• ⛅☔คาดหมายลักษณะอากาศ 7 วันข้างหน้า (25 - 31 ธันวาคม 2567)
    ⚠️ ในช่วงวันที่ 25 - 31 ธ.ค. 67
    ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน #ดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดช่วง
    ⚠️ ในช่วงวันที่ 25 - 27 ธ.ค. 67
    ขอให้ระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มี #หมอก สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและ #ระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ไว้ด้วย
    ⚠️ ในช่วงวันที่ 28 - 30 ธ.ค. 67
    ขอให้ประชาชนในภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจาก #ฝนตกหนักถึงหนักมาก และ #ฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิด #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควร #เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ #หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง

    สำหรับรายละเอียด "พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า" ดังลิงก์ https://www.tmd.go.th/forecast/sevenday
    ⛅☔คาดหมายลักษณะอากาศ 7 วันข้างหน้า (25 - 31 ธันวาคม 2567) ⚠️ ในช่วงวันที่ 25 - 31 ธ.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน #ดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดช่วง ⚠️ ในช่วงวันที่ 25 - 27 ธ.ค. 67 ขอให้ระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มี #หมอก สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและ #ระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ไว้ด้วย ⚠️ ในช่วงวันที่ 28 - 30 ธ.ค. 67 ขอให้ประชาชนในภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจาก #ฝนตกหนักถึงหนักมาก และ #ฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิด #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควร #เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ #หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง สำหรับรายละเอียด "พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า" ดังลิงก์ https://www.tmd.go.th/forecast/sevenday
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลิกฝืนเถอะอุ๊งอิ๊ง เกาะกูดของไทยโดยหลักฐาน
    Mou 44 ถือเป็น Mou ขายชาติที่จะทําให้ไทยเสียสิทธิประโยชน์ทางทะเลโดยเฉพาะเกาะกูด ซึ่งเป็นของไทย ที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจาก Mou ที่นายทักษิณวางหมากไว้ จนถึงขั้นอาจต้องเปลี่ยนเจ้าของผู้ครอบครองจากไทยไปเป็นกัมพูชา ทั้งที่ ข้อเท็จจริงเกาะกูดเป็นของไทยมาโดยตลอด
    ในปี 1907 ไทยใช้สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส เป็นหลักฐานในการปักปันเขตแดนกับกัมพูชาระบุข้อความในข้อสองว่า รัฐบาลฝรั่งเศส ยอมยกดินแดนเมืองด่านซ้ายและเมืองตราดกับทั้งเกาะทั้งหลายซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงห์ลงไปจนถึงเกาะกูดนั้นให้แก่กรุงสยาม
    เมื่อพิจารณาหลักฐานดังกล่าวย่อมแสดงว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2450 นอกจากนี้ไทยยังมีหลักฐานการสร้างกระโจมไฟบนเกาะกูดและได้ส่งเอกสารการติดตั้งกระโจมไฟซึ่งปรากฏอยู่ในแผนที่เดินเรือของประเทศต่างต่างทั่วโลกที่ทุกชาติยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน
    เกาะกูดที่เสมือนเป็นหมุดหมายสําคัญในการอ้างอิงการเจรจาจัดทําพื้นที่พัฒนาร่วมจอยท์ ดีเวลลอปเม้นท์แอเรียหรือเจดีเอ เพื่อสํารวจและใช้ประโยชน์จากปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนหลายทวีปในอ่าวไทย
    การตีความโดยไม่ยึดโยงกับเอกสารหลักฐานที่มีอยู่ นอกเหนือไปจากหลักฐานกฎหมายทางทะเลที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ทําให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าเกาะกูดอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิซับซ้อนระหว่างไทยและกัมพูชาทั้งที่ตามข้อเท็จจริงแล้วก่อกูดอยู่ภายใต้การปกครองและอธิปไตยของไทยโดยสมบูรณ์
    แม้รัฐบาลโดยนายกคุณหนูแห่งบ้านจันส่องหล้า จะออกมายืนยันว่าเอ็มโอยู สี่สิบสี่จะไม่ทําให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา โดยเฉพาะจะไม่มีการสูญเสียเกาะกูดอย่างแน่นอน แต่ก็ดูเหมือนว่าผู้คนจะไม่ค่อยเชื่อในถ้อยคําแถลงนั้นมากนัก
    เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่านายโทนี่ ทักษิณชินวัตรผู้ครอบงําบทบาทของลูกสาวมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นลึกซึ้งกับฮุนเซน อดีตผู้นํากัมพูชาและเป็นอดีตนักรบเขมรแดงที่เคยปฏิบัติการในน่านน้ําอ่าวไทยมาแล้วเมื่อ 50 ปีก่อนโดยไม่สนใจเรื่องเขตแดนทางทะเลผู้คนจึงหวั่นใจว่านายโทนี่จะวางหมากใดใดไว้ในกรณีเอ็มโอยูสี่สิบสี่หรือไม่ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ

    เลิกฝืนเถอะอุ๊งอิ๊ง เกาะกูดของไทยโดยหลักฐาน Mou 44 ถือเป็น Mou ขายชาติที่จะทําให้ไทยเสียสิทธิประโยชน์ทางทะเลโดยเฉพาะเกาะกูด ซึ่งเป็นของไทย ที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจาก Mou ที่นายทักษิณวางหมากไว้ จนถึงขั้นอาจต้องเปลี่ยนเจ้าของผู้ครอบครองจากไทยไปเป็นกัมพูชา ทั้งที่ ข้อเท็จจริงเกาะกูดเป็นของไทยมาโดยตลอด ในปี 1907 ไทยใช้สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส เป็นหลักฐานในการปักปันเขตแดนกับกัมพูชาระบุข้อความในข้อสองว่า รัฐบาลฝรั่งเศส ยอมยกดินแดนเมืองด่านซ้ายและเมืองตราดกับทั้งเกาะทั้งหลายซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงห์ลงไปจนถึงเกาะกูดนั้นให้แก่กรุงสยาม เมื่อพิจารณาหลักฐานดังกล่าวย่อมแสดงว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2450 นอกจากนี้ไทยยังมีหลักฐานการสร้างกระโจมไฟบนเกาะกูดและได้ส่งเอกสารการติดตั้งกระโจมไฟซึ่งปรากฏอยู่ในแผนที่เดินเรือของประเทศต่างต่างทั่วโลกที่ทุกชาติยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน เกาะกูดที่เสมือนเป็นหมุดหมายสําคัญในการอ้างอิงการเจรจาจัดทําพื้นที่พัฒนาร่วมจอยท์ ดีเวลลอปเม้นท์แอเรียหรือเจดีเอ เพื่อสํารวจและใช้ประโยชน์จากปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนหลายทวีปในอ่าวไทย การตีความโดยไม่ยึดโยงกับเอกสารหลักฐานที่มีอยู่ นอกเหนือไปจากหลักฐานกฎหมายทางทะเลที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ทําให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าเกาะกูดอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิซับซ้อนระหว่างไทยและกัมพูชาทั้งที่ตามข้อเท็จจริงแล้วก่อกูดอยู่ภายใต้การปกครองและอธิปไตยของไทยโดยสมบูรณ์ แม้รัฐบาลโดยนายกคุณหนูแห่งบ้านจันส่องหล้า จะออกมายืนยันว่าเอ็มโอยู สี่สิบสี่จะไม่ทําให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา โดยเฉพาะจะไม่มีการสูญเสียเกาะกูดอย่างแน่นอน แต่ก็ดูเหมือนว่าผู้คนจะไม่ค่อยเชื่อในถ้อยคําแถลงนั้นมากนัก เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่านายโทนี่ ทักษิณชินวัตรผู้ครอบงําบทบาทของลูกสาวมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นลึกซึ้งกับฮุนเซน อดีตผู้นํากัมพูชาและเป็นอดีตนักรบเขมรแดงที่เคยปฏิบัติการในน่านน้ําอ่าวไทยมาแล้วเมื่อ 50 ปีก่อนโดยไม่สนใจเรื่องเขตแดนทางทะเลผู้คนจึงหวั่นใจว่านายโทนี่จะวางหมากใดใดไว้ในกรณีเอ็มโอยูสี่สิบสี่หรือไม่ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาจารย์ปานเทพ แถลงผลของการทวงถาม นายกรัฐมนตรี หลังครบ 15 วัน ให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544
    .
    เพื่อป้องกัน ประเทศไทย เสียเปรียบ เสียอำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย ด้านตะวันออกของอ่าวไทย
    .
    https://shorturl.asia/u64sR
    อาจารย์ปานเทพ แถลงผลของการทวงถาม นายกรัฐมนตรี หลังครบ 15 วัน ให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544 . เพื่อป้องกัน ประเทศไทย เสียเปรียบ เสียอำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย ด้านตะวันออกของอ่าวไทย . https://shorturl.asia/u64sR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ้านเมืองต้องการคนดีมีจริยธรรมสุจริต เป็นผู้นำประเทศ มิใช่นักโทษคดีทุจริต ซึ่งไม่ยอมติดคุก แสแสร้งแกล้งป่วย อาศัยการสนันสนุนของทาสผู้ภักดี ช่วยเหลือ พากันทำผิด เยาะเย้ยกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมของประเทศให้สูญเสียความศักดิ์สิทธิ์

    ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ การนิรโทรกรรมผูทำผิด ม.112 การแบ่งผลประโยชน์พลังงานในพื้นที่ทับซ้อนกับขะแม โดยอาศัย MOU โมฆะ ฯลฯ ล้วนเป็นกลเกมส์โกงจากนักโทษคดีทุจริตทักษิณล้วน ๆ

    คนโกหกเป็นปกติธุระ จะไม่ทำชั่วนั้น อยู่ในฐานะที่เป็นไปไม่ได้ ยกตัวอย่าง การทำ MOU44 และJC44 ก็เป็นฝีมือของทักษิณล้วน ๆ เขาทำไปโดยเจตนา เพื่อกอบโกยทรัพย์พลังงานในอ่าวไทยร่วมกับฮุนเซน ตามความโลภในกมลสันดาลโดยชัดแจ้ง

    ทักษิณทำ MOU44 โดยไม่ผ่านรัฐสภา ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด แต่กลับทำ JC44 รับรอง MOU44 ร่วมกับฮุนเซน แทนที่จะให้รัฐสภาไทยพิจารณา เจตนาในประเด็นนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทักษิณไม่ให้ความเชื่อถือ ไม่ยอมรับ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแม้แต่น้อย

    เพราะความอยากเป็นประธานประเทศของทักษิณ เป็นเหตุจูงใจให้เขาไม่สนใจพระบรมราชโองการของพ่อ ร.๙ แม้แต่น้อย วันนี้เขากลับมาเร่งรีบ อ้างพื้นที่ทับซ้อนตาม MOU44 ที่ตนตกลงรับรองไว้ร่วมกับฮุนเซน ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 โน้นแล้ว

    การรีบเร่งแก้รัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญป้องกันและปราบโกงที่ดีที่สุด จึงไม่ต้องแปลกใจว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งที่นักการชั่วฝ่ายทักษิณ จะต้องแก้ไขให้ได้ เพียงอ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการบังหน้า

    เส้นทางเดินทุกย่างก้าวของทักษิณ เป็นไปเพื่อตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศไทยชัดเจน ทุกวันเขาจะขายฝัน ปั้นน้ำให้เป็นตัว เพื่อให้คนส่วนหนึ่งหลงเชื่อ ทำแม้กระทั้งเอาน้องสาว และลูกสาว ซึ่งหาปัญญาไม่ได้ มาสืบทอดอำนาจของตนโดยไม่ละอายใจ

    หากคนไทยไม่ตื่นรู้ และปล่อยผ่านรอยเหยียบย่ำกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของนักโทษชายเทวดาชั้น 14 ​ไปได้ นิรโทษกรรมคดี ม.112 ได้ แก้รัฐธรรมนูญตามใจโจร ผ่านไปได้ วันนั้น หมายถึงวันที่ "เปรตเผด็จการ"ครองเมือง ในตำแห่งประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทย

    บ้านเมืองต้องการคนดีมีจริยธรรมสุจริต เป็นผู้นำประเทศ มิใช่นักโทษคดีทุจริต ซึ่งไม่ยอมติดคุก แสแสร้งแกล้งป่วย อาศัยการสนันสนุนของทาสผู้ภักดี ช่วยเหลือ พากันทำผิด เยาะเย้ยกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมของประเทศให้สูญเสียความศักดิ์สิทธิ์ ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ การนิรโทรกรรมผูทำผิด ม.112 การแบ่งผลประโยชน์พลังงานในพื้นที่ทับซ้อนกับขะแม โดยอาศัย MOU โมฆะ ฯลฯ ล้วนเป็นกลเกมส์โกงจากนักโทษคดีทุจริตทักษิณล้วน ๆ คนโกหกเป็นปกติธุระ จะไม่ทำชั่วนั้น อยู่ในฐานะที่เป็นไปไม่ได้ ยกตัวอย่าง การทำ MOU44 และJC44 ก็เป็นฝีมือของทักษิณล้วน ๆ เขาทำไปโดยเจตนา เพื่อกอบโกยทรัพย์พลังงานในอ่าวไทยร่วมกับฮุนเซน ตามความโลภในกมลสันดาลโดยชัดแจ้ง ทักษิณทำ MOU44 โดยไม่ผ่านรัฐสภา ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด แต่กลับทำ JC44 รับรอง MOU44 ร่วมกับฮุนเซน แทนที่จะให้รัฐสภาไทยพิจารณา เจตนาในประเด็นนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทักษิณไม่ให้ความเชื่อถือ ไม่ยอมรับ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแม้แต่น้อย เพราะความอยากเป็นประธานประเทศของทักษิณ เป็นเหตุจูงใจให้เขาไม่สนใจพระบรมราชโองการของพ่อ ร.๙ แม้แต่น้อย วันนี้เขากลับมาเร่งรีบ อ้างพื้นที่ทับซ้อนตาม MOU44 ที่ตนตกลงรับรองไว้ร่วมกับฮุนเซน ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 โน้นแล้ว การรีบเร่งแก้รัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญป้องกันและปราบโกงที่ดีที่สุด จึงไม่ต้องแปลกใจว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งที่นักการชั่วฝ่ายทักษิณ จะต้องแก้ไขให้ได้ เพียงอ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการบังหน้า เส้นทางเดินทุกย่างก้าวของทักษิณ เป็นไปเพื่อตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศไทยชัดเจน ทุกวันเขาจะขายฝัน ปั้นน้ำให้เป็นตัว เพื่อให้คนส่วนหนึ่งหลงเชื่อ ทำแม้กระทั้งเอาน้องสาว และลูกสาว ซึ่งหาปัญญาไม่ได้ มาสืบทอดอำนาจของตนโดยไม่ละอายใจ หากคนไทยไม่ตื่นรู้ และปล่อยผ่านรอยเหยียบย่ำกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของนักโทษชายเทวดาชั้น 14 ​ไปได้ นิรโทษกรรมคดี ม.112 ได้ แก้รัฐธรรมนูญตามใจโจร ผ่านไปได้ วันนั้น หมายถึงวันที่ "เปรตเผด็จการ"ครองเมือง ในตำแห่งประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทย
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544 ##
    ..
    ..
    ด่วนที่สุด!
    ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗
    วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗

    เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย
    กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
    อ้างถึง
    (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
    (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙

    ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป

    ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
    บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้
    ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน
    ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓)
    ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙
    และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป
    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

    ขอแสดงความนับถือ
    นายสนธิ ลิ้มทองกุล
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    ## เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544 ## .. .. ด่วนที่สุด! ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙ ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้ ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓) ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙ และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เปิด 7 ข้อเท็จจริง 6 ข้อเรียกร้อง หนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้หยุดดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 (ฉบับย่อ) ##
    ..
    ..
    เนื่องด้วยหนังสือของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่จะยื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันนี้ (9 ธันวาคม 2567) มีความยาวถึง 14 หน้าและยังมีสิ่งที่ส่งมาด้วยอีกจำนวนมาก อันจะทำให้สื่อมวลชนอาจไม่สามารถนำเสนอข่าวตามเนื้อหาทั้งหมดได้ครบถ้วน จึงได้จัดทำสรุปเป็นฉบับย่อลงประมาณครึ่งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนดังนี้
    วันนี้ (9 มีนาคม 2567) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะบุคคลได้ยื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC 2544) เพราะมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1985 และกฎหมายอื่น รวมทั้งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ด้วยเหตุผลดังนี้
    ข้อ 1 ประเทศไทยได้ลงนามในหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และหนังสือสัญญาดังกล่าวระบุว่า “เกาะกูด” เป็นของสยาม
    .
    ข้อ 2 ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2509 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตประเทศไทยมีระยะ ”12 ไมล์ทะเล“ โดยวัดจากเส้นฐานที่ใช้สำหรับวัดความกว้างของทะเลอาณาเขต เป็นการประกาศ “อำนาจอธิปไตย” ออกไปจากอาณาเขตพื้นดินและน่านน้ำภายในจนถึงแนวทะเลประชิดชายฝั่ง ซึ่งเรียกว่า“ทะเลอาณาเขต” รวมตลอดถึงห้วงอากาศเหนือทะเลอาณาเขต พื้นท้องทะเล และแผ่นดินใต้พื้นท้องทะเลของทะเลอาณาเขต ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้
    .
    ข้อ 3 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2512 โดยมีผลบังคับใช้สำหรับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2511 ส่งผลการยืนยันประกาศพื้นที่ของประเทศไทยทั้ง “น่านน้ำภายใน” และ “ทะเลอาณาเขต”ว่าเป็น “อำนาจอธิปไตย” ของประเทศไทยตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958
    อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังได้กำหนด “เขตต่อเนื่อง” ขยายไปอีก 12 ไมล์ทะเลต่อจากทะเลอาณาเขต สำหรับเป็นพื้นที่ป้องกันการละเมิดข้อบังคับเกี่ยวกับศุลกากร รัษฎากร การเข้าเมือง หรือการอนามัย ภายในอาณาเขตหรือทะเลอาณาเขตของประเทศไทยอีกด้วย
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังกำหนดด้วยว่าหากไม่มีการตกลงกันเป็นอย่างอื่น รัฐทั้งสองอยู่ตรงข้ามหรือประชิดกันให้ใช้ “เส้นมัธยะ” คือ จุดทุกจุดบนเส้นนั้นมีระยะห่างเท่ากันจากจุดที่ใกล้ที่สุดของเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขตของแต่ละรัฐ
    ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2513 ได้มีประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องเส้นฐานตรงและน่านน้ำภายในของประเทศไทย โดยมีเส้นที่ลากเส้นจาก “หลักเขตที่ 73” ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านหาดเล็ก ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราดไปยังปลายแหลมด้านใต้สุดของ “เกาะกูด” นั้นเป็น “เส้นฐานตรง” โดยพื้นที่เหนือเส้นฐานตรงบริเวณนี้เป็น “น่านน้ำภายใน” ของราชอาณาจักรไทย มีอำนาจอธิปไตยเหมือนแผ่นดินของราชอาณาจักรไทยทุกประการ
    เมื่อ “เกาะกูด”เป็นของประเทศไทยตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ดังนั้น พื้นที่รอบเกาะกูด 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทย และน่านน้ำภายในของราชอาณาจักรไทย จึงเป็นเขตแดนทางทะเลที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้
    ดังนั้นพื้นที่เหนือของเส้นฐานตรงที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ถึงปลายแหลมสุดทิศด้านใต้ของเกาะกูดของราชอาณาจักรไทย จึงอยู่ใน“อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย รวมทั้งทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเส้นฐานของเกาะกูดก็เป็นเขตที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทยเช่นเดียวกัน อันเป็นไปตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ซึ่งผู้ใดหรือชาติใดจะละเมิดมิได้
    .
    ข้อ 4 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18พฤษภาคม 2516 เพื่อประกาศสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย โดยได้แนบแผนที่ซึ่งลากเส้นเขตไหล่ทวีปจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดของประเทศไทยกับเกาะกงของกัมพูชา เป็น “เส้นมัธยะ” แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่มีพื้นที่อ้างสิทธิอธิปไตยจากประเทศอื่น ไม่มีการแบ่งปันการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในอ่าวไทยให้กับประเทศอื่นใด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “เส้นมัธยะ” ของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเลอาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ค.ศ. 1958 พระบรมราชโองการประกาศฉบับนี้ ยังกำหนดเงื่อนไขวิธีการเจรจาตกลงกระหว่างประเทศใกล้เคียงในอนาคตด้วยว่าต้องเป็นไปตามมูลฐานกฎหมายทะเลสากลเท่านั้นไม่ใช่การเจรจาตกลงกันตามอำเภอใจ
    ทั้งนี้ราชอาณาจักรไทยได้ยึดถือและปกป้องอำนาจอธิปไตยน่านน้ำทะเลภายในและทะเลอาณาเขต ตลอดจนรักษาสิทธิอธิปไตยตามเส้นเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการทุกฉบับ โดยได้ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 มาโดยตลอด และต่อมาประเทศไทยได้มีการลงนามและยึดถือมูลฐานตามที่กำหนดในอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ที่ได้ให้สัตยาบันเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 ด้วย
    .
    ข้อ 5 อย่างไรก็ตาม MOU 2544 ได้แนบแผนที่ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ “รับรู้” โดย “ไม่ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตามพระราชกฤษฎีกาประกาศเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อปี 2515 ก่อให้เกิดการอ้างสิทธิในพื้นที่ไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีขนาดใหญ่เกินจริง โดยไม่ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชาเกินกว่าหลักมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958
    การอ้างสิทธิดังกล่าวจึงส่งผลทำให้เป็นการเปลี่ยนแปลง “หลักการ” สำคัญของอำนาจอธิปไตย และสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย คือ เกิดการละเมิดอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยบริเวณพื้นที่ “น่านน้ำภายใน”เหนือเส้นฐานตรงด้านทิศตะวันออกของเกาะกูด และการละเมิดอำนาจอธิปไตยทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเกาะกูด และไม่ยึดหลักเส้น “มัธยะ” เพียงอย่างเดียวที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 แต่กลับไปยึดถือ “เขตแดนแนวทางอื่น” ในการเจรจาตกลงกันเองระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่อ้างสิทธิเกินจริงของกัมพูชา รวมพื้นที่ประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่กัมพูชาเป็นหลัก
    ดังนั้นการดำเนินการตาม MOU 2544 ที่ถูกรับรองโดย JC 2544 จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดทะเลอาณาเขต เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2509 และพระบรมราชโองการประกาศเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2516 ซึ่งได้ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” แห่งมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958
    .
    ข้อ 6 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ซึ่งลงนามใน MOU 2544 ได้เคยเขียนบทความเมื่อเดือนพฤษภาคม 2544 ยอมรับว่า MOU 2544 มีสถานะเป็น “สนธิสัญญา” ในขณะที่ นายประจิตต์ โรจนพฤกษ์ อดีตหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซียได้เขียนบทความ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554 แนะนำว่า ฝ่ายไทยจะต้องรีบบอกเลิก MOU 2544 โดยเร็ว มิฉะนั้นแล้วฝ่ายไทยจะเสียเปรียบหากเป็นคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล
    ทั้งนี้การที่ประเทศไทยได้ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่ที่มีการอ้างสิทธิเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตาม MOU 2544 อาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบซ้ำรอยการถูกตัดสินโดย “หลักกฎหมายปิดปาก” ที่ประเทศไทยเคย “รับรู้”และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่แนบท้ายหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 เป็นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 ในการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมาแล้ว
    .
    ข้อ 7 เมื่อพิจารณาตาม MOU 2544 แล้ว จะพบว่าประเทศไทยมีแต่จะเสียประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่ว่าผลการเจรจาจะเป็นประการใด ประเทศไทยก็จะต้องสูญเสียสิทธิอธิปไตยในพื้นที่ในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทยฝ่ายเดียวให้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาซึ่งมีพื้นที่อย่างน้อย 16,000 ตารางกิโลเมตรขึ้นไปใต้พื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาใต้ละติจูด 11 องศาเหนือ หรือถึงขั้นสูญเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลไปมากกว่านี้ได้ด้วย
    ผลลัพธ์ดังกล่าวจึงย่อมส่งผลกระทบในทางเสียหายต่อสิทธิอธิปไตยมากกว่าวิธีการเจรจาด้วย “เส้นมัธยะ” ตามมูลฐานที่บัญญัติเอาไว้ภายใต้อนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อ MOU 2544 ซึ่งได้รับรองโดย JC 2544 มีผลทำให้เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตหรือเขตอำนาจแห่งรัฐทางทะเลที่ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภากรณีจึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตั้งแต่แรกและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
    นอกจากนั้น MOU 2544 ที่รับรองโดย JC 2544 ยังทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดหรือบางส่วน เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาจึงย่อมเป็นการขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ด้วยเช่นเดียวกัน
    .
    จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 โดยทันที และดำเนินการแก้ไขตามข้อเสนอดังต่อไปนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้
    .
    1)ให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการที่ประกาศตามมูลฐานแห่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) อันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตามบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 52 ของหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
    .
    2) ให้ท่านเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ตั้งแต่แรก และขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือไม่ รวมทั้งขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ด้วยหรือไม่ อันเป็นการดำเนินการตามมาตรา 178 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้ได้ข้อยุติในข้อสงสัยนี้เสียก่อน
    .
    3) หากดำเนินการตาม ๒) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544และ JC 2544 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการเจรจาตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที
    .
    4) หากดำเนินการตาม 2) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544 ไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของ “เส้นมัธยะ” ในการอ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนตามจริงของมูลฐานแห่งบทบัญญัติอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ประกอบกับอนุสัญญาสหประชาชาติด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 แล้วนำผลของการเจรจาเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้เจรจาเสร็จสิ้น ก่อนนำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ ต่อพระมหากษัตริย์เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศเป็นพระราชโองการ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของมาตรา 1 และมาตรา 178 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่อไป
    .
    5) ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU 2544 และ JC 2544ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง
    .
    6) ให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชนในเรื่อง MOU 2544 และ JC 2544 โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ ทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป
    ทั้งนี้ขอให้ท่านเสนอหนังสือฉบับนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และหากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วมีผลเป็นประการใดขอได้โปรดแจ้งข้าพเจ้าได้ทราบ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาหนังสือฉบับนี้
    .
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1110891340404565/?
    ## เปิด 7 ข้อเท็จจริง 6 ข้อเรียกร้อง หนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้หยุดดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 (ฉบับย่อ) ## .. .. เนื่องด้วยหนังสือของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่จะยื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันนี้ (9 ธันวาคม 2567) มีความยาวถึง 14 หน้าและยังมีสิ่งที่ส่งมาด้วยอีกจำนวนมาก อันจะทำให้สื่อมวลชนอาจไม่สามารถนำเสนอข่าวตามเนื้อหาทั้งหมดได้ครบถ้วน จึงได้จัดทำสรุปเป็นฉบับย่อลงประมาณครึ่งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนดังนี้ วันนี้ (9 มีนาคม 2567) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะบุคคลได้ยื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC 2544) เพราะมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1985 และกฎหมายอื่น รวมทั้งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ด้วยเหตุผลดังนี้ ข้อ 1 ประเทศไทยได้ลงนามในหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และหนังสือสัญญาดังกล่าวระบุว่า “เกาะกูด” เป็นของสยาม . ข้อ 2 ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2509 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตประเทศไทยมีระยะ ”12 ไมล์ทะเล“ โดยวัดจากเส้นฐานที่ใช้สำหรับวัดความกว้างของทะเลอาณาเขต เป็นการประกาศ “อำนาจอธิปไตย” ออกไปจากอาณาเขตพื้นดินและน่านน้ำภายในจนถึงแนวทะเลประชิดชายฝั่ง ซึ่งเรียกว่า“ทะเลอาณาเขต” รวมตลอดถึงห้วงอากาศเหนือทะเลอาณาเขต พื้นท้องทะเล และแผ่นดินใต้พื้นท้องทะเลของทะเลอาณาเขต ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้ . ข้อ 3 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2512 โดยมีผลบังคับใช้สำหรับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2511 ส่งผลการยืนยันประกาศพื้นที่ของประเทศไทยทั้ง “น่านน้ำภายใน” และ “ทะเลอาณาเขต”ว่าเป็น “อำนาจอธิปไตย” ของประเทศไทยตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังได้กำหนด “เขตต่อเนื่อง” ขยายไปอีก 12 ไมล์ทะเลต่อจากทะเลอาณาเขต สำหรับเป็นพื้นที่ป้องกันการละเมิดข้อบังคับเกี่ยวกับศุลกากร รัษฎากร การเข้าเมือง หรือการอนามัย ภายในอาณาเขตหรือทะเลอาณาเขตของประเทศไทยอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังกำหนดด้วยว่าหากไม่มีการตกลงกันเป็นอย่างอื่น รัฐทั้งสองอยู่ตรงข้ามหรือประชิดกันให้ใช้ “เส้นมัธยะ” คือ จุดทุกจุดบนเส้นนั้นมีระยะห่างเท่ากันจากจุดที่ใกล้ที่สุดของเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขตของแต่ละรัฐ ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2513 ได้มีประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องเส้นฐานตรงและน่านน้ำภายในของประเทศไทย โดยมีเส้นที่ลากเส้นจาก “หลักเขตที่ 73” ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านหาดเล็ก ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราดไปยังปลายแหลมด้านใต้สุดของ “เกาะกูด” นั้นเป็น “เส้นฐานตรง” โดยพื้นที่เหนือเส้นฐานตรงบริเวณนี้เป็น “น่านน้ำภายใน” ของราชอาณาจักรไทย มีอำนาจอธิปไตยเหมือนแผ่นดินของราชอาณาจักรไทยทุกประการ เมื่อ “เกาะกูด”เป็นของประเทศไทยตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ดังนั้น พื้นที่รอบเกาะกูด 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทย และน่านน้ำภายในของราชอาณาจักรไทย จึงเป็นเขตแดนทางทะเลที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้ ดังนั้นพื้นที่เหนือของเส้นฐานตรงที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ถึงปลายแหลมสุดทิศด้านใต้ของเกาะกูดของราชอาณาจักรไทย จึงอยู่ใน“อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย รวมทั้งทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเส้นฐานของเกาะกูดก็เป็นเขตที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทยเช่นเดียวกัน อันเป็นไปตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ซึ่งผู้ใดหรือชาติใดจะละเมิดมิได้ . ข้อ 4 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18พฤษภาคม 2516 เพื่อประกาศสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย โดยได้แนบแผนที่ซึ่งลากเส้นเขตไหล่ทวีปจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดของประเทศไทยกับเกาะกงของกัมพูชา เป็น “เส้นมัธยะ” แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่มีพื้นที่อ้างสิทธิอธิปไตยจากประเทศอื่น ไม่มีการแบ่งปันการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในอ่าวไทยให้กับประเทศอื่นใด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “เส้นมัธยะ” ของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเลอาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ค.ศ. 1958 พระบรมราชโองการประกาศฉบับนี้ ยังกำหนดเงื่อนไขวิธีการเจรจาตกลงกระหว่างประเทศใกล้เคียงในอนาคตด้วยว่าต้องเป็นไปตามมูลฐานกฎหมายทะเลสากลเท่านั้นไม่ใช่การเจรจาตกลงกันตามอำเภอใจ ทั้งนี้ราชอาณาจักรไทยได้ยึดถือและปกป้องอำนาจอธิปไตยน่านน้ำทะเลภายในและทะเลอาณาเขต ตลอดจนรักษาสิทธิอธิปไตยตามเส้นเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการทุกฉบับ โดยได้ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 มาโดยตลอด และต่อมาประเทศไทยได้มีการลงนามและยึดถือมูลฐานตามที่กำหนดในอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ที่ได้ให้สัตยาบันเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 ด้วย . ข้อ 5 อย่างไรก็ตาม MOU 2544 ได้แนบแผนที่ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ “รับรู้” โดย “ไม่ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตามพระราชกฤษฎีกาประกาศเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อปี 2515 ก่อให้เกิดการอ้างสิทธิในพื้นที่ไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีขนาดใหญ่เกินจริง โดยไม่ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชาเกินกว่าหลักมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 การอ้างสิทธิดังกล่าวจึงส่งผลทำให้เป็นการเปลี่ยนแปลง “หลักการ” สำคัญของอำนาจอธิปไตย และสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย คือ เกิดการละเมิดอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยบริเวณพื้นที่ “น่านน้ำภายใน”เหนือเส้นฐานตรงด้านทิศตะวันออกของเกาะกูด และการละเมิดอำนาจอธิปไตยทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเกาะกูด และไม่ยึดหลักเส้น “มัธยะ” เพียงอย่างเดียวที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 แต่กลับไปยึดถือ “เขตแดนแนวทางอื่น” ในการเจรจาตกลงกันเองระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่อ้างสิทธิเกินจริงของกัมพูชา รวมพื้นที่ประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่กัมพูชาเป็นหลัก ดังนั้นการดำเนินการตาม MOU 2544 ที่ถูกรับรองโดย JC 2544 จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดทะเลอาณาเขต เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2509 และพระบรมราชโองการประกาศเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2516 ซึ่งได้ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” แห่งมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 . ข้อ 6 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ซึ่งลงนามใน MOU 2544 ได้เคยเขียนบทความเมื่อเดือนพฤษภาคม 2544 ยอมรับว่า MOU 2544 มีสถานะเป็น “สนธิสัญญา” ในขณะที่ นายประจิตต์ โรจนพฤกษ์ อดีตหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซียได้เขียนบทความ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554 แนะนำว่า ฝ่ายไทยจะต้องรีบบอกเลิก MOU 2544 โดยเร็ว มิฉะนั้นแล้วฝ่ายไทยจะเสียเปรียบหากเป็นคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล ทั้งนี้การที่ประเทศไทยได้ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่ที่มีการอ้างสิทธิเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตาม MOU 2544 อาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบซ้ำรอยการถูกตัดสินโดย “หลักกฎหมายปิดปาก” ที่ประเทศไทยเคย “รับรู้”และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่แนบท้ายหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 เป็นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 ในการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมาแล้ว . ข้อ 7 เมื่อพิจารณาตาม MOU 2544 แล้ว จะพบว่าประเทศไทยมีแต่จะเสียประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่ว่าผลการเจรจาจะเป็นประการใด ประเทศไทยก็จะต้องสูญเสียสิทธิอธิปไตยในพื้นที่ในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทยฝ่ายเดียวให้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาซึ่งมีพื้นที่อย่างน้อย 16,000 ตารางกิโลเมตรขึ้นไปใต้พื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาใต้ละติจูด 11 องศาเหนือ หรือถึงขั้นสูญเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลไปมากกว่านี้ได้ด้วย ผลลัพธ์ดังกล่าวจึงย่อมส่งผลกระทบในทางเสียหายต่อสิทธิอธิปไตยมากกว่าวิธีการเจรจาด้วย “เส้นมัธยะ” ตามมูลฐานที่บัญญัติเอาไว้ภายใต้อนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อ MOU 2544 ซึ่งได้รับรองโดย JC 2544 มีผลทำให้เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตหรือเขตอำนาจแห่งรัฐทางทะเลที่ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภากรณีจึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตั้งแต่แรกและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น MOU 2544 ที่รับรองโดย JC 2544 ยังทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดหรือบางส่วน เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาจึงย่อมเป็นการขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ด้วยเช่นเดียวกัน . จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 โดยทันที และดำเนินการแก้ไขตามข้อเสนอดังต่อไปนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ . 1)ให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการที่ประกาศตามมูลฐานแห่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) อันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตามบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 52 ของหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 . 2) ให้ท่านเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ตั้งแต่แรก และขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือไม่ รวมทั้งขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ด้วยหรือไม่ อันเป็นการดำเนินการตามมาตรา 178 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้ได้ข้อยุติในข้อสงสัยนี้เสียก่อน . 3) หากดำเนินการตาม ๒) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544และ JC 2544 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการเจรจาตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที . 4) หากดำเนินการตาม 2) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544 ไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของ “เส้นมัธยะ” ในการอ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนตามจริงของมูลฐานแห่งบทบัญญัติอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ประกอบกับอนุสัญญาสหประชาชาติด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 แล้วนำผลของการเจรจาเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้เจรจาเสร็จสิ้น ก่อนนำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ ต่อพระมหากษัตริย์เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศเป็นพระราชโองการ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของมาตรา 1 และมาตรา 178 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่อไป . 5) ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU 2544 และ JC 2544ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง . 6) ให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชนในเรื่อง MOU 2544 และ JC 2544 โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ ทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้ขอให้ท่านเสนอหนังสือฉบับนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และหากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วมีผลเป็นประการใดขอได้โปรดแจ้งข้าพเจ้าได้ทราบ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาหนังสือฉบับนี้ . https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1110891340404565/?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ” ยื่นหนังสือทวงถามนายกฯ ปมยกเลิก MOU2544 และ JC2544 หลังยื่นข้อเรียกร้องครบ 15 วันแล้วยังนิ่งเฉย เสี่ยงทำให้ประเทศเสียอธิปไตยทางทะเล ผิดรัฐธรรมนูญ เตรียมดำเนินการทางกฎหมายตามที่เห็นสมควรต่อไป
    .
    วันนี้(24 ธ.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือทวงถามกรณีให้เพิกถอน MOU 2544 และ JC 2544 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (กพร. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล) วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2567 ร่วมลงนามตั้งแต่ 9.00 น. และยื่นหนังสือเวลา 10.00 น. หลังเคยยื่นหนังสือเรียกร้องเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 และครบกำหนด 15 วัน จึงมาทวงถามในวันนี้
    .
    รายละเอียดหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี
    .
    ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗
    วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗
    เรื่อง ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย
    .
    กราบเรียนฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
    อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
    (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙
    .
    ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
    .
    บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน ดังนั้น การแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓) ดังนั้น ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙ และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป
    .
    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
    ขอแสดงความนับถือ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123204
    ..............
    Sondhi X
    “สนธิ” ยื่นหนังสือทวงถามนายกฯ ปมยกเลิก MOU2544 และ JC2544 หลังยื่นข้อเรียกร้องครบ 15 วันแล้วยังนิ่งเฉย เสี่ยงทำให้ประเทศเสียอธิปไตยทางทะเล ผิดรัฐธรรมนูญ เตรียมดำเนินการทางกฎหมายตามที่เห็นสมควรต่อไป . วันนี้(24 ธ.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือทวงถามกรณีให้เพิกถอน MOU 2544 และ JC 2544 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (กพร. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล) วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2567 ร่วมลงนามตั้งแต่ 9.00 น. และยื่นหนังสือเวลา 10.00 น. หลังเคยยื่นหนังสือเรียกร้องเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 และครบกำหนด 15 วัน จึงมาทวงถามในวันนี้ . รายละเอียดหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี . ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย . กราบเรียนฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙ . ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว . บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน ดังนั้น การแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓) ดังนั้น ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙ และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป . จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123204 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 805 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544

    ด่วนท่ีสุด!

    ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗

    วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗

    เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย

    กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

    อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
    (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙

    ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป

    ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
    บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้
    ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน

    ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓)

    ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙
    และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
    ขอแสดงความนับถือ
    นายสนธิ ลิ้มทองกุล
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544 ด่วนท่ีสุด! ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙ ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้ ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓) ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙ และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    Like
    Love
    Wow
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 1 รีวิว
  • 23-12-67/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP7 หนาวเนื้อ ห่มเนื้อ จึงหายหนาว!

    ไอ้สัส! เช้านี้ ล่อ 19 องศา กลางกรุง! ใครบ่นร้อน? เชิญมาอาบน้ำบ้านกูได้ เครื่องทำความร้อนเสีย กระต๊าก กระต๊าก! นี่มันน้ำจากขั้วโลกเหนือนี่หว่า? มันหนาวจัดสุดขีดตั้งแต่ ตี 1 ครึ่งแล้ว คารังอีไก่ หงส์จิกไก่ตายคารังไก่ หนาวยาว ตั้งแต่เปิดยันจบฤดูกาลแน่ มรึงจะเทพไปไหน? อีเรือจมแล้วจมอีก หลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ไปเรียบร้อยแล้ว ปีนี้มันส์ ตัวละครใหม่เข้ามาท้าทาย ยิ่งเข้าใกล้ BOXING DAY มรึงเตรียมแหกตาดูจุใจกันไปเลย 3 นัดติด ขอบคุณเพื่อนท็อฟฟี่ ที่ช่วยเตะตัดขาพญาสิงห์ที่กำลังห้าวเป้ง ให้ได้รู้ตัว ปีนี้ เค้าจองถ้วยแชมป์ไว้ล่วงหน้าแล้ว FA จัดให้ พรีเมียร์ลีคการละคร แทงกันไปสิ เจ้ามือแดร๊กรวบ? หงส์เจอไก่ ไม่มีนัดไหนยิงต่ำกว่า 3 เม็ด แทงสูงเข้าวินทะลุเป้า มรึงยิงกันโหดไปป่ะ นัดเดียว 9 ลูก ไอ้สัด ไม่ใช่แชร์บอลน่ะมรึง?

    อีเด สายเหลือง ปากดีน่ะมรึง? มรึงระวังตัวเองให้ดีดีเหอะ ไปรับงานเค้ามา ออกตัวแรงมักจะตายตอนจบ ชี้นำสังคมเหรอ คนฟังมรึงมีแต่ควาย? เพราะไร้สมอง เด็กแถวบ้านยังอายแทน ควายได้อีก? ส่วนอีแม่ ไม่ต้องถาม นับแบงค์อย่างเดียว เวรกรรมมีจริง เลือดเป็นพิษ ผีอีโม ไม่ปล่อยมรึงลอยนวลดอก ตามกันไปเผาผีกันต่อชาติหน้า มหากาพย์แรงแค้น ชาตินี้กูตาย ชาติหน้ามรึงตาย อโหสิกรรม แล้วตัดกรรมซะ ภาวนาให้อีอัยกวยสูงไม่สุดไม่รื้อคดีใหม่ จะอ้างเหี้ยอะไรก็ช่าง หลักฐาน คาตา อะไรเป็นอะไร ควายยังรู้ จงแถ จงเหี้ยให้สุดซอย แล้วจบที่ขุมนรกซะน่ะมรึง? แสงคือความจริง แล้วเมื่อแสงทำงาน จะไม่มีไอ้อีหน้าไหน หยุดความจริงได้ นั่นแปลว่า มันไม่จบแค่รื้อคดีหรือไม่ แต่มันจะกลายเป็นวาระแห่งชาติ ส่งสัญญานเบื้องบน หากไม่อยากให้ขบวนการยุติธรรมต้องตายทั้งระบบ หยุดเลือดชั่วซะ ทุกความอัปรีย์ที่มรึงพบเห็นในวันนี้ มันจะมลายสลายไปทันที เมื่อฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วทหารมาเดินพาเหรดลงถนน โดยส่งลูกหลานบางระจันรุ่นที่ 99 ออกมาขับเคลื่อน วิญญานผีอีโม รับรู้แล้วว่า ชาวอโยธยาจะไม่ทอดทิ้งเธอให้เดียวดาย U WILL NEVER WALK ALONE ใครเคยให้สัมภาษณ์อะไรเอาไว้ ระวังให้ดีดี เพราะให้การเท็จ มันจะย้อนศรมรึง มรึงจะแต่งเรื่องยังไงก็ช่าง มันจะจบที่ หลัง 20.36 น. พวกมรึงไม่ได้เห็นผีอีโมอีกแล้ว ปากคำมันจะฆ่ามรึงเอง!

    สิ่งที่รอคอยกำลังจะมา? ขั้วใหม่รออะไร? ฟองสบู่แตก ระบบการเงินโลกเก่าพังพินาศฉิบหาย เพราะอุ้มดอลล่าร์ จนตายห่าทั้งกะปิ? อีทรัมปป์เตรียมสั่งพิมพ์แบงค์มโหฬาร ชาวโลกถาม? ใครจะจ่าย? มีแต่เศษกระดาษ มีแต่ควายที่รับ? เอาไปเผาเหรอจ๊ะ? เชื่อเหอะว่า สิ่งที่อีทรัมปป์ต้องทำก่อน คือจัดการเรื่องภายในบ้าน ทั้งผู้อพยพ ทั้งปากท้อง ทั้งศัตรูการเมือง มรึงจะมีเวลาไปยุ่งกับรัสเซียน้อยลง และปล่อยให้ไอ้อีนาโต้ หมาหน้าโง่ ไปตายห่าแทน ปล่อย EU แบกดอลล่าร์ต่อ ควายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว? ประชากรควายทั่วยุโรป มรึงรู้ตัวบ้างมั้ยว่า "หาเงินส่งให้อียิวมาเป็นศตวรรษ ผ่านผู้นำขี้ข้ายิวทุกยุคทุกสมัย" รัสเซียอ่านเกมส์ทะลุ ถึงได้กล้าเปิดหน้าแลก เกมส์นุ๊กต้องมา บุกยึดต้องมี ขยายพื้นที่เข้ายุโรปกลาง แต่จะไม่เร่งเดิน แต่จะให้ยุโรปเห็นสภาพความจริงเอง เมื่อรู้ตัวว่าเป็นควาย มันจะย้ายขั้วเองโดยอัตโนมัติ ที่มาว่าทำไมตอนนี้ ยุโรปเรียกร้องพลังงานรัสเซียคืน บีบผู้นำมรึงเองจนเก้าอี้หัก ด้านเอเซีย ก็ใช่ย่อย โกยสิจ๊ะ สงครามมา อะไรมีค่าที่สุด "เสบียง" ถึงได้เลือกทำสงครามใหญ่หน้าหนาวไงล่ะ เพราะรัสเซียมีอาหารตุนไว้เพี๊ยบ พลังงานล้นทะลัก แจกจ่ายสบายตรีน แต่ยุโรปไม่มี ยังต้องแบมือขอ ใครมองมุมไหน มรึงก็แพ้ตั้งแต่เริ่ม? ขนาดกลางบางกอก ยัง 19 องศาเช้านี้ ยุโรปไม่ต้องถาม หนาวตายห่าไปเท่าไหร่แล้ว? ฮีทเตอร์ไม่มา ค่าไฟไม่มี เพราะระบบพื้นฐานมันพังไปหมดแล้ว ยังจะมีหนาวตายอีกเยอะ รอดู?

    จะหมาไปถึงไหนกันจ๊ะ? เหี้ยมะกัน "หน้าแหกยับ" F-18 ชั้นสูง คุยไว้เยอะ ร่วงคาตา ฮูตีตบหน้าออกสื่อ "กูสอยเอง ดีออก" ตอแหลไม่เลิก เหี้ยมะกันอ้างยิงกันเอง ยังจะมีควายเชื่อมุย? ควายแล้ว ควายอีก ควายไม่ปรึกษาใคร โปรตะวันตก กลายร่างเป็นควายกันหมดโลกแล้วรึ? จนควายต้องออกมาเรียกร้อง โปรดเรียกกูใหม่ว่า "กระบือ" เพราะไอ้อีมนุษย์ควายมันเอาชื่อกูไปใช้หมดแล้ว เทคโนโลยีสู้เค้าไม่ได้ แผนการก็อ่อนหัด เก่งแต่จัดฉาก ตอแหลไปวันวัน สู้จริง อย่างหมา! อ้าว..เงียบกริบเชียวน่ะมรึง! ข่าวเยรูซาเล็มตามสื่อควายหายไปไหนกันหมด? อ๋อ..จุกอก โดนสอย กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ จนลิ้นจุกปากอยู่ไงจ๊ะ? อีเนรคุณทันยา หายหัวเชียวมรึง? ปากเก่ง ปากดี อยู่ไหนจ๊ะ? หลังอีไก่งวงเข้าไปผลัดแผ่นดินใหม่ให้ซีเรีย ข่าวเงียบทันควัน เพราะโดนรมควันอยู่จ๊ะ ควันดินปืนฟุ้งกระจาย ไก่งวงทำงานเร็วเชียวน่ะมรึง หลังจ้องบ่อน้ำมันซีเรียมานาน กูมายึดคืน ให้กูซะดีดี ค่ายทหารมะกันเตรียมเผ่น งวดนี้ ของจริง F-16 กว่า 200 ลำ เตรียมดาหน้าถล่มม้วนเดียวจบ จะอยู่ให้โง่รึจ๊ะ? รู้แล้วชิมิ? ทำไมต้อง "ออตโตมาน" ทหารซีเรีย อิรัก เก็บแรงเอาไว้ หน้าที่มรึงคือ ที่ราบสูงโกลาน เป้าหมายชัด!

    สิ้นปีนี้มีอะไรรึจ๊ะ? โปรไฟไหม้มาเต็ม โปรล้างบางมาชัด! รัสเซียเก็บกวาดเคียฟ 3 ฮอ เก็บกวาดเยรูซาเล็ม ไก่งวงเก็บกวาดบ่อน้ำมันเคิร์ด ยุโรปเก็บกวาดผู้นำขี้ข้ายิว ขวาจัดแจ้งเกิด มาเต็มตรีน! ค่าไฟ ภาษี ค่าใช้จ่ายท่วมหัว รายการชักดาบมาทั่วยุโรป เศรษฐกิจพังยับ โรงงานปิด คนตกงาน สวัสดิการไม่มี คลังถังแตก ชีวิตดี๊ดี กับปชต.หอมหวน แดร๊กกันต่อสิจ๊ะ? เกมส์โลกไม่เขยิบ เกมส์ไทยจะแซงหน้าได้ไง? ทุกอย่างมันไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเลือกแล้ว แต่ขี้ข้าเหี้ยหาช่องลงบันไดอยู่ อีปินส์สิ้นชาติ อีขะแมร์สิ้นฤทธิ์ ไม่มีจีน มรึงก็ NOBODY ย้ำว่า อย่าห่วงอโยธยา เพราะไม่ว่าเหี้ยจะส่งเรือเหี้ยอะไรเข้ามา คือถูกล้อมหมด จีนเค้าปักหมุดรอไว้แล้ว รัสเซียเตรียมขนของหนักเข้ามาอ่าวไทย ไม่ได้ยิงใคร แค่ขู่ให้รู้ว่า กูพร้อมฆ่า หากมรึงต้องการ? เกาะคูริว ใกล้แค่นี้ สั่งแป๊บเดียวก็มาถึง? จบเรื่องอีว้าแดง เรื่องเกาะกูด แค่ละครปาหี่คั่นฉาก MOU44 เป็นแค่เรียกน้ำย่อย อำนาจอธิปไตยไทย อยู่ในมือพ่อหลวงท่าน ไม่เซ็นต์ ไม่อนุญาต ใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ อยากลองดี กองทัพไทยพร้อมเชือด มาสิ ไอ้สัส! กองทัพของวัง ไม่ใช่ของมรึง ดีออก? จะปีใหม่แล้ว คิดใหม่ ทำใหม่ เอาตัวให้รอดก่อนดีกว่าน่ะ?

    ปล.ที่มาว่าทำไม บรรดาอีพ่อมดยิวหาแดร๊ก เทหุ้น ขายหุ้นเกลื่อน ต่างพากันอุ้มเงินสดไว้ในมือ เพราะไม่มีความแน่นอนในสินทรัพย์ เงินในมือไปแปรรูปเป็นทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และลงทุนในเอเซียดีกว่ายุโรป อเมริกา เพราะเข็มทิศโลกชี้ไปทางนี้อีก 100 ปี อีบุฟเฟ่ต์ หัวหมอ อียิวมันจมูกไว วอลล์สตรีทแค่ตลาดหลอกควาย ดูดเงินมรึงเอาไปปั่นไปกลับ หาแดร๊กมาเป็นศตวรรษ ภาคผลิตไม่มีจริง แค่ตัวกลางดักแดร๊กส่วนต่าง อเมริกามันไม่มีตัวตนนานแล้ว อยู่ได้เพราะควายมันเยอะ อยู่ได้เพราะเล่นแต่กฎหมา เจอของจริง โลกเอาจริง หมา..ไปไม่เป็น! อีโสมขาว เพิ่งจะสำนึก จะสิ้นปี ยอดนักท่องเที่ยวร่วงไม่ถึงเป้า สั่งสอนเป็นแค่ไก่อย่าริชูคอเป็นพญาหงส์(เกี่ยวมั้ยเนี่ย? อินเกิน) พอ BP แตกวง หมดสัญญา ไปฉายเดี่ยวกันหมด รายได้หดหายแบบหน้ามือเป้นหลังส้นตรีน เป็นไงล่ะ ไปทำกับเค้าไว้เยอะ ก่อน LS จะมา ศิลปินต่างชาติโดนกันไปเท่าไหร่แล้ว เวรกรรมมีจริง มรึงไม่ต้องดูไกล? อีขะแมร์โจมตีไทยรายวัน จัดฉากสนิทอีเหลี่ยม หวังเสี้ยมไทยแตก แล้วมรึงดู ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว จีนตบหน้าหงาย ขุดคลองฟูนันเตโช เมกะโปรเจคใหญ่ ที่หวังดูดเงินเข้าไม่ผ่านไทย เจ๊งไม่เป็นท่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ไม่มีใครหนีกรรมพ้นดอก" ไม่ว่าจะเรื่องอะไร? กรรมมีวิธีของมันเอง กรรมมันจะตามล่าไม่สิ้นสุด ยิ่งหนี ยิ่งเจอ ทางเดียวที่จะต่อสู้กับกรรมได้ คือ "รับกรรม และชดใช้กรรมซะ" แล้วมันจะจากไปเอง?

    ปล.2 สุขภาพต้องดี จิตใจต้องแจ่มใส อะไรที่เป็นขยะในสมอง เอามันออกไปก่อนข้ามปี ปลงแล้วใจจะเบาลง ปลงแล้วสติจะกลับมา ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ใครเครียดอยู่ ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องหนี้ ค่าใช้จ่าย ขอให้รู้ไว้ว่า มีคนที่ลำบากกว่ามรึงอีกเยอะ คนพิการ คนสู้ชีวิต หาเช้ากินค่ำ แค่เท้ายังเดินได้ กินอาหารรู้รสชาด มือ แขน ยังทำงานได้ดี สติยังมีอยู่ อัลไซเมอร์ยังไม่เรียกหา มรึงยังจะต้องการอะไรอีก? ทรัพย์สินแค่ของนอกกาย มีเท่าไหร่ มรึงก็ไม่ได้ครอบครองดอก แม้แต่ร่างกายมรึงเอง ยังต้องลาจากกัน หาเงินแต่พอดี อย่าหาเงินเพื่อทรมานตัวเอง ไม่ได้อยู่ที่มรึงหาได้ แต่อยู่ที่มรึงจ่ายต่างหาก หากคิดอะไรไม่ออก ให้ไปหาวัด? คิดเอาเอง เค้ามีแต่ปล่อยหมาเข้าวัด หมามันพูดไม่ได้ ต้องมีคนให้อาหารมัน มรึงยังพูดได้ ยังสื่อสารภาษาคนได้ ไม่มีอดตายดอกน่ะ คนอดตายมีแค่ ไม่ทำห่าอะไรเลยต่างหาก! กินแค่ 3 มื้อ พออิ่ม ยังต้องการอะไรอีก?

    หมี CNN(เปิดเช้าวันจันทร์ด้วยหงส์ แต่จบลงด้วยหมา หมายังดี มันยังซื่อสัตย์ แต่คนใจหมา แม้แต่แผ่นดินเกิด ยังเนรคุณได้ คนกับหมา คือเพื่อนกัน หมารู้คุณคน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนรู้คุณนาย คำว่าสัตว์ประเสริฐ คือมีโอกาสมากกว่าเดรัจฉาน แต่ใจคนยากหยั่งถึง ใจเป็นบาป มรึงก็ไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉาน สติถึงต้องมี แดร๊กเหล้าแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปไล่ยิงคน แค่เด็กเช็คบิล มรึงไม่ต้องตอแหล ยิงซ้ำเนี่ย คือ "ชัด" โทสะมรึงชิมิ งั้นกฎหมายก็เด็ดขาดเช่นกัน ขาดสติ คือขาดความเป็นมนุษย์ มรึงไม่ใช่คน)
    23 ธันวาคม 67(ใกล้คริสต์มาสแล้ว เดี๋ยวเปิดเพลงให้ฟัง "ซาตานคลอส อิส คัมมิ้ง ฟัคกิ้งยิว")
    11.10 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง"
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    23-12-67/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP7 หนาวเนื้อ ห่มเนื้อ จึงหายหนาว! ไอ้สัส! เช้านี้ ล่อ 19 องศา กลางกรุง! ใครบ่นร้อน? เชิญมาอาบน้ำบ้านกูได้ เครื่องทำความร้อนเสีย กระต๊าก กระต๊าก! นี่มันน้ำจากขั้วโลกเหนือนี่หว่า? มันหนาวจัดสุดขีดตั้งแต่ ตี 1 ครึ่งแล้ว คารังอีไก่ หงส์จิกไก่ตายคารังไก่ หนาวยาว ตั้งแต่เปิดยันจบฤดูกาลแน่ มรึงจะเทพไปไหน? อีเรือจมแล้วจมอีก หลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ไปเรียบร้อยแล้ว ปีนี้มันส์ ตัวละครใหม่เข้ามาท้าทาย ยิ่งเข้าใกล้ BOXING DAY มรึงเตรียมแหกตาดูจุใจกันไปเลย 3 นัดติด ขอบคุณเพื่อนท็อฟฟี่ ที่ช่วยเตะตัดขาพญาสิงห์ที่กำลังห้าวเป้ง ให้ได้รู้ตัว ปีนี้ เค้าจองถ้วยแชมป์ไว้ล่วงหน้าแล้ว FA จัดให้ พรีเมียร์ลีคการละคร แทงกันไปสิ เจ้ามือแดร๊กรวบ? หงส์เจอไก่ ไม่มีนัดไหนยิงต่ำกว่า 3 เม็ด แทงสูงเข้าวินทะลุเป้า มรึงยิงกันโหดไปป่ะ นัดเดียว 9 ลูก ไอ้สัด ไม่ใช่แชร์บอลน่ะมรึง? อีเด สายเหลือง ปากดีน่ะมรึง? มรึงระวังตัวเองให้ดีดีเหอะ ไปรับงานเค้ามา ออกตัวแรงมักจะตายตอนจบ ชี้นำสังคมเหรอ คนฟังมรึงมีแต่ควาย? เพราะไร้สมอง เด็กแถวบ้านยังอายแทน ควายได้อีก? ส่วนอีแม่ ไม่ต้องถาม นับแบงค์อย่างเดียว เวรกรรมมีจริง เลือดเป็นพิษ ผีอีโม ไม่ปล่อยมรึงลอยนวลดอก ตามกันไปเผาผีกันต่อชาติหน้า มหากาพย์แรงแค้น ชาตินี้กูตาย ชาติหน้ามรึงตาย อโหสิกรรม แล้วตัดกรรมซะ ภาวนาให้อีอัยกวยสูงไม่สุดไม่รื้อคดีใหม่ จะอ้างเหี้ยอะไรก็ช่าง หลักฐาน คาตา อะไรเป็นอะไร ควายยังรู้ จงแถ จงเหี้ยให้สุดซอย แล้วจบที่ขุมนรกซะน่ะมรึง? แสงคือความจริง แล้วเมื่อแสงทำงาน จะไม่มีไอ้อีหน้าไหน หยุดความจริงได้ นั่นแปลว่า มันไม่จบแค่รื้อคดีหรือไม่ แต่มันจะกลายเป็นวาระแห่งชาติ ส่งสัญญานเบื้องบน หากไม่อยากให้ขบวนการยุติธรรมต้องตายทั้งระบบ หยุดเลือดชั่วซะ ทุกความอัปรีย์ที่มรึงพบเห็นในวันนี้ มันจะมลายสลายไปทันที เมื่อฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วทหารมาเดินพาเหรดลงถนน โดยส่งลูกหลานบางระจันรุ่นที่ 99 ออกมาขับเคลื่อน วิญญานผีอีโม รับรู้แล้วว่า ชาวอโยธยาจะไม่ทอดทิ้งเธอให้เดียวดาย U WILL NEVER WALK ALONE ใครเคยให้สัมภาษณ์อะไรเอาไว้ ระวังให้ดีดี เพราะให้การเท็จ มันจะย้อนศรมรึง มรึงจะแต่งเรื่องยังไงก็ช่าง มันจะจบที่ หลัง 20.36 น. พวกมรึงไม่ได้เห็นผีอีโมอีกแล้ว ปากคำมันจะฆ่ามรึงเอง! สิ่งที่รอคอยกำลังจะมา? ขั้วใหม่รออะไร? ฟองสบู่แตก ระบบการเงินโลกเก่าพังพินาศฉิบหาย เพราะอุ้มดอลล่าร์ จนตายห่าทั้งกะปิ? อีทรัมปป์เตรียมสั่งพิมพ์แบงค์มโหฬาร ชาวโลกถาม? ใครจะจ่าย? มีแต่เศษกระดาษ มีแต่ควายที่รับ? เอาไปเผาเหรอจ๊ะ? เชื่อเหอะว่า สิ่งที่อีทรัมปป์ต้องทำก่อน คือจัดการเรื่องภายในบ้าน ทั้งผู้อพยพ ทั้งปากท้อง ทั้งศัตรูการเมือง มรึงจะมีเวลาไปยุ่งกับรัสเซียน้อยลง และปล่อยให้ไอ้อีนาโต้ หมาหน้าโง่ ไปตายห่าแทน ปล่อย EU แบกดอลล่าร์ต่อ ควายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว? ประชากรควายทั่วยุโรป มรึงรู้ตัวบ้างมั้ยว่า "หาเงินส่งให้อียิวมาเป็นศตวรรษ ผ่านผู้นำขี้ข้ายิวทุกยุคทุกสมัย" รัสเซียอ่านเกมส์ทะลุ ถึงได้กล้าเปิดหน้าแลก เกมส์นุ๊กต้องมา บุกยึดต้องมี ขยายพื้นที่เข้ายุโรปกลาง แต่จะไม่เร่งเดิน แต่จะให้ยุโรปเห็นสภาพความจริงเอง เมื่อรู้ตัวว่าเป็นควาย มันจะย้ายขั้วเองโดยอัตโนมัติ ที่มาว่าทำไมตอนนี้ ยุโรปเรียกร้องพลังงานรัสเซียคืน บีบผู้นำมรึงเองจนเก้าอี้หัก ด้านเอเซีย ก็ใช่ย่อย โกยสิจ๊ะ สงครามมา อะไรมีค่าที่สุด "เสบียง" ถึงได้เลือกทำสงครามใหญ่หน้าหนาวไงล่ะ เพราะรัสเซียมีอาหารตุนไว้เพี๊ยบ พลังงานล้นทะลัก แจกจ่ายสบายตรีน แต่ยุโรปไม่มี ยังต้องแบมือขอ ใครมองมุมไหน มรึงก็แพ้ตั้งแต่เริ่ม? ขนาดกลางบางกอก ยัง 19 องศาเช้านี้ ยุโรปไม่ต้องถาม หนาวตายห่าไปเท่าไหร่แล้ว? ฮีทเตอร์ไม่มา ค่าไฟไม่มี เพราะระบบพื้นฐานมันพังไปหมดแล้ว ยังจะมีหนาวตายอีกเยอะ รอดู? จะหมาไปถึงไหนกันจ๊ะ? เหี้ยมะกัน "หน้าแหกยับ" F-18 ชั้นสูง คุยไว้เยอะ ร่วงคาตา ฮูตีตบหน้าออกสื่อ "กูสอยเอง ดีออก" ตอแหลไม่เลิก เหี้ยมะกันอ้างยิงกันเอง ยังจะมีควายเชื่อมุย? ควายแล้ว ควายอีก ควายไม่ปรึกษาใคร โปรตะวันตก กลายร่างเป็นควายกันหมดโลกแล้วรึ? จนควายต้องออกมาเรียกร้อง โปรดเรียกกูใหม่ว่า "กระบือ" เพราะไอ้อีมนุษย์ควายมันเอาชื่อกูไปใช้หมดแล้ว เทคโนโลยีสู้เค้าไม่ได้ แผนการก็อ่อนหัด เก่งแต่จัดฉาก ตอแหลไปวันวัน สู้จริง อย่างหมา! อ้าว..เงียบกริบเชียวน่ะมรึง! ข่าวเยรูซาเล็มตามสื่อควายหายไปไหนกันหมด? อ๋อ..จุกอก โดนสอย กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ จนลิ้นจุกปากอยู่ไงจ๊ะ? อีเนรคุณทันยา หายหัวเชียวมรึง? ปากเก่ง ปากดี อยู่ไหนจ๊ะ? หลังอีไก่งวงเข้าไปผลัดแผ่นดินใหม่ให้ซีเรีย ข่าวเงียบทันควัน เพราะโดนรมควันอยู่จ๊ะ ควันดินปืนฟุ้งกระจาย ไก่งวงทำงานเร็วเชียวน่ะมรึง หลังจ้องบ่อน้ำมันซีเรียมานาน กูมายึดคืน ให้กูซะดีดี ค่ายทหารมะกันเตรียมเผ่น งวดนี้ ของจริง F-16 กว่า 200 ลำ เตรียมดาหน้าถล่มม้วนเดียวจบ จะอยู่ให้โง่รึจ๊ะ? รู้แล้วชิมิ? ทำไมต้อง "ออตโตมาน" ทหารซีเรีย อิรัก เก็บแรงเอาไว้ หน้าที่มรึงคือ ที่ราบสูงโกลาน เป้าหมายชัด! สิ้นปีนี้มีอะไรรึจ๊ะ? โปรไฟไหม้มาเต็ม โปรล้างบางมาชัด! รัสเซียเก็บกวาดเคียฟ 3 ฮอ เก็บกวาดเยรูซาเล็ม ไก่งวงเก็บกวาดบ่อน้ำมันเคิร์ด ยุโรปเก็บกวาดผู้นำขี้ข้ายิว ขวาจัดแจ้งเกิด มาเต็มตรีน! ค่าไฟ ภาษี ค่าใช้จ่ายท่วมหัว รายการชักดาบมาทั่วยุโรป เศรษฐกิจพังยับ โรงงานปิด คนตกงาน สวัสดิการไม่มี คลังถังแตก ชีวิตดี๊ดี กับปชต.หอมหวน แดร๊กกันต่อสิจ๊ะ? เกมส์โลกไม่เขยิบ เกมส์ไทยจะแซงหน้าได้ไง? ทุกอย่างมันไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเลือกแล้ว แต่ขี้ข้าเหี้ยหาช่องลงบันไดอยู่ อีปินส์สิ้นชาติ อีขะแมร์สิ้นฤทธิ์ ไม่มีจีน มรึงก็ NOBODY ย้ำว่า อย่าห่วงอโยธยา เพราะไม่ว่าเหี้ยจะส่งเรือเหี้ยอะไรเข้ามา คือถูกล้อมหมด จีนเค้าปักหมุดรอไว้แล้ว รัสเซียเตรียมขนของหนักเข้ามาอ่าวไทย ไม่ได้ยิงใคร แค่ขู่ให้รู้ว่า กูพร้อมฆ่า หากมรึงต้องการ? เกาะคูริว ใกล้แค่นี้ สั่งแป๊บเดียวก็มาถึง? จบเรื่องอีว้าแดง เรื่องเกาะกูด แค่ละครปาหี่คั่นฉาก MOU44 เป็นแค่เรียกน้ำย่อย อำนาจอธิปไตยไทย อยู่ในมือพ่อหลวงท่าน ไม่เซ็นต์ ไม่อนุญาต ใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ อยากลองดี กองทัพไทยพร้อมเชือด มาสิ ไอ้สัส! กองทัพของวัง ไม่ใช่ของมรึง ดีออก? จะปีใหม่แล้ว คิดใหม่ ทำใหม่ เอาตัวให้รอดก่อนดีกว่าน่ะ? ปล.ที่มาว่าทำไม บรรดาอีพ่อมดยิวหาแดร๊ก เทหุ้น ขายหุ้นเกลื่อน ต่างพากันอุ้มเงินสดไว้ในมือ เพราะไม่มีความแน่นอนในสินทรัพย์ เงินในมือไปแปรรูปเป็นทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และลงทุนในเอเซียดีกว่ายุโรป อเมริกา เพราะเข็มทิศโลกชี้ไปทางนี้อีก 100 ปี อีบุฟเฟ่ต์ หัวหมอ อียิวมันจมูกไว วอลล์สตรีทแค่ตลาดหลอกควาย ดูดเงินมรึงเอาไปปั่นไปกลับ หาแดร๊กมาเป็นศตวรรษ ภาคผลิตไม่มีจริง แค่ตัวกลางดักแดร๊กส่วนต่าง อเมริกามันไม่มีตัวตนนานแล้ว อยู่ได้เพราะควายมันเยอะ อยู่ได้เพราะเล่นแต่กฎหมา เจอของจริง โลกเอาจริง หมา..ไปไม่เป็น! อีโสมขาว เพิ่งจะสำนึก จะสิ้นปี ยอดนักท่องเที่ยวร่วงไม่ถึงเป้า สั่งสอนเป็นแค่ไก่อย่าริชูคอเป็นพญาหงส์(เกี่ยวมั้ยเนี่ย? อินเกิน) พอ BP แตกวง หมดสัญญา ไปฉายเดี่ยวกันหมด รายได้หดหายแบบหน้ามือเป้นหลังส้นตรีน เป็นไงล่ะ ไปทำกับเค้าไว้เยอะ ก่อน LS จะมา ศิลปินต่างชาติโดนกันไปเท่าไหร่แล้ว เวรกรรมมีจริง มรึงไม่ต้องดูไกล? อีขะแมร์โจมตีไทยรายวัน จัดฉากสนิทอีเหลี่ยม หวังเสี้ยมไทยแตก แล้วมรึงดู ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว จีนตบหน้าหงาย ขุดคลองฟูนันเตโช เมกะโปรเจคใหญ่ ที่หวังดูดเงินเข้าไม่ผ่านไทย เจ๊งไม่เป็นท่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ไม่มีใครหนีกรรมพ้นดอก" ไม่ว่าจะเรื่องอะไร? กรรมมีวิธีของมันเอง กรรมมันจะตามล่าไม่สิ้นสุด ยิ่งหนี ยิ่งเจอ ทางเดียวที่จะต่อสู้กับกรรมได้ คือ "รับกรรม และชดใช้กรรมซะ" แล้วมันจะจากไปเอง? ปล.2 สุขภาพต้องดี จิตใจต้องแจ่มใส อะไรที่เป็นขยะในสมอง เอามันออกไปก่อนข้ามปี ปลงแล้วใจจะเบาลง ปลงแล้วสติจะกลับมา ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ใครเครียดอยู่ ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องหนี้ ค่าใช้จ่าย ขอให้รู้ไว้ว่า มีคนที่ลำบากกว่ามรึงอีกเยอะ คนพิการ คนสู้ชีวิต หาเช้ากินค่ำ แค่เท้ายังเดินได้ กินอาหารรู้รสชาด มือ แขน ยังทำงานได้ดี สติยังมีอยู่ อัลไซเมอร์ยังไม่เรียกหา มรึงยังจะต้องการอะไรอีก? ทรัพย์สินแค่ของนอกกาย มีเท่าไหร่ มรึงก็ไม่ได้ครอบครองดอก แม้แต่ร่างกายมรึงเอง ยังต้องลาจากกัน หาเงินแต่พอดี อย่าหาเงินเพื่อทรมานตัวเอง ไม่ได้อยู่ที่มรึงหาได้ แต่อยู่ที่มรึงจ่ายต่างหาก หากคิดอะไรไม่ออก ให้ไปหาวัด? คิดเอาเอง เค้ามีแต่ปล่อยหมาเข้าวัด หมามันพูดไม่ได้ ต้องมีคนให้อาหารมัน มรึงยังพูดได้ ยังสื่อสารภาษาคนได้ ไม่มีอดตายดอกน่ะ คนอดตายมีแค่ ไม่ทำห่าอะไรเลยต่างหาก! กินแค่ 3 มื้อ พออิ่ม ยังต้องการอะไรอีก? หมี CNN(เปิดเช้าวันจันทร์ด้วยหงส์ แต่จบลงด้วยหมา หมายังดี มันยังซื่อสัตย์ แต่คนใจหมา แม้แต่แผ่นดินเกิด ยังเนรคุณได้ คนกับหมา คือเพื่อนกัน หมารู้คุณคน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนรู้คุณนาย คำว่าสัตว์ประเสริฐ คือมีโอกาสมากกว่าเดรัจฉาน แต่ใจคนยากหยั่งถึง ใจเป็นบาป มรึงก็ไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉาน สติถึงต้องมี แดร๊กเหล้าแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปไล่ยิงคน แค่เด็กเช็คบิล มรึงไม่ต้องตอแหล ยิงซ้ำเนี่ย คือ "ชัด" โทสะมรึงชิมิ งั้นกฎหมายก็เด็ดขาดเช่นกัน ขาดสติ คือขาดความเป็นมนุษย์ มรึงไม่ใช่คน) 23 ธันวาคม 67(ใกล้คริสต์มาสแล้ว เดี๋ยวเปิดเพลงให้ฟัง "ซาตานคลอส อิส คัมมิ้ง ฟัคกิ้งยิว") 11.10 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง" https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง พายุดีเปรสชัน บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ฉบับที่ 1 ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (22 ธ.ค. 67) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจุด 10.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนและคาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 24-25 ธ.ค. 67 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 25-26 ธ.ค. 67 มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
    กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้

    ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น

    สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
    กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง พายุดีเปรสชัน บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ฉบับที่ 1 ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (22 ธ.ค. 67) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจุด 10.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนและคาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 24-25 ธ.ค. 67 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 25-26 ธ.ค. 67 มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมไม่แน่ใจว่า “นายกรัฐมนตรี อ.อ.” เคยรู้เห็นเรื่องเกี่ยวกับ พรบ.การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ปี ๒๕๖๒ หรือไม่

    หรือเธอถูกปิดบังไม่ให้รู้เรื่องนี้

    หรือเคยศึกษาเรื่อง “กฎหมายทะเลหรือไม่?” ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีมีความรับผิดชอบเรื่อง “ผลประโยชน์ของชาติทั้งมวล โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางทะเล”

    เอาละ “เรื่องมาตราส่วนแผ่นที่ระหว่างแผนที่ทางบกกับแผ่นที่ทางทะเลต่างกัน มาตรฐานการใช้มาตราส่วนต่างกัน แผนที่ทะเลมีมาตรฐานเดียวทั้งโลก แต่มาตราส่วนขึ้นอยู่กับขนาดของแผ่นที่ที่ใช้ว่าต้องการละเอียดมากน้อยอย่างไร ซึ่งมีมาแต่โบราณแต่มาตราส่วนแผ่นที่ทางบกนั้นแต่งต่างกันตามยุค ตามเวลา ที่มีการทำขึ้นเพื่อใช้ในข้อตกลง

    แต่แผ่นที่ทะเลมีการกำหนดพิกัดตำบลสมมติบนผิวทะเลตามเส้นรุ้ง เส้นแวงที่มีฐานจากการวัดตำแหน่งของดวงดาวตามที่ Sextant เครื่องวัดมุมตามตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ ที่กระทำต่อพื้นผิวทะเล

    ทำให้วิธี “คำนวณลากเส้นมัธยฐานเลขาคณิตสมุทรศาสตร์เป็นสากล”

    ดังนั้นการกำหนดเส้นมัธยฐานทางทะเลเพื่อแบ่งเขตทะเลจึงพิสูจน์ได้ง่ายเป็นสากลตาม กฎหมายทะเล ที่สหประชาชาติประกาศใช้

    พรบ.ประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยของไทย พ.ศ.๒๕๑๖ (ค.ศ.๑๙๗๓) ก็เป็นไปตาม “หลักกฎหมายทะเลของสหประชาชาติว่าด้วยการกำหนดเขตไหล่ทวีป แต่เขตไหล่ทวีปไม่ละเอียดพอ ทำให้สหประชาชาติจึงออกกฎหมายทะเล ฉบับปี ค.ศ. ๑๙๘๒ (พ.ศ.๒๕๑๕) เพื่อ “ขยายความไหล่ทวีปที่มีขนาดไม่เท่ากันในพื้นที่ทะเลต่างๆ และแก้ไขด้วยการกำหนดเป็นระยะทาง ๒๐๐ ไมล์ทะเล” แต่ก็ยังใช้หลักการทางนิตินัยเดิมเป็นหลัก

    It was not until 1982 with the UN Convention on the Law of the Sea (UNCLOS) that the 200 nautical mile exclusive economic zone was formally adopted.

    ตัวแปรหลักๆ เรื่อง “พื้นที่ไหล่ทวีป (ก่อน พ.ศ.๒๕ค๑๕) เปลี่ยนเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ๒๐๐ ไมล์ทะเล” แต่พื้นฐานการลากเส้นกำหนดเขตทะเลเป็นไปตาม “กฎหมายทะเล” ก่อนหน้านี้ คือ ๑. แนวเส้นชายฝั่งทะเลของไทยและวัดออกไป ๒๐๐ ไมล์ทะเลจากแนวเขตทะเลต่อเนื่องที่น้ำลงต่ำสุด โดยลากตามหลักกฎหมายทะเล ๒๕๑๕ (ค.ศ.๑๙๘๒) ๒. เกาะกูดเป็นของไทยตามสนธิสัญญาสยาม/ฝรั่งเศส และเกาะกูดตามกฎหมายทะเลนั้นมีทะเลอาณาเขตของมันเอง แม้ติดกับชาบฝั่งทะเลของกัมพูชาก็ตามก็มีกฎหมายกำหนดวิธีกำหนดเขตชายฝั่งของเกาะกูด

    ดังนั้นเรื่อง “พื้นที่ไหล่ทวีปหรือเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ๒๐๐ ไมล์ทะเลไม่มีการทับซ้อนกัน” อย่างแน่นอน (ศึกษาเพิ่มเติมจาก IILSS - International Institue for Law of the Sea Studies ซึ่งเป็นองค์กรที่ปรึกษากฎหมายทะเลอิสระ)

    ไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรี อ.อ.รู้เรื่องหรือเปล่า (เห็นท่าทางจะใช้ IPad ได้คล่องแคล่ว).

    :Vachara Riddhagni
    ผมไม่แน่ใจว่า “นายกรัฐมนตรี อ.อ.” เคยรู้เห็นเรื่องเกี่ยวกับ พรบ.การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ปี ๒๕๖๒ หรือไม่ หรือเธอถูกปิดบังไม่ให้รู้เรื่องนี้ หรือเคยศึกษาเรื่อง “กฎหมายทะเลหรือไม่?” ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีมีความรับผิดชอบเรื่อง “ผลประโยชน์ของชาติทั้งมวล โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางทะเล” เอาละ “เรื่องมาตราส่วนแผ่นที่ระหว่างแผนที่ทางบกกับแผ่นที่ทางทะเลต่างกัน มาตรฐานการใช้มาตราส่วนต่างกัน แผนที่ทะเลมีมาตรฐานเดียวทั้งโลก แต่มาตราส่วนขึ้นอยู่กับขนาดของแผ่นที่ที่ใช้ว่าต้องการละเอียดมากน้อยอย่างไร ซึ่งมีมาแต่โบราณแต่มาตราส่วนแผ่นที่ทางบกนั้นแต่งต่างกันตามยุค ตามเวลา ที่มีการทำขึ้นเพื่อใช้ในข้อตกลง แต่แผ่นที่ทะเลมีการกำหนดพิกัดตำบลสมมติบนผิวทะเลตามเส้นรุ้ง เส้นแวงที่มีฐานจากการวัดตำแหน่งของดวงดาวตามที่ Sextant เครื่องวัดมุมตามตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ ที่กระทำต่อพื้นผิวทะเล ทำให้วิธี “คำนวณลากเส้นมัธยฐานเลขาคณิตสมุทรศาสตร์เป็นสากล” ดังนั้นการกำหนดเส้นมัธยฐานทางทะเลเพื่อแบ่งเขตทะเลจึงพิสูจน์ได้ง่ายเป็นสากลตาม กฎหมายทะเล ที่สหประชาชาติประกาศใช้ พรบ.ประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยของไทย พ.ศ.๒๕๑๖ (ค.ศ.๑๙๗๓) ก็เป็นไปตาม “หลักกฎหมายทะเลของสหประชาชาติว่าด้วยการกำหนดเขตไหล่ทวีป แต่เขตไหล่ทวีปไม่ละเอียดพอ ทำให้สหประชาชาติจึงออกกฎหมายทะเล ฉบับปี ค.ศ. ๑๙๘๒ (พ.ศ.๒๕๑๕) เพื่อ “ขยายความไหล่ทวีปที่มีขนาดไม่เท่ากันในพื้นที่ทะเลต่างๆ และแก้ไขด้วยการกำหนดเป็นระยะทาง ๒๐๐ ไมล์ทะเล” แต่ก็ยังใช้หลักการทางนิตินัยเดิมเป็นหลัก It was not until 1982 with the UN Convention on the Law of the Sea (UNCLOS) that the 200 nautical mile exclusive economic zone was formally adopted. ตัวแปรหลักๆ เรื่อง “พื้นที่ไหล่ทวีป (ก่อน พ.ศ.๒๕ค๑๕) เปลี่ยนเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ๒๐๐ ไมล์ทะเล” แต่พื้นฐานการลากเส้นกำหนดเขตทะเลเป็นไปตาม “กฎหมายทะเล” ก่อนหน้านี้ คือ ๑. แนวเส้นชายฝั่งทะเลของไทยและวัดออกไป ๒๐๐ ไมล์ทะเลจากแนวเขตทะเลต่อเนื่องที่น้ำลงต่ำสุด โดยลากตามหลักกฎหมายทะเล ๒๕๑๕ (ค.ศ.๑๙๘๒) ๒. เกาะกูดเป็นของไทยตามสนธิสัญญาสยาม/ฝรั่งเศส และเกาะกูดตามกฎหมายทะเลนั้นมีทะเลอาณาเขตของมันเอง แม้ติดกับชาบฝั่งทะเลของกัมพูชาก็ตามก็มีกฎหมายกำหนดวิธีกำหนดเขตชายฝั่งของเกาะกูด ดังนั้นเรื่อง “พื้นที่ไหล่ทวีปหรือเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ๒๐๐ ไมล์ทะเลไม่มีการทับซ้อนกัน” อย่างแน่นอน (ศึกษาเพิ่มเติมจาก IILSS - International Institue for Law of the Sea Studies ซึ่งเป็นองค์กรที่ปรึกษากฎหมายทะเลอิสระ) ไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรี อ.อ.รู้เรื่องหรือเปล่า (เห็นท่าทางจะใช้ IPad ได้คล่องแคล่ว). :Vachara Riddhagni
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทหารเรือ #ราชนาวี #ชาติไทย ออกฝึกทาง #ทะเล พื้นที่ #อ่าวไทย เพื่อเสริมความ #ชำนาญ #แข็งแกร่ง พร้อมดูแล #ปกป้อง #รักษา #อาณาเขต #อธิปไตย ของ #ประเทศไทย ตามแผนที่ใน #พระบรมราชโองการ และ #สคส #พระราชทาน ปี 2547
    #ทหารเรือ #ราชนาวี #ชาติไทย ออกฝึกทาง #ทะเล พื้นที่ #อ่าวไทย เพื่อเสริมความ #ชำนาญ #แข็งแกร่ง พร้อมดูแล #ปกป้อง #รักษา #อาณาเขต #อธิปไตย ของ #ประเทศไทย ตามแผนที่ใน #พระบรมราชโองการ และ #สคส #พระราชทาน ปี 2547
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12-12-67/01 : หมี CNN / แผนซ้อน 3 ชั้นครึ่ง บวกเกลียวอีกครึ่งรอบ ไอ้สัส! จะเยอะไปไหน? นี่กะ ให้อเมริกา อิสราเอล อังกฤษ สิ้นเนื้อประดาตัวกันเลยชิมิ? จากมหาอำนาจกลายร่างเป็นขอทาน ในช่วงไม่กี่ปี? โหดสลัดรัสเซียของจริง!"แผนเมืองร้าง" ชั้นที่ 1 ไม่ได้แค่ล่อให้เข้ามาติดกับดักตายอย่างเดียว"แผนเมืองร้าง" ชั้นที่ 2 ดูดเงิน ทรัพยากรเหี้ย กำลังพล มากกว่าเก่าเยอะ"แผนเมืองร้าง" ชั้นที่ 3 ปลดแอกตะวันออกกลาง ยุโรป แปซิฟิค ทีเดียวหากเริ่มดูตั้งแต่แรก ที่ปูตินยกพลบุกยูเครน เพื่อทำลายแนวกันชนเก่า ขยายพื้นที่ กินทรัพยากรสำคัญทั้งหมดที่ยูเครนมี แล้วขยายต่อไปยังใจกลางยุโรป ทั้งหมดคือแผนเดินสู่ท่อแก็สอาร์คติค จากนั้น ขยายแนวรบ หันมาขยี้อียิว นายใหญ่เหี้ยไอ้อีตะวันตก เพราะรู้ดีว่า ขี้ข้าต้องแห่กันมาช่วยอุ้ม แล้วเป็นยังไง หมดตูดตามกัน หลัง 2.5 ปี แห่งศึกยูเครน EU NATO ถังแตก หมดตูด เศรษฐกิจพังยับ เพราะไม่มีพลังงานรัสเซียราคาถูกมาใช้ เกือบ 3 ปี ที่ต้องจ่ายแพง เจ๊งสิจ๊ะ อุตสาหกรรมหลัก อุตสาหกรรมใหญ่ ปิดกิจการเพราะแบกต้นทุนไม่ไหว เกณฑ์ทหารเพิ่มเป็นรอบที่ 10 กลับมาเป็นถุงดำเพี๊ยบ หมดทั้งเงิน อำนาจ กำลังพล ทำให้ต้องถอย ตีตัวห่างจากอียิว ดาบหนักสุดคือ "ดอกนี้" ล่ออียิวให้เข้ามาซีเรีย มันต้องใช้กำลังพลมากเท่าไหร่ มันต้องใช้อาวุธอีกเท่าไหร่ มันต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ แล้วจะไปเอามาจากไหน หากไม่ใช่ขี้ข้าไงล่ะ? ที่มาว่าทำไม หุ่นเชิดผู้นำทั่วยุโรป ถูกเช็คบิล เก้าอี้ร่วงกันหมด เพราะประจักษ์ชัดแล้วว่า มรึงไม่ได้ทำเพื่อประชาชน แต่ทำเพื่อยิว อ๋อ..ควายเพิ่งจะตื่น เป็นไง ประชาธิปไตยแดร๊กได้มั้ยล่ะ? การที่ปูตินเดินแผน ย้ายอัสซาดออกไป ใช้หุ่นเชิดแทน เอาอีไก่งวงที่เสี้ยนอยากจะฆ่าล้างโคตรอีเคิร์กกบฎ เอามาเสียบ ดอกนี้ ยิงปืนนัดเดียว เหี้ยตายทั้งฝูง เพราะอีไก่งวงมันเป็นชาติสมาชิกนาโต้ นาโต้มีกฎจะไม่รบกันเอง นี่คือเงื่อนไข ช่องโหว่ ให้ไอ้อีขี้ข้ายิวที่เตรียมย้ายขั้ว ใช้เป็นข้ออ้างไม่เดินหน้าต่อ ไม่ช่วยอียิวไงล่ะ และเป็นเหตุให้อีไก่งวงประกาศถอนตัวออกจาก NATO แล้วจะมีตามมาอีกเพี๊ยบ แค่รอมรึงเปิดฟลอร์เท่านั้นเอง แตกทั้ง NATO แตกทั้ง EU ไม่งั้น อีลูคาเชนโก คงไม่ยิ้มแก้มหุบดอก ว่าของดี ของหนัก อยู่ในมือกู WAGNER อยู่เป็นกองทัพ กูจะไล่ฆ่าใครก็ได้ เสร็จกูล่ะ? ลูคาเชนโกซี้ปูติน ย่อมรู้ดีว่า เพื่อนรักต้องการอะไร เดี๋ยวเปิดพรมแดงปูทางสู่ลอนดอนให้จ๊ะ ไล่กวาดทั้งอีโปล อี 3 เสือก อีสวิงกิ้ง อีฟินน์ให้ฟรีฟรี ไม่คิดตังค์ แค่เติมของดี ของหนักให้ก็พอแล้ว? อาร์คติคมาชัวร์ ใครก็หยุดไม่ได้! เมื่อตะวันออกกลางแพ้ยับ เมื่อยุโรปเละเทะ เหี้ยยิวจะหนีไปไหนได้อีก นอกจากโดนตรีนผู้นำโลกคนใหม่จากจีน ตบหัวคว่ำคะมำ แค่อีปินส์ แค่อีไต้หวัน แค่ที่รองตรีนจีนเท่านั้น อยากหยุดกูมรึงต้องมาเอง มาตายห่าที่นี่ นั่นแหละแผนกู เมื่อสงครามเดินหน้าไป แต่อีกฝ่ายขั้วใหม่ การค้ารุ่งเรือง ต่อยอดโลกเชื่อมหากันสำเร็จ จะกลายเป็นว่า มรึงรบไป ผลาญคลังจนถังแตก แต่ขั้วใหม่ เงินเติมทุกวันไม่มีหมด เหตุเพราะ BRICS แลกเปลี่ยน ซื้อขาย กันในกลุ่ม ไม่ต้องอาศัยอัตราแลกเปลี่ยนเหี้ย ที่กดควายโลกมาโดยตลอด ดังนั้น ทรัพยากรขั้วใหม่ จึงไม่มีหมด มีเติมทุกวัน แต่เหี้ยใช้ออกทุกวัน นี่คือความแตกต่างของผู้ชนะ กับผู้แพ้ราบคาบ มีที่ไหน รัสเซียทำสงครามยูเครนเกือบ 3 ปี แต่เงินยังอยู่ครบ แถมมีเพิ่มขึ้น ขายน้ำมันน้อยกว่าเดิม แต่กำไรเพิ่มขึ้น 2 เท่า ไม่อัจฉริยะ ทำไม่ได้ดอก ที่มาว่าทำไมเปลี่ยนขุนคลัง มาเป็นแม่ทัพซะงั้น เพราะทุกการรบ มีรายจ่ายที่ต้องจ่าย อ่านขาด ปล่อยให้คลังเหี้ยเจ๊งตามกันไป เพราะควบคุมการเงินไม่ได้ เมื่อคลังแตก แผ่นดินก็ล่มสลาย ฆ่าที่ปากท้องมรึง น่ากลัวกว่าตายในสมรภูมิซะอีก เพราะมันฆ่าถึงคนข้างหลัง ครอบครัวลูกหลานมรึงทั้งหมดด้วย จะไม่มีแดร๊กอีกนานสิ่งที่ปูตินทำอยู่ตอนนี้ แค่เอาตัวปัญหาที่เหี้ยอ้างมาโดยตลอดออกไป(อัสซาด) ยามเมื่อเคลียร์เหี้ยตายห่าเกลื่อนแผ่นดินสำเร็จ อัสซาดจะกลับมาอย่างวีรบุรุษก็ได้ หรืออยู่ยาวที่มอสโคว์ก็ได้ ใช้หุ่นเชิดต่อไป แผนนี้ เรียกใช้บริการอีไก่งวง เพราะจัดการปัญหาคาบสมุทรไซนาย ที่คาราคาซังมาช้านาน เอาให้จบเสียที เพื่อเดินหน้าสิ่งใหม่กว่า ดีกว่า และแบ่งปันเท่าเทียม เหมาะแล้วที่ใช้อีเติร์กมหาภัย เพราะมันเสี้ยนจัดปลัดบอก แค่ได้ยินชื่อเคิร์ด ฆ่าให้ฟรี ไม่มีชาร์ต แล้วอียิวมันส่งกองทัพแห่เข้ามาซีเรีย อ้างยึดที่ราบสูงโกลาน ถามคำเดียว มรึงเข้ามาแล้วยังไงต่อ จะอยู่ต่อยังไง ต้องใช้อะไรเพิ่ม ต้องจ่ายอะไรบ้าง ต้องสร้างอะไรเพิ่มอีก อ้าว..แล้วหลังบ้านมรึง ที่ถูกถล่มยับทุกวันเนี่ย ใครจะดูแล มันคือแผนบีบขยายกองกำลังอียิว สหรัฐ NATO ให้แตก LINE ไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้อ่อนแอ เพราะกำลังพลไม่พอ เทียบโลกอาหรับไม่ได้ แถมยิ่งใช้พลังงานมากขึ้นไม่สังเกตุเหรอ? ทำไม ปูตินต้องใช้แผนนี้ ในฤดูหนาว คิดสิจ๊ะ? หนาวมาอะไรแพง? หนาวมาอะไรขาด? หนาวมาอะไรสำคัญที่สุด ทั้งอาวุธ เงิน อาหาร พลังงาน กำลังพล จะถูกใช้มากที่สุดก็หนาวนี้แหละ เอาอียิวมาติดหล่มสงครามต่อในตะวันออกกลาง ด้านยุโรปยิ่งฉลุย เพราะจะไม่มีใครมาช่วยอีเสี้ยนยาต่อ แปลว่ารัสเซียไม่เหนื่อย ยึดยูเครนเบ็ดเสร็จ ตบอีโปล ล่ออีฟินน์ ขยี้อีสวิงกิ้ง และตบท้ายด้วยเขมือบอีลอนดอน แค่นี้ ท่อแก็สอาร์คติค ก็ผ่านฉลุย สวยเก๋ ยิ่งกว่าออด๊าส! คำถามที่ทุกคนรอดคอย? ปล่อยอียิวยึดซีเรียแล้วจะยึดคืนยังไง? ระดับปูติน ไม่มั่นใจ 1000% ไม่เดินแผนนี้ ก็โง่! เพราะอ่านขาด ทุกอย่างเป็นต่อ และได้เปรียบอย่างมหาศาล ไม่ใช้แผนนี้ มันจะไม่จบน่ะสิ นี่คือ "ปิดเกมส์" ไบ้ให้ ต่อให้มรึงยึดซีเรียไป แต่เยรูซาเล็มแตก แล้วมรึงอยู่วงล้อมชาติอริทั่วตะวันออกกลาง จะไปรอดมั้ย? 3 ฮอ ซีเรีย อิรัก เลบานอน เยเมน ยึดแผ่นดินคานาอันได้ชัวร์ เค้าถึงปล่อยให้มรึงย้ายฐานมาซีเรีย เพราะยิ่งปิดง่ายขึ้น เมื่อบ้านไม่มีอยู่ ไอ้ที่มรึงยึดได้คือเมืองร้าง มีประโยชน์อะไร? แถมอีไก่งวงอยู่เต็มพื้นที่ไปหมด ใครจะแพ้กันล่ะ? สรุปคือ "แผนเมืองร้าง" คือยาเร่งผลลัพธ์แพ้ชนะทันควันปล.ปูตินไม่ได้คุยแค่กับโลกอาหรับ แต่คุยกับอีทรัมปป์ด้วย หากเป็นไปตามที่หมีคิด เดี๋ยวมรึงดู ศึกในอเมริกาให้ดีดี อีทรัมปป์จะทำอะไรช็อคโลกให้มรึงได้เห็นแน่ เพราะเป้าหมายเดียวกัน คือ "กำจัด DEEP STATE" งานนี้ หากไม่มีขั้วใหม่ช่วย อีทรัมปป์ทำคนเดียวไม่ได้ดอก เพราะอีลา ยังคงเป็นขวากหนาม ดูทรงให้ดี ที่ผ่านมา ขั้วใหม่ ตัดแหล่งรายได้เหี้ยยิว ตัดแหล่งเงินฟอก ตัดโลจิสติคขนส่ง ตัดอิทธิพลเหี้ยในทุกภูมิภาคโลก ทั้งหมดเพื่ออะไร? ย่อส่วนอเมริกาให้เล็กลง เป็นไปตามแผนที่อีทรัมปป์ต้องการ แตกอเมริกา อียิวได้บ้าน อีทรัมปป์ได้แผ่นดินตัวเอง ปาเลสไตน์ได้แผ่นดินคืน ตะวันออกกลางรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ยุโรปหมดสภาพ นี่คือภาพรวมที่มรึงจะได้เห็นอีกไม่ช้า บอกเลยว่า..ทุกอย่างถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาคิด? การล่อให้ศัตรูเข้ามาในแผ่นดินที่มรึงคุ้นเคย กับดักวางไว้เพี๊ยบ กองทัพไก่งวง ได้ถ่ายเทอาวุธ โยกย้าย ของหนักเข้ามาเติม มรึงคิดว่าซีเรียจะไม่ปึ๊กได้อย่างไร เพราะทุกอย่างอยู่ครบ แค่เปลี่ยนหัว เปลี่ยนมือที่มองไม่เห็น เข้ามาจัดการแทนข้ามวิกแป๊บ มีคนถาม กองเรือรัสเซียที่อยู่อ่าวไทย เรือสหรัฐอยู่ใต้ แปลว่าอะไร? แปลว่า "มรึงเขยิบ กูขยับ" รัสเซียไม่จำเป็นต้องรีบแสดงความเป็นเจ้าของภูมิภาค แค่สะกดให้มรึงนิ่งก็ชนะแล้ว กองเรือจีนยิ่งใหญ่มหาศาล แค่แห่ส่งมาเติม มรึงคิดว่าเหี้ยมันจะอยู่ต่อมุย? เกาะแสปรดลี่ย์ ทุกวันนี้คือ ฐานทัพจีนที่ทรงพลังมากที่สุดแห่งนึง เค้าดักทางรอเหี้ยโผล่นานแล้ว อาเซียนจับมือกันมั่น อีปินส์ยังไงก็แหกมติอาเซียนไม่ได้ ถูกถีบทันที อยากออกก็เชิญ มรึงจะหมาหัวเน่าทันที ทำไม อเมริกาไม่กล้าเปิดหน้ากับจีน เพราะศักยภาพเป็นรอง หมายังรู้ แต่ควายไม่รู้ ถึงได้แต่เปิดสงครามการค้าแก้เกี้ยว มรึงคิดว่าอีทรัมปป์มันสนเหรอ? มันแค่ต้องการเป็น KING มีแผ่นดินของตัวเอง แผ่นดินอื่นจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงตายเพื่อไอ้อีที่จ้องจะฆ่ากูไปทำไมกันล่ะ? ใช่ อีทรัมปป์มันทิ้งอียิวเหี้ยไซออนนิสต์นานแล้ว ถึงได้โดนไป 200 กว่าคดีไงล่ะ โคตรพ่อง โคตรแม่ ทำอย่างกะขายถั่วต้ม ฟ้องแหลก ขนาดแอบตดยังโดน! แล้วทำไม อีทรัมปป์ ถึงไม่อยากจะเอาคืนบ้างล่ะ? เรื่องบ้านเรา ปล่อยศรีธนญชัย เค้าเล่นแร่แปรวิญญานไป สนุกเค้าล่ะ แค่เหลืองสยองออกมาลงชื่อ สื่อยังตีอย่างกะล้มรัฐบาล กลัวขี้หดตดหายกันใหญ่ ยามใหญ่บอก ยังไม่ต้องรีบกลัว เพราะมรึงยังต้องมีอะไรให้กลัวอีกเยอะ เหี้ัยแบบนี้ กูชอบ! อ่านเกมส์ให้ขาด ทำไม ยามใหญ่ถึงดึงประเด็น "พระบรมราชโองการ" ออกมา ชูแผนที่สคส.ในหลวงร.9 มันชัดซะยิ่งกว่าชัด พ่อยืนยันขอบเขตพื้นที่ด้วยตัวเอง ใครหน้าไหน กล้าขัดราชโองการ โทษ "ประหารชีวิต" มรึงกล้ามั้ยล่ะ? ศาลรอ ปล.2 พระราชโองการ อยู่เหนือกว่ากฎหมาย ซะอีก โปรดเกล้าต้องมีตราตั้ง มรึงไม่ต้องแปล จะแถยังไงดูรากเหง้ามรึงด้วย ใครคือ พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อก็บอก ว่าทุกอย่างในแผ่นดินนี้ เป็นของพระเจ้าอยู่หัว แม้แต่ชีวิตมรึง! เชิญเอาประชาธิปไตยไปแดร๊กแถวอเมริกา ยุโรป ที่กำลังจะบ้าคลั่งไล่ฆ่า แย่งกันแดร๊กอยู่ตอนนี้เหอะ ยังไง กูเอาหัวเป็นประกันได้เลย ในรัชสมัยตั้งแต่พ่อร.10 ขึ้นไป จะมีแต่จะเพิ่มพูลแผ่นดินขยายเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีลด ไม่มีเสียดินแดน มีแต่เพิ่ม เพิ่ม และเพิ่ม รวมทั้งประชากรโลก ที่จะขอเข้ามาอาศัยใต้ร่มไพธิ์พ่อท่าน แค่ตอนนี้ ชาวโลกแห่กันเข้ามาขออยู่อาศัยแล้วเท่าไหร่รู้มั้ย? ไม่มีที่ไหน อุ่นใจ สบายใจ เท่าเมืองไทย เราถึงได้เป็นแบบนี้ ทุกวันนี้ไงล่ะ "หยวนๆ อะไรก็ได้ รักสงบ ยิ้มสิจ๊ะ อยากได้อะไรมีหมด แสง สี เสียง แหล่งโลกีย์ ไม่ต้องไปหาที่ไหน ที่นี่คือจบ"ปล.3 ช่วงนี้ จะยังไม่โพสอี FCUK BOOK เพราะมันเพิ่งจะล็อคบัญชีหมี "สัประยุทธ ทะลุฟ้า" ไปหมาดๆ ใครมี FB เอาโพสหมีไปโพสแทนได้เลย นั่นทำให้คนที่ติดตามแต่ใน FB ยังจะพอเห็นหมี CNN ยังอยู่ เห็นใจสว. แต่หากเข้า LINE ได้ เล่น LINE เป็น ก็ไม่จำเป็นต้องมี FB อีกต่อไป กูต่อยอดไปนานแล้ว คนตามหมีใน FB ก็ติดตามนานแล้ว ทำไม เค้าจะไม่รู้ว่ามีช่องทางอื่นให้เลือก หมีจะไม่ลบเพจ มหากาพย์สุดยอด เพราะมันแจ้งมาว่า รออีก 175 วัน ถึงจะกลับมาใช้ใหม่ได้ แปลว่า อีก 6 เดือน ค่อยเจอหมีใหม่ใน FB แต่ตอนนี้ ตามที่อื่นแทนไปก่อนน่ะจ๊ะหมี CNN(มันยากที่จะอธิบายหมากบนกระดานให้ผู้ที่ไม่เข้าใจฟัง เพราะตาดู หูฟัง แต่ละวัน เสพแต่สิ่งที่เหี้ยให้มา ปัญญาจะเกิดได้ ต้องหลุดพ้นจากบ่วงกรรมเหี้ยก่อน การมาเสพเพจหมี ก็เป็น 1 ในเครื่องมือเตือนสติของแสง เพราะกูเน้นปัญญา เอามันส์ เอาฮา และแฝงคติธรรมเสมอ ไม่ได้หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ แค่ 1 คนที่ GET หมดที่กูพูด คือกูได้สร้างหมี CNN ตัวที่ 2 ขึ้นมาสำเร็จแล้ว เพราะกูจะเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย วันที่กูไม่อยู่ จะมีหมี CNN เกลื่อนสยามประเทศ เหมือนที่พ่อครูสอนให้มา กูรับมาแล้วต่อยอด ส่งต่อให้ผู้มีปัญญา แต่ละคน ต่างมีของของตัวเอง ใช้แนวที่ถนัด ต่อยอดปัญญาให้ลูกหลาน แล้วอีก 100 ปี ค่อยเจอกันใหม่)12 ธันวาคม 6711.20 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    12-12-67/01 : หมี CNN / แผนซ้อน 3 ชั้นครึ่ง บวกเกลียวอีกครึ่งรอบ ไอ้สัส! จะเยอะไปไหน? นี่กะ ให้อเมริกา อิสราเอล อังกฤษ สิ้นเนื้อประดาตัวกันเลยชิมิ? จากมหาอำนาจกลายร่างเป็นขอทาน ในช่วงไม่กี่ปี? โหดสลัดรัสเซียของจริง!"แผนเมืองร้าง" ชั้นที่ 1 ไม่ได้แค่ล่อให้เข้ามาติดกับดักตายอย่างเดียว"แผนเมืองร้าง" ชั้นที่ 2 ดูดเงิน ทรัพยากรเหี้ย กำลังพล มากกว่าเก่าเยอะ"แผนเมืองร้าง" ชั้นที่ 3 ปลดแอกตะวันออกกลาง ยุโรป แปซิฟิค ทีเดียวหากเริ่มดูตั้งแต่แรก ที่ปูตินยกพลบุกยูเครน เพื่อทำลายแนวกันชนเก่า ขยายพื้นที่ กินทรัพยากรสำคัญทั้งหมดที่ยูเครนมี แล้วขยายต่อไปยังใจกลางยุโรป ทั้งหมดคือแผนเดินสู่ท่อแก็สอาร์คติค จากนั้น ขยายแนวรบ หันมาขยี้อียิว นายใหญ่เหี้ยไอ้อีตะวันตก เพราะรู้ดีว่า ขี้ข้าต้องแห่กันมาช่วยอุ้ม แล้วเป็นยังไง หมดตูดตามกัน หลัง 2.5 ปี แห่งศึกยูเครน EU NATO ถังแตก หมดตูด เศรษฐกิจพังยับ เพราะไม่มีพลังงานรัสเซียราคาถูกมาใช้ เกือบ 3 ปี ที่ต้องจ่ายแพง เจ๊งสิจ๊ะ อุตสาหกรรมหลัก อุตสาหกรรมใหญ่ ปิดกิจการเพราะแบกต้นทุนไม่ไหว เกณฑ์ทหารเพิ่มเป็นรอบที่ 10 กลับมาเป็นถุงดำเพี๊ยบ หมดทั้งเงิน อำนาจ กำลังพล ทำให้ต้องถอย ตีตัวห่างจากอียิว ดาบหนักสุดคือ "ดอกนี้" ล่ออียิวให้เข้ามาซีเรีย มันต้องใช้กำลังพลมากเท่าไหร่ มันต้องใช้อาวุธอีกเท่าไหร่ มันต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ แล้วจะไปเอามาจากไหน หากไม่ใช่ขี้ข้าไงล่ะ? ที่มาว่าทำไม หุ่นเชิดผู้นำทั่วยุโรป ถูกเช็คบิล เก้าอี้ร่วงกันหมด เพราะประจักษ์ชัดแล้วว่า มรึงไม่ได้ทำเพื่อประชาชน แต่ทำเพื่อยิว อ๋อ..ควายเพิ่งจะตื่น เป็นไง ประชาธิปไตยแดร๊กได้มั้ยล่ะ? การที่ปูตินเดินแผน ย้ายอัสซาดออกไป ใช้หุ่นเชิดแทน เอาอีไก่งวงที่เสี้ยนอยากจะฆ่าล้างโคตรอีเคิร์กกบฎ เอามาเสียบ ดอกนี้ ยิงปืนนัดเดียว เหี้ยตายทั้งฝูง เพราะอีไก่งวงมันเป็นชาติสมาชิกนาโต้ นาโต้มีกฎจะไม่รบกันเอง นี่คือเงื่อนไข ช่องโหว่ ให้ไอ้อีขี้ข้ายิวที่เตรียมย้ายขั้ว ใช้เป็นข้ออ้างไม่เดินหน้าต่อ ไม่ช่วยอียิวไงล่ะ และเป็นเหตุให้อีไก่งวงประกาศถอนตัวออกจาก NATO แล้วจะมีตามมาอีกเพี๊ยบ แค่รอมรึงเปิดฟลอร์เท่านั้นเอง แตกทั้ง NATO แตกทั้ง EU ไม่งั้น อีลูคาเชนโก คงไม่ยิ้มแก้มหุบดอก ว่าของดี ของหนัก อยู่ในมือกู WAGNER อยู่เป็นกองทัพ กูจะไล่ฆ่าใครก็ได้ เสร็จกูล่ะ? ลูคาเชนโกซี้ปูติน ย่อมรู้ดีว่า เพื่อนรักต้องการอะไร เดี๋ยวเปิดพรมแดงปูทางสู่ลอนดอนให้จ๊ะ ไล่กวาดทั้งอีโปล อี 3 เสือก อีสวิงกิ้ง อีฟินน์ให้ฟรีฟรี ไม่คิดตังค์ แค่เติมของดี ของหนักให้ก็พอแล้ว? อาร์คติคมาชัวร์ ใครก็หยุดไม่ได้! เมื่อตะวันออกกลางแพ้ยับ เมื่อยุโรปเละเทะ เหี้ยยิวจะหนีไปไหนได้อีก นอกจากโดนตรีนผู้นำโลกคนใหม่จากจีน ตบหัวคว่ำคะมำ แค่อีปินส์ แค่อีไต้หวัน แค่ที่รองตรีนจีนเท่านั้น อยากหยุดกูมรึงต้องมาเอง มาตายห่าที่นี่ นั่นแหละแผนกู เมื่อสงครามเดินหน้าไป แต่อีกฝ่ายขั้วใหม่ การค้ารุ่งเรือง ต่อยอดโลกเชื่อมหากันสำเร็จ จะกลายเป็นว่า มรึงรบไป ผลาญคลังจนถังแตก แต่ขั้วใหม่ เงินเติมทุกวันไม่มีหมด เหตุเพราะ BRICS แลกเปลี่ยน ซื้อขาย กันในกลุ่ม ไม่ต้องอาศัยอัตราแลกเปลี่ยนเหี้ย ที่กดควายโลกมาโดยตลอด ดังนั้น ทรัพยากรขั้วใหม่ จึงไม่มีหมด มีเติมทุกวัน แต่เหี้ยใช้ออกทุกวัน นี่คือความแตกต่างของผู้ชนะ กับผู้แพ้ราบคาบ มีที่ไหน รัสเซียทำสงครามยูเครนเกือบ 3 ปี แต่เงินยังอยู่ครบ แถมมีเพิ่มขึ้น ขายน้ำมันน้อยกว่าเดิม แต่กำไรเพิ่มขึ้น 2 เท่า ไม่อัจฉริยะ ทำไม่ได้ดอก ที่มาว่าทำไมเปลี่ยนขุนคลัง มาเป็นแม่ทัพซะงั้น เพราะทุกการรบ มีรายจ่ายที่ต้องจ่าย อ่านขาด ปล่อยให้คลังเหี้ยเจ๊งตามกันไป เพราะควบคุมการเงินไม่ได้ เมื่อคลังแตก แผ่นดินก็ล่มสลาย ฆ่าที่ปากท้องมรึง น่ากลัวกว่าตายในสมรภูมิซะอีก เพราะมันฆ่าถึงคนข้างหลัง ครอบครัวลูกหลานมรึงทั้งหมดด้วย จะไม่มีแดร๊กอีกนานสิ่งที่ปูตินทำอยู่ตอนนี้ แค่เอาตัวปัญหาที่เหี้ยอ้างมาโดยตลอดออกไป(อัสซาด) ยามเมื่อเคลียร์เหี้ยตายห่าเกลื่อนแผ่นดินสำเร็จ อัสซาดจะกลับมาอย่างวีรบุรุษก็ได้ หรืออยู่ยาวที่มอสโคว์ก็ได้ ใช้หุ่นเชิดต่อไป แผนนี้ เรียกใช้บริการอีไก่งวง เพราะจัดการปัญหาคาบสมุทรไซนาย ที่คาราคาซังมาช้านาน เอาให้จบเสียที เพื่อเดินหน้าสิ่งใหม่กว่า ดีกว่า และแบ่งปันเท่าเทียม เหมาะแล้วที่ใช้อีเติร์กมหาภัย เพราะมันเสี้ยนจัดปลัดบอก แค่ได้ยินชื่อเคิร์ด ฆ่าให้ฟรี ไม่มีชาร์ต แล้วอียิวมันส่งกองทัพแห่เข้ามาซีเรีย อ้างยึดที่ราบสูงโกลาน ถามคำเดียว มรึงเข้ามาแล้วยังไงต่อ จะอยู่ต่อยังไง ต้องใช้อะไรเพิ่ม ต้องจ่ายอะไรบ้าง ต้องสร้างอะไรเพิ่มอีก อ้าว..แล้วหลังบ้านมรึง ที่ถูกถล่มยับทุกวันเนี่ย ใครจะดูแล มันคือแผนบีบขยายกองกำลังอียิว สหรัฐ NATO ให้แตก LINE ไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้อ่อนแอ เพราะกำลังพลไม่พอ เทียบโลกอาหรับไม่ได้ แถมยิ่งใช้พลังงานมากขึ้นไม่สังเกตุเหรอ? ทำไม ปูตินต้องใช้แผนนี้ ในฤดูหนาว คิดสิจ๊ะ? หนาวมาอะไรแพง? หนาวมาอะไรขาด? หนาวมาอะไรสำคัญที่สุด ทั้งอาวุธ เงิน อาหาร พลังงาน กำลังพล จะถูกใช้มากที่สุดก็หนาวนี้แหละ เอาอียิวมาติดหล่มสงครามต่อในตะวันออกกลาง ด้านยุโรปยิ่งฉลุย เพราะจะไม่มีใครมาช่วยอีเสี้ยนยาต่อ แปลว่ารัสเซียไม่เหนื่อย ยึดยูเครนเบ็ดเสร็จ ตบอีโปล ล่ออีฟินน์ ขยี้อีสวิงกิ้ง และตบท้ายด้วยเขมือบอีลอนดอน แค่นี้ ท่อแก็สอาร์คติค ก็ผ่านฉลุย สวยเก๋ ยิ่งกว่าออด๊าส! คำถามที่ทุกคนรอดคอย? ปล่อยอียิวยึดซีเรียแล้วจะยึดคืนยังไง? ระดับปูติน ไม่มั่นใจ 1000% ไม่เดินแผนนี้ ก็โง่! เพราะอ่านขาด ทุกอย่างเป็นต่อ และได้เปรียบอย่างมหาศาล ไม่ใช้แผนนี้ มันจะไม่จบน่ะสิ นี่คือ "ปิดเกมส์" ไบ้ให้ ต่อให้มรึงยึดซีเรียไป แต่เยรูซาเล็มแตก แล้วมรึงอยู่วงล้อมชาติอริทั่วตะวันออกกลาง จะไปรอดมั้ย? 3 ฮอ ซีเรีย อิรัก เลบานอน เยเมน ยึดแผ่นดินคานาอันได้ชัวร์ เค้าถึงปล่อยให้มรึงย้ายฐานมาซีเรีย เพราะยิ่งปิดง่ายขึ้น เมื่อบ้านไม่มีอยู่ ไอ้ที่มรึงยึดได้คือเมืองร้าง มีประโยชน์อะไร? แถมอีไก่งวงอยู่เต็มพื้นที่ไปหมด ใครจะแพ้กันล่ะ? สรุปคือ "แผนเมืองร้าง" คือยาเร่งผลลัพธ์แพ้ชนะทันควันปล.ปูตินไม่ได้คุยแค่กับโลกอาหรับ แต่คุยกับอีทรัมปป์ด้วย หากเป็นไปตามที่หมีคิด เดี๋ยวมรึงดู ศึกในอเมริกาให้ดีดี อีทรัมปป์จะทำอะไรช็อคโลกให้มรึงได้เห็นแน่ เพราะเป้าหมายเดียวกัน คือ "กำจัด DEEP STATE" งานนี้ หากไม่มีขั้วใหม่ช่วย อีทรัมปป์ทำคนเดียวไม่ได้ดอก เพราะอีลา ยังคงเป็นขวากหนาม ดูทรงให้ดี ที่ผ่านมา ขั้วใหม่ ตัดแหล่งรายได้เหี้ยยิว ตัดแหล่งเงินฟอก ตัดโลจิสติคขนส่ง ตัดอิทธิพลเหี้ยในทุกภูมิภาคโลก ทั้งหมดเพื่ออะไร? ย่อส่วนอเมริกาให้เล็กลง เป็นไปตามแผนที่อีทรัมปป์ต้องการ แตกอเมริกา อียิวได้บ้าน อีทรัมปป์ได้แผ่นดินตัวเอง ปาเลสไตน์ได้แผ่นดินคืน ตะวันออกกลางรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ยุโรปหมดสภาพ นี่คือภาพรวมที่มรึงจะได้เห็นอีกไม่ช้า บอกเลยว่า..ทุกอย่างถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาคิด? การล่อให้ศัตรูเข้ามาในแผ่นดินที่มรึงคุ้นเคย กับดักวางไว้เพี๊ยบ กองทัพไก่งวง ได้ถ่ายเทอาวุธ โยกย้าย ของหนักเข้ามาเติม มรึงคิดว่าซีเรียจะไม่ปึ๊กได้อย่างไร เพราะทุกอย่างอยู่ครบ แค่เปลี่ยนหัว เปลี่ยนมือที่มองไม่เห็น เข้ามาจัดการแทนข้ามวิกแป๊บ มีคนถาม กองเรือรัสเซียที่อยู่อ่าวไทย เรือสหรัฐอยู่ใต้ แปลว่าอะไร? แปลว่า "มรึงเขยิบ กูขยับ" รัสเซียไม่จำเป็นต้องรีบแสดงความเป็นเจ้าของภูมิภาค แค่สะกดให้มรึงนิ่งก็ชนะแล้ว กองเรือจีนยิ่งใหญ่มหาศาล แค่แห่ส่งมาเติม มรึงคิดว่าเหี้ยมันจะอยู่ต่อมุย? เกาะแสปรดลี่ย์ ทุกวันนี้คือ ฐานทัพจีนที่ทรงพลังมากที่สุดแห่งนึง เค้าดักทางรอเหี้ยโผล่นานแล้ว อาเซียนจับมือกันมั่น อีปินส์ยังไงก็แหกมติอาเซียนไม่ได้ ถูกถีบทันที อยากออกก็เชิญ มรึงจะหมาหัวเน่าทันที ทำไม อเมริกาไม่กล้าเปิดหน้ากับจีน เพราะศักยภาพเป็นรอง หมายังรู้ แต่ควายไม่รู้ ถึงได้แต่เปิดสงครามการค้าแก้เกี้ยว มรึงคิดว่าอีทรัมปป์มันสนเหรอ? มันแค่ต้องการเป็น KING มีแผ่นดินของตัวเอง แผ่นดินอื่นจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงตายเพื่อไอ้อีที่จ้องจะฆ่ากูไปทำไมกันล่ะ? ใช่ อีทรัมปป์มันทิ้งอียิวเหี้ยไซออนนิสต์นานแล้ว ถึงได้โดนไป 200 กว่าคดีไงล่ะ โคตรพ่อง โคตรแม่ ทำอย่างกะขายถั่วต้ม ฟ้องแหลก ขนาดแอบตดยังโดน! แล้วทำไม อีทรัมปป์ ถึงไม่อยากจะเอาคืนบ้างล่ะ? เรื่องบ้านเรา ปล่อยศรีธนญชัย เค้าเล่นแร่แปรวิญญานไป สนุกเค้าล่ะ แค่เหลืองสยองออกมาลงชื่อ สื่อยังตีอย่างกะล้มรัฐบาล กลัวขี้หดตดหายกันใหญ่ ยามใหญ่บอก ยังไม่ต้องรีบกลัว เพราะมรึงยังต้องมีอะไรให้กลัวอีกเยอะ เหี้ัยแบบนี้ กูชอบ! อ่านเกมส์ให้ขาด ทำไม ยามใหญ่ถึงดึงประเด็น "พระบรมราชโองการ" ออกมา ชูแผนที่สคส.ในหลวงร.9 มันชัดซะยิ่งกว่าชัด พ่อยืนยันขอบเขตพื้นที่ด้วยตัวเอง ใครหน้าไหน กล้าขัดราชโองการ โทษ "ประหารชีวิต" มรึงกล้ามั้ยล่ะ? ศาลรอ ปล.2 พระราชโองการ อยู่เหนือกว่ากฎหมาย ซะอีก โปรดเกล้าต้องมีตราตั้ง มรึงไม่ต้องแปล จะแถยังไงดูรากเหง้ามรึงด้วย ใครคือ พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อก็บอก ว่าทุกอย่างในแผ่นดินนี้ เป็นของพระเจ้าอยู่หัว แม้แต่ชีวิตมรึง! เชิญเอาประชาธิปไตยไปแดร๊กแถวอเมริกา ยุโรป ที่กำลังจะบ้าคลั่งไล่ฆ่า แย่งกันแดร๊กอยู่ตอนนี้เหอะ ยังไง กูเอาหัวเป็นประกันได้เลย ในรัชสมัยตั้งแต่พ่อร.10 ขึ้นไป จะมีแต่จะเพิ่มพูลแผ่นดินขยายเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีลด ไม่มีเสียดินแดน มีแต่เพิ่ม เพิ่ม และเพิ่ม รวมทั้งประชากรโลก ที่จะขอเข้ามาอาศัยใต้ร่มไพธิ์พ่อท่าน แค่ตอนนี้ ชาวโลกแห่กันเข้ามาขออยู่อาศัยแล้วเท่าไหร่รู้มั้ย? ไม่มีที่ไหน อุ่นใจ สบายใจ เท่าเมืองไทย เราถึงได้เป็นแบบนี้ ทุกวันนี้ไงล่ะ "หยวนๆ อะไรก็ได้ รักสงบ ยิ้มสิจ๊ะ อยากได้อะไรมีหมด แสง สี เสียง แหล่งโลกีย์ ไม่ต้องไปหาที่ไหน ที่นี่คือจบ"ปล.3 ช่วงนี้ จะยังไม่โพสอี FCUK BOOK เพราะมันเพิ่งจะล็อคบัญชีหมี "สัประยุทธ ทะลุฟ้า" ไปหมาดๆ ใครมี FB เอาโพสหมีไปโพสแทนได้เลย นั่นทำให้คนที่ติดตามแต่ใน FB ยังจะพอเห็นหมี CNN ยังอยู่ เห็นใจสว. แต่หากเข้า LINE ได้ เล่น LINE เป็น ก็ไม่จำเป็นต้องมี FB อีกต่อไป กูต่อยอดไปนานแล้ว คนตามหมีใน FB ก็ติดตามนานแล้ว ทำไม เค้าจะไม่รู้ว่ามีช่องทางอื่นให้เลือก หมีจะไม่ลบเพจ มหากาพย์สุดยอด เพราะมันแจ้งมาว่า รออีก 175 วัน ถึงจะกลับมาใช้ใหม่ได้ แปลว่า อีก 6 เดือน ค่อยเจอหมีใหม่ใน FB แต่ตอนนี้ ตามที่อื่นแทนไปก่อนน่ะจ๊ะหมี CNN(มันยากที่จะอธิบายหมากบนกระดานให้ผู้ที่ไม่เข้าใจฟัง เพราะตาดู หูฟัง แต่ละวัน เสพแต่สิ่งที่เหี้ยให้มา ปัญญาจะเกิดได้ ต้องหลุดพ้นจากบ่วงกรรมเหี้ยก่อน การมาเสพเพจหมี ก็เป็น 1 ในเครื่องมือเตือนสติของแสง เพราะกูเน้นปัญญา เอามันส์ เอาฮา และแฝงคติธรรมเสมอ ไม่ได้หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ แค่ 1 คนที่ GET หมดที่กูพูด คือกูได้สร้างหมี CNN ตัวที่ 2 ขึ้นมาสำเร็จแล้ว เพราะกูจะเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย วันที่กูไม่อยู่ จะมีหมี CNN เกลื่อนสยามประเทศ เหมือนที่พ่อครูสอนให้มา กูรับมาแล้วต่อยอด ส่งต่อให้ผู้มีปัญญา แต่ละคน ต่างมีของของตัวเอง ใช้แนวที่ถนัด ต่อยอดปัญญาให้ลูกหลาน แล้วอีก 100 ปี ค่อยเจอกันใหม่)12 ธันวาคม 6711.20 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 703 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส.ค.ส.พระราชทาน ๒๕๔๗ “สามัคคีเป็นพลัง ค้ำจุนแผ่นดินไทย”.วันนี้ (9 ธันวาคม 2567) ผมและอาจารย์ปานเทพได้มอบเอกสารหนังสือร้องเรียนกึ่งๆกล่าวหาว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังทำผิด เพราะ MOU44 มันเป็น MOU ขายชาติ .นี่คือส.ค.ส.๒๕๔๗ ยี่สิบปีที่แล้วที่รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงเขียนขึ้นมา แล้วพระราชทานให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบ ทรงเขียนว่า มีระเบิดทั่วไปหมด มีประเทศไทยประเทศเดียวไม่มี และที่สำคัญคือว่าท่านบอกว่า “สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย” .พี่น้องลองดู ตรงนี้ถึงตรงนี้ เป็นพื้นที่ประเทศไทยที่พระองค์ทรงเขียนขึ้นมา และตัวจริงคือนี่คือแผนที่ประเทศไทย ถ้าเอาสองแผ่นประกบกันจะตรงกันเป๊ะ และภาพถัดไปเราเอาแผนที่ตัวจริงและพระบรมราชโองการลงตัวกันพอดี มีเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทยชัดเจน .ผมจะอ่านพระบรมราชโองการปี 2516 ให้ฟัง “ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย มีพระบรมราชโองการให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้ เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย .ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศอันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไปและตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีปซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ค.ศ.๑๙๕๘ และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๑ .แผนที่และจุดต่อเนื่องที่กำหนดพิกัดภูมิศาสตร์ตามประกาศนี้มีเพื่อแสดงแนวทั่วไปของเส้นกำหนดไหล่ทวีป สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ค.ศ. ๑๙๕๘ ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ เป็นปีที่ ๒๘ ในรัชกาลปัจจุบัน”
    ส.ค.ส.พระราชทาน ๒๕๔๗ “สามัคคีเป็นพลัง ค้ำจุนแผ่นดินไทย”.วันนี้ (9 ธันวาคม 2567) ผมและอาจารย์ปานเทพได้มอบเอกสารหนังสือร้องเรียนกึ่งๆกล่าวหาว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังทำผิด เพราะ MOU44 มันเป็น MOU ขายชาติ .นี่คือส.ค.ส.๒๕๔๗ ยี่สิบปีที่แล้วที่รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงเขียนขึ้นมา แล้วพระราชทานให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบ ทรงเขียนว่า มีระเบิดทั่วไปหมด มีประเทศไทยประเทศเดียวไม่มี และที่สำคัญคือว่าท่านบอกว่า “สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย” .พี่น้องลองดู ตรงนี้ถึงตรงนี้ เป็นพื้นที่ประเทศไทยที่พระองค์ทรงเขียนขึ้นมา และตัวจริงคือนี่คือแผนที่ประเทศไทย ถ้าเอาสองแผ่นประกบกันจะตรงกันเป๊ะ และภาพถัดไปเราเอาแผนที่ตัวจริงและพระบรมราชโองการลงตัวกันพอดี มีเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทยชัดเจน .ผมจะอ่านพระบรมราชโองการปี 2516 ให้ฟัง “ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย มีพระบรมราชโองการให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้ เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย .ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศอันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไปและตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีปซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ค.ศ.๑๙๕๘ และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๑ .แผนที่และจุดต่อเนื่องที่กำหนดพิกัดภูมิศาสตร์ตามประกาศนี้มีเพื่อแสดงแนวทั่วไปของเส้นกำหนดไหล่ทวีป สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ค.ศ. ๑๙๕๘ ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ เป็นปีที่ ๒๘ ในรัชกาลปัจจุบัน”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9/12/67

    เปิด 7 ข้อเท็จจริง 6 ข้อเรียกร้อง หนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้หยุดดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 (ฉบับย่อ)

    เนื่องด้วยหนังสือของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่จะยื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันนี้ (9 ธันวาคม 2567) มีความยาวถึง 14 หน้าและยังมีสิ่งที่ส่งมาด้วยอีกจำนวนมาก อันจะทำให้สื่อมวลชนอาจไม่สามารถนำเสนอข่าวตามเนื้อหาทั้งหมดได้ครบถ้วน จึงได้จัดทำสรุปเป็นฉบับย่อลงประมาณครึ่งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนดังนี้

    วันนี้ (9 มีนาคม 2567) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะบุคคลได้ยื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC 2544) เพราะมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1985 และกฎหมายอื่น รวมทั้งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ด้วยเหตุผลดังนี้

    ข้อ 1 ประเทศไทยได้ลงนามในหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และหนังสือสัญญาดังกล่าวระบุว่า “เกาะกูด” เป็นของสยาม

    ข้อ 2 ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2509 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตประเทศไทยมีระยะ ”12 ไมล์ทะเล“ โดยวัดจากเส้นฐานที่ใช้สำหรับวัดความกว้างของทะเลอาณาเขต เป็นการประกาศ “อำนาจอธิปไตย” ออกไปจากอาณาเขตพื้นดินและน่านน้ำภายในจนถึงแนวทะเลประชิดชายฝั่ง ซึ่งเรียกว่า“ทะเลอาณาเขต” รวมตลอดถึงห้วงอากาศเหนือทะเลอาณาเขต พื้นท้องทะเล และแผ่นดินใต้พื้นท้องทะเลของทะเลอาณาเขต ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้

    ข้อ 3 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2512 โดยมีผลบังคับใช้สำหรับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2511 ส่งผลการยืนยันประกาศพื้นที่ของประเทศไทยทั้ง “น่านน้ำภายใน” และ “ทะเลอาณาเขต”ว่าเป็น “อำนาจอธิปไตย” ของประเทศไทยตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958

    อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังได้กำหนด “เขตต่อเนื่อง” ขยายไปอีก 12 ไมล์ทะเลต่อจากทะเลอาณาเขต สำหรับเป็นพื้นที่ป้องกันการละเมิดข้อบังคับเกี่ยวกับศุลกากร รัษฎากร การเข้าเมือง หรือการอนามัย ภายในอาณาเขตหรือทะเลอาณาเขตของประเทศไทยอีกด้วย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังกำหนดด้วยว่าหากไม่มีการตกลงกันเป็นอย่างอื่น รัฐทั้งสองอยู่ตรงข้ามหรือประชิดกันให้ใช้ “เส้นมัธยะ” คือ จุดทุกจุดบนเส้นนั้นมีระยะห่างเท่ากันจากจุดที่ใกล้ที่สุดของเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขตของแต่ละรัฐ

    ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2513 ได้มีประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องเส้นฐานตรงและน่านน้ำภายในของประเทศไทย โดยมีเส้นที่ลากเส้นจาก “หลักเขตที่ 73” ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านหาดเล็ก ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราดไปยังปลายแหลมด้านใต้สุดของ “เกาะกูด” นั้นเป็น “เส้นฐานตรง” โดยพื้นที่เหนือเส้นฐานตรงบริเวณนี้เป็น “น่านน้ำภายใน” ของราชอาณาจักรไทย มีอำนาจอธิปไตยเหมือนแผ่นดินของราชอาณาจักรไทยทุกประการ

    เมื่อ “เกาะกูด”เป็นของประเทศไทยตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ดังนั้น พื้นที่รอบเกาะกูด 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทย และน่านน้ำภายในของราชอาณาจักรไทย จึงเป็นเขตแดนทางทะเลที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้

    ดังนั้นพื้นที่เหนือของเส้นฐานตรงที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ถึงปลายแหลมสุดทิศด้านใต้ของเกาะกูดของราชอาณาจักรไทย จึงอยู่ใน“อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย รวมทั้งทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเส้นฐานของเกาะกูดก็เป็นเขตที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทยเช่นเดียวกัน อันเป็นไปตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ซึ่งผู้ใดหรือชาติใดจะละเมิดมิได้

    ข้อ 4 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18พฤษภาคม 2516 เพื่อประกาศสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย โดยได้แนบแผนที่ซึ่งลากเส้นเขตไหล่ทวีปจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดของประเทศไทยกับเกาะกงของกัมพูชา เป็น “เส้นมัธยะ” แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่มีพื้นที่อ้างสิทธิอธิปไตยจากประเทศอื่น ไม่มีการแบ่งปันการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในอ่าวไทยให้กับประเทศอื่นใด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “เส้นมัธยะ” ของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเลอาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ค.ศ. 1958 พระบรมราชโองการประกาศฉบับนี้ ยังกำหนดเงื่อนไขวิธีการเจรจาตกลงกระหว่างประเทศใกล้เคียงในอนาคตด้วยว่าต้องเป็นไปตามมูลฐานกฎหมายทะเลสากลเท่านั้นไม่ใช่การเจรจาตกลงกันตามอำเภอใจ

    ทั้งนี้ราชอาณาจักรไทยได้ยึดถือและปกป้องอำนาจอธิปไตยน่านน้ำทะเลภายในและทะเลอาณาเขต ตลอดจนรักษาสิทธิอธิปไตยตามเส้นเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการทุกฉบับ โดยได้ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 มาโดยตลอด และต่อมาประเทศไทยได้มีการลงนามและยึดถือมูลฐานตามที่กำหนดในอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ที่ได้ให้สัตยาบันเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 ด้วย

    ข้อ 5 อย่างไรก็ตาม MOU 2544 ได้แนบแผนที่ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ “รับรู้” โดย “ไม่ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตามพระราชกฤษฎีกาประกาศเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อปี 2515 ก่อให้เกิดการอ้างสิทธิในพื้นที่ไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีขนาดใหญ่เกินจริง โดยไม่ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชาเกินกว่าหลักมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958

    การอ้างสิทธิดังกล่าวจึงส่งผลทำให้เป็นการเปลี่ยนแปลง “หลักการ” สำคัญของอำนาจอธิปไตย และสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย คือ เกิดการละเมิดอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยบริเวณพื้นที่ “น่านน้ำภายใน”เหนือเส้นฐานตรงด้านทิศตะวันออกของเกาะกูด และการละเมิดอำนาจอธิปไตยทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเกาะกูด และไม่ยึดหลักเส้น “มัธยะ” เพียงอย่างเดียวที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 แต่กลับไปยึดถือ “เขตแดนแนวทางอื่น” ในการเจรจาตกลงกันเองระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่อ้างสิทธิเกินจริงของกัมพูชา รวมพื้นที่ประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่กัมพูชาเป็นหลัก

    ดังนั้นการดำเนินการตาม MOU 2544 ที่ถูกรับรองโดย JC 2544 จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดทะเลอาณาเขต เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2509 และพระบรมราชโองการประกาศเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2516 ซึ่งได้ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” แห่งมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958

    ข้อ 6 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ซึ่งลงนามใน MOU 2544 ได้เคยเขียนบทความเมื่อเดือนพฤษภาคม 2544 ยอมรับว่า MOU 2544 มีสถานะเป็น “สนธิสัญญา” ในขณะที่ นายประจิตต์ โรจนพฤกษ์ อดีตหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซียได้เขียนบทความ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554 แนะนำว่า ฝ่ายไทยจะต้องรีบบอกเลิก MOU 2544 โดยเร็ว มิฉะนั้นแล้วฝ่ายไทยจะเสียเปรียบหากเป็นคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล

    ทั้งนี้การที่ประเทศไทยได้ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่ที่มีการอ้างสิทธิเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตาม MOU 2544 อาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบซ้ำรอยการถูกตัดสินโดย “หลักกฎหมายปิดปาก” ที่ประเทศไทยเคย “รับรู้”และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่แนบท้ายหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 เป็นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 ในการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมาแล้ว

    ข้อ 7 เมื่อพิจารณาตาม MOU 2544 แล้ว จะพบว่าประเทศไทยมีแต่จะเสียประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่ว่าผลการเจรจาจะเป็นประการใด ประเทศไทยก็จะต้องสูญเสียสิทธิอธิปไตยในพื้นที่ในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทยฝ่ายเดียวให้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาซึ่งมีพื้นที่อย่างน้อย 16,000 ตารางกิโลเมตรขึ้นไปใต้พื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาใต้ละติจูด 11 องศาเหนือ หรือถึงขั้นสูญเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลไปมากกว่านี้ได้ด้วย

    ผลลัพธ์ดังกล่าวจึงย่อมส่งผลกระทบในทางเสียหายต่อสิทธิอธิปไตยมากกว่าวิธีการเจรจาด้วย “เส้นมัธยะ” ตามมูลฐานที่บัญญัติเอาไว้ภายใต้อนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อ MOU 2544 ซึ่งได้รับรองโดย JC 2544 มีผลทำให้เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตหรือเขตอำนาจแห่งรัฐทางทะเลที่ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภากรณีจึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตั้งแต่แรกและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

    นอกจากนั้น MOU 2544 ที่รับรองโดย JC 2544 ยังทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดหรือบางส่วน เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาจึงย่อมเป็นการขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ด้วยเช่นเดียวกัน

    จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 โดยทันที และดำเนินการแก้ไขตามข้อเสนอดังต่อไปนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    1)ให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการที่ประกาศตามมูลฐานแห่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) อันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตามบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 52 ของหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

    2) ให้ท่านเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ตั้งแต่แรก และขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือไม่ รวมทั้งขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ด้วยหรือไม่ อันเป็นการดำเนินการตามมาตรา 178 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้ได้ข้อยุติในข้อสงสัยนี้เสียก่อน

    3) หากดำเนินการตาม ๒) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544และ JC 2544 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการเจรจาตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที

    4) หากดำเนินการตาม 2) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544 ไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของ “เส้นมัธยะ” ในการอ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนตามจริงของมูลฐานแห่งบทบัญญัติอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ประกอบกับอนุสัญญาสหประชาชาติด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 แล้วนำผลของการเจรจาเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้เจรจาเสร็จสิ้น ก่อนนำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ ต่อพระมหากษัตริย์เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศเป็นพระราชโองการ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของมาตรา 1 และมาตรา 178 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่อไป

    5) ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU 2544 และ JC 2544ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง

    6) ให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชนในเรื่อง MOU 2544 และ JC 2544 โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ ทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป

    ทั้งนี้ขอให้ท่านเสนอหนังสือฉบับนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และหากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วมีผลเป็นประการใดขอได้โปรดแจ้งข้าพเจ้าได้ทราบ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาหนังสือฉบับนี้

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1110891340404565/?
    9/12/67 เปิด 7 ข้อเท็จจริง 6 ข้อเรียกร้อง หนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้หยุดดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 (ฉบับย่อ) เนื่องด้วยหนังสือของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่จะยื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันนี้ (9 ธันวาคม 2567) มีความยาวถึง 14 หน้าและยังมีสิ่งที่ส่งมาด้วยอีกจำนวนมาก อันจะทำให้สื่อมวลชนอาจไม่สามารถนำเสนอข่าวตามเนื้อหาทั้งหมดได้ครบถ้วน จึงได้จัดทำสรุปเป็นฉบับย่อลงประมาณครึ่งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนดังนี้ วันนี้ (9 มีนาคม 2567) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะบุคคลได้ยื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC 2544) เพราะมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1985 และกฎหมายอื่น รวมทั้งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ด้วยเหตุผลดังนี้ ข้อ 1 ประเทศไทยได้ลงนามในหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และหนังสือสัญญาดังกล่าวระบุว่า “เกาะกูด” เป็นของสยาม ข้อ 2 ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2509 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตประเทศไทยมีระยะ ”12 ไมล์ทะเล“ โดยวัดจากเส้นฐานที่ใช้สำหรับวัดความกว้างของทะเลอาณาเขต เป็นการประกาศ “อำนาจอธิปไตย” ออกไปจากอาณาเขตพื้นดินและน่านน้ำภายในจนถึงแนวทะเลประชิดชายฝั่ง ซึ่งเรียกว่า“ทะเลอาณาเขต” รวมตลอดถึงห้วงอากาศเหนือทะเลอาณาเขต พื้นท้องทะเล และแผ่นดินใต้พื้นท้องทะเลของทะเลอาณาเขต ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้ ข้อ 3 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2512 โดยมีผลบังคับใช้สำหรับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2511 ส่งผลการยืนยันประกาศพื้นที่ของประเทศไทยทั้ง “น่านน้ำภายใน” และ “ทะเลอาณาเขต”ว่าเป็น “อำนาจอธิปไตย” ของประเทศไทยตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังได้กำหนด “เขตต่อเนื่อง” ขยายไปอีก 12 ไมล์ทะเลต่อจากทะเลอาณาเขต สำหรับเป็นพื้นที่ป้องกันการละเมิดข้อบังคับเกี่ยวกับศุลกากร รัษฎากร การเข้าเมือง หรือการอนามัย ภายในอาณาเขตหรือทะเลอาณาเขตของประเทศไทยอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังกำหนดด้วยว่าหากไม่มีการตกลงกันเป็นอย่างอื่น รัฐทั้งสองอยู่ตรงข้ามหรือประชิดกันให้ใช้ “เส้นมัธยะ” คือ จุดทุกจุดบนเส้นนั้นมีระยะห่างเท่ากันจากจุดที่ใกล้ที่สุดของเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขตของแต่ละรัฐ ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2513 ได้มีประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องเส้นฐานตรงและน่านน้ำภายในของประเทศไทย โดยมีเส้นที่ลากเส้นจาก “หลักเขตที่ 73” ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านหาดเล็ก ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราดไปยังปลายแหลมด้านใต้สุดของ “เกาะกูด” นั้นเป็น “เส้นฐานตรง” โดยพื้นที่เหนือเส้นฐานตรงบริเวณนี้เป็น “น่านน้ำภายใน” ของราชอาณาจักรไทย มีอำนาจอธิปไตยเหมือนแผ่นดินของราชอาณาจักรไทยทุกประการ เมื่อ “เกาะกูด”เป็นของประเทศไทยตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ดังนั้น พื้นที่รอบเกาะกูด 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทย และน่านน้ำภายในของราชอาณาจักรไทย จึงเป็นเขตแดนทางทะเลที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้ ดังนั้นพื้นที่เหนือของเส้นฐานตรงที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ถึงปลายแหลมสุดทิศด้านใต้ของเกาะกูดของราชอาณาจักรไทย จึงอยู่ใน“อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย รวมทั้งทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเส้นฐานของเกาะกูดก็เป็นเขตที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทยเช่นเดียวกัน อันเป็นไปตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ซึ่งผู้ใดหรือชาติใดจะละเมิดมิได้ ข้อ 4 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18พฤษภาคม 2516 เพื่อประกาศสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย โดยได้แนบแผนที่ซึ่งลากเส้นเขตไหล่ทวีปจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดของประเทศไทยกับเกาะกงของกัมพูชา เป็น “เส้นมัธยะ” แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่มีพื้นที่อ้างสิทธิอธิปไตยจากประเทศอื่น ไม่มีการแบ่งปันการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในอ่าวไทยให้กับประเทศอื่นใด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “เส้นมัธยะ” ของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเลอาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ค.ศ. 1958 พระบรมราชโองการประกาศฉบับนี้ ยังกำหนดเงื่อนไขวิธีการเจรจาตกลงกระหว่างประเทศใกล้เคียงในอนาคตด้วยว่าต้องเป็นไปตามมูลฐานกฎหมายทะเลสากลเท่านั้นไม่ใช่การเจรจาตกลงกันตามอำเภอใจ ทั้งนี้ราชอาณาจักรไทยได้ยึดถือและปกป้องอำนาจอธิปไตยน่านน้ำทะเลภายในและทะเลอาณาเขต ตลอดจนรักษาสิทธิอธิปไตยตามเส้นเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการทุกฉบับ โดยได้ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 มาโดยตลอด และต่อมาประเทศไทยได้มีการลงนามและยึดถือมูลฐานตามที่กำหนดในอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ที่ได้ให้สัตยาบันเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 ด้วย ข้อ 5 อย่างไรก็ตาม MOU 2544 ได้แนบแผนที่ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ “รับรู้” โดย “ไม่ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตามพระราชกฤษฎีกาประกาศเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อปี 2515 ก่อให้เกิดการอ้างสิทธิในพื้นที่ไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีขนาดใหญ่เกินจริง โดยไม่ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชาเกินกว่าหลักมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 การอ้างสิทธิดังกล่าวจึงส่งผลทำให้เป็นการเปลี่ยนแปลง “หลักการ” สำคัญของอำนาจอธิปไตย และสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย คือ เกิดการละเมิดอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยบริเวณพื้นที่ “น่านน้ำภายใน”เหนือเส้นฐานตรงด้านทิศตะวันออกของเกาะกูด และการละเมิดอำนาจอธิปไตยทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเกาะกูด และไม่ยึดหลักเส้น “มัธยะ” เพียงอย่างเดียวที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 แต่กลับไปยึดถือ “เขตแดนแนวทางอื่น” ในการเจรจาตกลงกันเองระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่อ้างสิทธิเกินจริงของกัมพูชา รวมพื้นที่ประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่กัมพูชาเป็นหลัก ดังนั้นการดำเนินการตาม MOU 2544 ที่ถูกรับรองโดย JC 2544 จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดทะเลอาณาเขต เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2509 และพระบรมราชโองการประกาศเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2516 ซึ่งได้ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” แห่งมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ข้อ 6 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ซึ่งลงนามใน MOU 2544 ได้เคยเขียนบทความเมื่อเดือนพฤษภาคม 2544 ยอมรับว่า MOU 2544 มีสถานะเป็น “สนธิสัญญา” ในขณะที่ นายประจิตต์ โรจนพฤกษ์ อดีตหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซียได้เขียนบทความ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554 แนะนำว่า ฝ่ายไทยจะต้องรีบบอกเลิก MOU 2544 โดยเร็ว มิฉะนั้นแล้วฝ่ายไทยจะเสียเปรียบหากเป็นคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล ทั้งนี้การที่ประเทศไทยได้ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่ที่มีการอ้างสิทธิเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตาม MOU 2544 อาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบซ้ำรอยการถูกตัดสินโดย “หลักกฎหมายปิดปาก” ที่ประเทศไทยเคย “รับรู้”และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่แนบท้ายหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 เป็นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 ในการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมาแล้ว ข้อ 7 เมื่อพิจารณาตาม MOU 2544 แล้ว จะพบว่าประเทศไทยมีแต่จะเสียประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่ว่าผลการเจรจาจะเป็นประการใด ประเทศไทยก็จะต้องสูญเสียสิทธิอธิปไตยในพื้นที่ในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทยฝ่ายเดียวให้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาซึ่งมีพื้นที่อย่างน้อย 16,000 ตารางกิโลเมตรขึ้นไปใต้พื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาใต้ละติจูด 11 องศาเหนือ หรือถึงขั้นสูญเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลไปมากกว่านี้ได้ด้วย ผลลัพธ์ดังกล่าวจึงย่อมส่งผลกระทบในทางเสียหายต่อสิทธิอธิปไตยมากกว่าวิธีการเจรจาด้วย “เส้นมัธยะ” ตามมูลฐานที่บัญญัติเอาไว้ภายใต้อนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อ MOU 2544 ซึ่งได้รับรองโดย JC 2544 มีผลทำให้เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตหรือเขตอำนาจแห่งรัฐทางทะเลที่ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภากรณีจึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตั้งแต่แรกและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น MOU 2544 ที่รับรองโดย JC 2544 ยังทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดหรือบางส่วน เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาจึงย่อมเป็นการขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ด้วยเช่นเดียวกัน จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 โดยทันที และดำเนินการแก้ไขตามข้อเสนอดังต่อไปนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ 1)ให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการที่ประกาศตามมูลฐานแห่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) อันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตามบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 52 ของหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 2) ให้ท่านเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ตั้งแต่แรก และขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือไม่ รวมทั้งขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ด้วยหรือไม่ อันเป็นการดำเนินการตามมาตรา 178 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้ได้ข้อยุติในข้อสงสัยนี้เสียก่อน 3) หากดำเนินการตาม ๒) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544และ JC 2544 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการเจรจาตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที 4) หากดำเนินการตาม 2) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544 ไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของ “เส้นมัธยะ” ในการอ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนตามจริงของมูลฐานแห่งบทบัญญัติอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ประกอบกับอนุสัญญาสหประชาชาติด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 แล้วนำผลของการเจรจาเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้เจรจาเสร็จสิ้น ก่อนนำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ ต่อพระมหากษัตริย์เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศเป็นพระราชโองการ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของมาตรา 1 และมาตรา 178 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่อไป 5) ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU 2544 และ JC 2544ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง 6) ให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชนในเรื่อง MOU 2544 และ JC 2544 โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ ทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้ขอให้ท่านเสนอหนังสือฉบับนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และหากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วมีผลเป็นประการใดขอได้โปรดแจ้งข้าพเจ้าได้ทราบ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาหนังสือฉบับนี้ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1110891340404565/?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 649 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส.ค.ส.พระราชทาน ๒๕๔๗ “สามัคคีเป็นพลัง ค้ำจุนแผ่นดินไทย”
    .
    วันนี้ (9 ธันวาคม 2567) ผมและอาจารย์ปานเทพได้มอบเอกสารหนังสือร้องเรียนกึ่งๆกล่าวหาว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังทำผิด เพราะ MOU44 มันเป็น MOU ขายชาติ
    .
    นี่คือส.ค.ส.๒๕๔๗ ยี่สิบปีที่แล้วที่รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงเขียนขึ้นมา แล้วพระราชทานให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบ ทรงเขียนว่า มีระเบิดทั่วไปหมด มีประเทศไทยประเทศเดียวไม่มี และที่สำคัญคือว่าท่านบอกว่า “สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย”
    .
    พี่น้องลองดู ตรงนี้ถึงตรงนี้ เป็นพื้นที่ประเทศไทยที่พระองค์ทรงเขียนขึ้นมา และตัวจริงคือนี่คือแผนที่ประเทศไทย ถ้าเอาสองแผ่นประกบกันจะตรงกันเป๊ะ และภาพถัดไปเราเอาแผนที่ตัวจริงและพระบรมราชโองการลงตัวกันพอดี มีเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทยชัดเจน
    .
    ผมจะอ่านพระบรมราชโองการปี 2516 ให้ฟัง “ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย มีพระบรมราชโองการให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้ เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย
    .
    ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศอันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไปและตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีปซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ค.ศ.๑๙๕๘ และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๑
    .
    แผนที่และจุดต่อเนื่องที่กำหนดพิกัดภูมิศาสตร์ตามประกาศนี้มีเพื่อแสดงแนวทั่วไปของเส้นกำหนดไหล่ทวีป สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ค.ศ. ๑๙๕๘ ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ เป็นปีที่ ๒๘ ในรัชกาลปัจจุบัน”
    ส.ค.ส.พระราชทาน ๒๕๔๗ “สามัคคีเป็นพลัง ค้ำจุนแผ่นดินไทย” . วันนี้ (9 ธันวาคม 2567) ผมและอาจารย์ปานเทพได้มอบเอกสารหนังสือร้องเรียนกึ่งๆกล่าวหาว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังทำผิด เพราะ MOU44 มันเป็น MOU ขายชาติ . นี่คือส.ค.ส.๒๕๔๗ ยี่สิบปีที่แล้วที่รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงเขียนขึ้นมา แล้วพระราชทานให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบ ทรงเขียนว่า มีระเบิดทั่วไปหมด มีประเทศไทยประเทศเดียวไม่มี และที่สำคัญคือว่าท่านบอกว่า “สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย” . พี่น้องลองดู ตรงนี้ถึงตรงนี้ เป็นพื้นที่ประเทศไทยที่พระองค์ทรงเขียนขึ้นมา และตัวจริงคือนี่คือแผนที่ประเทศไทย ถ้าเอาสองแผ่นประกบกันจะตรงกันเป๊ะ และภาพถัดไปเราเอาแผนที่ตัวจริงและพระบรมราชโองการลงตัวกันพอดี มีเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทยชัดเจน . ผมจะอ่านพระบรมราชโองการปี 2516 ให้ฟัง “ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย มีพระบรมราชโองการให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้ เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย . ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศอันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไปและตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีปซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ค.ศ.๑๙๕๘ และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๑ . แผนที่และจุดต่อเนื่องที่กำหนดพิกัดภูมิศาสตร์ตามประกาศนี้มีเพื่อแสดงแนวทั่วไปของเส้นกำหนดไหล่ทวีป สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ค.ศ. ๑๙๕๘ ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ เป็นปีที่ ๒๘ ในรัชกาลปัจจุบัน”
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 884 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำท่วมภาคใต้ อ่วมไทย-มาเลเซีย

    สภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2567 เกิดอุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

    นับเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ที่จังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 36 ปี นับจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2531 ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โซนหาดใหญ่ใน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ก่อนกลับมาเป็นปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในของเมืองหาดใหญ่ปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะคลอง ร.1 โครงการพระราชดำริในหลวง รัชกาลที่ ๙ สร้างขึ้นหลังอุทกภัยปี 2543 ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

    แม้สถานการณ์ลุ่มน้ำปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ลงวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น. ระบุว่า ในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

    สภาพอากาศแปรปรวนยังส่งผลกระทบถึงประเทศมาเลเซีย มีน้ำท่วมเกิดขึ้นแล้ว 10 รัฐ เสียชีวิต 7 ราย โดยรัฐกลันตันมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด แม่น้ำสุไหงโกลกในเมืองรันเตาปันจังและตุมปัต ยังอยู่ในระดับที่อันตราย ส่วนทางด่วนสายเหนือ-ใต้ E1 เชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ไปยังประเทศไทย น้ำท่วมบริเวณกิโลเมตรที่ 32.1 ถึง 33.2 ช่วงด่านจิตรา ถึงด่านฮูตันกำปง ต้องเบี่ยงให้ผู้ใช้ทางไปใช้เส้นทางใกล้เคียง ส่วนทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก หยุดการเดินรถเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะขบวนรถไฟเส้นทางตุมปัต-เจบี เซ็นทรัล

    นายกสมาคมโรงแรมไทย เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 เพราะน้ำท่วมครั้งนี้มีการยกเลิกห้องพักล่วงหน้าทั้งกรุ๊ปทัวร์และเดินทางส่วนตัว รวมถึงการจองจัดงานสังสรรค์ หากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะขับรถข้ามด่านมาเที่ยวเอง

    #Newskit
    น้ำท่วมภาคใต้ อ่วมไทย-มาเลเซีย สภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2567 เกิดอุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส นับเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ที่จังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 36 ปี นับจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2531 ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โซนหาดใหญ่ใน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ก่อนกลับมาเป็นปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในของเมืองหาดใหญ่ปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะคลอง ร.1 โครงการพระราชดำริในหลวง รัชกาลที่ ๙ สร้างขึ้นหลังอุทกภัยปี 2543 ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แม้สถานการณ์ลุ่มน้ำปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ลงวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น. ระบุว่า ในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สภาพอากาศแปรปรวนยังส่งผลกระทบถึงประเทศมาเลเซีย มีน้ำท่วมเกิดขึ้นแล้ว 10 รัฐ เสียชีวิต 7 ราย โดยรัฐกลันตันมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด แม่น้ำสุไหงโกลกในเมืองรันเตาปันจังและตุมปัต ยังอยู่ในระดับที่อันตราย ส่วนทางด่วนสายเหนือ-ใต้ E1 เชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ไปยังประเทศไทย น้ำท่วมบริเวณกิโลเมตรที่ 32.1 ถึง 33.2 ช่วงด่านจิตรา ถึงด่านฮูตันกำปง ต้องเบี่ยงให้ผู้ใช้ทางไปใช้เส้นทางใกล้เคียง ส่วนทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก หยุดการเดินรถเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะขบวนรถไฟเส้นทางตุมปัต-เจบี เซ็นทรัล นายกสมาคมโรงแรมไทย เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 เพราะน้ำท่วมครั้งนี้มีการยกเลิกห้องพักล่วงหน้าทั้งกรุ๊ปทัวร์และเดินทางส่วนตัว รวมถึงการจองจัดงานสังสรรค์ หากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะขับรถข้ามด่านมาเที่ยวเอง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 878 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่มีการเจรจาครั้งใดในประวัติศาสตร์ที่ไทยมีแต่เสียเปรียบกัมพูชามากขนาดนี้ ภาพแรก ด้านซ้ายมือสุด เป็นพื้นที่ตามพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศเขตไหล่ทวีปตามกฎหมายทะเลสากลโดยลากจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดของไทยและ เกาะกงของกัมพูชา ก่อให้เกิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะในอ่าวไทย 88,194 ตารางกิโลเมตร หรือ 55 ล้านไร่ เป็นของประเทศไทยประเทศเดียว ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน สามารถใช้สิทธิทางทะเล ทั้งอ่าวไทย การท่องเที่ยว การทหาร และทรัพยากรโดยไม่เคยถูกรุกล้ำทางกายภาพจากกัมพูชาเลยแม้แต่ครั้งเดียวภาพที่สอง เป็นภาพ MOU 2544 พื้นที่เศรษฐกิจจำเพาะของไทยตามพระบรมราชโองการ 88,194 ตารางกิโลเมตร กลับหายไปประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร โดยแบ่งเป็นพี้นที่เหนือละติจูดองศาเหนือขึ้นไปประมาณ 10,000 ตารางกิโลเมตร ให้เจรจาแบ่งเขตแดน ส่วนพื้นที่ใต้ละติจูดองศาเหนือลงมา 16,000 ตารางกิโลเมตร ให้แบ่งผลประโยชน์กันระหว่างไทยกัมพูชา ทั้งๆที่เคยเป็นพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมด ทั้งตามกายภาพ ตามกฎหมายทะเลสากล และตามพระบรมราชโองการภาพที่สาม เป็นภาพ MOU2544 ภาพที่ 3 เป็นสมมุติฐานว่ากัมพูชาได้รับผลการเจรจาได้พื้นที่ทางทะเลมากที่สุด ไทยจะสูญเสียพื้นที่ทางทะเลเหนือละติจูด 11 องศาเหนือขึ้นไป จำนวน 10,000 ตารางกิโลเมตรตกเป็นของกัมพูชา ส่วนพื้นที่ด้านใต้ละติจูด 11 องศาเหนือลงมาจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร กลายเป็นพื้นที่แบ่งผลประโยชน์กันในการพัฒนาร่วมระหว่างไทยกัมพูชา ทั้งๆที่เคยเป็นพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมด ทั้งตามกายภาพ ตามกฎหมายทะเลสากล และตามพระบรมราชโองการภาพที่สี่ เป็นภาพ MOU2544 ภาพขวาสุด เป็นสมมุติฐานว่าฝ่ายไทยได้รับผลการเจรจาได้พื้นที่ทางทะเลมากที่สุดตาม MOU 2544 ไทยจะได้เพื้นที่ทางทะเลเหนือละติจูด 11 องศาเหนือขึ้นไป จำนวน 10,000 ตารางกิโลเมตรทั้งๆที่เป็นของไทยตามกฎหมายทะเลสากลอยู่แล้ว ส่วนพื้นที่ด้านใต้ละติจูด 11 องศาเหนือลงมาจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร กลายเป็นพื้นที่แบ่งผลประโยชน์กันในการพัฒนาร่วมระหว่างไทยกัมพูชา ทั้งๆที่เคยเป็นพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมด ทั้งตามกายภาพ ตามกฎหมายทะเลสากล และตามพระบรมราชโองการจะมีการเจรจาครั้งใดในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรไทยที่เปลี่ยนหลักการ “สิทธิอธิปไตย” ในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทยที่เสียเปรียบและแตกต่างจากพระบรมราชโองการจนเสียเปรียบขนาดนี้ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ไม่สนใจแผนที่ตามพระบรมราชโองการอีกด้วยถึงเวลาต้องเพิกถอน MOU2544 และ JC2544 แล้วหรือยัง? ขอเชิญทุกท่านร่วมลงนามถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแก้ไขการเสียเปรียบของชาติในครั้งนี้ ในเช้าวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 9.00 น. ณ โรงอาหารศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ของทำเนียบรัฐบาล (กพ.) และยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เวลา 10.00 น.ด้วยจิตคารวะปานเทพ พัวพงษ์พันธ์คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 2 ธันวาคม 2567https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1106546160839083/?
    ไม่มีการเจรจาครั้งใดในประวัติศาสตร์ที่ไทยมีแต่เสียเปรียบกัมพูชามากขนาดนี้ ภาพแรก ด้านซ้ายมือสุด เป็นพื้นที่ตามพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศเขตไหล่ทวีปตามกฎหมายทะเลสากลโดยลากจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดของไทยและ เกาะกงของกัมพูชา ก่อให้เกิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะในอ่าวไทย 88,194 ตารางกิโลเมตร หรือ 55 ล้านไร่ เป็นของประเทศไทยประเทศเดียว ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน สามารถใช้สิทธิทางทะเล ทั้งอ่าวไทย การท่องเที่ยว การทหาร และทรัพยากรโดยไม่เคยถูกรุกล้ำทางกายภาพจากกัมพูชาเลยแม้แต่ครั้งเดียวภาพที่สอง เป็นภาพ MOU 2544 พื้นที่เศรษฐกิจจำเพาะของไทยตามพระบรมราชโองการ 88,194 ตารางกิโลเมตร กลับหายไปประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร โดยแบ่งเป็นพี้นที่เหนือละติจูดองศาเหนือขึ้นไปประมาณ 10,000 ตารางกิโลเมตร ให้เจรจาแบ่งเขตแดน ส่วนพื้นที่ใต้ละติจูดองศาเหนือลงมา 16,000 ตารางกิโลเมตร ให้แบ่งผลประโยชน์กันระหว่างไทยกัมพูชา ทั้งๆที่เคยเป็นพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมด ทั้งตามกายภาพ ตามกฎหมายทะเลสากล และตามพระบรมราชโองการภาพที่สาม เป็นภาพ MOU2544 ภาพที่ 3 เป็นสมมุติฐานว่ากัมพูชาได้รับผลการเจรจาได้พื้นที่ทางทะเลมากที่สุด ไทยจะสูญเสียพื้นที่ทางทะเลเหนือละติจูด 11 องศาเหนือขึ้นไป จำนวน 10,000 ตารางกิโลเมตรตกเป็นของกัมพูชา ส่วนพื้นที่ด้านใต้ละติจูด 11 องศาเหนือลงมาจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร กลายเป็นพื้นที่แบ่งผลประโยชน์กันในการพัฒนาร่วมระหว่างไทยกัมพูชา ทั้งๆที่เคยเป็นพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมด ทั้งตามกายภาพ ตามกฎหมายทะเลสากล และตามพระบรมราชโองการภาพที่สี่ เป็นภาพ MOU2544 ภาพขวาสุด เป็นสมมุติฐานว่าฝ่ายไทยได้รับผลการเจรจาได้พื้นที่ทางทะเลมากที่สุดตาม MOU 2544 ไทยจะได้เพื้นที่ทางทะเลเหนือละติจูด 11 องศาเหนือขึ้นไป จำนวน 10,000 ตารางกิโลเมตรทั้งๆที่เป็นของไทยตามกฎหมายทะเลสากลอยู่แล้ว ส่วนพื้นที่ด้านใต้ละติจูด 11 องศาเหนือลงมาจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร กลายเป็นพื้นที่แบ่งผลประโยชน์กันในการพัฒนาร่วมระหว่างไทยกัมพูชา ทั้งๆที่เคยเป็นพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมด ทั้งตามกายภาพ ตามกฎหมายทะเลสากล และตามพระบรมราชโองการจะมีการเจรจาครั้งใดในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรไทยที่เปลี่ยนหลักการ “สิทธิอธิปไตย” ในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทยที่เสียเปรียบและแตกต่างจากพระบรมราชโองการจนเสียเปรียบขนาดนี้ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ไม่สนใจแผนที่ตามพระบรมราชโองการอีกด้วยถึงเวลาต้องเพิกถอน MOU2544 และ JC2544 แล้วหรือยัง? ขอเชิญทุกท่านร่วมลงนามถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแก้ไขการเสียเปรียบของชาติในครั้งนี้ ในเช้าวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 9.00 น. ณ โรงอาหารศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ของทำเนียบรัฐบาล (กพ.) และยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เวลา 10.00 น.ด้วยจิตคารวะปานเทพ พัวพงษ์พันธ์คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 2 ธันวาคม 2567https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1106546160839083/?
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 509 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาธิปไตย4วินาทีนอกนั้นเผด็จการประชาชนหย่อนบัตรเลือกตั้งแค่นั้น...ต่อจากนั้นไม่เคยเห็นหัวประชาชนเลยคนไทยต้องทนอยู่กับระบอบแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหนจากรุ่นสู่รุ่นงั้นหรือ???เห็นมีแต่ผลประโยชน์นักการเมืองทั้งนั้น"คนไทยตกงานเลิกจ้างย้ายฐานไปเวียดนาม "ทรัพยากรในอ่าวไทย"@เกาะกูดปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละไม่ต้องดูดขึ้นมาหรอกคนไทยไม่เคยได้ผลประโยชน์อะไรน้ำมันขุดในไทยอิงราคาตลาดโลกไฟฟ้าผลิตเกินความต้องการของคนไทยเหลือจนล้นต้องขายให้เพื่อนบ้านในราคาถูกกว่าคนไทยเสียอีก😔คนไทยใช้แพงกว่าเพื่อนบ้านอีกนี่มันอะไรกัน"ปตท.กำไรปีๆหนึ่งเท่าไหร่...สงสารคนชาติเดียวกันบ้างไหมกำลังจะตายกันหมดแล้วว่างงาน,ปลดพนักงานกันทั่วประเทศ นี่หรืออยู่ดีกินดีมีศักดิ์ศรี👎"ไม่มีแล้วคนจนเพราะคนจนจะตายหมดไง🤷‍♀️##@พอเหอะ"MOU44,JC44"อะไรเจรจาทำไมของประเทศไทย100%จะไปแบ่ง50/50อะไร"บันทึกความเข้าใจระหว่างคนสองคนไม่ได้ผ่านสภามันโมฆะตั้งแต่ต้นไปดู@"พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านเขียนไว้ว่าอย่างไร?เจรจาในกรอบทะเลสากลรอบเกาะกูด12ไมล์ทะเลและไหล่ทวีปอีก24ไมล์ทะเลของประเทศไทย จะเจรจาในกรอบอะไรเขมรก็ไม่ได้อยู่ในสนธิสัญญาอยู่แล้วใครทำก็ผิด⚖🧲📣
    ประชาธิปไตย4วินาทีนอกนั้นเผด็จการประชาชนหย่อนบัตรเลือกตั้งแค่นั้น...ต่อจากนั้นไม่เคยเห็นหัวประชาชนเลยคนไทยต้องทนอยู่กับระบอบแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหนจากรุ่นสู่รุ่นงั้นหรือ???เห็นมีแต่ผลประโยชน์นักการเมืองทั้งนั้น"คนไทยตกงานเลิกจ้างย้ายฐานไปเวียดนาม "ทรัพยากรในอ่าวไทย"@เกาะกูดปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละไม่ต้องดูดขึ้นมาหรอกคนไทยไม่เคยได้ผลประโยชน์อะไรน้ำมันขุดในไทยอิงราคาตลาดโลกไฟฟ้าผลิตเกินความต้องการของคนไทยเหลือจนล้นต้องขายให้เพื่อนบ้านในราคาถูกกว่าคนไทยเสียอีก😔คนไทยใช้แพงกว่าเพื่อนบ้านอีกนี่มันอะไรกัน"ปตท.กำไรปีๆหนึ่งเท่าไหร่...สงสารคนชาติเดียวกันบ้างไหมกำลังจะตายกันหมดแล้วว่างงาน,ปลดพนักงานกันทั่วประเทศ นี่หรืออยู่ดีกินดีมีศักดิ์ศรี👎"ไม่มีแล้วคนจนเพราะคนจนจะตายหมดไง🤷‍♀️##@พอเหอะ"MOU44,JC44"อะไรเจรจาทำไมของประเทศไทย100%จะไปแบ่ง50/50อะไร"บันทึกความเข้าใจระหว่างคนสองคนไม่ได้ผ่านสภามันโมฆะตั้งแต่ต้นไปดู@"พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านเขียนไว้ว่าอย่างไร?เจรจาในกรอบทะเลสากลรอบเกาะกูด12ไมล์ทะเลและไหล่ทวีปอีก24ไมล์ทะเลของประเทศไทย จะเจรจาในกรอบอะไรเขมรก็ไม่ได้อยู่ในสนธิสัญญาอยู่แล้วใครทำก็ผิด⚖🧲📣
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะเอาพื้นที่ทางทะเลไปแบ่งเขาทำไมก่อน...???
    .
    ยึด พระบรมราชโองการ "ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทยด้านอ่าวไทย" สิครับ
    .
    ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ตาม "อนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา" สิครับ
    .
    เมื่อยึดตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ แอ่งปัตตานี ตรงนั้น เป็นของประเทศไทย ทั้งหมด...!!!
    .
    ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ใครเลยครับ...!!!
    จะเอาพื้นที่ทางทะเลไปแบ่งเขาทำไมก่อน...??? . ยึด พระบรมราชโองการ "ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทยด้านอ่าวไทย" สิครับ . ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ตาม "อนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา" สิครับ . เมื่อยึดตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ แอ่งปัตตานี ตรงนั้น เป็นของประเทศไทย ทั้งหมด...!!! . ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ใครเลยครับ...!!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 544 มุมมอง 29 1 รีวิว
  • ## เพิกถอน MOU 2544 ยึดมั่นพระบรมราชโองการ ##
    ..
    ..
    โดยหลักการ พื้นที่อ้างสิทธิ์ สามารถทับซ้อนกันได้...
    .
    แต่ถ้ามีพื้นที่อ้างสิทธิ์ ทับซ้อนเกินความเป็นจริงไปมาก ทำให้อีกฝั่ง เสียสิทธิ์ โดยไม่ยึดตามหลักกฎหมายทะเลสากล สิ่งนี้รับไม่ได้...
    .
    MOU44 มีแผนที่แนบท้าย ซึ่งวาดเอาเองตามอำเภอใจ ของ กัมพูชา ตีเส้นผ่านเกาะกูด ทำให้พื้นที่ "น่านน้ำภายในอ่าวไทย" และ “ทะเลอาณาเขต” หายไป รวมทั้ง “เขตต่อเนื่อง” อีกด้วย
    .
    อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพื้นที่อ้างสิทธิ์ที่ถูกต้องไป ทำให้เกิดพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งเกิดการทับซ้อนเกินจริงไปมาก...!!!
    .
    ดังนั้น MOU44 มีโอกาสทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบบนเวทีโลก โดยมี กรณีเข้าพระวิหารเป็นตัวอย่างซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงเพราะแค่ ประเทศไทย ไม่เคยแสดงออก ไม่เคยปฎิเสธ ประเทศไทยก็สูญเสียเขาพระวิหารไปแล้ว สิ่งนี้เขาเรียกว่า “หลักกฎหมายปิดปาก”
    .
    อีกทั้ง MOU44 ซึ่งมีลักษณะ อันอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐได้ ดังนั้น MOU44 จึงถือเป็นหนังสือสัญญา ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
    .
    ซึ่ง MOU44 ฉบับนี้ ชัดเจนที่สุดมาก ว่าไม่ได้เคยผ่านความเห็นชอบของสภาเลยแม้แต่นิดเดียว จึงเป็นการ ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
    .
    อีกทั้ง MOU44 ฉบับนี้ มีเนื้อหาขัดต่อ พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ที่กำหนดวิธีการ ในการเจรจาไว้แล้ว ว่าจะต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ ว่าด้วยทะเล เท่านั้น
    .
    ดังนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่ามาทั้งหมดนี้ MOU44 จึงเป็น “โมฆะ” มาตั้งแต่ต้น มีผลเสมือนไม่เคยเกิดมีขึ้นบนโลกใบนี้มาก่อน ตั้งแต่โบราณกาลจวบกระทั่งอนาคต ตราบชั่วฟ้าดินสลาย...!!!
    ...
    ...
    12 กรกฎาคม 2515 กัมพูชา ประกาศเขตไหล่ทวีป ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 รุกล้ำอธิปไตยไทย รุกล้ำทะเลอาณาเขต รุกล้ำทะเลต่อเนื่องไทย และ รุกล้ำเศรษฐกิจจำเพาะไทย...
    .
    โดยไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายสากลว่าด้วยทะเล บทบัญญัติแห่งกรุงเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ.1958...!!!
    .
    มีการนับโขดหิน ขึ้นมาอ้างเพื่อวาดเส้นไหล่ทวีปนี้ ซึ่งขัดกับ กฎหมาย UNCLOS ล่าสุดข้อหนึ่งที่ว่า ไม่ให้นับรวมโขดหินที่มนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตอาศัยอยู่ได้ ในการขีดเส้นไหล่ทวีป...
    .
    ย้อนกลับไปในวันที่ 1 กรกฎาคม 2515 พระราชกฤษฎีกากัมพูชา ประกาศไหล่ทวีปฝ่ายเดียวจากหลักเขตที่ 73 อ้อมเกาะกูดของไทยเป็นรูปตัว U ลงนามโดย นายพล ลอนนอน
    .
    ขีดเส้นไหล่ทวีปประชิดเกาะกูด แต่...!!!
    .
    ยอมรับว่า เกาะกูด เป็นของประเทศไทย...!!!
    .
    โดยหลักกหมายสากลทางทะเล ถ้าเกาะกูดเป็นของประเทศไทยจริง...!!!
    .
    เกาะกูดก็ต้องมี...
    .
    1.ทะเลอาณาเขต รอบเกาะกูด (12 ไมล์ทะเล)
    2.ทะเลต่อเนื่องไทย (24 ไมล์ทะเล)
    .
    ดังนั้น ประเทศไทย เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนครั้งที่เสีย ปราสาทพระวิหาร ให้กัมพูชา...
    .
    จึงแก้เกมด้วยการประกาศ พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทยด้านอ่าวไทย โดย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นพระมหากัตริย์ เป็นพระประมุขแห่งรัฐ เป็นผู้นำสูงสุดแห่งรัฐ
    .
    โดยแผนที่นี้ ขีดเส้นไหล่ทวีปด้วยการ ลากจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเส้นฐานที่ใกล้ที่สุดระหว่าง เกาะกูด และ เกาะกง ลงไป เรียกว่า เส้นมัธยฐาน...
    .
    ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตาม หลักกฎหมายทะเลสากล...!!!
    .
    พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ฉบับบนี้ จึงความหมาย เป็นการ "ปฏิเสธเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย"
    .
    โดยใน พระบรมราชโองการ กำหนดชัดเจนว่า "การใช้สิทธิ์อธิปไตย ในการสำรวจแสวงผลประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย" จึงกำหนดเขตไล่ทวีปขึ้น
    .
    ให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958 และ ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้ว เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2511
    .
    และ กำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้วด้วยว่า ส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีป
    .
    จะเป็นไปตามที่ตกลงกัน โดย...!!!
    .
    ยึดมูลฐานแห่งบทบัญญัติของ อนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958
    .
    เมื่อประเทศไทย ยึดหลักตามหลักกฎหมายทะเลสากล เส้นไหล่ทวีปที่ยึดจึงต้องเป็น เส้นไหล่ทวีป ที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดไว้เท่านั้น...!!!
    .
    ดังนั้น เมื่อยึดเขตไหล่ทวีปตามหลักกฎหมายสากลทางทะเล...!!!
    .
    พลังงานภายใต้ แอ่งปัตตานี ตรงนั้น จึงต้องเป็นของประเทศไทย ทั้งหมด ตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศว่าด้วยทะเล...!!!
    .
    ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ใครเลย...
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=FyksvXqjj1s&t=124s
    ## เพิกถอน MOU 2544 ยึดมั่นพระบรมราชโองการ ## .. .. โดยหลักการ พื้นที่อ้างสิทธิ์ สามารถทับซ้อนกันได้... . แต่ถ้ามีพื้นที่อ้างสิทธิ์ ทับซ้อนเกินความเป็นจริงไปมาก ทำให้อีกฝั่ง เสียสิทธิ์ โดยไม่ยึดตามหลักกฎหมายทะเลสากล สิ่งนี้รับไม่ได้... . MOU44 มีแผนที่แนบท้าย ซึ่งวาดเอาเองตามอำเภอใจ ของ กัมพูชา ตีเส้นผ่านเกาะกูด ทำให้พื้นที่ "น่านน้ำภายในอ่าวไทย" และ “ทะเลอาณาเขต” หายไป รวมทั้ง “เขตต่อเนื่อง” อีกด้วย . อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพื้นที่อ้างสิทธิ์ที่ถูกต้องไป ทำให้เกิดพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งเกิดการทับซ้อนเกินจริงไปมาก...!!! . ดังนั้น MOU44 มีโอกาสทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบบนเวทีโลก โดยมี กรณีเข้าพระวิหารเป็นตัวอย่างซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงเพราะแค่ ประเทศไทย ไม่เคยแสดงออก ไม่เคยปฎิเสธ ประเทศไทยก็สูญเสียเขาพระวิหารไปแล้ว สิ่งนี้เขาเรียกว่า “หลักกฎหมายปิดปาก” . อีกทั้ง MOU44 ซึ่งมีลักษณะ อันอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐได้ ดังนั้น MOU44 จึงถือเป็นหนังสือสัญญา ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา . ซึ่ง MOU44 ฉบับนี้ ชัดเจนที่สุดมาก ว่าไม่ได้เคยผ่านความเห็นชอบของสภาเลยแม้แต่นิดเดียว จึงเป็นการ ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ . อีกทั้ง MOU44 ฉบับนี้ มีเนื้อหาขัดต่อ พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ที่กำหนดวิธีการ ในการเจรจาไว้แล้ว ว่าจะต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ ว่าด้วยทะเล เท่านั้น . ดังนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่ามาทั้งหมดนี้ MOU44 จึงเป็น “โมฆะ” มาตั้งแต่ต้น มีผลเสมือนไม่เคยเกิดมีขึ้นบนโลกใบนี้มาก่อน ตั้งแต่โบราณกาลจวบกระทั่งอนาคต ตราบชั่วฟ้าดินสลาย...!!! ... ... 12 กรกฎาคม 2515 กัมพูชา ประกาศเขตไหล่ทวีป ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 รุกล้ำอธิปไตยไทย รุกล้ำทะเลอาณาเขต รุกล้ำทะเลต่อเนื่องไทย และ รุกล้ำเศรษฐกิจจำเพาะไทย... . โดยไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายสากลว่าด้วยทะเล บทบัญญัติแห่งกรุงเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ.1958...!!! . มีการนับโขดหิน ขึ้นมาอ้างเพื่อวาดเส้นไหล่ทวีปนี้ ซึ่งขัดกับ กฎหมาย UNCLOS ล่าสุดข้อหนึ่งที่ว่า ไม่ให้นับรวมโขดหินที่มนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตอาศัยอยู่ได้ ในการขีดเส้นไหล่ทวีป... . ย้อนกลับไปในวันที่ 1 กรกฎาคม 2515 พระราชกฤษฎีกากัมพูชา ประกาศไหล่ทวีปฝ่ายเดียวจากหลักเขตที่ 73 อ้อมเกาะกูดของไทยเป็นรูปตัว U ลงนามโดย นายพล ลอนนอน . ขีดเส้นไหล่ทวีปประชิดเกาะกูด แต่...!!! . ยอมรับว่า เกาะกูด เป็นของประเทศไทย...!!! . โดยหลักกหมายสากลทางทะเล ถ้าเกาะกูดเป็นของประเทศไทยจริง...!!! . เกาะกูดก็ต้องมี... . 1.ทะเลอาณาเขต รอบเกาะกูด (12 ไมล์ทะเล) 2.ทะเลต่อเนื่องไทย (24 ไมล์ทะเล) . ดังนั้น ประเทศไทย เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนครั้งที่เสีย ปราสาทพระวิหาร ให้กัมพูชา... . จึงแก้เกมด้วยการประกาศ พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทยด้านอ่าวไทย โดย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นพระมหากัตริย์ เป็นพระประมุขแห่งรัฐ เป็นผู้นำสูงสุดแห่งรัฐ . โดยแผนที่นี้ ขีดเส้นไหล่ทวีปด้วยการ ลากจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเส้นฐานที่ใกล้ที่สุดระหว่าง เกาะกูด และ เกาะกง ลงไป เรียกว่า เส้นมัธยฐาน... . ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตาม หลักกฎหมายทะเลสากล...!!! . พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ฉบับบนี้ จึงความหมาย เป็นการ "ปฏิเสธเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย" . โดยใน พระบรมราชโองการ กำหนดชัดเจนว่า "การใช้สิทธิ์อธิปไตย ในการสำรวจแสวงผลประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย" จึงกำหนดเขตไล่ทวีปขึ้น . ให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958 และ ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้ว เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2511 . และ กำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้วด้วยว่า ส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีป . จะเป็นไปตามที่ตกลงกัน โดย...!!! . ยึดมูลฐานแห่งบทบัญญัติของ อนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958 . เมื่อประเทศไทย ยึดหลักตามหลักกฎหมายทะเลสากล เส้นไหล่ทวีปที่ยึดจึงต้องเป็น เส้นไหล่ทวีป ที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดไว้เท่านั้น...!!! . ดังนั้น เมื่อยึดเขตไหล่ทวีปตามหลักกฎหมายสากลทางทะเล...!!! . พลังงานภายใต้ แอ่งปัตตานี ตรงนั้น จึงต้องเป็นของประเทศไทย ทั้งหมด ตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศว่าด้วยทะเล...!!! . ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ใครเลย... . https://www.youtube.com/watch?v=FyksvXqjj1s&t=124s
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 636 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 742 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมุทรปราการ ฮือฮา วาฬโผล่อ่าวไทยสมุทรปราการ
    https://www.facebook.com/share/p/m55VJdsisnAYfkix/
    สมุทรปราการ ฮือฮา วาฬโผล่อ่าวไทยสมุทรปราการ https://www.facebook.com/share/p/m55VJdsisnAYfkix/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## มหาเทพ ชี้ MOU44 เป็นโมฆะ ##
    ..
    ..
    เจาะเด็ด เผ็ดลึก แสบสัน ทะลุกึ๋น ทะลวงเซี่ยงจี๊...
    .
    วันอังคาร ที่ 12/11/2567 อาจารย์ ปานเทพ ชี้ ไม่ต้องยกเลิก MOU44 เพราะ เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ต้น...!!!
    ...
    ...
    ผมเดาว่าผมเข้าใจความหมายของ ทนายนกเขา และ อาจารย์ ปานเทพ นะครับ
    .
    เดี๋ยวผมจะ อธิบายเพิ่มเติมเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่าง...
    .
    ศักดิ์ของกฎหมายในประเทศไทย ไล่เรียงลำดับลงไปนะครับ คือ
    .
    1.รัฐธรรมนูญ
    2.พระราชบัญญัติ
    3.พระราชกําหนด
    4.พระราชกฎษฎีกา
    5.กฎกระทรวง
    6.ข้อบัญญัติ
    .
    พระราชบัญญัติ จะมีศักดิ์ต่ำกว่า รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
    .
    และ พระราชกําหนด จะมีศักดิ์ต่ำกว่า พระราชบัญญัติ
    .
    หลักการคือ กฎหมาย ที่มีศักดิ์ต่ำกว่า จะบัญญัติขึ้น โดยมีเนื้อหา ขัด หรือ แย้ง กับ กฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า ไม่ได้...
    .
    ซึ่งจะมีผลให้ กฎหมายที่บัญญัติขึ้นนั้น...
    .
    "ใช้บังคับไม่ได้...!!!"
    .
    เช่นเดียวกัน...!!!
    .
    เมื่อมี ประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย"
    .
    ซึ่งประกาศจริง ในวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2516 และ ประกาศ ไว้ใน ราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2516
    .
    มีสถานะเป็น พระบรมราชโองการ ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า...
    .
    "สำหรับสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และ เขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958"
    .
    ซึ่งหมายความว่า...
    .
    การเจรจาต่างๆ เกี่ยวสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ต้องเจรจาอยู่บน บทบัญญัติว่าด้วย "อนุสัญญาว่าด้วยทะเล กรุงเจนีวา" ซึ่งเป็นการยึดตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศ เท่านั้น...!!!
    .
    เพราะฉะนั้น MOU44 ซึ่งเป็นเพียง หนังสือบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ที่ยังไม่ได้ผ่านสภาด้วยซ้ำ
    .
    โดยมีนัยยะว่า รับรู้ถึง การขีดเส้นเขตแดนของ กัมพูชา ซึ่งไม่ได้ยึดหลักกฎหมายสากลอะไรเลย...
    .
    เท่ากับว่า มีเนื้อหา ขัด และ แย้ง กับประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย"
    .
    ดังนั้น MOU44 จึงจะ "ใช้บังคับไม่ได้" เพราะ เป็น "โมฆะ" มาตั้งแต่ต้น...!!!
    .
    มีผลเสมือน ไม่เคยมี MOU44 เกิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อนเลยตั้งแต่แรก...!!!
    ....
    ....
    แต่ในการนี้เราคงจะต้อง Action ให้ใหญ่โตครับ ต้องการทำการให้เป็นประเด็นผ่านหน่วยงานของประเทศ ให้เป็นกิจลักษณะ...
    .
    จะได้ไม่โดนกฎหมายปิดปากเหมือนครั้ง ปราสาทเขาพระวิหาร อีก เพราะ กัมพูชาเขาวางเกมส์มาเป็น 10 ปีแล้ว...
    .
    ประเด็นนี้ เผ็ดร้อน ระดับ พริก 1 ล้าน เม็ด...!!!
    .
    ผมเองก็จะคอยติดตาม ข้อมูล หรือ แนวทางของ "สำนักบ้านพระอาทิตย์" ต่อไป ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ในวันที่ 24 พฤศจิกายน นี้ครับ
    .
    https://youtu.be/3ke7aL9gKi8?si=0iOYA_b8tW80bhBK
    ## มหาเทพ ชี้ MOU44 เป็นโมฆะ ## .. .. เจาะเด็ด เผ็ดลึก แสบสัน ทะลุกึ๋น ทะลวงเซี่ยงจี๊... . วันอังคาร ที่ 12/11/2567 อาจารย์ ปานเทพ ชี้ ไม่ต้องยกเลิก MOU44 เพราะ เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ต้น...!!! ... ... ผมเดาว่าผมเข้าใจความหมายของ ทนายนกเขา และ อาจารย์ ปานเทพ นะครับ . เดี๋ยวผมจะ อธิบายเพิ่มเติมเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่าง... . ศักดิ์ของกฎหมายในประเทศไทย ไล่เรียงลำดับลงไปนะครับ คือ . 1.รัฐธรรมนูญ 2.พระราชบัญญัติ 3.พระราชกําหนด 4.พระราชกฎษฎีกา 5.กฎกระทรวง 6.ข้อบัญญัติ . พระราชบัญญัติ จะมีศักดิ์ต่ำกว่า รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ . และ พระราชกําหนด จะมีศักดิ์ต่ำกว่า พระราชบัญญัติ . หลักการคือ กฎหมาย ที่มีศักดิ์ต่ำกว่า จะบัญญัติขึ้น โดยมีเนื้อหา ขัด หรือ แย้ง กับ กฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า ไม่ได้... . ซึ่งจะมีผลให้ กฎหมายที่บัญญัติขึ้นนั้น... . "ใช้บังคับไม่ได้...!!!" . เช่นเดียวกัน...!!! . เมื่อมี ประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย" . ซึ่งประกาศจริง ในวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2516 และ ประกาศ ไว้ใน ราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2516 . มีสถานะเป็น พระบรมราชโองการ ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า... . "สำหรับสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และ เขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958" . ซึ่งหมายความว่า... . การเจรจาต่างๆ เกี่ยวสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ต้องเจรจาอยู่บน บทบัญญัติว่าด้วย "อนุสัญญาว่าด้วยทะเล กรุงเจนีวา" ซึ่งเป็นการยึดตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศ เท่านั้น...!!! . เพราะฉะนั้น MOU44 ซึ่งเป็นเพียง หนังสือบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ที่ยังไม่ได้ผ่านสภาด้วยซ้ำ . โดยมีนัยยะว่า รับรู้ถึง การขีดเส้นเขตแดนของ กัมพูชา ซึ่งไม่ได้ยึดหลักกฎหมายสากลอะไรเลย... . เท่ากับว่า มีเนื้อหา ขัด และ แย้ง กับประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย" . ดังนั้น MOU44 จึงจะ "ใช้บังคับไม่ได้" เพราะ เป็น "โมฆะ" มาตั้งแต่ต้น...!!! . มีผลเสมือน ไม่เคยมี MOU44 เกิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อนเลยตั้งแต่แรก...!!! .... .... แต่ในการนี้เราคงจะต้อง Action ให้ใหญ่โตครับ ต้องการทำการให้เป็นประเด็นผ่านหน่วยงานของประเทศ ให้เป็นกิจลักษณะ... . จะได้ไม่โดนกฎหมายปิดปากเหมือนครั้ง ปราสาทเขาพระวิหาร อีก เพราะ กัมพูชาเขาวางเกมส์มาเป็น 10 ปีแล้ว... . ประเด็นนี้ เผ็ดร้อน ระดับ พริก 1 ล้าน เม็ด...!!! . ผมเองก็จะคอยติดตาม ข้อมูล หรือ แนวทางของ "สำนักบ้านพระอาทิตย์" ต่อไป ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ในวันที่ 24 พฤศจิกายน นี้ครับ . https://youtu.be/3ke7aL9gKi8?si=0iOYA_b8tW80bhBK
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 774 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกนนำไทยภักดี ง้างปาก “ภูมิธรรม” ทำไมจึงยอมให้กัมพูชากำหนดพื้นทางทะเล ด้วยการเล็งมาที่ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด? ยกคำพูด “ทักษิณ” สวน “นายกฯ อิ๊งค์” mou44 ยกเลิกไม่ได้ก็ไม่จริง ดักยังดื้อจะเป็นพรรคเพื่อเขมรแทนเพื่อไทย

    วันนี้ (10 พ.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า #ภูมิธรรมไปเกาะกูดไม่มีอะไรใหม่

    คุณภูมิธรรม มาลงพื้นที่เกาะกูด เพื่อมายืนยันว่า เกาะกูดเป็นของไทย เกาะกูดมีธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมกับมาเยี่ยมกำลังพลที่ดูแลพื้นที่

    ผมยังยืนยันนะครับว่า วันนี้ประชาชนไทย หรือแม้แต่ประชาชนเกาะกูด ไม่ได้กังวลใจว่า เกาะกูดไม่ได้เป็นของไทย ย้ำนะครับว่า ไม่ได้กังวลใจว่า เกาะกูดไม่ได้เป็นของไทย เพราะเกาะกูดเป็นของไทยวันยังค่ำ

    ในเมื่อเกาะกูดเป็นของไทย พื้นที่ทางทะเลโดยรอบเกาะกูด 200 ไมล์ทะเล (370 กม.) ทั้งน้ำทะล กุ้งหอยปูปลา ผิวดินใต้ทะเล รวมทั้งพื้นดินใต้ผิวดินใต้ทะเล แหล่งพลังงาน ต้องเป็นของไทยด้วย ไม่ใช่เป็นของไทยแค่ตัวเกาะ

    สิ่งที่คนไทยกังวลใจกันมากๆ ก็คือ เมื่อเกาะกูดเป็นของไทย ไทยเราไปยอมรับเส้นอาณาเขตทางทะเล (ไหล่ทวีป) ของกัมพูชา ที่เล็งผ่านยอดเขาที่สูงสุดของเกาะกูด ออกไปอ่าวไทย ได้อย่างไร มันจึงเกิดพื้นที่ทับซ้อนมหาศาล

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000108138

    #MGROnline #เกาะกูด #ภูมิธรรมไปเกาะกูดไม่มีอะไรใหม่
    แกนนำไทยภักดี ง้างปาก “ภูมิธรรม” ทำไมจึงยอมให้กัมพูชากำหนดพื้นทางทะเล ด้วยการเล็งมาที่ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด? ยกคำพูด “ทักษิณ” สวน “นายกฯ อิ๊งค์” mou44 ยกเลิกไม่ได้ก็ไม่จริง ดักยังดื้อจะเป็นพรรคเพื่อเขมรแทนเพื่อไทย • วันนี้ (10 พ.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า #ภูมิธรรมไปเกาะกูดไม่มีอะไรใหม่ • คุณภูมิธรรม มาลงพื้นที่เกาะกูด เพื่อมายืนยันว่า เกาะกูดเป็นของไทย เกาะกูดมีธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมกับมาเยี่ยมกำลังพลที่ดูแลพื้นที่ • ผมยังยืนยันนะครับว่า วันนี้ประชาชนไทย หรือแม้แต่ประชาชนเกาะกูด ไม่ได้กังวลใจว่า เกาะกูดไม่ได้เป็นของไทย ย้ำนะครับว่า ไม่ได้กังวลใจว่า เกาะกูดไม่ได้เป็นของไทย เพราะเกาะกูดเป็นของไทยวันยังค่ำ • ในเมื่อเกาะกูดเป็นของไทย พื้นที่ทางทะเลโดยรอบเกาะกูด 200 ไมล์ทะเล (370 กม.) ทั้งน้ำทะล กุ้งหอยปูปลา ผิวดินใต้ทะเล รวมทั้งพื้นดินใต้ผิวดินใต้ทะเล แหล่งพลังงาน ต้องเป็นของไทยด้วย ไม่ใช่เป็นของไทยแค่ตัวเกาะ • สิ่งที่คนไทยกังวลใจกันมากๆ ก็คือ เมื่อเกาะกูดเป็นของไทย ไทยเราไปยอมรับเส้นอาณาเขตทางทะเล (ไหล่ทวีป) ของกัมพูชา ที่เล็งผ่านยอดเขาที่สูงสุดของเกาะกูด ออกไปอ่าวไทย ได้อย่างไร มันจึงเกิดพื้นที่ทับซ้อนมหาศาล • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000108138 • #MGROnline #เกาะกูด #ภูมิธรรมไปเกาะกูดไม่มีอะไรใหม่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts