• รักชนก บุกถามกลางวงแถลงข่าว จี้ "กัน จอมพลัง" ทำไมต้องโกหกประชาชนเรื่องความสนิทธรรมนัส
    https://www.thai-tai.tv/news/22038/
    .
    #ไทยไท #กันจอมพลัง #มูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า #รักชนกศรีนอก #เงินบริจาค #ความโปร่งใส

    รักชนก บุกถามกลางวงแถลงข่าว จี้ "กัน จอมพลัง" ทำไมต้องโกหกประชาชนเรื่องความสนิทธรรมนัส https://www.thai-tai.tv/news/22038/ . #ไทยไท #กันจอมพลัง #มูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า #รักชนกศรีนอก #เงินบริจาค #ความโปร่งใส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริจาคโปร่งใส ต้องทนายอานนท์ อ้างช่วยครอบครัวเพื่อน112 สุดท้ายแดกฉลองสงกรานต์ ปีใหม่ในคุก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    บริจาคโปร่งใส ต้องทนายอานนท์ อ้างช่วยครอบครัวเพื่อน112 สุดท้ายแดกฉลองสงกรานต์ ปีใหม่ในคุก #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่เคยโอนเงินบริจาคให้ "มูลนิธิธรรมนัส" : [THE MESSAGE]

    นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ชี้แจง กรณีเงินบริจาค ยืนยันไม่มีเจตนาเอาเงินไปให้ใคร ไม่มีเงินไปถึงมูลนิธิธรรมนัสฯ ประสานมูลนิธิที่มีความมั่นคงแห่งหนึ่งจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อของเขา ตามข้อ 39 สาเหตุที่ไม่มีชื่อเป็นประธานฯ เพราะไม่รับตำแหน่งจะช่วยให้เกิดความโปร่งใส เป็นการคิดต่างกับหลายคน แต่เมื่ออยากให้รับก็จะนั่งประธานฯ เอง ส่วนกรณีผู้บริจาคเงินบางคนขอเงินคืน เงินบริจาคของนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล น่าจะไปทำถนนแล้ว แต่หากไม่สบายใจ จะนำเงินส่วนตัวคืนให้ ยืนยัน ตนเอง ประธาน และกรรมการทุกคน ไม่เคยได้เงินเดือน หรือรายได้ใดๆ จากมูลนิธิฯ ด้านน.ส.กาญจนา สถาวร ประธานมูลนิธิ เผย เงินตั้งมูลนิธิเริ่มต้น 500,000 บาท เป็นการลงขันจากเพื่อนๆ ของกัน มีเงินเข้าทั้งหมด 207 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 117 ล้านบาท มีเงินคงเหลือในบัญชี 90 ล้านบาทหน้างานยังมีภารกิจต่างๆ อยู่ ยืนยัน ไม่ได้เปิดรับเงินบริจาคก่อนมูลนิธิฯ จัดตั้งเสร็จ
    ไม่เคยโอนเงินบริจาคให้ "มูลนิธิธรรมนัส" : [THE MESSAGE] นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ชี้แจง กรณีเงินบริจาค ยืนยันไม่มีเจตนาเอาเงินไปให้ใคร ไม่มีเงินไปถึงมูลนิธิธรรมนัสฯ ประสานมูลนิธิที่มีความมั่นคงแห่งหนึ่งจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อของเขา ตามข้อ 39 สาเหตุที่ไม่มีชื่อเป็นประธานฯ เพราะไม่รับตำแหน่งจะช่วยให้เกิดความโปร่งใส เป็นการคิดต่างกับหลายคน แต่เมื่ออยากให้รับก็จะนั่งประธานฯ เอง ส่วนกรณีผู้บริจาคเงินบางคนขอเงินคืน เงินบริจาคของนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล น่าจะไปทำถนนแล้ว แต่หากไม่สบายใจ จะนำเงินส่วนตัวคืนให้ ยืนยัน ตนเอง ประธาน และกรรมการทุกคน ไม่เคยได้เงินเดือน หรือรายได้ใดๆ จากมูลนิธิฯ ด้านน.ส.กาญจนา สถาวร ประธานมูลนิธิ เผย เงินตั้งมูลนิธิเริ่มต้น 500,000 บาท เป็นการลงขันจากเพื่อนๆ ของกัน มีเงินเข้าทั้งหมด 207 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 117 ล้านบาท มีเงินคงเหลือในบัญชี 90 ล้านบาทหน้างานยังมีภารกิจต่างๆ อยู่ ยืนยัน ไม่ได้เปิดรับเงินบริจาคก่อนมูลนิธิฯ จัดตั้งเสร็จ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ขยันปั่นข่าว รับลูกมาขยี้จนผิดสังเกต ทั้งที่นายทุนพรรค ก็ใช้มูลนิธิคณะก้าวหน้ารับเงินต่างชาติมาฟอกเป็นเงินบริจาค มาตรฐานการตรวจสอบของพรรค io มันก็เดินเกมแบบนี้แหละ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ขยันปั่นข่าว รับลูกมาขยี้จนผิดสังเกต ทั้งที่นายทุนพรรค ก็ใช้มูลนิธิคณะก้าวหน้ารับเงินต่างชาติมาฟอกเป็นเงินบริจาค มาตรฐานการตรวจสอบของพรรค io มันก็เดินเกมแบบนี้แหละ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อว่านหลวงพ่อดี รุ่นแรก วัดตันหยงมัส จ.นราธิวาส ปี2537
    เนื้อว่านหลวงพ่อดี ดี-ชุม หลวงพ่อชุม วัดตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ปี2537 // พระดีพิธีใหญ่ พระมีประสบการณ์มาก จัดสร้างจำนวนน้อยครับ สถาพสวยมาก ๆๆ เดิม ๆๆ . แบบนี้หาชมได้ยากครับ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณ มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน เมตตา โชคลาภ ป้องกันอันตรายทั้งปวงเสริมดวงชะตาเพิ่มสิริมงคล เสน่ห์เมตตามหานิยม เพิ่มบารมี เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ฯลฯ

    ** เนื้อว่านรุ่นแรกหลวงพ่อดี ดี-ชุม หลวงพ่อชุม วัดตันหยงมัส อ.ระแงะ นราธิวาส ปี2537........หลวงพ่อชุมศิษย์เอกท่านสร้าง ประสบการณ์มากมาย คนในพื้นที่และทหารชายแดน3 จังหวัดภาคใต้ต่างรู้ดี และห่วงกันมาก พระดี พิธีใหญ่ หลวงพ่อชุม วัดตันหยงมัส นราธิวาส ศิษย์สายตรงหลวงพ่อครน วัดบางแซะ หลวงพ่อชุม นับว่าเป็นหลานแท้ๆของหลวงพ่อดี ได้สืบสายวิชาวิทยาคมของหลวงพ่อครน มาจากหลวงพ่อดี วาจาสิทธิ์ จนแทบหมดสิ้น หลวงพ่อชุม อนุตตโร ได้จัดสร้างเหรียญและพระเนื้อว่าน เพื่อแจกเป็นที่ระลึกให้แก่ผู้ที่ร่วมบริจาคทรัพย์สมทบทุนสร้างโบสถ์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ได้รับการปลุกเสกเดี่ยวจากหลวงพ่อชุม เรื่อยๆมาจนกระทั่งถึงวันที่จัดพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ โดยอาราธนานิมนต์พระสงฆ์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายรูปมาร่วมงาน อาทิเช่น
    1. พระเทพศีลวิสุทธ์ (หลวงพ่ออ่อน) วัดประชุมชลธารา
    2. พระครูสิริวราภรณ์ (หลวงพ่อเสาร์) วัดกำแพง
    3. พระครูเรวัตศีลคุณ (หลวงปู่สังข์) วัดดอนตรอ
    4. พระครูนิภาวิหารกิจ (หลวงพ่อดำ) วัดนภาราม
    5. พระครูสังฆสิทธิพิทักษ์ (หลวงพ่อเจ) วัดสังฆสิทธาราม
    6. พระครูบรรพตสุวรรณคุณ (หลวงพ่อนิล) วัดเขาเข็มทอง
    7. พระครูวิสุทรสีลาภรณ์ (หลวงพ่อมิตร) วัดนิคมเก่า
    8. พระครูสุทธิชลธาร (หลวงพ่อชู) วัดชลธาราวาส
    9. พระครูการุณยนิวิฐ (หลวงพ่อชุม) วัดตันหยงมัส **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เนื้อว่านหลวงพ่อดี รุ่นแรก วัดตันหยงมัส จ.นราธิวาส ปี2537 เนื้อว่านหลวงพ่อดี ดี-ชุม หลวงพ่อชุม วัดตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ปี2537 // พระดีพิธีใหญ่ พระมีประสบการณ์มาก จัดสร้างจำนวนน้อยครับ สถาพสวยมาก ๆๆ เดิม ๆๆ . แบบนี้หาชมได้ยากครับ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน เมตตา โชคลาภ ป้องกันอันตรายทั้งปวงเสริมดวงชะตาเพิ่มสิริมงคล เสน่ห์เมตตามหานิยม เพิ่มบารมี เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ฯลฯ ** เนื้อว่านรุ่นแรกหลวงพ่อดี ดี-ชุม หลวงพ่อชุม วัดตันหยงมัส อ.ระแงะ นราธิวาส ปี2537........หลวงพ่อชุมศิษย์เอกท่านสร้าง ประสบการณ์มากมาย คนในพื้นที่และทหารชายแดน3 จังหวัดภาคใต้ต่างรู้ดี และห่วงกันมาก พระดี พิธีใหญ่ หลวงพ่อชุม วัดตันหยงมัส นราธิวาส ศิษย์สายตรงหลวงพ่อครน วัดบางแซะ หลวงพ่อชุม นับว่าเป็นหลานแท้ๆของหลวงพ่อดี ได้สืบสายวิชาวิทยาคมของหลวงพ่อครน มาจากหลวงพ่อดี วาจาสิทธิ์ จนแทบหมดสิ้น หลวงพ่อชุม อนุตตโร ได้จัดสร้างเหรียญและพระเนื้อว่าน เพื่อแจกเป็นที่ระลึกให้แก่ผู้ที่ร่วมบริจาคทรัพย์สมทบทุนสร้างโบสถ์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ได้รับการปลุกเสกเดี่ยวจากหลวงพ่อชุม เรื่อยๆมาจนกระทั่งถึงวันที่จัดพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ โดยอาราธนานิมนต์พระสงฆ์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายรูปมาร่วมงาน อาทิเช่น 1. พระเทพศีลวิสุทธ์ (หลวงพ่ออ่อน) วัดประชุมชลธารา 2. พระครูสิริวราภรณ์ (หลวงพ่อเสาร์) วัดกำแพง 3. พระครูเรวัตศีลคุณ (หลวงปู่สังข์) วัดดอนตรอ 4. พระครูนิภาวิหารกิจ (หลวงพ่อดำ) วัดนภาราม 5. พระครูสังฆสิทธิพิทักษ์ (หลวงพ่อเจ) วัดสังฆสิทธาราม 6. พระครูบรรพตสุวรรณคุณ (หลวงพ่อนิล) วัดเขาเข็มทอง 7. พระครูวิสุทรสีลาภรณ์ (หลวงพ่อมิตร) วัดนิคมเก่า 8. พระครูสุทธิชลธาร (หลวงพ่อชู) วัดชลธาราวาส 9. พระครูการุณยนิวิฐ (หลวงพ่อชุม) วัดตันหยงมัส ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ผิดถูกว่าไปตามกฎหมาย แต่ต้องไม่สองมาตรฐาน ไล่บี้คนอื่นให้เปิดเผยชี้แจง พรรคประชาชนก็ต้องชี้แจงข้อสงสัยเรื่องเงินบริจาคของพรรคด้วย
    #7ดอกจิก
    ♣ ผิดถูกว่าไปตามกฎหมาย แต่ต้องไม่สองมาตรฐาน ไล่บี้คนอื่นให้เปิดเผยชี้แจง พรรคประชาชนก็ต้องชี้แจงข้อสงสัยเรื่องเงินบริจาคของพรรคด้วย #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Wikipedia เผยทราฟฟิกลดฮวบ – คนหันไปดูคลิปกับใช้ AI ตอบแทนการคลิก”

    Wikipedia ซึ่งเคยเป็นแหล่งข้อมูลอันดับหนึ่งของโลก กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพฤติกรรมผู้ใช้ โดย Marshall Miller จาก Wikimedia Foundation เผยว่า จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

    สาเหตุหลักคือการเปลี่ยนวิธี “ค้นหาความรู้” ของผู้คน โดยเฉพาะจากสองกระแสใหญ่:

    1️⃣ AI search summaries – เครื่องมือค้นหาหลายเจ้าตอนนี้ใช้ AI สรุปคำตอบให้ทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ เช่น Google’s SGE หรือ Bing Copilot ทำให้ผู้ใช้ได้คำตอบจาก Wikipedia โดยไม่เคยเข้า Wikipedia จริง ๆ

    2️⃣ Social video platforms – คนรุ่นใหม่หันไปใช้ TikTok, YouTube Shorts และ Instagram Reels เพื่อหาความรู้แบบเร็ว ๆ แทนการอ่านบทความยาว ๆ บนเว็บ

    Wikipedia เองเคยทดลองใช้ AI สรุปบทความ แต่ต้องหยุดไปเพราะชุมชนผู้แก้ไขไม่พอใจเรื่องความแม่นยำและการควบคุมเนื้อหา

    สิ่งที่น่ากังวลคือ หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง ก็จะมีผู้แก้ไขน้อยลง และยอดบริจาคก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจกระทบต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหาในระยะยาว

    Miller จึงเรียกร้องให้บริษัท AI และแพลตฟอร์มค้นหา “ส่งคนกลับเข้า Wikipedia” และกำลังพัฒนา framework ใหม่เพื่อให้การอ้างอิงเนื้อหาจาก Wikipedia มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น

    สถานการณ์ปัจจุบันของ Wikipedia
    จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
    การลดลงเกิดหลังจากปรับระบบตรวจจับ bot ใหม่
    พบว่าทราฟฟิกสูงช่วงพฤษภาคม–มิถุนายนมาจาก bot ที่หลบการตรวจจับ

    สาเหตุของการลดลง
    AI search summaries ให้คำตอบโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ
    คนรุ่นใหม่หันไปใช้ social video เพื่อหาความรู้
    พฤติกรรมการค้นหาข้อมูลเปลี่ยนจาก “อ่าน” เป็น “ดู” และ “ฟัง”

    ผลกระทบต่อ Wikipedia
    ผู้เข้าชมน้อยลง = ผู้แก้ไขน้อยลง
    ยอดบริจาคลดลงตามจำนวนผู้ใช้
    เสี่ยงต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหา
    ความเข้าใจของผู้ใช้ต่อแหล่งที่มาของข้อมูลลดลง

    การตอบสนองจาก Wikimedia Foundation
    เรียกร้องให้ AI และ search engine ส่งคนกลับเข้า Wikipedia
    พัฒนา framework ใหม่สำหรับการอ้างอิงเนื้อหา
    มีทีมงาน 2 ทีมช่วยผลักดัน Wikipedia สู่กลุ่มผู้ใช้ใหม่
    หยุดการใช้ AI สรุปบทความหลังชุมชนไม่พอใจ

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง อาจไม่รู้ว่าเนื้อหามาจากไหน
    การลดจำนวนผู้แก้ไขอาจทำให้เนื้อหาล้าสมัยหรือผิดพลาด
    การพึ่งพา AI summaries อาจลดความหลากหลายของมุมมอง
    หากยอดบริจาคลดลง อาจกระทบต่อการดำเนินงานของ Wikimedia
    การใช้ social video เพื่อหาความรู้อาจทำให้ข้อมูลผิดพลาดแพร่กระจายง่ายขึ้น

    https://techcrunch.com/2025/10/18/wikipedia-says-traffic-is-falling-due-to-ai-search-summaries-and-social-video/
    📉 “Wikipedia เผยทราฟฟิกลดฮวบ – คนหันไปดูคลิปกับใช้ AI ตอบแทนการคลิก” Wikipedia ซึ่งเคยเป็นแหล่งข้อมูลอันดับหนึ่งของโลก กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพฤติกรรมผู้ใช้ โดย Marshall Miller จาก Wikimedia Foundation เผยว่า จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง สาเหตุหลักคือการเปลี่ยนวิธี “ค้นหาความรู้” ของผู้คน โดยเฉพาะจากสองกระแสใหญ่: 1️⃣ AI search summaries – เครื่องมือค้นหาหลายเจ้าตอนนี้ใช้ AI สรุปคำตอบให้ทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ เช่น Google’s SGE หรือ Bing Copilot ทำให้ผู้ใช้ได้คำตอบจาก Wikipedia โดยไม่เคยเข้า Wikipedia จริง ๆ 2️⃣ Social video platforms – คนรุ่นใหม่หันไปใช้ TikTok, YouTube Shorts และ Instagram Reels เพื่อหาความรู้แบบเร็ว ๆ แทนการอ่านบทความยาว ๆ บนเว็บ Wikipedia เองเคยทดลองใช้ AI สรุปบทความ แต่ต้องหยุดไปเพราะชุมชนผู้แก้ไขไม่พอใจเรื่องความแม่นยำและการควบคุมเนื้อหา สิ่งที่น่ากังวลคือ หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง ก็จะมีผู้แก้ไขน้อยลง และยอดบริจาคก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจกระทบต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหาในระยะยาว Miller จึงเรียกร้องให้บริษัท AI และแพลตฟอร์มค้นหา “ส่งคนกลับเข้า Wikipedia” และกำลังพัฒนา framework ใหม่เพื่อให้การอ้างอิงเนื้อหาจาก Wikipedia มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น ✅ สถานการณ์ปัจจุบันของ Wikipedia ➡️ จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ➡️ การลดลงเกิดหลังจากปรับระบบตรวจจับ bot ใหม่ ➡️ พบว่าทราฟฟิกสูงช่วงพฤษภาคม–มิถุนายนมาจาก bot ที่หลบการตรวจจับ ✅ สาเหตุของการลดลง ➡️ AI search summaries ให้คำตอบโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ ➡️ คนรุ่นใหม่หันไปใช้ social video เพื่อหาความรู้ ➡️ พฤติกรรมการค้นหาข้อมูลเปลี่ยนจาก “อ่าน” เป็น “ดู” และ “ฟัง” ✅ ผลกระทบต่อ Wikipedia ➡️ ผู้เข้าชมน้อยลง = ผู้แก้ไขน้อยลง ➡️ ยอดบริจาคลดลงตามจำนวนผู้ใช้ ➡️ เสี่ยงต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหา ➡️ ความเข้าใจของผู้ใช้ต่อแหล่งที่มาของข้อมูลลดลง ✅ การตอบสนองจาก Wikimedia Foundation ➡️ เรียกร้องให้ AI และ search engine ส่งคนกลับเข้า Wikipedia ➡️ พัฒนา framework ใหม่สำหรับการอ้างอิงเนื้อหา ➡️ มีทีมงาน 2 ทีมช่วยผลักดัน Wikipedia สู่กลุ่มผู้ใช้ใหม่ ➡️ หยุดการใช้ AI สรุปบทความหลังชุมชนไม่พอใจ ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง อาจไม่รู้ว่าเนื้อหามาจากไหน ⛔ การลดจำนวนผู้แก้ไขอาจทำให้เนื้อหาล้าสมัยหรือผิดพลาด ⛔ การพึ่งพา AI summaries อาจลดความหลากหลายของมุมมอง ⛔ หากยอดบริจาคลดลง อาจกระทบต่อการดำเนินงานของ Wikimedia ⛔ การใช้ social video เพื่อหาความรู้อาจทำให้ข้อมูลผิดพลาดแพร่กระจายง่ายขึ้น https://techcrunch.com/2025/10/18/wikipedia-says-traffic-is-falling-due-to-ai-search-summaries-and-social-video/
    TECHCRUNCH.COM
    Wikipedia says traffic is falling due to AI search summaries and social video | TechCrunch
    Looks like Wikipedia isn't immune to broader online trends, with human page views falling 8% year-over-year, according to a new blog post from Marshall Miller of the Wikimedia Foundation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง เตียงหัก
    ” เตียงหัก !”

    (1)

    หลังจากที่กษัตริย์อับดุลลาแห่งซาอุดิอารเบีย สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2015
    มงกุฏราชกุมาร เจ้าชายซาลมาน ซึ่งเป็นน้องชายก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ เป็นช่วงที่ตะวันออกกลางกำลังแดดร้อน ลมพัดแรง จะถึงกับมีพายุทะเลทรายหรือไม่ น่าเป็นห่วง

    เยเมน ที่อยู่ทางใต้ของซาอุดิ กำลังวุ่นวายเกิดศึกชิงเก้าอี้กัน ทางเหนือหน่อไอซิสยังไม่หยุดงอกทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์เทียม และกลายพันธุ์ ทั้งที่อิรัคและที่ซีเรีย ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านชื่ออิสราเอล ก็ยังบูดเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะมองหน้าและยิ้มให้กันได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าเพื่อน น่าจะเป็นเรื่องอิหร่าน ซึ่งถึงจะอยู่ห่างกันคนละฟาก แต่ซาอุดิก็เห็นอิหร่านเป็นคู่แข่งรัศมี ชิงความเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางกันมาตลอด

    อิหร่านกำลังก้มหน้าก้มตาพัฒนาระบบนิวเคลียร์ ที่อ้างว่าไม่ไช่เป็นอาวุธนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้น ซาอุดิก็หงุดหงิด ไม่พอใจ จะพอใจได้ยังไง ก็ตัวเองยังไม่มีนิวเคลียร์กับ เขาสักลูก แถมอาวุธที่มีอยู่ ยังต้องกัดฟันซื้อ โดยเฉพาะจากอเมริกา นึกว่าเขาให้ฟรีๆหรือ เปล่าหรอก แค่ลดราคาให้เท่านั้นเอง เค็มชะมัด แบบนี้ไม่หงุดหงิดได้ไง

    แต่ที่ไม่พอใจมากที่สุด คือไม่พอใจในอากัปกริยา ท่าทีของอเมริกา มากกว่า

    ซาอุดิอารเบียกับอเมริกา มีความสัมพันธ์ยาวนาน และแข็งแรงอย่างเป็นทางการมาประมาณ 70 ปีแล้ว ตั้งแต่ประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt กับกษัตริย์ Abd al-Aziz ibn Sa’ud ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย นั่งจับมือกันบนเรือรบ USS Quincy เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1945

    แต่ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะแข็งแรงมากน้อยขนาดไหนไม่มีใครรู้ดี มีนักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ ทั้ง 2 ประเทศ อุปมาไว้น่าฟังว่า มันเหมือนการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม a marriage for convenience ไม่ใช่มาจากรักแรกพบ หรือรักแบบดูดดื่มฝังใจ เพาะบ่มรอกันมา 20 ปี

    เมื่อเป็นการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม จะให้หวือหวา หวานชื่นกันตลอด คงเป็นไปไม่ได้ มันคงจะเป็นประเภท ต่างก็ยี่ต๊อกใส่กันว่า ฉันได้มากกว่าเสีย หรือเธอได้มากกว่าฉันหรือเปล่า ทำนองนั้น เรื่องอะไรที่ไม่พอใจ ตราบใดที่บัญชีของทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่เป็นตัวแดง ก็ยังคงกล้อมแกล้ม กัดฟันอยู่กันต่อไป

    ตลอดการอยู่ร่วมกันของคู่แต่งงาน ซาอุดิฉุนจัดครั้งแรก ก็เมื่ออเมริกามีทีท่าว่าจะมีใจให้กับอิสราเอล สาวข้างบ้าน ที่อเมริกาให้การรับรองเมื่อปี ค.ศ.1948 แต่มันเป็นช่วงระหว่างการก่อร่างสร้างเมืองของซาอุดิ กษัตริย์ Abd al-Aziz จึงต้องกัดฟันมองไปทางอื่นแทน ขณะที่รอบข้างกดดันให้ยกเลิกสัมปทาน ที่ซาอุดิให้แก่ Aramco ของอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ.1933
    หลังจากนั้น ก็มีเรื่องการสั่งห้ามซื้อขายน้ำมัน Oil Embargo ระหว่างกลุ่มค้าน้ำมันชาติอาหรับ กับกลุ่มตะวันตกในปี ค.ศ.1973-74 ซึ่งเป็นการเล่นกล หลอกต้มทั้งคนขายน้ำมันและคนใช้ น้ำมัน โดยพวกนักการเงินวอลสตรีท ที่จัดฉากโดยนาย Henry Kissinger ตัวแสบ ภายใต้การชักใยของ พวกโคตรรวย Rockefeller แต่เรื่องนี้มันก็ลงความเห็นยากว่า ฝ่ายไหนเสียมากกว่า ดูเหมือนจะเป็นมวยล้มต้มคนดู พวกที่เสียหายจริงๆ น่าจะเป็นพวกซื้อน้ำมัน จนแล้วยังทำซ่า อยากเป็นเสือตัวที่ห้ามากกว่า ไปอ่านรายละเอียดได้ จากนิทานเรื่องมายากลยุทธนะครับ

    ซาอุดิ เริ่มขัดใจจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องการบุกเข้าไปขยี้อิรัคของอเมริกา ไม่ใช่เพราะซาอุดิใจอ่อนสงสารอิรัคหรอก อย่าเข้าใจผิด แต่ซาอุดิเห็นว่า เป็นการทำให้ดุลยอำนาจในภูมิภาคเอียง ไปเข้าทางอิหร่านมากกว่า เพราะเป็นการเปิดทางให้อิหร่าน เข้าไปสนับสนุนกลุ่ม Nouri al-Maliki ขึ้นมามีอำนาจในอิรัค หลังจากซัดดัมถูกโค่น และทำให้อิรัคกับอิหร่าน ก็ใกล้เคียงกับการเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกันตั้งแต่บัดนั้น มันเป็นการเสริมบารมี เสริมกำลัง ให้กับอิหร่านมากขึ้น เกินกว่าที่ซาอุดิ จะไม่สนใจ

    แต่ที่เป็นหนามตำใจมาตลอด คือเรื่องสาวข้างบ้าน อิสราเอลนั่นแหละ ที่ทำให้ซาอุดิเห็นว่า อเมริกา ตาชั่งเอียงจนน่าเกลียด เรื่องนี้ไม่มีทางแก้แน่นอน ซาอุดิรู้ดีอยู่แก่ใจ มีแต่ทางเดินออก ซาอุดิจะกล้าเดินออกไหมเท่านั้น

    พอไปรวมกับเรื่องอียิปต์ ซึ่งซาอุดิเห็นว่า ขนาด Hosni Mubarak ผู้ซึ่งเป็นลูกหาบที่ซื่อสัตย์มาให้อเมริกา 30 กว่าปี อเมริกายังโยนทิ้งเฉย ปล่อยให้ Muslim Brotherhood มุสลิมหัวรุนแรงที่ไม่เอาพวกตะวัน ตก ขึ้นมาปกครองอียิปต์แทน แน่นอน ซาอุดิต้องหงุดหงิด กลุ้มใจ จนหน้าคล้ำหนักไปกว่าเดิม แบบนี้แปลว่าอะไร อเมริกาไม่สนใจหรือว่า มันจะยิ่งสร้างความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางมากขึ้น เผลอๆ เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดที่ซาอุดิก็ได้ อเมริกาปล่อยให้เป็นอย่านี้ได้อย่างไร

    เรื่องอิสราเอลยังแก้ไม่ออก เรื่องอียิปต์ดันมาเกิดขึ้นต่อ บวกกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ยังค้างคา นี่ยังมามีเรื่องซีเรียอีก เรื่องซีเรียที่ซาอุดิก็ไม่รัก เอะ เสี่ยซาอุรักใครมั่งนะ ชักสงสัย สู้กันมา3 ปีกว่าแล้ว เรื่องยังไม่จบเสียที ไอ้เจ้า Assad นี่มันทนทายาด แล้วอเมริกาก็ดันประกาศ (ในปี ค.ศ. 2013) ว่าจะไม่ใช้กองกำลังจัดการเรื่องซีเรีย โอ้ย กลุ้มใจโว้ย ยังถอนใจไม่หายเหนื่อย หน่อไอซิสก็ทะลี่งได้ปุ๋ยดี บานเต็มท้องทุ่งซีเรีย อิรัค นี่ถ้ามันดันชอบอากาศแถวซาอุดิ มางอกต่อแถวนี้ พวกซาอุดิจะเอาอยู่ไหม

    หงุดหงิดแล้ว ก็เลยพาลน้อยใจต่อ ซาอุดิน้อยใจ คิดหนัก คิดจริงจังคือ เรื่องอิหร่าน (อีกแล้ว) การเจรจา ระหว่างพวกตะวันตกกับอิหร่าน เรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซาอุดิมองว่า ถ้าการเจรจาเข้าทางอิหร่าน ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะฝ่ายของซาอุดิจะเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหายเลยทีเดียว ฝ่ายที่มีนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง คือฝ่ายที่มีอำนาจควบคุมอ่าวเปอร์เซีย รวมไปทั้งตะวันออกกลาง ที่สำคัญ ซาอุดิมองว่า การใช้วิธีเจรจากับอิหร่าน ดูเหมือนเป็นการเริ่มกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน อย่าลืมว่าคู่นี้ เขาเคยเป็นคู่รัก คู่แค้นกันมาก่อน หรือถ่านไฟเก่ามันจะคุขึ้นมาใหม่ ?!?!

    (2)
    ตกลงอเมริกากำลัง “shifting away” หันเหไปจากสัมพันธ์พิเศษกับซาอุดิหรือ มันดูเหมือนมีอาการของการนอกใจ ที่มองเห็นได้จากทั้งฝ่ายซาอุดิและฝ่ายอเมริกาเอง

    ทางฝ่ายซาอุดินั้น อดีตหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรอง และอดีตฑูตซาอุดิประจำอเมริกา Prince Bandar bin Sultan พูดตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้วว่า ทางซาอุดิอาจจะมีการเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ ระหว่างซาอุดิกับอเมริกา เป็นการประท้วงอเมริกาที่ไม่ขยับอะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องการรบในซีเรีย รวมทั้งการที่อเมริกามีท่าที เหมือนจะไปสานสัมพันธ์ใหม่กับอิหร่าน อ้อ เรื่องนี้เอง ที่มันคาใจคนนอนเตียงเดียวกัน

    คำพูดของ Prince Bandar คนเดียวคงไม่พอ Prince Turki al-Faisal อดีตหัวหน้าสายลับ และฑูตซาอุดิประจำสหประชาชาติ ออกมาทำเสียงเข้มว่า นโยบายเกี่ยวกับซีเรีย ของนายโอบามา ฟังแล้วน่าเศร้าใจ พร้อมกับบอกว่า ข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เรื่องการห้ามมิให้ Assad ใช้อาวุธเคมี เป็นหลุมพรางล่อให้อเมริกาตกพลั่ก เขวไปจากการใช้กำลังทหารจัดการในซีเรีย

    เขาต่อว่ากันแรงดีนะครับ ไม่เหมือนสมันน้อย คำน้อยคำ ก็ไม่ค่อยจะกล้าออกมาพาดพิงถึงลูกพี่ เชื่องดีจัง ( ช ช้างสะกดนะครับ ไม่ใช่ ข ไข่ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด ฮา)

    นักจัดรายการทีวีชาวอเมริกัน Fred Kaplan วิจารณ์ว่า คำพูดของฝ่ายซาอุดิในเรื่องนี้ เหมือน “game of high-way chicken” เขาเตือนนายโอบามาว่า ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไก่อาจหลุดมือ วิ่งหายไปได้ หรือโอบามาไม่สนใจ เพราะอเมริกากำลังตื่นเต้นกับการค้นพบพลังงานใหม่ ที่จะไม่ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจแล้ว หรือปล่อยให้ไก่วิ่งจนเหนื่อยก่อน

    หลังจากนั้น ขบวนการกดดันอเมริกาโดยกลุ่ม Gulf Cooperation Council (GCC) ลูกน้องคุณพี่ซาอุก็เกิดขึ้น นำโดยอาหรับอามิเรต และกาต้าร์เศรษฐีใหญ่ทั้งคู่ ออกโรงเดินสายคุยกับพวกถังความคิด Think Tank ของอเมริกา พร้อมเอาเงินบริจาคกล่องใหญ่ไปฝาก การลงทุนได้ผล ถังความคิดรีบออกรายงานทันที อเมริกาจะปล่อยให้พรรคพวกในตะวันออกกลาง แก้ไขปัญหาเรื่องซีเรียกับไอซิส โดยลำพังหรือ มันดูเหมือนอเมริกากำลังทิ้งเพื่อนที่มีความสัมพันธ์พิเศษนะ เพราะถ้าพวกเขาจัดการไม่ได้ คนที่จะตกที่นั่งลำบากคืออเมริกา แหม! นึกว่าถังความคิดชั้นนำระดับโลกจะสั่งไม่ได้ มีเงินจ่ายก็ใช้ได้ทั้งนั่นแหละครับ

    อเมริกา ถึงยังทิ้งกระบองยอดเพชร ที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 70 ปี ไม่ลง

    นายโอบามา ทำหน้าชื่นไปหากษัตริย์ Abdullah เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั่งปรับความไม่เข้าใจกัน การแถลงข่าวภายหลังการปรับคลื่น สรุปว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีการหารือกัน เรื่องซีเรีย เรื่องการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ การร่วมกันต่อต้านการก่อการร้าย และสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง (จากการแถลงข่าวของ ทำเนียบขาว เมื่อ 28 มีนาคม 2014)
    เอกสารที่แจกในการแถลงข่าว บอกด้วยว่าซาอุดิอารเบีย เป็นลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ที่ซื้ออาวุธของอเมริกา U S Foreign Military Sales (FMS) คือประมาณ 97 พันล้านเหรียญ และอเมริกา ส่งสินค้าออกไปยังซาอุดิอารเบียในปี 2013 จำนวน 35 พันล้านเหรียญ และขณะนี้มีชาวซาอุดิ ประมาณ 8 หมื่นคน เรียนหนังสืออยู่ในอเมริกา

    อืม ดูเหมือนจะเป็นรายงาน ที่แปลงความสัมพันธ์เป็นตัวเงิน (รายได้) ของอเมริกา มากกว่าจะเป็นการให้ข้อมูล ที่ทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น

    นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อในช่วงนั้น ยังสรุปไปทิศทางเดียวกันว่า แม้จะมีความเห็นไม่สอดคล้องกันทุกเรื่อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับซาอุดิอารเบีย ก็ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก not broken เตียงยังไม่หัก ไม่ชำรุดขาเตียงยังอยู่ครบดี ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือทางการต่อต้านผู้ก่อการร้าย การทหาร การธุรกิจและด้านยุทธศาสตร์ อู้ย พูดกันรู้เรื่องดีคร้าบ

    แต่ก็คงจะเร็วไป ที่จะสรุปว่าคู่นี่เขาจะยังมั่นคงกันดีตลอดไป เพราะมันก็ยังเห็นรอยร้าวค้างอยู่ และแม้จะยังไม่ถึงกับทำให้ซาอุดิอารเบีย แยกทางกับอเมริกา แต่ซาอุดิอารเบียก็บอกว่า ไม่ปิดทางตัวเองที่จะมองหาหุ้นส่วนรายใหม่เช่นเดียวกัน นโยบายไม่แทงม้าตัวเดียว ไม่ใช่มีแต่อเมริกาเท่านั้นที่เล่นเป็น เอะ แล้วใครนะที่ซาอุดิอารเบีย เริ่มเจรจาต้าอวยไว้

    (3)

    ถังความคิดตัวแสบ CSIS Think Tank ได้ออกรายงานการวิเคราะห์ The True Nature of the Saudi Succession “Crisis” วิกฤติตามธรรมชาติของการสืบสันตติวงศ์ของ Saudi เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2015 นี้ก่อนการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ Abdullah ไม่นานนัก

    รายงานสรุปว่า กษัตริย์ Abdullah ได้เตรียมการล่วงหน้ามานานแล้วอย่างเรียบร้อยดี ทั้งเรื่องในพระราชวงศ์ เรื่องในประเทศ ทั้งด้านศาสนา และรัฐบาล รวมทั้งเรื่องการต่างประเทศ เท่าที่จะทำได้ แน่นอนหลายปัจจัย ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องมีตามสภาพ….รายงานแจงค่อนข้างละเอียดว่า เตรียมการอะไร ใครเป็นใคร ตามประสา นิสัยเสือกทุกเรื่องของอเมริกา

    แต่ที่น่าจะสนใจคือ บางส่วนที่รายงานการวิคราะห์ดังกล่าวระบุถึง ซึ่งไม่ได้เกี่ยว หรือมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่เป็นเรื่องที่รายงานการวิเคราะห์ ระบุถึงสภาพสังคมของซาอุดิอารเบีย
    เป็นส่วนของรายงานที่บอกว่า ปี 2015 ซาอุดิจะมีประชากรประมาณ 27.8 ล้านคน ปี 2025 จะมี 31.9 ล้านคน และปี 2050 จะมีประชากร 40.3 ล้านคน ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียเป็นสังคมที่มีวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในวัยที่ต้องทำงานแต่ไม่ทำงาน โดยอยู่ด้วยสวัสดิการของรัฐ มีตลาดแรงงานประมาณ 8.4 ล้านคน แต่เป็นชาวซาอุดิเพียง 1.7 ล้านคน ที่ผ่านมา ซาอุดิรับมือกับวัยรุ่นจำนวนมากที่ไม่ทำงานได้พอสมควร เพราะที่ผ่านมา ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงกว่าปัจจุบันมากมาย

    ขณะที่อัตราประชากรเพิ่ม และมีคนไม่ยอมทำงาน แต่รายรับของประเทศ ซึ่งมาจากน้ำมันอย่างเดียว ลดลง ตามราคาน้ำมันโลก (หรือจากการร่วมมือกันกดราคาน้ำมันก็ตาม) ขณะเดียวกัน ซาอุดิก็มีรายจ่ายเกี่ยวกับความ มั่นคงของรัฐ สูงที่สุดในโลก ซาอุดิ มีสตรูมากหน้า ทั้งที่เป็นรัฐ และไม่ใช่รัฐ รวมทั้งมีก่อการร้ายเสมอ จากการที่เป็นผู้ดูแลสถานที่
    เรื่อง เตียงหัก ” เตียงหัก !” (1) หลังจากที่กษัตริย์อับดุลลาแห่งซาอุดิอารเบีย สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2015 มงกุฏราชกุมาร เจ้าชายซาลมาน ซึ่งเป็นน้องชายก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ เป็นช่วงที่ตะวันออกกลางกำลังแดดร้อน ลมพัดแรง จะถึงกับมีพายุทะเลทรายหรือไม่ น่าเป็นห่วง เยเมน ที่อยู่ทางใต้ของซาอุดิ กำลังวุ่นวายเกิดศึกชิงเก้าอี้กัน ทางเหนือหน่อไอซิสยังไม่หยุดงอกทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์เทียม และกลายพันธุ์ ทั้งที่อิรัคและที่ซีเรีย ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านชื่ออิสราเอล ก็ยังบูดเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะมองหน้าและยิ้มให้กันได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าเพื่อน น่าจะเป็นเรื่องอิหร่าน ซึ่งถึงจะอยู่ห่างกันคนละฟาก แต่ซาอุดิก็เห็นอิหร่านเป็นคู่แข่งรัศมี ชิงความเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางกันมาตลอด อิหร่านกำลังก้มหน้าก้มตาพัฒนาระบบนิวเคลียร์ ที่อ้างว่าไม่ไช่เป็นอาวุธนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้น ซาอุดิก็หงุดหงิด ไม่พอใจ จะพอใจได้ยังไง ก็ตัวเองยังไม่มีนิวเคลียร์กับ เขาสักลูก แถมอาวุธที่มีอยู่ ยังต้องกัดฟันซื้อ โดยเฉพาะจากอเมริกา นึกว่าเขาให้ฟรีๆหรือ เปล่าหรอก แค่ลดราคาให้เท่านั้นเอง เค็มชะมัด แบบนี้ไม่หงุดหงิดได้ไง แต่ที่ไม่พอใจมากที่สุด คือไม่พอใจในอากัปกริยา ท่าทีของอเมริกา มากกว่า ซาอุดิอารเบียกับอเมริกา มีความสัมพันธ์ยาวนาน และแข็งแรงอย่างเป็นทางการมาประมาณ 70 ปีแล้ว ตั้งแต่ประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt กับกษัตริย์ Abd al-Aziz ibn Sa’ud ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย นั่งจับมือกันบนเรือรบ USS Quincy เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1945 แต่ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะแข็งแรงมากน้อยขนาดไหนไม่มีใครรู้ดี มีนักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ ทั้ง 2 ประเทศ อุปมาไว้น่าฟังว่า มันเหมือนการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม a marriage for convenience ไม่ใช่มาจากรักแรกพบ หรือรักแบบดูดดื่มฝังใจ เพาะบ่มรอกันมา 20 ปี เมื่อเป็นการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม จะให้หวือหวา หวานชื่นกันตลอด คงเป็นไปไม่ได้ มันคงจะเป็นประเภท ต่างก็ยี่ต๊อกใส่กันว่า ฉันได้มากกว่าเสีย หรือเธอได้มากกว่าฉันหรือเปล่า ทำนองนั้น เรื่องอะไรที่ไม่พอใจ ตราบใดที่บัญชีของทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่เป็นตัวแดง ก็ยังคงกล้อมแกล้ม กัดฟันอยู่กันต่อไป ตลอดการอยู่ร่วมกันของคู่แต่งงาน ซาอุดิฉุนจัดครั้งแรก ก็เมื่ออเมริกามีทีท่าว่าจะมีใจให้กับอิสราเอล สาวข้างบ้าน ที่อเมริกาให้การรับรองเมื่อปี ค.ศ.1948 แต่มันเป็นช่วงระหว่างการก่อร่างสร้างเมืองของซาอุดิ กษัตริย์ Abd al-Aziz จึงต้องกัดฟันมองไปทางอื่นแทน ขณะที่รอบข้างกดดันให้ยกเลิกสัมปทาน ที่ซาอุดิให้แก่ Aramco ของอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ.1933 หลังจากนั้น ก็มีเรื่องการสั่งห้ามซื้อขายน้ำมัน Oil Embargo ระหว่างกลุ่มค้าน้ำมันชาติอาหรับ กับกลุ่มตะวันตกในปี ค.ศ.1973-74 ซึ่งเป็นการเล่นกล หลอกต้มทั้งคนขายน้ำมันและคนใช้ น้ำมัน โดยพวกนักการเงินวอลสตรีท ที่จัดฉากโดยนาย Henry Kissinger ตัวแสบ ภายใต้การชักใยของ พวกโคตรรวย Rockefeller แต่เรื่องนี้มันก็ลงความเห็นยากว่า ฝ่ายไหนเสียมากกว่า ดูเหมือนจะเป็นมวยล้มต้มคนดู พวกที่เสียหายจริงๆ น่าจะเป็นพวกซื้อน้ำมัน จนแล้วยังทำซ่า อยากเป็นเสือตัวที่ห้ามากกว่า ไปอ่านรายละเอียดได้ จากนิทานเรื่องมายากลยุทธนะครับ ซาอุดิ เริ่มขัดใจจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องการบุกเข้าไปขยี้อิรัคของอเมริกา ไม่ใช่เพราะซาอุดิใจอ่อนสงสารอิรัคหรอก อย่าเข้าใจผิด แต่ซาอุดิเห็นว่า เป็นการทำให้ดุลยอำนาจในภูมิภาคเอียง ไปเข้าทางอิหร่านมากกว่า เพราะเป็นการเปิดทางให้อิหร่าน เข้าไปสนับสนุนกลุ่ม Nouri al-Maliki ขึ้นมามีอำนาจในอิรัค หลังจากซัดดัมถูกโค่น และทำให้อิรัคกับอิหร่าน ก็ใกล้เคียงกับการเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกันตั้งแต่บัดนั้น มันเป็นการเสริมบารมี เสริมกำลัง ให้กับอิหร่านมากขึ้น เกินกว่าที่ซาอุดิ จะไม่สนใจ แต่ที่เป็นหนามตำใจมาตลอด คือเรื่องสาวข้างบ้าน อิสราเอลนั่นแหละ ที่ทำให้ซาอุดิเห็นว่า อเมริกา ตาชั่งเอียงจนน่าเกลียด เรื่องนี้ไม่มีทางแก้แน่นอน ซาอุดิรู้ดีอยู่แก่ใจ มีแต่ทางเดินออก ซาอุดิจะกล้าเดินออกไหมเท่านั้น พอไปรวมกับเรื่องอียิปต์ ซึ่งซาอุดิเห็นว่า ขนาด Hosni Mubarak ผู้ซึ่งเป็นลูกหาบที่ซื่อสัตย์มาให้อเมริกา 30 กว่าปี อเมริกายังโยนทิ้งเฉย ปล่อยให้ Muslim Brotherhood มุสลิมหัวรุนแรงที่ไม่เอาพวกตะวัน ตก ขึ้นมาปกครองอียิปต์แทน แน่นอน ซาอุดิต้องหงุดหงิด กลุ้มใจ จนหน้าคล้ำหนักไปกว่าเดิม แบบนี้แปลว่าอะไร อเมริกาไม่สนใจหรือว่า มันจะยิ่งสร้างความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางมากขึ้น เผลอๆ เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดที่ซาอุดิก็ได้ อเมริกาปล่อยให้เป็นอย่านี้ได้อย่างไร เรื่องอิสราเอลยังแก้ไม่ออก เรื่องอียิปต์ดันมาเกิดขึ้นต่อ บวกกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ยังค้างคา นี่ยังมามีเรื่องซีเรียอีก เรื่องซีเรียที่ซาอุดิก็ไม่รัก เอะ เสี่ยซาอุรักใครมั่งนะ ชักสงสัย สู้กันมา3 ปีกว่าแล้ว เรื่องยังไม่จบเสียที ไอ้เจ้า Assad นี่มันทนทายาด แล้วอเมริกาก็ดันประกาศ (ในปี ค.ศ. 2013) ว่าจะไม่ใช้กองกำลังจัดการเรื่องซีเรีย โอ้ย กลุ้มใจโว้ย ยังถอนใจไม่หายเหนื่อย หน่อไอซิสก็ทะลี่งได้ปุ๋ยดี บานเต็มท้องทุ่งซีเรีย อิรัค นี่ถ้ามันดันชอบอากาศแถวซาอุดิ มางอกต่อแถวนี้ พวกซาอุดิจะเอาอยู่ไหม หงุดหงิดแล้ว ก็เลยพาลน้อยใจต่อ ซาอุดิน้อยใจ คิดหนัก คิดจริงจังคือ เรื่องอิหร่าน (อีกแล้ว) การเจรจา ระหว่างพวกตะวันตกกับอิหร่าน เรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซาอุดิมองว่า ถ้าการเจรจาเข้าทางอิหร่าน ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะฝ่ายของซาอุดิจะเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหายเลยทีเดียว ฝ่ายที่มีนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง คือฝ่ายที่มีอำนาจควบคุมอ่าวเปอร์เซีย รวมไปทั้งตะวันออกกลาง ที่สำคัญ ซาอุดิมองว่า การใช้วิธีเจรจากับอิหร่าน ดูเหมือนเป็นการเริ่มกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน อย่าลืมว่าคู่นี้ เขาเคยเป็นคู่รัก คู่แค้นกันมาก่อน หรือถ่านไฟเก่ามันจะคุขึ้นมาใหม่ ?!?! (2) ตกลงอเมริกากำลัง “shifting away” หันเหไปจากสัมพันธ์พิเศษกับซาอุดิหรือ มันดูเหมือนมีอาการของการนอกใจ ที่มองเห็นได้จากทั้งฝ่ายซาอุดิและฝ่ายอเมริกาเอง ทางฝ่ายซาอุดินั้น อดีตหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรอง และอดีตฑูตซาอุดิประจำอเมริกา Prince Bandar bin Sultan พูดตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้วว่า ทางซาอุดิอาจจะมีการเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ ระหว่างซาอุดิกับอเมริกา เป็นการประท้วงอเมริกาที่ไม่ขยับอะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องการรบในซีเรีย รวมทั้งการที่อเมริกามีท่าที เหมือนจะไปสานสัมพันธ์ใหม่กับอิหร่าน อ้อ เรื่องนี้เอง ที่มันคาใจคนนอนเตียงเดียวกัน คำพูดของ Prince Bandar คนเดียวคงไม่พอ Prince Turki al-Faisal อดีตหัวหน้าสายลับ และฑูตซาอุดิประจำสหประชาชาติ ออกมาทำเสียงเข้มว่า นโยบายเกี่ยวกับซีเรีย ของนายโอบามา ฟังแล้วน่าเศร้าใจ พร้อมกับบอกว่า ข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เรื่องการห้ามมิให้ Assad ใช้อาวุธเคมี เป็นหลุมพรางล่อให้อเมริกาตกพลั่ก เขวไปจากการใช้กำลังทหารจัดการในซีเรีย เขาต่อว่ากันแรงดีนะครับ ไม่เหมือนสมันน้อย คำน้อยคำ ก็ไม่ค่อยจะกล้าออกมาพาดพิงถึงลูกพี่ เชื่องดีจัง ( ช ช้างสะกดนะครับ ไม่ใช่ ข ไข่ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด ฮา) นักจัดรายการทีวีชาวอเมริกัน Fred Kaplan วิจารณ์ว่า คำพูดของฝ่ายซาอุดิในเรื่องนี้ เหมือน “game of high-way chicken” เขาเตือนนายโอบามาว่า ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไก่อาจหลุดมือ วิ่งหายไปได้ หรือโอบามาไม่สนใจ เพราะอเมริกากำลังตื่นเต้นกับการค้นพบพลังงานใหม่ ที่จะไม่ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจแล้ว หรือปล่อยให้ไก่วิ่งจนเหนื่อยก่อน หลังจากนั้น ขบวนการกดดันอเมริกาโดยกลุ่ม Gulf Cooperation Council (GCC) ลูกน้องคุณพี่ซาอุก็เกิดขึ้น นำโดยอาหรับอามิเรต และกาต้าร์เศรษฐีใหญ่ทั้งคู่ ออกโรงเดินสายคุยกับพวกถังความคิด Think Tank ของอเมริกา พร้อมเอาเงินบริจาคกล่องใหญ่ไปฝาก การลงทุนได้ผล ถังความคิดรีบออกรายงานทันที อเมริกาจะปล่อยให้พรรคพวกในตะวันออกกลาง แก้ไขปัญหาเรื่องซีเรียกับไอซิส โดยลำพังหรือ มันดูเหมือนอเมริกากำลังทิ้งเพื่อนที่มีความสัมพันธ์พิเศษนะ เพราะถ้าพวกเขาจัดการไม่ได้ คนที่จะตกที่นั่งลำบากคืออเมริกา แหม! นึกว่าถังความคิดชั้นนำระดับโลกจะสั่งไม่ได้ มีเงินจ่ายก็ใช้ได้ทั้งนั่นแหละครับ อเมริกา ถึงยังทิ้งกระบองยอดเพชร ที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 70 ปี ไม่ลง นายโอบามา ทำหน้าชื่นไปหากษัตริย์ Abdullah เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั่งปรับความไม่เข้าใจกัน การแถลงข่าวภายหลังการปรับคลื่น สรุปว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีการหารือกัน เรื่องซีเรีย เรื่องการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ การร่วมกันต่อต้านการก่อการร้าย และสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง (จากการแถลงข่าวของ ทำเนียบขาว เมื่อ 28 มีนาคม 2014) เอกสารที่แจกในการแถลงข่าว บอกด้วยว่าซาอุดิอารเบีย เป็นลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ที่ซื้ออาวุธของอเมริกา U S Foreign Military Sales (FMS) คือประมาณ 97 พันล้านเหรียญ และอเมริกา ส่งสินค้าออกไปยังซาอุดิอารเบียในปี 2013 จำนวน 35 พันล้านเหรียญ และขณะนี้มีชาวซาอุดิ ประมาณ 8 หมื่นคน เรียนหนังสืออยู่ในอเมริกา อืม ดูเหมือนจะเป็นรายงาน ที่แปลงความสัมพันธ์เป็นตัวเงิน (รายได้) ของอเมริกา มากกว่าจะเป็นการให้ข้อมูล ที่ทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อในช่วงนั้น ยังสรุปไปทิศทางเดียวกันว่า แม้จะมีความเห็นไม่สอดคล้องกันทุกเรื่อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับซาอุดิอารเบีย ก็ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก not broken เตียงยังไม่หัก ไม่ชำรุดขาเตียงยังอยู่ครบดี ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือทางการต่อต้านผู้ก่อการร้าย การทหาร การธุรกิจและด้านยุทธศาสตร์ อู้ย พูดกันรู้เรื่องดีคร้าบ แต่ก็คงจะเร็วไป ที่จะสรุปว่าคู่นี่เขาจะยังมั่นคงกันดีตลอดไป เพราะมันก็ยังเห็นรอยร้าวค้างอยู่ และแม้จะยังไม่ถึงกับทำให้ซาอุดิอารเบีย แยกทางกับอเมริกา แต่ซาอุดิอารเบียก็บอกว่า ไม่ปิดทางตัวเองที่จะมองหาหุ้นส่วนรายใหม่เช่นเดียวกัน นโยบายไม่แทงม้าตัวเดียว ไม่ใช่มีแต่อเมริกาเท่านั้นที่เล่นเป็น เอะ แล้วใครนะที่ซาอุดิอารเบีย เริ่มเจรจาต้าอวยไว้ (3) ถังความคิดตัวแสบ CSIS Think Tank ได้ออกรายงานการวิเคราะห์ The True Nature of the Saudi Succession “Crisis” วิกฤติตามธรรมชาติของการสืบสันตติวงศ์ของ Saudi เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2015 นี้ก่อนการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ Abdullah ไม่นานนัก รายงานสรุปว่า กษัตริย์ Abdullah ได้เตรียมการล่วงหน้ามานานแล้วอย่างเรียบร้อยดี ทั้งเรื่องในพระราชวงศ์ เรื่องในประเทศ ทั้งด้านศาสนา และรัฐบาล รวมทั้งเรื่องการต่างประเทศ เท่าที่จะทำได้ แน่นอนหลายปัจจัย ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องมีตามสภาพ….รายงานแจงค่อนข้างละเอียดว่า เตรียมการอะไร ใครเป็นใคร ตามประสา นิสัยเสือกทุกเรื่องของอเมริกา แต่ที่น่าจะสนใจคือ บางส่วนที่รายงานการวิคราะห์ดังกล่าวระบุถึง ซึ่งไม่ได้เกี่ยว หรือมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่เป็นเรื่องที่รายงานการวิเคราะห์ ระบุถึงสภาพสังคมของซาอุดิอารเบีย เป็นส่วนของรายงานที่บอกว่า ปี 2015 ซาอุดิจะมีประชากรประมาณ 27.8 ล้านคน ปี 2025 จะมี 31.9 ล้านคน และปี 2050 จะมีประชากร 40.3 ล้านคน ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียเป็นสังคมที่มีวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในวัยที่ต้องทำงานแต่ไม่ทำงาน โดยอยู่ด้วยสวัสดิการของรัฐ มีตลาดแรงงานประมาณ 8.4 ล้านคน แต่เป็นชาวซาอุดิเพียง 1.7 ล้านคน ที่ผ่านมา ซาอุดิรับมือกับวัยรุ่นจำนวนมากที่ไม่ทำงานได้พอสมควร เพราะที่ผ่านมา ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงกว่าปัจจุบันมากมาย ขณะที่อัตราประชากรเพิ่ม และมีคนไม่ยอมทำงาน แต่รายรับของประเทศ ซึ่งมาจากน้ำมันอย่างเดียว ลดลง ตามราคาน้ำมันโลก (หรือจากการร่วมมือกันกดราคาน้ำมันก็ตาม) ขณะเดียวกัน ซาอุดิก็มีรายจ่ายเกี่ยวกับความ มั่นคงของรัฐ สูงที่สุดในโลก ซาอุดิ มีสตรูมากหน้า ทั้งที่เป็นรัฐ และไม่ใช่รัฐ รวมทั้งมีก่อการร้ายเสมอ จากการที่เป็นผู้ดูแลสถานที่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานยอดเงินบริจาครวมล่าสุด ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2568 เวลา 17.00 น.
    มียอดเงินบริจาคสมทบ “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์
    รวม 202,989,756.97 บาท
    รายงานยอดเงินบริจาครวมล่าสุด ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2568 เวลา 17.00 น. มียอดเงินบริจาคสมทบ “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ รวม 202,989,756.97 บาท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • นังไอซ์ไม่หยุดด่าตัวเอง แชร์คอนเทนต์ลวงโลกเรื่องเยอรมันไม่มีการบริจาค ทั้งที่ความจริงมี ไอซ์หวังด้อยค่ากันจอมพลัง แต่กลับย้อนเข้าตัว เพราะพรรคส้มนี่แหละที่โพสขอเงินบริจาครัวๆ แถมล่อเรื่องขอลดหย่อนภาษีซะด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    นังไอซ์ไม่หยุดด่าตัวเอง แชร์คอนเทนต์ลวงโลกเรื่องเยอรมันไม่มีการบริจาค ทั้งที่ความจริงมี ไอซ์หวังด้อยค่ากันจอมพลัง แต่กลับย้อนเข้าตัว เพราะพรรคส้มนี่แหละที่โพสขอเงินบริจาครัวๆ แถมล่อเรื่องขอลดหย่อนภาษีซะด้วย #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกเริ่มเบื่อระอากับการสวมบทเป็นเหยื่อ เพื่อทำตัวให้น่าสงสารและขอบริจาคเงิน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    โลกเริ่มเบื่อระอากับการสวมบทเป็นเหยื่อ เพื่อทำตัวให้น่าสงสารและขอบริจาคเงิน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NES ครบรอบ 40 ปี: คุยกับ Frank Cifaldi ผู้ก่อตั้ง Video Game History Foundation” — เมื่อคอนโซลที่ช่วยกู้วิกฤตอุตสาหกรรม กลายเป็นรากฐานของเกมยุคใหม่

    ในโอกาสครบรอบ 40 ปีของ Nintendo Entertainment System (NES), Frank Cifaldi นักประวัติศาสตร์เกมและผู้ก่อตั้ง Video Game History Foundation ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Wccftech ถึงความสำคัญของ NES ที่ไม่เพียง “กู้” อุตสาหกรรมเกมจากวิกฤตปี 1983 แต่ยัง “ควบคุม” ทิศทางของมันในระยะยาว

    ประเด็นสำคัญจากบทสัมภาษณ์:

    NES คือจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรม: หลังจากวิกฤต Video Game Crash ปี 1983 ที่ทำให้ตลาดเกมล่มสลาย NES เปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมเกมคุณภาพสูงอย่าง Super Mario Bros. ซึ่งช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    “Nintendo” กลายเป็นคำพ้องกับ “วิดีโอเกม”: ด้วยความนิยมอย่างล้นหลามในช่วงปลายยุค 80s ถึงต้น 90s เด็ก ๆ ในยุคนั้นมอง NES เป็นศูนย์กลางของความบันเทิง

    กลยุทธ์ควบคุมคุณภาพ: Nintendo ใช้ชิป “lock-out” เพื่อควบคุมเกมที่ออกบนแพลตฟอร์มของตน ป้องกันเกมคุณภาพต่ำแบบที่เคยเกิดกับ Atari ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมมาจนถึงปัจจุบัน

    เบื้องหลังการเปิดตัว NES ที่ CES 1985: Cifaldi เปิดเผยว่า Nintendo เคยเกือบเปิดตัวระบบ AVS (Advanced Video System) ที่เน้นด้านการศึกษาและเทคโนโลยีมากกว่าเกม หากเลือกเส้นทางนั้น อุตสาหกรรมอาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

    เกือบถูก Atari ซื้อกิจการ: มีความพยายามจาก Atari ที่จะซื้อ Nintendo ก่อนเปิดตัว NES แต่ดีลล่มไป และ Cifaldi ยอมรับว่า “เราไม่รู้แน่ชัดว่าทำไม”

    ความท้าทายในการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์เกม: ปัญหาใหญ่คือ “ความตายของผู้รู้” และ “การย้ายบ้าน” ที่ทำให้เอกสารต้นฉบับหายไป Cifaldi เรียกร้องให้ผู้คนบริจาคสิ่งของเก่าแก่ให้กับมูลนิธิ

    เกมที่นิยมหรือมีอิทธิพลสูงสุดบน NES: Super Mario Bros. ทั้งสามภาคคือเกมที่ขายดีที่สุด ส่วนเกมจากแฟรนไชส์ดังอย่าง Teenage Mutant Ninja Turtles และ Top Gun ก็ขายดีเกินคาด

    มรดกของ NES: Cifaldi มองว่า NES เปลี่ยนเกมจาก “แฟชั่น” ให้กลายเป็น “อุตสาหกรรม” และวางรากฐานให้กับแนวคิดการควบคุมแพลตฟอร์มที่ยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้

    https://wccftech.com/nes-40th-anniversary-interview-with-video-game-history-foundation-founder-frank-cifald-the-console-that-saved-and-controlled-video-games/
    🎮 “NES ครบรอบ 40 ปี: คุยกับ Frank Cifaldi ผู้ก่อตั้ง Video Game History Foundation” — เมื่อคอนโซลที่ช่วยกู้วิกฤตอุตสาหกรรม กลายเป็นรากฐานของเกมยุคใหม่ ในโอกาสครบรอบ 40 ปีของ Nintendo Entertainment System (NES), Frank Cifaldi นักประวัติศาสตร์เกมและผู้ก่อตั้ง Video Game History Foundation ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Wccftech ถึงความสำคัญของ NES ที่ไม่เพียง “กู้” อุตสาหกรรมเกมจากวิกฤตปี 1983 แต่ยัง “ควบคุม” ทิศทางของมันในระยะยาว 🔑 ประเด็นสำคัญจากบทสัมภาษณ์: 🎮 NES คือจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรม: หลังจากวิกฤต Video Game Crash ปี 1983 ที่ทำให้ตลาดเกมล่มสลาย NES เปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมเกมคุณภาพสูงอย่าง Super Mario Bros. ซึ่งช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก 🎮 “Nintendo” กลายเป็นคำพ้องกับ “วิดีโอเกม”: ด้วยความนิยมอย่างล้นหลามในช่วงปลายยุค 80s ถึงต้น 90s เด็ก ๆ ในยุคนั้นมอง NES เป็นศูนย์กลางของความบันเทิง 🎮 กลยุทธ์ควบคุมคุณภาพ: Nintendo ใช้ชิป “lock-out” เพื่อควบคุมเกมที่ออกบนแพลตฟอร์มของตน ป้องกันเกมคุณภาพต่ำแบบที่เคยเกิดกับ Atari ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมมาจนถึงปัจจุบัน 🎮 เบื้องหลังการเปิดตัว NES ที่ CES 1985: Cifaldi เปิดเผยว่า Nintendo เคยเกือบเปิดตัวระบบ AVS (Advanced Video System) ที่เน้นด้านการศึกษาและเทคโนโลยีมากกว่าเกม หากเลือกเส้นทางนั้น อุตสาหกรรมอาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง 🎮 เกือบถูก Atari ซื้อกิจการ: มีความพยายามจาก Atari ที่จะซื้อ Nintendo ก่อนเปิดตัว NES แต่ดีลล่มไป และ Cifaldi ยอมรับว่า “เราไม่รู้แน่ชัดว่าทำไม” 🎮 ความท้าทายในการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์เกม: ปัญหาใหญ่คือ “ความตายของผู้รู้” และ “การย้ายบ้าน” ที่ทำให้เอกสารต้นฉบับหายไป Cifaldi เรียกร้องให้ผู้คนบริจาคสิ่งของเก่าแก่ให้กับมูลนิธิ 🎮 เกมที่นิยมหรือมีอิทธิพลสูงสุดบน NES: Super Mario Bros. ทั้งสามภาคคือเกมที่ขายดีที่สุด ส่วนเกมจากแฟรนไชส์ดังอย่าง Teenage Mutant Ninja Turtles และ Top Gun ก็ขายดีเกินคาด 🎮 มรดกของ NES: Cifaldi มองว่า NES เปลี่ยนเกมจาก “แฟชั่น” ให้กลายเป็น “อุตสาหกรรม” และวางรากฐานให้กับแนวคิดการควบคุมแพลตฟอร์มที่ยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้ https://wccftech.com/nes-40th-anniversary-interview-with-video-game-history-foundation-founder-frank-cifald-the-console-that-saved-and-controlled-video-games/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ หากต้องการให้กันจอมพลังชี้แจงเงินบริจาค ไอซ์กับพรรคประชาชนก็ต้องตอบสังคมด้วยว่า เงินบริจาคตอนเปิดตัวพรรค หายไปไหน 15 ล้านบาท ยอดบริจาค 25 ล้าน แต่แจ้งกับ กกต.ว่าได้ 9 ล้านกว่า
    #7ดอกจิก
    ♣ หากต้องการให้กันจอมพลังชี้แจงเงินบริจาค ไอซ์กับพรรคประชาชนก็ต้องตอบสังคมด้วยว่า เงินบริจาคตอนเปิดตัวพรรค หายไปไหน 15 ล้านบาท ยอดบริจาค 25 ล้าน แต่แจ้งกับ กกต.ว่าได้ 9 ล้านกว่า #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • จำได้ไหม เปิดตัวพรรคประชาชน คุยโวโอ้อวดยอดเงินบริจาคทะลุ 25 ล้าน แต่กลับแจ้ง กกต.ว่าได้รับบริจาค 9ล้าน7แสน เงินบริจาคหายไปไหน 15 ล้านว่ะ เข้ากระเป๋าหรือลงขวดลงพอด ทำเชี้ยเอาไว้แต่เสืออยากตราหน้าคนอื่น อยากตรวจสอบคนอื่น เหมือนที่แม่งูอ้างประชาธิปไตยแต่ในพรรคยังเหลื่อมล้ำ เล่นพรรคเล่นพวก เรียกร้องความเท่าเทียมแต่ในพรรคไม่เทียมเท่า ต่อต้านคุกคามแต่พวกมันแหละตัวพ่อคุกคาม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #กันจอมพลัง
    จำได้ไหม เปิดตัวพรรคประชาชน คุยโวโอ้อวดยอดเงินบริจาคทะลุ 25 ล้าน แต่กลับแจ้ง กกต.ว่าได้รับบริจาค 9ล้าน7แสน เงินบริจาคหายไปไหน 15 ล้านว่ะ เข้ากระเป๋าหรือลงขวดลงพอด ทำเชี้ยเอาไว้แต่เสืออยากตราหน้าคนอื่น อยากตรวจสอบคนอื่น เหมือนที่แม่งูอ้างประชาธิปไตยแต่ในพรรคยังเหลื่อมล้ำ เล่นพรรคเล่นพวก เรียกร้องความเท่าเทียมแต่ในพรรคไม่เทียมเท่า ต่อต้านคุกคามแต่พวกมันแหละตัวพ่อคุกคาม #คิงส์โพธิ์แดง #กันจอมพลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้องเขาน่ารักมาก คนไทยเราน่ารักทุกๆคนล่ะ มีโอกาส มีรายได้พอเลี้ยงชีพตนแล้ว เหลือบ้างแบ่งปันช่วยเหลือเราคนไทยด้วยกัน, ยามยากจนต่อจำเป็นในการต่อสู้เพื่อตนเอง,ยามร่ำรวยมั่งคั่งเหลือเก็บมีกำลังมากพอก็มีน้ำจิตน้ำใจแบ่งปันช่วยเหลือคนอื่นที่ครั้งหนึ่งตนก็เป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม,ร่ำรวยแล้วช่วยเหลือกันนั้นเอง.,แต่ตนต้องไม่ลำบากด้วยนะ.
    ..น้องสร้างตัวอย่างที่ดีอีกคนในการร่วมจรรโลงสังคมไทยเรา,ใครมีบาทสองบาทหรือสิบ 20บาทอย่าน้อยเนื้อต่ำใจ เงินทองของสัมมาอาชีพชอบมีพลังอนุภาคมากนักด้วยเจตนาจิตจาคะอันดีงาม อนุภาคบุญก็ไม่น้อยกว่าคนใดบริจาค10ล้าน 100ล้านเหรอ,ตามกำลังใครมันสะดวกที่สบายใจใครมัน.
    ..กำแพงสร้างรั้วลวดหนามเราคือตัวอย่างที่ดีก็ว่า คนละเล็กละน้อย.,คนไทยเราใจดีใจบุญด้วย,น้องเจนนี่ในโอกาสนี้ก็ด้วยเช่นกัน.,หลายๆคนๆหลายๆท่านที่ไม่เป็นข่าวไม่ออกสื่อก็เยอะ ปิดทองหลังพระก็มาก บางท่านก็ทานด้วยแรงกายเป็นต้น บุญทั้งนั้น,จึงร่วมขออนุโมทนาบุญเรา..คนไทยทุกๆคนทั่วประเทศด้วยรวมถึงน้องเจนนี่นี้ด้วย,เราร่วมแสดงความยินดีในบุญเขาให้เขามีพลังใจสร้างสิ่งดีๆทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างดีแล้ว,ร่วมเป็นกำลังใจสร้างความดีบนแผ่นดินไทยเรา,ไทยไม่ช่วยไทยใครจะมาช่วยเรา.

    https://youtube.com/shorts/4XPh65UKF74?si=_IfLQLYGXKd4R6hZ
    น้องเขาน่ารักมาก คนไทยเราน่ารักทุกๆคนล่ะ มีโอกาส มีรายได้พอเลี้ยงชีพตนแล้ว เหลือบ้างแบ่งปันช่วยเหลือเราคนไทยด้วยกัน, ยามยากจนต่อจำเป็นในการต่อสู้เพื่อตนเอง,ยามร่ำรวยมั่งคั่งเหลือเก็บมีกำลังมากพอก็มีน้ำจิตน้ำใจแบ่งปันช่วยเหลือคนอื่นที่ครั้งหนึ่งตนก็เป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม,ร่ำรวยแล้วช่วยเหลือกันนั้นเอง.,แต่ตนต้องไม่ลำบากด้วยนะ. ..น้องสร้างตัวอย่างที่ดีอีกคนในการร่วมจรรโลงสังคมไทยเรา,ใครมีบาทสองบาทหรือสิบ 20บาทอย่าน้อยเนื้อต่ำใจ เงินทองของสัมมาอาชีพชอบมีพลังอนุภาคมากนักด้วยเจตนาจิตจาคะอันดีงาม อนุภาคบุญก็ไม่น้อยกว่าคนใดบริจาค10ล้าน 100ล้านเหรอ,ตามกำลังใครมันสะดวกที่สบายใจใครมัน. ..กำแพงสร้างรั้วลวดหนามเราคือตัวอย่างที่ดีก็ว่า คนละเล็กละน้อย.,คนไทยเราใจดีใจบุญด้วย,น้องเจนนี่ในโอกาสนี้ก็ด้วยเช่นกัน.,หลายๆคนๆหลายๆท่านที่ไม่เป็นข่าวไม่ออกสื่อก็เยอะ ปิดทองหลังพระก็มาก บางท่านก็ทานด้วยแรงกายเป็นต้น บุญทั้งนั้น,จึงร่วมขออนุโมทนาบุญเรา..คนไทยทุกๆคนทั่วประเทศด้วยรวมถึงน้องเจนนี่นี้ด้วย,เราร่วมแสดงความยินดีในบุญเขาให้เขามีพลังใจสร้างสิ่งดีๆทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างดีแล้ว,ร่วมเป็นกำลังใจสร้างความดีบนแผ่นดินไทยเรา,ไทยไม่ช่วยไทยใครจะมาช่วยเรา. https://youtube.com/shorts/4XPh65UKF74?si=_IfLQLYGXKd4R6hZ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Librephone โดย FSF” — โปรเจกต์ปลดปล่อยมือถือจากซอฟต์แวร์ปิดซอร์ส ไม่ใช่แค่ Android fork แต่คือการท้าทายโครงสร้างระบบมือถือทั้งวงการ

    ในงานครบรอบ 40 ปีของ Free Software Foundation (FSF) ที่จัดขึ้นในบอสตัน มีการเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่ชื่อ “Librephone” ซึ่งไม่ใช่แค่การสร้างระบบปฏิบัติการมือถือแบบโอเพ่นซอร์ส แต่เป็นความพยายามครั้งใหญ่ในการ “ปลดปล่อย” มือถือจากซอฟต์แวร์ปิดซอร์สที่ฝังอยู่ในชิปและเฟิร์มแวร์

    Rob Savoye หัวหน้าทีมพัฒนา Librephone ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานกับ GNU toolchain ระบุว่า เป้าหมายหลักของโปรเจกต์คือการ reverse-engineer และแทนที่ binary blobs ที่อยู่ใน SoC (System-on-Chip) ของมือถือ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์ของตัวเองได้อย่างแท้จริง

    FSF ยืนยันว่า Librephone ไม่ใช่แค่ Android fork และไม่เกี่ยวกับการผลิตฮาร์ดแวร์ใหม่ แต่จะเน้นการสร้างสเปกที่ชัดเจนสำหรับนักพัฒนานอกเขต DMCA เพื่อให้สามารถสร้างระบบที่เป็นอิสระได้ โดยจะเริ่มจากอุปกรณ์ที่มี “ปัญหาเรื่องเสรีภาพ” น้อยที่สุดก่อน

    แม้แต่ระบบยอดนิยมอย่าง LineageOS ก็ยังมี binary blobs อยู่ FSF จึงหวังว่า Librephone จะเป็นรากฐานให้กับระบบที่ปลอดจากซอฟต์แวร์ปิดซอร์สอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับที่เคยสนับสนุนโครงการ Replicant มาก่อน

    ที่สำคัญคือ FSF ต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา ผู้ทดสอบ นักเขียนเอกสาร หรือผู้สนับสนุนด้านการเงิน โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ librephone.fsf.org

    ข้อมูลในข่าว
    Librephone เป็นโปรเจกต์ใหม่จาก Free Software Foundation (FSF)
    เป้าหมายคือการ reverse-engineer และแทนที่ proprietary binary blobs ในมือถือ
    ไม่ใช่ Android fork และไม่เกี่ยวกับการผลิตฮาร์ดแวร์
    มุ่งเน้นการสร้างสเปกสำหรับนักพัฒนานอกเขต DMCA
    เริ่มจากอุปกรณ์ที่มีปัญหาเรื่องเสรีภาพน้อยที่สุด
    Rob Savoye เป็นหัวหน้าทีมพัฒนา มีประสบการณ์กับ GNU toolchain
    FSF เคยสนับสนุนโครงการ Replicant มาก่อน
    LineageOS ยังมี binary blobs อยู่
    Librephone จะเป็นรากฐานให้กับระบบมือถือที่เสรีอย่างแท้จริง
    เปิดรับอาสาสมัครทุกระดับ ไม่จำกัดเฉพาะวิศวกร
    สนับสนุนได้ผ่านการบริจาค ทดสอบ เขียนเอกสาร หรือเผยแพร่ข้อมูล

    https://news.itsfoss.com/librephone-project-overview/
    📱 “Librephone โดย FSF” — โปรเจกต์ปลดปล่อยมือถือจากซอฟต์แวร์ปิดซอร์ส ไม่ใช่แค่ Android fork แต่คือการท้าทายโครงสร้างระบบมือถือทั้งวงการ ในงานครบรอบ 40 ปีของ Free Software Foundation (FSF) ที่จัดขึ้นในบอสตัน มีการเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่ชื่อ “Librephone” ซึ่งไม่ใช่แค่การสร้างระบบปฏิบัติการมือถือแบบโอเพ่นซอร์ส แต่เป็นความพยายามครั้งใหญ่ในการ “ปลดปล่อย” มือถือจากซอฟต์แวร์ปิดซอร์สที่ฝังอยู่ในชิปและเฟิร์มแวร์ Rob Savoye หัวหน้าทีมพัฒนา Librephone ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานกับ GNU toolchain ระบุว่า เป้าหมายหลักของโปรเจกต์คือการ reverse-engineer และแทนที่ binary blobs ที่อยู่ใน SoC (System-on-Chip) ของมือถือ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์ของตัวเองได้อย่างแท้จริง FSF ยืนยันว่า Librephone ไม่ใช่แค่ Android fork และไม่เกี่ยวกับการผลิตฮาร์ดแวร์ใหม่ แต่จะเน้นการสร้างสเปกที่ชัดเจนสำหรับนักพัฒนานอกเขต DMCA เพื่อให้สามารถสร้างระบบที่เป็นอิสระได้ โดยจะเริ่มจากอุปกรณ์ที่มี “ปัญหาเรื่องเสรีภาพ” น้อยที่สุดก่อน แม้แต่ระบบยอดนิยมอย่าง LineageOS ก็ยังมี binary blobs อยู่ FSF จึงหวังว่า Librephone จะเป็นรากฐานให้กับระบบที่ปลอดจากซอฟต์แวร์ปิดซอร์สอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับที่เคยสนับสนุนโครงการ Replicant มาก่อน ที่สำคัญคือ FSF ต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา ผู้ทดสอบ นักเขียนเอกสาร หรือผู้สนับสนุนด้านการเงิน โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ librephone.fsf.org ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Librephone เป็นโปรเจกต์ใหม่จาก Free Software Foundation (FSF) ➡️ เป้าหมายคือการ reverse-engineer และแทนที่ proprietary binary blobs ในมือถือ ➡️ ไม่ใช่ Android fork และไม่เกี่ยวกับการผลิตฮาร์ดแวร์ ➡️ มุ่งเน้นการสร้างสเปกสำหรับนักพัฒนานอกเขต DMCA ➡️ เริ่มจากอุปกรณ์ที่มีปัญหาเรื่องเสรีภาพน้อยที่สุด ➡️ Rob Savoye เป็นหัวหน้าทีมพัฒนา มีประสบการณ์กับ GNU toolchain ➡️ FSF เคยสนับสนุนโครงการ Replicant มาก่อน ➡️ LineageOS ยังมี binary blobs อยู่ ➡️ Librephone จะเป็นรากฐานให้กับระบบมือถือที่เสรีอย่างแท้จริง ➡️ เปิดรับอาสาสมัครทุกระดับ ไม่จำกัดเฉพาะวิศวกร ➡️ สนับสนุนได้ผ่านการบริจาค ทดสอบ เขียนเอกสาร หรือเผยแพร่ข้อมูล https://news.itsfoss.com/librephone-project-overview/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Free Software Foundation Is Serious About The Librephone Project [To Bring Mobile Freedom To The Masses]
    Not just another Android fork, this project aims to liberate mobile computing at its core.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุญของคนไทยที่มีพระอย่างหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ชวนคนไทยบริจาคทองคำช่วยชาติ ขออนุโมทนาบุญกุศลร่วมกัน ราคาทองแท่ง เกิน 43xx USD ต่อ 1 Oz แล้ว

    หวังว่า ธปท. จะเบิกทองคำที่ฝากไว้ที่ USA ออกมาไว้ที่อื่น ที่เหมาะสมแทน
    บุญของคนไทยที่มีพระอย่างหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ชวนคนไทยบริจาคทองคำช่วยชาติ ขออนุโมทนาบุญกุศลร่วมกัน ราคาทองแท่ง เกิน 43xx USD ต่อ 1 Oz แล้ว หวังว่า ธปท. จะเบิกทองคำที่ฝากไว้ที่ USA ออกมาไว้ที่อื่น ที่เหมาะสมแทน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ โฉมหน้า นางแมรี่ เลาลอร์ (Mary Lawlor) ผู้แทน UN ที่ออกมาปกป้อง สวะอังเคิลนา คนไทยต้องเลิกบริจาคเงินให้ทุกหน่วยงานของ UN เพราะมันเอาเงินบริจาคของชาวโลกไปถลุงใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองและอำนาจต่อรองกดดัน มีเพียงเศษเสี้ยวเงินที่ไปถึงมทอผู้ยากไร้
    #7ดอกจิก
    ♣ โฉมหน้า นางแมรี่ เลาลอร์ (Mary Lawlor) ผู้แทน UN ที่ออกมาปกป้อง สวะอังเคิลนา คนไทยต้องเลิกบริจาคเงินให้ทุกหน่วยงานของ UN เพราะมันเอาเงินบริจาคของชาวโลกไปถลุงใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองและอำนาจต่อรองกดดัน มีเพียงเศษเสี้ยวเงินที่ไปถึงมทอผู้ยากไร้ #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดร.เอ้ สุชัชวีร์' ขอบคุณ "ร่วมกตัญญู" บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ แก่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/21916/
    .
    #ไทยไท #สุชัชวีร์ #มูลนิธิร่วมกตัญญู #โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ #นวัตกรรมการแพทย์ #บิณฑ์เอกพัน #บริจาค

    'ดร.เอ้ สุชัชวีร์' ขอบคุณ "ร่วมกตัญญู" บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ แก่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ https://www.thai-tai.tv/news/21916/ . #ไทยไท #สุชัชวีร์ #มูลนิธิร่วมกตัญญู #โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ #นวัตกรรมการแพทย์ #บิณฑ์เอกพัน #บริจาค
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น”

    ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว

    KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง

    นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

    KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025
    เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน

    เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี
    ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี

    เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน
    ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน

    KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
    ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft

    KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ
    เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี

    ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้
    เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE

    https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    🎉 “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น” ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ✅ KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025 ➡️ เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน ✅ เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี ➡️ ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี ✅ เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน ➡️ ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน ✅ KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ➡️ ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft ✅ KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ ➡️ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี ✅ ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้ ➡️ เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    KDE.ORG
    Happy Birthday to KDE
    This week is KDE’s 29th anniversary. It may not be a nice round number like 25 or 30, but whenever another birthday rolls around for an independent project the size and scope of KDE — powered by the goodwill of its contributors and users — that’s really quite something!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • “LMDE 7 เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ว — พลัง Debian 13 ผสานความลื่นไหลจาก Linux Mint”

    หลังจากที่แฟนๆ รอคอยกันมานาน ในที่สุด Linux Mint Debian Edition (LMDE) 7 หรือชื่อรหัส “Gigi” ก็เปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเวอร์ชันนี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Debian GNU/Linux 13 “Trixie” และมาพร้อมกับเดสก์ท็อป Cinnamon 6.4.13 ที่อัปเดตล่าสุด

    LMDE 7 ใช้เคอร์เนล Linux 6.12 LTS ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาว และรวมฟีเจอร์ใหม่ๆ จาก Linux Mint 22.2 “Zara” เช่น ระบบยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือผ่านแอป Fingwit, การรองรับ accent color สำหรับ XDG Desktop Portal, การปรับปรุงธีม และการใช้งานบน Wayland ที่ดีขึ้น

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการรองรับการติดตั้งแบบ OEM ซึ่งช่วยให้ LMDE สามารถถูกติดตั้งล่วงหน้าในคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายทั่วโลกได้อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในกรณีที่ Ubuntu ไม่สามารถใช้งานได้ในอนาคต โดย LMDE จะเป็นทางเลือกที่ยังคงมอบประสบการณ์แบบเดียวกับ Linux Mint

    รายละเอียดของ LMDE 7
    สร้างบน Debian GNU/Linux 13 “Trixie”
    ใช้เคอร์เนล Linux 6.12 LTS
    มาพร้อม Cinnamon 6.4.13

    ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ
    ระบบยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือผ่านแอป Fingwit
    รองรับ accent color สำหรับ XDG Desktop Portal
    ปรับปรุงความเข้ากันได้กับ libadwaita
    อัปเดตธีมและปรับปรุงการใช้งานบน Wayland

    การรองรับการติดตั้งแบบ OEM
    ช่วยให้ LMDE ถูกติดตั้งล่วงหน้าในคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายทั่วโลก
    เหมาะสำหรับผู้บริจาคหรือผู้ขายคอมพิวเตอร์ที่ต้องการระบบพร้อมใช้งาน

    เป้าหมายของ LMDE
    เป็นแผนสำรองหาก Ubuntu ไม่สามารถใช้งานได้ในอนาคต
    ใช้เป็นแพลตฟอร์มพัฒนาเพื่อให้ซอฟต์แวร์ของ Linux Mint ทำงานได้แม้นอกเหนือจาก Ubuntu

    การสนับสนุนระยะยาว
    LMDE 7 เป็นเวอร์ชัน LTS ที่จะได้รับอัปเดตด้านซอฟต์แวร์และความปลอดภัยต่อเนื่องหลายปี

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    อาจมีปัญหาความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์บางตัวที่พัฒนาสำหรับ Ubuntu โดยเฉพาะ
    ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Ubuntu อาจต้องปรับตัวกับระบบจัดการแพ็กเกจของ Debian
    การติดตั้งแบบ OEM ต้องมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการเตรียมระบบก่อนส่งมอบ

    https://9to5linux.com/lmde-linux-mint-debian-edition-7-is-now-available-for-download
    🐧 “LMDE 7 เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ว — พลัง Debian 13 ผสานความลื่นไหลจาก Linux Mint” หลังจากที่แฟนๆ รอคอยกันมานาน ในที่สุด Linux Mint Debian Edition (LMDE) 7 หรือชื่อรหัส “Gigi” ก็เปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเวอร์ชันนี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Debian GNU/Linux 13 “Trixie” และมาพร้อมกับเดสก์ท็อป Cinnamon 6.4.13 ที่อัปเดตล่าสุด LMDE 7 ใช้เคอร์เนล Linux 6.12 LTS ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาว และรวมฟีเจอร์ใหม่ๆ จาก Linux Mint 22.2 “Zara” เช่น ระบบยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือผ่านแอป Fingwit, การรองรับ accent color สำหรับ XDG Desktop Portal, การปรับปรุงธีม และการใช้งานบน Wayland ที่ดีขึ้น หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการรองรับการติดตั้งแบบ OEM ซึ่งช่วยให้ LMDE สามารถถูกติดตั้งล่วงหน้าในคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายทั่วโลกได้อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในกรณีที่ Ubuntu ไม่สามารถใช้งานได้ในอนาคต โดย LMDE จะเป็นทางเลือกที่ยังคงมอบประสบการณ์แบบเดียวกับ Linux Mint ✅ รายละเอียดของ LMDE 7 ➡️ สร้างบน Debian GNU/Linux 13 “Trixie” ➡️ ใช้เคอร์เนล Linux 6.12 LTS ➡️ มาพร้อม Cinnamon 6.4.13 ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ ➡️ ระบบยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือผ่านแอป Fingwit ➡️ รองรับ accent color สำหรับ XDG Desktop Portal ➡️ ปรับปรุงความเข้ากันได้กับ libadwaita ➡️ อัปเดตธีมและปรับปรุงการใช้งานบน Wayland ✅ การรองรับการติดตั้งแบบ OEM ➡️ ช่วยให้ LMDE ถูกติดตั้งล่วงหน้าในคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายทั่วโลก ➡️ เหมาะสำหรับผู้บริจาคหรือผู้ขายคอมพิวเตอร์ที่ต้องการระบบพร้อมใช้งาน ✅ เป้าหมายของ LMDE ➡️ เป็นแผนสำรองหาก Ubuntu ไม่สามารถใช้งานได้ในอนาคต ➡️ ใช้เป็นแพลตฟอร์มพัฒนาเพื่อให้ซอฟต์แวร์ของ Linux Mint ทำงานได้แม้นอกเหนือจาก Ubuntu ✅ การสนับสนุนระยะยาว ➡️ LMDE 7 เป็นเวอร์ชัน LTS ที่จะได้รับอัปเดตด้านซอฟต์แวร์และความปลอดภัยต่อเนื่องหลายปี ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ อาจมีปัญหาความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์บางตัวที่พัฒนาสำหรับ Ubuntu โดยเฉพาะ ⛔ ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Ubuntu อาจต้องปรับตัวกับระบบจัดการแพ็กเกจของ Debian ⛔ การติดตั้งแบบ OEM ต้องมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการเตรียมระบบก่อนส่งมอบ https://9to5linux.com/lmde-linux-mint-debian-edition-7-is-now-available-for-download
    9TO5LINUX.COM
    LMDE (Linux Mint Debian Edition) 7 Is Now Available for Download - 9to5Linux
    Linux Mint Debian Edition (LMDE) 7 distribution is now available for download based on the Debian GNU/Linux 13 "Trixie" operating system.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”
    ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
การ ปรับนโยบาย Right Sizing ของอเมริกา น่าจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน พิจารณาจากข่าวของ นสพ. วอชิงตันโพสต์ที่รายงานเมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ.2014 ว่า ได้มีการประชุมลับที่ Pentagon ในช่วงดังกล่าว เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐในอิรัก และตะวันออกลาง โดยมีนาย John J. Hamre ประธาน ของ The Defense Policy Board ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ รมว.กลาโหม Chuck Hagel เกี่ยวกับเรื่องละเอียดอ่อนทั้งปวง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลระดับสุดยอดให้ด้วย นาย Hamre ยังมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารของถังความคิด think tank ทรงอิทธิพลของอเมริกาคือ Centre for Strategic and International Studies (CSIS) อีกด้วย
    การประชุมดังกล่าวกำหนดไว้ 2 วัน ผู้เข้าร่วมประชุม มีระดับหัวกะทิข้นคลั่กของอเมริกาเข้าร่วมด้วยคือ นาย Zbigniew Brzezinski ตัวแสบ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สมัยประธานาธิบดี Carter คนขายถั่ว และเป็น trustee ของ CSIS และประธานร่วมของคณะที่ปรึกษา CSIS (ตำแหน่งมันยาวเหยียด เขียนไม่หมด เอาแค่นี้ก็พอเห็นฤทธิ์ และความใหญ่ของมันนะครับ) นอกจากนี้ ยังมีอดีต รมว.ต่างประเทศ Madeleine K. Albright (ซึ่งแม้จะเป็น รมว ต่างประเทศสมัย Clinton แต่เมื่อคาวบอย Bush จะขี่ช้างไปขยี้อิรัก เขาได้เชิญให้ Albright เป็นที่ปรึกษาด้วย) อดีตวุฒิสมาชิก Sam Nunn ประธาน Board of Trustee ของ CSIS และปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถาบัน Nuclear Threat Initiative (NTI) อืม น่าสนใจ! (มีเมียเป็น CIA ตัวใหญ่ และเขาเคยเป็นตัวเลือกที่จะเป็นผู้เข้าแข่งเป็นรองประธานาธิบดี คู่กับ Obama แต่ Obama กลับเลือก Joe Biden แทน) นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมประชุมยังมี Jane Harman ประธานถังความคิด think tank อีกใบ ที่มีอิทธิพลไม่น้อยกว่ากันคือ the Woodlow Wilson International Centre for Scholars และนาย Ryan Crocker อดีตฑูตอเมริกันในอิรัก
    นอกเหนือ จากผู้เข้าประชุมข้างต้น ซึ่งใหญ่คับห้องและน่าสนใจแล้ว Washington Post ยังบอกว่า ในการประชุม มีแขกพิเศษ 2 คน เข้าร่วมด้วย คนหนึ่งคือฑูตจาก UAE อีกคนคือ ฑูตของอังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่านิ้วก้อยข้างซ้าย ฯ !!!
    หลัง จากการประชุมลับจบ นักข่าวถามนาย Hamre ว่า ประชุมเรื่องอะไรกัน เห็นต่างชาติเข้ามาประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงของอเมริกาด้วย นาย Hamre ตอบว่า รมว.กลาโหม ขอให้คณะนโยบายฯ(ของผม) พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศที่มีความสำคัญยิ่ง และผมก็เชิญคนที่เก่งที่สุด (ในเรื่องนี้) มาเข้าประชุม
    Washington Post บอกว่า UAE และอังกฤษ เป็นพันธมิตรต่างชาติ ที่มีบทบาทสำคัญ ที่ร่วมกับรัฐบาล Obama ในการวางนโยบายต้านกลุ่มกองกำลังต่างๆ (Islamic State, the Jihadist ฯลฯ) ที่กำลังครอบครองส่วนใหญ่ของอิรักและซีเรียขณะนี้
    Washington Post อ้างด้วยว่า New York Times เองก็แสดงความเป็นห่วงว่า รัฐบาลของต่างประเทศ กำลังใช้เงินอุดหนุนแก่พวก think tank เป็นใบเบิกทาง เข้ามาในประตูของ Washington โดยผ่านการวิเคราะห์ของพวก think tank ที่มีส่วนในการเสนอนโยบาย (UAE และหลายประเทศในตะวันออกกลาง เป็นผู้สนับสนุนกระเป๋าหนักของ CSIS และอีกหลายถังความคิด)
    Washington Post รายงานต่อว่า ข่าวนี้ทำให้ นาย Hamre ควันออกจมูก เขาอีเมล์แถลงอย่างเป็นทางการว่า เป็นเรื่องไร้สาระ ที่จะคิดว่าฑูต UAE นาย Yousef al-Otaiba ได้รับเชิญมาเข้าร่วมประชุมที่ ไม่เปิดเผย เพราะ UAE เป็นผู้บริจาคเงินให้ CSIS แต่เขายอมรับว่า การที่ผู้มาเข้าประชุม มีบทบาททับซ้อนกัน อาจทำให้รู้สึกเกิดความไม่สบายใจ
    “ผมเชิญเขามา หารือใน เรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างสูง และสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา (ฑูต UAE ) แต่เขาเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ในบริเวณนั้นมากที่สุด ที่ผมจะหาได้ และเขารู้ว่า UAE และรัฐอื่นๆ จะมีบทบาทอย่างไร ในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอิรัก”
    ส่วนนาย Otaiba บอกว่า ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน “ผมพบหรือคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน Pentagon เกือบทุกวันอยู่แล้ว”
    ส่วน โฆษกของสถานฑูตอังกฤษ ยืนยันว่า นาย Peter Westmacott ฑูตอังกฤษ เข้าร่วมในการประชุมที่เป็นข่าวด้วย “แต่เราไม่สามารถแจ้งรายละเอียดของการประชุมที่เป็นส่วนตัวของฑูตได้”
    นาย Hamre บอกในคำแถลงของเขาว่า เขาเชิญ นาย Westmacott เพราะ “เขาเคยเป็นฑูตในอิหร่านและตุรกี และน่าจะมีมุมมองจากทางกลุ่มยุโรป เกี่ยวกับตะวันออกกลาง”
    Washington Post ระบุอีกด้วยว่า คณะที่ปรึกษาเช่นคณะ Defense Policy นี้ ตามกฏหมายต้องประกาศการประชุมล่วงหน้า 15 วัน แต่การประชุมที่เป็นข่าวนี่ ไม่มีการประกาศล่วงหน้า มีเพียงการแจ้งในวันประชุมนั้น เองว่า จะมีการประชุมภายใน ที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ และได้รับการอนุญาตจาก Pentagon ไม่ต้องประกาศล่วงหน้า เนื่องจากความยากลำบากในการสรุปวาระการประชุม “due to diffcultics finalizing the meeting agenda”
    นอกจากนี้ ก่อนที่นาย Obama จะประกาศ เมื่อวันที่ 23 กันยายน ค.ศ.2014 เกี่ยวกับการรวมกำลังกับพรรคพวกอาหรับ เพื่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศจัดการ ต่อกลุ่มติดอาวุธรัฐอิลาม IS ในซีเรีย
    CSIS ได้นำเอกสารชื่อ The Islamic State Campaign : Key Strategic and Tactical Challenges ลงวันที่ 9 กันยายน ค.ศ.2014 มาว่อนให้อ่านกัน ถึงยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งเป็นการเขียนอย่างคร่าวๆ แต่มีตารางการสำรวจความเห็น น่าเอามาเล่าสู่กันฟัง เป็นตารางที่อ้างว่าทำโดย Washington Post ร่วมกับ ABC
    สำหรับคำถามว่า ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) สนับสนุนการให้อเมริกาใช้กำลังทางอากาศจัดการกับพวกก่อความไม่สงบโดยพวกสุนหนี่ในอิรักหรือไม่
คำตอบในเดือน มิถุนายน 45% สนับสนุน
คำตอบในเดือน สิงหาคม 54% สนับสนุน
คำตอบในเดือน ปัจจุบัน 71% สนับสนุน
    สำหรับคำถามเกี่ยวกับ Isalamic State ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) เห็นว่า Isalamic State คุกคามต่อผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน
คำตอบ คุกคามอย่างรุนแรง 59%
คำตอบ รุนแรงเหมือนกัน 31%
คำตอบ ไม่รุนแรง 5%
คำตอบ ไม่รุนแรงเลย 2% ไม่ออกความเห็น 2%
    สำหรับคำถามว่า ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) สนับสนุนหรือคัดค้าน……..
การที่อเมริกาจะใช้กำลังทางอากาศจัดการกับพวกสุนหนี่ย์ที่ก่อความไม่สงบในอิรัก เห็นด้วย 71%
ขยายการใช้กำลังไปถึงพวกก่อความไม่สงบในซีเรีย เห็นด้วย 65%
ให้อเมริกาติดอาวุธให้กับพวกกองกำลังชาว Kurd ที่ต่อต้านพวกก่อความไม่สงบ เห็นด้วย 55%
    เห็นตัวเลขการสำรวจที่ถังความคิดค่ายนี้ เอามาแจงแล้ว ก็คงพอเดากันออก ถึงที่มาและที่จะไปกันนะครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
2 ตุลาคม 2557
    กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
การ ปรับนโยบาย Right Sizing ของอเมริกา น่าจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน พิจารณาจากข่าวของ นสพ. วอชิงตันโพสต์ที่รายงานเมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ.2014 ว่า ได้มีการประชุมลับที่ Pentagon ในช่วงดังกล่าว เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐในอิรัก และตะวันออกลาง โดยมีนาย John J. Hamre ประธาน ของ The Defense Policy Board ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ รมว.กลาโหม Chuck Hagel เกี่ยวกับเรื่องละเอียดอ่อนทั้งปวง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลระดับสุดยอดให้ด้วย นาย Hamre ยังมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารของถังความคิด think tank ทรงอิทธิพลของอเมริกาคือ Centre for Strategic and International Studies (CSIS) อีกด้วย การประชุมดังกล่าวกำหนดไว้ 2 วัน ผู้เข้าร่วมประชุม มีระดับหัวกะทิข้นคลั่กของอเมริกาเข้าร่วมด้วยคือ นาย Zbigniew Brzezinski ตัวแสบ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สมัยประธานาธิบดี Carter คนขายถั่ว และเป็น trustee ของ CSIS และประธานร่วมของคณะที่ปรึกษา CSIS (ตำแหน่งมันยาวเหยียด เขียนไม่หมด เอาแค่นี้ก็พอเห็นฤทธิ์ และความใหญ่ของมันนะครับ) นอกจากนี้ ยังมีอดีต รมว.ต่างประเทศ Madeleine K. Albright (ซึ่งแม้จะเป็น รมว ต่างประเทศสมัย Clinton แต่เมื่อคาวบอย Bush จะขี่ช้างไปขยี้อิรัก เขาได้เชิญให้ Albright เป็นที่ปรึกษาด้วย) อดีตวุฒิสมาชิก Sam Nunn ประธาน Board of Trustee ของ CSIS และปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถาบัน Nuclear Threat Initiative (NTI) อืม น่าสนใจ! (มีเมียเป็น CIA ตัวใหญ่ และเขาเคยเป็นตัวเลือกที่จะเป็นผู้เข้าแข่งเป็นรองประธานาธิบดี คู่กับ Obama แต่ Obama กลับเลือก Joe Biden แทน) นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมประชุมยังมี Jane Harman ประธานถังความคิด think tank อีกใบ ที่มีอิทธิพลไม่น้อยกว่ากันคือ the Woodlow Wilson International Centre for Scholars และนาย Ryan Crocker อดีตฑูตอเมริกันในอิรัก นอกเหนือ จากผู้เข้าประชุมข้างต้น ซึ่งใหญ่คับห้องและน่าสนใจแล้ว Washington Post ยังบอกว่า ในการประชุม มีแขกพิเศษ 2 คน เข้าร่วมด้วย คนหนึ่งคือฑูตจาก UAE อีกคนคือ ฑูตของอังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่านิ้วก้อยข้างซ้าย ฯ !!! หลัง จากการประชุมลับจบ นักข่าวถามนาย Hamre ว่า ประชุมเรื่องอะไรกัน เห็นต่างชาติเข้ามาประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงของอเมริกาด้วย นาย Hamre ตอบว่า รมว.กลาโหม ขอให้คณะนโยบายฯ(ของผม) พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศที่มีความสำคัญยิ่ง และผมก็เชิญคนที่เก่งที่สุด (ในเรื่องนี้) มาเข้าประชุม Washington Post บอกว่า UAE และอังกฤษ เป็นพันธมิตรต่างชาติ ที่มีบทบาทสำคัญ ที่ร่วมกับรัฐบาล Obama ในการวางนโยบายต้านกลุ่มกองกำลังต่างๆ (Islamic State, the Jihadist ฯลฯ) ที่กำลังครอบครองส่วนใหญ่ของอิรักและซีเรียขณะนี้ Washington Post อ้างด้วยว่า New York Times เองก็แสดงความเป็นห่วงว่า รัฐบาลของต่างประเทศ กำลังใช้เงินอุดหนุนแก่พวก think tank เป็นใบเบิกทาง เข้ามาในประตูของ Washington โดยผ่านการวิเคราะห์ของพวก think tank ที่มีส่วนในการเสนอนโยบาย (UAE และหลายประเทศในตะวันออกกลาง เป็นผู้สนับสนุนกระเป๋าหนักของ CSIS และอีกหลายถังความคิด) Washington Post รายงานต่อว่า ข่าวนี้ทำให้ นาย Hamre ควันออกจมูก เขาอีเมล์แถลงอย่างเป็นทางการว่า เป็นเรื่องไร้สาระ ที่จะคิดว่าฑูต UAE นาย Yousef al-Otaiba ได้รับเชิญมาเข้าร่วมประชุมที่ ไม่เปิดเผย เพราะ UAE เป็นผู้บริจาคเงินให้ CSIS แต่เขายอมรับว่า การที่ผู้มาเข้าประชุม มีบทบาททับซ้อนกัน อาจทำให้รู้สึกเกิดความไม่สบายใจ “ผมเชิญเขามา หารือใน เรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างสูง และสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา (ฑูต UAE ) แต่เขาเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ในบริเวณนั้นมากที่สุด ที่ผมจะหาได้ และเขารู้ว่า UAE และรัฐอื่นๆ จะมีบทบาทอย่างไร ในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอิรัก” ส่วนนาย Otaiba บอกว่า ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน “ผมพบหรือคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน Pentagon เกือบทุกวันอยู่แล้ว” ส่วน โฆษกของสถานฑูตอังกฤษ ยืนยันว่า นาย Peter Westmacott ฑูตอังกฤษ เข้าร่วมในการประชุมที่เป็นข่าวด้วย “แต่เราไม่สามารถแจ้งรายละเอียดของการประชุมที่เป็นส่วนตัวของฑูตได้” นาย Hamre บอกในคำแถลงของเขาว่า เขาเชิญ นาย Westmacott เพราะ “เขาเคยเป็นฑูตในอิหร่านและตุรกี และน่าจะมีมุมมองจากทางกลุ่มยุโรป เกี่ยวกับตะวันออกกลาง” Washington Post ระบุอีกด้วยว่า คณะที่ปรึกษาเช่นคณะ Defense Policy นี้ ตามกฏหมายต้องประกาศการประชุมล่วงหน้า 15 วัน แต่การประชุมที่เป็นข่าวนี่ ไม่มีการประกาศล่วงหน้า มีเพียงการแจ้งในวันประชุมนั้น เองว่า จะมีการประชุมภายใน ที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ และได้รับการอนุญาตจาก Pentagon ไม่ต้องประกาศล่วงหน้า เนื่องจากความยากลำบากในการสรุปวาระการประชุม “due to diffcultics finalizing the meeting agenda” นอกจากนี้ ก่อนที่นาย Obama จะประกาศ เมื่อวันที่ 23 กันยายน ค.ศ.2014 เกี่ยวกับการรวมกำลังกับพรรคพวกอาหรับ เพื่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศจัดการ ต่อกลุ่มติดอาวุธรัฐอิลาม IS ในซีเรีย CSIS ได้นำเอกสารชื่อ The Islamic State Campaign : Key Strategic and Tactical Challenges ลงวันที่ 9 กันยายน ค.ศ.2014 มาว่อนให้อ่านกัน ถึงยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งเป็นการเขียนอย่างคร่าวๆ แต่มีตารางการสำรวจความเห็น น่าเอามาเล่าสู่กันฟัง เป็นตารางที่อ้างว่าทำโดย Washington Post ร่วมกับ ABC สำหรับคำถามว่า ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) สนับสนุนการให้อเมริกาใช้กำลังทางอากาศจัดการกับพวกก่อความไม่สงบโดยพวกสุนหนี่ในอิรักหรือไม่
คำตอบในเดือน มิถุนายน 45% สนับสนุน
คำตอบในเดือน สิงหาคม 54% สนับสนุน
คำตอบในเดือน ปัจจุบัน 71% สนับสนุน สำหรับคำถามเกี่ยวกับ Isalamic State ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) เห็นว่า Isalamic State คุกคามต่อผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน
คำตอบ คุกคามอย่างรุนแรง 59%
คำตอบ รุนแรงเหมือนกัน 31%
คำตอบ ไม่รุนแรง 5%
คำตอบ ไม่รุนแรงเลย 2% ไม่ออกความเห็น 2% สำหรับคำถามว่า ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) สนับสนุนหรือคัดค้าน……..
การที่อเมริกาจะใช้กำลังทางอากาศจัดการกับพวกสุนหนี่ย์ที่ก่อความไม่สงบในอิรัก เห็นด้วย 71%
ขยายการใช้กำลังไปถึงพวกก่อความไม่สงบในซีเรีย เห็นด้วย 65%
ให้อเมริกาติดอาวุธให้กับพวกกองกำลังชาว Kurd ที่ต่อต้านพวกก่อความไม่สงบ เห็นด้วย 55% เห็นตัวเลขการสำรวจที่ถังความคิดค่ายนี้ เอามาแจงแล้ว ก็คงพอเดากันออก ถึงที่มาและที่จะไปกันนะครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
2 ตุลาคม 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุเทพ พันธุ์เพ็ง นำทีม ร.ฟ.ท. ร่วมแสดงความยินดีวันเกิดกรมทางหลวงชนบท ครบรอบ 23 ปี
    https://www.thai-tai.tv/news/21823/
    .
    #ไทยไท #รถไฟฟ้าสายสีแดง #กรมทางหลวงชนบท #วันสถาปนา #รัฐวิสาหกิจ #บริจาค
    สุเทพ พันธุ์เพ็ง นำทีม ร.ฟ.ท. ร่วมแสดงความยินดีวันเกิดกรมทางหลวงชนบท ครบรอบ 23 ปี https://www.thai-tai.tv/news/21823/ . #ไทยไท #รถไฟฟ้าสายสีแดง #กรมทางหลวงชนบท #วันสถาปนา #รัฐวิสาหกิจ #บริจาค
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Asus เผยเบื้องหลังการสร้าง ROG Astral RTX 5090D — การ์ดจอทองคำหนัก 5 กิโล มูลค่าครึ่งล้านดอลลาร์”

    ในโลกของฮาร์ดแวร์ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันด้านประสิทธิภาพและดีไซน์ Asus ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการเปิดตัว ROG Astral RTX 5090D รุ่นพิเศษที่ถือเป็น “การ์ดจอที่แพงที่สุดในโลก” ด้วยมูลค่ากว่า $500,000 หรือราว 18 ล้านบาท โดยการ์ดใบนี้ถูกสร้างขึ้นจากทองคำแท้หนักถึง 5 กิโลกรัม และมีน้ำหนักรวมกว่า 7.6 กิโลกรัม

    เบื้องหลังการสร้างมาจากโปรเจกต์ร่วมระหว่าง Asus ROG China และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อ Uncle Tony ซึ่งเผยขั้นตอนการผลิตผ่านวิดีโอที่แสดงให้เห็นการหลอมทอง การหล่อแม่พิมพ์ และการประกอบชิ้นส่วนอย่างละเอียด โดยใช้เวลาหลายเดือนและผ่านความล้มเหลวหลายครั้งก่อนจะสำเร็จ

    การ์ดรุ่นนี้ใช้โครงสร้างของ ROG Astral รุ่นปกติเป็นต้นแบบ ก่อนจะเปลี่ยนทุกชิ้นส่วนภายนอกให้เป็นทองคำแท้ รวมถึงการชุบทองในระบบระบายความร้อนด้วยฟินจำนวนมาก ผลลัพธ์คือการ์ดจอที่ทั้งหรูหราและหนักแน่น พร้อมลวดลายมงคลและโลโก้ ROG ที่ลงอีนาเมลอย่างประณีต

    เดิมทีการ์ดใบนี้ตั้งใจจะนำไปประมูลเพื่อการกุศล แต่สุดท้ายถูกซื้อโดยนักสะสมส่วนตัว โดยรายได้บางส่วนจะนำไปบริจาคให้กับโครงการเพื่อการศึกษาของเด็กในพื้นที่ชนบทผ่าน Bilibili Charity

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Asus สร้าง ROG Astral RTX 5090D รุ่นพิเศษจากทองคำแท้หนัก 5 กิโลกรัม
    น้ำหนักรวมของการ์ดอยู่ที่ 7.6 กิโลกรัม
    มูลค่ารวมของการ์ดประมาณ $500,000 หรือราว 18 ล้านบาท
    ใช้โครงสร้างจาก ROG Astral รุ่นปกติ แล้วเปลี่ยนชิ้นส่วนภายนอกเป็นทองคำ
    ระบบระบายความร้อนถูกชุบทอง และมีฟินจำนวนมาก
    ลวดลายบนการ์ดเป็นลายมงคล พร้อมโลโก้ ROG ที่ลงอีนาเมล
    โปรเจกต์ใช้เวลาหลายเดือนและผ่านการหล่อผิดพลาดหลายครั้ง
    เดิมตั้งใจนำไปประมูลเพื่อการกุศล แต่ถูกซื้อโดยนักสะสมส่วนตัว
    รายได้บางส่วนจะบริจาคให้ Bilibili Charity เพื่อช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ชนบท

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Asus เคยเปิดตัวรุ่น Dhahab Edition ที่ใช้ทองคำเพียง 6.5 กรัม มูลค่าราว $700
    รุ่น Dhahab เคยถูกนำไปประมูลได้สูงถึง $24,200
    การ์ดรุ่นทองคำนี้ใช้เทคนิค sand-mold casting ซึ่งให้พื้นผิวหยาบแบบศิลป์
    RTX 5090D รุ่นปกติใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และรองรับ DLSS 4
    การ์ดรุ่นนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เน้นสำหรับนักสะสมและโชว์ตัว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-reveals-how-usd500-000-rog-astral-rtx-5090d-was-made-worlds-most-expensive-gpu-is-hewn-from-5kg-of-pure-gold
    💰 “Asus เผยเบื้องหลังการสร้าง ROG Astral RTX 5090D — การ์ดจอทองคำหนัก 5 กิโล มูลค่าครึ่งล้านดอลลาร์” ในโลกของฮาร์ดแวร์ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันด้านประสิทธิภาพและดีไซน์ Asus ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการเปิดตัว ROG Astral RTX 5090D รุ่นพิเศษที่ถือเป็น “การ์ดจอที่แพงที่สุดในโลก” ด้วยมูลค่ากว่า $500,000 หรือราว 18 ล้านบาท โดยการ์ดใบนี้ถูกสร้างขึ้นจากทองคำแท้หนักถึง 5 กิโลกรัม และมีน้ำหนักรวมกว่า 7.6 กิโลกรัม เบื้องหลังการสร้างมาจากโปรเจกต์ร่วมระหว่าง Asus ROG China และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อ Uncle Tony ซึ่งเผยขั้นตอนการผลิตผ่านวิดีโอที่แสดงให้เห็นการหลอมทอง การหล่อแม่พิมพ์ และการประกอบชิ้นส่วนอย่างละเอียด โดยใช้เวลาหลายเดือนและผ่านความล้มเหลวหลายครั้งก่อนจะสำเร็จ การ์ดรุ่นนี้ใช้โครงสร้างของ ROG Astral รุ่นปกติเป็นต้นแบบ ก่อนจะเปลี่ยนทุกชิ้นส่วนภายนอกให้เป็นทองคำแท้ รวมถึงการชุบทองในระบบระบายความร้อนด้วยฟินจำนวนมาก ผลลัพธ์คือการ์ดจอที่ทั้งหรูหราและหนักแน่น พร้อมลวดลายมงคลและโลโก้ ROG ที่ลงอีนาเมลอย่างประณีต เดิมทีการ์ดใบนี้ตั้งใจจะนำไปประมูลเพื่อการกุศล แต่สุดท้ายถูกซื้อโดยนักสะสมส่วนตัว โดยรายได้บางส่วนจะนำไปบริจาคให้กับโครงการเพื่อการศึกษาของเด็กในพื้นที่ชนบทผ่าน Bilibili Charity ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Asus สร้าง ROG Astral RTX 5090D รุ่นพิเศษจากทองคำแท้หนัก 5 กิโลกรัม ➡️ น้ำหนักรวมของการ์ดอยู่ที่ 7.6 กิโลกรัม ➡️ มูลค่ารวมของการ์ดประมาณ $500,000 หรือราว 18 ล้านบาท ➡️ ใช้โครงสร้างจาก ROG Astral รุ่นปกติ แล้วเปลี่ยนชิ้นส่วนภายนอกเป็นทองคำ ➡️ ระบบระบายความร้อนถูกชุบทอง และมีฟินจำนวนมาก ➡️ ลวดลายบนการ์ดเป็นลายมงคล พร้อมโลโก้ ROG ที่ลงอีนาเมล ➡️ โปรเจกต์ใช้เวลาหลายเดือนและผ่านการหล่อผิดพลาดหลายครั้ง ➡️ เดิมตั้งใจนำไปประมูลเพื่อการกุศล แต่ถูกซื้อโดยนักสะสมส่วนตัว ➡️ รายได้บางส่วนจะบริจาคให้ Bilibili Charity เพื่อช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ชนบท ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Asus เคยเปิดตัวรุ่น Dhahab Edition ที่ใช้ทองคำเพียง 6.5 กรัม มูลค่าราว $700 ➡️ รุ่น Dhahab เคยถูกนำไปประมูลได้สูงถึง $24,200 ➡️ การ์ดรุ่นทองคำนี้ใช้เทคนิค sand-mold casting ซึ่งให้พื้นผิวหยาบแบบศิลป์ ➡️ RTX 5090D รุ่นปกติใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และรองรับ DLSS 4 ➡️ การ์ดรุ่นนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เน้นสำหรับนักสะสมและโชว์ตัว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-reveals-how-usd500-000-rog-astral-rtx-5090d-was-made-worlds-most-expensive-gpu-is-hewn-from-5kg-of-pure-gold
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Asus reveals how $500,000 ROG Astral RTX 5090D was made — world's most expensive GPU is hewn from 5KG of pure gold
    Asus influencer Uncle Tony built it, and a private collector has already bought it, with proceeds going to charity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่านนายกฯ ท่านรองนายกฝ่ายกฎหมายครับ ผมใช้ตำแหน่ง เพื่อเตือนใจท่านว่านี้คืออำนาจ ที่ต้องตัดสินใจ MOU มันไม่ใช่สนธิสัญญา และถึงแม้มันเป็นอะไรก็แล้วแต่ กัมพูชา ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ยั่วยุ ไม่สิ้นสภาพความเป็นภัย พวกคุณจะรออะไร โอกาสมาแล้วตั้งหลายเดือน ประชาชนได้แสดงออก บริจาคเงินซื้อโดรน ทำถนน ทำรั้ว เชื้อพระวงศ์ ก็ร่วมสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนชายแดน แล้วพวกคุณยังโบ้ยไปลงประชามติ ใจพวกคุณ มีสีแดงของธงชาติไทย บ้างไหมครับ หรือเลือดสีแดงพวกคุณ มันคือแดง-น้ำเงิน มีหินปูน ของธงชาติกัมพูชา ครับ

    https://youtu.be/i4to2QA2Sdk?si=9drgYxODaVdQgkzB
    ท่านนายกฯ ท่านรองนายกฝ่ายกฎหมายครับ ผมใช้ตำแหน่ง เพื่อเตือนใจท่านว่านี้คืออำนาจ ที่ต้องตัดสินใจ MOU มันไม่ใช่สนธิสัญญา และถึงแม้มันเป็นอะไรก็แล้วแต่ กัมพูชา ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ยั่วยุ ไม่สิ้นสภาพความเป็นภัย พวกคุณจะรออะไร โอกาสมาแล้วตั้งหลายเดือน ประชาชนได้แสดงออก บริจาคเงินซื้อโดรน ทำถนน ทำรั้ว เชื้อพระวงศ์ ก็ร่วมสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนชายแดน แล้วพวกคุณยังโบ้ยไปลงประชามติ ใจพวกคุณ มีสีแดงของธงชาติไทย บ้างไหมครับ หรือเลือดสีแดงพวกคุณ มันคือแดง-น้ำเงิน มีหินปูน ของธงชาติกัมพูชา ครับ https://youtu.be/i4to2QA2Sdk?si=9drgYxODaVdQgkzB
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts