• "ชาญชัย" ยื่นคำร้องครั้งที่ 3 ขอให้ศาลไต่สวน และออกหมายจับ "ทักษิณ" กลับไปติดคุก โดยเขียนคำฟ้องใหม่ รวบรวมพยานหลักฐานผู้กระทำผิดให้ครบถ้วน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004976

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ชาญชัย" ยื่นคำร้องครั้งที่ 3 ขอให้ศาลไต่สวน และออกหมายจับ "ทักษิณ" กลับไปติดคุก โดยเขียนคำฟ้องใหม่ รวบรวมพยานหลักฐานผู้กระทำผิดให้ครบถ้วน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004976 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    31
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1092 มุมมอง 1 รีวิว
  • ตำรวจสืบสวน บก.น.5 จับกุมหลานสาวผู้พิพากษา หลังก่อเหตุขโมยกระเป๋า-ต่างหูแบรนด์เนม มูลค่ารวมกว่า 3.6 ล้านบาท สารภาพขโมยของอาตัวเองไปขายนำเงินมาหมุนใช้

    วันนี้ (15 ส.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5 พ.ต.อ.ศิรณ์วิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.วิสูตร เต็งเฉี้ยง สว.กก.บก.น.5 ร.ต.อ.นิเทศ พวงพิลา รอง สว.กก.สส.บก.น.5 ชุดสืบสวนบก.น.5 ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ปวารณา (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.5/2568 ลงวันที่ 4 ม.ค.2568 จับกุมได้คลับเฮ้าส์ แห่งหนึ่งย่าน สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา

    สืบเนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้พิพากษา ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต ว่า กระเป๋าหายไปสงสัยว่าคนขับรถเป็นคนขโมยไป จะไปแจ้งความดำเนินคดี แต่เมื่อคนขับรถรู้เรื่องนี้ จึงคุยติดต่อกับ น.ส.ปรารถนา จนรู้ความจริง ต่อมา น.ส.ปวารณาที่เป็นหลานสาวรู้สึกผิด จึงไลน์บอกอาว่า ตนเป็นคนเอากระเป๋าไปเอง ทางผู้พิพากษาจึงให้ตัวแทน เข้าแจ้งความ ว่า ลักทรัพย์ของกระเป๋า ยี่ห้อ Hermes หนังจระเข้ สีดำ 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป้า ยี่ห้อ Hermes รุ่น Mini bolide croc สีน้ำเงิน 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel รุ่นบอย สีแดง 1 ใบ ราคา 300,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel สีเขียว 1 ใบ ราคา 150,000 บาท ต่างหูเพชร ยี่ห้อ Hermes 1 คู่ ราคา 1,600,000 บาท ราคารวมมูลค่า 3,650,000 บาท ออกจากบ้านพักในอ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดขึ้นช่วงปลายปี 67 จนกระทั่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ขออนุมัติศาลออกหมายจับดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004350

    #MGROnline #ผู้พิพากษา #หลานสาวผู้พิพากษา #กระเป๋า #ต่างหู #แบรนด์เนม
    ตำรวจสืบสวน บก.น.5 จับกุมหลานสาวผู้พิพากษา หลังก่อเหตุขโมยกระเป๋า-ต่างหูแบรนด์เนม มูลค่ารวมกว่า 3.6 ล้านบาท สารภาพขโมยของอาตัวเองไปขายนำเงินมาหมุนใช้ • วันนี้ (15 ส.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5 พ.ต.อ.ศิรณ์วิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.วิสูตร เต็งเฉี้ยง สว.กก.บก.น.5 ร.ต.อ.นิเทศ พวงพิลา รอง สว.กก.สส.บก.น.5 ชุดสืบสวนบก.น.5 ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ปวารณา (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.5/2568 ลงวันที่ 4 ม.ค.2568 จับกุมได้คลับเฮ้าส์ แห่งหนึ่งย่าน สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา • สืบเนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้พิพากษา ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต ว่า กระเป๋าหายไปสงสัยว่าคนขับรถเป็นคนขโมยไป จะไปแจ้งความดำเนินคดี แต่เมื่อคนขับรถรู้เรื่องนี้ จึงคุยติดต่อกับ น.ส.ปรารถนา จนรู้ความจริง ต่อมา น.ส.ปวารณาที่เป็นหลานสาวรู้สึกผิด จึงไลน์บอกอาว่า ตนเป็นคนเอากระเป๋าไปเอง ทางผู้พิพากษาจึงให้ตัวแทน เข้าแจ้งความ ว่า ลักทรัพย์ของกระเป๋า ยี่ห้อ Hermes หนังจระเข้ สีดำ 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป้า ยี่ห้อ Hermes รุ่น Mini bolide croc สีน้ำเงิน 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel รุ่นบอย สีแดง 1 ใบ ราคา 300,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel สีเขียว 1 ใบ ราคา 150,000 บาท ต่างหูเพชร ยี่ห้อ Hermes 1 คู่ ราคา 1,600,000 บาท ราคารวมมูลค่า 3,650,000 บาท ออกจากบ้านพักในอ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดขึ้นช่วงปลายปี 67 จนกระทั่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ขออนุมัติศาลออกหมายจับดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004350 • #MGROnline #ผู้พิพากษา #หลานสาวผู้พิพากษา #กระเป๋า #ต่างหู #แบรนด์เนม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใหญ่คับจักรวาล!!
    สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติอนุมัติร่างกฎหมายในการคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในวันนี้ เพื่อเป็นการประท้วงต่อการที่ ICC ออกหมายจับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล

    ร่างกฎหมาย "Illegitimate Court Counteraction Act" ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 243 ต่อ 140 เสียง ซึ่งถือเป็นสัญญาณของการสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งแกร่ง! ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาแล้ว

    สาระสำคัญบางส่วนของกฎหมายดังกล่าว จะมีการเสนอให้ลงโทษชาวต่างชาติที่ช่วยเหลือ ICC ในการพยายามสืบสวน กักขัง หรือดำเนินคดีกับพลเมืองสหรัฐฯ หรือพลเมืองของประเทศพันธมิตรที่ไม่ยอมรับอำนาจของศาล

    การลงโทษดังกล่าวรวมถึงการอายัดทรัพย์สิน ตลอดจนการปฏิเสธการออกวีซ่าให้กับบุคคลเหล่านี้

    “อเมริกากำลังผ่านกฎหมายที่สำคัญฉบับนี้ เพราะศาลเตี้ยกำลังพยายามจับกุมนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ของเรา” ส.ส. ไบรอัน แมสต์ ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน กล่าวในการปราศรัยก่อนการลงคะแนนเสียงในวันพฤหัสบดี

    จอห์น ธูน (John Thune) วุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำเสียงข้างมาก ให้คำมั่นว่าจะพิจารณากฎหมายดังกล่าวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทรัมป์สามารถลงนามเป็นกฎหมายได้หลังจากเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม

    เมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศได้ออกหมายจับเนทันยาฮูและกัลแลนต์ ในข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ โดยตั้งแต่เริ่มต้นความขัดแย้งในเดือนตุลาคม 2023 ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 46,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติได้ประณามวิธีการของอิสราเอลในฉนวนกาซาว่า "สอดคล้องกับลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์"

    ในช่วงปี 2020 ซึ่งเป็นสมัยแรกในตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ เขาเคยลงโทษผู้นำระดับสูงของศาลอาญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับการสืบสวนอาชญากรรมของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน
    ใหญ่คับจักรวาล!! สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติอนุมัติร่างกฎหมายในการคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในวันนี้ เพื่อเป็นการประท้วงต่อการที่ ICC ออกหมายจับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ร่างกฎหมาย "Illegitimate Court Counteraction Act" ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 243 ต่อ 140 เสียง ซึ่งถือเป็นสัญญาณของการสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งแกร่ง! ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาแล้ว สาระสำคัญบางส่วนของกฎหมายดังกล่าว จะมีการเสนอให้ลงโทษชาวต่างชาติที่ช่วยเหลือ ICC ในการพยายามสืบสวน กักขัง หรือดำเนินคดีกับพลเมืองสหรัฐฯ หรือพลเมืองของประเทศพันธมิตรที่ไม่ยอมรับอำนาจของศาล การลงโทษดังกล่าวรวมถึงการอายัดทรัพย์สิน ตลอดจนการปฏิเสธการออกวีซ่าให้กับบุคคลเหล่านี้ “อเมริกากำลังผ่านกฎหมายที่สำคัญฉบับนี้ เพราะศาลเตี้ยกำลังพยายามจับกุมนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ของเรา” ส.ส. ไบรอัน แมสต์ ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน กล่าวในการปราศรัยก่อนการลงคะแนนเสียงในวันพฤหัสบดี จอห์น ธูน (John Thune) วุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำเสียงข้างมาก ให้คำมั่นว่าจะพิจารณากฎหมายดังกล่าวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทรัมป์สามารถลงนามเป็นกฎหมายได้หลังจากเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศได้ออกหมายจับเนทันยาฮูและกัลแลนต์ ในข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ โดยตั้งแต่เริ่มต้นความขัดแย้งในเดือนตุลาคม 2023 ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 46,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติได้ประณามวิธีการของอิสราเอลในฉนวนกาซาว่า "สอดคล้องกับลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในช่วงปี 2020 ซึ่งเป็นสมัยแรกในตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ เขาเคยลงโทษผู้นำระดับสูงของศาลอาญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับการสืบสวนอาชญากรรมของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 612 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจออกหมายจับชายชาวกัมพูชา คนชี้เป้าให้ “จ่าเอ็ม” ลงมือสังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002508

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจออกหมายจับชายชาวกัมพูชา คนชี้เป้าให้ “จ่าเอ็ม” ลงมือสังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002508 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลออกหมายจับ มือปืน ยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา เชื่อคนร้ายยังอยู่ในประเทศ (08/01/68)#news1 #ยิงอดีตสส.กัมพูชา
    ศาลออกหมายจับ มือปืน ยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา เชื่อคนร้ายยังอยู่ในประเทศ (08/01/68)#news1 #ยิงอดีตสส.กัมพูชา
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1210 มุมมอง 64 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สอบสวนจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตของเกาหลีใต้เตรียมขอขยายเวลาหมายจับ รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าจับกุมยุน ซอก-ยอล หลังจากประธานาธิบดีที่กำลังถูกสอบสวนเพื่อถอดถอนผู้นี้ขัดขวางการเข้าควบคุมตัวจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์
    .
    ยุน อดีตอัยการดาวเด่น ปฏิเสธการไปให้ปากคำและกบดานอยู่ในที่พักประธานาธิบดีท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนับร้อย
    .
    ลี แจ-ซอง รองผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต (ซีไอโอ) เผยว่า กำลังเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลให้ขยายหมายจับที่กำลังจะหมดอายุเที่ยงคืนวันจันทร์ (6 ม.ค.) รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าดำเนินการจับกุมยุนแทน ขณะที่ทีมกฎหมายของยุนแย้งว่า ซีไอโอไม่มีอำนาจในการจับกุมประธานาธิบดี
    .
    สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ต้องล้มเลิกความพยายามเข้าจับกุมยุนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังเผชิญหน้ากับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีนับร้อยคนนานนับชั่วโมง
    .
    ทั้งนี้ หากถูกจับกุมและถูกตัดสินว่าผิด ยุนอาจถูกจำคุกหรือรับโทษประหาร จากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ เมื่อต้นเดือนธันวาคมและนำเกาหลีใต้เข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทว่า ทั้งยุน และผู้สนับสนุนยังคงต่อต้านการจับกุม
    .
    คิม ซู ยอง วัย 62 ปี หนึ่งในแกนนำการชุมนุม ประกาศว่า หน่วยอารักขาจะปกป้องประธานาธิบดี และผู้ชุมนุมจะปกป้องหน่วยอารักขาอีกทอดจนถึงเที่ยงคืนวันจันทร์ รวมทั้งยืนยันว่า ถ้ามีการออกหมายจับใหม่ก็จะมาชุมนุมกันอีก
    .
    นอกจากนั้น เมื่อเช้าวันจันทร์ยังมีสมาชิกสภาจากพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ของยุนไปปรากฏตัวหน้าที่พักประธานาธิบดี
    .
    ทางด้านตำรวจได้ปิดถนนเพื่อป้องกันผู้ประท้วงที่คาดว่าจะรวมพลังกันต่อในวันจันทร์ ขณะที่ผู้ชุมนุมทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านยุนหลายสิบคนปักหลักค้างคืนในวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขอออกหมายจับครั้งแรกเนื่องจากยุนไม่ยอมไปให้ปากคำเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทีมกฎหมายของยุนย้ำว่า หมายจับดังกล่าวผิดกฎหมายและจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อตอบโต้ ขณะที่หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเข้าจับกุมยุน
    .
    ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงโซลเมื่อเช้าวันจันทร์เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ที่รวมถึงชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังและรักษาการประธานาธิบดี
    .
    บลิงเคนไม่มีกำหนดพบกับยุนที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ แต่แถลงข่าวร่วมกับโช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และความสนใจของบลิงเคนเปลี่ยนจากประเด็นการเมืองภายในของเกาหลีใต้ เนื่องจากก่อนแถลงข่าวไม่นาน เปียงยางได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป
    .
    อนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ระบุว่า จะเริ่มการพิจารณาคดีถอดถอนยุนในวันอังคารหน้า (14 ม.ค.) ไม่ว่ายุนจะไปปรากฏตัวในศาลหรือไม่ก็ตาม โดยศาลรัฐธรรมนูญมีเวลา 180 วันในการวินิจฉัยว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ยุน
    .
    เอเอฟพีรายงานโดยอ้างอิงจากรายงานของอัยการเกี่ยวกับอดีตรัฐมนตรีกลาโหมว่า ยุนเพิกเฉยต่อการคัดค้านของรัฐมนตรีสำคัญหลายคนก่อนที่จะประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งรายงานนี้อาจเป็นหลักฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา
    .
    ตามรายงานดังกล่าว นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีคลังในขณะนั้น ต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการทูตที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในคืนที่ยุนประกาศกฎอัยการศึก
    .
    นอกจากนั้น พรรคประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้านสำคัญยังเรียกร้องให้ยุบหน่วยอารักขายุน
    .
    อย่างไรก็ดี ทีมกฎหมายของยุนยืนยันว่า จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ ยุน กั๊บ-กึน ทนายความคนหนึ่งในทีม เผยว่า จะยื่นคำร้องคัดค้านผู้อำนวยการซีไอโอที่พยายามเข้าจับกุมยุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001570
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่สอบสวนจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตของเกาหลีใต้เตรียมขอขยายเวลาหมายจับ รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าจับกุมยุน ซอก-ยอล หลังจากประธานาธิบดีที่กำลังถูกสอบสวนเพื่อถอดถอนผู้นี้ขัดขวางการเข้าควบคุมตัวจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ . ยุน อดีตอัยการดาวเด่น ปฏิเสธการไปให้ปากคำและกบดานอยู่ในที่พักประธานาธิบดีท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนับร้อย . ลี แจ-ซอง รองผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต (ซีไอโอ) เผยว่า กำลังเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลให้ขยายหมายจับที่กำลังจะหมดอายุเที่ยงคืนวันจันทร์ (6 ม.ค.) รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าดำเนินการจับกุมยุนแทน ขณะที่ทีมกฎหมายของยุนแย้งว่า ซีไอโอไม่มีอำนาจในการจับกุมประธานาธิบดี . สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ต้องล้มเลิกความพยายามเข้าจับกุมยุนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังเผชิญหน้ากับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีนับร้อยคนนานนับชั่วโมง . ทั้งนี้ หากถูกจับกุมและถูกตัดสินว่าผิด ยุนอาจถูกจำคุกหรือรับโทษประหาร จากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ เมื่อต้นเดือนธันวาคมและนำเกาหลีใต้เข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทว่า ทั้งยุน และผู้สนับสนุนยังคงต่อต้านการจับกุม . คิม ซู ยอง วัย 62 ปี หนึ่งในแกนนำการชุมนุม ประกาศว่า หน่วยอารักขาจะปกป้องประธานาธิบดี และผู้ชุมนุมจะปกป้องหน่วยอารักขาอีกทอดจนถึงเที่ยงคืนวันจันทร์ รวมทั้งยืนยันว่า ถ้ามีการออกหมายจับใหม่ก็จะมาชุมนุมกันอีก . นอกจากนั้น เมื่อเช้าวันจันทร์ยังมีสมาชิกสภาจากพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ของยุนไปปรากฏตัวหน้าที่พักประธานาธิบดี . ทางด้านตำรวจได้ปิดถนนเพื่อป้องกันผู้ประท้วงที่คาดว่าจะรวมพลังกันต่อในวันจันทร์ ขณะที่ผู้ชุมนุมทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านยุนหลายสิบคนปักหลักค้างคืนในวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ . ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขอออกหมายจับครั้งแรกเนื่องจากยุนไม่ยอมไปให้ปากคำเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทีมกฎหมายของยุนย้ำว่า หมายจับดังกล่าวผิดกฎหมายและจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อตอบโต้ ขณะที่หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเข้าจับกุมยุน . ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงโซลเมื่อเช้าวันจันทร์เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ที่รวมถึงชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังและรักษาการประธานาธิบดี . บลิงเคนไม่มีกำหนดพบกับยุนที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ แต่แถลงข่าวร่วมกับโช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และความสนใจของบลิงเคนเปลี่ยนจากประเด็นการเมืองภายในของเกาหลีใต้ เนื่องจากก่อนแถลงข่าวไม่นาน เปียงยางได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป . อนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ระบุว่า จะเริ่มการพิจารณาคดีถอดถอนยุนในวันอังคารหน้า (14 ม.ค.) ไม่ว่ายุนจะไปปรากฏตัวในศาลหรือไม่ก็ตาม โดยศาลรัฐธรรมนูญมีเวลา 180 วันในการวินิจฉัยว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ยุน . เอเอฟพีรายงานโดยอ้างอิงจากรายงานของอัยการเกี่ยวกับอดีตรัฐมนตรีกลาโหมว่า ยุนเพิกเฉยต่อการคัดค้านของรัฐมนตรีสำคัญหลายคนก่อนที่จะประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งรายงานนี้อาจเป็นหลักฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา . ตามรายงานดังกล่าว นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีคลังในขณะนั้น ต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการทูตที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในคืนที่ยุนประกาศกฎอัยการศึก . นอกจากนั้น พรรคประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้านสำคัญยังเรียกร้องให้ยุบหน่วยอารักขายุน . อย่างไรก็ดี ทีมกฎหมายของยุนยืนยันว่า จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ ยุน กั๊บ-กึน ทนายความคนหนึ่งในทีม เผยว่า จะยื่นคำร้องคัดค้านผู้อำนวยการซีไอโอที่พยายามเข้าจับกุมยุน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001570 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 883 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ยุน ซอก-ยอล" ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งและถูกพักการปฏิบัติหน้าที่จากการประกาศกฎอัยการศึกประกาศสู้จนถึงที่สุดหลังถูกออกหมายจับ

    ยุนเขียนจดหมายถึงกลุ่มผู้สนับสนุนที่ปักหลักชุมนุมหน้าบ้านพักว่าได้ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้สนับสนุนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ และร้องขอให้ผู้สนับสนุนช่วยปกป้องประชาธิปไตยและต่อสู้จนถึงที่สุด นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า เขาจะต่อสู้ร่วมกับผู้สนับสนุนจนถึงที่สุดเพื่อปกป้องประเทศชาติ

    ขณะที่ทนายของยุน ระบุว่า หมายจับยุนนั้นขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากสำนักการสอบสวนการทุจริตเจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการขอหมายจับ พร้อมทั้งเตือนว่าตำรวจที่พยายามเข้าจับกุมยุนตามหมายจับดังกล่าว อาจถูกจับกุมโดยทีมอารักขาประธานาธิบดีหรือประชาชนคนใดก็ตาม นอกจากนี้ยังยื่นข้อคัดค้านต่อศาลในกรุงโซลที่ออกหมายจับด้วย

    ความตึงเครียดที่บ้านพักประธานาธิบดีเกาหลีใต้อยู่ในขั้นวิกฤติ!
    ทางด้านเจ้าหน้าที่จากคณะสอบสวนนำทีมโดยสำนักงานสอบสวนทุจริตเจ้าหน้าที่ระดับสูง (CIO) สนธิกำลังกับตำรวจและอัยการวางกำลังล้อมบ้านพักของยุน เพื่อพยายามเข้าจับกุม และต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังพิเศษซึ่งเป็นทีมอารักขาประธานาธิบดี มีรายงานว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่รวมกว่า 2,700 นาย นอกจากนี้ยังมีประชาชนเกือบ 3,000 คนมาคอยให้กำลังใจประธานาธิบดียุนอีกด้วย

    เจ้าหน้าที่มีเวลาจับกุมอีก 3 วัน ซึ่งหมายจับจะหมดอายุในวันจันทร์ที่ 6 มกราคม นี้!

    การเมืองเกาหลีใต้ในวันนี้นับวันยิ่งคล้ายกับปากีสถาน ในการจับกุม อิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถานเข้าไปทุกที
    "ยุน ซอก-ยอล" ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งและถูกพักการปฏิบัติหน้าที่จากการประกาศกฎอัยการศึกประกาศสู้จนถึงที่สุดหลังถูกออกหมายจับ ยุนเขียนจดหมายถึงกลุ่มผู้สนับสนุนที่ปักหลักชุมนุมหน้าบ้านพักว่าได้ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้สนับสนุนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ และร้องขอให้ผู้สนับสนุนช่วยปกป้องประชาธิปไตยและต่อสู้จนถึงที่สุด นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า เขาจะต่อสู้ร่วมกับผู้สนับสนุนจนถึงที่สุดเพื่อปกป้องประเทศชาติ ขณะที่ทนายของยุน ระบุว่า หมายจับยุนนั้นขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากสำนักการสอบสวนการทุจริตเจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการขอหมายจับ พร้อมทั้งเตือนว่าตำรวจที่พยายามเข้าจับกุมยุนตามหมายจับดังกล่าว อาจถูกจับกุมโดยทีมอารักขาประธานาธิบดีหรือประชาชนคนใดก็ตาม นอกจากนี้ยังยื่นข้อคัดค้านต่อศาลในกรุงโซลที่ออกหมายจับด้วย ความตึงเครียดที่บ้านพักประธานาธิบดีเกาหลีใต้อยู่ในขั้นวิกฤติ! ทางด้านเจ้าหน้าที่จากคณะสอบสวนนำทีมโดยสำนักงานสอบสวนทุจริตเจ้าหน้าที่ระดับสูง (CIO) สนธิกำลังกับตำรวจและอัยการวางกำลังล้อมบ้านพักของยุน เพื่อพยายามเข้าจับกุม และต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังพิเศษซึ่งเป็นทีมอารักขาประธานาธิบดี มีรายงานว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่รวมกว่า 2,700 นาย นอกจากนี้ยังมีประชาชนเกือบ 3,000 คนมาคอยให้กำลังใจประธานาธิบดียุนอีกด้วย เจ้าหน้าที่มีเวลาจับกุมอีก 3 วัน ซึ่งหมายจับจะหมดอายุในวันจันทร์ที่ 6 มกราคม นี้! การเมืองเกาหลีใต้ในวันนี้นับวันยิ่งคล้ายกับปากีสถาน ในการจับกุม อิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถานเข้าไปทุกที
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ซึ่งถูกรัฐสภาลงมติถอดถอนและต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ยังคงส่งจดหมายถึงบรรดาผู้สนับสนุนวานนี้ (1 ม.ค.) พร้อมประกาศว่าจะ “สู้จนถึงที่สุด” หลังถูกศาลออกหมายจับจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึก (martial law) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.

    “ผมได้เห็นผ่านทางยูทูปไลฟ์ว่าพวกคุณทำงานหนักกันขนาดไหน” ยุน ระบุในจดหมายถึงผู้สนับสนุนหลายร้อยคนที่มารวมตัวประท้วงกระบวนการสอบสวนเขาที่ด้านนอกบ้านพักประจำตำแหน่งประธานาธิบดี

    “ผมจะขอสู้จนถึงที่สุด เพื่อปกป้องประเทศนี้ร่วมกับท่าน” ยุน ระบุในจดหมายซึ่ง ซ็อก ดง-ฮยอน ทนายความของเขาได้ถ่ายภาพส่งให้กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์

    ด้านพรรคประชาธิปไตย (Democratic Party) ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้านที่ครองเสียงข้างมากในสภา และเป็นตัวตั้งตัวตีในการโหวตถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ระบุว่าจดหมายฉบับนี้ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่า ยุน “ยังคงหลงผิด” (delusional) และมีเจตนามุ่งมั่นที่จะก่อการกบฏ (insurrection) ให้สำเร็จ

    “แค่พยายามก่อกบฏยังไม่พอ เวลานี้เขายังยั่วยุให้ผู้สนับสนุนออกมาก่อเหตุปะทะรุนแรงด้วย” โจ ซึง-แล โฆษกพรรคประชาธิปไตย ระบุ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/around/detail/9680000000313

    #MGROnline #ยุนซ็อกยอล #เกาหลีใต้

    ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ซึ่งถูกรัฐสภาลงมติถอดถอนและต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ยังคงส่งจดหมายถึงบรรดาผู้สนับสนุนวานนี้ (1 ม.ค.) พร้อมประกาศว่าจะ “สู้จนถึงที่สุด” หลังถูกศาลออกหมายจับจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึก (martial law) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. • “ผมได้เห็นผ่านทางยูทูปไลฟ์ว่าพวกคุณทำงานหนักกันขนาดไหน” ยุน ระบุในจดหมายถึงผู้สนับสนุนหลายร้อยคนที่มารวมตัวประท้วงกระบวนการสอบสวนเขาที่ด้านนอกบ้านพักประจำตำแหน่งประธานาธิบดี • “ผมจะขอสู้จนถึงที่สุด เพื่อปกป้องประเทศนี้ร่วมกับท่าน” ยุน ระบุในจดหมายซึ่ง ซ็อก ดง-ฮยอน ทนายความของเขาได้ถ่ายภาพส่งให้กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ • ด้านพรรคประชาธิปไตย (Democratic Party) ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้านที่ครองเสียงข้างมากในสภา และเป็นตัวตั้งตัวตีในการโหวตถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ระบุว่าจดหมายฉบับนี้ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่า ยุน “ยังคงหลงผิด” (delusional) และมีเจตนามุ่งมั่นที่จะก่อการกบฏ (insurrection) ให้สำเร็จ • “แค่พยายามก่อกบฏยังไม่พอ เวลานี้เขายังยั่วยุให้ผู้สนับสนุนออกมาก่อเหตุปะทะรุนแรงด้วย” โจ ซึง-แล โฆษกพรรคประชาธิปไตย ระบุ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000000313 • #MGROnline #ยุนซ็อกยอล #เกาหลีใต้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • พล.ต.อ.กรไชย รุดเยี่ยมตำรวจ 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหายิงภรรยาเสียชีวิต กำชับดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่

    วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ จากเหตุการณ์ปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จำนวน 2 นาย ได้แก่ ด.ต.วิสุทธิ์ชัย ฉวีเวช และ ด.ต.กิตติศักดิ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1

    จากกรณีนางจิตรา อายุ 46 ปี ถูกนายวสันต์ อายุ 51 ปี สามี ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในบ้าน ต.โคกข้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สาเหตุมาจากความหึงหวง หลังก่อเหตุนายวสันต์ได้หลบหนีไป ต่อมาพนักงานสอบสวนสอบสวน สภ.บางไทร ได้ขอศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกหมายจับนายวสันต์ ในข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสที่คาดว่านายวสันต์หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.โคกช้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 600 เมตร พล.ต.ต.โชติวัตน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. บางไทร , สภ.ช้าง และชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กว่า 50 นาย ปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่านายวสันต์ ได้ชักปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกิดการยิงโต้ตอบ สุดท้ายนายวสันต์ ถูกยิงเสียชีวิต และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย คือ ด.ต.วิสุทธิ์ชัย และ ด.ต.กิตติศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลบางไทร และส่งต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000123863

    #MGROnline #จับกุมผู้ต้องหา #ยิงภรรยา #เสียชีวิต
    พล.ต.อ.กรไชย รุดเยี่ยมตำรวจ 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหายิงภรรยาเสียชีวิต กำชับดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่ • วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ จากเหตุการณ์ปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จำนวน 2 นาย ได้แก่ ด.ต.วิสุทธิ์ชัย ฉวีเวช และ ด.ต.กิตติศักดิ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1 • จากกรณีนางจิตรา อายุ 46 ปี ถูกนายวสันต์ อายุ 51 ปี สามี ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในบ้าน ต.โคกข้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สาเหตุมาจากความหึงหวง หลังก่อเหตุนายวสันต์ได้หลบหนีไป ต่อมาพนักงานสอบสวนสอบสวน สภ.บางไทร ได้ขอศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกหมายจับนายวสันต์ ในข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสที่คาดว่านายวสันต์หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.โคกช้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 600 เมตร พล.ต.ต.โชติวัตน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. บางไทร , สภ.ช้าง และชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กว่า 50 นาย ปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่านายวสันต์ ได้ชักปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกิดการยิงโต้ตอบ สุดท้ายนายวสันต์ ถูกยิงเสียชีวิต และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย คือ ด.ต.วิสุทธิ์ชัย และ ด.ต.กิตติศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลบางไทร และส่งต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000123863 • #MGROnline #จับกุมผู้ต้องหา #ยิงภรรยา #เสียชีวิต
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล ของเกาหลีใต้ ที่ถูกรัฐสภาลงมติถอดถอน ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังคงปฏิเสธหมายเรียกไปให้ปากคำของเจ้าหน้าที่สอบสวนทีมต่างๆ ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญเผยว่าเริ่มดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาจะรับรองหรือปฏิเสธการถอดถอนประธานาธิบดีผู้นี้แล้วตั้งแต่วันจันทร์ (16 ธ.ค.)
    .
    ลี จิน โฆษกศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ แถลงในวันจันทร์ (16) ว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญที่เวลานี้มีด้วยกัน 6 คน เริ่มการพิจารณาหารือแล้วเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามกระบวนการ หลังจากรัฐสภาลงมติถอดถอนยุนเมื่อวันเสาร์ (14) ที่ผ่านมา โดยจะจัดทำประชาพิจารณ์ครั้งแรกในวันที่ 27 ที่จะถึงนี้ เพื่อเตรียมการรับรองประเด็นสำคัญทางกฎหมายและกำหนดกรอบการการดำเนินการต่างๆ
    .
    ศาลรัฐธรรมนูญมีเวลาพิจารณาประมาณ 6 เดือนเพื่อตัดสินว่า จะยืนตามมติของรัฐสภาหรือไม่ และหากวินิจฉัยเห็นชอบให้ถอดถอนยุน เกาหลีใต้ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ภายในเวลา 2 เดือน
    .
    ครั้งล่าสุดที่มีการพิจารณาเรื่องเช่นนี้ คือในปี 2017 ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาราว 3 เดือน ก็สามารถประกาศคำตัดสินยืนยันให้ถอดถอน พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีในขณะนั้น ซึ่งถูกสภาลงมติถอดถอนจากกรณีการใช้อำนาจโดยมิชอบ
    .
    นอกจากถูกรัฐสภาลงมติให้เข้าสู่กระบวนการถูกถอดถอนแล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นๆ จัดการสอบสวนเขาคู่ขนานไปด้วย ทำให้ ยุน ที่ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศก่อนหน้านี้แล้ว ยังอาจถูกตั้งข้อหากบฏจากการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกหลายคน
    .
    ทางด้านตำรวจเผยว่า ทีมสอบสวนร่วมระหว่างตำรวจ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานปราบปรามการทุจริต ได้เรียกยุนมาสอบปากคำวันพุธ (18) นี้ ในข้อกล่าวหาเป็นผู้นำในการประกาศกฎอัยการศึกอย่างผิดกฎหมาย ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีปฏิเสธไม่ยอมรับหมายเรียก โดยอ้างว่า ไม่อยู่ในสถานะที่จะทำได้ และสำนักงานปราบปรามการทุจริตแจ้งว่า จะส่งหมายเรียกผ่านจดหมายลงทะเบียนด่วนอีกครั้ง
    .
    สำนักข่าวยอนฮัป ซึ่งเป็นสำนักข่าวกึ่งทางการของเกาหลีใต้รายงานว่า ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางเจ้าหน้าที่สอบสวนพยายามส่งหมายเรียกยุนไปให้ปากคำ ด้วยการส่งเจ้านห้าที่เดินทางไปที่สำนักงานประธานาธิบดีและที่บ้านพักประจำตำแหน่ง ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีไม่ยอมรับหมายดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลเดียวกัน
    .
    เช่นเดียวกับสำนักงานอัยการที่ต้องออกหมายเรียกยุนครั้งที่ 2 ในวันจันทร์เพื่อให้เขาไปให้ปากคำเกี่ยวกับข้อกล่าวหากบฏและการใช้อำนาจโดยมิชอบ หลังจากถูกปฏิเสธไปเมื่อวันอาทิตย์ (15) โดยอ้างว่า กำลังจัดทีมกฎหมายเพื่อสู้คดี ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า หากยุนยังปฏิเสธอีก จะมีการออกหมายจับต่อไป
    .
    สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า ยุน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอัยการสูงสุดของประเทศ ก่อนที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี ได้แต่งตั้งคิม ฮองอิล อดีตอัยการ เป็นผู้นำของทีมทนายความรับมือทั้งในกรณีการถูกถอดถอนและการถูกสอบสวนคดีอาญา
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ (15) ได้จับกุมอดีตผู้บัญชาการและผู้บัญชาการคนปัจจุบัน ของกองบัญชาการข่าวกรองกลาโหม ฐานเกี่ยวข้องพัวพันกับข้อกล่าวหาเป็นกบฏของยุน
    .
    สำนักงานอัยการยังเปิดเผยว่า กำลังขอหมายจับ กว็อก จองกึน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่ถูกกล่าวหาว่า ส่งกองกำลังพิเศษไปยังรัฐสภาระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่สภา
    .
    ทางด้านพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ต้นสังกัดของยุนนั้น เมื่อวันจันทร์ ฮัน ด็องฮุน หัวหน้าพรรค ซึ่งแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึก รวมทั้งให้การสนับสนุนการถอดถอนยุน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง พร้อมขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศกฎอัยการศึก
    .
    ฮันยังประณามกลุ่มสุดโต่ง โดยเฉพาะพวกนักทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่คอยกระพือข่าวเท็จทางโซเชียลมีเดียว่า มีการโกงเลือกตั้งอย่างมโหฬาร จึงทำให้พีพีพีพ่ายแพ้ยับเยินในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนว่า ลัทธิอนุรักษนิยมอาจหมดอนาคตในเกาหลีใต้ หากพีพีพียังคงหนุนหลังคนเหล่านี้
    .
    ทั้งนี้ ในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อต้นเดือน เหตุผลหนึ่งที่ยุนยกมาเป็นข้ออ้าง คือเรื่องระบบการเลือกตั้งของเกาหลีใต้ไม่โปร่งใส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120822
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล ของเกาหลีใต้ ที่ถูกรัฐสภาลงมติถอดถอน ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังคงปฏิเสธหมายเรียกไปให้ปากคำของเจ้าหน้าที่สอบสวนทีมต่างๆ ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญเผยว่าเริ่มดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาจะรับรองหรือปฏิเสธการถอดถอนประธานาธิบดีผู้นี้แล้วตั้งแต่วันจันทร์ (16 ธ.ค.) . ลี จิน โฆษกศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ แถลงในวันจันทร์ (16) ว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญที่เวลานี้มีด้วยกัน 6 คน เริ่มการพิจารณาหารือแล้วเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามกระบวนการ หลังจากรัฐสภาลงมติถอดถอนยุนเมื่อวันเสาร์ (14) ที่ผ่านมา โดยจะจัดทำประชาพิจารณ์ครั้งแรกในวันที่ 27 ที่จะถึงนี้ เพื่อเตรียมการรับรองประเด็นสำคัญทางกฎหมายและกำหนดกรอบการการดำเนินการต่างๆ . ศาลรัฐธรรมนูญมีเวลาพิจารณาประมาณ 6 เดือนเพื่อตัดสินว่า จะยืนตามมติของรัฐสภาหรือไม่ และหากวินิจฉัยเห็นชอบให้ถอดถอนยุน เกาหลีใต้ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ภายในเวลา 2 เดือน . ครั้งล่าสุดที่มีการพิจารณาเรื่องเช่นนี้ คือในปี 2017 ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาราว 3 เดือน ก็สามารถประกาศคำตัดสินยืนยันให้ถอดถอน พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีในขณะนั้น ซึ่งถูกสภาลงมติถอดถอนจากกรณีการใช้อำนาจโดยมิชอบ . นอกจากถูกรัฐสภาลงมติให้เข้าสู่กระบวนการถูกถอดถอนแล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นๆ จัดการสอบสวนเขาคู่ขนานไปด้วย ทำให้ ยุน ที่ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศก่อนหน้านี้แล้ว ยังอาจถูกตั้งข้อหากบฏจากการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกหลายคน . ทางด้านตำรวจเผยว่า ทีมสอบสวนร่วมระหว่างตำรวจ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานปราบปรามการทุจริต ได้เรียกยุนมาสอบปากคำวันพุธ (18) นี้ ในข้อกล่าวหาเป็นผู้นำในการประกาศกฎอัยการศึกอย่างผิดกฎหมาย ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีปฏิเสธไม่ยอมรับหมายเรียก โดยอ้างว่า ไม่อยู่ในสถานะที่จะทำได้ และสำนักงานปราบปรามการทุจริตแจ้งว่า จะส่งหมายเรียกผ่านจดหมายลงทะเบียนด่วนอีกครั้ง . สำนักข่าวยอนฮัป ซึ่งเป็นสำนักข่าวกึ่งทางการของเกาหลีใต้รายงานว่า ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางเจ้าหน้าที่สอบสวนพยายามส่งหมายเรียกยุนไปให้ปากคำ ด้วยการส่งเจ้านห้าที่เดินทางไปที่สำนักงานประธานาธิบดีและที่บ้านพักประจำตำแหน่ง ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีไม่ยอมรับหมายดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลเดียวกัน . เช่นเดียวกับสำนักงานอัยการที่ต้องออกหมายเรียกยุนครั้งที่ 2 ในวันจันทร์เพื่อให้เขาไปให้ปากคำเกี่ยวกับข้อกล่าวหากบฏและการใช้อำนาจโดยมิชอบ หลังจากถูกปฏิเสธไปเมื่อวันอาทิตย์ (15) โดยอ้างว่า กำลังจัดทีมกฎหมายเพื่อสู้คดี ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า หากยุนยังปฏิเสธอีก จะมีการออกหมายจับต่อไป . สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า ยุน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอัยการสูงสุดของประเทศ ก่อนที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี ได้แต่งตั้งคิม ฮองอิล อดีตอัยการ เป็นผู้นำของทีมทนายความรับมือทั้งในกรณีการถูกถอดถอนและการถูกสอบสวนคดีอาญา . ในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ (15) ได้จับกุมอดีตผู้บัญชาการและผู้บัญชาการคนปัจจุบัน ของกองบัญชาการข่าวกรองกลาโหม ฐานเกี่ยวข้องพัวพันกับข้อกล่าวหาเป็นกบฏของยุน . สำนักงานอัยการยังเปิดเผยว่า กำลังขอหมายจับ กว็อก จองกึน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่ถูกกล่าวหาว่า ส่งกองกำลังพิเศษไปยังรัฐสภาระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่สภา . ทางด้านพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ต้นสังกัดของยุนนั้น เมื่อวันจันทร์ ฮัน ด็องฮุน หัวหน้าพรรค ซึ่งแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึก รวมทั้งให้การสนับสนุนการถอดถอนยุน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง พร้อมขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศกฎอัยการศึก . ฮันยังประณามกลุ่มสุดโต่ง โดยเฉพาะพวกนักทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่คอยกระพือข่าวเท็จทางโซเชียลมีเดียว่า มีการโกงเลือกตั้งอย่างมโหฬาร จึงทำให้พีพีพีพ่ายแพ้ยับเยินในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนว่า ลัทธิอนุรักษนิยมอาจหมดอนาคตในเกาหลีใต้ หากพีพีพียังคงหนุนหลังคนเหล่านี้ . ทั้งนี้ ในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อต้นเดือน เหตุผลหนึ่งที่ยุนยกมาเป็นข้ออ้าง คือเรื่องระบบการเลือกตั้งของเกาหลีใต้ไม่โปร่งใส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120822 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 741 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน16 ธ.ค.2567 - ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่งศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดีเมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่าคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไขประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่งศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
    ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน16 ธ.ค.2567 - ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่งศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดีเมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่าคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไขประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่งศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ

    ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง

    วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง

    ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี

    เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข

    ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
    .........
    Sondhi X
    “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 693 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีเอสไอ จับผู้ต้องหาร่วมขบวนการเครือข่ายอุ้มบุญเถื่อน ทั้ง "หมอ พยาบาล นายหน้า" จัดหาหญิงมารับจ้างโดยผิดกฎหมาย ส่งดำเนินคดี

    วันนี้ (13 ธ.ค.) นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า วานนี้ (12 ธ.ค.) ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้จับกุม น.ส.อมลยา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5636/2567 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 จับกุมได้ที่บริเวณคอนโดมิเนียม ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการค้ามนุษย์ ดำเนินคดี

    สืบเนื่องจาก กองคดีการค้ามนุษย์ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.สิริวิชญ์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ ได้สืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 235/2565 กรณีกลุ่มบุคคลกระทำการเป็นขบวนการนายหน้าจัดให้มีการรับตั้งครรภ์แทนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (อุ้มบุญ) ทางคดีมีพยานหลักฐาน ว่า น.ส.อมลยา (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหาหญิงมารับจ้างอุ้มบุญโดยผิดกฎหมาย จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ น.ส.อมลยา ในความผิดฐาน "ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้าร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน เพื่อประโยชน์ทางการค้า และร่วมกันกระทำเป็นคนกลาง หรือนายหน้า โดยเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน เพื่อเป็นการตอบแทนในการให้มีการรับตั้งครรภ์แทน" ซึ่งศาลอาญาได้ออกหมายจับตามคำร้อง และกองคดีการค้ามนุษย์ได้ประสานงานกับศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว

    ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ยังได้จับกุม น.ส.วนากานต์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5638/2567 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 และ น.ส.วรารัตน์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5640/2567 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกันได้ที่บริเวณโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ และจับกุม น.ส.กรรณิการ์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5639/2567 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ได้ที่หน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทั้ง 3 ราย เป็นแพทย์และพยาบาลที่ทำการฝังตัวอ่อนในครรภ์ของหญิงอุ้มบุญ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000119765

    #MGROnline #อุ้มบุญ #เครือข่ายอุ้มบุญเถื่อน
    ดีเอสไอ จับผู้ต้องหาร่วมขบวนการเครือข่ายอุ้มบุญเถื่อน ทั้ง "หมอ พยาบาล นายหน้า" จัดหาหญิงมารับจ้างโดยผิดกฎหมาย ส่งดำเนินคดี • วันนี้ (13 ธ.ค.) นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า วานนี้ (12 ธ.ค.) ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้จับกุม น.ส.อมลยา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5636/2567 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 จับกุมได้ที่บริเวณคอนโดมิเนียม ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการค้ามนุษย์ ดำเนินคดี • สืบเนื่องจาก กองคดีการค้ามนุษย์ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.สิริวิชญ์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ ได้สืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 235/2565 กรณีกลุ่มบุคคลกระทำการเป็นขบวนการนายหน้าจัดให้มีการรับตั้งครรภ์แทนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (อุ้มบุญ) ทางคดีมีพยานหลักฐาน ว่า น.ส.อมลยา (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหาหญิงมารับจ้างอุ้มบุญโดยผิดกฎหมาย จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ น.ส.อมลยา ในความผิดฐาน "ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้าร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน เพื่อประโยชน์ทางการค้า และร่วมกันกระทำเป็นคนกลาง หรือนายหน้า โดยเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน เพื่อเป็นการตอบแทนในการให้มีการรับตั้งครรภ์แทน" ซึ่งศาลอาญาได้ออกหมายจับตามคำร้อง และกองคดีการค้ามนุษย์ได้ประสานงานกับศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว • ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ยังได้จับกุม น.ส.วนากานต์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5638/2567 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 และ น.ส.วรารัตน์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5640/2567 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกันได้ที่บริเวณโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ และจับกุม น.ส.กรรณิการ์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5639/2567 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ได้ที่หน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทั้ง 3 ราย เป็นแพทย์และพยาบาลที่ทำการฝังตัวอ่อนในครรภ์ของหญิงอุ้มบุญ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000119765 • #MGROnline #อุ้มบุญ #เครือข่ายอุ้มบุญเถื่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายเดชา เจ้าของฉายา ปากม๋าเป็นปกติธุระ
    ทนายเดชา ปกติก็โดนทัวร์ลงเป็นปกติธุระอยู่แล้ว จากจุดยืนเลือกข้างทนายตั้ม แต่สถานการณ์ล่าสุดกลับเลวร้ายกว่าเดิม ทัวร์ลงเพจทนายคลายทุกข์จนแทบลุกเป็นไฟ เมื่อวันพ่อ 5 ธันวาคม เพราะดันไปหาเรื่องเอง ไปโพสต์ล่อแหลมถึงพ่อ จนคนจํานวนมากไม่พอใจมองว่ามีเจตนาไม่ดีดูยังไงก็เหมือนแซะสถาบัน โดนกระหน่ําด่า จนทนายเดชาต้องลบโพสต์เจ้าปัญหาทิ้ง
    แล้วก็ไลฟ์สดด่าคนที่มาทัวร์ลงด้วยถ้อยคําหยาบคาย อย่างจัญไร ไอ้ควาย ทั้งสาปแช่งให้ตกนรกออกอาการสติแตกออกปากหยาบคายเช่นนี้ ตรงตามที่บิ๊กเต่า พลตํารวจตรีจรุญเกียรติ ปานแก้ว ตอบกลับทนายบางคน โดยนิยามให้เป็นอินฟลูปากหมา แค่คํานี้คําเดียวบิ๊กเต่า ก็สอบผ่านฉลุย เป็นอินฟลูตํารวจตามนโยบาย ผบ ตร ทันที
    ปฏิกิริยาตอบกลับแบบไม่เกรงใจบอกให้รู้ว่า ในสายตาบิ๊กเต่าคนอย่างทนายเดชาไม่มีราคาเอาเสียเลย คํานิยามจากบิ๊กเต่านับว่าเข้ากันเป๊ะกับสถานการณ์ล่าสุดของทนายเดชาที่ดันมาโพสต์แซะพ่อ จนสียศูนย์ ด่ากราดคนอย่างหยาบคาย
    การที่ทนายเดชาแกว่งปากใส่บิ๊กเต่าก่อน โดยเตือนให้ระวังติดคุกเพราะการแถลงข่าวบ่อยถือเป็นคําพูดที่ไม่เข้าท่าเพราะสื่อจะรู้อยู่แล้วตํารวจบิ๊กๆ ในสอบสวนกลางล้วนแต่ให้สัมภาษณ์อย่างระมัดระวังสุดขีดไม่เคยหลุดข้อมูลเชิงลึกให้เสียรูปคดี นักข่าวล่อหลอกถามเท่าไหร่ก็รู้ทันหมดไม่ว่าจะบิ๊กก้องพลตํารวจโท จิรภพ ภูริเดช บิ๊กหมูพลตํารวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม และก็ตัวบิ๊กเต่าเองล้วนแต่รู้วิธีการให้ข่าวว่าแค่ไหนคือพอดี
    คนละแนวกับทนายเดชาต่อให้รู้น้อยก็พูดเหมือนรู้มาก อย่างพูดว่าทนายตั้มจะใช้ทีมทนายของบิ๊กโจ๊กก็ถูกทางทีมทนายของบิ๊กโจ๊กปฏิเสธหน้าแหก เคยบอกว่าตํารวจสอบสวนกลางไม่ออกหมายจับเจ๊พัฒน์คดีตบทรัพย์ เจ๊พัฒน์จะได้ลอยกระทง แต่สุดท้ายตํารวจก็ออกหมายจับเจ๊พัฒน์ในวันลอยกระทง ช่างกล้าพูดว่าสื่อไม่สามารถเจาะข่าวทางลึกของตํารวจได้ทั้งที่สื่อสามารถขุดคุ้ยข้อมูลลึกของทนายตั้มแบบรายวันนําเสนอกันเป็นเดือนแล้ว
    ขณะที่ตํารวจ CIB กําลังเป็นขาขึ้นเป็นขวัญใจประชาชน คนที่กระแสตกสวนทางตํารวจก็มีแต่ทนายเดชานี่แหละยอดไลค์ทุกวันนี้ไม่ได้สัมพันธ์กับผู้ติดตามเป็นล้านๆคนเลยไหนยังเป็นทนายคนแรกที่ประชาชนไม่เกรงใจคอมเม้นแจก ค กันเป็นร้อยๆ กลายเป็นเจ้าพ่อควายไปเรียบร้อยแล้ว สะท้อนเครดิตความน่าเชื่อถือของทนายเดชาเองว่ากําลังดําดิ่งเจ้าตัวควรจะรู้ตัวได้แล้วไม่ใช่แค่เป็นแชมป์คอควายเท่านั้น
    ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสภาทนายความแห่งประเทศไทยระบุว่าทนายเดชามีคดีถูกร้องเรียนมรรยาททนายความจํานวนมาก ครองแชมป์การถูกร้องเรียนทิ้งห่างคนอื่นๆแบบไม่เห็นฝุ่นถือเป็นทนายเหนือทนายของจริง ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    ทนายเดชา เจ้าของฉายา ปากม๋าเป็นปกติธุระ ทนายเดชา ปกติก็โดนทัวร์ลงเป็นปกติธุระอยู่แล้ว จากจุดยืนเลือกข้างทนายตั้ม แต่สถานการณ์ล่าสุดกลับเลวร้ายกว่าเดิม ทัวร์ลงเพจทนายคลายทุกข์จนแทบลุกเป็นไฟ เมื่อวันพ่อ 5 ธันวาคม เพราะดันไปหาเรื่องเอง ไปโพสต์ล่อแหลมถึงพ่อ จนคนจํานวนมากไม่พอใจมองว่ามีเจตนาไม่ดีดูยังไงก็เหมือนแซะสถาบัน โดนกระหน่ําด่า จนทนายเดชาต้องลบโพสต์เจ้าปัญหาทิ้ง แล้วก็ไลฟ์สดด่าคนที่มาทัวร์ลงด้วยถ้อยคําหยาบคาย อย่างจัญไร ไอ้ควาย ทั้งสาปแช่งให้ตกนรกออกอาการสติแตกออกปากหยาบคายเช่นนี้ ตรงตามที่บิ๊กเต่า พลตํารวจตรีจรุญเกียรติ ปานแก้ว ตอบกลับทนายบางคน โดยนิยามให้เป็นอินฟลูปากหมา แค่คํานี้คําเดียวบิ๊กเต่า ก็สอบผ่านฉลุย เป็นอินฟลูตํารวจตามนโยบาย ผบ ตร ทันที ปฏิกิริยาตอบกลับแบบไม่เกรงใจบอกให้รู้ว่า ในสายตาบิ๊กเต่าคนอย่างทนายเดชาไม่มีราคาเอาเสียเลย คํานิยามจากบิ๊กเต่านับว่าเข้ากันเป๊ะกับสถานการณ์ล่าสุดของทนายเดชาที่ดันมาโพสต์แซะพ่อ จนสียศูนย์ ด่ากราดคนอย่างหยาบคาย การที่ทนายเดชาแกว่งปากใส่บิ๊กเต่าก่อน โดยเตือนให้ระวังติดคุกเพราะการแถลงข่าวบ่อยถือเป็นคําพูดที่ไม่เข้าท่าเพราะสื่อจะรู้อยู่แล้วตํารวจบิ๊กๆ ในสอบสวนกลางล้วนแต่ให้สัมภาษณ์อย่างระมัดระวังสุดขีดไม่เคยหลุดข้อมูลเชิงลึกให้เสียรูปคดี นักข่าวล่อหลอกถามเท่าไหร่ก็รู้ทันหมดไม่ว่าจะบิ๊กก้องพลตํารวจโท จิรภพ ภูริเดช บิ๊กหมูพลตํารวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม และก็ตัวบิ๊กเต่าเองล้วนแต่รู้วิธีการให้ข่าวว่าแค่ไหนคือพอดี คนละแนวกับทนายเดชาต่อให้รู้น้อยก็พูดเหมือนรู้มาก อย่างพูดว่าทนายตั้มจะใช้ทีมทนายของบิ๊กโจ๊กก็ถูกทางทีมทนายของบิ๊กโจ๊กปฏิเสธหน้าแหก เคยบอกว่าตํารวจสอบสวนกลางไม่ออกหมายจับเจ๊พัฒน์คดีตบทรัพย์ เจ๊พัฒน์จะได้ลอยกระทง แต่สุดท้ายตํารวจก็ออกหมายจับเจ๊พัฒน์ในวันลอยกระทง ช่างกล้าพูดว่าสื่อไม่สามารถเจาะข่าวทางลึกของตํารวจได้ทั้งที่สื่อสามารถขุดคุ้ยข้อมูลลึกของทนายตั้มแบบรายวันนําเสนอกันเป็นเดือนแล้ว ขณะที่ตํารวจ CIB กําลังเป็นขาขึ้นเป็นขวัญใจประชาชน คนที่กระแสตกสวนทางตํารวจก็มีแต่ทนายเดชานี่แหละยอดไลค์ทุกวันนี้ไม่ได้สัมพันธ์กับผู้ติดตามเป็นล้านๆคนเลยไหนยังเป็นทนายคนแรกที่ประชาชนไม่เกรงใจคอมเม้นแจก ค กันเป็นร้อยๆ กลายเป็นเจ้าพ่อควายไปเรียบร้อยแล้ว สะท้อนเครดิตความน่าเชื่อถือของทนายเดชาเองว่ากําลังดําดิ่งเจ้าตัวควรจะรู้ตัวได้แล้วไม่ใช่แค่เป็นแชมป์คอควายเท่านั้น ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสภาทนายความแห่งประเทศไทยระบุว่าทนายเดชามีคดีถูกร้องเรียนมรรยาททนายความจํานวนมาก ครองแชมป์การถูกร้องเรียนทิ้งห่างคนอื่นๆแบบไม่เห็นฝุ่นถือเป็นทนายเหนือทนายของจริง ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 580 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลอิสราเอลเดือดสุดขีด หลัง "โมเช่ ยาลอน" อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสายเหยี่ยว ให้สัมภาษณ์กล่าวหาคณะรัฐมนตรีขวาจัดของ "เบนจามิน เนทันยาฮู" กำลังก่ออาชญากรรมสงครามและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากตอนเหนือของกาซา ปูทางสู่การตั้งถิ่นฐานของชาวยิวอีกครั้ง
    .
    ยาลอนให้สัมภาษณ์สถานีเดโมแครต ทีวี ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคสาธารณะของอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ว่า จำเป็นต้องออกมาเตือนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่รัฐบาลพยายามปกปิด นั่นคือการก่ออาชญากรรมสงครามในกาซา
    .
    อดีตรัฐมนตรีกลาโหมผู้นี้ขยายความว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้จะทำให้ไม่มีเมืองเบตลาเฮียและเมืองเบตฮานูนอีกต่อไป และกองทัพอิสราเอลกำลังแทรกแซงในเมืองจาบาเลีย เพื่อกำจัดคนอาหรับออกไปให้หมด ตามเป้าหมายของพวกสายแข็งในคณะรัฐมนตรีขวาจัดของเนทันยาฮูที่ต้องการให้ชาวยิวกลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในดินแดนดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์กล่าวหามานานแล้ว
    .
    ทั้งนี้ พื้นที่ตอนเหนือของกาซาซึ่งรวมถึงสถานที่ที่ยาลอนกล่าวถึง เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างหนักของอิสราเอลนับตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มฮามาสกลับไปซ่องสุมกำลังอีก
    .
    ยาลอน วัย 74 ปี เคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอลระหว่างปี 2002-2005 ก่อนที่อิสราเอลจะถอนกำลังออกจากกาซา
    .
    นอกจากนั้นเขายังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมและรองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2013 ก่อนลาออกในปี 2016 เนื่องจากมีความเห็นไม่ลงรอยกับเนทันยาฮู ซึ่งก็เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์เนทันยาฮูอย่างรุนแรง
    .
    หลังจากการให้สัมภาษณ์ของยาลอน ทางด้าน กิเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศและหัวหน้าพรรคปีกขวา ตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหาของยาลอนไม่มีหลักฐาน รวมทั้งยืนยันว่า ทุกอย่างที่อิสราเอลทำสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    อิตามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติที่เป็นพวกขวาจัด บอกว่า น่าละอายที่อิสราเอลเคยมีอดีตผู้บัญชาการกองทัพและรัฐมนตรีกลาโหมแบบยาลอน
    .
    อย่างไรก็ดี ยิตซัค โกลด์นอปฟ์ รัฐมนตรีการเคหะ ของอิสราเอลที่เดินทางไปยังชายแดนกาซาเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (28 พ.ย.) ประกาศยืนกรานว่า การตั้งถิ่นฐานชาวยิวในกาซาเป็นคำตอบสำหรับการสังหารหมู่ของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว และสำหรับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี)
    .
    สำหรับพรรคลิคุด ของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู กล่าวหายาลอนปล่อยข่าวเท็จใส่ร้ายรัฐบาล ซึ่งเท่ากับเป็นการหยิบยื่นของขวัญให้ไอซีซีและศัตรูของอิสราเอล
    .
    ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ไอซีซีเพิ่งออกหมายจับเนทันยาฮูและโยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เนื่องจากสงสัยว่า ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงครามในกาซา
    .
    ทั้งเนทันยาฮูและกัลแลนต์ต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ ยาลอนเตือนว่า อิสราเอลมาถึงทางแยกที่รัฐบาลกำลังมองหาหนทางในการพิชิต เข้าผนวก และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    .
    สงครามในกาซาปะทุขึ้นหลังจากนักรบฮามาสจู่โจมเข้าไปในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 และสังหารเหยื่อ 1,207 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน รวมทั้งจับตัวประกันกว่า 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา ขณะที่ปฏิบัติการตอบโต้ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิต ในกาซา ไปแล้วอย่างน้อย 44,429 คน
    .
    ต้นเดือนนี้ คณะกรรมาธิการพิเศษของสหประชาชาติ สรุปว่า การทำสงครามของอิสราเอลในกาซาสอดคล้องกับลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ยูเอ็นใช้คำนี้กับบริบทสงครามในกาซา
    .
    ทว่า อิสราเอลปฏิเสธการประเมินของยูเอ็นโดยอ้างว่า เป็นการปั้นแต่งเรื่องเพื่อต่อต้านตน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116066
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลอิสราเอลเดือดสุดขีด หลัง "โมเช่ ยาลอน" อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสายเหยี่ยว ให้สัมภาษณ์กล่าวหาคณะรัฐมนตรีขวาจัดของ "เบนจามิน เนทันยาฮู" กำลังก่ออาชญากรรมสงครามและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากตอนเหนือของกาซา ปูทางสู่การตั้งถิ่นฐานของชาวยิวอีกครั้ง . ยาลอนให้สัมภาษณ์สถานีเดโมแครต ทีวี ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคสาธารณะของอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ว่า จำเป็นต้องออกมาเตือนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่รัฐบาลพยายามปกปิด นั่นคือการก่ออาชญากรรมสงครามในกาซา . อดีตรัฐมนตรีกลาโหมผู้นี้ขยายความว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้จะทำให้ไม่มีเมืองเบตลาเฮียและเมืองเบตฮานูนอีกต่อไป และกองทัพอิสราเอลกำลังแทรกแซงในเมืองจาบาเลีย เพื่อกำจัดคนอาหรับออกไปให้หมด ตามเป้าหมายของพวกสายแข็งในคณะรัฐมนตรีขวาจัดของเนทันยาฮูที่ต้องการให้ชาวยิวกลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในดินแดนดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์กล่าวหามานานแล้ว . ทั้งนี้ พื้นที่ตอนเหนือของกาซาซึ่งรวมถึงสถานที่ที่ยาลอนกล่าวถึง เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างหนักของอิสราเอลนับตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มฮามาสกลับไปซ่องสุมกำลังอีก . ยาลอน วัย 74 ปี เคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอลระหว่างปี 2002-2005 ก่อนที่อิสราเอลจะถอนกำลังออกจากกาซา . นอกจากนั้นเขายังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมและรองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2013 ก่อนลาออกในปี 2016 เนื่องจากมีความเห็นไม่ลงรอยกับเนทันยาฮู ซึ่งก็เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์เนทันยาฮูอย่างรุนแรง . หลังจากการให้สัมภาษณ์ของยาลอน ทางด้าน กิเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศและหัวหน้าพรรคปีกขวา ตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหาของยาลอนไม่มีหลักฐาน รวมทั้งยืนยันว่า ทุกอย่างที่อิสราเอลทำสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ . อิตามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติที่เป็นพวกขวาจัด บอกว่า น่าละอายที่อิสราเอลเคยมีอดีตผู้บัญชาการกองทัพและรัฐมนตรีกลาโหมแบบยาลอน . อย่างไรก็ดี ยิตซัค โกลด์นอปฟ์ รัฐมนตรีการเคหะ ของอิสราเอลที่เดินทางไปยังชายแดนกาซาเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (28 พ.ย.) ประกาศยืนกรานว่า การตั้งถิ่นฐานชาวยิวในกาซาเป็นคำตอบสำหรับการสังหารหมู่ของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว และสำหรับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) . สำหรับพรรคลิคุด ของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู กล่าวหายาลอนปล่อยข่าวเท็จใส่ร้ายรัฐบาล ซึ่งเท่ากับเป็นการหยิบยื่นของขวัญให้ไอซีซีและศัตรูของอิสราเอล . ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ไอซีซีเพิ่งออกหมายจับเนทันยาฮูและโยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เนื่องจากสงสัยว่า ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงครามในกาซา . ทั้งเนทันยาฮูและกัลแลนต์ต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ ยาลอนเตือนว่า อิสราเอลมาถึงทางแยกที่รัฐบาลกำลังมองหาหนทางในการพิชิต เข้าผนวก และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ . สงครามในกาซาปะทุขึ้นหลังจากนักรบฮามาสจู่โจมเข้าไปในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 และสังหารเหยื่อ 1,207 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน รวมทั้งจับตัวประกันกว่า 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา ขณะที่ปฏิบัติการตอบโต้ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิต ในกาซา ไปแล้วอย่างน้อย 44,429 คน . ต้นเดือนนี้ คณะกรรมาธิการพิเศษของสหประชาชาติ สรุปว่า การทำสงครามของอิสราเอลในกาซาสอดคล้องกับลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ยูเอ็นใช้คำนี้กับบริบทสงครามในกาซา . ทว่า อิสราเอลปฏิเสธการประเมินของยูเอ็นโดยอ้างว่า เป็นการปั้นแต่งเรื่องเพื่อต่อต้านตน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116066 .............. Sondhi X
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 749 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจนำกำลังเข้าค้นสำนักงาน “หมอบุญ” ย่านพระราม 9 เตรียมประสาน Interpol ออก “หมายแดง” พบตัวจับกุมทันที ทั้งนี้เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115971

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจนำกำลังเข้าค้นสำนักงาน “หมอบุญ” ย่านพระราม 9 เตรียมประสาน Interpol ออก “หมายแดง” พบตัวจับกุมทันที ทั้งนี้เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115971 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 818 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บิ๊กเต่า" เผยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา "ฟิล์ม รัฐภูมิ" พยายามฉ้อโกง "บอสดิไอคอน" เบื้องต้นขอออกหมายจับ แต่ศาลให้เป็นหมายเรียกแทน เนื่องจากอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี เตรียมแจ้งเพิ่มข้อหาหมิ่นประมาท "หนุ่ม กรรชัย" และกรณีคลิปเสียง รมต.จิราพร ให้เวลา 5 วันมาพบพนักงานสอบสวน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115282

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "บิ๊กเต่า" เผยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา "ฟิล์ม รัฐภูมิ" พยายามฉ้อโกง "บอสดิไอคอน" เบื้องต้นขอออกหมายจับ แต่ศาลให้เป็นหมายเรียกแทน เนื่องจากอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี เตรียมแจ้งเพิ่มข้อหาหมิ่นประมาท "หนุ่ม กรรชัย" และกรณีคลิปเสียง รมต.จิราพร ให้เวลา 5 วันมาพบพนักงานสอบสวน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115282 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    17
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1448 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บิ๊กเต่า" เผยผู้ประกอบการโผล่แจ้งจับ "สามารถ" ตบทรัพย์รายเดือนรวม 5 แสนบาท พบเจ้าตัวติดพนันงอมแงม เล่นได้เสียครั้งละหลายสิบล้าน ส่วนกรณี "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ส่อเข้าข่ายพยายามกรรโชกทรัพย์ จะออกหมายจับหรือหมายเรียกขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115048

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "บิ๊กเต่า" เผยผู้ประกอบการโผล่แจ้งจับ "สามารถ" ตบทรัพย์รายเดือนรวม 5 แสนบาท พบเจ้าตัวติดพนันงอมแงม เล่นได้เสียครั้งละหลายสิบล้าน ส่วนกรณี "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ส่อเข้าข่ายพยายามกรรโชกทรัพย์ จะออกหมายจับหรือหมายเรียกขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115048 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1393 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เจ๊หนิง” พาหลานชายเข้าพบตำรวจ สน.พระโขนง หลังถูกออกหมายจับ คดีแจ้งความเท็จภรรยา “บิ๊กโจ๊ก”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114587

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “เจ๊หนิง” พาหลานชายเข้าพบตำรวจ สน.พระโขนง หลังถูกออกหมายจับ คดีแจ้งความเท็จภรรยา “บิ๊กโจ๊ก” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114587 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1260 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสการละคร สองมาตรฐาน!

    "เนทันยาฮู และ ปูติน" ถูกออกหมายจับจาก ICC เหมือนกัน และทั้งสองประเทศไม่ได้เป็นสมาชิก ICC เหมือนกัน แต่ฝรั่งเศส ต้นแบบประชาธิปไตยที่หลายคนฝันถึง กลับแสดงตัวตนถึงความไม่เสมอภาค ไม่ภราดรภาพ
    ฝรั่งเศสการละคร สองมาตรฐาน! "เนทันยาฮู และ ปูติน" ถูกออกหมายจับจาก ICC เหมือนกัน และทั้งสองประเทศไม่ได้เป็นสมาชิก ICC เหมือนกัน แต่ฝรั่งเศส ต้นแบบประชาธิปไตยที่หลายคนฝันถึง กลับแสดงตัวตนถึงความไม่เสมอภาค ไม่ภราดรภาพ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อธิบดีดีเอสไอ” นัดประชุมคืบหน้าคดีดิไอคอน ชี้แจง “สามารถ” อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม ยันคดีร่วมกัน-สมคบกันฟอกเงิน อัตราโทษเกิน 3 ปี ขอศาลออกหมายจับได้

    วันนี้ (28 พ.ย.) เวลา 09.30 น. ณ ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารเอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อดีตรองโฆษกพรรค พปชร. ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน “ดิไอคอน” ซึ่งเจ้าตัวอ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากไม่ออกหมายเรียก แต่ถูกออกหมายจับเลย ว่า คดีดังกล่าวนั้นมีอัตราโทษร้ายแรงเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนจึงสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้

    พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่ว่าอาจพบพยานหลักฐานเท็จ จัดทำโดยผู้มีความรู้ด้านกฎหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหานั้น หากดีเอสไอพิสูจน์ได้ว่าเป็นการทำพยานหลักฐานเท็จ ก็มีความผิดทางอาญา แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าพยานเอกสารที่พบขณะเข้าค้นบ้านที่เกี่ยวข้องกับนายสามารถเป็นพยานเท็จหรือไม่ เพียงแต่น่าเชื่อว่า พยานเอกสารที่ตรวจพบน่าจะเป็นการทำเอกสารขึ้นมา

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 10.00 น. พ.ต.ต.ยุทธนา จะมีการการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีฟอกเงินของนายสามารถ รวมทั้งคดี “ดิไอคอน” และจะมีให้สัมภาษณ์หลังประชุมอีกครั้ง

    #MGROnline #อธิบดีดีเอสไอ #สามารถ #ไม่ได้รับความเป็นธรรม #ฟอกเงิน
    “อธิบดีดีเอสไอ” นัดประชุมคืบหน้าคดีดิไอคอน ชี้แจง “สามารถ” อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม ยันคดีร่วมกัน-สมคบกันฟอกเงิน อัตราโทษเกิน 3 ปี ขอศาลออกหมายจับได้ • วันนี้ (28 พ.ย.) เวลา 09.30 น. ณ ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารเอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อดีตรองโฆษกพรรค พปชร. ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน “ดิไอคอน” ซึ่งเจ้าตัวอ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากไม่ออกหมายเรียก แต่ถูกออกหมายจับเลย ว่า คดีดังกล่าวนั้นมีอัตราโทษร้ายแรงเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนจึงสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้ • พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่ว่าอาจพบพยานหลักฐานเท็จ จัดทำโดยผู้มีความรู้ด้านกฎหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหานั้น หากดีเอสไอพิสูจน์ได้ว่าเป็นการทำพยานหลักฐานเท็จ ก็มีความผิดทางอาญา แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าพยานเอกสารที่พบขณะเข้าค้นบ้านที่เกี่ยวข้องกับนายสามารถเป็นพยานเท็จหรือไม่ เพียงแต่น่าเชื่อว่า พยานเอกสารที่ตรวจพบน่าจะเป็นการทำเอกสารขึ้นมา • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 10.00 น. พ.ต.ต.ยุทธนา จะมีการการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีฟอกเงินของนายสามารถ รวมทั้งคดี “ดิไอคอน” และจะมีให้สัมภาษณ์หลังประชุมอีกครั้ง • #MGROnline #อธิบดีดีเอสไอ #สามารถ #ไม่ได้รับความเป็นธรรม #ฟอกเงิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • บล.คิงส์ฟอร์ด-หมอบุญ..ที่แท้คนกันเอง / สุนันท์ ศรีจันทราแถลงการณ์ด่วนของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ปฏิเสธว่า ไม่เคยเกี่ยวข้อง รวมถึงไม่เคยทำสัญญาใดๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทไปแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการของ "หมอบุญ วนาสิน" ถูกลดน้ำหนักความน่าเชื่อถือลงในทันทีหลังจากสื่อผู้จัดการออนไลน์ ตีแผ่ภาพนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด นั่งบนโต๊ะถ่ายรูปคู่กับหมอบุญ ในการเซ็นสัญญา หมอบุญ แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน นำบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นการเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด ซึ่งหมอบุญถือหุ้นใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 แต่ทั้ง บล.คิงส์ฟอร์ดและหมอบุญ ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่สามารถผลักดันบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นได้ และบริษัทแห่งนี้ก็เงียบหายไปตามกาลเวลาภาพนายประจวบ ที่ปรากฏหราร่วมโต๊ะเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นหลักฐานยืนยันว่า ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด รู้จักหมอบุญเป็นอย่างดี รู้จักกันมาหลายปี และเคยร่วมธุรกรรมกันมาแล้วแต่ความสัมพันธ์จะต่อเนื่อง และเชื่อมโยงมาถึงการกู้เงินและการชักชวนนักลงทุนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญ ซึ่งหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ตำรวจจะสอบสวนขยายผลจนสิ้นสงสัยว่าผู้ร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนกับหมอบุญ สร้างความเสียหายระดับหมื่นล้านบาท และยังมีความผิดฐานฟอกเงินเข้าไปด้วย มีเพียง 9 คนที่ถูกออกหมายจับแล้ว ไม่มีคนอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือร่วมในแก๊งโกงของหมอบุญอีกคดีแชร์ลูกโซ่ดิไอคอนของบอสพอล ตำรวจสอบสวนขยายผล จนมีผู้ต้องหาที่ถูกจับคุมตัวจำนวนมาก รวมทั้งเหล่าดาราชื่อดังคดีฉ้อโกงของหมอบุญ ผู้ต้องหาอาจไม่ได้มีเพียงหมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้นไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดต้องดิ้นพล่าน ออกแถลงการณ์ด่วน ปฏิเสธไม่เคยทำสัญญาใด ไม่เคยเกี่ยวกับกับการชักชวนคนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญเพราะผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับกุมตัวแล้ว 8 คน มีพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ติดร่างแหไปด้วย 2 คน คือนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร ซึ่งเคยเป็นคณะผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ชุดที่นายประจวบเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ น.ส.ชญานี โปรขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการนางอัจจิมา และนายภาคย์ เข้าร่วมธุรกรรม ชักชวนให้นักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการหมอบุญ โดยผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดคนอื่นๆ ไม่มีส่วนรู้เห็นจริงหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ผลการสอบสวนของตำรวจนางอัจจิมา และนายภาคย์ ในฐานะพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ ย่อมมีความน่าเชื่อถือ และสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ชักชวนให้ลูกค้ามาลงทุนในโครงการหมอบุญได้ง่ายแต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประกาศตัดตอนนางอัจจิมา และนายภาคย์แล้ว โดยสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานทั้งสองคน จนกว่าข้อเท็จจริงต่างๆ จะปรากฏตำรวจได้สอบเค้นนางอัจจิมา และนายภาคย์ เพื่อขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการหลอกต้มประชาชนของหมอบุญแล้ว และได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงผู้อยู่ในข่ายร่วมขบวนการเพิ่มเติม เพียงแต่รอรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีขบวนการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ผู้เสียหายนับไม่ถ้วน ผู้ต้องหาอาจไม่จบลงที่หมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้น แต่อาจมีหมายจับเพิ่ม ซึ่งไม่รู้ว่า ใครบ้างที่จะเดินเข้าคุกตาม 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมแล้วคดีหมอบุญ ยังต้องลุ้นระทึกกันต่อไปว่า การสอบสวนขยายผลของตำรวจ จะนำไปสู่การออกหมายจับใครต่อใครบ้าง และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดพ้นมลทินไปแล้วจริงหรือไม่https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000114116
    บล.คิงส์ฟอร์ด-หมอบุญ..ที่แท้คนกันเอง / สุนันท์ ศรีจันทราแถลงการณ์ด่วนของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ปฏิเสธว่า ไม่เคยเกี่ยวข้อง รวมถึงไม่เคยทำสัญญาใดๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทไปแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการของ "หมอบุญ วนาสิน" ถูกลดน้ำหนักความน่าเชื่อถือลงในทันทีหลังจากสื่อผู้จัดการออนไลน์ ตีแผ่ภาพนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด นั่งบนโต๊ะถ่ายรูปคู่กับหมอบุญ ในการเซ็นสัญญา หมอบุญ แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน นำบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นการเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด ซึ่งหมอบุญถือหุ้นใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 แต่ทั้ง บล.คิงส์ฟอร์ดและหมอบุญ ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่สามารถผลักดันบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นได้ และบริษัทแห่งนี้ก็เงียบหายไปตามกาลเวลาภาพนายประจวบ ที่ปรากฏหราร่วมโต๊ะเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นหลักฐานยืนยันว่า ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด รู้จักหมอบุญเป็นอย่างดี รู้จักกันมาหลายปี และเคยร่วมธุรกรรมกันมาแล้วแต่ความสัมพันธ์จะต่อเนื่อง และเชื่อมโยงมาถึงการกู้เงินและการชักชวนนักลงทุนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญ ซึ่งหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ตำรวจจะสอบสวนขยายผลจนสิ้นสงสัยว่าผู้ร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนกับหมอบุญ สร้างความเสียหายระดับหมื่นล้านบาท และยังมีความผิดฐานฟอกเงินเข้าไปด้วย มีเพียง 9 คนที่ถูกออกหมายจับแล้ว ไม่มีคนอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือร่วมในแก๊งโกงของหมอบุญอีกคดีแชร์ลูกโซ่ดิไอคอนของบอสพอล ตำรวจสอบสวนขยายผล จนมีผู้ต้องหาที่ถูกจับคุมตัวจำนวนมาก รวมทั้งเหล่าดาราชื่อดังคดีฉ้อโกงของหมอบุญ ผู้ต้องหาอาจไม่ได้มีเพียงหมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้นไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดต้องดิ้นพล่าน ออกแถลงการณ์ด่วน ปฏิเสธไม่เคยทำสัญญาใด ไม่เคยเกี่ยวกับกับการชักชวนคนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญเพราะผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับกุมตัวแล้ว 8 คน มีพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ติดร่างแหไปด้วย 2 คน คือนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร ซึ่งเคยเป็นคณะผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ชุดที่นายประจวบเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ น.ส.ชญานี โปรขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการนางอัจจิมา และนายภาคย์ เข้าร่วมธุรกรรม ชักชวนให้นักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการหมอบุญ โดยผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดคนอื่นๆ ไม่มีส่วนรู้เห็นจริงหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ผลการสอบสวนของตำรวจนางอัจจิมา และนายภาคย์ ในฐานะพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ ย่อมมีความน่าเชื่อถือ และสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ชักชวนให้ลูกค้ามาลงทุนในโครงการหมอบุญได้ง่ายแต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประกาศตัดตอนนางอัจจิมา และนายภาคย์แล้ว โดยสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานทั้งสองคน จนกว่าข้อเท็จจริงต่างๆ จะปรากฏตำรวจได้สอบเค้นนางอัจจิมา และนายภาคย์ เพื่อขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการหลอกต้มประชาชนของหมอบุญแล้ว และได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงผู้อยู่ในข่ายร่วมขบวนการเพิ่มเติม เพียงแต่รอรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีขบวนการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ผู้เสียหายนับไม่ถ้วน ผู้ต้องหาอาจไม่จบลงที่หมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้น แต่อาจมีหมายจับเพิ่ม ซึ่งไม่รู้ว่า ใครบ้างที่จะเดินเข้าคุกตาม 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมแล้วคดีหมอบุญ ยังต้องลุ้นระทึกกันต่อไปว่า การสอบสวนขยายผลของตำรวจ จะนำไปสู่การออกหมายจับใครต่อใครบ้าง และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดพ้นมลทินไปแล้วจริงหรือไม่https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000114116
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทนายเผยหลังเข้าเยี่ยม “สามารถ” ยันอดอาหารจริง พูดคุยเรื่องยื่นอุทธรณ์ประกันตัว มองไม่ได้รับความเป็นธรรม ศาลยังไม่ตัดสิน

    วันนี้ (27 พ.ย.) เวลา 14.40 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่าที่ ร.ต.นฤพล เรืองสังข์ ทนายความของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงินและสบคบกันฟอกเงิน "ดิไอคอน" เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมลูกความเป็นครั้งแรก ว่า จากการพูดคุย นายสามารถ ได้อดน้ำอดอาหารมา 3 วันแล้ว ตั้งแต่ถูกออกหมายจับและตำรวจรวบตัวได้ที่ จ.เชียงราย จนควบคุมตัวมาดีเอสไอ กระทั่งถูกศาลส่งฝากขังเรือนจำฯ เพื่อประท้วงขอความเป็นธรรมเพราะความผิดมูลฐานฟอกเงินก็ไม่มีความชัดเจน และศาลยังไม่ได้ตัดสินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนบอกว่ายังเหลือการสอบพยานอย่างน้อยอีก 30 ปาก

    ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า ส่วนสุขภาพ นายสามารถ มีอาการปากซีด อาการเครียด แต่ยังคงพูดได้และตั้งใจที่จะต่อสู้คดีต่อไป แม้ตัวเองจะมีโรคประจำตัว คือ โรคตับอ่อนอักเสบและความดัน โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้ง คุณแม่สามารถฝากทางทนายความให้บอกว่าขอให้กินน้ำกินอาหาร อย่าทำแบบนี้ แต่นายสามารถจะอดจนกว่าได้รับการประกันตัว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114209

    #MGROnline #สามารถ
    #ทนายเผยหลังเข้าเยี่ยม “สามารถ” ยันอดอาหารจริง พูดคุยเรื่องยื่นอุทธรณ์ประกันตัว มองไม่ได้รับความเป็นธรรม ศาลยังไม่ตัดสิน • วันนี้ (27 พ.ย.) เวลา 14.40 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่าที่ ร.ต.นฤพล เรืองสังข์ ทนายความของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงินและสบคบกันฟอกเงิน "ดิไอคอน" เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมลูกความเป็นครั้งแรก ว่า จากการพูดคุย นายสามารถ ได้อดน้ำอดอาหารมา 3 วันแล้ว ตั้งแต่ถูกออกหมายจับและตำรวจรวบตัวได้ที่ จ.เชียงราย จนควบคุมตัวมาดีเอสไอ กระทั่งถูกศาลส่งฝากขังเรือนจำฯ เพื่อประท้วงขอความเป็นธรรมเพราะความผิดมูลฐานฟอกเงินก็ไม่มีความชัดเจน และศาลยังไม่ได้ตัดสินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนบอกว่ายังเหลือการสอบพยานอย่างน้อยอีก 30 ปาก • ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า ส่วนสุขภาพ นายสามารถ มีอาการปากซีด อาการเครียด แต่ยังคงพูดได้และตั้งใจที่จะต่อสู้คดีต่อไป แม้ตัวเองจะมีโรคประจำตัว คือ โรคตับอ่อนอักเสบและความดัน โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้ง คุณแม่สามารถฝากทางทนายความให้บอกว่าขอให้กินน้ำกินอาหาร อย่าทำแบบนี้ แต่นายสามารถจะอดจนกว่าได้รับการประกันตัว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114209 • #MGROnline #สามารถ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครปฐม - “ทนายพจน์” ให้ความเห็นในฐานะคนเคยให้คำปรึกษาทนายตั้มคดีหวย 30 ล้านบาท มองการต่อสู้คดีของทนายตั้ม เหนื่อยแน่ หลังจากมีทนายถอนตัวไม่ทำคดีให้ ทนายตั้มมีสิทธิแต่งตัวเองเป็นทนายความได้แต่หากถูกควบคุมตัวอยู่ก็ไม่สามารถสวมชุดว่าความตามระเบียบได้

    วันนี้ (27 พ.ย.) จากคดีความทนายศิธา เบี้ยบังเกิด และภรรยาซึ่งถูกควบคุมตัวในคดีฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท และสาวมาถึงยอดเงิน 39 ล้านบาท ซึ่งนางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ผู้เสียหายได้เดินหน้าในคดีสุดซอย ซึ่งยังมีคนใกล้ชิดถูกออกหมายจับและควบคุมตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน รวมถึงเอกสารต่างๆ พบพิรุธหลายประเด็น

    โดยประเด็นดังกล่าว นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร “ทนายพจน์” ได้ออกมาให้ความเห็นถึงเรื่องแนวทางการต่อสู้คดี เนื่องจากนายสายหยุด เพ็งบุญชู หรือฉายาทนายปาเกียว ได้ขอถอนตัวจากการเป็นทนายความในการต่อสู้คดีให้ทนายตั้ม ยิ่งเป็นประเด็นที่ประชาชนได้ตั้งข้อสงสัยไม่ต่างๆ กับสื่อมวลชนหลายแขนงที่ต้องการจะหาข้อเท็จจริง และแนวทางในการต่อสู้คดีครั้งนี้ในหลายคดีที่เกิดขึ้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000114085

    #MGROnline #ทนายพจน์ #ทนายตั้ม
    นครปฐม - “ทนายพจน์” ให้ความเห็นในฐานะคนเคยให้คำปรึกษาทนายตั้มคดีหวย 30 ล้านบาท มองการต่อสู้คดีของทนายตั้ม เหนื่อยแน่ หลังจากมีทนายถอนตัวไม่ทำคดีให้ ทนายตั้มมีสิทธิแต่งตัวเองเป็นทนายความได้แต่หากถูกควบคุมตัวอยู่ก็ไม่สามารถสวมชุดว่าความตามระเบียบได้ • วันนี้ (27 พ.ย.) จากคดีความทนายศิธา เบี้ยบังเกิด และภรรยาซึ่งถูกควบคุมตัวในคดีฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท และสาวมาถึงยอดเงิน 39 ล้านบาท ซึ่งนางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ผู้เสียหายได้เดินหน้าในคดีสุดซอย ซึ่งยังมีคนใกล้ชิดถูกออกหมายจับและควบคุมตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน รวมถึงเอกสารต่างๆ พบพิรุธหลายประเด็น • โดยประเด็นดังกล่าว นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร “ทนายพจน์” ได้ออกมาให้ความเห็นถึงเรื่องแนวทางการต่อสู้คดี เนื่องจากนายสายหยุด เพ็งบุญชู หรือฉายาทนายปาเกียว ได้ขอถอนตัวจากการเป็นทนายความในการต่อสู้คดีให้ทนายตั้ม ยิ่งเป็นประเด็นที่ประชาชนได้ตั้งข้อสงสัยไม่ต่างๆ กับสื่อมวลชนหลายแขนงที่ต้องการจะหาข้อเท็จจริง และแนวทางในการต่อสู้คดีครั้งนี้ในหลายคดีที่เกิดขึ้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000114085 • #MGROnline #ทนายพจน์ #ทนายตั้ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เจ๊หนิง” พร้อมทนายเดินทางเข้าพบตำรวจ สน.พระโขนง เพื่อรับทราบข้อหา หลังถูกออกหมายจับคดีแจ้งความเท็จเมีย “บิ๊กโจ๊ก” เผยหลังเป็นคดีความถูกคุกคามมาตลอด รู้สึกไม่ปลอดภัย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113991

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “เจ๊หนิง” พร้อมทนายเดินทางเข้าพบตำรวจ สน.พระโขนง เพื่อรับทราบข้อหา หลังถูกออกหมายจับคดีแจ้งความเท็จเมีย “บิ๊กโจ๊ก” เผยหลังเป็นคดีความถูกคุกคามมาตลอด รู้สึกไม่ปลอดภัย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113991 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1049 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts