• 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷
    #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar

    LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026
    LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส
    https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color

    Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง
    Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back

    NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150
    มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk

    นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์
    นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet

    วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง
    ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ
    https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why

    Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล
    ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai

    Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป
    OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though

    SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่
    Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด
    https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities

    DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ
    แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย
    https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser

    หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM
    Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง
    https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade

    Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย
    Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที
    https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks

    CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก
    Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo

    กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด
    มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่
    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect

    Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6
    Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor

    แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด
    มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know

    Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง
    Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026
    https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works

    อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก
    หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is

    Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty
    Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts

    Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล
    Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่
    https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed

    ChatGPT 5.2 vs Gemini 3
    มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you

    โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์
    เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง
    https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human

    ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด
    แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว
    https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success

    ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส
    มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน
    https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets

    Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร
    เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims

    UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง
    UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger
    https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve

    วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026
    นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน
    https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why

    Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation

    รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025
    นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ
    https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review

    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar 🖥️ LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026 LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส 🔗 https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color 📺 Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back 💾 NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150 มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk 🔐 นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์ นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet 🎮 วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ 🔗 https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why 🗑️ Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai 💻 Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though 💾 SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่ Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด 🔗 https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities 🎮 DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย 🔗 https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser 🧠 หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง 🔗 https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade 🛡️ Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks 🌐 CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo 📷 กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect ⌚ Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6 Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor 🔒 แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know 🎧 Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works 📧 อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is 🛡️ Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts 🏢 Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed 🤖 ChatGPT 5.2 vs Gemini 3 มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you 🎨 โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์ เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง 🔗 https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human 💼 ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success ⚖️ ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets 📰 Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims 🎮 UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve 📱 วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026 นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why 💍 Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation 🌳 รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025 นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 480 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดี Do Kwon ฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่

    Do Kwon ผู้นำโครงการ Terra และเหรียญ UST Stablecoin ถูกศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุก 15 ปี หลังจากการล่มสลายของ UST ในปี 2022 ที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อผู้ลงทุนทั่วโลก คดีนี้ถือเป็นหนึ่งใน การฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 40–60 พันล้านดอลลาร์

    กลไกที่ล้มเหลว
    UST ถูกออกแบบให้มีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้ระบบ “burn-mint” ระหว่างเหรียญ UST และ LUNA แต่เมื่อเกิดแรงขายจำนวนมาก กลไกนี้กลับสร้าง LUNA อย่างมหาศาลจนมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ UST สูญเสียการตรึงค่า (depeg) และเข้าสู่ death spiral ที่ไม่สามารถหยุดได้

    การหลอกลวงนักลงทุน
    ศาลพบว่า Do Kwon บิดเบือนข้อมูล โดยอ้างว่า Terra Protocol จะสามารถรักษาเสถียรภาพของ UST ได้ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้บริษัทเทรดความถี่สูง (HFT) ซื้อ UST จำนวนมากเพื่อพยุงราคาอย่างไม่โปร่งใส อีกทั้งแพลตฟอร์ม Anchor ที่เกี่ยวข้องยังสัญญาผลตอบแทนสูงถึง 20% APY ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ไม่ยั่งยืน

    ผลกระทบต่อวงการคริปโต
    การล่มสลายของ Terra และการตัดสินจำคุกครั้งนี้สะท้อนถึง ความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโตที่ขาดการกำกับดูแล และเป็นบทเรียนสำคัญให้ทั้งนักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกต้องเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การตัดสินจำคุก Do Kwon
    โทษจำคุก 15 ปี จากคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน

    กลไก UST ที่ล้มเหลว
    ระบบ burn-mint ทำให้เกิดการสร้าง LUNA มหาศาลและมูลค่าลดลง

    การบิดเบือนข้อมูล
    Terra Protocol ถูกอ้างว่าจะรักษาเสถียรภาพ แต่แท้จริงใช้การซื้อขายเพื่อพยุงราคา

    ผลกระทบต่อวงการคริปโต
    เป็นบทเรียนสำคัญต่อการกำกับดูแลและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

    ความเสี่ยงของ Stablecoin
    หากไม่มีสินทรัพย์รองรับจริง อาจเกิดการล่มสลายแบบ UST

    การลงทุนที่ขาดการตรวจสอบ
    ผลตอบแทนสูงผิดปกติ เช่น 20% APY อาจเป็นสัญญาณเตือนของการฉ้อโกง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/usd40-billion-plus-crypto-fraud-scheme-results-in-15-year-prison-sentence-for-its-creator-nine-criminal-counts-include-wire-fraud-and-money-laundering
    ⚖️ คดี Do Kwon ฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ Do Kwon ผู้นำโครงการ Terra และเหรียญ UST Stablecoin ถูกศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุก 15 ปี หลังจากการล่มสลายของ UST ในปี 2022 ที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อผู้ลงทุนทั่วโลก คดีนี้ถือเป็นหนึ่งใน การฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 40–60 พันล้านดอลลาร์ 💰 กลไกที่ล้มเหลว UST ถูกออกแบบให้มีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้ระบบ “burn-mint” ระหว่างเหรียญ UST และ LUNA แต่เมื่อเกิดแรงขายจำนวนมาก กลไกนี้กลับสร้าง LUNA อย่างมหาศาลจนมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ UST สูญเสียการตรึงค่า (depeg) และเข้าสู่ death spiral ที่ไม่สามารถหยุดได้ 🏦 การหลอกลวงนักลงทุน ศาลพบว่า Do Kwon บิดเบือนข้อมูล โดยอ้างว่า Terra Protocol จะสามารถรักษาเสถียรภาพของ UST ได้ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้บริษัทเทรดความถี่สูง (HFT) ซื้อ UST จำนวนมากเพื่อพยุงราคาอย่างไม่โปร่งใส อีกทั้งแพลตฟอร์ม Anchor ที่เกี่ยวข้องยังสัญญาผลตอบแทนสูงถึง 20% APY ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ไม่ยั่งยืน 🌍 ผลกระทบต่อวงการคริปโต การล่มสลายของ Terra และการตัดสินจำคุกครั้งนี้สะท้อนถึง ความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโตที่ขาดการกำกับดูแล และเป็นบทเรียนสำคัญให้ทั้งนักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกต้องเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การตัดสินจำคุก Do Kwon ➡️ โทษจำคุก 15 ปี จากคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน ✅ กลไก UST ที่ล้มเหลว ➡️ ระบบ burn-mint ทำให้เกิดการสร้าง LUNA มหาศาลและมูลค่าลดลง ✅ การบิดเบือนข้อมูล ➡️ Terra Protocol ถูกอ้างว่าจะรักษาเสถียรภาพ แต่แท้จริงใช้การซื้อขายเพื่อพยุงราคา ✅ ผลกระทบต่อวงการคริปโต ➡️ เป็นบทเรียนสำคัญต่อการกำกับดูแลและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ‼️ ความเสี่ยงของ Stablecoin ⛔ หากไม่มีสินทรัพย์รองรับจริง อาจเกิดการล่มสลายแบบ UST ‼️ การลงทุนที่ขาดการตรวจสอบ ⛔ ผลตอบแทนสูงผิดปกติ เช่น 20% APY อาจเป็นสัญญาณเตือนของการฉ้อโกง https://www.tomshardware.com/tech-industry/usd40-billion-plus-crypto-fraud-scheme-results-in-15-year-prison-sentence-for-its-creator-nine-criminal-counts-include-wire-fraud-and-money-laundering
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lisa Su ปฏิเสธกระแส “AI Bubble”

    ในการปรากฏตัวที่งาน WIRED’s Big Interview Conference ที่ซานฟรานซิสโก Lisa Su กล่าวอย่างชัดเจนว่า “AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น” และความกังวลเรื่องฟองสบู่เป็นการมองที่ “เกินจริง” เธอย้ำว่า AMD ต้องเตรียมพร้อมในการจัดหาชิปสำหรับอนาคต เพราะทุกการพัฒนาโมเดลใหม่จะยิ่งเพิ่มความต้องการด้านประสิทธิภาพ

    กลยุทธ์ของ AMD
    AMD กำลังเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI โดยเฉพาะการจัดส่ง MI308 GPUs ไปยังจีนภายใต้กรอบควบคุมการส่งออกใหม่ และการร่วมมือกับ OpenAI ในการติดตั้ง GPU ขนาดใหญ่ถึง 6 กิกะวัตต์ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงสิทธิในการซื้อหุ้น AMD กว่า 160 ล้านหุ้น ที่ราคาหนึ่งเซนต์ต่อหุ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจระยะยาวในการส่งมอบโครงสร้างพื้นฐาน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Lisa Su มองว่าความท้าทายของ AMD ไม่ใช่การแข่งกับคู่แข่งรายใดรายหนึ่ง แต่คือการเร่งพัฒนา roadmap ให้ทันกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ hyperscalers และผู้พัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่ เธอย้ำว่า ทุกเจเนอเรชันของโมเดล AI จะยกระดับความคาดหวังด้านประสิทธิภาพ และนั่นทำให้การลงทุนต่อเนื่องเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

    ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
    แม้ AMD จะมั่นใจในอนาคต แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดจีนที่มีข้อจำกัดด้านการส่งออก รวมถึงแรงกดดันจาก hyperscalers ที่เริ่มพัฒนาชิปเอง หาก AMD ไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Lisa Su ปฏิเสธกระแส AI Bubble
    ย้ำว่า AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและความต้องการจะเติบโตต่อเนื่อง

    AMD ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI
    ร่วมมือกับ OpenAI ติดตั้ง GPU ขนาด 6 กิกะวัตต์ และส่ง MI308 ไปจีน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    ความท้าทายคือการเร่ง roadmap ให้ทันกับความต้องการ hyperscalers

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ความเสี่ยงจากข้อจำกัดการส่งออกไปจีน
    แรงกดดันจาก hyperscalers ที่พัฒนาชิปเอง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/lisa-su-rejects-talk-of-an-ai-bubble-at-wired-event
    📰 Lisa Su ปฏิเสธกระแส “AI Bubble” ในการปรากฏตัวที่งาน WIRED’s Big Interview Conference ที่ซานฟรานซิสโก Lisa Su กล่าวอย่างชัดเจนว่า “AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น” และความกังวลเรื่องฟองสบู่เป็นการมองที่ “เกินจริง” เธอย้ำว่า AMD ต้องเตรียมพร้อมในการจัดหาชิปสำหรับอนาคต เพราะทุกการพัฒนาโมเดลใหม่จะยิ่งเพิ่มความต้องการด้านประสิทธิภาพ 🔧 กลยุทธ์ของ AMD AMD กำลังเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI โดยเฉพาะการจัดส่ง MI308 GPUs ไปยังจีนภายใต้กรอบควบคุมการส่งออกใหม่ และการร่วมมือกับ OpenAI ในการติดตั้ง GPU ขนาดใหญ่ถึง 6 กิกะวัตต์ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงสิทธิในการซื้อหุ้น AMD กว่า 160 ล้านหุ้น ที่ราคาหนึ่งเซนต์ต่อหุ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจระยะยาวในการส่งมอบโครงสร้างพื้นฐาน 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม Lisa Su มองว่าความท้าทายของ AMD ไม่ใช่การแข่งกับคู่แข่งรายใดรายหนึ่ง แต่คือการเร่งพัฒนา roadmap ให้ทันกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ hyperscalers และผู้พัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่ เธอย้ำว่า ทุกเจเนอเรชันของโมเดล AI จะยกระดับความคาดหวังด้านประสิทธิภาพ และนั่นทำให้การลงทุนต่อเนื่องเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ⚠️ ความเสี่ยงและข้อควรระวัง แม้ AMD จะมั่นใจในอนาคต แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดจีนที่มีข้อจำกัดด้านการส่งออก รวมถึงแรงกดดันจาก hyperscalers ที่เริ่มพัฒนาชิปเอง หาก AMD ไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Lisa Su ปฏิเสธกระแส AI Bubble ➡️ ย้ำว่า AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและความต้องการจะเติบโตต่อเนื่อง ✅ AMD ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ➡️ ร่วมมือกับ OpenAI ติดตั้ง GPU ขนาด 6 กิกะวัตต์ และส่ง MI308 ไปจีน ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ ความท้าทายคือการเร่ง roadmap ให้ทันกับความต้องการ hyperscalers ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ความเสี่ยงจากข้อจำกัดการส่งออกไปจีน ⛔ แรงกดดันจาก hyperscalers ที่พัฒนาชิปเอง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/lisa-su-rejects-talk-of-an-ai-bubble-at-wired-event
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD CEO Lisa Su 'emphatically' rejects talk of an AI bubble — says claims are 'somewhat overstated'
    AMD CEO says long-term demand for compute will justify today’s rapid data-center buildout.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม"

    ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

    โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง

    แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง

    โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากงานวิจัย
    AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ
    ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้
    โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว
    เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber
    การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป
    มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย

    คำเตือนจากงานวิจัย
    การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ
    การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร
    ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

    https://arxiv.org/abs/2512.04047
    🧠 "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม" ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากงานวิจัย ➡️ AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ ➡️ ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้ ➡️ โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว ➡️ เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber ➡️ การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป ➡️ มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย ‼️ คำเตือนจากงานวิจัย ⛔ การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ ⛔ การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร ⛔ ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย https://arxiv.org/abs/2512.04047
    ARXIV.ORG
    Polarization by Design: How Elites Could Shape Mass Preferences as AI Reduces Persuasion Costs
    In democracies, major policy decisions typically require some form of majority or consensus, so elites must secure mass support to govern. Historically, elites could shape support only through limited instruments like schooling and mass media; advances in AI-driven persuasion sharply reduce the cost and increase the precision of shaping public opinion, making the distribution of preferences itself an object of deliberate design. We develop a dynamic model in which elites choose how much to reshape the distribution of policy preferences, subject to persuasion costs and a majority rule constraint. With a single elite, any optimal intervention tends to push society toward more polarized opinion profiles - a ``polarization pull'' - and improvements in persuasion technology accelerate this drift. When two opposed elites alternate in power, the same technology also creates incentives to park society in ``semi-lock'' regions where opinions are more cohesive and harder for a rival to overturn, so advances in persuasion can either heighten or dampen polarization depending on the environment. Taken together, cheaper persuasion technologies recast polarization as a strategic instrument of governance rather than a purely emergent social byproduct, with important implications for democratic stability as AI capabilities advance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar

     Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto
    Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you

    Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT
    Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you

    ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026
    หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why

    รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล
    TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ
    https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office

     AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่
    AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ
    https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages

    Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10
    Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด
    https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10

     OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT
    OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด
    https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted

     Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี
    Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17

     ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี
    สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know

     Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it

    หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง
    ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง
    https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday

    Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router
    Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud
    https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far

    รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง
    TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
    https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options

    OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel
    OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know

    Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น
    Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs

    มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update
    มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware

    ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย
    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware

    Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days

    Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง
    Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    📌📡🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📡📌 #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar 🛠️ Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you 🛒 Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you 🚗 ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026 หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why 🖤 รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office 🌐 AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่ AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages 💻 Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10 Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10 🏢 OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด 🔗 https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted 📱 Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17 🚫 ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know 📸 Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it 🎧 หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday 🔐 Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know ☁️ ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud 🔗 https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far 🧹 รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options 🛡️ OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know 🤖 Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs 🪟 มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware 🎨 ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware 🧑‍⚖️ Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์ รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days 🚀 Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 987 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ลดค่าคอมมิชชั่น App Store สำหรับ Mini Apps

    Apple ได้เปิดตัว Mini Apps Partner Program โดยลดค่าคอมมิชชั่นจากเดิม 30% เหลือเพียง 15% สำหรับนักพัฒนาที่สร้าง Mini Apps ซึ่งเป็นแอปย่อยที่ทำงานภายในแอปหลัก เช่น เกมหรือบริการเสริมที่ฝังอยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญของ App Store ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาว่า Apple มีพฤติกรรมผูกขาด

    เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง นักพัฒนาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ เช่น รองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS, ใช้ Advanced Commerce API ของ Apple และต้องระบุ Declared Age Range API เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยผู้ใช้งานที่อายุน้อยกว่า

    การปรับลดค่าคอมมิชชั่นครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย ทั้งการฟ้องร้องจาก Epic Games และการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ การลดค่าธรรมเนียมจึงถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาลว่า Apple พร้อมปรับตัวเพื่อสร้างความโปร่งใสและแข่งขันอย่างเป็นธรรม

    ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Mini Apps เติบโตมากขึ้น และเปิดโอกาสให้นักพัฒนารายเล็กสามารถสร้างรายได้โดยไม่ถูกกดดันจากค่าธรรมเนียมสูง ขณะเดียวกัน Apple ยังคงรักษาการควบคุมระบบนิเวศของตนไว้ได้อย่างเข้มแข็ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Apple เปิดตัว Mini Apps Partner Program
    ลดค่าคอมมิชชั่นจาก 30% เหลือ 15% สำหรับ Mini Apps
    มุ่งสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาผูกขาด

    เงื่อนไขสำหรับนักพัฒนา
    ต้องรองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS
    ใช้ Advanced Commerce API และ Declared Age Range API

    บริบททางธุรกิจและกฎหมาย
    Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจาก Epic Games และหน่วยงานกำกับดูแล
    การลดค่าธรรมเนียมถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาล

    คำเตือนต่อผู้พัฒนา
    หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ จะไม่ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง
    การพึ่งพา Mini Apps โดยไม่อัปเดตตามนโยบาย อาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธการเผยแพร่ใน App Store

    https://securityonline.info/app-store-cuts-commission-to-15-for-mini-apps-to-expand-services/
    🍎 Apple ลดค่าคอมมิชชั่น App Store สำหรับ Mini Apps Apple ได้เปิดตัว Mini Apps Partner Program โดยลดค่าคอมมิชชั่นจากเดิม 30% เหลือเพียง 15% สำหรับนักพัฒนาที่สร้าง Mini Apps ซึ่งเป็นแอปย่อยที่ทำงานภายในแอปหลัก เช่น เกมหรือบริการเสริมที่ฝังอยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญของ App Store ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาว่า Apple มีพฤติกรรมผูกขาด เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง นักพัฒนาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ เช่น รองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS, ใช้ Advanced Commerce API ของ Apple และต้องระบุ Declared Age Range API เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยผู้ใช้งานที่อายุน้อยกว่า การปรับลดค่าคอมมิชชั่นครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย ทั้งการฟ้องร้องจาก Epic Games และการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ การลดค่าธรรมเนียมจึงถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาลว่า Apple พร้อมปรับตัวเพื่อสร้างความโปร่งใสและแข่งขันอย่างเป็นธรรม ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Mini Apps เติบโตมากขึ้น และเปิดโอกาสให้นักพัฒนารายเล็กสามารถสร้างรายได้โดยไม่ถูกกดดันจากค่าธรรมเนียมสูง ขณะเดียวกัน Apple ยังคงรักษาการควบคุมระบบนิเวศของตนไว้ได้อย่างเข้มแข็ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Apple เปิดตัว Mini Apps Partner Program ➡️ ลดค่าคอมมิชชั่นจาก 30% เหลือ 15% สำหรับ Mini Apps ➡️ มุ่งสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาผูกขาด ✅ เงื่อนไขสำหรับนักพัฒนา ➡️ ต้องรองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS ➡️ ใช้ Advanced Commerce API และ Declared Age Range API ✅ บริบททางธุรกิจและกฎหมาย ➡️ Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจาก Epic Games และหน่วยงานกำกับดูแล ➡️ การลดค่าธรรมเนียมถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาล ‼️ คำเตือนต่อผู้พัฒนา ⛔ หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ จะไม่ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง ⛔ การพึ่งพา Mini Apps โดยไม่อัปเดตตามนโยบาย อาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธการเผยแพร่ใน App Store https://securityonline.info/app-store-cuts-commission-to-15-for-mini-apps-to-expand-services/
    SECURITYONLINE.INFO
    App Store Cuts Commission to 15% for Mini Apps to Expand Services
    Apple launched the Mini Apps Partner Program, cutting the App Store commission fee in half—from 30% to 15%—for eligible developers of self-contained web-based services.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ตู้ขายของย้อนกลับของ Coca-Cola – เปลี่ยนขยะให้เป็นเครดิตอาหาร”

    Coca-Cola กำลังพลิกโฉมภาพลักษณ์ของตนเองจากบริษัทน้ำอัดลมที่ถูกวิจารณ์เรื่องสิ่งแวดล้อม มาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ด้วยการเปิดตัว “Reverse Vending Machine” หรือ “ตู้ขายของย้อนกลับ” ที่รับขวดพลาสติก กระป๋อง และขวดแก้วจากผู้ใช้ แล้วให้รางวัลตอบแทนเป็นเครดิตสำหรับใช้ในโรงอาหารหรือร้านค้า

    ตู้ขายของย้อนกลับของ Coca-Cola ไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่การนำมาใช้จริงในวงกว้าง โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยและต่างประเทศ เช่น สกอตแลนด์ ถือเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค

    ผู้ใช้เพียงแค่นำภาชนะเปล่ามาหยอดลงในช่องของตู้ เครื่องจะใช้สายพานและระบบสแกนเพื่อตรวจสอบว่าเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้หรือไม่ จากนั้นจะทำการแยกประเภท และบางรุ่นยังสามารถบดขยะให้เล็กลงเพื่อประหยัดพื้นที่จัดเก็บ ก่อนจะส่งต่อไปยังโรงงานรีไซเคิล

    นอกจากจะช่วยลดขยะ ตู้เหล่านี้ยังสร้างแรงจูงใจให้คนทั่วไป โดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษา หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะทุกขวดที่หยอดลงไปคือ “เงิน” ในรูปแบบเครดิตที่ใช้ซื้ออาหารหรือสินค้าได้

    Coca-Cola เปิดตัวตู้ขายของย้อนกลับเพื่อส่งเสริมการรีไซเคิล
    รับขวดพลาสติก กระป๋อง และขวดแก้ว
    ให้รางวัลเป็นเครดิตสำหรับใช้ในโรงอาหารหรือร้านค้า

    ระบบทำงานอัตโนมัติและชาญฉลาด
    ใช้สายพานและระบบสแกนตรวจสอบวัสดุ
    แยกประเภทวัสดุและบดขยะเพื่อลดขนาด
    ส่งต่อวัสดุไปยังโรงงานรีไซเคิล

    ขยายการใช้งานในระดับนานาชาติ
    มีการติดตั้งในมหาวิทยาลัยในสกอตแลนด์
    นักเรียนได้รับเครดิตเพื่อใช้จ่ายในโรงอาหาร
    ส่งเสริมพฤติกรรมรักษ์โลกในชีวิตประจำวัน

    ผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
    ลดปริมาณขยะที่หลุดรอดสู่ธรรมชาติ
    เพิ่มการเข้าถึงวัสดุรีไซเคิลสำหรับอุตสาหกรรม
    สร้างแรงจูงใจผ่านระบบรางวัล

    ความท้าทายของระบบรีไซเคิลอัตโนมัติ
    ต้องการการบำรุงรักษาและการจัดการขยะอย่างต่อเนื่อง
    ความแม่นยำของระบบสแกนต้องสูงเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
    ต้องมีระบบขนส่งวัสดุรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ

    นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะ แต่ยังเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคต่อ “ขยะ” ให้กลายเป็น “ทรัพยากร” ที่มีมูลค่า และอาจเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทั่วโลก

    https://www.slashgear.com/2017652/coca-cola-reverse-vending-machine-advanced-kiosk-innovative-environmental-tech/
    ♻️ “ตู้ขายของย้อนกลับของ Coca-Cola – เปลี่ยนขยะให้เป็นเครดิตอาหาร” Coca-Cola กำลังพลิกโฉมภาพลักษณ์ของตนเองจากบริษัทน้ำอัดลมที่ถูกวิจารณ์เรื่องสิ่งแวดล้อม มาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ด้วยการเปิดตัว “Reverse Vending Machine” หรือ “ตู้ขายของย้อนกลับ” ที่รับขวดพลาสติก กระป๋อง และขวดแก้วจากผู้ใช้ แล้วให้รางวัลตอบแทนเป็นเครดิตสำหรับใช้ในโรงอาหารหรือร้านค้า ตู้ขายของย้อนกลับของ Coca-Cola ไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่การนำมาใช้จริงในวงกว้าง โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยและต่างประเทศ เช่น สกอตแลนด์ ถือเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค ผู้ใช้เพียงแค่นำภาชนะเปล่ามาหยอดลงในช่องของตู้ เครื่องจะใช้สายพานและระบบสแกนเพื่อตรวจสอบว่าเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้หรือไม่ จากนั้นจะทำการแยกประเภท และบางรุ่นยังสามารถบดขยะให้เล็กลงเพื่อประหยัดพื้นที่จัดเก็บ ก่อนจะส่งต่อไปยังโรงงานรีไซเคิล นอกจากจะช่วยลดขยะ ตู้เหล่านี้ยังสร้างแรงจูงใจให้คนทั่วไป โดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษา หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะทุกขวดที่หยอดลงไปคือ “เงิน” ในรูปแบบเครดิตที่ใช้ซื้ออาหารหรือสินค้าได้ ✅ Coca-Cola เปิดตัวตู้ขายของย้อนกลับเพื่อส่งเสริมการรีไซเคิล ➡️ รับขวดพลาสติก กระป๋อง และขวดแก้ว ➡️ ให้รางวัลเป็นเครดิตสำหรับใช้ในโรงอาหารหรือร้านค้า ✅ ระบบทำงานอัตโนมัติและชาญฉลาด ➡️ ใช้สายพานและระบบสแกนตรวจสอบวัสดุ ➡️ แยกประเภทวัสดุและบดขยะเพื่อลดขนาด ➡️ ส่งต่อวัสดุไปยังโรงงานรีไซเคิล ✅ ขยายการใช้งานในระดับนานาชาติ ➡️ มีการติดตั้งในมหาวิทยาลัยในสกอตแลนด์ ➡️ นักเรียนได้รับเครดิตเพื่อใช้จ่ายในโรงอาหาร ➡️ ส่งเสริมพฤติกรรมรักษ์โลกในชีวิตประจำวัน ✅ ผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ➡️ ลดปริมาณขยะที่หลุดรอดสู่ธรรมชาติ ➡️ เพิ่มการเข้าถึงวัสดุรีไซเคิลสำหรับอุตสาหกรรม ➡️ สร้างแรงจูงใจผ่านระบบรางวัล ‼️ ความท้าทายของระบบรีไซเคิลอัตโนมัติ ⛔ ต้องการการบำรุงรักษาและการจัดการขยะอย่างต่อเนื่อง ⛔ ความแม่นยำของระบบสแกนต้องสูงเพื่อป้องกันการปนเปื้อน ⛔ ต้องมีระบบขนส่งวัสดุรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะ แต่ยังเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคต่อ “ขยะ” ให้กลายเป็น “ทรัพยากร” ที่มีมูลค่า และอาจเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทั่วโลก https://www.slashgear.com/2017652/coca-cola-reverse-vending-machine-advanced-kiosk-innovative-environmental-tech/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Coca-Cola's 'Reverse Vending Machine' Is Environmental Tech Many Can Get Behind - SlashGear
    Coca-Cola's reverse vending machines help recycle used bottles and cans, and have now made their way to New Lanarkshire College in Scotland.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tesla จะกลายเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่? Elon Musk เสนอแนวคิดใช้รถว่างสร้างเครือข่าย AI ขนาด 100 ล้านคัน

    Elon Musk เผยไอเดียเปลี่ยนรถ Tesla ที่จอดว่างให้กลายเป็นเครือข่ายประมวลผล AI ขนาดมหึมา ด้วยพลังคอมพิวเตอร์รวมกว่า 100 กิกะวัตต์ พร้อมชู AI5 ที่แรงกว่า AI4 ถึง 40 เท่า

    ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 Elon Musk ได้เสนอแนวคิดสุดล้ำ: เปลี่ยนรถ Tesla ที่จอดว่างให้กลายเป็นเครือข่ายประมวลผลแบบ distributed inference fleet โดยใช้พลังคอมพิวเตอร์จากรถที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งเขาเรียกว่า “รถที่เบื่อ”

    Musk ประเมินว่า หากมีรถ Tesla 100 ล้านคัน และแต่ละคันสามารถให้พลังประมวลผลได้ 1 กิโลวัตต์ ก็จะได้เครือข่ายรวมถึง 100 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็น “สินทรัพย์มหาศาล” ที่มีระบบระบายความร้อนและจ่ายไฟในตัวอยู่แล้ว

    นอกจากนี้ Musk ยังพูดถึง AI5 ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ที่แรงกว่า AI4 ถึง 40 เท่า และจะเป็นหัวใจของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ “ปลอดภัยกว่ามนุษย์” ถึง 10 เท่า โดยเฉพาะในรถรุ่นใหม่อย่าง Cyber Cab ที่จะเริ่มผลิตในไตรมาส 2 ปีหน้า

    แนวคิดนี้คล้ายกับโครงการ distributed computing อย่าง SETI@home หรือ Folding@home แต่ในเวอร์ชันที่ใช้รถยนต์เป็นหน่วยประมวลผล ซึ่งอาจกลายเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ หากสามารถสร้างแรงจูงใจให้เจ้าของรถเข้าร่วมได้

    Elon Musk เสนอแนวคิดใช้รถ Tesla ที่จอดว่างเป็นเครือข่าย AI
    เรียกว่า “distributed inference fleet”
    ประเมินว่ารถ 100 ล้านคันจะให้พลังรวม 100 กิกะวัตต์
    รถมีระบบไฟและระบายความร้อนในตัวอยู่แล้ว

    การพัฒนา AI5 และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
    AI5 แรงกว่า AI4 ถึง 40 เท่า
    ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะปลอดภัยกว่ามนุษย์ 10 เท่า
    Cyber Cab จะเริ่มผลิตในไตรมาส 2 ปี 2026

    แนวคิดคล้ายกับ distributed computing แบบ SETI@home
    ใช้พลังจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ในการประมวลผล
    อาจกลายเป็นโมเดลธุรกิจใหม่หากมีแรงจูงใจที่เหมาะสม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musk-says-idling-tesla-cars-could-create-massive-100-million-vehicle-strong-computer-for-ai-bored-vehicles-could-offer-100-gigawatts-of-distributed-compute-power
    🚗🧠 Tesla จะกลายเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่? Elon Musk เสนอแนวคิดใช้รถว่างสร้างเครือข่าย AI ขนาด 100 ล้านคัน Elon Musk เผยไอเดียเปลี่ยนรถ Tesla ที่จอดว่างให้กลายเป็นเครือข่ายประมวลผล AI ขนาดมหึมา ด้วยพลังคอมพิวเตอร์รวมกว่า 100 กิกะวัตต์ พร้อมชู AI5 ที่แรงกว่า AI4 ถึง 40 เท่า ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 Elon Musk ได้เสนอแนวคิดสุดล้ำ: เปลี่ยนรถ Tesla ที่จอดว่างให้กลายเป็นเครือข่ายประมวลผลแบบ distributed inference fleet โดยใช้พลังคอมพิวเตอร์จากรถที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งเขาเรียกว่า “รถที่เบื่อ” Musk ประเมินว่า หากมีรถ Tesla 100 ล้านคัน และแต่ละคันสามารถให้พลังประมวลผลได้ 1 กิโลวัตต์ ก็จะได้เครือข่ายรวมถึง 100 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็น “สินทรัพย์มหาศาล” ที่มีระบบระบายความร้อนและจ่ายไฟในตัวอยู่แล้ว นอกจากนี้ Musk ยังพูดถึง AI5 ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ที่แรงกว่า AI4 ถึง 40 เท่า และจะเป็นหัวใจของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ “ปลอดภัยกว่ามนุษย์” ถึง 10 เท่า โดยเฉพาะในรถรุ่นใหม่อย่าง Cyber Cab ที่จะเริ่มผลิตในไตรมาส 2 ปีหน้า แนวคิดนี้คล้ายกับโครงการ distributed computing อย่าง SETI@home หรือ Folding@home แต่ในเวอร์ชันที่ใช้รถยนต์เป็นหน่วยประมวลผล ซึ่งอาจกลายเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ หากสามารถสร้างแรงจูงใจให้เจ้าของรถเข้าร่วมได้ ✅ Elon Musk เสนอแนวคิดใช้รถ Tesla ที่จอดว่างเป็นเครือข่าย AI ➡️ เรียกว่า “distributed inference fleet” ➡️ ประเมินว่ารถ 100 ล้านคันจะให้พลังรวม 100 กิกะวัตต์ ➡️ รถมีระบบไฟและระบายความร้อนในตัวอยู่แล้ว ✅ การพัฒนา AI5 และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ➡️ AI5 แรงกว่า AI4 ถึง 40 เท่า ➡️ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะปลอดภัยกว่ามนุษย์ 10 เท่า ➡️ Cyber Cab จะเริ่มผลิตในไตรมาส 2 ปี 2026 ✅ แนวคิดคล้ายกับ distributed computing แบบ SETI@home ➡️ ใช้พลังจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ในการประมวลผล ➡️ อาจกลายเป็นโมเดลธุรกิจใหม่หากมีแรงจูงใจที่เหมาะสม https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musk-says-idling-tesla-cars-could-create-massive-100-million-vehicle-strong-computer-for-ai-bored-vehicles-could-offer-100-gigawatts-of-distributed-compute-power
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Firewalla อัปเดตใหม่หลอกลูกให้เลิกเล่นมือถือด้วย ‘เน็ตช้า’ — เมื่อการควบคุมพฤติกรรมดิจิทัลไม่ต้องใช้คำสั่ง แต่ใช้ความรู้สึก”

    ในยุคที่เด็ก ๆ ใช้เวลาบนหน้าจอมากกว่าการเล่นกลางแจ้ง Firewalla แอปจัดการเครือข่ายและความปลอดภัยสำหรับครอบครัว ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในเวอร์ชัน 1.66 ที่ชื่อว่า “Disturb” ซึ่งใช้วิธีแปลกใหม่ในการควบคุมพฤติกรรมการใช้งานมือถือของเด็ก ๆ โดยไม่ต้องบล็อกแอปหรือปิดอินเทอร์เน็ต — แต่ใช้การ “หลอกว่าเน็ตช้า” เพื่อให้เด็กเบื่อและเลิกเล่นไปเอง

    ฟีเจอร์นี้จะจำลองอาการอินเทอร์เน็ตช้า เช่น การบัฟเฟอร์ การโหลดช้า หรือดีเลย์ในการใช้งานแอปยอดนิยมอย่าง Snapchat โดยไม่แจ้งให้ผู้ใช้รู้ว่าเป็นการตั้งใจ ทำให้เด็กเข้าใจว่าเป็นปัญหาทางเทคนิค และเลือกที่จะหยุดใช้งานเอง ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจแบบนุ่มนวลมากกว่าการลงโทษ

    นอกจากฟีเจอร์ Disturb แล้ว Firewalla ยังเพิ่มความสามารถด้านความปลอดภัย เช่น “Device Active Protect” ที่ใช้แนวคิด Zero Trust ในการเรียนรู้พฤติกรรมของอุปกรณ์ และบล็อกกิจกรรมที่ผิดปกติโดยอัตโนมัติ รวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบเปิดอย่าง Suricata เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับมัลแวร์และการโจมตีเครือข่าย

    สำหรับผู้ใช้งานระดับบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก Firewalla ยังเพิ่มฟีเจอร์ Multi-WAN Data Usage Tracking ที่สามารถติดตามการใช้งานอินเทอร์เน็ตจากหลายสายพร้อมกัน พร้อมระบบแจ้งเตือนและรายงานแบบละเอียด

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Firewalla App 1.66
    “Disturb” จำลองอินเทอร์เน็ตช้าเพื่อเบี่ยงเบนพฤติกรรมเด็กจากการใช้แอป
    ไม่บล็อกแอปโดยตรง แต่สร้างความรู้สึกว่าเน็ตไม่เสถียร
    ใช้กับแอปที่ใช้เวลานาน เช่น Snapchat, TikTok, YouTube
    เป็นวิธีควบคุมแบบนุ่มนวล ไม่ใช่การลงโทษ

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม
    “Device Active Protect” ใช้ Zero Trust เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมอุปกรณ์
    บล็อกกิจกรรมที่ผิดปกติโดยไม่ต้องตั้งค่ากฎเอง
    เชื่อมต่อกับ Suricata เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับภัย
    เพิ่มระบบ FireAI วิเคราะห์เหตุการณ์เครือข่ายแบบเรียลไทม์

    ฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้ระดับบ้านและธุรกิจ
    Multi-WAN Data Usage Tracking ติดตามการใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายสาย
    มีระบบแจ้งเตือนเมื่อใช้งานเกินขีดจำกัด
    รายงานการใช้งานแบบละเอียดสำหรับการวางแผนเครือข่าย
    รองรับการใช้งานในบ้านที่มีหลายอุปกรณ์หรือหลายเครือข่าย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Suricata เป็นระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบ open-source ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่
    Zero Trust เป็นแนวคิดด้านความปลอดภัยที่ไม่เชื่อถืออุปกรณ์ใด ๆ โดยอัตโนมัติ
    Firewalla ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมเครือข่ายภายในบ้าน
    ฟีเจอร์ Disturb อาจเป็นต้นแบบของการควบคุมพฤติกรรมเชิงจิตวิทยาในยุคดิจิทัล

    https://www.techradar.com/pro/phone-communications/this-security-app-deliberately-slows-down-internet-speeds-to-encourage-your-kids-to-log-off-their-snapchat-accounts
    📱 “Firewalla อัปเดตใหม่หลอกลูกให้เลิกเล่นมือถือด้วย ‘เน็ตช้า’ — เมื่อการควบคุมพฤติกรรมดิจิทัลไม่ต้องใช้คำสั่ง แต่ใช้ความรู้สึก” ในยุคที่เด็ก ๆ ใช้เวลาบนหน้าจอมากกว่าการเล่นกลางแจ้ง Firewalla แอปจัดการเครือข่ายและความปลอดภัยสำหรับครอบครัว ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในเวอร์ชัน 1.66 ที่ชื่อว่า “Disturb” ซึ่งใช้วิธีแปลกใหม่ในการควบคุมพฤติกรรมการใช้งานมือถือของเด็ก ๆ โดยไม่ต้องบล็อกแอปหรือปิดอินเทอร์เน็ต — แต่ใช้การ “หลอกว่าเน็ตช้า” เพื่อให้เด็กเบื่อและเลิกเล่นไปเอง ฟีเจอร์นี้จะจำลองอาการอินเทอร์เน็ตช้า เช่น การบัฟเฟอร์ การโหลดช้า หรือดีเลย์ในการใช้งานแอปยอดนิยมอย่าง Snapchat โดยไม่แจ้งให้ผู้ใช้รู้ว่าเป็นการตั้งใจ ทำให้เด็กเข้าใจว่าเป็นปัญหาทางเทคนิค และเลือกที่จะหยุดใช้งานเอง ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจแบบนุ่มนวลมากกว่าการลงโทษ นอกจากฟีเจอร์ Disturb แล้ว Firewalla ยังเพิ่มความสามารถด้านความปลอดภัย เช่น “Device Active Protect” ที่ใช้แนวคิด Zero Trust ในการเรียนรู้พฤติกรรมของอุปกรณ์ และบล็อกกิจกรรมที่ผิดปกติโดยอัตโนมัติ รวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบเปิดอย่าง Suricata เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับมัลแวร์และการโจมตีเครือข่าย สำหรับผู้ใช้งานระดับบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก Firewalla ยังเพิ่มฟีเจอร์ Multi-WAN Data Usage Tracking ที่สามารถติดตามการใช้งานอินเทอร์เน็ตจากหลายสายพร้อมกัน พร้อมระบบแจ้งเตือนและรายงานแบบละเอียด ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Firewalla App 1.66 ➡️ “Disturb” จำลองอินเทอร์เน็ตช้าเพื่อเบี่ยงเบนพฤติกรรมเด็กจากการใช้แอป ➡️ ไม่บล็อกแอปโดยตรง แต่สร้างความรู้สึกว่าเน็ตไม่เสถียร ➡️ ใช้กับแอปที่ใช้เวลานาน เช่น Snapchat, TikTok, YouTube ➡️ เป็นวิธีควบคุมแบบนุ่มนวล ไม่ใช่การลงโทษ ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม ➡️ “Device Active Protect” ใช้ Zero Trust เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมอุปกรณ์ ➡️ บล็อกกิจกรรมที่ผิดปกติโดยไม่ต้องตั้งค่ากฎเอง ➡️ เชื่อมต่อกับ Suricata เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับภัย ➡️ เพิ่มระบบ FireAI วิเคราะห์เหตุการณ์เครือข่ายแบบเรียลไทม์ ✅ ฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้ระดับบ้านและธุรกิจ ➡️ Multi-WAN Data Usage Tracking ติดตามการใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายสาย ➡️ มีระบบแจ้งเตือนเมื่อใช้งานเกินขีดจำกัด ➡️ รายงานการใช้งานแบบละเอียดสำหรับการวางแผนเครือข่าย ➡️ รองรับการใช้งานในบ้านที่มีหลายอุปกรณ์หรือหลายเครือข่าย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Suricata เป็นระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบ open-source ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ ➡️ Zero Trust เป็นแนวคิดด้านความปลอดภัยที่ไม่เชื่อถืออุปกรณ์ใด ๆ โดยอัตโนมัติ ➡️ Firewalla ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมเครือข่ายภายในบ้าน ➡️ ฟีเจอร์ Disturb อาจเป็นต้นแบบของการควบคุมพฤติกรรมเชิงจิตวิทยาในยุคดิจิทัล https://www.techradar.com/pro/phone-communications/this-security-app-deliberately-slows-down-internet-speeds-to-encourage-your-kids-to-log-off-their-snapchat-accounts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: GPU กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์การเงินที่ซื้อขายได้

    Startup ชื่อ OneChronos จับมือกับ Auctionomics บริษัทออกแบบตลาดที่ก่อตั้งโดย Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เพื่อสร้าง “ตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU” แห่งแรกของโลก โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้งานสามารถ “ล็อกราคา” และ “จัดการความเสี่ยง” ของการเข้าถึง GPU ได้เหมือนกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันหรือไฟฟ้า

    ในยุคที่ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว GPU กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด แต่กลับไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนหรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนได้เลย

    ตลาดใหม่นี้จะใช้ระบบ “การประมูลแบบอัจฉริยะ” เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ โดย Auctionomics จะช่วยออกแบบกลไกตลาดให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม

    OneChronos และ Auctionomics ร่วมกันสร้างตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU แห่งแรกของโลก
    ใช้ระบบประมูลอัจฉริยะเพื่อจัดสรรทรัพยากร GPU อย่างมีประสิทธิภาพ
    เปรียบเสมือน “ตลาดซื้อขายน้ำมัน” สำหรับโลก AI

    Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เป็นผู้ออกแบบกลไกตลาด
    เคยออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนโฉมวงการโทรคมนาคม
    ใช้ทฤษฎีเกมและคณิตศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม

    GPU ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์องค์กรที่ยังไม่มีการป้องกันความเสี่ยง” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    ไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยล็อกราคาหรือจัดการความเสี่ยง
    ต่างจากน้ำมันหรือไฟฟ้าที่มีตลาดซื้อขายล่วงหน้า

    ระบบจะเปิดให้ผู้ใช้งานเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ
    ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนล่วงหน้าและควบคุมต้นทุนได้
    ลดปัญหาการขาดแคลนและราคาผันผวนในช่วงที่มีความต้องการสูง

    ตลาดนี้จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมหลากหลาย เช่น ผู้ผลิตชิป, ผู้ให้บริการคลาวด์, นักลงทุนในศูนย์ข้อมูล
    ยิ่งมีผู้เข้าร่วมหลากหลาย ตลาดจะยิ่งมีความโปร่งใสและมีสภาพคล่องสูง
    ช่วยให้เกิดการค้นหาราคาที่แท้จริงของทรัพยากร GPU

    https://www.techspot.com/news/108879-startup-nobel-laureate-collaborate-create-gpu-financial-exchange.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: GPU กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์การเงินที่ซื้อขายได้ Startup ชื่อ OneChronos จับมือกับ Auctionomics บริษัทออกแบบตลาดที่ก่อตั้งโดย Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เพื่อสร้าง “ตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU” แห่งแรกของโลก โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้งานสามารถ “ล็อกราคา” และ “จัดการความเสี่ยง” ของการเข้าถึง GPU ได้เหมือนกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันหรือไฟฟ้า ในยุคที่ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว GPU กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด แต่กลับไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนหรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนได้เลย ตลาดใหม่นี้จะใช้ระบบ “การประมูลแบบอัจฉริยะ” เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ โดย Auctionomics จะช่วยออกแบบกลไกตลาดให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม ✅ OneChronos และ Auctionomics ร่วมกันสร้างตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU แห่งแรกของโลก ➡️ ใช้ระบบประมูลอัจฉริยะเพื่อจัดสรรทรัพยากร GPU อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เปรียบเสมือน “ตลาดซื้อขายน้ำมัน” สำหรับโลก AI ✅ Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เป็นผู้ออกแบบกลไกตลาด ➡️ เคยออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนโฉมวงการโทรคมนาคม ➡️ ใช้ทฤษฎีเกมและคณิตศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม ✅ GPU ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์องค์กรที่ยังไม่มีการป้องกันความเสี่ยง” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ➡️ ไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยล็อกราคาหรือจัดการความเสี่ยง ➡️ ต่างจากน้ำมันหรือไฟฟ้าที่มีตลาดซื้อขายล่วงหน้า ✅ ระบบจะเปิดให้ผู้ใช้งานเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ ➡️ ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนล่วงหน้าและควบคุมต้นทุนได้ ➡️ ลดปัญหาการขาดแคลนและราคาผันผวนในช่วงที่มีความต้องการสูง ✅ ตลาดนี้จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมหลากหลาย เช่น ผู้ผลิตชิป, ผู้ให้บริการคลาวด์, นักลงทุนในศูนย์ข้อมูล ➡️ ยิ่งมีผู้เข้าร่วมหลากหลาย ตลาดจะยิ่งมีความโปร่งใสและมีสภาพคล่องสูง ➡️ ช่วยให้เกิดการค้นหาราคาที่แท้จริงของทรัพยากร GPU https://www.techspot.com/news/108879-startup-nobel-laureate-collaborate-create-gpu-financial-exchange.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Startup and Nobel laureate collaborate to create GPU financial exchange
    The world of artificial intelligence is built on computing power, and at the heart of that engine are graphics processing units. These chips are in such high...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากบ้านที่ไม่ฉลาดอีกต่อไป: เมื่อ Google Home กลายเป็นระบบที่ผู้ใช้ต้อง “รีเซ็ตทั้งบ้าน” ทุก 48 ชั่วโมง

    ผู้ใช้ Reddit และ Google Support Forum หลายรายรายงานว่า:
    - Nest Hub ไม่สามารถระบุห้องหรืออุปกรณ์ได้
    - คำสั่งเสียงถูกส่งไปยังอุปกรณ์ผิด
    - กลุ่มอุปกรณ์หายไปจากระบบ
    - ต้องถอดปลั๊กทุกอุปกรณ์แล้วเสียบใหม่ทุก 2 วันเพื่อให้ระบบกลับมาใช้ได้

    โพสต์หนึ่งใน Reddit ชื่อ “The Enshittification of Google Home” ได้รับเกือบ 500 upvotes ภายใน 19 ชั่วโมง และมีผู้ร่วมแชร์ประสบการณ์จำนวนมาก — ทั้งหมดสะท้อนว่า Google Home กลายเป็นระบบที่ไม่เสถียรและขาดการดูแล

    ผู้ใช้บางคนตั้งข้อสงสัยว่า Google อาจ “ปล่อยให้ระบบเสื่อม” เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ที่ใช้ Gemini AI

    ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับ Google เท่านั้น:
    - Apple autocorrect เริ่มแก้คำผิดบ่อยขึ้น เช่น “bomb” กลายเป็น “Bob”
    - Amazon Alexa ลืมอุปกรณ์หรือไม่ตอบคำสั่งพื้นฐาน
    - ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เอง เช่นใช้ระบบ homebrew หรือ workaround

    ผู้ใช้ Google Home รายงานปัญหาจำนวนมาก เช่นอุปกรณ์หาย, คำสั่งผิด, และระบบไม่เสถียร
    ต้องรีเซ็ตระบบทั้งบ้านทุก 48 ชั่วโมงเพื่อให้กลับมาใช้งานได้

    โพสต์ใน Reddit เรื่อง “enshittification” ได้รับความสนใจสูงและมีผู้ร่วมแชร์ประสบการณ์จำนวนมาก
    สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้เกิดกับผู้ใช้บางราย แต่เป็นปัญหาเชิงระบบ

    Google ตอบกลับด้วยข้อความทั่วไป เช่น “เรากำลังตรวจสอบ” โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน
    ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าไม่มีการแก้ไขจริง

    ผู้ใช้บางคนสงสัยว่า Google อาจปล่อยให้ระบบเสื่อมเพื่อผลักดันอุปกรณ์ Gemini
    เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ใหม่

    ปัญหานี้เกิดกับบริษัทเทคโนโลยีหลายราย เช่น Apple และ Amazon
    แสดงถึงการเสื่อมถอยของมาตรฐานในวงการสมาร์ตโฮม

    ผู้ใช้เริ่มหันไปใช้ระบบ homebrew หรือ workaround เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
    เช่นใช้ Home Assistant หรือระบบควบคุมแบบ local

    https://www.techspot.com/news/108767-redditors-fed-up-google-home-growing-list-glitches.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากบ้านที่ไม่ฉลาดอีกต่อไป: เมื่อ Google Home กลายเป็นระบบที่ผู้ใช้ต้อง “รีเซ็ตทั้งบ้าน” ทุก 48 ชั่วโมง ผู้ใช้ Reddit และ Google Support Forum หลายรายรายงานว่า: - Nest Hub ไม่สามารถระบุห้องหรืออุปกรณ์ได้ - คำสั่งเสียงถูกส่งไปยังอุปกรณ์ผิด - กลุ่มอุปกรณ์หายไปจากระบบ - ต้องถอดปลั๊กทุกอุปกรณ์แล้วเสียบใหม่ทุก 2 วันเพื่อให้ระบบกลับมาใช้ได้ โพสต์หนึ่งใน Reddit ชื่อ “The Enshittification of Google Home” ได้รับเกือบ 500 upvotes ภายใน 19 ชั่วโมง และมีผู้ร่วมแชร์ประสบการณ์จำนวนมาก — ทั้งหมดสะท้อนว่า Google Home กลายเป็นระบบที่ไม่เสถียรและขาดการดูแล ผู้ใช้บางคนตั้งข้อสงสัยว่า Google อาจ “ปล่อยให้ระบบเสื่อม” เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ที่ใช้ Gemini AI ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับ Google เท่านั้น: - Apple autocorrect เริ่มแก้คำผิดบ่อยขึ้น เช่น “bomb” กลายเป็น “Bob” - Amazon Alexa ลืมอุปกรณ์หรือไม่ตอบคำสั่งพื้นฐาน - ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เอง เช่นใช้ระบบ homebrew หรือ workaround ✅ ผู้ใช้ Google Home รายงานปัญหาจำนวนมาก เช่นอุปกรณ์หาย, คำสั่งผิด, และระบบไม่เสถียร ➡️ ต้องรีเซ็ตระบบทั้งบ้านทุก 48 ชั่วโมงเพื่อให้กลับมาใช้งานได้ ✅ โพสต์ใน Reddit เรื่อง “enshittification” ได้รับความสนใจสูงและมีผู้ร่วมแชร์ประสบการณ์จำนวนมาก ➡️ สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้เกิดกับผู้ใช้บางราย แต่เป็นปัญหาเชิงระบบ ✅ Google ตอบกลับด้วยข้อความทั่วไป เช่น “เรากำลังตรวจสอบ” โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ➡️ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าไม่มีการแก้ไขจริง ✅ ผู้ใช้บางคนสงสัยว่า Google อาจปล่อยให้ระบบเสื่อมเพื่อผลักดันอุปกรณ์ Gemini ➡️ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ใหม่ ✅ ปัญหานี้เกิดกับบริษัทเทคโนโลยีหลายราย เช่น Apple และ Amazon ➡️ แสดงถึงการเสื่อมถอยของมาตรฐานในวงการสมาร์ตโฮม ✅ ผู้ใช้เริ่มหันไปใช้ระบบ homebrew หรือ workaround เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ➡️ เช่นใช้ Home Assistant หรือระบบควบคุมแบบ local https://www.techspot.com/news/108767-redditors-fed-up-google-home-growing-list-glitches.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Smart home, dumb problems: The enshittification of Google Home is real
    If your Nest Hub decided this week that your living room no longer exists, or your Google speaker insists on playing Spotify on every device in the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซื้อหนี้ประชาชน อันตรายบนศีลธรรม

    เป็นที่วิจารณ์ไม่หยุด สำหรับแนวคิดรับซื้อหนี้จากประชาชนทั้งหมดออกจากระบบธนาคาร แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำมาหากินใหม่ โดยอ้างว่าจะให้หนี้สินคนไทยหมดไป ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท ให้เอกชนลงทุน แม้แนวคิดดูเลื่อนลอย แต่ก็เป็นความกังวลของสังคมไทย นักกลยุทธ์การลงทุนรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า "การซื้อหนี้ 16 ล้านล้านบาท ไม่มีเอกชนหน้าโง่ที่ไหนซื้อหนี้ราคาสูงแล้วมาแฮร์คัต (Hair Cut หรือปิดจบด้วยเงินก้อน) ให้ลูกหนี้ ถ้ารัฐไม่ล้างผลาญงบฯ จ่ายส่วนต่างให้" มีชาวเน็ตแชร์ออกไปนับร้อยครั้ง

    นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) กล่าวว่า แนวคิดการรับซื้อหนี้เสียของประชาชน จากธนาคารพาณิชย์มาบริหารจัดการ กรอบสำคัญคือต้องมองให้ครบ บูรณาการผลกระทบต่างๆ สำคัญคือที่มาของเงินมาจากไหน เพราะอาจจะเป็นภาระทางการคลังได้ และคำนึงผลกระทบเชิง Moral hazard ต้องหาจุดตรงกลางในการช่วยเหลือ

    ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาแบงก์ชาติยึดหลักแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน 3 ประการ คือ 1. ต้องสนับสนุนวินัยทางการเงินที่ดี ไม่สร้างแรงจูงใจที่ผิด ทำให้เกิดปัญหา Moral hazard 2. สนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของลูกหนี้ในระยะข้างหน้า และ 3. ต้องแก้ปัญหาหนี้อย่างตรงจุด และเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบการเงินในภาพรวม

    Moral hazard หรือภัยทางศีลธรรม อันตรายบนศีลธรรม จรรยาสามานย์ แล้วแต่จะเรียก เกิดขึ้นเมื่อผู้มีส่วนได้เสียคือลูกหนี้ มีแรงจูงใจหรือมีสิ่งล่อใจแล้วเอาเปรียบอีกฝ่ายโดยเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเอง เพราะรู้ดีว่าถ้าล้มเมื่อไหร่เดี๋ยวก็ได้รับการช่วยเหลือ เปรียบคนเบี้ยวหนี้กองทุน กยศ.คิดว่าเดี๋ยวรัฐบาลจะลดยอดหนี้ให้ ชาวนาไม่ฟังทางการทำนาในฤดูแล้ง เมื่อเสียหายก็ได้เงินชดเชยจากรัฐบาล เป็นเครื่องมือให้นักการเมืองฉวยโอกาสสร้างคะแนนนิยมเอาเปรียบประชาชนผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

    การซื้อหนี้จากธนาคารแล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน เหมือนเริ่มต้นจะสวยหรูแต่ขมขื่นระยะยาว เฉกเช่นบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง เปิดฉากกวาดลูกค้าจากค่ายอื่นแล้วได้ลูกค้ากลุ่มที่เป็นปัญหา มีประวัติผิดนัดชำระหนี้จากที่อื่นย้ายหนีจำนวนมาก สุดท้ายก็สร้างปัญหา ผลประกอบการขาดทุนย่อยยับ แล้วขายพอร์ตสินเชื่อให้กับผู้สนใจรายใหม่ จากนั้นรายใหม่ก็อาจนำไปเล่นแร่แปรธาตุ เช่น ปล่อยหุ้นกู้แล้วไม่จ่ายคืน กลายเป็นมันนี่เกมที่อาจทำให้นักลงทุนซึ่งเป็นคนธรรมดาอาจถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว

    #Newskit
    ซื้อหนี้ประชาชน อันตรายบนศีลธรรม เป็นที่วิจารณ์ไม่หยุด สำหรับแนวคิดรับซื้อหนี้จากประชาชนทั้งหมดออกจากระบบธนาคาร แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำมาหากินใหม่ โดยอ้างว่าจะให้หนี้สินคนไทยหมดไป ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท ให้เอกชนลงทุน แม้แนวคิดดูเลื่อนลอย แต่ก็เป็นความกังวลของสังคมไทย นักกลยุทธ์การลงทุนรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า "การซื้อหนี้ 16 ล้านล้านบาท ไม่มีเอกชนหน้าโง่ที่ไหนซื้อหนี้ราคาสูงแล้วมาแฮร์คัต (Hair Cut หรือปิดจบด้วยเงินก้อน) ให้ลูกหนี้ ถ้ารัฐไม่ล้างผลาญงบฯ จ่ายส่วนต่างให้" มีชาวเน็ตแชร์ออกไปนับร้อยครั้ง นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) กล่าวว่า แนวคิดการรับซื้อหนี้เสียของประชาชน จากธนาคารพาณิชย์มาบริหารจัดการ กรอบสำคัญคือต้องมองให้ครบ บูรณาการผลกระทบต่างๆ สำคัญคือที่มาของเงินมาจากไหน เพราะอาจจะเป็นภาระทางการคลังได้ และคำนึงผลกระทบเชิง Moral hazard ต้องหาจุดตรงกลางในการช่วยเหลือ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาแบงก์ชาติยึดหลักแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน 3 ประการ คือ 1. ต้องสนับสนุนวินัยทางการเงินที่ดี ไม่สร้างแรงจูงใจที่ผิด ทำให้เกิดปัญหา Moral hazard 2. สนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของลูกหนี้ในระยะข้างหน้า และ 3. ต้องแก้ปัญหาหนี้อย่างตรงจุด และเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบการเงินในภาพรวม Moral hazard หรือภัยทางศีลธรรม อันตรายบนศีลธรรม จรรยาสามานย์ แล้วแต่จะเรียก เกิดขึ้นเมื่อผู้มีส่วนได้เสียคือลูกหนี้ มีแรงจูงใจหรือมีสิ่งล่อใจแล้วเอาเปรียบอีกฝ่ายโดยเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเอง เพราะรู้ดีว่าถ้าล้มเมื่อไหร่เดี๋ยวก็ได้รับการช่วยเหลือ เปรียบคนเบี้ยวหนี้กองทุน กยศ.คิดว่าเดี๋ยวรัฐบาลจะลดยอดหนี้ให้ ชาวนาไม่ฟังทางการทำนาในฤดูแล้ง เมื่อเสียหายก็ได้เงินชดเชยจากรัฐบาล เป็นเครื่องมือให้นักการเมืองฉวยโอกาสสร้างคะแนนนิยมเอาเปรียบประชาชนผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การซื้อหนี้จากธนาคารแล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน เหมือนเริ่มต้นจะสวยหรูแต่ขมขื่นระยะยาว เฉกเช่นบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง เปิดฉากกวาดลูกค้าจากค่ายอื่นแล้วได้ลูกค้ากลุ่มที่เป็นปัญหา มีประวัติผิดนัดชำระหนี้จากที่อื่นย้ายหนีจำนวนมาก สุดท้ายก็สร้างปัญหา ผลประกอบการขาดทุนย่อยยับ แล้วขายพอร์ตสินเชื่อให้กับผู้สนใจรายใหม่ จากนั้นรายใหม่ก็อาจนำไปเล่นแร่แปรธาตุ เช่น ปล่อยหุ้นกู้แล้วไม่จ่ายคืน กลายเป็นมันนี่เกมที่อาจทำให้นักลงทุนซึ่งเป็นคนธรรมดาอาจถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว #Newskit
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1167 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฎทองแห่งความสำเร็จ

    —ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน – รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต

    —วางแผนและลงมือทำทันที – อย่ารอจนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ

    —บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ – จัดลำดับความสำคัญ

    —พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา

    —ลงมือทำทีละขั้น – แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย

    —มีวินัยในตัวเอง – ทำสิ่งสำคัญแม้ในวันที่ไม่อยากทำ

    —คิดบวก – มองทุกปัญหาเป็นโอกาส

    —สร้างนิสัยที่ดี – เช่น การอ่านหนังสือหรือออกกำลังกาย

    —เชื่อมั่นในตัวเอง – อย่าปล่อยให้ความกลัวมาขวางทาง

    —รู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลว – ใช้มันเป็นบทเรียน

    —ล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่เป็นแรงบันดาลใจ

    —อย่ายอมแพ้ – ความสำเร็จต้องใช้เวลา

    —กล้าออกจาก Comfort Zone

    —ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นเสมอ – อย่าหยุดที่ความสำเร็จแรก

    —สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

    —สร้างเครือข่ายที่ดี – Networking สำคัญมาก

    —ใช้เงินอย่างฉลาด – ลงทุนในสิ่งที่มีค่า

    —รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง

    —อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง

    —มีความยืดหยุ่น – พร้อมปรับแผนตามสถานการณ์

    —โฟกัสที่สิ่งสำคัญที่สุด

    —เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

    —สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองทุกวัน

    —มีเป้าหมายที่เป็นไปได้

    —ทำงานหนักและฉลาด – ใช้ทั้งพลังและความคิด

    —จัดการความเครียด – รักษาสมดุลชีวิต

    —มีสุขภาพดี – ออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี

    —รู้จักขอบคุณสิ่งที่มี – ฝึกความกตัญญู

    —กล้าตัดสินใจ – แม้จะเสี่ยง

    —สม่ำเสมอ – ความสำเร็จมาจากการทำซ้ำ ๆ

    —มองหาโอกาสใหม่ – อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่

    —อย่ายึดติดกับความสำเร็จเก่า

    —มองหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ

    —เข้าใจคุณค่าของเวลา

    —แบ่งปันความสำเร็จ – ช่วยเหลือผู้อื่น

    —ฝึกความอดทน

    —เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ

    —อย่าหยุดพัฒนาเทคโนโลยีที่คุณใช้

    —ทำงานเป็นทีม – รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น

    —ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ – เพื่อพัฒนาต่อไป

    —รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ

    —รักษาความน่าเชื่อถือ

    —อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ

    —ลงทุนในตัวเอง – เช่น การศึกษา การพัฒนาทักษะ

    —ฝึกสมาธิและจดจ่อ

    —มุ่งมั่นในเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ

    —รู้จักการพักผ่อน – ไม่ทำงานจนเกินไป

    —สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง

    —ทบทวนความสำเร็จและความผิดพลาด – เพื่อพัฒนา

    —อย่าหยุดฝัน – ทุกสิ่งเริ่มต้นจากความฝัน

    หนังสือที่แนะนำให้อ่าน
    กฎทองแห่งความสำเร็จ💰🥇 —ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน – รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต —วางแผนและลงมือทำทันที – อย่ารอจนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ —บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ – จัดลำดับความสำคัญ —พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา —ลงมือทำทีละขั้น – แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย —มีวินัยในตัวเอง – ทำสิ่งสำคัญแม้ในวันที่ไม่อยากทำ —คิดบวก – มองทุกปัญหาเป็นโอกาส —สร้างนิสัยที่ดี – เช่น การอ่านหนังสือหรือออกกำลังกาย —เชื่อมั่นในตัวเอง – อย่าปล่อยให้ความกลัวมาขวางทาง —รู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลว – ใช้มันเป็นบทเรียน —ล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่เป็นแรงบันดาลใจ —อย่ายอมแพ้ – ความสำเร็จต้องใช้เวลา —กล้าออกจาก Comfort Zone —ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นเสมอ – อย่าหยุดที่ความสำเร็จแรก —สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ —สร้างเครือข่ายที่ดี – Networking สำคัญมาก —ใช้เงินอย่างฉลาด – ลงทุนในสิ่งที่มีค่า —รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง —อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง —มีความยืดหยุ่น – พร้อมปรับแผนตามสถานการณ์ —โฟกัสที่สิ่งสำคัญที่สุด —เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น —สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองทุกวัน —มีเป้าหมายที่เป็นไปได้ —ทำงานหนักและฉลาด – ใช้ทั้งพลังและความคิด —จัดการความเครียด – รักษาสมดุลชีวิต —มีสุขภาพดี – ออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี —รู้จักขอบคุณสิ่งที่มี – ฝึกความกตัญญู —กล้าตัดสินใจ – แม้จะเสี่ยง —สม่ำเสมอ – ความสำเร็จมาจากการทำซ้ำ ๆ —มองหาโอกาสใหม่ – อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่ —อย่ายึดติดกับความสำเร็จเก่า —มองหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ —เข้าใจคุณค่าของเวลา —แบ่งปันความสำเร็จ – ช่วยเหลือผู้อื่น —ฝึกความอดทน —เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ —อย่าหยุดพัฒนาเทคโนโลยีที่คุณใช้ —ทำงานเป็นทีม – รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น —ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ – เพื่อพัฒนาต่อไป —รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ —รักษาความน่าเชื่อถือ —อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ —ลงทุนในตัวเอง – เช่น การศึกษา การพัฒนาทักษะ —ฝึกสมาธิและจดจ่อ —มุ่งมั่นในเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ —รู้จักการพักผ่อน – ไม่ทำงานจนเกินไป —สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง —ทบทวนความสำเร็จและความผิดพลาด – เพื่อพัฒนา —อย่าหยุดฝัน – ทุกสิ่งเริ่มต้นจากความฝัน หนังสือที่แนะนำให้อ่าน📖🧠
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 779 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฎทองแห่งความสำเร็จ

    —ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน – รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต

    —วางแผนและลงมือทำทันที – อย่ารอจนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ

    —บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ – จัดลำดับความสำคัญ

    —พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา

    —ลงมือทำทีละขั้น – แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย

    —มีวินัยในตัวเอง – ทำสิ่งสำคัญแม้ในวันที่ไม่อยากทำ

    —คิดบวก – มองทุกปัญหาเป็นโอกาส

    —สร้างนิสัยที่ดี – เช่น การอ่านหนังสือหรือออกกำลังกาย

    —เชื่อมั่นในตัวเอง – อย่าปล่อยให้ความกลัวมาขวางทาง

    —รู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลว – ใช้มันเป็นบทเรียน

    —ล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่เป็นแรงบันดาลใจ

    —อย่ายอมแพ้ – ความสำเร็จต้องใช้เวลา

    —กล้าออกจาก Comfort Zone

    —ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นเสมอ – อย่าหยุดที่ความสำเร็จแรก

    —สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

    —สร้างเครือข่ายที่ดี – Networking สำคัญมาก

    —ใช้เงินอย่างฉลาด – ลงทุนในสิ่งที่มีค่า

    —รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง

    —อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง

    —มีความยืดหยุ่น – พร้อมปรับแผนตามสถานการณ์

    —โฟกัสที่สิ่งสำคัญที่สุด

    —เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

    —สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองทุกวัน

    —มีเป้าหมายที่เป็นไปได้

    —ทำงานหนักและฉลาด – ใช้ทั้งพลังและความคิด

    —จัดการความเครียด – รักษาสมดุลชีวิต

    —มีสุขภาพดี – ออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี

    —รู้จักขอบคุณสิ่งที่มี – ฝึกความกตัญญู

    —กล้าตัดสินใจ – แม้จะเสี่ยง

    —สม่ำเสมอ – ความสำเร็จมาจากการทำซ้ำ ๆ

    —มองหาโอกาสใหม่ – อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่

    —อย่ายึดติดกับความสำเร็จเก่า

    —มองหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ

    —เข้าใจคุณค่าของเวลา

    —แบ่งปันความสำเร็จ – ช่วยเหลือผู้อื่น

    —ฝึกความอดทน

    —เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ

    —อย่าหยุดพัฒนาเทคโนโลยีที่คุณใช้

    —ทำงานเป็นทีม – รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น

    —ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ – เพื่อพัฒนาต่อไป

    —รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ

    —รักษาความน่าเชื่อถือ

    —อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ

    —ลงทุนในตัวเอง – เช่น การศึกษา การพัฒนาทักษะ

    —ฝึกสมาธิและจดจ่อ

    —มุ่งมั่นในเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ

    —รู้จักการพักผ่อน – ไม่ทำงานจนเกินไป

    —สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง

    —ทบทวนความสำเร็จและความผิดพลาด – เพื่อพัฒนา

    —อย่าหยุดฝัน – ทุกสิ่งเริ่มต้นจากความฝัน

    หนังสือที่แนะนำให้อ่าน
    กฎทองแห่งความสำเร็จ💰🥇 —ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน – รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต —วางแผนและลงมือทำทันที – อย่ารอจนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ —บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ – จัดลำดับความสำคัญ —พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา —ลงมือทำทีละขั้น – แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย —มีวินัยในตัวเอง – ทำสิ่งสำคัญแม้ในวันที่ไม่อยากทำ —คิดบวก – มองทุกปัญหาเป็นโอกาส —สร้างนิสัยที่ดี – เช่น การอ่านหนังสือหรือออกกำลังกาย —เชื่อมั่นในตัวเอง – อย่าปล่อยให้ความกลัวมาขวางทาง —รู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลว – ใช้มันเป็นบทเรียน —ล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่เป็นแรงบันดาลใจ —อย่ายอมแพ้ – ความสำเร็จต้องใช้เวลา —กล้าออกจาก Comfort Zone —ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นเสมอ – อย่าหยุดที่ความสำเร็จแรก —สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ —สร้างเครือข่ายที่ดี – Networking สำคัญมาก —ใช้เงินอย่างฉลาด – ลงทุนในสิ่งที่มีค่า —รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง —อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง —มีความยืดหยุ่น – พร้อมปรับแผนตามสถานการณ์ —โฟกัสที่สิ่งสำคัญที่สุด —เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น —สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองทุกวัน —มีเป้าหมายที่เป็นไปได้ —ทำงานหนักและฉลาด – ใช้ทั้งพลังและความคิด —จัดการความเครียด – รักษาสมดุลชีวิต —มีสุขภาพดี – ออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี —รู้จักขอบคุณสิ่งที่มี – ฝึกความกตัญญู —กล้าตัดสินใจ – แม้จะเสี่ยง —สม่ำเสมอ – ความสำเร็จมาจากการทำซ้ำ ๆ —มองหาโอกาสใหม่ – อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่ —อย่ายึดติดกับความสำเร็จเก่า —มองหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ —เข้าใจคุณค่าของเวลา —แบ่งปันความสำเร็จ – ช่วยเหลือผู้อื่น —ฝึกความอดทน —เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ —อย่าหยุดพัฒนาเทคโนโลยีที่คุณใช้ —ทำงานเป็นทีม – รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น —ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ – เพื่อพัฒนาต่อไป —รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ —รักษาความน่าเชื่อถือ —อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ —ลงทุนในตัวเอง – เช่น การศึกษา การพัฒนาทักษะ —ฝึกสมาธิและจดจ่อ —มุ่งมั่นในเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ —รู้จักการพักผ่อน – ไม่ทำงานจนเกินไป —สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง —ทบทวนความสำเร็จและความผิดพลาด – เพื่อพัฒนา —อย่าหยุดฝัน – ทุกสิ่งเริ่มต้นจากความฝัน หนังสือที่แนะนำให้อ่าน📖🧠
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 771 มุมมอง 0 รีวิว
  • รุ่งอรุณแห่งความสำเร็จ: เรื่องเล่าของเหล่านกเช้า
    Source: Matthew Walker Teaches the Science of Better Sleep.

    เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงดูสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่เช้ามืด? พวกเขาเหล่านั้นคือ "นกเช้า" ผู้ตื่นขึ้นพร้อมกับแสงแรกของวัน และเริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลังและความกระตือรือร้น ภาพที่เราเห็นนี้เปรียบเสมือนหน้าต่างที่เปิดออกสู่โลกของเหล่านกเช้า เผยให้เห็นถึงข้อดีและลักษณะเด่นที่น่าสนใจ
    ความเชื่อที่ว่า "นกน้อยตื่นเช้าจะได้กินหนอน" ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบของการเริ่มต้นวันก่อนใคร แต่ในโลกยุคใหม่ ความได้เปรียบนี้มีความหมายมากกว่าแค่การหาอาหาร

    ความสุขที่มาพร้อมกับแสงแรก
    งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เผยว่า การมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะตื่นเช้า อาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคจิตเภทและภาวะซึมเศร้า ราวกับว่าแสงแรกของวันได้นำมาซึ่งความสุขและความสงบในจิตใจ
    ความสำเร็จในโลกแห่งองค์กร
    ในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบดั้งเดิม นกเช้ามักจะโดดเด่น พวกเขามีความพร้อมมากกว่าในการจัดการกับตารางเวลาที่แน่นอน และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเช้าตรู่ที่เงียบสงบในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ราวกับว่าพวกเขามีเวลาเพิ่มขึ้นในหนึ่งวัน
    พลังแห่งการเคลื่อนไหว
    การศึกษาพบว่านกเช้ามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่าตลอดทั้งวัน พวกเขาอาจจะออกกำลังกายเบาๆ เดินเล่น หรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นร่างกายและจิตใจ ราวกับว่าพวกเขาได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์
    ความตรงต่อเวลาที่เป็นเลิศ
    นกเช้ามักจะมาถึงตรงเวลาหรือก่อนเวลาเสมอ พวกเขาให้ความสำคัญกับเวลาและเคารพในนัดหมาย ราวกับว่าพวกเขาเข้าใจถึงคุณค่าของทุกนาที
    แต่เรื่องเล่านี้ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น
    การเป็นนกเช้าไม่ใช่สูตรสำเร็จของความสำเร็จ แต่เป็นเพียงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เหมาะกับบางคน สิ่งสำคัญคือการค้นหาจังหวะชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นนกเช้า นกฮูก หรืออะไรก็ตาม

    เคล็ดลับจากเหล่านกเช้า:
    •เริ่มต้นอย่างช้าๆ: อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป ค่อยๆ ปรับเวลาตื่นนอนทีละเล็กทีละน้อย
    •สร้างกิจวัตรยามเช้า: กำหนดกิจกรรมที่คุณชอบทำในตอนเช้า เพื่อสร้างแรงจูงใจในการตื่นนอน
    •รับแสงแดด: แสงแดดธรรมชาติช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย
    •พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างมีคุณภาพเป็นพื้นฐานของการตื่นเช้าอย่างสดชื่น
    •หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนการนอน: เช่น คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ก่อนนอน

    ข้อคิดส่งท้าย:
    ไม่ว่าคุณจะเลือกตื่นเช้าหรือนอนดึก สิ่งสำคัญคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ ค้นหาจังหวะชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเอง และใช้ทุกช่วงเวลาให้คุ้มค่า

    อ้างอิง :
    •Nature Communications (2019): ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "morningness-eveningness," "genetics," "mental health," และ "actigraphy"
    •University of Education in Heidelberg: ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "morning larks," "punctuality," และ "work performance"
    •University of Oulu: ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "early risers," "physical activity," และ "middle-aged adults"

    หมายเหตุ:
    การค้นหาใน Google Scholar โดยใช้คำสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงงานวิจัยต้นฉบับและบทความทางวิชาการที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง

    สนใจพัฒนายุทธศาสตร์ - กลยุทธ์และขับเคลื่อนผลงาน สร้างความเป็นเลิศโดย 10X Consulting ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการศึกษา/วิจัยวิธีปฏิบัติที่ดี (Good Practices) ขององค์กร 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ
    เดชฤทธิ์ กรุ๊ป
    ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor
    บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ
    #เดชฤทธิ์กรุ๊ป
    #Dechritgroup
    #10Xconsulting
    #lifealignmentor
    พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก
    https://10-xconsulting.com
    ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี
    “ผสานความดี X ความเก่ง”
    https://lifealignmentor.com
    รุ่งอรุณแห่งความสำเร็จ: เรื่องเล่าของเหล่านกเช้า Source: Matthew Walker Teaches the Science of Better Sleep. เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงดูสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่เช้ามืด? พวกเขาเหล่านั้นคือ "นกเช้า" ผู้ตื่นขึ้นพร้อมกับแสงแรกของวัน และเริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลังและความกระตือรือร้น ภาพที่เราเห็นนี้เปรียบเสมือนหน้าต่างที่เปิดออกสู่โลกของเหล่านกเช้า เผยให้เห็นถึงข้อดีและลักษณะเด่นที่น่าสนใจ ความเชื่อที่ว่า "นกน้อยตื่นเช้าจะได้กินหนอน" ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบของการเริ่มต้นวันก่อนใคร แต่ในโลกยุคใหม่ ความได้เปรียบนี้มีความหมายมากกว่าแค่การหาอาหาร ความสุขที่มาพร้อมกับแสงแรก งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เผยว่า การมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะตื่นเช้า อาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคจิตเภทและภาวะซึมเศร้า ราวกับว่าแสงแรกของวันได้นำมาซึ่งความสุขและความสงบในจิตใจ ความสำเร็จในโลกแห่งองค์กร ในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบดั้งเดิม นกเช้ามักจะโดดเด่น พวกเขามีความพร้อมมากกว่าในการจัดการกับตารางเวลาที่แน่นอน และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเช้าตรู่ที่เงียบสงบในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ราวกับว่าพวกเขามีเวลาเพิ่มขึ้นในหนึ่งวัน พลังแห่งการเคลื่อนไหว การศึกษาพบว่านกเช้ามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่าตลอดทั้งวัน พวกเขาอาจจะออกกำลังกายเบาๆ เดินเล่น หรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นร่างกายและจิตใจ ราวกับว่าพวกเขาได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ความตรงต่อเวลาที่เป็นเลิศ นกเช้ามักจะมาถึงตรงเวลาหรือก่อนเวลาเสมอ พวกเขาให้ความสำคัญกับเวลาและเคารพในนัดหมาย ราวกับว่าพวกเขาเข้าใจถึงคุณค่าของทุกนาที แต่เรื่องเล่านี้ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น การเป็นนกเช้าไม่ใช่สูตรสำเร็จของความสำเร็จ แต่เป็นเพียงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เหมาะกับบางคน สิ่งสำคัญคือการค้นหาจังหวะชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นนกเช้า นกฮูก หรืออะไรก็ตาม เคล็ดลับจากเหล่านกเช้า: •เริ่มต้นอย่างช้าๆ: อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป ค่อยๆ ปรับเวลาตื่นนอนทีละเล็กทีละน้อย •สร้างกิจวัตรยามเช้า: กำหนดกิจกรรมที่คุณชอบทำในตอนเช้า เพื่อสร้างแรงจูงใจในการตื่นนอน •รับแสงแดด: แสงแดดธรรมชาติช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย •พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างมีคุณภาพเป็นพื้นฐานของการตื่นเช้าอย่างสดชื่น •หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนการนอน: เช่น คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ก่อนนอน ข้อคิดส่งท้าย: ไม่ว่าคุณจะเลือกตื่นเช้าหรือนอนดึก สิ่งสำคัญคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ ค้นหาจังหวะชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเอง และใช้ทุกช่วงเวลาให้คุ้มค่า อ้างอิง : •Nature Communications (2019): ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "morningness-eveningness," "genetics," "mental health," และ "actigraphy" •University of Education in Heidelberg: ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "morning larks," "punctuality," และ "work performance" •University of Oulu: ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "early risers," "physical activity," และ "middle-aged adults" หมายเหตุ: การค้นหาใน Google Scholar โดยใช้คำสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงงานวิจัยต้นฉบับและบทความทางวิชาการที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง สนใจพัฒนายุทธศาสตร์ - กลยุทธ์และขับเคลื่อนผลงาน สร้างความเป็นเลิศโดย 10X Consulting ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการศึกษา/วิจัยวิธีปฏิบัติที่ดี (Good Practices) ขององค์กร 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ #เดชฤทธิ์กรุ๊ป #Dechritgroup #10Xconsulting #lifealignmentor พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก https://10-xconsulting.com ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี “ผสานความดี X ความเก่ง” https://lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2103 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ. ดังเจ้านึง...เจาะตลาดผูกขาดไม่เข้า..มีสัญญาผูกมัด ...จาก ตัวแทนจำหน่ายหลายเจ้า...ผู้เขียน เสนอแนะไป (ในโพสใน เฟส) หลายเดือนก่อนว่า ...สร้าง Supply chain ของตนเองขึ้นมาเลย..ทุกอำเภอ..เป็นลักษณะการร่วมลงทุน...สร้างแรงจูงใจ และเรื่อง การเครดิตสินค้า และงบลงทุนให้น่าสนใจ...จะสัดส่วนอะไรเท่าไร ก็ว่ากันไป...มี contact ผูกมัด..ชัดเจน..
    ......ทุ่มงบโปรโมท ณ. จุดขาย เข้าไปมากๆ กลยุทธด้านราคา
    ที่ให้แก่ ดีลเลอร์ แม้แต่ราคาขายปลีก ต้องถูกนำมาใช้ในช่วงเปิดตลาด..... (มันมีทฤษฎีทางการตลาดนึง...ที่ว่า ไม่ต้องการกำไร..จากการขายของชิ้นแรก..และอาจขาดทุนด้วยซ้ำ...สิ่งที่ต้องการคือ ให้คุณมาเป็นลูกค้าของเรา)
    ...และมัน "ยั่งยืน" กว่ากันมาก....มันไม่ใช่แค่ สินค้า บ. ที่เปิดตลาดใหม่ ...มันจะมี เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำดื่ม โซดา...และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องอย่างอื่นได้อีก.....ร้านสะดวกซื้อเจาะไม่เข้า ก็หันไป section อื่น...ไม่รู้ผู้บริหารเขาผ่านมาเห็น comment นั้นไหม?
    #ภาพประกอบไม่เกี่ยว#
    #เขียนเล่นเข่นเคย#
    บ. ดังเจ้านึง...เจาะตลาดผูกขาดไม่เข้า..มีสัญญาผูกมัด ...จาก ตัวแทนจำหน่ายหลายเจ้า...ผู้เขียน เสนอแนะไป (ในโพสใน เฟส) หลายเดือนก่อนว่า ...สร้าง Supply chain ของตนเองขึ้นมาเลย..ทุกอำเภอ..เป็นลักษณะการร่วมลงทุน...สร้างแรงจูงใจ และเรื่อง การเครดิตสินค้า และงบลงทุนให้น่าสนใจ...จะสัดส่วนอะไรเท่าไร ก็ว่ากันไป...มี contact ผูกมัด..ชัดเจน.. ......ทุ่มงบโปรโมท ณ. จุดขาย เข้าไปมากๆ กลยุทธด้านราคา ที่ให้แก่ ดีลเลอร์ แม้แต่ราคาขายปลีก ต้องถูกนำมาใช้ในช่วงเปิดตลาด..... (มันมีทฤษฎีทางการตลาดนึง...ที่ว่า ไม่ต้องการกำไร..จากการขายของชิ้นแรก..และอาจขาดทุนด้วยซ้ำ...สิ่งที่ต้องการคือ ให้คุณมาเป็นลูกค้าของเรา) ...และมัน "ยั่งยืน" กว่ากันมาก....มันไม่ใช่แค่ สินค้า บ. ที่เปิดตลาดใหม่ ...มันจะมี เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำดื่ม โซดา...และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องอย่างอื่นได้อีก.....ร้านสะดวกซื้อเจาะไม่เข้า ก็หันไป section อื่น...ไม่รู้ผู้บริหารเขาผ่านมาเห็น comment นั้นไหม? #ภาพประกอบไม่เกี่ยว# #เขียนเล่นเข่นเคย#
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 765 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุดยอด ปรบมือ!! ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    ประสานความร่วมมือ ยกระดับการทำหน้าที่กำกับดูแล
    ตลาดทุนร่วมกัน ให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม มากยิ่งขึ้น

    บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงกรอบการ
    ทำงานร่วมกันของทั้ง 2 องค์กรในงานด้านกำกับดูแล
    ให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน รวมถึงสอดรับกับระบบนิเวศ
    และการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนในปัจจุบัน
    ตลอดจนสามารถรองรับกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    ได้แก่

    (1) การกำกับดูแลบริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน
    และการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน

    (2) การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสมาชิก
    ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

    (3) การติดตามดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน
    และการบังคับใช้กฎหมาย และ

    (4) การออกระเบียบข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
    อีกทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลการกำกับดูแล
    ระหว่างกัน เพื่อให้การทำหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีประสิทธิภาพ
    มากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมกันพิจารณาคำขอกรณีการจดทะเบียนโดยอ้อม
    (Backdoor Listing) การขอย้ายกลับมาซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน
    หลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) เพื่อให้กระบวนการ
    พิจารณา มีมาตรฐานเทียบเท่าการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่
    และยังจะมีการร่วมกันกำหนดหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
    หากเห็นว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุน ป้องปราม
    หรือยับยั้งพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม
    ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น

    อีกทั้งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงแนวทางการทำงาน
    และการประสานงานร่วมกัน ทั้งในระดับคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ
    ของทั้ง 2 องค์กร เพื่อให้การขับเคลื่อนทิศทางนโยบายการพัฒนา
    ตลาดทุน การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่น
    และการกำกับดูแลตลาดทุนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ
    มีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กรยังมีการหารือในประเด็นที่จะขับเคลื่อน
    ร่วมกันที่สำคัญ ดังนี้

    (1) การสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์
    เพื่อรองรับการพัฒนาการลงทุนในรูปแบบใหม่ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง
    พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

    (2) การสนับสนุนการเพิ่มมูลค่า (value up) ของบริษัทจดทะเบียน
    เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนมุ่งมั่น
    ที่จะเสริมศักยภาพและมูลค่าของตัวเอง สื่อสารกับนักลงทุน
    อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากที่รัฐบาลได้สนับสนุน
    การขยายรายชื่อหลักทรัพย์ที่กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนได้

    (3) การส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐาน
    International Sustainability Standards Board (ISSB)
    ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและขอความร่วมมือ
    จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนและต่อยอดการดำเนินการ
    และการทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียน

    (4) การส่งเสริมผู้ลงทุนให้มีความรู้ (investor empowerment)
    ผ่าน Open Data ของภาคตลาดทุนและภาคการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุน
    สามารถใช้ข้อมูลของตนที่อยู่กับผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมี
    ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ที่มา ก.ล.ต.
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    💥💥สุดยอด ปรบมือ!! ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประสานความร่วมมือ ยกระดับการทำหน้าที่กำกับดูแล ตลาดทุนร่วมกัน ให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม มากยิ่งขึ้น บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงกรอบการ ทำงานร่วมกันของทั้ง 2 องค์กรในงานด้านกำกับดูแล ให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน รวมถึงสอดรับกับระบบนิเวศ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนในปัจจุบัน ตลอดจนสามารถรองรับกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ (1) การกำกับดูแลบริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน และการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน (2) การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสมาชิก ของตลาดหลักทรัพย์ฯ (3) การติดตามดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน และการบังคับใช้กฎหมาย และ (4) การออกระเบียบข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลการกำกับดูแล ระหว่างกัน เพื่อให้การทำหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมกันพิจารณาคำขอกรณีการจดทะเบียนโดยอ้อม (Backdoor Listing) การขอย้ายกลับมาซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน หลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) เพื่อให้กระบวนการ พิจารณา มีมาตรฐานเทียบเท่าการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ และยังจะมีการร่วมกันกำหนดหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หากเห็นว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุน ป้องปราม หรือยับยั้งพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น อีกทั้งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงแนวทางการทำงาน และการประสานงานร่วมกัน ทั้งในระดับคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ ของทั้ง 2 องค์กร เพื่อให้การขับเคลื่อนทิศทางนโยบายการพัฒนา ตลาดทุน การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่น และการกำกับดูแลตลาดทุนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กรยังมีการหารือในประเด็นที่จะขับเคลื่อน ร่วมกันที่สำคัญ ดังนี้ (1) การสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับการพัฒนาการลงทุนในรูปแบบใหม่ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (2) การสนับสนุนการเพิ่มมูลค่า (value up) ของบริษัทจดทะเบียน เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนมุ่งมั่น ที่จะเสริมศักยภาพและมูลค่าของตัวเอง สื่อสารกับนักลงทุน อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากที่รัฐบาลได้สนับสนุน การขยายรายชื่อหลักทรัพย์ที่กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนได้ (3) การส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐาน International Sustainability Standards Board (ISSB) ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและขอความร่วมมือ จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนและต่อยอดการดำเนินการ และการทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียน (4) การส่งเสริมผู้ลงทุนให้มีความรู้ (investor empowerment) ผ่าน Open Data ของภาคตลาดทุนและภาคการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุน สามารถใช้ข้อมูลของตนที่อยู่กับผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่มา ก.ล.ต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1448 มุมมอง 0 รีวิว
  • รฟม. x กรุงไทย จะมีบัตร EMV ของตัวเอง

    การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ครบรอบ 1 ปี พบว่าผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.70% อยู่ที่ 66,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน สถานีที่ผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เตาปูน ตลาดบางใหญ่ ศูนย์ราชการนนทบุรี บางซ่อน คลองบางไผ่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เพิ่มขึ้น 11.92% อยู่ที่ 420,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน

    ล่าสุด รฟม. ได้ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พัฒนาบัตรโดยสารชนิด EMV Contactless รองรับการให้ส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบครอบคลุมรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ได้ทุกเส้นทาง สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ อีกทั้งยังใช้โดยสารระบบขนส่งอื่นที่รองรับบัตร EMV Contactless เช่น รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถโดยสารประจำทาง ขสมก. เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ใช้บริการร่วมด้วย

    ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ครบทุกประเภท เพื่อทดแทนบัตรรุ่นเก่า มาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ซี่งพัฒนาร่วมกับ บริษัท ทีทูพี จำกัด ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ Deep Pocket มีค่าธรรมเนียมออกบัตร 250 บาท วงเงินในบัตร 100 บาท สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT

    ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ได้ออกบัตรเดบิต Krungthai Tranxit สำหรับแตะจ่ายการเดินทางพ่วงประกันอุบัติเหตุ ความคุ้มครอง 30,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 1,000 บาทต่อครั้ง และบัตรพรีเพด PaotangPay Play Card ผูกกับเงินอิเล็กทรอนิกส์เป๋าตังเปย์ บนแอปฯ เป๋าตัง เมื่อปี 2565 โดยมีภารกิจรับรางวัล สำหรับใช้จ่ายในหมวดการเดินทางสะสมตามที่กำหนด

    ต้องดูว่าบัตรโดยสาร MRT ของ รฟม. ที่ผูกกับแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย หน้าตาจะเป็นอย่างไร แม้ว่าการออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้ามีลักษณะต่างคนต่างทำ โดยที่ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาก็ตาม ขณะที่ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะบางรายยังคงใช้ระบบของตัวเองเป็นหลัก เช่น Rabbit ของกลุ่มบีทีเอส, บัตรแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และ Hop Card ของกลุ่มไทยสมายล์บัส เป็นต้น

    #Newskit #EMVContactless #MRTA
    รฟม. x กรุงไทย จะมีบัตร EMV ของตัวเอง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ครบรอบ 1 ปี พบว่าผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.70% อยู่ที่ 66,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน สถานีที่ผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เตาปูน ตลาดบางใหญ่ ศูนย์ราชการนนทบุรี บางซ่อน คลองบางไผ่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เพิ่มขึ้น 11.92% อยู่ที่ 420,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน ล่าสุด รฟม. ได้ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พัฒนาบัตรโดยสารชนิด EMV Contactless รองรับการให้ส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบครอบคลุมรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ได้ทุกเส้นทาง สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ อีกทั้งยังใช้โดยสารระบบขนส่งอื่นที่รองรับบัตร EMV Contactless เช่น รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถโดยสารประจำทาง ขสมก. เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ใช้บริการร่วมด้วย ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ครบทุกประเภท เพื่อทดแทนบัตรรุ่นเก่า มาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ซี่งพัฒนาร่วมกับ บริษัท ทีทูพี จำกัด ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ Deep Pocket มีค่าธรรมเนียมออกบัตร 250 บาท วงเงินในบัตร 100 บาท สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ได้ออกบัตรเดบิต Krungthai Tranxit สำหรับแตะจ่ายการเดินทางพ่วงประกันอุบัติเหตุ ความคุ้มครอง 30,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 1,000 บาทต่อครั้ง และบัตรพรีเพด PaotangPay Play Card ผูกกับเงินอิเล็กทรอนิกส์เป๋าตังเปย์ บนแอปฯ เป๋าตัง เมื่อปี 2565 โดยมีภารกิจรับรางวัล สำหรับใช้จ่ายในหมวดการเดินทางสะสมตามที่กำหนด ต้องดูว่าบัตรโดยสาร MRT ของ รฟม. ที่ผูกกับแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย หน้าตาจะเป็นอย่างไร แม้ว่าการออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้ามีลักษณะต่างคนต่างทำ โดยที่ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาก็ตาม ขณะที่ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะบางรายยังคงใช้ระบบของตัวเองเป็นหลัก เช่น Rabbit ของกลุ่มบีทีเอส, บัตรแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และ Hop Card ของกลุ่มไทยสมายล์บัส เป็นต้น #Newskit #EMVContactless #MRTA
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2003 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทคนิค ชี้นำ บ่งการ คนอื่นอย่างแยบยล โน้มน้าวผู้คนอย่างเหนือชั้น !!!.

    ในโลกที่การสื่อสารและความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญ เราต้องการเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจและเชื่อมต่อกับผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง

    เทคนิคจิตวิทยาในการชี้นำหรือโน้มน้าวใจไม่ใช่เพียงแค่การควบคุมหรือบังคับ แต่เป็นศิลปะในการอ่านความต้องการ แรงจูงใจ และมุมมองของคนรอบข้าง เพื่อสร้างการยอมรับและความร่วมมืออย่างยั่งยืน

    ในคลิปนี้ เราจะสำรวจเทคนิคต่าง ๆ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณชี้นำคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าและเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง พร้อมเปิดโลกแห่งความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่รอให้คุณค้นพบ! #จิตวิทยาการชี้นำ
    #การจัดการคน
    #เทคนิคจิตวิทยา
    #การเป็นผู้นำที่ดี
    #สร้างแรงจูงใจ
    #ผู้นำทางจิตวิทยา
    #อิทธิพลและความเชื่อมั่น
    #การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
    #จิตวิทยาสังคม
    #สร้างความร่วมมือ

    https://youtu.be/zsyJGYnAV7M
    🚩เทคนิค ชี้นำ บ่งการ คนอื่นอย่างแยบยล โน้มน้าวผู้คนอย่างเหนือชั้น !!!. ในโลกที่การสื่อสารและความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญ เราต้องการเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจและเชื่อมต่อกับผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง เทคนิคจิตวิทยาในการชี้นำหรือโน้มน้าวใจไม่ใช่เพียงแค่การควบคุมหรือบังคับ แต่เป็นศิลปะในการอ่านความต้องการ แรงจูงใจ และมุมมองของคนรอบข้าง เพื่อสร้างการยอมรับและความร่วมมืออย่างยั่งยืน ในคลิปนี้ เราจะสำรวจเทคนิคต่าง ๆ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณชี้นำคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าและเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง พร้อมเปิดโลกแห่งความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่รอให้คุณค้นพบ! #จิตวิทยาการชี้นำ #การจัดการคน #เทคนิคจิตวิทยา #การเป็นผู้นำที่ดี #สร้างแรงจูงใจ #ผู้นำทางจิตวิทยา #อิทธิพลและความเชื่อมั่น #การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ #จิตวิทยาสังคม #สร้างความร่วมมือ https://youtu.be/zsyJGYnAV7M
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 910 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก ‘ปราย พันแสง

    เมื่อคืนดูคลิปบอสเล่านิทานเรื่อง“มดไต่แก้ว”แล้วนอนไม่หลับเอาเลย ยอมรับว่าเล่าเก่งโคตร

    ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม
    จึงมีเหยื่อมากมายนัก
    ก็มันชวนเคลิ้มซะขนาดนี้



    นานมาแล้ว สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลเคยบอกว่า "The most powerful person in the world is the storyteller.“ คนที่ทรงพลังที่สุดในโลกคือนักเล่าเรื่อง จอบส์ฟันธงไว้อย่างนั้น

    เขาบอกว่า“นักเล่าเรื่อง” หรือคนที่เล่าเรื่องเป็น(storyteller) จะเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ ค่านิยม และระเบียบวาระต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กับผู้คนทั้งเจเนอเรชั่น อาจจะกล่าวได้ว่า นักเล่าเรื่องเก่งๆ นั้นสามารถกำหนดเทรนด์หรือทิศทางของสังคมได้

    ส่วนที่จอบส์ไม่ได้บอกไว้ก็คือ นักเล่าเรื่องเก่งๆ หลายคน สามารถทำให้คนคิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความฉิบหายระดับหมื่นล้านแสนล้านได้ด้วย

    สิ่งที่ปรากฏต่อสังคมไทยในวันนี้
    มันอาจเป็นประจักษ์พยานด้านมืด
    ของ storyteller อย่างชัดๆ



    “มดไต่แก้ว” เป็นเรื่องเล่าง่ายๆ เกี่ยวกับมดที่พยายามป่ายปีนออกไปให้พ้นแก้ว มดบางตัวปีนไปจนอยู่ในจุดสูงที่สุดของปากแก้ว แต่แล้วก็ตกลงมา

    บอสบอกไว้คมเฉียบว่า ”การตกลงมาจากจุดสูงสุดอย่างนั้น มันทำให้เจ็บที่สุด ทำให้มีมดบางตัวยอมแพั แต่ก็ยังมีมดบางตัวสู้ต่อ จนได้รับอิสรภาพในที่สุด“

    เคลิ้มมั้ยล่ะ ^__^



    เอาจริง จากอาชีพอ่านๆ เขียนๆ เรื่องเล่าประเภทนี้ไม่ได้กินเราหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลี อีกทั้งยังต้องอยู่ในสถานะลูกข่ายที่ต้องไล่ล่าทำยอดขาย พลังของเรื่องเล่าแบบนี้มันพุ่งปรี๊ดทะลุปม กระแทกต่อมได้ตรงจุด จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามันจะทำให้ใครๆ ที่ได้ฟังครั้งแรกถึงกับน้ำตาไหลพราก ซาบซึ้งตรึงใจ

    เราเองฟังเรื่องมดไต่แก้วนี้กลับไปคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้มีใครเคยฟังมั้ย เป็นนิทานเรื่องกบกระโดด เรื่องมีอยู่ว่า มีกบตัวหนึ่งพยายามปีนออกจากบ่อลึก ทุกครั้งที่มันพยายามกระโดด เพื่อนๆ กบจะพากันตะโกนห้ามว่า "เลิกเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!"

    ทว่ากบตัวนั้นไม่ยอมแพ้ สุดท้ายในการกระโดดครั้งที่ 99 มันก็กระโดดออกจากบ่อได้สำเร็จ แต่ความจริงของเรื่องนี้คือ กบตัวนี้หูหนวก มันเลยไม่ได้ยินเสียงร้องห้ามจากเพื่อนๆ เลยสักนิดเดียว

    ช่างไม่ต่างอะไรเลยกับผู้เสียหายมากมาย
    ที่ไม่ยอมฟังคำทัดทานจากใครเลย
    เหมือนกบหูหนวก



    คดีบอสๆ นี้ เราว่านิทานเรื่องมดไต่แก้วนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่เรารู้สึกเองว่ามันทรงพลังแห่ง storytelling จริงๆ น่าจะเป็นนิทานเรื่องจริงที่แชร์กันเยอะๆ วันนี้ ที่เป็นคลิปเล่าเรื่องบอสพอลพาผู้ชมกลับไปทัวร์สลัมคลองเตยบ้านเกิด พาไปชมแฟลตเก่าชั้นสองห้อง 16 ที่เคยเติบโตมา

    แคปชั่นตรึงใจ “ผมไม่เคยลืม...ว่าผมเติบโตมาจากที่ไหน ชุมชนแออัด หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า "สลัม"ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนที่ยังเริ่มต้นสร้างชีวิต”

    “20 ปีที่แล้ว กับภาพในวันนี้ ทุกอย่างมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ราวกับว่ามันหยุดเวลาไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจอะไรบางอย่าง มันคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมไม่เคยคิดดูถูกความฝันหรือความพยายามของใคร เพราะผมก็เคยเป็นหนึ่งคน ที่ชีวิตไม่พร้อม แต่มีความฝัน ขอเป็นกำลังใจให้กับนักสู้ชีวิตทุก ๆ ท่านครับ“

    คลิปถ่ายสวย ไม่เวอร์
    ภาพดี เสียงดี เล่าเรื่องดี
    นักแสดง(บอสพอล)แอ๊คติ้งเป็นธรรมชาติ
    ไม่มีตรงไหนชวนแหวะ
    หรือชวนเอ๊ะเลย

    ยิ่งตอนโทรคุยกับแม่หน้าแฟลตเก่า พูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อยที่ยังขายอยู่นั่นก็ดูจะเป็นซีนที่น่าจดจำมากทีเดียว คือถ้าไม่ติดเรื่องข้อสงสัยว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมายเนี่ย อยากเชิญคนทำคลิปนี้ไปสร้างหนังไทยเลย อยากดู

    ในคลิปนี้ บอสยืนพูดหน้าแฟลตที่สกปรกรุงรังว่า ตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแห่งนี้ ชีวิตวัยนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าอยากดูแลแม่ให้มีความสุขเท่านั้น ตรงนี้เชื่อว่าเอฟซีอาจน้ำตาร่วง

    อีกทั้งน้ำเสียงของแม่ปลายสาย ก็ร่าเริงมีความสุข กับการพูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่เคยกินสมัยอยู่สลัม สื่อให้เห็นว่าเมื่อก้าวพ้นความยากจนไปแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ในสลัมธรรมดาก็ยังงดงามขึ้นมาได้

    ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืนลื่นไหล เป็นคลิปฟิลลิ่ง Nostalgia การรำลึกความหลังยากแค้นของเศรษฐีหมื่นล้านที่สุดละเมียดจริงแท้

    ใครไม่เคลิ้มให้มันรูัไป

    ยอดขายระเบิดเถิดเทิงหมื่นล้านแสนล้าน ไม่ใช่ได้มาแบบฟลุคๆ แน่นอน มันผ่านการเล่าเรื่องที่คัดเค้นมาแล้วอย่างประณีต เพื่อพิชิตใจมหาชนคนสามัญที่คุ้นเคยชมชอบกับเรื่องดรามาชนิดซึมเข้ากระดูกดำแบบไทยๆ เราอย่างเหมาะเหม็ง

    ดูคลิปนี้แล้วยิ่งไม่แปลกใจเลยสักนิด
    ว่าทำไมลูกข่ายหอบเงินมาประเคนให้
    เป็นหลักหมื่นแสนล้าน



    เอาจริง เรื่องเล่าตรึงใจระคายต่อมพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก มันเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปที่มีใช้กันนานแล้วในวงการต่างๆ โดยเฉพาะในแวดวงหลอกลวงต้มตุ๋น ดูเหมือนจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลทำลายสถิติได้ทุกยุคสมัย

    เรื่องเล่ากระตุ้นต่อมที่ชาวโลกรู้จักกันแพร่หลาย ก็คงจะเป็นนิทานเรื่อง“ปลาทอง" ในคดีฉ้อฉลของเบอร์นี แมดอฟฟ์ในอเมริกา ที่น่าจะอื้อฉาวพอๆ กับคดีดิ ไอคอน ในเมืองไทยตอนนี้ก็ว่าได้

    สมัยนั้น เบอร์นี แมดอฟฟ์ ก็มักจะชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบการลงทุนกับการให้อาหารปลาทอง โดยบอกว่าต้องให้อาหารสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้ปลาเติบโตอย่างแข็งแรง

    เขาใช้เรื่องนี้อธิบายกลยุทธ์การลงทุนที่ "สม่ำเสมอ" ของเขา ซึ่งในความเป็นจริงคือแผนการณ์หลอกลวงแบบพอนซี (Ponzi scheme- คล้ายแชร์ลูกโซ่ แต่ไม่มีสินค้า ใช้วิธีเอาเงินคนใหม่ไปจ่ายให้คนเก่าวนไปเรื่อยๆ )

    พอนซีของแมดอล์ฟฟ์มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    แมดอล์ฟฟ์ใช้เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาทองเพื่อสื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนของเขานั้น "สม่ำเสมอ" และ "ปลอดภัย" เขาอ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่คงที่และน่าเชื่อถือได้ ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร เรื่องเล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญที่มีกลยุทธ์ที่มั่นคง

    ในความเป็นจริง แมดอล์ฟฟ์ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุนเลยสักนิด เขาใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่เพื่อจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า ซึ่งเป็นลักษณะของแผนพอนซี ผลตอบแทน "สม่ำเสมอ" ที่เขาอ้างถึงนั้นเป็นเพียงตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเอง

    แผนฉ้อโกงนี้ดำเนินมานานหลายทศวรรษก่อนจะถูกเปิดโปงในปี 2008 มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงบุคคลทั่วไป องค์กรการกุศล และสถาบันการเงิน

    ปัจจุบันแมดอล์ฟฟ์ถูกจับกุม
    และถูกตัดสินจำคุก 150 ปี



    นอกจากนิทานปลาทองของแมดอล์ฟฟ์ ยังมีนิทานอีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กัน นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “ช้างล่ามโซ่” ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงของบริษัท One Coin

    One Coin เป็นโครงการที่อ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) แต่ในความเป็นจริงเป็นแผนหลอกลวงแบบพีระมิด (pyramid scheme) ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ต้มตุ๋น

    รูจา อิกนาโตวา (Ruja Ignatova) ผู้ก่อตั้ง One Coin
    เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองรูส ประเทศบัลแกเรีย ย้ายไปเยอรมนีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ ประเทศเยอรมนี เคยทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company ในปี 2014 เธอก่อตั้งบริษัท One Coin ซึ่งอ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลใหม่

    บริษัท One Coin เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2016 เริ่มมีการสงสัยและตรวจสอบ One Coin ว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่

    วันที่ 25 ตุลาคม 2017 รูจาหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากบินจากโซเฟียไปยังเอเธนส์ ในปี 2019 เธอถูกฟ้องในสหรัฐอเมริกาในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน



    ในการหลอกล่อเหยื่อมาลงทุน รูจา อิกนาโตวา มักใช้นิทานเรื่องช้างล่ามโซ่ในการปราศรัยบ่อยครั้ง

    เธอเปรียบเทียบว่าคนทั่วไปเหมือนช้างที่ถูกล่ามด้วยโซ่ทางการเงิน ไม่กล้าที่จะหลุดพ้น เธอชี้ให้เห็นว่า One Coin คือโอกาสที่ทุกคนจะได้ "ตัดโซ่" และเป็นอิสระทางการเงิน

    นิทานเรื่องนี้นำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้คนรู้สึกว่าตนกำลัง "ติดกับดัก" ทางการเงิน สร้างความรู้สึกว่า One Coin เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางการเงิน สร้างแรงจูงใจให้คนกล้าที่จะ "ทำลายกรอบความคิดเดิมๆ" และเข้าร่วมโครงการ

    ในความเป็นจริง One Coin ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลจริง ไม่มีบล็อกเชนที่ใช้งานได้จริง เป็นระบบพีระมิดที่สร้างรายได้จากการรับสมาชิกใหม่เท่านั้น ผู้ลงทุนไม่สามารถถอนเงินหรือแลกเปลี่ยน One Coin เป็นเงินจริงได้

    One Coin มีผู้เสียหายทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน ความเสียหายทางการเงินประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รูจา อิกนาโตวา ได้รับฉายาว่า “ราชินีคริปโต” หรือ Cryptoqueen เธอหายตัวไปในปี 2017 ทุกวันนี้ยังคงเป็นที่ต้องการตัวของ FBI

    ปัจจุบัน เธอกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรทางการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย​​​​​​​​​​​​​​​​จนทุกวันนี้



    จะเห็นได้ว่า เรื่องเล่าอย่าง "ช้างล่ามโซ่" ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและกระตุ้นการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล จึงควรระวังโครงการที่สัญญาว่าจะทำให้รวยอย่างรวดเร็วหรือหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินอย่างง่ายดาย

    คดีนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนักเช่น cryptocurrency



    ยังมีนิทานประเภทสร้างแรงบันดาลใจอีกมากมายหลายเรื่อง ที่มักนำมาใช้ในบริบทการฉ้อโกงลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิทานเรื่อง“มีดเหลาดินสอ”ที่หลายคนอาจจะคุ้น พวกคอร์สอบรมต่างๆ จะเอามาเล่าบ่อย

    เรื่องราวมีอยู่ว่า ดินสอบ่นว่าเจ็บเมื่อถูกเหลา แต่มีดเหลาบอกว่า "การเจ็บนี้จะทำให้เธอแหลมคมและเขียนได้ดีขึ้น“ นิทานเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เพื่อให้แง่คิดเรื่องความอดทนต่อความยากลำบากที่อาจทำให้เราได้เติบโตและพัฒนา



    "นิทานเรื่องช้างและเชือกเส้นเล็ก"

    เรื่องมีอยู่ว่าในคณะละครสัตว์ มีช้างตัวใหญ่ถูกล่ามด้วยเชือกเส้นเล็กๆ เด็กน้อยสงสัยว่าทำไมช้างไม่ดึงเชือกให้ขาด คนเลี้ยงช้างอธิบายว่า ตั้งแต่ช้างยังเล็ก มันถูกล่ามด้วยโซ่ใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดได้ ช้างจึงเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางหลุดจากการล่าม แม้โตแล้วก็ยังคิดเช่นนั้น



    "นิทานเรื่องหินสลักและค้อน"

    เรื่องราวของช่างแกะสลักกำลังทำงานบนหินก้อนใหญ่ เขาตีค้อนลงบนหินครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เห็นผล คนผ่านไปมาสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมแพ้ ในที่สุด หลังจากตีค้อนครั้งที่ 101 หินก็แตกออกตามที่เขาต้องการ ช่างแกะสลักอธิบายว่า "ไม่ใช่การตีครั้งสุดท้ายที่ทำให้หินแตก แต่มันเป็นผลรวมของการตีทุกครั้งที่ผ่านมา"



    นิทานเหล่านี้มักถูกใช้เพื่อสื่อถึงความอดทน การไม่ยอมแพ้ และการเอาชนะข้อจำกัดทางความคิด

    นิทานไม่ได้มีพิษภัยในตัวมันเอง มันเป็นเรื่องเล่าแสนวิเศษ สร้างแรงบันดาลใจได้จริง แต่เมื่อมีการนำมาใช้ในบริบทของการลงทุนหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง การตีความและการนำไปใช้ กลับเป็นสิ่งที่ต้องระวัง

    บางครั้งนิทานเหล่านี้
    มักถูกใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์มากกว่าเหตุผล
    อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์
    ในบริบทของธุรกิจที่น่าสงสัย
    อาจใช้เพื่อกดดัน
    ให้คนทำในสิ่งที่ไม่ควร

    การยอมรับความจริง
    เลิกทนและถอยออกมา
    ก็อาจเป็นการตัดสินใจ
    ที่ชาญฉลาดได้เช่นกัน



    “ในยุคข้อมูลข่าวสาร ความจริงกำลังถูกบดบังด้วยเรื่องเล่าหรือเรื่องราวที่สร้างขึ้น (narratives)”

    ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ เขียนไว้ในหนังสือ"21 Lessons for the 21st Century"เมื่อหลายปีมาแล้ว (21 บทเรียน สำหรับศตวรรษที่ 21 : ผู้แปล ธิดา จงนิรามัยสถิต, ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ , สำนักพิมพ์ยิปซี)

    ฮาราริอธิบายว่าผู้คนมักเชื่อในเรื่องราวที่สอดคล้องกับความเชื่อและอัตลักษณ์ของตน มากกว่าข้อเท็จจริงที่อาจขัดแย้งกับความเชื่อนั้น และชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะเชื่อในเรื่องเล่าที่ให้ความหมายและอธิบายโลกรอบตัว เขาบอกว่า“เรื่องเล่าเหล่านี้มีพลังมากกว่าข้อเท็จจริงเพราะมันตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์และจิตวิญญาณของมนุษย์”

    ฮาราริเตือนว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะ AI และ Big Data สามารถใช้ในการสร้างและเผยแพร่เรื่องราวที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่างคลิปเรื่องเล่าสารพัดที่ผลิตออกมาชักจูงใจคน) เขาชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเข้าใจและจัดการกับอารมณ์มนุษย์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

    การให้ความสำคัญกับ“อารมณ์”มากกว่า“ความจริง”อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการตัดสินใจที่สำคัญ เขาเตือนว่าสังคมอาจถูกชี้นำด้วยการปลุกเร้าอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลและข้อมูล

    ในอนาคต ทักษะทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์อาจมีความสำคัญมากกว่าความรู้ทางเทคนิค เขาแนะนำว่าระบบการศึกษาควรปรับตัวเพื่อเตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญ

    ฮาราริเน้นย้ำความสำคัญของการรู้จักและเข้าใจตนเอง รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของเราให้ได้อย่างถ่องแท้ เขาบอกว่า“การเข้าใจตนเองจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยการกระตุ้นทางอารมณ์ได้ดีขึ้น”

    ผู้เขียน "21 Lessons for the 21st Century" ไม่ได้บอกว่า แนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นความท้าทายที่สำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การเมือง และการพัฒนาตนเอง

    เพื่อรักษาสมดุล
    ระหว่างอารมณ์และเหตุผล
    ในยุคสมัยปัจจุบัน
    ที่“อารมณ์”อาจมีอิทธิพล
    มากขึ้นเรื่อยๆ​​​​​​​​​​​​​​​​



    จากข่าวสารประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยวันนี้ เราก็ได้เห็นการใช้ Storytelling ในทางที่ผิดหลายเรื่อง

    เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้างภาพลวงตา มุ่งเน้นการกระตุ้นอารมณ์มากกว่าการให้ข้อมูลที่เป็นจริง

    นิทานเหล่านี้สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำเร็จและความมั่งคั่ง ทำให้คนมองข้ามความเสี่ยงและความเป็นจริงของสถานการณ์

    เรื่องเล่าที่น่าประทับใจอาจทำให้ผู้ฟังลดการใช้เหตุผลและการคิดวิเคราะห์ ผู้คนอาจตัดสินใจบนพื้นฐานของ“อารมณ์” มากกว่า“ความจริง” อย่างที่ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ กล่าวไว้ไม่มีผิด

    Storytelling : นิทานหรือเรื่องเล่าที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างความไว้วางใจได้อย่างรวดเร็ว แม้กับคนแปลกหน้า ในกรณีของการหลอกลวง Storytelling ถูกใช้เพื่อลดความระแวดระวังของเหยื่อ เรื่องเล่าที่สวยงามอาจถูกใช้เพื่อปิดบังความจริงที่น่าเป็นห่วงหรือรายละเอียดที่สำคัญ

    ในกรณีของแชร์ลูกโซ่หรือ MLM นิทาน เรื่องเล่า หรือ Storytelling ทั้งหลาย อาจถูกใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่กดดันให้สมาชิกไม่ยอมแพ้ แม้จะเผชิญกับความล้มเหลว

    เรื่องเล่าเหล่านี้
    มักเล็งเป้าไปที่ความฝัน
    และความหวังของผู้คน
    ทำให้เหยื่ออ่อนไหวและเปราะบาง
    ทำให้ง่ายที่จะหลอกลวง



    นิทาน เรื่องเล่า Storytelling ทั้งหลาย มันไม่ได้เลวร้ายในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้

    ในด้านบวก Storytelling สามารถใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สอน และสื่อสารความคิดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สิ่งสำคัญที่คนเรายุคนี้ต้องรับมือ
    คือต้องพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
    และการรู้เท่าทันสื่อของตัวเอง
    เพื่อแยกแยะให้ออก
    ระหว่างการใช้ Storytelling
    ในทางที่สร้างสรรค์
    หรือการใช้เพื่อหลอกลวง



    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/sg5pYj1hseTp1QGK/?mibextid=CTbP7

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก ‘ปราย พันแสง เมื่อคืนดูคลิปบอสเล่านิทานเรื่อง“มดไต่แก้ว”แล้วนอนไม่หลับเอาเลย ยอมรับว่าเล่าเก่งโคตร ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม จึงมีเหยื่อมากมายนัก ก็มันชวนเคลิ้มซะขนาดนี้ 🌻 นานมาแล้ว สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลเคยบอกว่า "The most powerful person in the world is the storyteller.“ คนที่ทรงพลังที่สุดในโลกคือนักเล่าเรื่อง จอบส์ฟันธงไว้อย่างนั้น เขาบอกว่า“นักเล่าเรื่อง” หรือคนที่เล่าเรื่องเป็น(storyteller) จะเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ ค่านิยม และระเบียบวาระต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กับผู้คนทั้งเจเนอเรชั่น อาจจะกล่าวได้ว่า นักเล่าเรื่องเก่งๆ นั้นสามารถกำหนดเทรนด์หรือทิศทางของสังคมได้ ส่วนที่จอบส์ไม่ได้บอกไว้ก็คือ นักเล่าเรื่องเก่งๆ หลายคน สามารถทำให้คนคิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความฉิบหายระดับหมื่นล้านแสนล้านได้ด้วย สิ่งที่ปรากฏต่อสังคมไทยในวันนี้ มันอาจเป็นประจักษ์พยานด้านมืด ของ storyteller อย่างชัดๆ 🌻 “มดไต่แก้ว” เป็นเรื่องเล่าง่ายๆ เกี่ยวกับมดที่พยายามป่ายปีนออกไปให้พ้นแก้ว มดบางตัวปีนไปจนอยู่ในจุดสูงที่สุดของปากแก้ว แต่แล้วก็ตกลงมา บอสบอกไว้คมเฉียบว่า ”การตกลงมาจากจุดสูงสุดอย่างนั้น มันทำให้เจ็บที่สุด ทำให้มีมดบางตัวยอมแพั แต่ก็ยังมีมดบางตัวสู้ต่อ จนได้รับอิสรภาพในที่สุด“ เคลิ้มมั้ยล่ะ ^__^ 🌻 เอาจริง จากอาชีพอ่านๆ เขียนๆ เรื่องเล่าประเภทนี้ไม่ได้กินเราหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลี อีกทั้งยังต้องอยู่ในสถานะลูกข่ายที่ต้องไล่ล่าทำยอดขาย พลังของเรื่องเล่าแบบนี้มันพุ่งปรี๊ดทะลุปม กระแทกต่อมได้ตรงจุด จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามันจะทำให้ใครๆ ที่ได้ฟังครั้งแรกถึงกับน้ำตาไหลพราก ซาบซึ้งตรึงใจ เราเองฟังเรื่องมดไต่แก้วนี้กลับไปคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้มีใครเคยฟังมั้ย เป็นนิทานเรื่องกบกระโดด เรื่องมีอยู่ว่า มีกบตัวหนึ่งพยายามปีนออกจากบ่อลึก ทุกครั้งที่มันพยายามกระโดด เพื่อนๆ กบจะพากันตะโกนห้ามว่า "เลิกเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!" ทว่ากบตัวนั้นไม่ยอมแพ้ สุดท้ายในการกระโดดครั้งที่ 99 มันก็กระโดดออกจากบ่อได้สำเร็จ แต่ความจริงของเรื่องนี้คือ กบตัวนี้หูหนวก มันเลยไม่ได้ยินเสียงร้องห้ามจากเพื่อนๆ เลยสักนิดเดียว ช่างไม่ต่างอะไรเลยกับผู้เสียหายมากมาย ที่ไม่ยอมฟังคำทัดทานจากใครเลย เหมือนกบหูหนวก 🌻 คดีบอสๆ นี้ เราว่านิทานเรื่องมดไต่แก้วนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่เรารู้สึกเองว่ามันทรงพลังแห่ง storytelling จริงๆ น่าจะเป็นนิทานเรื่องจริงที่แชร์กันเยอะๆ วันนี้ ที่เป็นคลิปเล่าเรื่องบอสพอลพาผู้ชมกลับไปทัวร์สลัมคลองเตยบ้านเกิด พาไปชมแฟลตเก่าชั้นสองห้อง 16 ที่เคยเติบโตมา แคปชั่นตรึงใจ “ผมไม่เคยลืม...ว่าผมเติบโตมาจากที่ไหน ชุมชนแออัด หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า "สลัม"ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนที่ยังเริ่มต้นสร้างชีวิต” “20 ปีที่แล้ว กับภาพในวันนี้ ทุกอย่างมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ราวกับว่ามันหยุดเวลาไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจอะไรบางอย่าง มันคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมไม่เคยคิดดูถูกความฝันหรือความพยายามของใคร เพราะผมก็เคยเป็นหนึ่งคน ที่ชีวิตไม่พร้อม แต่มีความฝัน ขอเป็นกำลังใจให้กับนักสู้ชีวิตทุก ๆ ท่านครับ“ คลิปถ่ายสวย ไม่เวอร์ ภาพดี เสียงดี เล่าเรื่องดี นักแสดง(บอสพอล)แอ๊คติ้งเป็นธรรมชาติ ไม่มีตรงไหนชวนแหวะ หรือชวนเอ๊ะเลย ยิ่งตอนโทรคุยกับแม่หน้าแฟลตเก่า พูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อยที่ยังขายอยู่นั่นก็ดูจะเป็นซีนที่น่าจดจำมากทีเดียว คือถ้าไม่ติดเรื่องข้อสงสัยว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมายเนี่ย อยากเชิญคนทำคลิปนี้ไปสร้างหนังไทยเลย อยากดู ในคลิปนี้ บอสยืนพูดหน้าแฟลตที่สกปรกรุงรังว่า ตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแห่งนี้ ชีวิตวัยนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าอยากดูแลแม่ให้มีความสุขเท่านั้น ตรงนี้เชื่อว่าเอฟซีอาจน้ำตาร่วง อีกทั้งน้ำเสียงของแม่ปลายสาย ก็ร่าเริงมีความสุข กับการพูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่เคยกินสมัยอยู่สลัม สื่อให้เห็นว่าเมื่อก้าวพ้นความยากจนไปแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ในสลัมธรรมดาก็ยังงดงามขึ้นมาได้ ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืนลื่นไหล เป็นคลิปฟิลลิ่ง Nostalgia การรำลึกความหลังยากแค้นของเศรษฐีหมื่นล้านที่สุดละเมียดจริงแท้ ใครไม่เคลิ้มให้มันรูัไป ยอดขายระเบิดเถิดเทิงหมื่นล้านแสนล้าน ไม่ใช่ได้มาแบบฟลุคๆ แน่นอน มันผ่านการเล่าเรื่องที่คัดเค้นมาแล้วอย่างประณีต เพื่อพิชิตใจมหาชนคนสามัญที่คุ้นเคยชมชอบกับเรื่องดรามาชนิดซึมเข้ากระดูกดำแบบไทยๆ เราอย่างเหมาะเหม็ง ดูคลิปนี้แล้วยิ่งไม่แปลกใจเลยสักนิด ว่าทำไมลูกข่ายหอบเงินมาประเคนให้ เป็นหลักหมื่นแสนล้าน 🌻 เอาจริง เรื่องเล่าตรึงใจระคายต่อมพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก มันเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปที่มีใช้กันนานแล้วในวงการต่างๆ โดยเฉพาะในแวดวงหลอกลวงต้มตุ๋น ดูเหมือนจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลทำลายสถิติได้ทุกยุคสมัย เรื่องเล่ากระตุ้นต่อมที่ชาวโลกรู้จักกันแพร่หลาย ก็คงจะเป็นนิทานเรื่อง“ปลาทอง" ในคดีฉ้อฉลของเบอร์นี แมดอฟฟ์ในอเมริกา ที่น่าจะอื้อฉาวพอๆ กับคดีดิ ไอคอน ในเมืองไทยตอนนี้ก็ว่าได้ สมัยนั้น เบอร์นี แมดอฟฟ์ ก็มักจะชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบการลงทุนกับการให้อาหารปลาทอง โดยบอกว่าต้องให้อาหารสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้ปลาเติบโตอย่างแข็งแรง เขาใช้เรื่องนี้อธิบายกลยุทธ์การลงทุนที่ "สม่ำเสมอ" ของเขา ซึ่งในความเป็นจริงคือแผนการณ์หลอกลวงแบบพอนซี (Ponzi scheme- คล้ายแชร์ลูกโซ่ แต่ไม่มีสินค้า ใช้วิธีเอาเงินคนใหม่ไปจ่ายให้คนเก่าวนไปเรื่อยๆ ) พอนซีของแมดอล์ฟฟ์มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แมดอล์ฟฟ์ใช้เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาทองเพื่อสื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนของเขานั้น "สม่ำเสมอ" และ "ปลอดภัย" เขาอ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่คงที่และน่าเชื่อถือได้ ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร เรื่องเล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญที่มีกลยุทธ์ที่มั่นคง ในความเป็นจริง แมดอล์ฟฟ์ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุนเลยสักนิด เขาใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่เพื่อจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า ซึ่งเป็นลักษณะของแผนพอนซี ผลตอบแทน "สม่ำเสมอ" ที่เขาอ้างถึงนั้นเป็นเพียงตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเอง แผนฉ้อโกงนี้ดำเนินมานานหลายทศวรรษก่อนจะถูกเปิดโปงในปี 2008 มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงบุคคลทั่วไป องค์กรการกุศล และสถาบันการเงิน ปัจจุบันแมดอล์ฟฟ์ถูกจับกุม และถูกตัดสินจำคุก 150 ปี 🌻 นอกจากนิทานปลาทองของแมดอล์ฟฟ์ ยังมีนิทานอีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กัน นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “ช้างล่ามโซ่” ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงของบริษัท One Coin One Coin เป็นโครงการที่อ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) แต่ในความเป็นจริงเป็นแผนหลอกลวงแบบพีระมิด (pyramid scheme) ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ต้มตุ๋น รูจา อิกนาโตวา (Ruja Ignatova) ผู้ก่อตั้ง One Coin เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองรูส ประเทศบัลแกเรีย ย้ายไปเยอรมนีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ ประเทศเยอรมนี เคยทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company ในปี 2014 เธอก่อตั้งบริษัท One Coin ซึ่งอ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลใหม่ บริษัท One Coin เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2016 เริ่มมีการสงสัยและตรวจสอบ One Coin ว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ วันที่ 25 ตุลาคม 2017 รูจาหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากบินจากโซเฟียไปยังเอเธนส์ ในปี 2019 เธอถูกฟ้องในสหรัฐอเมริกาในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน 🌻 ในการหลอกล่อเหยื่อมาลงทุน รูจา อิกนาโตวา มักใช้นิทานเรื่องช้างล่ามโซ่ในการปราศรัยบ่อยครั้ง เธอเปรียบเทียบว่าคนทั่วไปเหมือนช้างที่ถูกล่ามด้วยโซ่ทางการเงิน ไม่กล้าที่จะหลุดพ้น เธอชี้ให้เห็นว่า One Coin คือโอกาสที่ทุกคนจะได้ "ตัดโซ่" และเป็นอิสระทางการเงิน นิทานเรื่องนี้นำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้คนรู้สึกว่าตนกำลัง "ติดกับดัก" ทางการเงิน สร้างความรู้สึกว่า One Coin เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางการเงิน สร้างแรงจูงใจให้คนกล้าที่จะ "ทำลายกรอบความคิดเดิมๆ" และเข้าร่วมโครงการ ในความเป็นจริง One Coin ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลจริง ไม่มีบล็อกเชนที่ใช้งานได้จริง เป็นระบบพีระมิดที่สร้างรายได้จากการรับสมาชิกใหม่เท่านั้น ผู้ลงทุนไม่สามารถถอนเงินหรือแลกเปลี่ยน One Coin เป็นเงินจริงได้ One Coin มีผู้เสียหายทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน ความเสียหายทางการเงินประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รูจา อิกนาโตวา ได้รับฉายาว่า “ราชินีคริปโต” หรือ Cryptoqueen เธอหายตัวไปในปี 2017 ทุกวันนี้ยังคงเป็นที่ต้องการตัวของ FBI ปัจจุบัน เธอกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรทางการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย​​​​​​​​​​​​​​​​จนทุกวันนี้ 🌻 จะเห็นได้ว่า เรื่องเล่าอย่าง "ช้างล่ามโซ่" ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและกระตุ้นการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล จึงควรระวังโครงการที่สัญญาว่าจะทำให้รวยอย่างรวดเร็วหรือหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินอย่างง่ายดาย คดีนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนักเช่น cryptocurrency 🌻 ยังมีนิทานประเภทสร้างแรงบันดาลใจอีกมากมายหลายเรื่อง ที่มักนำมาใช้ในบริบทการฉ้อโกงลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิทานเรื่อง“มีดเหลาดินสอ”ที่หลายคนอาจจะคุ้น พวกคอร์สอบรมต่างๆ จะเอามาเล่าบ่อย เรื่องราวมีอยู่ว่า ดินสอบ่นว่าเจ็บเมื่อถูกเหลา แต่มีดเหลาบอกว่า "การเจ็บนี้จะทำให้เธอแหลมคมและเขียนได้ดีขึ้น“ นิทานเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เพื่อให้แง่คิดเรื่องความอดทนต่อความยากลำบากที่อาจทำให้เราได้เติบโตและพัฒนา 🌻 "นิทานเรื่องช้างและเชือกเส้นเล็ก" เรื่องมีอยู่ว่าในคณะละครสัตว์ มีช้างตัวใหญ่ถูกล่ามด้วยเชือกเส้นเล็กๆ เด็กน้อยสงสัยว่าทำไมช้างไม่ดึงเชือกให้ขาด คนเลี้ยงช้างอธิบายว่า ตั้งแต่ช้างยังเล็ก มันถูกล่ามด้วยโซ่ใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดได้ ช้างจึงเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางหลุดจากการล่าม แม้โตแล้วก็ยังคิดเช่นนั้น 🌻 "นิทานเรื่องหินสลักและค้อน" เรื่องราวของช่างแกะสลักกำลังทำงานบนหินก้อนใหญ่ เขาตีค้อนลงบนหินครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เห็นผล คนผ่านไปมาสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมแพ้ ในที่สุด หลังจากตีค้อนครั้งที่ 101 หินก็แตกออกตามที่เขาต้องการ ช่างแกะสลักอธิบายว่า "ไม่ใช่การตีครั้งสุดท้ายที่ทำให้หินแตก แต่มันเป็นผลรวมของการตีทุกครั้งที่ผ่านมา" 🌻 นิทานเหล่านี้มักถูกใช้เพื่อสื่อถึงความอดทน การไม่ยอมแพ้ และการเอาชนะข้อจำกัดทางความคิด นิทานไม่ได้มีพิษภัยในตัวมันเอง มันเป็นเรื่องเล่าแสนวิเศษ สร้างแรงบันดาลใจได้จริง แต่เมื่อมีการนำมาใช้ในบริบทของการลงทุนหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง การตีความและการนำไปใช้ กลับเป็นสิ่งที่ต้องระวัง บางครั้งนิทานเหล่านี้ มักถูกใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์มากกว่าเหตุผล อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์ ในบริบทของธุรกิจที่น่าสงสัย อาจใช้เพื่อกดดัน ให้คนทำในสิ่งที่ไม่ควร การยอมรับความจริง เลิกทนและถอยออกมา ก็อาจเป็นการตัดสินใจ ที่ชาญฉลาดได้เช่นกัน 🌻 “ในยุคข้อมูลข่าวสาร ความจริงกำลังถูกบดบังด้วยเรื่องเล่าหรือเรื่องราวที่สร้างขึ้น (narratives)” ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ เขียนไว้ในหนังสือ"21 Lessons for the 21st Century"เมื่อหลายปีมาแล้ว (21 บทเรียน สำหรับศตวรรษที่ 21 : ผู้แปล ธิดา จงนิรามัยสถิต, ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ , สำนักพิมพ์ยิปซี) ฮาราริอธิบายว่าผู้คนมักเชื่อในเรื่องราวที่สอดคล้องกับความเชื่อและอัตลักษณ์ของตน มากกว่าข้อเท็จจริงที่อาจขัดแย้งกับความเชื่อนั้น และชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะเชื่อในเรื่องเล่าที่ให้ความหมายและอธิบายโลกรอบตัว เขาบอกว่า“เรื่องเล่าเหล่านี้มีพลังมากกว่าข้อเท็จจริงเพราะมันตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์และจิตวิญญาณของมนุษย์” ฮาราริเตือนว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะ AI และ Big Data สามารถใช้ในการสร้างและเผยแพร่เรื่องราวที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่างคลิปเรื่องเล่าสารพัดที่ผลิตออกมาชักจูงใจคน) เขาชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเข้าใจและจัดการกับอารมณ์มนุษย์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ การให้ความสำคัญกับ“อารมณ์”มากกว่า“ความจริง”อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการตัดสินใจที่สำคัญ เขาเตือนว่าสังคมอาจถูกชี้นำด้วยการปลุกเร้าอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลและข้อมูล ในอนาคต ทักษะทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์อาจมีความสำคัญมากกว่าความรู้ทางเทคนิค เขาแนะนำว่าระบบการศึกษาควรปรับตัวเพื่อเตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญ ฮาราริเน้นย้ำความสำคัญของการรู้จักและเข้าใจตนเอง รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของเราให้ได้อย่างถ่องแท้ เขาบอกว่า“การเข้าใจตนเองจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยการกระตุ้นทางอารมณ์ได้ดีขึ้น” ผู้เขียน "21 Lessons for the 21st Century" ไม่ได้บอกว่า แนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นความท้าทายที่สำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การเมือง และการพัฒนาตนเอง เพื่อรักษาสมดุล ระหว่างอารมณ์และเหตุผล ในยุคสมัยปัจจุบัน ที่“อารมณ์”อาจมีอิทธิพล มากขึ้นเรื่อยๆ​​​​​​​​​​​​​​​​ 🌻 จากข่าวสารประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยวันนี้ เราก็ได้เห็นการใช้ Storytelling ในทางที่ผิดหลายเรื่อง เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้างภาพลวงตา มุ่งเน้นการกระตุ้นอารมณ์มากกว่าการให้ข้อมูลที่เป็นจริง นิทานเหล่านี้สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำเร็จและความมั่งคั่ง ทำให้คนมองข้ามความเสี่ยงและความเป็นจริงของสถานการณ์ เรื่องเล่าที่น่าประทับใจอาจทำให้ผู้ฟังลดการใช้เหตุผลและการคิดวิเคราะห์ ผู้คนอาจตัดสินใจบนพื้นฐานของ“อารมณ์” มากกว่า“ความจริง” อย่างที่ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ กล่าวไว้ไม่มีผิด Storytelling : นิทานหรือเรื่องเล่าที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างความไว้วางใจได้อย่างรวดเร็ว แม้กับคนแปลกหน้า ในกรณีของการหลอกลวง Storytelling ถูกใช้เพื่อลดความระแวดระวังของเหยื่อ เรื่องเล่าที่สวยงามอาจถูกใช้เพื่อปิดบังความจริงที่น่าเป็นห่วงหรือรายละเอียดที่สำคัญ ในกรณีของแชร์ลูกโซ่หรือ MLM นิทาน เรื่องเล่า หรือ Storytelling ทั้งหลาย อาจถูกใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่กดดันให้สมาชิกไม่ยอมแพ้ แม้จะเผชิญกับความล้มเหลว เรื่องเล่าเหล่านี้ มักเล็งเป้าไปที่ความฝัน และความหวังของผู้คน ทำให้เหยื่ออ่อนไหวและเปราะบาง ทำให้ง่ายที่จะหลอกลวง 🌻 นิทาน เรื่องเล่า Storytelling ทั้งหลาย มันไม่ได้เลวร้ายในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ ในด้านบวก Storytelling สามารถใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สอน และสื่อสารความคิดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่คนเรายุคนี้ต้องรับมือ คือต้องพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และการรู้เท่าทันสื่อของตัวเอง เพื่อแยกแยะให้ออก ระหว่างการใช้ Storytelling ในทางที่สร้างสรรค์ หรือการใช้เพื่อหลอกลวง 🌻 ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/sg5pYj1hseTp1QGK/?mibextid=CTbP7 #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2451 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาดูลักษณะของธุรกิจที่มีแนวโน้ม
    จะเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ (Ponze scheme)

    ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุน ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
    และมักจะมีลักษณะเฉพาะ ที่ทำให้นักลงทุนหลงเชื่อ
    และเข้าร่วมลงทุน โดยมีจุดสังเกต
    อยู่ 5 ลักษณะดังต่อไปนี้ คือ

    1. การรับประกันผลตอบแทนสูง
    ให้สังเกตว่า ธุรกิจใดๆ ที่มักชักจูง ชักชวนผู้คน
    ด้วยการกล่าวอ้าง การให้ผลตอบแทนสูงๆเกินจริง
    ในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่มีความชัดเจนในการ
    ดำเนินธุรกิจ การขายสินค้า และวิธีการสร้างรายได้
    มีแนวโน้มจะเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่

    2. การจ่ายผลตอบแทนจากเงินของนักลงทุนใหม่
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจะมีโมเดลธุรกิจคล้ายๆกัน
    นั่นคือ ให้สมาชิกเดิม ไปชักชวน ชักจูง สมาชิกใหม่
    ให้มาสมัครมากๆ โดยให้สมาชิกใหม่ซื้อสินค้า
    ตามจำนวนที่ตกลง และให้สมาชิกใหม่ ไปหา
    สมาชิกของตนมาสมัครเป็นทอดๆ ไปเรื่อยๆ

    3. การขาดความโปร่งใส
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักขากความชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการ
    ในการดำเนินะธุรกิจ หรือ แหล่งที่มาของรายได้
    ส่วนใหญ่มักเกิดจากการโฆษณาชวนเชื่อ
    และกล่าวอ้างเกินจริง อวดอ้างความร่ำรวย
    จากธุรกิจ แต่จริงๆแล้ว ไม่มีที่มาของรายได้
    รวมทั้งสมาชิก ไม่สามารถตรวจสอบงบการเงิน
    และผลการดำเนินงานได้

    4. การสร้างแรงจูงใจในการชักชวนคนอื่น
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักให้ค่าตอบแทน หรือค่า
    คอมมิชชั่น หรือ โบนัสให้กับผู้ที่สามารถชักชวน
    ชักจูง โน้มน้าวคนอื่นๆ ให้มาสมัครเป็นสมาชิกใหม่ได้

    5. การใช้กลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูด
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักใช้โฆษณา หรือ การตลาด
    ที่ดึงดูดใจ เช่น การกล่าวอวดอ้างต่างๆ
    เพื่อสร้างความมั่นใจ โชว์บ้าน โชว์รถ โชว์เงิน
    โชว์ทอง โชว์การไปเที่ยวต่างๆ เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่
    หรือ การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ดารา เซเล็ปต่างๆ
    เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และชักจูง โน้มน้าว
    สมาชิกใหม่ได้ง่าย

    ทั้ง 5 ลักษณะนี้เป็นเพียง จุดสังเกตของธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    เท่านั้น ดังนั้นผู้จะเข้าลงทุน หรือร่วมลงทุนในธุรกิจใดๆ
    ควรศึกษาข้อมูลของธุรกิจนั้นๆ อย่างละเอียดรอบครอบ
    และถี่ถ้วน โดยไม่ใช้ความโลภ ในการเข้าไปลงทุน
    เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินลงทุน และปัญหา
    ทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5ลักษณะธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่
    #thaitimes
    🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาดูลักษณะของธุรกิจที่มีแนวโน้ม จะเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ (Ponze scheme) ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุน ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมักจะมีลักษณะเฉพาะ ที่ทำให้นักลงทุนหลงเชื่อ และเข้าร่วมลงทุน โดยมีจุดสังเกต อยู่ 5 ลักษณะดังต่อไปนี้ คือ 🚩1. การรับประกันผลตอบแทนสูง ให้สังเกตว่า ธุรกิจใดๆ ที่มักชักจูง ชักชวนผู้คน ด้วยการกล่าวอ้าง การให้ผลตอบแทนสูงๆเกินจริง ในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่มีความชัดเจนในการ ดำเนินธุรกิจ การขายสินค้า และวิธีการสร้างรายได้ มีแนวโน้มจะเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ 🚩2. การจ่ายผลตอบแทนจากเงินของนักลงทุนใหม่ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจะมีโมเดลธุรกิจคล้ายๆกัน นั่นคือ ให้สมาชิกเดิม ไปชักชวน ชักจูง สมาชิกใหม่ ให้มาสมัครมากๆ โดยให้สมาชิกใหม่ซื้อสินค้า ตามจำนวนที่ตกลง และให้สมาชิกใหม่ ไปหา สมาชิกของตนมาสมัครเป็นทอดๆ ไปเรื่อยๆ 🚩3. การขาดความโปร่งใส ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักขากความชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการ ในการดำเนินะธุรกิจ หรือ แหล่งที่มาของรายได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการโฆษณาชวนเชื่อ และกล่าวอ้างเกินจริง อวดอ้างความร่ำรวย จากธุรกิจ แต่จริงๆแล้ว ไม่มีที่มาของรายได้ รวมทั้งสมาชิก ไม่สามารถตรวจสอบงบการเงิน และผลการดำเนินงานได้ 🚩4. การสร้างแรงจูงใจในการชักชวนคนอื่น ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักให้ค่าตอบแทน หรือค่า คอมมิชชั่น หรือ โบนัสให้กับผู้ที่สามารถชักชวน ชักจูง โน้มน้าวคนอื่นๆ ให้มาสมัครเป็นสมาชิกใหม่ได้ 🚩5. การใช้กลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูด ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักใช้โฆษณา หรือ การตลาด ที่ดึงดูดใจ เช่น การกล่าวอวดอ้างต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ โชว์บ้าน โชว์รถ โชว์เงิน โชว์ทอง โชว์การไปเที่ยวต่างๆ เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่ หรือ การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ดารา เซเล็ปต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และชักจูง โน้มน้าว สมาชิกใหม่ได้ง่าย 💥ทั้ง 5 ลักษณะนี้เป็นเพียง จุดสังเกตของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ เท่านั้น ดังนั้นผู้จะเข้าลงทุน หรือร่วมลงทุนในธุรกิจใดๆ ควรศึกษาข้อมูลของธุรกิจนั้นๆ อย่างละเอียดรอบครอบ และถี่ถ้วน โดยไม่ใช้ความโลภ ในการเข้าไปลงทุน เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินลงทุน และปัญหา ทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ลักษณะธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1280 มุมมอง 160 0 รีวิว
  • วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาดูลักษณะของธุรกิจที่มีแนวโน้ม
    จะเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ (Ponze scheme)

    ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุน ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
    และมักจะมีลักษณะเฉพาะ ที่ทำให้นักลงทุนหลงเชื่อ
    และเข้าร่วมลงทุน โดยมีจุดสังเกต
    อยู่ 5 ลักษณะดังต่อไปนี้ คือ

    1. การรับประกันผลตอบแทนสูง
    ให้สังเกตว่า ธุรกิจใดๆ ที่มักชักจูง ชักชวนผู้คน
    ด้วยการกล่าวอ้าง การให้ผลตอบแทนสูงๆเกินจริง
    ในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่มีความชัดเจนในการ
    ดำเนินธุรกิจ การขายสินค้า และวิธีการสร้างรายได้
    มีแนวโน้มจะเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่

    2. การจ่ายผลตอบแทนจากเงินของนักลงทุนใหม่
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจะมีโมเดลธุรกิจคล้ายๆกัน
    นั่นคือ ให้สมาชิกเดิม ไปชักชวน ชักจูง สมาชิกใหม่
    ให้มาสมัครมากๆ โดยให้สมาชิกใหม่ซื้อสินค้า
    ตามจำนวนที่ตกลง และให้สมาชิกใหม่ ไปหา
    สมาชิกของตนมาสมัครเป็นทอดๆ ไปเรื่อยๆ

    3. การขาดความโปร่งใส
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักขากความชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการ
    ในการดำเนินธุรกิจ หรือ แหล่งที่มาของรายได้
    ส่วนใหญ่มักเกิดจากการโฆษณาชวนเชื่อ
    และกล่าวอ้างเกินจริง อวดอ้างความร่ำรวย
    จากธุรกิจ แต่จริงๆแล้ว ไม่มีที่มาของรายได้
    รวมทั้งสมาชิก ไม่สามารถตรวจสอบงบการเงิน
    และผลการดำเนินงานได้

    4. การสร้างแรงจูงใจในการชักชวนคนอื่น
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักให้ค่าตอบแทน หรือค่า
    คอมมิชชั่น หรือ โบนัสให้กับผู้ที่สามารถชักชวน
    ชักจูง โน้มน้าวคนอื่นๆ ให้มาสมัครเป็นสมาชิกใหม่ได้

    5. การใช้กลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูด
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักใช้โฆษณา หรือ การตลาด
    ที่ดึงดูดใจ เช่น การกล่าวอวดอ้างต่างๆ
    เพื่อสร้างความมั่นใจ โชว์บ้าน โชว์รถ โชว์เงิน
    โชว์ทอง โชว์การไปเที่ยวต่างๆ เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่
    หรือ การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ดารา เซเล็ปต่างๆ
    เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และชักจูง โน้มน้าว
    สมาชิกใหม่ได้ง่าย

    ทั้ง 5 ลักษณะนี้เป็นเพียง จุดสังเกตของธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    เท่านั้น ดังนั้นผู้จะเข้าลงทุน หรือร่วมลงทุนในธุรกิจใดๆ
    ควรศึกษาข้อมูลของธุรกิจนั้นๆ อย่างละเอียดรอบครอบ
    และถี่ถ้วน โดยไม่ใช้ความโลภ ในการเข้าไปลงทุน
    เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินลงทุน และปัญหา
    ทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5ลักษณะธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่
    #thaitimes
    🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาดูลักษณะของธุรกิจที่มีแนวโน้ม จะเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ (Ponze scheme) ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุน ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมักจะมีลักษณะเฉพาะ ที่ทำให้นักลงทุนหลงเชื่อ และเข้าร่วมลงทุน โดยมีจุดสังเกต อยู่ 5 ลักษณะดังต่อไปนี้ คือ 🚩1. การรับประกันผลตอบแทนสูง ให้สังเกตว่า ธุรกิจใดๆ ที่มักชักจูง ชักชวนผู้คน ด้วยการกล่าวอ้าง การให้ผลตอบแทนสูงๆเกินจริง ในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่มีความชัดเจนในการ ดำเนินธุรกิจ การขายสินค้า และวิธีการสร้างรายได้ มีแนวโน้มจะเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ 🚩2. การจ่ายผลตอบแทนจากเงินของนักลงทุนใหม่ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจะมีโมเดลธุรกิจคล้ายๆกัน นั่นคือ ให้สมาชิกเดิม ไปชักชวน ชักจูง สมาชิกใหม่ ให้มาสมัครมากๆ โดยให้สมาชิกใหม่ซื้อสินค้า ตามจำนวนที่ตกลง และให้สมาชิกใหม่ ไปหา สมาชิกของตนมาสมัครเป็นทอดๆ ไปเรื่อยๆ 🚩3. การขาดความโปร่งใส ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักขากความชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการ ในการดำเนินธุรกิจ หรือ แหล่งที่มาของรายได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการโฆษณาชวนเชื่อ และกล่าวอ้างเกินจริง อวดอ้างความร่ำรวย จากธุรกิจ แต่จริงๆแล้ว ไม่มีที่มาของรายได้ รวมทั้งสมาชิก ไม่สามารถตรวจสอบงบการเงิน และผลการดำเนินงานได้ 🚩4. การสร้างแรงจูงใจในการชักชวนคนอื่น ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักให้ค่าตอบแทน หรือค่า คอมมิชชั่น หรือ โบนัสให้กับผู้ที่สามารถชักชวน ชักจูง โน้มน้าวคนอื่นๆ ให้มาสมัครเป็นสมาชิกใหม่ได้ 🚩5. การใช้กลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูด ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักใช้โฆษณา หรือ การตลาด ที่ดึงดูดใจ เช่น การกล่าวอวดอ้างต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ โชว์บ้าน โชว์รถ โชว์เงิน โชว์ทอง โชว์การไปเที่ยวต่างๆ เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่ หรือ การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ดารา เซเล็ปต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และชักจูง โน้มน้าว สมาชิกใหม่ได้ง่าย 💥ทั้ง 5 ลักษณะนี้เป็นเพียง จุดสังเกตของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ เท่านั้น ดังนั้นผู้จะเข้าลงทุน หรือร่วมลงทุนในธุรกิจใดๆ ควรศึกษาข้อมูลของธุรกิจนั้นๆ อย่างละเอียดรอบครอบ และถี่ถ้วน โดยไม่ใช้ความโลภ ในการเข้าไปลงทุน เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินลงทุน และปัญหา ทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ลักษณะธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1218 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมสร้างแรงจูงใจ Failure: ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
    คำคมสร้างแรงจูงใจ Failure: ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 556 มุมมอง 80 0 รีวิว
  • ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ

    เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน
    อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย

    ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้”
    ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ
    ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561”

    ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี

    “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน”

    จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้
    “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ”

    สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ
    ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี
    ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ
    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี

    “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ

    ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด

    ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม

    นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น

    เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ

    นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว

    นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

    “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว

    จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย”

    ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย

    สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย

    จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่

    สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น

    ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน

    ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ

    แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

    ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/

    #Thaitimes
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้” ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561” ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน” จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้ “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ” สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย” ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่ สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/ #Thaitimes
    THAIPUBLICA.ORG
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ - สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2439 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้เราล้มเจ็ดครั้งแต่เราก็ลุกขึ้นมาได้แปดครั้ง..คำคมสร้างแรงจูงใจจาก เปาโล เควลโย
    แม้เราล้มเจ็ดครั้งแต่เราก็ลุกขึ้นมาได้แปดครั้ง..คำคมสร้างแรงจูงใจจาก เปาโล เควลโย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 54 0 รีวิว
Pages Boosts