• แผนสอยมังกร ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 3

    เมื่ออเมริกา ในสายตาของ CFR มองว่า จีนกำลังท้าทายอำนาจอันใหญ่ยิ่งของอเมริกาที่แผ่ไพศาล ปกคลุมโลกใบนี้ อย่างไม่มีผู้ใดหาญกล้ามาท้าทาย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ถ้าอเมริกาปล่อยให้จีนยืนยืดอก ท้าวสะเอว มองอเมริกาอย่างนี้ต่อไป อเมริกาคิดว่า หน้าตัวเองคงเหลือเพียงเสี้ยวเดียว ไม่รู้เสี้ยวบน หรือเสี้ยวล่าง อเมริกา โดยคำแนะนำ (หรือควรจะเรียกว่า คำสั่ง ?!) ของสุดกร่าง CFR จำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไปนี้:

    – ป้องกัน ยับยั้ง และลดโอกาส การข่มขู่ หรือคุกคาม การรุกรานทั้งในรูปแบบ หรือนอกรูปแบบ บนดินแดนของอเมริกาเอง หรือที่อเมริกามีอำนาจปกครอง ( ข้อนี้ นอกจากจะหมายถึงอาเฮียเองแล้ว สงสัย ตั้งใจส่งผ่านไปให้น้องคิมของผม ที่เกาหลีเหนือด้วย)

    – รักษาดุลยอำนาจในยุโรปและเอเซีย โดยการสนับสนุนให้มีสันติภาพ และความมั่นคงภายใต้การเป็น “ผู้นำ” ของอเมริกาและพันธมิตรของอเมริกา ( ข้อนี้ เข้าใจว่า คุณพี่ปูติน ขวัญใจสาวๆ คงต้องมาร่วมรับการด่ากระทบ พร้อมกับอาเฮีย ..แหม แต่ไอ้สุดกร่าง มันเขียนได้กร่างจริงๆ)

    – ป้องกันมิให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือยับยั้งการขยายตัว ของการใช้อาวุธประเภทที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง รวมทั้งจัดการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ วัสดุ และส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้ง การแพร่ขยาย และการเป็นตัวกลาง ผู้ให้การสนับสนุนระบบนิวเคลียร์ ( ข้อนี้ เข้าใจว่า ตั้งใจส่งข้อกล่าวหาหมู่ รวมเอาคุณพี่ปูติน และเสี่ยนิวเคลียร์สองลูกของผมที่อิหร่าน เข้าไปด้วย แต่ผมว่า ผู้ที่น่าจะต้องถูกควบคุมมากที่สุดตามข้อหานี้ น่าจะเป็นพระเจ้านักล่าใบตองแห้งเองมากกว่านะ ไอ้สุดกร่าง)

    – สร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นในสากลโลก ( ข้อนี้ คงอยู่ในแบบฟอร์มมาตรฐาน ถ้าไม่เอามาใส่ เป้าหมายการดำเนินการมันจะชัดจนน่าเกลียด และก็ทำให้นึกถึง พวกสมุนฝรั่งในบ้านเรา ที่ชอบท่องสูตรนี้เป็นประจำ อย่างน่าเบื่อหน่าย)
    ในการดำเนินการข้างต้น สุดกร่างบอกอเมริกาเอง ก็ต้องจัดระเบียบในบ้านตัวเองใหม่เช่นกัน ไม่ใช่ร้องเพลงเดียวกันแต่คนละโน็ต เสียงหลง จนหมาแมวข้างบ้านทนฟังไม่ไหว หอนรับกันเกรียว…. นี่ มันสมเป็นกับถังขยะความคิดสุดกร่างจริงๆ

    – อเมริกาจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจในบ้านตัวเองใหม่ ต้องสร้างสัมพันธ์ทางการค้าในเอเซียให้กระชับแน่นขี้น แน่นอน ยกเว้นกับจีน ซึ่งคงจะเป็นบทกระชากมาอัดมากกว่า และสร้างนโยบายด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ (geo-economic) ขึ้นในเอเซีย ระหว่างพันธมิตรของอเมริกา ที่มีความคิดในทิศทางเดียวกัน และหากลไกที่จะควบคุมจีนเช่นเดียวกัน(กับความคิดของอเมริกา) … ข้อนี้ อ่านกันสัก 2 รอบนะครับ จะได้เข้าใจว่า เขาหมายรวม หรือไม่รวม ไทยแลนด์แดนสยาม ของสมันน้อยเข้าไปด้วย ชอบคุยกันเองดีนัก ว่าจะวางนโยบายในประเทศยังไงเพื่อไปจับมือต่อ กับใครที่ไหน ระวังจะหน้าแตกแหกเยินกลับมาไม่รู้หรือไง ว่าเขาไม่นับตัวเป็นพวกแล้วนะ ไอ้พวกบ้าอยากเป็นขี้ข้าฝรั่ง คิดเป็นแต่เรื่อง จีดีพี

    – อเมริกาจะต้องเพิ่มงบประมาณลงทุน ในด้านความมั่นคงของประเทศขึ้นอีก เพื่อกองทัพของอเมริกา จะได้มีความพร้อมในการเอาชนะจีน ซึ่งรวมถึงเอาชนะการร่วมมือของฝ่ายจีนในการต่อต้านอเมริกาด้วย … นี่ก็เป็นการแจกของขวัญรวมของไอ้สุดกร่างนะครับ ว่าแต่ เขาหมายรวมไปถึงใครกันบ้าง …ที่เรียกว่า ฝ่ายจีน !?

    – อเมริกา จะต้องเสริมสร้างยุทธศาสตร์ ที่แสดงถึงสัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างอเมริกากับพันธมิตรในภูมิภาค ทั่วอาณาบริเวณอินโดแปซิฟิก เป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พันธมิตร ที่จะรับมือกับจีนได้อย่างอิสระ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกัน และการสนับสนุนอย่างเป็นระบบของอเมริกา … อืม…..สัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ….นี่มันด่าเราหรือไง จริงๆ น่าจะเป็นเราด่ามันมากกว่านะครับ

    – อเมริกา ควรจะมีการเจรจาทางการทูตระดับสูงกับจีน เพื่อพยายามลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับอเมริกา ที่มีอยู่อย่างล้ำลึกและตลอดเวลา และเพื่อให้พันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เข้าใจว่าอเมริกามีวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน .. เขียนด่าเขาสาดเสียเทเสียแบบนี้เนี่ยะนะ คิดหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า.…แหลน่าดูเลย ไอ้กร่าง
    Grand Strategy นี้ สุดกร่างบอกว่า จะต้องดำเนินการภายใต้การนำของโอบามา และผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แม้ว่าจะมีเรื่องความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่ในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดกับรัสเซียเกิด ขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ผู้นำของอเมริกา จะไม่จัดการให้มี Grand Strategy กับจีนไม่ได้ เพราะ การผงาดขึ้นมาของจีน เป็นการท้าทายอเมริกาไปอีกหลายทศวรรษ ผู้นำอเมริกาจะต้องเป็นผู้ลงมือถือบังเหียน และแส้เอง และจะต้องเป็นผู้เดินสาย ไปนั่งจับเข่าพูดกับผู้นำของเอเซีย และยุโรป ด้วยตนเอง

    และสำหรับฝ่ายรัฐสภา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ Grand Strategy นี้เกิดขึ้น ก็จะต้องให้ความร่วมมือ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต้องสนับสนุนให้อำนาจประธานาธิบดี ในการเดินหน้าเรื่อง Trans-Pacific Partnership (TPP) การทำสัญญาทางการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ในเอเซีย การปรับปรุงเรื่องกองทัพ และงบประมาณที่สำคัญสำหรับการคงอำนาจของอเมริกาในภูมิภาคนี้ และที่จะตอบโต้การเติบโตของจีน

    อ่านบทความนี้ ถึงตอนนี้ ผมใกล้จะเชื่อเต็มทีแล้วว่า นายโอบามา น่าจะเป็นเพียงเสมียนประจำทำเนียบขาว และ CFR น่าจะเป็นผู้นำของอเมริกาตัวจริง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 3 เมื่ออเมริกา ในสายตาของ CFR มองว่า จีนกำลังท้าทายอำนาจอันใหญ่ยิ่งของอเมริกาที่แผ่ไพศาล ปกคลุมโลกใบนี้ อย่างไม่มีผู้ใดหาญกล้ามาท้าทาย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ถ้าอเมริกาปล่อยให้จีนยืนยืดอก ท้าวสะเอว มองอเมริกาอย่างนี้ต่อไป อเมริกาคิดว่า หน้าตัวเองคงเหลือเพียงเสี้ยวเดียว ไม่รู้เสี้ยวบน หรือเสี้ยวล่าง อเมริกา โดยคำแนะนำ (หรือควรจะเรียกว่า คำสั่ง ?!) ของสุดกร่าง CFR จำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไปนี้: – ป้องกัน ยับยั้ง และลดโอกาส การข่มขู่ หรือคุกคาม การรุกรานทั้งในรูปแบบ หรือนอกรูปแบบ บนดินแดนของอเมริกาเอง หรือที่อเมริกามีอำนาจปกครอง ( ข้อนี้ นอกจากจะหมายถึงอาเฮียเองแล้ว สงสัย ตั้งใจส่งผ่านไปให้น้องคิมของผม ที่เกาหลีเหนือด้วย) – รักษาดุลยอำนาจในยุโรปและเอเซีย โดยการสนับสนุนให้มีสันติภาพ และความมั่นคงภายใต้การเป็น “ผู้นำ” ของอเมริกาและพันธมิตรของอเมริกา ( ข้อนี้ เข้าใจว่า คุณพี่ปูติน ขวัญใจสาวๆ คงต้องมาร่วมรับการด่ากระทบ พร้อมกับอาเฮีย ..แหม แต่ไอ้สุดกร่าง มันเขียนได้กร่างจริงๆ) – ป้องกันมิให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือยับยั้งการขยายตัว ของการใช้อาวุธประเภทที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง รวมทั้งจัดการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ วัสดุ และส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้ง การแพร่ขยาย และการเป็นตัวกลาง ผู้ให้การสนับสนุนระบบนิวเคลียร์ ( ข้อนี้ เข้าใจว่า ตั้งใจส่งข้อกล่าวหาหมู่ รวมเอาคุณพี่ปูติน และเสี่ยนิวเคลียร์สองลูกของผมที่อิหร่าน เข้าไปด้วย แต่ผมว่า ผู้ที่น่าจะต้องถูกควบคุมมากที่สุดตามข้อหานี้ น่าจะเป็นพระเจ้านักล่าใบตองแห้งเองมากกว่านะ ไอ้สุดกร่าง) – สร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นในสากลโลก ( ข้อนี้ คงอยู่ในแบบฟอร์มมาตรฐาน ถ้าไม่เอามาใส่ เป้าหมายการดำเนินการมันจะชัดจนน่าเกลียด และก็ทำให้นึกถึง พวกสมุนฝรั่งในบ้านเรา ที่ชอบท่องสูตรนี้เป็นประจำ อย่างน่าเบื่อหน่าย) ในการดำเนินการข้างต้น สุดกร่างบอกอเมริกาเอง ก็ต้องจัดระเบียบในบ้านตัวเองใหม่เช่นกัน ไม่ใช่ร้องเพลงเดียวกันแต่คนละโน็ต เสียงหลง จนหมาแมวข้างบ้านทนฟังไม่ไหว หอนรับกันเกรียว…. นี่ มันสมเป็นกับถังขยะความคิดสุดกร่างจริงๆ – อเมริกาจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจในบ้านตัวเองใหม่ ต้องสร้างสัมพันธ์ทางการค้าในเอเซียให้กระชับแน่นขี้น แน่นอน ยกเว้นกับจีน ซึ่งคงจะเป็นบทกระชากมาอัดมากกว่า และสร้างนโยบายด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ (geo-economic) ขึ้นในเอเซีย ระหว่างพันธมิตรของอเมริกา ที่มีความคิดในทิศทางเดียวกัน และหากลไกที่จะควบคุมจีนเช่นเดียวกัน(กับความคิดของอเมริกา) … ข้อนี้ อ่านกันสัก 2 รอบนะครับ จะได้เข้าใจว่า เขาหมายรวม หรือไม่รวม ไทยแลนด์แดนสยาม ของสมันน้อยเข้าไปด้วย ชอบคุยกันเองดีนัก ว่าจะวางนโยบายในประเทศยังไงเพื่อไปจับมือต่อ กับใครที่ไหน ระวังจะหน้าแตกแหกเยินกลับมาไม่รู้หรือไง ว่าเขาไม่นับตัวเป็นพวกแล้วนะ ไอ้พวกบ้าอยากเป็นขี้ข้าฝรั่ง คิดเป็นแต่เรื่อง จีดีพี – อเมริกาจะต้องเพิ่มงบประมาณลงทุน ในด้านความมั่นคงของประเทศขึ้นอีก เพื่อกองทัพของอเมริกา จะได้มีความพร้อมในการเอาชนะจีน ซึ่งรวมถึงเอาชนะการร่วมมือของฝ่ายจีนในการต่อต้านอเมริกาด้วย … นี่ก็เป็นการแจกของขวัญรวมของไอ้สุดกร่างนะครับ ว่าแต่ เขาหมายรวมไปถึงใครกันบ้าง …ที่เรียกว่า ฝ่ายจีน !? – อเมริกา จะต้องเสริมสร้างยุทธศาสตร์ ที่แสดงถึงสัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างอเมริกากับพันธมิตรในภูมิภาค ทั่วอาณาบริเวณอินโดแปซิฟิก เป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พันธมิตร ที่จะรับมือกับจีนได้อย่างอิสระ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกัน และการสนับสนุนอย่างเป็นระบบของอเมริกา … อืม…..สัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ….นี่มันด่าเราหรือไง จริงๆ น่าจะเป็นเราด่ามันมากกว่านะครับ – อเมริกา ควรจะมีการเจรจาทางการทูตระดับสูงกับจีน เพื่อพยายามลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับอเมริกา ที่มีอยู่อย่างล้ำลึกและตลอดเวลา และเพื่อให้พันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เข้าใจว่าอเมริกามีวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน .. เขียนด่าเขาสาดเสียเทเสียแบบนี้เนี่ยะนะ คิดหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า.…แหลน่าดูเลย ไอ้กร่าง Grand Strategy นี้ สุดกร่างบอกว่า จะต้องดำเนินการภายใต้การนำของโอบามา และผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แม้ว่าจะมีเรื่องความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่ในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดกับรัสเซียเกิด ขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ผู้นำของอเมริกา จะไม่จัดการให้มี Grand Strategy กับจีนไม่ได้ เพราะ การผงาดขึ้นมาของจีน เป็นการท้าทายอเมริกาไปอีกหลายทศวรรษ ผู้นำอเมริกาจะต้องเป็นผู้ลงมือถือบังเหียน และแส้เอง และจะต้องเป็นผู้เดินสาย ไปนั่งจับเข่าพูดกับผู้นำของเอเซีย และยุโรป ด้วยตนเอง และสำหรับฝ่ายรัฐสภา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ Grand Strategy นี้เกิดขึ้น ก็จะต้องให้ความร่วมมือ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต้องสนับสนุนให้อำนาจประธานาธิบดี ในการเดินหน้าเรื่อง Trans-Pacific Partnership (TPP) การทำสัญญาทางการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ในเอเซีย การปรับปรุงเรื่องกองทัพ และงบประมาณที่สำคัญสำหรับการคงอำนาจของอเมริกาในภูมิภาคนี้ และที่จะตอบโต้การเติบโตของจีน อ่านบทความนี้ ถึงตอนนี้ ผมใกล้จะเชื่อเต็มทีแล้วว่า นายโอบามา น่าจะเป็นเพียงเสมียนประจำทำเนียบขาว และ CFR น่าจะเป็นผู้นำของอเมริกาตัวจริง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • สะเทือนวงการคริปโต: จีน-อังกฤษร่วมมือคืน 61,000 Bitcoin ที่ถูกขโมย มูลค่ากว่า $6.7 พันล้าน แต่เหยื่ออาจไม่ได้คืนเต็มจำนวน

    คดีใหญ่สะเทือนโลกคริปโต เมื่อทางการอังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian หรือที่รู้จักในชื่อ Yadi Zhang “ราชินีบิตคอยน์” ผู้หลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 รายผ่านโครงการลงทุนปลอมระหว่างปี 2014–2017 โดยเงินที่ได้ถูกแปลงเป็นคริปโตและอสังหาริมทรัพย์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    หลังจากการจับกุมและยึดกระเป๋าเงินดิจิทัลในปี 2018 ซึ่งตอนนั้น Bitcoin มีมูลค่าเพียง ~$3,300 ต่อเหรียญ มูลค่ารวมของเหรียญที่ยึดได้อยู่ที่ประมาณ $200 ล้าน แต่ในปี 2025 มูลค่าของ Bitcoin พุ่งทะลุ $110,000 ต่อเหรียญ ทำให้ยอดรวมพุ่งขึ้นเป็นกว่า $6.7 พันล้าน!

    แม้จะดูเหมือนข่าวดีสำหรับเหยื่อ แต่การคืนเงินกลับไม่ง่าย เพราะทางการจีนต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวงจริง ไม่ได้ปะปนกับเงินจากอาชญากรรมอื่น และทางการอังกฤษยังมีเสียงแตก บางฝ่ายเสนอให้คืนเฉพาะมูลค่าที่เหยื่อสูญเสีย ไม่ใช่มูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin

    นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าอังกฤษอาจเก็บ Bitcoin ไว้บางส่วน ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดทางการทูตกับจีน และนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อ

    อังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian
    มูลค่าปัจจุบันกว่า $6.7 พันล้าน
    เป็นผลจากการหลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 ราย

    จีน-อังกฤษร่วมมือกันเพื่อคืนเงินให้เหยื่อ
    ต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวง
    ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ติดต่อเหยื่อ

    มูลค่า Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 30 เท่าจากปี 2018
    จาก ~$3,300 เป็น ~$110,000 ต่อเหรียญ
    ทำให้ยอดรวมพุ่งจาก $200 ล้านเป็น $6.7 พันล้าน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/chinese-and-british-authorities-work-together-to-determine-how-to-return-61-000-stolen-bitcoins-worth-usd6-7-billion-victims-expected-to-have-hard-time-recouping-losses-despite-seizure
    💰 สะเทือนวงการคริปโต: จีน-อังกฤษร่วมมือคืน 61,000 Bitcoin ที่ถูกขโมย มูลค่ากว่า $6.7 พันล้าน แต่เหยื่ออาจไม่ได้คืนเต็มจำนวน คดีใหญ่สะเทือนโลกคริปโต เมื่อทางการอังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian หรือที่รู้จักในชื่อ Yadi Zhang “ราชินีบิตคอยน์” ผู้หลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 รายผ่านโครงการลงทุนปลอมระหว่างปี 2014–2017 โดยเงินที่ได้ถูกแปลงเป็นคริปโตและอสังหาริมทรัพย์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ หลังจากการจับกุมและยึดกระเป๋าเงินดิจิทัลในปี 2018 ซึ่งตอนนั้น Bitcoin มีมูลค่าเพียง ~$3,300 ต่อเหรียญ มูลค่ารวมของเหรียญที่ยึดได้อยู่ที่ประมาณ $200 ล้าน แต่ในปี 2025 มูลค่าของ Bitcoin พุ่งทะลุ $110,000 ต่อเหรียญ ทำให้ยอดรวมพุ่งขึ้นเป็นกว่า $6.7 พันล้าน! แม้จะดูเหมือนข่าวดีสำหรับเหยื่อ แต่การคืนเงินกลับไม่ง่าย เพราะทางการจีนต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวงจริง ไม่ได้ปะปนกับเงินจากอาชญากรรมอื่น และทางการอังกฤษยังมีเสียงแตก บางฝ่ายเสนอให้คืนเฉพาะมูลค่าที่เหยื่อสูญเสีย ไม่ใช่มูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าอังกฤษอาจเก็บ Bitcoin ไว้บางส่วน ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดทางการทูตกับจีน และนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อ ✅ อังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian ➡️ มูลค่าปัจจุบันกว่า $6.7 พันล้าน ➡️ เป็นผลจากการหลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 ราย ✅ จีน-อังกฤษร่วมมือกันเพื่อคืนเงินให้เหยื่อ ➡️ ต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวง ➡️ ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ติดต่อเหยื่อ ✅ มูลค่า Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 30 เท่าจากปี 2018 ➡️ จาก ~$3,300 เป็น ~$110,000 ต่อเหรียญ ➡️ ทำให้ยอดรวมพุ่งจาก $200 ล้านเป็น $6.7 พันล้าน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/chinese-and-british-authorities-work-together-to-determine-how-to-return-61-000-stolen-bitcoins-worth-usd6-7-billion-victims-expected-to-have-hard-time-recouping-losses-despite-seizure
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • MOU แร่แรร์เอิร์ธ‘ไทย-สหรัฐฯ’ชวนให้คิด! คนใน กต.ชี้‘ทางการทูตเหมือนเราไม่ได้รับเกียรติ’ แม้ทางกฎหมายไม่มีผลยกเลิกได้แต่รัฐไทยลืมมองการเมืองระหว่างประเทศ ไทยเซ็นกับใคร จับตาสหรัฐฯใช้ไทยเป็นแหล่งรับของเน่า นำเข้าแร่แรร์เอิร์ธจากพม่า ส่งเข้าโรงแต่งแร่ในไทย จนได้‘หัวแร่’ส่งไปประเทศอื่นหรือสหรัฐฯ ด้าน ‘เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี’ แจง MOU ของไทยต่างกับสหรัฐฯทำกับชาติอื่นยกประโยชน์ชาติให้สหรัฐฯก่อน เสมือนการชักศึกเข้าบ้านเทียบกับการให้ตั้งฐานทัพน้อย ๆ เพราะแร่ใช้ผลิตยุทโธปกรณ์ด้านความมั่นคง แถมก่อมลพิษยิ่งกว่าเหมืองทองคำหลายเท่าส่วน‘นิติพล ผิวเหมาะ’ พรรคประชาชนถาม MOU ฉบับนี้ไทยได้อะไร แต่เสียสิทธิ์เป็นผู้เล่นหรือผู้เลือกรายใหม่เพราะผูกกับสหรัฐฯไปแล้วทั้งที่แร่แรร์เอิร์ธ เป็นแร่สำคัญของโลก ควรศึกษารอบคอบ!

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000103483

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #แร่แรร์เอิร์ธ #รัฐบาลอนุทิน #MOUไทยสหรัฐ #ทรัพยากรของชาติ #สิ่งแวดล้อมไทย

    MOU แร่แรร์เอิร์ธ‘ไทย-สหรัฐฯ’ชวนให้คิด! คนใน กต.ชี้‘ทางการทูตเหมือนเราไม่ได้รับเกียรติ’ แม้ทางกฎหมายไม่มีผลยกเลิกได้แต่รัฐไทยลืมมองการเมืองระหว่างประเทศ ไทยเซ็นกับใคร จับตาสหรัฐฯใช้ไทยเป็นแหล่งรับของเน่า นำเข้าแร่แรร์เอิร์ธจากพม่า ส่งเข้าโรงแต่งแร่ในไทย จนได้‘หัวแร่’ส่งไปประเทศอื่นหรือสหรัฐฯ ด้าน ‘เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี’ แจง MOU ของไทยต่างกับสหรัฐฯทำกับชาติอื่นยกประโยชน์ชาติให้สหรัฐฯก่อน เสมือนการชักศึกเข้าบ้านเทียบกับการให้ตั้งฐานทัพน้อย ๆ เพราะแร่ใช้ผลิตยุทโธปกรณ์ด้านความมั่นคง แถมก่อมลพิษยิ่งกว่าเหมืองทองคำหลายเท่าส่วน‘นิติพล ผิวเหมาะ’ พรรคประชาชนถาม MOU ฉบับนี้ไทยได้อะไร แต่เสียสิทธิ์เป็นผู้เล่นหรือผู้เลือกรายใหม่เพราะผูกกับสหรัฐฯไปแล้วทั้งที่แร่แรร์เอิร์ธ เป็นแร่สำคัญของโลก ควรศึกษารอบคอบ! อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000103483 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #แร่แรร์เอิร์ธ #รัฐบาลอนุทิน #MOUไทยสหรัฐ #ทรัพยากรของชาติ #สิ่งแวดล้อมไทย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • MOU แร่แรร์เอิร์ธ‘ไทย-สหรัฐฯ’ชวนให้คิด! คนใน กต.ชี้‘ทางการทูตเหมือนเราไม่ได้รับเกียรติ’ แม้ทางกฎหมายไม่มีผลยกเลิกได้แต่รัฐไทยลืมมองการเมืองระหว่างประเทศ ไทยเซ็นกับใคร จับตาสหรัฐฯใช้ไทยเป็นแหล่งรับของเน่า นำเข้าแร่แรร์เอิร์ธจากพม่า ส่งเข้าโรงแต่งแร่ในไทย จนได้‘หัวแร่’ส่งไปประเทศอื่นหรือสหรัฐฯ ด้าน ‘เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี’ แจง MOU ของไทยต่างกับสหรัฐฯทำกับชาติอื่นยกประโยชน์ชาติให้สหรัฐฯก่อน เสมือนการชักศึกเข้าบ้านเทียบกับการให้ตั้งฐานทัพน้อย ๆ เพราะแร่ใช้ผลิตยุทโธปกรณ์ด้านความมั่นคง แถมก่อมลพิษยิ่งกว่าเหมืองทองคำหลายเท่าส่วน‘นิติพล ผิวเหมาะ’ พรรคประชาชนถาม MOU ฉบับนี้ไทยได้อะไร แต่เสียสิทธิ์เป็นผู้เล่นหรือผู้เลือกรายใหม่เพราะผูกกับสหรัฐฯไปแล้วทั้งที่แร่แรร์เอิร์ธ เป็นแร่สำคัญของโลก ควรศึกษารอบคอบ!
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000103514

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    MOU แร่แรร์เอิร์ธ‘ไทย-สหรัฐฯ’ชวนให้คิด! คนใน กต.ชี้‘ทางการทูตเหมือนเราไม่ได้รับเกียรติ’ แม้ทางกฎหมายไม่มีผลยกเลิกได้แต่รัฐไทยลืมมองการเมืองระหว่างประเทศ ไทยเซ็นกับใคร จับตาสหรัฐฯใช้ไทยเป็นแหล่งรับของเน่า นำเข้าแร่แรร์เอิร์ธจากพม่า ส่งเข้าโรงแต่งแร่ในไทย จนได้‘หัวแร่’ส่งไปประเทศอื่นหรือสหรัฐฯ ด้าน ‘เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี’ แจง MOU ของไทยต่างกับสหรัฐฯทำกับชาติอื่นยกประโยชน์ชาติให้สหรัฐฯก่อน เสมือนการชักศึกเข้าบ้านเทียบกับการให้ตั้งฐานทัพน้อย ๆ เพราะแร่ใช้ผลิตยุทโธปกรณ์ด้านความมั่นคง แถมก่อมลพิษยิ่งกว่าเหมืองทองคำหลายเท่าส่วน‘นิติพล ผิวเหมาะ’ พรรคประชาชนถาม MOU ฉบับนี้ไทยได้อะไร แต่เสียสิทธิ์เป็นผู้เล่นหรือผู้เลือกรายใหม่เพราะผูกกับสหรัฐฯไปแล้วทั้งที่แร่แรร์เอิร์ธ เป็นแร่สำคัญของโลก ควรศึกษารอบคอบ! . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000103514 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อภิสิทธิ์ ” เตือนไทยระวังกัมพูชา แม้ลงนามสันติภาพแล้วก็ยังไม่จบ ต้องคงหลัก 4 ข้อเดิมให้ได้ผลจริง เผยเคยเตือนนายกฯ “อนุทิน” ให้จับตาท่าทีเพื่อนบ้าน เพราะสามารถหยิบประเด็นนี้พูดได้ทุกเวที ต้องเตรียมพร้อมทางการทูตและความมั่นคงควบคู่กัน ระบุ “ทรัมป์” มาเป็นสักขีพยานไม่ได้หมายความว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อตกลง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102860

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “อภิสิทธิ์ ” เตือนไทยระวังกัมพูชา แม้ลงนามสันติภาพแล้วก็ยังไม่จบ ต้องคงหลัก 4 ข้อเดิมให้ได้ผลจริง เผยเคยเตือนนายกฯ “อนุทิน” ให้จับตาท่าทีเพื่อนบ้าน เพราะสามารถหยิบประเด็นนี้พูดได้ทุกเวที ต้องเตรียมพร้อมทางการทูตและความมั่นคงควบคู่กัน ระบุ “ทรัมป์” มาเป็นสักขีพยานไม่ได้หมายความว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อตกลง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102860 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน-ฮุน มาเนต" หารือทวิภาคีติดตามความคืบหน้าตามถ้อยแถลงร่วม ฝ่ายไทยย้ำ 4 ประเด็นสำคัญ ต้องถอนอาวุธหนักเพื่อความปลอดภัยประชาชน กู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ บริหารจัดการพื้นที่ชายแดน มอบ รมว.กต.ทั้งสองฝ่ายหารือเพิ่มการสื่อสารทางการทูต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102782

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "อนุทิน-ฮุน มาเนต" หารือทวิภาคีติดตามความคืบหน้าตามถ้อยแถลงร่วม ฝ่ายไทยย้ำ 4 ประเด็นสำคัญ ต้องถอนอาวุธหนักเพื่อความปลอดภัยประชาชน กู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ บริหารจัดการพื้นที่ชายแดน มอบ รมว.กต.ทั้งสองฝ่ายหารือเพิ่มการสื่อสารทางการทูต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102782 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน-ฮุน มาเนต" หารือทวิภาคีติดตามความคืบหน้าตามถ้อยแถลงร่วม ฝ่ายไทยย้ำ 4 ประเด็นสำคัญ ต้องถอนอาวุธหนักเพื่อความปลอดภัยประชาชน กู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ บริหารจัดการพื้นที่ชายแดน มอบ รมว.กต.ทั้งสองฝ่ายหารือเพิ่มการสื่อสารทางการทูต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102782

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "อนุทิน-ฮุน มาเนต" หารือทวิภาคีติดตามความคืบหน้าตามถ้อยแถลงร่วม ฝ่ายไทยย้ำ 4 ประเด็นสำคัญ ต้องถอนอาวุธหนักเพื่อความปลอดภัยประชาชน กู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ บริหารจัดการพื้นที่ชายแดน มอบ รมว.กต.ทั้งสองฝ่ายหารือเพิ่มการสื่อสารทางการทูต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102782 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง คนวัดปรอท
    “คนวัดปรอท”

    สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา

    พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร

    ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที

    ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน

    แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ

    ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว
    แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College

    และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน….

    ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว

    แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก

    ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย

    เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม
    อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ

    จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 เม.ย. 2558
    เรื่อง คนวัดปรอท “คนวัดปรอท” สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน…. ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน" ยัน ยังไม่เปิดด่าน หลังมีข่าวเตรียมเปิด 1 พ.ย. นี้ ชี้ กัมพูชาต้องทำตามปฏิญญา 4 ข้อ ถอนอาวุธหนัก - กู้ทุ่นระเบิด - คุยแก้สแกมเมอร์ - ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ก่อนพิจารณาเปิดด่านเป็นขั้นสุดท้าย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102531

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "อนุทิน" ยัน ยังไม่เปิดด่าน หลังมีข่าวเตรียมเปิด 1 พ.ย. นี้ ชี้ กัมพูชาต้องทำตามปฏิญญา 4 ข้อ ถอนอาวุธหนัก - กู้ทุ่นระเบิด - คุยแก้สแกมเมอร์ - ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ก่อนพิจารณาเปิดด่านเป็นขั้นสุดท้าย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102531 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯมาเลเซีย ขอบคุณ "อนุทิน" ในการผลักดันสันติภาพชายแดนด้วยวิถีทางการทูต บอกสันติภาพ คือ พลังแห่งความกล้าหาญ ทำให้แต่ละชาติสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102114

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    นายกฯมาเลเซีย ขอบคุณ "อนุทิน" ในการผลักดันสันติภาพชายแดนด้วยวิถีทางการทูต บอกสันติภาพ คือ พลังแห่งความกล้าหาญ ทำให้แต่ละชาติสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102114 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทย-ลาว มิตรภาพแน่นแฟ้น

    แม้รัฐบาลจะมีอายุการทำงานเพียงแค่ 4 เดือน และสถานการณ์ความขัดแย้งกับกัมพูชายังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง แต่การเดินทางไปเยือนประเทศลาว ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและคณะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) ในวาระครอบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ครบ 75 ปี ในปี 2568 แสดงให้เห็นว่าลาวยังเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่วางใจได้ ธงชาติไทยสลับกับธงชาติลาวบริเวณประตูไช แลนด์มาร์คสำคัญของนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นภาพที่คนไทยและชาวลาวต่างรู้สึกเป็นบวก เพราะเป็นชาติที่คนไทยแทบไม่ต้องแปลภาษาก็สื่อสารกันง่าย เปรียบดังมองตาก็รู้ใจ

    การเดินทางมาเยือนลาวในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอนุทินลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยและลาว 1 ฉบับ ได้แก่ เอ็มโอยูระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) และธนาคารส่งเสริมกสิกรรมแห่ง สปป.ลาว รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงิน 10 ล้านบาท สำหรับโครงการความร่วมมือสกัดกั้นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติด ไทย-ลาว การส่งมอบเซรุ่มแก้พิษงู มูลค่า 875,000 บาท อุปกรณ์พัฒนาและฝึกอาชีพแรงงาน มูลค่า 1.49 ล้านบาท ความช่วยเหลือทางวิชาการ สำหรับงานออกแบบรายละเอียดโครงการพัฒนาระบบประปาระยะที่ 2 มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท

    นอกจากนี้ ยังยกระดับความร่วมมือกับลาวในด้านต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแลนด์ล็อกเป็นแลนด์ลิงก์ เชื่อมโยงด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ และความร่วมมือด้านอื่นๆ เช่น การเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมช้ามชาติ ยาเสพติด ฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ โดยการตั้งศูนย์ Contact point และศูนย์ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขงโดยใช้เทคโนโลยี ตามยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR Sky Strategy) ยืนยันการจัดประชุม COOP ครั้งที่ 8 ส่งเสริมการค้าชายแดน เอสเอ็มอี ตั้งเป้าหมายการค้าที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2570 สนับสนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ และแผนยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ไทย-ลาวอย่างครบวงจร ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียว โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ระหว่างทั้งสองประเทศ

    อีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยและ สปป.ลาว เตรียมร่วมกันเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) จังหวัดบึงกาฬ ในช่วงปลายปี 2568 เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ระหว่างไทยกับลาวและภูมิภาคอินโดจีน ไปยังท่าเรือน้ำลึกในประเทศเวียดนาม เช่น ท่าเรือสากลลาว-เวียด หรือท่าเรือหวุงอ๋าง จังหวัดฮาติงห์ ถือเป็นทางออกสู่ทะเลที่ใกล้ที่สุดของลาว และเชื่อมต่อทางตอนใต้ของประเทศจีน

    #Newskit
    ไทย-ลาว มิตรภาพแน่นแฟ้น แม้รัฐบาลจะมีอายุการทำงานเพียงแค่ 4 เดือน และสถานการณ์ความขัดแย้งกับกัมพูชายังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง แต่การเดินทางไปเยือนประเทศลาว ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและคณะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) ในวาระครอบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ครบ 75 ปี ในปี 2568 แสดงให้เห็นว่าลาวยังเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่วางใจได้ ธงชาติไทยสลับกับธงชาติลาวบริเวณประตูไช แลนด์มาร์คสำคัญของนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นภาพที่คนไทยและชาวลาวต่างรู้สึกเป็นบวก เพราะเป็นชาติที่คนไทยแทบไม่ต้องแปลภาษาก็สื่อสารกันง่าย เปรียบดังมองตาก็รู้ใจ การเดินทางมาเยือนลาวในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอนุทินลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยและลาว 1 ฉบับ ได้แก่ เอ็มโอยูระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) และธนาคารส่งเสริมกสิกรรมแห่ง สปป.ลาว รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงิน 10 ล้านบาท สำหรับโครงการความร่วมมือสกัดกั้นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติด ไทย-ลาว การส่งมอบเซรุ่มแก้พิษงู มูลค่า 875,000 บาท อุปกรณ์พัฒนาและฝึกอาชีพแรงงาน มูลค่า 1.49 ล้านบาท ความช่วยเหลือทางวิชาการ สำหรับงานออกแบบรายละเอียดโครงการพัฒนาระบบประปาระยะที่ 2 มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังยกระดับความร่วมมือกับลาวในด้านต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแลนด์ล็อกเป็นแลนด์ลิงก์ เชื่อมโยงด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ และความร่วมมือด้านอื่นๆ เช่น การเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมช้ามชาติ ยาเสพติด ฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ โดยการตั้งศูนย์ Contact point และศูนย์ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขงโดยใช้เทคโนโลยี ตามยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR Sky Strategy) ยืนยันการจัดประชุม COOP ครั้งที่ 8 ส่งเสริมการค้าชายแดน เอสเอ็มอี ตั้งเป้าหมายการค้าที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2570 สนับสนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ และแผนยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ไทย-ลาวอย่างครบวงจร ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียว โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ระหว่างทั้งสองประเทศ อีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยและ สปป.ลาว เตรียมร่วมกันเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) จังหวัดบึงกาฬ ในช่วงปลายปี 2568 เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ระหว่างไทยกับลาวและภูมิภาคอินโดจีน ไปยังท่าเรือน้ำลึกในประเทศเวียดนาม เช่น ท่าเรือสากลลาว-เวียด หรือท่าเรือหวุงอ๋าง จังหวัดฮาติงห์ ถือเป็นทางออกสู่ทะเลที่ใกล้ที่สุดของลาว และเชื่อมต่อทางตอนใต้ของประเทศจีน #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนวทางตอบโต้แข็งกร้าวของเกาหลีใต้ ในคดีอาชญากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกิดขึ้นกับพลเมืองของประเทศในกัมพูชา โหมกระพือความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆในหมู่ชาวเขมร ว่ามันอาจบั่นทอนความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 2 ประเทศ ขณะเดียวกันแรงงานกัมพูชาบางส่วนเริ่มโอดครวญต่อการถูกเลือกปฏิบัติ ผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098712

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    แนวทางตอบโต้แข็งกร้าวของเกาหลีใต้ ในคดีอาชญากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกิดขึ้นกับพลเมืองของประเทศในกัมพูชา โหมกระพือความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆในหมู่ชาวเขมร ว่ามันอาจบั่นทอนความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 2 ประเทศ ขณะเดียวกันแรงงานกัมพูชาบางส่วนเริ่มโอดครวญต่อการถูกเลือกปฏิบัติ ผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098712 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานทูตเกาหลีใต้ ยัน "ไม่จริง" ข่าวรัฐบาลเตรียมส่ง "กำลังทหาร" ปราบแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/21914/
    .
    #ไทยไท #เกาหลีใต้ #ข่าวปลอม #กำลังทหาร #แก๊งสแกมเมอร์ #ทางการทูต #อาชญากรรมข้ามชาติ

    สถานทูตเกาหลีใต้ ยัน "ไม่จริง" ข่าวรัฐบาลเตรียมส่ง "กำลังทหาร" ปราบแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/21914/ . #ไทยไท #เกาหลีใต้ #ข่าวปลอม #กำลังทหาร #แก๊งสแกมเมอร์ #ทางการทูต #อาชญากรรมข้ามชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nvidia ส่ง Blackwell GPU กว่า 500,000 ตัวสู่ UAE — จุดเริ่มต้นของยุทธศาสตร์ AI ระดับโลกระหว่างสหรัฐฯ-อาหรับ”

    หลังจากรอคอยมานาน รัฐบาลสหรัฐฯ ได้อนุมัติใบอนุญาตส่งออก GPU ประมวลผล AI รุ่นใหม่ของ Nvidia ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) รวมกว่า 500,000 ตัวต่อปี โดยเริ่มจากรุ่น Blackwell และจะตามด้วย Rubin และ Feynman ในอนาคต

    ดีลนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ ซึ่ง UAE ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ สูงถึง $1.4 ล้านล้านภายใน 10 ปี โดยทั้งสองฝ่ายจะลงทุนแบบ “ดอลลาร์ต่อดอลลาร์” เพื่อสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

    อย่างไรก็ตาม ชิปชุดแรกจะไม่ถูกส่งไปยัง G42 ซึ่งเป็นบริษัท AI ที่รัฐสนับสนุนในอาบูดาบี แม้จะเป็นผู้พัฒนา data center ขนาด 5 GW สำหรับ OpenAI ก็ตาม โดยตามข้อตกลง G42 จะได้รับชิปเพียง 20% ในชุดถัดไปเท่านั้น

    ภายใต้เงื่อนไขใหม่ เฉพาะ data center ที่ดำเนินการโดยบริษัทอเมริกันที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นจึงจะสามารถใช้งาน GPU เหล่านี้ได้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายเดิมที่เคยจำกัดการส่งออกเพื่อป้องกันการเบี่ยงเบนไปยังจีน

    Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของ “AI diplomacy” ที่ผูกโยงการขายฮาร์ดแวร์กับการลงทุนและการควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน AI ในระดับภูมิภาค โดยสหรัฐฯ จะรักษาฐานในตะวันออกกลาง ขณะที่ UAE ได้รับพลังการประมวลผลระดับโลกภายใต้การกำกับดูแลของสหรัฐฯ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    สหรัฐฯ อนุมัติใบอนุญาตส่งออก GPU รุ่น Blackwell ของ Nvidia ไปยัง UAE
    จำนวนสูงสุดที่อนุญาตคือ 500,000 ตัวต่อปี
    ข้อตกลงรวมการลงทุน $1.4 ล้านล้านจาก UAE สู่สหรัฐฯ ภายใน 10 ปี
    ชิปชุดแรกจะไม่ถูกส่งไปยัง G42 บริษัท AI ที่รัฐสนับสนุนในอาบูดาบี
    G42 จะได้รับชิปเพียง 20% ในชุดถัดไป
    เฉพาะ data center ที่ดำเนินการโดยบริษัทอเมริกันที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นจึงจะใช้ GPU ได้
    ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “AI diplomacy” ของสหรัฐฯ
    จุดประสงค์คือการควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน AI ในตะวันออกกลาง
    สหรัฐฯ ต้องการป้องกัน Huawei และบริษัทจีนจากการขยายอิทธิพลในภูมิภาค

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Blackwell เป็น GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่
    G42 เป็นพันธมิตรของ OpenAI และกำลังสร้าง data center ขนาด 5 GW
    การลงทุนแบบ “ดอลลาร์ต่อดอลลาร์” หมายถึงการจับคู่เงินลงทุนจากทั้งสองฝ่าย
    การใช้ data center ที่ดำเนินการโดยสหรัฐฯ ช่วยให้สามารถควบคุมการใช้งาน GPU ได้
    AI diplomacy คือการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือทางการทูตและความมั่นคง


    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-finally-grants-nvidia-license-to-ship-ai-gpus-to-uae-500-000-blackwell-gpus-coming-to-the-gulf-region
    🚢 “Nvidia ส่ง Blackwell GPU กว่า 500,000 ตัวสู่ UAE — จุดเริ่มต้นของยุทธศาสตร์ AI ระดับโลกระหว่างสหรัฐฯ-อาหรับ” หลังจากรอคอยมานาน รัฐบาลสหรัฐฯ ได้อนุมัติใบอนุญาตส่งออก GPU ประมวลผล AI รุ่นใหม่ของ Nvidia ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) รวมกว่า 500,000 ตัวต่อปี โดยเริ่มจากรุ่น Blackwell และจะตามด้วย Rubin และ Feynman ในอนาคต ดีลนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ ซึ่ง UAE ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ สูงถึง $1.4 ล้านล้านภายใน 10 ปี โดยทั้งสองฝ่ายจะลงทุนแบบ “ดอลลาร์ต่อดอลลาร์” เพื่อสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ชิปชุดแรกจะไม่ถูกส่งไปยัง G42 ซึ่งเป็นบริษัท AI ที่รัฐสนับสนุนในอาบูดาบี แม้จะเป็นผู้พัฒนา data center ขนาด 5 GW สำหรับ OpenAI ก็ตาม โดยตามข้อตกลง G42 จะได้รับชิปเพียง 20% ในชุดถัดไปเท่านั้น ภายใต้เงื่อนไขใหม่ เฉพาะ data center ที่ดำเนินการโดยบริษัทอเมริกันที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นจึงจะสามารถใช้งาน GPU เหล่านี้ได้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายเดิมที่เคยจำกัดการส่งออกเพื่อป้องกันการเบี่ยงเบนไปยังจีน Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของ “AI diplomacy” ที่ผูกโยงการขายฮาร์ดแวร์กับการลงทุนและการควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน AI ในระดับภูมิภาค โดยสหรัฐฯ จะรักษาฐานในตะวันออกกลาง ขณะที่ UAE ได้รับพลังการประมวลผลระดับโลกภายใต้การกำกับดูแลของสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ สหรัฐฯ อนุมัติใบอนุญาตส่งออก GPU รุ่น Blackwell ของ Nvidia ไปยัง UAE ➡️ จำนวนสูงสุดที่อนุญาตคือ 500,000 ตัวต่อปี ➡️ ข้อตกลงรวมการลงทุน $1.4 ล้านล้านจาก UAE สู่สหรัฐฯ ภายใน 10 ปี ➡️ ชิปชุดแรกจะไม่ถูกส่งไปยัง G42 บริษัท AI ที่รัฐสนับสนุนในอาบูดาบี ➡️ G42 จะได้รับชิปเพียง 20% ในชุดถัดไป ➡️ เฉพาะ data center ที่ดำเนินการโดยบริษัทอเมริกันที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นจึงจะใช้ GPU ได้ ➡️ ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “AI diplomacy” ของสหรัฐฯ ➡️ จุดประสงค์คือการควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน AI ในตะวันออกกลาง ➡️ สหรัฐฯ ต้องการป้องกัน Huawei และบริษัทจีนจากการขยายอิทธิพลในภูมิภาค ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Blackwell เป็น GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ G42 เป็นพันธมิตรของ OpenAI และกำลังสร้าง data center ขนาด 5 GW ➡️ การลงทุนแบบ “ดอลลาร์ต่อดอลลาร์” หมายถึงการจับคู่เงินลงทุนจากทั้งสองฝ่าย ➡️ การใช้ data center ที่ดำเนินการโดยสหรัฐฯ ช่วยให้สามารถควบคุมการใช้งาน GPU ได้ ➡️ AI diplomacy คือการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือทางการทูตและความมั่นคง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-finally-grants-nvidia-license-to-ship-ai-gpus-to-uae-500-000-blackwell-gpus-coming-to-the-gulf-region
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิตาลี สเปน และตุรกี ถอนการคุ้มครองขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่จะเข้าสู่น่านน้ำของกาซา โดยอ้างเหตุผลไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหาร และไม่ต้องการเผชิญหน้ากับกองกำลังอิสราเอล!

    ทั้งอิตาลี สเปน และตุรกี ประกาศยุติบทบาทการคุ้มกัน ขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่ขบวนเรือทั้งหมดจะถูกกองกำลังอิสราเอลเข้าสกัดกั้น

    อิตาลี ได้แจ้งอย่างชัดเจนว่าเรือฟริเกตที่ส่งมาจะยุติการคุ้มครองขบวนเรือเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งกาซาในระยะ 150 ไมล์ทะเล (ประมาณ 278 กม.) เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางการทูตกับอิสราเอล

    สเปน ระบุว่าเรือรบที่ส่งมามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือและกู้ภัยกองเรือ "Global Sumud Flotilla" กรณีเหตุจำเป็นเท่านั้น และจะไม่เข้าไปในทะเลที่อิสราเอลกำหนดไว้

    ตุรกี แม้ว่าจะไม่ได้ส่งเรือรบไปคุ้มกันในภารกิจนี้เหมือนอิตาลีและสเปน แต่บทบาทของตุรกีคือการให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนการเฝ้าระวัง ซึ่งได้ถอนตัวออกไปในช่วงเวลาเดียวกัน

    นอกจากนี้ ประเทศทั้งสามยังเรียกร้องให้นักเคลื่อนไหวของขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" หันหลังกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอิสราเอลอีกด้วย
    อิตาลี สเปน และตุรกี ถอนการคุ้มครองขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่จะเข้าสู่น่านน้ำของกาซา โดยอ้างเหตุผลไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหาร และไม่ต้องการเผชิญหน้ากับกองกำลังอิสราเอล! ทั้งอิตาลี สเปน และตุรกี ประกาศยุติบทบาทการคุ้มกัน ขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่ขบวนเรือทั้งหมดจะถูกกองกำลังอิสราเอลเข้าสกัดกั้น 👉อิตาลี ได้แจ้งอย่างชัดเจนว่าเรือฟริเกตที่ส่งมาจะยุติการคุ้มครองขบวนเรือเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งกาซาในระยะ 150 ไมล์ทะเล (ประมาณ 278 กม.) เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางการทูตกับอิสราเอล 👉สเปน ระบุว่าเรือรบที่ส่งมามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือและกู้ภัยกองเรือ "Global Sumud Flotilla" กรณีเหตุจำเป็นเท่านั้น และจะไม่เข้าไปในทะเลที่อิสราเอลกำหนดไว้ 👉ตุรกี แม้ว่าจะไม่ได้ส่งเรือรบไปคุ้มกันในภารกิจนี้เหมือนอิตาลีและสเปน แต่บทบาทของตุรกีคือการให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนการเฝ้าระวัง ซึ่งได้ถอนตัวออกไปในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ประเทศทั้งสามยังเรียกร้องให้นักเคลื่อนไหวของขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" หันหลังกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอิสราเอลอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 437 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห้องประชุมของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ "แทบว่างเปล่า" เมื่อคณะผู้แทนทางการทูตต่างพากันเดินออกจากห้องประชุม บางส่วนก็พากันส่งเสียงโห่ร้อง เพื่อประท้วง "เนทันยาฮู" ผู้นำอิสราเอล ที่กำลังจะกล่าวสุนทรพจน์เป็นคนถัดไป ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูก ICC ออกหมายจับด้วยข้อกล่าวหา "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนกาซา
    ห้องประชุมของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ "แทบว่างเปล่า" เมื่อคณะผู้แทนทางการทูตต่างพากันเดินออกจากห้องประชุม บางส่วนก็พากันส่งเสียงโห่ร้อง เพื่อประท้วง "เนทันยาฮู" ผู้นำอิสราเอล ที่กำลังจะกล่าวสุนทรพจน์เป็นคนถัดไป ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูก ICC ออกหมายจับด้วยข้อกล่าวหา "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนกาซา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่อง บันทึกวันฉลอง
    “บันทึกวันฉลอง”
    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม
    ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง
    ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน)
    นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ)
    อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย
    (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ)
    สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้
    อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย
    พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ
    ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก
    ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง
    พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง
    สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง)
    สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
    นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart
    มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้)
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้)
    ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง)
    ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน)
    ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ)
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ)
    เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก)
    ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา)
    คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี
    หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ)
    เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง )
    จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว
    เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา
    ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767
    มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง
    อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี
    สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    เรื่อง บันทึกวันฉลอง “บันทึกวันฉลอง” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน) นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ) อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ) สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้ อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง) สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้) ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้) ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง) ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน) ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ) เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ) เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก) ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา) คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ) เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง ) จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767 มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 691 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาตาร์จะประชุมหารือเกี่ยวกับการตอบโต้ต่อการโจมตีของอิสราเอลที่โดฮากับ 57 ประเทศมุสลิม โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้

    ทางเลือกบางประการที่จะนำมาพิจารณา ได้แก่ การยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล หรือการประกาศคว่ำบาตรน้ำมันต่อประเทศที่สนับสนุนอิสราเอล

    อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะไม่มีการตอบโต้อิสราเอลด้วยกำลังทางทหาร
    กาตาร์จะประชุมหารือเกี่ยวกับการตอบโต้ต่อการโจมตีของอิสราเอลที่โดฮากับ 57 ประเทศมุสลิม โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ ทางเลือกบางประการที่จะนำมาพิจารณา ได้แก่ การยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล หรือการประกาศคว่ำบาตรน้ำมันต่อประเทศที่สนับสนุนอิสราเอล อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะไม่มีการตอบโต้อิสราเอลด้วยกำลังทางทหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เหลี่ยม ญี่ปุ่น” ท่ามกลางชายแดน (14/9/68)

    #ญี่ปุ่นที่ชายแดน
    #เหลี่ยมทางการทูต
    #เกมส์ชายแดน
    #ข่าววันนี้
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    “เหลี่ยม ญี่ปุ่น” ท่ามกลางชายแดน (14/9/68) #ญี่ปุ่นที่ชายแดน #เหลี่ยมทางการทูต #เกมส์ชายแดน #ข่าววันนี้ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 0 รีวิว


  • จังหวัดปัจจันตคิรีเขตร หรือ จังหวัดเกาะกง

    เมืองปัจจันตคิรีเขตร
    เมือง
    พ.ศ. 2398 – 2447
    ยุคทางประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์
    • ก่อตั้ง
    พ.ศ. 2398
    • ฝรั่งเศสไม่ยอมคืนดินแดน
    30 ธันวาคม พ.ศ. 2447

    เมืองตราด
    กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส
    ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ กัมพูชา
    จังหวัดปัจจันตคิรีเขตรChoawalit Chotwattanaphong หรือบางเอกสารจะเรียกว่า ปัตจันตคีรีเขตร์ บ้าง ประจันต์คิรีเขตต์ บ้าง[2] เป็นเมืองเดิมของราชอาณาจักรสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกที่มีความสำคัญเทียบเท่าจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ในอดีต มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เกาะกง เขตจังหวัดเกาะกงในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน ดินแดนจังหวัดนี้ตกเป็นของฝรั่งเศสพร้อมกับหัวเมืองฝั่งขวาแม่น้ำโขง คือ แขวงไชยบุรีและแขวงจำปาศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2447

    ประวัติ

    Map of Siam in 1900
    แต่เดิมมาเกาะกงเป็นจังหวัดของราชอาณาจักรเขมร แต่มาถึงสมัยที่เขมรตกเป็นประเทศราชอยู่ในอำนาจของสยาม พระเจ้ากรุงสยามก็มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกงให้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองตราด

    เมื่อปี พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกง โดยพระราชทานนามเมืองนี้ว่า เมืองปัจจันตคีรีเขตต์ เพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่มีเขตติดต่อกับเขมรและญวน

    เหตุที่รัชกาลที่ 4 พระราชทานนามเกาะกงว่า ปัจจันตคิรีเขตร ก็เพื่อให้คล้องจองกับชื่อเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ทางด้านภาคตะวันตกของไทย ซึ่งตั้งอยู่ในแนวรุ้ง (Latitude) เดียวกัน[3]

    ถึง พ.ศ. 2422 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์จัดตั้งสถานีทหารเรือขึ้นตามชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกที่เมืองชลบุรี บางพระ อำเภอบางละมุง เมืองระยอง เมืองแกลง เมืองจันทบุรี อำเภอขลุง เมืองตราด เมืองปัจจันตคิรีเขตร และเกาะเสม็ดนอก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากฝรั่งเศสทางทะเล

    ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2435 ฝรั่งเศสได้เริ่มดำเนินการทางทหารใช้กำลังเข้าบีบบังคับสยาม โดยยกกองทัพมาเข้าขับไล่ทหารไทยให้ถอยร่นออกจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ทำให้ความยุ่งยากทางชายแดนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการปรึกษาการป้องกันพระราชอาณาเขตขึ้น และจัดกองบัญชาการทัพอยู่ตามหัวเมืองชายทะเลแต่ละด้านขึ้นด้วย

    ในปี พ.ศ. 2436 รัฐบาลสยามได้แต่งตั้งให้นายพลเรือจัตวาพระยาชลยุทธโยธินทร์ (André du Plésis de Richelieu) เป็นผู้จัดการป้องกันพระราชอาณาเขตทางหัวเมืองฝ่ายตะวันออก ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีคำสั่งมายังผู้ว่าราชการเมืองแถบนี้ ซึ่งรวมทั้งเมืองตราดและเมืองปัจจันตคิรีเขตรด้วย ให้ช่วยพระยาชลยุทธโยธินทร์จัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับการป้องกันพระราชอาณาเขต

    การเสียดินแดนจังหวัดปัจจันตคิรีเขตร

    การส่งมอบตราดให้กับฝรั่งเศส
    วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรือรบฝรั่งเศสสามารถฝ่าแนวป้องกันของสยามเข้ามาทอดสมอในกรุงเทพฯ ได้ ฝ่ายฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามเมื่อ 20 กรกฎาคม โดยให้เวลาตอบ 48 ชั่วโมง ฝ่ายไทยได้ตอบข้อเรียกร้องเมื่อ 22 กรกฎาคม แต่ไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายฝรั่งเศส ดังนั้นในวันที่ 24 กรกฎาคม ฝรั่งเศสจึงประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย สองวันถัดมา (26 กรกฎาคม) ฝรั่งเศสได้สั่งให้ผู้บัญชาการกองเรือภาคตะวันออกไกลที่ไซ่ง่อนปิดล้อมอ่าวไทย ตั้งแต่แหลมเจ้าลายถึงบริเวณแหลมกระบัง และในวันที่ 29 กรกฎาคม ฝรั่งเศสได้ประกาศปิดล้อมอ่าวไทยครั้งที่ 2 โดยขยายเขตเพิ่มบริเวณเกาะเสม็ด จนถึงแหลมสิง รวม 2 เขต ฝ่ายไทยจำต้องยอมรับคำขาดของฝรั่งเศสที่ยื่นไว้แต่เดิมในวันเดียวกันนั้นเอง แต่ในวันรุ่งขึ้นฝรั่งเศสถือโอกาสยื่นคำขาดเพิ่มเติมอีก โดยประกาศยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรีไว้เป็นประกัน และบังคับให้ไทยถอนตัวออกจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงอีกด้วย ไทยจำเป็นต้องยอมรับโดยไม่มีทางเลือก เมื่อฝ่ายไทยปฏิบัติตามคำขาดนั้นแล้ว ฝรั่งเศสจึงได้ยกเลิกการปิดอ่าวในวันที่ 3 สิงหาคม เวลา 12.00 น. แต่การยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรียังคงยึดไว้ตามเดิม

    ต่อมาได้มีการทำสัญญาสงบศึกกันโดยหนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ในหนังสือสัญญาฉบับนี้ มีข้อความระบุไว้ในอนุสัญญาผนวกต่อท้ายหนังสือสัญญาข้อ 6 ว่า "คอนเวอนแมนต์ (Government - รัฐบาล) ฝรั่งเศสจะได้ตั้งอยู่ต่อไปที่เมืองจันทบุรี จนกว่าจะได้ทำการสำเร็จแล้วตามข้อความในหนังสือสัญญานี้…"

    แม้ทางฝ่ายไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสบีบบังคับทุกอย่าง ฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอมถอนทหาร ยังคงยึดจันทบุรีไว้อีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี เป็นเหตุให้ต้องมีการตกลงทำสัญญาขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่งคือ อนุสัญญาลงวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2445 แต่หนังสือฉบับนี้ฝรั่งเศสไม่ยอมให้สัตยาบันและไม่ถอนกำลังออกจากจันทบุรี จึงได้ตกลงมีสัญญาอีกฉบับหนึ่ง คือ สัญญาลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 คราวนี้ฝรั่งเศสจึงถอนกำลังออกจากจันทบุรี แต่ได้เข้ายึดครองเมืองตราดและบรรดาเกาะทั้งหลายภายใต้แหลมสิงลงไปซึ่งรวมถึงเกาะกงแทน ฝ่ายไทยจำต้องมอบเมืองตราดและเมืองประจันตคีรีเขตให้แก่ฝรั่งเศส ในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2447

    พื้นที่ดังกล่าวได้ตกอยู่ในการยึดครองของฝรั่งเศส จนถึงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 จึงได้มีการตกลงทำหนังสือสัญญาขึ้นอีกฉบับหนึ่งเรียกว่า "หนังสือสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับเปรสสิเดนต์แห่งรีปัปลิคฝรั่งเศส" ฝรั่งเศสจึงคืนเมืองตราดให้ไทยตามเดิม แต่ฝ่ายไทยจะต้องยอมยกดินแดนเขมรส่วนใน (มณฑลบูรพา) คือ เมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน แต่ปรากฏว่าเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) นั้นฝรั่งเศสมิได้คืนให้ไทยแต่ประการใด ปัจจุบันเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาไปโดยปริยาย[4]

    การสูญเสียแผ่นดินเกาะกงในสมัยนั้น ประวัติศาสตร์ของชาติไทยมิได้มีบันทึกการเสียดินแดนเกาะกงไว้แต่อย่างใด คงกล่าวโดยรวมในกรณีของดินแดนจังหวัดตราดเท่านั้น เพราะในขณะนั้นไทยต้องการดินแดนเขมรสูงเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือดินแดนอีสานตอนใต้ในปัจจุบัน โดยให้ยึดทิวเขาพนมดงรักเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งฝรั่งเศสก็ยินยอม



    จังหวัดปัจจันตคิรีเขตร หรือ จังหวัดเกาะกง เมืองปัจจันตคิรีเขตร เมือง พ.ศ. 2398 – 2447 ยุคทางประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ • ก่อตั้ง พ.ศ. 2398 • ฝรั่งเศสไม่ยอมคืนดินแดน 30 ธันวาคม พ.ศ. 2447 เมืองตราด กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ กัมพูชา จังหวัดปัจจันตคิรีเขตร[1] หรือบางเอกสารจะเรียกว่า ปัตจันตคีรีเขตร์ บ้าง ประจันต์คิรีเขตต์ บ้าง[2] เป็นเมืองเดิมของราชอาณาจักรสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกที่มีความสำคัญเทียบเท่าจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ในอดีต มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เกาะกง เขตจังหวัดเกาะกงในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน ดินแดนจังหวัดนี้ตกเป็นของฝรั่งเศสพร้อมกับหัวเมืองฝั่งขวาแม่น้ำโขง คือ แขวงไชยบุรีและแขวงจำปาศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2447 ประวัติ Map of Siam in 1900 แต่เดิมมาเกาะกงเป็นจังหวัดของราชอาณาจักรเขมร แต่มาถึงสมัยที่เขมรตกเป็นประเทศราชอยู่ในอำนาจของสยาม พระเจ้ากรุงสยามก็มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกงให้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองตราด เมื่อปี พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกง โดยพระราชทานนามเมืองนี้ว่า เมืองปัจจันตคีรีเขตต์ เพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่มีเขตติดต่อกับเขมรและญวน เหตุที่รัชกาลที่ 4 พระราชทานนามเกาะกงว่า ปัจจันตคิรีเขตร ก็เพื่อให้คล้องจองกับชื่อเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ทางด้านภาคตะวันตกของไทย ซึ่งตั้งอยู่ในแนวรุ้ง (Latitude) เดียวกัน[3] ถึง พ.ศ. 2422 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์จัดตั้งสถานีทหารเรือขึ้นตามชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกที่เมืองชลบุรี บางพระ อำเภอบางละมุง เมืองระยอง เมืองแกลง เมืองจันทบุรี อำเภอขลุง เมืองตราด เมืองปัจจันตคิรีเขตร และเกาะเสม็ดนอก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากฝรั่งเศสทางทะเล ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2435 ฝรั่งเศสได้เริ่มดำเนินการทางทหารใช้กำลังเข้าบีบบังคับสยาม โดยยกกองทัพมาเข้าขับไล่ทหารไทยให้ถอยร่นออกจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ทำให้ความยุ่งยากทางชายแดนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการปรึกษาการป้องกันพระราชอาณาเขตขึ้น และจัดกองบัญชาการทัพอยู่ตามหัวเมืองชายทะเลแต่ละด้านขึ้นด้วย ในปี พ.ศ. 2436 รัฐบาลสยามได้แต่งตั้งให้นายพลเรือจัตวาพระยาชลยุทธโยธินทร์ (André du Plésis de Richelieu) เป็นผู้จัดการป้องกันพระราชอาณาเขตทางหัวเมืองฝ่ายตะวันออก ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีคำสั่งมายังผู้ว่าราชการเมืองแถบนี้ ซึ่งรวมทั้งเมืองตราดและเมืองปัจจันตคิรีเขตรด้วย ให้ช่วยพระยาชลยุทธโยธินทร์จัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับการป้องกันพระราชอาณาเขต การเสียดินแดนจังหวัดปัจจันตคิรีเขตร การส่งมอบตราดให้กับฝรั่งเศส วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรือรบฝรั่งเศสสามารถฝ่าแนวป้องกันของสยามเข้ามาทอดสมอในกรุงเทพฯ ได้ ฝ่ายฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามเมื่อ 20 กรกฎาคม โดยให้เวลาตอบ 48 ชั่วโมง ฝ่ายไทยได้ตอบข้อเรียกร้องเมื่อ 22 กรกฎาคม แต่ไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายฝรั่งเศส ดังนั้นในวันที่ 24 กรกฎาคม ฝรั่งเศสจึงประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย สองวันถัดมา (26 กรกฎาคม) ฝรั่งเศสได้สั่งให้ผู้บัญชาการกองเรือภาคตะวันออกไกลที่ไซ่ง่อนปิดล้อมอ่าวไทย ตั้งแต่แหลมเจ้าลายถึงบริเวณแหลมกระบัง และในวันที่ 29 กรกฎาคม ฝรั่งเศสได้ประกาศปิดล้อมอ่าวไทยครั้งที่ 2 โดยขยายเขตเพิ่มบริเวณเกาะเสม็ด จนถึงแหลมสิง รวม 2 เขต ฝ่ายไทยจำต้องยอมรับคำขาดของฝรั่งเศสที่ยื่นไว้แต่เดิมในวันเดียวกันนั้นเอง แต่ในวันรุ่งขึ้นฝรั่งเศสถือโอกาสยื่นคำขาดเพิ่มเติมอีก โดยประกาศยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรีไว้เป็นประกัน และบังคับให้ไทยถอนตัวออกจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงอีกด้วย ไทยจำเป็นต้องยอมรับโดยไม่มีทางเลือก เมื่อฝ่ายไทยปฏิบัติตามคำขาดนั้นแล้ว ฝรั่งเศสจึงได้ยกเลิกการปิดอ่าวในวันที่ 3 สิงหาคม เวลา 12.00 น. แต่การยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรียังคงยึดไว้ตามเดิม ต่อมาได้มีการทำสัญญาสงบศึกกันโดยหนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ในหนังสือสัญญาฉบับนี้ มีข้อความระบุไว้ในอนุสัญญาผนวกต่อท้ายหนังสือสัญญาข้อ 6 ว่า "คอนเวอนแมนต์ (Government - รัฐบาล) ฝรั่งเศสจะได้ตั้งอยู่ต่อไปที่เมืองจันทบุรี จนกว่าจะได้ทำการสำเร็จแล้วตามข้อความในหนังสือสัญญานี้…" แม้ทางฝ่ายไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสบีบบังคับทุกอย่าง ฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอมถอนทหาร ยังคงยึดจันทบุรีไว้อีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี เป็นเหตุให้ต้องมีการตกลงทำสัญญาขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่งคือ อนุสัญญาลงวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2445 แต่หนังสือฉบับนี้ฝรั่งเศสไม่ยอมให้สัตยาบันและไม่ถอนกำลังออกจากจันทบุรี จึงได้ตกลงมีสัญญาอีกฉบับหนึ่ง คือ สัญญาลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 คราวนี้ฝรั่งเศสจึงถอนกำลังออกจากจันทบุรี แต่ได้เข้ายึดครองเมืองตราดและบรรดาเกาะทั้งหลายภายใต้แหลมสิงลงไปซึ่งรวมถึงเกาะกงแทน ฝ่ายไทยจำต้องมอบเมืองตราดและเมืองประจันตคีรีเขตให้แก่ฝรั่งเศส ในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2447 พื้นที่ดังกล่าวได้ตกอยู่ในการยึดครองของฝรั่งเศส จนถึงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 จึงได้มีการตกลงทำหนังสือสัญญาขึ้นอีกฉบับหนึ่งเรียกว่า "หนังสือสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับเปรสสิเดนต์แห่งรีปัปลิคฝรั่งเศส" ฝรั่งเศสจึงคืนเมืองตราดให้ไทยตามเดิม แต่ฝ่ายไทยจะต้องยอมยกดินแดนเขมรส่วนใน (มณฑลบูรพา) คือ เมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน แต่ปรากฏว่าเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) นั้นฝรั่งเศสมิได้คืนให้ไทยแต่ประการใด ปัจจุบันเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาไปโดยปริยาย[4] การสูญเสียแผ่นดินเกาะกงในสมัยนั้น ประวัติศาสตร์ของชาติไทยมิได้มีบันทึกการเสียดินแดนเกาะกงไว้แต่อย่างใด คงกล่าวโดยรวมในกรณีของดินแดนจังหวัดตราดเท่านั้น เพราะในขณะนั้นไทยต้องการดินแดนเขมรสูงเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือดินแดนอีสานตอนใต้ในปัจจุบัน โดยให้ยึดทิวเขาพนมดงรักเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งฝรั่งเศสก็ยินยอม
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 669 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่งตัว พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง เหยียบกับระเบิดจนข้อเท้าขวาขาดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ รักษาต่อที่
    รพ.สุรินทร์แล้ว ขณะที่เพื่อนทหารอีก 2 นายถูกแรงอัดระเบิดบาดเจ็บเล็กน้อยเผยเหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างรมช.ก.ต่างประเทศนำคณะผู้แทนทางการทูตของสหภาพยุโรปลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ อีกด้วย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081957

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ส่งตัว พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง เหยียบกับระเบิดจนข้อเท้าขวาขาดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ รักษาต่อที่ รพ.สุรินทร์แล้ว ขณะที่เพื่อนทหารอีก 2 นายถูกแรงอัดระเบิดบาดเจ็บเล็กน้อยเผยเหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างรมช.ก.ต่างประเทศนำคณะผู้แทนทางการทูตของสหภาพยุโรปลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ อีกด้วย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081957 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    Angry
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาก Pirate Bay สู่ 4chan — เมื่อรัฐบาลใช้ “ตัวอย่างร้าย” เพื่อเปิดทางสู่การเซ็นเซอร์

    ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 รัฐบาลสหราชอาณาจักรใช้เว็บไซต์ The Pirate Bay เป็น “ตัวอย่าง” เพื่อผลักดันการบล็อกเว็บละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ โดยอ้างว่า TPB เป็นเว็บที่ไม่ให้ความร่วมมือและมีชื่อเสียงในด้านการละเมิดอย่างชัดเจน

    วันนี้ Ofcom กำลังใช้แนวทางเดียวกันกับเว็บไซต์ 4chan — เว็บบอร์ดที่มีชื่อเสียงในด้านเนื้อหาสุดโต่งและไม่ผ่านการควบคุม โดยอ้างว่า 4chan ไม่ให้ความร่วมมือในการส่งข้อมูลตามที่กฎหมาย Online Safety Act กำหนด เช่น การประเมินความเสี่ยงของเนื้อหาผิดกฎหมาย และการป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงเนื้อหาไม่เหมาะสม

    Ofcom ได้ส่งคำร้องขอข้อมูลไปยัง 4chan หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ จึงออก “หนังสือแจ้งการละเมิดเบื้องต้น” พร้อมขู่ว่าจะปรับวันละ £20,000 และอาจขอคำสั่งศาลให้บล็อกเว็บไซต์ทั้งเว็บในสหราชอาณาจักร

    แต่ 4chan ไม่ใช่เว็บในอังกฤษ — มันเป็นบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีทนายความพร้อมตอบโต้ โดยอ้างสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซง

    นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการบล็อกเว็บ แต่เป็นการปะทะกันระหว่าง “สิทธิในการแสดงออก” กับ “การควบคุมเนื้อหา” ข้ามพรมแดน และอาจกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Ofcom ใช้กฎหมาย Online Safety Act เพื่อบังคับให้เว็บไซต์ต่างประเทศส่งข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาผิดกฎหมาย
    4chan ถูกขอให้ส่งรายงานการประเมินความเสี่ยงของเนื้อหา แต่ไม่ตอบกลับ
    Ofcom ออกหนังสือแจ้งการละเมิด และขู่ว่าจะปรับวันละ £20,000
    หากยังไม่ปฏิบัติตาม อาจขอคำสั่งศาลให้บล็อกเว็บไซต์ทั้งเว็บในสหราชอาณาจักร
    4chan เป็นบริษัทในสหรัฐฯ ไม่มีสำนักงานหรือทรัพย์สินในอังกฤษ
    ทนายของ 4chan อ้างว่าการบังคับใช้กฎหมายอังกฤษในสหรัฐฯ เป็นการละเมิดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ
    รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับการร้องขอให้ใช้มาตรการทางการทูตและกฎหมายเพื่อปกป้องบริษัทอเมริกัน
    กรณีนี้คล้ายกับการบล็อก The Pirate Bay ในปี 2012 ซึ่งถูกใช้เป็น “ตัวอย่าง” เพื่อผลักดันนโยบาย
    Ofcom มีอำนาจในการบล็อกเว็บไซต์โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชน
    การบล็อกเว็บไซต์ที่ไม่ใช่เว็บละเมิดลิขสิทธิ์อาจถูกมองว่าเป็นการเซ็นเซอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Online Safety Act กำหนดให้เว็บไซต์ต้องมีระบบตรวจสอบอายุผู้ใช้ก่อนเข้าถึงเนื้อหา NSFW
    กฎหมายนี้มีผลกระทบต่อหลายเว็บไซต์ รวมถึงเว็บโป๊และเว็บบอร์ดที่มีเนื้อหาสุ่มเสี่ยง
    รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ ก็มีการออกกฎหมายคล้ายกันเกี่ยวกับการตรวจสอบอายุ
    การบังคับใช้กฎหมายข้ามประเทศมีความซับซ้อน และมักถูกโต้แย้งในศาลสหรัฐฯ
    การบล็อกเว็บไซต์อาจทำให้ผู้ใช้หันไปใช้ VPN หรือแพลตฟอร์มที่ไม่ถูกควบคุม

    https://torrentfreak.com/uk-govt-finds-ideal-pirate-bay-poster-boy-to-sell-blocking-of-non-pirate-sites-250824/
    🎙️ จาก Pirate Bay สู่ 4chan — เมื่อรัฐบาลใช้ “ตัวอย่างร้าย” เพื่อเปิดทางสู่การเซ็นเซอร์ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 รัฐบาลสหราชอาณาจักรใช้เว็บไซต์ The Pirate Bay เป็น “ตัวอย่าง” เพื่อผลักดันการบล็อกเว็บละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ โดยอ้างว่า TPB เป็นเว็บที่ไม่ให้ความร่วมมือและมีชื่อเสียงในด้านการละเมิดอย่างชัดเจน วันนี้ Ofcom กำลังใช้แนวทางเดียวกันกับเว็บไซต์ 4chan — เว็บบอร์ดที่มีชื่อเสียงในด้านเนื้อหาสุดโต่งและไม่ผ่านการควบคุม โดยอ้างว่า 4chan ไม่ให้ความร่วมมือในการส่งข้อมูลตามที่กฎหมาย Online Safety Act กำหนด เช่น การประเมินความเสี่ยงของเนื้อหาผิดกฎหมาย และการป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงเนื้อหาไม่เหมาะสม Ofcom ได้ส่งคำร้องขอข้อมูลไปยัง 4chan หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ จึงออก “หนังสือแจ้งการละเมิดเบื้องต้น” พร้อมขู่ว่าจะปรับวันละ £20,000 และอาจขอคำสั่งศาลให้บล็อกเว็บไซต์ทั้งเว็บในสหราชอาณาจักร แต่ 4chan ไม่ใช่เว็บในอังกฤษ — มันเป็นบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีทนายความพร้อมตอบโต้ โดยอ้างสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซง นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการบล็อกเว็บ แต่เป็นการปะทะกันระหว่าง “สิทธิในการแสดงออก” กับ “การควบคุมเนื้อหา” ข้ามพรมแดน และอาจกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Ofcom ใช้กฎหมาย Online Safety Act เพื่อบังคับให้เว็บไซต์ต่างประเทศส่งข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาผิดกฎหมาย ➡️ 4chan ถูกขอให้ส่งรายงานการประเมินความเสี่ยงของเนื้อหา แต่ไม่ตอบกลับ ➡️ Ofcom ออกหนังสือแจ้งการละเมิด และขู่ว่าจะปรับวันละ £20,000 ➡️ หากยังไม่ปฏิบัติตาม อาจขอคำสั่งศาลให้บล็อกเว็บไซต์ทั้งเว็บในสหราชอาณาจักร ➡️ 4chan เป็นบริษัทในสหรัฐฯ ไม่มีสำนักงานหรือทรัพย์สินในอังกฤษ ➡️ ทนายของ 4chan อ้างว่าการบังคับใช้กฎหมายอังกฤษในสหรัฐฯ เป็นการละเมิดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับการร้องขอให้ใช้มาตรการทางการทูตและกฎหมายเพื่อปกป้องบริษัทอเมริกัน ➡️ กรณีนี้คล้ายกับการบล็อก The Pirate Bay ในปี 2012 ซึ่งถูกใช้เป็น “ตัวอย่าง” เพื่อผลักดันนโยบาย ➡️ Ofcom มีอำนาจในการบล็อกเว็บไซต์โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชน ➡️ การบล็อกเว็บไซต์ที่ไม่ใช่เว็บละเมิดลิขสิทธิ์อาจถูกมองว่าเป็นการเซ็นเซอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Online Safety Act กำหนดให้เว็บไซต์ต้องมีระบบตรวจสอบอายุผู้ใช้ก่อนเข้าถึงเนื้อหา NSFW ➡️ กฎหมายนี้มีผลกระทบต่อหลายเว็บไซต์ รวมถึงเว็บโป๊และเว็บบอร์ดที่มีเนื้อหาสุ่มเสี่ยง ➡️ รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ ก็มีการออกกฎหมายคล้ายกันเกี่ยวกับการตรวจสอบอายุ ➡️ การบังคับใช้กฎหมายข้ามประเทศมีความซับซ้อน และมักถูกโต้แย้งในศาลสหรัฐฯ ➡️ การบล็อกเว็บไซต์อาจทำให้ผู้ใช้หันไปใช้ VPN หรือแพลตฟอร์มที่ไม่ถูกควบคุม https://torrentfreak.com/uk-govt-finds-ideal-pirate-bay-poster-boy-to-sell-blocking-of-non-pirate-sites-250824/
    TORRENTFREAK.COM
    Is 4chan the Perfect ‘Pirate Bay’ Poster Child to Justify Wider UK Site-Blocking?
    The UK may need a Pirate Bay-style poster child to gain public support for national blocking of non-pirate sites under the Online Safety Act.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาบรรดาชาติตะวันตกในวันอาทิตย์(24ส.ค.) พยายามขัดขวางการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งในยูคเรน หลังจากดูเหมือนว่าความเคลื่อนไหวทางการทูตจะหยุดชะงักลงไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000080763

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาบรรดาชาติตะวันตกในวันอาทิตย์(24ส.ค.) พยายามขัดขวางการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งในยูคเรน หลังจากดูเหมือนว่าความเคลื่อนไหวทางการทูตจะหยุดชะงักลงไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000080763 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 743 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดภาพทุ่นระเบิดชนิดสังหารบุคคล ชนิด Type 72A ระบุทหารกัมพูชาวางไว้บริเวณช่องบก เพจดังชี้เข้าข่ายละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ระเบิดชนิดนี้ทั่วโลก แนะเก็บหลักฐานภาพถ่ายตำแหน่งที่พบ ดำเนินการกดดันทางการทูต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077020

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เปิดภาพทุ่นระเบิดชนิดสังหารบุคคล ชนิด Type 72A ระบุทหารกัมพูชาวางไว้บริเวณช่องบก เพจดังชี้เข้าข่ายละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ระเบิดชนิดนี้ทั่วโลก แนะเก็บหลักฐานภาพถ่ายตำแหน่งที่พบ ดำเนินการกดดันทางการทูต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077020 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 456 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น

    แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง

    ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ

    การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 761 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts