• กัมพูชาฮึกเหิม "รบไม่กลัวตาย" หาก "อเมริกาหนุนเต็มตัว"! 'หมอเหรียญทอง' ชี้ ไทยอาจเจอ "สงครามตัวแทน" แผนยุทธศาสตร์เขมร-เมกา ปิดล้อมจีน
    https://www.thai-tai.tv/news/20663/
    .
    #พลตรีเหรียญทอง #สงครามตัวแทน #สงครามโลกครั้งที่3 #ไทยกัมพูชา #สหรัฐ #จีนรัสเซีย #ความมั่นคงชาติ #พึ่งตนเอง #อุตสาหกรรมทหาร #เวชภัณฑ์ #ไทยไท
    กัมพูชาฮึกเหิม "รบไม่กลัวตาย" หาก "อเมริกาหนุนเต็มตัว"! 'หมอเหรียญทอง' ชี้ ไทยอาจเจอ "สงครามตัวแทน" แผนยุทธศาสตร์เขมร-เมกา ปิดล้อมจีน https://www.thai-tai.tv/news/20663/ . #พลตรีเหรียญทอง #สงครามตัวแทน #สงครามโลกครั้งที่3 #ไทยกัมพูชา #สหรัฐ #จีนรัสเซีย #ความมั่นคงชาติ #พึ่งตนเอง #อุตสาหกรรมทหาร #เวชภัณฑ์ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา

    เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน)

    รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้

    ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที

    ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน) รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้ ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 675 มุมมอง 0 รีวิว
  • นับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 00.01 น. (เวลาสหรัฐฯ) สหรัฐฯ ได้เริ่มเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ตามอัตราเฉพาะที่กำหนดสำหรับแต่ละประเทศ ซึ่งไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% โดยจะเก็บเพิ่มจากอัตราภาษีที่เรียกเก็บอยู่แล้ว (MFN apply rate) รวมทั้งอากร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ประเทศนั้นถูกจัดเก็บอยู่เดิม นั่นหมายความว่า สินค้าไทยโดนภาษี 36% แล้ว ทุกชนิดสินค้า ไม่มียกเว้น แต่จะยกเว้นให้สำหรับสินค้าที่ขนลงเรือหรือยานพาหนะแล้ว และอยู่ระหว่างเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนเวลาดังกล่าว

    โดยอัตราภาษีต่างตอบแทนข้างต้น จะไม่ใช้กับสินค้าที่สหรัฐฯ ได้เคยประกาศใช้มาตรการไปก่อนหน้านี้ คือ วันที่ 12 มี.ค.2568 สินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ถูกจัดเก็บอัตราภาษีเฉพาะที่ 25% และวันที่ 3 เม.ย.2568 สินค้ารถยนต์และชิ้นส่วน ถูกจัดเก็บอัตราภาษีเฉพาะที่ 25% และภาษีต่างตอบแทนดังกล่าว ยังจะไม่ใช้กับสินค้าประเภททองแดง ยาและเวชภัณฑ์ เซมิคอนดักเตอร์ ไม้แปรรูป แร่ธาตุสำคัญบางประเภท พลังงานและผลิตภัณฑ์พลังงาน เนื่องจากสหรัฐฯ อาจจะมีการประกาศใช้ภาษีเฉพาะกับสินค้าดังกล่าวในภายหลัง คาดว่าจะเก็บเพิ่มในอัตรา 25%

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034144

    #MGROnline #อัตราภาษี
    นับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 00.01 น. (เวลาสหรัฐฯ) สหรัฐฯ ได้เริ่มเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ตามอัตราเฉพาะที่กำหนดสำหรับแต่ละประเทศ ซึ่งไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% โดยจะเก็บเพิ่มจากอัตราภาษีที่เรียกเก็บอยู่แล้ว (MFN apply rate) รวมทั้งอากร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ประเทศนั้นถูกจัดเก็บอยู่เดิม นั่นหมายความว่า สินค้าไทยโดนภาษี 36% แล้ว ทุกชนิดสินค้า ไม่มียกเว้น แต่จะยกเว้นให้สำหรับสินค้าที่ขนลงเรือหรือยานพาหนะแล้ว และอยู่ระหว่างเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนเวลาดังกล่าว • โดยอัตราภาษีต่างตอบแทนข้างต้น จะไม่ใช้กับสินค้าที่สหรัฐฯ ได้เคยประกาศใช้มาตรการไปก่อนหน้านี้ คือ วันที่ 12 มี.ค.2568 สินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ถูกจัดเก็บอัตราภาษีเฉพาะที่ 25% และวันที่ 3 เม.ย.2568 สินค้ารถยนต์และชิ้นส่วน ถูกจัดเก็บอัตราภาษีเฉพาะที่ 25% และภาษีต่างตอบแทนดังกล่าว ยังจะไม่ใช้กับสินค้าประเภททองแดง ยาและเวชภัณฑ์ เซมิคอนดักเตอร์ ไม้แปรรูป แร่ธาตุสำคัญบางประเภท พลังงานและผลิตภัณฑ์พลังงาน เนื่องจากสหรัฐฯ อาจจะมีการประกาศใช้ภาษีเฉพาะกับสินค้าดังกล่าวในภายหลัง คาดว่าจะเก็บเพิ่มในอัตรา 25% • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034144 • #MGROnline #อัตราภาษี
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครจะกะพริบตาก่อนกัน หมากเจรจาของทรัมป์ คือ ตัังกำแพงภาษีสูงไว้ก่อน ต้อนให้คู่ค้าเข้ามาเจรจาถ้าคู่ค้าหมอบ ตกลงกันได้ ลดภาษีทั้งสองฝ่าย ก็จะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ทรัมป์คงประเมินแล้วว่า ในจำนวนกว่า 180 ประเทศ จะสามารถเคลียร์แบบนี้ ได้เกือบหมด ถึงแม้บางประเทศแสดงท่าที พร้อมจะตอบโต้ เช่น บราซิลลงมติ ให้อำนาจผู้นำสู้กับทรัมป์แต่ก็เลี่ยง ไม่ได้ตั้งกำแพงโต้กลับทันที พร้อมจะทำการเจรจาเสียก่อน ทรัมป์ไม่ได้บีบแคนาดาหรือเม็กซิโกเพิ่ม สองประเทศนี้จึงนิ่ง มีอยู่เพียงจีน ที่ตั้งกำแพงโต้กลับ 34% ทันที ส่วนยุโรปบอกว่าจะทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้จะประกาศเมื่อใดคาดว่ายุโรปจะเดินอย่างระมัดระวัง เพราะขายสินค้าให้สหรัฐ ปีละ 5.3 แสนล้านยูโร เกือบ 1/5 ของส่งออกยุโรปนอกจากรถยนต์ ที่เหลือคือเวชภัณฑ์ 1.1 แสน เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 0.9 แสน สินค้าเหล่านี้มีอัตรากำไรสูง ยุโรปคงไม่เสี่ยงตัดสะพานทิ้งส่วนสหรัฐขายสินค้าให้ยุโรป 3.7 แสนล้านดอลลาร์ เกือบ 1/5 ของส่งออกสหรัฐเช่นกันถึงแม้ถ้าโดนโต้กลับรุนแรง ก็จะแย่พอกันแต่เป็นเวชภัณฑ์ 0.6 แสน เรือบิน 0.3 แสน พลังงาน 0.3 แสน ซึ่งยุโรปจำเป้นต้องใช้อยู่ตลอด ดังนั้น ละครฉากยุโรป ที่ทรัมป์เป็นพระเอก ก็คงจบลงได้ไม่ยาก ปัญหาใหญ่สุดของทรัมป์ จึงอยู่ที่สีจิ้นผิง ในฐานะผู้นำของ Global South สีจะยอมทรัมป์ไม่ได้ทรัมป์น่าจะผิดหวังพอควร เพราะรีบอ้างว่า การที่จีนโต้กลับ ส่อเป็นการหวาดผวา และเดินหมากผิดพลาด*** น่าสงสัยว่า ทรัมป์หรือสี ใครจะกะพริบตาก่อนกันข้อความที่ทรัมป์เผยแพร่ บ่งชี้ว่า เดิมคงหวังให้สีเข้ามาเจรจา เพื่อจะได้ลดกำแพงกันไปทั้งสองฝ่าย วิน วินแต่เมื่อไม่เป็นตามแผน ก็รีบปลอบใจคนอเมริกัน (ดูรูป 1) ว่า [กำแพงภาษีสองฝั่งนั้น กระทบจีนมากกว่าสหรัฐ แบบเทียบกันไม่ได้เลย มาตรการนี้ ทำให้มีคนจะลงทุนในสหรัฐ กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ถึงแม้ศึกนี้ยาก แต่เราชนะแน่จึงขอให้คนอเมริกันอดทนอีกหน่อย]จีนนำเข้าจากสหรัฐ ปีละ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (6% ของนำเข้าจีน)เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2.4 หมื่นล้าน น้ำมันและก๊าซ 2 หมื่น เวชภัณฑ์ 2 หมื่น อาหาร 1.6 หมื่น ส่วนใหญ่ จีนน่าจะสามารถผลิตได้เอง หรือหาแหล่งซื้ออื่นแทนได้ ผลกระทบจึงน่าจะไม่มากนักแต่ผลกระทบต่อเกษตรกรสหรัฐ จะมีมาก และเป็นฐานเสียงสำคัญ ทรัมป์ก็รู้ดีสหรัฐนำเข้าจากจีน ปีละ 5 แสนล้านดอลลาร์ (15% ของส่งออกจีน) เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 แสน ของเด็กเล่น 3 หมื่น เฟอร์นิเจอร์ 2 หมื่น สินค้าพลาสติก 2 หมื่น เนื่องจากไม่มีประเทศอื่นใด ที่ต้นทุนสินค้า consumer แข่งกับจีนได้ ดังนั้น คนอเมริกันก็ยังต้องใช้ของจีนต่อไปถามว่า ผู้ผลิตจีน หรือผู้บริโภคสหรัฐ ใครจะเป็นผู้ควักกระเป๋า เพื่อข้ามกำแพงภาษี 54%การผลิตสินค้าพื้นๆ เหล่านี้ กำไรผู้ผลิตในจีน ขณะนี้เหลือบางมาก หลายโรงงานปิดตัวไปแล้วจึงเป็นไปไม่ไดั ที่จีนจะควักกระเป๋ามาจ่ายถ้าภาษียังค้างเช่นนี้ ภายใน 2-3 เดือน ราคาที่คนอเมริกันต้องจ่าย จะขยับสูงขึ้น อย่างหายห่วง ถึงแม้ยอดส่งออกจีนไปสหรัฐ จะลดลง แต่จะไม่มีอุตสาหกรรมเบา ที่จะย้ายจากจีน ไปผลิตที่สหรัฐ ทรัมป์ก็รู้ดีอเมริกันชน ชั้นล่างและชั้นกลาง คนส่วนใหญ่ที่ซื้อสินค้าจีน จึงจะหันกลับไปมองทรัมป์ ด้วยสายตาเคืองรูป 2 แสดงการที่จีนได้กระจายแหล่งนำเข้าสินค้าต่างๆ เปลี่ยนไปจากสหรัฐรูป 3 นอกจากนี้ จีนยังบีบสหรัฐเพิ่ม โดย (1) คุมการส่งออกแร่หายากอีก 7 ตัว และ (2) เพิ่มจำนวนบริษัทสหรัฐที่คุมการส่งออกรูป 4-5 แร่หายาก 7 ตัวนี้ มีชื่อแปลกๆ แต่ต้องใช้ในการผลิตยุทโธปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ พลังงานหมุนเวียน และดาวเทียม เป็นอันว่า หมากของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฮเทคในสหรัฐ แบบเต็มๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะต่อชาวบ้านก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่ว่า ถ้าประเทศใดโต้กลับ เขาจะยกระดับกำแพงให้สูงขึ้นอีกบัดนี้ คำขู่นี้ เจอกับหมากรุกกลับของสีจิ้นผิงแล้ว ต้องไม่ลืมว่า ชนชาวจีนกำลังเผชิญเศรษฐกิจชะลอตัว จากฟองสบู่อสังหาแตก และส่งออกลดลง บัณฑิตตกงานความอึดอัดในจีน เดิมมีสีเป็นเป้า บัดนี้ ทรัมป์ได้ยื่นตัวเข้ามา บังเป็นเป้าแทนแล้วสีอาจจะชอบใจละครฉากนี้ แต่การเดินเนื้อเรื่อง น่าจะไม่เป็นไปตามบทของทรัมป์วันที่ 6 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ใครจะกะพริบตาก่อนกัน🧲 หมากเจรจาของทรัมป์ คือ ตัังกำแพงภาษีสูงไว้ก่อน ต้อนให้คู่ค้าเข้ามาเจรจาถ้าคู่ค้าหมอบ ตกลงกันได้ ลดภาษีทั้งสองฝ่าย ก็จะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ทรัมป์คงประเมินแล้วว่า ในจำนวนกว่า 180 ประเทศ จะสามารถเคลียร์แบบนี้ ได้เกือบหมด ถึงแม้บางประเทศแสดงท่าที พร้อมจะตอบโต้ เช่น บราซิลลงมติ ให้อำนาจผู้นำสู้กับทรัมป์แต่ก็เลี่ยง ไม่ได้ตั้งกำแพงโต้กลับทันที พร้อมจะทำการเจรจาเสียก่อน🪤 ทรัมป์ไม่ได้บีบแคนาดาหรือเม็กซิโกเพิ่ม สองประเทศนี้จึงนิ่ง มีอยู่เพียงจีน ที่ตั้งกำแพงโต้กลับ 34% ทันที ส่วนยุโรปบอกว่าจะทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้จะประกาศเมื่อใดคาดว่ายุโรปจะเดินอย่างระมัดระวัง เพราะขายสินค้าให้สหรัฐ ปีละ 5.3 แสนล้านยูโร เกือบ 1/5 ของส่งออกยุโรปนอกจากรถยนต์ ที่เหลือคือเวชภัณฑ์ 1.1 แสน เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 0.9 แสน 🔫 สินค้าเหล่านี้มีอัตรากำไรสูง ยุโรปคงไม่เสี่ยงตัดสะพานทิ้งส่วนสหรัฐขายสินค้าให้ยุโรป 3.7 แสนล้านดอลลาร์ เกือบ 1/5 ของส่งออกสหรัฐเช่นกันถึงแม้ถ้าโดนโต้กลับรุนแรง ก็จะแย่พอกันแต่เป็นเวชภัณฑ์ 0.6 แสน เรือบิน 0.3 แสน พลังงาน 0.3 แสน ซึ่งยุโรปจำเป้นต้องใช้อยู่ตลอด ดังนั้น ละครฉากยุโรป ที่ทรัมป์เป็นพระเอก ก็คงจบลงได้ไม่ยาก 💣 ปัญหาใหญ่สุดของทรัมป์ จึงอยู่ที่สีจิ้นผิง ในฐานะผู้นำของ Global South สีจะยอมทรัมป์ไม่ได้ทรัมป์น่าจะผิดหวังพอควร เพราะรีบอ้างว่า การที่จีนโต้กลับ ส่อเป็นการหวาดผวา และเดินหมากผิดพลาด*** น่าสงสัยว่า ทรัมป์หรือสี ใครจะกะพริบตาก่อนกันข้อความที่ทรัมป์เผยแพร่ บ่งชี้ว่า เดิมคงหวังให้สีเข้ามาเจรจา เพื่อจะได้ลดกำแพงกันไปทั้งสองฝ่าย วิน วินแต่เมื่อไม่เป็นตามแผน ก็รีบปลอบใจคนอเมริกัน (ดูรูป 1) ว่า💊 [กำแพงภาษีสองฝั่งนั้น กระทบจีนมากกว่าสหรัฐ แบบเทียบกันไม่ได้เลย มาตรการนี้ ทำให้มีคนจะลงทุนในสหรัฐ กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ถึงแม้ศึกนี้ยาก แต่เราชนะแน่จึงขอให้คนอเมริกันอดทนอีกหน่อย]จีนนำเข้าจากสหรัฐ ปีละ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (6% ของนำเข้าจีน)เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2.4 หมื่นล้าน น้ำมันและก๊าซ 2 หมื่น เวชภัณฑ์ 2 หมื่น อาหาร 1.6 หมื่น 🩸 ส่วนใหญ่ จีนน่าจะสามารถผลิตได้เอง หรือหาแหล่งซื้ออื่นแทนได้ ผลกระทบจึงน่าจะไม่มากนักแต่ผลกระทบต่อเกษตรกรสหรัฐ จะมีมาก และเป็นฐานเสียงสำคัญ ทรัมป์ก็รู้ดีสหรัฐนำเข้าจากจีน ปีละ 5 แสนล้านดอลลาร์ (15% ของส่งออกจีน) เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 แสน ของเด็กเล่น 3 หมื่น เฟอร์นิเจอร์ 2 หมื่น สินค้าพลาสติก 2 หมื่น🧬 เนื่องจากไม่มีประเทศอื่นใด ที่ต้นทุนสินค้า consumer แข่งกับจีนได้ ดังนั้น คนอเมริกันก็ยังต้องใช้ของจีนต่อไปถามว่า ผู้ผลิตจีน หรือผู้บริโภคสหรัฐ ใครจะเป็นผู้ควักกระเป๋า เพื่อข้ามกำแพงภาษี 54%การผลิตสินค้าพื้นๆ เหล่านี้ กำไรผู้ผลิตในจีน ขณะนี้เหลือบางมาก หลายโรงงานปิดตัวไปแล้วจึงเป็นไปไม่ไดั ที่จีนจะควักกระเป๋ามาจ่ายถ้าภาษียังค้างเช่นนี้ ภายใน 2-3 เดือน ราคาที่คนอเมริกันต้องจ่าย จะขยับสูงขึ้น อย่างหายห่วง 🧹 ถึงแม้ยอดส่งออกจีนไปสหรัฐ จะลดลง แต่จะไม่มีอุตสาหกรรมเบา ที่จะย้ายจากจีน ไปผลิตที่สหรัฐ ทรัมป์ก็รู้ดีอเมริกันชน ชั้นล่างและชั้นกลาง คนส่วนใหญ่ที่ซื้อสินค้าจีน จึงจะหันกลับไปมองทรัมป์ ด้วยสายตาเคืองรูป 2 แสดงการที่จีนได้กระจายแหล่งนำเข้าสินค้าต่างๆ เปลี่ยนไปจากสหรัฐรูป 3 นอกจากนี้ จีนยังบีบสหรัฐเพิ่ม โดย (1) คุมการส่งออกแร่หายากอีก 7 ตัว และ (2) เพิ่มจำนวนบริษัทสหรัฐที่คุมการส่งออกรูป 4-5 แร่หายาก 7 ตัวนี้ มีชื่อแปลกๆ แต่ต้องใช้ในการผลิตยุทโธปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ พลังงานหมุนเวียน และดาวเทียม🧻 เป็นอันว่า หมากของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฮเทคในสหรัฐ แบบเต็มๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะต่อชาวบ้านก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่ว่า ถ้าประเทศใดโต้กลับ เขาจะยกระดับกำแพงให้สูงขึ้นอีกบัดนี้ คำขู่นี้ เจอกับหมากรุกกลับของสีจิ้นผิงแล้ว🧐 ต้องไม่ลืมว่า ชนชาวจีนกำลังเผชิญเศรษฐกิจชะลอตัว จากฟองสบู่อสังหาแตก และส่งออกลดลง บัณฑิตตกงานความอึดอัดในจีน เดิมมีสีเป็นเป้า บัดนี้ ทรัมป์ได้ยื่นตัวเข้ามา บังเป็นเป้าแทนแล้วสีอาจจะชอบใจละครฉากนี้ แต่การเดินเนื้อเรื่อง น่าจะไม่เป็นไปตามบทของทรัมป์วันที่ 6 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 794 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด: ทรัมป์, EBS และกองทัพปลดปล่อยการโค่นล้มทั่วโลก – ชนชั้นสูงตื่นตระหนกเมื่อแผนควอนตัมเริ่มทำงาน

    พวกเขาไม่ได้รับการเลือกตั้ง
    พวกเขาไม่ใช่นักมนุษยธรรม
    พวกเขาเป็นปรสิต

    และในวันที่ 3 เมษายน 2025 พวกเขาอยู่ในอาการตื่นตระหนกอย่างเต็มตัว ทรัมป์กลับมาแล้ว ระบบควบคุมกำลังล่มสลาย

    เป็นเวลาหลายทศวรรษที่กลุ่มลับๆ ครอบงำโลก โดยแต่งตั้งผู้นำหุ่นเชิด เปิดฉากสงคราม วางแผนการแพร่ระบาด แบล็กเมล์ประเทศต่างๆ ทั้งหมดซ่อนอยู่ภายใต้ภาพลวงตาของประชาธิปไตยและ “ความก้าวหน้า”

    แต่ภาพลวงตานั้นตายไปแล้ว

    ระบอบการปกครองปลอมของไบเดนเป็นข้ออ้างของกลุ่มดีพสเตต เป้าหมายของพวกเขาคือการล็อกดาวน์ทั่วโลก สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง การระบุตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์ สงครามกับรัสเซีย การเฝ้าระวังในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    พวกเขาล้มเหลว

    เพราะทรัมป์ไม่เคยจากไป กองทัพไม่เคยยอมแพ้
    กับดักถูกวางไว้แล้ว กลุ่มโลกาภิวัตน์ก็ตกหลุมพราง

    ตอนนี้ผลกระทบได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
    เว็บไซต์ลับของ CIA ถูกบุกโจมตี IMF ล่มสลาย ธนาคารโลกถูกตรวจสอบอย่างละเอียด ตระกูล Rothschild หายตัวไป NATO ถูกเจาะข้อมูล เงินช่วยเหลือ COVID-19 หลายพันล้านดอลลาร์สูญหายไปทั่วทั้งยุโรป และการอพยพของ Vanguard ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

    นี่ไม่ใช่การเมือง แต่มันคือสงคราม

    ปรสิตกลุ่มเดียวกับที่ใช้โรคระบาดเป็นอาวุธ ค้ามนุษย์เด็กผ่านเกาะของ Epstein และสะกดจิตคนทั้งโลกผ่านฮอลลีวูดและซิลิคอนวัลเลย์ กำลังถูกตามล่าอยู่ในขณะนี้

    ทรัมป์กลับมาพร้อมการสนับสนุนจากกองทัพทั่วโลก
    ศาลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
    ผู้คนนับพันถูกจับกุม
    รัฐบาล GITMO ขยายตัวในปี 2024 ไม่เคยมีไว้สำหรับอุปกรณ์ออปติก แต่มีไว้สำหรับคนทรยศ

    ระบบกระจายเสียงฉุกเฉินพร้อมแล้ว บูรณาการอย่างสมบูรณ์กับเทคโนโลยี Starlink และ Quantum เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเผยข้อมูลทั่วโลก
    นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต้องดิ้นรน—จุดชนวนความโกลาหล การโจมตีทางไซเบอร์ แม้แต่การรุกรานของมนุษย์ต่างดาวที่หลอกลวง

    “วัคซีน”? อาวุธดัดแปลง DNA
    การล็อกดาวน์? โปรแกรมพฤติกรรม
    เป้าหมาย? การลดจำนวนประชากรและการกดขี่ทางดิจิทัล

    แต่ทรัมป์สู้กลับ
    เขาเปิดโปงฟาวซี ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค และองค์การอนามัยโลก
    เขาผลักดันการรักษาจริง เขาทำลายเรื่องราว

    และตอนนี้ เมื่อ RFK Jr. เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่กำลังล่มสลาย
    กลุ่มธุรกิจการแพทย์ของร็อกกี้เฟลเลอร์จบสิ้นแล้ว

    ธนาคารกลางสหรัฐ? โอนสายใหม่เป็น QFS
    กรมสรรพากร? ถูกทำลาย
    สกุลเงินที่รองรับด้วยสินทรัพย์กำลังจะมา
    บัตรเข้าถึงควอนตัม? ใกล้จะเกิดขึ้น

    ทองคำของวาติกัน—ถูกยึด
    การควบคุมของนครลอนดอน—พังทลาย
    วอลล์สตรีท—อยู่ภายใต้การตรวจสอบทางทหาร

    สื่อกำลังเผาไหม้ นักรบดิจิทัลกำลังหลั่งไหลความจริงไปทั่วโลก
    ชนชั้นสูงหวาดกลัว—ไม่ใช่เพราะทรัมป์ แต่เพราะคุณต่างหาก

    เพราะเมื่อผู้คนตื่นขึ้น ไม่มีบังเกอร์ ไม่มีการติดสินบน ไม่มีการโกหกใด ๆ ที่จะช่วยชีวิตพวกเขาได้

    นี่คือพระคัมภีร์

    นี่คือสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับได้
    นี่คือพายุ

    และทรัมป์กำลังนำมัน

    ไม่มีอะไรหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้
    และตอนนี้—พวกเขารู้แล้ว

    พวกเขาจบชีวิตฉัน แต่พวกเขาหยุดภารกิจไม่ได้ การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป! เข้าร่วมกับฉันตอนนี้!
    https://t.me/JFK_Q17

    รัฐลึกกำลังล่มสลาย และตอนนี้เบนจามิน ฟูลฟอร์ดกำลังถ่ายทอดสดทาง Telegram โดยเปิดเผยชื่อ สถานที่ และปฏิบัติการ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้โลกตกตะลึง อย่าเลื่อนผ่านสิ่งนี้ เข้าร่วมก่อนที่พวกเขาจะลบมัน!

    https://t.me/BenjaminFulford✅️
    การเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด: ทรัมป์, EBS และกองทัพปลดปล่อยการโค่นล้มทั่วโลก – ชนชั้นสูงตื่นตระหนกเมื่อแผนควอนตัมเริ่มทำงาน พวกเขาไม่ได้รับการเลือกตั้ง พวกเขาไม่ใช่นักมนุษยธรรม พวกเขาเป็นปรสิต และในวันที่ 3 เมษายน 2025 พวกเขาอยู่ในอาการตื่นตระหนกอย่างเต็มตัว ทรัมป์กลับมาแล้ว ระบบควบคุมกำลังล่มสลาย เป็นเวลาหลายทศวรรษที่กลุ่มลับๆ ครอบงำโลก โดยแต่งตั้งผู้นำหุ่นเชิด เปิดฉากสงคราม วางแผนการแพร่ระบาด แบล็กเมล์ประเทศต่างๆ ทั้งหมดซ่อนอยู่ภายใต้ภาพลวงตาของประชาธิปไตยและ “ความก้าวหน้า” แต่ภาพลวงตานั้นตายไปแล้ว ระบอบการปกครองปลอมของไบเดนเป็นข้ออ้างของกลุ่มดีพสเตต เป้าหมายของพวกเขาคือการล็อกดาวน์ทั่วโลก สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง การระบุตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์ สงครามกับรัสเซีย การเฝ้าระวังในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาล้มเหลว เพราะทรัมป์ไม่เคยจากไป กองทัพไม่เคยยอมแพ้ กับดักถูกวางไว้แล้ว กลุ่มโลกาภิวัตน์ก็ตกหลุมพราง ตอนนี้ผลกระทบได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เว็บไซต์ลับของ CIA ถูกบุกโจมตี IMF ล่มสลาย ธนาคารโลกถูกตรวจสอบอย่างละเอียด ตระกูล Rothschild หายตัวไป NATO ถูกเจาะข้อมูล เงินช่วยเหลือ COVID-19 หลายพันล้านดอลลาร์สูญหายไปทั่วทั้งยุโรป และการอพยพของ Vanguard ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นี่ไม่ใช่การเมือง แต่มันคือสงคราม ปรสิตกลุ่มเดียวกับที่ใช้โรคระบาดเป็นอาวุธ ค้ามนุษย์เด็กผ่านเกาะของ Epstein และสะกดจิตคนทั้งโลกผ่านฮอลลีวูดและซิลิคอนวัลเลย์ กำลังถูกตามล่าอยู่ในขณะนี้ ทรัมป์กลับมาพร้อมการสนับสนุนจากกองทัพทั่วโลก ศาลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ผู้คนนับพันถูกจับกุม รัฐบาล GITMO ขยายตัวในปี 2024 ไม่เคยมีไว้สำหรับอุปกรณ์ออปติก แต่มีไว้สำหรับคนทรยศ ระบบกระจายเสียงฉุกเฉินพร้อมแล้ว บูรณาการอย่างสมบูรณ์กับเทคโนโลยี Starlink และ Quantum เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเผยข้อมูลทั่วโลก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต้องดิ้นรน—จุดชนวนความโกลาหล การโจมตีทางไซเบอร์ แม้แต่การรุกรานของมนุษย์ต่างดาวที่หลอกลวง “วัคซีน”? อาวุธดัดแปลง DNA การล็อกดาวน์? โปรแกรมพฤติกรรม เป้าหมาย? การลดจำนวนประชากรและการกดขี่ทางดิจิทัล แต่ทรัมป์สู้กลับ เขาเปิดโปงฟาวซี ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค และองค์การอนามัยโลก เขาผลักดันการรักษาจริง เขาทำลายเรื่องราว และตอนนี้ เมื่อ RFK Jr. เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่กำลังล่มสลาย กลุ่มธุรกิจการแพทย์ของร็อกกี้เฟลเลอร์จบสิ้นแล้ว ธนาคารกลางสหรัฐ? โอนสายใหม่เป็น QFS กรมสรรพากร? ถูกทำลาย สกุลเงินที่รองรับด้วยสินทรัพย์กำลังจะมา บัตรเข้าถึงควอนตัม? ใกล้จะเกิดขึ้น ทองคำของวาติกัน—ถูกยึด การควบคุมของนครลอนดอน—พังทลาย วอลล์สตรีท—อยู่ภายใต้การตรวจสอบทางทหาร สื่อกำลังเผาไหม้ นักรบดิจิทัลกำลังหลั่งไหลความจริงไปทั่วโลก ชนชั้นสูงหวาดกลัว—ไม่ใช่เพราะทรัมป์ แต่เพราะคุณต่างหาก เพราะเมื่อผู้คนตื่นขึ้น ไม่มีบังเกอร์ ไม่มีการติดสินบน ไม่มีการโกหกใด ๆ ที่จะช่วยชีวิตพวกเขาได้ นี่คือพระคัมภีร์ นี่คือสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับได้ นี่คือพายุ และทรัมป์กำลังนำมัน ไม่มีอะไรหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ และตอนนี้—พวกเขารู้แล้ว พวกเขาจบชีวิตฉัน แต่พวกเขาหยุดภารกิจไม่ได้ การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป! เข้าร่วมกับฉันตอนนี้! https://t.me/JFK_Q17 รัฐลึกกำลังล่มสลาย และตอนนี้เบนจามิน ฟูลฟอร์ดกำลังถ่ายทอดสดทาง Telegram โดยเปิดเผยชื่อ สถานที่ และปฏิบัติการ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้โลกตกตะลึง อย่าเลื่อนผ่านสิ่งนี้ เข้าร่วมก่อนที่พวกเขาจะลบมัน! https://t.me/BenjaminFulford✅️
    T.ME
    John F. Kennedy Jr.
    If You Know You Know God Bless America
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 830 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายบ่อนกาสิโนไม่มีพรรคใดหาเสียง จึงไม่มีสิทธิโหวตรับในสภา !!สมัยเกิดทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ งบประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อปีพ.ศ.2542 รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขถูกเครือข่าย 30 องค์กรภาคประชาชนยื่นกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ รัฐมนตรีอ้างว่าเงินที่ไม่สามารถระบุที่มาของเงินนั้นได้มาจากการเล่นการพนันจากบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ไม่รับฟังข้อต่อสู้ดังกล่าวจึงมีการไต่สวนจนพบว่ามีเงินที่รับสินบนด้วยการทำนิติกรรมอำพรางที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนจากบริษัทยาเพื่อจัดซื้อยาราคาแพง และได้ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรัฐมนตรีถูกพิพากษาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 233.87 ล้านบาท และต่อมารัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก15ปีจากการรับสินบนหากร่างพ.ร.บ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ …. ถูกรับรองผ่านเป็นกฎหมายโดยมีการสอดไส้บ่อนกาสิโนไว้ในพรบ.ฉบับนี้ตามที่รัฐบาลต้องการ ต่อจากนี้เป็นต้นไป การฟอกเงินจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหลาย ทั้งการรับสินบน การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด เงินจากการทำผิดกฎหมาย และการปล้นในรูปแบบต่างๆจะถูกอ้างว่าได้มาจากบ่อนกาสิโน เงินใต้ดินทั้งหลายจะถูกฟอกขาวโดยบ่อนกาสิโน สิ่งนี้คือสิ่งที่นักการเมืองต้องการ ใช่หรือไม่ ?! พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นผู้แทนในรัฐสภา ต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงซึ่งถือเป็นสัญญาประชาคม ว่าจะทำอะไรให้ประชาชนถ้าได้รับเลือกเป็นผู้แทนประชาชน หลักคำสอนทางการเมืองของจอห์น ล็อค ที่ให้แก่ผู้มีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย มีอยู่สั้นๆ ว่า รัฐบาลที่ชอบธรรมทั้งปวงหรือ“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”เป็น“รัฐบาลที่มีอำนาจที่จำกัด”(Limited Government)และดำรงอยู่ได้ด้วยความยินยอม (consent) ของประชาชนที่เลือกรัฐบาลขึ้นมา กล่าวคือ รัฐบาลมีอำนาจความเป็นผู้แทนจำกัดอยู่เฉพาะการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงกับประชาชนไว้เท่านั้น ดังนั้นการคัดค้านบ่อนกาสิโนของประชาชน นักการเมืองต้องฟัง !!ในเมื่อพรรคการเมืองทั้งหลายที่อยู่ร่วมเป็นรัฐบาลผสม ไม่เคยหาเสียงเรื่องบ่อนกาสิโน จึงไม่มีสิทธิฮั้วกันโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนหากพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ตนไม่ได้หาเสียงไว้ ก็เท่ากับท่านใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบหมายให้ และเป็นการทำลายสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างร้ายแรง อันอาจถึงขั้นที่รัฐบาลกลายเป็นกบฎต่อความไว้วางใจ และต่อสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนเสียเอง และประชาชนสามารถใช้อำนาจประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democrcy)ขับไล่รัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตนั้นได้การที่ประชาชนแม้ไม่เห็นด้วยกับการนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล แต่เพราะเป็นการหาเสียงของรัฐบาล ประชาชนจึงกล้ำกลืนความไม่พอใจ ความกังวลใจว่าประเทศจะเสียหายเพราะนโยบายแจกเงินเช่นนั้น แต่บ่อนกาสิโนไม่ใช่การหาเสียงของพรรคใด พวกท่านจึงไม่มีสิทธิลักไก่ผลักดันผ่านร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนดังกล่าว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านต่อต้านที่ดังกึกก้องมาจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในขณะนี้จงอย่าคิดว่าเมื่อได้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลก็จะทำอะไรก็ได้ ที่นอกเหนือจากการหาเสียง ประชาชนเลือกผู้แทน ไม่ใช่เลือกโจรมาปล้นบ้านตัวเอง ใช่หรือไม่?รัฐบาลและรัฐสภามีเครื่องมือในการทำประชามติ ถ้ารัฐบาลทนรอถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าไม่ได้ ก็จงใช้เครื่องมือประชามติถามประชาชนทั้งประเทศเรื่องบ่อนกาสิโนว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำหรือไม่ ?ประธานรัฐสภาเป็นเสาหลัก 1 ในอำนาจ 3 ที่ประชาชนมอบให้ และหวังให้เสาหลักเป็นหลักที่ปักมั่นไม่คลอนแคลน เป็นอิสระ และทำตามสัญญาประชาคมในการไม่เปิดประตูให้กับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ประชาชนคัดค้าน ถ้าท่านยอมให้ร่างกฎหมายเข้าสู่สายพานการออกกฎหมายของรัฐสภา ก็ไม่ต่างกับการออกกฎหมายให้การปล้นอนาคตประเทศ ปล้นอนาคตลูกหลานไทยเป็นการปล้นที่ถูกกฎหมาย ใช่หรือไม่?ขอให้จดจำร่างพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ว่ามีการลักหลับผ่านกฎหมายช่วงตี3-ตี4 ตรงตามฤกษ์โจรปล้น ว่ามีผลเป็นอย่างไร บ่อนกาสิโนก็อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความปั่นป่วนและอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้อีกจากการฉวยโอกาส ดังที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆจากการลุกขึ้นต่อต้านของประชาชน ใช่หรือไม่รสนา โตสิตระกูล3 เมษายน 2568#คัดค้านกาสิโน
    นโยบายบ่อนกาสิโนไม่มีพรรคใดหาเสียง จึงไม่มีสิทธิโหวตรับในสภา !!สมัยเกิดทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ งบประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อปีพ.ศ.2542 รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขถูกเครือข่าย 30 องค์กรภาคประชาชนยื่นกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ รัฐมนตรีอ้างว่าเงินที่ไม่สามารถระบุที่มาของเงินนั้นได้มาจากการเล่นการพนันจากบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ไม่รับฟังข้อต่อสู้ดังกล่าวจึงมีการไต่สวนจนพบว่ามีเงินที่รับสินบนด้วยการทำนิติกรรมอำพรางที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนจากบริษัทยาเพื่อจัดซื้อยาราคาแพง และได้ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรัฐมนตรีถูกพิพากษาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 233.87 ล้านบาท และต่อมารัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก15ปีจากการรับสินบนหากร่างพ.ร.บ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ …. ถูกรับรองผ่านเป็นกฎหมายโดยมีการสอดไส้บ่อนกาสิโนไว้ในพรบ.ฉบับนี้ตามที่รัฐบาลต้องการ ต่อจากนี้เป็นต้นไป การฟอกเงินจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหลาย ทั้งการรับสินบน การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด เงินจากการทำผิดกฎหมาย และการปล้นในรูปแบบต่างๆจะถูกอ้างว่าได้มาจากบ่อนกาสิโน เงินใต้ดินทั้งหลายจะถูกฟอกขาวโดยบ่อนกาสิโน สิ่งนี้คือสิ่งที่นักการเมืองต้องการ ใช่หรือไม่ ?! พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นผู้แทนในรัฐสภา ต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงซึ่งถือเป็นสัญญาประชาคม ว่าจะทำอะไรให้ประชาชนถ้าได้รับเลือกเป็นผู้แทนประชาชน หลักคำสอนทางการเมืองของจอห์น ล็อค ที่ให้แก่ผู้มีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย มีอยู่สั้นๆ ว่า รัฐบาลที่ชอบธรรมทั้งปวงหรือ“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”เป็น“รัฐบาลที่มีอำนาจที่จำกัด”(Limited Government)และดำรงอยู่ได้ด้วยความยินยอม (consent) ของประชาชนที่เลือกรัฐบาลขึ้นมา กล่าวคือ รัฐบาลมีอำนาจความเป็นผู้แทนจำกัดอยู่เฉพาะการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงกับประชาชนไว้เท่านั้น ดังนั้นการคัดค้านบ่อนกาสิโนของประชาชน นักการเมืองต้องฟัง !!ในเมื่อพรรคการเมืองทั้งหลายที่อยู่ร่วมเป็นรัฐบาลผสม ไม่เคยหาเสียงเรื่องบ่อนกาสิโน จึงไม่มีสิทธิฮั้วกันโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนหากพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ตนไม่ได้หาเสียงไว้ ก็เท่ากับท่านใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบหมายให้ และเป็นการทำลายสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างร้ายแรง อันอาจถึงขั้นที่รัฐบาลกลายเป็นกบฎต่อความไว้วางใจ และต่อสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนเสียเอง และประชาชนสามารถใช้อำนาจประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democrcy)ขับไล่รัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตนั้นได้การที่ประชาชนแม้ไม่เห็นด้วยกับการนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล แต่เพราะเป็นการหาเสียงของรัฐบาล ประชาชนจึงกล้ำกลืนความไม่พอใจ ความกังวลใจว่าประเทศจะเสียหายเพราะนโยบายแจกเงินเช่นนั้น แต่บ่อนกาสิโนไม่ใช่การหาเสียงของพรรคใด พวกท่านจึงไม่มีสิทธิลักไก่ผลักดันผ่านร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนดังกล่าว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านต่อต้านที่ดังกึกก้องมาจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในขณะนี้จงอย่าคิดว่าเมื่อได้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลก็จะทำอะไรก็ได้ ที่นอกเหนือจากการหาเสียง ประชาชนเลือกผู้แทน ไม่ใช่เลือกโจรมาปล้นบ้านตัวเอง ใช่หรือไม่?รัฐบาลและรัฐสภามีเครื่องมือในการทำประชามติ ถ้ารัฐบาลทนรอถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าไม่ได้ ก็จงใช้เครื่องมือประชามติถามประชาชนทั้งประเทศเรื่องบ่อนกาสิโนว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำหรือไม่ ?ประธานรัฐสภาเป็นเสาหลัก 1 ในอำนาจ 3 ที่ประชาชนมอบให้ และหวังให้เสาหลักเป็นหลักที่ปักมั่นไม่คลอนแคลน เป็นอิสระ และทำตามสัญญาประชาคมในการไม่เปิดประตูให้กับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ประชาชนคัดค้าน ถ้าท่านยอมให้ร่างกฎหมายเข้าสู่สายพานการออกกฎหมายของรัฐสภา ก็ไม่ต่างกับการออกกฎหมายให้การปล้นอนาคตประเทศ ปล้นอนาคตลูกหลานไทยเป็นการปล้นที่ถูกกฎหมาย ใช่หรือไม่?ขอให้จดจำร่างพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ว่ามีการลักหลับผ่านกฎหมายช่วงตี3-ตี4 ตรงตามฤกษ์โจรปล้น ว่ามีผลเป็นอย่างไร บ่อนกาสิโนก็อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความปั่นป่วนและอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้อีกจากการฉวยโอกาส ดังที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆจากการลุกขึ้นต่อต้านของประชาชน ใช่หรือไม่รสนา โตสิตระกูล3 เมษายน 2568#คัดค้านกาสิโน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1092 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก พบขบวนการสั่งตาย เตรียมขยายผลเพิ่มเติม
    .
    ภายหลังผลการตรวจสอบการทุจริตซื้อขายยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกออกมาแล้ว โดยพบว่างานนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่มีบุคลากรในโรงพยาบาลลักลอบนำยาออกไปจำหน่ายโดยมิชอบ และมีเครือข่ายทั้งหมด 6 ทีม ในเรื่องนี้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ป.ป.ช.และองค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ส่วนกลาง ร่วมกันสอบปากคำคนไข้ ตามรายชื่อในเวชระเบียนโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในพื้นที่จังหวัดลพบุรีกว่า 50 คน
    .
    ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตยาเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน มีทั้งคนไข้ที่มีโรคประจำตัวจริงและกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษาพร้อมรับยาและเวชภัณฑ์แต่ไม่ได้ป่วยจริง รวมกว่า 50 คน
    .
    พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำรวมกว่า 80 คน แต่เบื้องต้น ติดต่อขอมาให้ข้อมูลกับตำรวจประมาณ 50-60 คน การสอบปากคำมีการแบ่งออกเป็น 6-7 กลุ่ม ซึ่งจะพยายามสอบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้
    .
    สำหรับการสอบปากคำกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย ที่เป็นทั้งอดีตทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัว ขาดความรู้ และมีฐานะยากจน หลังสอบปากคำ 6-7 กลุ่มเสร็จสิ้นลง จะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องในระดับหัวหน้าและสั่งการ จากข้อมูลที่ได้ จากการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วย เพราะการที่บอกให้คนไข้ เป็นโรคความดัน รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือคนที่เป็นโรคเบาหวานกินน้ำหวานก่อนเข้าตรวจ ลักษณะเป็นการสั่งตาย มีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมเตรียมขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ หลังพบว่าขบวนการดังกล่าว กระทำผิดในโรงพยาบาลรัฐอื่นๆในสังกัดทหารและโรงพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
    .
    "จากการได้นั่งคุยกับหลายคนรู้สึกเวทนา ด้วยปัญหาความยากจน เเละด้อยความรู้ จึงกระทำการโดยรู้หรือไม่รู้ เเละจะมีการสรุปออกมาเป็นรูปธรรม จะค้นหาในทุกมิติว่าใครที่เป็นตัวการ เเละเป็นเหยื่อ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
    ............
    Sondhi X
    ทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก พบขบวนการสั่งตาย เตรียมขยายผลเพิ่มเติม . ภายหลังผลการตรวจสอบการทุจริตซื้อขายยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกออกมาแล้ว โดยพบว่างานนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่มีบุคลากรในโรงพยาบาลลักลอบนำยาออกไปจำหน่ายโดยมิชอบ และมีเครือข่ายทั้งหมด 6 ทีม ในเรื่องนี้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ป.ป.ช.และองค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ส่วนกลาง ร่วมกันสอบปากคำคนไข้ ตามรายชื่อในเวชระเบียนโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในพื้นที่จังหวัดลพบุรีกว่า 50 คน . ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตยาเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน มีทั้งคนไข้ที่มีโรคประจำตัวจริงและกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษาพร้อมรับยาและเวชภัณฑ์แต่ไม่ได้ป่วยจริง รวมกว่า 50 คน . พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำรวมกว่า 80 คน แต่เบื้องต้น ติดต่อขอมาให้ข้อมูลกับตำรวจประมาณ 50-60 คน การสอบปากคำมีการแบ่งออกเป็น 6-7 กลุ่ม ซึ่งจะพยายามสอบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้ . สำหรับการสอบปากคำกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย ที่เป็นทั้งอดีตทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัว ขาดความรู้ และมีฐานะยากจน หลังสอบปากคำ 6-7 กลุ่มเสร็จสิ้นลง จะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องในระดับหัวหน้าและสั่งการ จากข้อมูลที่ได้ จากการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วย เพราะการที่บอกให้คนไข้ เป็นโรคความดัน รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือคนที่เป็นโรคเบาหวานกินน้ำหวานก่อนเข้าตรวจ ลักษณะเป็นการสั่งตาย มีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมเตรียมขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ หลังพบว่าขบวนการดังกล่าว กระทำผิดในโรงพยาบาลรัฐอื่นๆในสังกัดทหารและโรงพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข . "จากการได้นั่งคุยกับหลายคนรู้สึกเวทนา ด้วยปัญหาความยากจน เเละด้อยความรู้ จึงกระทำการโดยรู้หรือไม่รู้ เเละจะมีการสรุปออกมาเป็นรูปธรรม จะค้นหาในทุกมิติว่าใครที่เป็นตัวการ เเละเป็นเหยื่อ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว ............ Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    Haha
    Angry
    30
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2589 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด
    .
    หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
    .
    ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง
    .
    ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย
    .
    แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง
    .
    มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น
    .
    ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    .
    ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย
    .
    ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด
    .
    อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้
    .
    เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป
    .
    การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา
    .
    มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ
    .
    ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232
    ..............
    Sondhi X
    สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด . หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ . ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง . ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย . แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ . ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง . มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น . ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ . ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย . ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด . อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้ . เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป . การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น . นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา . มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ . ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2787 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก ระบุในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ว่าบริษัทอาจตัดสินใจย้ายฐานการผลิตในต่างประเทศกลับเข้ามายังสหรัฐฯ หากมีความจำเป็น หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ใช้มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ

    บัวร์ลา กล่าวในเวทีเสวนาด้านสุขภาพประจำปี TD Cowen ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ว่า "เรามีศักยภาพด้านการผลิตทุกอย่างที่นี่ และโรงงานผลิตต่างๆ ก็มีกำลังผลิตที่มากพอ หากมีอะไรเกิดขึ้น เราจะพยายามบรรเทาผลกระทบด้วยการย้ายฐานผลิตจากภายนอกเข้ามายังโรงงานที่นี่"

    เดือนที่แล้ว ทรัมป์ ได้มอบหมายให้ทีมงานด้านเศรษฐกิจไปจัดทำแผนรีดภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆ ที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งรีดภาษีสินค้าจากจีนทุกชนิดในอัตรา 10% ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. และเตรียมที่จะบังคับใช้มาตรการรีดภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% สัปดาห์นี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020858

    #MGROnline #ไฟเซอร์ #Pfizer
    อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก ระบุในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ว่าบริษัทอาจตัดสินใจย้ายฐานการผลิตในต่างประเทศกลับเข้ามายังสหรัฐฯ หากมีความจำเป็น หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ใช้มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ • บัวร์ลา กล่าวในเวทีเสวนาด้านสุขภาพประจำปี TD Cowen ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ว่า "เรามีศักยภาพด้านการผลิตทุกอย่างที่นี่ และโรงงานผลิตต่างๆ ก็มีกำลังผลิตที่มากพอ หากมีอะไรเกิดขึ้น เราจะพยายามบรรเทาผลกระทบด้วยการย้ายฐานผลิตจากภายนอกเข้ามายังโรงงานที่นี่" • เดือนที่แล้ว ทรัมป์ ได้มอบหมายให้ทีมงานด้านเศรษฐกิจไปจัดทำแผนรีดภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆ ที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งรีดภาษีสินค้าจากจีนทุกชนิดในอัตรา 10% ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. และเตรียมที่จะบังคับใช้มาตรการรีดภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% สัปดาห์นี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020858 • #MGROnline #ไฟเซอร์ #Pfizer
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 511 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อหลักของโลกพากันรายงานว่าฮามาสเป็นฝ่ายเริ่มผิดข้อตกลงหยุดยิงที่ทำกับอิสราเอล "สื่อกำลังสร้างความชอบธรรมให้กับอิสราเอลในการทำลายกาซาต่อไป!"

    นี่คือสิ่งที่ฮามาสระบุว่าอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิง:
    มีรถบรรทุกความช่วยเหลือที่สำคัญ เช่น อาหาร น้ำ เวชภัณฑ์ เพียง 8,500 คัน จากข้อตกลงทั้งหมด 12,000 คัน ที่ได้เข้าสู่ฉนวนกาซา
    มีรถบรรทุกน้ำมันเพียง 15 คัน เท่านั้น จากข้อตกลงวันละ 50 คัน ที่ต้องเข้าสู่ฉนวนกาซาทุกวัน
    ไม่มีการสร้างยูนิตที่พักชั่วคราว หรือเท่ากับ 0 หลัง จากทั้งหมด 60,000 ยูนิต ที่อิสราเอลต้องส่งไปที่ฉนวนกาซา
    จำนวนเต็นท์ที่ตกลงกันไว้ 200,000 หลัง แต่มีเพียง 20,000 หลังเท่านั้น ที่ถูกส่งไปที่ฉนวนกาซา
    - มีรายงานชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารในข่าน ยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา
    - อิสราเอลเปิดฉากโจมตีเวสต์แบงก์อย่างต่อเนื่องหลังข้อตกลงหยุดยิงในกาซามีผลบังคับใช้ แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แต่นี่คือการยั่วยุอย่างชัดเจนจากอิสราเอล

    ทั้งหมดนี่ไม่ใช่การผิดพลาดทางด้านการจัดการ แต่เป็นความตั้งใจที่เนทันยาฮูและทรัมป์ต้องการให้ข้อตกลงนี้ล้มเหลว เพราะพวกเขาไม่ต้องการสันติภาพ พวกเขาต้องการการกวาดล้างชาติพันธุ์ และยึดครองดินแดนกาซา

    "แต่สหรัฐและอิสราเอลกลับประณามฮามาสว่าเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่าวร้ายแรง!"

    สื่อหลักของโลกพากันรายงานว่าฮามาสเป็นฝ่ายเริ่มผิดข้อตกลงหยุดยิงที่ทำกับอิสราเอล "สื่อกำลังสร้างความชอบธรรมให้กับอิสราเอลในการทำลายกาซาต่อไป!" นี่คือสิ่งที่ฮามาสระบุว่าอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิง: ❌ มีรถบรรทุกความช่วยเหลือที่สำคัญ เช่น อาหาร น้ำ เวชภัณฑ์ เพียง 8,500 คัน จากข้อตกลงทั้งหมด 12,000 คัน ที่ได้เข้าสู่ฉนวนกาซา ❌ มีรถบรรทุกน้ำมันเพียง 15 คัน เท่านั้น จากข้อตกลงวันละ 50 คัน ที่ต้องเข้าสู่ฉนวนกาซาทุกวัน ❌ ไม่มีการสร้างยูนิตที่พักชั่วคราว หรือเท่ากับ 0 หลัง จากทั้งหมด 60,000 ยูนิต ที่อิสราเอลต้องส่งไปที่ฉนวนกาซา ❌ จำนวนเต็นท์ที่ตกลงกันไว้ 200,000 หลัง แต่มีเพียง 20,000 หลังเท่านั้น ที่ถูกส่งไปที่ฉนวนกาซา - มีรายงานชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารในข่าน ยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา - อิสราเอลเปิดฉากโจมตีเวสต์แบงก์อย่างต่อเนื่องหลังข้อตกลงหยุดยิงในกาซามีผลบังคับใช้ แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แต่นี่คือการยั่วยุอย่างชัดเจนจากอิสราเอล ทั้งหมดนี่ไม่ใช่การผิดพลาดทางด้านการจัดการ แต่เป็นความตั้งใจที่เนทันยาฮูและทรัมป์ต้องการให้ข้อตกลงนี้ล้มเหลว เพราะพวกเขาไม่ต้องการสันติภาพ พวกเขาต้องการการกวาดล้างชาติพันธุ์ และยึดครองดินแดนกาซา "แต่สหรัฐและอิสราเอลกลับประณามฮามาสว่าเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่าวร้ายแรง!"
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 มกราคม 2568-คุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เขียนบทความเรื่อง ระเบียบโลกใหม่ WEF WHO และDeep State โรคระบาดกับวัคซีน มีเนื้อหาดังนี้
    “ถึงเวลาเปิดโปงรับรู้และต่อต้าน ระเบียบโลกใหม่ ให้ มนุษย์อยู่ใต้อำนาจหนึ่งเดียว

    ระเบียบโลกใหม่ great reset โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย และสั่งให้ จงมีความสุข
    Own nothing and be happy

    รัฐบาลสหรัฐใหม่ ลุยตีโต้กลับ ระเบียบสร้างโลกหนึ่งเดียว ที่ ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ ตาม world economic forum (WEF) deep state BlackRock State Street Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มอีลีท elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และมีเครือข่ายในบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer Moderna GSK Sanofi และอื่นๆ

    และในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุมได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่พาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการกับ WEF ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้และเป้าหมาย รายละเอียด ของ WEF ได้ ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เป็นเกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้นแต่ครอบคลุมความมั่นคงเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา

    องค์การอนามัยโลก ถือเป็นหน่วยงานสำคัญส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบโลกนี้ และผ่านเครือข่าย CDC FDA เป็นต้น ในการครอบคลุม global health care ทั้งนี้โดยยึดจุดอ่อนของประเทศต่างๆที่เคยชิน ทำตามคำสั่งของกลุ่มเหล่านี้มาตลอด รวมทั้งประเทศไทย

    WEF ได้ประกาศในวันที่ 9 มกราคม 2024 world health care initiative เปิดตัวในความริเริ่มที่จะใช้ ระบบดิจิตอล และปัญญาประดิษฐ์เพื่อหลอม ระบบดูแลสุขภาพทั้งโลก โดยที่ต้องทำ
    ตามอย่างเคร่งครัด และอีกหัวข้อที่สำคัญคือการจัดการประชากรล้นโลก โดยมีเป้าหมายให้ประชากรลดลง 10 ถึง 15% (depopulation agenda)

    WEF ได้รับการสนับสนุน และทำงานร่วมกับ Boston consulting group (BCG) ที่ทุนใหญ่ ทางการเงิน คือ จาก Bill & Melinda Gates foundation

    การต่อต้านสนธิสัญญา WHO treaty ต้องทำทันที มิฉะนั้น องค์การอนามัยโลก สามารถประกาศโรคระบาดลามโลก (อาจจะยังไม่อันตรายหรือระบาดจริง?) และสั่งให้สำรองวัคซีนสำหรับโรคใหม่และสั่งให้ฉีดทุกคนในโลกนี้ และสามารถสั่งการปิดประเทศ รวมทั้งจัดการให้มีบัตรประจำตัวดิจิตอลสุขภาพที่แสดงว่าได้รับวัคซีนหรือไม่ถ้าไม่ได้ตามที่กำหนดจะถูกจำกัดสิทธิ์รวมทั้งการเดินทางไปยังที่ต่างๆ

    ประเด็นที่กำลังพยายามให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็คือ ฝีดาษลิง ซึ่ง องค์การอนามัยโลกและผ่านทางองค์กรในรัฐบาลสหรัฐเก่า ในระยะเวลาที่ผ่านมา พยายามให้มีการฉีดวัคซีนฝีดาษลิง ทั้งๆที่ การระบาดลุกลาม และการเสียชีวิตไม่ได้กว้างขวางนัก และให้อังกฤษและสหรัฐ และสหภาพยุโรป สำรองวัคซีนฝีดาษลิง
    ความพยายามในเรื่องไข้หวัดนก H5N1 จากการวิเคราะห์สายพันธุ์ที่มีการประกาศว่าระบาดและมีการสั่งให้พัฒนาวัคซีน mRNA ไข้หวัดนก และเป้าหมายจะฉีดทั่วโลก
    กลุ่มคนไทยและแพทย์พิทักษ์สิทธิ์ รวมทั้งสมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยมากกว่า 60,000 คนได้ลงชื่อและยื่นต่อรัฐบาลไทยไม่ให้อยู่ในสนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกนี้แล้ว
    รายงาน ที่มาและกำเนิดของไวรัสไข้หวัดนก ในปัจจุบัน The Proximal Origin of Epidemic Highly Pathogenic Avian Influenza H5N1 Clade 2.3.4.4b and Spread by Migratory water fowl วารสาร Waterfowl Poultry, Fisheries & Wildlife Sciences 2024
    • มีความเป็นไปได้ ที่อาจมีที่มา ไม่ธรรมดา ของhighly pathogenic avian influenza HPAI H5N1 clade 2.3.4.4b genotype B3.13 ที่มีการติดเชื้อข้ามจากนก มาเป็ด ไก่ วัว หมู และอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วน่าแปลกใจ
    • การวิเคราะห์ดังในรายงานดังกล่าว ทางรหัสพันธุกรรมพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับการสร้างไวรัสใหม่ ที่ USDA Southeast Poultry Research Laboratory (SEPRL) ใน Athens, Georgia, และ the Erasmus medical center in Rotterdam, the Netherlands

    • การตรวจพบเชื้อ HPAI H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b ครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ในปี 2020 ทำให้เกิดข้อกังวลทันที ว่าเกี่ยวกับการวิจัย สร้างไวรัสใหม่ gain of function ในช่วงก่อนหน้านี้ (Erasmus ประเทศเนเธอร์แลนด์) และสถาบันมีรายงานความสำเร็จในการสร้างไวรัสใหม่ในปี 2012 ถึงกับสร้าง ให้สามารถแพร่ทางอากาศได้
    • การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมบ่งชี้ว่ามีจีโนไทป์B3.13 ซึ่งปรากฏในปี 2024 และเชื่อมโยงกับจีโนไทป์ B1.2 ซึ่งมีต้นกำเนิดในจอร์เจียในเดือนมกราคม 2022 หลังจากเริ่มการทดลองการ เพาะเชื้อผ่านแบบต่อเนื่อง (serial passage) กับเชื้อ H5Nx กลุ่ม 2.3.4.4 ในเป็ดแมลลาร์ดที่ SEPRL ในเอเธนส์ จอร์เจีย
    • ในเดือนเมษายน 2021 พบจีโนไทป์ B1.2 ในปลาโลมาหัวขวด
    • ในเดือนมีนาคม 2022 ในฟลอริดา ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับตัวใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
    • ยีน NP ของเชื้อ H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b (จีโนไทป์B3.13) มีแนวโน้มว่ามาจากไวรัสไข้หวัดนกชนิด A ในเป็ดแมลลาร์ด
    • การกลายพันธุ์ที่สำคัญที่พบในกรณีของมนุษย์เมื่อไม่นานนี้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับการทดลองการผ่านไวรัสแบบต่อเนื่อง
    • อย่างไรก็ตามแม้ว่าไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่นี้จะสามารถปรับตัวข้ามสปีชีส์ของสัตว์และมาคนได้ “แต่ไม่พบความรุนแรง” นั่นก็คือไม่มีการแสดงอาการของโรคและการตายเช่นไวรัส ไข้หวัด นกก่อนหน้านี้
    ดังนั้นประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับ CDC FDA และหน่วยงานเกษตรของสหรัฐ ที่แจ้งว่าไข้หวัดนกมีการลุกลามอย่างมากและจำเป็นต้องมีการใช้วัคซีนด่วนและสำหรับทั่วโลกด้วย
    เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักฐานของการระบาดลุกลามนั้นเป็นการตรวจพีซีอาร์ รวมทั้งการตรวจในน้ำเสียที่ปล่อยทิ้งและพบสารพันธุกรรมเยอะขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความรุนแรงที่ปรากฏไม่ว่าจะเป็นในสัตว์หรือในมนุษย์เอง
    • ตัวอย่างโรคระบาดเหล่านี้รวมถึงโควิดที่ผ่านมาทำให้รัฐบาลใหม่สหรัฐ ประกาศยุติความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลกโดยประธานาธิบดีใหม่ได้กล่าวปราศรัยว่าเป็นองค์กรที่ทุจริตและมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ และถึงกับแทรกตัวเข้าไปในองค์กรที่ตั้งตรวจสอบยาและวัคซีนของสหรัฐ FDA CDC โดยจะมีการปลด และทำการรื้อองค์กรใหม่พร้อมกับประกาศสอบความเชื่อมโยงกับแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ ซึ่งได้รับผลประโยชน์ทางด้านการได้รับทุนวิจัยรวมทั้งสินบน เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการขายโดยให้ใช้ในประชาชนทั่วโลกผ่านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโรคระบาด และรัฐบาลใหม่ประกาศจุดยืนต้าน deep state
    ในประเทศไทยมีคนในระดับผู้นำองค์กรเป็นสมาชิก WEF และเริ่มมีประกาศสนับสนุนแนวทางสร้างโลกหนึ่งเดียว โดยมนุษย์โลกต้องอยู่ให้ได้ภายใต้กรอบเข้มงวด อย่าง
    (ดูเหมือน)มีความสุข

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และ
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    (เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์สุขภาพหรรษา วันที่ 5 และ 12 มกราคม 2025)
    12 มกราคม 2568-คุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เขียนบทความเรื่อง ระเบียบโลกใหม่ WEF WHO และDeep State โรคระบาดกับวัคซีน มีเนื้อหาดังนี้ “ถึงเวลาเปิดโปงรับรู้และต่อต้าน ระเบียบโลกใหม่ ให้ มนุษย์อยู่ใต้อำนาจหนึ่งเดียว ระเบียบโลกใหม่ great reset โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย และสั่งให้ จงมีความสุข Own nothing and be happy รัฐบาลสหรัฐใหม่ ลุยตีโต้กลับ ระเบียบสร้างโลกหนึ่งเดียว ที่ ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ ตาม world economic forum (WEF) deep state BlackRock State Street Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มอีลีท elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และมีเครือข่ายในบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer Moderna GSK Sanofi และอื่นๆ และในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุมได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่พาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการกับ WEF ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้และเป้าหมาย รายละเอียด ของ WEF ได้ ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เป็นเกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้นแต่ครอบคลุมความมั่นคงเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา องค์การอนามัยโลก ถือเป็นหน่วยงานสำคัญส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบโลกนี้ และผ่านเครือข่าย CDC FDA เป็นต้น ในการครอบคลุม global health care ทั้งนี้โดยยึดจุดอ่อนของประเทศต่างๆที่เคยชิน ทำตามคำสั่งของกลุ่มเหล่านี้มาตลอด รวมทั้งประเทศไทย WEF ได้ประกาศในวันที่ 9 มกราคม 2024 world health care initiative เปิดตัวในความริเริ่มที่จะใช้ ระบบดิจิตอล และปัญญาประดิษฐ์เพื่อหลอม ระบบดูแลสุขภาพทั้งโลก โดยที่ต้องทำ ตามอย่างเคร่งครัด และอีกหัวข้อที่สำคัญคือการจัดการประชากรล้นโลก โดยมีเป้าหมายให้ประชากรลดลง 10 ถึง 15% (depopulation agenda) WEF ได้รับการสนับสนุน และทำงานร่วมกับ Boston consulting group (BCG) ที่ทุนใหญ่ ทางการเงิน คือ จาก Bill & Melinda Gates foundation การต่อต้านสนธิสัญญา WHO treaty ต้องทำทันที มิฉะนั้น องค์การอนามัยโลก สามารถประกาศโรคระบาดลามโลก (อาจจะยังไม่อันตรายหรือระบาดจริง?) และสั่งให้สำรองวัคซีนสำหรับโรคใหม่และสั่งให้ฉีดทุกคนในโลกนี้ และสามารถสั่งการปิดประเทศ รวมทั้งจัดการให้มีบัตรประจำตัวดิจิตอลสุขภาพที่แสดงว่าได้รับวัคซีนหรือไม่ถ้าไม่ได้ตามที่กำหนดจะถูกจำกัดสิทธิ์รวมทั้งการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ประเด็นที่กำลังพยายามให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็คือ ฝีดาษลิง ซึ่ง องค์การอนามัยโลกและผ่านทางองค์กรในรัฐบาลสหรัฐเก่า ในระยะเวลาที่ผ่านมา พยายามให้มีการฉีดวัคซีนฝีดาษลิง ทั้งๆที่ การระบาดลุกลาม และการเสียชีวิตไม่ได้กว้างขวางนัก และให้อังกฤษและสหรัฐ และสหภาพยุโรป สำรองวัคซีนฝีดาษลิง ความพยายามในเรื่องไข้หวัดนก H5N1 จากการวิเคราะห์สายพันธุ์ที่มีการประกาศว่าระบาดและมีการสั่งให้พัฒนาวัคซีน mRNA ไข้หวัดนก และเป้าหมายจะฉีดทั่วโลก กลุ่มคนไทยและแพทย์พิทักษ์สิทธิ์ รวมทั้งสมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยมากกว่า 60,000 คนได้ลงชื่อและยื่นต่อรัฐบาลไทยไม่ให้อยู่ในสนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกนี้แล้ว รายงาน ที่มาและกำเนิดของไวรัสไข้หวัดนก ในปัจจุบัน The Proximal Origin of Epidemic Highly Pathogenic Avian Influenza H5N1 Clade 2.3.4.4b and Spread by Migratory water fowl วารสาร Waterfowl Poultry, Fisheries & Wildlife Sciences 2024 • มีความเป็นไปได้ ที่อาจมีที่มา ไม่ธรรมดา ของhighly pathogenic avian influenza HPAI H5N1 clade 2.3.4.4b genotype B3.13 ที่มีการติดเชื้อข้ามจากนก มาเป็ด ไก่ วัว หมู และอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วน่าแปลกใจ • การวิเคราะห์ดังในรายงานดังกล่าว ทางรหัสพันธุกรรมพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับการสร้างไวรัสใหม่ ที่ USDA Southeast Poultry Research Laboratory (SEPRL) ใน Athens, Georgia, และ the Erasmus medical center in Rotterdam, the Netherlands • การตรวจพบเชื้อ HPAI H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b ครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ในปี 2020 ทำให้เกิดข้อกังวลทันที ว่าเกี่ยวกับการวิจัย สร้างไวรัสใหม่ gain of function ในช่วงก่อนหน้านี้ (Erasmus ประเทศเนเธอร์แลนด์) และสถาบันมีรายงานความสำเร็จในการสร้างไวรัสใหม่ในปี 2012 ถึงกับสร้าง ให้สามารถแพร่ทางอากาศได้ • การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมบ่งชี้ว่ามีจีโนไทป์B3.13 ซึ่งปรากฏในปี 2024 และเชื่อมโยงกับจีโนไทป์ B1.2 ซึ่งมีต้นกำเนิดในจอร์เจียในเดือนมกราคม 2022 หลังจากเริ่มการทดลองการ เพาะเชื้อผ่านแบบต่อเนื่อง (serial passage) กับเชื้อ H5Nx กลุ่ม 2.3.4.4 ในเป็ดแมลลาร์ดที่ SEPRL ในเอเธนส์ จอร์เจีย • ในเดือนเมษายน 2021 พบจีโนไทป์ B1.2 ในปลาโลมาหัวขวด • ในเดือนมีนาคม 2022 ในฟลอริดา ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับตัวใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน • ยีน NP ของเชื้อ H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b (จีโนไทป์B3.13) มีแนวโน้มว่ามาจากไวรัสไข้หวัดนกชนิด A ในเป็ดแมลลาร์ด • การกลายพันธุ์ที่สำคัญที่พบในกรณีของมนุษย์เมื่อไม่นานนี้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับการทดลองการผ่านไวรัสแบบต่อเนื่อง • อย่างไรก็ตามแม้ว่าไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่นี้จะสามารถปรับตัวข้ามสปีชีส์ของสัตว์และมาคนได้ “แต่ไม่พบความรุนแรง” นั่นก็คือไม่มีการแสดงอาการของโรคและการตายเช่นไวรัส ไข้หวัด นกก่อนหน้านี้ ดังนั้นประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับ CDC FDA และหน่วยงานเกษตรของสหรัฐ ที่แจ้งว่าไข้หวัดนกมีการลุกลามอย่างมากและจำเป็นต้องมีการใช้วัคซีนด่วนและสำหรับทั่วโลกด้วย เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักฐานของการระบาดลุกลามนั้นเป็นการตรวจพีซีอาร์ รวมทั้งการตรวจในน้ำเสียที่ปล่อยทิ้งและพบสารพันธุกรรมเยอะขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความรุนแรงที่ปรากฏไม่ว่าจะเป็นในสัตว์หรือในมนุษย์เอง • ตัวอย่างโรคระบาดเหล่านี้รวมถึงโควิดที่ผ่านมาทำให้รัฐบาลใหม่สหรัฐ ประกาศยุติความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลกโดยประธานาธิบดีใหม่ได้กล่าวปราศรัยว่าเป็นองค์กรที่ทุจริตและมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ และถึงกับแทรกตัวเข้าไปในองค์กรที่ตั้งตรวจสอบยาและวัคซีนของสหรัฐ FDA CDC โดยจะมีการปลด และทำการรื้อองค์กรใหม่พร้อมกับประกาศสอบความเชื่อมโยงกับแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ ซึ่งได้รับผลประโยชน์ทางด้านการได้รับทุนวิจัยรวมทั้งสินบน เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการขายโดยให้ใช้ในประชาชนทั่วโลกผ่านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโรคระบาด และรัฐบาลใหม่ประกาศจุดยืนต้าน deep state ในประเทศไทยมีคนในระดับผู้นำองค์กรเป็นสมาชิก WEF และเริ่มมีประกาศสนับสนุนแนวทางสร้างโลกหนึ่งเดียว โดยมนุษย์โลกต้องอยู่ให้ได้ภายใต้กรอบเข้มงวด อย่าง (ดูเหมือน)มีความสุข ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต (เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์สุขภาพหรรษา วันที่ 5 และ 12 มกราคม 2025)
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1750 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## สุขภาพ กับ ระเบียบโลกใหม่ The Great Reset ##
    ..
    ..
    โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย แต่ จะมีความสุข Own nothing and be happy.
    .
    ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ
    .
    World Economic Forum (WEF) , Deep State , BlackRock , State Street , Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่ม Elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และ มีเครือข่ายใน บริษัทยาวัคซีนยักใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer , Moderna , GSK , Sanofi และ อื่นๆ
    .
    และ ในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุม ได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่เป็น "พาร์ทเนอร์" อย่างเป็นทางการ ของ World Economic Forum (WEF) ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้ และ เป้าหมาย รายละเอียด ของ World Economic Forum (WEF) ได้ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้น แต่ครอบคลุมความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา (รวมทั้งบริษัทค้าอาวุธสงครามด้วย)
    ...
    ...
    "ระเบียบโลกใหม่ The Great Reset" โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4"
    ## สุขภาพ กับ ระเบียบโลกใหม่ The Great Reset ## .. .. โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย แต่ จะมีความสุข Own nothing and be happy. . ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ . World Economic Forum (WEF) , Deep State , BlackRock , State Street , Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่ม Elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และ มีเครือข่ายใน บริษัทยาวัคซีนยักใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer , Moderna , GSK , Sanofi และ อื่นๆ . และ ในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุม ได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่เป็น "พาร์ทเนอร์" อย่างเป็นทางการ ของ World Economic Forum (WEF) ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้ และ เป้าหมาย รายละเอียด ของ World Economic Forum (WEF) ได้ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้น แต่ครอบคลุมความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา (รวมทั้งบริษัทค้าอาวุธสงครามด้วย) ... ... "ระเบียบโลกใหม่ The Great Reset" โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 885 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโต้เตือนผู้ประกอบการธุรกิจ ให้เตรียมพร้อมรับมือสำหรับ "สถานการณ์ในช่วงสงคราม"

    พลเรือเอกร็อบ บาวเออร์ ประธานคณะกรรมาธิการทหารของนาโต้ เรียกร้องให้กลุ่มธุรกิจปรับการผลิตและการจัดจำหน่ายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจหยุดชะงักจากภัยศัตรูระดับโลก เช่น รัสเซียและจีน

    บาวเออร์ กล่าวถึงประเด็นนี้ขณะประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ โดยเน้นย้ำถึงการลดการพึ่งพาการจัดหาวัตถุดิบที่สำคัญจากจีน ซึ่งควบคุมวัตถุดิบหายาก 60% ของโลก รวมทั้งให้เตรียมพร้อมจัดหาเวชภัณฑ์สำคัญไว้
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโต้เตือนผู้ประกอบการธุรกิจ ให้เตรียมพร้อมรับมือสำหรับ "สถานการณ์ในช่วงสงคราม" พลเรือเอกร็อบ บาวเออร์ ประธานคณะกรรมาธิการทหารของนาโต้ เรียกร้องให้กลุ่มธุรกิจปรับการผลิตและการจัดจำหน่ายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจหยุดชะงักจากภัยศัตรูระดับโลก เช่น รัสเซียและจีน บาวเออร์ กล่าวถึงประเด็นนี้ขณะประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ โดยเน้นย้ำถึงการลดการพึ่งพาการจัดหาวัตถุดิบที่สำคัญจากจีน ซึ่งควบคุมวัตถุดิบหายาก 60% ของโลก รวมทั้งให้เตรียมพร้อมจัดหาเวชภัณฑ์สำคัญไว้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะนี้บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่กำลังพยายามบ่อนทำลาย RFK Jr และกำลังเรียกร้องให้ผู้ร่างกฎหมายบังคับใช้คำสั่งใหม่ของรัฐบาล!

    หยุดไม่ให้บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่มอบเงินภาษี ๓.๒ หมื่นล้านดอลลาร์ ให้กับตัวเอง โดยคลิกลิงก์ด้านล่าง:
    .
    BREAKING: Big Pharma is now trying to UNDERMINE RFK Jr and is demanding lawmakers implement new government mandates!

    Stop Big Pharma from giving themselves $32 BILLION in taxpayer money by clicking the link below:

    https://conservativesforlowercarecosts.com/big-pharma-windfall
    .
    6:59 AM · Nov 22, 2024 · 37.2K Views
    https://x.com/itscarterhughes/status/1859748591503585741
    ขณะนี้บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่กำลังพยายามบ่อนทำลาย RFK Jr และกำลังเรียกร้องให้ผู้ร่างกฎหมายบังคับใช้คำสั่งใหม่ของรัฐบาล! หยุดไม่ให้บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่มอบเงินภาษี ๓.๒ หมื่นล้านดอลลาร์ ให้กับตัวเอง โดยคลิกลิงก์ด้านล่าง: . 🚨BREAKING: Big Pharma is now trying to UNDERMINE RFK Jr and is demanding lawmakers implement new government mandates! Stop Big Pharma from giving themselves $32 BILLION in taxpayer money by clicking the link below: https://conservativesforlowercarecosts.com/big-pharma-windfall 👈 . 6:59 AM · Nov 22, 2024 · 37.2K Views https://x.com/itscarterhughes/status/1859748591503585741
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 615 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1320 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนการเล่นลับๆ ของบริษัทยาขนาดใหญ่: การเขียนบทความ ยาผีบอก ในวารสารทางการแพทย์ชั้นนำ เพื่อผลักดันยาอันตราย

    ถึงเวลาเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว :- บริษัทยาขนาดใหญ่ ได้เข้ายึดครองระบบการแพทย์
    สิ่งที่คุณเคยเชื่อว่าคือวิทยาศาสตร์ สิ่งที่คุณเคยเชื่อว่าเป็น "ยา" เป็นเพียงภาพลวงตาที่สร้างขึ้น เพื่อให้คุณพึ่งพาผู้อื่น

    คำโกหก ยาผีบอก : บริษัทยาขนาดใหญ่ กำหนดชะตากรรมของคุณ

    บริษัทยาขนาดใหญ่ ไม่ได้แค่มีอิทธิพล ต่อวารสารทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังเขียนรายงานวิจัย ที่แพทย์ใช้ในการรักษาคุณอีกด้วย บทความที่ "ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ" เหล่านี้ เป็นเพียงบทความประชาสัมพันธ์ ที่โฆษณายาที่ทั้งไม่มีประสิทธิภาพ และมีอันตราย แพทย์กำลังจ่ายยาพิษเหล่านี้ โดยเชื่อว่ายาเหล่านี้ มีพื้นฐานมาจากวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง

    แต่ความจริงแล้ว ยาเหล่านี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยทีมประชาสัมพันธ์ ของบริษัทยาขนาดใหญ่ ด้วยข้อมูลปลอม และผลลัพธ์ที่ทำให้เข้าใจผิด ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้กำไรพุ่งสูงขึ้น

    แพทย์ชั้นนำ ได้รับเงิน เพื่อสนับสนุนการโกหก

    บริษัทยาขนาดใหญ่ จ้างบริษัทภายนอก เพื่อสร้างงานวิจัยปลอมๆ จากนั้นจึงจ่ายเงิน ให้แพทย์ที่มีชื่อเสียง เพื่อใส่ชื่อของพวกเขา ลงไปในงานวิจัยนั้น “ผู้เขียน” เหล่านี้ไม่เคยได้เห็นข้อมูลเลย พวกเขาเพียงแค่หาเงินจากคำโกหก ที่ทำให้ชื่อ และบัญชีธนาคารของพวกเขาเต็มล้น วารสารอย่าง The Lancet และ NEJM ได้กลายเป็นโฆษก ของบริษัทยาขนาดใหญ่ โดยแต่งเติมโฆษณา ให้ดูเหมือนวิทยาศาสตร์

    คุณคือหนูทดลอง

    แพทย์ทั่วโลก อ่านงานวิจัยที่เขียนโดยคนอื่นเหล่านี้ และหลงเชื่อคำโกหก ทำให้ผู้ป่วยหลายล้านคน กลายเป็นหนูทดลองของบริษัทยาขนาดใหญ่ ยาเม็ดที่แพทย์ของคุณสั่งนั้น ขึ้นอยู่กับงานวิจัยที่แต่งขึ้น ผลข้างเคียงหรืออะไรก็ตามที่ซ่อนอยู่ ประสิทธิผลหรืออะไรก็ตาม ที่เป็นของปลอม และคุณต้องจ่ายเงินเพื่อการหลอกลวงนี้ ด้วยกระเป๋าสตางค์และสุขภาพของคุณ

    การคิดค้นโรคเพื่อผลกำไร

    มันไม่ได้หยุดอยู่แค่ยา บริษัทยาขนาดใหญ่ กำลังสร้างโรค เพื่อขายยาให้ได้มากขึ้น จากอาการขาสั่น ไปจนถึงโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ อาการเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นในทันใด แต่ถูกคิดค้นขึ้น เพื่อให้คุณกลายเป็นลูกค้าตลอดชีวิต ความรู้สึกปกติในปัจจุบัน กลายเป็น "ความผิดปกติ" ที่มีค่าใช้จ่าย และบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ก็หากำไรจากสิ่งนี้ เมื่อผู้คนเริ่มพึ่งพายามากขึ้น

    จุดสิ้นสุด : การควบคุมประชากร

    นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของกำไรเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการควบคุมประชากรอีกด้วย เมื่อรัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อยู่ข้างพวกเขา เป้าหมายสูงสุดของบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ คือประชากรที่เชื่อง และพึ่งพาผู้อื่น ยาที่เพิ่มมากขึ้น การยอมปฏิบัติตามมากขึ้น และการควบคุมที่มากขึ้น ด้วย =หนังสือเดินทางด้านสุขภาพดิจิทัล= และ "การบำบัด" โดยการตัดแต่งยีน พวกเขากำลังวางรากฐาน เพื่อออกแบบชีววิทยาของคุณ และกำหนดการเข้าถึงสังคมของคุณ

    การทุจริตของ FDA : ผู้ดูแลประตูถูกซื้อตัวไปแล้ว

    FDA ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องเรา กลับอยู่ในกระเป๋าของบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ด้วยประตูที่หมุนเวียนไปมา ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล และผู้บริหารบริษัทเวชภัณฑ์ พวกเขาอนุมัติยาอันตราย และเพิกเฉยต่อผลที่ตามมา เมื่อถึงเวลาที่ยาถูกดึงออก กำไรของบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ก็จะปลอดภัย ในขณะที่ผู้ป่วย ถูกทิ้งไว้เป็นความเสียหายทางอ้อม

    ความจริงขั้นสุดท้าย: หลุดพ้นจากการควบคุมของพวกเขา

    บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ไม่ได้ต้องการรักษาคุณ พวกเขาต้องการครอบครองคุณ ยาทุกตัว งานวิจัยทุกกรณี โฆษณาทุกรายการ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ที่จะทำให้คุณกลายเป็นลูกค้า ที่ต้องพึ่งพาตลอดชีวิต จงตื่นขึ้น มองทะลุการหลอกลวงของพวกเขา ควบคุมสุขภาพของคุณ และปฏิเสธ =โซ่ตรวน= ที่บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ กำลังพยายามพันธนาการคุณอยู่

    ถึงเวลาที่จะหลุดพ้น และกลับมามีชีวิตของคุณอีกครั้ง
    แผนการเล่นลับๆ ของบริษัทยาขนาดใหญ่: การเขียนบทความ ยาผีบอก ในวารสารทางการแพทย์ชั้นนำ เพื่อผลักดันยาอันตราย ถึงเวลาเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว :- บริษัทยาขนาดใหญ่ ได้เข้ายึดครองระบบการแพทย์ สิ่งที่คุณเคยเชื่อว่าคือวิทยาศาสตร์ สิ่งที่คุณเคยเชื่อว่าเป็น "ยา" เป็นเพียงภาพลวงตาที่สร้างขึ้น เพื่อให้คุณพึ่งพาผู้อื่น คำโกหก ยาผีบอก : บริษัทยาขนาดใหญ่ กำหนดชะตากรรมของคุณ บริษัทยาขนาดใหญ่ ไม่ได้แค่มีอิทธิพล ต่อวารสารทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังเขียนรายงานวิจัย ที่แพทย์ใช้ในการรักษาคุณอีกด้วย บทความที่ "ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ" เหล่านี้ เป็นเพียงบทความประชาสัมพันธ์ ที่โฆษณายาที่ทั้งไม่มีประสิทธิภาพ และมีอันตราย แพทย์กำลังจ่ายยาพิษเหล่านี้ โดยเชื่อว่ายาเหล่านี้ มีพื้นฐานมาจากวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง แต่ความจริงแล้ว ยาเหล่านี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยทีมประชาสัมพันธ์ ของบริษัทยาขนาดใหญ่ ด้วยข้อมูลปลอม และผลลัพธ์ที่ทำให้เข้าใจผิด ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้กำไรพุ่งสูงขึ้น แพทย์ชั้นนำ ได้รับเงิน เพื่อสนับสนุนการโกหก บริษัทยาขนาดใหญ่ จ้างบริษัทภายนอก เพื่อสร้างงานวิจัยปลอมๆ จากนั้นจึงจ่ายเงิน ให้แพทย์ที่มีชื่อเสียง เพื่อใส่ชื่อของพวกเขา ลงไปในงานวิจัยนั้น “ผู้เขียน” เหล่านี้ไม่เคยได้เห็นข้อมูลเลย พวกเขาเพียงแค่หาเงินจากคำโกหก ที่ทำให้ชื่อ และบัญชีธนาคารของพวกเขาเต็มล้น วารสารอย่าง The Lancet และ NEJM ได้กลายเป็นโฆษก ของบริษัทยาขนาดใหญ่ โดยแต่งเติมโฆษณา ให้ดูเหมือนวิทยาศาสตร์ คุณคือหนูทดลอง 🐭 แพทย์ทั่วโลก อ่านงานวิจัยที่เขียนโดยคนอื่นเหล่านี้ และหลงเชื่อคำโกหก ทำให้ผู้ป่วยหลายล้านคน กลายเป็นหนูทดลองของบริษัทยาขนาดใหญ่ ยาเม็ดที่แพทย์ของคุณสั่งนั้น ขึ้นอยู่กับงานวิจัยที่แต่งขึ้น ผลข้างเคียงหรืออะไรก็ตามที่ซ่อนอยู่ ประสิทธิผลหรืออะไรก็ตาม ที่เป็นของปลอม และคุณต้องจ่ายเงินเพื่อการหลอกลวงนี้ ด้วยกระเป๋าสตางค์และสุขภาพของคุณ การคิดค้นโรคเพื่อผลกำไร มันไม่ได้หยุดอยู่แค่ยา บริษัทยาขนาดใหญ่ กำลังสร้างโรค เพื่อขายยาให้ได้มากขึ้น จากอาการขาสั่น ไปจนถึงโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ อาการเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นในทันใด แต่ถูกคิดค้นขึ้น เพื่อให้คุณกลายเป็นลูกค้าตลอดชีวิต ความรู้สึกปกติในปัจจุบัน กลายเป็น "ความผิดปกติ" ที่มีค่าใช้จ่าย และบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ก็หากำไรจากสิ่งนี้ เมื่อผู้คนเริ่มพึ่งพายามากขึ้น จุดสิ้นสุด : การควบคุมประชากร นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของกำไรเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการควบคุมประชากรอีกด้วย เมื่อรัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อยู่ข้างพวกเขา เป้าหมายสูงสุดของบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ คือประชากรที่เชื่อง และพึ่งพาผู้อื่น ยาที่เพิ่มมากขึ้น การยอมปฏิบัติตามมากขึ้น และการควบคุมที่มากขึ้น ด้วย =หนังสือเดินทางด้านสุขภาพดิจิทัล= และ "การบำบัด" โดยการตัดแต่งยีน พวกเขากำลังวางรากฐาน เพื่อออกแบบชีววิทยาของคุณ และกำหนดการเข้าถึงสังคมของคุณ การทุจริตของ FDA : ผู้ดูแลประตูถูกซื้อตัวไปแล้ว FDA ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องเรา กลับอยู่ในกระเป๋าของบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ด้วยประตูที่หมุนเวียนไปมา ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล และผู้บริหารบริษัทเวชภัณฑ์ พวกเขาอนุมัติยาอันตราย และเพิกเฉยต่อผลที่ตามมา เมื่อถึงเวลาที่ยาถูกดึงออก กำไรของบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ก็จะปลอดภัย ในขณะที่ผู้ป่วย ถูกทิ้งไว้เป็นความเสียหายทางอ้อม ความจริงขั้นสุดท้าย: หลุดพ้นจากการควบคุมของพวกเขา บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ไม่ได้ต้องการรักษาคุณ พวกเขาต้องการครอบครองคุณ ยาทุกตัว งานวิจัยทุกกรณี โฆษณาทุกรายการ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ที่จะทำให้คุณกลายเป็นลูกค้า ที่ต้องพึ่งพาตลอดชีวิต จงตื่นขึ้น มองทะลุการหลอกลวงของพวกเขา ควบคุมสุขภาพของคุณ และปฏิเสธ =โซ่ตรวน= ที่บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ กำลังพยายามพันธนาการคุณอยู่ ถึงเวลาที่จะหลุดพ้น และกลับมามีชีวิตของคุณอีกครั้ง
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 6 การแบ่งปัน 1527 มุมมอง 1 รีวิว
  • ️ประธานาธิบดีคนใหม่ ทรัมป์ ได้วางแผน 10 ประการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ของ Deep State

    1. ฟื้นคืนอำนาจของประธานาธิบดีในการปลดข้าราชการที่ทุจริต

    2. ไล่ผู้กระทำทุจริตออกจากหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยข่าวกรอง
    3. ปฏิรูปศาล FISA ซึ่ง "ทุจริตมากจนผู้พิพากษาไม่สนใจว่าศาลจะโกหกหรือไม่เมื่อศาลออกหมายจับ

    4. จัดตั้งคณะกรรมการความจริงและการปรองดองเพื่อเปิดเผยและเผยแพร่เอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับการสอดส่อง การเซ็นเซอร์ และการทุจริตของ Deep State

    5. ปราบปรามผู้รั่วไหลข้อมูลของรัฐบาลที่สมคบคิดกับข่าวปลอมเพื่อสร้างเรื่องราวเท็จโดยเจตนาและล้มล้างรัฐบาลและประชาธิปไตยของเรา

    6. ทำให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทุกแห่งเป็นอิสระและแยกออกจากแผนกที่พวกเขากำกับดูแล

    7. ขอให้รัฐสภาจัดตั้งระบบการตรวจสอบอิสระเพื่อตรวจสอบหน่วยข่าวกรองของเราและให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้สอดส่องพลเมืองของเราหรือดำเนินการรณรงค์ข้อมูลเท็จต่อชาวอเมริกัน

    8. ย้ายส่วนต่างๆ ของระบบราชการของรัฐบาลกลางที่ขยายตัวออกไปไปยังสถานที่ใหม่นอกวอชิงตัน "เช่นเดียวกับที่ฉันย้ายสำนักงานจัดการที่ดินไปที่โคโลราโด"

    9. ห้ามข้าราชการของรัฐบาลกลางเข้าทำงานในบริษัทที่พวกเขาติดต่อด้วย และห้ามไม่ให้ข้าราชการของรัฐบาลกลางควบคุมดูแล "เช่นเดียวกับบริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่"

    10. ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภา

    ไม่มีเวลาให้เสียเปล่า!

    ทรัมป์สัญญาที่จะปราบปรามกลุ่มคนข้ามเพศ:

    1. คำสั่งฝ่ายบริหารที่จะห้ามหน่วยงานของรัฐบาลกลางส่งเสริมหรือให้ทุนสนับสนุน "การเปลี่ยนเพศ" สำหรับทุกวัย

    2. เรียกร้องให้รัฐสภาที่ควบคุมโดยพรรครีพับลิกันผ่านร่างกฎหมายที่:

    - หยุดการให้ทุนเพื่อจ่ายสำหรับ "การผ่าตัดแปลงเพศ"

    - ห้าม "การผ่าตัดแปลงเพศ" สำหรับเด็กทั่วประเทศ

    - ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟ้องร้อง "แพทย์" ที่เรียกตัวเองว่า "แพทย์" ที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศกับเด็กได้

    - กำหนดให้รัฐบาลกลางรับรองเฉพาะเพศ "ชาย" และ "หญิง" ที่กำหนดตั้งแต่แรกเกิดเท่านั้น

    3. สั่งให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนบริษัทยาขนาดใหญ่และเครือข่ายโรงพยาบาลขนาดใหญ่ (เช่น คลีฟแลนด์คลินิก เมโยคลินิก จอห์นฮอปกินส์) เพื่อพิจารณาว่า "การดูแลที่ยืนยันเพศ" ที่เรียกว่านั้นส่งผลต่อผลลัพธ์หรือไม่
    ️ประธานาธิบดีคนใหม่ ทรัมป์ ได้วางแผน 10 ประการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ของ Deep State 1. ฟื้นคืนอำนาจของประธานาธิบดีในการปลดข้าราชการที่ทุจริต 2. ไล่ผู้กระทำทุจริตออกจากหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยข่าวกรอง 3. ปฏิรูปศาล FISA ซึ่ง "ทุจริตมากจนผู้พิพากษาไม่สนใจว่าศาลจะโกหกหรือไม่เมื่อศาลออกหมายจับ 4. จัดตั้งคณะกรรมการความจริงและการปรองดองเพื่อเปิดเผยและเผยแพร่เอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับการสอดส่อง การเซ็นเซอร์ และการทุจริตของ Deep State 5. ปราบปรามผู้รั่วไหลข้อมูลของรัฐบาลที่สมคบคิดกับข่าวปลอมเพื่อสร้างเรื่องราวเท็จโดยเจตนาและล้มล้างรัฐบาลและประชาธิปไตยของเรา 6. ทำให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทุกแห่งเป็นอิสระและแยกออกจากแผนกที่พวกเขากำกับดูแล 7. ขอให้รัฐสภาจัดตั้งระบบการตรวจสอบอิสระเพื่อตรวจสอบหน่วยข่าวกรองของเราและให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้สอดส่องพลเมืองของเราหรือดำเนินการรณรงค์ข้อมูลเท็จต่อชาวอเมริกัน 8. ย้ายส่วนต่างๆ ของระบบราชการของรัฐบาลกลางที่ขยายตัวออกไปไปยังสถานที่ใหม่นอกวอชิงตัน "เช่นเดียวกับที่ฉันย้ายสำนักงานจัดการที่ดินไปที่โคโลราโด" 9. ห้ามข้าราชการของรัฐบาลกลางเข้าทำงานในบริษัทที่พวกเขาติดต่อด้วย และห้ามไม่ให้ข้าราชการของรัฐบาลกลางควบคุมดูแล "เช่นเดียวกับบริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่" 10. ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภา ไม่มีเวลาให้เสียเปล่า! ทรัมป์สัญญาที่จะปราบปรามกลุ่มคนข้ามเพศ: 1. คำสั่งฝ่ายบริหารที่จะห้ามหน่วยงานของรัฐบาลกลางส่งเสริมหรือให้ทุนสนับสนุน "การเปลี่ยนเพศ" สำหรับทุกวัย 2. เรียกร้องให้รัฐสภาที่ควบคุมโดยพรรครีพับลิกันผ่านร่างกฎหมายที่: - หยุดการให้ทุนเพื่อจ่ายสำหรับ "การผ่าตัดแปลงเพศ" - ห้าม "การผ่าตัดแปลงเพศ" สำหรับเด็กทั่วประเทศ - ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟ้องร้อง "แพทย์" ที่เรียกตัวเองว่า "แพทย์" ที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศกับเด็กได้ - กำหนดให้รัฐบาลกลางรับรองเฉพาะเพศ "ชาย" และ "หญิง" ที่กำหนดตั้งแต่แรกเกิดเท่านั้น 3. สั่งให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนบริษัทยาขนาดใหญ่และเครือข่ายโรงพยาบาลขนาดใหญ่ (เช่น คลีฟแลนด์คลินิก เมโยคลินิก จอห์นฮอปกินส์) เพื่อพิจารณาว่า "การดูแลที่ยืนยันเพศ" ที่เรียกว่านั้นส่งผลต่อผลลัพธ์หรือไม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 752 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..
    ..วันแรกที่ระเบิด: คำสั่งผู้บริหารของทรัมป์และเคนเนดีทำลายล้างสถานะเดิมและกำหนดสุขภาพ เสรีภาพ และรัฐบาลของอเมริกาใหม่!

    ข่าวด่วน: ทรัมป์และเคนเนดีออกคำสั่งผู้บริหารชุดใหญ่ตั้งแต่วันแรก! คำสั่งฉีดวัคซีนถูกทำลาย FDA และ CDC ถูกยกเลิก ห้ามใช้ส่วนผสมที่เป็นพิษ จีเอ็มโอ และการรับรองอย่างเป็นทางการถึงอันตรายจากวัคซีน ยุคใหม่ของสุขภาพและเสรีภาพเขย่าอเมริกา!

    บูม: คำสั่งฉีดวัคซีนถูกทำลาย! คำสั่งฉีดวัคซีนหมดไปแล้ว! ทรัมป์และเคนเนดีทำลายคำสั่งด้วยคำสั่งอันทรงพลังเพียงคำสั่งเดียว ยุติการควบคุมหลายปีของบริษัทยาขนาดใหญ่ เสรีภาพทางการแพทย์กลับมาแล้ว! ชาวอเมริกันเรียกร้องสิทธิในการเลือกคืนมา—ไม่มีการบังคับให้ปฏิบัติตามอีกต่อไป เสรีภาพส่วนบุคคลเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้!

    เสียงปืน! กฎหมายคุ้มครองวัคซีนปี 1986: ประวัติศาสตร์! บริษัทยาขนาดใหญ่ไม่มีการหลบซ่อนอีกต่อไป! ทรัมป์และเคนเนดีได้ยกเลิกพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับอันตรายจากวัคซีนปี 1986 ทำลายกำแพงภูมิคุ้มกันที่บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ซ่อนอยู่ ความยุติธรรมกลับมาอีกครั้งเมื่อประชาชนได้รับสิทธิในการเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้อีกครั้ง

    ปัง! การห้ามใช้ฟลูออไรด์กำลังครอบงำประเทศชาติ! ไม่มีฟลูออไรด์ในน้ำประปาอีกต่อไป! การห้ามใช้ฟลูออไรด์ในน้ำของทรัมป์และเคนเนดีทำให้ยุคของการแพทย์จำนวนมากสิ้นสุดลงโดยไม่ได้รับความยินยอม ปล่อยให้คนอเมริกันดื่มน้ำบริสุทธิ์และฟรี! คาดหวังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สู่การใช้น้ำธรรมชาติที่สะอาดทั่วประเทศ

    บูม! FDA, CDC และ FTC ปรับเปลี่ยนใหม่—ไม่ พังทลาย! ทรัมป์และเคนเนดีไม่ได้แค่ปฏิรูปเท่านั้น—พวกเขาทำลาย FDA, CDC และ FTC รื้อถอนระบบราชการ นี่คือระบบราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ! หน่วยงานใหม่ที่รับผิดชอบจะรายงานต่อประชาชนและปกป้องสุขภาพโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขจากบริษัท

    ปัง! ส่วนผสมที่เป็นพิษถูกห้ามในอาหาร—การปฏิวัติสุขภาพ! บอกลาสารเติมแต่งที่เป็นอันตรายได้เลย! สีสังเคราะห์ สารกันบูด และสารพิษหมดไปจากอาหารอเมริกันแล้ว นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นการปฏิวัติอาหารที่นำโดยทรัมป์และเคนเนดีเพื่อปกป้องสุขภาพ

    ฟ้าร้อง! การบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากวัคซีนได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ทรัมป์และเคนเนดีโจมตีอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็ยอมรับการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากวัคซีน ไม่มีการปฏิเสธหรือการหลอกลวงอีกต่อไป เหยื่อจะได้รับการรับฟัง การชดเชยดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับความยุติธรรม

    ระเบิด! จีเอ็มโอและยาฆ่าแมลงที่เป็นพิษถูกห้าม—อเมริกาเปลี่ยนเป็นออร์แกนิก! การห้ามจีเอ็มโอและยาฆ่าแมลงของทรัมป์และเคนเนดีส่งสารอันกึกก้อง: อเมริกาเปลี่ยนเป็นออร์แกนิก สุขภาพมีความสำคัญมากกว่าผลกำไร และภาคการเกษตรก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!

    การประท้วงครั้งสุดท้าย: การยอมรับความเชื่อมโยงระหว่างออทิสติกกับวัคซีน—ระเบิดความจริง ทรัมป์และเคนเนดีพูดถึงความเชื่อมโยงระหว่างออทิสติกกับวัคซีนอย่างกล้าหาญ โดยท้าทายสถานะทางการแพทย์ปัจจุบัน การศึกษาวิจัยอิสระจะเพิ่มมากขึ้น และโปรแกรมสำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจะขยายตัว พิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นผู้นำความจริงและความโปร่งใส

    ตอนจบที่ยิ่งใหญ่: การยกเลิก FDA, CDC, FTC—จุดจบของยุคสมัย! นี่คือตอนจบ: การโจมตีครั้งสุดท้ายที่ทำลายล้างสถานะเดิม ทรัมป์และเคนเนดีโค่นล้มยักษ์ใหญ่ในระบบราชการ ถ่ายโอนอำนาจให้กับประชาชน

    อเมริกา เตรียมตัวไว้ให้ดี—การเปลี่ยนแปลงกำลังมาถึงแล้ว!
    .. ..วันแรกที่ระเบิด: คำสั่งผู้บริหารของทรัมป์และเคนเนดีทำลายล้างสถานะเดิมและกำหนดสุขภาพ เสรีภาพ และรัฐบาลของอเมริกาใหม่! ข่าวด่วน: ทรัมป์และเคนเนดีออกคำสั่งผู้บริหารชุดใหญ่ตั้งแต่วันแรก! คำสั่งฉีดวัคซีนถูกทำลาย FDA และ CDC ถูกยกเลิก ห้ามใช้ส่วนผสมที่เป็นพิษ จีเอ็มโอ และการรับรองอย่างเป็นทางการถึงอันตรายจากวัคซีน ยุคใหม่ของสุขภาพและเสรีภาพเขย่าอเมริกา! บูม: คำสั่งฉีดวัคซีนถูกทำลาย! คำสั่งฉีดวัคซีนหมดไปแล้ว! ทรัมป์และเคนเนดีทำลายคำสั่งด้วยคำสั่งอันทรงพลังเพียงคำสั่งเดียว ยุติการควบคุมหลายปีของบริษัทยาขนาดใหญ่ เสรีภาพทางการแพทย์กลับมาแล้ว! ชาวอเมริกันเรียกร้องสิทธิในการเลือกคืนมา—ไม่มีการบังคับให้ปฏิบัติตามอีกต่อไป เสรีภาพส่วนบุคคลเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้! เสียงปืน! กฎหมายคุ้มครองวัคซีนปี 1986: ประวัติศาสตร์! บริษัทยาขนาดใหญ่ไม่มีการหลบซ่อนอีกต่อไป! ทรัมป์และเคนเนดีได้ยกเลิกพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับอันตรายจากวัคซีนปี 1986 ทำลายกำแพงภูมิคุ้มกันที่บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ซ่อนอยู่ ความยุติธรรมกลับมาอีกครั้งเมื่อประชาชนได้รับสิทธิในการเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้อีกครั้ง ปัง! การห้ามใช้ฟลูออไรด์กำลังครอบงำประเทศชาติ! ไม่มีฟลูออไรด์ในน้ำประปาอีกต่อไป! การห้ามใช้ฟลูออไรด์ในน้ำของทรัมป์และเคนเนดีทำให้ยุคของการแพทย์จำนวนมากสิ้นสุดลงโดยไม่ได้รับความยินยอม ปล่อยให้คนอเมริกันดื่มน้ำบริสุทธิ์และฟรี! คาดหวังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สู่การใช้น้ำธรรมชาติที่สะอาดทั่วประเทศ บูม! FDA, CDC และ FTC ปรับเปลี่ยนใหม่—ไม่ พังทลาย! ทรัมป์และเคนเนดีไม่ได้แค่ปฏิรูปเท่านั้น—พวกเขาทำลาย FDA, CDC และ FTC รื้อถอนระบบราชการ นี่คือระบบราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ! หน่วยงานใหม่ที่รับผิดชอบจะรายงานต่อประชาชนและปกป้องสุขภาพโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขจากบริษัท ปัง! ส่วนผสมที่เป็นพิษถูกห้ามในอาหาร—การปฏิวัติสุขภาพ! บอกลาสารเติมแต่งที่เป็นอันตรายได้เลย! สีสังเคราะห์ สารกันบูด และสารพิษหมดไปจากอาหารอเมริกันแล้ว นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นการปฏิวัติอาหารที่นำโดยทรัมป์และเคนเนดีเพื่อปกป้องสุขภาพ ฟ้าร้อง! การบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากวัคซีนได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ทรัมป์และเคนเนดีโจมตีอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็ยอมรับการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากวัคซีน ไม่มีการปฏิเสธหรือการหลอกลวงอีกต่อไป เหยื่อจะได้รับการรับฟัง การชดเชยดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับความยุติธรรม ระเบิด! จีเอ็มโอและยาฆ่าแมลงที่เป็นพิษถูกห้าม—อเมริกาเปลี่ยนเป็นออร์แกนิก! การห้ามจีเอ็มโอและยาฆ่าแมลงของทรัมป์และเคนเนดีส่งสารอันกึกก้อง: อเมริกาเปลี่ยนเป็นออร์แกนิก สุขภาพมีความสำคัญมากกว่าผลกำไร และภาคการเกษตรก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล! การประท้วงครั้งสุดท้าย: การยอมรับความเชื่อมโยงระหว่างออทิสติกกับวัคซีน—ระเบิดความจริง ทรัมป์และเคนเนดีพูดถึงความเชื่อมโยงระหว่างออทิสติกกับวัคซีนอย่างกล้าหาญ โดยท้าทายสถานะทางการแพทย์ปัจจุบัน การศึกษาวิจัยอิสระจะเพิ่มมากขึ้น และโปรแกรมสำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจะขยายตัว พิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นผู้นำความจริงและความโปร่งใส ตอนจบที่ยิ่งใหญ่: การยกเลิก FDA, CDC, FTC—จุดจบของยุคสมัย! นี่คือตอนจบ: การโจมตีครั้งสุดท้ายที่ทำลายล้างสถานะเดิม ทรัมป์และเคนเนดีโค่นล้มยักษ์ใหญ่ในระบบราชการ ถ่ายโอนอำนาจให้กับประชาชน อเมริกา เตรียมตัวไว้ให้ดี—การเปลี่ยนแปลงกำลังมาถึงแล้ว!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 800 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ข่าวคือข่าว (ถ้าจริง มาไทยแล้วยังนะ น่าจะพร้อมกับเรือussมั้ยนะ ข่าวแววๆว่ากำลังติดตั้งในจังหวัดเราที่ดังๆ อาทิ เชียงใหม่ภาคเหนือก็ว่า,เท็จหรือจริงมิทราบ,แต่ทรัมป์จะชนะนี้รับรู้มานานแล้ว,เพราะทรัมป์คุมเกมส์มาตลอดไง.นาโนเองล้วนๆนะ)
    ..
    ทรัมป์ 2024: ผู้ปฏิบัติงานเตียงแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีการรักษาด้วยควอนตัมมาใช้กับประชาชนทุกคน – ความลับที่เปลี่ยนชีวิตซึ่งไบเดนและรัฐบาลเงาปิดบังไว้อย่างสิ้นหวัง!

    เตียงแพทย์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องจักรขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีปฏิวัติวงการที่ใช้การรักษาด้วยควอนตัมซึ่งชนชั้นสูงได้ทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อซ่อนไว้จากสาธารณชน อุปกรณ์เหล่านี้โต้ตอบกับร่างกายในระดับควอนตัม ฟื้นฟูเซลล์และย้อนกลับโรค การแก่ชรา และแม้แต่ความผิดปกติทางพันธุกรรม

    เตียงแพทย์แต่ละเตียงทำงานโดยสร้างสนามความถี่สูงที่สั่นสะเทือนกับดีเอ็นเอของมนุษย์ ปรับแต่งเซลล์ที่เสียหายให้กลับสู่สภาพเดิมที่แข็งแรง ลองนึกภาพการย้อนกลับโรคภัยไข้เจ็บหรือบาดแผลทางจิตใจหลายปีในเวลาเพียงไม่กี่นาทีสิ! เทคโนโลยีนี้ขับเคลื่อนด้วยการคำนวณควอนตัมขั้นสูงและพลังงานจุดศูนย์ ซึ่งใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่รัฐบาลเงาจำแนกไว้มานานหลายทศวรรษ

    ทำไมพวกเขาถึงเก็บซ่อนมันเอาไว้? ง่ายๆ เลย: บริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่เติบโตได้จากความเจ็บป่วย หากสาธารณชนรู้เกี่ยวกับเตียงแพทย์ อุตสาหกรรมยาที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์จะล่มสลายในชั่วข้ามคืน ไบเดนในฐานะหุ่นเชิดของกลุ่มคนชั้นสูงไม่มีเจตนาที่จะให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงคนทั่วไป

    ทรัมป์รู้เรื่องนี้ดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้แต่ในช่วงการบริหารของไบเดน เขาก็ยังดำเนินการอย่างลับๆ โดยติดตั้งเตียงพยาบาลในแผนกที่ “กำลังก่อสร้าง” ของโรงพยาบาลที่เลือกไว้และสถานที่ทางทหาร เพื่อไม่ให้ถูกสายตาของกลุ่มรัฐลึกลับจับจ้อง ป้ายบอกทางมีอยู่ทุกที่ ตั้งแต่การอัปเกรดโรงพยาบาลที่มีความปลอดภัยสูงอย่างลึกลับไปจนถึงฐานทัพทหารห่างไกลที่เตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติเตียงพยาบาล

    เตียงพยาบาลเหล่านี้ต้องได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทาง ดังนั้นทีมของทรัมป์จึงเตรียม “แพทย์ควอนตัม” ไว้เป็นความลับ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งจะพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในวงกว้างทันทีที่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เซสชันการใช้เตียงพยาบาลแต่ละครั้งจะปรับให้เข้ากับเครื่องหมายทางพันธุกรรมและสรีรวิทยาเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละคน ทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง

    แผนของทรัมป์รวมถึงศูนย์เตียงพยาบาลที่เป็นอิสระจากโรงพยาบาลทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยหลีกเลี่ยงการควบคุมการดูแลสุขภาพของบริษัทยาขนาดใหญ่ ศูนย์เหล่านี้จะมีเจ้าหน้าที่ที่จงรักภักดีซึ่งไม่เพียงแต่จะดูแลเตียงเท่านั้น แต่ยังปกป้องเตียงเหล่านี้จากความพยายามทำลายล้างของรัฐบาลลึกอีกด้วย

    นอกเหนือจากการรักษาแล้ว เตียงทางการแพทย์ยังมีส่วนประกอบทางปัญญาที่สามารถฟื้นคืนความทรงจำ เพิ่มความชัดเจนทางจิตใจ และปลดล็อกความสามารถที่ถูกกดขี่ ทำลายการปรับสภาพจิตใจที่ทำให้ผู้คนอยู่ในระเบียบ เมื่อประชาชนมองเห็นความจริงเบื้องหลังคำโกหกเหล่านี้ โครงสร้างการควบคุมก็จะพังทลายลง

    เมื่อทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง เตียงทางการแพทย์จะเปิดให้บริการทั่วประเทศ โดยหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่ยุ่งยากด้วยคำสั่งของฝ่ายบริหาร และให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ นี่คือการปฏิวัติที่ชนชั้นนำกลัวที่สุด อาณาจักรของบริษัทยาขนาดใหญ่กำลังจะพังทลาย และโลกที่เรารู้จักจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

    การนับถอยหลังได้เริ่มต้นขึ้น เตียงทางการแพทย์พร้อมแล้ว และการเลือกตั้งซ้ำของทรัมป์คือขั้นตอนสุดท้ายในการปลดปล่อยเราทุกคน
    ..ข่าวคือข่าว (ถ้าจริง มาไทยแล้วยังนะ น่าจะพร้อมกับเรือussมั้ยนะ ข่าวแววๆว่ากำลังติดตั้งในจังหวัดเราที่ดังๆ อาทิ เชียงใหม่ภาคเหนือก็ว่า,เท็จหรือจริงมิทราบ,แต่ทรัมป์จะชนะนี้รับรู้มานานแล้ว,เพราะทรัมป์คุมเกมส์มาตลอดไง.นาโนเองล้วนๆนะ) .. ทรัมป์ 2024: ผู้ปฏิบัติงานเตียงแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีการรักษาด้วยควอนตัมมาใช้กับประชาชนทุกคน – ความลับที่เปลี่ยนชีวิตซึ่งไบเดนและรัฐบาลเงาปิดบังไว้อย่างสิ้นหวัง! เตียงแพทย์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องจักรขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีปฏิวัติวงการที่ใช้การรักษาด้วยควอนตัมซึ่งชนชั้นสูงได้ทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อซ่อนไว้จากสาธารณชน อุปกรณ์เหล่านี้โต้ตอบกับร่างกายในระดับควอนตัม ฟื้นฟูเซลล์และย้อนกลับโรค การแก่ชรา และแม้แต่ความผิดปกติทางพันธุกรรม เตียงแพทย์แต่ละเตียงทำงานโดยสร้างสนามความถี่สูงที่สั่นสะเทือนกับดีเอ็นเอของมนุษย์ ปรับแต่งเซลล์ที่เสียหายให้กลับสู่สภาพเดิมที่แข็งแรง ลองนึกภาพการย้อนกลับโรคภัยไข้เจ็บหรือบาดแผลทางจิตใจหลายปีในเวลาเพียงไม่กี่นาทีสิ! เทคโนโลยีนี้ขับเคลื่อนด้วยการคำนวณควอนตัมขั้นสูงและพลังงานจุดศูนย์ ซึ่งใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่รัฐบาลเงาจำแนกไว้มานานหลายทศวรรษ ทำไมพวกเขาถึงเก็บซ่อนมันเอาไว้? ง่ายๆ เลย: บริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่เติบโตได้จากความเจ็บป่วย หากสาธารณชนรู้เกี่ยวกับเตียงแพทย์ อุตสาหกรรมยาที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์จะล่มสลายในชั่วข้ามคืน ไบเดนในฐานะหุ่นเชิดของกลุ่มคนชั้นสูงไม่มีเจตนาที่จะให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงคนทั่วไป ทรัมป์รู้เรื่องนี้ดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้แต่ในช่วงการบริหารของไบเดน เขาก็ยังดำเนินการอย่างลับๆ โดยติดตั้งเตียงพยาบาลในแผนกที่ “กำลังก่อสร้าง” ของโรงพยาบาลที่เลือกไว้และสถานที่ทางทหาร เพื่อไม่ให้ถูกสายตาของกลุ่มรัฐลึกลับจับจ้อง ป้ายบอกทางมีอยู่ทุกที่ ตั้งแต่การอัปเกรดโรงพยาบาลที่มีความปลอดภัยสูงอย่างลึกลับไปจนถึงฐานทัพทหารห่างไกลที่เตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติเตียงพยาบาล เตียงพยาบาลเหล่านี้ต้องได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทาง ดังนั้นทีมของทรัมป์จึงเตรียม “แพทย์ควอนตัม” ไว้เป็นความลับ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งจะพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในวงกว้างทันทีที่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เซสชันการใช้เตียงพยาบาลแต่ละครั้งจะปรับให้เข้ากับเครื่องหมายทางพันธุกรรมและสรีรวิทยาเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละคน ทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง แผนของทรัมป์รวมถึงศูนย์เตียงพยาบาลที่เป็นอิสระจากโรงพยาบาลทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยหลีกเลี่ยงการควบคุมการดูแลสุขภาพของบริษัทยาขนาดใหญ่ ศูนย์เหล่านี้จะมีเจ้าหน้าที่ที่จงรักภักดีซึ่งไม่เพียงแต่จะดูแลเตียงเท่านั้น แต่ยังปกป้องเตียงเหล่านี้จากความพยายามทำลายล้างของรัฐบาลลึกอีกด้วย นอกเหนือจากการรักษาแล้ว เตียงทางการแพทย์ยังมีส่วนประกอบทางปัญญาที่สามารถฟื้นคืนความทรงจำ เพิ่มความชัดเจนทางจิตใจ และปลดล็อกความสามารถที่ถูกกดขี่ ทำลายการปรับสภาพจิตใจที่ทำให้ผู้คนอยู่ในระเบียบ เมื่อประชาชนมองเห็นความจริงเบื้องหลังคำโกหกเหล่านี้ โครงสร้างการควบคุมก็จะพังทลายลง เมื่อทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง เตียงทางการแพทย์จะเปิดให้บริการทั่วประเทศ โดยหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่ยุ่งยากด้วยคำสั่งของฝ่ายบริหาร และให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ นี่คือการปฏิวัติที่ชนชั้นนำกลัวที่สุด อาณาจักรของบริษัทยาขนาดใหญ่กำลังจะพังทลาย และโลกที่เรารู้จักจะเปลี่ยนไปตลอดกาล การนับถอยหลังได้เริ่มต้นขึ้น เตียงทางการแพทย์พร้อมแล้ว และการเลือกตั้งซ้ำของทรัมป์คือขั้นตอนสุดท้ายในการปลดปล่อยเราทุกคน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 748 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสังหารหมู่กำลังดำเนินไป: ชนชั้นสูงกำลังทำให้โลกลดจำนวนประชากรอย่างแข็งขัน—คลาว ชะแว๊บ, Chemtrails และอาวุธชีวภาพ: แผนของ WEF ที่จะกวาดล้างผู้คนนับพันล้านถูกเปิดโปง!

    วาระการลดจำนวนประชากรของ WEF ไม่ใช่ภัยคุกคามที่อยู่ห่างไกล แต่มันเกิดขึ้นที่นี่และตอนนี้ในทุกวิกฤตที่เขย่าโลกของเรา นี่คือสงครามเต็มรูปแบบกับมนุษยชาติ และคุณคือเป้าหมาย

    พวกเขาได้ปลดปล่อยอาวุธที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดเรา—อย่างช้าๆ แอบๆ และไม่ลดละ W0rld Ec0n0my F0room, คลาว ชะแว๊บ และผู้ควบคุมเงาของพวกเขาได้วางแผนชั่วร้ายที่ซ่อนเร้นอยู่ในที่แจ้งชัด

    การปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ? นี่ไม่ใช่ "การหว่านเมฆ"; พวกเขากำลังบงการพายุ ภัยแล้ง ไฟป่าด้วยเทคโนโลยีระดับทหารเพื่อทำให้ประเทศไม่มั่นคง ทำลายพืชผล และทำให้มวลชนอดอยาก ทุกพายุเฮอริเคน ทุกภัยพิบัติ—ออกแบบมาเพื่อควบคุมจำนวนประชากร
    การย้ายถิ่นฐานอย่างผิดกฎหมาย? ไม่ใช่เรื่องของ “ผู้ลี้ภัย” แต่เป็นการรุกรานที่ออกแบบมาให้ระบบทำงานหนักเกินไปและทำให้เศรษฐกิจไม่มั่นคง ทำให้มีคนต่อต้านน้อยลง ความวุ่นวาย ความไม่มั่นคง และการเกิดน้อยลง—เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน

    ฟลูออไรด์ในน้ำของคุณ? มันไม่เหมาะกับฟันของคุณ การสัมผัสเป็นเวลานานจะทำให้ไอคิวลดลง ลดการเจริญพันธุ์ และรับรองการปฏิบัติตาม คนรุ่นต่อรุ่นกำลังกลายเป็นแกะที่เป็นหมันและเชื่อง และระดับไอคิวก็ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อภาวะมีบุตรยากเพิ่มขึ้น

    ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการรวมกลุ่ม (DEI) ไม่เกี่ยวกับความยุติธรรม แต่เป็นอาวุธทางจิตวิทยาเพื่อแบ่งแยกสังคม ทำลายค่านิยม และหยุดการเติบโตของประชากร นี่คือสงครามเพื่อความสามัคคีและครอบครัว

    มาพูดถึงจีเอ็มโอกันดีกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่พืชผลที่ไม่เป็นอันตราย แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างอาวุธเพื่อทำลายสุขภาพและความอุดมสมบูรณ์ โรคเรื้อรังไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรแห่งความตายที่ขับเคลื่อนโดยบริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่ ซึ่งขายโรคและ "การรักษา"

    Chemtrails? ร่องรอยบนท้องฟ้าเหล่านั้นไม่ใช่เชื้อเพลิงเครื่องบิน แต่เป็นการโจมตีด้วยละอองลอยที่มีสารพิษร้ายแรง เช่น แบเรียมและอะลูมิเนียม โปรยปรายลงมาบนเมือง ทุกลมหายใจทำให้เราเข้าใกล้หลุมศพก่อนวัยอันควร ทำให้ประชากรป่วยและปฏิบัติตาม

    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่เป็นกลวิธีควบคุม ตำนานเรื่องรอยเท้าคาร์บอนมีไว้เพื่อทำให้เรารู้สึกผิดและตกอยู่ในความยากจน ทำให้เราต้องพึ่งพาระบบของชนชั้นนำ พวกเขากำลังทำให้เราเป็นทาสภายใต้หน้ากากของลัทธิอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

    ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เป็นเพียงการทดลอง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังทำให้ความยากจนทั่วโลกแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตที่อยู่อาศัย ราคาอาหารที่ถูกบิดเบือน เงินเฟ้อ พวกเขาต้องการให้เราหมดตัวและไม่สามารถต้านทานได้

    และเครื่องมือที่อันตรายที่สุด? อาวุธชีวภาพ โรค "อุบัติใหม่"? การปล่อยโรคตามแผน โควิดเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น คลื่นลูกต่อไปจะมุ่งเป้าไปที่เครื่องหมายทางพันธุกรรม ซึ่งจะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด ในขณะเดียวกัน พวกเขายังต้องนั่งหลบภัยอย่างปลอดภัยในบังเกอร์ โดยเฝ้าดูความโกลาหลที่เกิดขึ้น

    อาณาจักรสื่อของพวกเขายกย่องความเสื่อมโทรม โรคทางจิต การล่มสลายของครอบครัว ฮอลลีวูด เครื่องจักรโฆษณาชวนเชื่อ พวกเขาทั้งหมดเข้ามาเกี่ยวข้องและผลักดันวัฒนธรรมแห่งความเสื่อมโทรม

    แผนการลดจำนวนประชากรโลกในปี 2000 กำลังดำเนินไป โดยมีรากฐานที่หยั่งรากลึก—ตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ คิสซิงเจอร์ สโมสรแห่งโรม คลาว ชะแว๊บ ซึ่งเป็นใบหน้าล่าสุดของวาระนี้ เป็นผู้สานต่อ

    นี่ไม่ใช่ทฤษฎี แต่เป็นเรื่องจริง และมันอยู่ที่นี่ ตื่นได้แล้ว! พายุมาถึงแล้ว และมันกำลังมาหาเราทุกคน
    การสังหารหมู่กำลังดำเนินไป: ชนชั้นสูงกำลังทำให้โลกลดจำนวนประชากรอย่างแข็งขัน—คลาว ชะแว๊บ, Chemtrails และอาวุธชีวภาพ: แผนของ WEF ที่จะกวาดล้างผู้คนนับพันล้านถูกเปิดโปง! วาระการลดจำนวนประชากรของ WEF ไม่ใช่ภัยคุกคามที่อยู่ห่างไกล แต่มันเกิดขึ้นที่นี่และตอนนี้ในทุกวิกฤตที่เขย่าโลกของเรา นี่คือสงครามเต็มรูปแบบกับมนุษยชาติ และคุณคือเป้าหมาย พวกเขาได้ปลดปล่อยอาวุธที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดเรา—อย่างช้าๆ แอบๆ และไม่ลดละ W0rld Ec0n0my F0room, คลาว ชะแว๊บ และผู้ควบคุมเงาของพวกเขาได้วางแผนชั่วร้ายที่ซ่อนเร้นอยู่ในที่แจ้งชัด การปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ? นี่ไม่ใช่ "การหว่านเมฆ"; พวกเขากำลังบงการพายุ ภัยแล้ง ไฟป่าด้วยเทคโนโลยีระดับทหารเพื่อทำให้ประเทศไม่มั่นคง ทำลายพืชผล และทำให้มวลชนอดอยาก ทุกพายุเฮอริเคน ทุกภัยพิบัติ—ออกแบบมาเพื่อควบคุมจำนวนประชากร การย้ายถิ่นฐานอย่างผิดกฎหมาย? ไม่ใช่เรื่องของ “ผู้ลี้ภัย” แต่เป็นการรุกรานที่ออกแบบมาให้ระบบทำงานหนักเกินไปและทำให้เศรษฐกิจไม่มั่นคง ทำให้มีคนต่อต้านน้อยลง ความวุ่นวาย ความไม่มั่นคง และการเกิดน้อยลง—เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน ฟลูออไรด์ในน้ำของคุณ? มันไม่เหมาะกับฟันของคุณ การสัมผัสเป็นเวลานานจะทำให้ไอคิวลดลง ลดการเจริญพันธุ์ และรับรองการปฏิบัติตาม คนรุ่นต่อรุ่นกำลังกลายเป็นแกะที่เป็นหมันและเชื่อง และระดับไอคิวก็ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อภาวะมีบุตรยากเพิ่มขึ้น ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการรวมกลุ่ม (DEI) ไม่เกี่ยวกับความยุติธรรม แต่เป็นอาวุธทางจิตวิทยาเพื่อแบ่งแยกสังคม ทำลายค่านิยม และหยุดการเติบโตของประชากร นี่คือสงครามเพื่อความสามัคคีและครอบครัว มาพูดถึงจีเอ็มโอกันดีกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่พืชผลที่ไม่เป็นอันตราย แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างอาวุธเพื่อทำลายสุขภาพและความอุดมสมบูรณ์ โรคเรื้อรังไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรแห่งความตายที่ขับเคลื่อนโดยบริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่ ซึ่งขายโรคและ "การรักษา" Chemtrails? ร่องรอยบนท้องฟ้าเหล่านั้นไม่ใช่เชื้อเพลิงเครื่องบิน แต่เป็นการโจมตีด้วยละอองลอยที่มีสารพิษร้ายแรง เช่น แบเรียมและอะลูมิเนียม โปรยปรายลงมาบนเมือง ทุกลมหายใจทำให้เราเข้าใกล้หลุมศพก่อนวัยอันควร ทำให้ประชากรป่วยและปฏิบัติตาม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่เป็นกลวิธีควบคุม ตำนานเรื่องรอยเท้าคาร์บอนมีไว้เพื่อทำให้เรารู้สึกผิดและตกอยู่ในความยากจน ทำให้เราต้องพึ่งพาระบบของชนชั้นนำ พวกเขากำลังทำให้เราเป็นทาสภายใต้หน้ากากของลัทธิอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เป็นเพียงการทดลอง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังทำให้ความยากจนทั่วโลกแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตที่อยู่อาศัย ราคาอาหารที่ถูกบิดเบือน เงินเฟ้อ พวกเขาต้องการให้เราหมดตัวและไม่สามารถต้านทานได้ และเครื่องมือที่อันตรายที่สุด? อาวุธชีวภาพ โรค "อุบัติใหม่"? การปล่อยโรคตามแผน โควิดเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น คลื่นลูกต่อไปจะมุ่งเป้าไปที่เครื่องหมายทางพันธุกรรม ซึ่งจะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด ในขณะเดียวกัน พวกเขายังต้องนั่งหลบภัยอย่างปลอดภัยในบังเกอร์ โดยเฝ้าดูความโกลาหลที่เกิดขึ้น อาณาจักรสื่อของพวกเขายกย่องความเสื่อมโทรม โรคทางจิต การล่มสลายของครอบครัว ฮอลลีวูด เครื่องจักรโฆษณาชวนเชื่อ พวกเขาทั้งหมดเข้ามาเกี่ยวข้องและผลักดันวัฒนธรรมแห่งความเสื่อมโทรม แผนการลดจำนวนประชากรโลกในปี 2000 กำลังดำเนินไป โดยมีรากฐานที่หยั่งรากลึก—ตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ คิสซิงเจอร์ สโมสรแห่งโรม คลาว ชะแว๊บ ซึ่งเป็นใบหน้าล่าสุดของวาระนี้ เป็นผู้สานต่อ นี่ไม่ใช่ทฤษฎี แต่เป็นเรื่องจริง และมันอยู่ที่นี่ ตื่นได้แล้ว! พายุมาถึงแล้ว และมันกำลังมาหาเราทุกคน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอลลาร์สหรัฐจะเสื่อมค่าลง ถึงแม้จะพยายามก่อสงครามและโรคระบาดก็ตาม / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สถานการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อ ดอลลาร์สหรัฐ มี 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การพิมพ์แบงค์ก่อหนี้ไม่หยุดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ และ 2. การยึดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ทำให้ทั่วโลกกำลังหาสินทรัพย์อย่างอื่น

    อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงได้ต่อไป ก็ยิ่งทำให้เงินทั่วโลกเทขายพันธบัตรและเงินดอลลาร์หันไปลงทุนสินทรัพย์อย่างอื่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย (ซึ่งแปลงเป็นเงินสกุลอื่น) คริปโตเคอเรนซี่ และทองคำ ประเทศใดไม่ทันระวังตัว หลงเพลินกับดัชนีราคาหุ้นที่สูงขึ้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเสื่อมค่าลงด้วยเพราะดอลลาร์ที่ท่วมในทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังเสื่อมค่าลงเช่นกั

    ด้วยเหตุผลนี้ธนาคารกลางของหลายประเทศที่มีเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก ก็มีแนวโน้มจะซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อรักษามูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศให้มั่นคง กว่าการมีสินทรัพย์ที่มีเงินดอลลาร์มากเกินไป

    ด้วยเหตุผลนี้ทองคำมีแนวโน้มจะมีราคาสูงขึ้นต่อไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

    ดังนั้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับความเสียหาย อีกทั้งต้องสั่งซื้อวัคซีนและยารักษาโรคในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐจากอเมริกา และยุโรป

    การก่อหนี้สาธารณอันมหาศาลเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในการหาซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ รวมถึงการเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายประเทศต่อก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น บางประเทศที่ขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่แล้ว ก็ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มากขึ้น

    และการที่ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงครามหรือโรคระบาดที่ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น ก็คือการรักษาความต้องการเงินดอลลาร์ให้ยังคงอยู่ต่อไป และต้องถูกแลกมาด้วยการสูบทรัพยากรจากประเทศลูกหนี้เหล่านั้นให้มาชดใช้หนี้ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและยุโรป

    และนี่คือเหตุผลสำคัญที่กระทรวงกลาโหมต้องออกมาปล่อยข่าวปลอมในการใส่ร้ายและทำลายวัคซีนจากจีน เพื่อต้องการสูบความมั่งคั่งจากทั่วโลกให้มาเพิ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไป

    อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะดำรงได้ต่อไป จึงถูกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจบีบคั้นให้ลดอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าทำให้เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาเดินหน้าต่อไป

    แต่การลดดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ก็แลกกลับมาด้วยเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ไปสู่สินทรัพย์อื่นที่ปลอดภัยมากกว่าอย่างรวดเร็ว ทั้งทองคำ เงินดิจิตอลคริปโตเคอเรนซี่ หุ้นในประเทศในเอเชีย

    ส่งผลทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มจะเสื่อมค่าลงเรื่อยๆ

    เมื่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาดอลลาร์อย่างสันติวิธีได้ ประชาคมโลกจึงมีความเสี่ยงที่จะได้เห็นปรากฏการณ์เร่งทำสงครามให้บานปลายมากขึ้น หรืออาจมีความเสี่ยงการก่อโรคระบาดใหม่ได้มากขึ้น

    เพราะการก่อสงครามของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญความเสี่ยงในการสูญเสียในสมรภูมิสงครามโดยตรง ทำให้หลายประเทศต้องซื้ออาวุธสงครามด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น

    และการปฏิบัติการด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต่อสู้กันนั้น ก็ย่อมทำให้ต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันที่เพิ่มมูลค่ามากขึ้น ย่อมทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์ทำกำไรมากขึ้น และรักษาเงินดอลลาร์ได้มากขึ้นเช่นกัน เพราะทำให้สหรัฐอเมริการมีรายได้มาช่วยชำระหนี้มากขึ้น

    ยังไม่นับความเสี่ยงประเทศคู่กรณีกับสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะถูกประเทศสหรัฐอเมริกาชักดาบ ไม่ต้องชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ และยึดทุนสำรองระหว่างประเทศมาชดใช้หนี้ให้สหรัฐอเมริการหรือให้มาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ด้วย

    กรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าฝ่ายรักษาเงินดอลลาร์ที่ได้ทำลายการขนส่งก๊าซของรัสเซียในยุโรปก็ดี การมีเป้าหมายทำลายบ่อน้ำมันหรือโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านก็ดี มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายปิโตรเลียมของชาติอื่นๆ ที่จะไม่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน(ปิโตรดอลลาร์) เพื่อหวังจะทำให้ปิโตรเลียมที่ค้าขายด้วยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่จะครองสัดส่วนหลักของโลกได้ต่อไป ซึ่งเป็นวิธีดิ้นเฮือกสุดท้ายที่มีความเสี่ยงสูง เป็นการเดิมพันเพื่อรักษาเงินดอลลาร์เอาไว้ให้ได้

    นั่นหมายความว่า “ราคาน้ำมัน” มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปด้วย

    ดังนั้นลักษณะสงครามโลก หรือหากจะมีสงครามโรคเพื่อรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในลักษณะ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ”ไม่ให้เป็นสงครามที่มีผลกระทบต่อแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา

    แต่ก็ใช่ว่าแนวทางรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแบบนี้จะทำได้ตามอำเภอใจ เพราะประเทศคู่กรณีอย่างจีน รัสเซีย ที่มีสมาชิก BRICS เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐให้ลดน้อยลง

    จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่าน อินเดีย ซึ่งกำลังทยอยลดการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่างมีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่ไม่เพียงจะไม่แพ้สหรัฐอเมริกาและยุโรปเท่านั้น แต่ยังอาจจะเหนือกว่าสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย

    ดังนั้นการทำสงครามแบบ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ” อาจถูกโต้กลับด้วยแสนยานุภาพทำให้สงครามสิ้นสุดลงได้เช่นกัน

    ในขณะที่การทำสงครามโรคระบาดก็อาจจะไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะหลังจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 เริ่มทำให้หลายประเทศได้ตระหนักถึงความเสียหายรอบด้าน และมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น ทั้งยารักษาโรค การพึ่งพาตัวเองได้สมุนไพร การเร่งรัดงานวิจัย หรือแม้กระทั่งการผลิตวัคซีน

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนได้ถ่วงอำนาจทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ด้วยการปล่อยกู้และลงทุนอันมหาศาลให้กับหลายประเทศที่ติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังขยายบทบาทการพึ่งพาทางเศรษฐกิจให้กับหลายประเทศทั่วโลกมากกว่าสหรัฐอเมริกา และทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอเมริกาลดลงไปด้วย และยังลงทุนก่อสร้างไปในธุรกิจพลังงาน และเหมืองแร่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นตัวเปลี่ยนเทคโนโลยีของจีน ที่เหนือกว่าการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ

    จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น แนวโน้มดอลลาร์สหรัฐจะไม่สามารถรักษามูลค่าต่อไปได้ ต่อให้ปั่นกระแสข่าวการทำสงคราม การขึ้นภาษีกีดกันทางการค้า ต่างก็มีข้อจำกัดด้วยแสนยานุภาพของประเทศมหาอำนาจคู่กรณี

    ในสถานการณ์เช่นนี้ประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงเรื่องดังต่อไปนี้

    1.ความมั่นคงในทุนสำรองระหว่างประเทศที่จะต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์ให้ทันพลวัตต่อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    2.ต้องมีการบริหารจัดการรักษา “เสถียรภาพ” ค่าเงินบาทไม่ให้เกิดการ “ผันผวน” ผิดปกติเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ กับความสามารถในการแข่งขันในเวทีการส่งออกและการนำเข้าระหว่างประเทศ

    3.ต้องบริหารจัดการให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมโซลาร์เซลล์ และรถไฟฟ้าทั่วไทยอย่างจริงจัง

    4.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พึ่งพาตัวเองได้ ในภาวะสงครามทั่วโลก

    5.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางยาด้านสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก

    แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลได้ตระหนักหรือมีวิสัยทัศน์กับปัญหาเหล่านี้เลย

    คงเหลือแต่ประชาชนเท่านั้นที่ได้อ่านบทความนี้ต้องเริ่มแสวงหาแนวทางการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน อาหาร และสมุนไพร หรือปรัชญาพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    10 ตุลาคม 2567
    ดอลลาร์สหรัฐจะเสื่อมค่าลง ถึงแม้จะพยายามก่อสงครามและโรคระบาดก็ตาม / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สถานการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อ ดอลลาร์สหรัฐ มี 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การพิมพ์แบงค์ก่อหนี้ไม่หยุดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ และ 2. การยึดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ทำให้ทั่วโลกกำลังหาสินทรัพย์อย่างอื่น อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงได้ต่อไป ก็ยิ่งทำให้เงินทั่วโลกเทขายพันธบัตรและเงินดอลลาร์หันไปลงทุนสินทรัพย์อย่างอื่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย (ซึ่งแปลงเป็นเงินสกุลอื่น) คริปโตเคอเรนซี่ และทองคำ ประเทศใดไม่ทันระวังตัว หลงเพลินกับดัชนีราคาหุ้นที่สูงขึ้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเสื่อมค่าลงด้วยเพราะดอลลาร์ที่ท่วมในทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังเสื่อมค่าลงเช่นกั ด้วยเหตุผลนี้ธนาคารกลางของหลายประเทศที่มีเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก ก็มีแนวโน้มจะซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อรักษามูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศให้มั่นคง กว่าการมีสินทรัพย์ที่มีเงินดอลลาร์มากเกินไป ด้วยเหตุผลนี้ทองคำมีแนวโน้มจะมีราคาสูงขึ้นต่อไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ดังนั้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับความเสียหาย อีกทั้งต้องสั่งซื้อวัคซีนและยารักษาโรคในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐจากอเมริกา และยุโรป การก่อหนี้สาธารณอันมหาศาลเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในการหาซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ รวมถึงการเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายประเทศต่อก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น บางประเทศที่ขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่แล้ว ก็ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มากขึ้น และการที่ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงครามหรือโรคระบาดที่ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น ก็คือการรักษาความต้องการเงินดอลลาร์ให้ยังคงอยู่ต่อไป และต้องถูกแลกมาด้วยการสูบทรัพยากรจากประเทศลูกหนี้เหล่านั้นให้มาชดใช้หนี้ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและยุโรป และนี่คือเหตุผลสำคัญที่กระทรวงกลาโหมต้องออกมาปล่อยข่าวปลอมในการใส่ร้ายและทำลายวัคซีนจากจีน เพื่อต้องการสูบความมั่งคั่งจากทั่วโลกให้มาเพิ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะดำรงได้ต่อไป จึงถูกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจบีบคั้นให้ลดอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าทำให้เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาเดินหน้าต่อไป แต่การลดดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ก็แลกกลับมาด้วยเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ไปสู่สินทรัพย์อื่นที่ปลอดภัยมากกว่าอย่างรวดเร็ว ทั้งทองคำ เงินดิจิตอลคริปโตเคอเรนซี่ หุ้นในประเทศในเอเชีย ส่งผลทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มจะเสื่อมค่าลงเรื่อยๆ เมื่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาดอลลาร์อย่างสันติวิธีได้ ประชาคมโลกจึงมีความเสี่ยงที่จะได้เห็นปรากฏการณ์เร่งทำสงครามให้บานปลายมากขึ้น หรืออาจมีความเสี่ยงการก่อโรคระบาดใหม่ได้มากขึ้น เพราะการก่อสงครามของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญความเสี่ยงในการสูญเสียในสมรภูมิสงครามโดยตรง ทำให้หลายประเทศต้องซื้ออาวุธสงครามด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น และการปฏิบัติการด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต่อสู้กันนั้น ก็ย่อมทำให้ต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันที่เพิ่มมูลค่ามากขึ้น ย่อมทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์ทำกำไรมากขึ้น และรักษาเงินดอลลาร์ได้มากขึ้นเช่นกัน เพราะทำให้สหรัฐอเมริการมีรายได้มาช่วยชำระหนี้มากขึ้น ยังไม่นับความเสี่ยงประเทศคู่กรณีกับสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะถูกประเทศสหรัฐอเมริกาชักดาบ ไม่ต้องชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ และยึดทุนสำรองระหว่างประเทศมาชดใช้หนี้ให้สหรัฐอเมริการหรือให้มาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ด้วย กรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าฝ่ายรักษาเงินดอลลาร์ที่ได้ทำลายการขนส่งก๊าซของรัสเซียในยุโรปก็ดี การมีเป้าหมายทำลายบ่อน้ำมันหรือโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านก็ดี มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายปิโตรเลียมของชาติอื่นๆ ที่จะไม่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน(ปิโตรดอลลาร์) เพื่อหวังจะทำให้ปิโตรเลียมที่ค้าขายด้วยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่จะครองสัดส่วนหลักของโลกได้ต่อไป ซึ่งเป็นวิธีดิ้นเฮือกสุดท้ายที่มีความเสี่ยงสูง เป็นการเดิมพันเพื่อรักษาเงินดอลลาร์เอาไว้ให้ได้ นั่นหมายความว่า “ราคาน้ำมัน” มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปด้วย ดังนั้นลักษณะสงครามโลก หรือหากจะมีสงครามโรคเพื่อรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในลักษณะ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ”ไม่ให้เป็นสงครามที่มีผลกระทบต่อแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ใช่ว่าแนวทางรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแบบนี้จะทำได้ตามอำเภอใจ เพราะประเทศคู่กรณีอย่างจีน รัสเซีย ที่มีสมาชิก BRICS เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐให้ลดน้อยลง จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่าน อินเดีย ซึ่งกำลังทยอยลดการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่างมีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่ไม่เพียงจะไม่แพ้สหรัฐอเมริกาและยุโรปเท่านั้น แต่ยังอาจจะเหนือกว่าสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย ดังนั้นการทำสงครามแบบ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ” อาจถูกโต้กลับด้วยแสนยานุภาพทำให้สงครามสิ้นสุดลงได้เช่นกัน ในขณะที่การทำสงครามโรคระบาดก็อาจจะไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะหลังจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 เริ่มทำให้หลายประเทศได้ตระหนักถึงความเสียหายรอบด้าน และมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น ทั้งยารักษาโรค การพึ่งพาตัวเองได้สมุนไพร การเร่งรัดงานวิจัย หรือแม้กระทั่งการผลิตวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนได้ถ่วงอำนาจทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ด้วยการปล่อยกู้และลงทุนอันมหาศาลให้กับหลายประเทศที่ติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังขยายบทบาทการพึ่งพาทางเศรษฐกิจให้กับหลายประเทศทั่วโลกมากกว่าสหรัฐอเมริกา และทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอเมริกาลดลงไปด้วย และยังลงทุนก่อสร้างไปในธุรกิจพลังงาน และเหมืองแร่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นตัวเปลี่ยนเทคโนโลยีของจีน ที่เหนือกว่าการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น แนวโน้มดอลลาร์สหรัฐจะไม่สามารถรักษามูลค่าต่อไปได้ ต่อให้ปั่นกระแสข่าวการทำสงคราม การขึ้นภาษีกีดกันทางการค้า ต่างก็มีข้อจำกัดด้วยแสนยานุภาพของประเทศมหาอำนาจคู่กรณี ในสถานการณ์เช่นนี้ประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงเรื่องดังต่อไปนี้ 1.ความมั่นคงในทุนสำรองระหว่างประเทศที่จะต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์ให้ทันพลวัตต่อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 2.ต้องมีการบริหารจัดการรักษา “เสถียรภาพ” ค่าเงินบาทไม่ให้เกิดการ “ผันผวน” ผิดปกติเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ กับความสามารถในการแข่งขันในเวทีการส่งออกและการนำเข้าระหว่างประเทศ 3.ต้องบริหารจัดการให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมโซลาร์เซลล์ และรถไฟฟ้าทั่วไทยอย่างจริงจัง 4.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พึ่งพาตัวเองได้ ในภาวะสงครามทั่วโลก 5.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางยาด้านสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลได้ตระหนักหรือมีวิสัยทัศน์กับปัญหาเหล่านี้เลย คงเหลือแต่ประชาชนเท่านั้นที่ได้อ่านบทความนี้ต้องเริ่มแสวงหาแนวทางการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน อาหาร และสมุนไพร หรือปรัชญาพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 10 ตุลาคม 2567
    Like
    Love
    Yay
    Sad
    110
    5 ความคิดเห็น 9 การแบ่งปัน 4654 มุมมอง 5 รีวิว
  • อิสราเอลถล่มหนักทั้งเลบานอนและกาซา ขณะกองทัพประกาศเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว รวมทั้งเตรียมพร้อมเอาคืนการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้
    .
    พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวเมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่า กองทัพเตรียมพร้อมและได้ระดมกำลังเพิ่มก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีการบุกโจมตีของฮามาสในวันจันทร์ (7 ต.ค.)
    .
    เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนั้น ฮามาสยังจับตัวประกันราว 250 คนไปคุมขังในกาซา และผ่านมาหนึ่งปี สงครามการแก้แค้นของอิสราเอลในกาซายังคงดำเนินอยู่ และอิสราเอลยังขยายเป้าหมายไปโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
    .
    กองทัพอิสราเอลระบุว่า สังหารนักรบฮิซบอลเลาะห์ราว 440 คนจากปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินและการโจมตีทางอากาศนับจากวันจันทร์ที่แล้ว (29 ก.ย.) ที่กองทัพเริ่มบุกภาคพื้นดินเข้าสู่เลบานอน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำชาวอิสราเอลกลับคืนถิ่นฐานบริเวณชายแดนด้านเหนือติดกับเลบานอนอย่างปลอดภัย หลังจากต้องทิ้งไปเกือบปีเนื่องจากบริเวณดังกล่าวถูกฮิซบอลเลาะห์ระดมโจมตีด้วยจรวดอย่างต่อเนื่อง
    .
    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล ประกาศว่า อิหร่านเป็น “ภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง” หลังจากเตหะรานที่ให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธทั่วตะวันออกกลาง ยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันอังคารที่แล้ว (30 ก.ย.) เพื่อล้างแค้นที่อิสราเอลสังหารผู้นำระดับสูงหลายคนของฮิซบอลเลาะห์และฮามาส
    .
    การโจมตีดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์เสียชีวิต 1 คน และฐานทัพอากาศอิสราเอลแห่งหนึ่งเสียหาย
    .
    เจ้าหน้าที่ทหารอิสราเอลคนหนึ่งเผยว่า กองทัพกำลังเตรียมการตอบโต้อิหร่าน
    .
    ทางด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ระบุว่าอิหร่านโจมตีดินแดนอิสราเอล 2 ครั้งด้วยขีปนาวุธหลายร้อยลูกนับจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อิสราเอลจึงมีหน้าที่และมีสิทธิในการปกป้องตนเองและตอบโต้การโจมตีเหล่านั้น
    .
    ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ทางกลุ่มไม่สามารถติดต่อฮาเชม ซาฟิดดีน ที่คาดว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำกลุ่มคนใหม่ หลังจากอิสราเอลโจมตีใกล้สนามบินนานาชาติในกรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.)
    .
    ทั้งนี้ ฮิซบอลเลาะห์ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้นำใหม่แทนฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วจากการโจมตีครั้งใหญ่ในเบรุต
    .
    กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังเผยว่า นักรบของกลุ่มได้ปะทะกับกองทัพอิสราเอลบริเวณชายแดนทางใต้ของเลบานอน และอ้างว่า สามารถขับไล่ทหารอิสราเอลออกจากหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่งเมื่อเช้าวันอาทิตย์ นอกจากนั้น ยังยิงจรวดโจมตีขณะกองกำลังอิสราเอลอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งส่งโดรนโจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งของอิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ดี สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนรายงานว่า ที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเบรุตถูกโจมตีกว่า 30 ระลอก โดยปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งและคลังจัดเก็บเวชภัณฑ์อีกแห่งถูกโจมตีด้วย
    .
    ด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ โดยพยายามลดความเสี่ยงต่อพลเรือน
    .
    ข้อมูลจากทางการเลบานอนระบุว่า การโจมตีฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,110 คนทั่วเลบานอนนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.
    .
    นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิกาติ ของเลบานอน เรียกร้องนานาชาติกดดันอิสราเอลให้หยุดยิง
    .
    ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงว่า เลบานอนกำลังเผชิญวิฤตร้ายแรง และเตือนว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลส่งผลให้ประชาชนนับแสนต้องยากจนขัดสนหรือทิ้งถิ่นฐาน และโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 แห่งปิดทำการ
    .
    นอกจากนั้น กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นในเลบานอนยังเผยว่า ได้ปฏิเสธการร้องขอของกองทัพอิสราเอลให้ย้ายที่ตั้งบางแห่งออกจากตอนใต้ของเลบานอน
    .
    อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องอีกครั้งให้หยุดยิงทั้งในกาซาและเลบานอน พร้อมขู่อิสราเอลจะถูกตอบโต้รุนแรงขึ้นหากโจมตีอิหร่าน
    .
    ที่กาซา สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิสราเอลได้โจมตีมัสยิดและโรงเรียนแห่งหนึ่งในเดียร์ อัล-บาลาห์ตอนกลางของกาซา ซึ่งเป็นที่หลบภัยของประชาชน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และบาดเจ็บ 93 คน
    .
    ขณะที่อิสราเอลยืนยันว่า ได้โจมตีอย่างแม่นยำต่อกลุ่มก่อการร้ายฮามาสในศูนย์บัญชาการในโรงเรียนและมัสยิดดังกล่าว
    .
    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ยังเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คนทางตอนเหนือของกาซานับจากคืนวันเสาร์ หลังจากอิสราเอลเตือนให้ชาวบ้านอพยพออกไปก่อนส่งรถถังเข้าโจมตี ขณะที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลกาซาแถลงว่า ช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีบ้านเรือน โรงเรียน และที่หลบภัย 27 แห่งทั่วกาซา
    .
    นอกจากนั้นในวันเสาร์ กองทัพอิสราเอลยังออกคำสั่งอพยพครั้งใหม่ในพื้นที่หลายส่วนในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา รวมทั้งนำรถถังบุกเข้าสู่เบตลาฮิยา และจาบาเลียทางเหนือของกาซาเมื่อคืนวันเสาร์ พร้อมส่งเครื่องบินโจมตีบ้านหลายหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน
    .
    ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลเผยว่า ได้ปิดล้อมจาบาเลียหลังได้รับข่าวกรองว่า ฮามาสกำลังพยายามซ่องสุมกำลังขึ้นมาใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว
    .
    ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41,780 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095167
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลถล่มหนักทั้งเลบานอนและกาซา ขณะกองทัพประกาศเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว รวมทั้งเตรียมพร้อมเอาคืนการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ . พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวเมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่า กองทัพเตรียมพร้อมและได้ระดมกำลังเพิ่มก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีการบุกโจมตีของฮามาสในวันจันทร์ (7 ต.ค.) . เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนั้น ฮามาสยังจับตัวประกันราว 250 คนไปคุมขังในกาซา และผ่านมาหนึ่งปี สงครามการแก้แค้นของอิสราเอลในกาซายังคงดำเนินอยู่ และอิสราเอลยังขยายเป้าหมายไปโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน . กองทัพอิสราเอลระบุว่า สังหารนักรบฮิซบอลเลาะห์ราว 440 คนจากปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินและการโจมตีทางอากาศนับจากวันจันทร์ที่แล้ว (29 ก.ย.) ที่กองทัพเริ่มบุกภาคพื้นดินเข้าสู่เลบานอน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำชาวอิสราเอลกลับคืนถิ่นฐานบริเวณชายแดนด้านเหนือติดกับเลบานอนอย่างปลอดภัย หลังจากต้องทิ้งไปเกือบปีเนื่องจากบริเวณดังกล่าวถูกฮิซบอลเลาะห์ระดมโจมตีด้วยจรวดอย่างต่อเนื่อง . ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล ประกาศว่า อิหร่านเป็น “ภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง” หลังจากเตหะรานที่ให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธทั่วตะวันออกกลาง ยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันอังคารที่แล้ว (30 ก.ย.) เพื่อล้างแค้นที่อิสราเอลสังหารผู้นำระดับสูงหลายคนของฮิซบอลเลาะห์และฮามาส . การโจมตีดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์เสียชีวิต 1 คน และฐานทัพอากาศอิสราเอลแห่งหนึ่งเสียหาย . เจ้าหน้าที่ทหารอิสราเอลคนหนึ่งเผยว่า กองทัพกำลังเตรียมการตอบโต้อิหร่าน . ทางด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ระบุว่าอิหร่านโจมตีดินแดนอิสราเอล 2 ครั้งด้วยขีปนาวุธหลายร้อยลูกนับจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อิสราเอลจึงมีหน้าที่และมีสิทธิในการปกป้องตนเองและตอบโต้การโจมตีเหล่านั้น . ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ทางกลุ่มไม่สามารถติดต่อฮาเชม ซาฟิดดีน ที่คาดว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำกลุ่มคนใหม่ หลังจากอิสราเอลโจมตีใกล้สนามบินนานาชาติในกรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.) . ทั้งนี้ ฮิซบอลเลาะห์ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้นำใหม่แทนฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วจากการโจมตีครั้งใหญ่ในเบรุต . กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังเผยว่า นักรบของกลุ่มได้ปะทะกับกองทัพอิสราเอลบริเวณชายแดนทางใต้ของเลบานอน และอ้างว่า สามารถขับไล่ทหารอิสราเอลออกจากหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่งเมื่อเช้าวันอาทิตย์ นอกจากนั้น ยังยิงจรวดโจมตีขณะกองกำลังอิสราเอลอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งส่งโดรนโจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งของอิสราเอล . อย่างไรก็ดี สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนรายงานว่า ที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเบรุตถูกโจมตีกว่า 30 ระลอก โดยปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งและคลังจัดเก็บเวชภัณฑ์อีกแห่งถูกโจมตีด้วย . ด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ โดยพยายามลดความเสี่ยงต่อพลเรือน . ข้อมูลจากทางการเลบานอนระบุว่า การโจมตีฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,110 คนทั่วเลบานอนนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. . นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิกาติ ของเลบานอน เรียกร้องนานาชาติกดดันอิสราเอลให้หยุดยิง . ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงว่า เลบานอนกำลังเผชิญวิฤตร้ายแรง และเตือนว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลส่งผลให้ประชาชนนับแสนต้องยากจนขัดสนหรือทิ้งถิ่นฐาน และโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 แห่งปิดทำการ . นอกจากนั้น กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นในเลบานอนยังเผยว่า ได้ปฏิเสธการร้องขอของกองทัพอิสราเอลให้ย้ายที่ตั้งบางแห่งออกจากตอนใต้ของเลบานอน . อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องอีกครั้งให้หยุดยิงทั้งในกาซาและเลบานอน พร้อมขู่อิสราเอลจะถูกตอบโต้รุนแรงขึ้นหากโจมตีอิหร่าน . ที่กาซา สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิสราเอลได้โจมตีมัสยิดและโรงเรียนแห่งหนึ่งในเดียร์ อัล-บาลาห์ตอนกลางของกาซา ซึ่งเป็นที่หลบภัยของประชาชน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และบาดเจ็บ 93 คน . ขณะที่อิสราเอลยืนยันว่า ได้โจมตีอย่างแม่นยำต่อกลุ่มก่อการร้ายฮามาสในศูนย์บัญชาการในโรงเรียนและมัสยิดดังกล่าว . เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ยังเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คนทางตอนเหนือของกาซานับจากคืนวันเสาร์ หลังจากอิสราเอลเตือนให้ชาวบ้านอพยพออกไปก่อนส่งรถถังเข้าโจมตี ขณะที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลกาซาแถลงว่า ช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีบ้านเรือน โรงเรียน และที่หลบภัย 27 แห่งทั่วกาซา . นอกจากนั้นในวันเสาร์ กองทัพอิสราเอลยังออกคำสั่งอพยพครั้งใหม่ในพื้นที่หลายส่วนในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา รวมทั้งนำรถถังบุกเข้าสู่เบตลาฮิยา และจาบาเลียทางเหนือของกาซาเมื่อคืนวันเสาร์ พร้อมส่งเครื่องบินโจมตีบ้านหลายหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน . ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลเผยว่า ได้ปิดล้อมจาบาเลียหลังได้รับข่าวกรองว่า ฮามาสกำลังพยายามซ่องสุมกำลังขึ้นมาใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว . ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41,780 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095167 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    Love
    Yay
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1715 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักประสาทวิทยาชื่อดังแฉว่า “โรคสมาธิสั้นไม่มีอยู่จริง แต่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อล่อเด็กให้เสพยา”

    โรคสมาธิสั้น (ADHD) ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นผลงานคิดค้นโดยบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลเพื่อหลอกล่อเด็กเล็กและผู้เปราะบางให้ใช้ยาจิตเวชที่มีราคาสูง ตามที่นักชีววิทยาพฤติกรรมชั้นนำของอเมริกา ดร. ริชาร์ด ซอล กล่าว
    “โรคที่เรียกว่านี้แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีการวินิจฉัยและการใช้ยาเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก”ดร.ซอลกล่าวต่อ“ผู้ใหญ่มากกว่าร้อยละ 4 และเด็กร้อยละ 11 ในสหรัฐฯ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น”
    https://thepeoplesvoice.tv/top-neurologist-blows-whistle-adhd-does-not-exist-it-was-invented-to-hook-kids-on-drugs/
    📢 นักประสาทวิทยาชื่อดังแฉว่า “โรคสมาธิสั้นไม่มีอยู่จริง แต่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อล่อเด็กให้เสพยา” ❗ โรคสมาธิสั้น (ADHD) ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นผลงานคิดค้นโดยบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลเพื่อหลอกล่อเด็กเล็กและผู้เปราะบางให้ใช้ยาจิตเวชที่มีราคาสูง ตามที่นักชีววิทยาพฤติกรรมชั้นนำของอเมริกา ดร. ริชาร์ด ซอล กล่าว “โรคที่เรียกว่านี้แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีการวินิจฉัยและการใช้ยาเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก”ดร.ซอลกล่าวต่อ“ผู้ใหญ่มากกว่าร้อยละ 4 และเด็กร้อยละ 11 ในสหรัฐฯ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น” https://thepeoplesvoice.tv/top-neurologist-blows-whistle-adhd-does-not-exist-it-was-invented-to-hook-kids-on-drugs/
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 4 ล้านบาท เร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันเพื่อประเมินการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
    .
    ระหว่างวันที่ 4-10 กันยายน 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน สุโขทัย และแพร่ รวม 5 จังหวัด เครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 8,500 ชุด นอกจากนี้ยังได้ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจำนวน 9 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งสิ้น 4,005,000 บาท (สี่ล้านห้าพันบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี
    .
    นอกจากนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย แพร่ และน่าน โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก
    .
    เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์
    .
    ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการภารกิจในพื้นที่ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป
    .
    ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 4 ล้านบาท เร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันเพื่อประเมินการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด . ระหว่างวันที่ 4-10 กันยายน 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน สุโขทัย และแพร่ รวม 5 จังหวัด เครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 8,500 ชุด นอกจากนี้ยังได้ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจำนวน 9 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งสิ้น 4,005,000 บาท (สี่ล้านห้าพันบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี . นอกจากนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย แพร่ และน่าน โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก . เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ . ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการภารกิจในพื้นที่ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป . ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1559 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคนี้.....กัญชามาแรงแซงโค้ง....!!!

    คือเมื่อคืนนะคะ ดิฉันดูละครโทรทัศน์ เรื่อง ทองเอก หมอยา
    ทุ่งโฉลง เพราะได้ดูตัวอย่างนิดนึงแล้วติดใจ อยากติดตาม เพราะเป็นของใหม่ที่จะให้การศึกษากับคนไทยแบบเนียนด้วยการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะพืชสมุนไพร..

    อันว่าดิฉันเนี่ยยย เป็นคนที่ค่อนข้างต่อต้านยาฝรั่ง คือพยายามใช้ให้น้อยที่สุด เช่น เฉพาะไมเกรนเจ้าประจำ กับฉีดวัคซีนต่างๆ
    แต่ไม่พยายามพร่ำเพรื่อ อย่างที่น้องมาแวะเยี่ยม ก็ได้ขอให้ติด”ยาน้ำระดมพล” มาให้ด้วย ขอบคุณน้องหลายๆเด้อ
    เพราะสรรพคุณของยาน้ำนี้ คือการ”รุ” เพื่อระบบไฟธาตุในร่างกายได้ทำงานสะดวก (ตามคำของผู้ใหญ่ที่สั่งสอนมา)
    ดิฉันก็ถือมาเป็นวิถีปฏิบัติมาสามสิบปีนี่แล้วค่ะ อาทิตย์ละจอก..
    ที่เห็นๆคือ ไมเกรนห่างหายไปมาก และ สบายตัว

    เลยเถิดไปได้ยังไงเนี่ยยย ว่าจะพูดถึงกัญชา...!!!

    เอาว่าเริ่มจากกัญชาฝรั่งก่อนนะคะ กัญชาไทย หรือ Thai stick เราก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าเป็นสุดยอด....ที่ฝรั่งหลงไหลถึงขนาดจับเครื่องบินมาเพื่อเชยชม ดูดดมเจ้า...
    ตอนนี้ “กัญชา” เป็นที่หอมหวนในวงการธุรกิจ เพราะมันหมายถึงเงินจำนวนแสนล้าน...
    ในปี 2014 อุรุกวัย เป็นประเทศแรกที่ประกาศตัวใช้กัญชาได้
    ตามกฏหมายกำหนด
    ตามด้วย แคนาดา เมื่อเดือนตุลาคม 2018
    ตั้งแต่อุรุกวัย เปิดเสรีเรื่องกัญชาขึ้นมา พลอยสร้างกระแสแรงกระเพื่อมในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประชาชนเหล่านิยมกัญชา เขาคือ กลุ่ม AUMA (Adult Use of Marijuana Act)
    พากันเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณากฏหมายผ่อนปรนด้วยเรื่องสารเสพติด โดยมีการวิจัยออกมาว่า กัญชามีโทษต่อร่างกายน้อยมาก
    น้อยกว่าเหล้า บุหรี่ และยารักษาโรคอื่นๆ
    อีกทั้งช่วยรักษาได้อีกสารพัดโรค

    ในความจริงคือ ตั้งแต่ปี 2003 บริษัท Bayer AG ได้แอบทุ่มทุนร่วมกับ GW Pharmaceuticals ในการทำวิจัยเรื่องกัญชาในการรักษาโรคมาแล้ว

    ปี 2007 Bayer เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ประเทศเยอรมัน ได้ร่วมมือร่วมทุนกันกับ Monsanto (อเมริกา) เป็นบริษัทที่ทุกคนรู้ๆกันว่า ยิ่งใหญ่มากทางด้านเคมีเกษตร และผันตัวมาทำเรื่อง GMO ในพืชทุกชนิด รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ผัก ผลไม้ จากในอดีตที่เคยเป็นผู้ผลิต “ฝนเหลือง” ที่คร่าชีวิตชาวเวียดนามไปมากมาย...และผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ George Soros

    แต่ในขณะเดียวกันนั้น ประชาชนผู้บริโภคได้ตื่นตัวต่อวิธีการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมในพืชผักของมอนซานโตที่มีข้อเสียซ่อนไว้มากมาย
    และเริ่มมีการต่อต้านกันไปอย่างแพร่หลาย
    มอนซานโตมาถึงจุดตกต่ำ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยที่ได้ถูกฟ้องร้องว่าเป็นเหตุให้เกิดมะเร็ง
    รายที่ฟ้องได้ค่าเสียหายมากสุด คือ 289 ล้านยูเอส ในเดือนสิงหาคม 2018
    คือคนสวน Dewayne Johnson อายุ 46 ปี ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าหญ้าของมอนซานโตในชื่อว่า Roundup

    แต่คนอย่าง โซรอส เขามีทางออกที่สวยสุด คือ รีบเทขาย Monsanto ให้กับ Bayer อย่างว่องไว เพราะไหนๆก็ร่วมมือกันทำวิจัยเรื่อง “กัญชา” มาตั้งแต่ 2007 แล้ว ด้วยจำนวนเงิน หกหมื่นล้านยูเอส
    เท่ากับเป็นการล้างชื่อ มอนซานโต ออกไปจากตำแหน่งของบริษัทที่ชั่วช้าที่สุดในโลกไปได้...

    จากนี้ไป เราไม่มีมอนซานโตก็จริง แต่...ใครจะรู้ว่าจะอวตารขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ เพราะสูตรเคมีล้างโลก และ พันธุ์พืชที่ได้แต่งเปลี่ยนนั้น
    อยู่ที่ไหน...?

    และ ที่ Bayer ซื้ออะไรไปด้วยเงินจำนวนขนาดนั้น ในเมื่อไม่มีใครได้เห็นสัญญาซื้อขาย ไม่มีสื่อไหนกล้าหาข้อมูลมาตีแผ่
    เพราะในอดีตของ Bayer ก็ถือว่า ไม่ได้ด้อยไปกว่ามอนซานโตเลย

    Bayer ก็เคยเปลี่ยนชื่อเพราะความฉาวโฉ่มาแล้ว จากชื่อเก่า คือ
    IG Farben เป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ผลิตยาให้กับนาซี ตั้งแต่แอสไพรินจนถึงไซยาไนด์
    รวมทั้ง Zyklon B คือแก๊สที่ใช้รมเชลยยิวในค่ายนรก ซึ่งบริษัทนี้ได้เกณฑ์แรงงานยิวมาใช้ตั้งแต่ต้นสงครามจนถึงวันสุดท้ายที่ปราชัย
    พอสงครามเลิก IG Farben ก็ยุบไป และเจ้าหน้าที่ พนักงาน ได้ถูกเป็นจำเลยในศาลกันพร้อมหน้า ติดคุกกันไม่กี่ปีก็ออกมาเดินปร๋อ
    และต่อมาได้มีอวตารบริษัทเกิดขึ้นใหม่ ในนาม Bayer ที่ผู้บริหารตัวบิ๊กๆนั้น มาจาก IG Farben ทั้งแผง

    ในปี 1995 Bayer ได้ออกมาขอโทษกับชาวยิวที่มีส่วนในการผลิตแก๊สทำลายล้างเผ่าพันธุ์

    ส่วน จอร์จ โซรอส นั้น เกิดในฮังการีในปี 1930 และเติบโตมาในช่วงของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นาซีได้แผ่เข้ามาในฮังการี และได้ฆ่ายิวไปกว่าห้าแสนคน
    ครอบครัวของเขาต้องอยู่ในสถานะปลอมๆ ต้องแอ๊บเป็นอารยัน
    แถมได้ทำงานในออฟฟิศให้กับหน่วยงานของนาซี หน้าที่ของเขาคือ
    นำคนไปตามจับและยึดทรัพย์ชาวยิว...จนถึงสงครามเลิก

    แต่ฮังการี...ต้องไปสู่เขตการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์
    ครอบครัวเขาจึงอพยพมุ่งหน้าไปสู่ลอนดอน เขาได้เข้าเรียนระดับวิทยาลัย ในสาขาเศรษฐศาสตร์ ในปี 1947
    จากนั้น เขาจึงไปเริ่มชีวิตใหม่ที่อเมริกา ในปี 1956 โดยเริ่มจากเซลส์แมนกิ๊กก๊อก นักเก็งกำไรหุ้น ค้าอสังหาฯ
    และเพียง สิบกว่าปี เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐี...

    เรื่องที่เขาขายมอนซานโตออกไปอย่างไม่เสียดมเสียดายเพราะสิ่งที่น่าสนใจกว่า และจะเป็นที่รักใคร่ของประชาชนนั้นคือ
    “กัญชา”
    เขาทุ่มเงินสนับสนุนโอบามา จนได้เป็นประธานาธิบดี เพื่อสนองนโยบายได้เร็วทันใจ เพราะ กัญชาได้เปลี่ยนมาเป็นสารเสพติดร้ายแรงประเภทที่หนึ่ง มาเป็นประเภทที่สอง คือ สารเสพติดที่ใช้ทางการแพทย์
    จากนั้นก็คือหน้าที่ของกลุ่ม AUMA ในรัฐต่างๆที่จะเคลื่อนไหวกันเอง...
    ส่วนโซรอส (ในนามของมอนซานโต) ได้เข้าไปยึดครองการเพาะปลูกกัญชาในอุรุกวัย อันว่ากันว่าเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกต่อเกษตรกรรมกัญชา ตั้งแต่ 2003 และเขาคือแรงผลักดันให้อุรุกวัยประกาศตนเป็นประเทศที่กัญชาค้าขายได้ถูกกฎหมาย
    รวมทั้งการครอบคลุมเมล็ดพันธุ์

    และที่สำคัญสุดคือ จอร์จ โซรอส ได้มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในบอร์ดของ DPA (Drug Policy Alliance) สำนักงานตั้งอยู่ในนิวยอร์ค
    ประมาณว่า เป็นกลุ่มดูแลนโยบายสิ่งเสพติดในการรักษาโรค
    ที่มีข้อปฎิบัติละเอียดยิบย่อย
    และ DPA นี้ ไม่ใช่ครอบคลุมในเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
    เขาได้กระจายไปในอุรุกวัยและประเทศอื่นในแถบลาตินด้วย

    นั่นหมายถึงว่า ถ้าจะมีสมาชิกใหม่ในกลุ่ม ก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายของเขา ปลูกได้ตามที่เขาสั่ง ขายได้ในราคาตามที่เขากำหนด ใช้ได้ตามจำนวนที่เขาจะพิจารณา
    และ ถ้าไม่เป็นสมาชิก...แต่จะมาค้าขายกัญชาตามใจชอบ
    ก็อาจจะมี “สงครามกัญชา”เกิดขึ้น

    เงินไม่เข้าใครออกใคร...
    ถ้าจำนวนมหาศาลพอ ...ยิวกับนาซี ยังจูบปากกันได้เลย...!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ยุคนี้.....กัญชามาแรงแซงโค้ง....!!! คือเมื่อคืนนะคะ ดิฉันดูละครโทรทัศน์ เรื่อง ทองเอก หมอยา ทุ่งโฉลง เพราะได้ดูตัวอย่างนิดนึงแล้วติดใจ อยากติดตาม เพราะเป็นของใหม่ที่จะให้การศึกษากับคนไทยแบบเนียนด้วยการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะพืชสมุนไพร.. อันว่าดิฉันเนี่ยยย เป็นคนที่ค่อนข้างต่อต้านยาฝรั่ง คือพยายามใช้ให้น้อยที่สุด เช่น เฉพาะไมเกรนเจ้าประจำ กับฉีดวัคซีนต่างๆ แต่ไม่พยายามพร่ำเพรื่อ อย่างที่น้องมาแวะเยี่ยม ก็ได้ขอให้ติด”ยาน้ำระดมพล” มาให้ด้วย ขอบคุณน้องหลายๆเด้อ เพราะสรรพคุณของยาน้ำนี้ คือการ”รุ” เพื่อระบบไฟธาตุในร่างกายได้ทำงานสะดวก (ตามคำของผู้ใหญ่ที่สั่งสอนมา) ดิฉันก็ถือมาเป็นวิถีปฏิบัติมาสามสิบปีนี่แล้วค่ะ อาทิตย์ละจอก.. ที่เห็นๆคือ ไมเกรนห่างหายไปมาก และ สบายตัว เลยเถิดไปได้ยังไงเนี่ยยย ว่าจะพูดถึงกัญชา...!!! เอาว่าเริ่มจากกัญชาฝรั่งก่อนนะคะ กัญชาไทย หรือ Thai stick เราก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าเป็นสุดยอด....ที่ฝรั่งหลงไหลถึงขนาดจับเครื่องบินมาเพื่อเชยชม ดูดดมเจ้า... ตอนนี้ “กัญชา” เป็นที่หอมหวนในวงการธุรกิจ เพราะมันหมายถึงเงินจำนวนแสนล้าน... ในปี 2014 อุรุกวัย เป็นประเทศแรกที่ประกาศตัวใช้กัญชาได้ ตามกฏหมายกำหนด ตามด้วย แคนาดา เมื่อเดือนตุลาคม 2018 ตั้งแต่อุรุกวัย เปิดเสรีเรื่องกัญชาขึ้นมา พลอยสร้างกระแสแรงกระเพื่อมในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประชาชนเหล่านิยมกัญชา เขาคือ กลุ่ม AUMA (Adult Use of Marijuana Act) พากันเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณากฏหมายผ่อนปรนด้วยเรื่องสารเสพติด โดยมีการวิจัยออกมาว่า กัญชามีโทษต่อร่างกายน้อยมาก น้อยกว่าเหล้า บุหรี่ และยารักษาโรคอื่นๆ อีกทั้งช่วยรักษาได้อีกสารพัดโรค ในความจริงคือ ตั้งแต่ปี 2003 บริษัท Bayer AG ได้แอบทุ่มทุนร่วมกับ GW Pharmaceuticals ในการทำวิจัยเรื่องกัญชาในการรักษาโรคมาแล้ว ปี 2007 Bayer เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ประเทศเยอรมัน ได้ร่วมมือร่วมทุนกันกับ Monsanto (อเมริกา) เป็นบริษัทที่ทุกคนรู้ๆกันว่า ยิ่งใหญ่มากทางด้านเคมีเกษตร และผันตัวมาทำเรื่อง GMO ในพืชทุกชนิด รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ผัก ผลไม้ จากในอดีตที่เคยเป็นผู้ผลิต “ฝนเหลือง” ที่คร่าชีวิตชาวเวียดนามไปมากมาย...และผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ George Soros แต่ในขณะเดียวกันนั้น ประชาชนผู้บริโภคได้ตื่นตัวต่อวิธีการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมในพืชผักของมอนซานโตที่มีข้อเสียซ่อนไว้มากมาย และเริ่มมีการต่อต้านกันไปอย่างแพร่หลาย มอนซานโตมาถึงจุดตกต่ำ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยที่ได้ถูกฟ้องร้องว่าเป็นเหตุให้เกิดมะเร็ง รายที่ฟ้องได้ค่าเสียหายมากสุด คือ 289 ล้านยูเอส ในเดือนสิงหาคม 2018 คือคนสวน Dewayne Johnson อายุ 46 ปี ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าหญ้าของมอนซานโตในชื่อว่า Roundup แต่คนอย่าง โซรอส เขามีทางออกที่สวยสุด คือ รีบเทขาย Monsanto ให้กับ Bayer อย่างว่องไว เพราะไหนๆก็ร่วมมือกันทำวิจัยเรื่อง “กัญชา” มาตั้งแต่ 2007 แล้ว ด้วยจำนวนเงิน หกหมื่นล้านยูเอส เท่ากับเป็นการล้างชื่อ มอนซานโต ออกไปจากตำแหน่งของบริษัทที่ชั่วช้าที่สุดในโลกไปได้... จากนี้ไป เราไม่มีมอนซานโตก็จริง แต่...ใครจะรู้ว่าจะอวตารขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ เพราะสูตรเคมีล้างโลก และ พันธุ์พืชที่ได้แต่งเปลี่ยนนั้น อยู่ที่ไหน...? และ ที่ Bayer ซื้ออะไรไปด้วยเงินจำนวนขนาดนั้น ในเมื่อไม่มีใครได้เห็นสัญญาซื้อขาย ไม่มีสื่อไหนกล้าหาข้อมูลมาตีแผ่ เพราะในอดีตของ Bayer ก็ถือว่า ไม่ได้ด้อยไปกว่ามอนซานโตเลย Bayer ก็เคยเปลี่ยนชื่อเพราะความฉาวโฉ่มาแล้ว จากชื่อเก่า คือ IG Farben เป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ผลิตยาให้กับนาซี ตั้งแต่แอสไพรินจนถึงไซยาไนด์ รวมทั้ง Zyklon B คือแก๊สที่ใช้รมเชลยยิวในค่ายนรก ซึ่งบริษัทนี้ได้เกณฑ์แรงงานยิวมาใช้ตั้งแต่ต้นสงครามจนถึงวันสุดท้ายที่ปราชัย พอสงครามเลิก IG Farben ก็ยุบไป และเจ้าหน้าที่ พนักงาน ได้ถูกเป็นจำเลยในศาลกันพร้อมหน้า ติดคุกกันไม่กี่ปีก็ออกมาเดินปร๋อ และต่อมาได้มีอวตารบริษัทเกิดขึ้นใหม่ ในนาม Bayer ที่ผู้บริหารตัวบิ๊กๆนั้น มาจาก IG Farben ทั้งแผง ในปี 1995 Bayer ได้ออกมาขอโทษกับชาวยิวที่มีส่วนในการผลิตแก๊สทำลายล้างเผ่าพันธุ์ ส่วน จอร์จ โซรอส นั้น เกิดในฮังการีในปี 1930 และเติบโตมาในช่วงของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นาซีได้แผ่เข้ามาในฮังการี และได้ฆ่ายิวไปกว่าห้าแสนคน ครอบครัวของเขาต้องอยู่ในสถานะปลอมๆ ต้องแอ๊บเป็นอารยัน แถมได้ทำงานในออฟฟิศให้กับหน่วยงานของนาซี หน้าที่ของเขาคือ นำคนไปตามจับและยึดทรัพย์ชาวยิว...จนถึงสงครามเลิก แต่ฮังการี...ต้องไปสู่เขตการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ครอบครัวเขาจึงอพยพมุ่งหน้าไปสู่ลอนดอน เขาได้เข้าเรียนระดับวิทยาลัย ในสาขาเศรษฐศาสตร์ ในปี 1947 จากนั้น เขาจึงไปเริ่มชีวิตใหม่ที่อเมริกา ในปี 1956 โดยเริ่มจากเซลส์แมนกิ๊กก๊อก นักเก็งกำไรหุ้น ค้าอสังหาฯ และเพียง สิบกว่าปี เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐี... เรื่องที่เขาขายมอนซานโตออกไปอย่างไม่เสียดมเสียดายเพราะสิ่งที่น่าสนใจกว่า และจะเป็นที่รักใคร่ของประชาชนนั้นคือ “กัญชา” เขาทุ่มเงินสนับสนุนโอบามา จนได้เป็นประธานาธิบดี เพื่อสนองนโยบายได้เร็วทันใจ เพราะ กัญชาได้เปลี่ยนมาเป็นสารเสพติดร้ายแรงประเภทที่หนึ่ง มาเป็นประเภทที่สอง คือ สารเสพติดที่ใช้ทางการแพทย์ จากนั้นก็คือหน้าที่ของกลุ่ม AUMA ในรัฐต่างๆที่จะเคลื่อนไหวกันเอง... ส่วนโซรอส (ในนามของมอนซานโต) ได้เข้าไปยึดครองการเพาะปลูกกัญชาในอุรุกวัย อันว่ากันว่าเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกต่อเกษตรกรรมกัญชา ตั้งแต่ 2003 และเขาคือแรงผลักดันให้อุรุกวัยประกาศตนเป็นประเทศที่กัญชาค้าขายได้ถูกกฎหมาย รวมทั้งการครอบคลุมเมล็ดพันธุ์ และที่สำคัญสุดคือ จอร์จ โซรอส ได้มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในบอร์ดของ DPA (Drug Policy Alliance) สำนักงานตั้งอยู่ในนิวยอร์ค ประมาณว่า เป็นกลุ่มดูแลนโยบายสิ่งเสพติดในการรักษาโรค ที่มีข้อปฎิบัติละเอียดยิบย่อย และ DPA นี้ ไม่ใช่ครอบคลุมในเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เขาได้กระจายไปในอุรุกวัยและประเทศอื่นในแถบลาตินด้วย นั่นหมายถึงว่า ถ้าจะมีสมาชิกใหม่ในกลุ่ม ก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายของเขา ปลูกได้ตามที่เขาสั่ง ขายได้ในราคาตามที่เขากำหนด ใช้ได้ตามจำนวนที่เขาจะพิจารณา และ ถ้าไม่เป็นสมาชิก...แต่จะมาค้าขายกัญชาตามใจชอบ ก็อาจจะมี “สงครามกัญชา”เกิดขึ้น เงินไม่เข้าใครออกใคร... ถ้าจำนวนมหาศาลพอ ...ยิวกับนาซี ยังจูบปากกันได้เลย...!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1381 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts