• “ชาญชัย” ร่วมฟังไต่สวนคดีพักโทษ “ทักษิณ” ย้ำปมใบเสร็จ–เวชทะเบียนต้องชัด ชี้ศาลมีอำนาจเต็มเรียกเอกสาร
    https://www.thai-tai.tv/news/20015/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คดีป่วยทิพย์ #เวชระเบียน #อดีตนายกฯ #การเมืองไทย #ความโปร่งใส
    “ชาญชัย” ร่วมฟังไต่สวนคดีพักโทษ “ทักษิณ” ย้ำปมใบเสร็จ–เวชทะเบียนต้องชัด ชี้ศาลมีอำนาจเต็มเรียกเอกสาร https://www.thai-tai.tv/news/20015/ . #ทักษิณชินวัตร #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คดีป่วยทิพย์ #เวชระเบียน #อดีตนายกฯ #การเมืองไทย #ความโปร่งใส
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการบังคับโทษตามกฎหมายหรือไม่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เข้ารับฟังการไต่สวนของศาล ย้ำ คดีนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง โดยศาลจะพิจารณาว่า มีการจำคุกจริงตามคำพิพากษาหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากหลักฐาน เช่น เวชระเบียน ใบเสร็จ หรือหลักฐานการรักษาพยาบาล เพื่อยืนยันความชอบด้วยกฎหมายของการส่งผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ส่วนมติแพทยสภาซึ่งลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ทุกองค์ประกอบสามารถเกี่ยวโยงได้ แต่สุดท้ายศาลจะวินิจฉัยจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงว่าการบังคับโทษที่ให้จำคุกหนึ่งปี มีการปฏิบัติจริงหรือไม่
    นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการบังคับโทษตามกฎหมายหรือไม่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เข้ารับฟังการไต่สวนของศาล ย้ำ คดีนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง โดยศาลจะพิจารณาว่า มีการจำคุกจริงตามคำพิพากษาหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากหลักฐาน เช่น เวชระเบียน ใบเสร็จ หรือหลักฐานการรักษาพยาบาล เพื่อยืนยันความชอบด้วยกฎหมายของการส่งผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ส่วนมติแพทยสภาซึ่งลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ทุกองค์ประกอบสามารถเกี่ยวโยงได้ แต่สุดท้ายศาลจะวินิจฉัยจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงว่าการบังคับโทษที่ให้จำคุกหนึ่งปี มีการปฏิบัติจริงหรือไม่
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 517 Views 12 0 Reviews
  • 17/3/68

    #ข่าวประชาสัมพันธ์

    รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด
    #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย
    #กระทบการผ่าตัดคนไข้

    ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้

    ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย

    ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล

    โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด

    สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง

    ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี

    ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้

    สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน

    สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่

    ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน

    #รับบริจาคเลือด
    #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้

    cr:ฝันดีฝันเด่น
    17/3/68 #ข่าวประชาสัมพันธ์ รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย #กระทบการผ่าตัดคนไข้ ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้ ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่ ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน #รับบริจาคเลือด #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้ cr:ฝันดีฝันเด่น
    0 Comments 0 Shares 1250 Views 0 Reviews
  • ทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก พบขบวนการสั่งตาย เตรียมขยายผลเพิ่มเติม
    .
    ภายหลังผลการตรวจสอบการทุจริตซื้อขายยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกออกมาแล้ว โดยพบว่างานนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่มีบุคลากรในโรงพยาบาลลักลอบนำยาออกไปจำหน่ายโดยมิชอบ และมีเครือข่ายทั้งหมด 6 ทีม ในเรื่องนี้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ป.ป.ช.และองค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ส่วนกลาง ร่วมกันสอบปากคำคนไข้ ตามรายชื่อในเวชระเบียนโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในพื้นที่จังหวัดลพบุรีกว่า 50 คน
    .
    ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตยาเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน มีทั้งคนไข้ที่มีโรคประจำตัวจริงและกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษาพร้อมรับยาและเวชภัณฑ์แต่ไม่ได้ป่วยจริง รวมกว่า 50 คน
    .
    พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำรวมกว่า 80 คน แต่เบื้องต้น ติดต่อขอมาให้ข้อมูลกับตำรวจประมาณ 50-60 คน การสอบปากคำมีการแบ่งออกเป็น 6-7 กลุ่ม ซึ่งจะพยายามสอบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้
    .
    สำหรับการสอบปากคำกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย ที่เป็นทั้งอดีตทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัว ขาดความรู้ และมีฐานะยากจน หลังสอบปากคำ 6-7 กลุ่มเสร็จสิ้นลง จะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องในระดับหัวหน้าและสั่งการ จากข้อมูลที่ได้ จากการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วย เพราะการที่บอกให้คนไข้ เป็นโรคความดัน รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือคนที่เป็นโรคเบาหวานกินน้ำหวานก่อนเข้าตรวจ ลักษณะเป็นการสั่งตาย มีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมเตรียมขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ หลังพบว่าขบวนการดังกล่าว กระทำผิดในโรงพยาบาลรัฐอื่นๆในสังกัดทหารและโรงพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
    .
    "จากการได้นั่งคุยกับหลายคนรู้สึกเวทนา ด้วยปัญหาความยากจน เเละด้อยความรู้ จึงกระทำการโดยรู้หรือไม่รู้ เเละจะมีการสรุปออกมาเป็นรูปธรรม จะค้นหาในทุกมิติว่าใครที่เป็นตัวการ เเละเป็นเหยื่อ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
    ............
    Sondhi X
    ทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก พบขบวนการสั่งตาย เตรียมขยายผลเพิ่มเติม . ภายหลังผลการตรวจสอบการทุจริตซื้อขายยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกออกมาแล้ว โดยพบว่างานนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่มีบุคลากรในโรงพยาบาลลักลอบนำยาออกไปจำหน่ายโดยมิชอบ และมีเครือข่ายทั้งหมด 6 ทีม ในเรื่องนี้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ป.ป.ช.และองค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ส่วนกลาง ร่วมกันสอบปากคำคนไข้ ตามรายชื่อในเวชระเบียนโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในพื้นที่จังหวัดลพบุรีกว่า 50 คน . ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตยาเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน มีทั้งคนไข้ที่มีโรคประจำตัวจริงและกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษาพร้อมรับยาและเวชภัณฑ์แต่ไม่ได้ป่วยจริง รวมกว่า 50 คน . พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำรวมกว่า 80 คน แต่เบื้องต้น ติดต่อขอมาให้ข้อมูลกับตำรวจประมาณ 50-60 คน การสอบปากคำมีการแบ่งออกเป็น 6-7 กลุ่ม ซึ่งจะพยายามสอบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้ . สำหรับการสอบปากคำกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย ที่เป็นทั้งอดีตทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัว ขาดความรู้ และมีฐานะยากจน หลังสอบปากคำ 6-7 กลุ่มเสร็จสิ้นลง จะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องในระดับหัวหน้าและสั่งการ จากข้อมูลที่ได้ จากการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วย เพราะการที่บอกให้คนไข้ เป็นโรคความดัน รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือคนที่เป็นโรคเบาหวานกินน้ำหวานก่อนเข้าตรวจ ลักษณะเป็นการสั่งตาย มีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมเตรียมขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ หลังพบว่าขบวนการดังกล่าว กระทำผิดในโรงพยาบาลรัฐอื่นๆในสังกัดทหารและโรงพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข . "จากการได้นั่งคุยกับหลายคนรู้สึกเวทนา ด้วยปัญหาความยากจน เเละด้อยความรู้ จึงกระทำการโดยรู้หรือไม่รู้ เเละจะมีการสรุปออกมาเป็นรูปธรรม จะค้นหาในทุกมิติว่าใครที่เป็นตัวการ เเละเป็นเหยื่อ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว ............ Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    Haha
    Angry
    30
    0 Comments 0 Shares 2549 Views 0 Reviews
  • ”เลขาฯ ป.ป.ช.“ ปัดตอบข้อมูล “เสรีพิศุทธ์” มีนํ้าหนักหรือไม่ หลังเข้าชี้แจงปมชั้น 14 ขู่หน่วยงานอิดออดไม่ส่งเอกสาร-เวชระเบียนประกอบการพิจารณาอาจใช้กฎหมายบังคับ แต่ไม่จำเป็นเรียก “ทักษิณ” มาให้ถ้อยคำ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011744

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ”เลขาฯ ป.ป.ช.“ ปัดตอบข้อมูล “เสรีพิศุทธ์” มีนํ้าหนักหรือไม่ หลังเข้าชี้แจงปมชั้น 14 ขู่หน่วยงานอิดออดไม่ส่งเอกสาร-เวชระเบียนประกอบการพิจารณาอาจใช้กฎหมายบังคับ แต่ไม่จำเป็นเรียก “ทักษิณ” มาให้ถ้อยคำ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011744 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 939 Views 0 Reviews
  • บิ๊กต่ายโยนอำนาจแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจส่งเวชระเบียน ทักษิณ ให้ ป.ป.ช. (30/01/68) #news1 #เวชระเบียนทักษิณ #ชั้น14
    บิ๊กต่ายโยนอำนาจแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจส่งเวชระเบียน ทักษิณ ให้ ป.ป.ช. (30/01/68) #news1 #เวชระเบียนทักษิณ #ชั้น14
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    10
    0 Comments 0 Shares 1017 Views 52 1 Reviews
  • ผบ.ตร. ชี้ เป็นอำนาจหน้าที่แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งเวชระเบียน "ทักษิณ" ให้ ป.ป.ช. ย้ำสั่งการไปแล้วให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009288

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร. ชี้ เป็นอำนาจหน้าที่แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งเวชระเบียน "ทักษิณ" ให้ ป.ป.ช. ย้ำสั่งการไปแล้วให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009288 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    8
    0 Comments 0 Shares 970 Views 0 Reviews
  • คปท.ผนึก ศปปส.-กองทัพธรรม-อดีต นปช.ยื่น หนังสือจี้ส่งเวชระเบียนการรักษาตัวของ ‘ทักษิณ’ ที่ชั้น 14 รพ.จตำรวจ ถึงนายกฯ ซัดตำรวจ-แพทย์ ส่อปกป้องผู้ป่วยเทวดา พร้อมแสดงจุดยืนต้านกาสิโน "จตุพร" เตือนอุ๊งอิ๊งค์ ถ้าอยากหนีเหมือนพ่อเหมือนอาก็ทำต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006443

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คปท.ผนึก ศปปส.-กองทัพธรรม-อดีต นปช.ยื่น หนังสือจี้ส่งเวชระเบียนการรักษาตัวของ ‘ทักษิณ’ ที่ชั้น 14 รพ.จตำรวจ ถึงนายกฯ ซัดตำรวจ-แพทย์ ส่อปกป้องผู้ป่วยเทวดา พร้อมแสดงจุดยืนต้านกาสิโน "จตุพร" เตือนอุ๊งอิ๊งค์ ถ้าอยากหนีเหมือนพ่อเหมือนอาก็ทำต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006443 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 1275 Views 1 Reviews
  • 14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้

    จรรยาบรรณแพทย์

    ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ
    ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม

    ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ
    ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น
    ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน
    ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่

    ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม
    ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น

    ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง
    ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย

    ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ
    ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ

    ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ
    ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม
    ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ
    ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ
    ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ
    อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่

    ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ
    ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง
    ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้

    ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล
    ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่

    ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้
    ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้

    ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย
    ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้
    เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ

    ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ
    ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ

    ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย
    ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้
    แก้วสรร อติโพธิ
    14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้ จรรยาบรรณแพทย์ ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่ ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้ ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่ ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้ ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้ ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้ เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้ แก้วสรร อติโพธิ
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1033 Views 0 Reviews
  • "ทวี" ไม่กังวลปมขอเวชระเบียน ‘ทักษิณ’ รักษาตัวชั้น 14 เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ชี้ ยธ.ยินดีให้ความร่วมมือ หากกฎหมายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โวยองค์กรสิทธิฯ อย่าจี้แต่เรื่อง ‘ทักษิณ’ กรณี "แบงค์ เลสเตอร์" ทำไมเงียบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004057

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทวี" ไม่กังวลปมขอเวชระเบียน ‘ทักษิณ’ รักษาตัวชั้น 14 เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ชี้ ยธ.ยินดีให้ความร่วมมือ หากกฎหมายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โวยองค์กรสิทธิฯ อย่าจี้แต่เรื่อง ‘ทักษิณ’ กรณี "แบงค์ เลสเตอร์" ทำไมเงียบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004057 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 1264 Views 0 Reviews
  • 11ม.ค.2568 เมื่อเวลา 19.00 น.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กทม. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยถึงทิศทางการจัดกิจกรรม “ปีเช็คบิลป่วยทิพย์ชั้น 14 แพทยสภาถึงเวลารักษาความยุติธรรม หยุด-ระบอบชินวัตร หยุด-เอ็มโอยู 44 หยุด-บ่อนคาสิโน” ว่า จากที่เราประกาศชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ซึ่งเป็นวันเด็ก จนถึงวันนี้เราชุมนุมครอบรอบ 1 ปีพอดี การต่อสู้กับระบอบชินวัตรที่ผ่านมาของพวกเรา เห็นผลได้ชัดเจนจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รวมถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติในการมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงค์ชาติ) ผ่านมาจนปีนี้มีเรื่องที่เราต้องติดตาม ตนอยากชวนให้ทุกคนเตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม ปีนี้เราจะเช็คบิลเทวดาชั้น 14 เพื่อสร้างระบบนิติรัฐ
    นิติธรรม

    นายพิชิต กล่าวต่อว่า เรามี 2 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แสดงความรับผิดชอบกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ไปช่วยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยการลาออก 2.เรียกร้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ลาออก จากกรณีเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์แบงค์ชาติ จนไม่ผ่านคุณสมบัติ ขณะที่ 5 เรื่องที่ต้องคัดค้าน คือ 1.ยกเลิก MOU44 2.คัดค้านบ่อนคาสิโน 3.คัดค้านพนันออนไลน์ 4.เช่าที่ 99 ปี ที่เป็นการขายชาติ และ 5.คัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำให้ประเทศเสียหาย

    ส่วน 2 เรื่องที่ต้องให้กำลังใจ คือ 1.ให้กำลังใจป.ป.ช. เดินหน้าเอานักโทษมาติดคุกให้ได้ และ 2.ให้กำลังใจแพทยสภาในการเรียกเวชระเบียนมาตรวจสอบเพื่อผดุงจรรยาบรรณทางการแพทย์ แพทยสภาต้องฉีดยาความจริงให้ประเทศ อย่าไปเอื้อแพทย์ด้วยกันที่ทำผิด ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ขอให้ทุกคนใส่รองเท้าผ้าใบ เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อทวงถามเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจ และวันที่ 15 ม.ค. จะเดินทางไปที่แพทยสภา ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจในการทวงถามเอกสารสำคัญเพื่อยืนยันอาการป่วยของนายทักษิณ แต่ถ้าในวันดังกล่าวแพทยสภาบอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารใดๆ เราก็จะพร้อมใส่รองเท้าผ้าใบมาทวงถามที่ทำเนียบรัฐบาล

    นายพิชิต กล่าวว่า และอีก 1 เรื่องต้องจับตาที่จะเป็นชนวนในการเช็คบิลนายทักษิณ คือการที่นายทักษิณประกาศพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาว กลับบ้านในเดือนเม.ย.นี้ ถ้ากลับมาแล้วเป็นนักโทษนางฟ้าเหมือนพี่ชาย เราก็เตรียมออกมาไล่รัฐบาลของน.ส.แพทองธารได้ทันที อย่างไรก็ตาม เรามีสิ่งต้องตามทวงถาม โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 นอกเหนือจากการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังทำลายประเทศเราด้วย ด้วยการที่มีบุคคลหนึ่งทำลายเสาหลักของระบบนิติรัฐ นิติธรรม นอกจากที่แพทยสภาแล้ว ผบ.ตร.ต้องสั่งการให้ส่งเวชระเบียนนายทักษิณไปที่ป.ป.ช.ที่มีการเรียกขอมาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะตามหลักการแล้วหลักฐานอยู่ในมือตำรวจก็ต้องมาแสดง แต่ถ้ากลับทำลายหลักฐานเสียเอง หรือยับนิ่งเฉย ผบ.ตร.ก็ต้องลาออกด้วย

    นายพิชิต กล่าวต่อว่า นายทักษิณ ใช้อำนาจเหนือรัฐ เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ไปประกาศว่า จะนำกำลังไปบุกประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศทุบค่าไฟ ใช้อำนาจอะไรสั่งการ วันนี้ประเทศไทยมีอำนาจซ้อนอำนาจ มีอำนาจเหนือรัฐ นายทักษิณใช้อำนาจเต็มที่ กลายเป็นรัฐบาลไม่กล้าใช้อำนาจรัฐ ขณะเดียวกันวันนี้เป็นวันเด็ก มีเด็กๆไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตนบอกว่าเรามีเด็กนั่งเป็นนายกฯมานานหลายเดือนแล้ว อย่าว่าแต่เด็กไปนั่งเก้าอี้นายกฯเลย ทุกวันนี้นายกฯยังเป็นนั่งอยู่ในเก้าอี้อยู่เลย นายกฯไม่มีผลงานอะไรเด่นเลยสักเรื่อง มีเด่นอยู่อย่างเดียว คือแต่งตัวให้ถูกเขาด่าได้ทุกวันทั้งประเทศ

    นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ที่นายทักษิณ บอกว่าเป็นโรคเอ็นเปื่อย ทางการแพทย์ไม่มีระบุ มันมีที่ไหน มันไม่ใช่ลูกชิ้นเนื้อเปื่อย คนเป็นโรคเอ็นเปื่อยจะไปตีกอล์ฟออกแรงสวิงได้อย่างไร คนป่วยติดเตียง 180 วันออกมามันจะแข็งแรงได้อย่างไร และที่นายทักษิณ บอกว่ายังไงก็เอาเขากลับเข้าเรือนจำไม่ได้ เมื่อความจริงปรากฎ แนวร่วมเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดกองกฐินที่มาเรื่อยๆจะมาไหลรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล มันหนีไม่ออก น.ส.แพทองธาร ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมืองด้วยเช่นกัน

    “ที่นายทักษิณบอกว่าให้นำพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน แล้วจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส บอกว่าสามารถทำได้ ทักษิณพูดรัฐมนตรีทำแบบนี้ไม่เรียกสั่งการครอบงำได้อย่างไร คนเห็นทั้งประเทศ ที่มองไม่เห็นอยู่ 5 คนคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. วันนี้กกต.เริ่มพูด การหาเสียงท้องถิ่นหากไปพูดนโยบายรัฐ สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย เข้าข่ายการซื้อเสียงผ่านนโยบายรัฐหรือไม่ เราก็ไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบแล้ว ตามสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ พอเข้าไปตรวจสอบ ก็หาว่าก่อความวุ่นวาย ตกลงจะให้เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกคุณโกงกันหรือไง พอเข้าไปตรวจสอบตามระบบ ก็บอกว่าจะฟ้องกลับ ผมก็ยินดี คดีผมเยอะแล้ว เพิ่มอีกคดีไม่เห็นเป็นอะไร“ แกนนำคปท. กล่าว

    ที่มา : แนวหน้า
    https://www.naewna.com/politic/852717?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR19m8JG0ju8L-nNUgU4KBHxiBlnVnUyNAETuDlRU-38FCSvoWDScdrkQ5A_aem_xZPNNwpQAvULZKuNZxIqKQ#nwrsmlxrnogt5ygxo7xkpqorilo2jdzh
    11ม.ค.2568 เมื่อเวลา 19.00 น.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กทม. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยถึงทิศทางการจัดกิจกรรม “ปีเช็คบิลป่วยทิพย์ชั้น 14 แพทยสภาถึงเวลารักษาความยุติธรรม หยุด-ระบอบชินวัตร หยุด-เอ็มโอยู 44 หยุด-บ่อนคาสิโน” ว่า จากที่เราประกาศชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ซึ่งเป็นวันเด็ก จนถึงวันนี้เราชุมนุมครอบรอบ 1 ปีพอดี การต่อสู้กับระบอบชินวัตรที่ผ่านมาของพวกเรา เห็นผลได้ชัดเจนจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รวมถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติในการมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงค์ชาติ) ผ่านมาจนปีนี้มีเรื่องที่เราต้องติดตาม ตนอยากชวนให้ทุกคนเตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม ปีนี้เราจะเช็คบิลเทวดาชั้น 14 เพื่อสร้างระบบนิติรัฐ นิติธรรม นายพิชิต กล่าวต่อว่า เรามี 2 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แสดงความรับผิดชอบกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ไปช่วยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยการลาออก 2.เรียกร้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ลาออก จากกรณีเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์แบงค์ชาติ จนไม่ผ่านคุณสมบัติ ขณะที่ 5 เรื่องที่ต้องคัดค้าน คือ 1.ยกเลิก MOU44 2.คัดค้านบ่อนคาสิโน 3.คัดค้านพนันออนไลน์ 4.เช่าที่ 99 ปี ที่เป็นการขายชาติ และ 5.คัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำให้ประเทศเสียหาย ส่วน 2 เรื่องที่ต้องให้กำลังใจ คือ 1.ให้กำลังใจป.ป.ช. เดินหน้าเอานักโทษมาติดคุกให้ได้ และ 2.ให้กำลังใจแพทยสภาในการเรียกเวชระเบียนมาตรวจสอบเพื่อผดุงจรรยาบรรณทางการแพทย์ แพทยสภาต้องฉีดยาความจริงให้ประเทศ อย่าไปเอื้อแพทย์ด้วยกันที่ทำผิด ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ขอให้ทุกคนใส่รองเท้าผ้าใบ เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อทวงถามเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจ และวันที่ 15 ม.ค. จะเดินทางไปที่แพทยสภา ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจในการทวงถามเอกสารสำคัญเพื่อยืนยันอาการป่วยของนายทักษิณ แต่ถ้าในวันดังกล่าวแพทยสภาบอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารใดๆ เราก็จะพร้อมใส่รองเท้าผ้าใบมาทวงถามที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต กล่าวว่า และอีก 1 เรื่องต้องจับตาที่จะเป็นชนวนในการเช็คบิลนายทักษิณ คือการที่นายทักษิณประกาศพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาว กลับบ้านในเดือนเม.ย.นี้ ถ้ากลับมาแล้วเป็นนักโทษนางฟ้าเหมือนพี่ชาย เราก็เตรียมออกมาไล่รัฐบาลของน.ส.แพทองธารได้ทันที อย่างไรก็ตาม เรามีสิ่งต้องตามทวงถาม โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 นอกเหนือจากการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังทำลายประเทศเราด้วย ด้วยการที่มีบุคคลหนึ่งทำลายเสาหลักของระบบนิติรัฐ นิติธรรม นอกจากที่แพทยสภาแล้ว ผบ.ตร.ต้องสั่งการให้ส่งเวชระเบียนนายทักษิณไปที่ป.ป.ช.ที่มีการเรียกขอมาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะตามหลักการแล้วหลักฐานอยู่ในมือตำรวจก็ต้องมาแสดง แต่ถ้ากลับทำลายหลักฐานเสียเอง หรือยับนิ่งเฉย ผบ.ตร.ก็ต้องลาออกด้วย นายพิชิต กล่าวต่อว่า นายทักษิณ ใช้อำนาจเหนือรัฐ เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ไปประกาศว่า จะนำกำลังไปบุกประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศทุบค่าไฟ ใช้อำนาจอะไรสั่งการ วันนี้ประเทศไทยมีอำนาจซ้อนอำนาจ มีอำนาจเหนือรัฐ นายทักษิณใช้อำนาจเต็มที่ กลายเป็นรัฐบาลไม่กล้าใช้อำนาจรัฐ ขณะเดียวกันวันนี้เป็นวันเด็ก มีเด็กๆไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตนบอกว่าเรามีเด็กนั่งเป็นนายกฯมานานหลายเดือนแล้ว อย่าว่าแต่เด็กไปนั่งเก้าอี้นายกฯเลย ทุกวันนี้นายกฯยังเป็นนั่งอยู่ในเก้าอี้อยู่เลย นายกฯไม่มีผลงานอะไรเด่นเลยสักเรื่อง มีเด่นอยู่อย่างเดียว คือแต่งตัวให้ถูกเขาด่าได้ทุกวันทั้งประเทศ นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ที่นายทักษิณ บอกว่าเป็นโรคเอ็นเปื่อย ทางการแพทย์ไม่มีระบุ มันมีที่ไหน มันไม่ใช่ลูกชิ้นเนื้อเปื่อย คนเป็นโรคเอ็นเปื่อยจะไปตีกอล์ฟออกแรงสวิงได้อย่างไร คนป่วยติดเตียง 180 วันออกมามันจะแข็งแรงได้อย่างไร และที่นายทักษิณ บอกว่ายังไงก็เอาเขากลับเข้าเรือนจำไม่ได้ เมื่อความจริงปรากฎ แนวร่วมเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดกองกฐินที่มาเรื่อยๆจะมาไหลรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล มันหนีไม่ออก น.ส.แพทองธาร ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมืองด้วยเช่นกัน “ที่นายทักษิณบอกว่าให้นำพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน แล้วจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส บอกว่าสามารถทำได้ ทักษิณพูดรัฐมนตรีทำแบบนี้ไม่เรียกสั่งการครอบงำได้อย่างไร คนเห็นทั้งประเทศ ที่มองไม่เห็นอยู่ 5 คนคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. วันนี้กกต.เริ่มพูด การหาเสียงท้องถิ่นหากไปพูดนโยบายรัฐ สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย เข้าข่ายการซื้อเสียงผ่านนโยบายรัฐหรือไม่ เราก็ไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบแล้ว ตามสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ พอเข้าไปตรวจสอบ ก็หาว่าก่อความวุ่นวาย ตกลงจะให้เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกคุณโกงกันหรือไง พอเข้าไปตรวจสอบตามระบบ ก็บอกว่าจะฟ้องกลับ ผมก็ยินดี คดีผมเยอะแล้ว เพิ่มอีกคดีไม่เห็นเป็นอะไร“ แกนนำคปท. กล่าว ที่มา : แนวหน้า https://www.naewna.com/politic/852717?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR19m8JG0ju8L-nNUgU4KBHxiBlnVnUyNAETuDlRU-38FCSvoWDScdrkQ5A_aem_xZPNNwpQAvULZKuNZxIqKQ#nwrsmlxrnogt5ygxo7xkpqorilo2jdzh
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 2401 Views 0 Reviews
  • คปท.-ศปปส.พร้อม "จตุพร พรหมพันธุ์" รวมตัวยื่นหนังสือ ป.ป.ช.เร่งคดีชั้น 14 "แก้วสรร" ชี้หากพบกระบวนการช่วยเหลือ​ ศาลฎีกานักการเมืองสั่งจับ​ "ทักษิณ" กลับขังคุกได้โดยไม่ต้องรอ ป.ป.ช.ชี้มูล​ "จตุพร" แนะใช้​ ม.157 ขู่ เรียกเวชระเบียน​ เลขาฯ​ ป.ป.ช.ขออย่ากังวล ทำหน้าที่ตามพยานหลักฐาน รับอาจไม่ถูกใจบางคน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000121447

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คปท.-ศปปส.พร้อม "จตุพร พรหมพันธุ์" รวมตัวยื่นหนังสือ ป.ป.ช.เร่งคดีชั้น 14 "แก้วสรร" ชี้หากพบกระบวนการช่วยเหลือ​ ศาลฎีกานักการเมืองสั่งจับ​ "ทักษิณ" กลับขังคุกได้โดยไม่ต้องรอ ป.ป.ช.ชี้มูล​ "จตุพร" แนะใช้​ ม.157 ขู่ เรียกเวชระเบียน​ เลขาฯ​ ป.ป.ช.ขออย่ากังวล ทำหน้าที่ตามพยานหลักฐาน รับอาจไม่ถูกใจบางคน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000121447 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    12
    0 Comments 0 Shares 1130 Views 0 Reviews
  • วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1401 Views 0 Reviews
  • ## เมื่อนายใหญ่ "ไม่อยากติดคุกแม้แต่วันเดียว" ข้ารับใข้ก็ต้อง เข้าไปติดคุกแทน...!!! ##
    ..
    ..
    มติเอกฉันท์...!!!
    .
    ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน อธิบดี-หมอ-ผบ.คุก-จนท.12ราย เอื้อ "ทักษิณ" ชั้น 14
    ....
    ....
    เมื่อนายใหญ่เคยลั่นวาจาว่า จะกลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว...!!!
    .
    ข้ารับใช้ก็ต้อง สรรหาวิธีการ...
    .
    เมื่อไอเดียบรรเจิด งั้นสลับที่กันก็ได้นี่หว่า...!!!
    .
    การหาคนไปติดคุกแทน สไตล์คนมีอำนาจ จำเริ่มต้นขึ้น...
    .
    ผลก็ออกมาอย่างที่เรารับรู้กัน...
    .
    อ้างว่าป่วยใกล้จะตาย จะออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ไม่ได้ ไม่งั้นตายแน่...!!!
    .
    พอถามว่าเป็นอะไร 5 คนตอบ ก็ 5 โรค ไม่ซ้ำกัน ทั้ง เอ็นขาด เอ็นเปื่อยยุ่ย ก็ว่ากันไป...
    .
    ตอนพาออกมากระบวนการขั้นตอนรวดเร็วปาน เดอะแฟรช รับลูกไหลลื่นต่อกันเป็นทอดๆ...
    .
    วันนี้พอถูกสอบสวน...
    .
    เกษียณแล้ว มั่งหละ
    ไม่รู้เรื่องมั่งหละ
    ไม่เคยเห็นมั่งหละ
    เวชระเบียนไม่มีมั่งหละ
    .
    ทุกวันนี้ เห็นแต่เดินทาง ออนทัวร์ทางการเมือง...
    .
    ไปขึ้นเวทีปราศรัย
    ไปหาเสียง
    ไปปาถกฐาที่ประชุมพรรค
    ไม่พอใจ ไล่คนนั้นไล่คนนี้
    .
    คนไทยไม่ได้โง่ทุกคนหรอกครับ...
    ...
    ...
    นิทานเรื่องแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่ได้อ้างอิงบุคคลที่มีอยู่จริงแต่อย่างใด...
    ...
    ...

    .
    https://www.isranews.org/article/isranews/134249-invessssss-4.html
    ## เมื่อนายใหญ่ "ไม่อยากติดคุกแม้แต่วันเดียว" ข้ารับใข้ก็ต้อง เข้าไปติดคุกแทน...!!! ## .. .. มติเอกฉันท์...!!! . ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน อธิบดี-หมอ-ผบ.คุก-จนท.12ราย เอื้อ "ทักษิณ" ชั้น 14 .... .... เมื่อนายใหญ่เคยลั่นวาจาว่า จะกลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว...!!! . ข้ารับใช้ก็ต้อง สรรหาวิธีการ... . เมื่อไอเดียบรรเจิด งั้นสลับที่กันก็ได้นี่หว่า...!!! . การหาคนไปติดคุกแทน สไตล์คนมีอำนาจ จำเริ่มต้นขึ้น... . ผลก็ออกมาอย่างที่เรารับรู้กัน... . อ้างว่าป่วยใกล้จะตาย จะออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ไม่ได้ ไม่งั้นตายแน่...!!! . พอถามว่าเป็นอะไร 5 คนตอบ ก็ 5 โรค ไม่ซ้ำกัน ทั้ง เอ็นขาด เอ็นเปื่อยยุ่ย ก็ว่ากันไป... . ตอนพาออกมากระบวนการขั้นตอนรวดเร็วปาน เดอะแฟรช รับลูกไหลลื่นต่อกันเป็นทอดๆ... . วันนี้พอถูกสอบสวน... . เกษียณแล้ว มั่งหละ ไม่รู้เรื่องมั่งหละ ไม่เคยเห็นมั่งหละ เวชระเบียนไม่มีมั่งหละ . ทุกวันนี้ เห็นแต่เดินทาง ออนทัวร์ทางการเมือง... . ไปขึ้นเวทีปราศรัย ไปหาเสียง ไปปาถกฐาที่ประชุมพรรค ไม่พอใจ ไล่คนนั้นไล่คนนี้ . คนไทยไม่ได้โง่ทุกคนหรอกครับ... ... ... นิทานเรื่องแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่ได้อ้างอิงบุคคลที่มีอยู่จริงแต่อย่างใด... ... ... 🤣🤣🤣🤣🤣🤣 . https://www.isranews.org/article/isranews/134249-invessssss-4.html
    WWW.ISRANEWS.ORG
    มติเอกฉันท์! ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน อธิบดี-หมอ-ผบ.คุก-จนท.12ราย เอื้อ 'ทักษิณ' ชั้น 14
    ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ ขรก.-เจ้าหน้าที่รัฐ 12 ราย กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกทม. โรงพยาบาลตำรวจ กรณีเอื้อประโยชน์ 'ทักษิณ ชินวัตร' เข้ารักษาตัวห้องพิเศษชั้น 14 เผยชื่อ 'อธิบดี - รองฯ -ผู้บัญชาการเรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล' โดนหมด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 393 Views 0 Reviews
  • เวชระเบียนทักษิณมีจริง ปัดให้นอนหรู (22/11/67) #news1 #เวชระเบียนทักษิณ #ชั้น14
    เวชระเบียนทักษิณมีจริง ปัดให้นอนหรู (22/11/67) #news1 #เวชระเบียนทักษิณ #ชั้น14
    Haha
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    8
    1 Comments 0 Shares 2320 Views 121 0 Reviews
  • 17 พ.ย. 2567 – นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง จับหมาไปขังได้แล้ว!!! ผ่านเว็บไซต์ www.thaipost.net มีเนื้อหาดังนี้ถาม เห็นตัวแทนราชทัณฑ์ตอบคณะกรรมาธิการสภาว่า รับตัวทักษิณเข้าเรือนจำแล้ว ก็ส่งตัวไป รพ.ตำรวจเลย โดยอธิบายว่าทางพยาบาลได้โทรศัพท์ปรึกษากับหมอของเรือนจำแล้ว ซึ่งทางกรรมาธิการตรวจสอบข้อมูลแล้วบอกว่า ทั้งหมดนี้ทักษิณใช้เวลาอยู่ในเรือนจำแค่ ๔ นาทีเท่านั้นตรงจุดนี้ผมข้องใจจริงๆครับ อาจารย์ค้นกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขัง พ.ศ.๒๕๖๓ แล้ว เขาเปิดให้ทำกันง่ายๆอย่างนี้หรือตอบ ไม่จริงครับ ข้อ ๒ ของกฎกระทรวงระบุชัดเจนว่า นักโทษต้องรับการตรวจทางการแพทย์ก่อน“ข้อ ๒ เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานเรือนจำว่า ผู้ต้องขังคนใดป่วย ให้ส่งตัวผู้ต้องขังคนนั้นไปรับการตรวจในสถานพยาบาล ของเรือนจำ” เมื่อไม่มีการตรวจเลยเช่นนี้ นี่จึงเป็นการละเว้นหน้าที่เป็นข้อแรก ที่ ปปช.จะขอเวชระเบียน ขอใบส่งตัวอะไรของหมอเรือนจำนั่น มันก็ไม่มีหรอกครับถาม ตามกฎกระทรวงนี้ ตรวจแล้วต้องทำยังไงต่อครับตอบ กฎกระทรวงกำหนดว่า ถ้าตรวจแล้วฝ่ายการแพทย์ของเรือนจำรายงานว่า รักษาในโรงพยาบาลเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ดำเนินการดังนี้“(๑) กรณีผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาต ให้เจ้าพนักงานเรือนจำพาผู้ต้องขังคนนั้นไปและกลับในวันเดียวกัน(๒) หากแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษามีความเห็นว่า สมควรรับตัวผู้ต้องขังคนนั้นไว้รักษา ให้เจ้าพนักงาน เรือนจำซึ่งพาผู้ต้องขังคนนั้นไปตรวจรักษาขอหลักฐานและความเห็นของแพทย์ผู้ทำาการตรวจรักษา ประกอบการจัดทำรายงานเสนอผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณา ถ้าผู้บัญชาการเรือนจำเห็นด้วยกับ ความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษา ให้มีคำสั่งอนุญาตให้รับตัวไว้รักษา”ถาม อ้าว..ตามพฤติการณ์จริงที่ปรากฏนั้น เมื่อส่งทักษิณไปถึงโรงพยาบาลตำรวจแล้ว เขาก็รับตัวไว้ ยาวไป ๖ เดือนเลยนี่ครับ โดยไม่มีการสื่อสารให้ทางราชทัณฑ์อนุญาตหรือไม่อนุญาตเลย จะอยู่จริงหรือไม่นานแค่ไหนก็ไม่มีใครยืนยันได้ตอบ นี่เป็นการละเว้นหน้าที่อย่างชัดเจนเป็นข้อที่ ๒ ดังนั้น ปปช.จะไปขอเวชระเบียน ใบส่งตัว ใบรับตัวพร้อมบันทึกการตรวจร่างกายอะไรก็ไม่มีหรอกครับ ขั้นตอนอนุญาตของ ผบ.เรือนจำข้อนี้สำคัญมากขาดไม่ได้ กฎกระทรวงระบุชัดว่า“กรณีผู้บัญชาการเรือนจำไม่เห็นด้วยกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษา ให้เจ้าพนักงาน นำตัวผู้ต้องขังคนนั้นกลับเข้ารักษาพยาบาลภายในเรือนจำ”ตอบ กฎกระทรวงระบุไว้รัดกุมครับว่า“เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้จัดเจ้าพนักงานเรือนจำอย่างน้อยจำนวนสองคนควบคุมผู้ต้องขังป่วยหนึ่งคนให้อยู่ภายใน เขตที่กำหนดให้เจ้าพนักงานเรือนจำซึ่งมีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังจดบันทึกข้อมูลผู้เข้าเยี่ยม และเวลา เข้าเยี่ยมโดยละเอียด และดูแลให้ผู้เข้าเยี่ยมปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำใช้สิทธิของผู้ต้องขังตามที่ทางราชการจัดให้และห้ามเข้าอยู่ในห้องพักพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไปรับประทานอาหารตามที่สถานที่รักษา ๓ จัดให้”ถาม เห็นพลตำรวจเอกเสรี เตมียเวส ท่านให้การต่อ ปปช.ว่า เมื่อไปเยี่ยมทักษิณสองครั้งนั้น ท่านไม่เห็นมีพนักงานอยู่ประจำเลย ห้องพักก็เป็นห้องพิเศษ ชั้น ๑๔ ทั้งชั้นเห็นเปิดอยู่ห้องเดียว อาหารการกินสมบูรณ์มีข้าวเหนียวมะม่วงเลี้ยงแขกด้วยนะครับตอบ นี่ก็เป็นการละเว้นหน้าที่เป็นข้อที่สามครับ พวกเขาทำจน รพ.ตำรวจกลายเป็นโรงแรมไปเลย มีนักโทษคนเดียวในประวัติศาสตร์ไทยเท่านั้นได้รับบริการอย่างนี้ถาม พอส่ง โรงพยาบาลตำรวจแล้ว ในกฎกระทรวงไม่มีการตรวจสอบอะไรอีกเลยหรือครับ อยู่นอกเรือนจำตั้ง ๖ เดือน แล้วก็พักโทษไปเลย ง่ายๆอย่างนี้เลยหรือตอบ กฎหมายเขากำหนดการตรวจสอบทางบริหารไว้อย่างนี้ครับ“- หากพักรักษาตัวเกินกว่าสามสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องหากพักรักษาตัวเกินกว่าหกสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ-หากพักรักษาตัวเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ”ถาม แล้วเขามีหนังสือและรายงานอย่างที่ว่านี้ไหมครับตอบ รัฐมนตรี บอกว่ามี และได้เห็นผลตรวจ MRI ด้วย ผมเข้าใจได้ว่าเป็นผลการตรวจก่อนผ่าซ่อมเอ็นหัวไหล่เท่านั้น ซึ่งอาการอย่างนี้ผู้สูงอายุเป็นกันทั่วไป ผ่าวันเดียวก็กลับเรือนจำได้แล้ว เอามาอ้างอยู่นอกเรือนจำเป็น ๖ เดือนไม่ได้หรอกครับ รายงานและหลักฐานที่ว่านี้จะมีจริงไหม ถูกต้องหรือไม่ ทั้ง ปปช.และ กมธ ก็ยังไม่มีใครได้มาวิเคราะห์เลยถาม แล้วที่คุณชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ท่านร้องให้ศาลไต่สวนว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ราชทัณฑ์ต้องขอให้ศาลออกคำสั่งทุเลาการลงโทษก่อน จึงจะนอนโรงพยาบาลตำรวจได้ ถ้าไม่ผ่านศาลก็ต้องถือว่าไม่ถูกต้อง ศาลต้องออกหมายจับทักษิณมาขังให้ครบ ๑ ปี นั้น คำร้องนี้ถูกต้องให้ศาลรับวินิจฉัยได้ไหมครับตอบ มาตรานั้น ให้ศาลสั่งได้เมื่อญาติ หรือเรือนจำ ร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นเองว่า จำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก ก็ให้ส่งไปบำบัดรักษานอกคุกได้ แต่กรณีทักษิณนี่ เขาอธิบายว่าเป็นการรักษาตามความจำเป็น ตามอำนาจของราชทัณฑ์ ศาลไม่เกี่ยว จริงๆแล้วกฎกระทรวงน่าจะจำกัดเวลาไว้เลยว่า ถ้าต้องรักษาเกิน ๓๐ วันให้ราชทัณฑ์ไปขอคำสั่งทุเลาการลงโทษ ถ้ากำหนดอย่างนี้ศาลก็จะตรวจสอบได้ตามอำนาจในกฎหมาย โอกาสติดคุกทิพย์ก็จะจำกัดอีกมากถาม แต่เฉพาะปัญหาว่าราชทัณฑ์ทำถูกต้องหรือไม่นี่ มันพอแล้วหรือยังครับที่ ปปช.จะมีมติตั้งข้อกล่าวหาผู้รับผิดชอบว่ากระทำผิดอาญา และมีมติส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจผู้บังคับบัญชา สั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลให้ออกหมายขัง นำตัวนักโทษกลับเข้าคุกด้วยตอบ เห็นเขาบอกให้หมาอยู่ส่วนหมา คนอยู่ส่วนคน ผมว่าเมื่อปล่อยออกมาโดยไม่ชอบชัดเจนจะๆ และยังพองขนอหังการคับบ้านเมืองอยู่นอกกรงอย่างนี้ ก็ควรจับไปขังได้แล้วครับ
    17 พ.ย. 2567 – นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง จับหมาไปขังได้แล้ว!!! ผ่านเว็บไซต์ www.thaipost.net มีเนื้อหาดังนี้ถาม เห็นตัวแทนราชทัณฑ์ตอบคณะกรรมาธิการสภาว่า รับตัวทักษิณเข้าเรือนจำแล้ว ก็ส่งตัวไป รพ.ตำรวจเลย โดยอธิบายว่าทางพยาบาลได้โทรศัพท์ปรึกษากับหมอของเรือนจำแล้ว ซึ่งทางกรรมาธิการตรวจสอบข้อมูลแล้วบอกว่า ทั้งหมดนี้ทักษิณใช้เวลาอยู่ในเรือนจำแค่ ๔ นาทีเท่านั้นตรงจุดนี้ผมข้องใจจริงๆครับ อาจารย์ค้นกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขัง พ.ศ.๒๕๖๓ แล้ว เขาเปิดให้ทำกันง่ายๆอย่างนี้หรือตอบ ไม่จริงครับ ข้อ ๒ ของกฎกระทรวงระบุชัดเจนว่า นักโทษต้องรับการตรวจทางการแพทย์ก่อน“ข้อ ๒ เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานเรือนจำว่า ผู้ต้องขังคนใดป่วย ให้ส่งตัวผู้ต้องขังคนนั้นไปรับการตรวจในสถานพยาบาล ของเรือนจำ” เมื่อไม่มีการตรวจเลยเช่นนี้ นี่จึงเป็นการละเว้นหน้าที่เป็นข้อแรก ที่ ปปช.จะขอเวชระเบียน ขอใบส่งตัวอะไรของหมอเรือนจำนั่น มันก็ไม่มีหรอกครับถาม ตามกฎกระทรวงนี้ ตรวจแล้วต้องทำยังไงต่อครับตอบ กฎกระทรวงกำหนดว่า ถ้าตรวจแล้วฝ่ายการแพทย์ของเรือนจำรายงานว่า รักษาในโรงพยาบาลเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ดำเนินการดังนี้“(๑) กรณีผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาต ให้เจ้าพนักงานเรือนจำพาผู้ต้องขังคนนั้นไปและกลับในวันเดียวกัน(๒) หากแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษามีความเห็นว่า สมควรรับตัวผู้ต้องขังคนนั้นไว้รักษา ให้เจ้าพนักงาน เรือนจำซึ่งพาผู้ต้องขังคนนั้นไปตรวจรักษาขอหลักฐานและความเห็นของแพทย์ผู้ทำาการตรวจรักษา ประกอบการจัดทำรายงานเสนอผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณา ถ้าผู้บัญชาการเรือนจำเห็นด้วยกับ ความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษา ให้มีคำสั่งอนุญาตให้รับตัวไว้รักษา”ถาม อ้าว..ตามพฤติการณ์จริงที่ปรากฏนั้น เมื่อส่งทักษิณไปถึงโรงพยาบาลตำรวจแล้ว เขาก็รับตัวไว้ ยาวไป ๖ เดือนเลยนี่ครับ โดยไม่มีการสื่อสารให้ทางราชทัณฑ์อนุญาตหรือไม่อนุญาตเลย จะอยู่จริงหรือไม่นานแค่ไหนก็ไม่มีใครยืนยันได้ตอบ นี่เป็นการละเว้นหน้าที่อย่างชัดเจนเป็นข้อที่ ๒ ดังนั้น ปปช.จะไปขอเวชระเบียน ใบส่งตัว ใบรับตัวพร้อมบันทึกการตรวจร่างกายอะไรก็ไม่มีหรอกครับ ขั้นตอนอนุญาตของ ผบ.เรือนจำข้อนี้สำคัญมากขาดไม่ได้ กฎกระทรวงระบุชัดว่า“กรณีผู้บัญชาการเรือนจำไม่เห็นด้วยกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษา ให้เจ้าพนักงาน นำตัวผู้ต้องขังคนนั้นกลับเข้ารักษาพยาบาลภายในเรือนจำ”ตอบ กฎกระทรวงระบุไว้รัดกุมครับว่า“เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้จัดเจ้าพนักงานเรือนจำอย่างน้อยจำนวนสองคนควบคุมผู้ต้องขังป่วยหนึ่งคนให้อยู่ภายใน เขตที่กำหนดให้เจ้าพนักงานเรือนจำซึ่งมีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังจดบันทึกข้อมูลผู้เข้าเยี่ยม และเวลา เข้าเยี่ยมโดยละเอียด และดูแลให้ผู้เข้าเยี่ยมปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำใช้สิทธิของผู้ต้องขังตามที่ทางราชการจัดให้และห้ามเข้าอยู่ในห้องพักพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไปรับประทานอาหารตามที่สถานที่รักษา ๓ จัดให้”ถาม เห็นพลตำรวจเอกเสรี เตมียเวส ท่านให้การต่อ ปปช.ว่า เมื่อไปเยี่ยมทักษิณสองครั้งนั้น ท่านไม่เห็นมีพนักงานอยู่ประจำเลย ห้องพักก็เป็นห้องพิเศษ ชั้น ๑๔ ทั้งชั้นเห็นเปิดอยู่ห้องเดียว อาหารการกินสมบูรณ์มีข้าวเหนียวมะม่วงเลี้ยงแขกด้วยนะครับตอบ นี่ก็เป็นการละเว้นหน้าที่เป็นข้อที่สามครับ พวกเขาทำจน รพ.ตำรวจกลายเป็นโรงแรมไปเลย มีนักโทษคนเดียวในประวัติศาสตร์ไทยเท่านั้นได้รับบริการอย่างนี้ถาม พอส่ง โรงพยาบาลตำรวจแล้ว ในกฎกระทรวงไม่มีการตรวจสอบอะไรอีกเลยหรือครับ อยู่นอกเรือนจำตั้ง ๖ เดือน แล้วก็พักโทษไปเลย ง่ายๆอย่างนี้เลยหรือตอบ กฎหมายเขากำหนดการตรวจสอบทางบริหารไว้อย่างนี้ครับ“- หากพักรักษาตัวเกินกว่าสามสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องหากพักรักษาตัวเกินกว่าหกสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ-หากพักรักษาตัวเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ”ถาม แล้วเขามีหนังสือและรายงานอย่างที่ว่านี้ไหมครับตอบ รัฐมนตรี บอกว่ามี และได้เห็นผลตรวจ MRI ด้วย ผมเข้าใจได้ว่าเป็นผลการตรวจก่อนผ่าซ่อมเอ็นหัวไหล่เท่านั้น ซึ่งอาการอย่างนี้ผู้สูงอายุเป็นกันทั่วไป ผ่าวันเดียวก็กลับเรือนจำได้แล้ว เอามาอ้างอยู่นอกเรือนจำเป็น ๖ เดือนไม่ได้หรอกครับ รายงานและหลักฐานที่ว่านี้จะมีจริงไหม ถูกต้องหรือไม่ ทั้ง ปปช.และ กมธ ก็ยังไม่มีใครได้มาวิเคราะห์เลยถาม แล้วที่คุณชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ท่านร้องให้ศาลไต่สวนว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ราชทัณฑ์ต้องขอให้ศาลออกคำสั่งทุเลาการลงโทษก่อน จึงจะนอนโรงพยาบาลตำรวจได้ ถ้าไม่ผ่านศาลก็ต้องถือว่าไม่ถูกต้อง ศาลต้องออกหมายจับทักษิณมาขังให้ครบ ๑ ปี นั้น คำร้องนี้ถูกต้องให้ศาลรับวินิจฉัยได้ไหมครับตอบ มาตรานั้น ให้ศาลสั่งได้เมื่อญาติ หรือเรือนจำ ร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นเองว่า จำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก ก็ให้ส่งไปบำบัดรักษานอกคุกได้ แต่กรณีทักษิณนี่ เขาอธิบายว่าเป็นการรักษาตามความจำเป็น ตามอำนาจของราชทัณฑ์ ศาลไม่เกี่ยว จริงๆแล้วกฎกระทรวงน่าจะจำกัดเวลาไว้เลยว่า ถ้าต้องรักษาเกิน ๓๐ วันให้ราชทัณฑ์ไปขอคำสั่งทุเลาการลงโทษ ถ้ากำหนดอย่างนี้ศาลก็จะตรวจสอบได้ตามอำนาจในกฎหมาย โอกาสติดคุกทิพย์ก็จะจำกัดอีกมากถาม แต่เฉพาะปัญหาว่าราชทัณฑ์ทำถูกต้องหรือไม่นี่ มันพอแล้วหรือยังครับที่ ปปช.จะมีมติตั้งข้อกล่าวหาผู้รับผิดชอบว่ากระทำผิดอาญา และมีมติส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจผู้บังคับบัญชา สั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลให้ออกหมายขัง นำตัวนักโทษกลับเข้าคุกด้วยตอบ เห็นเขาบอกให้หมาอยู่ส่วนหมา คนอยู่ส่วนคน ผมว่าเมื่อปล่อยออกมาโดยไม่ชอบชัดเจนจะๆ และยังพองขนอหังการคับบ้านเมืองอยู่นอกกรงอย่างนี้ ก็ควรจับไปขังได้แล้วครับ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 944 Views 0 Reviews
  • เวชระเบียน นักโทษเทวดาสารเลว
    เวชระเบียน นักโทษเทวดาสารเลว
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 698 Views 13 0 Reviews
  • ข่าวว่าบิ๊กต่ายชิ่งหนีเรื่องเวชระเบียน เข้าใจเลยว่ากรมตำรวจหมดทางเยียวยา ประเทศชาติหมดอนาคต #ชั้น14
    ข่าวว่าบิ๊กต่ายชิ่งหนีเรื่องเวชระเบียน เข้าใจเลยว่ากรมตำรวจหมดทางเยียวยา ประเทศชาติหมดอนาคต #ชั้น14
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร. กำชับผู้ใต้บังคับบัญชา เร่งคลี่คลายคดีสำคัญ ที่ปชช.สนใจ ย้ำ รวดเร็ว รอบคอบ เป็นธรรม หวัง กอบกู้ภาพลักษณ์องค์กร หากตร.ผิด จัดการเด็ดขาด แจง รพ.ตร. ไม่ต้องขอความเห็นตน ปมเวชระเบียน "ทักษิณ" ชั้น14 หลัง ป.ป.ช. ร้องขอ ชี้ สิทธิ์ขาดอยู่ที่คกก. ไม่แทรกแซงการทำงาน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108151

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร. กำชับผู้ใต้บังคับบัญชา เร่งคลี่คลายคดีสำคัญ ที่ปชช.สนใจ ย้ำ รวดเร็ว รอบคอบ เป็นธรรม หวัง กอบกู้ภาพลักษณ์องค์กร หากตร.ผิด จัดการเด็ดขาด แจง รพ.ตร. ไม่ต้องขอความเห็นตน ปมเวชระเบียน "ทักษิณ" ชั้น14 หลัง ป.ป.ช. ร้องขอ ชี้ สิทธิ์ขาดอยู่ที่คกก. ไม่แทรกแซงการทำงาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108151 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Yay
    Sad
    5
    0 Comments 0 Shares 1725 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร. ชี้ รพ.ตำรวจ มีอำนาจพิจารณาว่าจะมอบเวชระเบียน "ทักษิณ" ให้ ป.ป.ช.หรือไม่ กำชับให้ปฏิบัติกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106246

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร. ชี้ รพ.ตำรวจ มีอำนาจพิจารณาว่าจะมอบเวชระเบียน "ทักษิณ" ให้ ป.ป.ช.หรือไม่ กำชับให้ปฏิบัติกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106246 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    9
    0 Comments 0 Shares 2352 Views 0 Reviews
  • "แพทองธาร" พยักหน้ารับ ปม ป.ป.ช.ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว "ทักษิณ" จาก รพ.ตำรวจ แต่ยังไม่ได้รับ ปัดตอบประเด็น MOU2544

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106153

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "แพทองธาร" พยักหน้ารับ ปม ป.ป.ช.ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว "ทักษิณ" จาก รพ.ตำรวจ แต่ยังไม่ได้รับ ปัดตอบประเด็น MOU2544 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106153 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Yay
    5
    0 Comments 0 Shares 2149 Views 0 Reviews