• ผู้ว่าฯสระแก้วออกโฉนดให้ชาวบ้าน ทำได้จริงหรือปาหี่..?? (3/9/68)

    #TruthFromThailand
    #ผู้ว่าสระแก้ว
    #โฉนดที่ดิน
    #ปัญหาที่ดิน
    #การเมืองไทย
    #ข่าวด่วน
    #ข่าวดัง
    #ข่าววันนี้
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ที่ดินไทย
    #ชาวบ้าน
    #รัฐบาลไทย
    #BreakingNews
    ผู้ว่าฯสระแก้วออกโฉนดให้ชาวบ้าน ทำได้จริงหรือปาหี่..?? (3/9/68) #TruthFromThailand #ผู้ว่าสระแก้ว #โฉนดที่ดิน #ปัญหาที่ดิน #การเมืองไทย #ข่าวด่วน #ข่าวดัง #ข่าววันนี้ #ThaiTimes #news1 #shorts #ที่ดินไทย #ชาวบ้าน #รัฐบาลไทย #BreakingNews
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นครสวรรค์ - ตำรวจสอบสวนกลางตามค้นตู้เซฟ “ทิดสฤษดิ์” ถึงกุฏิเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ขยายผลสอบเส้นเงินวัด..พบโฉนดสีกาเศรษฐินีอสังหาฯ อยู่ในตู้ด้วย พระเลขาฯ รับคุ้นชื่อแต่ไม่รู้ที่มาโฉนดโผล่กุฏิ

    ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง ซึ่งอดีตเจ้าอาวาสเพิ่งลาสิกขา หลังถูกร้องเรียนพัวพันสีกาและเงินวัดจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (22 ก.ค. 68) พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนที่กลับจากการตรวจสอบพื้นที่พุทธอุทยานจังหวัดนครสวรรค์ ได้เข้าสอบสวนพยานเพิ่มเติมภายในวัดนครสวรรค์ โดยเฉพาะกลุ่มไวยาวัจกร เพื่อขยายผลเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเงินวัดและการบริหารจัดการที่ผ่านมา

    จากนั้นพนักงานสอบสวนได้เข้าตรวจสอบ “ตู้เซฟขนาดใหญ่” บนกุฏิของอดีตเจ้าอาวาส โดยอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวขึ้นไปเป็นตัวแทนร่วมสังเกตการณ์จำนวน 5 คน ซึ่งเมื่อเปิดตู้เซฟออกมาพบเอกสารบางส่วน เงินสดธนบัตรใบละ 20 บาท จำนวน 3 ปึก และพบ “โฉนดที่ดิน” ซึ่งระบุชื่อ นางสาวภูธินี กวินพิศาล เป็นเจ้าของอยู่ในตู้เซฟด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000069044

    #Thaitimes #MGROnline #ทิดสฤษดิ์
    นครสวรรค์ - ตำรวจสอบสวนกลางตามค้นตู้เซฟ “ทิดสฤษดิ์” ถึงกุฏิเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ขยายผลสอบเส้นเงินวัด..พบโฉนดสีกาเศรษฐินีอสังหาฯ อยู่ในตู้ด้วย พระเลขาฯ รับคุ้นชื่อแต่ไม่รู้ที่มาโฉนดโผล่กุฏิ • ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง ซึ่งอดีตเจ้าอาวาสเพิ่งลาสิกขา หลังถูกร้องเรียนพัวพันสีกาและเงินวัดจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (22 ก.ค. 68) พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนที่กลับจากการตรวจสอบพื้นที่พุทธอุทยานจังหวัดนครสวรรค์ ได้เข้าสอบสวนพยานเพิ่มเติมภายในวัดนครสวรรค์ โดยเฉพาะกลุ่มไวยาวัจกร เพื่อขยายผลเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเงินวัดและการบริหารจัดการที่ผ่านมา • จากนั้นพนักงานสอบสวนได้เข้าตรวจสอบ “ตู้เซฟขนาดใหญ่” บนกุฏิของอดีตเจ้าอาวาส โดยอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวขึ้นไปเป็นตัวแทนร่วมสังเกตการณ์จำนวน 5 คน ซึ่งเมื่อเปิดตู้เซฟออกมาพบเอกสารบางส่วน เงินสดธนบัตรใบละ 20 บาท จำนวน 3 ปึก และพบ “โฉนดที่ดิน” ซึ่งระบุชื่อ นางสาวภูธินี กวินพิศาล เป็นเจ้าของอยู่ในตู้เซฟด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000069044 • #Thaitimes #MGROnline #ทิดสฤษดิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลาสิกขาทันควัน หลังถูกแจ้งความลักทรัพย์ระหว่างบวช ตัดสินใจแจ้งความกลับภรรยาและพวก ปมโฉนดที่ดิน 217 แปลงหายจากห้องนิรภัย เผยพฤติกรรมพิรุธไม่สามารถติดต่อได้ คาดมีเบื้องลึกซับซ้อน เตรียมขยายผลสอบสวนทุกมิติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068256

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลาสิกขาทันควัน หลังถูกแจ้งความลักทรัพย์ระหว่างบวช ตัดสินใจแจ้งความกลับภรรยาและพวก ปมโฉนดที่ดิน 217 แปลงหายจากห้องนิรภัย เผยพฤติกรรมพิรุธไม่สามารถติดต่อได้ คาดมีเบื้องลึกซับซ้อน เตรียมขยายผลสอบสวนทุกมิติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068256 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 509 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP.56 : โฉนดที่ดิน
    #กฎหมาย #ทนายความ
    ---------------------------------------------
    ติดตามความรู้ทางกฎหมายจากพวกเราได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61567000193856
    Instagram : https://www.instagram.com/jantasit_lawyer/...#
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCYy2exOkFMr_k62i0a_vbCQ
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@jantasit_law36?is_from_webapp=1...
    Thaitimes : https://thaitimes.co/pages/jtslawyer
    Line Offcial : https://lin.ee/HfQHAph
    EP.56 : โฉนดที่ดิน #กฎหมาย #ทนายความ --------------------------------------------- ติดตามความรู้ทางกฎหมายจากพวกเราได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61567000193856 Instagram : https://www.instagram.com/jantasit_lawyer/...# Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCYy2exOkFMr_k62i0a_vbCQ Tiktok : https://www.tiktok.com/@jantasit_law36?is_from_webapp=1... Thaitimes : https://thaitimes.co/pages/jtslawyer Line Offcial : https://lin.ee/HfQHAph
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้องดีเอสไอล่ามาเฟียจีน "ตง เกอ" กรรโชกทรัพย์พันล้าน! สมุนยึดโฉนดที่ดิน-โรงแรมหรูกลางกรุงฯ ของเศรษฐีจีนคดีฉ้อโกง ผู้เสียหายร้องขอคืนทรัพย์สิน หวั่นฟอกเงินผ่านนอมินีไทย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064979

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ร้องดีเอสไอล่ามาเฟียจีน "ตง เกอ" กรรโชกทรัพย์พันล้าน! สมุนยึดโฉนดที่ดิน-โรงแรมหรูกลางกรุงฯ ของเศรษฐีจีนคดีฉ้อโกง ผู้เสียหายร้องขอคืนทรัพย์สิน หวั่นฟอกเงินผ่านนอมินีไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064979 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 762 มุมมอง 0 รีวิว
  • 02-05-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.32(สิ้นเสียงระฆัง..ก็ใส่กันยับสิจ๊ะ)

    ถามจริง? มรึงล่อกูฮาแต่เช้าเลยน่ะเนี่ย? อะไรน่ะ NATO วางแผนลับยึดคาลินินกราด จริงดิ? ว๊ายๆ กูต้องวิ่งไปไหนเนี่ย? ปูติน ลูคาเชนโก กวักมือเรียก "มาให้ไวเลย ดีออก" ISKANDER ล้นทะลักคลังแสงอยู่ ต้องปล่อยออกบ้าง กำลังหาเหยื่อพอดี จุดที่เล็กที่สุด นั่นคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุด มรึงรู้มั้ยว่า คาลินินกราด ที่อยู่ท่ามกลางชาตินาโต้ EU ซ่อนเหี้ยอะไรไว้บ้าง รู้แล้วจะหนาวขี้? มินิคุ๊กกี้ รสชาเขียวเพี๊ยบ อยากลองชิมก่อนซักลูกมั้ยล่ะ? อีโปลโดนก่อนเพื่อน ใครหนุนโดนตามทีหลัง? ข่าวปล่อยทั้งนั้น เพื่อดึงความสนใจออกห่างเยรูซาเล็ม และเคียฟ มุกโคตรเก่า?

    มาล่ะ! สายปั่น กระแสมาเต็ม เขี่ยอีลูกสาวร่านหน้าเหลี่ยมกระเด็นเก้าอี้ แคนดิเดท ยังเหมือนเดิม ลุงตู่ ลุงป้อม ลุงพี ใครเขียนสคริปต์ให้ฟ่ะเนี่ย? ความในใจเพ่หย่าย ขอกูซัก 90 วันก็ยังดี ไอ้น้อง เพื่อประดับเป็นบารมีตระกูล ชงคนเป็นนายกมาเยอะแล้ว แต่ตัวเองได้แต่เหลียวหลังมอง ส่วนอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน กำลังจะโดนพิษกรรมเก่าล่ออยู่ ศาลกระดิกตรีนรอเชือด ไม่เห็นเหรอ? เจ้าสัวยังติดคุก 24 ปี ได้ ยุคนี้ อย่ามองข้ามความปลอดภัย เพราะสัญญานตรงจากเหนือใต้หล้าไฟเขียวล้างบางสิ่งสกปรกโสมมแล้วจ๊ะ DSI คิดการณ์ใหญ่ ล้างบางปทุมวันแม่งซะเลย จริงดิ?

    มรึงรู้มั้ยว่า? "คดีออกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟทับที่ป่าสงวน" ที่โดนกันวันนี้ เค้าชงเพื่อปูทางให้ใครกันล่ะ? มองออกยัง? เก้าอี้ อีนายกฯเถื่อน มันปลิวตั้งแต่ตราศาลประทับรับฟ้องแล้ว อะไรที่เคยยึดไป ต้องคืนแผ่นดินทั้งหมด ไม่ได้ขอ แต่เป็นคำสั่งจ๊ะ? ใช่ มันถึงเวลาสะสางความอัปรีย์จัญไรแผ่นดินออกไปให้พ้นได้แล้ว เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูก่อน เพื่อส่งสัญญานให้มรึงเตรียมเผ่นไงล่ะ ก็บอกแล้วว่า จ่ายครบ จบจริง ไสหัวไปซะ มันจะมาช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลไต่สวนอีเหลี่ยมชาติหมานั่นแหละ ชั้น 14 ไม่รอด มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรซะอีก พ่วง "เท็จทูล" อันนี้ อาญาตรง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ มันถึงไปคุยเตรียมบ้านใหม่อยู่ในพนมเปญไง อีขะแมร์รับอุ้ม แต่อีกไม่นาน อีฮุนเซน ก็จะไม่รอดเช่นกัน มรึงเตรียมคิดหาทางหนีไว้ก่อนเลย?

    "ทหารไทย"ดัดนิสัย" ทหารกัมพูชา ปิดด่านช่องอานม้า หลังพยายามรุกล้ำดินแดน พาดหัวข่าวแบบนี้ เห็นชัดว่าอะไร? สินค้าไทยเป็นที่นิยมใช้กันทั่งประเทศอีขะแมร์ ปิดด่าน สิ่งที่มรึงโดนก่อน 3 เด้งคือ 1.นักพนัน 2.พ่อค้าขาจร 3.สินค้าไทย รู้มั้ยว่า ตามพรมแดน เงินบาทเรามันที่เป็นหอมหวล เป็นที่ต้องการของชาติอาเซียนทั้งหมด อีฮุนเซนนับงานใครมา เพื่อปั่นกระแสพรมแดนไทย-ขะแมร์ ทั้งหมด เพื่อเบี่ยงเบนชั้น 14 และคดีสนามกอล์ฟ ที่จะทำเก้าอี้นายกฯเถื่อนลูกสาวร่านหักคาจอ มันเตรียมเผ่นเข้าไปหาอีฮุนเซนชัวร์ แล้วใครบอกมรึงล่ะว่า ทหารเค้าไม่รู้ อาจมีการหักหลังตามมา อยู่ขะแมร์ เท่ากับเข้าถ้ำเสือ หากทรยศปุ๊บ อีเหลี่ยมตายทั้งเป็น ดิ้นไม่หลุด เอาเป็นตัวประกัน รีดทรัพย์เท่าไหร่ก็ได้ เหี้ยกินเหี้ยไม่ใช่เรื่องใหม่ กรรมมันทันตาเห็น ไมต้องรอนาน อีเหลี่ยมระแวงหนัก ปราสาทจะแดร๊กแล้วจ๊ะ กลัวไปหมด?

    เบื้องหลังศาลฎีกา ไต่สวนเอง ท้าพิสูจน์ความจริงเอง ชั้น 14 ใครตอแหล 3 กระทงมาแน่มรึง? ชาญชัย..นั่นแค่ตัวชง ตัวตบอยู่ที่เสรีจ๊ะ ขึ้นศาลปุ๊บ แถต่อไม่ได้ กล้องวงจรปิดต้องเปิดหมด ลายเซ้นต์ใคร รับผิดไปตามวาระ ต่างกรรม ต่างเวลา นี่ต่างหากคือหมัดน็อค ใครฟ้อง..เหี้ยมันแถได้หมด แต่หากศาลของดูเอง พิสูจน์เอง ว่าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายตามคำพิพากษา รู้มั้ยว่า อะไรจะเกิดขึ้น ตายยกกรมคุก ตายยกปทุมวัน ตายยกสภาแพทย์ ตายยกคนเสนอยื่นถวายอภัยลดโทษ หรือทั้งหมด เค้าจัดฉากเตรียมรอไว้อยู่นานแล้ว เพื่อรอวันนี้ จะล่อเหี้ย มรึงต้องเอาให้ตายคาตรีน ยึดทรัพย์ทั้งหมดในแผ่นดินนี้ และค่อยตามไปยึดในเกาะแคริบเบี้ยน สืบไม่ยากดอก เค้ารู้หมดแล้ว ว่ามรึงเอาไปแปรรูปเป็นอะไรบ้าง?

    เมื่ออีทรัมปป์ ตั้งใจพลาดให้จีน เมื่อชงให้มรึงตบ สิ่งที่ตามมาคือ ดิสเครดิตอเมริโกย เป็นไปตามแผน TRUMP LAND ไม่ทุบให้แตกสลายก่อน มันจะแยกดินแดนได้มั้ยล่ะ? เพราะอีกไม่นาน หน่วยความมั่นคงรัฐ จะปะทะ กับกองทัพของรัฐบาลกลางสหรัฐ ผลคือ CIVIL WAR แบบในหนังนั่นแหละ อีทรัมปป์ไม่ตายภายในวันที่ 12 เมษายน ตามที่อีการ์ตูนซิมป์สันกาหัวไว้ ส่งสัญญาน พลิกเกมส์นรก จีนเล่นบทพระเอก อีทรัมปป์เล่นบทผู้ร้าย ส่วนอีโง่ยุโรป เล่นบทตัวอิจฉา ส่วนศรีธนญชัย เล่นบทตีกิน ตีเนียน เผลอเป็นล้าง เมาเป็นเสียบ ทั้งหม่อง และอีขะแมร์ เป็นแค่ตัวเบี่ยงเบนความสนใจ เป้าหมายแท้จริงคือ "อโยธยา" ที่เหี้ยยิวอยากจะแดร๊กจนคลั่ง อียิวแห่ทะลักกันเข้ามา นีโอนาซี เหี้ยไอซิสทั้งนั้น หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ยิ่งจัดการง่ายขึ้น เพราะที่นี่อำนาจเป็นของเราเอง ใช้ต่อรองเจรจาไงล่ะ? อยากให้ส่งตัวมั้ย?

    นับ 1 เศรษฐกิจพอเพียง "โมเดลโลกใหม่จ๊ะ" ภูฎาน นำสิ่งที่พ่อร.9 สร้างไปต่อยอด ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เห็น เพื่อนบ้าน นานาชาติต่างคิด เราทำอะไรอยู่เนี่ย? ปากท้อง ปัจจัย 4 คือเรื่องสำคัญที่สุด ที่ชีวิตต้องมี ต้องการ แล้วไอ้สิ่งปลอมปนที่เข้ามา ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เป็นปัจจัยหลัก ไทยโมเดล จะนำโลกสู่ยุคใหม่ ไทยจะเป็นผู้นำโลกเหรอ? มรึงอย่าได้ดูถูกเชียว วัฒนธรรมไทย น้ำใจคนไทย เมตตาธรรม รากเหง้าไทย มันโดนใจคนทั้งโลก มรึงเห็นได้จาก SOFT POWER THAI ที่แรงสุดลิ่มทิ่มประตู ชุดไทยใส่แล้วสวย ชุดนักเรียนใส่แล้วเท่ห์ อาหาร ขนมไทย ยกนิ้วให้ทั้งโลก

    ปล.หลายเดือนก่อน เคยเห็นแล้ว ข่าวเรื่องชุดล่องหนกองทัพจีน มันล่องหนได้จริง เหมือนมรึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งๆ ที่กองทัพนับร้อย ยืนอยู่หน้ามรึงเนี่ยน่ะ? แล้วจีนต่อยอด เอาไปคลุมเครื่องบิน รถถัง หรือฐานบัญชาการลับอะไรก็ได้ มันคือแผ่นสะท้อนให้ตาเราเข้าใจว่ามันไม่มีอยู่ตรงนั้น ใช้ในสมรภูมิล่ะ มันแน่ ปืนจ่อหัวอยู่นับ 100 กระบอก ศัตรูยังแดร๊กเบียร์ เต้นรำอยู่เลย เหี้ยมะกัน กรี๊ดสนั่น มรึงจะทะลุอวกาศไปถึงไหน ไอ้สัส! ข้ามวิกแป๊บ : ปัญหาชายแดนใต้ แก้ไม่ยาก แค่เจ้ามือ กับคนแทง ให้มันวินวินทั้งคู่ คือจบทันที นัยยะคือ ท่อน้ำเลี้ยงคือรายได้หลัก เมื่อไม่ให้ทำต่อ คนพวกนั้นจะไปไหนได้อีก? ตัดวงจรน้ำเลี้ยงแล้วเปลี่ยนขาจร มาเป็นหน่วยลับแทน ใช้ศัตรูสืบจับศัตรูอีกที และภัยแผ่นดิน แม่งซะเลย มีให้แค่ 2 ทางเลือก จะเข้ากับกู หรือจะให้กูยิงทิ้ง มรึงจะเลือกอะไร? เครือข่ายใคร เค้ารู้หมดแล้ว แค่จะทำตอนไหน ยังไง เท่านั้นเอง? ไม่ต้องไปแตะเหี้ยอะไรมากดอก แค่จัดระเบียบให้เหมือนเดิมก็รอดแล้ว ปัญหาเกิดจากคนใน ย้ายคนชั่วออกไป ทุกอย่างก็จะปกติเอง

    หมี CNN(กูเคยบอกแล้วชิมิ? อะไรที่มรึงไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น จะได้เจอ ได้เห็นหมด เพราะกลียุค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ครั้งแรก ที่ศาลฎีกาประกาศไต่สวนเอง ไปถามนักกฎหมายดูสิ แล้วมรึงจะช็อค "แปลว่าอะไร" ขนาดศาลท่าน ยังเอือมระอากับความบัดซบข้าราชการไทยเองเลย ทั้งอีกรมคุก อีอัยกวย อีสภาแพทย์ อีคนยื่นประทานอภัยลดโทษ ทั้งหมดเป็นขบวนการ วังรู้ วังเห็น ถึงได้ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไงล่ะ เพื่อตามเช็คบิลย้อนหลัง หากไม่เล่นตามน้ำ แล้วมรึงจะเอาหลักฐานไหน มาระบุว่ามันผิดจริง และโทษรุนแรงกันล่ะ? เห็นเต็มตายัง? ตอนแรก ดิ้นทุรนทุรายกันหย่าย อีเหลี่ยมไม่มีใครทำอะไรมันได้ แล้วมรึงมาดูตอนนี้สิ สภาพมันวันนี้สิ เตรียมเผ่น แต่จะเผ่นได้หรือไม่ ต้องจ่ายครบ จบจริงเท่านั้น เค้าล็อคคอมันอยู่ตอนนี้ คุกถึงตายน่ะมรึง เผ่นชัวร์ แต่ต้องจ่ายขนาดไหนกันล่ะ คืนเงินแผ่นดินที่มรึงโกงมาให้หมดซะ)
    02 พฤษภาคม 68
    12.25 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    02-05-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.32(สิ้นเสียงระฆัง..ก็ใส่กันยับสิจ๊ะ) ถามจริง? มรึงล่อกูฮาแต่เช้าเลยน่ะเนี่ย? อะไรน่ะ NATO วางแผนลับยึดคาลินินกราด จริงดิ? ว๊ายๆ กูต้องวิ่งไปไหนเนี่ย? ปูติน ลูคาเชนโก กวักมือเรียก "มาให้ไวเลย ดีออก" ISKANDER ล้นทะลักคลังแสงอยู่ ต้องปล่อยออกบ้าง กำลังหาเหยื่อพอดี จุดที่เล็กที่สุด นั่นคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุด มรึงรู้มั้ยว่า คาลินินกราด ที่อยู่ท่ามกลางชาตินาโต้ EU ซ่อนเหี้ยอะไรไว้บ้าง รู้แล้วจะหนาวขี้? มินิคุ๊กกี้ รสชาเขียวเพี๊ยบ อยากลองชิมก่อนซักลูกมั้ยล่ะ? อีโปลโดนก่อนเพื่อน ใครหนุนโดนตามทีหลัง? ข่าวปล่อยทั้งนั้น เพื่อดึงความสนใจออกห่างเยรูซาเล็ม และเคียฟ มุกโคตรเก่า? มาล่ะ! สายปั่น กระแสมาเต็ม เขี่ยอีลูกสาวร่านหน้าเหลี่ยมกระเด็นเก้าอี้ แคนดิเดท ยังเหมือนเดิม ลุงตู่ ลุงป้อม ลุงพี ใครเขียนสคริปต์ให้ฟ่ะเนี่ย? ความในใจเพ่หย่าย ขอกูซัก 90 วันก็ยังดี ไอ้น้อง เพื่อประดับเป็นบารมีตระกูล ชงคนเป็นนายกมาเยอะแล้ว แต่ตัวเองได้แต่เหลียวหลังมอง ส่วนอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน กำลังจะโดนพิษกรรมเก่าล่ออยู่ ศาลกระดิกตรีนรอเชือด ไม่เห็นเหรอ? เจ้าสัวยังติดคุก 24 ปี ได้ ยุคนี้ อย่ามองข้ามความปลอดภัย เพราะสัญญานตรงจากเหนือใต้หล้าไฟเขียวล้างบางสิ่งสกปรกโสมมแล้วจ๊ะ DSI คิดการณ์ใหญ่ ล้างบางปทุมวันแม่งซะเลย จริงดิ? มรึงรู้มั้ยว่า? "คดีออกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟทับที่ป่าสงวน" ที่โดนกันวันนี้ เค้าชงเพื่อปูทางให้ใครกันล่ะ? มองออกยัง? เก้าอี้ อีนายกฯเถื่อน มันปลิวตั้งแต่ตราศาลประทับรับฟ้องแล้ว อะไรที่เคยยึดไป ต้องคืนแผ่นดินทั้งหมด ไม่ได้ขอ แต่เป็นคำสั่งจ๊ะ? ใช่ มันถึงเวลาสะสางความอัปรีย์จัญไรแผ่นดินออกไปให้พ้นได้แล้ว เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูก่อน เพื่อส่งสัญญานให้มรึงเตรียมเผ่นไงล่ะ ก็บอกแล้วว่า จ่ายครบ จบจริง ไสหัวไปซะ มันจะมาช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลไต่สวนอีเหลี่ยมชาติหมานั่นแหละ ชั้น 14 ไม่รอด มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรซะอีก พ่วง "เท็จทูล" อันนี้ อาญาตรง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ มันถึงไปคุยเตรียมบ้านใหม่อยู่ในพนมเปญไง อีขะแมร์รับอุ้ม แต่อีกไม่นาน อีฮุนเซน ก็จะไม่รอดเช่นกัน มรึงเตรียมคิดหาทางหนีไว้ก่อนเลย? "ทหารไทย"ดัดนิสัย" ทหารกัมพูชา ปิดด่านช่องอานม้า หลังพยายามรุกล้ำดินแดน พาดหัวข่าวแบบนี้ เห็นชัดว่าอะไร? สินค้าไทยเป็นที่นิยมใช้กันทั่งประเทศอีขะแมร์ ปิดด่าน สิ่งที่มรึงโดนก่อน 3 เด้งคือ 1.นักพนัน 2.พ่อค้าขาจร 3.สินค้าไทย รู้มั้ยว่า ตามพรมแดน เงินบาทเรามันที่เป็นหอมหวล เป็นที่ต้องการของชาติอาเซียนทั้งหมด อีฮุนเซนนับงานใครมา เพื่อปั่นกระแสพรมแดนไทย-ขะแมร์ ทั้งหมด เพื่อเบี่ยงเบนชั้น 14 และคดีสนามกอล์ฟ ที่จะทำเก้าอี้นายกฯเถื่อนลูกสาวร่านหักคาจอ มันเตรียมเผ่นเข้าไปหาอีฮุนเซนชัวร์ แล้วใครบอกมรึงล่ะว่า ทหารเค้าไม่รู้ อาจมีการหักหลังตามมา อยู่ขะแมร์ เท่ากับเข้าถ้ำเสือ หากทรยศปุ๊บ อีเหลี่ยมตายทั้งเป็น ดิ้นไม่หลุด เอาเป็นตัวประกัน รีดทรัพย์เท่าไหร่ก็ได้ เหี้ยกินเหี้ยไม่ใช่เรื่องใหม่ กรรมมันทันตาเห็น ไมต้องรอนาน อีเหลี่ยมระแวงหนัก ปราสาทจะแดร๊กแล้วจ๊ะ กลัวไปหมด? เบื้องหลังศาลฎีกา ไต่สวนเอง ท้าพิสูจน์ความจริงเอง ชั้น 14 ใครตอแหล 3 กระทงมาแน่มรึง? ชาญชัย..นั่นแค่ตัวชง ตัวตบอยู่ที่เสรีจ๊ะ ขึ้นศาลปุ๊บ แถต่อไม่ได้ กล้องวงจรปิดต้องเปิดหมด ลายเซ้นต์ใคร รับผิดไปตามวาระ ต่างกรรม ต่างเวลา นี่ต่างหากคือหมัดน็อค ใครฟ้อง..เหี้ยมันแถได้หมด แต่หากศาลของดูเอง พิสูจน์เอง ว่าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายตามคำพิพากษา รู้มั้ยว่า อะไรจะเกิดขึ้น ตายยกกรมคุก ตายยกปทุมวัน ตายยกสภาแพทย์ ตายยกคนเสนอยื่นถวายอภัยลดโทษ หรือทั้งหมด เค้าจัดฉากเตรียมรอไว้อยู่นานแล้ว เพื่อรอวันนี้ จะล่อเหี้ย มรึงต้องเอาให้ตายคาตรีน ยึดทรัพย์ทั้งหมดในแผ่นดินนี้ และค่อยตามไปยึดในเกาะแคริบเบี้ยน สืบไม่ยากดอก เค้ารู้หมดแล้ว ว่ามรึงเอาไปแปรรูปเป็นอะไรบ้าง? เมื่ออีทรัมปป์ ตั้งใจพลาดให้จีน เมื่อชงให้มรึงตบ สิ่งที่ตามมาคือ ดิสเครดิตอเมริโกย เป็นไปตามแผน TRUMP LAND ไม่ทุบให้แตกสลายก่อน มันจะแยกดินแดนได้มั้ยล่ะ? เพราะอีกไม่นาน หน่วยความมั่นคงรัฐ จะปะทะ กับกองทัพของรัฐบาลกลางสหรัฐ ผลคือ CIVIL WAR แบบในหนังนั่นแหละ อีทรัมปป์ไม่ตายภายในวันที่ 12 เมษายน ตามที่อีการ์ตูนซิมป์สันกาหัวไว้ ส่งสัญญาน พลิกเกมส์นรก จีนเล่นบทพระเอก อีทรัมปป์เล่นบทผู้ร้าย ส่วนอีโง่ยุโรป เล่นบทตัวอิจฉา ส่วนศรีธนญชัย เล่นบทตีกิน ตีเนียน เผลอเป็นล้าง เมาเป็นเสียบ ทั้งหม่อง และอีขะแมร์ เป็นแค่ตัวเบี่ยงเบนความสนใจ เป้าหมายแท้จริงคือ "อโยธยา" ที่เหี้ยยิวอยากจะแดร๊กจนคลั่ง อียิวแห่ทะลักกันเข้ามา นีโอนาซี เหี้ยไอซิสทั้งนั้น หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ยิ่งจัดการง่ายขึ้น เพราะที่นี่อำนาจเป็นของเราเอง ใช้ต่อรองเจรจาไงล่ะ? อยากให้ส่งตัวมั้ย? นับ 1 เศรษฐกิจพอเพียง "โมเดลโลกใหม่จ๊ะ" ภูฎาน นำสิ่งที่พ่อร.9 สร้างไปต่อยอด ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เห็น เพื่อนบ้าน นานาชาติต่างคิด เราทำอะไรอยู่เนี่ย? ปากท้อง ปัจจัย 4 คือเรื่องสำคัญที่สุด ที่ชีวิตต้องมี ต้องการ แล้วไอ้สิ่งปลอมปนที่เข้ามา ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เป็นปัจจัยหลัก ไทยโมเดล จะนำโลกสู่ยุคใหม่ ไทยจะเป็นผู้นำโลกเหรอ? มรึงอย่าได้ดูถูกเชียว วัฒนธรรมไทย น้ำใจคนไทย เมตตาธรรม รากเหง้าไทย มันโดนใจคนทั้งโลก มรึงเห็นได้จาก SOFT POWER THAI ที่แรงสุดลิ่มทิ่มประตู ชุดไทยใส่แล้วสวย ชุดนักเรียนใส่แล้วเท่ห์ อาหาร ขนมไทย ยกนิ้วให้ทั้งโลก ปล.หลายเดือนก่อน เคยเห็นแล้ว ข่าวเรื่องชุดล่องหนกองทัพจีน มันล่องหนได้จริง เหมือนมรึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งๆ ที่กองทัพนับร้อย ยืนอยู่หน้ามรึงเนี่ยน่ะ? แล้วจีนต่อยอด เอาไปคลุมเครื่องบิน รถถัง หรือฐานบัญชาการลับอะไรก็ได้ มันคือแผ่นสะท้อนให้ตาเราเข้าใจว่ามันไม่มีอยู่ตรงนั้น ใช้ในสมรภูมิล่ะ มันแน่ ปืนจ่อหัวอยู่นับ 100 กระบอก ศัตรูยังแดร๊กเบียร์ เต้นรำอยู่เลย เหี้ยมะกัน กรี๊ดสนั่น มรึงจะทะลุอวกาศไปถึงไหน ไอ้สัส! ข้ามวิกแป๊บ : ปัญหาชายแดนใต้ แก้ไม่ยาก แค่เจ้ามือ กับคนแทง ให้มันวินวินทั้งคู่ คือจบทันที นัยยะคือ ท่อน้ำเลี้ยงคือรายได้หลัก เมื่อไม่ให้ทำต่อ คนพวกนั้นจะไปไหนได้อีก? ตัดวงจรน้ำเลี้ยงแล้วเปลี่ยนขาจร มาเป็นหน่วยลับแทน ใช้ศัตรูสืบจับศัตรูอีกที และภัยแผ่นดิน แม่งซะเลย มีให้แค่ 2 ทางเลือก จะเข้ากับกู หรือจะให้กูยิงทิ้ง มรึงจะเลือกอะไร? เครือข่ายใคร เค้ารู้หมดแล้ว แค่จะทำตอนไหน ยังไง เท่านั้นเอง? ไม่ต้องไปแตะเหี้ยอะไรมากดอก แค่จัดระเบียบให้เหมือนเดิมก็รอดแล้ว ปัญหาเกิดจากคนใน ย้ายคนชั่วออกไป ทุกอย่างก็จะปกติเอง หมี CNN(กูเคยบอกแล้วชิมิ? อะไรที่มรึงไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น จะได้เจอ ได้เห็นหมด เพราะกลียุค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ครั้งแรก ที่ศาลฎีกาประกาศไต่สวนเอง ไปถามนักกฎหมายดูสิ แล้วมรึงจะช็อค "แปลว่าอะไร" ขนาดศาลท่าน ยังเอือมระอากับความบัดซบข้าราชการไทยเองเลย ทั้งอีกรมคุก อีอัยกวย อีสภาแพทย์ อีคนยื่นประทานอภัยลดโทษ ทั้งหมดเป็นขบวนการ วังรู้ วังเห็น ถึงได้ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไงล่ะ เพื่อตามเช็คบิลย้อนหลัง หากไม่เล่นตามน้ำ แล้วมรึงจะเอาหลักฐานไหน มาระบุว่ามันผิดจริง และโทษรุนแรงกันล่ะ? เห็นเต็มตายัง? ตอนแรก ดิ้นทุรนทุรายกันหย่าย อีเหลี่ยมไม่มีใครทำอะไรมันได้ แล้วมรึงมาดูตอนนี้สิ สภาพมันวันนี้สิ เตรียมเผ่น แต่จะเผ่นได้หรือไม่ ต้องจ่ายครบ จบจริงเท่านั้น เค้าล็อคคอมันอยู่ตอนนี้ คุกถึงตายน่ะมรึง เผ่นชัวร์ แต่ต้องจ่ายขนาดไหนกันล่ะ คืนเงินแผ่นดินที่มรึงโกงมาให้หมดซะ) 02 พฤษภาคม 68 12.25 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1252 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้แทนชาวจังหวัดน่าน ขอบคุณ “นิพนธ์” ผลักดันการออกโฉนดที่ดินสำเร็จ หลังรอคอยกว่า 30 ปี
    https://www.thai-tai.tv/news/18360/
    ผู้แทนชาวจังหวัดน่าน ขอบคุณ “นิพนธ์” ผลักดันการออกโฉนดที่ดินสำเร็จ หลังรอคอยกว่า 30 ปี https://www.thai-tai.tv/news/18360/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..บ่อน้ำมันไทยที่ข้าราชการประจำระดับนั่งตำแหน่งสูงๆมากมายทั่วประเทศไม่มีความกล้าหาญนำพาคืนความมั่งคั่งแก่ประชาชนคนไทยได้,ผู้ว่าฯและนายอำเภอแต่ละจังหวัดแต่ละท้องที่ตนที่รู้เห็นความจริงทุกๆอย่างยังปิดตาลงได้&ไม่เคยลงประกาศประชุมพูดคุยบอกเล่าความจริงแก่ประชาชนอย่างจริงใจแบบจัดประชุมคืน&มอบโฉนดที่ดินคืนสิทธิ์แก่ประชาชนเลย,บ่อน้ำมันเป็นอะไรยิ่งกว่าที่ดินประชาชนเช่นกันมันคือการพ้นยากจนคนไทยได้ มีสิทธิในการทำกินสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยแก่ทุกๆคนในประเทศไทยได้เหมือนมีที่ดินทำกินสร้างสุขปากท้องคนนั้นเอง,ไม่รวมบ่อทองคำแหล่งทรัพยากรผูกขาดต่างๆที่เสียสิทธิไปเช่นบ่อน้ำมัน.,และแม้ทหารยึดอำนาจเองก็ไม่เคยคิดอ่านประกาศความจริง&จริงใจจริงต่อคนไทยทั้งประเทศ,ขาติเราเจริญวัตถุเพื่อตอบสนองโคตรเหง้าไม่กี่ตระกูลให้มั่งคั่งร่ำรวยอย่างบ้าคลั่งชนิดเห็นแก่ตัวโคตรๆมาอย่างยาวนานจริงๆและพร้อมทำลายขายชาติขายแผ่นดินไทยสมคบคิดต่างชาติก่อชั่วใส่แผ่นดินและประชาชนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง.,คือวิถีปกครองที่ชั่วเลวยิ่งนักในคราบเผด็จการประชาธิปไตยส่งออกของฝรั่งร่วมกับคณะกบฎ2475.

    ....ทวนราคาน้ำมันในอดีตยุค2565ที่เบนซิน95แบบไม่ผสมเอทานอลลิตรละ52-53กว่าบาทต่อลิตร ถือว่าแพงมากเช่นกัน.

    ราคาน้ำมันวันนี้ 6 มิถุนายน 2565 เช็กราคาทุกชนิด ล่าสุดลิตรละกี่บาทแล้ว

    Date Time: 6 มิ.ย. 2565 10:00 น.

    "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน
    "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน
    วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานการอัปเดตราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน, แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ล่าสุด จากเว็บไซต์ บมจ.บางจากปิโตรเลียม, เว็บไซต์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), เว็บไซต์ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และ Esso Thailand โดยมีราคาดังนี้

    ราคาน้ำมันปั๊ม "เชลล์"
    เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.54 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.38 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.65 บาท/ลิตร

    เชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 53.14 บาท/ลิตร

    เชลล์ ดีเซล B20 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล B7 อยู่ที่ 49.39 บาท/ลิตร



    ราคาน้ำมันปั๊ม "เอสโซ่"
    เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.34 บาท/ลิตร
    เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.18 บาท/ลิตร
    ซูเปอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.45 บาท/ลิตร
    ดีเซล อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร
    ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร

    ซูพรีมพลัส แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 52.94 บาท/ลิตร

    ซูพรีมพลัส ดีเซล B7 อยู่ที่ 47.66 บาท/ลิตร



    ราคาน้ำมันปั๊ม "ปตท."
    ดีเซลพรีเมียม B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร
    ดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ดีเซล อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ดีเซล B20 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร

    เบนซิน อยู่ที่ 52.06 บาท/ลิตร

    แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร


    ราคาน้ำมันปั๊ม "บางจาก"
    แก๊สโซฮอล์ 95S EVO อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ 91S EV อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E20S EVO อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E85S EVO อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร
    ไฮดีเซล B20S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ไฮดีเซล S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ไฮดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ไฮพรีเมียมดีเซล S B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร


    อย่างไรก็ตาม ราคาข้างต้นเป็นราคากลางที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งอาจมีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่.



    ..บ่อน้ำมันไทยที่ข้าราชการประจำระดับนั่งตำแหน่งสูงๆมากมายทั่วประเทศไม่มีความกล้าหาญนำพาคืนความมั่งคั่งแก่ประชาชนคนไทยได้,ผู้ว่าฯและนายอำเภอแต่ละจังหวัดแต่ละท้องที่ตนที่รู้เห็นความจริงทุกๆอย่างยังปิดตาลงได้&ไม่เคยลงประกาศประชุมพูดคุยบอกเล่าความจริงแก่ประชาชนอย่างจริงใจแบบจัดประชุมคืน&มอบโฉนดที่ดินคืนสิทธิ์แก่ประชาชนเลย,บ่อน้ำมันเป็นอะไรยิ่งกว่าที่ดินประชาชนเช่นกันมันคือการพ้นยากจนคนไทยได้ มีสิทธิในการทำกินสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยแก่ทุกๆคนในประเทศไทยได้เหมือนมีที่ดินทำกินสร้างสุขปากท้องคนนั้นเอง,ไม่รวมบ่อทองคำแหล่งทรัพยากรผูกขาดต่างๆที่เสียสิทธิไปเช่นบ่อน้ำมัน.,และแม้ทหารยึดอำนาจเองก็ไม่เคยคิดอ่านประกาศความจริง&จริงใจจริงต่อคนไทยทั้งประเทศ,ขาติเราเจริญวัตถุเพื่อตอบสนองโคตรเหง้าไม่กี่ตระกูลให้มั่งคั่งร่ำรวยอย่างบ้าคลั่งชนิดเห็นแก่ตัวโคตรๆมาอย่างยาวนานจริงๆและพร้อมทำลายขายชาติขายแผ่นดินไทยสมคบคิดต่างชาติก่อชั่วใส่แผ่นดินและประชาชนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง.,คือวิถีปกครองที่ชั่วเลวยิ่งนักในคราบเผด็จการประชาธิปไตยส่งออกของฝรั่งร่วมกับคณะกบฎ2475. ....ทวนราคาน้ำมันในอดีตยุค2565ที่เบนซิน95แบบไม่ผสมเอทานอลลิตรละ52-53กว่าบาทต่อลิตร ถือว่าแพงมากเช่นกัน. ราคาน้ำมันวันนี้ 6 มิถุนายน 2565 เช็กราคาทุกชนิด ล่าสุดลิตรละกี่บาทแล้ว Date Time: 6 มิ.ย. 2565 10:00 น. "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานการอัปเดตราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน, แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ล่าสุด จากเว็บไซต์ บมจ.บางจากปิโตรเลียม, เว็บไซต์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), เว็บไซต์ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และ Esso Thailand โดยมีราคาดังนี้ ราคาน้ำมันปั๊ม "เชลล์" เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.54 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.38 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.65 บาท/ลิตร เชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 53.14 บาท/ลิตร เชลล์ ดีเซล B20 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล B7 อยู่ที่ 49.39 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันปั๊ม "เอสโซ่" เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.34 บาท/ลิตร เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.18 บาท/ลิตร ซูเปอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.45 บาท/ลิตร ดีเซล อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร ซูพรีมพลัส แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 52.94 บาท/ลิตร ซูพรีมพลัส ดีเซล B7 อยู่ที่ 47.66 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันปั๊ม "ปตท." ดีเซลพรีเมียม B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร ดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ดีเซล อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ดีเซล B20 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร เบนซิน อยู่ที่ 52.06 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันปั๊ม "บางจาก" แก๊สโซฮอล์ 95S EVO อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91S EV อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E20S EVO อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E85S EVO อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร ไฮดีเซล B20S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ไฮดีเซล S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ไฮดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ไฮพรีเมียมดีเซล S B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร อย่างไรก็ตาม ราคาข้างต้นเป็นราคากลางที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งอาจมีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 644 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาไม่ให้ประกัน “โกทร” จำเลยที่ 7 คดียิงสจ.โต้งเสียชีวิต หลังสันธนะหอบโฉนดที่ดิน อ.สีคิ้ว โคราช มูลค่า 3.6 ล้านขอประกัน ชี้คดีอัตราโทษสูง เป็นเรื่องร้ายแรง เกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000037361

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญาไม่ให้ประกัน “โกทร” จำเลยที่ 7 คดียิงสจ.โต้งเสียชีวิต หลังสันธนะหอบโฉนดที่ดิน อ.สีคิ้ว โคราช มูลค่า 3.6 ล้านขอประกัน ชี้คดีอัตราโทษสูง เป็นเรื่องร้ายแรง เกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000037361 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดโฉมโฉนดที่ดิน เขาใหญ่ ของ อุ๊งอิ๊ง
    อ่านเพิ่มเติม : https://www.isranews.org/article/isranews/136738-invesdsdsdsdsd-2.html
    เปิดโฉมโฉนดที่ดิน เขาใหญ่ ของ อุ๊งอิ๊ง อ่านเพิ่มเติม : https://www.isranews.org/article/isranews/136738-invesdsdsdsdsd-2.html
    WWW.ISRANEWS.ORG
    เปิดโฉมโฉนด 4 แปลง รร.เขาใหญ่‘แพทองธาร’ออกในชื่อคุณหญิงพจมาน-ตีมูลค่า 121.2 ล.
    ISRA INVESTIGATIVE! ดูชัดๆ โฉนด 4 แปลง 36 ไร่ รร.เทมส์ วัลลี่ย์ เขาใหญ่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ออกในชื่อคุณหญิงพจมาน ก่อนแบ่งแยกปี 2555 จดทะเบียนแปลงเป็นค่าหุ้นจ่ายให้บริษัทในครอบครัว 121.2 ล้านปลายปี 2560 ชนวน สส.ฝ่ายค้านอภิปรายกล่าวหาถือครองเอกสารสิทธิ์ออกโดยมิชอบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ อธิบดีพรพจน์ เพ็ญพลาด พลาดถวายหัวฟอกขาว โฉนดที่ดินเขากระโดงถึงเขาใหญ่เอื้อนักการเมือง
    #7ดอกจิก
    ♣ อธิบดีพรพจน์ เพ็ญพลาด พลาดถวายหัวฟอกขาว โฉนดที่ดินเขากระโดงถึงเขาใหญ่เอื้อนักการเมือง #7ดอกจิก
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากที่ดินผืนนี้ จากรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่หลงเชื่อกลุ่มทุนให้โยกย้ายออกจากผืนนาที่ทำกินกันมาแต่ดั้งเดิม โดยหลอกล่อชาวบ้านว่ามีที่อยู่แปลงใหม่ให้ มีโฉนดที่ดินสามารถซื้อขายได้ถูกต้องตามกฏหมาย ปัจจุบันศาลชี้ชัดแล้วว่า ที่ดินผืนนี้ไม่ชอบด้วยกฏหมายโฉนดที่ชาวบ้านถือครองถูกยกเลิก
    ผลกระทบที่ตามมามีมากมาย ชาวบ้านที่ถูกหลอกให้ย้ายออกจากพื้นที่ ทำให้ลูกหลานและครอบครัวเสียโอกาสในการประกอบอาชีพทางเกษตรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า30ปี และปัจจุบันก็ยังมาเสียโอกาสในโฉนดที่ดินที่ถืออยู่ในมือของชาวบ้านอีก หลอกซ้ำหลอกซากนะกลุ่มนายทุน
    #ลุงสนธิช่วยชาวบ้านด้วยครับ
    ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากที่ดินผืนนี้ จากรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่หลงเชื่อกลุ่มทุนให้โยกย้ายออกจากผืนนาที่ทำกินกันมาแต่ดั้งเดิม โดยหลอกล่อชาวบ้านว่ามีที่อยู่แปลงใหม่ให้ มีโฉนดที่ดินสามารถซื้อขายได้ถูกต้องตามกฏหมาย ปัจจุบันศาลชี้ชัดแล้วว่า ที่ดินผืนนี้ไม่ชอบด้วยกฏหมายโฉนดที่ชาวบ้านถือครองถูกยกเลิก ผลกระทบที่ตามมามีมากมาย ชาวบ้านที่ถูกหลอกให้ย้ายออกจากพื้นที่ ทำให้ลูกหลานและครอบครัวเสียโอกาสในการประกอบอาชีพทางเกษตรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า30ปี และปัจจุบันก็ยังมาเสียโอกาสในโฉนดที่ดินที่ถืออยู่ในมือของชาวบ้านอีก หลอกซ้ำหลอกซากนะกลุ่มนายทุน #ลุงสนธิช่วยชาวบ้านด้วยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิศรา เผย นายกฯส่อขัดจริยธรรมร้ายแรง ปูดข้อมูลลับ “ชาดา” เซ็นทิ้งทวนเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์แล้ว ลงนามคำสั่งก่อนพ้นเก้าอี้รมช.มท. 3 วัน ระบุเป็นหน้าที่ต้องพิจารณา หลังกฤษฎีกา-ศาล มีคำวินิจฉัยให้ที่ดินตกเป็นธรณีสงฆ์ แยกเยียวยาแก้ปัญหาออกจากกัน

    วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร เพื่อเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หลังก่อนหน้านี้ ลูกบ้านโครงการอัลไพน์ 2 ได้ร้องขอให้กระทรวงมหาดไทย เพิกถอนโฉนดที่ดินที่อยู่ในที่ธรณีสงฆ์ และจ่ายเงินเยียวยาแทน หลังเกิดปัญหาการทุจริตนาน 20 ปี แต่ไม่มีการเยียวยา

    ล่าสุด แหล่งข่าวระดับสูงกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 67 ก่อนที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มหาดไทย จะพ้นตำแหน่งรมช.มหาดไทย ในวันที่ 6 ก.ย. 67 ได้ลงนามคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารเป็นทางการแล้ว ตามที่กรมที่ดินเสนอ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000004151

    #MGROnline #ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ #ที่ธรณีสงฆ์ #วัดธรรมิการามวรวิหาร
    อิศรา เผย นายกฯส่อขัดจริยธรรมร้ายแรง ปูดข้อมูลลับ “ชาดา” เซ็นทิ้งทวนเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์แล้ว ลงนามคำสั่งก่อนพ้นเก้าอี้รมช.มท. 3 วัน ระบุเป็นหน้าที่ต้องพิจารณา หลังกฤษฎีกา-ศาล มีคำวินิจฉัยให้ที่ดินตกเป็นธรณีสงฆ์ แยกเยียวยาแก้ปัญหาออกจากกัน • วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร เพื่อเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หลังก่อนหน้านี้ ลูกบ้านโครงการอัลไพน์ 2 ได้ร้องขอให้กระทรวงมหาดไทย เพิกถอนโฉนดที่ดินที่อยู่ในที่ธรณีสงฆ์ และจ่ายเงินเยียวยาแทน หลังเกิดปัญหาการทุจริตนาน 20 ปี แต่ไม่มีการเยียวยา • ล่าสุด แหล่งข่าวระดับสูงกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 67 ก่อนที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มหาดไทย จะพ้นตำแหน่งรมช.มหาดไทย ในวันที่ 6 ก.ย. 67 ได้ลงนามคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารเป็นทางการแล้ว ตามที่กรมที่ดินเสนอ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000004151 • #MGROnline #ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ #ที่ธรณีสงฆ์ #วัดธรรมิการามวรวิหาร
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 836 มุมมอง 0 รีวิว
  • สินเดิมเจ้าสาวจีนโบราณ

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยถึงเรื่องการหย่าร้างในจีนโบราณ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านต้องเคยผ่านตาพล็อตเรื่องในนิยายที่บอกว่า หากสตรีโดนสามีทิ้งหรือขับ (休/ซิว) จะทำให้สูญเสียสินเดิมส่วนตัวไปด้วย แต่ถ้าเป็นการเลิกโดยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย (和离/เหอหลี) สตรีจะไม่สูญเสียสินเดิมนี้ วันนี้เรามาคุยกันในประเด็นนี้ว่าเป็นเช่นนี้จริงหรือไม่

    ก่อนอื่นขออธิบายเกี่ยวกับธรรมเนียมเรื่องเงินๆ ทองๆ ของการแต่งงาน ไทยเราจะคุ้นเคยกับสินสอดทองหมั้น ซึ่งก็คือเงินและสินทรัพย์ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวมอบให้พ่อแม่ของเจ้าสาวเพื่อเป็นการตอบแทนค่าเลี้ยงดูเจ้าสาวมาจนเติบใหญ่ ซึ่งในธรรมเนียมจีนมีการให้สินสอดนี้เช่นกัน เรียกว่า ‘พิ่นหลี่’ (聘礼) หรือ ‘ไฉหลี่’ (彩礼) โดยนำมามอบครอบครัวฝ่ายหญิงให้ในวันที่มาสู่ขอ

    และในธรรมเนียมจีนยังมีเงินและสินทรัพย์ที่พ่อแม่ของเจ้าสาวมอบให้ลูกสาวในวันออกเรือน เรียกว่า ‘เจี้ยจวง’ (嫁妆) หรือที่บางเพจแปลไว้ว่า ‘สินเดิม’ ซึ่งธรรมเนียมไทยเราไม่มี โดยปกติเจี้ยจวงเหล่านี้จะถูกขนไปบ้านเจ้าบ่าวพร้อมกับขบวนรับตัวเจ้าสาวแบบที่เราเห็นกันในหนัง และรายการทรัพย์สินเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด และหมายรวมถึงบ่าวไพร่ส่วนตัวที่ติดสอยห้อยตามมาจากบ้านเจ้าสาวด้วย

    แล้วใครมีสิทธิในสินเดิมของเจ้าสาว?

    เดิมในสมัยฉินและฮั่นไม่มีบทกฎหมายแบ่งแยกสิทธิของสามีภรรยาในเรื่องนี้ และด้วยบริบทของสังคมจีนโบราณที่มองว่าสามีภรรยาเป็นคนเดียวกัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สามีสามารถใช้จ่ายสินเดิมของเจ้าสาวได้ แต่อย่างไรก็ดี ในสมัยฉินปรากฎกรณีศึกษาที่ตระกูลของฝ่ายชายถูกยึดทรัพย์ทั้งตระกูล แต่ทางการไม่อาจยึดเอาสินเดิมของสะใภ้ไปได้ จึงเห็นได้ว่า แม้ไม่มีการกำหนดแบ่งแยกอย่างชัดเจนว่าสินเดิมเจ้าสาวเป็นสิทธิส่วนตัวของภรรยาหรือหรือของสามี แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่ทรัพย์สินกองกลางของตระกูลฝ่ายชาย

    ตราบใดที่พันธะสมรสยังอยู่ สามีภรรยาใช้ทรัพย์สินส่วนนี้ร่วมกันได้ แต่ทันทีที่พันธะสมรสสิ้นสุดลง ความชัดเจนปรากฏทันที กล่าวคือสินเดิมนี้นับเป็นสินส่วนตัวของภรรยา เป็นต้นว่าในกรณีที่บุรุษตายไป สินเดิมจะอยู่ในความครอบครองของภรรยา ไม่ถูกนับรวมเป็นมรดกเข้าทรัพย์สินกองกลางของตระกูลฝ่ายชาย ในกรณีที่ทั้งบุรุษและสตรีตายไป สินเดิมจะของนางจะตกเป็นของบุตร คนอื่นในตระกูลฝ่ายชายไม่มีเอี่ยว แต่ถ้านางไม่มีบุตร สินเดิมนี้ต้องถูกนำส่งคืนให้ครอบครัวเดิมของสตรี (แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายชายก็สามารถเรียกร้องสินสอดคืนได้เช่นกัน) และในกรณีเลิกรากันไม่ว่าด้วยวิธีใด ซึ่งหมายรวมถึงการที่ภรรยาถูกสามีทิ้ง นางจะสามารถนำสินเดิมของนางติดตัวออกจากบ้านฝ่ายชายไปได้

    ต่อมาในสมัยถังและซ่ง มีบัญญัติกฎหมายขึ้นเกี่ยวกับการแต่งงานหย่าร้างและสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ในยุคสมัยนี้สินเดิมเป็นสิทธิของสตรี และไม่นับเป็นสมบัติกองกลางของตระกูลฝ่ายชาย คนในตระกูลฝ่ายชายจับต้องไม่ได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว สามีมักใช้เงินส่วนนี้ได้ด้วยความเชื่อของฝ่ายหญิงว่าสามีภรรยาคือคนเดียวกัน แต่ด้วยสภาพสังคมที่เน้นความเป็นสุภาพบุรุษแล้ว สามีจะเอาไปใช้ก็ต่อเมื่อภรรยาอนุญาต และโดยหลักการคือใช้ประโยชน์ได้แต่เอาไปขายไม่ได้ (เช่น โฉนดที่ดิน ร้านค้า) และชายใดเอาสินเดิมของภรรยาไปใช้มักถูกสังคมดูแคลน

    อย่างไรก็ดี มีสารพัดวิธีที่สินเดิมของเจ้าสาวจะหมดไปกับครอบครัวฝ่ายชาย ในกรณีที่ฐานะครอบครัวเจ้าบ่าวยากจน เจ้าสาวมักเอาสินเดิมมาแปลงเป็นเงินนำออกมาช่วยจุนเจือดำรงชีพซึ่งรวมถึงการดูแลพ่อแม่สามี หรือส่งสามีเรียนหนังสือเพื่อไปสอบราชบัณฑิต หรือช่วยจัดงานแต่งน้องสามี เป็นต้น ถือว่าเป็นวิธีแสดงจรรยาและความกตัญญูต่อครอบครัวฝ่ายสามี แต่ในทางกลับกัน หากฝ่ายชายมีฐานะมีอันจะกิน สินเดิมนี้จะถูกเก็บไว้เพื่อให้ลูกสำหรับแต่งงานในอนาคต

    เรียกได้ว่าในยุคสมัยถังซ่งนี้ โดยหลักการแล้วสตรีมีสิทธิทางกฎหมายชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับสินเดิมของตน แต่ก็มีข้อจำกัดเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ในกรณีที่สตรีตายไปโดยไม่มีบุตรหรือแต่งตั้งทายาทไว้ สินเดิมนี้จะไม่ต้องถูกส่งคืนให้ครอบครัวเดิมของนาง และในกรณีที่สตรีถูกสามีทิ้งหรือขับ (休/ซิว) หรือกรณีถูกศาลบังคับหย่าด้วยความผิดของฝ่ายหญิง สตรีไม่สามารถนำสินเดิมติดตัวออกจากบ้านฝ่ายชายไปได้

    และนับจากสมัยหยวนเป็นต้นมา มีกฎหมายกำหนดเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ในกรณีที่สตรีไปแต่งงานใหม่หลังจากหย่าร้าง (แม้ว่าจะเป็นการหย่าร้างด้วยความสมัครใจ) หรือแต่งงานใหม่หลังจากสามีเสียไป สตรีไม่อาจนำสินเดิมติดตัวออกจากบ้านฝ่ายชายไปได้

    ดังนั้น สตรีเมื่อหย่าร้างแล้วสามารถนำสินเดิมติดตัวออกจากบ้านฝ่ายชายไปได้หรือไม่นั้น ขึ้นกับยุคสมัยค่ะ

    (หมายเหตุ บทความข้างต้น เป็นข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับบริบทการหย่าร้างเท่านั้น Storyฯ ไม่ได้ค้นคว้าลงลึกถึงสิทธิตามกฎหมายในการครอบครองสินทรัพย์ต่างๆ ของสตรีในแต่ละยุคสมัย เช่นการครอบครองที่ดินซึ่งมีลักษณะเฉพาะ หรือการสืบทอดสินทรัพย์ฝั่งสามี ฯลฯ)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g62051067/are-you-the-one-ending/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.spp.gov.cn/spp/llyj/202104/t20210414_515602.shtml
    https://www.chinacourt.org/article/detail/2021/07/id/6125052.shtml
    http://www.xnwbw.com/page/1/2024-11/21/A18/20241121A18_pdf.pdf
    http://m.dyzxw.org/?act=a&aid=193698&cid=1
    http://www.guoxue.com/?p=792

    #สินเดิมเจ้าสาว #การแต่งงานจีนโบราณ #เจี้ยจวง #ซ่อนรักชายาลับ #สาระจีน
    สินเดิมเจ้าสาวจีนโบราณ สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยถึงเรื่องการหย่าร้างในจีนโบราณ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านต้องเคยผ่านตาพล็อตเรื่องในนิยายที่บอกว่า หากสตรีโดนสามีทิ้งหรือขับ (休/ซิว) จะทำให้สูญเสียสินเดิมส่วนตัวไปด้วย แต่ถ้าเป็นการเลิกโดยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย (和离/เหอหลี) สตรีจะไม่สูญเสียสินเดิมนี้ วันนี้เรามาคุยกันในประเด็นนี้ว่าเป็นเช่นนี้จริงหรือไม่ ก่อนอื่นขออธิบายเกี่ยวกับธรรมเนียมเรื่องเงินๆ ทองๆ ของการแต่งงาน ไทยเราจะคุ้นเคยกับสินสอดทองหมั้น ซึ่งก็คือเงินและสินทรัพย์ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวมอบให้พ่อแม่ของเจ้าสาวเพื่อเป็นการตอบแทนค่าเลี้ยงดูเจ้าสาวมาจนเติบใหญ่ ซึ่งในธรรมเนียมจีนมีการให้สินสอดนี้เช่นกัน เรียกว่า ‘พิ่นหลี่’ (聘礼) หรือ ‘ไฉหลี่’ (彩礼) โดยนำมามอบครอบครัวฝ่ายหญิงให้ในวันที่มาสู่ขอ และในธรรมเนียมจีนยังมีเงินและสินทรัพย์ที่พ่อแม่ของเจ้าสาวมอบให้ลูกสาวในวันออกเรือน เรียกว่า ‘เจี้ยจวง’ (嫁妆) หรือที่บางเพจแปลไว้ว่า ‘สินเดิม’ ซึ่งธรรมเนียมไทยเราไม่มี โดยปกติเจี้ยจวงเหล่านี้จะถูกขนไปบ้านเจ้าบ่าวพร้อมกับขบวนรับตัวเจ้าสาวแบบที่เราเห็นกันในหนัง และรายการทรัพย์สินเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด และหมายรวมถึงบ่าวไพร่ส่วนตัวที่ติดสอยห้อยตามมาจากบ้านเจ้าสาวด้วย แล้วใครมีสิทธิในสินเดิมของเจ้าสาว? เดิมในสมัยฉินและฮั่นไม่มีบทกฎหมายแบ่งแยกสิทธิของสามีภรรยาในเรื่องนี้ และด้วยบริบทของสังคมจีนโบราณที่มองว่าสามีภรรยาเป็นคนเดียวกัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สามีสามารถใช้จ่ายสินเดิมของเจ้าสาวได้ แต่อย่างไรก็ดี ในสมัยฉินปรากฎกรณีศึกษาที่ตระกูลของฝ่ายชายถูกยึดทรัพย์ทั้งตระกูล แต่ทางการไม่อาจยึดเอาสินเดิมของสะใภ้ไปได้ จึงเห็นได้ว่า แม้ไม่มีการกำหนดแบ่งแยกอย่างชัดเจนว่าสินเดิมเจ้าสาวเป็นสิทธิส่วนตัวของภรรยาหรือหรือของสามี แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่ทรัพย์สินกองกลางของตระกูลฝ่ายชาย ตราบใดที่พันธะสมรสยังอยู่ สามีภรรยาใช้ทรัพย์สินส่วนนี้ร่วมกันได้ แต่ทันทีที่พันธะสมรสสิ้นสุดลง ความชัดเจนปรากฏทันที กล่าวคือสินเดิมนี้นับเป็นสินส่วนตัวของภรรยา เป็นต้นว่าในกรณีที่บุรุษตายไป สินเดิมจะอยู่ในความครอบครองของภรรยา ไม่ถูกนับรวมเป็นมรดกเข้าทรัพย์สินกองกลางของตระกูลฝ่ายชาย ในกรณีที่ทั้งบุรุษและสตรีตายไป สินเดิมจะของนางจะตกเป็นของบุตร คนอื่นในตระกูลฝ่ายชายไม่มีเอี่ยว แต่ถ้านางไม่มีบุตร สินเดิมนี้ต้องถูกนำส่งคืนให้ครอบครัวเดิมของสตรี (แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายชายก็สามารถเรียกร้องสินสอดคืนได้เช่นกัน) และในกรณีเลิกรากันไม่ว่าด้วยวิธีใด ซึ่งหมายรวมถึงการที่ภรรยาถูกสามีทิ้ง นางจะสามารถนำสินเดิมของนางติดตัวออกจากบ้านฝ่ายชายไปได้ ต่อมาในสมัยถังและซ่ง มีบัญญัติกฎหมายขึ้นเกี่ยวกับการแต่งงานหย่าร้างและสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ในยุคสมัยนี้สินเดิมเป็นสิทธิของสตรี และไม่นับเป็นสมบัติกองกลางของตระกูลฝ่ายชาย คนในตระกูลฝ่ายชายจับต้องไม่ได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว สามีมักใช้เงินส่วนนี้ได้ด้วยความเชื่อของฝ่ายหญิงว่าสามีภรรยาคือคนเดียวกัน แต่ด้วยสภาพสังคมที่เน้นความเป็นสุภาพบุรุษแล้ว สามีจะเอาไปใช้ก็ต่อเมื่อภรรยาอนุญาต และโดยหลักการคือใช้ประโยชน์ได้แต่เอาไปขายไม่ได้ (เช่น โฉนดที่ดิน ร้านค้า) และชายใดเอาสินเดิมของภรรยาไปใช้มักถูกสังคมดูแคลน อย่างไรก็ดี มีสารพัดวิธีที่สินเดิมของเจ้าสาวจะหมดไปกับครอบครัวฝ่ายชาย ในกรณีที่ฐานะครอบครัวเจ้าบ่าวยากจน เจ้าสาวมักเอาสินเดิมมาแปลงเป็นเงินนำออกมาช่วยจุนเจือดำรงชีพซึ่งรวมถึงการดูแลพ่อแม่สามี หรือส่งสามีเรียนหนังสือเพื่อไปสอบราชบัณฑิต หรือช่วยจัดงานแต่งน้องสามี เป็นต้น ถือว่าเป็นวิธีแสดงจรรยาและความกตัญญูต่อครอบครัวฝ่ายสามี แต่ในทางกลับกัน หากฝ่ายชายมีฐานะมีอันจะกิน สินเดิมนี้จะถูกเก็บไว้เพื่อให้ลูกสำหรับแต่งงานในอนาคต เรียกได้ว่าในยุคสมัยถังซ่งนี้ โดยหลักการแล้วสตรีมีสิทธิทางกฎหมายชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับสินเดิมของตน แต่ก็มีข้อจำกัดเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ในกรณีที่สตรีตายไปโดยไม่มีบุตรหรือแต่งตั้งทายาทไว้ สินเดิมนี้จะไม่ต้องถูกส่งคืนให้ครอบครัวเดิมของนาง และในกรณีที่สตรีถูกสามีทิ้งหรือขับ (休/ซิว) หรือกรณีถูกศาลบังคับหย่าด้วยความผิดของฝ่ายหญิง สตรีไม่สามารถนำสินเดิมติดตัวออกจากบ้านฝ่ายชายไปได้ และนับจากสมัยหยวนเป็นต้นมา มีกฎหมายกำหนดเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ในกรณีที่สตรีไปแต่งงานใหม่หลังจากหย่าร้าง (แม้ว่าจะเป็นการหย่าร้างด้วยความสมัครใจ) หรือแต่งงานใหม่หลังจากสามีเสียไป สตรีไม่อาจนำสินเดิมติดตัวออกจากบ้านฝ่ายชายไปได้ ดังนั้น สตรีเมื่อหย่าร้างแล้วสามารถนำสินเดิมติดตัวออกจากบ้านฝ่ายชายไปได้หรือไม่นั้น ขึ้นกับยุคสมัยค่ะ (หมายเหตุ บทความข้างต้น เป็นข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับบริบทการหย่าร้างเท่านั้น Storyฯ ไม่ได้ค้นคว้าลงลึกถึงสิทธิตามกฎหมายในการครอบครองสินทรัพย์ต่างๆ ของสตรีในแต่ละยุคสมัย เช่นการครอบครองที่ดินซึ่งมีลักษณะเฉพาะ หรือการสืบทอดสินทรัพย์ฝั่งสามี ฯลฯ) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g62051067/are-you-the-one-ending/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.spp.gov.cn/spp/llyj/202104/t20210414_515602.shtml https://www.chinacourt.org/article/detail/2021/07/id/6125052.shtml http://www.xnwbw.com/page/1/2024-11/21/A18/20241121A18_pdf.pdf http://m.dyzxw.org/?act=a&aid=193698&cid=1 http://www.guoxue.com/?p=792 #สินเดิมเจ้าสาว #การแต่งงานจีนโบราณ #เจี้ยจวง #ซ่อนรักชายาลับ #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1091 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘บ้านเพื่อคนไทย’บนที่ดินรถไฟ อสังหาฯจากพ่อสู่ลูก

    1 ใน 5 นโยบายที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประกาศว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568 คือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย (Public Housing) คอนโดมิเนียมและเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ให้สิทธิคนไทยที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน ผ่อนเริ่มต้นที่ 4,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 30 ปี มีห้องน้ำ ไฟฟ้า สาธารณูปโภค ระบบรักษาความปลอดภัย ถ้าจ่ายครบยอดได้สิทธิ์ถือครอง 99 ปี

    นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันการซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาทไม่มีแล้ว อยากให้นักศึกษาจบใหม่ (First Jobber) มีบ้านเป็นของตนเอง โดยจะใช้พื้นที่ของรัฐบาลที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ใกล้ตัวเมือง ใกล้รถไฟฟ้า ปีหน้าจะมีห้องตัวอย่างให้ดู มอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ทำงานร่วมกัน

    ด้านนายสุริยะ กล่าวว่า จะใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในการก่อสร้าง โดยจะเปิดตัวบ้านตัวอย่างในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน เริ่มต้น 4 แห่ง ได้แก่ ย่านบางนา ธนบุรี เชียงราก และ จ.เชียงใหม่ ประมาณ 1,000 ยูนิต แต่หากจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นอาศัยต่อ ผู้จับจองต้องอาศัยแล้วอย่างน้อย 5 ปี

    ปัจจุบันการรถไฟฯ มีที่ดินเชิงพาณิชย์ (Non Core) ทั้งหมด 38,469 ไร่ ทำสัญญาแล้ว 12,233 สัญญา

    อย่างไรก็ตาม บ้านเพื่อคนไทย แตกต่างจากโครงการบ้านเอื้ออาทร สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา เมื่อปี 2547 ซึ่งรับผิดชอบโดยการเคหะแห่งชาติ เพราะเป็นการจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแถว และบ้านแฝดสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผ่อนชำระกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยมีเป้าหมายสร้างบ้านทั่วประเทศ 1 ล้านหลัง

    แม้ระยะแรกมีผู้สนใจจองบ้านล้นหลามต้องจับสลาก แต่ต่อมาขายไม่ออก หลายทำเลไกลปืนเที่ยง การคมนาคมลำบาก ต้องใช้รถยนต์หรือจักรยานยนต์ส่วนตัว บางโครงการผู้รับเหมาหยุดก่อสร้างไปดื้อๆ เช่น บ้านเอื้ออาทรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ถูกปล่อยทิ้งร้างกว่า 10 ปี ไม่นับรวมเปิดช่องให้ทุจริต หนึ่งในนั้นคือนายวัฒนา เมืองสุข รมว.พัฒนาสังคมฯ ถูกศาลสั่งจำคุก 99 ปี

    ถึงกระนั้น ลักษณะบ้านเพื่อคนไทยเป็นการเช่าระยะยาว สูงสุด 99 ปี บนที่ดินของรัฐซึ้งซื้อขายไม่ได้ ไม่มีโฉนดที่ดินหรือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด เมื่อเทียบกับบ้านเอื้ออาทร ที่หากผ่อนกับ ธอส. มาแล้ว 5 ปี สามารถทำเรื่องโอนให้เป็นของผู้ซื้อได้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ คุณภาพชีวิตที่ต้องวัดดวงในระยะยาว เหมือนกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ประสบปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ

    #Newskit
    ‘บ้านเพื่อคนไทย’บนที่ดินรถไฟ อสังหาฯจากพ่อสู่ลูก 1 ใน 5 นโยบายที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประกาศว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568 คือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย (Public Housing) คอนโดมิเนียมและเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ให้สิทธิคนไทยที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน ผ่อนเริ่มต้นที่ 4,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 30 ปี มีห้องน้ำ ไฟฟ้า สาธารณูปโภค ระบบรักษาความปลอดภัย ถ้าจ่ายครบยอดได้สิทธิ์ถือครอง 99 ปี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันการซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาทไม่มีแล้ว อยากให้นักศึกษาจบใหม่ (First Jobber) มีบ้านเป็นของตนเอง โดยจะใช้พื้นที่ของรัฐบาลที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ใกล้ตัวเมือง ใกล้รถไฟฟ้า ปีหน้าจะมีห้องตัวอย่างให้ดู มอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ทำงานร่วมกัน ด้านนายสุริยะ กล่าวว่า จะใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในการก่อสร้าง โดยจะเปิดตัวบ้านตัวอย่างในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน เริ่มต้น 4 แห่ง ได้แก่ ย่านบางนา ธนบุรี เชียงราก และ จ.เชียงใหม่ ประมาณ 1,000 ยูนิต แต่หากจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นอาศัยต่อ ผู้จับจองต้องอาศัยแล้วอย่างน้อย 5 ปี ปัจจุบันการรถไฟฯ มีที่ดินเชิงพาณิชย์ (Non Core) ทั้งหมด 38,469 ไร่ ทำสัญญาแล้ว 12,233 สัญญา อย่างไรก็ตาม บ้านเพื่อคนไทย แตกต่างจากโครงการบ้านเอื้ออาทร สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา เมื่อปี 2547 ซึ่งรับผิดชอบโดยการเคหะแห่งชาติ เพราะเป็นการจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแถว และบ้านแฝดสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผ่อนชำระกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยมีเป้าหมายสร้างบ้านทั่วประเทศ 1 ล้านหลัง แม้ระยะแรกมีผู้สนใจจองบ้านล้นหลามต้องจับสลาก แต่ต่อมาขายไม่ออก หลายทำเลไกลปืนเที่ยง การคมนาคมลำบาก ต้องใช้รถยนต์หรือจักรยานยนต์ส่วนตัว บางโครงการผู้รับเหมาหยุดก่อสร้างไปดื้อๆ เช่น บ้านเอื้ออาทรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ถูกปล่อยทิ้งร้างกว่า 10 ปี ไม่นับรวมเปิดช่องให้ทุจริต หนึ่งในนั้นคือนายวัฒนา เมืองสุข รมว.พัฒนาสังคมฯ ถูกศาลสั่งจำคุก 99 ปี ถึงกระนั้น ลักษณะบ้านเพื่อคนไทยเป็นการเช่าระยะยาว สูงสุด 99 ปี บนที่ดินของรัฐซึ้งซื้อขายไม่ได้ ไม่มีโฉนดที่ดินหรือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด เมื่อเทียบกับบ้านเอื้ออาทร ที่หากผ่อนกับ ธอส. มาแล้ว 5 ปี สามารถทำเรื่องโอนให้เป็นของผู้ซื้อได้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ คุณภาพชีวิตที่ต้องวัดดวงในระยะยาว เหมือนกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ประสบปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1323 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1812 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เขากระโดง โกงแผ่นดิน”เรื่องใหญ่เทียบเทียมเกาะกูด
    .
    ปัญหาในกรรมสิทธิ์ที่ดินทางแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ท่านผู้ชมรู้ไหมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป็นเรื่องใหญ่มากๆ อาจจะใหญ่ที่สุด ไม่ได้น้อยกว่าเกาะกูดเลย เพราะทุกอย่างควรจะจบที่ศาลฎีกา และศาลปกครองกลาง ซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเป็นที่ดินการรถไฟ แต่ทำไมถึงหาข้อยุติไม่ได้
    .
    คนที่ครอบครองที่ดินที่เขากระโดงจากชาวบ้านจำนวนหนึ่ง และยังมีนักการเมืองตระกูล "ชิดชอบ" เครือญาติในตระกูล "ชิดชอบ" ที่ดินบางแปลงดังกล่าวปัจจุบันเป็นที่ก่อตั้งสนามกีฬาฟุตบอล และสนามแข่งรถของตระกูล "ชิดชอบ"
    .
    ที่ดินที่มีปัญหาและศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว จำนวน 850 แปลง เนื้อที่รวม 5,083 ไร่ว่าเป็นที่ดินของการรถไฟฯที่มีพระบรมราชโองการของรัชกาลที่ 5 พระราชทานให้แก่การรถไฟฯ เป็นเนื้อที่ 5,083 ไร่ ต่อมายุครัชกาลที่ 6 ก็มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ ซ้ำเข้าไปอีก เป็นอันว่าใช้บังคับไม่ได้ ท่านผู้ชมว่ามันทุเรศไหม และคำพิพากษาศาลสูงทั้งสองก็ไม่มีความหมายที่ต้องปฏิบัติตามอำนาจตุลาการ ซึ่งศาลก็ใช้ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ไม่มีผลบังคับ
    .
    แต่รู้ไหมครับ อิทธิพลทางการเมืองทำให้ทุกอย่างพลิกผัน เมื่อคณะกรรมการกรมที่ดินมีมติไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดงที่มีปัญหา 5 พันไร่ อ้างการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย
    .
    แต่เมื่อข้อสรุปกรมที่ดินออกมาเช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่านำมาสู่ความสงสัยอย่างมากมาย คนทั้งประเทศเขาสงสัยกันหมด นักกฎหมายก็สงสัย วิญญูชนที่รักชาติ รักแผ่นดิน ก็สงสัย มีแต่พวกนักการเมืองระยำๆ นี้ที่มันไม่สงสัย เพราะมันสั่งกรมที่ดินให้ทำตามแบบนี้
    .
    ไม่มีเหตุผลใดที่คณะกรรมการของกรมที่ดินจะมีมติหักกับคำพิพากษาศาลเช่นนี้ เพราะข้อเท็จจริงแล้ว ข้อกฎหมายได้ยุติในศาลไปแล้ว ผู้ทำผิดกฎหมายคือกรมที่ดินนั่นเอง เลยไม่แปลกใจที่ทัวร์จะลงไปที่นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เข้าอย่างจังจากกรณีเขากระโดงนั้น อาจทำให้เส้นทางไปสู่ดวงดาวของนักปกครองรายนี้มีอุปสรรคพอสมควร หรือไม่แล้ว ชีวิตหลังเกษียณอาจต้องมาชี้แจงองค์กรอิสระ หรือขึ้นศาล ก็เป็นไปได้
    .
    สำหรับนักการเมืองและข้าราชการที่ยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลสูงสุดนั้น พวกนี้กำลังละเมิดพระบรมราชโองการ พระราชกฤษฎีกา แม้แต่คำพิพากษาของศาลสูงสุด ใช่หรือเปล่า การที่นักการเมืองและข้าราชการที่มีอำนาจบังอาจทำเช่นนี้ แสดงว่ามีโมหะ บ้าอำนาจ เหลิงอำนาจ หลงอำนาจ และโลภ เข้าครอบงำจิตใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ความมีหิริโอตัปปะยังต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก จึงเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศชาติและประชาชน ดังนั้น ผู้มีหน้าที่ในการปราบปรามทั้งหลาย จะต้องเร่งมือเพื่อไม่ให้บ้านเมืองบอบช้ำเสียหายไปมากกว่านี้
    “เขากระโดง โกงแผ่นดิน”เรื่องใหญ่เทียบเทียมเกาะกูด . ปัญหาในกรรมสิทธิ์ที่ดินทางแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ท่านผู้ชมรู้ไหมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป็นเรื่องใหญ่มากๆ อาจจะใหญ่ที่สุด ไม่ได้น้อยกว่าเกาะกูดเลย เพราะทุกอย่างควรจะจบที่ศาลฎีกา และศาลปกครองกลาง ซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเป็นที่ดินการรถไฟ แต่ทำไมถึงหาข้อยุติไม่ได้ . คนที่ครอบครองที่ดินที่เขากระโดงจากชาวบ้านจำนวนหนึ่ง และยังมีนักการเมืองตระกูล "ชิดชอบ" เครือญาติในตระกูล "ชิดชอบ" ที่ดินบางแปลงดังกล่าวปัจจุบันเป็นที่ก่อตั้งสนามกีฬาฟุตบอล และสนามแข่งรถของตระกูล "ชิดชอบ" . ที่ดินที่มีปัญหาและศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว จำนวน 850 แปลง เนื้อที่รวม 5,083 ไร่ว่าเป็นที่ดินของการรถไฟฯที่มีพระบรมราชโองการของรัชกาลที่ 5 พระราชทานให้แก่การรถไฟฯ เป็นเนื้อที่ 5,083 ไร่ ต่อมายุครัชกาลที่ 6 ก็มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ ซ้ำเข้าไปอีก เป็นอันว่าใช้บังคับไม่ได้ ท่านผู้ชมว่ามันทุเรศไหม และคำพิพากษาศาลสูงทั้งสองก็ไม่มีความหมายที่ต้องปฏิบัติตามอำนาจตุลาการ ซึ่งศาลก็ใช้ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ไม่มีผลบังคับ . แต่รู้ไหมครับ อิทธิพลทางการเมืองทำให้ทุกอย่างพลิกผัน เมื่อคณะกรรมการกรมที่ดินมีมติไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดงที่มีปัญหา 5 พันไร่ อ้างการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย . แต่เมื่อข้อสรุปกรมที่ดินออกมาเช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่านำมาสู่ความสงสัยอย่างมากมาย คนทั้งประเทศเขาสงสัยกันหมด นักกฎหมายก็สงสัย วิญญูชนที่รักชาติ รักแผ่นดิน ก็สงสัย มีแต่พวกนักการเมืองระยำๆ นี้ที่มันไม่สงสัย เพราะมันสั่งกรมที่ดินให้ทำตามแบบนี้ . ไม่มีเหตุผลใดที่คณะกรรมการของกรมที่ดินจะมีมติหักกับคำพิพากษาศาลเช่นนี้ เพราะข้อเท็จจริงแล้ว ข้อกฎหมายได้ยุติในศาลไปแล้ว ผู้ทำผิดกฎหมายคือกรมที่ดินนั่นเอง เลยไม่แปลกใจที่ทัวร์จะลงไปที่นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เข้าอย่างจังจากกรณีเขากระโดงนั้น อาจทำให้เส้นทางไปสู่ดวงดาวของนักปกครองรายนี้มีอุปสรรคพอสมควร หรือไม่แล้ว ชีวิตหลังเกษียณอาจต้องมาชี้แจงองค์กรอิสระ หรือขึ้นศาล ก็เป็นไปได้ . สำหรับนักการเมืองและข้าราชการที่ยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลสูงสุดนั้น พวกนี้กำลังละเมิดพระบรมราชโองการ พระราชกฤษฎีกา แม้แต่คำพิพากษาของศาลสูงสุด ใช่หรือเปล่า การที่นักการเมืองและข้าราชการที่มีอำนาจบังอาจทำเช่นนี้ แสดงว่ามีโมหะ บ้าอำนาจ เหลิงอำนาจ หลงอำนาจ และโลภ เข้าครอบงำจิตใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ความมีหิริโอตัปปะยังต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก จึงเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศชาติและประชาชน ดังนั้น ผู้มีหน้าที่ในการปราบปรามทั้งหลาย จะต้องเร่งมือเพื่อไม่ให้บ้านเมืองบอบช้ำเสียหายไปมากกว่านี้
    Like
    Angry
    Love
    Sad
    23
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2053 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เขากระโดง โกงแผ่นดิน”เรื่องใหญ่เทียบเทียมเกาะกูด
    .
    ปัญหาในกรรมสิทธิ์ที่ดินทางแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ท่านผู้ชมรู้ไหมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป็นเรื่องใหญ่มากๆ อาจจะใหญ่ที่สุด ไม่ได้น้อยกว่าเกาะกูดเลย เพราะทุกอย่างควรจะจบที่ศาลฎีกา และศาลปกครองกลาง ซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเป็นที่ดินการรถไฟ แต่ทำไมถึงหาข้อยุติไม่ได้
    .
    คนที่ครอบครองที่ดินที่เขากระโดงจากชาวบ้านจำนวนหนึ่ง และยังมีนักการเมืองตระกูล "ชิดชอบ" เครือญาติในตระกูล "ชิดชอบ" ที่ดินบางแปลงดังกล่าวปัจจุบันเป็นที่ก่อตั้งสนามกีฬาฟุตบอล และสนามแข่งรถของตระกูล "ชิดชอบ"
    .
    ที่ดินที่มีปัญหาและศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว จำนวน 850 แปลง เนื้อที่รวม 5,083 ไร่ว่าเป็นที่ดินของการรถไฟฯที่มีพระบรมราชโองการของรัชกาลที่ 5 พระราชทานให้แก่การรถไฟฯ เป็นเนื้อที่ 5,083 ไร่ ต่อมายุครัชกาลที่ 6 ก็มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ ซ้ำเข้าไปอีก เป็นอันว่าใช้บังคับไม่ได้ ท่านผู้ชมว่ามันทุเรศไหม และคำพิพากษาศาลสูงทั้งสองก็ไม่มีความหมายที่ต้องปฏิบัติตามอำนาจตุลาการ ซึ่งศาลก็ใช้ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ไม่มีผลบังคับ
    .
    แต่รู้ไหมครับ อิทธิพลทางการเมืองทำให้ทุกอย่างพลิกผัน เมื่อคณะกรรมการกรมที่ดินมีมติไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดงที่มีปัญหา 5 พันไร่ อ้างการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย
    .
    แต่เมื่อข้อสรุปกรมที่ดินออกมาเช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่านำมาสู่ความสงสัยอย่างมากมาย คนทั้งประเทศเขาสงสัยกันหมด นักกฎหมายก็สงสัย วิญญูชนที่รักชาติ รักแผ่นดิน ก็สงสัย มีแต่พวกนักการเมืองระยำๆ นี้ที่มันไม่สงสัย เพราะมันสั่งกรมที่ดินให้ทำตามแบบนี้
    .
    ไม่มีเหตุผลใดที่คณะกรรมการของกรมที่ดินจะมีมติหักกับคำพิพากษาศาลเช่นนี้ เพราะข้อเท็จจริงแล้ว ข้อกฎหมายได้ยุติในศาลไปแล้ว ผู้ทำผิดกฎหมายคือกรมที่ดินนั่นเอง เลยไม่แปลกใจที่ทัวร์จะลงไปที่นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เข้าอย่างจังจากกรณีเขากระโดงนั้น อาจทำให้เส้นทางไปสู่ดวงดาวของนักปกครองรายนี้มีอุปสรรคพอสมควร หรือไม่แล้ว ชีวิตหลังเกษียณอาจต้องมาชี้แจงองค์กรอิสระ หรือขึ้นศาล ก็เป็นไปได้
    .
    สำหรับนักการเมืองและข้าราชการที่ยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลสูงสุดนั้น พวกนี้กำลังละเมิดพระบรมราชโองการ พระราชกฤษฎีกา แม้แต่คำพิพากษาของศาลสูงสุด ใช่หรือเปล่า การที่นักการเมืองและข้าราชการที่มีอำนาจบังอาจทำเช่นนี้ แสดงว่ามีโมหะ บ้าอำนาจ เหลิงอำนาจ หลงอำนาจ และโลภ เข้าครอบงำจิตใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ความมีหิริโอตัปปะยังต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก จึงเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศชาติและประชาชน ดังนั้น ผู้มีหน้าที่ในการปราบปรามทั้งหลาย จะต้องเร่งมือเพื่อไม่ให้บ้านเมืองบอบช้ำเสียหายไปมากกว่านี้
    “เขากระโดง โกงแผ่นดิน”เรื่องใหญ่เทียบเทียมเกาะกูด . ปัญหาในกรรมสิทธิ์ที่ดินทางแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ท่านผู้ชมรู้ไหมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป็นเรื่องใหญ่มากๆ อาจจะใหญ่ที่สุด ไม่ได้น้อยกว่าเกาะกูดเลย เพราะทุกอย่างควรจะจบที่ศาลฎีกา และศาลปกครองกลาง ซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเป็นที่ดินการรถไฟ แต่ทำไมถึงหาข้อยุติไม่ได้ . คนที่ครอบครองที่ดินที่เขากระโดงจากชาวบ้านจำนวนหนึ่ง และยังมีนักการเมืองตระกูล "ชิดชอบ" เครือญาติในตระกูล "ชิดชอบ" ที่ดินบางแปลงดังกล่าวปัจจุบันเป็นที่ก่อตั้งสนามกีฬาฟุตบอล และสนามแข่งรถของตระกูล "ชิดชอบ" . ที่ดินที่มีปัญหาและศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว จำนวน 850 แปลง เนื้อที่รวม 5,083 ไร่ว่าเป็นที่ดินของการรถไฟฯที่มีพระบรมราชโองการของรัชกาลที่ 5 พระราชทานให้แก่การรถไฟฯ เป็นเนื้อที่ 5,083 ไร่ ต่อมายุครัชกาลที่ 6 ก็มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ ซ้ำเข้าไปอีก เป็นอันว่าใช้บังคับไม่ได้ ท่านผู้ชมว่ามันทุเรศไหม และคำพิพากษาศาลสูงทั้งสองก็ไม่มีความหมายที่ต้องปฏิบัติตามอำนาจตุลาการ ซึ่งศาลก็ใช้ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ไม่มีผลบังคับ . แต่รู้ไหมครับ อิทธิพลทางการเมืองทำให้ทุกอย่างพลิกผัน เมื่อคณะกรรมการกรมที่ดินมีมติไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดงที่มีปัญหา 5 พันไร่ อ้างการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย . แต่เมื่อข้อสรุปกรมที่ดินออกมาเช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่านำมาสู่ความสงสัยอย่างมากมาย คนทั้งประเทศเขาสงสัยกันหมด นักกฎหมายก็สงสัย วิญญูชนที่รักชาติ รักแผ่นดิน ก็สงสัย มีแต่พวกนักการเมืองระยำๆ นี้ที่มันไม่สงสัย เพราะมันสั่งกรมที่ดินให้ทำตามแบบนี้ . ไม่มีเหตุผลใดที่คณะกรรมการของกรมที่ดินจะมีมติหักกับคำพิพากษาศาลเช่นนี้ เพราะข้อเท็จจริงแล้ว ข้อกฎหมายได้ยุติในศาลไปแล้ว ผู้ทำผิดกฎหมายคือกรมที่ดินนั่นเอง เลยไม่แปลกใจที่ทัวร์จะลงไปที่นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เข้าอย่างจังจากกรณีเขากระโดงนั้น อาจทำให้เส้นทางไปสู่ดวงดาวของนักปกครองรายนี้มีอุปสรรคพอสมควร หรือไม่แล้ว ชีวิตหลังเกษียณอาจต้องมาชี้แจงองค์กรอิสระ หรือขึ้นศาล ก็เป็นไปได้ . สำหรับนักการเมืองและข้าราชการที่ยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลสูงสุดนั้น พวกนี้กำลังละเมิดพระบรมราชโองการ พระราชกฤษฎีกา แม้แต่คำพิพากษาของศาลสูงสุด ใช่หรือเปล่า การที่นักการเมืองและข้าราชการที่มีอำนาจบังอาจทำเช่นนี้ แสดงว่ามีโมหะ บ้าอำนาจ เหลิงอำนาจ หลงอำนาจ และโลภ เข้าครอบงำจิตใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ความมีหิริโอตัปปะยังต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก จึงเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศชาติและประชาชน ดังนั้น ผู้มีหน้าที่ในการปราบปรามทั้งหลาย จะต้องเร่งมือเพื่อไม่ให้บ้านเมืองบอบช้ำเสียหายไปมากกว่านี้
    Like
    Angry
    19
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2034 มุมมอง 1 รีวิว


  • 7 พฤศจิกายน 2567- รายงานสำนักข่าวอิศราระบุว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (6 พ.ย. 2567) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการเข้าตรวจตู้นิรภัยจำนวน 21 ตู้ของธนาคารพาณิชย์ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มนายทุนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจพนันออนไลน์ในเครือข่าย “แม่มนต์” คดีพิเศษที่ 76/2566 และ 89/2567 โดยมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จำนวน 38 ราย ในข้อหาที่รวมถึงการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การจัดให้มีการพนันที่ไม่ได้รับอนุญาต และการฟอกเงิน อ้างอิงตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตามหมายจับแล้วรวม 20 ราย ภายหลังจากการขยายผล พบว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติม โดยกลุ่มบุคคลทำหน้าที่โยกย้ายเงินที่ได้จากเว็บพนันไปยังบัญชีธนาคารอื่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายทุนใหญ่ 5 ราย โดยการกระทำดังกล่าวมีลักษณะการฟอกเงินและละเมิดพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้อนุมัติให้ทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเป็นคดีพิเศษที่ 89/2567

    จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มนายทุนได้เช่าตู้นิรภัยไว้ที่ธนาคารในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ทางคณะพนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติศาลจังหวัดลพบุรีเพื่อทำการเปิดตู้นิรภัยทั้ง 21 ตู้ พบทรัพย์สิน มูลค่าประเมินกว่า 200 ล้านบาท อาทิ ทรัพย์สินที่มีลักษณะสีคล้ายทองคำ เช่น สร้อยคอ กำไล ต่างหู แหวน สร้อยข้อมือ กำไลคอ เข็มขัด โลหะแท่ง ปิ่นโต แก้ว ชาม จาน ช้อนส้อม กระเป๋าถือ สร้อยคล้ายเพชร โฉนดที่ดิน เงินสดกว่า 15 ล้านบาท และพระเครื่อง รวมทั้งสิ้นประมาณ 300 ล้านบาท

    ที่มา : สำนักข่าวอิศรา
    https://www.isranews.org/article/isranews/133189-government-10.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0iJiORYEJns_S4fqAey0WQrVPeUAKT6HXQDwBcfhOTlmnBEIltKzAKMs8_aem_6sVgMMuvJg2RKvO0rDqBcA

    #Thaitimes
    7 พฤศจิกายน 2567- รายงานสำนักข่าวอิศราระบุว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (6 พ.ย. 2567) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการเข้าตรวจตู้นิรภัยจำนวน 21 ตู้ของธนาคารพาณิชย์ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มนายทุนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจพนันออนไลน์ในเครือข่าย “แม่มนต์” คดีพิเศษที่ 76/2566 และ 89/2567 โดยมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จำนวน 38 ราย ในข้อหาที่รวมถึงการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การจัดให้มีการพนันที่ไม่ได้รับอนุญาต และการฟอกเงิน อ้างอิงตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตามหมายจับแล้วรวม 20 ราย ภายหลังจากการขยายผล พบว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติม โดยกลุ่มบุคคลทำหน้าที่โยกย้ายเงินที่ได้จากเว็บพนันไปยังบัญชีธนาคารอื่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายทุนใหญ่ 5 ราย โดยการกระทำดังกล่าวมีลักษณะการฟอกเงินและละเมิดพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้อนุมัติให้ทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเป็นคดีพิเศษที่ 89/2567 จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มนายทุนได้เช่าตู้นิรภัยไว้ที่ธนาคารในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ทางคณะพนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติศาลจังหวัดลพบุรีเพื่อทำการเปิดตู้นิรภัยทั้ง 21 ตู้ พบทรัพย์สิน มูลค่าประเมินกว่า 200 ล้านบาท อาทิ ทรัพย์สินที่มีลักษณะสีคล้ายทองคำ เช่น สร้อยคอ กำไล ต่างหู แหวน สร้อยข้อมือ กำไลคอ เข็มขัด โลหะแท่ง ปิ่นโต แก้ว ชาม จาน ช้อนส้อม กระเป๋าถือ สร้อยคล้ายเพชร โฉนดที่ดิน เงินสดกว่า 15 ล้านบาท และพระเครื่อง รวมทั้งสิ้นประมาณ 300 ล้านบาท ที่มา : สำนักข่าวอิศรา https://www.isranews.org/article/isranews/133189-government-10.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0iJiORYEJns_S4fqAey0WQrVPeUAKT6HXQDwBcfhOTlmnBEIltKzAKMs8_aem_6sVgMMuvJg2RKvO0rDqBcA #Thaitimes
    WWW.ISRANEWS.ORG
    ‘ดีเอสไอ’ ค้นตู้นิรภัย 21 ตู้ ขยายผลพนันอนนไลน์ ‘แม่มนต์’ พบทรัพย์สินกว่า 300 ล้าน
    ‘ดีเอสไอ’ ขยายผลเครือข่ายพนันออนไลน์ ‘แม่มนต์’ เปิดตู้นิรภัย 21 ตู้ที่ฝากไว้กับธนาคาร พบทรัพย์สินมูลค่ารวม 300 ล้านบาท
    Like
    Wow
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1488 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ บช.ก.ตามยึดรถหรู ทองคำ โฉนดที่ดิน บรรดา “บอส ดิไอคอน” รวมมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท "บอสพอล" คนเดียว 61 ล้าน ตำรวจเร่งขยายต่อเนื่อง หลังพบแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล เลี่ยงตรวจสอบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000100292

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจ บช.ก.ตามยึดรถหรู ทองคำ โฉนดที่ดิน บรรดา “บอส ดิไอคอน” รวมมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท "บอสพอล" คนเดียว 61 ล้าน ตำรวจเร่งขยายต่อเนื่อง หลังพบแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล เลี่ยงตรวจสอบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000100292 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3037 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!!

    ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!!

    หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน
    วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย
    แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น
    ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ
    เครื่องบินส่วนตัว
    รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร
    โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน
    บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่
    แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น……
    คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี
    ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด

    เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง
    แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้
    และให้ข้อคิดว่า……
    “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี
    จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……”
    ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า
    “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น
    และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……”

    ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก
    นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ
    และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ
    เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009

    โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ
    ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า
    จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง
    ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง
    หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า
    จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!!

    ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่
    ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล

    ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline
    ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน
    เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular
    อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน
    และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า
    หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา………
    เขาไม่ทำ…………!!!
    ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร??

    แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้
    เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ
    ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ

    กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม
    ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ
    เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ
    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า ……
    ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง
    บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก

    จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน
    กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…?
    ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า…
    แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!!
    (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…)

    จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ
    นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย
    รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ
    เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย……
    ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด
    และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น
    ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม
    เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน……
    แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้…
    เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ ……
    แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น…
    ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ……
    ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด………
    คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย
    (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น)

    ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!!
    วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย
    ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป
    จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก……
    ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ……
    แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า
    “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……”

    ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่

    แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี
    ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม
    ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff
    ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……”
    ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า
    “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……”
    การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก

    ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง”
    จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม
    สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…)
    จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา……

    เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!! ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!! หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ เครื่องบินส่วนตัว รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่ แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น…… คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้ และให้ข้อคิดว่า…… “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……” ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……” ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009 โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!! ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่ ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา……… เขาไม่ทำ…………!!! ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร?? แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้ เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า …… ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…? ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า… แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!! (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…) จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย…… ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน…… แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้… เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ …… แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น… ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ…… ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด……… คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น) ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!! วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก…… ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ…… แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……” ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่ แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……” ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……” การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง” จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…) จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา…… เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 958 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26 กันยายน 2567-ทัศนะของดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อม ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์สาเหตุน้ำท่วมภาคเหนือว่า

    “ ปลูกพืช ทำเกษตรกรรมบนภูเขาทำได้อย่างไร? กฎหมายชัดเจนแต่ปล่อยปะละเลย สาเหตุหลักของการทำให้เกิดน้ำท่วมภาคเหนือรุนแรงในปีนี้

    1..คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2528 เห็นชอบด้วยกับนโยบายป่าไม้แห่งชาติตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวด
    ล้อมแห่งชาติ กำหนดให้พื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ย 35% ขึ้นไปเป็นพื้นที่ป่าไม้โดยไม่อนุญาตให้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ย 35 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเป็นพื้นที่ที่มีการชะล้างหน้าดินสูงไม่เหมาะสมแก่ การทำเกษตรกรรม สมควรเป็นพื้นที่ป่าไม้และไม่อนุญาตให้มีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน แต่ไม่รวมถึงที่ดินซึ่งผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายที่ดินคือครอบครองมาก่อนอย่างถูกกฎหมายก่อนวันที่1ธค. 2497หรือมีหลักฐานครอบครอง เช่น นส 3 ก หรือ สค.1

    2. กฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497ข้อ14 (2)กำหนดให้พื้นที่เขา ที่ภูเขาและปริมณ ฑลรอบที่เขาหรือภูเขาระยะ40เมตร เป็นพื้นที่ต้องห้ามไม่ให้ออกโฉนดที่ดิน แต่ไม่รวมถึงที่ดินที่ผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบตามประมวลกฎหมายที่ ดิน(ได้มาก่อน1ธค.2497)

    3.คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 พฤษภา คม 2538กำหนดนิยามของ เขา หมายถึง ส่วนของพื้นที่ที่สูงจากบริเวณรอบ ๆ (Surrounding) น้อยกว่า 600 เมตร ปรากฎในแผนที่ว่าเป็นเขา พื้นลาดชันร้อยละ 20- 35และที่ภูเขา หมายถึงส่วนของพื้นที่ที่สูงจากบริเวณรอบๆ (Surrounding) ตั้งแต่ 600 เมตร ขึ้นไปพื้นที่ลาดชันมากกว่าร้อยละ 35

    4.ผู้บุกรุกป่าที่ถูกจับในกรณีแผ่วถ้างหรือเผาป่า เพื่อที่จะได้ครอบครองที่ดินนั้นในเขตอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานต่างๆ ของประเทศไทยจะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือปรับสูงถึง 2 ล้านบาท นอกจากนี้ห้ามยึดถือ/ครอบครอง/ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัย/ก่อสร้าง/แผ้วถาง/เผาป่า/ทำไม้/เก็บหาของป่า หรือทำให้ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมสภาพ บทลงโทษ : จำคุก 1 – 10 ปี และปรับ 20,000 – 200,000 บาท

    5. จากกฎหมายดังกล่าว ประชาชนได้บุก รุกภูเขาไปปลูกพืช ทำเกษตรกรรมได้อย่างไร? หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลพื้นที่ยินยอมได้อย่างไร?..สุดท้าย ฝนตกหนัก น้ำป่าจากภูเขาไหลเชี่ยวกราก พัดพาดินโคลนจากภูเขามาถล่มเมืองในพื้นที่ราบ ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน ลำปาง เป็นต้นในปี2567เพราะทำลายทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โค่นป่า ปลูกพืชล้มลุกบนภูเขาทำผิดกฎหมายแต่เจ้าหน้าปล่อยปะละเลย”

    #Thaitimes
    26 กันยายน 2567-ทัศนะของดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อม ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์สาเหตุน้ำท่วมภาคเหนือว่า “ ปลูกพืช ทำเกษตรกรรมบนภูเขาทำได้อย่างไร? กฎหมายชัดเจนแต่ปล่อยปะละเลย สาเหตุหลักของการทำให้เกิดน้ำท่วมภาคเหนือรุนแรงในปีนี้ 1..คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2528 เห็นชอบด้วยกับนโยบายป่าไม้แห่งชาติตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติ กำหนดให้พื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ย 35% ขึ้นไปเป็นพื้นที่ป่าไม้โดยไม่อนุญาตให้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ย 35 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเป็นพื้นที่ที่มีการชะล้างหน้าดินสูงไม่เหมาะสมแก่ การทำเกษตรกรรม สมควรเป็นพื้นที่ป่าไม้และไม่อนุญาตให้มีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน แต่ไม่รวมถึงที่ดินซึ่งผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายที่ดินคือครอบครองมาก่อนอย่างถูกกฎหมายก่อนวันที่1ธค. 2497หรือมีหลักฐานครอบครอง เช่น นส 3 ก หรือ สค.1 2. กฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497ข้อ14 (2)กำหนดให้พื้นที่เขา ที่ภูเขาและปริมณ ฑลรอบที่เขาหรือภูเขาระยะ40เมตร เป็นพื้นที่ต้องห้ามไม่ให้ออกโฉนดที่ดิน แต่ไม่รวมถึงที่ดินที่ผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบตามประมวลกฎหมายที่ ดิน(ได้มาก่อน1ธค.2497) 3.คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 พฤษภา คม 2538กำหนดนิยามของ เขา หมายถึง ส่วนของพื้นที่ที่สูงจากบริเวณรอบ ๆ (Surrounding) น้อยกว่า 600 เมตร ปรากฎในแผนที่ว่าเป็นเขา พื้นลาดชันร้อยละ 20- 35และที่ภูเขา หมายถึงส่วนของพื้นที่ที่สูงจากบริเวณรอบๆ (Surrounding) ตั้งแต่ 600 เมตร ขึ้นไปพื้นที่ลาดชันมากกว่าร้อยละ 35 4.ผู้บุกรุกป่าที่ถูกจับในกรณีแผ่วถ้างหรือเผาป่า เพื่อที่จะได้ครอบครองที่ดินนั้นในเขตอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานต่างๆ ของประเทศไทยจะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือปรับสูงถึง 2 ล้านบาท นอกจากนี้ห้ามยึดถือ/ครอบครอง/ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัย/ก่อสร้าง/แผ้วถาง/เผาป่า/ทำไม้/เก็บหาของป่า หรือทำให้ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมสภาพ บทลงโทษ : จำคุก 1 – 10 ปี และปรับ 20,000 – 200,000 บาท 5. จากกฎหมายดังกล่าว ประชาชนได้บุก รุกภูเขาไปปลูกพืช ทำเกษตรกรรมได้อย่างไร? หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลพื้นที่ยินยอมได้อย่างไร?..สุดท้าย ฝนตกหนัก น้ำป่าจากภูเขาไหลเชี่ยวกราก พัดพาดินโคลนจากภูเขามาถล่มเมืองในพื้นที่ราบ ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน ลำปาง เป็นต้นในปี2567เพราะทำลายทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โค่นป่า ปลูกพืชล้มลุกบนภูเขาทำผิดกฎหมายแต่เจ้าหน้าปล่อยปะละเลย” #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2009 มุมมอง 0 รีวิว