• 17/3/68

    #ข่าวประชาสัมพันธ์

    รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด
    #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย
    #กระทบการผ่าตัดคนไข้

    ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้

    ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย

    ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล

    โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด

    สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง

    ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี

    ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้

    สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน

    สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่

    ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน

    #รับบริจาคเลือด
    #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้

    cr:ฝันดีฝันเด่น
    17/3/68 #ข่าวประชาสัมพันธ์ รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย #กระทบการผ่าตัดคนไข้ ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้ ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่ ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน #รับบริจาคเลือด #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้ cr:ฝันดีฝันเด่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • บีทูขยายโรงแรมหัวหิน เข้ารับบริหาร "เดอะลาภา"

    ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของเครือโรงแรมบีทู (B2) แบรนด์โรงแรมบูติคแอนด์บัดเจทชั้นนำในไทย ที่มีสาขากว่า 73 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุดนายนิรันดร์ จาวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นสัญญาแฟรนไชส์กับนายพงษ์ทอง สุวรรณประทีป เข้าบริหารโรงแรมแห่งใหม่ใจกลางเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นการร่วมมือครั้งที่สอง หลังจากประสบความสำเร็จในการบริหารโรงแรมบีทู สุเทพ ไนท์มาร์เก็ต พรีเมียร์ ที่นายพงษ์ทองเป็นเจ้าของ โดยมีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน มิ.ย. 2568

    นายนิรันดร์ กล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ขยายเครือข่ายโรงแรมบีทูมายังหัวหิน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างนายพงษ์ทอง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์บีทู และมั่นใจว่าโรงแรมแห่งนี้ จะมอบประสบการณ์การเข้าพักที่เหนือระดับ พร้อมบริการคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้

    แม้ในข่าวประชาสัมพันธ์ของบีทู จะไม่ระบุว่าเป็นโรงแรมใด แต่เมื่อสืบค้น พบว่าเป็นโรงแรมเดอะลาภาหัวหิน ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว อยู่ในซอยหัวหิน 100/1 ถนนเพชรเกษม ติดกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ ก่อสร้างขึ้นในปี 2552 เป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องพักจำนวน 67 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 36-120 ตารางเมตร 7 รูปแบบ พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นสระเกลือ ห้องออกกำลังกาย ห้องอาหาร ห้องประชุมรองรับได้สูงสุด 130 คน ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ รีสอร์ท

    โดยสิ่งอำนวยความสะดวกหลังเครือโรงแรมบีทูเข้าบริหาร ยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องฟิตเนส ห้องประชุม Co-Working Space บาร์และเลาจน์ รวมทั้งห้องพักแบบพูลแอคเซส ที่ผู้เข้าพักสามารถเดินลงสระว่ายน้ำได้โดยตรง รวมทั้งยังมี Wake Up Coffee ให้บริการอาหารเช้าและเครื่องดื่มอีกด้วย

    ก่อนหน้านี้บีทูเปิดให้บริการโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3.5 ดาว ตั้งอยู่ถนนเลียบทางรถไฟ ระหว่างซอยหัวหิน 94 และ 96 เปิดให้บริการเมื่อปี 2560 เป็นอาคาร 8 ชั้น มีห้องพักจำนวน 78 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 25-50 ตารางเมตร สำหรับการแข่งขันโรงแรมในกลุ่มบัดเจ็ทโฮเทล พบว่ามีคู่แข่งอย่างโรงแรมฮ็ฮปอินน์ ของกลุ่มดิเอราวัณกรุ๊ป ตั้งอยู่บนถนนดำรงราช (หัวหิน 51) ก่อสร้างขึ้นในปี 2560 มีห้องพักจำนวน 79 ห้อง รวมทั้งยังมีโรงแรมของผู้ประกอบการท้องถิ่น

    ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า อ.หัวหิน รวมทุกตำบลมีโรงแรมรวม 208 แห่ง จำนวนห้องพักน้อยที่สุด 4 ห้อง มากที่สุดได้แก่ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส คาราเพซ หัวหิน 406 ห้อง

    #Newskit
    บีทูขยายโรงแรมหัวหิน เข้ารับบริหาร "เดอะลาภา" ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของเครือโรงแรมบีทู (B2) แบรนด์โรงแรมบูติคแอนด์บัดเจทชั้นนำในไทย ที่มีสาขากว่า 73 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุดนายนิรันดร์ จาวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นสัญญาแฟรนไชส์กับนายพงษ์ทอง สุวรรณประทีป เข้าบริหารโรงแรมแห่งใหม่ใจกลางเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นการร่วมมือครั้งที่สอง หลังจากประสบความสำเร็จในการบริหารโรงแรมบีทู สุเทพ ไนท์มาร์เก็ต พรีเมียร์ ที่นายพงษ์ทองเป็นเจ้าของ โดยมีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน มิ.ย. 2568 นายนิรันดร์ กล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ขยายเครือข่ายโรงแรมบีทูมายังหัวหิน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างนายพงษ์ทอง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์บีทู และมั่นใจว่าโรงแรมแห่งนี้ จะมอบประสบการณ์การเข้าพักที่เหนือระดับ พร้อมบริการคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ แม้ในข่าวประชาสัมพันธ์ของบีทู จะไม่ระบุว่าเป็นโรงแรมใด แต่เมื่อสืบค้น พบว่าเป็นโรงแรมเดอะลาภาหัวหิน ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว อยู่ในซอยหัวหิน 100/1 ถนนเพชรเกษม ติดกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ ก่อสร้างขึ้นในปี 2552 เป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องพักจำนวน 67 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 36-120 ตารางเมตร 7 รูปแบบ พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นสระเกลือ ห้องออกกำลังกาย ห้องอาหาร ห้องประชุมรองรับได้สูงสุด 130 คน ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ รีสอร์ท โดยสิ่งอำนวยความสะดวกหลังเครือโรงแรมบีทูเข้าบริหาร ยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องฟิตเนส ห้องประชุม Co-Working Space บาร์และเลาจน์ รวมทั้งห้องพักแบบพูลแอคเซส ที่ผู้เข้าพักสามารถเดินลงสระว่ายน้ำได้โดยตรง รวมทั้งยังมี Wake Up Coffee ให้บริการอาหารเช้าและเครื่องดื่มอีกด้วย ก่อนหน้านี้บีทูเปิดให้บริการโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3.5 ดาว ตั้งอยู่ถนนเลียบทางรถไฟ ระหว่างซอยหัวหิน 94 และ 96 เปิดให้บริการเมื่อปี 2560 เป็นอาคาร 8 ชั้น มีห้องพักจำนวน 78 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 25-50 ตารางเมตร สำหรับการแข่งขันโรงแรมในกลุ่มบัดเจ็ทโฮเทล พบว่ามีคู่แข่งอย่างโรงแรมฮ็ฮปอินน์ ของกลุ่มดิเอราวัณกรุ๊ป ตั้งอยู่บนถนนดำรงราช (หัวหิน 51) ก่อสร้างขึ้นในปี 2560 มีห้องพักจำนวน 79 ห้อง รวมทั้งยังมีโรงแรมของผู้ประกอบการท้องถิ่น ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า อ.หัวหิน รวมทุกตำบลมีโรงแรมรวม 208 แห่ง จำนวนห้องพักน้อยที่สุด 4 ห้อง มากที่สุดได้แก่ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส คาราเพซ หัวหิน 406 ห้อง #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุตสาหกรรมพลังงานกำลังใช้แนวคิด "net-zero hero" เพื่อเปลี่ยนความรับผิดชอบในการลดการปล่อยคาร์บอนให้กับผู้บริโภค! แนวคิดนี้หมายถึงการกระทำที่ผู้บริโภคทำเพื่อช่วยสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หรือการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

    การวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์พบว่า แนวคิดนี้ช่วยให้อุตสาหกรรมพลังงานลดความรับผิดชอบของตนเองในการลดการปล่อยคาร์บอน โดยการเน้นให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับผิดชอบหลัก การวิจัยนี้วิเคราะห์รายงานสาธารณะและข่าวประชาสัมพันธ์จากอุตสาหกรรมพลังงานในออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2022 และพบว่าแนวคิด "net-zero hero" ถูกส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง

    ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวสูงที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวถึง 14.51 ตันต่อคน และอุตสาหกรรมพลังงานคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของการปล่อยก๊าซทั้งหมดของประเทศ ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวที่ 13.64 ตันต่อคน

    การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การเน้นให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการลดการปล่อยคาร์บอนอาจทำให้ผู้บริโภครู้สึกหมดหวังและไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก นอกจากนี้ การสร้าง "ตลาดในจินตนาการ" ของผู้บริโภคพลังงานขนาดเล็กที่ทุกคนมีส่วนร่วมเท่าเทียมกันในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด อาจทำให้ความรับผิดชอบขององค์กรใหญ่ ๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าถูกลดลง

    https://www.techspot.com/news/106422-energy-industry-using-net-zero-hero-narrative-shifting.html
    อุตสาหกรรมพลังงานกำลังใช้แนวคิด "net-zero hero" เพื่อเปลี่ยนความรับผิดชอบในการลดการปล่อยคาร์บอนให้กับผู้บริโภค! แนวคิดนี้หมายถึงการกระทำที่ผู้บริโภคทำเพื่อช่วยสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หรือการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า การวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์พบว่า แนวคิดนี้ช่วยให้อุตสาหกรรมพลังงานลดความรับผิดชอบของตนเองในการลดการปล่อยคาร์บอน โดยการเน้นให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับผิดชอบหลัก การวิจัยนี้วิเคราะห์รายงานสาธารณะและข่าวประชาสัมพันธ์จากอุตสาหกรรมพลังงานในออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2022 และพบว่าแนวคิด "net-zero hero" ถูกส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวสูงที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวถึง 14.51 ตันต่อคน และอุตสาหกรรมพลังงานคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของการปล่อยก๊าซทั้งหมดของประเทศ ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวที่ 13.64 ตันต่อคน การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การเน้นให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการลดการปล่อยคาร์บอนอาจทำให้ผู้บริโภครู้สึกหมดหวังและไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก นอกจากนี้ การสร้าง "ตลาดในจินตนาการ" ของผู้บริโภคพลังงานขนาดเล็กที่ทุกคนมีส่วนร่วมเท่าเทียมกันในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด อาจทำให้ความรับผิดชอบขององค์กรใหญ่ ๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าถูกลดลง https://www.techspot.com/news/106422-energy-industry-using-net-zero-hero-narrative-shifting.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The energy industry is using a "net-zero hero" narrative shifting blame to consumers
    The energy sector's narrative of individual responsibility in combating climate change is being challenged by new research from the University of Sydney. The study, which analyzed hundreds...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10/1/68

    ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    08มกราคม2568ข่าวประชาสัมพันธ์

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงได้รับพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์

    2025 0108 HG

    การพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์_NN_1
    ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ นายธาร์มัน ชานมูการัตนัม (ขวา) ทรงพระราชทานปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ซ้าย) แห่งราชอาณาจักรไทย

    วันนี้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ทรงพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ สาขาวิชาอักษรศาสตร์ แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อเป็นการยกย่องคุณูปการอันยอดเยี่ยมของพระองค์ในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ ซึ่งส่งผลดีต่อชีวิตของผู้คนจำนวนมากและนำมาซึ่งประโยชน์อย่างสำคัญต่อประเทศไทยและชุมชนโลก

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังความคิดริเริ่มต่างๆ มากมายในการนำพาประชาชนของสิงคโปร์และประเทศไทย โดยเฉพาะเยาวชนของเราให้มารวมกัน
    ปริญญากิตติมศักดิ์ถือเป็นเกียรติคุณสูงสุดของมหาวิทยาลัยสำหรับบุคคลที่โดดเด่นซึ่งอุทิศตนเพื่อสังคมและสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก พิธีมอบปริญญากิตติมศักดิ์จัดขึ้นที่ Istana ในช่วงบ่ายของวันนี้ โดยมีนาย Tharman Shanmugaratnam ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัย NUS เป็นประธาน

    08January2025Press Releases

    Princess Maha Chakri Sirindhorn of Thailand awarded NUS Honorary Degree

    2025 0108 HG

    Conferment_NN_1
    President of the Republic of Singapore and NUS Chancellor Mr Tharman Shanmugaratnam (right) conferring the Honorary Doctor of Letters on Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn (left) of the Kingdom of Thailand.

    The National University of Singapore (NUS) today conferred the Honorary Degree of Doctor of Letters on Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn of the Kingdom of Thailand, in recognition of her remarkable contributions within Thailand and internationally, which have positively impacted the lives of many and brought significant benefits to Thailand and the global community.

    Princess Sirindhorn was the driving force behind several initiatives to bring the people of Singapore and Thailand, in particular our youths, together.

    The Honorary Degree is the University’s highest form of recognition for outstanding individuals who have rendered distinguished service and made significant impact, both locally and globally. A conferment ceremony, presided over by Mr Tharman Shanmugaratnam, President of the Republic of Singapore and NUS Chancellor, was held at the Istana this afternoon.
    10/1/68 ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน 08มกราคม2568ข่าวประชาสัมพันธ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงได้รับพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ 2025 0108 HG การพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์_NN_1 ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ นายธาร์มัน ชานมูการัตนัม (ขวา) ทรงพระราชทานปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ซ้าย) แห่งราชอาณาจักรไทย วันนี้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ทรงพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ สาขาวิชาอักษรศาสตร์ แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อเป็นการยกย่องคุณูปการอันยอดเยี่ยมของพระองค์ในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ ซึ่งส่งผลดีต่อชีวิตของผู้คนจำนวนมากและนำมาซึ่งประโยชน์อย่างสำคัญต่อประเทศไทยและชุมชนโลก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังความคิดริเริ่มต่างๆ มากมายในการนำพาประชาชนของสิงคโปร์และประเทศไทย โดยเฉพาะเยาวชนของเราให้มารวมกัน ปริญญากิตติมศักดิ์ถือเป็นเกียรติคุณสูงสุดของมหาวิทยาลัยสำหรับบุคคลที่โดดเด่นซึ่งอุทิศตนเพื่อสังคมและสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก พิธีมอบปริญญากิตติมศักดิ์จัดขึ้นที่ Istana ในช่วงบ่ายของวันนี้ โดยมีนาย Tharman Shanmugaratnam ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัย NUS เป็นประธาน 08January2025Press Releases Princess Maha Chakri Sirindhorn of Thailand awarded NUS Honorary Degree 2025 0108 HG Conferment_NN_1 President of the Republic of Singapore and NUS Chancellor Mr Tharman Shanmugaratnam (right) conferring the Honorary Doctor of Letters on Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn (left) of the Kingdom of Thailand. The National University of Singapore (NUS) today conferred the Honorary Degree of Doctor of Letters on Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn of the Kingdom of Thailand, in recognition of her remarkable contributions within Thailand and internationally, which have positively impacted the lives of many and brought significant benefits to Thailand and the global community. Princess Sirindhorn was the driving force behind several initiatives to bring the people of Singapore and Thailand, in particular our youths, together. The Honorary Degree is the University’s highest form of recognition for outstanding individuals who have rendered distinguished service and made significant impact, both locally and globally. A conferment ceremony, presided over by Mr Tharman Shanmugaratnam, President of the Republic of Singapore and NUS Chancellor, was held at the Istana this afternoon.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 610 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ทำการซ้อมรบร่วมทางอากาศ เกี่ยวข้องกับเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักลำหนึ่ง จากการเปิดเผยของกองทัพโซล ความเคลื่อนไหวตอบโต้เกาหลีเหนือ ที่เพิ่งทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหนล่าสุดไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    การซ้อมรบมีขึ้น 3 วันหลังจากเปียงยาง ทำการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็งล้ำสมัย หนึ่งในขีปนาวุธที่ทรงแสนยานุภาพที่สุดของพวกเขา ที่พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจสามารถพุ่งไปถึงเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ในผืนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เลยทีเดียว
    .
    กองทัพโซลเปิดเผยว่า การซ้อมรบครั้งนี้เป็นการระดมพลเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B ของสหรัฐฯ ฝูงบิน F-15K และ KF-16 ของเกาหลีใต้ รวมไปถึงฝูงบิน F-2 ของญี่ปุ่น
    .
    ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ผยแพร่โดยเสนาธิการทหารร่วมแห่งกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่า "การซ้อมรบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาแห่งความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ในการบูรณาการการป้องปรามอย่างครอบคลุม ตอบโต้ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากเกาหลีเหนือ"
    .
    ระหว่างการซ้อมรบทางอากาศ ฝูงบินของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้เข้าอารักขาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ไปยังจุดแห่งหนึ่งที่กำหนดไว้บริเวณทางใต้คาบสมุทรเกาหลี "เพื่อแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพอย่างท่วมท้นในการโจมตีเป้าหมายจำลองอย่างรวดเร็วและแม่นยำ" ถ้อยแถลงระบุ
    .
    B-1B แลนเซอร์ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักซูเปอร์โซนิก ที่รู้จักกันดีในด้านมีสมรรถนะความเร็วสูงและสามารถบรรทุกกระสุนหนักถึง 34,000 กิโลกรัม ในนั้นรวมถึงอาวุธทั่วไปและอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง
    .
    มันเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ถูกส่งเข้าไปประจำการในคาบสมุทรเกาหลี จากการเปิดผยของกองทัพเกาหลีใต้ แต่เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการซ้อมรบทางอากาศร่วมไตรภาคี ตอบโต้ภัยคุกคามทางทหารจากเปียงยาง
    .
    ว่ากันว่าการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปหนล่าสุดของเกาหลีเหนือ พุ่งสูงกว่าเดิมและพุ่งไปไกลกว่าขีปนาวุธลูกก่อนๆ จากคำกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับกองทัพเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งติดตามการยิงทดสอบแบบเรียลไทม์
    .
    สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ สื่อแห่งรัฐเกาหลีเหนือ ยกย่องขีปนาวุธนี้ว่าเป็นขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และ คิม จองอีน ผู้นำเกาหลีเหนือ แสดงความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จในการยิงทดสอบดังกล่าว "เกาหลีเหนือจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเส้นทางการยกระดับขุมกำลังทางนิวเคลียร์ของตนเอง" สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุ
    .
    ปฏิบัติการทดสอบดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นานาชาติกำลังจับตาอย่างเข้มข้น ต่อคำกล่าวหาที่ว่าเปียงยางส่งทหารหลายพันนายเข้าประจำการในรัสเซีย เพื่อสนับสนุนมอสโกในการทำสงครามในยูเครน โหมกระพือความกังวลว่าทหารเกาหลีเหนือในชุดเครื่องแบบรัสเซียอาจเข้าร่วมในการสู้รบในเร็ววัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105982
    ..............
    Sondhi X
    เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ทำการซ้อมรบร่วมทางอากาศ เกี่ยวข้องกับเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักลำหนึ่ง จากการเปิดเผยของกองทัพโซล ความเคลื่อนไหวตอบโต้เกาหลีเหนือ ที่เพิ่งทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหนล่าสุดไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . การซ้อมรบมีขึ้น 3 วันหลังจากเปียงยาง ทำการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็งล้ำสมัย หนึ่งในขีปนาวุธที่ทรงแสนยานุภาพที่สุดของพวกเขา ที่พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจสามารถพุ่งไปถึงเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ในผืนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เลยทีเดียว . กองทัพโซลเปิดเผยว่า การซ้อมรบครั้งนี้เป็นการระดมพลเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B ของสหรัฐฯ ฝูงบิน F-15K และ KF-16 ของเกาหลีใต้ รวมไปถึงฝูงบิน F-2 ของญี่ปุ่น . ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ผยแพร่โดยเสนาธิการทหารร่วมแห่งกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่า "การซ้อมรบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาแห่งความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ในการบูรณาการการป้องปรามอย่างครอบคลุม ตอบโต้ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากเกาหลีเหนือ" . ระหว่างการซ้อมรบทางอากาศ ฝูงบินของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้เข้าอารักขาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ไปยังจุดแห่งหนึ่งที่กำหนดไว้บริเวณทางใต้คาบสมุทรเกาหลี "เพื่อแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพอย่างท่วมท้นในการโจมตีเป้าหมายจำลองอย่างรวดเร็วและแม่นยำ" ถ้อยแถลงระบุ . B-1B แลนเซอร์ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักซูเปอร์โซนิก ที่รู้จักกันดีในด้านมีสมรรถนะความเร็วสูงและสามารถบรรทุกกระสุนหนักถึง 34,000 กิโลกรัม ในนั้นรวมถึงอาวุธทั่วไปและอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง . มันเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ถูกส่งเข้าไปประจำการในคาบสมุทรเกาหลี จากการเปิดผยของกองทัพเกาหลีใต้ แต่เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการซ้อมรบทางอากาศร่วมไตรภาคี ตอบโต้ภัยคุกคามทางทหารจากเปียงยาง . ว่ากันว่าการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปหนล่าสุดของเกาหลีเหนือ พุ่งสูงกว่าเดิมและพุ่งไปไกลกว่าขีปนาวุธลูกก่อนๆ จากคำกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับกองทัพเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งติดตามการยิงทดสอบแบบเรียลไทม์ . สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ สื่อแห่งรัฐเกาหลีเหนือ ยกย่องขีปนาวุธนี้ว่าเป็นขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และ คิม จองอีน ผู้นำเกาหลีเหนือ แสดงความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จในการยิงทดสอบดังกล่าว "เกาหลีเหนือจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเส้นทางการยกระดับขุมกำลังทางนิวเคลียร์ของตนเอง" สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุ . ปฏิบัติการทดสอบดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นานาชาติกำลังจับตาอย่างเข้มข้น ต่อคำกล่าวหาที่ว่าเปียงยางส่งทหารหลายพันนายเข้าประจำการในรัสเซีย เพื่อสนับสนุนมอสโกในการทำสงครามในยูเครน โหมกระพือความกังวลว่าทหารเกาหลีเหนือในชุดเครื่องแบบรัสเซียอาจเข้าร่วมในการสู้รบในเร็ววัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105982 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1179 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เห็นชอบความเป็นไปได้ในการขายระบบป้องกันภัยทางอากาศและเรดาร์แก่ไต้หวัน อ้างอิงข้อมูลจากเพนตากอน ขณะที่การจัดซื้ออาวุธอเมริกาโดยไทเป จำเป็นต้องมีบุคลากรของสหรัฐฯ เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เพื่อสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนทหารท้องถิ่น
    .
    แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะก่อความเดือดดาลแก่จีนเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมา ปักกิ่งซึ่งมองเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน มองความสัมพันธ์ในด้านนี้ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ เป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขา
    .
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่วันก่อน วอชิงตันได้ทำการส่งมอบขีปนาวุธต่อต้านเรือ Harpoon Block II ล็อตแรกจำนวนหลายร้อยลูกให้แก่ไทเป ภายใต้ข้อตกลงหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติในปี 2020
    .
    ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (25 ต.ค.) สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหม (DSCA: Defense Security Cooperation Agency) สังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่าพวกเขาได้รับความเห็นชอบสำหรับความเป็นไปได้ในการ "การขายอาวุธให้ต่างประเทศ" แก่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในสหรัฐฯ ซึ่งคือระบบป้องกันขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขั้นสูง NASAMS และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าประมาณ 1,160 ล้านดอลลาร์
    .
    ในเอกสารระบุว่าไต้หวันขอซื้อระบบนี้ที่ผลิตโดยบริษัทเรย์เธียน 3 ชุด และขีปนาวุธที่ใช้กับระบบดังกล่าว 123 ลูก
    .
    ถ้อยแถลงเน้นว่าเพื่อทำตามข้อเสนอขายนี้ จำเป็นต้องมอบหมายหน้าที่แก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ 26 คน และตัวแทนจากบริษัทสัญญาจ้าง 34 ราย ให้เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งนานพอสมควร เพื่อให้การสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนแก่บุคลากรทางทหารท้องถิ่น
    .
    ทั้งนี้ ในข่าวประชาสัมพันธ์อีกฉบับที่เผยแพร่ในวันเดียวกัน ยังเผยด้วยว่าทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ไฟเขียวความเป็นไปได้ในการขายระบบเรดาร์ AN/TPS-77 และ AN/TPS-78 รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าราว 828 ล้านดอลลาร์ แก่ไต้หวัน
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติมอบความช่วยเหลือด้านการทหารเพิ่มเติมแก่ไต้หวันอีก 567 ล้านดอลลาร์
    .
    ระหว่างพบปะกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม ทาง หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เรียกร้องวอชิงตันให้หยุดขายอาวุธแก่ไต้หวัน
    .
    ขณะเดียวกัน ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เตือนว่า ปักกิ่งไม่เคยผูกมัดตนเองในการตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังกับไต้หวัน และสถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นจริงขึ้นมาหากว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ประกาศเอกราช
    .
    คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากจีน ทำการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ใกล้เกาะไต้หวัน
    .
    กองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดการซ้อมรบเป็นเวลา 1 วัน ที่ใช้ชื่อรหัสว่า “ดาบประสาน 2024 บี” (Joint Sword-2024B Exercise) ในพื้นที่รอบๆ และใกล้เกาะไต้หวันเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม โดยจุดที่มีการเน้นหนักแข็งขันคือการฝึกเพื่อป้องปรามไม่ให้สหรัฐฯ สามารถเข้ามาแทรกแซงในกรณีที่เกิดการสู้รบใดๆ ขึ้นในช่องแคบไต้หวัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103353
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เห็นชอบความเป็นไปได้ในการขายระบบป้องกันภัยทางอากาศและเรดาร์แก่ไต้หวัน อ้างอิงข้อมูลจากเพนตากอน ขณะที่การจัดซื้ออาวุธอเมริกาโดยไทเป จำเป็นต้องมีบุคลากรของสหรัฐฯ เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เพื่อสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนทหารท้องถิ่น . แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะก่อความเดือดดาลแก่จีนเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมา ปักกิ่งซึ่งมองเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน มองความสัมพันธ์ในด้านนี้ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ เป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขา . ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่วันก่อน วอชิงตันได้ทำการส่งมอบขีปนาวุธต่อต้านเรือ Harpoon Block II ล็อตแรกจำนวนหลายร้อยลูกให้แก่ไทเป ภายใต้ข้อตกลงหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติในปี 2020 . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (25 ต.ค.) สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหม (DSCA: Defense Security Cooperation Agency) สังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่าพวกเขาได้รับความเห็นชอบสำหรับความเป็นไปได้ในการ "การขายอาวุธให้ต่างประเทศ" แก่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในสหรัฐฯ ซึ่งคือระบบป้องกันขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขั้นสูง NASAMS และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าประมาณ 1,160 ล้านดอลลาร์ . ในเอกสารระบุว่าไต้หวันขอซื้อระบบนี้ที่ผลิตโดยบริษัทเรย์เธียน 3 ชุด และขีปนาวุธที่ใช้กับระบบดังกล่าว 123 ลูก . ถ้อยแถลงเน้นว่าเพื่อทำตามข้อเสนอขายนี้ จำเป็นต้องมอบหมายหน้าที่แก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ 26 คน และตัวแทนจากบริษัทสัญญาจ้าง 34 ราย ให้เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งนานพอสมควร เพื่อให้การสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนแก่บุคลากรทางทหารท้องถิ่น . ทั้งนี้ ในข่าวประชาสัมพันธ์อีกฉบับที่เผยแพร่ในวันเดียวกัน ยังเผยด้วยว่าทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ไฟเขียวความเป็นไปได้ในการขายระบบเรดาร์ AN/TPS-77 และ AN/TPS-78 รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าราว 828 ล้านดอลลาร์ แก่ไต้หวัน . ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติมอบความช่วยเหลือด้านการทหารเพิ่มเติมแก่ไต้หวันอีก 567 ล้านดอลลาร์ . ระหว่างพบปะกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม ทาง หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เรียกร้องวอชิงตันให้หยุดขายอาวุธแก่ไต้หวัน . ขณะเดียวกัน ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เตือนว่า ปักกิ่งไม่เคยผูกมัดตนเองในการตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังกับไต้หวัน และสถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นจริงขึ้นมาหากว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ประกาศเอกราช . คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากจีน ทำการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ใกล้เกาะไต้หวัน . กองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดการซ้อมรบเป็นเวลา 1 วัน ที่ใช้ชื่อรหัสว่า “ดาบประสาน 2024 บี” (Joint Sword-2024B Exercise) ในพื้นที่รอบๆ และใกล้เกาะไต้หวันเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม โดยจุดที่มีการเน้นหนักแข็งขันคือการฝึกเพื่อป้องปรามไม่ให้สหรัฐฯ สามารถเข้ามาแทรกแซงในกรณีที่เกิดการสู้รบใดๆ ขึ้นในช่องแคบไต้หวัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103353 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1839 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพรรคเลเบอร์ของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งสหราชอาณาจักร ว่าแทรกแซงอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังมีอาสาสมัครบางส่วนเดินทางมาช่วยหาเสียงให้กมลา แฮร์ริส
    .
    แคมป์หาเสียงของผู้สมัครจากรีพับลิกัน ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางในวอชิงตัน เรียกร้องให้ทำการสืบสวนในสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่าเป็นความช่วยเหลืออย่างผิดกฎหมายจากพรรคเลเบอร์ที่มอบแก่ทีมหาเสียงของแฮร์ริส
    .
    รอยเตอร์อ้างว่าเป็นเวลานานแล้วที่บรรดาอาสาสมัครทางการเมืองสหราชอาณาจักร จะเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนหน้าศึกเลือกตั้ง โดยที่พวกนักเคลื่อนไหวจากพรรคเลเบอร์ พรรคซ้ายกลาง ปกติแล้วมักให้การสนับสนุนพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคคอนเซอร์เวทีฟ จะให้การสนับสนุนพรรครีพับลิกัน
    .
    พวกเจ้าหน้าที่สหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ ยอมรับว่าที่ปรึกษาระดับสูงบางส่วนของพรรคเลเบอร์ เดินทางไปพบกับเหล่านักยุทธศาสตร์ของเดโมแครตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนกรกฎาคม
    .
    นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าเสียงคร่ำครวญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับทรัมป์ หากว่าอดีตประธานาธิบดีรายนี้คว้าชัยชนะอีกครั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยอ้างว่าบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเลเบอร์สมัครใจช่วยแฮร์ริส หาเสียงนอกเวลางาน
    .
    "พวกเขาทำมันในเวลาว่าง พวกเขาทำมันโดยสมัครใจ ผมคิดว่าพวกเขาคงอยู่ที่นั่น พร้อมกับอาสมัครคนอื่นๆ มันเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก"
    .
    เกรก สเวนสัน ประธาน Republicans Overseas UK องค์กรการเมืองที่เกี่ยวข้องกับชาวอเมริกาที่โหวตเลือกรีพับลิกัน ที่พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร บอกว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ยากจะคาดเดา แต่ถ้าเขาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนหน้า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับสตาร์เมอร์
    .
    "ทรัมป์มักทำเรื่องต่างๆ ให้เป็นเรื่องส่วนตัว และปล่อยให้เป็นประเด็นพิพาทส่วนตัวส่งผลกระทบกับเขา" สเวนสันกล่าวกับรอยเตอร์ "แต่ผมคิดว่าทรัมป์จะมองข้ามเรื่องนี้ เรื่องนี้อาจก่อรอยแผลเป็นเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจจะไม่ก่อบาดแผลใดๆ เลยก็ได้"
    .
    อ้างอิงกฎระเบียบในสหรัฐฯ ชาวต่างชาติสามารถสมัครใจเข้าร่วมรณรงค์หาเสียง แต่ไม่มีสิทธิให้การสนับสนุนทางการเงิน
    .
    คำร้องเรียนจากทีมหาเสียงของทรัมปื อ้างรายงานข่าวของสื่อมวลชนและข้อความหนึ่งบน LinkedIn ที่โพสต์โดย โซเฟีย พาเทล หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของพรรคเลเบอร์สหราชอาณาจักร ที่เขียนว่ามีเจ้าหน้าที่พรรคเลเบอร์ทั้งในอดีตและปัจจุบันเกือบ 100 คน ที่จะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อช่วยให้ แฮร์ริส รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตได้รับเลือกตั้ง
    .
    ในคำร้องเรียนเขียนว่า "ข้าพเจ้าในนามของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ร้องขอให้ดำเนินการสืบสวนในทันทีต่อการแทรกแซงโดยต่างชาติอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือตั้งประธานาธิบดี 2024 ในรูปแบบที่เหมือนเป็นการสนับสนุนอย่างผิดกฎหมายโดยต่างประเทศ"
    .
    "การค้นหาว่ามีต่างชาติแทรกแซงศึกเลือกตั้งของเราหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องมองไม่ไกลนอกเหนือจากโพสต์บน LinkedIn เลย มองด้วยสายตาเปล่าก็รู้ว่าการแทรกแซงกำลังเกิดขึ้น"
    .
    ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ใช้ชื่อว่า "สหราชอาณาจักรกำลังมา" ทีมหาเสียงของทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า "พรรคเลเบอร์ พรรคฝ่ายซ้าย" เป็นแรงบันดาลใจในนโยบายเสรีนิยมและวาทกรรมที่เป็นอันตรายของกมลา แฮร์ริส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102310
    ..............
    Sondhi X
    ทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพรรคเลเบอร์ของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งสหราชอาณาจักร ว่าแทรกแซงอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังมีอาสาสมัครบางส่วนเดินทางมาช่วยหาเสียงให้กมลา แฮร์ริส . แคมป์หาเสียงของผู้สมัครจากรีพับลิกัน ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางในวอชิงตัน เรียกร้องให้ทำการสืบสวนในสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่าเป็นความช่วยเหลืออย่างผิดกฎหมายจากพรรคเลเบอร์ที่มอบแก่ทีมหาเสียงของแฮร์ริส . รอยเตอร์อ้างว่าเป็นเวลานานแล้วที่บรรดาอาสาสมัครทางการเมืองสหราชอาณาจักร จะเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนหน้าศึกเลือกตั้ง โดยที่พวกนักเคลื่อนไหวจากพรรคเลเบอร์ พรรคซ้ายกลาง ปกติแล้วมักให้การสนับสนุนพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคคอนเซอร์เวทีฟ จะให้การสนับสนุนพรรครีพับลิกัน . พวกเจ้าหน้าที่สหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ ยอมรับว่าที่ปรึกษาระดับสูงบางส่วนของพรรคเลเบอร์ เดินทางไปพบกับเหล่านักยุทธศาสตร์ของเดโมแครตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนกรกฎาคม . นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าเสียงคร่ำครวญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับทรัมป์ หากว่าอดีตประธานาธิบดีรายนี้คว้าชัยชนะอีกครั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยอ้างว่าบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเลเบอร์สมัครใจช่วยแฮร์ริส หาเสียงนอกเวลางาน . "พวกเขาทำมันในเวลาว่าง พวกเขาทำมันโดยสมัครใจ ผมคิดว่าพวกเขาคงอยู่ที่นั่น พร้อมกับอาสมัครคนอื่นๆ มันเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก" . เกรก สเวนสัน ประธาน Republicans Overseas UK องค์กรการเมืองที่เกี่ยวข้องกับชาวอเมริกาที่โหวตเลือกรีพับลิกัน ที่พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร บอกว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ยากจะคาดเดา แต่ถ้าเขาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนหน้า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับสตาร์เมอร์ . "ทรัมป์มักทำเรื่องต่างๆ ให้เป็นเรื่องส่วนตัว และปล่อยให้เป็นประเด็นพิพาทส่วนตัวส่งผลกระทบกับเขา" สเวนสันกล่าวกับรอยเตอร์ "แต่ผมคิดว่าทรัมป์จะมองข้ามเรื่องนี้ เรื่องนี้อาจก่อรอยแผลเป็นเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจจะไม่ก่อบาดแผลใดๆ เลยก็ได้" . อ้างอิงกฎระเบียบในสหรัฐฯ ชาวต่างชาติสามารถสมัครใจเข้าร่วมรณรงค์หาเสียง แต่ไม่มีสิทธิให้การสนับสนุนทางการเงิน . คำร้องเรียนจากทีมหาเสียงของทรัมปื อ้างรายงานข่าวของสื่อมวลชนและข้อความหนึ่งบน LinkedIn ที่โพสต์โดย โซเฟีย พาเทล หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของพรรคเลเบอร์สหราชอาณาจักร ที่เขียนว่ามีเจ้าหน้าที่พรรคเลเบอร์ทั้งในอดีตและปัจจุบันเกือบ 100 คน ที่จะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อช่วยให้ แฮร์ริส รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตได้รับเลือกตั้ง . ในคำร้องเรียนเขียนว่า "ข้าพเจ้าในนามของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ร้องขอให้ดำเนินการสืบสวนในทันทีต่อการแทรกแซงโดยต่างชาติอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือตั้งประธานาธิบดี 2024 ในรูปแบบที่เหมือนเป็นการสนับสนุนอย่างผิดกฎหมายโดยต่างประเทศ" . "การค้นหาว่ามีต่างชาติแทรกแซงศึกเลือกตั้งของเราหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องมองไม่ไกลนอกเหนือจากโพสต์บน LinkedIn เลย มองด้วยสายตาเปล่าก็รู้ว่าการแทรกแซงกำลังเกิดขึ้น" . ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ใช้ชื่อว่า "สหราชอาณาจักรกำลังมา" ทีมหาเสียงของทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า "พรรคเลเบอร์ พรรคฝ่ายซ้าย" เป็นแรงบันดาลใจในนโยบายเสรีนิยมและวาทกรรมที่เป็นอันตรายของกมลา แฮร์ริส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102310 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2182 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ข่าวประชาสัมพันธ์

    @ศูนย์อำนวยการจิตอาสาประราชทาน ภาค4

    📣📣 รับสมัครจิตอาสาพระราชทาน ระหว่าง วันที่ 1 - 10 ของทุกเดือน พร้อมกันทั่วประเทศ ❤️💛

    https://www.facebook.com/share/3wBU9H45Up7Nxojk/?mibextid=oFDknk
    #ข่าวประชาสัมพันธ์ @ศูนย์อำนวยการจิตอาสาประราชทาน ภาค4 📣📣 รับสมัครจิตอาสาพระราชทาน ระหว่าง วันที่ 1 - 10 ของทุกเดือน พร้อมกันทั่วประเทศ ❤️💛 https://www.facebook.com/share/3wBU9H45Up7Nxojk/?mibextid=oFDknk
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
    เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    ========================================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า...
    .
    "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"...
    .
    "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"...
    .
    "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้"
    .
    โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม
    .
    แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้)
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    .
    ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่..
    - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด
    - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน)
    - บริษัท พีที พลัส จำกัด
    - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ)
    - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
    .
    ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง
    ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้
    .
    ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก
    .
    ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่
    .
    ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น
    .
    ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน
    .
    ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง
    .
    ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน
    .
    ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย
    .
    ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา
    .
    ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา
    .
    ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย
    .
    ============================================
    สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    ============================================
    ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    -------------------------------------------------------------
    เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    .
    สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่...
    .
    Spotify
    https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE
    .
    ============================================
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ======================================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า... . "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"... . "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"... . "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้" . โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม . แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้) รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ . . ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่.. - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน) - บริษัท พีที พลัส จำกัด - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ) - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด . ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้ . ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก . ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ . ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น . ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน . ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง . ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน . ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย . ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา . ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา . ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย . ============================================ สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ============================================ ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ------------------------------------------------------------- เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ . สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่... . Spotify https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE . ============================================ รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ .
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1760 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
    เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    ========================================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า...
    .
    "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"...
    .
    "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"...
    .
    "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้"
    .
    โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม
    .
    แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้)
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    .
    ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่..
    - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด
    - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน)
    - บริษัท พีที พลัส จำกัด
    - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ)
    - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
    .
    ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง
    ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้
    .
    ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก
    .
    ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่
    .
    ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น
    .
    ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน
    .
    ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง
    .
    ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน
    .
    ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย
    .
    ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา
    .
    ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา
    .
    ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย
    .
    ============================================
    สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    ============================================
    ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    -------------------------------------------------------------
    เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    .
    สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่...
    .
    Spotify
    https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE
    .
    ============================================
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ======================================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า... . "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"... . "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"... . "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้" . โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม . แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้) รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ . . ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่.. - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน) - บริษัท พีที พลัส จำกัด - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ) - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด . ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้ . ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก . ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ . ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น . ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน . ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง . ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน . ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย . ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา . ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา . ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย . ============================================ สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ============================================ ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ------------------------------------------------------------- เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ . สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่... . Spotify https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE . ============================================ รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ .
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1647 มุมมอง 0 รีวิว