• นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5/2/68

    โรงเรียนพระดาบส
    รับสมัครศิษย์พระดาบส
    รุ่นที่ 48 สำหรับปีการศึกษา 2568
    เปิดรับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 - 21 มีนาคม 2568

    คุณสมบัติของผู้สมัคร ชายและหญิง อายุระหว่าง 18 - 35 ปี

    หลักสูตร 1 ปี ใน 9 หลักสูตร

    • ช่างไฟฟ้า

    ช่างอิเล็กทรอนิกส์

    ช่างยนต์

    ช่างซ่อมบำรุง

    ช่างเชื่อม

    ช่างไม้เครื่องเรือนและช่างสี

    • เคหบริบาล

    • การเกษตรพอเพียง

    ช่างก่อสร้าง

    สามารถดาวน์โหลด
    ใบสมัครได้ที่นี่
    สามารถสมัคร
    เรียนออนไลน์ได้ที่นี่

    เรียนฟรี
    ในระหว่างการศึกษา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นโดยจะได้รับพระราชทาน
    พระมหากรุณาธิคุณเป็นทุนการศึกษา ที่รวมถึงค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียน อาหารและที่พักอาศัย

    เปิดรับสมัคย วันจันทร์ - ศุกย์ (ยกเว้นวันหยุดขายการและนักขัตฤกษ์)
    เวลา 08.30 น. - 16.30 น. ณ โรงเรียนพระดาบสสามารถสมครด้วยตัวเองหรือสแกน OR Gode เพื่อนดาวน์โหลดใบสมัคร
    📞0-2282-7000
    5/2/68 โรงเรียนพระดาบส รับสมัครศิษย์พระดาบส รุ่นที่ 48 สำหรับปีการศึกษา 2568 เปิดรับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 - 21 มีนาคม 2568 คุณสมบัติของผู้สมัคร ชายและหญิง อายุระหว่าง 18 - 35 ปี หลักสูตร 1 ปี ใน 9 หลักสูตร • ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างยนต์ ช่างซ่อมบำรุง ช่างเชื่อม ช่างไม้เครื่องเรือนและช่างสี • เคหบริบาล • การเกษตรพอเพียง ช่างก่อสร้าง สามารถดาวน์โหลด ใบสมัครได้ที่นี่ สามารถสมัคร เรียนออนไลน์ได้ที่นี่ เรียนฟรี ในระหว่างการศึกษา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นโดยจะได้รับพระราชทาน พระมหากรุณาธิคุณเป็นทุนการศึกษา ที่รวมถึงค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียน อาหารและที่พักอาศัย เปิดรับสมัคย วันจันทร์ - ศุกย์ (ยกเว้นวันหยุดขายการและนักขัตฤกษ์) เวลา 08.30 น. - 16.30 น. ณ โรงเรียนพระดาบสสามารถสมครด้วยตัวเองหรือสแกน OR Gode เพื่อนดาวน์โหลดใบสมัคร 📞0-2282-7000
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน”

    ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน

    จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก
    "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก

    การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO)
    30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ
    11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic)

    ลักษณะการแพร่เชื้อ
    โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
    ✅ มีไข้
    ✅ ไอแห้ง
    ✅ หายใจลำบาก

    มาตรการป้องกันเบื้องต้น
    ✅ ล้างมือบ่อยๆ
    ✅ สวมหน้ากากอนามัย
    ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม
    ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ

    จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์
    ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์

    มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19
    🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
    🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน
    🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ
    🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว
    📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น
    📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน

    โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน
    เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่

    💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
    📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ

    🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน)
    📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
    📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด

    ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา
    📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน
    💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง
    💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง
    💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80%

    📚 ผลกระทบต่อการศึกษา
    🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์
    📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต
    📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต

    วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด
    ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน

    แผนการฉีดวัคซีนในไทย
    ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย
    ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน
    ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

    ผลของการฉีดวัคซีน
    📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง
    📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น
    📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

    บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย
    ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่

    📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19
    🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต
    🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง
    🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ
    🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว

    ประเทศไทยหลังโควิด-19
    ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
    ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง
    ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น

    นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568

    🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน” ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) 30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ 11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic) ลักษณะการแพร่เชื้อ โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ✅ มีไข้ ✅ ไอแห้ง ✅ หายใจลำบาก มาตรการป้องกันเบื้องต้น ✅ ล้างมือบ่อยๆ ✅ สวมหน้ากากอนามัย ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์ มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19 🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ 🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน 🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ 🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว 📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น 📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่ 💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน 📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน) 📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ 📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา 📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน 💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง 💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง 💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80% 📚 ผลกระทบต่อการศึกษา 🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์ 📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต 📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน แผนการฉีดวัคซีนในไทย ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ผลของการฉีดวัคซีน 📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง 📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น 📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ 📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19 🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต 🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง 🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ 🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว ประเทศไทยหลังโควิด-19 ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568 🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 700 มุมมอง 0 รีวิว
  • เศรษฐีแนะนำ คนรุ่นใหม่
    ที่ เบื่อชีวิตวนลูป สิ่งซ้ำๆ
    ให้มองว่าที่ทำงานคือ
    "โรงเรียนที่ได้เงิน"
    .
    ถ้าเราเคยเบื่อกับงานประจำ เบื่อชีวิตวนลูป เบื่อสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในทุกวัน การลองเปลี่ยนมุมมองจะช่วยให้ความเบื่อนี้มันดีขึ้นกว่าไหม?
    .
    หนึ่งในคำแนะนำที่ดีที่สุดของ Mark Cuban ที่แนะนำคนรุ่นใหม่คือ “มองงานเป็นโรงเรียน รับเงินเพื่อเรียนรู้”
    .
    Mark Cuban เจ้าของทีม Dallas Mavericks และนักลงทุนชื่อดัง ได้แบ่งปันแนวคิดผ่าน BlueSky โดยเขาแนะนำให้คนรุ่นใหม่มองการทำงานในแบบที่นักกีฬาอาชีพมอง เป็นฟรีเอเจนต์ที่พร้อมเรียนรู้และพัฒนาตลอดเวลา
    .
    "คุณจ่ายเงินเพื่อเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะได้รับเงินเพื่อเรียนรู้" แม้ว่าเราต้องทำงานให้ดีที่สุด แต่ทุกคนมีอิสระที่จะมองหาโอกาสและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ
    .
    ถ้าถามว่าคำแนะนำของเขาเชื่อถือได้ไหม? ก็คิดว่าได้ เพราะเขาเริ่มต้นจากการเป็นเด็กขายคอมพิวเตอร์ มาสู่การเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน
    .
    เขาพิสูจน์ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง ในวัย 20 ต้น ๆ เขาได้งานที่บริษัทขายซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ทั้งที่เรียนวิชาคอมพิวเตอร์มาเพียงวิชาเดียว แทนที่จะย่อท้อ เขากลับทุ่มเทศึกษาคู่มือคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง จนสามารถก่อตั้งบริษัท MicroSolutions และขายได้ในราคา 6 ล้านดอลลาร์ในปี 1990
    .
    “ความสมดุลระหว่างการเรียนรู้และความมั่นคง”
    Patrice Williams Lindo ซีอีโอบริษัทที่ปรึกษาด้านอาชีพ Career Nomad ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า การเป็น "ฟรีเอเจนต์" ไม่ได้หมายถึงการมองหางานใหม่ตลอดเวลา แต่ควรเน้นการสร้างคุณค่าในงานปัจจุบัน พร้อม ๆ กับการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
    .
    และนี่เป็น 5 วิธีประยุกต์ใช้แนวคิด "รับเงินเพื่อเรียนรู้" ในชีวิตจริง
    .
    1. มองทุกงานเป็นโอกาสเรียนรู้ แม้งานจะไม่ตรงสาย แต่ทักษะที่ได้อาจเป็นประโยชน์ในอนาคต
    2. ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ กำหนดสิ่งที่ต้องการพัฒนาในแต่ละเดือน เช่น ทักษะใหม่ หรือความเข้าใจในธุรกิจ
    3. สร้างเครือข่ายอย่างมีคุณภาพ รักษาความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน เพราะอาจเป็นโอกาสในอนาคต
    4. ติดตามการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม รู้ทันเทรนด์และทักษะที่ตลาดต้องการ
    5. ลงทุนกับตัวเอง หาโอกาสพัฒนาทักษะผ่านการอบรม สัมมนา หรือการเรียนออนไลน์
    .
    อย่าลืมว่า…โอกาสอยู่รอบตัว
    ในยุคที่เทคโนโลยีและตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมองงานเป็นโอกาสในการเรียนรู้อาจเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ เหมือนที่ Mark Cuban พูดไว้ "คุณเป็นฟรีเอเจนต์เสมอ"
    .
    มันไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนงานบ่อย ๆ แต่เพื่อเปิดใจรับโอกาสและพร้อมพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะในที่สุด ความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมไว้ จะเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในการสร้างความสำเร็จในอนาคต
    .
    .
    เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
    ———
    100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
    .
    #Mindset #Business
    #100WEALTH
    #ไปให้ถึง100ล้าน
    .
    อ้างอิง
    https://bit .ly/4jsKppt
    เศรษฐีแนะนำ คนรุ่นใหม่ ที่ เบื่อชีวิตวนลูป สิ่งซ้ำๆ ให้มองว่าที่ทำงานคือ "โรงเรียนที่ได้เงิน" . ถ้าเราเคยเบื่อกับงานประจำ เบื่อชีวิตวนลูป เบื่อสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในทุกวัน การลองเปลี่ยนมุมมองจะช่วยให้ความเบื่อนี้มันดีขึ้นกว่าไหม? . หนึ่งในคำแนะนำที่ดีที่สุดของ Mark Cuban ที่แนะนำคนรุ่นใหม่คือ “มองงานเป็นโรงเรียน รับเงินเพื่อเรียนรู้” . Mark Cuban เจ้าของทีม Dallas Mavericks และนักลงทุนชื่อดัง ได้แบ่งปันแนวคิดผ่าน BlueSky โดยเขาแนะนำให้คนรุ่นใหม่มองการทำงานในแบบที่นักกีฬาอาชีพมอง เป็นฟรีเอเจนต์ที่พร้อมเรียนรู้และพัฒนาตลอดเวลา . "คุณจ่ายเงินเพื่อเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะได้รับเงินเพื่อเรียนรู้" แม้ว่าเราต้องทำงานให้ดีที่สุด แต่ทุกคนมีอิสระที่จะมองหาโอกาสและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ . ถ้าถามว่าคำแนะนำของเขาเชื่อถือได้ไหม? ก็คิดว่าได้ เพราะเขาเริ่มต้นจากการเป็นเด็กขายคอมพิวเตอร์ มาสู่การเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน . เขาพิสูจน์ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง ในวัย 20 ต้น ๆ เขาได้งานที่บริษัทขายซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ทั้งที่เรียนวิชาคอมพิวเตอร์มาเพียงวิชาเดียว แทนที่จะย่อท้อ เขากลับทุ่มเทศึกษาคู่มือคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง จนสามารถก่อตั้งบริษัท MicroSolutions และขายได้ในราคา 6 ล้านดอลลาร์ในปี 1990 . “ความสมดุลระหว่างการเรียนรู้และความมั่นคง” Patrice Williams Lindo ซีอีโอบริษัทที่ปรึกษาด้านอาชีพ Career Nomad ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า การเป็น "ฟรีเอเจนต์" ไม่ได้หมายถึงการมองหางานใหม่ตลอดเวลา แต่ควรเน้นการสร้างคุณค่าในงานปัจจุบัน พร้อม ๆ กับการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง . และนี่เป็น 5 วิธีประยุกต์ใช้แนวคิด "รับเงินเพื่อเรียนรู้" ในชีวิตจริง . 1. มองทุกงานเป็นโอกาสเรียนรู้ แม้งานจะไม่ตรงสาย แต่ทักษะที่ได้อาจเป็นประโยชน์ในอนาคต 2. ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ กำหนดสิ่งที่ต้องการพัฒนาในแต่ละเดือน เช่น ทักษะใหม่ หรือความเข้าใจในธุรกิจ 3. สร้างเครือข่ายอย่างมีคุณภาพ รักษาความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน เพราะอาจเป็นโอกาสในอนาคต 4. ติดตามการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม รู้ทันเทรนด์และทักษะที่ตลาดต้องการ 5. ลงทุนกับตัวเอง หาโอกาสพัฒนาทักษะผ่านการอบรม สัมมนา หรือการเรียนออนไลน์ . อย่าลืมว่า…โอกาสอยู่รอบตัว ในยุคที่เทคโนโลยีและตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมองงานเป็นโอกาสในการเรียนรู้อาจเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ เหมือนที่ Mark Cuban พูดไว้ "คุณเป็นฟรีเอเจนต์เสมอ" . มันไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนงานบ่อย ๆ แต่เพื่อเปิดใจรับโอกาสและพร้อมพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะในที่สุด ความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมไว้ จะเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในการสร้างความสำเร็จในอนาคต . . เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH ——— 100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน . #Mindset #Business #100WEALTH #ไปให้ถึง100ล้าน . อ้างอิง https://bit .ly/4jsKppt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เอาใจคอซีรีย์เปิดสอนการใช้ “ภาษามือเบื้องต้น” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เรียนออนไลน์ หากสอบผ่านเกณฑ์มีใบประกาศนียบัตรให้

    จากความนิยมของซีรี่ย์เกาหลี “When the Phone Rings“ ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกดราม่าลึกลับระทึกขวัญ คู่สามี-ภรรยาที่ภายนอกดูราวกับกิ่งทองใบหยก แต่แท้จริงแล้วกลับใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ได้รับโทรศัพท์ข่มขู่จากผู้ร้ายลักพาตัว จนเป็นจุดเริ่มต้นของความระทึก

    แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคนดูคือทักษะการใช้ภาษามือของนางเอกของเรื่อง ทำให้หลายๆคนสนใจการเรียนภาษามือ

    ล่าสุด วันนี้ (9 ธ.ค.) มีรายงานว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดสอนภาษามือเบื้องต้นในรูปแบบออนไลน์ ที่สำคัญคือเรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยรายละเอียดของหลักสูตรคือ ภาษามือเป็นภาษาที่ใช้ในชุมชนหูหนวกใช้มือและสีหน้าท่าทางประกอบในการสื่อความหมาย และถ่ายทอดอารมณ์แทนการพูด ภาษามือของแต่ละชาติมีความแตกต่างกัน เช่นเดียวกับภาษาพูดซึ่ง แตกต่างกันตามขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และลักษณะภูมิประเทศ การเรียนรู้ ภาษามือไทยผ่าน CMU-MOOC จะช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้ ได้ด้วยตนเองและสามารถนําไปใช้สื่อสารกับผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินขั้นพื้นฐาน ไม่ตำกัดคุณสมบัติของผู้เรียน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000118252

    #MGROnline #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #ภาษามือเบื้องต้น
    มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เอาใจคอซีรีย์เปิดสอนการใช้ “ภาษามือเบื้องต้น” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เรียนออนไลน์ หากสอบผ่านเกณฑ์มีใบประกาศนียบัตรให้ • จากความนิยมของซีรี่ย์เกาหลี “When the Phone Rings“ ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกดราม่าลึกลับระทึกขวัญ คู่สามี-ภรรยาที่ภายนอกดูราวกับกิ่งทองใบหยก แต่แท้จริงแล้วกลับใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ได้รับโทรศัพท์ข่มขู่จากผู้ร้ายลักพาตัว จนเป็นจุดเริ่มต้นของความระทึก • แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคนดูคือทักษะการใช้ภาษามือของนางเอกของเรื่อง ทำให้หลายๆคนสนใจการเรียนภาษามือ • ล่าสุด วันนี้ (9 ธ.ค.) มีรายงานว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดสอนภาษามือเบื้องต้นในรูปแบบออนไลน์ ที่สำคัญคือเรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยรายละเอียดของหลักสูตรคือ ภาษามือเป็นภาษาที่ใช้ในชุมชนหูหนวกใช้มือและสีหน้าท่าทางประกอบในการสื่อความหมาย และถ่ายทอดอารมณ์แทนการพูด ภาษามือของแต่ละชาติมีความแตกต่างกัน เช่นเดียวกับภาษาพูดซึ่ง แตกต่างกันตามขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และลักษณะภูมิประเทศ การเรียนรู้ ภาษามือไทยผ่าน CMU-MOOC จะช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้ ได้ด้วยตนเองและสามารถนําไปใช้สื่อสารกับผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินขั้นพื้นฐาน ไม่ตำกัดคุณสมบัติของผู้เรียน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000118252 • #MGROnline #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #ภาษามือเบื้องต้น
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 627 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘สภาผู้บริโภค’ ชี้ภาครัฐละเลยไม่กำกับดูแล-ควบคุมเพดานค่ารักษาพยาบาล ‘โรงพยาบาลเอกชน’ ทำให้ผู้บริโภคถูกเรียกเก็บค่าบริการตามใจชอบ

    23 ตุลาคม 2567-รายงานสำนักข่าวอิศราระบุว่า จากกรณีผู้บริโภคสะท้อนปัญหาการเข้าไปใช้บริการรักษาสุขภาพในโรงพยาบาลเอกชน ที่มีราคาต่างกัน แม้จะเข้าใช้บริการด้วยอาการเดียวกัน โดยผู้บริโภครายนี้ระบุว่ากรณีที่ไม่ได้ใช้ประกันสุขภาพ โรงพยาบาลคิดค่าบริการ 1,400 บาท ต่อมามีอาการเจ็บป่วยในลักษณะเดิมและผู้บริโภคใช้ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก กลับถูกคิดค่าบริการ 3,400 บาท โดยประกันคุ้มครองฯจ่าย 2,000 บาท ทำให้ต้องจ่ายเพิ่มเองอีก 1,400 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมในการใช้บริการ นั้น

    นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ว่า สาเหตุของปัญหานี้ เป็นเพราะไม่มีการควบคุมราคาค่ารักษา โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ต้องกำกับ ดูแลค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน แต่ปล่อยปละละเลย ทำให้โรงพยาบาลเอกชนคิดราคาค่ารักษาได้โดยไม่มีเพดานกำหนด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าละเมิดสิทธิผู้บริโภค

    ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐต้องดำเนินการ คือ การทบทวนมาตรการกำกับค่ารักษาพยาบาลที่แพงเกินจริงและกำหนดราคากลางที่เป็นธรรม รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้เกิดการแข่งขันของโรงพยาบาลเอกชนมากเกินไป เพราะจะกลายเป็นช่องโหว่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเกิดขึ้น

    นอกจากนี้ ขอเสนอให้ผู้บริโภคต้องตรวจสอบใบเสร็จมีรายการใดบ้างที่จ่ายไป และเหตุใดที่การรักษาอาการเดียวกัน แต่เมื่อมีประกันภัยจ่ายค่ารักษาให้ราคากลับเพิ่มขึ้น แสดงว่าโรงพยาบาลแห่งนั้น อาจไม่ทำตามประกาศอัตราค่าบริการที่ติดประกาศไว้ ซึ่งกรมการค้าภายในที่กำกับดูแลเรื่องประกาศอัตราค่าบริการไม่ควรนิ่งเฉยกับกรณีนี้

    “เมื่อเกิดปัญหาค่ารักษาพยาบาลแพง ภาครัฐจะแก้ไขปัญหาเป็นรายกรณีไป ไม่มีแนวทางที่แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ หรือมีมาตรการที่จะออกมาควบคุมกำกับราคาอย่างจริงจัง เพราะภาพรวมคือการขาดกลไกการควบคุมกำกับ ไม่มีภาครัฐเคยดูเลยว่าโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงินอย่างไร ผู้บริโภคแทบไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย” นพ.ขวัญประชา กล่าว

    นพ.ขวัญประชา ยังระบุว่า ที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคเคยส่งหนังสือข้อเสนอแนะทางนโยบายไปยังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยขอให้มีการกำกับราคาค่ารักษาพยาบาลให้ชัดเจน มีมาตรฐาน และเป็นธรรมต่อผู้บริโภค รวมถึงมีข้อเสนอแนะไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้ดำเนินการพัฒนาระบบคลังข้อมูล โดยกำหนดให้มีการแสดงรายละเอียดของรายการที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนค่าบริการรักษาพยาบาลในงบกำไรขาดทุนของโรงพยาบาลเอกชน

    “เราเคยเสนอองค์ความรู้ในการควบคุมราคาว่า จริงๆแล้ว สามารถทำกลไกการควบคุมราคาได้ โดยใช้ข้อมูลที่กรมการค้าภายในและข้อมูลที่กรมพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์มีข้อมูล ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานไหนตอบรับข้อเสนอ แต่สภาผู้บริโภคจะผลักดันข้อเสนอต่อเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค” นพ.ขวัญประชา ระบุ

    อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคพบปัญหาถูกเรียกเก็บค่ารักษาแพงเกินจริง ร้องเรียนได้ที่สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th และสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภค ทั้ง 19 จังหวัด โดยดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.tcc.or.th/tcc-agency/

    ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/132801-TCC-Medical-expense-Private-hospital-news.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2JZQTQpzsbX3j9O_APQSKLhqcTwWNdJqKrHhBPKE-YJNobdOfkSq87DXo_aem_NZvpNKA39nV0yUf4Xw6crw
    ‘สภาผู้บริโภค’ ชี้ภาครัฐละเลยไม่กำกับดูแล-ควบคุมเพดานค่ารักษาพยาบาล ‘โรงพยาบาลเอกชน’ ทำให้ผู้บริโภคถูกเรียกเก็บค่าบริการตามใจชอบ 23 ตุลาคม 2567-รายงานสำนักข่าวอิศราระบุว่า จากกรณีผู้บริโภคสะท้อนปัญหาการเข้าไปใช้บริการรักษาสุขภาพในโรงพยาบาลเอกชน ที่มีราคาต่างกัน แม้จะเข้าใช้บริการด้วยอาการเดียวกัน โดยผู้บริโภครายนี้ระบุว่ากรณีที่ไม่ได้ใช้ประกันสุขภาพ โรงพยาบาลคิดค่าบริการ 1,400 บาท ต่อมามีอาการเจ็บป่วยในลักษณะเดิมและผู้บริโภคใช้ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก กลับถูกคิดค่าบริการ 3,400 บาท โดยประกันคุ้มครองฯจ่าย 2,000 บาท ทำให้ต้องจ่ายเพิ่มเองอีก 1,400 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมในการใช้บริการ นั้น นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ว่า สาเหตุของปัญหานี้ เป็นเพราะไม่มีการควบคุมราคาค่ารักษา โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ต้องกำกับ ดูแลค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน แต่ปล่อยปละละเลย ทำให้โรงพยาบาลเอกชนคิดราคาค่ารักษาได้โดยไม่มีเพดานกำหนด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าละเมิดสิทธิผู้บริโภค ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐต้องดำเนินการ คือ การทบทวนมาตรการกำกับค่ารักษาพยาบาลที่แพงเกินจริงและกำหนดราคากลางที่เป็นธรรม รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้เกิดการแข่งขันของโรงพยาบาลเอกชนมากเกินไป เพราะจะกลายเป็นช่องโหว่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเกิดขึ้น นอกจากนี้ ขอเสนอให้ผู้บริโภคต้องตรวจสอบใบเสร็จมีรายการใดบ้างที่จ่ายไป และเหตุใดที่การรักษาอาการเดียวกัน แต่เมื่อมีประกันภัยจ่ายค่ารักษาให้ราคากลับเพิ่มขึ้น แสดงว่าโรงพยาบาลแห่งนั้น อาจไม่ทำตามประกาศอัตราค่าบริการที่ติดประกาศไว้ ซึ่งกรมการค้าภายในที่กำกับดูแลเรื่องประกาศอัตราค่าบริการไม่ควรนิ่งเฉยกับกรณีนี้ “เมื่อเกิดปัญหาค่ารักษาพยาบาลแพง ภาครัฐจะแก้ไขปัญหาเป็นรายกรณีไป ไม่มีแนวทางที่แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ หรือมีมาตรการที่จะออกมาควบคุมกำกับราคาอย่างจริงจัง เพราะภาพรวมคือการขาดกลไกการควบคุมกำกับ ไม่มีภาครัฐเคยดูเลยว่าโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงินอย่างไร ผู้บริโภคแทบไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย” นพ.ขวัญประชา กล่าว นพ.ขวัญประชา ยังระบุว่า ที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคเคยส่งหนังสือข้อเสนอแนะทางนโยบายไปยังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยขอให้มีการกำกับราคาค่ารักษาพยาบาลให้ชัดเจน มีมาตรฐาน และเป็นธรรมต่อผู้บริโภค รวมถึงมีข้อเสนอแนะไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้ดำเนินการพัฒนาระบบคลังข้อมูล โดยกำหนดให้มีการแสดงรายละเอียดของรายการที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนค่าบริการรักษาพยาบาลในงบกำไรขาดทุนของโรงพยาบาลเอกชน “เราเคยเสนอองค์ความรู้ในการควบคุมราคาว่า จริงๆแล้ว สามารถทำกลไกการควบคุมราคาได้ โดยใช้ข้อมูลที่กรมการค้าภายในและข้อมูลที่กรมพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์มีข้อมูล ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานไหนตอบรับข้อเสนอ แต่สภาผู้บริโภคจะผลักดันข้อเสนอต่อเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค” นพ.ขวัญประชา ระบุ อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคพบปัญหาถูกเรียกเก็บค่ารักษาแพงเกินจริง ร้องเรียนได้ที่สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th และสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภค ทั้ง 19 จังหวัด โดยดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.tcc.or.th/tcc-agency/ ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/132801-TCC-Medical-expense-Private-hospital-news.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2JZQTQpzsbX3j9O_APQSKLhqcTwWNdJqKrHhBPKE-YJNobdOfkSq87DXo_aem_NZvpNKA39nV0yUf4Xw6crw
    WWW.ISRANEWS.ORG
    ‘สภาผู้บริโภค’ชี้รัฐละเลย-ไม่ควบคุมค่ารักษาพยาบาล เปิดช่อง‘รพ.เอกชน’เอาเปรียบผู้บริโภค
    ‘สภาผู้บริโภค’ ชี้ภาครัฐละเลยไม่กำกับดูแล-ควบคุมเพดานค่ารักษาพยาบาล ‘โรงพยาบาลเอกชน’ ทำให้ผู้บริโภคถูกเรียกเก็บค่าบริการตามใจชอบ
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 766 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรงงานป้ายแขวน ของ..สาคร

    ในช่วงที่สินค้าถูกทำการตลาดหลากหลายช่องทางด้วยเงินสมาชิก ก็ทำให้สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จัก ขายดีมากๆ

    จนนาย สาคร เริ่มเกิดความระแวง กลัวว่าสมาชิกจะไปติดต่อที่โรงงานเพื่อผลิตสินค้าและทำการตลาดแข่งกับบริษัทของตัวเอง

    นายสาคร ก็เลยกลัวว่าคนจะไม่ทำงานให้กับตัวเอง เพราะตามหลักของคนขายดีก็มักจะแยกตัวออกไปทำเอง โดยดูจากหลังกล่องสินค้าก็จะเจอโรงงานผลิตที่แท้จริง

    #ยุทธการโรงงานป้ายแขวน จึงเกิดขึ้น

    มีการจดทะเบียนบริษัทใหม่ขึ้นมาชื่อว่า ดี เน็ตเวิร์ก แล็บ จำกัด (ผู้ถือหุ้นก็ 3 เกลอเจ้าของบริษัท DNW )

    วัตถุประสงค์ก็เพื่อต้องการปกปิดชื่อของโรงงานที่ผลิตสินค้าจริงๆ โดยใช้ชื่อของบริษัทใหม่เป็นผู้ผลิตแทน

    เพื่อปิดบังชื่อโรงงานที่ผลิตสินค้าที่แท้จริงเอาไว้ โดยมีการจัดทริปเพื่อนำสมาชิกส่วนหนึ่งไปเยี่ยมชมโรงงานที่ผลิตในช่วงแรก

    แต่ในความเป็นจริงแล้วโรงงานนี้ #เป็นโรงงานทิพย์

    โรงงานมีแค่ป้ายแขวน ไม่ได้มีเครื่องกลในการผลิตสินค้าจริงๆ มีสินค้ามากกว่า 80 ยี่ห้อมีฉลากระบุว่าผลิตจากโรงงานทิพย์ ที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นมาใหม่

    แต่ทั้ง 80 สินค้านั้นกลับไม่เคยมีการผลิต #เป็นสินค้าทิพย์

    มันเป็นสินค้า 80 ตัวที่สร้างปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกสมาชิกว่าโรงงานทิพย์แห่งนี้เป็นผู้ผลิตสินค้าถึง 80 ยี่ห้อ

    จึงทำให้งบการเงินของโรงงานที่ยื่นทุกปีไม่มีอะไรสอดคล้องกับยอดจำหน่ายสินค้าของบริษัทหลักเลย

    เพราะความจริงแล้วสินค้าทุกตัวของ DNW ถูกผลิตขึ้นที่บริษัท อินโนว่า แล็บโบราโทรี่ จำกัด

    นับเป็นแผนการอันแยบยลของสามเกลอเพื่อปิดบังไม่ให้ใครไปต่อสายตรงกับโรงงานผลิตของตัวเองได้

    ---------

    เข้าสู่ยุคการตลาดออนไลน์..

    ปี 2559 นาย สาคร ได้เริ่มนำพาสมาชิกเข้าสู่โลกออนไลน์ โดยในช่วงแรกทำการตลาดแบบไม่ยิงโฆษณา เน้นการโพสต์กลุ่ม สร้างเฟซบุ๊กอวตาร

    หลังจากอยู่ในโลกออนไลน์มาพักใหญ่ Facebook เริ่มมีการให้บริการซื้อโฆษณานาย สาคร จึงไปลงเรียนคอร์สยิงแอดสอนฟรีจัดโดย ม.หอการค้า

    พอเริ่มตั้งโฆษณาเป็น นาย สาคร ก็เริ่มมาปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจ เลิกสนใจออฟไลน์ จะพาทุกคนไปออนไลน์ให้หมด

    ซึ่งก็อย่างที่เราทราบกัน ช่วงแรกค่าโฆษณามันถูกมากๆ โฆษณาแค่วันละ 300 ขายได้วันละหลายพัน หลายหมื่นบาท

    แต่ก็เหมือนเดิม คนอย่างนาย สาคร มันไม่จ่ายเองหรอก มันใช้หลักการ OPM (Other People Money) เหมือนเดิม

    ซึ่งในช่วงแรกๆมันง่ายและได้ผลจริง เพราะเป็นบริษัทแรกๆที่พาคนมาขายออนไลน์ คนแข่งขันมันน้อย ยอดบริษัทก็เริ่มกลับมา

    สาคร..ผู้มีสมองเพชร เลยมีแนวคิดสร้างสถาบันสอนการขายของออนไลน์ โดยไปซื้อที่ดินบางส่วนและเช่าที่ดินข้างหลังทำอาคารและที่จอดรถ
    👉 https://maps.app.goo.gl/4VYYkmVkyT4DPYkC6

    โดยให้สมาชิกชวนคนมาเรียนออนไลน์

    สาคร..สอนการทำการตลาดโฆษณา Facebook เป็นหลัก ขายปลีก + ชวนคน เป็นรูปแบบของการสร้างเครือข่ายนักขายออนไลน์

    ที่มีคนมาจ่ายค่าโฆษณาสินค้าให้ หลักการ OPM แบบเดิมอีกแล้ว โดยที่ สาคร วางแผนว่าตัวเองจะไม่ต้องควักเงินสักบาท

    ปี 2560 เริ่มมีการติดต่อศิลปินมาหลายคนรวมทั้ง“ครูสลา”ด้วย

    การจ้างครูสลามาเป็น Presenter ซึ่งถือเป็นความโชคดีของสาคร เพราะครูสลาทำให้สินค้าเกี่ยวกับดวงตาเป็นที่รู้จักและเกิดความต้องการในตลาดอย่างมาก

    เนื่องจากแฟนคลับของครูสลานั้นมากมายล้นหลาม ตอนยิงโฆษณาด้วยความ จร.ของสาคร ก็ตั้งโฆษณาเลยว่าศิลปินเหล่านั้นเป็นคนขายผลิตภัณฑ์นี้เอง

    จนคนทั่วไปเรียกกันว่า.. "ยาครูสลา"

    แล้วด้วยความโลภของสาคร ก็เลยไปกระตุ้นให้ตั้งโฆษณาโดยเคลมว่าสามารถ"รักษาได้ผล" ไม่ว่าจะเป็น ต้อกระจก ต้อหิน กระจกตาอักเสบ หายได้โดยไม่ต้องหาหมอ

    ซึ่งโรคพวกนี้คนต่างจังหวัดเป็นกันมาก และเวลาไปรักษากับหมอก็จะบอกว่ามีค่าผ่าตัดที่แพงมากทำให้ไม่มีทางเลือกในการรักษา

    ต้องมองหาการรักษาที่ถูกกว่าค่าผ่าตัด พอมาเจอโฆษณา“ยาครูสลา”โพสต์อยู่เต็ม Facebook เท่านั้นแหละ ยอดขายพุ่งกระฉูดนับเงินกันชุ่่มฉ่ำ

    โดยนายสาครได้ใส่โฆษณาเกินจริงชักนำให้สมาชิกแต่ละคนควักเงินจ่ายค่าโฆษณาเกินจริงกันให้เต็มที่

    ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ของยอดขายที่เติบโตเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันความฉิบหายก็มาเกิดกับครูสลาคนเดียว อย.ได้เรียกครูสลาไปปรับครั้งแรก

    ครูสลา..ต้องรับหน้าเสื่อออกหน้าอยู่คนเดียว โดนค่าปรับ 500,000 บาท แกก็ยอมจ่ายเอง จึงเป็นเหตุให้ครูสลาไม่ต่อสัญญาในภายหลัง เรื่องนี้นักเรียนยังไม่รู้เลยสักคน

    ครูสลา..บอกเลิกสัญญาไปแล้วแต่สาครยังคงใช้รูปครูสลาไปเรื่อยๆ จน อย.ได้เรียกครูสลาไปสนทนาเสียค่าปรับเป็นครั้งที่ 2 โดนอีก 500,000 บาทอีก

    จนครูสลาต้องร้องเพลงตัวเอง "เหนื่อยไหมคนดีมีพี่เป็นพรีเซนเตอร์" ถถถ แล้วทำหนังสือแจ้งเตือนไปที่สาคร ห้ามใช้ภาพแกทำโฆษณาอีก

    แต่ก็ยังมีการยิงแอดกันอย่างถล่มทลายไปที่“ยาครูสลา ”จนสุดท้าย อย.ได้ยกเลิกใบอนุญาตสินค้าตัวนั้นไป

    สาคร..ก็เปลี่ยนชื่อสินค้าเป็นชื่ออื่นเปลี่ยนไปเรื่ิอยๆ จ่าย อย.เสร็จก็ย้ายชื่อหนี แก้ไขชื่อนิดหน่อย เลข อย.ใหม่ ทดแทนเลขเดิมที่โดนยกเลิก

    จากชื่อแรก DContact เป็น Dcontact2 , dcontact plus , dcontact x แล้วก็ยังคงให้นักเรียนขายต่อ

    ช่วงนั้นสินค้าที่ขายดีของบริษัทคือ KOREGINS และ DContact และก็มีผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งที่เกี่ยวกับสายตาเอาไว้ up sell คือ Viewo โดย บ.เคนยากุ เป็นผู้ผลิต

    ปี 2561 สถาบันสอนขายของออนไลน์ DNW ในช่วงนั้น ถือว่าเป็นจุดขายที่ดีมากๆ เพราะถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่หลายคนต้องการ

    สินค้าก็เริ่มมีมากขึ้น เช่น ALERTIDE เริ่มมีจำนวนสมาชิกเข้าสู่ธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือน the icon เปี๊ยบเลย

    เพียงแต่ DNW เป็นยุคแรกของการยิงโฆษณาโดยใช้ OPM แต่ยุคนั้นบอสพอลยังคงยิงแอดเองอยู่เลย ประกอบกับยุคนั้นออนไลน์มันขายของได้ง่ายมากๆ

    -------

    สาคร..เริ่มหลงตัวเอง

    เมื่อความพร้อมมี ความหงี่จึงบังเกิด สาคร เริ่มกลายเป็นสมภาร กินไก่วัดตัวเอง เมื่อมีสมาชิกคนไหนหน้าตาดีหน่อย มีท่าทีเล่นด้วยพี่แกฟาดหมดไม่สนลูกใคร

    จ่ายค่าเลี้ยงดูเป็นเรื่องเป็นราวหลายคน เห็นว่าบางคนได้บ้านเป็นหลังก็มี ได้รถไปขับ เงินแค่นี้ไม่ระคายผิวสาครอยู่แล้ว

    ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับแซน ภรัณธรณ์ ที่เป็นเมียน้อยเบอร์ 1 (เพราะแซนก็คงลืมไปว่าตัวเองก็เป็นเมียน้อยเหมือนกัน ถถถ)

    สาคร..เลยปลอบใจแซนโดยการซื้อที่ดินปลูกบ้านหรูให้อยู่ในหมู่บ้านปัญญารามอินทรา P6
    👉 https://maps.app.goo.gl/afjf9TnjQziFjhWUA

    เรื่องบ้านราคา 100 ล้าน กับรถเฟอรารี่ที่ขับ ep.3 จะเล่าให้ฟังว่าเอามาจากไหน.?

    --------

    สินค้าคุณภาพขายดี แต่โดน อย.ฟัน แล้วถ้าใครขายไม่ดีจะทำอย่างไร.?

    แผนอันแยบยลของ สาคร คือออกกฎห้ามทุกคนขายของบน Shopee , Lazada และห้ามขายราคาต่ำกว่าราคาบนกล่อง

    แต่ความ จร.ของสาคร คือปล่อยให้ Downline คนสนิทที่เป็นนอมินี เอาของไปขายบน Shopee , Lazada ตัดราคาสมาชิกเสียเอง

    แต่ในขณะเดียวกันในฐานออฟไลน์ที่ของต้องไปขายตามตลาดทั่วๆไปหรือหน้าร้าน สาคร ได้ตั้งโกดังปล่อยของแถวพัฒนาการ ปล่อยของหลังบ้าน

    เรียกว่ากินหัวคิวออนไลน์ไม่พอ ยังผลิตของมาปล่อยไม่ผ่านบริษัทเพื่อไปออฟไลน์อีก

    และอาหารเสริมหลายๆตัวก็เป็นแบบ DContact พอโดนเรื่อง อย.ก็จะใช้วิธีจดเลข อย.ใหม่ เปลี่ยนสารสกัด เพื่อกลับมาขายใหม่

    โดยมักจะเป็นกับอาหารเสริมที่ อย.ควบคุมเข้มอยู่แล้ว เช่น ลดน้ำหนัก Rafeata และ อาหารเสริมความแข็งแรงท่านชาย 7seed

    พอโดน อย.เล่น ก็จะกลับมาใหม่ในชื่อ 7SeDe (เซเว่น เซเด) สาคร ทำแบบนี้มาตลอด แค่เปลี่ยนชื่อ แล้วให้นักเรียนทำการตลาดต่อไป..จนนักเรียนโดนจับ

    ยิ่งขับเฟซอวตารมาพิมพ์ตีเนียน พ่ะยิ่งขยี้อ่ะ 🤨 เอาดิ่เอ้า แล้วมาคอยอ่านตอน 3 ด้วยนะครับนะ

    ep.1
    👉 https://www.facebook.com/share/p/uj12aLxwZ7kkhEVM/?mibextid=WC7FNe

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    โรงงานป้ายแขวน ของ..สาคร ในช่วงที่สินค้าถูกทำการตลาดหลากหลายช่องทางด้วยเงินสมาชิก ก็ทำให้สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จัก ขายดีมากๆ จนนาย สาคร เริ่มเกิดความระแวง กลัวว่าสมาชิกจะไปติดต่อที่โรงงานเพื่อผลิตสินค้าและทำการตลาดแข่งกับบริษัทของตัวเอง นายสาคร ก็เลยกลัวว่าคนจะไม่ทำงานให้กับตัวเอง เพราะตามหลักของคนขายดีก็มักจะแยกตัวออกไปทำเอง โดยดูจากหลังกล่องสินค้าก็จะเจอโรงงานผลิตที่แท้จริง #ยุทธการโรงงานป้ายแขวน จึงเกิดขึ้น มีการจดทะเบียนบริษัทใหม่ขึ้นมาชื่อว่า ดี เน็ตเวิร์ก แล็บ จำกัด (ผู้ถือหุ้นก็ 3 เกลอเจ้าของบริษัท DNW ) วัตถุประสงค์ก็เพื่อต้องการปกปิดชื่อของโรงงานที่ผลิตสินค้าจริงๆ โดยใช้ชื่อของบริษัทใหม่เป็นผู้ผลิตแทน เพื่อปิดบังชื่อโรงงานที่ผลิตสินค้าที่แท้จริงเอาไว้ โดยมีการจัดทริปเพื่อนำสมาชิกส่วนหนึ่งไปเยี่ยมชมโรงงานที่ผลิตในช่วงแรก แต่ในความเป็นจริงแล้วโรงงานนี้ #เป็นโรงงานทิพย์ โรงงานมีแค่ป้ายแขวน ไม่ได้มีเครื่องกลในการผลิตสินค้าจริงๆ มีสินค้ามากกว่า 80 ยี่ห้อมีฉลากระบุว่าผลิตจากโรงงานทิพย์ ที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นมาใหม่ แต่ทั้ง 80 สินค้านั้นกลับไม่เคยมีการผลิต #เป็นสินค้าทิพย์ มันเป็นสินค้า 80 ตัวที่สร้างปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกสมาชิกว่าโรงงานทิพย์แห่งนี้เป็นผู้ผลิตสินค้าถึง 80 ยี่ห้อ จึงทำให้งบการเงินของโรงงานที่ยื่นทุกปีไม่มีอะไรสอดคล้องกับยอดจำหน่ายสินค้าของบริษัทหลักเลย เพราะความจริงแล้วสินค้าทุกตัวของ DNW ถูกผลิตขึ้นที่บริษัท อินโนว่า แล็บโบราโทรี่ จำกัด นับเป็นแผนการอันแยบยลของสามเกลอเพื่อปิดบังไม่ให้ใครไปต่อสายตรงกับโรงงานผลิตของตัวเองได้ --------- เข้าสู่ยุคการตลาดออนไลน์.. ปี 2559 นาย สาคร ได้เริ่มนำพาสมาชิกเข้าสู่โลกออนไลน์ โดยในช่วงแรกทำการตลาดแบบไม่ยิงโฆษณา เน้นการโพสต์กลุ่ม สร้างเฟซบุ๊กอวตาร หลังจากอยู่ในโลกออนไลน์มาพักใหญ่ Facebook เริ่มมีการให้บริการซื้อโฆษณานาย สาคร จึงไปลงเรียนคอร์สยิงแอดสอนฟรีจัดโดย ม.หอการค้า พอเริ่มตั้งโฆษณาเป็น นาย สาคร ก็เริ่มมาปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจ เลิกสนใจออฟไลน์ จะพาทุกคนไปออนไลน์ให้หมด ซึ่งก็อย่างที่เราทราบกัน ช่วงแรกค่าโฆษณามันถูกมากๆ โฆษณาแค่วันละ 300 ขายได้วันละหลายพัน หลายหมื่นบาท แต่ก็เหมือนเดิม คนอย่างนาย สาคร มันไม่จ่ายเองหรอก มันใช้หลักการ OPM (Other People Money) เหมือนเดิม ซึ่งในช่วงแรกๆมันง่ายและได้ผลจริง เพราะเป็นบริษัทแรกๆที่พาคนมาขายออนไลน์ คนแข่งขันมันน้อย ยอดบริษัทก็เริ่มกลับมา สาคร..ผู้มีสมองเพชร เลยมีแนวคิดสร้างสถาบันสอนการขายของออนไลน์ โดยไปซื้อที่ดินบางส่วนและเช่าที่ดินข้างหลังทำอาคารและที่จอดรถ 👉 https://maps.app.goo.gl/4VYYkmVkyT4DPYkC6 โดยให้สมาชิกชวนคนมาเรียนออนไลน์ สาคร..สอนการทำการตลาดโฆษณา Facebook เป็นหลัก ขายปลีก + ชวนคน เป็นรูปแบบของการสร้างเครือข่ายนักขายออนไลน์ ที่มีคนมาจ่ายค่าโฆษณาสินค้าให้ หลักการ OPM แบบเดิมอีกแล้ว โดยที่ สาคร วางแผนว่าตัวเองจะไม่ต้องควักเงินสักบาท ปี 2560 เริ่มมีการติดต่อศิลปินมาหลายคนรวมทั้ง“ครูสลา”ด้วย การจ้างครูสลามาเป็น Presenter ซึ่งถือเป็นความโชคดีของสาคร เพราะครูสลาทำให้สินค้าเกี่ยวกับดวงตาเป็นที่รู้จักและเกิดความต้องการในตลาดอย่างมาก เนื่องจากแฟนคลับของครูสลานั้นมากมายล้นหลาม ตอนยิงโฆษณาด้วยความ จร.ของสาคร ก็ตั้งโฆษณาเลยว่าศิลปินเหล่านั้นเป็นคนขายผลิตภัณฑ์นี้เอง จนคนทั่วไปเรียกกันว่า.. "ยาครูสลา" แล้วด้วยความโลภของสาคร ก็เลยไปกระตุ้นให้ตั้งโฆษณาโดยเคลมว่าสามารถ"รักษาได้ผล" ไม่ว่าจะเป็น ต้อกระจก ต้อหิน กระจกตาอักเสบ หายได้โดยไม่ต้องหาหมอ ซึ่งโรคพวกนี้คนต่างจังหวัดเป็นกันมาก และเวลาไปรักษากับหมอก็จะบอกว่ามีค่าผ่าตัดที่แพงมากทำให้ไม่มีทางเลือกในการรักษา ต้องมองหาการรักษาที่ถูกกว่าค่าผ่าตัด พอมาเจอโฆษณา“ยาครูสลา”โพสต์อยู่เต็ม Facebook เท่านั้นแหละ ยอดขายพุ่งกระฉูดนับเงินกันชุ่่มฉ่ำ โดยนายสาครได้ใส่โฆษณาเกินจริงชักนำให้สมาชิกแต่ละคนควักเงินจ่ายค่าโฆษณาเกินจริงกันให้เต็มที่ ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ของยอดขายที่เติบโตเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันความฉิบหายก็มาเกิดกับครูสลาคนเดียว อย.ได้เรียกครูสลาไปปรับครั้งแรก ครูสลา..ต้องรับหน้าเสื่อออกหน้าอยู่คนเดียว โดนค่าปรับ 500,000 บาท แกก็ยอมจ่ายเอง จึงเป็นเหตุให้ครูสลาไม่ต่อสัญญาในภายหลัง เรื่องนี้นักเรียนยังไม่รู้เลยสักคน ครูสลา..บอกเลิกสัญญาไปแล้วแต่สาครยังคงใช้รูปครูสลาไปเรื่อยๆ จน อย.ได้เรียกครูสลาไปสนทนาเสียค่าปรับเป็นครั้งที่ 2 โดนอีก 500,000 บาทอีก จนครูสลาต้องร้องเพลงตัวเอง "เหนื่อยไหมคนดีมีพี่เป็นพรีเซนเตอร์" ถถถ แล้วทำหนังสือแจ้งเตือนไปที่สาคร ห้ามใช้ภาพแกทำโฆษณาอีก แต่ก็ยังมีการยิงแอดกันอย่างถล่มทลายไปที่“ยาครูสลา ”จนสุดท้าย อย.ได้ยกเลิกใบอนุญาตสินค้าตัวนั้นไป สาคร..ก็เปลี่ยนชื่อสินค้าเป็นชื่ออื่นเปลี่ยนไปเรื่ิอยๆ จ่าย อย.เสร็จก็ย้ายชื่อหนี แก้ไขชื่อนิดหน่อย เลข อย.ใหม่ ทดแทนเลขเดิมที่โดนยกเลิก จากชื่อแรก DContact เป็น Dcontact2 , dcontact plus , dcontact x แล้วก็ยังคงให้นักเรียนขายต่อ ช่วงนั้นสินค้าที่ขายดีของบริษัทคือ KOREGINS และ DContact และก็มีผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งที่เกี่ยวกับสายตาเอาไว้ up sell คือ Viewo โดย บ.เคนยากุ เป็นผู้ผลิต ปี 2561 สถาบันสอนขายของออนไลน์ DNW ในช่วงนั้น ถือว่าเป็นจุดขายที่ดีมากๆ เพราะถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่หลายคนต้องการ สินค้าก็เริ่มมีมากขึ้น เช่น ALERTIDE เริ่มมีจำนวนสมาชิกเข้าสู่ธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือน the icon เปี๊ยบเลย เพียงแต่ DNW เป็นยุคแรกของการยิงโฆษณาโดยใช้ OPM แต่ยุคนั้นบอสพอลยังคงยิงแอดเองอยู่เลย ประกอบกับยุคนั้นออนไลน์มันขายของได้ง่ายมากๆ ------- สาคร..เริ่มหลงตัวเอง เมื่อความพร้อมมี ความหงี่จึงบังเกิด สาคร เริ่มกลายเป็นสมภาร กินไก่วัดตัวเอง เมื่อมีสมาชิกคนไหนหน้าตาดีหน่อย มีท่าทีเล่นด้วยพี่แกฟาดหมดไม่สนลูกใคร จ่ายค่าเลี้ยงดูเป็นเรื่องเป็นราวหลายคน เห็นว่าบางคนได้บ้านเป็นหลังก็มี ได้รถไปขับ เงินแค่นี้ไม่ระคายผิวสาครอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับแซน ภรัณธรณ์ ที่เป็นเมียน้อยเบอร์ 1 (เพราะแซนก็คงลืมไปว่าตัวเองก็เป็นเมียน้อยเหมือนกัน ถถถ) สาคร..เลยปลอบใจแซนโดยการซื้อที่ดินปลูกบ้านหรูให้อยู่ในหมู่บ้านปัญญารามอินทรา P6 👉 https://maps.app.goo.gl/afjf9TnjQziFjhWUA เรื่องบ้านราคา 100 ล้าน กับรถเฟอรารี่ที่ขับ ep.3 จะเล่าให้ฟังว่าเอามาจากไหน.? -------- สินค้าคุณภาพขายดี แต่โดน อย.ฟัน แล้วถ้าใครขายไม่ดีจะทำอย่างไร.? แผนอันแยบยลของ สาคร คือออกกฎห้ามทุกคนขายของบน Shopee , Lazada และห้ามขายราคาต่ำกว่าราคาบนกล่อง แต่ความ จร.ของสาคร คือปล่อยให้ Downline คนสนิทที่เป็นนอมินี เอาของไปขายบน Shopee , Lazada ตัดราคาสมาชิกเสียเอง แต่ในขณะเดียวกันในฐานออฟไลน์ที่ของต้องไปขายตามตลาดทั่วๆไปหรือหน้าร้าน สาคร ได้ตั้งโกดังปล่อยของแถวพัฒนาการ ปล่อยของหลังบ้าน เรียกว่ากินหัวคิวออนไลน์ไม่พอ ยังผลิตของมาปล่อยไม่ผ่านบริษัทเพื่อไปออฟไลน์อีก และอาหารเสริมหลายๆตัวก็เป็นแบบ DContact พอโดนเรื่อง อย.ก็จะใช้วิธีจดเลข อย.ใหม่ เปลี่ยนสารสกัด เพื่อกลับมาขายใหม่ โดยมักจะเป็นกับอาหารเสริมที่ อย.ควบคุมเข้มอยู่แล้ว เช่น ลดน้ำหนัก Rafeata และ อาหารเสริมความแข็งแรงท่านชาย 7seed พอโดน อย.เล่น ก็จะกลับมาใหม่ในชื่อ 7SeDe (เซเว่น เซเด) สาคร ทำแบบนี้มาตลอด แค่เปลี่ยนชื่อ แล้วให้นักเรียนทำการตลาดต่อไป..จนนักเรียนโดนจับ ยิ่งขับเฟซอวตารมาพิมพ์ตีเนียน พ่ะยิ่งขยี้อ่ะ 🤨 เอาดิ่เอ้า แล้วมาคอยอ่านตอน 3 ด้วยนะครับนะ ep.1 👉 https://www.facebook.com/share/p/uj12aLxwZ7kkhEVM/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 910 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยังไม่ออกหมายจับผู้ต้องหา 6 บอส (13/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #คดีฉ้อโกงประชาชน #เรียนออนไลน์ 98 บาท #ออกหมายจับ 6 บอส #ดิไอคอน
    ยังไม่ออกหมายจับผู้ต้องหา 6 บอส (13/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #คดีฉ้อโกงประชาชน #เรียนออนไลน์ 98 บาท #ออกหมายจับ 6 บอส #ดิไอคอน
    Like
    Sad
    Angry
    12
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1694 มุมมอง 924 0 รีวิว
  • มรสุมดิไอคอนฯ เอาผิดยากแต่แบรนด์พัง

    การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ชัดเจนว่าเป็น บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้มีผู้เสียหายที่เคยร่วมทำธุรกิจรวมตัวกันไปแจ้งความกับตำรวจอย่างน้อย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่มาจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ของนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ 2. กลุ่มที่มาจากทีมงานทนายคลายทุกข์ ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และกลุ่มที่มาจากศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ (ศคอ.) และ 3. ศูนย์ข่าวต้านโกง นำโดย น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์

    แม้ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมดูแลคดี แต่การทำคดีดูเหมือนว่าเป็นไปได้ยาก เพราะผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความจริงมีน้อยเกินไป ทนายเดชา ระบุว่า มีผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ บก.ปคบ. เพียง 91 ราย ต้องมีผู้เสียหายตั้งแต่ 200 คนขึ้นไปจึงเพียงพอดำเนินคดี ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากผู้เสียหายที่สอบไปแล้ว 80 ปาก รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 31 ล้านบาท

    จุดเริ่มต้นของจุดจบ มาจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 ที่ประชาชนต่างขาดรายได้จากมาตรการล็อกดาวน์ กระทั่งได้พบเห็นโฆษณาคอร์สเรียนออนไลน์ 97, 98, 99 บาท เกี่ยวกับการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีคนหลงเชื่อเข้าไปเรียนจะพบว่ามีการขายฝันถึงความร่ำรวย ก่อนโน้มน้าวให้เปิดบิลซื้อสินค้าไปขาย และลงโฆษณาบนโซเชียลฯ ที่เรียกว่ายิงแอด ที่ผ่านมาดิไอคอนกรุ๊ปมีรายได้รวมจากเดิมประมาณ 378 ล้านบาท แต่ปี 2564 ก้าวกระโดดถึง 4,950 ล้านบาท กำไรสุทธิ 813 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นจึงลดลงมา แม้จะใช้งบ 500 ล้านบาทซื้อบิลบอร์ดโฆษณา แต่สินค้าก็ยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป

    ส่วนลูกข่ายสต็อกสินค้า ทีแรกขายได้ แต่หลังๆ กลับขายไม่ได้ แม้จะยิงแอดไปเท่าไหร่ก็ตาม นอกจากสินค้าไม่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังแพงกว่าท้องตลาด ทำให้ลูกข่ายต้องเปลี่ยนมาเป็นตามหาลูกข่ายที่เรียกว่า นักเรียนใหม่ เพื่อให้ได้เงิน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่นำไปสู่ปรากฎการณ์ฝีแตกในวันนี้ แม้ว่าบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่แบรนด์ดิไอคอนในวันนี้ก็ติดลบในสายตาของผู้คนในสังคม เช่นเดียวกับดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ที่ลูกข่ายหรือแฟนคลับเคยไว้เนื้อเชื่อใจเพราะชื่อเสียง ก็เกิดแผลในใจ ถึงขั้นเลิกติดตามผลงาน

    #Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #THEiCON
    มรสุมดิไอคอนฯ เอาผิดยากแต่แบรนด์พัง การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ชัดเจนว่าเป็น บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้มีผู้เสียหายที่เคยร่วมทำธุรกิจรวมตัวกันไปแจ้งความกับตำรวจอย่างน้อย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่มาจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ของนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ 2. กลุ่มที่มาจากทีมงานทนายคลายทุกข์ ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และกลุ่มที่มาจากศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ (ศคอ.) และ 3. ศูนย์ข่าวต้านโกง นำโดย น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ แม้ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมดูแลคดี แต่การทำคดีดูเหมือนว่าเป็นไปได้ยาก เพราะผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความจริงมีน้อยเกินไป ทนายเดชา ระบุว่า มีผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ บก.ปคบ. เพียง 91 ราย ต้องมีผู้เสียหายตั้งแต่ 200 คนขึ้นไปจึงเพียงพอดำเนินคดี ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากผู้เสียหายที่สอบไปแล้ว 80 ปาก รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 31 ล้านบาท จุดเริ่มต้นของจุดจบ มาจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 ที่ประชาชนต่างขาดรายได้จากมาตรการล็อกดาวน์ กระทั่งได้พบเห็นโฆษณาคอร์สเรียนออนไลน์ 97, 98, 99 บาท เกี่ยวกับการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีคนหลงเชื่อเข้าไปเรียนจะพบว่ามีการขายฝันถึงความร่ำรวย ก่อนโน้มน้าวให้เปิดบิลซื้อสินค้าไปขาย และลงโฆษณาบนโซเชียลฯ ที่เรียกว่ายิงแอด ที่ผ่านมาดิไอคอนกรุ๊ปมีรายได้รวมจากเดิมประมาณ 378 ล้านบาท แต่ปี 2564 ก้าวกระโดดถึง 4,950 ล้านบาท กำไรสุทธิ 813 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นจึงลดลงมา แม้จะใช้งบ 500 ล้านบาทซื้อบิลบอร์ดโฆษณา แต่สินค้าก็ยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ส่วนลูกข่ายสต็อกสินค้า ทีแรกขายได้ แต่หลังๆ กลับขายไม่ได้ แม้จะยิงแอดไปเท่าไหร่ก็ตาม นอกจากสินค้าไม่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังแพงกว่าท้องตลาด ทำให้ลูกข่ายต้องเปลี่ยนมาเป็นตามหาลูกข่ายที่เรียกว่า นักเรียนใหม่ เพื่อให้ได้เงิน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่นำไปสู่ปรากฎการณ์ฝีแตกในวันนี้ แม้ว่าบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่แบรนด์ดิไอคอนในวันนี้ก็ติดลบในสายตาของผู้คนในสังคม เช่นเดียวกับดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ที่ลูกข่ายหรือแฟนคลับเคยไว้เนื้อเชื่อใจเพราะชื่อเสียง ก็เกิดแผลในใจ ถึงขั้นเลิกติดตามผลงาน #Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #THEiCON
    Like
    Angry
    Yay
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 917 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉีกหน้ากากขายตรง ขายฝันจนตัวตาย

    การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงแห่งหนึ่ง ของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการโหนกระแส ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อวันที่ 8 ต.ค. กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างมากในสังคม เจ้าตัวกล่าวว่า “เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดัง เริ่มมีการข่มขู่ไปทั่วกลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็ก เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียบ้างเหรอ?” ซึ่งจากแฮชแท็กที่บรรดาแม่ข่ายใช้แสดงพลัง พบว่าพยายามอธิบายอีกด้านเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว ว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมกับให้กำลังใจประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัทดังกล่าว

    ก่อนหน้านี้ นายกรรชัยกล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า มีบริษัทดังบางบริษัทที่มีการมาขายตรง ไปให้ทางตัวแทนเปิดบิล โดยการให้มีเหล่านักแสดงทั้งหลายไปเป็นพ่อข่าย แม่ข่าย ตนเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว มีโอกาสคุยกับผู้เสียหายแล้ว มีบางคนถึงขั้นฆ่าตัวตาย เพราะมีการไปซื้อของ จ่ายเงินไปแล้ว บอกว่าขายได้แน่นอน ถึงเวลาขายไม่ได้ ต้องเอาไปเร่ขายเอง กินเอง บางคนได้ยินมาว่าเป็น รปภ. เอาเงินไปซื้อสินค้าเก็บไว้ 200,000 บาท ซื้อเสร็จปรากฎว่า ไปขายก็ไม่ได้ ฆ่าตัวตาย แต่ข่าวเงียบ เร็วๆ นี้ เรื่องราวที่ส่งเข้ามา ตนเห็นตลอด รู้กันว่าที่ไหน ไม่ได้นิ่งนอนใจ เก็บรวบรวมข้อมูลอยู่ มีผู้เสียหายเข้ามาคุยหลายคน แล้วบอกไว้เลยว่าใหญ่

    ด้านเฟซบุ๊ก "มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม - CRSJ Foundation" ที่มีนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง เป็นประธาน โพสต์ข้อความระบุว่า "บริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ น่าเชื่อถือมาก ชาวบ้าน คนหนุ่มสาว คนสูงอายุ ลงทุนเสียหายกันเพียบ หลักหมื่น แสน ล้าน บางคนร้องไห้ บางคนที่บ้านด่า เร็วๆ นี้แน่นอน" และกล่าวว่า "ใครที่เสียหายจากบริษัทขนาดใหญ่ น่าเชื่อถือนี้ ทักกันมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ มูลนิธิรณรงค์ฯ จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ด่วน! เห็นว่าเสียหายกันทั่วประเทศ เร็วๆ นี้เจอกันแน่นอน" โดยมีผู้เสียหายคอมเมนต์ให้ข้อมูลจำนวนมาก

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า บริษัทดังกล่าวก่อตั้งไม่นานนัก แต่ใช้ดารานักแสดงเป็นผู้บริหารและพรีเซ็นเตอร์สินค้า ใช้สื่อโฆษณาบิลบอร์ดทั่วประเทศเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และมีการซื้อเวลารายการโทรทัศน์ ให้แม่ข่ายชักชวนคนเข้ามาสมัครคอร์สเรียนออนไลน์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย ในราคาไม่ถึง 100 บาท เมื่อมีผู้หลงเชื่อเข้ามาเรียนก็จะโน้มน้าวให้ลองนำสินค้าไปขาย แต่เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรูปแบบ จึงต้องคอยดูว่าในรายการโหนกระแส นายกรรชัยจะเปิดประเด็นอย่างไร ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น

    #Newskit #ขายตรง
    ฉีกหน้ากากขายตรง ขายฝันจนตัวตาย การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงแห่งหนึ่ง ของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการโหนกระแส ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อวันที่ 8 ต.ค. กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างมากในสังคม เจ้าตัวกล่าวว่า “เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดัง เริ่มมีการข่มขู่ไปทั่วกลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็ก เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียบ้างเหรอ?” ซึ่งจากแฮชแท็กที่บรรดาแม่ข่ายใช้แสดงพลัง พบว่าพยายามอธิบายอีกด้านเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว ว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมกับให้กำลังใจประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัทดังกล่าว ก่อนหน้านี้ นายกรรชัยกล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า มีบริษัทดังบางบริษัทที่มีการมาขายตรง ไปให้ทางตัวแทนเปิดบิล โดยการให้มีเหล่านักแสดงทั้งหลายไปเป็นพ่อข่าย แม่ข่าย ตนเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว มีโอกาสคุยกับผู้เสียหายแล้ว มีบางคนถึงขั้นฆ่าตัวตาย เพราะมีการไปซื้อของ จ่ายเงินไปแล้ว บอกว่าขายได้แน่นอน ถึงเวลาขายไม่ได้ ต้องเอาไปเร่ขายเอง กินเอง บางคนได้ยินมาว่าเป็น รปภ. เอาเงินไปซื้อสินค้าเก็บไว้ 200,000 บาท ซื้อเสร็จปรากฎว่า ไปขายก็ไม่ได้ ฆ่าตัวตาย แต่ข่าวเงียบ เร็วๆ นี้ เรื่องราวที่ส่งเข้ามา ตนเห็นตลอด รู้กันว่าที่ไหน ไม่ได้นิ่งนอนใจ เก็บรวบรวมข้อมูลอยู่ มีผู้เสียหายเข้ามาคุยหลายคน แล้วบอกไว้เลยว่าใหญ่ ด้านเฟซบุ๊ก "มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม - CRSJ Foundation" ที่มีนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง เป็นประธาน โพสต์ข้อความระบุว่า "บริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ น่าเชื่อถือมาก ชาวบ้าน คนหนุ่มสาว คนสูงอายุ ลงทุนเสียหายกันเพียบ หลักหมื่น แสน ล้าน บางคนร้องไห้ บางคนที่บ้านด่า เร็วๆ นี้แน่นอน" และกล่าวว่า "ใครที่เสียหายจากบริษัทขนาดใหญ่ น่าเชื่อถือนี้ ทักกันมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ มูลนิธิรณรงค์ฯ จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ด่วน! เห็นว่าเสียหายกันทั่วประเทศ เร็วๆ นี้เจอกันแน่นอน" โดยมีผู้เสียหายคอมเมนต์ให้ข้อมูลจำนวนมาก รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า บริษัทดังกล่าวก่อตั้งไม่นานนัก แต่ใช้ดารานักแสดงเป็นผู้บริหารและพรีเซ็นเตอร์สินค้า ใช้สื่อโฆษณาบิลบอร์ดทั่วประเทศเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และมีการซื้อเวลารายการโทรทัศน์ ให้แม่ข่ายชักชวนคนเข้ามาสมัครคอร์สเรียนออนไลน์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย ในราคาไม่ถึง 100 บาท เมื่อมีผู้หลงเชื่อเข้ามาเรียนก็จะโน้มน้าวให้ลองนำสินค้าไปขาย แต่เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรูปแบบ จึงต้องคอยดูว่าในรายการโหนกระแส นายกรรชัยจะเปิดประเด็นอย่างไร ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น #Newskit #ขายตรง
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 691 มุมมอง 0 รีวิว
  • "คลาสถักมาคราเม่ Macrame"​ โดย​ ครูศักดิ์ชัย​​ ณ สมาคมบ้านปันรัก​ อารีย์ ซ.1
    การถักมาคราเม่ (Macrame) เป็นงานฝีมือที่ใช้เชือกป่านมาถักเป็นลวดลายต่างๆ นิยมนำมาทำเป็นของตกแต่งบ้าน กระเป๋า เครื่องประดับ หรือของใช้ต่างๆ
    อุปกรณ์ที่ใช้:
    เชือกป่าน: เลือกขนาดให้เหมาะกับงาน
    กรรไกร
    ไม้แขวน หรือ ตะปู สำหรับขึงงาน
    ไม้บรรทัด (กรณีต้องการงานที่มีขนาดเท่ากัน)
    เข็มกลัด (สำหรับงานบางประเภท)

    #สมาคมบ้านปันรัก#เรียนฟรี#เรียนออนไลน์#คอร์สเรียน#คลาสเรียน#เสริมทักษะ#อัพสกิล#skill
    #Macrame
    #สมาคมบ้านปันรัก
    #ถักมาคราเม่โดยครูศักดิ์ชัย
    #สยามโสภา#อาสาพาสุข#thaitimes #thaitimesสยามโสภา

    https://youtu.be/LuOxYfQbAuo?si=Umt2ZxQbnAYyqhto
    "คลาสถักมาคราเม่ Macrame"​ โดย​ ครูศักดิ์ชัย​​ ณ สมาคมบ้านปันรัก​ อารีย์ ซ.1 การถักมาคราเม่ (Macrame) เป็นงานฝีมือที่ใช้เชือกป่านมาถักเป็นลวดลายต่างๆ นิยมนำมาทำเป็นของตกแต่งบ้าน กระเป๋า เครื่องประดับ หรือของใช้ต่างๆ อุปกรณ์ที่ใช้: เชือกป่าน: เลือกขนาดให้เหมาะกับงาน กรรไกร ไม้แขวน หรือ ตะปู สำหรับขึงงาน ไม้บรรทัด (กรณีต้องการงานที่มีขนาดเท่ากัน) เข็มกลัด (สำหรับงานบางประเภท) #สมาคมบ้านปันรัก​ #เรียนฟรี​ #เรียนออนไลน์​ #คอร์สเรียน​ #คลาสเรียน​ #เสริมทักษะ​ #อัพสกิล​ #skill​ #Macrame​ #สมาคมบ้านปันรัก​ #ถักมาคราเม่โดยครูศักดิ์ชัย​ #สยามโสภา​ #อาสาพาสุข​ #thaitimes #thaitimesสยามโสภา https://youtu.be/LuOxYfQbAuo?si=Umt2ZxQbnAYyqhto
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชั้นเรียน สูงวัยใส่ใจสุขภาพ โดย ครูกัลป์ชัย เรียน On Site ที่ สมาคมบ้านปันรัก

    #สมาคมบ้านปันรัก #เรียนฟรี #เรียนออนไลน์ #คอร์สเรียน #คลาสเรียน #เสริมทักษะ #อัพสกิล #ผู้สูงวัย #Thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    ชั้นเรียน สูงวัยใส่ใจสุขภาพ โดย ครูกัลป์ชัย เรียน On Site ที่ สมาคมบ้านปันรัก #สมาคมบ้านปันรัก #เรียนฟรี #เรียนออนไลน์ #คอร์สเรียน #คลาสเรียน #เสริมทักษะ #อัพสกิล #ผู้สูงวัย #Thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1047 มุมมอง 304 0 รีวิว
  • กิจกรรม DIY รักษ์โลก โดย ครูศรีพิมล
    เพื่อช่วยกัน​ลดขยะ​ ลดโลกร้อน​ พิทักษ์โลกให้กรีนได้ง่ายๆ​ ด้วยการนำขยะ​มา​ reuse เป็นข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน​ เช่น​ กระบุง​ กระเป๋า​ กล่องกระดาษ​ทิชชู่​ ด้วยซองกาแฟสำเร็จรูป​

    เรียนทุกวันพุธ เว้นพุธ เวลา 13.00 - 14.30 น.
    ที่ สมาคมบ้านปันรัก อารีย์ ซ.1 (ใกล้ BTS อารีย์)

    ------------------------------------------------
    🔹 กิจกรรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย🔹
    ------------------------------------------------

    #สมาคมบ้านปันรัก #เรียนฟรี #เรียนออนไลน์ #คอร์สเรียน #คลาสเรียน #เสริมทักษะ #อัพสกิล #ผู้สูงวัย #thaitimes
    กิจกรรม DIY รักษ์โลก โดย ครูศรีพิมล เพื่อช่วยกัน​ลดขยะ​ ลดโลกร้อน​ พิทักษ์โลกให้กรีนได้ง่ายๆ​ ด้วยการนำขยะ​มา​ reuse เป็นข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน​ เช่น​ กระบุง​ กระเป๋า​ กล่องกระดาษ​ทิชชู่​ ด้วยซองกาแฟสำเร็จรูป​ เรียนทุกวันพุธ เว้นพุธ เวลา 13.00 - 14.30 น. ที่ สมาคมบ้านปันรัก อารีย์ ซ.1 (ใกล้ BTS อารีย์) ------------------------------------------------ 🔹 กิจกรรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย🔹 ------------------------------------------------ #สมาคมบ้านปันรัก #เรียนฟรี #เรียนออนไลน์ #คอร์สเรียน #คลาสเรียน #เสริมทักษะ #อัพสกิล #ผู้สูงวัย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1362 มุมมอง 231 0 รีวิว