• เรื่องเล่าจากโลกสุขภาพดิจิทัล: เมื่อข้อมูลสุขภาพกลายเป็นสินทรัพย์ของ AI

    ในงาน “Making Health Technology Great Again” ที่ทำเนียบขาว Trump ประกาศโครงการใหม่ให้ประชาชนอเมริกันสามารถ “สมัครใจ” แชร์ข้อมูลสุขภาพ เช่น ประวัติการรักษา น้ำหนัก โรคเรื้อรัง ไปยังบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google, Amazon และ Apple โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบสุขภาพดิจิทัลที่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลผ่านแอปและ AI

    ระบบนี้จะดูแลโดย Centers for Medicare and Medicaid Services (CMS) ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและเชื่อมโยงกับแอปสุขภาพ เช่น Apple Health เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูผลตรวจเลือดหรือประวัติการรักษาได้ทันที

    แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและจริยธรรมเตือนว่า “ไม่มีกรอบกฎหมายที่ชัดเจน” ว่า AI จะใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไร และอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลในทางที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย เช่น การประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพเพื่อการประกัน หรือการขายข้อมูลให้บริษัทโฆษณา

    Trump เปิดตัวโครงการให้ประชาชนแชร์ข้อมูลสุขภาพกับ Big Tech
    มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบสุขภาพดิจิทัลที่ใช้ AI
    ผู้ใช้ต้อง “สมัครใจ” เข้าร่วมระบบ

    ระบบจะดูแลโดย CMS และเชื่อมโยงกับแอปสุขภาพต่างๆ3
    เช่น Apple Health สามารถเข้าถึงผลตรวจจากโรงพยาบาล
    ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล

    มีบริษัทกว่า 60 แห่งเข้าร่วม เช่น Google, Amazon, Cleveland Clinic4
    ตั้งเป้าเริ่มใช้งานจริงในไตรมาสแรกของปี 2026
    รวมถึงระบบลงทะเบียนผ่าน QR code และแอปติดตามยา

    ประโยชน์ของระบบสุขภาพดิจิทัล6
    ลดข้อผิดพลาดทางการแพทย์
    เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ
    ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาและเดินทาง
    ส่งเสริมการดูแลสุขภาพด้วยตนเองผ่านอุปกรณ์ IoT

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับความยินยอม
    ไม่มีกรอบกฎหมายชัดเจนสำหรับการใช้ข้อมูลสุขภาพใน AI
    ข้อมูลอาจถูกใช้เพื่อการโฆษณา หรือประเมินความเสี่ยงโดยบริษัทประกัน

    ความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลที่เก็บโดย Big Tech
    ระบบอาจถูกเจาะข้อมูลหรือใช้ในทางที่ไม่โปร่งใส
    ค่าเสียหายจากการละเมิดข้อมูลสุขภาพเฉลี่ยสูงถึง $10.1 ล้านต่อกรณีในสหรัฐฯ

    การแบ่งปันข้อมูลอาจสร้างความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ
    กลุ่มประชากรที่ไม่มีอุปกรณ์หรือความรู้ดิจิทัลอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    ระบบอาจเน้นเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในเมืองหรือมีรายได้สูง

    CMS เคยอนุญาตให้ ICE เข้าถึงข้อมูล Medicaid เพื่อใช้ในการตรวจสอบคนเข้าเมือง
    สร้างความกังวลว่าข้อมูลสุขภาพอาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการรักษา
    ขัดต่อหลักการของ HIPAA ที่เน้นการคุ้มครองข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล

    https://wccftech.com/president-trump-wants-americans-to-share-personal-health-data-with-big-tech/
    🧬 เรื่องเล่าจากโลกสุขภาพดิจิทัล: เมื่อข้อมูลสุขภาพกลายเป็นสินทรัพย์ของ AI ในงาน “Making Health Technology Great Again” ที่ทำเนียบขาว Trump ประกาศโครงการใหม่ให้ประชาชนอเมริกันสามารถ “สมัครใจ” แชร์ข้อมูลสุขภาพ เช่น ประวัติการรักษา น้ำหนัก โรคเรื้อรัง ไปยังบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google, Amazon และ Apple โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบสุขภาพดิจิทัลที่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลผ่านแอปและ AI ระบบนี้จะดูแลโดย Centers for Medicare and Medicaid Services (CMS) ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและเชื่อมโยงกับแอปสุขภาพ เช่น Apple Health เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูผลตรวจเลือดหรือประวัติการรักษาได้ทันที แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและจริยธรรมเตือนว่า “ไม่มีกรอบกฎหมายที่ชัดเจน” ว่า AI จะใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไร และอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลในทางที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย เช่น การประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพเพื่อการประกัน หรือการขายข้อมูลให้บริษัทโฆษณา ✅ Trump เปิดตัวโครงการให้ประชาชนแชร์ข้อมูลสุขภาพกับ Big Tech ➡️ มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบสุขภาพดิจิทัลที่ใช้ AI ➡️ ผู้ใช้ต้อง “สมัครใจ” เข้าร่วมระบบ ✅ ระบบจะดูแลโดย CMS และเชื่อมโยงกับแอปสุขภาพต่างๆ3 ➡️ เช่น Apple Health สามารถเข้าถึงผลตรวจจากโรงพยาบาล ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล ✅ มีบริษัทกว่า 60 แห่งเข้าร่วม เช่น Google, Amazon, Cleveland Clinic4 ➡️ ตั้งเป้าเริ่มใช้งานจริงในไตรมาสแรกของปี 2026 ➡️ รวมถึงระบบลงทะเบียนผ่าน QR code และแอปติดตามยา ✅ ประโยชน์ของระบบสุขภาพดิจิทัล6 ➡️ ลดข้อผิดพลาดทางการแพทย์ ➡️ เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ ➡️ ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาและเดินทาง ➡️ ส่งเสริมการดูแลสุขภาพด้วยตนเองผ่านอุปกรณ์ IoT ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับความยินยอม ⛔ ไม่มีกรอบกฎหมายชัดเจนสำหรับการใช้ข้อมูลสุขภาพใน AI ⛔ ข้อมูลอาจถูกใช้เพื่อการโฆษณา หรือประเมินความเสี่ยงโดยบริษัทประกัน ‼️ ความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลที่เก็บโดย Big Tech ⛔ ระบบอาจถูกเจาะข้อมูลหรือใช้ในทางที่ไม่โปร่งใส ⛔ ค่าเสียหายจากการละเมิดข้อมูลสุขภาพเฉลี่ยสูงถึง $10.1 ล้านต่อกรณีในสหรัฐฯ ‼️ การแบ่งปันข้อมูลอาจสร้างความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ ⛔ กลุ่มประชากรที่ไม่มีอุปกรณ์หรือความรู้ดิจิทัลอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ⛔ ระบบอาจเน้นเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในเมืองหรือมีรายได้สูง ‼️ CMS เคยอนุญาตให้ ICE เข้าถึงข้อมูล Medicaid เพื่อใช้ในการตรวจสอบคนเข้าเมือง ⛔ สร้างความกังวลว่าข้อมูลสุขภาพอาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการรักษา ⛔ ขัดต่อหลักการของ HIPAA ที่เน้นการคุ้มครองข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล https://wccftech.com/president-trump-wants-americans-to-share-personal-health-data-with-big-tech/
    WCCFTECH.COM
    President Trump Reportedly Wants Americans to Share Personal Health Data With Big Tech, Claiming It Would Allow for Better Care, But Many Fear AI Will Exploit It
    The Trump administration wants to bring health care into the "digital age" by requiring Americans to sign up to share records with US firms.
    0 Comments 0 Shares 269 Views 0 Reviews
  • ทนาย "ทักษิณ" เผย 18 ก.ค.นี้ "สืบพยานแพทย์ รพ.ตำรวจ" 6 ปาก พร้อมเอกสารเวชระเบียน-ประวัติรักษาต่างประเทศ คดีบังคับโทษ
    https://www.thai-tai.tv/news/20377/
    .
    #ทักษิณ #คดีบังคับโทษ #สืบพยาน #โรงพยาบาลตำรวจ #ประวัติการรักษา #วิญญัติชาติมนตรี #การเมืองไทย #กระบวนการยุติธรรม
    ทนาย "ทักษิณ" เผย 18 ก.ค.นี้ "สืบพยานแพทย์ รพ.ตำรวจ" 6 ปาก พร้อมเอกสารเวชระเบียน-ประวัติรักษาต่างประเทศ คดีบังคับโทษ https://www.thai-tai.tv/news/20377/ . #ทักษิณ #คดีบังคับโทษ #สืบพยาน #โรงพยาบาลตำรวจ #ประวัติการรักษา #วิญญัติชาติมนตรี #การเมืองไทย #กระบวนการยุติธรรม
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 Reviews
  • ศาลฎีกาไต่สวน 5 หมอ 'คดีชั้น 14' ทนายหอบประวัติรักษา 'ทักษิณ' ฉบับสมบูรณ์
    https://www.thai-tai.tv/news/20006/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #คดีทักษิณ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #กรมราชทัณฑ์ #ประวัติการรักษา #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #ทักษิณ #วิญญัติชาติมนตรี
    ศาลฎีกาไต่สวน 5 หมอ 'คดีชั้น 14' ทนายหอบประวัติรักษา 'ทักษิณ' ฉบับสมบูรณ์ https://www.thai-tai.tv/news/20006/ . #ทักษิณชินวัตร #คดีทักษิณ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #กรมราชทัณฑ์ #ประวัติการรักษา #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #ทักษิณ #วิญญัติชาติมนตรี
    0 Comments 0 Shares 293 Views 0 Reviews
  • นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขึ้นศาลไต่สวนเป็นพยานปากแรก กรณีส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เผย นายทักษิณมีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก โดยแพทย์ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยแต่พยาบาลเป็นผู้โทรไปประสาน นพ.ณัฐพร แพทย์ประจำรพ.ราชทัณฑ์ จึงมีความเห็นส่งตัวไปรักษากับรพ.ตำรวจ โดยอาศัยระเบียบกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งนับเวลารักษาเข้าไปในวันจำขังด้วย ขณะที่ศาลสั่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ส่งรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เรื่องมติที่ประชุมแพทยสภา ใบเบิกค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าเวรควบคุมตัวนายทักษิณที่รพ.ตำรวจ และประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ส่งกลับมาศาลภายใน 15 วัน ถ้าไม่มีให้เเจ้งต่อศาล

    -อยู่ในรพ.ได้รับโทษแล้ว
    -ขู่วางระเบิด AIR INDIA
    -กัมพูชาขู่แบนไทย
    -น้ำมันสำรองพอใช้ 60 วัน
    นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขึ้นศาลไต่สวนเป็นพยานปากแรก กรณีส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เผย นายทักษิณมีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก โดยแพทย์ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยแต่พยาบาลเป็นผู้โทรไปประสาน นพ.ณัฐพร แพทย์ประจำรพ.ราชทัณฑ์ จึงมีความเห็นส่งตัวไปรักษากับรพ.ตำรวจ โดยอาศัยระเบียบกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งนับเวลารักษาเข้าไปในวันจำขังด้วย ขณะที่ศาลสั่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ส่งรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เรื่องมติที่ประชุมแพทยสภา ใบเบิกค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าเวรควบคุมตัวนายทักษิณที่รพ.ตำรวจ และประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ส่งกลับมาศาลภายใน 15 วัน ถ้าไม่มีให้เเจ้งต่อศาล -อยู่ในรพ.ได้รับโทษแล้ว -ขู่วางระเบิด AIR INDIA -กัมพูชาขู่แบนไทย -น้ำมันสำรองพอใช้ 60 วัน
    Like
    Love
    5
    2 Comments 0 Shares 872 Views 24 0 Reviews
  • “แพทองธาร” เผย “ทักษิณ” แจงศาลเอง 13 มิ.ย.นี้ ย้ำ “ป่วยจริง” มีประวัติการรักษา ลั่นไม่มีอำนาจแทรกแซง "คดีชั้น 14"
    https://www.thai-tai.tv/news/18648/
    “แพทองธาร” เผย “ทักษิณ” แจงศาลเอง 13 มิ.ย.นี้ ย้ำ “ป่วยจริง” มีประวัติการรักษา ลั่นไม่มีอำนาจแทรกแซง "คดีชั้น 14" https://www.thai-tai.tv/news/18648/
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • Frederick Health Medical Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพในสหรัฐฯ ได้เผชิญกับการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยเกือบ 1 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ วันเกิด หมายเลขประกันสังคม หมายเลขใบขับขี่ หมายเลขประวัติการรักษา ข้อมูลประกันสุขภาพ และข้อมูลทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย

    แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตี และข้อมูลที่ถูกขโมยยังไม่ปรากฏบนเว็บมืด แต่มีความเป็นไปได้ว่า Frederick Health อาจได้จ่ายค่าไถ่เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว เพื่อบรรเทาผลกระทบ Frederick Health ได้เสนอการตรวจสอบเครดิตและบริการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลฟรีให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ

    การโจมตีครั้งนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมสุขภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มแรนซัมแวร์ เนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องมีความอ่อนไหวและมีมูลค่าสูง

    ข้อมูลที่ถูกขโมย
    - ชื่อ ที่อยู่ วันเกิด หมายเลขประกันสังคม และข้อมูลทางคลินิก
    - ข้อมูลประกันสุขภาพและหมายเลขใบขับขี่

    การตอบสนองของ Frederick Health
    - เสนอการตรวจสอบเครดิตและบริการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลฟรี
    - ยังไม่มีข้อมูลที่ถูกขโมยปรากฏบนเว็บมืด

    ผลกระทบต่อผู้ป่วย
    - ผู้ป่วยเกือบ 1 ล้านคนได้รับผลกระทบจากการโจมตี

    ความสำคัญของอุตสาหกรรมสุขภาพ
    - ข้อมูลสุขภาพเป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มแรนซัมแวร์

    https://www.techradar.com/pro/security/almost-a-million-patients-hit-by-frederick-health-data-breach
    Frederick Health Medical Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพในสหรัฐฯ ได้เผชิญกับการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยเกือบ 1 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ วันเกิด หมายเลขประกันสังคม หมายเลขใบขับขี่ หมายเลขประวัติการรักษา ข้อมูลประกันสุขภาพ และข้อมูลทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตี และข้อมูลที่ถูกขโมยยังไม่ปรากฏบนเว็บมืด แต่มีความเป็นไปได้ว่า Frederick Health อาจได้จ่ายค่าไถ่เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว เพื่อบรรเทาผลกระทบ Frederick Health ได้เสนอการตรวจสอบเครดิตและบริการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลฟรีให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ การโจมตีครั้งนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมสุขภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มแรนซัมแวร์ เนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องมีความอ่อนไหวและมีมูลค่าสูง ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย - ชื่อ ที่อยู่ วันเกิด หมายเลขประกันสังคม และข้อมูลทางคลินิก - ข้อมูลประกันสุขภาพและหมายเลขใบขับขี่ ✅ การตอบสนองของ Frederick Health - เสนอการตรวจสอบเครดิตและบริการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลฟรี - ยังไม่มีข้อมูลที่ถูกขโมยปรากฏบนเว็บมืด ✅ ผลกระทบต่อผู้ป่วย - ผู้ป่วยเกือบ 1 ล้านคนได้รับผลกระทบจากการโจมตี ✅ ความสำคัญของอุตสาหกรรมสุขภาพ - ข้อมูลสุขภาพเป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มแรนซัมแวร์ https://www.techradar.com/pro/security/almost-a-million-patients-hit-by-frederick-health-data-breach
    WWW.TECHRADAR.COM
    Almost a million patients hit by Frederick Health data breach
    No one has assumed responsibility for January 2025 breach
    0 Comments 0 Shares 476 Views 0 Reviews
  • Telegram กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากทางการฝรั่งเศส หลังจากที่ Pavel Durov ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Telegram เปิดเผยว่าฝรั่งเศสเรียกร้องให้มีการสร้าง backdoor เพื่อเข้าถึงข้อความส่วนตัวของผู้ใช้ โดยอ้างว่าเป็นมาตรการในการต่อสู้กับการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมอื่นๆ อย่างไรก็ตาม Durov ยืนยันว่า Telegram จะไม่ยอมลดทอนความปลอดภัยของระบบเข้ารหัสเพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาด

    ฝรั่งเศสเรียกร้องให้ Telegram สร้าง backdoor เพื่อเข้าถึงข้อความส่วนตัว
    - กฎหมายที่ผ่านโดยวุฒิสภาฝรั่งเศสมีเป้าหมายเพื่อให้ตำรวจสามารถเข้าถึงข้อความส่วนตัวของผู้ใช้
    - Durov ระบุว่ากฎหมายนี้ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรมได้ เนื่องจากผู้กระทำผิดสามารถใช้แอปอื่นหรือ VPN เพื่อหลบเลี่ยง

    Telegram ยืนยันว่าจะไม่ลดทอนความปลอดภัยของระบบเข้ารหัส
    - Durov กล่าวว่า "Telegram จะออกจากตลาดแทนที่จะลดทอนการเข้ารหัสและละเมิดสิทธิมนุษยชน"
    - Telegram เปิดเผยข้อมูล IP และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยให้กับทางการเฉพาะเมื่อมีคำสั่งศาลที่ถูกต้อง

    Telegram มีประวัติการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
    - ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา Telegram ไม่เคยเปิดเผยข้อความส่วนตัวของผู้ใช้แม้แต่ไบต์เดียว

    กฎหมายลักษณะเดียวกันกำลังถูกเสนอโดยคณะกรรมาธิการยุโรป
    - คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแอปส่งข้อความทั่วทั้งยุโรป

    https://www.neowin.net/news/telegram-ceo-says-french-authorities-demanded-a-backdoor-to-access-users-messages/
    Telegram กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากทางการฝรั่งเศส หลังจากที่ Pavel Durov ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Telegram เปิดเผยว่าฝรั่งเศสเรียกร้องให้มีการสร้าง backdoor เพื่อเข้าถึงข้อความส่วนตัวของผู้ใช้ โดยอ้างว่าเป็นมาตรการในการต่อสู้กับการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมอื่นๆ อย่างไรก็ตาม Durov ยืนยันว่า Telegram จะไม่ยอมลดทอนความปลอดภัยของระบบเข้ารหัสเพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาด ✅ ฝรั่งเศสเรียกร้องให้ Telegram สร้าง backdoor เพื่อเข้าถึงข้อความส่วนตัว - กฎหมายที่ผ่านโดยวุฒิสภาฝรั่งเศสมีเป้าหมายเพื่อให้ตำรวจสามารถเข้าถึงข้อความส่วนตัวของผู้ใช้ - Durov ระบุว่ากฎหมายนี้ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรมได้ เนื่องจากผู้กระทำผิดสามารถใช้แอปอื่นหรือ VPN เพื่อหลบเลี่ยง ✅ Telegram ยืนยันว่าจะไม่ลดทอนความปลอดภัยของระบบเข้ารหัส - Durov กล่าวว่า "Telegram จะออกจากตลาดแทนที่จะลดทอนการเข้ารหัสและละเมิดสิทธิมนุษยชน" - Telegram เปิดเผยข้อมูล IP และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยให้กับทางการเฉพาะเมื่อมีคำสั่งศาลที่ถูกต้อง ✅ Telegram มีประวัติการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด - ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา Telegram ไม่เคยเปิดเผยข้อความส่วนตัวของผู้ใช้แม้แต่ไบต์เดียว ✅ กฎหมายลักษณะเดียวกันกำลังถูกเสนอโดยคณะกรรมาธิการยุโรป - คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแอปส่งข้อความทั่วทั้งยุโรป https://www.neowin.net/news/telegram-ceo-says-french-authorities-demanded-a-backdoor-to-access-users-messages/
    WWW.NEOWIN.NET
    Telegram CEO says French authorities demanded a backdoor to access users' messages
    Telegram CEO Pavel Durov revealed that the French police and European Commission are advocating for a law that forces messaging apps to implement a backdoor for authorities.
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • ปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร?

    ณ ใจกลางเมืองที่วุ่นวาย ศักดิ์สิทธิ์ก้มหน้าก้มตากับกองเอกสารทางการแพทย์ที่สูงเป็นภูเขา เขาเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และวันนี้เขาต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายของระบบสาธารณสุขไทย นั่นคือความล่าช้าและซับซ้อนในการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย
    "ทำไมมันยากขนาดนี้นะ" เขาพึมพำกับตัวเองขณะที่พยายามค้นหาประวัติการรักษาของผู้ป่วยรายหนึ่ง "ถ้าเรามีระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันคงจะง่ายกว่านี้มาก"
    ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนก็ประสบปัญหาเดียวกัน พวกเขาต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับการค้นหาข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานและการดูแลผู้ป่วย
    วันหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ได้อ่านรายงานนักลงทุนด้านสุขภาพดิจิทัล หัวข้อ "ตลาดแพลตฟอร์มที่น่าสนใจที่สุดในอุตสาหกรรมสุขภาพ" ข้อความในรายงานสะกิดใจเขาอย่างจัง เมื่อเขาได้อ่านถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถปฏิวัติวงการสาธารณสุขได้
    "นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ!" ศักดิ์สิทธิ์อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น "แพลตฟอร์มดิจิทัลจะช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย"
    เขาเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างจริงจัง และพบว่ามีหลายแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา ทำให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการการทดลองทางคลินิก การรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลอง และการแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์
    ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เขาและเพื่อนร่วมงานกำลังเผชิญอยู่ เขาตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าแผนกและผู้บริหารโรงพยาบาล ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
    หลังจากนั้นไม่นาน โรงพยาบาลได้เริ่มนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้ในการทำงานจริง ผลลัพธ์ที่ได้น่าทึ่งมาก ศักดิ์สิทธิ์และเพื่อนร่วมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีเวลามากขึ้นในการดูแลผู้ป่วย
    "ผมดีใจมากที่เราตัดสินใจนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้" ศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม "มันช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นและดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ผมหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้การดูแลสุขภาพของคนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่าย"
    จากเรื่องราวของศักดิ์สิทธิ์ เราจะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวงการสาธารณสุข ช่วยให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ

    แพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    ระบบนิเวศของทุกอย่างมีส่วนที่ส่งเสริมกัน นิเวศแพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพก็เช่นกัน เรามาลงรายละเอียดในเรื่องนี้กัน

    แพลตฟอร์ม
    บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม ในระดับโลก บริษัทที่ใหญ่ที่สุด 6 ใน 10 แห่งคือแพลตฟอร์ม ในตลาดเอกชน บริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ (ยูนิคอร์น) 60-70% เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม
    แพลตฟอร์มในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล
    ในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล แพลตฟอร์มมีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไปอย่างมาก โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวนมากขึ้น มีมูลค่าประเมินที่สูงกว่า ได้รับเงินทุนต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตในอัตราที่สูงกว่า
    ตลาดแพลตฟอร์มด้านการดูแลสุขภาพ
    การวิเคราะห์ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับแพลตฟอร์มในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากธุรกิจแพลตฟอร์มสามารถจัดการกับความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพที่สำคัญที่สุดได้มากมาย ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มสามารถช่วยลดต้นทุนการดูแลสุขภาพ ปรับปรุงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบการดูแลสุขภาพ

    แพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    1.ห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา (ใบสั่งยา)
    แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงร้านขายยา ผู้ให้บริการทางการแพทย์ และผู้ป่วย เพื่อให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
    2.การจัดการการทดลองทางคลินิก
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและติดตามการทดลองทางคลินิก ตั้งแต่การออกแบบ การรับสมัครผู้เข้าร่วม ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล
    3.การรับสมัครการทดลองทางคลินิก
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการค้นหาและคัดเลือกผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกที่เหมาะสม
    4.การแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
    5.การทำสัญญาและการรับรอง
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการสัญญาและการรับรองระหว่างผู้ให้บริการทางการแพทย์และผู้ชำระเงิน
    6.การอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญ
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เหมาะสม
    7.การเคลมทางการแพทย์
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและดำเนินการเคลมทางการแพทย์
    8.ตลาดพนักงาน
    แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ให้บริการทางการแพทย์กับผู้ที่กำลังมองหางานในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    9.การอ้างอิงการจำหน่าย/LTPAC
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลหรือศูนย์ดูแลระยะยาว

    แพลตฟอร์มเกิดใหม่
    1.การเสริมสร้างศักยภาพผู้ให้บริการอิสระ
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์อิสระสามารถเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการให้บริการที่มีคุณภาพ
    2.การเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพ
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างปลอดภัย
    3.เครือข่ายที่ไม่ใช่ทางคลินิก
    แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ป่วยกับชุมชนและกลุ่มสนับสนุนต่างๆ เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ครอบคลุม
    4.ตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยผู้บริโภค
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเลือกบริการทางการแพทย์ที่ตรงกับความต้องการของตนเอง
    5.ไดเรกทอรี/ข้อมูลรับรองที่ผู้ให้บริการควบคุม
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถจัดการข้อมูลรับรองและข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้

    แล้วปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร? อย่าลืมติดตามตอนต่อไปครับ

    ที่มาของรูปภาพ: https://cellworks.life/technology/pipeline
    #เมื่อมีของจงแบ่งปันสู่ผู้คน
    www.10-xconsulting
    www.lifealignmentor.com
    ปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร? ณ ใจกลางเมืองที่วุ่นวาย ศักดิ์สิทธิ์ก้มหน้าก้มตากับกองเอกสารทางการแพทย์ที่สูงเป็นภูเขา เขาเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และวันนี้เขาต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายของระบบสาธารณสุขไทย นั่นคือความล่าช้าและซับซ้อนในการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย "ทำไมมันยากขนาดนี้นะ" เขาพึมพำกับตัวเองขณะที่พยายามค้นหาประวัติการรักษาของผู้ป่วยรายหนึ่ง "ถ้าเรามีระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันคงจะง่ายกว่านี้มาก" ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนก็ประสบปัญหาเดียวกัน พวกเขาต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับการค้นหาข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานและการดูแลผู้ป่วย วันหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ได้อ่านรายงานนักลงทุนด้านสุขภาพดิจิทัล หัวข้อ "ตลาดแพลตฟอร์มที่น่าสนใจที่สุดในอุตสาหกรรมสุขภาพ" ข้อความในรายงานสะกิดใจเขาอย่างจัง เมื่อเขาได้อ่านถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถปฏิวัติวงการสาธารณสุขได้ "นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ!" ศักดิ์สิทธิ์อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น "แพลตฟอร์มดิจิทัลจะช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย" เขาเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างจริงจัง และพบว่ามีหลายแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา ทำให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการการทดลองทางคลินิก การรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลอง และการแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เขาและเพื่อนร่วมงานกำลังเผชิญอยู่ เขาตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าแผนกและผู้บริหารโรงพยาบาล ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หลังจากนั้นไม่นาน โรงพยาบาลได้เริ่มนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้ในการทำงานจริง ผลลัพธ์ที่ได้น่าทึ่งมาก ศักดิ์สิทธิ์และเพื่อนร่วมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีเวลามากขึ้นในการดูแลผู้ป่วย "ผมดีใจมากที่เราตัดสินใจนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้" ศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม "มันช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นและดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ผมหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้การดูแลสุขภาพของคนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่าย" จากเรื่องราวของศักดิ์สิทธิ์ เราจะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวงการสาธารณสุข ช่วยให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ แพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพ ระบบนิเวศของทุกอย่างมีส่วนที่ส่งเสริมกัน นิเวศแพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพก็เช่นกัน เรามาลงรายละเอียดในเรื่องนี้กัน แพลตฟอร์ม บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม ในระดับโลก บริษัทที่ใหญ่ที่สุด 6 ใน 10 แห่งคือแพลตฟอร์ม ในตลาดเอกชน บริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ (ยูนิคอร์น) 60-70% เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม แพลตฟอร์มในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล ในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล แพลตฟอร์มมีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไปอย่างมาก โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวนมากขึ้น มีมูลค่าประเมินที่สูงกว่า ได้รับเงินทุนต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตในอัตราที่สูงกว่า ตลาดแพลตฟอร์มด้านการดูแลสุขภาพ การวิเคราะห์ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับแพลตฟอร์มในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากธุรกิจแพลตฟอร์มสามารถจัดการกับความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพที่สำคัญที่สุดได้มากมาย ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มสามารถช่วยลดต้นทุนการดูแลสุขภาพ ปรับปรุงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบการดูแลสุขภาพ แพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจุบัน 1.ห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา (ใบสั่งยา) แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงร้านขายยา ผู้ให้บริการทางการแพทย์ และผู้ป่วย เพื่อให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ 2.การจัดการการทดลองทางคลินิก แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและติดตามการทดลองทางคลินิก ตั้งแต่การออกแบบ การรับสมัครผู้เข้าร่วม ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล 3.การรับสมัครการทดลองทางคลินิก แพลตฟอร์มที่ช่วยในการค้นหาและคัดเลือกผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกที่เหมาะสม 4.การแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ 5.การทำสัญญาและการรับรอง แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการสัญญาและการรับรองระหว่างผู้ให้บริการทางการแพทย์และผู้ชำระเงิน 6.การอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เหมาะสม 7.การเคลมทางการแพทย์ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและดำเนินการเคลมทางการแพทย์ 8.ตลาดพนักงาน แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ให้บริการทางการแพทย์กับผู้ที่กำลังมองหางานในอุตสาหกรรมสุขภาพ 9.การอ้างอิงการจำหน่าย/LTPAC แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลหรือศูนย์ดูแลระยะยาว แพลตฟอร์มเกิดใหม่ 1.การเสริมสร้างศักยภาพผู้ให้บริการอิสระ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์อิสระสามารถเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการให้บริการที่มีคุณภาพ 2.การเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างปลอดภัย 3.เครือข่ายที่ไม่ใช่ทางคลินิก แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ป่วยกับชุมชนและกลุ่มสนับสนุนต่างๆ เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ครอบคลุม 4.ตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยผู้บริโภค แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเลือกบริการทางการแพทย์ที่ตรงกับความต้องการของตนเอง 5.ไดเรกทอรี/ข้อมูลรับรองที่ผู้ให้บริการควบคุม แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถจัดการข้อมูลรับรองและข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้ แล้วปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร? อย่าลืมติดตามตอนต่อไปครับ ที่มาของรูปภาพ: https://cellworks.life/technology/pipeline #เมื่อมีของจงแบ่งปันสู่ผู้คน www.10-xconsulting www.lifealignmentor.com
    0 Comments 0 Shares 1063 Views 0 Reviews