539 นับถึงปัจจุบันก็เฉียด 30 ปีเข้าแล้ว

    อ่านจบก่อนและค่อนข้างชอบ จึงลองไปอ่านความเห็นคนอื่นดูบ้าง รู้สึกเสียงแตกเป็นสองฝั่ง มีไม่น้อยค่อนไปในทางไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ซึ่งก็แล้วแต่ความเห็นของคนอ่าน ในส่วนของผมเองมีเหตุผลที่ชอบซึ่งจะได้เขียนถึงต่อไป

    เบื้องต้นขอเล่าเนื้อหาโดยสรุปดังนี้

    ชายหนุ่มหญิงสาว 7 คน (แบ่งเป็นชาย4หญิง3) ที่ผ่านการออดิชันเพื่อจะรับบทแสดงนำในละครเวทีของคณะละครแห่งหนึ่ง ได้รับจดหมายจากผกก.ละครที่ส่งถึงทุกคนว่าให้มารวมตัวกันที่บ้านพักหลังหนึ่งบนภูเขาเป็นเวลา 4 วัน เพื่อฝึกซ้อมพิเศษตามวันเวลานัดที่ระบุ ถ้าใครไม่มาหรือมาช้าจะถูกตัดสิทธิ์ และห้ามบอกใครทั้งนั้น

    ที่บ้านพัก ทั้ง7คนได้พบกับเจ้าของบ้านที่รออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ให้ทราบว่ามีห้องอะไรในเกสต์เฮาส์บ้าง มีวัตถุดิบทำอาหารไว้ให้พอสำหรับ 4 วัน แต่ผู้มาพักต้องทำอาหารเอง ไม่มีใครมาคอยดูแลให้ทั้งสิ้น ทั้ง7ต้องอยู่ตามลำพัง เป็นเงื่อนไขที่ทางคนกลางของ ผกก.ที่ติดต่อมาแจ้งไว้ ก่อนออกจากบ้านพักเขาทิ้งท้ายว่าหากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรศัพท์ถึงเขาได้ เขาอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก

    ขณะทั้ง7กำลังไม่สบอารมณ์ในสิ่งที่เจ้าของบ้านพักแจ้ง และจับกลุ่มสนทนา ปรากฏว่ามีจดหมายจากผกก.มาส่ง แจ้งรายละเอียดว่าตลอด 4 วันนี้ ให้ทุกคนถือเสมือนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่มีหิมะตกหนัก ไม่สามารถออกไปไหนและสายสัญญาณโทรศัพท์ถูกหิมะหล่นทับไม่อาจติดต่อใคร และจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยให้แต่ละคนจำลองสถานการณ์เอาเองว่าจะทำอย่างไร ถ้ามีฆาตกรฆ่าคนตายไปทีละคน ทั้งหมดถือเป็นการฝึกซ้อมและทดสอบที่จะนำมาใช้ในการวัดผล โดยห้ามติดต่อหาใครทั้งนั้น ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบกำหนด ใครฝ่าฝืนถือว่าสละสิทธิ์โดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ทั้ง7คนทุ่มเถียงถึงคำสั่งแปลกพิสดารของผกก. แต่ในที่สุดก็จำต้องยอมรับและปฏิบัติตาม

    หลังเลือกห้องกันแล้วว่าใครจะพักห้องไหน มีทั้งห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มีห้องสันทนาการ ห้องนั่งเล่นรวม ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องสุขาและอาบน้ำ และห้องอื่น ๆ ทุกคนใช้ชีวิตไปตามอัธยาศัย แล้วก็เกิดเหตุน่ากลัวขึ้นในคืนวันแรก สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งหายตัวไปในเช้าวันถัดมา และมีกระดาษที่เขียนคำอธิบายไว้ว่าบุคคลคนนั้นถูกฆ่าตายแล้วด้วยวิธีการใด และต้องหายตัวไปเหมือนถูกตัดออกจากการแข่งขัน สมาชิกที่เหลือจึงเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนดังกล่าวไปแอบอยู่ที่ใดระหว่างที่ยังไม่ครบ4วัน คนที่เหลือต้องพยายามหาทางคาดเดาตัวคนร้ายให้ได้

    ในระหว่างคนทั้ง6ที่เหลือ ก็มีความสัมพันธ์ส่วนตัวพัวพันกันอยู่ มีชายอย่างน้อยสามคนที่ชอบหญิงคนหนึ่งในกลุ่ม จึงมีการพูดจาเชิงข่มหรือดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหญิงอีกคนดูจะมีใจให้กับชายอีกคนที่ชอบผู้หญิงอีกคน มันช่างยุ่งเหยิงดีแท้ และแล้วก็มีการตายเกิดขึ้นอีกในคืนวันถัดมาโดยไม่มีใครทราบจนล่วงเข้าวันใหม่ ยังคงมีกระดาษเขียนรายละเอียดที่ระบุว่าผู้ตายถูกฆ่าแบบไหน และคนในกลุ่มก็หายตัวไปอีกหนึ่ง เหลือเพียง 5 คน ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากขึ้น มีคนหนึ่งเริ่มเสนอแนวคิดที่น่ากลัวว่า คนที่หายตัวไปนั้นอาจไม่ใช่การซ้อมแสดงละคร แต่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วจริง ๆ

    ความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรกันแน่ หาคำตอบได้ใน ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะครับ

    ..............

    ความจริงเล่มนี้ตัวละครไม่เยอะ มีกล่าวถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องบ้างเล็กน้อยคือผกก. ,เจ้าของบ้านพัก,และตัวละครอีกหนึ่งคนซึ่งจะถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังคนในกลุ่มได้เข้าพักในบ้านไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นสำหรับผม ถือว่าเรื่องนี้มีความง่ายกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านมาในการจดจำตัวละคร เรียกว่าพยายามท่องจำเอาตั้งแต่เริ่มเลย พร้อมกับดูผังบ้านชั้น1 และชั้น2ประกอบไปด้วย เพื่อจำว่าใครพักอยู่ห้องไหนบ้าง แม้รายละเอียดของผังบ้านที่ให้มาจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก แค่วาดแบ่งเป็นขนาดให้เห็นอย่างหยาบ ๆ ว่าห้องไหนคือห้องอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ใดตั้งอยู่บ้างเท่าที่จำเป็น ตำแหน่งของประตูหน้าต่างก็บอกเฉพาะบางตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้แสดงครบทุกห้อง และมองเห็นบางจุดที่รู้สึกติดใจตั้งแต่ทีแรกว่าตำแหน่งนั้นคืออะไร ทำไมไม่ระบุรายละเอียดให้ทราบ พออ่านจนใกล้จบจึงถึงบางอ้อ ที่แท้จุดที่เราสงสัยเป็นส่วนสำคัญของปริศนาแห่งคดีในเล่มนี้ด้วยสิ

    ขอกล่าวถึงเหตุผลที่ชอบนะครับ หลักเลยคือเห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียน ที่อยากจะทำให้เกิดการเล่าเรื่องแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากการเล่ารูปแบบเดิมที่เคยใช้กันมาในนิยายรุ่นเก่าของนักเขียนดังหลายคนทางฝากตะวันตก แม้จะสร้างสถานการณ์ให้มีคนมาอยู่รวมกันในที่ซึ่งเหมือนหนีไปไหนไม่ได้ แล้วตายไปทีละคนเช่นโครงเรื่องแนวคลาสสิก แต่ก็ใส่รายละเอียดที่ทำให้ต่างตรงที่คราวนี้ ทุกอย่างถูกกำหนดบังคับจากกฎกติกาที่ระบุในจม. ทำให้เหยื่อมีความสับสนระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าคือความจริงหรือคือการแสดงละครตามสิ่งที่ผกก.ต้องการกันแน่

    ที่สร้างสรรค์อย่างมากคือใช้วิธีการเล่าสองรูปแบบสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง คือเล่าในมุมมองพระเจ้าที่เราเข้าใจเอาเองแต่แรกว่าคือมุมมองสายตาของนักเขียน ทว่าเฉลยตอนท้ายที่เข้าสู่ช่วงไขคดีว่าที่แท้เป็นมุมมองพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ใช่สายตาผู้เขียน หากแต่เป็นใคร หากได้อ่านเองแล้วก็จะรู้ จุดนี้ผมถือว่ายอดเยี่ยมมาก ส่วนอีกมุมมองหนึ่งจะเป็นการเล่าผ่านสายตาและความคิดของตัวละครตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม7คน คล้ายทำนองบันทึกการคุยกับตัวเองว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มีใครทำอะไร ใครคุยว่าอย่างไรบ้าง โดยในส่วนนี้จะมีสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของคนดังกล่าวทำให้คนอ่านทราบมุมมองของเขาอย่างใกล้ชิด และเป็นตัวละครสำคัญที่เหมือนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องเดินหน้าต่อไป และตัวละครตัวนี้เองที่ภายหลัง ก็คล้ายจะสถาปนาตนเองเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนักสืบในการคลี่คลายปริศนาทั้งหมดด้วย

    เรื่องจะถูกแบ่งเล่าเป็น 4 วัน ในแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างจนกระทั่งจบวัน จึงเริ่มต้นบทใหม่ในวันถัดไป ดังที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้คือ ตั้งใจท่องจำชื่อตัวละครทั้ง7และจำผังบ้านไว้ในหัวคร่าว ๆ ดังนั้นตอนอ่านที่ผู้เขียนบรรยายเล่าถึงช่วงที่ระบุถึงตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนในห้องใด และการเล่าถึงสภาพภายในของบ้านพักว่ามีอะไรตั้งอยู่จุดไหนอย่างไร ผมจึงมองเห็นภาพเป็นสามมิติได้ไม่ยากนัก นับว่าผู้เขียนออกแบบและคิดผังบ้านหลังนี้มาได้ไม่เลว จึงสอดรับเข้ากันกับเหตุผลที่ประกอบในการกระทำของตัวละครต่าง ๆ อย่างกลมกลืน

    ด้วยความที่ส่วนตัวผมเคยผ่านการ try out จนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อแสดงละครเวที รวมถึงเคยอยู่ในฐานะของผู้ที่ฝึกฝนการแสดงให้กับรุ่นน้องในคณะสมัยเรียนมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่แสดงบทบาทลีลาในเรื่อง ว่าทำไมถึงคิดหรือพูดและทำอะไรลงไปดังที่ปรากฏนั้น ซึ่งไม่แปลกแต่ประการใด จึงถือว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งของผู้เขียน ที่มีมุมมองการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ได้น่าสนใจไม่แพ้เรื่องตุ๊กตาปิเอโรในคฤหาสน์กางเขนเช่นกัน

    ด้านสำนวนการแปลอ่านได้เพลินไม่มีสะดุดติดขัด บางคำพูดของบทสนทนาก็ทำให้รู้สึกฮาเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าจะเครียด แต่กลับอ่านแล้วผ่อนคลายสบาย ๆ และอยากรู้ว่าที่แท้แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ ชอบบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายที่ต่างไปจากนิยายแนวนี้ที่อ่านผ่านมาทั้งหมด นับว่าเป็นตอนจบที่ผมมีความสุขมากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะกลอุบายที่ใช้ ช่างน่าประทับใจยิ่ง

    #รีวิวหนังสือ
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #บทความ
    #เรื่องแปล
    #ฃาตกรรม
    #สืบสวน
    #thaitimes
    #ละครเวที
    #ไขปริศนา
    #สนุกจังตังอยู่ครบ ความสนุกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กับแค่โครงเรื่องแนวคลาสสิกที่ให้คนกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่อาจติดต่อกับคนอื่นได้ แล้วมีการตายเกิดขึ้นทีละราย ทว่าเล่มนี้มีการรื้อโครงสร้างแนวเก่าออก แล้วก่อขึ้นใหม่โดยรูปแบบภายนอกยังคงคล้ายเดิม ทว่าภายในนั้นมีความดัดแปลงให้แตกต่างไป นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่ง ผมกำลังพูดถึง #ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะ ผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ฝีมือแปลโดย สุรีรัตน์ งามสง่าพงษ์ จัดพิมพ์โดย สนพ.ไดฟุกุ เมื่อกรกฎาคม 2566 ความหนา 240 หน้า ราคา 270 บาท ต้นฉบับพิมพ์ตั้งแต่ปี 2539 นับถึงปัจจุบันก็เฉียด 30 ปีเข้าแล้ว อ่านจบก่อนและค่อนข้างชอบ จึงลองไปอ่านความเห็นคนอื่นดูบ้าง รู้สึกเสียงแตกเป็นสองฝั่ง มีไม่น้อยค่อนไปในทางไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ซึ่งก็แล้วแต่ความเห็นของคนอ่าน ในส่วนของผมเองมีเหตุผลที่ชอบซึ่งจะได้เขียนถึงต่อไป เบื้องต้นขอเล่าเนื้อหาโดยสรุปดังนี้ ชายหนุ่มหญิงสาว 7 คน (แบ่งเป็นชาย4หญิง3) ที่ผ่านการออดิชันเพื่อจะรับบทแสดงนำในละครเวทีของคณะละครแห่งหนึ่ง ได้รับจดหมายจากผกก.ละครที่ส่งถึงทุกคนว่าให้มารวมตัวกันที่บ้านพักหลังหนึ่งบนภูเขาเป็นเวลา 4 วัน เพื่อฝึกซ้อมพิเศษตามวันเวลานัดที่ระบุ ถ้าใครไม่มาหรือมาช้าจะถูกตัดสิทธิ์ และห้ามบอกใครทั้งนั้น ที่บ้านพัก ทั้ง7คนได้พบกับเจ้าของบ้านที่รออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ให้ทราบว่ามีห้องอะไรในเกสต์เฮาส์บ้าง มีวัตถุดิบทำอาหารไว้ให้พอสำหรับ 4 วัน แต่ผู้มาพักต้องทำอาหารเอง ไม่มีใครมาคอยดูแลให้ทั้งสิ้น ทั้ง7ต้องอยู่ตามลำพัง เป็นเงื่อนไขที่ทางคนกลางของ ผกก.ที่ติดต่อมาแจ้งไว้ ก่อนออกจากบ้านพักเขาทิ้งท้ายว่าหากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรศัพท์ถึงเขาได้ เขาอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก ขณะทั้ง7กำลังไม่สบอารมณ์ในสิ่งที่เจ้าของบ้านพักแจ้ง และจับกลุ่มสนทนา ปรากฏว่ามีจดหมายจากผกก.มาส่ง แจ้งรายละเอียดว่าตลอด 4 วันนี้ ให้ทุกคนถือเสมือนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่มีหิมะตกหนัก ไม่สามารถออกไปไหนและสายสัญญาณโทรศัพท์ถูกหิมะหล่นทับไม่อาจติดต่อใคร และจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยให้แต่ละคนจำลองสถานการณ์เอาเองว่าจะทำอย่างไร ถ้ามีฆาตกรฆ่าคนตายไปทีละคน ทั้งหมดถือเป็นการฝึกซ้อมและทดสอบที่จะนำมาใช้ในการวัดผล โดยห้ามติดต่อหาใครทั้งนั้น ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบกำหนด ใครฝ่าฝืนถือว่าสละสิทธิ์โดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ทั้ง7คนทุ่มเถียงถึงคำสั่งแปลกพิสดารของผกก. แต่ในที่สุดก็จำต้องยอมรับและปฏิบัติตาม หลังเลือกห้องกันแล้วว่าใครจะพักห้องไหน มีทั้งห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มีห้องสันทนาการ ห้องนั่งเล่นรวม ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องสุขาและอาบน้ำ และห้องอื่น ๆ ทุกคนใช้ชีวิตไปตามอัธยาศัย แล้วก็เกิดเหตุน่ากลัวขึ้นในคืนวันแรก สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งหายตัวไปในเช้าวันถัดมา และมีกระดาษที่เขียนคำอธิบายไว้ว่าบุคคลคนนั้นถูกฆ่าตายแล้วด้วยวิธีการใด และต้องหายตัวไปเหมือนถูกตัดออกจากการแข่งขัน สมาชิกที่เหลือจึงเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนดังกล่าวไปแอบอยู่ที่ใดระหว่างที่ยังไม่ครบ4วัน คนที่เหลือต้องพยายามหาทางคาดเดาตัวคนร้ายให้ได้ ในระหว่างคนทั้ง6ที่เหลือ ก็มีความสัมพันธ์ส่วนตัวพัวพันกันอยู่ มีชายอย่างน้อยสามคนที่ชอบหญิงคนหนึ่งในกลุ่ม จึงมีการพูดจาเชิงข่มหรือดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหญิงอีกคนดูจะมีใจให้กับชายอีกคนที่ชอบผู้หญิงอีกคน มันช่างยุ่งเหยิงดีแท้ และแล้วก็มีการตายเกิดขึ้นอีกในคืนวันถัดมาโดยไม่มีใครทราบจนล่วงเข้าวันใหม่ ยังคงมีกระดาษเขียนรายละเอียดที่ระบุว่าผู้ตายถูกฆ่าแบบไหน และคนในกลุ่มก็หายตัวไปอีกหนึ่ง เหลือเพียง 5 คน ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากขึ้น มีคนหนึ่งเริ่มเสนอแนวคิดที่น่ากลัวว่า คนที่หายตัวไปนั้นอาจไม่ใช่การซ้อมแสดงละคร แต่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วจริง ๆ ความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรกันแน่ หาคำตอบได้ใน ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะครับ .............. ความจริงเล่มนี้ตัวละครไม่เยอะ มีกล่าวถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องบ้างเล็กน้อยคือผกก. ,เจ้าของบ้านพัก,และตัวละครอีกหนึ่งคนซึ่งจะถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังคนในกลุ่มได้เข้าพักในบ้านไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นสำหรับผม ถือว่าเรื่องนี้มีความง่ายกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านมาในการจดจำตัวละคร เรียกว่าพยายามท่องจำเอาตั้งแต่เริ่มเลย พร้อมกับดูผังบ้านชั้น1 และชั้น2ประกอบไปด้วย เพื่อจำว่าใครพักอยู่ห้องไหนบ้าง แม้รายละเอียดของผังบ้านที่ให้มาจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก แค่วาดแบ่งเป็นขนาดให้เห็นอย่างหยาบ ๆ ว่าห้องไหนคือห้องอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ใดตั้งอยู่บ้างเท่าที่จำเป็น ตำแหน่งของประตูหน้าต่างก็บอกเฉพาะบางตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้แสดงครบทุกห้อง และมองเห็นบางจุดที่รู้สึกติดใจตั้งแต่ทีแรกว่าตำแหน่งนั้นคืออะไร ทำไมไม่ระบุรายละเอียดให้ทราบ พออ่านจนใกล้จบจึงถึงบางอ้อ ที่แท้จุดที่เราสงสัยเป็นส่วนสำคัญของปริศนาแห่งคดีในเล่มนี้ด้วยสิ ขอกล่าวถึงเหตุผลที่ชอบนะครับ หลักเลยคือเห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียน ที่อยากจะทำให้เกิดการเล่าเรื่องแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากการเล่ารูปแบบเดิมที่เคยใช้กันมาในนิยายรุ่นเก่าของนักเขียนดังหลายคนทางฝากตะวันตก แม้จะสร้างสถานการณ์ให้มีคนมาอยู่รวมกันในที่ซึ่งเหมือนหนีไปไหนไม่ได้ แล้วตายไปทีละคนเช่นโครงเรื่องแนวคลาสสิก แต่ก็ใส่รายละเอียดที่ทำให้ต่างตรงที่คราวนี้ ทุกอย่างถูกกำหนดบังคับจากกฎกติกาที่ระบุในจม. ทำให้เหยื่อมีความสับสนระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าคือความจริงหรือคือการแสดงละครตามสิ่งที่ผกก.ต้องการกันแน่ ที่สร้างสรรค์อย่างมากคือใช้วิธีการเล่าสองรูปแบบสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง คือเล่าในมุมมองพระเจ้าที่เราเข้าใจเอาเองแต่แรกว่าคือมุมมองสายตาของนักเขียน ทว่าเฉลยตอนท้ายที่เข้าสู่ช่วงไขคดีว่าที่แท้เป็นมุมมองพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ใช่สายตาผู้เขียน หากแต่เป็นใคร หากได้อ่านเองแล้วก็จะรู้ จุดนี้ผมถือว่ายอดเยี่ยมมาก ส่วนอีกมุมมองหนึ่งจะเป็นการเล่าผ่านสายตาและความคิดของตัวละครตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม7คน คล้ายทำนองบันทึกการคุยกับตัวเองว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มีใครทำอะไร ใครคุยว่าอย่างไรบ้าง โดยในส่วนนี้จะมีสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของคนดังกล่าวทำให้คนอ่านทราบมุมมองของเขาอย่างใกล้ชิด และเป็นตัวละครสำคัญที่เหมือนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องเดินหน้าต่อไป และตัวละครตัวนี้เองที่ภายหลัง ก็คล้ายจะสถาปนาตนเองเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนักสืบในการคลี่คลายปริศนาทั้งหมดด้วย เรื่องจะถูกแบ่งเล่าเป็น 4 วัน ในแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างจนกระทั่งจบวัน จึงเริ่มต้นบทใหม่ในวันถัดไป ดังที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้คือ ตั้งใจท่องจำชื่อตัวละครทั้ง7และจำผังบ้านไว้ในหัวคร่าว ๆ ดังนั้นตอนอ่านที่ผู้เขียนบรรยายเล่าถึงช่วงที่ระบุถึงตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนในห้องใด และการเล่าถึงสภาพภายในของบ้านพักว่ามีอะไรตั้งอยู่จุดไหนอย่างไร ผมจึงมองเห็นภาพเป็นสามมิติได้ไม่ยากนัก นับว่าผู้เขียนออกแบบและคิดผังบ้านหลังนี้มาได้ไม่เลว จึงสอดรับเข้ากันกับเหตุผลที่ประกอบในการกระทำของตัวละครต่าง ๆ อย่างกลมกลืน ด้วยความที่ส่วนตัวผมเคยผ่านการ try out จนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อแสดงละครเวที รวมถึงเคยอยู่ในฐานะของผู้ที่ฝึกฝนการแสดงให้กับรุ่นน้องในคณะสมัยเรียนมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่แสดงบทบาทลีลาในเรื่อง ว่าทำไมถึงคิดหรือพูดและทำอะไรลงไปดังที่ปรากฏนั้น ซึ่งไม่แปลกแต่ประการใด จึงถือว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งของผู้เขียน ที่มีมุมมองการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ได้น่าสนใจไม่แพ้เรื่องตุ๊กตาปิเอโรในคฤหาสน์กางเขนเช่นกัน ด้านสำนวนการแปลอ่านได้เพลินไม่มีสะดุดติดขัด บางคำพูดของบทสนทนาก็ทำให้รู้สึกฮาเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าจะเครียด แต่กลับอ่านแล้วผ่อนคลายสบาย ๆ และอยากรู้ว่าที่แท้แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ ชอบบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายที่ต่างไปจากนิยายแนวนี้ที่อ่านผ่านมาทั้งหมด นับว่าเป็นตอนจบที่ผมมีความสุขมากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะกลอุบายที่ใช้ ช่างน่าประทับใจยิ่ง #รีวิวหนังสือ #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #บทความ #เรื่องแปล #ฃาตกรรม #สืบสวน #thaitimes #ละครเวที #ไขปริศนา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 277 : DSI รับสอบสวนบิดเบือน คดีแตงโม (Full)
    - DSI อนุมัติ สืบสวนคดีแตงโม
    - เมียวดี เมืองคนบาป
    - “ทรัมป์ 2.0” ป่วนโลก
    - Middle Corridor ปฏิวัติโลก

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #แตงโมนิดา #DSI #จีนเทา #เมียวดี #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ทรัมป์ #ทรัมป์สาบานตน #middlecorridor #เส้นทางสายไหม
    Sondhitalk EP 277 : DSI รับสอบสวนบิดเบือน คดีแตงโม (Full) - DSI อนุมัติ สืบสวนคดีแตงโม - เมียวดี เมืองคนบาป - “ทรัมป์ 2.0” ป่วนโลก - Middle Corridor ปฏิวัติโลก #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #แตงโมนิดา #DSI #จีนเทา #เมียวดี #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ทรัมป์ #ทรัมป์สาบานตน #middlecorridor #เส้นทางสายไหม
    Like
    Love
    Yay
    65
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2595 มุมมอง 274 0 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" ประชุมไขคดี "แตงโม" หลังรับเป็นเลขสืบสวน สส.20/2568 เนื่องด้วยมีผู้ร้องขอให้สืบสวนสอบสวนและขอให้รับเป็นคดีพิเศษ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007645

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ดีเอสไอ" ประชุมไขคดี "แตงโม" หลังรับเป็นเลขสืบสวน สส.20/2568 เนื่องด้วยมีผู้ร้องขอให้สืบสวนสอบสวนและขอให้รับเป็นคดีพิเศษ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007645 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 926 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live สด จากหน้า #DSI ผลการหารือ-สืบสวน #คดีแตงโม ระหว่าง DSI กับ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณหมอ #ธวัชชัย คุณ #อัจฉริยะ และทีม #มิสแกรนด์ #มิสแกรนด์โมเดล #ความจริงมีหนึ่งเดียว
    วันที่ 24 .คุณ. 2568 เวลา 15.00 น.

    ช่อง8
    https://www.youtube.com/live/URduphsFGe4

    อัมรินทร์
    https://www.youtube.com/live/ttVSBUw70RI

    ไทยรัฐ
    https://www.youtube.com/live/2mHYz5CDWc0
    Live สด จากหน้า #DSI ผลการหารือ-สืบสวน #คดีแตงโม ระหว่าง DSI กับ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณหมอ #ธวัชชัย คุณ #อัจฉริยะ และทีม #มิสแกรนด์ #มิสแกรนด์โมเดล #ความจริงมีหนึ่งเดียว วันที่ 24 .คุณ. 2568 เวลา 15.00 น. ช่อง8 https://www.youtube.com/live/URduphsFGe4 อัมรินทร์ https://www.youtube.com/live/ttVSBUw70RI ไทยรัฐ https://www.youtube.com/live/2mHYz5CDWc0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาจารย์ปานเทพ เผยกรมสอบสวนคดีพิเศษเริ่มต้นการสืบสวนคดี “แตงโม นิดา” หลัง “อัจฉริยะ” ยื่นคำร้องตั้งข้อสงสัยเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้ช่องทางรื้อฟื้นคดีหากพบหลักฐานเท็จ พร้อมขอบคุณประชาชนและสื่อที่ร่วมผลักดันคดีเข้าสู่กระบวนการพิเศษ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007155

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อาจารย์ปานเทพ เผยกรมสอบสวนคดีพิเศษเริ่มต้นการสืบสวนคดี “แตงโม นิดา” หลัง “อัจฉริยะ” ยื่นคำร้องตั้งข้อสงสัยเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้ช่องทางรื้อฟื้นคดีหากพบหลักฐานเท็จ พร้อมขอบคุณประชาชนและสื่อที่ร่วมผลักดันคดีเข้าสู่กระบวนการพิเศษ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007155 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 734 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## DSI อนุมัติให้ทำการสืบสวน คดีแตงโม แล้ว...!!! ##
    ..
    ..
    ...ว่า กระบวนการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ แตงโม มีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร...???
    ## DSI อนุมัติให้ทำการสืบสวน คดีแตงโม แล้ว...!!! ## .. .. ...ว่า กระบวนการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ แตงโม มีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร...???
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เผย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อนุมัติสืบสวนคดีแตงโม ภัทรธิดา มีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ รับผิดชอบดำเนินการพร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006883

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เผย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อนุมัติสืบสวนคดีแตงโม ภัทรธิดา มีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ รับผิดชอบดำเนินการพร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006883 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    23
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 799 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีเอสไออนุมัติ สืบสวนคดีแตงโม กรณีบิดเบือนคดี-จนท.รัฐเอี่ยวหรือไม่
    .
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เผย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อนุมัติสืบสวนคดีแตงโม ภัทรธิดา มีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ รับผิดชอบดำเนินการพร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น
    .
    วันนี้ (22 ม.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความระบุว่า ด่วน กรมสอบสวนคดีพิเศษอนุมัติให้ทำการสืบสวนคดีน้องแตงโมแล้ว วันนี้ 22 ม.ค. 2568 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้อนุมัติให้ทำการสืบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า กระบวนการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา หรือแตงโม พัชระวีรพงษ์ มีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร ตามมาตรา 23/1 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย มอบหมาย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการและแจ้งผู้รับร้องทราบต่อไป
    .
    พร้อมกันนี้ นายปานเทพได้เผยแพร่หนังสือ 2 ฉบับ ได้แก่ ข้อพิจารณา/สั่งการคําร้อง ที่ 359/2568 ลงวันที่ 22 ม.ค. 2568 โดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และบันทึกข้อความ ส่วนราชการ กองบริหารคดีพิเศษ ส่วนพิจารณาสํานวนร้องทุกข์ ที่ ยธ 0816/0268 ลงวันที่ 22 ม.ค. 2568 เรื่อง ขอแจ้งข้อสั่งการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถึง พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ แจ้งข้อสั่งการของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้พิจารณาดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รายละเอียดตามเอกสารคําร้องจํานวน 55 แผ่น พร้อมสําเนาบันทึกความเห็นและข้อสั่งการ ลงนามโดย นายสมเกียรติ เพชรประดับ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชํานาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อํานวยการส่วนพิจารณาสํานวนร้องทุกข์ ปฏิบัติราชการแทน ผู้อํานวยการกองบริหารคดีพิเศษ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006877
    .........
    Sondhi X
    ดีเอสไออนุมัติ สืบสวนคดีแตงโม กรณีบิดเบือนคดี-จนท.รัฐเอี่ยวหรือไม่ . ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เผย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อนุมัติสืบสวนคดีแตงโม ภัทรธิดา มีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ รับผิดชอบดำเนินการพร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น . วันนี้ (22 ม.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความระบุว่า ด่วน กรมสอบสวนคดีพิเศษอนุมัติให้ทำการสืบสวนคดีน้องแตงโมแล้ว วันนี้ 22 ม.ค. 2568 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้อนุมัติให้ทำการสืบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า กระบวนการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา หรือแตงโม พัชระวีรพงษ์ มีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร ตามมาตรา 23/1 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย มอบหมาย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการและแจ้งผู้รับร้องทราบต่อไป . พร้อมกันนี้ นายปานเทพได้เผยแพร่หนังสือ 2 ฉบับ ได้แก่ ข้อพิจารณา/สั่งการคําร้อง ที่ 359/2568 ลงวันที่ 22 ม.ค. 2568 โดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และบันทึกข้อความ ส่วนราชการ กองบริหารคดีพิเศษ ส่วนพิจารณาสํานวนร้องทุกข์ ที่ ยธ 0816/0268 ลงวันที่ 22 ม.ค. 2568 เรื่อง ขอแจ้งข้อสั่งการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถึง พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ แจ้งข้อสั่งการของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้พิจารณาดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รายละเอียดตามเอกสารคําร้องจํานวน 55 แผ่น พร้อมสําเนาบันทึกความเห็นและข้อสั่งการ ลงนามโดย นายสมเกียรติ เพชรประดับ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชํานาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อํานวยการส่วนพิจารณาสํานวนร้องทุกข์ ปฏิบัติราชการแทน ผู้อํานวยการกองบริหารคดีพิเศษ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006877 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1370 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ.ต.ต.ณฐพล เผยเรียก "โปรแกรมเมอร์" วิเคราะห์ตำแหน่งเส้นทางเดินเรือ "แตงโม" วันเกิดเหตุ ให้ข้อมูลนำมาประมวลพิสูจน์ข้อเท็จจริง ก่อนรับเป็นเลขสืบสวน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006793

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    พ.ต.ต.ณฐพล เผยเรียก "โปรแกรมเมอร์" วิเคราะห์ตำแหน่งเส้นทางเดินเรือ "แตงโม" วันเกิดเหตุ ให้ข้อมูลนำมาประมวลพิสูจน์ข้อเท็จจริง ก่อนรับเป็นเลขสืบสวน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006793 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 602 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจุด "ยุคทองใหม่ ในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว" หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2 ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) แต่โฟกัสเกือบทั้งหมดจับตาไปที่คำกล่าวสุนทรพจน์อันเข้มข้นของเขา ที่อวดอ้างจะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่างๆ ในการกอบกู้สิ่งที่เขาเรียกว่า "การเสื่อมถอยของสังคมอเมริกา"
    .
    ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย และวัฒนธรรมสงคราม "ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้วในเวลานี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะมีแต่ความรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง "ทรัมป์ กล่าวในอาคารรัฐสภา บริเวณที่พิธีสาบานตนของเขาถูกจัดขึ้นในร่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากอากาศหนาวจัด
    .
    ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ยังพาดพิงถึงกรณีที่กระสุนของมือสังหารที่เฉียดเข้าไป ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ที่เขาได้รับชัยชนะ ว่า "ผมได้รับการปกป้องจากพระเจ้า ให้ทำอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง"
    .
    นอกจากเน้นย้ำคำสัญญาต่างๆ แล้ว ทรัมป์ได้ประณามอย่างดุเดือดต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "การทรยศหักหลังอเมริกา โดยสถาบันหัวรุนแรงและคอร์รัปชัน" ภายใต้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง "การเสื่อมถอยของอเมริกาจบลงแล้ว"
    .
    ไบเดน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาต้อนรับ ทรัมป์ และเมลาเนีย ภรรยา ที่ทำเนียบขาว เฝ้ามองพิธีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ระหว่างที่ศัตรูทางการเมืองของเขา กล่าวสุนทรพจน์โจมตียุคสมัยการดำรงตำแหน่งสมัยเดียวของเขา
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวางกรอบนโยบายต่างประเทศ บอกว่าเขาต้องการเป็นผู้สร้างสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จากนั้นกลับบอกว่าสหรัฐฯ จะทวงคืนคลองปานามา และเตือนว่าจะใช้สงครามการค้าโดยอิสระเสรี พร้อมประกาศปักธงชาติอเมริกา บนดาวอังคาร
    .
    มหาเศรษฐีวัย 78 ปีรายนี้ ซึ่งกลายมาเป็นบุคคลมีอายุมากที่สุดที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เตรียมเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งสมัยล่าสุด ด้วยการเซ็นคำสั่งพิเศษต่างๆ "ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ ณ ชายแดนทางใต้ของเรา" ติดกับเม็กซิโก ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวในห้องประชุม Rotunda พร้อมประกาศขับไล่พวกผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคน
    .
    ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะยอมรับเพียง "2 เพศ เพศชายและเพศหญิง" ยุติแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันที่มองทางเลือกแก่เพศที่ 3 ในทางออกบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขาจะถอนวอชิงตันออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส ที่มีเป้าหมายหยุดภาวะโลกร้อน
    .
    ในขณะที่ ทรัมป์ เป็นเพียงคนวงนอกทางการเมืองครั้งที่สาบานตนรับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ แต่คราวนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนมั่งมีและเหล่าคนทรงอิทธิพลของอเมริกา
    .
    อีลอน มัสก์ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอสของเมตา เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล ทั้งหมดล้วนแต่ได้นั่งในเก้าอี้แถวหน้าในอาคารรัฐสภา เคียงข้างครอบครัวของทรัมป์และเหล่าคณะรัฐมนตรี ในขณะที่ มัสก์ จะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนลดค่าใช้จ่ายในรัฐบาลใหม่
    .
    อดีตประธานาธิบดีอย่าง บารัค โอบามา จอร์จ ดับเบิลยู.บุช และ บิล คลินตัน ต่างเข้าร่วมพิธีพร้อมกับภริยา ยกเว้น มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลย 1 ที่ไม่ได้เข้าร่วม
    .
    กลุ่มกองเชียร์เฝ้ามองพิธีสาบานตน ผ่านโทรศัพท์มือถือด้านนอกของอาคารัฐสภา จากปกติแล้วจะมีผู้คนหลายหมื่นคนเข้ามาร่วมพิธีทอดยาวไปจนถึงอุทยานเนชั่นแนล มอลล์
    .
    หลังจาก ทรัมป์ เคยไม่ยอมเข้าร่วมพิธีสาบานตนของ ไบเดน ในปี 2021 อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง จนกระทั่งปลุกปั่นให้พวกผู้สนับสนุนบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่คราวนี้ ไบเดน เลือกที่จะกลับคืนสู่บรรยากาศดั้งเดิม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" ไบเดน บอกกับ ทรัมป์ ตอนที่เขาเดินทางมายังทำเนียบขาว เพื่อดื่มชา
    .
    ในช่วงท้ายๆ ก่อนอำลาตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ไบเดน ได้เซ็นคำสั่งนิรโทษกรรมล่วงหน้าเป็นชุดๆ ให้แก่พวกลูกน้องและคู่สมรสของพวกเขา เพื่อปกป้องคนเหลานี้จากการถูกสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
    .
    นอกจากนี้แล้ว เขายังนิรโทษกรรมให้แก่ แอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาโควิด-19 มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ และสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุจลาจลโมตีอาคารรัฐสภา 6 มกราคม 2021 โดยฝีมือของพวกผู้สนับสนุนทรัมป์
    .
    ทรัมป์ โจมตีในเรื่องดังกล่าวไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่ง กล่าวอ้างว่า ไบเดน นิรโทษกรรมให้บุคคล "ที่มีความผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงมาก"
    .
    มหาเศรษฐีรายนี้กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่สามารถกลับมาครองอำนาจได้อีกสมัย หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสมัยก่อนหน้านั้น โดยคนแรกได้แก่ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1893
    .
    สำหรับทั่วทั้งโลกแล้ว การกลับคืนสู่ตำแหน่งของ ทรัมป์ นั่นหมายความว่า พวกเขาคาดหมายได้เลยว่า ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ก่อนสาบานตน และบอกในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่าเขาเปิดกว้างสำหรับพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งยูเครน ซึ่ง ทรัมป์ ไม่ได้พาดพิงระหว่างกล่าวสุนทรพจน์
    .
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ เช่นกัน โดยบอกว่า "วันที่ดีที่สุดของความเป็นพันธมิตรระหว่างเรายังมาไม่ถึง" หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีมงานของทรัมป์ เพิ่งช่วยเป็นคนกลางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006232
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจุด "ยุคทองใหม่ ในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว" หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2 ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) แต่โฟกัสเกือบทั้งหมดจับตาไปที่คำกล่าวสุนทรพจน์อันเข้มข้นของเขา ที่อวดอ้างจะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่างๆ ในการกอบกู้สิ่งที่เขาเรียกว่า "การเสื่อมถอยของสังคมอเมริกา" . ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย และวัฒนธรรมสงคราม "ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้วในเวลานี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะมีแต่ความรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง "ทรัมป์ กล่าวในอาคารรัฐสภา บริเวณที่พิธีสาบานตนของเขาถูกจัดขึ้นในร่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากอากาศหนาวจัด . ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ยังพาดพิงถึงกรณีที่กระสุนของมือสังหารที่เฉียดเข้าไป ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ที่เขาได้รับชัยชนะ ว่า "ผมได้รับการปกป้องจากพระเจ้า ให้ทำอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง" . นอกจากเน้นย้ำคำสัญญาต่างๆ แล้ว ทรัมป์ได้ประณามอย่างดุเดือดต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "การทรยศหักหลังอเมริกา โดยสถาบันหัวรุนแรงและคอร์รัปชัน" ภายใต้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง "การเสื่อมถอยของอเมริกาจบลงแล้ว" . ไบเดน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาต้อนรับ ทรัมป์ และเมลาเนีย ภรรยา ที่ทำเนียบขาว เฝ้ามองพิธีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ระหว่างที่ศัตรูทางการเมืองของเขา กล่าวสุนทรพจน์โจมตียุคสมัยการดำรงตำแหน่งสมัยเดียวของเขา . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวางกรอบนโยบายต่างประเทศ บอกว่าเขาต้องการเป็นผู้สร้างสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จากนั้นกลับบอกว่าสหรัฐฯ จะทวงคืนคลองปานามา และเตือนว่าจะใช้สงครามการค้าโดยอิสระเสรี พร้อมประกาศปักธงชาติอเมริกา บนดาวอังคาร . มหาเศรษฐีวัย 78 ปีรายนี้ ซึ่งกลายมาเป็นบุคคลมีอายุมากที่สุดที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เตรียมเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งสมัยล่าสุด ด้วยการเซ็นคำสั่งพิเศษต่างๆ "ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ ณ ชายแดนทางใต้ของเรา" ติดกับเม็กซิโก ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวในห้องประชุม Rotunda พร้อมประกาศขับไล่พวกผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคน . ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะยอมรับเพียง "2 เพศ เพศชายและเพศหญิง" ยุติแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันที่มองทางเลือกแก่เพศที่ 3 ในทางออกบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขาจะถอนวอชิงตันออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส ที่มีเป้าหมายหยุดภาวะโลกร้อน . ในขณะที่ ทรัมป์ เป็นเพียงคนวงนอกทางการเมืองครั้งที่สาบานตนรับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ แต่คราวนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนมั่งมีและเหล่าคนทรงอิทธิพลของอเมริกา . อีลอน มัสก์ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอสของเมตา เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล ทั้งหมดล้วนแต่ได้นั่งในเก้าอี้แถวหน้าในอาคารรัฐสภา เคียงข้างครอบครัวของทรัมป์และเหล่าคณะรัฐมนตรี ในขณะที่ มัสก์ จะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนลดค่าใช้จ่ายในรัฐบาลใหม่ . อดีตประธานาธิบดีอย่าง บารัค โอบามา จอร์จ ดับเบิลยู.บุช และ บิล คลินตัน ต่างเข้าร่วมพิธีพร้อมกับภริยา ยกเว้น มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลย 1 ที่ไม่ได้เข้าร่วม . กลุ่มกองเชียร์เฝ้ามองพิธีสาบานตน ผ่านโทรศัพท์มือถือด้านนอกของอาคารัฐสภา จากปกติแล้วจะมีผู้คนหลายหมื่นคนเข้ามาร่วมพิธีทอดยาวไปจนถึงอุทยานเนชั่นแนล มอลล์ . หลังจาก ทรัมป์ เคยไม่ยอมเข้าร่วมพิธีสาบานตนของ ไบเดน ในปี 2021 อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง จนกระทั่งปลุกปั่นให้พวกผู้สนับสนุนบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่คราวนี้ ไบเดน เลือกที่จะกลับคืนสู่บรรยากาศดั้งเดิม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" ไบเดน บอกกับ ทรัมป์ ตอนที่เขาเดินทางมายังทำเนียบขาว เพื่อดื่มชา . ในช่วงท้ายๆ ก่อนอำลาตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ไบเดน ได้เซ็นคำสั่งนิรโทษกรรมล่วงหน้าเป็นชุดๆ ให้แก่พวกลูกน้องและคู่สมรสของพวกเขา เพื่อปกป้องคนเหลานี้จากการถูกสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมือง . นอกจากนี้แล้ว เขายังนิรโทษกรรมให้แก่ แอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาโควิด-19 มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ และสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุจลาจลโมตีอาคารรัฐสภา 6 มกราคม 2021 โดยฝีมือของพวกผู้สนับสนุนทรัมป์ . ทรัมป์ โจมตีในเรื่องดังกล่าวไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่ง กล่าวอ้างว่า ไบเดน นิรโทษกรรมให้บุคคล "ที่มีความผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงมาก" . มหาเศรษฐีรายนี้กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่สามารถกลับมาครองอำนาจได้อีกสมัย หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสมัยก่อนหน้านั้น โดยคนแรกได้แก่ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1893 . สำหรับทั่วทั้งโลกแล้ว การกลับคืนสู่ตำแหน่งของ ทรัมป์ นั่นหมายความว่า พวกเขาคาดหมายได้เลยว่า ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ก่อนสาบานตน และบอกในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่าเขาเปิดกว้างสำหรับพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งยูเครน ซึ่ง ทรัมป์ ไม่ได้พาดพิงระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ . เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ เช่นกัน โดยบอกว่า "วันที่ดีที่สุดของความเป็นพันธมิตรระหว่างเรายังมาไม่ถึง" หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีมงานของทรัมป์ เพิ่งช่วยเป็นคนกลางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006232 .............. Sondhi X
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 891 มุมมอง 0 รีวิว
  • จเรตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้ากรณีนายแบบจีนหายตัว ล่าสุดพบตัวแล้ว ส่งกลับบ้านเกิดอย่างปลอดภัย จับมือสถานทูตแก้ปัญหาคนจีนถูกหลอกไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน

    วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่อ.แม่สอด จ.ตาก พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายหยาง เจ๋ออฉี นายแบบชาวจีนที่ทางครอบครัวเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบล่าสุดกับทางสถานทูตจีน ได้รับการยืนยันว่าขณะนี้นายแบบคนดังกล่าวกลับประเทศจีนโดยปลอดภัยแล้ว

    ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีการแจ้งความว่าหายตัวไปหรือติดต่อไม่ได้นั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการสืบสวนขยายผลทุกกรณี ในกรณีชาวจีนเช่นกัน ได้มีการพูดคุยกับทางสถานทูตจีนโดยเสนอว่าเมื่อพบนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ไทยเราจะมีการประสานกับไปทางสถานทูต เพื่อให้สถานทูตช่วยตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแนวทางนี้ทางสถานทูตก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วตำรวจไทยมีการประสานทํางานร่วมกับสถานทูตต่าง ๆ อยู่แล้ว ในการช่วยเหลือติดตามในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนของชาตินั้น ๆ

    ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับการยืนยันจากทางครอบครัวของนายหยาง เจ๋อ ฉี เช่นเดียวกันว่า นายแบบคนดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศปลอดภัยแล้วจริง โดยทางครอบครัวจะทำหนังสือขอบคุณทางสถานทูตจีนและทางการไทยต่อไป

    #MGROnline #หยางเจ๋อฉี #นายแบบ #จีน #เมียนมา #ชายแดนไทย #ชายแดนเมียนมา #ชายแดนไทยเมียนมา
    จเรตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้ากรณีนายแบบจีนหายตัว ล่าสุดพบตัวแล้ว ส่งกลับบ้านเกิดอย่างปลอดภัย จับมือสถานทูตแก้ปัญหาคนจีนถูกหลอกไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน • วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่อ.แม่สอด จ.ตาก พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายหยาง เจ๋ออฉี นายแบบชาวจีนที่ทางครอบครัวเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบล่าสุดกับทางสถานทูตจีน ได้รับการยืนยันว่าขณะนี้นายแบบคนดังกล่าวกลับประเทศจีนโดยปลอดภัยแล้ว • ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีการแจ้งความว่าหายตัวไปหรือติดต่อไม่ได้นั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการสืบสวนขยายผลทุกกรณี ในกรณีชาวจีนเช่นกัน ได้มีการพูดคุยกับทางสถานทูตจีนโดยเสนอว่าเมื่อพบนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ไทยเราจะมีการประสานกับไปทางสถานทูต เพื่อให้สถานทูตช่วยตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแนวทางนี้ทางสถานทูตก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วตำรวจไทยมีการประสานทํางานร่วมกับสถานทูตต่าง ๆ อยู่แล้ว ในการช่วยเหลือติดตามในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนของชาตินั้น ๆ • ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับการยืนยันจากทางครอบครัวของนายหยาง เจ๋อ ฉี เช่นเดียวกันว่า นายแบบคนดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศปลอดภัยแล้วจริง โดยทางครอบครัวจะทำหนังสือขอบคุณทางสถานทูตจีนและทางการไทยต่อไป • #MGROnline #หยางเจ๋อฉี #นายแบบ #จีน #เมียนมา #ชายแดนไทย #ชายแดนเมียนมา #ชายแดนไทยเมียนมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัจฉริยะ หอบหลักฐานจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ร้องดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ จี้สอบ จนท.รัฐ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้านโฆษกดีเอสไอ ระบุ สำนวนคดีหลักยังอยู่ในชั้นศาล ไม่อาจก้าวล่วงได้ และต้องรับข้อมูลประกอบการพิจารณาอย่างระมัดระวัง ต้องดูข้อกฎหมาย ดูว่ามีอำนาจหรือไม่ ก่อนชงอธิบดีฯ รับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ
    .
    วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นเรื่องต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ขอให้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดัง ขอให้สืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี ซึ่งมีข้อพิรุธอันเป็นเหตุสงสัยที่เชื่อว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง มีการบิดเบือนพยานหลักฐานกระบวนการยุติธรรมในคดี และพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ
    .
    นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ วันที่ 15-16 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย โดยตนเองได้นำหลักฐานทั้งหมดมาใช้ในคดีใหม่ และมามอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษ ทำการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม รวมทั้งคนบนเรือ เนื่องจากการสืบสวนส่อในทางไม่สุจริต มีการให้การเท็จ พยานเท็จ มีลักษณะให้ความช่วยเหลือฝ่ายจำเลย เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    .
    วันนี้ขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ รับดำเนินการตั้งเลขสืบสวน อ้างอิงจากคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส และคดีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ที่เคยรับไว้เป็นคดีพิเศษก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีลักษณะคดีคล้ายกัน ทำให้สามารถเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำได้ ส่วนสาเหตุไม่ไปร้อง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เนื่องจากไม่เชื่อมั่นการทำงานหน่วยงานดังกล่าว เพราะเป็นองค์กรตำรวจ
    .
    นอกจากนี้ การยังไม่ไปร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะมองว่าต้องการให้มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนโดยหากไปร้องทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวน ก็ไม่มีประโยชน์อะไร บาดแผลแตงโมเกิดก่อนการตกน้ำเสียชีวิต และขาดอากาศหายใจ ซึ่งหมอก็ตอบไม่ได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากอะไร แต่ตำรวจสรุปว่าเสียชีวิตจากการพลัดตกกราบเรือด้านซ้ายโดนใบพัดเรือ
    .
    ประกอบกับศาลอาญาสืบพยานทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อได้ว่าแตงโม ไม่ได้พลัดตกเรือ บาดแผลก็ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ส่วนเส้นผม 3 เส้นบนเรือก็ไม่น่าเชื่อถือ ตนอยากเรียกร้องกระบวนการยุติธรรมเพราะบางคดีอาจมีการตั้งธงไว้ก่อน ทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธาหันไปร้องขอความช่วยเหลือจากเพจหรือคนที่ช่วยสังคม ซึ่งตนคาดหวังว่าคดีนี้ต้องมีคนรับโทษ
    .
    ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวหลังรับหนังสือ ว่า สำหรับประเด็นดังกล่าว ขอแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ประเด็นแรก ตัวคดีหลักอยู่ในการพิจารณาของศาล ดังนั้น เป็นสิ่งที่ดีเอสไอก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนประเด็นที่สอง คือ กรณีที่ผู้ร้องได้มายื่นขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาในรายละเอียดว่าเป็นการยื่นขอให้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคนใหม่ในข้อหาใหม่หรือไม่อย่างไร
    .
    ทั้งนี้ จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ดีเอสไอจะรับไปดำเนินการนั้น ย้ำว่าเราต้องดูพยานหลักฐาน ซึ่งการจะรับเรื่องใดไว้เป็นคดีพิเศษ อย่างที่ย้ำไปว่าคดีหลักยังอยู่ในกระบวนการศาล ฉะนั้น สิ่งที่ดีเอสไอจะทำต่อก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะต้องดูข้อกฎหมายเป็นหลัก แต่ส่วนประเด็นที่ผู้ร้องได้ให้ข้อเท็จจริงมา อันนี้ก็ต้องนำไปพิจารณาประกอบกันว่าจะนำไปสู่การดำเนินการใหม่ได้หรือไม่
    .
    ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 16 ม.ค. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การจำลองสถานการณ์การเสียชีวิตของคุณแตงโมของภาคประชาชน ทราบว่ารายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลไปแล้ว คาดว่าอาจนำไปดูประกอบกับข้อมูลของผู้ร้องในวันนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคดีใดที่อยู่ในระหว่างชั้นศาล ดีเอสไอต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะคดีดังกล่าวมีผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการชั้นศาล ซึ่งโดยหลักการเมื่อคดีไปอยู่ในชั้นศาล เจ้าพนักงานสอบสวนจะไม่มีอำนาจหน้าที่ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่นำไปสู่การสอบสวนได้ ซึ่งก็ต้องไปดูรายละเอียดก่อน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน
    .
    เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่สังคมค่อนข้างให้การจับตามองในประเด็นดังกล่าว พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า ตนมองว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ดีเพราะการที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญในเรื่องของการทำงานร่วมกับภาครัฐถือเป็นเรื่องที่ดี แต่กลไกทางกฎหมายก็ต้องมาดูรายละเอียดกันด้วย ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่ภาคประชาชนได้มา คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ไปร่วมสังเกตการณ์น่าจะได้มีการรายงานต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้ว
    .
    โดยกรอบเวลาการทำงานเพื่อดูความชัดเจนนั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นเรื่องของการตรวจสอบอยู่ ถ้าหากมีการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลใดของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็ต้องการรายงานไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่ามีเหตุที่สามารถใช้อำนาจในการสืบสวนต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องทำตามขั้นตอน ส่วนกรอบระยะเวลาเร็วหรือช้า ต้องขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อนอย่าพึ่งไปบอกว่าเร็วหรือช้า ต้องดูก่อนว่าในเรื่องดังกล่าวดีเอสไอมีอำนาจหรือไม่ ถ้าหากผ่านขั้นตอนแรกไปแล้วก็จะได้ไปสู่ขั้นตอนที่สองในการพิจารณารับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005212
    .........
    Sondhi X
    อัจฉริยะ หอบหลักฐานจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ร้องดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ จี้สอบ จนท.รัฐ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้านโฆษกดีเอสไอ ระบุ สำนวนคดีหลักยังอยู่ในชั้นศาล ไม่อาจก้าวล่วงได้ และต้องรับข้อมูลประกอบการพิจารณาอย่างระมัดระวัง ต้องดูข้อกฎหมาย ดูว่ามีอำนาจหรือไม่ ก่อนชงอธิบดีฯ รับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ . วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นเรื่องต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ขอให้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดัง ขอให้สืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี ซึ่งมีข้อพิรุธอันเป็นเหตุสงสัยที่เชื่อว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง มีการบิดเบือนพยานหลักฐานกระบวนการยุติธรรมในคดี และพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ . นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ วันที่ 15-16 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย โดยตนเองได้นำหลักฐานทั้งหมดมาใช้ในคดีใหม่ และมามอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษ ทำการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม รวมทั้งคนบนเรือ เนื่องจากการสืบสวนส่อในทางไม่สุจริต มีการให้การเท็จ พยานเท็จ มีลักษณะให้ความช่วยเหลือฝ่ายจำเลย เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ . วันนี้ขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ รับดำเนินการตั้งเลขสืบสวน อ้างอิงจากคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส และคดีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ที่เคยรับไว้เป็นคดีพิเศษก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีลักษณะคดีคล้ายกัน ทำให้สามารถเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำได้ ส่วนสาเหตุไม่ไปร้อง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เนื่องจากไม่เชื่อมั่นการทำงานหน่วยงานดังกล่าว เพราะเป็นองค์กรตำรวจ . นอกจากนี้ การยังไม่ไปร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะมองว่าต้องการให้มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนโดยหากไปร้องทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวน ก็ไม่มีประโยชน์อะไร บาดแผลแตงโมเกิดก่อนการตกน้ำเสียชีวิต และขาดอากาศหายใจ ซึ่งหมอก็ตอบไม่ได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากอะไร แต่ตำรวจสรุปว่าเสียชีวิตจากการพลัดตกกราบเรือด้านซ้ายโดนใบพัดเรือ . ประกอบกับศาลอาญาสืบพยานทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อได้ว่าแตงโม ไม่ได้พลัดตกเรือ บาดแผลก็ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ส่วนเส้นผม 3 เส้นบนเรือก็ไม่น่าเชื่อถือ ตนอยากเรียกร้องกระบวนการยุติธรรมเพราะบางคดีอาจมีการตั้งธงไว้ก่อน ทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธาหันไปร้องขอความช่วยเหลือจากเพจหรือคนที่ช่วยสังคม ซึ่งตนคาดหวังว่าคดีนี้ต้องมีคนรับโทษ . ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวหลังรับหนังสือ ว่า สำหรับประเด็นดังกล่าว ขอแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ประเด็นแรก ตัวคดีหลักอยู่ในการพิจารณาของศาล ดังนั้น เป็นสิ่งที่ดีเอสไอก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนประเด็นที่สอง คือ กรณีที่ผู้ร้องได้มายื่นขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาในรายละเอียดว่าเป็นการยื่นขอให้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคนใหม่ในข้อหาใหม่หรือไม่อย่างไร . ทั้งนี้ จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ดีเอสไอจะรับไปดำเนินการนั้น ย้ำว่าเราต้องดูพยานหลักฐาน ซึ่งการจะรับเรื่องใดไว้เป็นคดีพิเศษ อย่างที่ย้ำไปว่าคดีหลักยังอยู่ในกระบวนการศาล ฉะนั้น สิ่งที่ดีเอสไอจะทำต่อก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะต้องดูข้อกฎหมายเป็นหลัก แต่ส่วนประเด็นที่ผู้ร้องได้ให้ข้อเท็จจริงมา อันนี้ก็ต้องนำไปพิจารณาประกอบกันว่าจะนำไปสู่การดำเนินการใหม่ได้หรือไม่ . ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 16 ม.ค. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การจำลองสถานการณ์การเสียชีวิตของคุณแตงโมของภาคประชาชน ทราบว่ารายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลไปแล้ว คาดว่าอาจนำไปดูประกอบกับข้อมูลของผู้ร้องในวันนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคดีใดที่อยู่ในระหว่างชั้นศาล ดีเอสไอต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะคดีดังกล่าวมีผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการชั้นศาล ซึ่งโดยหลักการเมื่อคดีไปอยู่ในชั้นศาล เจ้าพนักงานสอบสวนจะไม่มีอำนาจหน้าที่ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่นำไปสู่การสอบสวนได้ ซึ่งก็ต้องไปดูรายละเอียดก่อน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน . เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่สังคมค่อนข้างให้การจับตามองในประเด็นดังกล่าว พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า ตนมองว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ดีเพราะการที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญในเรื่องของการทำงานร่วมกับภาครัฐถือเป็นเรื่องที่ดี แต่กลไกทางกฎหมายก็ต้องมาดูรายละเอียดกันด้วย ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่ภาคประชาชนได้มา คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ไปร่วมสังเกตการณ์น่าจะได้มีการรายงานต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้ว . โดยกรอบเวลาการทำงานเพื่อดูความชัดเจนนั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นเรื่องของการตรวจสอบอยู่ ถ้าหากมีการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลใดของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็ต้องการรายงานไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่ามีเหตุที่สามารถใช้อำนาจในการสืบสวนต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องทำตามขั้นตอน ส่วนกรอบระยะเวลาเร็วหรือช้า ต้องขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อนอย่าพึ่งไปบอกว่าเร็วหรือช้า ต้องดูก่อนว่าในเรื่องดังกล่าวดีเอสไอมีอำนาจหรือไม่ ถ้าหากผ่านขั้นตอนแรกไปแล้วก็จะได้ไปสู่ขั้นตอนที่สองในการพิจารณารับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005212 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1533 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่งสำนวน "ทนายตั้ม-พวก" ฉ้อโกง-ฟอกเงิน 4 คดีให้อัยการแล้ว เคาะสั่งฟ้องต่อศาลก่อนครบฝากขัง
    .
    กองปราบฯ ส่งสำนวนคดีทนายตั้มร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน ให้อัยการพิเศษสั่งฟ้องต่อศาลก่อนสิ้นเดือนนี้ ครบกำหนดฝากขัง 30 ม.ค.นี้ พบมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน เป็นพนักงานโชว์รูมปลอมเอกสาร ส่วนคดีพินัยกรรมยังไม่พบทุจริต
    .
    วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชเาภิเษก พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. นำสำนวนการสอบสวนที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหายได้กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี กับพวกรวม 7 คน คดีร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน มีสำนวนรวม 9,317 แผ่น พร้อมความเห็นทางสมควรสั่งฟ้องนายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม, น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาวของนุ และพนักงานของโชว์รูมรถยนต์ 2 คน ที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสาร รวมผู้ต้องหา 7 คน ในคดีฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ไปมอบให้นายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนไว้พิจารณา
    .
    พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สำนวนคดีทนายตั้มแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร และกระทำผิดนอกราชอาณาจักร โดยการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรมี 3 เรื่อง คือ ฉ้อโกงเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ความเสียหาย 71 ล้านบาทเศษ, คดีกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ความเสียหาย 39 ล้านบาทเศษ และสำนวนคดีซื้อรถเบนซ์ จี 400 เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง จำนวน 1,530,000 บาท ส่วนการกระทำผิดในราชอาณาจักร คดีการออกแบบโรงแรม ได้ส่วนต่าง 5,500,000 บาท สำหรับการส่งสำนวน 4 เรื่อง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนที่ร่วมกับทนายตั้มทำการฉ้อโกง ฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
    .
    โดยวันนี้มีผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในการปลอมเอกสารที่จะต้องเข้ามาพบกับพนักงานอัยการ โดยมีการแจ้งความเพิ่มมา 2 คน เป็นการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการซื้อรถเบนซ์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองกระทำผิดในส่วนของการปลอมใบเสร็จการซื้อรถเบนซ์ แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่ขอเปิดเผย ส่วน น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม ที่ได้รับการประกันตัวอยู่ในอำนาจการควบคุมของศาล จึงไม่ได้ส่งตัววันนี้ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนตามที่ทนายตั้มได้ร้องขอให้มีการสอบสวนในพยานหลักฐานเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ตัวผู้ต้องหาแล้ว
    .
    ส่วนคดีพินัยกรรม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตเข้ามา แต่ถ้าการสืบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิด ก็จะสอบสวนต่อไป
    .
    ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการรับมอบสำนวนแล้ว ทางพนักงานอัยการจะส่งมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่าย 1 ไปพิจารณาเพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จภายในระยะเวลาฝากขังผัดสุดท้าย วันที่ 30 ม.ค.นี้ สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อผลการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วจะต้องส่งให้ทางอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005180
    .........
    Sondhi X
    ส่งสำนวน "ทนายตั้ม-พวก" ฉ้อโกง-ฟอกเงิน 4 คดีให้อัยการแล้ว เคาะสั่งฟ้องต่อศาลก่อนครบฝากขัง . กองปราบฯ ส่งสำนวนคดีทนายตั้มร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน ให้อัยการพิเศษสั่งฟ้องต่อศาลก่อนสิ้นเดือนนี้ ครบกำหนดฝากขัง 30 ม.ค.นี้ พบมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน เป็นพนักงานโชว์รูมปลอมเอกสาร ส่วนคดีพินัยกรรมยังไม่พบทุจริต . วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชเาภิเษก พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. นำสำนวนการสอบสวนที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหายได้กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี กับพวกรวม 7 คน คดีร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน มีสำนวนรวม 9,317 แผ่น พร้อมความเห็นทางสมควรสั่งฟ้องนายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม, น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาวของนุ และพนักงานของโชว์รูมรถยนต์ 2 คน ที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสาร รวมผู้ต้องหา 7 คน ในคดีฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ไปมอบให้นายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนไว้พิจารณา . พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สำนวนคดีทนายตั้มแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร และกระทำผิดนอกราชอาณาจักร โดยการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรมี 3 เรื่อง คือ ฉ้อโกงเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ความเสียหาย 71 ล้านบาทเศษ, คดีกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ความเสียหาย 39 ล้านบาทเศษ และสำนวนคดีซื้อรถเบนซ์ จี 400 เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง จำนวน 1,530,000 บาท ส่วนการกระทำผิดในราชอาณาจักร คดีการออกแบบโรงแรม ได้ส่วนต่าง 5,500,000 บาท สำหรับการส่งสำนวน 4 เรื่อง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนที่ร่วมกับทนายตั้มทำการฉ้อโกง ฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน . โดยวันนี้มีผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในการปลอมเอกสารที่จะต้องเข้ามาพบกับพนักงานอัยการ โดยมีการแจ้งความเพิ่มมา 2 คน เป็นการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการซื้อรถเบนซ์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองกระทำผิดในส่วนของการปลอมใบเสร็จการซื้อรถเบนซ์ แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่ขอเปิดเผย ส่วน น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม ที่ได้รับการประกันตัวอยู่ในอำนาจการควบคุมของศาล จึงไม่ได้ส่งตัววันนี้ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนตามที่ทนายตั้มได้ร้องขอให้มีการสอบสวนในพยานหลักฐานเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ตัวผู้ต้องหาแล้ว . ส่วนคดีพินัยกรรม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตเข้ามา แต่ถ้าการสืบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิด ก็จะสอบสวนต่อไป . ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการรับมอบสำนวนแล้ว ทางพนักงานอัยการจะส่งมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่าย 1 ไปพิจารณาเพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จภายในระยะเวลาฝากขังผัดสุดท้าย วันที่ 30 ม.ค.นี้ สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อผลการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วจะต้องส่งให้ทางอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005180 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1441 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts