• รีโพสต์จากเพจEnvironman 28 มีนาคม 2568 “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แผ่นดินไหว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยและรัฐบาลยังไม่ไหว.เหตุการณ์วันนี้ยิ่งสาดส่องสปอตไลท์ในสิ่งที่ชัดอยู่แล้วให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีก ว่าเราไม่มีความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รู้ว่าจะถอดกันอีกกี่บทเรียน กว่าที่รัฐจะมีมาตรการเตรียมพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ .ใครมีความคิดเห็น มีอะไรจะเพิ่มก็เต็มที่เลยนะ แต่นี่คือสิ่งที่รับรู้ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้และนี่ไม่ใช่การถอดบทเรียนอะไรทั้งนั้น นี่คือการเล่าระบายล้วน ๆ.⚫️ 1. ประชาชนต้อง Emergency Alert กันเอง.จนถึงตอนนี้ ณ เวลาที่กำลังเขียน (19:52 น.) ข้าพเจ้ายังไม่ได้ SMS จากกระทรวงทบวงกรมใดๆ เลยขอรับ คือเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อย แต่หลังจากท่านนายกออกมาแถลงว่าจะมีการแจ้งเตือนตั้งแต่ช่วงบ่ายสอง ตอนนี้อาฟเตอร์กันไปแล้วไม่รู้กี่ช็อค ก็ยังเงียบกริบ .อีกพาร์ทนึงก็ต้องชมคนไทยที่ใส่ใจโซเชียล ที่ช่วยกันอัพเดท แชร์ข้อมูล คอยรายงานให้ได้ติดตามกัน แต่มันคือช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่หรอ ที่ประชาชนอย่างเราจะหันไปหวังพึ่งรัฐ ที่ผู้เสียภาษีอย่างเราจะหวังพึ่งคุณภาพชีวิตพื้นฐานที่ควรได้รับ กลายเป็นว่าเราต้องเช็คกันเองว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตรงๆ คือผมเป็นคนหนึ่งที่หาแถลงการณ์จากรัฐตอนเกิดเหตุ เพราะบางทีก็กลัวว่าชาวเน็ตบางกลุ่มจะเฟคนิวส์ล่อเอ็นเกจ แต่ก็ต้องผิดหวังต่อไป.⚫️ 2. หน้ามืด นอนน้อยกันทั้งแผ่นดิน.เชื่อแล้วว่าคนไทยทำงานหนักครับ 90% พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘คิดว่าตัวเองไม่สบาย’ ไม่มีใครคิดว่ามันคือแผ่นดินไหวเลย แต่ก็เข้าใจได้ ใครจะไปคิดว่าจะมีแผ่นดินไหวในไทย โดยเฉพาะชาวกทม. คือทุกคนเทไปว่าตัวเองโหมงาน นอนน้อยกันหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แอบเศร้าหน่อย ๆ นะ.ส่วนอีกเรื่องคือ 90% ของคนที่อยู่คอนโดอพาร์ตเม้นตท์ มีสัตว์เลี้ยงที่นิติไม่รู้ แต่จะมารู้ก็วันนี้แหละ ถ้าพูดให้ไม่ติดตลก ผมคิดว่าอยากให้สถานที่คำนึงถึงความเป็น Pet-Friendly ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีคนมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก จะด้วยเพื่อแก้เหงาหรือเป็นยุคที่ไม่ค่อยอยากมีลูกหรืออะไรก็ว่าไป แต่ผมเห็นว่าพื้นที่ที่สามารถพาสัตว์ไปร่วมกิจกรรมกับเจ้าของนั้นมีน้อยมาก.⚫️ 3. ระบบขนส่งสาธารณะล่มสลาย.สัญชาตญาณแรกของคนหลังเกิดแผ่นดินไหวคือหาที่ปลอดภัย ซึ่งส่วนมากก็น่าจะนึกถึงบ้าน แต่ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีโปรโตคอลฉุกเฉิน ไม่มีช่องทางพิเศษ ไม่มีอะไรเลย การจราจรติดแหง็ก ผู้คนติดแหง็ก ไร้ทางออก เกิดอะไรขึ้นก็ไม่บอก จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ .ญี่ปุ่นเวลาเจอแผ่นดินไหว ประเทศเขาจะสวิตช์เป็นโหมดฉุกเฉินทันที รถไฟฟ้าก็จะมีมาตรการฉุกเฉินในการรับมือ รัฐมีการตกลงกับบริษัทขนส่งเอกชน แท็กซี่ ให้ออกมาช่วยอพยพหรือขนถ่ายคนในช่วงที่รถไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ มีการจัดการควบคุมจราจรอย่างเข้มงวดให้คนไม่ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น อีกเรื่องคือญี่ปุ่นมีศูนย์พักพิง คือใครที่ยังกลับบ้านไม่ได้ ก็มาพักรอก่อนได้ เอาจริงศูนย์พักพิงญี่ปุ่นคือมีอาหาร มีน้ำ มีอุปกรณ์พื้นฐานให้พร้อม ไม่ปล่อยให้ใครต้องเร่ร่อนอยู่บนถนน.ผมดักไว้ก่อนเลยว่าจะมีคนอ้างว่า ญี่ปุ่นเจอกับแผ่นดินไหวบ่อยจนชิน ของเรานี่แทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของใครหลายคนเลยนะ จะวิจารณ์ขนาดนั้นก็เกินไป แต่ต้องบอกว่าตอนนี้โลกเรารวนไปหมดแล้ว ปีนี้เราเห็นว่าเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากมายทั่วโลก อยากลองชวนคนที่แย้งเรื่องทำไมผมถึงเอาเราไปเทียบกับญี่ปุ่น มาแลกเปลี่ยนโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินพื้นฐานของบ้านเรามากกว่า พื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ควรรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดภัยพิบัติอื่นใดก็ตาม เพราะนี่คือโครงสร้างที่เราต้องมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราติดท็อป 10 ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งจะมาในรูปแบบใดบ้างก็ไม่รู้.⚫️ 4. ระบบสาธารณสุขยังเปราะบาง.อันนี้เรามีบทเรียนจากโควิด-19 มาแล้ว แต่เหมือนจะยังถอดบทเรียนกันไม่เสร็จ การอพยพผู้ป่วยในยามฉุกเฉิน หรือโซนที่ให้โรงพยาบาลยังสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยในช่วงวิกฤต ตามข่าวยังเห็นโรงพยาบาลเอาคนไข้ออกมาผ่าตัดกลางแจ้งเพราะเป็นเคสด่วนอยู่เลย ซึ่งนี่คือคำถาม นี่คือโจทย์ที่เราเอามาคิดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงอนาคตว่าเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ เราจะรับมือและจะมีมาตรการอย่างไร .นี่ไม่ใช่การสักแต่ว่าจะด่าก็ด่านะครับ และใครจะหาว่าการเมืองก็เอาเถอะ แต่นี่เห็นได้ชัดเลยว่ารัฐบาลขาดความพร้อมอย่างมากในการรับมือ จริงอยู่ที่เราไม่ได้เจอแผ่นดินไหวเป็นประจำ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้น่ากลัวมาก ผมคิดว่ายิ่งช่วงเวลาแบบนี้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี่แหละ ที่จะยิ่งเป็นตัววัดว่าเราโครงสร้างพื้นฐานเราพร้อมแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครใกล้เคียงกับพร้อมเลย ไม่รู้ทุกคนว่ายังไง.เรื่องความปลอดภัยมันมากับความเชื่อมั่นด้วยนะ วันนี้ในกรุ๊ปแชทก็คือมีเพื่อนๆ พิมพ์มาว่า ‘กูจะมั่นใจโครงสร้างตึกไทยได้มากขนาดไหน’ ซึ่งเป็นตลกร้ายมาก ๆ ที่ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นกับอะไรพวกนี้ต่ำมาก ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นตรงกันข้าม .วันนี้เป็นวันที่ทุกคนควรจะมีคำถาม เราเคยเจอน้ำท่วม เจอพายุ เจอโควิด แต่เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ‘หรือเปล่า’ ? ผมเองมีคำว่าทำไมเยอะมาก ทำไมการแจ้งเตือนล่าช้ามาก ทำไมระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณสุขถึงไม่พร้อม ทำไมคุณภาพชีวิตของเรามันเปราะบางขนาดนี้ ขออภัยที่ยาวและวนยืดเยื้อ แต่มันคือความอัดอั้นที่อยากแชร์ออกมา.สุดท้ายนี้ เราขอแสดงความเสียใจให้กับผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยนะครับและขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยครับ
    รีโพสต์จากเพจEnvironman 28 มีนาคม 2568 “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แผ่นดินไหว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยและรัฐบาลยังไม่ไหว.เหตุการณ์วันนี้ยิ่งสาดส่องสปอตไลท์ในสิ่งที่ชัดอยู่แล้วให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีก ว่าเราไม่มีความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รู้ว่าจะถอดกันอีกกี่บทเรียน กว่าที่รัฐจะมีมาตรการเตรียมพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ .ใครมีความคิดเห็น มีอะไรจะเพิ่มก็เต็มที่เลยนะ แต่นี่คือสิ่งที่รับรู้ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้และนี่ไม่ใช่การถอดบทเรียนอะไรทั้งนั้น นี่คือการเล่าระบายล้วน ๆ.⚫️ 1. ประชาชนต้อง Emergency Alert กันเอง.จนถึงตอนนี้ ณ เวลาที่กำลังเขียน (19:52 น.) ข้าพเจ้ายังไม่ได้ SMS จากกระทรวงทบวงกรมใดๆ เลยขอรับ คือเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อย แต่หลังจากท่านนายกออกมาแถลงว่าจะมีการแจ้งเตือนตั้งแต่ช่วงบ่ายสอง ตอนนี้อาฟเตอร์กันไปแล้วไม่รู้กี่ช็อค ก็ยังเงียบกริบ .อีกพาร์ทนึงก็ต้องชมคนไทยที่ใส่ใจโซเชียล ที่ช่วยกันอัพเดท แชร์ข้อมูล คอยรายงานให้ได้ติดตามกัน แต่มันคือช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่หรอ ที่ประชาชนอย่างเราจะหันไปหวังพึ่งรัฐ ที่ผู้เสียภาษีอย่างเราจะหวังพึ่งคุณภาพชีวิตพื้นฐานที่ควรได้รับ กลายเป็นว่าเราต้องเช็คกันเองว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตรงๆ คือผมเป็นคนหนึ่งที่หาแถลงการณ์จากรัฐตอนเกิดเหตุ เพราะบางทีก็กลัวว่าชาวเน็ตบางกลุ่มจะเฟคนิวส์ล่อเอ็นเกจ แต่ก็ต้องผิดหวังต่อไป.⚫️ 2. หน้ามืด นอนน้อยกันทั้งแผ่นดิน.เชื่อแล้วว่าคนไทยทำงานหนักครับ 90% พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘คิดว่าตัวเองไม่สบาย’ ไม่มีใครคิดว่ามันคือแผ่นดินไหวเลย แต่ก็เข้าใจได้ ใครจะไปคิดว่าจะมีแผ่นดินไหวในไทย โดยเฉพาะชาวกทม. คือทุกคนเทไปว่าตัวเองโหมงาน นอนน้อยกันหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แอบเศร้าหน่อย ๆ นะ.ส่วนอีกเรื่องคือ 90% ของคนที่อยู่คอนโดอพาร์ตเม้นตท์ มีสัตว์เลี้ยงที่นิติไม่รู้ แต่จะมารู้ก็วันนี้แหละ ถ้าพูดให้ไม่ติดตลก ผมคิดว่าอยากให้สถานที่คำนึงถึงความเป็น Pet-Friendly ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีคนมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก จะด้วยเพื่อแก้เหงาหรือเป็นยุคที่ไม่ค่อยอยากมีลูกหรืออะไรก็ว่าไป แต่ผมเห็นว่าพื้นที่ที่สามารถพาสัตว์ไปร่วมกิจกรรมกับเจ้าของนั้นมีน้อยมาก.⚫️ 3. ระบบขนส่งสาธารณะล่มสลาย.สัญชาตญาณแรกของคนหลังเกิดแผ่นดินไหวคือหาที่ปลอดภัย ซึ่งส่วนมากก็น่าจะนึกถึงบ้าน แต่ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีโปรโตคอลฉุกเฉิน ไม่มีช่องทางพิเศษ ไม่มีอะไรเลย การจราจรติดแหง็ก ผู้คนติดแหง็ก ไร้ทางออก เกิดอะไรขึ้นก็ไม่บอก จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ .ญี่ปุ่นเวลาเจอแผ่นดินไหว ประเทศเขาจะสวิตช์เป็นโหมดฉุกเฉินทันที รถไฟฟ้าก็จะมีมาตรการฉุกเฉินในการรับมือ รัฐมีการตกลงกับบริษัทขนส่งเอกชน แท็กซี่ ให้ออกมาช่วยอพยพหรือขนถ่ายคนในช่วงที่รถไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ มีการจัดการควบคุมจราจรอย่างเข้มงวดให้คนไม่ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น อีกเรื่องคือญี่ปุ่นมีศูนย์พักพิง คือใครที่ยังกลับบ้านไม่ได้ ก็มาพักรอก่อนได้ เอาจริงศูนย์พักพิงญี่ปุ่นคือมีอาหาร มีน้ำ มีอุปกรณ์พื้นฐานให้พร้อม ไม่ปล่อยให้ใครต้องเร่ร่อนอยู่บนถนน.ผมดักไว้ก่อนเลยว่าจะมีคนอ้างว่า ญี่ปุ่นเจอกับแผ่นดินไหวบ่อยจนชิน ของเรานี่แทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของใครหลายคนเลยนะ จะวิจารณ์ขนาดนั้นก็เกินไป แต่ต้องบอกว่าตอนนี้โลกเรารวนไปหมดแล้ว ปีนี้เราเห็นว่าเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากมายทั่วโลก อยากลองชวนคนที่แย้งเรื่องทำไมผมถึงเอาเราไปเทียบกับญี่ปุ่น มาแลกเปลี่ยนโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินพื้นฐานของบ้านเรามากกว่า พื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ควรรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดภัยพิบัติอื่นใดก็ตาม เพราะนี่คือโครงสร้างที่เราต้องมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราติดท็อป 10 ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งจะมาในรูปแบบใดบ้างก็ไม่รู้.⚫️ 4. ระบบสาธารณสุขยังเปราะบาง.อันนี้เรามีบทเรียนจากโควิด-19 มาแล้ว แต่เหมือนจะยังถอดบทเรียนกันไม่เสร็จ การอพยพผู้ป่วยในยามฉุกเฉิน หรือโซนที่ให้โรงพยาบาลยังสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยในช่วงวิกฤต ตามข่าวยังเห็นโรงพยาบาลเอาคนไข้ออกมาผ่าตัดกลางแจ้งเพราะเป็นเคสด่วนอยู่เลย ซึ่งนี่คือคำถาม นี่คือโจทย์ที่เราเอามาคิดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงอนาคตว่าเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ เราจะรับมือและจะมีมาตรการอย่างไร .นี่ไม่ใช่การสักแต่ว่าจะด่าก็ด่านะครับ และใครจะหาว่าการเมืองก็เอาเถอะ แต่นี่เห็นได้ชัดเลยว่ารัฐบาลขาดความพร้อมอย่างมากในการรับมือ จริงอยู่ที่เราไม่ได้เจอแผ่นดินไหวเป็นประจำ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้น่ากลัวมาก ผมคิดว่ายิ่งช่วงเวลาแบบนี้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี่แหละ ที่จะยิ่งเป็นตัววัดว่าเราโครงสร้างพื้นฐานเราพร้อมแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครใกล้เคียงกับพร้อมเลย ไม่รู้ทุกคนว่ายังไง.เรื่องความปลอดภัยมันมากับความเชื่อมั่นด้วยนะ วันนี้ในกรุ๊ปแชทก็คือมีเพื่อนๆ พิมพ์มาว่า ‘กูจะมั่นใจโครงสร้างตึกไทยได้มากขนาดไหน’ ซึ่งเป็นตลกร้ายมาก ๆ ที่ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นกับอะไรพวกนี้ต่ำมาก ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นตรงกันข้าม .วันนี้เป็นวันที่ทุกคนควรจะมีคำถาม เราเคยเจอน้ำท่วม เจอพายุ เจอโควิด แต่เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ‘หรือเปล่า’ ? ผมเองมีคำว่าทำไมเยอะมาก ทำไมการแจ้งเตือนล่าช้ามาก ทำไมระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณสุขถึงไม่พร้อม ทำไมคุณภาพชีวิตของเรามันเปราะบางขนาดนี้ ขออภัยที่ยาวและวนยืดเยื้อ แต่มันคือความอัดอั้นที่อยากแชร์ออกมา.สุดท้ายนี้ เราขอแสดงความเสียใจให้กับผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยนะครับและขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยครับ
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • รฟฟท. ส่งทีมงานวิศวกรและทีมงานความปลอดภัย เร่งตรวจสอบความปลอดภัยรถไฟสายสีแดงทุกระบบ โดยละเอียด สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ

    จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นวันนี้ (28 มี.ค.68) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ได้ส่งทีมงานวิศวกรและทีมงานด้านความปลอดภัยลงพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบระบบต่างๆทันที ได้แก่ ระบบรางรถไฟฟ้า ระบบสายส่งกระแสไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบสื่อสาร รวมถึงอาคารสถานีทุกสถานีอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความมั่นใจว่า รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงมีมาตรการด้านความปลอดภัยสูงสุดเพื่อรองรับการใช้บริการของประชาชน

    โดยรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง มีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการเป็นการชั่วคราว ซึ่งขณะนี้ ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ หรือความเสียหายที่อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อการเปิดให้บริการประชาชน โดยบริษัทฯจะดำเนินการตรวจสอบทุกระบบตามขั้นตอนโดยละเอียด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้บริการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000029783

    #MGROnline #รถไฟสายสีแดง #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake
    #แผ่นดินไหว #ไทยแผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวไทย #กรุงเทพแผ่นดินไหว #กรุงเทพมหานคร #ประเทศไทย #เมียนมา
    รฟฟท. ส่งทีมงานวิศวกรและทีมงานความปลอดภัย เร่งตรวจสอบความปลอดภัยรถไฟสายสีแดงทุกระบบ โดยละเอียด สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ • จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นวันนี้ (28 มี.ค.68) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ได้ส่งทีมงานวิศวกรและทีมงานด้านความปลอดภัยลงพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบระบบต่างๆทันที ได้แก่ ระบบรางรถไฟฟ้า ระบบสายส่งกระแสไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบสื่อสาร รวมถึงอาคารสถานีทุกสถานีอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความมั่นใจว่า รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงมีมาตรการด้านความปลอดภัยสูงสุดเพื่อรองรับการใช้บริการของประชาชน • โดยรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง มีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการเป็นการชั่วคราว ซึ่งขณะนี้ ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ หรือความเสียหายที่อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อการเปิดให้บริการประชาชน โดยบริษัทฯจะดำเนินการตรวจสอบทุกระบบตามขั้นตอนโดยละเอียด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้บริการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000029783 • #MGROnline #รถไฟสายสีแดง #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake #แผ่นดินไหว #ไทยแผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวไทย #กรุงเทพแผ่นดินไหว #กรุงเทพมหานคร #ประเทศไทย #เมียนมา
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • "อิ๊งค์" โพสต์บินด่วนเข้ากรุง ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเหตุแผ่นดินไหว ขอยืนยันพื้นที่เสียหายอยู่ในวงจำกัด After Shock จะไม่รุนแรง ไม่มีทางเกิดสินามึ เผยกลับเข้าคอนโดได้ รถไฟฟ้าคาดเปิดบริการพรุ่งนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029741
    "อิ๊งค์" โพสต์บินด่วนเข้ากรุง ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเหตุแผ่นดินไหว ขอยืนยันพื้นที่เสียหายอยู่ในวงจำกัด After Shock จะไม่รุนแรง ไม่มีทางเกิดสินามึ เผยกลับเข้าคอนโดได้ รถไฟฟ้าคาดเปิดบริการพรุ่งนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029741
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • การจราจรในกรุงเทพมหานครรถติดเป็นอัมพาตหลังแผ่นดินไหว รถไฟฟ้าทุกสายหยุดให้บริการ ขณะที่ ขสมก. และไทยสมายล์บัส ให้บริการตามปกติ ทางด่วนเฉลิมมหานครปิดทางขึ้น-ลงด่านดินแดงชั่วคราว ส่วนถนนพระราม 2 ใช้งานได้ตามปกติ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000029698
    การจราจรในกรุงเทพมหานครรถติดเป็นอัมพาตหลังแผ่นดินไหว รถไฟฟ้าทุกสายหยุดให้บริการ ขณะที่ ขสมก. และไทยสมายล์บัส ให้บริการตามปกติ ทางด่วนเฉลิมมหานครปิดทางขึ้น-ลงด่านดินแดงชั่วคราว ส่วนถนนพระราม 2 ใช้งานได้ตามปกติ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000029698
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • 5/
    ด่วน!!
    เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม.
    ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ

    เครดิตวิดีโอ "เปาบุ้นจุ้น"

    https://web.facebook.com/share/v/1GyEErbPh2/
    5/ ด่วน!! เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม. ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ เครดิตวิดีโอ "เปาบุ้นจุ้น" https://web.facebook.com/share/v/1GyEErbPh2/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 133 Views 30 0 Reviews
  • 4/
    ด่วน!!
    เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม.
    ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ

    เครดิตวิดีโอ "ออยศรีและผองเผือก"
    https://web.facebook.com/share/v/14x8WFQWYf/
    4/ ด่วน!! เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม. ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ เครดิตวิดีโอ "ออยศรีและผองเผือก" https://web.facebook.com/share/v/14x8WFQWYf/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 135 Views 23 0 Reviews
  • 3/
    ด่วน!!
    เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม.
    ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ
    .
    เครดิตวิดีโอ "คนสู้ชีวิต อดีตไม่สวยหลอกนะ"
    https://web.facebook.com/share/v/15W6D3B668/
    3/ ด่วน!! เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม. ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ . เครดิตวิดีโอ "คนสู้ชีวิต อดีตไม่สวยหลอกนะ" https://web.facebook.com/share/v/15W6D3B668/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 129 Views 31 0 Reviews
  • 2/
    ด่วน!!
    เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม.
    ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ
    .
    เครดิตวิดีโอ "คนสู้ชีวิต อดีตไม่สวยหลอกนะ"
    https://web.facebook.com/share/v/15W6D3B668/
    2/ ด่วน!! เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม. ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ . เครดิตวิดีโอ "คนสู้ชีวิต อดีตไม่สวยหลอกนะ" https://web.facebook.com/share/v/15W6D3B668/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 127 Views 27 0 Reviews
  • 1/
    ด่วน!!
    เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม.
    ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ
    .
    เครดิตวิดีโอ "คนสู้ชีวิต อดีตไม่สวยหลอกนะ"
    https://web.facebook.com/share/v/15W6D3B668/
    1/ ด่วน!! เกิดเหตุแผ่นดินไหว คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา 7.7 แมกนิจูด ลึก 10 กม. ภาพเหตุการณ์ตึกที่จตุจักร ถล่ม รถไฟฟ้า BTS MRT งดให้บริการ . เครดิตวิดีโอ "คนสู้ชีวิต อดีตไม่สวยหลอกนะ" https://web.facebook.com/share/v/15W6D3B668/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • Nissan กำลังคืนฟอร์มด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 3 รุ่น ทั้ง Leaf โฉมใหม่ในร่าง SUV ที่วิ่งได้ไกลกว่าเดิม Micra รุ่นน่ารักที่ดึงดูดลูกค้า และ Juke ที่ออกแบบทันสมัยเพื่อตลาดยุโรป การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Nissan กลับมาสู่เส้นทางนวัตกรรมและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดรถไฟฟ้าได้อย่างลงตัว

    Leaf โฉมใหม่ในร่าง SUV:
    - Nissan Leaf รุ่นใหม่จะใช้แพลตฟอร์ม CMF-EV เดียวกับรุ่น Ariya พร้อมเพิ่มระยะการวิ่งได้เกินกว่า 372 ไมล์ เหมาะสำหรับการเดินทางไกล นอกจากนี้ยังเปลี่ยนมาใช้พอร์ตชาร์จ NACS ซึ่งสามารถใช้กับเครือข่าย Supercharger ของ Tesla ได้ เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าในอเมริกา.

    การออกแบบของ Micra รุ่นใหม่:
    - Micra ซึ่งใช้พื้นฐานร่วมกับ Renault 5 ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่ "น่ารัก" และมีไฟหน้าแบบกลม LED ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคอนเซปต์ 20-23 ที่เคยเปิดตัว.

    การกลับมาของ Juke รุ่นที่ 3:
    - Juke รุ่นใหม่จะมีการออกแบบที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิด Hyper Punk ซึ่งเพิ่มความทันสมัยและดึงดูดตลาดยุโรปอีกครั้ง.

    การตอบสนองต่อการแข่งขัน:
    - เมื่อเทียบกับคู่แข่งเช่น Kia, Hyundai และ Peugeot ที่มีไลน์อัพรถไฟฟ้าหลากหลาย Nissan มีความท้าทายอย่างมากในตลาด แต่การพัฒนานี้แสดงให้เห็นถึงการกลับมาสู่รากฐานของความคิดสร้างสรรค์และความกล้าที่เคยเป็นเอกลักษณ์.

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/nissan-is-back-to-its-bold-best-with-new-ev-lineup-thats-led-by-a-third-generation-leaf-and-yes-its-an-suv
    Nissan กำลังคืนฟอร์มด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 3 รุ่น ทั้ง Leaf โฉมใหม่ในร่าง SUV ที่วิ่งได้ไกลกว่าเดิม Micra รุ่นน่ารักที่ดึงดูดลูกค้า และ Juke ที่ออกแบบทันสมัยเพื่อตลาดยุโรป การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Nissan กลับมาสู่เส้นทางนวัตกรรมและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดรถไฟฟ้าได้อย่างลงตัว Leaf โฉมใหม่ในร่าง SUV: - Nissan Leaf รุ่นใหม่จะใช้แพลตฟอร์ม CMF-EV เดียวกับรุ่น Ariya พร้อมเพิ่มระยะการวิ่งได้เกินกว่า 372 ไมล์ เหมาะสำหรับการเดินทางไกล นอกจากนี้ยังเปลี่ยนมาใช้พอร์ตชาร์จ NACS ซึ่งสามารถใช้กับเครือข่าย Supercharger ของ Tesla ได้ เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าในอเมริกา. การออกแบบของ Micra รุ่นใหม่: - Micra ซึ่งใช้พื้นฐานร่วมกับ Renault 5 ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่ "น่ารัก" และมีไฟหน้าแบบกลม LED ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคอนเซปต์ 20-23 ที่เคยเปิดตัว. การกลับมาของ Juke รุ่นที่ 3: - Juke รุ่นใหม่จะมีการออกแบบที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิด Hyper Punk ซึ่งเพิ่มความทันสมัยและดึงดูดตลาดยุโรปอีกครั้ง. การตอบสนองต่อการแข่งขัน: - เมื่อเทียบกับคู่แข่งเช่น Kia, Hyundai และ Peugeot ที่มีไลน์อัพรถไฟฟ้าหลากหลาย Nissan มีความท้าทายอย่างมากในตลาด แต่การพัฒนานี้แสดงให้เห็นถึงการกลับมาสู่รากฐานของความคิดสร้างสรรค์และความกล้าที่เคยเป็นเอกลักษณ์. https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/nissan-is-back-to-its-bold-best-with-new-ev-lineup-thats-led-by-a-third-generation-leaf-and-yes-its-an-suv
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • ตะลึงทั้งงาน! 🚘💦 นี่คือรถ ไม่ใช่เรือ BYD YANGWANG U8 รถไฟฟ้าลอยน้ำได้ บุกไทยแล้ว! ลุยน้ำลึก 1.6 เมตร อยู่ได้นาน 30 นาที 👉🏻 https://www.ejan.co/auto/ja0hre2qaf5
    ตะลึงทั้งงาน! 🚘💦 นี่คือรถ ไม่ใช่เรือ BYD YANGWANG U8 รถไฟฟ้าลอยน้ำได้ บุกไทยแล้ว! ลุยน้ำลึก 1.6 เมตร อยู่ได้นาน 30 นาที 👉🏻 https://www.ejan.co/auto/ja0hre2qaf5
    WWW.EJAN.CO
    BYD YANGWANG U8 EVลอยน้ำได้! เปิดตัวในไทยที่ Motor Show 2025
    ครั้งแรกในไทย! BYD YANGWANG U8 รถ SUV ไฟฟ้าสุดล้ำ ลุยน้ำลึก 1.6 เมตรและลอยน้ำได…
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • มาเลย์ฯ ซื้อรถไฟเพิ่ม ป้อน Komuter สายเหนือ

    การตรวจเยี่ยมการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของนายแอนโธนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่การไปเยือนสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าขยายเส้นทางการให้บริการรถไฟฟ้าทางไกล ETS ช่วงเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางระหว่างสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานี JB Sentral เมืองยะโฮร์บาห์รู ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที

    รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเบอร์นามาว่า การขยายเส้นทางเดินรถไฟ ETS แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกไปยังสถานีเซกามัต ระยะที่สองไปยังสถานีกลวง (Kluang) และระยะที่สามไปยังสถานี JB Sentral พร้อมกันนี้ รถไฟรุ่นใหม่ ETS3 ที่สั่งซื้อจากประเทศจีน 2 ขบวนแรกจากทั้งหมด 10 ขบวน คาดว่าจะมาถึงประเทศมาเลเซียในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งจะนำมาประกอบที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก ก่อนทดสอบระบบและนำมาใช้ในเดือน ส.ค. ไม่ต้องรอให้ครบ 10 ขบวน

    นับจากนี้รถไฟ ETS จะเดินรถตลอดแนวประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ชายแดนมาเลเซีย-ไทยทางตอนเหนือ และชายแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์ทางตอนใต้ พร้อมกันนี้ จะเสนอบริการชั้นธุรกิจแบบพรีเมียมเพื่อมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร

    วันต่อมา นายแอนโธนี่ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐเปอร์ลิส เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือบกเปอร์ลิส (PIP) ระยะที่ 1 ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถไฟ KTM Komuter Utara จากสถานีปาดังเบซาร์ไปยังสถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) รัฐเคดะห์ โดยเปิดเผยว่ารัฐบาลกลางมาเลเซียได้จัดหารถไฟชุดใหม่แบบ 3 ตู้โดยสาร จำนวน 12 ขบวนเพื่อให้บริการเพิ่มเติม งบประมาณ 283 ล้านริงกิต (2,164.34 ล้านบาท) คาดว่ารถไฟขบวนแรกจะถูกส่งมอบภายใน 22 เดือน

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญในการให้บริการคือการโจรกรรมสายเคเบิล ซึ่งกระทบต่อการเดินรถอย่างมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.35 ล้านริงกิต (10.32 ล้านบาท) ซึ่งกระทรวงคมนาคมมาเลเซียจะร่วมกับตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมปรับปรุงอุปกรณ์เครือข่าย เครื่องนับเพลา (Axle Counter) งบประมาณ 12.8 ล้านริงกิต (97.89 ล้านบาท) ใช้ระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การใช้โดรน การติดตั้งรั้วป้องกันการปีน และติดตั้งฝาปิดท่อระบายน้ำแบบล็อกขั้นสูง

    อนึ่ง ในปี 2567 รถไฟ KTM Komuter Utara สายเหนือ ช่วงบัตเตอร์เวิร์ธ-ปาดังเบซาร์ และบัตเตอร์เวิร์ธ-อิโปห์ มีผู้โดยสารเฉลี่ย 16,363 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ผู้โดยสารเฉลี่ย 12,668 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 29%

    #Newskit
    มาเลย์ฯ ซื้อรถไฟเพิ่ม ป้อน Komuter สายเหนือ การตรวจเยี่ยมการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของนายแอนโธนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่การไปเยือนสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าขยายเส้นทางการให้บริการรถไฟฟ้าทางไกล ETS ช่วงเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางระหว่างสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานี JB Sentral เมืองยะโฮร์บาห์รู ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเบอร์นามาว่า การขยายเส้นทางเดินรถไฟ ETS แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกไปยังสถานีเซกามัต ระยะที่สองไปยังสถานีกลวง (Kluang) และระยะที่สามไปยังสถานี JB Sentral พร้อมกันนี้ รถไฟรุ่นใหม่ ETS3 ที่สั่งซื้อจากประเทศจีน 2 ขบวนแรกจากทั้งหมด 10 ขบวน คาดว่าจะมาถึงประเทศมาเลเซียในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งจะนำมาประกอบที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก ก่อนทดสอบระบบและนำมาใช้ในเดือน ส.ค. ไม่ต้องรอให้ครบ 10 ขบวน นับจากนี้รถไฟ ETS จะเดินรถตลอดแนวประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ชายแดนมาเลเซีย-ไทยทางตอนเหนือ และชายแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์ทางตอนใต้ พร้อมกันนี้ จะเสนอบริการชั้นธุรกิจแบบพรีเมียมเพื่อมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร วันต่อมา นายแอนโธนี่ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐเปอร์ลิส เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือบกเปอร์ลิส (PIP) ระยะที่ 1 ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถไฟ KTM Komuter Utara จากสถานีปาดังเบซาร์ไปยังสถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) รัฐเคดะห์ โดยเปิดเผยว่ารัฐบาลกลางมาเลเซียได้จัดหารถไฟชุดใหม่แบบ 3 ตู้โดยสาร จำนวน 12 ขบวนเพื่อให้บริการเพิ่มเติม งบประมาณ 283 ล้านริงกิต (2,164.34 ล้านบาท) คาดว่ารถไฟขบวนแรกจะถูกส่งมอบภายใน 22 เดือน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญในการให้บริการคือการโจรกรรมสายเคเบิล ซึ่งกระทบต่อการเดินรถอย่างมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.35 ล้านริงกิต (10.32 ล้านบาท) ซึ่งกระทรวงคมนาคมมาเลเซียจะร่วมกับตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมปรับปรุงอุปกรณ์เครือข่าย เครื่องนับเพลา (Axle Counter) งบประมาณ 12.8 ล้านริงกิต (97.89 ล้านบาท) ใช้ระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การใช้โดรน การติดตั้งรั้วป้องกันการปีน และติดตั้งฝาปิดท่อระบายน้ำแบบล็อกขั้นสูง อนึ่ง ในปี 2567 รถไฟ KTM Komuter Utara สายเหนือ ช่วงบัตเตอร์เวิร์ธ-ปาดังเบซาร์ และบัตเตอร์เวิร์ธ-อิโปห์ มีผู้โดยสารเฉลี่ย 16,363 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ผู้โดยสารเฉลี่ย 12,668 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 29% #Newskit
    1 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews
  • เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL

    สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก

    เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง

    เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my

    การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก

    สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG

    #Newskit
    เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • BYD เปิดตัวเครื่องชาร์จรถ EV แรงทะลุโลก
    ชาร์จ 5 นาทีวิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร !
    .
    เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่เมืองเซินเจิ้น BYD บริษัทรถไฟฟ้าเบอร์หนึ่งของจีน ได้เปิดตัว Super e-Platform ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ในหลาย ๆ ด้าน โดยที่สร้างความฮือฮาให้ผู้คนทั่วโลก ก็คือ ระบบชาร์จพลังสูงสุด 1000kW ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วเท่า ๆ กับการเติมน้ำมันนะครับ
    .
    โดยสถานีชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูงขนาด 1 เมกะวัตต์ ในประเทศจีน นั้นจะทำให้ BYD สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบแรงดันไฟฟ้าสูง 1000 โวลต์ ให้สามารถวิ่งได้ระยะทาง 400 กิโลเมตรภายในเวลาเพียง 5 นาที หรือคิดเป็นอัตราการชาร์จที่รวดเร็วเพียงแค่วินาทีเดียวก็ทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร เลยนะครับ
    .
    เทคโนโลยีการชาร์จแบบใหม่นี้ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ BYD ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเวลาในการชาร์จไฟฟ้าที่เคยเป็นจุดอ่อนของรถอีวีให้สามารถเติมเชื้อเพลิงขับเคลื่อน ได้รวดเร็วเท่าๆ กับรถน้ำมัน ทั้งยังเป็นการแซงหน้าผู้บุกเบิกรถไฟฟ้าอย่าง Tesla ไปอย่างน้อยหนึ่งช่วงตัวอีกด้วย
    .
    คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSMKVc2dt/
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #BYD #SuperePlatform #บีวายดี
    BYD เปิดตัวเครื่องชาร์จรถ EV แรงทะลุโลก ชาร์จ 5 นาทีวิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร ! . เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่เมืองเซินเจิ้น BYD บริษัทรถไฟฟ้าเบอร์หนึ่งของจีน ได้เปิดตัว Super e-Platform ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ในหลาย ๆ ด้าน โดยที่สร้างความฮือฮาให้ผู้คนทั่วโลก ก็คือ ระบบชาร์จพลังสูงสุด 1000kW ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วเท่า ๆ กับการเติมน้ำมันนะครับ . โดยสถานีชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูงขนาด 1 เมกะวัตต์ ในประเทศจีน นั้นจะทำให้ BYD สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบแรงดันไฟฟ้าสูง 1000 โวลต์ ให้สามารถวิ่งได้ระยะทาง 400 กิโลเมตรภายในเวลาเพียง 5 นาที หรือคิดเป็นอัตราการชาร์จที่รวดเร็วเพียงแค่วินาทีเดียวก็ทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร เลยนะครับ . เทคโนโลยีการชาร์จแบบใหม่นี้ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ BYD ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเวลาในการชาร์จไฟฟ้าที่เคยเป็นจุดอ่อนของรถอีวีให้สามารถเติมเชื้อเพลิงขับเคลื่อน ได้รวดเร็วเท่าๆ กับรถน้ำมัน ทั้งยังเป็นการแซงหน้าผู้บุกเบิกรถไฟฟ้าอย่าง Tesla ไปอย่างน้อยหนึ่งช่วงตัวอีกด้วย . คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSMKVc2dt/ . #บูรพาไม่แพ้ #BYD #SuperePlatform #บีวายดี
    @thedongfangbubai

    BYD เปิดตัวเครื่องชาร์จรถ EV แรงทะลุโลก ชาร์จ 5 นาทีวิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร ! . เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่เมืองเซินเจิ้น BYD บริษัทรถไฟฟ้าเบอร์หนึ่งของจีน ได้เปิดตัว Super e-Platform ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ในหลาย ๆ ด้าน โดยที่สร้างความฮือฮาให้ผู้คนทั่วโลก ก็คือ ระบบชาร์จพลังสูงสุด 1000kW ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วเท่า ๆ กับการเติมน้ำมันนะครับ . โดยสถานีชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูงขนาด 1 เมกะวัตต์ ในประเทศจีน นั้นจะทำให้ BYD สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบแรงดันไฟฟ้าสูง 1000 โวลต์ ให้สามารถวิ่งได้ระยะทาง 400 กิโลเมตรภายในเวลาเพียง 5 นาที หรือคิดเป็นอัตราการชาร์จที่รวดเร็วเพียงแค่วินาทีเดียวก็ทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร เลยนะครับ . เทคโนโลยีการชาร์จแบบใหม่นี้ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ BYD ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเวลาในการชาร์จไฟฟ้าที่เคยเป็นจุดอ่อนของรถอีวีให้สามารถเติมเชื้อเพลิงขับเคลื่อน ได้รวดเร็วเท่าๆ กับรถน้ำมัน ทั้งยังเป็นการแซงหน้าผู้บุกเบิกรถไฟฟ้าอย่าง Tesla ไปอย่างน้อยหนึ่งช่วงตัวอีกด้วย . บูรพาไม่แพ้ BYD SuperePlatform บีวายดี

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • Turtle X ธนาซิตี้ คีรีสยายปีกสะดวกซื้อ

    เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา สำหรับเทอร์เทิล เอ็กซ์ (Turtle X) ร้านสะดวกซื้อแบบสแตนด์อะโลนแห่งแรก นอกสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส บนพื้นที่ 300 ตารางเมตร ภายในโครงการธนาซิตี้ บางนา-ตราด กม.14 จ.สมุทรปราการ ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหำชน) หรือ TURTLE ผู้ให้บริการค้าปลีกในระบบขนส่งมวลชนของกลุ่มบริษัทบีทีเอส (BTS Group) ที่มีนายคีรี กาญจนพาสน์ เป็นเจ้าของ

    นับตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อเทอร์เทิล (Turtle) เปิดสาขาแรกที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เซนต์หลุยส์ เมื่อเดือน ธ.ค. 2564 ก่อนขยายไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน 22 แห่ง กระทั่งเปิดให้บริการร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก เทอร์เทิล อี (Turtle e) บนสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 3 แห่ง ได้แก่ สถานีลาดพร้าว สถานีบางกะปิ และสถานีสวนหลวง ร.9 เมื่อเดือน ส.ค. 2567 และเปิดร้านเทอร์เทิล เอ็กซ์ นอกสถานีที่อาคารยูนิคอร์น พญาไท

    ถึงกระนั้น ร้านเทอร์เทิล เอ็กซ์ ธนาซิตี้ ถือเป็นสาขาแรกที่เปิดแบบสแตนด์อะโลน เจาะกลุ่มลูกค้าผู้อยู่อาศัยในโครงการธนาซิตี้ เช่น คอนโดมิเนียมนูเวล 6 อาคาร กว่า 900 ยูนิต สนามกอล์ฟธนาซิตี้ คันทรี่ คลับ โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ และสถานีโทรทัศน์ท็อปนิวส์ ที่มีพนักงานกว่า 200 ชีวิต จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม เบเกอรี่ ของใช้ส่วนตัว และของใช้ภายในบ้าน เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และเร็วๆ นี้จะมีร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญชื่อดัง อ๊อตเทริ (Otteri) เปิดให้บริการที่ด้านข้างของร้านอีกด้วย

    ร้านเทอร์เทิล ได้ร่วมกับ แรบบิท รีวอร์ดส (Rabbit Rewards) ออกโปรแกรมสมาชิกเทอร์เทิล คลับ (Turtle Club) โดยมีสิทธิประโยชน์ ได้แก่ สินค้าราคาพิเศษเฉพาะสมาชิก (Member Price) ทุกการใช้จ่าย 20 บาท รับ 1 พอยท์ สามารถสะสมพอยท์ร่วมกับการใช้บัตรแรบบิท (Rabbit Card) โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส หรือใช้จ่ายผ่านบัตรแรบบิทที่ร้านค้า เพื่อนำมาแลกส่วนลด แลกดีล และส่วนลดพิเศษที่ร้านเทอร์เทิล แลกเที่ยวเดินทางฟรี หรือแลกดีลบนแอปพลิเคชัน Rabbit Rewards เป็นต้น

    สิ่งที่ร้านเทอร์เทิลสร้างความแตกต่างจากร้านสะดวกซื้อทั่วไปคือ สินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มชงสด เบเกอรี่ และอาหารพร้อมทาน เจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ราคาจะสูงกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไปเล็กน้อย รวมทั้งยังมีสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์วางจำหน่ายอีกด้วย น่าสนใจว่าร้านเทอร์เทิล เอ็กซ์ สแตนด์อะโลนแบบนี้จะขยายไปยังทำเลใดต่อไป โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มนายคีรี กาญจนพาสน์

    #Newskit
    Turtle X ธนาซิตี้ คีรีสยายปีกสะดวกซื้อ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา สำหรับเทอร์เทิล เอ็กซ์ (Turtle X) ร้านสะดวกซื้อแบบสแตนด์อะโลนแห่งแรก นอกสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส บนพื้นที่ 300 ตารางเมตร ภายในโครงการธนาซิตี้ บางนา-ตราด กม.14 จ.สมุทรปราการ ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหำชน) หรือ TURTLE ผู้ให้บริการค้าปลีกในระบบขนส่งมวลชนของกลุ่มบริษัทบีทีเอส (BTS Group) ที่มีนายคีรี กาญจนพาสน์ เป็นเจ้าของ นับตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อเทอร์เทิล (Turtle) เปิดสาขาแรกที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เซนต์หลุยส์ เมื่อเดือน ธ.ค. 2564 ก่อนขยายไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน 22 แห่ง กระทั่งเปิดให้บริการร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก เทอร์เทิล อี (Turtle e) บนสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 3 แห่ง ได้แก่ สถานีลาดพร้าว สถานีบางกะปิ และสถานีสวนหลวง ร.9 เมื่อเดือน ส.ค. 2567 และเปิดร้านเทอร์เทิล เอ็กซ์ นอกสถานีที่อาคารยูนิคอร์น พญาไท ถึงกระนั้น ร้านเทอร์เทิล เอ็กซ์ ธนาซิตี้ ถือเป็นสาขาแรกที่เปิดแบบสแตนด์อะโลน เจาะกลุ่มลูกค้าผู้อยู่อาศัยในโครงการธนาซิตี้ เช่น คอนโดมิเนียมนูเวล 6 อาคาร กว่า 900 ยูนิต สนามกอล์ฟธนาซิตี้ คันทรี่ คลับ โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ และสถานีโทรทัศน์ท็อปนิวส์ ที่มีพนักงานกว่า 200 ชีวิต จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม เบเกอรี่ ของใช้ส่วนตัว และของใช้ภายในบ้าน เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และเร็วๆ นี้จะมีร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญชื่อดัง อ๊อตเทริ (Otteri) เปิดให้บริการที่ด้านข้างของร้านอีกด้วย ร้านเทอร์เทิล ได้ร่วมกับ แรบบิท รีวอร์ดส (Rabbit Rewards) ออกโปรแกรมสมาชิกเทอร์เทิล คลับ (Turtle Club) โดยมีสิทธิประโยชน์ ได้แก่ สินค้าราคาพิเศษเฉพาะสมาชิก (Member Price) ทุกการใช้จ่าย 20 บาท รับ 1 พอยท์ สามารถสะสมพอยท์ร่วมกับการใช้บัตรแรบบิท (Rabbit Card) โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส หรือใช้จ่ายผ่านบัตรแรบบิทที่ร้านค้า เพื่อนำมาแลกส่วนลด แลกดีล และส่วนลดพิเศษที่ร้านเทอร์เทิล แลกเที่ยวเดินทางฟรี หรือแลกดีลบนแอปพลิเคชัน Rabbit Rewards เป็นต้น สิ่งที่ร้านเทอร์เทิลสร้างความแตกต่างจากร้านสะดวกซื้อทั่วไปคือ สินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มชงสด เบเกอรี่ และอาหารพร้อมทาน เจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ราคาจะสูงกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไปเล็กน้อย รวมทั้งยังมีสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์วางจำหน่ายอีกด้วย น่าสนใจว่าร้านเทอร์เทิล เอ็กซ์ สแตนด์อะโลนแบบนี้จะขยายไปยังทำเลใดต่อไป โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มนายคีรี กาญจนพาสน์ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 471 Views 0 Reviews
  • ผลสำรวจในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า 94% ของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีความพึงพอใจกับการใช้งานรถยนต์ของพวกเขาอย่างมาก จนมีแนวโน้มสูงที่จะเลือกซื้อรถไฟฟ้าอีกครั้งในอนาคต ผู้ใช้หลายคนระบุว่าข้อดีสำคัญที่ทำให้พวกเขาหลงรักรถไฟฟ้า ได้แก่ ความน่าเชื่อถือ, ค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า, และ ความก้าวหน้าของสถานีชาร์จ

    == เหตุผลสำคัญที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าน่าสนใจ ==
    1) การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง: รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ถูกมองว่าเหมาะแค่กับกลุ่มรุ่นหรูอีกต่อไป เพราะคุณภาพและความน่าเชื่อถือของรุ่นมาตรฐานก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน
    2) ความสะดวกในสถานีชาร์จ: โครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาร์จพลังงานไฟฟ้าถูกพัฒนาเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่พึงพอใจมากขึ้นกับการหาและใช้บริการสถานีชาร์จสาธารณะ
    3) ประหยัดค่าบำรุงรักษา: เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฟฟ้ามีค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าอย่างชัดเจน
    4) การสนับสนุนจากรัฐบาล: แม้ว่าผู้ใช้จะยังคงกังวลเกี่ยวกับอนาคตของการสนับสนุนทางภาษีหรือเงินอุดหนุนจากรัฐบาล แต่ปัจจัยนี้ยังมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อ

    ผลสำรวจในปี 2024 พบว่ารถที่ได้รับคะแนนความพึงพอใจสูงสุดในกลุ่มรถหรูคือ BMW iX และในกลุ่มรถรุ่นมาตรฐานคือ Hyundai IONIQ 6 โดยใช้เกณฑ์การประเมิน 10 ปัจจัย เช่น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ บริการหลังการขาย และประสบการณ์การขับขี่

    == สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม ==
    - กว่า 2 ใน 3 ของผู้ซื้อรถไฟฟ้าครั้งแรก ยอมรับว่าการอบรมเกี่ยวกับการใช้งานรถไฟฟ้าช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น
    - มีเพียง 12% ของผู้ใช้ที่ระบุว่าอาจพิจารณากลับไปใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/16/for-most-drivers-who-switch-to-electric-there039s-no-going-back
    ผลสำรวจในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า 94% ของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีความพึงพอใจกับการใช้งานรถยนต์ของพวกเขาอย่างมาก จนมีแนวโน้มสูงที่จะเลือกซื้อรถไฟฟ้าอีกครั้งในอนาคต ผู้ใช้หลายคนระบุว่าข้อดีสำคัญที่ทำให้พวกเขาหลงรักรถไฟฟ้า ได้แก่ ความน่าเชื่อถือ, ค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า, และ ความก้าวหน้าของสถานีชาร์จ == เหตุผลสำคัญที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าน่าสนใจ == 1) การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง: รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ถูกมองว่าเหมาะแค่กับกลุ่มรุ่นหรูอีกต่อไป เพราะคุณภาพและความน่าเชื่อถือของรุ่นมาตรฐานก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน 2) ความสะดวกในสถานีชาร์จ: โครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาร์จพลังงานไฟฟ้าถูกพัฒนาเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่พึงพอใจมากขึ้นกับการหาและใช้บริการสถานีชาร์จสาธารณะ 3) ประหยัดค่าบำรุงรักษา: เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฟฟ้ามีค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าอย่างชัดเจน 4) การสนับสนุนจากรัฐบาล: แม้ว่าผู้ใช้จะยังคงกังวลเกี่ยวกับอนาคตของการสนับสนุนทางภาษีหรือเงินอุดหนุนจากรัฐบาล แต่ปัจจัยนี้ยังมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อ ผลสำรวจในปี 2024 พบว่ารถที่ได้รับคะแนนความพึงพอใจสูงสุดในกลุ่มรถหรูคือ BMW iX และในกลุ่มรถรุ่นมาตรฐานคือ Hyundai IONIQ 6 โดยใช้เกณฑ์การประเมิน 10 ปัจจัย เช่น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ บริการหลังการขาย และประสบการณ์การขับขี่ == สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม == - กว่า 2 ใน 3 ของผู้ซื้อรถไฟฟ้าครั้งแรก ยอมรับว่าการอบรมเกี่ยวกับการใช้งานรถไฟฟ้าช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น - มีเพียง 12% ของผู้ใช้ที่ระบุว่าอาจพิจารณากลับไปใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/16/for-most-drivers-who-switch-to-electric-there039s-no-going-back
    WWW.THESTAR.COM.MY
    For most drivers who switch to electric, there's no going back
    The vast majority of US electric car owners – won over by their reliability, reduced maintenance costs and advances in recharging – plan to remain loyal to this type of vehicle for their next purchase, despite the uncertainty surrounding government subsidies.
    0 Comments 0 Shares 338 Views 0 Reviews
  • ขยายบริการ DRT เกาะปีนัง ไปยังเกอร์นีย์และบัตเตอร์เวิร์ธ

    บริการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง หรือ DRT (Demand Responsive Transport) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้รถตู้เป็นยานพาหนะ เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าหลักไปยังชุมชนในรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน เลือกจุดขึ้นรถ จุดลงรถ และชำระค่าโดยสารผ่านบัตรโดยสาร ไม่ได้จำกัดเพียงแค่พื้นที่หุบเขาแคลง (Klang Valley) ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่มหานครอันดับสองอย่างรัฐปีนัง เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    บริษัทแรพิดบัส (Rapid Bus) ผู้ให้บริการรถโดยสาร แรพิด ปีนัง (Rapid Penang) ประกาศว่าจะขยายบริการ แรพิด ปีนัง ออน ดีมานด์ (Rapid Penang On-Demand) จากเดิมมีสาย T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม (Farlim-Air Itam) เพิ่มอีก 3 เส้นทาง ตั้งแต่ 15 มี.ค.2568 เป็นต้นไป ได้แก่

    สาย T110B เกอร์นีย์-ตันจงบุงกะห์ (Gurney-Tanjung Bungah) ใช้รถตู้ 6 คัน

    สาย T710B ซันเวย์-บัตเตอร์เวิร์ธ (Sunway-Butterworth) ใช้รถตู้ 6 คัน

    และสาย T211B ปายา เตอรูบง (Paya Terubong) ใช้รถตู้ 1 คัน

    นอกจากนี้ สาย T210B จะเพิ่มรถตู้จาก 2 คัน เป็น 4 คัน เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น และลดเวลารอคอยของผู้โดยสารจาก 17 นาทีเหลือ 10 นาที ที่ผ่านมามีผู้โดยสารเฉลี่ย 137 คนต่อวัน ซึ่งเกินเป้าหมายเริ่มต้นที่ 100 คนต่อวัน รวมแล้วจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดเกิน 26,000 คนในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา

    แถลงการณ์ของบริษัทฯ ระบุว่า เส้นทางใหม่เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการขนส่งสาธารณะ ในพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและย่านที่อยู่อาศัยที่เพิ่งพัฒนา แต่ยังขาดการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ โดยจะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายรถเมล์ Rapid Penang เพิ่มการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะในรัฐ โดยวางแผนทยอยนำรถตู้ 50 คันมาให้บริการตลอดทั้งปี ซึ่งการเปิดบริการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Rapid Penang On-Demand เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. สามารถจองรถได้ทางแอปพลิเคชัน กัมมูเต (Kummute) คิดค่าโดยสารราคาพิเศษ 1 ริงกิต (ประมาณ 7.70 บาท) ต่อเที่ยวการเดินทาง และจะใช้วิธีการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด ได้แก่ บัตร My50 และบัตร OKU Smile สำหรับคนในพื้นที่ บัตรเดบิต บัตรเครดิต DuitNow QR และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเริ่มจากเส้นทาง T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.2568 ก่อนจะนำมาใช้ทั้ง 3 เส้นทางที่เปิดให้บริการขึ้นมาใหม่

    #Newskit
    ขยายบริการ DRT เกาะปีนัง ไปยังเกอร์นีย์และบัตเตอร์เวิร์ธ บริการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง หรือ DRT (Demand Responsive Transport) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้รถตู้เป็นยานพาหนะ เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าหลักไปยังชุมชนในรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน เลือกจุดขึ้นรถ จุดลงรถ และชำระค่าโดยสารผ่านบัตรโดยสาร ไม่ได้จำกัดเพียงแค่พื้นที่หุบเขาแคลง (Klang Valley) ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่มหานครอันดับสองอย่างรัฐปีนัง เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา บริษัทแรพิดบัส (Rapid Bus) ผู้ให้บริการรถโดยสาร แรพิด ปีนัง (Rapid Penang) ประกาศว่าจะขยายบริการ แรพิด ปีนัง ออน ดีมานด์ (Rapid Penang On-Demand) จากเดิมมีสาย T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม (Farlim-Air Itam) เพิ่มอีก 3 เส้นทาง ตั้งแต่ 15 มี.ค.2568 เป็นต้นไป ได้แก่ สาย T110B เกอร์นีย์-ตันจงบุงกะห์ (Gurney-Tanjung Bungah) ใช้รถตู้ 6 คัน สาย T710B ซันเวย์-บัตเตอร์เวิร์ธ (Sunway-Butterworth) ใช้รถตู้ 6 คัน และสาย T211B ปายา เตอรูบง (Paya Terubong) ใช้รถตู้ 1 คัน นอกจากนี้ สาย T210B จะเพิ่มรถตู้จาก 2 คัน เป็น 4 คัน เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น และลดเวลารอคอยของผู้โดยสารจาก 17 นาทีเหลือ 10 นาที ที่ผ่านมามีผู้โดยสารเฉลี่ย 137 คนต่อวัน ซึ่งเกินเป้าหมายเริ่มต้นที่ 100 คนต่อวัน รวมแล้วจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดเกิน 26,000 คนในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา แถลงการณ์ของบริษัทฯ ระบุว่า เส้นทางใหม่เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการขนส่งสาธารณะ ในพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและย่านที่อยู่อาศัยที่เพิ่งพัฒนา แต่ยังขาดการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ โดยจะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายรถเมล์ Rapid Penang เพิ่มการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะในรัฐ โดยวางแผนทยอยนำรถตู้ 50 คันมาให้บริการตลอดทั้งปี ซึ่งการเปิดบริการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น Rapid Penang On-Demand เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. สามารถจองรถได้ทางแอปพลิเคชัน กัมมูเต (Kummute) คิดค่าโดยสารราคาพิเศษ 1 ริงกิต (ประมาณ 7.70 บาท) ต่อเที่ยวการเดินทาง และจะใช้วิธีการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด ได้แก่ บัตร My50 และบัตร OKU Smile สำหรับคนในพื้นที่ บัตรเดบิต บัตรเครดิต DuitNow QR และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเริ่มจากเส้นทาง T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.2568 ก่อนจะนำมาใช้ทั้ง 3 เส้นทางที่เปิดให้บริการขึ้นมาใหม่ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 513 Views 0 Reviews
  • หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทีมแรกในโรงงานผลิตรถยนต์! ยูบีเทคโรโบติกส์ บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์สัญชาติจีนในนครเซินเจิ้น สร้างปรากฏการณ์ ติดตั้ง“วอล์กเกอร์ เอส 1” ( Walker S1) หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ “หลายสิบตัว” ที่โรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของซีเคอร์ (Zeekr) ในเมืองท่าหนิงโป เพื่อปฏิบัติงานในหลายภารกิจหลายพื้นที่ภายในโรงงาน

    ซีเคอร์ เป็นแบรนด์รถไฟฟ้าของจีลี่ออโต้ (Geely Auto) หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน

    ความสำเร็จในการทดสอบติดตั้งการใช้งานหุ่นยนต์นี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของจีนในการยกระดับขีดความสามารถด้านการผลิตอย่างมโหฬาร

    ตามการแถลงเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.) ของยูบีเทค ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงนั้น บริษัทได้พัฒนาโมเดลการให้เหตุผลแบบหลายรูปแบบ (multimodal reasoning model) โดยเป็นการต่อยอดจากโมเดล R1 ของบริษัทดีปซีก (DeepSeek) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส หุ่นยนต์จึงสามารถ "วิเคราะห์ วางแผน และประสานงานต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000021081

    #MGROnline #หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ #ทีมแรก #โรงงานผลิตรถยนต์
    หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทีมแรกในโรงงานผลิตรถยนต์! ยูบีเทคโรโบติกส์ บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์สัญชาติจีนในนครเซินเจิ้น สร้างปรากฏการณ์ ติดตั้ง“วอล์กเกอร์ เอส 1” ( Walker S1) หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ “หลายสิบตัว” ที่โรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของซีเคอร์ (Zeekr) ในเมืองท่าหนิงโป เพื่อปฏิบัติงานในหลายภารกิจหลายพื้นที่ภายในโรงงาน • ซีเคอร์ เป็นแบรนด์รถไฟฟ้าของจีลี่ออโต้ (Geely Auto) หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน • ความสำเร็จในการทดสอบติดตั้งการใช้งานหุ่นยนต์นี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของจีนในการยกระดับขีดความสามารถด้านการผลิตอย่างมโหฬาร • ตามการแถลงเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.) ของยูบีเทค ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงนั้น บริษัทได้พัฒนาโมเดลการให้เหตุผลแบบหลายรูปแบบ (multimodal reasoning model) โดยเป็นการต่อยอดจากโมเดล R1 ของบริษัทดีปซีก (DeepSeek) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส หุ่นยนต์จึงสามารถ "วิเคราะห์ วางแผน และประสานงานต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000021081 • #MGROnline #หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ #ทีมแรก #โรงงานผลิตรถยนต์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 430 Views 0 Reviews
  • ลุ้นเปิดสถานีขนส่งใหม่ TBG ก่อนเทศกาลอีดิลฟิตรี

    แม้สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย จะเลื่อนให้บริการจากเดิมวันที่ 16 ก.พ. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ก็มีความคืบหน้าจากการตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการ ของนายแอนโทเนีย โลค รมว.คมนาคมมาเลเซียและคณะ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. ในเส้นทางชายฝั่งทะเลตะวันออก ปลายทางรัฐปะหัง รัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน

    นายแอนโทเนีย กล่าวว่า หากสถานีขนส่งกอมบัคสามารถเปิดเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือน มี.ค. จะช่วยลดปัญหาการจราจรที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) ในช่วงเทศกาลอีดิลฟิตรีได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกรมโยธาธิการมาเลเซีย จะตรวจสอบครั้งสุดท้ายภายในปลายสัปดาห์หน้า นอกจากรถบัสด่วนแล้ว ยังเชื่อมต่อกับรถบัสระหว่างเมือง และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) กอมบัค รวมทั้งโครงการรถไฟ ECRL ที่คืบหน้าแล้ว 79%

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีขนส่งกอมบัคยังไม่เปิดให้บริการ ผู้โดยสารยังคงซื้อตั๋วได้สถานีขนส่ง TBS เช่นเดิม โดยการเปิดให้บริการนอกจากจะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และฮอลล์เอนกประสงค์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการอีกด้วย

    สำหรับสถานีขนส่งกอมบัค (TBG) ตั้งอยู่ที่ถนนวงแหวนรอบกลางสายที่ 2 (MRR2) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางกอมบัค และสถานีรถไฟฟ้ากอมบัค ปลายทางของรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) ซึ่งสามารถเดินทางได้จากสถานีกลาง KL Sentral และสถานี KLCC เป็นอาคารสูง 7 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์รวม 1.1 ล้านตารางฟุต 350 ร้านค้า โดยรัฐบาลให้สัมปทานกับเอกชนในการก่อสร้าง ภายใต้โครงการริเริ่มทางการเงินของภาคเอกชน (PFI) ซึ่งบริษัทซีลัน (Zelan) เจ้าของธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลมาเลเซีย ระยะเวลา 25 ปี

    อนึ่ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีสถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS เป็นสถานีขนส่งหลัก เปิดให้บริการเมื่อปี 2554 และมีสถานีขนส่งย่อย เช่น สถานีขนส่งปูดูเซ็นทรัล (Pudu Sentral) ซึ่งเป็นอดีตสถานีขนส่งหลักก่อนย้ายไป TBS ใกล้กันจะมีสถานีขนส่งโกตารายา (Kota Raya) อีกด้านหนึ่งยังมีสถานีขนส่งเปอเกลิลิง (Pekeliling) ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าตี้ตี้วังซา (Titiwangsa) หรือจะเป็นสถานีขนส่งเฮนเทียนดูตาร์ (Hentian Duta) ไปยังปลายทางรัฐตอนเหนือ เช่น ปีนัง เคดะห์ เปรัค ปะลิส และที่สถานี KL Sentral ยังมีรถทัวร์ให้บริการอีกด้วย

    #Newskit
    ลุ้นเปิดสถานีขนส่งใหม่ TBG ก่อนเทศกาลอีดิลฟิตรี แม้สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย จะเลื่อนให้บริการจากเดิมวันที่ 16 ก.พ. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ก็มีความคืบหน้าจากการตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการ ของนายแอนโทเนีย โลค รมว.คมนาคมมาเลเซียและคณะ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. ในเส้นทางชายฝั่งทะเลตะวันออก ปลายทางรัฐปะหัง รัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน นายแอนโทเนีย กล่าวว่า หากสถานีขนส่งกอมบัคสามารถเปิดเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือน มี.ค. จะช่วยลดปัญหาการจราจรที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) ในช่วงเทศกาลอีดิลฟิตรีได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกรมโยธาธิการมาเลเซีย จะตรวจสอบครั้งสุดท้ายภายในปลายสัปดาห์หน้า นอกจากรถบัสด่วนแล้ว ยังเชื่อมต่อกับรถบัสระหว่างเมือง และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) กอมบัค รวมทั้งโครงการรถไฟ ECRL ที่คืบหน้าแล้ว 79% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีขนส่งกอมบัคยังไม่เปิดให้บริการ ผู้โดยสารยังคงซื้อตั๋วได้สถานีขนส่ง TBS เช่นเดิม โดยการเปิดให้บริการนอกจากจะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และฮอลล์เอนกประสงค์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการอีกด้วย สำหรับสถานีขนส่งกอมบัค (TBG) ตั้งอยู่ที่ถนนวงแหวนรอบกลางสายที่ 2 (MRR2) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางกอมบัค และสถานีรถไฟฟ้ากอมบัค ปลายทางของรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) ซึ่งสามารถเดินทางได้จากสถานีกลาง KL Sentral และสถานี KLCC เป็นอาคารสูง 7 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์รวม 1.1 ล้านตารางฟุต 350 ร้านค้า โดยรัฐบาลให้สัมปทานกับเอกชนในการก่อสร้าง ภายใต้โครงการริเริ่มทางการเงินของภาคเอกชน (PFI) ซึ่งบริษัทซีลัน (Zelan) เจ้าของธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลมาเลเซีย ระยะเวลา 25 ปี อนึ่ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีสถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS เป็นสถานีขนส่งหลัก เปิดให้บริการเมื่อปี 2554 และมีสถานีขนส่งย่อย เช่น สถานีขนส่งปูดูเซ็นทรัล (Pudu Sentral) ซึ่งเป็นอดีตสถานีขนส่งหลักก่อนย้ายไป TBS ใกล้กันจะมีสถานีขนส่งโกตารายา (Kota Raya) อีกด้านหนึ่งยังมีสถานีขนส่งเปอเกลิลิง (Pekeliling) ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าตี้ตี้วังซา (Titiwangsa) หรือจะเป็นสถานีขนส่งเฮนเทียนดูตาร์ (Hentian Duta) ไปยังปลายทางรัฐตอนเหนือ เช่น ปีนัง เคดะห์ เปรัค ปะลิส และที่สถานี KL Sentral ยังมีรถทัวร์ให้บริการอีกด้วย #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 395 Views 0 Reviews
  • เคาะวันเปิด LRT3 มาเลเซีย 30 กันยายน 2025

    ในที่สุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายชาห์อลัม (Shah Alam Line) หรือ LRT3 รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างสถานีบันดาร์ อูตามา (Bandar Utama) กับสถานีโยฮัน เซเตีย (Johan Setia) มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 หลังส่งมอบโครงการให้กับบริษัท ปราซารานา (Prasarana) ในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ตามที่กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) ระบุว่าความคืบหน้าของโครงการอยู่ที่ 98.16%

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายที่ 3 (LRT3) ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนลำดับที่ 11 ในหุบเขาแคลง มีระยะทาง 37 กิโลเมตร รวมทั้งอุโมงค์ความยาว 2 กิโลเมตร พาดผ่านเขตเปตาลิง จายา (Petaling Jaya) ชาห์อลัม (Shah Alam) และแคลง (Klang) รองรับประชากรมากกว่า 2 ล้านคน มีสถานีรถไฟฟ้า 20 สถานี และอีก 5 สถานีที่ก่อสร้างเพิ่มเติม พร้อมที่จอดรถ 6 สถานี รองรับรถยนต์รวม 2,000 คัน

    ส่วนขบวนรถมี 3 ตู้ รวม 22 ขบวน ผลิตโดยบริษัท CRRC Corporation รองรับผู้โดยสารสูงสุด 18,630 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการความถี่ทุก 6 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 67,000 เที่ยวคนต่อวัน

    จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบันดาร์ อูตามา ใกล้กับศูนย์การค้าวันอูตามา (1 Utama) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ผ่านสถานที่สำคัญอย่างสนามกีฬาชาห์อลัม (Stadium Shah Alam) มัสยิดสุลต่านซาลาฮุดดินอับดุลอาซิซ (Masjid Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยียูไอทีเอ็ม (UiTM) โครงการไอ-ซิตี้ (i-City) สวนสนุกไอ-ซิตี้ ธีมพาร์ค (i-City Theme Park) มัสยิดบันดาร์ดิราจาแคลงอูตารา (Masjid Bandar Diraja Klang Utara)

    มีสถานีเชื่อมต่อ ได้แก่ 1. สถานีบันดาร์ อูตามา เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายกาจัง (MRT Kajang Line) เส้นทางระหว่างสถานีควาซาดามานซารา (Kwasa Damansara) กับสถานีกาจัง (Kajang) ผ่านสถานีบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) และสถานีตุนราซัคเอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange)

    2. สถานีเกลนมารี 2 (Glenmarie 2) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) เส้นทางระหว่างสถานีปูตราไฮต์ (Putra Heights) กับสถานีกอมบัค (Gombak) ผ่านสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) และสถานีเคแอลซีซี (KLCC) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์

    อนึ่ง ที่สถานีเซคชันตูจู (Seksyen 7) บริเวณเขต 7 ของรัฐสลังงอร์ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ (Central i-City) ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาจากประเทศไทย ลงทุนร่วมกับไอ-เบอร์ฮัด (I-Berhad) เปิดให้บริการเมื่อปี 2562

    #Newskit
    เคาะวันเปิด LRT3 มาเลเซีย 30 กันยายน 2025 ในที่สุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายชาห์อลัม (Shah Alam Line) หรือ LRT3 รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างสถานีบันดาร์ อูตามา (Bandar Utama) กับสถานีโยฮัน เซเตีย (Johan Setia) มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 หลังส่งมอบโครงการให้กับบริษัท ปราซารานา (Prasarana) ในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ตามที่กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) ระบุว่าความคืบหน้าของโครงการอยู่ที่ 98.16% สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายที่ 3 (LRT3) ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนลำดับที่ 11 ในหุบเขาแคลง มีระยะทาง 37 กิโลเมตร รวมทั้งอุโมงค์ความยาว 2 กิโลเมตร พาดผ่านเขตเปตาลิง จายา (Petaling Jaya) ชาห์อลัม (Shah Alam) และแคลง (Klang) รองรับประชากรมากกว่า 2 ล้านคน มีสถานีรถไฟฟ้า 20 สถานี และอีก 5 สถานีที่ก่อสร้างเพิ่มเติม พร้อมที่จอดรถ 6 สถานี รองรับรถยนต์รวม 2,000 คัน ส่วนขบวนรถมี 3 ตู้ รวม 22 ขบวน ผลิตโดยบริษัท CRRC Corporation รองรับผู้โดยสารสูงสุด 18,630 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการความถี่ทุก 6 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 67,000 เที่ยวคนต่อวัน จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบันดาร์ อูตามา ใกล้กับศูนย์การค้าวันอูตามา (1 Utama) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ผ่านสถานที่สำคัญอย่างสนามกีฬาชาห์อลัม (Stadium Shah Alam) มัสยิดสุลต่านซาลาฮุดดินอับดุลอาซิซ (Masjid Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยียูไอทีเอ็ม (UiTM) โครงการไอ-ซิตี้ (i-City) สวนสนุกไอ-ซิตี้ ธีมพาร์ค (i-City Theme Park) มัสยิดบันดาร์ดิราจาแคลงอูตารา (Masjid Bandar Diraja Klang Utara) มีสถานีเชื่อมต่อ ได้แก่ 1. สถานีบันดาร์ อูตามา เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายกาจัง (MRT Kajang Line) เส้นทางระหว่างสถานีควาซาดามานซารา (Kwasa Damansara) กับสถานีกาจัง (Kajang) ผ่านสถานีบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) และสถานีตุนราซัคเอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) 2. สถานีเกลนมารี 2 (Glenmarie 2) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) เส้นทางระหว่างสถานีปูตราไฮต์ (Putra Heights) กับสถานีกอมบัค (Gombak) ผ่านสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) และสถานีเคแอลซีซี (KLCC) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ อนึ่ง ที่สถานีเซคชันตูจู (Seksyen 7) บริเวณเขต 7 ของรัฐสลังงอร์ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ (Central i-City) ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาจากประเทศไทย ลงทุนร่วมกับไอ-เบอร์ฮัด (I-Berhad) เปิดให้บริการเมื่อปี 2562 #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 438 Views 0 Reviews
  • ลิสซิ่งจีน..กำลังศึกษาเรื่องเข้ามาปล่อยสินเชื่อรายย่อย...ให้กับรถไฟฟ้า BYD ..เนื่องจากสถาบันการเงินของไทย..เคร่งครัดในการอนุมัติสินเชื่อมาก
    ..ซึ่งกระทบต่อยอดขายโดยตรงของเขา...ถ้าเข้ามาจริง สินเชื่อรถยนต์ในประเทศ..อาจมีสะดุ้ง...เพราะเขาอาจขยายกลุ่มลูกค้าไปยังรถอื่นไปอีก...อย่างที่เราทราบ จีนทำธุรกิจ เน้น volume ..มากกว่าเน้นกำไร เฉพาะหน่วย.การทำการตลาดเรื่องดอกเบี้ย เรื่อง promotion พี่แกถนัดอยู่แล้ว..เงินก็มาหาศาล....ก็ดูๆ กันไว้นะ😶
    ลิสซิ่งจีน..กำลังศึกษาเรื่องเข้ามาปล่อยสินเชื่อรายย่อย...ให้กับรถไฟฟ้า BYD ..เนื่องจากสถาบันการเงินของไทย..เคร่งครัดในการอนุมัติสินเชื่อมาก ..ซึ่งกระทบต่อยอดขายโดยตรงของเขา...ถ้าเข้ามาจริง สินเชื่อรถยนต์ในประเทศ..อาจมีสะดุ้ง...เพราะเขาอาจขยายกลุ่มลูกค้าไปยังรถอื่นไปอีก...อย่างที่เราทราบ จีนทำธุรกิจ เน้น volume ..มากกว่าเน้นกำไร เฉพาะหน่วย.การทำการตลาดเรื่องดอกเบี้ย เรื่อง promotion พี่แกถนัดอยู่แล้ว..เงินก็มาหาศาล....ก็ดูๆ กันไว้นะ😶
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง หลังคาคลุมทางเท้า 20 ล้าน

    ยังคงมีเรื่องดรามาไม่หยุด สำหรับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยุคผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อมีโครงการปรับรูปแบบโครงการทางเดินเท้าแบบมีหลังคาคลุม (Covered walkway) บริเวณถนนสาทรใต้ โดยสำนักการโยธา ได้ร่วมกับศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) ศึกษาและออกแบบ ก่อสร้างนำร่องบริเวณถนนสาทรใต้ ช่วงสถานีรถไฟฟ้าลุมพินี ถึงสกายวอล์กช่องนนทรี ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร งบประมาณ 20,523,000 บาท ระยะเวลาการก่อสร้าง 180 วัน

    แต่เนื่องจากการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการท่อร้อยสายไฟ และมีแผนจะหักเสาไฟประมาณเดือน พ.ค. 2569 จึงต้องปรับรูปแบบการก่อสร้าง โดยทำการเว้าเพื่อหลบเสาไฟฟ้า เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงาน เมื่อการไฟฟ้านครหลวงหักเสาเสร็จแล้ว ถึงจะปรับปรุงบริเวณที่มีการเว้าให้สมบูรณ์ตามแบบต่อไป

    วัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สามารถใช้สัญจรในทุกสภาพอากาศ ท่ามกลางอากาศร้อนจัดและฝนตกชุกหลายเดือน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเลือกสัญจรโดยขนส่งมวลขนและการเดินเท้า สามารถเดินเท้าเชื่อมต่อไปยังระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการจราจรของเมือง และอ้างว่าประเทศสิงคโปร์ หรือเมืองต่างๆ ของไต้หวันได้ทำ

    โครงการหลังคาคลุมทางเท้า เรียกเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นการใช้งบประมาณตกเมตรละ 13,000 บาท คุ้มค่าหรือไม่ สารพัดข้อสงสัยมีตั้งแต่ สภาพทางเท้าที่แท้จริงเหมาะกับการเดินเท้าหรือไม่ กันแดดกันฝนได้จริงหรือไม่ คนพิการใช้งานสะดวกหรือไม่ มีแสงสว่างเพียงพอในยามค่ำคืนหรือไม่ การที่ยังไม่หักเสาไฟจะกลายเป็นมุมอับสำหรับมิจฉาชีพหรือไม่ ภูมิทัศน์ไม่รกสายตาหรือไม่ เมื่อหลังคาหรือเสาสกปรกเพราะสัตว์พาหะ เช่น สุนัข แมว หนู นก ฯลฯ เศษขยะ หรือมีคนมือบอนขีดเขียน จะสามารถทำความสะอาดได้หรือไม่

    และจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทางเท้ายังเป็นทางเท้า ไม่ถูกทำให้กลายเป็นทางสัญจรของรถจักรยานยนต์ กลายเป็นแหล่งขายของบรรดาหาบเร่แผงลอย หรือเป็นที่อยู่อาศัยหลับนอนของคนไร้บ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กเพจ Bangkok Sightseeing ยังเผยแพร่ภาพรถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้าถนนสาทรใต้ ที่กำลังก่อสร้างหลังคาคลุมทางเท้า และเริ่มมีวินรถจักรยานยนต์จอดรถกันเป็นกลุ่มเพื่อจับจองพื้นที่แล้ว

    หลังคาคลุมทางเท้าอาจกลายเป็นโครงการที่มีข้อครหา ไม่ต่างจากกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ที่พบว่าลู่วิ่งราคา 7.5 แสนบาท หรือการก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางรูปแบบใหม่ ที่มีราคาสูงถึงหลังละ 280,000-320,000 บาท หรือการจัดซื้อจัดจ้างอีกมากที่ยังเคลือบแคลงสงสัย

    #Newskit
    กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง หลังคาคลุมทางเท้า 20 ล้าน ยังคงมีเรื่องดรามาไม่หยุด สำหรับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยุคผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อมีโครงการปรับรูปแบบโครงการทางเดินเท้าแบบมีหลังคาคลุม (Covered walkway) บริเวณถนนสาทรใต้ โดยสำนักการโยธา ได้ร่วมกับศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) ศึกษาและออกแบบ ก่อสร้างนำร่องบริเวณถนนสาทรใต้ ช่วงสถานีรถไฟฟ้าลุมพินี ถึงสกายวอล์กช่องนนทรี ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร งบประมาณ 20,523,000 บาท ระยะเวลาการก่อสร้าง 180 วัน แต่เนื่องจากการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการท่อร้อยสายไฟ และมีแผนจะหักเสาไฟประมาณเดือน พ.ค. 2569 จึงต้องปรับรูปแบบการก่อสร้าง โดยทำการเว้าเพื่อหลบเสาไฟฟ้า เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงาน เมื่อการไฟฟ้านครหลวงหักเสาเสร็จแล้ว ถึงจะปรับปรุงบริเวณที่มีการเว้าให้สมบูรณ์ตามแบบต่อไป วัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สามารถใช้สัญจรในทุกสภาพอากาศ ท่ามกลางอากาศร้อนจัดและฝนตกชุกหลายเดือน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเลือกสัญจรโดยขนส่งมวลขนและการเดินเท้า สามารถเดินเท้าเชื่อมต่อไปยังระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการจราจรของเมือง และอ้างว่าประเทศสิงคโปร์ หรือเมืองต่างๆ ของไต้หวันได้ทำ โครงการหลังคาคลุมทางเท้า เรียกเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นการใช้งบประมาณตกเมตรละ 13,000 บาท คุ้มค่าหรือไม่ สารพัดข้อสงสัยมีตั้งแต่ สภาพทางเท้าที่แท้จริงเหมาะกับการเดินเท้าหรือไม่ กันแดดกันฝนได้จริงหรือไม่ คนพิการใช้งานสะดวกหรือไม่ มีแสงสว่างเพียงพอในยามค่ำคืนหรือไม่ การที่ยังไม่หักเสาไฟจะกลายเป็นมุมอับสำหรับมิจฉาชีพหรือไม่ ภูมิทัศน์ไม่รกสายตาหรือไม่ เมื่อหลังคาหรือเสาสกปรกเพราะสัตว์พาหะ เช่น สุนัข แมว หนู นก ฯลฯ เศษขยะ หรือมีคนมือบอนขีดเขียน จะสามารถทำความสะอาดได้หรือไม่ และจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทางเท้ายังเป็นทางเท้า ไม่ถูกทำให้กลายเป็นทางสัญจรของรถจักรยานยนต์ กลายเป็นแหล่งขายของบรรดาหาบเร่แผงลอย หรือเป็นที่อยู่อาศัยหลับนอนของคนไร้บ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กเพจ Bangkok Sightseeing ยังเผยแพร่ภาพรถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้าถนนสาทรใต้ ที่กำลังก่อสร้างหลังคาคลุมทางเท้า และเริ่มมีวินรถจักรยานยนต์จอดรถกันเป็นกลุ่มเพื่อจับจองพื้นที่แล้ว หลังคาคลุมทางเท้าอาจกลายเป็นโครงการที่มีข้อครหา ไม่ต่างจากกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ที่พบว่าลู่วิ่งราคา 7.5 แสนบาท หรือการก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางรูปแบบใหม่ ที่มีราคาสูงถึงหลังละ 280,000-320,000 บาท หรือการจัดซื้อจัดจ้างอีกมากที่ยังเคลือบแคลงสงสัย #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 589 Views 0 Reviews
  • รถไฟฟ้า XPENG G6 ...ดีจัง นะ
    ไม่มีตังค์..ใช้รถแก๊ส ประหยัดกว่า
    รถไฟฟ้า XPENG G6 ...ดีจัง นะ ไม่มีตังค์..ใช้รถแก๊ส ประหยัดกว่า
    0 Comments 0 Shares 285 Views 9 0 Reviews
  • #วัดธาตุทอง
    #กรุงเทพมหานครฯ

    วัดธาตุ​ทอง​ -​ ผมว่าหลาย​ ๆ​ ท่านที่โดยสารรถไฟฟ้า​ BTS.​ เป็น​ประจำ​ เมื่อผ่านสถานีเอกมัย​ มองไปจะเห็นเจดีย์​สีทองอร่าม​ ประดิษฐาน​ อยู่​ไกล​ๆ​ สวยงามมาก ที่สำคัญ​ดู​ contrast. กับตึกรามห้างสรรพสินค้า​ที่ตั้งตรงข้ามราวกับ​ โลกในอดีตกับปัจจุบัน​ประจันหน้ากันแบบ​ ไม่เกรงใจ

    ส่วนตัว​ จำได้ว่าเคยลงภาพและเรื่องราวของวัดธาตุทองไปแล้ว​ แต่ตอนนั้น​ พระมหาเจดีย์​กำลัง​บูรณะ​ วันนี้ขอแก้ตัว​ นำภาพสวย​ ๆ​ และเรื่องราววัดในเมือง​ ของชาวสุขุมวิท​แห่งนี้กลับมาอีกครั้ง​ มาฟังกันครับ​ วัดธาตุทอง

    พื้นที่แห่งนี้​ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของวัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่าง ซึ่งวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่มาของชื่อวัดก็มาจากหน้าวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ส่วนวัดทองล่างนั้นเดิมทีเป็นสวนผลไม้ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน เจ้าของสวนเห็นว่าต้นโพธิ์ควรเป็นต้นไม้ในวัดมากกว่าที่จะปลูกไว้ในบ้าน ประกอบกับไม่ต้องการโค่นทิ้ง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและครอบครัว จึงได้บริจาคที่ดินในบริเวณนั้นเพื่อสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า วัดโพธิ์สุวรรณาราม หรือ วัดโพธิ์ทอง ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเรียกชื่ออย่างสั้น ๆ ว่า วัดทอง แต่ทว่าตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างมีวัดทองอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทองล่าง นั่นเอง

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการขอเวนคืนพื้นที่วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ โดยชดเชยเงินให้ทั้ง 2 วัด เพื่อไปรวมกับวัดอื่นหรือสร้างวัดใหม่ขึ้นมา ทำให้คณะสงฆ์มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น และมีความเห็นพ้องต้องกันในการซื้อที่ดินปัจจุบัน พร้อมกับย้ายเสนาสนะถาวรวัตถุของทั้ง 2 วัดมาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบล คลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์อุปถัมภ์ และตั้งชื่อว่า วัดธาตุทอง โดยมีที่มาจากการนำชื่อของทั้ง 2 วัดรวมเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2481

    ในปี พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด จากนั้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกให้ วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มาจนถึงปัจจุบัน

    สิ่งที่ห้ามพลาด​ ไปกราบพระในพระอุโบสถ ภายใน​ ประดิษฐาน พระสัพพัญญู พระประธานประจำพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 70 นิ้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 พระพุทธชินินทร ที่เป็นพระประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง และพระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย ที่เป็นพระประธานหอประชุม

    ถัดจากนั้น​เดินไปด้านหลัง​ ไปสักการะ​ พระมหาเจดีย์ 84 พรรษา ราชนครินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจากทั่วโลก รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลวงพ่อไจทีเซา เจ้าอาวาสวัดไจทีเซา ในประเทศพม่าด้วยครับ​

    เป็น​ไงครับ​ แค่ลงรถไฟฟ้า​ สถานีเอกมัย​ มาไม่กี่ก้าว​ ก็จะพบกับ ความยิ่งใหญ่​ ความงาม​ และ​ความสงบ​ วัดธาตุ​ทอง​ ใกล้แค่นี้เอง

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    #วัดธาตุทอง #กรุงเทพมหานครฯ วัดธาตุ​ทอง​ -​ ผมว่าหลาย​ ๆ​ ท่านที่โดยสารรถไฟฟ้า​ BTS.​ เป็น​ประจำ​ เมื่อผ่านสถานีเอกมัย​ มองไปจะเห็นเจดีย์​สีทองอร่าม​ ประดิษฐาน​ อยู่​ไกล​ๆ​ สวยงามมาก ที่สำคัญ​ดู​ contrast. กับตึกรามห้างสรรพสินค้า​ที่ตั้งตรงข้ามราวกับ​ โลกในอดีตกับปัจจุบัน​ประจันหน้ากันแบบ​ ไม่เกรงใจ ส่วนตัว​ จำได้ว่าเคยลงภาพและเรื่องราวของวัดธาตุทองไปแล้ว​ แต่ตอนนั้น​ พระมหาเจดีย์​กำลัง​บูรณะ​ วันนี้ขอแก้ตัว​ นำภาพสวย​ ๆ​ และเรื่องราววัดในเมือง​ ของชาวสุขุมวิท​แห่งนี้กลับมาอีกครั้ง​ มาฟังกันครับ​ วัดธาตุทอง พื้นที่แห่งนี้​ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของวัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่าง ซึ่งวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่มาของชื่อวัดก็มาจากหน้าวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ส่วนวัดทองล่างนั้นเดิมทีเป็นสวนผลไม้ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน เจ้าของสวนเห็นว่าต้นโพธิ์ควรเป็นต้นไม้ในวัดมากกว่าที่จะปลูกไว้ในบ้าน ประกอบกับไม่ต้องการโค่นทิ้ง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและครอบครัว จึงได้บริจาคที่ดินในบริเวณนั้นเพื่อสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า วัดโพธิ์สุวรรณาราม หรือ วัดโพธิ์ทอง ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเรียกชื่ออย่างสั้น ๆ ว่า วัดทอง แต่ทว่าตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างมีวัดทองอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทองล่าง นั่นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการขอเวนคืนพื้นที่วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ โดยชดเชยเงินให้ทั้ง 2 วัด เพื่อไปรวมกับวัดอื่นหรือสร้างวัดใหม่ขึ้นมา ทำให้คณะสงฆ์มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น และมีความเห็นพ้องต้องกันในการซื้อที่ดินปัจจุบัน พร้อมกับย้ายเสนาสนะถาวรวัตถุของทั้ง 2 วัดมาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบล คลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์อุปถัมภ์ และตั้งชื่อว่า วัดธาตุทอง โดยมีที่มาจากการนำชื่อของทั้ง 2 วัดรวมเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2481 ในปี พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด จากนั้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกให้ วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ห้ามพลาด​ ไปกราบพระในพระอุโบสถ ภายใน​ ประดิษฐาน พระสัพพัญญู พระประธานประจำพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 70 นิ้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 พระพุทธชินินทร ที่เป็นพระประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง และพระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย ที่เป็นพระประธานหอประชุม ถัดจากนั้น​เดินไปด้านหลัง​ ไปสักการะ​ พระมหาเจดีย์ 84 พรรษา ราชนครินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจากทั่วโลก รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลวงพ่อไจทีเซา เจ้าอาวาสวัดไจทีเซา ในประเทศพม่าด้วยครับ​ เป็น​ไงครับ​ แค่ลงรถไฟฟ้า​ สถานีเอกมัย​ มาไม่กี่ก้าว​ ก็จะพบกับ ความยิ่งใหญ่​ ความงาม​ และ​ความสงบ​ วัดธาตุ​ทอง​ ใกล้แค่นี้เอง #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    0 Comments 0 Shares 969 Views 0 Reviews
  • สุริยะมัดรวมรถทัวร์ ไปกรุงเทพอภิวัฒน์

    ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ สำหรับความพยายามของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการย้ายสถานีขนส่ง 3 แห่ง ได้แก่ หมอชิต 2, เอกมัย และสายใต้ใหม่ มารวมกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟ ร.ฟ.ท. รถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีน้ำเงิน สอดรับกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่นายสุริยะอ้างว่าจะครอบคลุมทุกสี ทุกสาย ภายในเดือน ก.ย. 2568

    นายสุริยะอ้างว่าจะใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น รูปแบบที่สถานีฮากาตะ จังหวัดฟูกูโอกะ เป็นสถานีโดยสารแบบอาคารสูง ภายในอาคารจะมีศูนย์อาหารและแหล่งอำนวยความสะดวก แต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง แบ่งตามภูมิภาค และแบ่งจังหวัดอย่างชัดเจน โดยการก่อสร้างจะไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่จะให้บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. นำที่ดินสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย ที่มีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาทให้เช่าหรือขาย เพื่อนำเงินมาลงทุนพัฒนาอาคารสถานีแห่งใหม่

    แนวคิดของนายสุริยะเรียกเสียงวิจารณ์จากประชาชน เพราะปกติถนนพหลโยธิน และถนนกำแพงเพชร 2 รถติดเป็นประจำในช่วงเช้าและเย็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะหน้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีบรรดาสารพัดรถสาธารณะจอดเต็มไปหมด อีกทั้งที่ผ่านมาการแยกสถานีขนส่งตั้งแต่หมอชิต 2 สำหรับรถสายเหนือ สายอีสาน สถานีขนส่งเอกมัย สำหรับรถสายตะวันออก และสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน สำหรับรถสายใต้ ประชาชนคุ้นเคยไม่สับสนอยู่แล้ว กังขาว่าทำไมนายสุริยะถึงผลักดันย้ายสถานีขนส่งแบบสุดลิ่มทิ่มประตู

    ความจริงก็คือ ปัจจุบันสถานีขนส่งของ บขส. มีเพียงสถานีขนส่งเอกมัยแห่งเดียว ตั้งอยู่บนที่ดินตัวเอง เนื้อที่ 7 ไร่ เปิดให้บริการเมื่อ 1 ม.ค. 2503 หรือ 65 ปีก่อน นอกนั้น สถานีขนส่งหมอชิต 2 เช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย 58 ไร่ แต่ บขส. มีกรณีพิพาทกับการรถไฟฯ มาตั้งแต่ปี 2548 เพราะตกลงค่าเช่าไม่ได้ บขส.ต้องการจ่ายปีละ 21 ล้านบาท แต่การรถไฟฯ ปรับเพิ่มค่าเช่า 5% ทุกปี ขณะที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน เนื้อที่ 37 ไร่ สัญญาจ่ายส่วนแบ่งรายได้กับเอกชนใกล้จะหมดลง

    ถึงกระนั้น บขส.ยังมีที่ดินแยกไฟฉาย เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา เคยประกาศให้เช่าเมื่อปี 2566 แต่ไม่มีเอกชนรายไหนสนใจ ส่วนที่ดินปิ่นเกล้า เนื้อที่ 15 ไร่ ปัจจุบันด้านหน้าเป็นจุดจอดรถตู้โดยสารและรถมินิบัสต่างจังหวัด ให้บริการเส้นทางภาคตะวันตกเป็นหลัก น่าสนใจว่า การพัฒนาสถานีขนส่งแห่งใหม่ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ตามที่นายสุริยะกล่าวไว้จริงหรือไม่

    #Newskit
    สุริยะมัดรวมรถทัวร์ ไปกรุงเทพอภิวัฒน์ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ สำหรับความพยายามของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการย้ายสถานีขนส่ง 3 แห่ง ได้แก่ หมอชิต 2, เอกมัย และสายใต้ใหม่ มารวมกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟ ร.ฟ.ท. รถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีน้ำเงิน สอดรับกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่นายสุริยะอ้างว่าจะครอบคลุมทุกสี ทุกสาย ภายในเดือน ก.ย. 2568 นายสุริยะอ้างว่าจะใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น รูปแบบที่สถานีฮากาตะ จังหวัดฟูกูโอกะ เป็นสถานีโดยสารแบบอาคารสูง ภายในอาคารจะมีศูนย์อาหารและแหล่งอำนวยความสะดวก แต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง แบ่งตามภูมิภาค และแบ่งจังหวัดอย่างชัดเจน โดยการก่อสร้างจะไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่จะให้บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. นำที่ดินสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย ที่มีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาทให้เช่าหรือขาย เพื่อนำเงินมาลงทุนพัฒนาอาคารสถานีแห่งใหม่ แนวคิดของนายสุริยะเรียกเสียงวิจารณ์จากประชาชน เพราะปกติถนนพหลโยธิน และถนนกำแพงเพชร 2 รถติดเป็นประจำในช่วงเช้าและเย็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะหน้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีบรรดาสารพัดรถสาธารณะจอดเต็มไปหมด อีกทั้งที่ผ่านมาการแยกสถานีขนส่งตั้งแต่หมอชิต 2 สำหรับรถสายเหนือ สายอีสาน สถานีขนส่งเอกมัย สำหรับรถสายตะวันออก และสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน สำหรับรถสายใต้ ประชาชนคุ้นเคยไม่สับสนอยู่แล้ว กังขาว่าทำไมนายสุริยะถึงผลักดันย้ายสถานีขนส่งแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ความจริงก็คือ ปัจจุบันสถานีขนส่งของ บขส. มีเพียงสถานีขนส่งเอกมัยแห่งเดียว ตั้งอยู่บนที่ดินตัวเอง เนื้อที่ 7 ไร่ เปิดให้บริการเมื่อ 1 ม.ค. 2503 หรือ 65 ปีก่อน นอกนั้น สถานีขนส่งหมอชิต 2 เช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย 58 ไร่ แต่ บขส. มีกรณีพิพาทกับการรถไฟฯ มาตั้งแต่ปี 2548 เพราะตกลงค่าเช่าไม่ได้ บขส.ต้องการจ่ายปีละ 21 ล้านบาท แต่การรถไฟฯ ปรับเพิ่มค่าเช่า 5% ทุกปี ขณะที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน เนื้อที่ 37 ไร่ สัญญาจ่ายส่วนแบ่งรายได้กับเอกชนใกล้จะหมดลง ถึงกระนั้น บขส.ยังมีที่ดินแยกไฟฉาย เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา เคยประกาศให้เช่าเมื่อปี 2566 แต่ไม่มีเอกชนรายไหนสนใจ ส่วนที่ดินปิ่นเกล้า เนื้อที่ 15 ไร่ ปัจจุบันด้านหน้าเป็นจุดจอดรถตู้โดยสารและรถมินิบัสต่างจังหวัด ให้บริการเส้นทางภาคตะวันตกเป็นหลัก น่าสนใจว่า การพัฒนาสถานีขนส่งแห่งใหม่ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ตามที่นายสุริยะกล่าวไว้จริงหรือไม่ #Newskit
    1 Comments 0 Shares 544 Views 0 Reviews
More Results