ศาสตราจารย์ เชี่ยวชาญสาขาอายุรกรรม และสมองระบบประสาท
ที่ปรึกษา วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
  • 41 Posts
  • 23 Photos
  • 5 Videos
  • Professor of Medicine and Neurology at College of Eastern Medicine, Rangsit university
  • Lives in Bangkok
  • Studied Board in Medicine and Neurology at
  • Followed by 81 people
Recent Updates
  • Like
    Sad
    9
    0 Comments 1 Shares 108 Views 0 Reviews
  • การสอบสวนฝีดาษลิงธรรมชาติสร้างสรรค์หรือมนุษย์ประดิษฐ์

    6 กันยายน 2024
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลก กำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก
    เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์
    มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการ เฉพาะของวุฒิสภาสพรัฐโดย
    กรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน
    ขั้นตอนตัดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง
    ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น
    และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร เฟาซี

    และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้ายโดย สมมุติว่ามีการ ใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน
    เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก
    จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก

    ข้อมูลฉบับเต็มจากการสอบสวน
    https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email
    การสอบสวนฝีดาษลิงธรรมชาติสร้างสรรค์หรือมนุษย์ประดิษฐ์ 6 กันยายน 2024 ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลก กำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์ มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการ เฉพาะของวุฒิสภาสพรัฐโดย กรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน ขั้นตอนตัดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร เฟาซี และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้ายโดย สมมุติว่ามีการ ใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก ข้อมูลฉบับเต็มจากการสอบสวน https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email
    Like
    8
    1 Comments 1 Shares 265 Views 0 Reviews
  • ตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย

    ซึ่งน้อยกว่าที่มีการฉีดวัควัคซีนจริง ปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย
    ตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าที่มีการฉีดวัควัคซีนจริง ปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • วัคซีนไม่ช่วยป้องกันการเกิดลองโควิด
    5 กันยายน 2024
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    อาการของลองโควิด (long covid) เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ติดเชื้อไปแล้วไม่ว่าจะรุนแรงหรืออาการน้อยนิดก็ตาม
    และปรากฏได้หลังจากที่ฉีดวัคซีนไปแล้วโดยเรียกกันว่าเป็นลองวัคซีน หรือ ลองแวกซ์ (long vax) และอาการดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าสามเดือนและทอดยาวเป็นปี

    โดยออกมาในรูปแบบของ
    • ระบบหัวใจและการหายใจ (cardiorespiratory) เหนื่อยแม้กระทั่งเวลาจะเดิน ยังเดินไม่ไหว ชีพจรและความดันผันผวน สูงลิบสลับกับต่ำเตี้ย จนกระทั่งเป็นลม ต้องนอนหรือนั่งเอนอนตลอดอาการในข้อนี้ ตรวจด้วยเครื่องมือและวิธีการต่างๆกลับไม่พบหรือหาสาเหตุไม่ได้ และในที่สุดถูกส่งไปรักษากับจิตแพทย์
    • ระบบสมองและประสาท รวมจิตอารมณ์ (neuropsychiatric) ทั้งสมองเสื่อม ความจำสั้นเลอะเลือน การนอนผิดปกติ อารมณ์หดหู่ ไปจนกระทั่งถึงอาการกระตุก มีโรคลมชักเกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น และเกิดความบกพร่องทางฮอร์โมนการควบคุมประจำเดือน ความต้องการทางเพศจนกระทั่งถึงความล้มเหลวของการมีเพศสัมพันธ์ และภาวะอสุจิน้อยลงหรือผิดปกติ ทั้งนี้มีส่วนของการทำลายที่ระบบสืบพันธุ์โดยตรงด้วยเช่น ลูกอัณฑะ รังไข่ ความแปรปรวนทางด้านฮอร์โมนยังเกิดกับการควบคุมฮอร์โมนที่มาจากสมองส่งมายังต่อมไร้ท่อต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังมีกลไกของการแพ้ภูมิตนเองทำให้เกิดเบาหวาน ที่ดื้ออินซูลิน จนกระทั่งถึงกลไกการทำลายตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน
    • ระบบเส้นประสาทกล้ามเนื้อ (neuromuscular) ทั้งชา เจ็บแสบ คัน ตามแขนขาและบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย และ/หรือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือตะคริว ตามมือแขนขา และส่วนต่างๆของร่างกายแม้กระทั่งใบหน้า
    • ภาวะอักเสบง่าย (proinflammatory) เกิดผื่นตุ่มหนองผมร่วง ปวดข้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ การอักเสบยังรวมไปถึงลูกตาเปลือกตาหนังตา เจ็บแสบริมฝีปาก กระพุงแก้ม ลิ้นลำคอ ทั้งนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันแปรปรวนเพิ่มสูงมากไปทำร้ายตัวเอง และระบบป้องกันเชื้อโรค ไม่ว่า จะเป็นไวรัสแบคทีเรียก็ตาม และที่ควบคุม เชื้อที่ซ่อนอยู่บกพร่องไม่ว่าจะเป็น เริม งูสวัด
    • ความผิดปกติของระบบหลอดเลือดหัวใจ สมอง และทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดดำหรือแดงก็ตาม เกิดเลือดหนืดข้นผนังหลอดเลือดอักเสบ และกระทบกล้ามเนื้อหัวใจ ก่อให้เกิดเส้นเลือดตันหรือแตกโดยเฉพาะสมอง และกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หัวใจวายหรือ ทำให้ขัดขวางจังหวะการเต้นของหัวใจเกิดเสียชีวิตกระทันหันทั้งทั้งที่อายุน้อยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีโรคประจำตัวก็ตามและถ้าสูงวัยและมีโรคประจำตัวด้วยจะยิ่งง่าย เข้าไปอีก
    • ความผิดปกติของการทำงานระบบทางเดินอาหาร เกิดลำไส้หงุดหงิด ท้องผูกอย่างรุนแรง สลับท้องเสีย เป็นผลจากการควบคุม จากสมองผ่านระบบประสาทลงมาอย่างกระเพาะอาหารและลำไส้

    วัคซีนโควิดที่ใช้นั้น มีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันการติดเชื้อ การแพร่เชื้อ และการอาการหนัก เข้าโรงพยาบาลหรือลดอัตราตาย แต่ทั้งหมดนี้ได้รับการยืนยันและเผยแพร่ทั่วไปแล้วว่าไม่สามารถป้องกันได้ (รายละเอียดได้มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้)
    อย่างไรก็ตามยังมีจุดประสงค์ที่จะสามารถลดอาการของลองโควิด ที่จะเกิด ตามมาและสามารถทอดยาวได้เป็นปี
    การศึกษานี้รายงานใน วารสาร open Forum Infectious Diseases ซึ่งเป็นวารสารทางการของ สมาคมโรคติดเชื้อของอเมริกา (IDSA) และ สมาคม HIV เป็น accepted manuscript แล้ว ในเดือน กันยายนนี้
    จากคณะทำงาน Mayo Clinic
    สาระสำคัญนั้นอยู่ที่การรายงานก่อนหน้านี้พบว่าการฉีดวัคซีนนั้นสามารถลดอัตราที่จะเกิดลองโควิดได้ แต่ข้อจำกัดก็คือรายงานเหล่านี้เป็นการสืบจากอาการสอบถาม ซึ่งอาจทำให้คลาดเคลื่อน แต่การศึกษานี้เป็นการยืนยันจากแพทย์ที่ได้ทำการวินิจฉัยวิเคราะห์และมีบันทึก ทางการแพทย์เป็นอิเล็กทรอนิกส์เรคคอร์ด
    การวิเคราะห์นี้ทำจากข้อมูลของผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดโควิดจำนวนทั้งหมด 41,000 ราย และใช้โมเดลทางสถิติ multi variable logistic regression เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและภาวะการเกิดลอง โควิด ทั้งนี้โดยการควบคุมตัวแปรทั้งหมด เช่นอายุ เพศเชื้อชาติ และโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้ว
    ทั้งนี้ผลการศึกษาสามารถยืนยันและสรุปได้ชัดเจนว่าไม่มีความแตกต่างในการเกิดภาวะ ลองโควิด หรือที่เรียกอีกชื่อในทางการแพทย์ post acute sequelae of COVID-19 (PASC) ในระหว่างกลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย กลุ่มที่ได้รับวัคซีน mRNA สองเข็มและกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมากกว่าสองเข็ม

    และต่างกับรายงานก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนที่สรุปว่าภาวะลองโควิดนั้น ขึ้นอยู่กับสุขภาพหรือโรคประจำตัวก่อนที่ได้รับวัคซีน
    ทั้งนี้ปรากฏว่า ผู้ติดเชื้อทั้งหมดจะมี 6.9% ที่พัฒนาการเกิดภาวะ ลองโควิด
    และประการที่สำคัญยังพบว่าการฉีดวัคซีนนั้นไม่ป้องกันภาวะการเกิดลองโควิด ไม่ว่าเชื้อที่แพร่กระจายในขณะนั้นจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ทั้ง อัลฟ่า เดลต้า และโอไมครอน
    แต่มีข้อสังเกตว่าในสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะเกิดภาวะลองโควิด ต่ำกว่า
    ดังนั้น สามารถที่จะได้หลักฐานข้อมูลว่าวัคซีนนั้นน่าจะไม่สามารถป้องกันการติด การแพร่ การพัฒนาการเกิดอาการหนัก รวมทั้งไม่สามารถป้องกันการเกิดลอง โควิดด้วย
    และที่สำคัญก็คือตัววัคซีนเองนั้นยังทำให้เกิดภาวะลอง วัคซีนได้โดยมีอาการเหมือนกับลองโควิดทุกประการ









    Open Forum Infectious Diseases is published by Oxford University Press on behalf of the Infectious Diseases Society of America (IDSA) and the HIV Medicine Association.

    The study, led by Dr. Melanie D. Swift and her team at Mayo Clinic, analyzed data from over 41,000 patients who tested positive for COVID.
    Researchers used multivariable logistic regression models to evaluate the correlation between vaccination status and long COVID, controlling for factors such as age, sex, race, and comorbidity index.

    According to the study, “No difference in the development of diagnosed PASC was observed between unvaccinated patients, those vaccinated with 2 doses of an mRNA vaccine, and those with >2 doses.”

    In contrast to earlier studies that relied on symptom surveys to assess long COVID risk, this study used electronic health records to track medically diagnosed cases of long COVID.
    “Most studies using symptom surveys found an association between pre-infection vaccination status and PASC symptoms, but studies of medically attended PASC are less common and have reported conflicting findings,” the study explained.
    The researchers found that approximately 6.9% of the patients developed long COVID, with no significant protection offered by the vaccine.

    the study noted that the risk of developing long COVID was lower for those infected during the Omicron variant period.
    However, “No interaction was found between vaccination status and predominant circulating SARS-CoV-2 variant (p=0.79).”



    chrome://external-file/Ofae495.pdf
    วัคซีนไม่ช่วยป้องกันการเกิดลองโควิด 5 กันยายน 2024 ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต อาการของลองโควิด (long covid) เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ติดเชื้อไปแล้วไม่ว่าจะรุนแรงหรืออาการน้อยนิดก็ตาม และปรากฏได้หลังจากที่ฉีดวัคซีนไปแล้วโดยเรียกกันว่าเป็นลองวัคซีน หรือ ลองแวกซ์ (long vax) และอาการดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าสามเดือนและทอดยาวเป็นปี โดยออกมาในรูปแบบของ • ระบบหัวใจและการหายใจ (cardiorespiratory) เหนื่อยแม้กระทั่งเวลาจะเดิน ยังเดินไม่ไหว ชีพจรและความดันผันผวน สูงลิบสลับกับต่ำเตี้ย จนกระทั่งเป็นลม ต้องนอนหรือนั่งเอนอนตลอดอาการในข้อนี้ ตรวจด้วยเครื่องมือและวิธีการต่างๆกลับไม่พบหรือหาสาเหตุไม่ได้ และในที่สุดถูกส่งไปรักษากับจิตแพทย์ • ระบบสมองและประสาท รวมจิตอารมณ์ (neuropsychiatric) ทั้งสมองเสื่อม ความจำสั้นเลอะเลือน การนอนผิดปกติ อารมณ์หดหู่ ไปจนกระทั่งถึงอาการกระตุก มีโรคลมชักเกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น และเกิดความบกพร่องทางฮอร์โมนการควบคุมประจำเดือน ความต้องการทางเพศจนกระทั่งถึงความล้มเหลวของการมีเพศสัมพันธ์ และภาวะอสุจิน้อยลงหรือผิดปกติ ทั้งนี้มีส่วนของการทำลายที่ระบบสืบพันธุ์โดยตรงด้วยเช่น ลูกอัณฑะ รังไข่ ความแปรปรวนทางด้านฮอร์โมนยังเกิดกับการควบคุมฮอร์โมนที่มาจากสมองส่งมายังต่อมไร้ท่อต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังมีกลไกของการแพ้ภูมิตนเองทำให้เกิดเบาหวาน ที่ดื้ออินซูลิน จนกระทั่งถึงกลไกการทำลายตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน • ระบบเส้นประสาทกล้ามเนื้อ (neuromuscular) ทั้งชา เจ็บแสบ คัน ตามแขนขาและบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย และ/หรือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือตะคริว ตามมือแขนขา และส่วนต่างๆของร่างกายแม้กระทั่งใบหน้า • ภาวะอักเสบง่าย (proinflammatory) เกิดผื่นตุ่มหนองผมร่วง ปวดข้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ การอักเสบยังรวมไปถึงลูกตาเปลือกตาหนังตา เจ็บแสบริมฝีปาก กระพุงแก้ม ลิ้นลำคอ ทั้งนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันแปรปรวนเพิ่มสูงมากไปทำร้ายตัวเอง และระบบป้องกันเชื้อโรค ไม่ว่า จะเป็นไวรัสแบคทีเรียก็ตาม และที่ควบคุม เชื้อที่ซ่อนอยู่บกพร่องไม่ว่าจะเป็น เริม งูสวัด • ความผิดปกติของระบบหลอดเลือดหัวใจ สมอง และทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดดำหรือแดงก็ตาม เกิดเลือดหนืดข้นผนังหลอดเลือดอักเสบ และกระทบกล้ามเนื้อหัวใจ ก่อให้เกิดเส้นเลือดตันหรือแตกโดยเฉพาะสมอง และกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หัวใจวายหรือ ทำให้ขัดขวางจังหวะการเต้นของหัวใจเกิดเสียชีวิตกระทันหันทั้งทั้งที่อายุน้อยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีโรคประจำตัวก็ตามและถ้าสูงวัยและมีโรคประจำตัวด้วยจะยิ่งง่าย เข้าไปอีก • ความผิดปกติของการทำงานระบบทางเดินอาหาร เกิดลำไส้หงุดหงิด ท้องผูกอย่างรุนแรง สลับท้องเสีย เป็นผลจากการควบคุม จากสมองผ่านระบบประสาทลงมาอย่างกระเพาะอาหารและลำไส้ วัคซีนโควิดที่ใช้นั้น มีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันการติดเชื้อ การแพร่เชื้อ และการอาการหนัก เข้าโรงพยาบาลหรือลดอัตราตาย แต่ทั้งหมดนี้ได้รับการยืนยันและเผยแพร่ทั่วไปแล้วว่าไม่สามารถป้องกันได้ (รายละเอียดได้มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้) อย่างไรก็ตามยังมีจุดประสงค์ที่จะสามารถลดอาการของลองโควิด ที่จะเกิด ตามมาและสามารถทอดยาวได้เป็นปี การศึกษานี้รายงานใน วารสาร open Forum Infectious Diseases ซึ่งเป็นวารสารทางการของ สมาคมโรคติดเชื้อของอเมริกา (IDSA) และ สมาคม HIV เป็น accepted manuscript แล้ว ในเดือน กันยายนนี้ จากคณะทำงาน Mayo Clinic สาระสำคัญนั้นอยู่ที่การรายงานก่อนหน้านี้พบว่าการฉีดวัคซีนนั้นสามารถลดอัตราที่จะเกิดลองโควิดได้ แต่ข้อจำกัดก็คือรายงานเหล่านี้เป็นการสืบจากอาการสอบถาม ซึ่งอาจทำให้คลาดเคลื่อน แต่การศึกษานี้เป็นการยืนยันจากแพทย์ที่ได้ทำการวินิจฉัยวิเคราะห์และมีบันทึก ทางการแพทย์เป็นอิเล็กทรอนิกส์เรคคอร์ด การวิเคราะห์นี้ทำจากข้อมูลของผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดโควิดจำนวนทั้งหมด 41,000 ราย และใช้โมเดลทางสถิติ multi variable logistic regression เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและภาวะการเกิดลอง โควิด ทั้งนี้โดยการควบคุมตัวแปรทั้งหมด เช่นอายุ เพศเชื้อชาติ และโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้ผลการศึกษาสามารถยืนยันและสรุปได้ชัดเจนว่าไม่มีความแตกต่างในการเกิดภาวะ ลองโควิด หรือที่เรียกอีกชื่อในทางการแพทย์ post acute sequelae of COVID-19 (PASC) ในระหว่างกลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย กลุ่มที่ได้รับวัคซีน mRNA สองเข็มและกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมากกว่าสองเข็ม และต่างกับรายงานก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนที่สรุปว่าภาวะลองโควิดนั้น ขึ้นอยู่กับสุขภาพหรือโรคประจำตัวก่อนที่ได้รับวัคซีน ทั้งนี้ปรากฏว่า ผู้ติดเชื้อทั้งหมดจะมี 6.9% ที่พัฒนาการเกิดภาวะ ลองโควิด และประการที่สำคัญยังพบว่าการฉีดวัคซีนนั้นไม่ป้องกันภาวะการเกิดลองโควิด ไม่ว่าเชื้อที่แพร่กระจายในขณะนั้นจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ทั้ง อัลฟ่า เดลต้า และโอไมครอน แต่มีข้อสังเกตว่าในสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะเกิดภาวะลองโควิด ต่ำกว่า ดังนั้น สามารถที่จะได้หลักฐานข้อมูลว่าวัคซีนนั้นน่าจะไม่สามารถป้องกันการติด การแพร่ การพัฒนาการเกิดอาการหนัก รวมทั้งไม่สามารถป้องกันการเกิดลอง โควิดด้วย และที่สำคัญก็คือตัววัคซีนเองนั้นยังทำให้เกิดภาวะลอง วัคซีนได้โดยมีอาการเหมือนกับลองโควิดทุกประการ Open Forum Infectious Diseases is published by Oxford University Press on behalf of the Infectious Diseases Society of America (IDSA) and the HIV Medicine Association. The study, led by Dr. Melanie D. Swift and her team at Mayo Clinic, analyzed data from over 41,000 patients who tested positive for COVID. Researchers used multivariable logistic regression models to evaluate the correlation between vaccination status and long COVID, controlling for factors such as age, sex, race, and comorbidity index. According to the study, “No difference in the development of diagnosed PASC was observed between unvaccinated patients, those vaccinated with 2 doses of an mRNA vaccine, and those with >2 doses.” In contrast to earlier studies that relied on symptom surveys to assess long COVID risk, this study used electronic health records to track medically diagnosed cases of long COVID. “Most studies using symptom surveys found an association between pre-infection vaccination status and PASC symptoms, but studies of medically attended PASC are less common and have reported conflicting findings,” the study explained. The researchers found that approximately 6.9% of the patients developed long COVID, with no significant protection offered by the vaccine. the study noted that the risk of developing long COVID was lower for those infected during the Omicron variant period. However, “No interaction was found between vaccination status and predominant circulating SARS-CoV-2 variant (p=0.79).” chrome://external-file/Ofae495.pdf
    Like
    9
    0 Comments 2 Shares 436 Views 0 Reviews
  • การนอน ผิดปกติ นอนยาก นอนกระตุก ตื่นแล้วหลับต่อไม่ได้ หลับแบบไม่มีคุณภาพคุณภาพ ฝันผวาผจญภัย
    เหล่านี้ เกิดร่วมกับสมองเสื่อม แบบต่างๆได้ ทั้งพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ PSP DLB FTD เป็นต้น
    มิหนำซ้ำยังสามารถเกิดก่อนหน้าที่จะมีอาการทางสมองเสื่อมได้เป็น 10 ปี

    การนอนดี เป็นสิ่งที่โหยหากันทุกผู้ทุกวัย

    https://www.thelancet.com/journals/laneur/article/PIIS1474-4422(24)00170-4/abstract?dgcid=raven_jbs_etoc_feature_laneur
    การนอน ผิดปกติ นอนยาก นอนกระตุก ตื่นแล้วหลับต่อไม่ได้ หลับแบบไม่มีคุณภาพคุณภาพ ฝันผวาผจญภัย เหล่านี้ เกิดร่วมกับสมองเสื่อม แบบต่างๆได้ ทั้งพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ PSP DLB FTD เป็นต้น มิหนำซ้ำยังสามารถเกิดก่อนหน้าที่จะมีอาการทางสมองเสื่อมได้เป็น 10 ปี การนอนดี เป็นสิ่งที่โหยหากันทุกผู้ทุกวัย https://www.thelancet.com/journals/laneur/article/PIIS1474-4422(24)00170-4/abstract?dgcid=raven_jbs_etoc_feature_laneur
    Like
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • พิมพ์เขียวของไวรัสโควิดมาจากโครงการ DEFUSE 2018
    และ PREEMPT
    แต่ที่สำคัญ อีกประการ คือรวมถึงการสร้างไวรัสใหม่เข้าไปติดเชื้อในค้างคาว ในโครงการแรกแต่ต้อง สเปรย์บ่อยๆ
    และในโครงการที่สองให้แพร่ติดในหมู่ค้างคาวเองก่อน แต่หลังจากนั้นให้ค้างคาวปล่อยเชื้อเข้าไปในฝูงอื่น ติดต่อไปเรื่อยๆทางละอองฝอย เป็นการติดเชื้อกันเองเป็นทอดๆ

    นัย ว่า เพื่อให้เป็นวัคซีนของค้างคาวในการป้องกันการแพร่ไวรัสโคโรนา

    โดยตัวที่จะเอามาติดในค้างคาวนั้น เป็นตัวที่จะครอบคลุมไวรัสโคโรนาทั้งหมดที่จะมีวิวัฒนาการสูงสุดแล้ว นั่นคือร้ายแรงที่สุดแล้ว (ทั้งนี้ค้างคาวเมื่อติดเชื้อแล้วไม่เกิดอาการ)

    หลังจากนั้น มีการรวมโครงการทั้งสองเข้าเป็นหนึ่งเดียว คือ
    CREID และในตะวันออกเฉียงใต้ ตือ SEARCH

    โดยในโครงการหลักนี้ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันจะทำการหาเชื้อไวรัสที่ใกล้เคียงกับโควิดมากที่สุด และทำการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และจากนั้นทำการ สร้างไวรัสโควิดใหม่ในห้องทดลองที่ร้ายแรงกว่าเก่า ทั้งนี้รวมการสร้างไวรัสอีโบลาใหม่และสร้างไวรัสนิปาห์ใหม่

    และหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆรวมในประเทศไทย ก็คือการหาไวรัสเหล่านี้ถอดรหัสพันธุกรรมและส่งให้องค์กรต่างประเทศ

    นี่คือ ธุรกิจสร้างไวรัสข้ามชาติให้เกิดเป็นการระบาดทั่วโลก pandemic ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วัคซีนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    และคนตายไปเรื่อยๆ

    ข้อมูลเหล่านี้สามารถสืบค้นได้จากการสอบสวนของรัฐสภาสหรัฐที่มีต่อองค์กรและสถาบันที่เกี่ยวข้องในการให้ทุนและการกำเนิดตั้งแต่โควิดเป็นต้นมา และ จากข้อมูลที่ต้องเปิดเผยโดยผ่านทางกฎหมายความโปร่งใสของข้อมูลทำให้ได้รายละเอียดเหล่านี้มา

    ใครทำอยู่ในประเทศไทย สามารถสืบค้นได้จากทุนที่สหรัฐให้โดยผ่านทางองค์กรต่างๆ CDC NIH USAID DARPA DTRA EcoHealth alliance

    ทั้งๆที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    หวังเพียงแค่ทุน เศษเงินที่โยนมาให้และอ้างว่ามีประโยชน์เป็นวิทยาการชั้นสูง
    แล้วโควิดที่ระบาดไปแล้วปฏิเสธได้หรือว่าไม่ได้เกิดจากการสร้างในลักษณะนี้และปลดปล่อยออกมาโดยตั้งใจหรือตั้งใจก็ตามโดยที่มีวัคซีนจดสิทธิบัตรเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2018

    และ NIH ได้รับเงินจากการจดสิทธิบัตรจากบริษัทวัคซีนโดยต้องจ่ายเงินให้ 400 ล้านเหรียญ

    ในขณะที่อีกบริษัทหนึ่งยังอยู่ในระหว่างการ“ไม่ยอมให้เงินต่อ ” โดยที่ได้จ่ายไปแล้วก่อนหน้า

    และถูกเปิดโปงอยู่ขณะนี้ว่า หน่วยงานกลางของประเทศแต่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในลักษณะนี้เป็นเรื่องต้องห้ามหรือไม่ และเป็นเหตุผลในการเซ็นเซอร์ข่าวสารทางด้านลบที่เกี่ยวกับวัคซีนมาตลอดดังที่มีการเปิดเผยเปิดโปงกันจนถึงปัจจุบันนี้

    ข้อมูลในการเก็บค่าต๋ง

    NIH ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดข้อตกลง ค่าลิขสิทธิ์วัคซีนโควิด-19

    หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อ้างว่าไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

    โดยแซคารี สตีเบอร์
    18/4/2024
    ข้อมูลข่าวสารจาก The Epoch Times

    สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIH) ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงที่สถาบันทำเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 กับบริษัทวัคซีน ทั้งนี้ได้รับเงินไปอย่างน้อย 400 ล้านดอลลาร์

    NIH ปฏิเสธที่จะจัดหาเอกสารใดๆ ต่อคำขอ
    ตามกฏหมายข้อมูลความโปร่งใส

    กอร์กา การ์เซีย-มาลีน เจ้าหน้าที่ NIH บอกกับ The Epoch Times ในจดหมาย
    “NIH ระงับบันทึกทั้งหมด อ้างว่าได้รับการปกป้องไม่ให้ปล่อย”

    ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 Moderna ประกาศว่าได้จ่ายเงินจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ให้กับ NIH และจะชำระเงินเพิ่มเติมในอนาคต โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงใบอนุญาตสำหรับโปรตีนขัดขวางที่ใช้ในวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท

    Epoch Times ได้รับสำเนาของสัญญา ซึ่งยืนยันการชำระเงิน แต่แก้ไขรายละเอียดการชำระเงินในอนาคตใหม่

    จากนั้น The Epoch Times ได้ยื่นคำขอใหม่โดยมองหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระเงินในอนาคต ซึ่งกล่าวกันว่าขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่จำหน่ายได้
    นางสาวการ์เซีย-มาลีนกำลังตอบสนองต่อคำขอใหม่

    เจมส์ เลิฟ ผู้อำนวยการ Knowledge Ecology International ที่ไม่แสวงหากำไรกล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวควรได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ

    “NIH ได้ออกแถลงการณ์หลายฉบับเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องค่าลิขสิทธิ์กับ Moderna และตอนนี้พวกเขาไม่ควรอ้างว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับบางอย่าง ในเมื่อเกี่ยวกับเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์
    ผลประโยชน์สาธารณะในเรื่องความโปร่ง เป็นเรื่องสำคัญ

    นายเลิฟบอกกับ The Epoch Times ทางอีเมล
    “มีเจ้าหน้าที่ NIH จำนวนมากที่ไม่พอใจกับเรื่องความโปร่งใส” เขากล่าวเสริม

    Epoch Times วางแผนที่จะอุทธรณ์คำตัดสินของ NIH

    NIH เป็นหนึ่งในหน่วยงานของรัฐหลายแห่งที่ได้รับค่าลิขสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ที่นั่น ต่อสู้กับความพยายามที่จะรับข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินเหล่านี้ ในปี 2566 พวกเขาเปิดเผยค่าลิขสิทธิ์จำนวน 325 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับจนถึง 2563 หลังจากถูกฟ้อง
    ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าการจ่ายเงินให้กับหน่วยงานและนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำหลายคนควรหยุดลง
    “ทั้งรัฐบาลและพนักงานของรัฐไม่ควรมีผลประโยชน์ทางการเงินในผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลมีส่วนร่วมในการออกใบอนุญาตหรือการส่งเสริม” Aaron Siri หุ้นส่วนผู้จัดการของ Siri & Glimstad LLP บอกกับ The Epoch Times ทางอีเมล “มันก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เป็นอันตราย”
    เดินหน้าต่อไป BioNTech

    NIH กำลังพยายามหาเงินเพิ่มเติมจากผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามเอกสารที่ยื่นล่าสุด
    BioNTech ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของไฟเซอร์ กล่าวในรูปแบบที่ NIH แจ้งไว้ล่วงหน้า เนื่องจากจุดยืนของ NIH คือ BioNTech เป็นหนี้เงินจากการขายวัคซีนโควิด-19

    BioNTech กล่าวว่าไม่คิดว่าจะเป็นหนี้เงินของ NIH แต่ "ผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องเหล่านี้ไม่แน่นอน และเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าการตีความข้อตกลงใบอนุญาตเหล่านี้จะมีผลเหนือกว่า หรือในที่สุดเราจะไม่ต้องจ่ายบางส่วนหรือทั้งหมด ค่าภาคหลวงและจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่เป็นข้อพิพาท”
    NIH ไม่ได้ตอบกลับการสอบถามเกี่ยวกับเอกสารที่ยื่นต่อ BioNTech
    NIH เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าได้ออกใบอนุญาตเทคโนโลยีโปรตีนขัดขวางให้กับ BioNTech สำหรับวัคซีนโควิด-19 ของ Pfizer-BioNTech
    Epoch Times ได้ส่งคำขอพระราชบัญญัติเสรีภาพด้านข้อมูลสำหรับการแจ้งการผิดนัดและเอกสารที่เกี่ยวข้อง คำขออื่นจะค้นหาข้อมูลว่า NIH ได้ข่มขู่หรือให้บริการไฟเซอร์ด้วยการแจ้งเตือนที่คล้ายกันหรือไม่
    ไม่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะได้รับค่าลิขสิทธิ์เท่าใด ก็จะน้อยกว่าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายสำหรับวัคซีนมากเพียงใด รัฐบาลใช้จ่ายไปแล้ว
    กว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์
    พิมพ์เขียวของไวรัสโควิดมาจากโครงการ DEFUSE 2018 และ PREEMPT แต่ที่สำคัญ อีกประการ คือรวมถึงการสร้างไวรัสใหม่เข้าไปติดเชื้อในค้างคาว ในโครงการแรกแต่ต้อง สเปรย์บ่อยๆ และในโครงการที่สองให้แพร่ติดในหมู่ค้างคาวเองก่อน แต่หลังจากนั้นให้ค้างคาวปล่อยเชื้อเข้าไปในฝูงอื่น ติดต่อไปเรื่อยๆทางละอองฝอย เป็นการติดเชื้อกันเองเป็นทอดๆ นัย ว่า เพื่อให้เป็นวัคซีนของค้างคาวในการป้องกันการแพร่ไวรัสโคโรนา โดยตัวที่จะเอามาติดในค้างคาวนั้น เป็นตัวที่จะครอบคลุมไวรัสโคโรนาทั้งหมดที่จะมีวิวัฒนาการสูงสุดแล้ว นั่นคือร้ายแรงที่สุดแล้ว (ทั้งนี้ค้างคาวเมื่อติดเชื้อแล้วไม่เกิดอาการ) หลังจากนั้น มีการรวมโครงการทั้งสองเข้าเป็นหนึ่งเดียว คือ CREID และในตะวันออกเฉียงใต้ ตือ SEARCH โดยในโครงการหลักนี้ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันจะทำการหาเชื้อไวรัสที่ใกล้เคียงกับโควิดมากที่สุด และทำการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และจากนั้นทำการ สร้างไวรัสโควิดใหม่ในห้องทดลองที่ร้ายแรงกว่าเก่า ทั้งนี้รวมการสร้างไวรัสอีโบลาใหม่และสร้างไวรัสนิปาห์ใหม่ และหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆรวมในประเทศไทย ก็คือการหาไวรัสเหล่านี้ถอดรหัสพันธุกรรมและส่งให้องค์กรต่างประเทศ นี่คือ ธุรกิจสร้างไวรัสข้ามชาติให้เกิดเป็นการระบาดทั่วโลก pandemic ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วัคซีนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคนตายไปเรื่อยๆ ข้อมูลเหล่านี้สามารถสืบค้นได้จากการสอบสวนของรัฐสภาสหรัฐที่มีต่อองค์กรและสถาบันที่เกี่ยวข้องในการให้ทุนและการกำเนิดตั้งแต่โควิดเป็นต้นมา และ จากข้อมูลที่ต้องเปิดเผยโดยผ่านทางกฎหมายความโปร่งใสของข้อมูลทำให้ได้รายละเอียดเหล่านี้มา ใครทำอยู่ในประเทศไทย สามารถสืบค้นได้จากทุนที่สหรัฐให้โดยผ่านทางองค์กรต่างๆ CDC NIH USAID DARPA DTRA EcoHealth alliance ทั้งๆที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หวังเพียงแค่ทุน เศษเงินที่โยนมาให้และอ้างว่ามีประโยชน์เป็นวิทยาการชั้นสูง แล้วโควิดที่ระบาดไปแล้วปฏิเสธได้หรือว่าไม่ได้เกิดจากการสร้างในลักษณะนี้และปลดปล่อยออกมาโดยตั้งใจหรือตั้งใจก็ตามโดยที่มีวัคซีนจดสิทธิบัตรเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2018 และ NIH ได้รับเงินจากการจดสิทธิบัตรจากบริษัทวัคซีนโดยต้องจ่ายเงินให้ 400 ล้านเหรียญ ในขณะที่อีกบริษัทหนึ่งยังอยู่ในระหว่างการ“ไม่ยอมให้เงินต่อ ” โดยที่ได้จ่ายไปแล้วก่อนหน้า และถูกเปิดโปงอยู่ขณะนี้ว่า หน่วยงานกลางของประเทศแต่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในลักษณะนี้เป็นเรื่องต้องห้ามหรือไม่ และเป็นเหตุผลในการเซ็นเซอร์ข่าวสารทางด้านลบที่เกี่ยวกับวัคซีนมาตลอดดังที่มีการเปิดเผยเปิดโปงกันจนถึงปัจจุบันนี้ ข้อมูลในการเก็บค่าต๋ง NIH ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดข้อตกลง ค่าลิขสิทธิ์วัคซีนโควิด-19 หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อ้างว่าไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว โดยแซคารี สตีเบอร์ 18/4/2024 ข้อมูลข่าวสารจาก The Epoch Times สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIH) ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงที่สถาบันทำเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 กับบริษัทวัคซีน ทั้งนี้ได้รับเงินไปอย่างน้อย 400 ล้านดอลลาร์ NIH ปฏิเสธที่จะจัดหาเอกสารใดๆ ต่อคำขอ ตามกฏหมายข้อมูลความโปร่งใส กอร์กา การ์เซีย-มาลีน เจ้าหน้าที่ NIH บอกกับ The Epoch Times ในจดหมาย “NIH ระงับบันทึกทั้งหมด อ้างว่าได้รับการปกป้องไม่ให้ปล่อย” ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 Moderna ประกาศว่าได้จ่ายเงินจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ให้กับ NIH และจะชำระเงินเพิ่มเติมในอนาคต โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงใบอนุญาตสำหรับโปรตีนขัดขวางที่ใช้ในวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Epoch Times ได้รับสำเนาของสัญญา ซึ่งยืนยันการชำระเงิน แต่แก้ไขรายละเอียดการชำระเงินในอนาคตใหม่ จากนั้น The Epoch Times ได้ยื่นคำขอใหม่โดยมองหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระเงินในอนาคต ซึ่งกล่าวกันว่าขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่จำหน่ายได้ นางสาวการ์เซีย-มาลีนกำลังตอบสนองต่อคำขอใหม่ เจมส์ เลิฟ ผู้อำนวยการ Knowledge Ecology International ที่ไม่แสวงหากำไรกล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวควรได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ “NIH ได้ออกแถลงการณ์หลายฉบับเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องค่าลิขสิทธิ์กับ Moderna และตอนนี้พวกเขาไม่ควรอ้างว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับบางอย่าง ในเมื่อเกี่ยวกับเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ ผลประโยชน์สาธารณะในเรื่องความโปร่ง เป็นเรื่องสำคัญ นายเลิฟบอกกับ The Epoch Times ทางอีเมล “มีเจ้าหน้าที่ NIH จำนวนมากที่ไม่พอใจกับเรื่องความโปร่งใส” เขากล่าวเสริม Epoch Times วางแผนที่จะอุทธรณ์คำตัดสินของ NIH NIH เป็นหนึ่งในหน่วยงานของรัฐหลายแห่งที่ได้รับค่าลิขสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ที่นั่น ต่อสู้กับความพยายามที่จะรับข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินเหล่านี้ ในปี 2566 พวกเขาเปิดเผยค่าลิขสิทธิ์จำนวน 325 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับจนถึง 2563 หลังจากถูกฟ้อง ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าการจ่ายเงินให้กับหน่วยงานและนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำหลายคนควรหยุดลง “ทั้งรัฐบาลและพนักงานของรัฐไม่ควรมีผลประโยชน์ทางการเงินในผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลมีส่วนร่วมในการออกใบอนุญาตหรือการส่งเสริม” Aaron Siri หุ้นส่วนผู้จัดการของ Siri & Glimstad LLP บอกกับ The Epoch Times ทางอีเมล “มันก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เป็นอันตราย” เดินหน้าต่อไป BioNTech NIH กำลังพยายามหาเงินเพิ่มเติมจากผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามเอกสารที่ยื่นล่าสุด BioNTech ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของไฟเซอร์ กล่าวในรูปแบบที่ NIH แจ้งไว้ล่วงหน้า เนื่องจากจุดยืนของ NIH คือ BioNTech เป็นหนี้เงินจากการขายวัคซีนโควิด-19 BioNTech กล่าวว่าไม่คิดว่าจะเป็นหนี้เงินของ NIH แต่ "ผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องเหล่านี้ไม่แน่นอน และเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าการตีความข้อตกลงใบอนุญาตเหล่านี้จะมีผลเหนือกว่า หรือในที่สุดเราจะไม่ต้องจ่ายบางส่วนหรือทั้งหมด ค่าภาคหลวงและจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่เป็นข้อพิพาท” NIH ไม่ได้ตอบกลับการสอบถามเกี่ยวกับเอกสารที่ยื่นต่อ BioNTech NIH เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าได้ออกใบอนุญาตเทคโนโลยีโปรตีนขัดขวางให้กับ BioNTech สำหรับวัคซีนโควิด-19 ของ Pfizer-BioNTech Epoch Times ได้ส่งคำขอพระราชบัญญัติเสรีภาพด้านข้อมูลสำหรับการแจ้งการผิดนัดและเอกสารที่เกี่ยวข้อง คำขออื่นจะค้นหาข้อมูลว่า NIH ได้ข่มขู่หรือให้บริการไฟเซอร์ด้วยการแจ้งเตือนที่คล้ายกันหรือไม่ ไม่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะได้รับค่าลิขสิทธิ์เท่าใด ก็จะน้อยกว่าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายสำหรับวัคซีนมากเพียงใด รัฐบาลใช้จ่ายไปแล้ว กว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์
    Like
    6
    0 Comments 1 Shares 353 Views 0 Reviews
  • “หมอธีระวัฒน์” ชี้วัคซีนเยอะเกิน จะเร่งให้ฉีดถามกันก่อนดีไหม?
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000081470
    “หมอธีระวัฒน์” ชี้วัคซีนเยอะเกิน จะเร่งให้ฉีดถามกันก่อนดีไหม? https://mgronline.com/qol/detail/9670000081470
    MGRONLINE.COM
    “หมอธีระวัฒน์” ชี้วัคซีนเยอะเกิน จะเร่งให้ฉีดถามกันก่อนดีไหม?
    “หมอธีระวัฒน์” ชี้ขณะนี้มีบริการฉีดวัคซีนเยอะแยะเหลือเกิน ทั้งวัคซีนสำหรับลูกเด็กเล็กแดง หนุ่มสาวแก่เฒ่า ทั้งระบบทางเดินหายใจ ไข้เลือดออก ปอดบวม ฝีดาษลิง เหมือนกับว่าวัคซีนคือคำตอบสุดท้าย จี้ตอบคำถาม 10 ข้อให้ชัดก่อนจะรดมฉีดวันนี้
    Like
    Love
    7
    0 Comments 2 Shares 212 Views 0 Reviews
  • ตอนจะให้ฉีด:
    ดีโคตร แต่แพงระยับ รัฐช่วยนะ งบ รัฐ ฟรืไปเลย หรือ ออกบ้าง

    ฉีดแล้ว: ยังติด ยังหนัก
    ถามไป: ทำไม อย่างงั้น?
    ตอบ: มันมีรายงาน ตปท นะ เซ็นยินยอมแล้ว ใครๆก็ฉีด ทั้งโลก วารสารระดับโลกเป็นตั้ง

    ฉีดแล้ว: เกิด ป่วย ตาย
    ตอบ: สุขภาพไม่ดีอยู่แล้วไง

    ถาม: อ้าว ก็แก่ สุขภาพไม่ดีไง แถมอยู่กลุ่มเสี่ยง พอประกาศให้ฉีด เลยไปฉีด

    ตอบ: เป็นส่วนน้อยนะองค์การ สมาคม ผู้เชี่ยว เขาก็ว่าดี คุณโชคร้าย เท่านั้นเอง

    ถาม: ของครอบครัวผม สุขภาพดีนะ ให้ฉีด บอกว่าจะได้ กัน ติด กัน แพร่ กันตาย เลยอยากฉีด เสร็จแล้ว ช็อค ลำไส้เน่า ต้องตัดทิ้ง ไตวาย แล้ว ตาย

    ตอบ: มี ชดใช้นะ 4 แสน เยอะนะ ดีกว่าตายฟรี

    สรุป กู ครอบครัว กู ชิบหาย ใช่มั้ย ปกติ อยู่ ดีๆ หาเรื่อง

    รำพึงของคนไทย ชีวิต มีค่า
    แม่ง ก็มีเท่านี้

    นรกมีจริง
    ตอนจะให้ฉีด: ดีโคตร แต่แพงระยับ รัฐช่วยนะ งบ รัฐ ฟรืไปเลย หรือ ออกบ้าง ฉีดแล้ว: ยังติด ยังหนัก ถามไป: ทำไม อย่างงั้น? ตอบ: มันมีรายงาน ตปท นะ เซ็นยินยอมแล้ว ใครๆก็ฉีด ทั้งโลก วารสารระดับโลกเป็นตั้ง ฉีดแล้ว: เกิด ป่วย ตาย ตอบ: สุขภาพไม่ดีอยู่แล้วไง ถาม: อ้าว ก็แก่ สุขภาพไม่ดีไง แถมอยู่กลุ่มเสี่ยง พอประกาศให้ฉีด เลยไปฉีด ตอบ: เป็นส่วนน้อยนะองค์การ สมาคม ผู้เชี่ยว เขาก็ว่าดี คุณโชคร้าย เท่านั้นเอง ถาม: ของครอบครัวผม สุขภาพดีนะ ให้ฉีด บอกว่าจะได้ กัน ติด กัน แพร่ กันตาย เลยอยากฉีด เสร็จแล้ว ช็อค ลำไส้เน่า ต้องตัดทิ้ง ไตวาย แล้ว ตาย ตอบ: มี ชดใช้นะ 4 แสน เยอะนะ ดีกว่าตายฟรี สรุป กู ครอบครัว กู ชิบหาย ใช่มั้ย ปกติ อยู่ ดีๆ หาเรื่อง รำพึงของคนไทย ชีวิต มีค่า แม่ง ก็มีเท่านี้ นรกมีจริง
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • https://www.hfocus.org/content/2024/09/31517
    https://www.hfocus.org/content/2024/09/31517
    WWW.HFOCUS.ORG
    ตีแผ่ รพ.ขาดทุน จากงบผู้ป่วยใน ล่าสุด 403 รพ.ไม่ได้เงินบัตรทอง อีก 91 แห่งส่อวิกฤตการเงิน | Hfocus.org
    ชมรม รพศ./รพท. ตีแผ่ปัญหา รพ.ขาดทุน เริ่มขยายวงกว้าง ล่าสุดงบบัตรทองผู้ป่วยใน 1.5 พันล้าน ไม่ถึงรพ. 403 แห่ง หนำซ้ำอีก 91 แห่งเสี่ยงขาดสภาพคล่องทางการเงินขั้นวิกฤตเร็วๆนี้ ชมรมรพศ./รพท. เตรียมร้องรมว.สธ. ยื่นข้อเสนอ สปสช.เคลียร์ให้ได้ภายในปีนี้
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • วัคซีนถามกันก่อนดีไหม?

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    มีบริการฉีดเยอะเหลือเกินขณะนี้ ลูกเด็กเล็กแดง หนุ่มสาวแก่เฒ่า ทั้ง ระบบทางเดินหายใจ ไข้เลือดออก ปอดบวม ฝีดาษลิง
    เหมือนกับวัคซีนเป็นคำตอบสุดท้าย?

    ที่ว่าดีแล้วดีอีกอย่าง วัคซีนโควิด เราเจ็บปวดจนทุกวันนี้ มีทั้งตาย มีพิการ เรื้อรังเป็นปี ตายเฉียบพลันกระทันหัน จนถึงปัจจุบันนี้

    เอาให้ชัด เช่น

    1-ฉีดให้กลุ่มเสี่ยง กลุ่มที่ว่าคือใคร?
    2-แล้วป้องกันติดได้ไหม ดีเท่าไร?
    3-ป้องกัน เชื้อนั้น นี้ ตัวเดียว กลุ่มเดียวเท่านั้น หรืออย่างไร?
    4-ป้องกันอาการหนักได้ไหม พิสูจน์จากอะไร มีข้อมูลหรือไม่?
    5-หรือเป็นเพียงแต่แค่ หายเร็วกว่า ถ้าไม่ฉีด เพียง 2-3 วัน
    6-ป้องกันตาย อาการหนัก ช็อค หรือ ป้องกันปอดบวมจนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจได้ไหม?
    ถามง่ายๆ ต้องฉีด กี่ 100 กี่พัน ราย ช่วยชีวิตได้ หนึ่งคน (number to treat) ไม่ต้อง เอา relative risk reduction หรู ทางสถิติ แต่หาประโยชน์ไม่ได้
    7- ที่ว่าดีกว่าไม่ฉีด รายงานจาก บริษัทยาเป็นผู้ทำ และยัดชื่อโปรเฟสเซอร์ และเขียนในวารสาร? (Conflict of interest)
    คนใหญ่โตที่มา โปรโมท ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน ดีมั้ย?
    8-แล้ว ถ้าฉีดแล้วผลดีที่ว่า ดีอยู่กี่เดือน?
    9- ผลข้างเคียงแทรกซ้อนมีอะไรบ้าง
    เช่น โควิด วัคซีน เอาแค่ 1-2 เดือน หลังฉีด เกิดอาการ“รุนแรง” 3 ใน 10,000 ไม่นับระยะหลังจากนั้น
    วัคซีน ฝีดาษลิง มีหัวใจอักเสบเช่นกัน
    10- ถ้าเกิดผลข้างเคียงใครรับผิดชอบ อย่าถือว่าเซ็นยินยอมแล้ว ทางกฎหมายจะ เอาความไม่ได้ เพราะเซ็นจากที่คนให้บริการรับรอง

    วัคซีนใหม่เอี่ยม อย่าอ้างฉุกเฉิน เช่น ฝีดาษลิงในไทย มีมา 2-3 ปี แล้ว ที่เสียชีวิต เพราะมี เอดส์ ซิฟิลิสและอื่นๆเป็นโรคนำ
    ประเทศอังกฤษ และอื่นๆช่วง 2022-3 มีคนเข้าโรงพยาบาลเพียง 13% ทั้งนี้เพราะแยกตัวที่บ้านไม่สะดวกหรือโรคเจ็บปวดมากขึ้น

    วัคซีน ฝีดาษลิง ผ่านการ รับรอง ชัดเจน ในไทยหรือไม่อย่างไร และการติดตาม ผล และ ผลแทรกซ้อนมีหน่วยงานอิสระ คอยประกบหรือไม่?
    ACAM2000 ดัดแปลง จาก วัคซีน ไข้ทรพิษ สมัยก่อน
    ผลข้างเคียงยังรุนแรงมาก

    Jynneos มี ผลข้างเคียงเช่นกัน แม้ ข้อมูลจากคนให้บริการว่าน้อยกว่า
    หน่วยงานที่เอามาบริการ
    คนที่รับการฉีดไป ให้ถามว่า ฉีดแล้วนอน รพ ตาย ได้ ค่าเยียวยากี่ ล้าน?
    วัคซีนถามกันก่อนดีไหม? ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต มีบริการฉีดเยอะเหลือเกินขณะนี้ ลูกเด็กเล็กแดง หนุ่มสาวแก่เฒ่า ทั้ง ระบบทางเดินหายใจ ไข้เลือดออก ปอดบวม ฝีดาษลิง เหมือนกับวัคซีนเป็นคำตอบสุดท้าย? ที่ว่าดีแล้วดีอีกอย่าง วัคซีนโควิด เราเจ็บปวดจนทุกวันนี้ มีทั้งตาย มีพิการ เรื้อรังเป็นปี ตายเฉียบพลันกระทันหัน จนถึงปัจจุบันนี้ เอาให้ชัด เช่น 1-ฉีดให้กลุ่มเสี่ยง กลุ่มที่ว่าคือใคร? 2-แล้วป้องกันติดได้ไหม ดีเท่าไร? 3-ป้องกัน เชื้อนั้น นี้ ตัวเดียว กลุ่มเดียวเท่านั้น หรืออย่างไร? 4-ป้องกันอาการหนักได้ไหม พิสูจน์จากอะไร มีข้อมูลหรือไม่? 5-หรือเป็นเพียงแต่แค่ หายเร็วกว่า ถ้าไม่ฉีด เพียง 2-3 วัน 6-ป้องกันตาย อาการหนัก ช็อค หรือ ป้องกันปอดบวมจนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจได้ไหม? ถามง่ายๆ ต้องฉีด กี่ 100 กี่พัน ราย ช่วยชีวิตได้ หนึ่งคน (number to treat) ไม่ต้อง เอา relative risk reduction หรู ทางสถิติ แต่หาประโยชน์ไม่ได้ 7- ที่ว่าดีกว่าไม่ฉีด รายงานจาก บริษัทยาเป็นผู้ทำ และยัดชื่อโปรเฟสเซอร์ และเขียนในวารสาร? (Conflict of interest) คนใหญ่โตที่มา โปรโมท ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน ดีมั้ย? 8-แล้ว ถ้าฉีดแล้วผลดีที่ว่า ดีอยู่กี่เดือน? 9- ผลข้างเคียงแทรกซ้อนมีอะไรบ้าง เช่น โควิด วัคซีน เอาแค่ 1-2 เดือน หลังฉีด เกิดอาการ“รุนแรง” 3 ใน 10,000 ไม่นับระยะหลังจากนั้น วัคซีน ฝีดาษลิง มีหัวใจอักเสบเช่นกัน 10- ถ้าเกิดผลข้างเคียงใครรับผิดชอบ อย่าถือว่าเซ็นยินยอมแล้ว ทางกฎหมายจะ เอาความไม่ได้ เพราะเซ็นจากที่คนให้บริการรับรอง วัคซีนใหม่เอี่ยม อย่าอ้างฉุกเฉิน เช่น ฝีดาษลิงในไทย มีมา 2-3 ปี แล้ว ที่เสียชีวิต เพราะมี เอดส์ ซิฟิลิสและอื่นๆเป็นโรคนำ ประเทศอังกฤษ และอื่นๆช่วง 2022-3 มีคนเข้าโรงพยาบาลเพียง 13% ทั้งนี้เพราะแยกตัวที่บ้านไม่สะดวกหรือโรคเจ็บปวดมากขึ้น วัคซีน ฝีดาษลิง ผ่านการ รับรอง ชัดเจน ในไทยหรือไม่อย่างไร และการติดตาม ผล และ ผลแทรกซ้อนมีหน่วยงานอิสระ คอยประกบหรือไม่? ACAM2000 ดัดแปลง จาก วัคซีน ไข้ทรพิษ สมัยก่อน ผลข้างเคียงยังรุนแรงมาก Jynneos มี ผลข้างเคียงเช่นกัน แม้ ข้อมูลจากคนให้บริการว่าน้อยกว่า หน่วยงานที่เอามาบริการ คนที่รับการฉีดไป ให้ถามว่า ฉีดแล้วนอน รพ ตาย ได้ ค่าเยียวยากี่ ล้าน?
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 1 Shares 352 Views 0 Reviews
  • วัคซีน เข้ามาเยอะเกิ้น
    กลุ่มเสี่ยง คืออะไรวะ ?
    วัคซีน ผ่านการ รับรองหรือยัง?
    หรือวัคซีนเหลือ?
    และบอกมั่งไหมฉีดไปแล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง แล้วรับผิดชอบอย่างไร?
    วัคซีน เข้ามาเยอะเกิ้น กลุ่มเสี่ยง คืออะไรวะ ? วัคซีน ผ่านการ รับรองหรือยัง? หรือวัคซีนเหลือ? และบอกมั่งไหมฉีดไปแล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง แล้วรับผิดชอบอย่างไร?
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • ทำไม เมืองไทยถึง เละเทะ รุ่งริ่งขนาดนี้
    https://www.youtube.com/live/y4iCtDqywy4?si=ch-l49Dzfx-Rni33
    ทำไม เมืองไทยถึง เละเทะ รุ่งริ่งขนาดนี้ https://www.youtube.com/live/y4iCtDqywy4?si=ch-l49Dzfx-Rni33
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • ผลกระทบหัวใจอักเสบเฉียบพลันตายกระทันหันหรือ กล้ามเนื้อหัวใจมีแผลเป็น ซึ่งอาจส่งผลในระยะยาว.

    หัวใจยังคงแสดงลักษณะอักเสบมีแผลเป็นอยู่หลัง pจากฉีดวัคซีน mRNA นานกว่า 12 เดือน ด้วยซ้ำ ทั้งที่ตั้งแต่แรกฉีด จะมีอาการหรือไม่มีอาการ หรือบางรายมีผลแต่เลือดผิดปกติอยู่บ้าง จากรายงานของออสเตรเลียและแคนาดา

    และประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะเวลาที่เราประเมินจะดูแต่เฉพาะที่มีอาการชัดเจนเท่านั้น และเมื่อดูอาการหายเป็นปกติแล้ว ก็จะสบายใจเพียงแต่แนะนำให้ไม่ออกกำลังรุนแรง แต่เมื่อวัคซีนฝังตัวเข้าไปในกล้ามเนื้อหัวใจแล้ว จะบังคับให้มีการสร้างโปรตีนหนามขึ้นมา สะสมอย่างต่อเนื่อง และเกิดการอักเสบของหัวใจเป็นหย่อมๆ และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติและตายกระทันหัน
    โดยที่รายงานก่อนหน้านี้จากคณะแพทย์ทาง
    พยา-ธิวิทยา (pathology) ของเยอรมนี จากการตรวจสอบของคนที่ตายกระทันหัน

    จากการศึกษาในประเทศไทย ในเด็กอายุ 13 ถึง 18 ปีพบว่ามีความผิดปกติของระบบหัวใจหลังฉีด เกือบ 30% และแม้จะไม่เสียชีวิต แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบระยะยาว ตามการที่มีการพิสูจน์ในรายงานที่ มีการตรวจด้วยคอมพิวเตอร์หัวใจสนามแม่เหล็กไฟฟ้าและดูการอักเสบอย่างเดียวไม่พอต้องดูแผลเป็นด้วย

    รายงานในวารสาร ทางหัวใจวายของยุโรป ESC heart failure 14 มกราคม 2024
    อาการทางหัวใจอักเสบและตาย สามารถเกิดขึ้นได้ “กระทันหันเฉียบพลัน” ตอนใดก็ได้ โดยเฉพาะเวลาที่ออกกำลัง เวลานอน ช่วงใกล้ตื่น
    ในต่างประเทศ อีกรายงาน จากการชันสูตรศพ หลังฉีดวัคซีนไป ไม่มีอาการใดๆ ได้ถึง 57% และโปรตีนหนามจากวัคซีน จะสะสมตัวและสร้างขึ้นจากเซลล์ pericyte ของหัวใจ จากนั้นเกิดการอักเสบเฉพาะ ที่ระบบหัวใจเท่านั้น 97% โดยไม่มีอาการทางระบบอื่นร่วมด้วยก็ได้
    เมื่อหัวใจเต้นผิดปกติ ในรูปของ VT VF ventricular tachycardia/fibrillation ทำให้หัวใจไม่ทำงาน ล้ม สลบ ไม่รู้สึกตัว ทันทีทันใด และเสียชีวิต

    รายงานที่แนบเป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะมีเป็นจำนวนมาก
    นอกจากนั้น กลไกการเกิดความผิดปกติของหัวใจ และหลอดเลือด จากโปรตีนหนาม การสร้างสารอมิลอยด์ จากการชันสูตรศพ 100ราย มีจาก Prof Arne Burkhardt Prof sujarit Bhakdi และท่านอื่นๆ
    และกลไกของ G4 Quadruplex จากวัคซีน ที่มีผลโดยตรงกับเซลล์และการควบคุมยีนส์ p53 รวมทั้ง exosome และ miRNA รวมทั้ง hydrogel formation จาก โปรตีนหนาม ที่เกิด สาร อมิลอยด์ เหล่านี้ ทำให้เกิดผลร้ายต่อทุกระบบของมนุษย์มีรายงานต่อเนื่องกันมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    ผลกระทบหัวใจอักเสบเฉียบพลันตายกระทันหันหรือ กล้ามเนื้อหัวใจมีแผลเป็น ซึ่งอาจส่งผลในระยะยาว

    https://www.heartlungcirc.org/article/S1443-9506(24)00665-6/fulltext

    https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36006288/

    https://www.theepochtimes.com/health/heart-scarring-detected-over-1-year-after-covid-19-vaccination-studies-5615322?utm_source=rtnewsnoe&src_src=rtnewsnoe&utm_campaign=rtbreaking-2024-03-27-1&src_cmp=rtbreaking-2024-03-27-1&utm_medium=email&est=AAAAAAAAAAAAAAAAZ%2B8ucQcExOHP4bIHsitaBLlHXlw7kHcLzTxKu8CT0XQ%2F

    https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2024.03.20.24304640v1.full.pdf

    https://link.springer.com/article/10.1007/s00330-019-06643-5

    https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/38221509/
    ผลกระทบหัวใจอักเสบเฉียบพลันตายกระทันหันหรือ กล้ามเนื้อหัวใจมีแผลเป็น ซึ่งอาจส่งผลในระยะยาว. หัวใจยังคงแสดงลักษณะอักเสบมีแผลเป็นอยู่หลัง pจากฉีดวัคซีน mRNA นานกว่า 12 เดือน ด้วยซ้ำ ทั้งที่ตั้งแต่แรกฉีด จะมีอาการหรือไม่มีอาการ หรือบางรายมีผลแต่เลือดผิดปกติอยู่บ้าง จากรายงานของออสเตรเลียและแคนาดา และประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะเวลาที่เราประเมินจะดูแต่เฉพาะที่มีอาการชัดเจนเท่านั้น และเมื่อดูอาการหายเป็นปกติแล้ว ก็จะสบายใจเพียงแต่แนะนำให้ไม่ออกกำลังรุนแรง แต่เมื่อวัคซีนฝังตัวเข้าไปในกล้ามเนื้อหัวใจแล้ว จะบังคับให้มีการสร้างโปรตีนหนามขึ้นมา สะสมอย่างต่อเนื่อง และเกิดการอักเสบของหัวใจเป็นหย่อมๆ และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติและตายกระทันหัน โดยที่รายงานก่อนหน้านี้จากคณะแพทย์ทาง พยา-ธิวิทยา (pathology) ของเยอรมนี จากการตรวจสอบของคนที่ตายกระทันหัน จากการศึกษาในประเทศไทย ในเด็กอายุ 13 ถึง 18 ปีพบว่ามีความผิดปกติของระบบหัวใจหลังฉีด เกือบ 30% และแม้จะไม่เสียชีวิต แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบระยะยาว ตามการที่มีการพิสูจน์ในรายงานที่ มีการตรวจด้วยคอมพิวเตอร์หัวใจสนามแม่เหล็กไฟฟ้าและดูการอักเสบอย่างเดียวไม่พอต้องดูแผลเป็นด้วย รายงานในวารสาร ทางหัวใจวายของยุโรป ESC heart failure 14 มกราคม 2024 อาการทางหัวใจอักเสบและตาย สามารถเกิดขึ้นได้ “กระทันหันเฉียบพลัน” ตอนใดก็ได้ โดยเฉพาะเวลาที่ออกกำลัง เวลานอน ช่วงใกล้ตื่น ในต่างประเทศ อีกรายงาน จากการชันสูตรศพ หลังฉีดวัคซีนไป ไม่มีอาการใดๆ ได้ถึง 57% และโปรตีนหนามจากวัคซีน จะสะสมตัวและสร้างขึ้นจากเซลล์ pericyte ของหัวใจ จากนั้นเกิดการอักเสบเฉพาะ ที่ระบบหัวใจเท่านั้น 97% โดยไม่มีอาการทางระบบอื่นร่วมด้วยก็ได้ เมื่อหัวใจเต้นผิดปกติ ในรูปของ VT VF ventricular tachycardia/fibrillation ทำให้หัวใจไม่ทำงาน ล้ม สลบ ไม่รู้สึกตัว ทันทีทันใด และเสียชีวิต รายงานที่แนบเป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะมีเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น กลไกการเกิดความผิดปกติของหัวใจ และหลอดเลือด จากโปรตีนหนาม การสร้างสารอมิลอยด์ จากการชันสูตรศพ 100ราย มีจาก Prof Arne Burkhardt Prof sujarit Bhakdi และท่านอื่นๆ และกลไกของ G4 Quadruplex จากวัคซีน ที่มีผลโดยตรงกับเซลล์และการควบคุมยีนส์ p53 รวมทั้ง exosome และ miRNA รวมทั้ง hydrogel formation จาก โปรตีนหนาม ที่เกิด สาร อมิลอยด์ เหล่านี้ ทำให้เกิดผลร้ายต่อทุกระบบของมนุษย์มีรายงานต่อเนื่องกันมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ผลกระทบหัวใจอักเสบเฉียบพลันตายกระทันหันหรือ กล้ามเนื้อหัวใจมีแผลเป็น ซึ่งอาจส่งผลในระยะยาว https://www.heartlungcirc.org/article/S1443-9506(24)00665-6/fulltext https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36006288/ https://www.theepochtimes.com/health/heart-scarring-detected-over-1-year-after-covid-19-vaccination-studies-5615322?utm_source=rtnewsnoe&src_src=rtnewsnoe&utm_campaign=rtbreaking-2024-03-27-1&src_cmp=rtbreaking-2024-03-27-1&utm_medium=email&est=AAAAAAAAAAAAAAAAZ%2B8ucQcExOHP4bIHsitaBLlHXlw7kHcLzTxKu8CT0XQ%2F https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2024.03.20.24304640v1.full.pdf https://link.springer.com/article/10.1007/s00330-019-06643-5 https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/38221509/
    Like
    Love
    Sad
    3
    0 Comments 1 Shares 385 Views 0 Reviews
  • หลักฐาน white clot ที่ บอกว่า เป็นไปไม่ได้ เป็นของที่คนตายแล้วผ่าศเขี่ยออกมา แล้วเอาไปทิ้งอ่างน้ำแล้วเ จากการพิสูจน์ 100 ศพ และพบหลักฐานเกี่ยวข้องกับวัคซีนวัคซีน รวมทั้งกลไกการเหนียวนำทำให้เกิดแท่งขาว ที่ไม่สามารถย่อยด้วยเอนไซม์ได้ และสามารถพิสูจน์ส่วนประกอบเป็นอมิลอยด์ นอกจากนั้นเป็นรายงานจากที่ต่างๆคีบดูดออกมาจากหลอดเลือดของคนป่วยที่ยังมีชีวิต
    หลักฐาน white clot ที่ บอกว่า เป็นไปไม่ได้ เป็นของที่คนตายแล้วผ่าศเขี่ยออกมา แล้วเอาไปทิ้งอ่างน้ำแล้วเ จากการพิสูจน์ 100 ศพ และพบหลักฐานเกี่ยวข้องกับวัคซีนวัคซีน รวมทั้งกลไกการเหนียวนำทำให้เกิดแท่งขาว ที่ไม่สามารถย่อยด้วยเอนไซม์ได้ และสามารถพิสูจน์ส่วนประกอบเป็นอมิลอยด์ นอกจากนั้นเป็นรายงานจากที่ต่างๆคีบดูดออกมาจากหลอดเลือดของคนป่วยที่ยังมีชีวิต
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • ความจริงที่เจ็บปวด เรารู้หรือไม่ว่าที่รักรักษาได้ทุกโรคนั้น ความจริงรักษาได้ไม่ถึงจุดที่ทุกคนอยากได้ และเงินหน้าตักร่อยหรอไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ดูแลสุขภาพตนเองรอรักษาอาจช้าเกินไป
    ความจริงที่เจ็บปวด เรารู้หรือไม่ว่าที่รักรักษาได้ทุกโรคนั้น ความจริงรักษาได้ไม่ถึงจุดที่ทุกคนอยากได้ และเงินหน้าตักร่อยหรอไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ดูแลสุขภาพตนเองรอรักษาอาจช้าเกินไป
    Like
    4
    0 Comments 2 Shares 302 Views 1 Reviews
  • ใครเป็นหัวหน้าฝูง น่าจะดูออกนะครับ
    ใครเป็นหัวหน้าฝูง น่าจะดูออกนะครับ
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug

    และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก

    ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา

    แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี

    เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ

    ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด

    ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น

    กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ

    จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น
    มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen
    การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง

    ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี

    และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway

    นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria

    ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่

    มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin
    นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น

    มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
    เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง
    อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร

    มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

    ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น
    วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5
    วารสารNature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0
    และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837
    การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer
    https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5

    https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full

    ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์

    https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr=

    IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals.

    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug

    และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน

    ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย
    เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน

    ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่
    ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่ มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 วารสารNature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0 และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837 การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่ Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์ https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr= IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/ เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 419 Views 0 Reviews
  • รายการ ของสหรัฐ มีมากมายที่เป็นคำถาม ถึงวัคซีนโควิดที่จะออกมาใช้อีก ใน ปี 2024 ถึง 2025 กับ โอไมครอน
    ทั้งๆที่ ความรุนแรงของไวรัสไม่มากเลย และในขณะเดียวกัน วัคซีนรุ่นที่เคยใช้มาตลอด ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่กันติด กันแพร่ และ ประสิทธิภาพคลุมเครือว่ากันอาการหนักได้หรือไม่ ทั้งนี้รวมถึงผลกระทบข้างเคียง ไม่ใช่เกิดจากโปรตีนหนาม ที่วัคซีนบังคับให้สร้างอย่างเดียว แต่ยัง เกี่ยวข้องกับอนุภาคไขมันนาโน และ กลไกการสร้างพันธุกรรมในวัคซีนให้เสถียรขึ้น จนกระทั่งค้างอยู่ในตัวคนได้นานแสนนาน แม้กระทั่งการอ่านพันธุกรรมผิดพลาดจนเกิดการสร้างโปรตีนใหม่

    https://youtu.be/IlJuyhSTSqE?si=1jju5ImFSZ5kfiQU

    รายงานล่าสุดพบว่าผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีน มีการสร้างภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองที่ทำลายระบบประสาทของตัวของตัวเองแล้ว

    https://www.frontiersin.org/journals/immunology/articles/10.3389/fimmu.2024.1404800/full

    วัคซีน “ไม่กันติด ไม่กันแพร่” และการตายสูงขึ้นอย่างผิดปกติ

    เคยคิดกันว่าเราฉีดแล้วเผื่อจะได้ไม่แพร่ไปญาติผู้ใหญ่ในบ้าน
    ร้านต่างๆติดป้ายพนักงานทุกคนฉีดวัคซีน
    สรุปใช้ไม่ได้ผล วิเคราะห์ตั้งแต่ เดลต้า มาจนถึงโอไมครอน
    รายงาน 5 มิถุนายน 2024

    https://bmcmedicine.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12916-024-03444-6

    ทั้งๆที่ฉีดวัคซีน ที่ป้องกันการตาย แต่ทำไมยังมีการตายส่วนเกินทั้งในช่วงโควิดรุนแรงและยังสูงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งโควิดซาลง

    ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตในประเทศตะวันตก 47 ชาติ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Vrije ของเนเธอร์แลนด์ พบว่าการตายส่วนเกินยังคงอยู่ในระดับสูงมาตั้งแต่ปี 2020 แม้มีการแจกจ่ายวัคซีนโควิดในวงกว้าง และมีมาตรการควบคุมต่างๆ

    นักวิจัยบอกว่าแนวโน้มดังกล่าว "ก่อความกังวลใหญ่หลวง" และเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลต่างๆ และสมาชิกรัฐสภาทั้งหลายสืบสวนอย่างละเอียดถึงสาเหตุพื้นฐานของตัวเลขการตายส่วนเกินที่คงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงรายงานการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร BMJ Public Health

    https://bmjpublichealth.bmj.com/content/2/1/e000282
    รายการ ของสหรัฐ มีมากมายที่เป็นคำถาม ถึงวัคซีนโควิดที่จะออกมาใช้อีก ใน ปี 2024 ถึง 2025 กับ โอไมครอน ทั้งๆที่ ความรุนแรงของไวรัสไม่มากเลย และในขณะเดียวกัน วัคซีนรุ่นที่เคยใช้มาตลอด ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่กันติด กันแพร่ และ ประสิทธิภาพคลุมเครือว่ากันอาการหนักได้หรือไม่ ทั้งนี้รวมถึงผลกระทบข้างเคียง ไม่ใช่เกิดจากโปรตีนหนาม ที่วัคซีนบังคับให้สร้างอย่างเดียว แต่ยัง เกี่ยวข้องกับอนุภาคไขมันนาโน และ กลไกการสร้างพันธุกรรมในวัคซีนให้เสถียรขึ้น จนกระทั่งค้างอยู่ในตัวคนได้นานแสนนาน แม้กระทั่งการอ่านพันธุกรรมผิดพลาดจนเกิดการสร้างโปรตีนใหม่ https://youtu.be/IlJuyhSTSqE?si=1jju5ImFSZ5kfiQU รายงานล่าสุดพบว่าผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีน มีการสร้างภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองที่ทำลายระบบประสาทของตัวของตัวเองแล้ว https://www.frontiersin.org/journals/immunology/articles/10.3389/fimmu.2024.1404800/full วัคซีน “ไม่กันติด ไม่กันแพร่” และการตายสูงขึ้นอย่างผิดปกติ เคยคิดกันว่าเราฉีดแล้วเผื่อจะได้ไม่แพร่ไปญาติผู้ใหญ่ในบ้าน ร้านต่างๆติดป้ายพนักงานทุกคนฉีดวัคซีน สรุปใช้ไม่ได้ผล วิเคราะห์ตั้งแต่ เดลต้า มาจนถึงโอไมครอน รายงาน 5 มิถุนายน 2024 https://bmcmedicine.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12916-024-03444-6 ทั้งๆที่ฉีดวัคซีน ที่ป้องกันการตาย แต่ทำไมยังมีการตายส่วนเกินทั้งในช่วงโควิดรุนแรงและยังสูงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งโควิดซาลง ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตในประเทศตะวันตก 47 ชาติ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Vrije ของเนเธอร์แลนด์ พบว่าการตายส่วนเกินยังคงอยู่ในระดับสูงมาตั้งแต่ปี 2020 แม้มีการแจกจ่ายวัคซีนโควิดในวงกว้าง และมีมาตรการควบคุมต่างๆ นักวิจัยบอกว่าแนวโน้มดังกล่าว "ก่อความกังวลใหญ่หลวง" และเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลต่างๆ และสมาชิกรัฐสภาทั้งหลายสืบสวนอย่างละเอียดถึงสาเหตุพื้นฐานของตัวเลขการตายส่วนเกินที่คงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงรายงานการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร BMJ Public Health https://bmjpublichealth.bmj.com/content/2/1/e000282
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 1 Shares 338 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/6g-SPvBlO8w
    https://youtu.be/6g-SPvBlO8w
    Love
    1
    0 Comments 1 Shares 238 Views 0 Reviews
  • ทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ของเยอรมนีพิสูจน์ลักษณะของแท่งย้วยสีขาวและประกอบไปด้วยสาร อมิลอยด์ ที่วัคซีน mRNA เหนียวนำและนำไปสู่ กลไกอื่นๆที่ทำให้ กลไกอื่นๆที่ทำให้เกิด สมองเสื่อม หัวใจวาย มะเร็ง
    ทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ของเยอรมนีพิสูจน์ลักษณะของแท่งย้วยสีขาวและประกอบไปด้วยสาร อมิลอยด์ ที่วัคซีน mRNA เหนียวนำและนำไปสู่ กลไกอื่นๆที่ทำให้ กลไกอื่นๆที่ทำให้เกิด สมองเสื่อม หัวใจวาย มะเร็ง
    0 Comments 0 Shares 196 Views 0 Reviews
  • แทงย้วยสีขาว white clot มีจริง
    แทงย้วยสีขาว white clot มีจริง
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • แท่งย้วยสีขาว white clot มีจริง
    แท่งย้วยสีขาว white clot มีจริง
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • ถึงแม้ว่าวัคซีน แอสตร้าจะเลิกใช้ไปแล้ว เพราะแพ้คดีทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันและเกร็ดเลือดผิดปกติ
    ต้องเข้าใจว่า ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะเช่นนั้นอย่างเดียว

    ผู้ป่วยรายนี้หลังจากฉีดเข้าต้นแขนข้างซ้าย กล้ามเนื้อต้นแขนลีบ และกล้ามเนื้อที่หน้าอกลีบเหี่ยวไปด้วย เกิดหลังจากฉีดไม่กี่วันและเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ

    ผู้ป่วยเหล่านี้ควรได้รับการเยียวยาหรือไม่ และเทคโนโลยีที่นำมาใช้ นี้รวมกระทั่งถึง เทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรม ต้องได้รับการประเมินใหม่ในเรื่องความปลอดภัยสูงสุด
    ถึงแม้ว่าวัคซีน แอสตร้าจะเลิกใช้ไปแล้ว เพราะแพ้คดีทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันและเกร็ดเลือดผิดปกติ ต้องเข้าใจว่า ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะเช่นนั้นอย่างเดียว ผู้ป่วยรายนี้หลังจากฉีดเข้าต้นแขนข้างซ้าย กล้ามเนื้อต้นแขนลีบ และกล้ามเนื้อที่หน้าอกลีบเหี่ยวไปด้วย เกิดหลังจากฉีดไม่กี่วันและเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ป่วยเหล่านี้ควรได้รับการเยียวยาหรือไม่ และเทคโนโลยีที่นำมาใช้ นี้รวมกระทั่งถึง เทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรม ต้องได้รับการประเมินใหม่ในเรื่องความปลอดภัยสูงสุด
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 200 Views 0 Reviews
  • ดร ซาบีน ฮาซาน เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อและเขียนแผนรูปแบบในการศึกษาวิจัยยาให้บริษัทยาหลาย 100 ชิ้น ในช่วง30 ปีโดยได้ศึกษาเป็นพิเศษในเรื่องของไมโครไบโอม หรือจุลชีพ ในลำไส้ ในช่วงโควิด ได้พบไวรัสโควิดในอุจจาระและผลกระทบต่างๆ รวมทั้งได้เสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ ยา ไฮดร็อกซี่คลอโรควิน (hydroxychloroquine) และ Ivermectin ยาฆ่าพยาธิ สังกะสีและวิตามิน ซี และดี ในการรักษาโควิด แต่ได้ถูกตีตก ถูกเซ็นเซอร์และถูกต่อต้านอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ผลการศึกษาและการใช้ในแพทย์ ที่ดูคนไข้จริงได้ผล
    และเมื่อไม่นานมานี้ได้ให้การต่อสภาคองเกรสของสหรัฐ ในเรื่องการแทรกแซงทางวิทยาศาสตร์ เสรีภาพในการแสดงความเห็น และการเปิดเผยข้อมูล โดยเฉพาะที่เกิดจากบริษัทยา
    ประการ สำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ท่านนี้ต้องการคือความเป็นจริงรอบด้านไม่ใช่เป็นการให้ข้อมูลส่วนเดียวเพื่อประโยชน์ของทางธุรกิจ
    และความจริงของทางด้านวิทยาศาสตร์นั้นเป็นความจริงหนึ่งเดียวเท่านั้น และต้องไม่มีการเซ็นเซอร์ข่าวสารข้อมูลบิดเบือนและป้ายร้าย



    "Keeping it Real with Jillian Michaels" https://podcasts.apple...

    https://youtu.be/jwqLlwXl-RQ?si=6PmFUkd6ioWXXUjr
    ดร ซาบีน ฮาซาน เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อและเขียนแผนรูปแบบในการศึกษาวิจัยยาให้บริษัทยาหลาย 100 ชิ้น ในช่วง30 ปีโดยได้ศึกษาเป็นพิเศษในเรื่องของไมโครไบโอม หรือจุลชีพ ในลำไส้ ในช่วงโควิด ได้พบไวรัสโควิดในอุจจาระและผลกระทบต่างๆ รวมทั้งได้เสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ ยา ไฮดร็อกซี่คลอโรควิน (hydroxychloroquine) และ Ivermectin ยาฆ่าพยาธิ สังกะสีและวิตามิน ซี และดี ในการรักษาโควิด แต่ได้ถูกตีตก ถูกเซ็นเซอร์และถูกต่อต้านอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ผลการศึกษาและการใช้ในแพทย์ ที่ดูคนไข้จริงได้ผล และเมื่อไม่นานมานี้ได้ให้การต่อสภาคองเกรสของสหรัฐ ในเรื่องการแทรกแซงทางวิทยาศาสตร์ เสรีภาพในการแสดงความเห็น และการเปิดเผยข้อมูล โดยเฉพาะที่เกิดจากบริษัทยา ประการ สำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ท่านนี้ต้องการคือความเป็นจริงรอบด้านไม่ใช่เป็นการให้ข้อมูลส่วนเดียวเพื่อประโยชน์ของทางธุรกิจ และความจริงของทางด้านวิทยาศาสตร์นั้นเป็นความจริงหนึ่งเดียวเท่านั้น และต้องไม่มีการเซ็นเซอร์ข่าวสารข้อมูลบิดเบือนและป้ายร้าย "Keeping it Real with Jillian Michaels" https://podcasts.apple... https://youtu.be/jwqLlwXl-RQ?si=6PmFUkd6ioWXXUjr
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • “หมอธีระวัฒน์” เผยชาวแคนาดารวมกลุ่มฟ้องรัฐบาลแล้ว หลังวัคซีนส่งผลกระทบรุนแรง 3 ใน 1 หมื่นราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000080993
    “หมอธีระวัฒน์” เผยชาวแคนาดารวมกลุ่มฟ้องรัฐบาลแล้ว หลังวัคซีนส่งผลกระทบรุนแรง 3 ใน 1 หมื่นราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000080993
    MGRONLINE.COM
    “หมอธีระวัฒน์” เผยชาวแคนาดารวมกลุ่มฟ้องรัฐบาลแล้ว หลังวัคซีนส่งผลกระทบรุนแรง 3 ใน 1 หมื่นราย
    “หมอธีระวัฒน์” เผยชาวแคนาดาเริ่มรวมกลุ่มฟ้องรัฐบาลแล้ว หลังได้รับผลกระทบจากวัคซีนอย่างรุนแรง คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 3 ใน 10,000 ราย จากประชากร 41 ล้านคน ยังไม่นับผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังฉีด 2-3 เดือน ซึ่งตัวเลขาน่าจะมากกว่า
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • การตรวจสอบ HHS (human health and services) NIH NIAID และ Collins รวม Fauci ตลอดจนถึงผู้บริหารชุดปัจจุบัน เรื่อง monkeypox ฝีดาษลิงสร้างใหม่ให้ติดเก่ง และรุนแรงกว่าเก่า (gain of function)
    เกิดหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ Moss ของ NIAID ของ Fauci ตื่นเต้น กับความสำเร็จ เลยเผลอรายงานวิธีการ สร้างไวรัสฝีดาษลิงใหม่ให้แพร่ได้ง่ายและอัตราเสียชีวิตพอประมาณคือ 25%ใน วารสาร science ปี 2022 เดือน กันยายน และให้สัมภาษณ์ ทำให้เกิดความตระหนกของนักวิทยาศาสตร์อื่นๆและตั้งคำถามในวารสารเดียวกันในเวลาต่อมาไม่นาน
    จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีการสืบสวนสอบสวน ของกรรมาธิการ 30 ตุลาคม 2022 ทำไมถึงให้ทุนทำในลักษณะเช่นนี้
    และ NIH NIAID ไม่ได้ให้ความร่วมมือ รวมทั้ง ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ทุน

    จนถึง วันที่ 19-20 มีนาคม 2024 ที่ NIAID ยอมรับว่าอนุมัติ โครงการและให้ทุนสร้างไวรัส ฝีดาษลิงตัวใหม่

    จนมิถุนายน 2024 ที่ UK US WHO เริ่มประกาศ โรคระบาดใหม่ pandemic และเตรียมวัคซีน

    วัคซีนฝีดาษลิงที่ประกาศโฆษณาให้ไปฉีดแบบเสียสตางค์ มีการขึ้นทะเบียน จาก อย และ ผ่านการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วหรือไม่
    และผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับหัวใจอักเสบของวัคซีนนี้มีจริง และมีการแจ้งกับผู้รับการฉีดหรือไม่และจะมีการติดตามผลข้างเคียงทั้งหมดทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไร?

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    การตรวจสอบ HHS (human health and services) NIH NIAID และ Collins รวม Fauci ตลอดจนถึงผู้บริหารชุดปัจจุบัน เรื่อง monkeypox ฝีดาษลิงสร้างใหม่ให้ติดเก่ง และรุนแรงกว่าเก่า (gain of function) เกิดหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ Moss ของ NIAID ของ Fauci ตื่นเต้น กับความสำเร็จ เลยเผลอรายงานวิธีการ สร้างไวรัสฝีดาษลิงใหม่ให้แพร่ได้ง่ายและอัตราเสียชีวิตพอประมาณคือ 25%ใน วารสาร science ปี 2022 เดือน กันยายน และให้สัมภาษณ์ ทำให้เกิดความตระหนกของนักวิทยาศาสตร์อื่นๆและตั้งคำถามในวารสารเดียวกันในเวลาต่อมาไม่นาน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีการสืบสวนสอบสวน ของกรรมาธิการ 30 ตุลาคม 2022 ทำไมถึงให้ทุนทำในลักษณะเช่นนี้ และ NIH NIAID ไม่ได้ให้ความร่วมมือ รวมทั้ง ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ทุน จนถึง วันที่ 19-20 มีนาคม 2024 ที่ NIAID ยอมรับว่าอนุมัติ โครงการและให้ทุนสร้างไวรัส ฝีดาษลิงตัวใหม่ จนมิถุนายน 2024 ที่ UK US WHO เริ่มประกาศ โรคระบาดใหม่ pandemic และเตรียมวัคซีน วัคซีนฝีดาษลิงที่ประกาศโฆษณาให้ไปฉีดแบบเสียสตางค์ มีการขึ้นทะเบียน จาก อย และ ผ่านการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วหรือไม่ และผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับหัวใจอักเสบของวัคซีนนี้มีจริง และมีการแจ้งกับผู้รับการฉีดหรือไม่และจะมีการติดตามผลข้างเคียงทั้งหมดทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไร? ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • Like
    2
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • Love
    Sad
    2
    0 Comments 1 Shares 301 Views 78 0 Reviews
  • https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2784839
    https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2784839
    WWW.THAIRATH.CO.TH
    วัคซีน: ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืน กฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (3)
    โดยกลุ่มแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ที่เห็นชีวิตประชาชนเป็นที่ตั้ง พิจารณาด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลที่ต้องครบถ้วน ประโยชน์มี แต่ต้องคำนึงถึงผลแทรกซ้อนและที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืน กฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่ (violate every rule in medicine)?
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2783108
    https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2783108
    WWW.THAIRATH.CO.TH
    วัคซีน: ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืน กฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (2)
    โดยกลุ่มแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นชีวิตประชาชนเป็นที่ตั้ง...พิจารณาด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลที่ต้องครบถ้วน ประโยชน์มี แต่ต้องคำนึงถึงผลแทรกซ้อนและที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืน กฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่ (violate every rule in medicine)?
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • https://www.thairath.co.th/news/local/2781487
    https://www.thairath.co.th/news/local/2781487
    WWW.THAIRATH.CO.TH
    วัคซีน: ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืน กฎทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่?
    โดยกลุ่มแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ที่เห็นชีวิตประชาชนเป็นที่ตั้ง ...พิจารณาด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลที่ต้องครบถ้วน ประโยชน์มีแต่ต้องคำนึงถึงผลแทรกซ้อนและที่ปฏิบัติในปัจจุบัน
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 198 Views 60 0 Reviews
  • Sad
    1
    0 Comments 1 Shares 302 Views 70 0 Reviews
  • Like
    1
    0 Comments 1 Shares 294 Views 46 0 Reviews
  • ผู้ป่วยฉีดวัคซีนเข็มที่ห้า ด้วย Moderna หลังจากนั้นไม่นานเริ่ม ช้า และภายในช่วงเจ็ดถึงแปดเดือนตา
    กลอกไม่ได้
    ต้องนั่งรถเข็น สมองเสื่อม ไม่ใช่อัลไซเมอร์ เป็นชนิดอื่น ที่รุนแรงมาก จาก PET scan ยืนยัน
    และอาการขณะนี้ เคลื่อนไหวลำบาก นั่งรถเข็น ตากลอกไม่ได้ อาการ ควรเป็น frontal temporal dementia หรือ progressive, supernuclear policy

    (ทั้งหมดห้าเข็ม Sv SV Az MDN MDN)
    ควรหรือไม่ควรที่จะได้รับการเยียวยา
    ผู้ป่วยฉีดวัคซีนเข็มที่ห้า ด้วย Moderna หลังจากนั้นไม่นานเริ่ม ช้า และภายในช่วงเจ็ดถึงแปดเดือนตา กลอกไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น สมองเสื่อม ไม่ใช่อัลไซเมอร์ เป็นชนิดอื่น ที่รุนแรงมาก จาก PET scan ยืนยัน และอาการขณะนี้ เคลื่อนไหวลำบาก นั่งรถเข็น ตากลอกไม่ได้ อาการ ควรเป็น frontal temporal dementia หรือ progressive, supernuclear policy (ทั้งหมดห้าเข็ม Sv SV Az MDN MDN) ควรหรือไม่ควรที่จะได้รับการเยียวยา
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 1 Shares 304 Views 37 0 Reviews
  • ประเทศแคนาดาที่มีประชากรประมาณ 41 ล้านคน และได้รับวัคซีนประมาณ 100 ล้านโดส จนกระทั่งถึงเดือนมกราคม 2024

    ปรากฏว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง 12,000 ราย ทั้งนี้ ในแต่ละคนของประชากรซึ่งไม่นับกลุ่มเด็กเล็กจะได้รับอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเข็ม

    นั่นคือ 0.03% จะเกิดผลร้ายแรง= 3 ใน 10,000 ราย

    และในขณะนี้ ประเทศแคนาดามีสำนักงานทนายความมากมายดำเนินเรื่องฟ้องร้องรัฐบาลในลักษณะของการฟ้องเป็น
    กลุ่มแล้ว

    ทั้งนี้ไม่รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับไปแล้วเป็นเวลานานกว่าสองถึงสามเดือน ซึ่งตัวเลขน่าจะรุนแรงกว่านี้เพราะกระทบระยะยาวต่อสมอง ระบบประสาท หัวใจหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันมากเกินไปจนวิปริตหรืออ่อนด้อยลงกว่าธรรมดา แน่นอนจิตอารมณ์หดหู่ซึมเศร้านอนไม่หลับด้วย

    ต้องไม่ลืมว่าวัคซีนแอสตร้าแพ้คดีในอังกฤษหนึ่งรายถึงได้ยอมเปิดเผยความจริงแต่ยอมรับเพียงผลแทรกซ้อนจาก ลิ่มเลือดอุดตันเท่านั้นไม่ได้ยอม เปิดเผยผลแทรกซ้อนอย่างอื่นที่พิการและเสียชีวิต
    แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ในอังกฤษมีคดีที่เข้าคิวฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็น 10,000 ราย

    รายละเอียดมาจาก https://www.youtube.com/live/n5cKGIWZuHE?si=TuvGIcyTIqJy_N2i

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    ประเทศแคนาดาที่มีประชากรประมาณ 41 ล้านคน และได้รับวัคซีนประมาณ 100 ล้านโดส จนกระทั่งถึงเดือนมกราคม 2024 ปรากฏว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง 12,000 ราย ทั้งนี้ ในแต่ละคนของประชากรซึ่งไม่นับกลุ่มเด็กเล็กจะได้รับอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเข็ม นั่นคือ 0.03% จะเกิดผลร้ายแรง= 3 ใน 10,000 ราย และในขณะนี้ ประเทศแคนาดามีสำนักงานทนายความมากมายดำเนินเรื่องฟ้องร้องรัฐบาลในลักษณะของการฟ้องเป็น กลุ่มแล้ว ทั้งนี้ไม่รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับไปแล้วเป็นเวลานานกว่าสองถึงสามเดือน ซึ่งตัวเลขน่าจะรุนแรงกว่านี้เพราะกระทบระยะยาวต่อสมอง ระบบประสาท หัวใจหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันมากเกินไปจนวิปริตหรืออ่อนด้อยลงกว่าธรรมดา แน่นอนจิตอารมณ์หดหู่ซึมเศร้านอนไม่หลับด้วย ต้องไม่ลืมว่าวัคซีนแอสตร้าแพ้คดีในอังกฤษหนึ่งรายถึงได้ยอมเปิดเผยความจริงแต่ยอมรับเพียงผลแทรกซ้อนจาก ลิ่มเลือดอุดตันเท่านั้นไม่ได้ยอม เปิดเผยผลแทรกซ้อนอย่างอื่นที่พิการและเสียชีวิต แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ในอังกฤษมีคดีที่เข้าคิวฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็น 10,000 ราย รายละเอียดมาจาก https://www.youtube.com/live/n5cKGIWZuHE?si=TuvGIcyTIqJy_N2i ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    0 Comments 0 Shares 241 Views 0 Reviews
  • ประเทศแคนาดาที่มีประชากรประมาณ 41 ล้านคน และได้รับวัคซีนประมาณ 100 ล้านโดส จนกระทั่งถึงเดือนมกราคม 2024

    ปรากฏว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง 12,000 ราย ทั้งนี้ ในแต่ละคนของประชากรซึ่งไม่นับกลุ่มเด็กเล็กจะได้รับอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเข็ม

    นั่นคือ 0.03% จะเกิดผลร้ายแรง= 3 ใน 10,000 ราย

    และในขณะนี้ ประเทศแคนาดามีสำนักงานทนายความมากมายดำเนินเรื่องฟ้องร้องรัฐบาลในลักษณะของการฟ้องเป็น
    กลุ่มแล้ว

    ทั้งนี้ไม่รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับไปแล้วเป็นเวลานานกว่าสองถึงสามเดือน ซึ่งตัวเลขน่าจะรุนแรงกว่านี้เพราะกระทบระยะยาวต่อสมอง ระบบประสาท หัวใจหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันมากเกินไปจนวิปริตหรืออ่อนด้อยลงกว่าธรรมดา แน่นอนจิตอารมณ์หดหู่ซึมเศร้านอนไม่หลับด้วย

    ต้องไม่ลืมว่าวัคซีนแอสตร้าแพ้คดีในอังกฤษหนึ่งรายถึงได้ยอมเปิดเผยความจริงแต่ยอมรับเพียงผลแทรกซ้อนจาก ลิ่มเลือดอุดตันเท่านั้นไม่ได้ยอม เปิดเผยผลแทรกซ้อนอย่างอื่นที่พิการและเสียชีวิต
    แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ในอังกฤษมีคดีที่เข้าคิวฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็น 10,000 ราย

    รายละเอียดมาจาก https://www.youtube.com/live/n5cKGIWZuHE?si=TuvGIcyTIqJy_N2i

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    ประเทศแคนาดาที่มีประชากรประมาณ 41 ล้านคน และได้รับวัคซีนประมาณ 100 ล้านโดส จนกระทั่งถึงเดือนมกราคม 2024 ปรากฏว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง 12,000 ราย ทั้งนี้ ในแต่ละคนของประชากรซึ่งไม่นับกลุ่มเด็กเล็กจะได้รับอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเข็ม นั่นคือ 0.03% จะเกิดผลร้ายแรง= 3 ใน 10,000 ราย และในขณะนี้ ประเทศแคนาดามีสำนักงานทนายความมากมายดำเนินเรื่องฟ้องร้องรัฐบาลในลักษณะของการฟ้องเป็น กลุ่มแล้ว ทั้งนี้ไม่รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับไปแล้วเป็นเวลานานกว่าสองถึงสามเดือน ซึ่งตัวเลขน่าจะรุนแรงกว่านี้เพราะกระทบระยะยาวต่อสมอง ระบบประสาท หัวใจหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันมากเกินไปจนวิปริตหรืออ่อนด้อยลงกว่าธรรมดา แน่นอนจิตอารมณ์หดหู่ซึมเศร้านอนไม่หลับด้วย ต้องไม่ลืมว่าวัคซีนแอสตร้าแพ้คดีในอังกฤษหนึ่งรายถึงได้ยอมเปิดเผยความจริงแต่ยอมรับเพียงผลแทรกซ้อนจาก ลิ่มเลือดอุดตันเท่านั้นไม่ได้ยอม เปิดเผยผลแทรกซ้อนอย่างอื่นที่พิการและเสียชีวิต แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ในอังกฤษมีคดีที่เข้าคิวฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็น 10,000 ราย รายละเอียดมาจาก https://www.youtube.com/live/n5cKGIWZuHE?si=TuvGIcyTIqJy_N2i ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    0 Comments 0 Shares 242 Views 0 Reviews
More Stories