• อียิปต์ปฏิเสธแผนการอพยพชาวปาเลสไตน์ของทรัมป์ โดยระบุว่า การบังคับที่เกิดจากความไม่สมัครใจของพลเมืองเพื่อย้ายถิ่นฐานพวกเขา นั่นเป็น "อาชญากรรมสงคราม"

    กระทรวงต่างประเทศอียิปต์ประกาศปฏิเสธการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของตนไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว โดยยืนยันว่ากาซาต้องมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง

    ไคโรเตือนว่าการอพยพโดยถูกบังคับเป็นอาชญากรรมสงคราม และยืนกรานว่าต้องใช้วิธีแก้ไขปัญหาแบบสองรัฐเพื่อยุติความไม่มั่นคง
    อียิปต์ปฏิเสธแผนการอพยพชาวปาเลสไตน์ของทรัมป์ โดยระบุว่า การบังคับที่เกิดจากความไม่สมัครใจของพลเมืองเพื่อย้ายถิ่นฐานพวกเขา นั่นเป็น "อาชญากรรมสงคราม" กระทรวงต่างประเทศอียิปต์ประกาศปฏิเสธการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของตนไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว โดยยืนยันว่ากาซาต้องมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง ไคโรเตือนว่าการอพยพโดยถูกบังคับเป็นอาชญากรรมสงคราม และยืนกรานว่าต้องใช้วิธีแก้ไขปัญหาแบบสองรัฐเพื่อยุติความไม่มั่นคง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • 52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น

    สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏

    จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง
    สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ

    นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์
    สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน"

    ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ
    ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว

    รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม

    ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ
    สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่
    - ดอนเมือง
    - นครราชสีมา
    - ตาคลี
    - อุบลราชธานี
    - อุดรธานี
    - นครพนม
    - อู่ตะเภา

    ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย

    ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม
    ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง

    - รัฐบาลสหรัฐ
    - รัฐบาลเวียดนามเหนือ
    - รัฐบาลเวียดนามใต้
    - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้

    เนื้อหาสำคัญ ได้แก่
    - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม
    - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม
    - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม
    - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้

    ผลกระทบจากข้อตกลง
    การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน

    ผลกระทบนามต่อประเทศไทย
    1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ
    - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร
    - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ

    2. การสูญเสียเอกราช
    มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา

    3. ผลกระทบทางสังคม
    การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว

    สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค

    การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568

    #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม

    🎯
    52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏 จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์ สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน" ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่ - ดอนเมือง - นครราชสีมา - ตาคลี - อุบลราชธานี - อุดรธานี - นครพนม - อู่ตะเภา ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง - รัฐบาลสหรัฐ - รัฐบาลเวียดนามเหนือ - รัฐบาลเวียดนามใต้ - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้ เนื้อหาสำคัญ ได้แก่ - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้ ผลกระทบจากข้อตกลง การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน ผลกระทบนามต่อประเทศไทย 1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ 2. การสูญเสียเอกราช มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา 3. ผลกระทบทางสังคม การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568 #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม 🎯
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย เปิดเผยว่ามีแผนปรับแก้รัฐธรรมนูญของประเทศ สำหรับยอมรับอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 เพศ ได้แก่ "ชายและหญิง" พร้อมให้คำจำกัดความแนวคิดนี้ว่าเป็นการกลับคืนสู่สามัญสำนึกที่เหมาะสม
    .
    "ผมมาพร้อมกับความคิดริเริ่มที่จะรวมบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ที่เน้นย้ำว่าสโลวาเกียให้คำนิยามเพียง 2 เพศ ประกอบด้วยเพศชายและเพศหญิง" ฟิโกกล่าว
    .
    นายกรัฐมนตรีรายนี้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ รับรองเพียง 2 เพศ โยงมันกับบทบัญญัติต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิเช่นคำนิยามของการสมรส เขาอ้างว่าการปรับแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีความสำคัญสำหรับสโลวาเกีย เพื่อปกป้องอธิปไตยทางจริยธรรมและค่านิยมของประเทศ โดยเฉพะอย่างยิ่งในกรณีที่อาจเกิดความเห็นต่างกันภายในอียู
    .
    นอกจากนี้แล้ว ฟิโก ยังเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต้องทำให้ระบบการศึกษาของสโลวาเกียสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ "ถ้ารัฐธรรมนูญเน้นย้ำว่า การแต่งงานเป็นพันธะพิเศษระหว่างชายกับหญิง เมื่อนั้นก็ไม่ควรสอนอย่างอื่นภายในโรงเรียน" เขากล่าว
    .
    ความเห็นของ ฟิโก มีขึ้นไม่นาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายคล้ายกัน ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม โดยเขาประกาศว่าอเมริกาจะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศ ได้แก่เพศชายและเพศหญิง
    .
    หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร 2 ฉบับ ลดทอนสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและยกเลิกโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ที่กำหนดขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    หนึ่งในคำสั่งมีชื่อว่า "Defending Women from Gender Ideology Extremism and Restoring Biological Truth to the Federal Government" เน้นย้ำ "มีเพียงแค่ 2 เพศ ผู้ชายและผู้หญิง" และ ทรัมป์ ออกคำสั่งถึงหน่วยงานต่างให้ปรับแก้เอกสารอย่างเป็นทางการต่างๆ อย่างเช่นพาสปอร์ตและวีซ่า ตามชีววิทยาเท่านั้น (ยกเลิกตัวเลือก "X" สำหรับเพศทางเลือก)
    .
    ฟิโก ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ ว่าใช้นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและสมเหตุสมผล และแนะนำให้อียูควรทำตามอย่างผู้นำสหรัฐฯ "นี่คือการกลับคืนสู่สามัญสำนึก" นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียระบุ อ้างถึงข้อเสนอของเขาและนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้กรอบเวลาเกี่ยวกับการปรับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ส่งสัญญาณว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อรัฐสภาเร็วๆนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008313
    ..............
    Sondhi X
    โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย เปิดเผยว่ามีแผนปรับแก้รัฐธรรมนูญของประเทศ สำหรับยอมรับอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 เพศ ได้แก่ "ชายและหญิง" พร้อมให้คำจำกัดความแนวคิดนี้ว่าเป็นการกลับคืนสู่สามัญสำนึกที่เหมาะสม . "ผมมาพร้อมกับความคิดริเริ่มที่จะรวมบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ที่เน้นย้ำว่าสโลวาเกียให้คำนิยามเพียง 2 เพศ ประกอบด้วยเพศชายและเพศหญิง" ฟิโกกล่าว . นายกรัฐมนตรีรายนี้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ รับรองเพียง 2 เพศ โยงมันกับบทบัญญัติต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิเช่นคำนิยามของการสมรส เขาอ้างว่าการปรับแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีความสำคัญสำหรับสโลวาเกีย เพื่อปกป้องอธิปไตยทางจริยธรรมและค่านิยมของประเทศ โดยเฉพะอย่างยิ่งในกรณีที่อาจเกิดความเห็นต่างกันภายในอียู . นอกจากนี้แล้ว ฟิโก ยังเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต้องทำให้ระบบการศึกษาของสโลวาเกียสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ "ถ้ารัฐธรรมนูญเน้นย้ำว่า การแต่งงานเป็นพันธะพิเศษระหว่างชายกับหญิง เมื่อนั้นก็ไม่ควรสอนอย่างอื่นภายในโรงเรียน" เขากล่าว . ความเห็นของ ฟิโก มีขึ้นไม่นาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายคล้ายกัน ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม โดยเขาประกาศว่าอเมริกาจะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศ ได้แก่เพศชายและเพศหญิง . หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร 2 ฉบับ ลดทอนสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและยกเลิกโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ที่กำหนดขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน . หนึ่งในคำสั่งมีชื่อว่า "Defending Women from Gender Ideology Extremism and Restoring Biological Truth to the Federal Government" เน้นย้ำ "มีเพียงแค่ 2 เพศ ผู้ชายและผู้หญิง" และ ทรัมป์ ออกคำสั่งถึงหน่วยงานต่างให้ปรับแก้เอกสารอย่างเป็นทางการต่างๆ อย่างเช่นพาสปอร์ตและวีซ่า ตามชีววิทยาเท่านั้น (ยกเลิกตัวเลือก "X" สำหรับเพศทางเลือก) . ฟิโก ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ ว่าใช้นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและสมเหตุสมผล และแนะนำให้อียูควรทำตามอย่างผู้นำสหรัฐฯ "นี่คือการกลับคืนสู่สามัญสำนึก" นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียระบุ อ้างถึงข้อเสนอของเขาและนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้กรอบเวลาเกี่ยวกับการปรับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ส่งสัญญาณว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อรัฐสภาเร็วๆนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008313 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 929 มุมมอง 0 รีวิว
  • "จากยูเครน จอร์เจีย สู่สโลวาเกีย"

    ภาพการประท้วงต่อต้านรัฐบาลของโรเบิร์ต ฟิโกเริ่มขึ้นแล้ว

    ผู้ประท้วงประมาณ 60,000 คนรวมตัวกันที่จัตุรัสหลักของบราติสลาวา

    นายกรัฐมนตรีฟิโกออกแถลงการณ์กล่าวหาว่า ผู้ประท้วงเหล่านี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาภายใต้การสนับสนุนจากต่างชาติ "กลุ่มเดิม" ที่เคยทำมาแล้วในจอร์เจียและยูเครน เพื่อพยายามทำให้สถานการณ์ในประเทศไม่มั่นคง และส่งผลต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศ
    "จากยูเครน จอร์เจีย สู่สโลวาเกีย" ภาพการประท้วงต่อต้านรัฐบาลของโรเบิร์ต ฟิโกเริ่มขึ้นแล้ว ผู้ประท้วงประมาณ 60,000 คนรวมตัวกันที่จัตุรัสหลักของบราติสลาวา นายกรัฐมนตรีฟิโกออกแถลงการณ์กล่าวหาว่า ผู้ประท้วงเหล่านี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาภายใต้การสนับสนุนจากต่างชาติ "กลุ่มเดิม" ที่เคยทำมาแล้วในจอร์เจียและยูเครน เพื่อพยายามทำให้สถานการณ์ในประเทศไม่มั่นคง และส่งผลต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • "จะเอาให้ได้!"

    มีรานงานว่า ทรัมป์โทรหานายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเต้ เฟรเดอริกเซน และกดดันให้เดนมาร์กยอมมอบกรีนแลนด์ให้กับสหรัฐอเมริกา

    ตามรายงานของสื่อ การสนทนาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่เลวร้ามาก มีรายงานว่าทรัมป์แสดงท่าทีก้าวร้าวอย่างซึ่งหน้า โดยปฏิเสธข้อเสนอความร่วมมือทั้งหมดที่เดนมาร์กพยายามยื่นให้ และมุ่งเน้นแต่เพียงการครอบครองกรีนแลนด์ด้วยการซื้อขาด

    เจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์บรรยายถึงบรรยากาศว่า "แย่มาก" และตกตะลึงกับน้ำเสียงและพฤติกรรมของทรัมป์อย่างมาก หลังจากที่ข่าวออกมาในช่วงแรก ทุกคนเชื่อว่านี่เป็นเพียงกลยุทธทางการเมืองของทรัมป์ แต่ตอนนี้มันทำให้เดนมาร์ก ซึ่งเป็นพันธมิตรในยุโรปวิตกกังวลอย่างมาก เนื่องจากหลายคนเชื่อว่าทรัมป์จริงจังกับการผนวกเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้

    นี่เป็นความอับอายครั้งใหญ่สำหรับสหรัฐอเมริกาบนเวทีโลก เดนมาร์กเป็นพันธมิตรสำคัญของ NATO และการกระทำของทรัมป์ที่ต้องการผนวกดินแดนของประเทศอื่น ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยหรือไม่! แม้ว่ามันยังไปไม่ถึงขั้นใช้กำลังทหารก็ตามที แต่มีผลลัพธ์เดียวกัน
    "จะเอาให้ได้!" มีรานงานว่า ทรัมป์โทรหานายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเต้ เฟรเดอริกเซน และกดดันให้เดนมาร์กยอมมอบกรีนแลนด์ให้กับสหรัฐอเมริกา ตามรายงานของสื่อ การสนทนาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่เลวร้ามาก มีรายงานว่าทรัมป์แสดงท่าทีก้าวร้าวอย่างซึ่งหน้า โดยปฏิเสธข้อเสนอความร่วมมือทั้งหมดที่เดนมาร์กพยายามยื่นให้ และมุ่งเน้นแต่เพียงการครอบครองกรีนแลนด์ด้วยการซื้อขาด เจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์บรรยายถึงบรรยากาศว่า "แย่มาก" และตกตะลึงกับน้ำเสียงและพฤติกรรมของทรัมป์อย่างมาก หลังจากที่ข่าวออกมาในช่วงแรก ทุกคนเชื่อว่านี่เป็นเพียงกลยุทธทางการเมืองของทรัมป์ แต่ตอนนี้มันทำให้เดนมาร์ก ซึ่งเป็นพันธมิตรในยุโรปวิตกกังวลอย่างมาก เนื่องจากหลายคนเชื่อว่าทรัมป์จริงจังกับการผนวกเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ นี่เป็นความอับอายครั้งใหญ่สำหรับสหรัฐอเมริกาบนเวทีโลก เดนมาร์กเป็นพันธมิตรสำคัญของ NATO และการกระทำของทรัมป์ที่ต้องการผนวกดินแดนของประเทศอื่น ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยหรือไม่! แม้ว่ามันยังไปไม่ถึงขั้นใช้กำลังทหารก็ตามที แต่มีผลลัพธ์เดียวกัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    มีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์ มอบหมายให้ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" (Steve Witkoff) ผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของเขา เข้าทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงเพื่อเจรจาด้านการทูตกับอิหร่าน "เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากต่ออิสราเอล!"

    ตำแหน่งผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของ สตีฟ วิทคอฟฟ์ นับว่าสำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นผู้กำหนดและดำเนินการตามนโยบายของทรัมป์ในภูมิภาคนี้

    คาดว่าทรัมป์จะมอบความรับผิดชอบให้กับสตีฟ วิทคอฟฟ์ในการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน

    เป็นที่ทราบกันดีว่าวิทคอฟฟ์ เน้นเรื่องการเจรจาทางการทูต มากกว่าการใช้กำลังทางทหาร นี่จึงเป็นสาเหตุที่อิสราเอลไม่พอใจ เพราะหากไม่มีความขัดแย้ง เป้าหมายของแอสราเอลจะไม่มีทางบรรลุผล

    ที่ผ่านมาวิทคอฟฟ์เป็นตัวแทนของทรัมป์เข้าทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจาจาข้อตกลงหยุดยิงในกาซา รวมทั้งติดตามผลของข้อตกลงหยุดยิงนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้อิสราเอลทำตามอย่างแข็งขันอีกด้วย

    เขาเป็นคนเดียวที่คัดค้านนโยบายการแทรกแซงอิหร่านเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

    (วิดีโอ1) สตีฟ วิทคอฟฟ์ เคยพูดถึงหลักการ 4 ประการเพื่อเป็นแนวทางให้รัฐบาลของทรัมป์ปฏิบัติต่อตะวันออกกลาง:
    1. เคารพในอำนาจอธิปไตย
    2. ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเป็นสะพานเชื่อมสู่เสถียรภาพ
    3. เน้นดำเนินโยบายทางด้านการทูต
    4. “การตอบสนองและความรับผิดชอบ” สหรัฐอเมริกาต้องการเห็นการตอบสนองจากพันธมิตร หลังจากแสวงหาผลประโยชน์จากสหรัฐมาอย่างยาวนาน ยุคของเช็คเปล่าสิ้นสุดลงแล้ว ความร่วมมือต้องยุติธรรม และการสนับสนุนต้องสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันต่อเป้าหมายของทุกฝ่าย

    หลายฝ่ายเชื่อว่า สิ่งที่วิทคอฟฟ์พูดนี้ เป็นการส่งข้อความถึงอิสราเอล

    (วิดีโอ2) ล่าสุด สตีฟ วิทคอฟฟ์ เพิ่งให้สัมภาษณกับ Fox News เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของเขาที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระยะที่สองในกาซา และเปิดกว้างในการบรรลุ "ความเข้าใจในทุกเรื่อง" กับกลุ่มฮามาส (แน่นอนว่าเพิ่มความไม่พอใจให้กับอิสราเอล)
    บางส่วนในการสัมภาษณ์:
    🔸 “เราต้องแน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงดำเนินการไปด้วยดี เพราะมันจะทำให้เราจะเข้าสู่ระยะที่สอง ซึ่งมันจะช่วยรักษาชีวิตผู้คนอีกมาก
    🔸 “ผมกำลังจะไปอิสราเอล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมตรวจสอบทางเดินเน็ตซาริม (Netzarim corridor) และที่ทางเดินฟิลาเดลเฟีย (Philadelphi corridor) ด้วย”
    🔸 มูซา อาบู มาร์ซุก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาส กล่าวกับนิวยอร์กไทมส์เมื่อไม่นานนี้ว่า กลุ่มฮามาสพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ หากเรื่องนี้เป็นความจริง ถือเป็นเรื่อง “ดี”
    🔸 วิตคอฟฟ์เชื่อว่าทุกประเทศในภูมิภาคนี้สามารถตกลงเจรจาพูดคุยกันได้
    2/ มีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์ มอบหมายให้ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" (Steve Witkoff) ผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของเขา เข้าทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงเพื่อเจรจาด้านการทูตกับอิหร่าน "เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากต่ออิสราเอล!" ตำแหน่งผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของ สตีฟ วิทคอฟฟ์ นับว่าสำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นผู้กำหนดและดำเนินการตามนโยบายของทรัมป์ในภูมิภาคนี้ คาดว่าทรัมป์จะมอบความรับผิดชอบให้กับสตีฟ วิทคอฟฟ์ในการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน เป็นที่ทราบกันดีว่าวิทคอฟฟ์ เน้นเรื่องการเจรจาทางการทูต มากกว่าการใช้กำลังทางทหาร นี่จึงเป็นสาเหตุที่อิสราเอลไม่พอใจ เพราะหากไม่มีความขัดแย้ง เป้าหมายของแอสราเอลจะไม่มีทางบรรลุผล ที่ผ่านมาวิทคอฟฟ์เป็นตัวแทนของทรัมป์เข้าทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจาจาข้อตกลงหยุดยิงในกาซา รวมทั้งติดตามผลของข้อตกลงหยุดยิงนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้อิสราเอลทำตามอย่างแข็งขันอีกด้วย เขาเป็นคนเดียวที่คัดค้านนโยบายการแทรกแซงอิหร่านเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง (วิดีโอ1) สตีฟ วิทคอฟฟ์ เคยพูดถึงหลักการ 4 ประการเพื่อเป็นแนวทางให้รัฐบาลของทรัมป์ปฏิบัติต่อตะวันออกกลาง: 1. เคารพในอำนาจอธิปไตย 2. ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเป็นสะพานเชื่อมสู่เสถียรภาพ 3. เน้นดำเนินโยบายทางด้านการทูต 4. “การตอบสนองและความรับผิดชอบ” สหรัฐอเมริกาต้องการเห็นการตอบสนองจากพันธมิตร หลังจากแสวงหาผลประโยชน์จากสหรัฐมาอย่างยาวนาน ยุคของเช็คเปล่าสิ้นสุดลงแล้ว ความร่วมมือต้องยุติธรรม และการสนับสนุนต้องสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันต่อเป้าหมายของทุกฝ่าย หลายฝ่ายเชื่อว่า สิ่งที่วิทคอฟฟ์พูดนี้ เป็นการส่งข้อความถึงอิสราเอล (วิดีโอ2) ล่าสุด สตีฟ วิทคอฟฟ์ เพิ่งให้สัมภาษณกับ Fox News เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของเขาที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระยะที่สองในกาซา และเปิดกว้างในการบรรลุ "ความเข้าใจในทุกเรื่อง" กับกลุ่มฮามาส (แน่นอนว่าเพิ่มความไม่พอใจให้กับอิสราเอล) บางส่วนในการสัมภาษณ์: 🔸 “เราต้องแน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงดำเนินการไปด้วยดี เพราะมันจะทำให้เราจะเข้าสู่ระยะที่สอง ซึ่งมันจะช่วยรักษาชีวิตผู้คนอีกมาก 🔸 “ผมกำลังจะไปอิสราเอล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมตรวจสอบทางเดินเน็ตซาริม (Netzarim corridor) และที่ทางเดินฟิลาเดลเฟีย (Philadelphi corridor) ด้วย” 🔸 มูซา อาบู มาร์ซุก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาส กล่าวกับนิวยอร์กไทมส์เมื่อไม่นานนี้ว่า กลุ่มฮามาสพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ หากเรื่องนี้เป็นความจริง ถือเป็นเรื่อง “ดี” 🔸 วิตคอฟฟ์เชื่อว่าทุกประเทศในภูมิภาคนี้สามารถตกลงเจรจาพูดคุยกันได้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • 1/
    มีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์ มอบหมายให้ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" (Steve Witkoff) ผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของเขา เข้าทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงเพื่อเจรจาด้านการทูตกับอิหร่าน "เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากต่ออิสราเอล!"

    ตำแหน่งผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของ สตีฟ วิทคอฟฟ์ นับว่าสำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นผู้กำหนดและดำเนินการตามนโยบายของทรัมป์ในภูมิภาคนี้

    คาดว่าทรัมป์จะมอบความรับผิดชอบให้กับสตีฟ วิทคอฟฟ์ในการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน

    เป็นที่ทราบกันดีว่าวิทคอฟฟ์ เน้นเรื่องการเจรจาทางการทูต มากกว่าการใช้กำลังทางทหาร นี่จึงเป็นสาเหตุที่อิสราเอลไม่พอใจ เพราะหากไม่มีความขัดแย้ง เป้าหมายของแอสราเอลจะไม่มีทางบรรลุผล

    ที่ผ่านมาวิทคอฟฟ์เป็นตัวแทนของทรัมป์เข้าทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจาจาข้อตกลงหยุดยิงในกาซา รวมทั้งติดตามผลของข้อตกลงหยุดยิงนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้อิสราเอลทำตามอย่างแข็งขันอีกด้วย

    เขาเป็นคนเดียวที่คัดค้านนโยบายการแทรกแซงอิหร่านเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

    (วิดีโอ1) สตีฟ วิทคอฟฟ์ เคยพูดถึงหลักการ 4 ประการเพื่อเป็นแนวทางให้รัฐบาลของทรัมป์ปฏิบัติต่อตะวันออกกลาง:
    1. เคารพในอำนาจอธิปไตย
    2. ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเป็นสะพานเชื่อมสู่เสถียรภาพ
    3. เน้นดำเนินโยบายทางด้านการทูต
    4. “การตอบสนองและความรับผิดชอบ” สหรัฐอเมริกาต้องการเห็นการตอบสนองจากพันธมิตร หลังจากแสวงหาผลประโยชน์จากสหรัฐมาอย่างยาวนาน ยุคของเช็คเปล่าสิ้นสุดลงแล้ว ความร่วมมือต้องยุติธรรม และการสนับสนุนต้องสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันต่อเป้าหมายของทุกฝ่าย

    หลายฝ่ายเชื่อว่า สิ่งที่วิทคอฟฟ์พูดนี้ เป็นการส่งข้อความถึงอิสราเอล

    (วิดีโอ2) ล่าสุด สตีฟ วิทคอฟฟ์ เพิ่งให้สัมภาษณกับ Fox News เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของเขาที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระยะที่สองในกาซา และเปิดกว้างในการบรรลุ "ความเข้าใจในทุกเรื่อง" กับกลุ่มฮามาส (แน่นอนว่าเพิ่มความไม่พอใจให้กับอิสราเอล)
    บางส่วนในการสัมภาษณ์:
    🔸 “เราต้องแน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงดำเนินการไปด้วยดี เพราะมันจะทำให้เราจะเข้าสู่ระยะที่สอง ซึ่งมันจะช่วยรักษาชีวิตผู้คนอีกมาก
    🔸 “ผมกำลังจะไปอิสราเอล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมตรวจสอบทางเดินเน็ตซาริม (Netzarim corridor) และที่ทางเดินฟิลาเดลเฟีย (Philadelphi corridor) ด้วย”
    🔸 มูซา อาบู มาร์ซุก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาส กล่าวกับนิวยอร์กไทมส์เมื่อไม่นานนี้ว่า กลุ่มฮามาสพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ หากเรื่องนี้เป็นความจริง ถือเป็นเรื่อง “ดี”
    🔸 วิตคอฟฟ์เชื่อว่าทุกประเทศในภูมิภาคนี้สามารถตกลงเจรจาพูดคุยกันได้
    1/ มีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์ มอบหมายให้ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" (Steve Witkoff) ผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของเขา เข้าทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงเพื่อเจรจาด้านการทูตกับอิหร่าน "เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากต่ออิสราเอล!" ตำแหน่งผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของ สตีฟ วิทคอฟฟ์ นับว่าสำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นผู้กำหนดและดำเนินการตามนโยบายของทรัมป์ในภูมิภาคนี้ คาดว่าทรัมป์จะมอบความรับผิดชอบให้กับสตีฟ วิทคอฟฟ์ในการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน เป็นที่ทราบกันดีว่าวิทคอฟฟ์ เน้นเรื่องการเจรจาทางการทูต มากกว่าการใช้กำลังทางทหาร นี่จึงเป็นสาเหตุที่อิสราเอลไม่พอใจ เพราะหากไม่มีความขัดแย้ง เป้าหมายของแอสราเอลจะไม่มีทางบรรลุผล ที่ผ่านมาวิทคอฟฟ์เป็นตัวแทนของทรัมป์เข้าทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจาจาข้อตกลงหยุดยิงในกาซา รวมทั้งติดตามผลของข้อตกลงหยุดยิงนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้อิสราเอลทำตามอย่างแข็งขันอีกด้วย เขาเป็นคนเดียวที่คัดค้านนโยบายการแทรกแซงอิหร่านเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง (วิดีโอ1) สตีฟ วิทคอฟฟ์ เคยพูดถึงหลักการ 4 ประการเพื่อเป็นแนวทางให้รัฐบาลของทรัมป์ปฏิบัติต่อตะวันออกกลาง: 1. เคารพในอำนาจอธิปไตย 2. ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเป็นสะพานเชื่อมสู่เสถียรภาพ 3. เน้นดำเนินโยบายทางด้านการทูต 4. “การตอบสนองและความรับผิดชอบ” สหรัฐอเมริกาต้องการเห็นการตอบสนองจากพันธมิตร หลังจากแสวงหาผลประโยชน์จากสหรัฐมาอย่างยาวนาน ยุคของเช็คเปล่าสิ้นสุดลงแล้ว ความร่วมมือต้องยุติธรรม และการสนับสนุนต้องสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันต่อเป้าหมายของทุกฝ่าย หลายฝ่ายเชื่อว่า สิ่งที่วิทคอฟฟ์พูดนี้ เป็นการส่งข้อความถึงอิสราเอล (วิดีโอ2) ล่าสุด สตีฟ วิทคอฟฟ์ เพิ่งให้สัมภาษณกับ Fox News เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของเขาที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระยะที่สองในกาซา และเปิดกว้างในการบรรลุ "ความเข้าใจในทุกเรื่อง" กับกลุ่มฮามาส (แน่นอนว่าเพิ่มความไม่พอใจให้กับอิสราเอล) บางส่วนในการสัมภาษณ์: 🔸 “เราต้องแน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงดำเนินการไปด้วยดี เพราะมันจะทำให้เราจะเข้าสู่ระยะที่สอง ซึ่งมันจะช่วยรักษาชีวิตผู้คนอีกมาก 🔸 “ผมกำลังจะไปอิสราเอล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมตรวจสอบทางเดินเน็ตซาริม (Netzarim corridor) และที่ทางเดินฟิลาเดลเฟีย (Philadelphi corridor) ด้วย” 🔸 มูซา อาบู มาร์ซุก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาส กล่าวกับนิวยอร์กไทมส์เมื่อไม่นานนี้ว่า กลุ่มฮามาสพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ หากเรื่องนี้เป็นความจริง ถือเป็นเรื่อง “ดี” 🔸 วิตคอฟฟ์เชื่อว่าทุกประเทศในภูมิภาคนี้สามารถตกลงเจรจาพูดคุยกันได้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 ปี “ก๊อด'ส อาร์มี่” บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี บทเรียนแห่งความสูญเสีย และความเด็ดขาด

    เช้าตรู่แห่งความเปลี่ยนแปลง
    ย้อนไปเมื่อ 25 ปี ที่ผ่านมา ในเช้าวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 ถือเป็นวันที่ชาวราชบุรี และประเทศไทยทั้งประเทศ ไม่มีวันลืมได้ นายพินิจ ปองมณี คนขับรถบัสสาย 18 ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ได้พบกับเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ไปตลอดกาล เมื่อชายสองคนโบกรถ และกลายเป็นจุดเริ่มต้น ของปฏิบัติการก่อการร้าย ที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

    "ก๊อด'ส อาร์มี่" กองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง
    กองกำลัง "ก๊อด'ส อาร์มี่" เป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่มีจุดกำเนิดจากชายแดนไทย-พม่า กลุ่มนี้นำโดยคู่แฝด “ลูเธอร์ ทู” และ “จอห์นนี่ ทู” ซึ่งได้รับการยกย่อง จากผู้ติดตามว่าเป็น “นักบุญ” และมีพลังเหนือธรรมชาติ แนวทางของกลุ่มคือ การต่อต้านรัฐบาลพม่า เพื่อเรียกร้องสิทธิปกครองตนเอง ของชาวกะเหรี่ยง

    ด้วยแรงกดดัน จากการโจมตีของกองทัพพม่า กลุ่มนี้หันมาใช้วิธีการรุนแรง เช่น การจับตัวประกัน และบุกยึดสถานที่สำคัญ โดยหวังให้ทั่วโลกสนใจ ประเด็นผู้อพยพชายแดน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนนั้น

    เหตุการณ์การยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
    เมื่อชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คน พร้อมอาวุธครบมือขึ้นรถบัส พวกเขาเริ่มดำเนินแผนการณ์ ด้วยการบุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี สถานที่ที่มีหมอ พยาบาล และผู้ป่วยที่ต้องการการดูแล ในขณะนั้น

    การดำเนินการของกลุ่มก่อการร้าย เป็นไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถควบคุมตัวบุคลากร และผู้ป่วยรวมกว่า 780 คน และตั้งฐานในบริเวณชั้น 2 ของโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายหลักคือ การบีบบังคับให้รัฐบาลไทย ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง ที่เกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือผู้อพยพ

    ข้อเรียกร้องที่แฝงด้วยความสิ้นหวัง
    ข้อเรียกร้องของ "ก๊อด'ส อาร์มี่" ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความสิ้นหวังของพวกเขา
    - ให้หยุดยิงปืนใหญ่ที่ชายแดน ซึ่งกระทบต่อชีวิตผู้อพยพ
    - เรียกร้องให้รัฐบาลไทย ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แก่ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง
    - เปิดชายแดนไทย-พม่า เพื่อให้ผู้อพยพมีที่พักพิง
    - กดดันรัฐบาลพม่า ให้หยุดการสู้รบ
    - นำแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ ไปรักษากองกำลังกะเหรี่ยง ในชายแดน

    แม้ข้อเรียกร้องเหล่านี้ จะดูมีความหมายในแง่มนุษยธรรม แต่การกระทำของพวกเขา ได้ละเมิดอธิปไตยของไทย และสร้างความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของกลุ่ม อย่างร้ายแรง

    แผนปฏิบัติการช่วยเหลือ
    รัฐบาลไทยเผชิญกับ ทางเลือกที่ยากลำบาก ระหว่างการตอบสนอง ต่อข้อเรียกร้องของผู้ก่อเหตุ หรือการใช้กำลัง เพื่อยุติสถานการณ์ ในที่สุด พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ผู้บัญชาการกองทัพบก ในขณะนั้น ได้วางแผนปฏิบัติการ ร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 และนเรศวร 261 เพื่อเข้าเคลียร์พื้นที่และช่วยเหลือตัวประกัน

    ปฏิบัติการช่วงชิงเวลา
    ในคืนวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 หลังการเจรจาที่ไม่เป็นผลสำเร็จ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ตัดสินใจบุกยึดพื้นที่ในช่วงเวลาที่ผู้ก่อเหตุเริ่มอ่อนล้า ด้วยการจู่โจมอย่างรวดเร็ว และรัดกุม โดยสามารถสังหารผู้ก่อเหตุทั้งหมด 10 คน และช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ โดยไม่มีการสูญเสียชีวิต ของพลเรือน

    บทเรียนที่ได้รับ ความสำคัญของการประสานงานหลายฝ่าย
    เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง การประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างกองทัพ ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถลดความสูญเสีย ได้อย่างมาก

    จุดยืนของประเทศไทย
    การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ประเทศไทยจะไม่ยอมจำนน ต่อการก่อการร้าย และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของตน

    ผลกระทบต่อกลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่
    การสูญเสียผู้นำสำคัญ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่ อ่อนแอลงอย่างมาก และในที่สุด ก็สลายตัวลงในปีถัดมา

    25 ปีผ่านไป บทเรียนสู่อนาคต
    เหตุการณ์ในวันนั้น ยังคงเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคง และคนไทยทุกคน การเผชิญหน้ากับความท้าทายเช่นนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือ ความเด็ดขาด และความเสียสละ จากทุกฝ่าย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241345 ม.ค. 2568

    #GodsArmy #ราชบุรี #เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ #บุกโรงพยาบาล #ข่าวด่วนราชบุรี #กองกำลังติดอาวุธ #ประเทศไทย
    25 ปี “ก๊อด'ส อาร์มี่” บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี บทเรียนแห่งความสูญเสีย และความเด็ดขาด เช้าตรู่แห่งความเปลี่ยนแปลง ย้อนไปเมื่อ 25 ปี ที่ผ่านมา ในเช้าวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 ถือเป็นวันที่ชาวราชบุรี และประเทศไทยทั้งประเทศ ไม่มีวันลืมได้ นายพินิจ ปองมณี คนขับรถบัสสาย 18 ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ได้พบกับเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ไปตลอดกาล เมื่อชายสองคนโบกรถ และกลายเป็นจุดเริ่มต้น ของปฏิบัติการก่อการร้าย ที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย "ก๊อด'ส อาร์มี่" กองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง กองกำลัง "ก๊อด'ส อาร์มี่" เป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่มีจุดกำเนิดจากชายแดนไทย-พม่า กลุ่มนี้นำโดยคู่แฝด “ลูเธอร์ ทู” และ “จอห์นนี่ ทู” ซึ่งได้รับการยกย่อง จากผู้ติดตามว่าเป็น “นักบุญ” และมีพลังเหนือธรรมชาติ แนวทางของกลุ่มคือ การต่อต้านรัฐบาลพม่า เพื่อเรียกร้องสิทธิปกครองตนเอง ของชาวกะเหรี่ยง ด้วยแรงกดดัน จากการโจมตีของกองทัพพม่า กลุ่มนี้หันมาใช้วิธีการรุนแรง เช่น การจับตัวประกัน และบุกยึดสถานที่สำคัญ โดยหวังให้ทั่วโลกสนใจ ประเด็นผู้อพยพชายแดน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนนั้น เหตุการณ์การยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี เมื่อชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คน พร้อมอาวุธครบมือขึ้นรถบัส พวกเขาเริ่มดำเนินแผนการณ์ ด้วยการบุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี สถานที่ที่มีหมอ พยาบาล และผู้ป่วยที่ต้องการการดูแล ในขณะนั้น การดำเนินการของกลุ่มก่อการร้าย เป็นไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถควบคุมตัวบุคลากร และผู้ป่วยรวมกว่า 780 คน และตั้งฐานในบริเวณชั้น 2 ของโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายหลักคือ การบีบบังคับให้รัฐบาลไทย ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง ที่เกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือผู้อพยพ ข้อเรียกร้องที่แฝงด้วยความสิ้นหวัง ข้อเรียกร้องของ "ก๊อด'ส อาร์มี่" ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความสิ้นหวังของพวกเขา - ให้หยุดยิงปืนใหญ่ที่ชายแดน ซึ่งกระทบต่อชีวิตผู้อพยพ - เรียกร้องให้รัฐบาลไทย ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แก่ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง - เปิดชายแดนไทย-พม่า เพื่อให้ผู้อพยพมีที่พักพิง - กดดันรัฐบาลพม่า ให้หยุดการสู้รบ - นำแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ ไปรักษากองกำลังกะเหรี่ยง ในชายแดน แม้ข้อเรียกร้องเหล่านี้ จะดูมีความหมายในแง่มนุษยธรรม แต่การกระทำของพวกเขา ได้ละเมิดอธิปไตยของไทย และสร้างความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของกลุ่ม อย่างร้ายแรง แผนปฏิบัติการช่วยเหลือ รัฐบาลไทยเผชิญกับ ทางเลือกที่ยากลำบาก ระหว่างการตอบสนอง ต่อข้อเรียกร้องของผู้ก่อเหตุ หรือการใช้กำลัง เพื่อยุติสถานการณ์ ในที่สุด พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ผู้บัญชาการกองทัพบก ในขณะนั้น ได้วางแผนปฏิบัติการ ร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 และนเรศวร 261 เพื่อเข้าเคลียร์พื้นที่และช่วยเหลือตัวประกัน ปฏิบัติการช่วงชิงเวลา ในคืนวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 หลังการเจรจาที่ไม่เป็นผลสำเร็จ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ตัดสินใจบุกยึดพื้นที่ในช่วงเวลาที่ผู้ก่อเหตุเริ่มอ่อนล้า ด้วยการจู่โจมอย่างรวดเร็ว และรัดกุม โดยสามารถสังหารผู้ก่อเหตุทั้งหมด 10 คน และช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ โดยไม่มีการสูญเสียชีวิต ของพลเรือน บทเรียนที่ได้รับ ความสำคัญของการประสานงานหลายฝ่าย เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง การประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างกองทัพ ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถลดความสูญเสีย ได้อย่างมาก จุดยืนของประเทศไทย การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ประเทศไทยจะไม่ยอมจำนน ต่อการก่อการร้าย และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของตน ผลกระทบต่อกลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่ การสูญเสียผู้นำสำคัญ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่ อ่อนแอลงอย่างมาก และในที่สุด ก็สลายตัวลงในปีถัดมา 25 ปีผ่านไป บทเรียนสู่อนาคต เหตุการณ์ในวันนั้น ยังคงเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคง และคนไทยทุกคน การเผชิญหน้ากับความท้าทายเช่นนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือ ความเด็ดขาด และความเสียสละ จากทุกฝ่าย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241345 ม.ค. 2568 #GodsArmy #ราชบุรี #เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ #บุกโรงพยาบาล #ข่าวด่วนราชบุรี #กองกำลังติดอาวุธ #ประเทศไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปานามาร้องเรียนไปยังสหประชาชาติ ต่อคำขู่ "ที่น่ากังวล" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยึดคลองปานามา แต่ขณะเดียวก็ได้ลงมือตรวจสอบบัญชี "บริษัทแห่งหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับฮ่องกง" ซึ่งเป็นผู้ควบคุมท่าเรือ 2 แห่งในน่านน้ำที่เชื่อมมหาสมุทรแห่งนี้ ตอบสนองต่อเสียงโวยวายของผู้นำอเมริกา
    .
    ในหนังสือที่ส่งถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ทางรัฐบาลปานามาอ้างถึงมาตราหนึ่งของกฎบัตรสหประชาชาติ ที่ห้ามสมาชิกรายใดก็ตามจากการข่มขู่หรือใช้กำลังกับบูรณภาพแห่งดินแดนหรือความเป็นอิสระทางการเมืองของประเทศอื่น
    .
    หนังสือที่แจกจ่ายไปยังพวกผู้สื่อข่าวด้วยในวันอังคาร(21ม.ค.) เรียกร้องให้ กูเตอร์เรส หยิบยกประเด็นนี้เข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ไม่ได้ร้องขอให้มีการเรียกประชุมใดๆ
    .
    ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์(20ม.ค.) เน้นย้ำว่า จีน เสมือนเป็นผู้ปฏิบัติการคลองปานามา ผ่านการปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆแถวๆน่านน้ำแห่งนี้ ที่ทางสหรัฐฯส่งมอบให้แก่ปานามา ในช่วงปลายปี 1999 "เราไม่ได้มอบมันให้จีน เรามอบมันให้ปานามา และเรากำลังทวงคืน" ทรัมป์ระบุ
    .
    โฮเซ ราอูล มูลิโน ประธานาธิบดีปานามา ตอบโต้กลับระหว่างร่วมประชุม ณ เวทีสัมมนาเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศกร้าวว่าคลองแห่งนี้ไม่ได้เป็นของขวัญจากสหรัฐฯ "เราปฏิเสธทุกอย่างทั้งหมดที่ทรัมป์พูด ลำดับแรกเลยมันเป็นเท็จ และลำดับที่ 2 เพราะว่าคลองปานามาเป็นของปานามา และจะยังคงเป็นของปานามาต่อไป"
    .
    ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีปานามา เคยออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่มีประเทศอื่นกำลังแทรกแซงคลองปานามา ที่เขาบอกว่าปฏิบัติการภายใต้หลักการของความเป็นกลาง
    .
    เมื่อพวกผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับประเด็นถกเถียงนี้ในวันพุธ(22ม.ค.) ทางจีนยืนกรานว่าไม่เคยแทรกแซงใดๆในคลองแห่งนี้ "จีนเคารพอำนาจอธิปไตยของปานามาเหนือคลองปานามา มาตลอด และยอมรับคลองแห่งนี้ ในฐานะน่านน้ำระหว่างประเทศที่เป็นกลางอย่างถาวร" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ
    .
    สำนักงานการควบคุมแห่งปานามา ซึ่งกำกับดูแลองค์กรรัฐทั้งหลาย แถลงว่าจะเริ่มตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับบริษัทปานามา พอร์ทส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับประกันการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพแลความโปร่งใส
    .
    บริษัทแห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ฮัตชิสัน พอร์ทส์ เป็นบริษัทลูกของ ซีเค ฮัตชิสัน โฮลดิ้ง กลุ่มบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และเป็นผู้ดูแลท่าเรือบัลเบาและคริสโตบาล ที่ตั้งอยู่บริเวณทั้ง 2 ด้านของคลองปานามา
    .
    ทางสำนักงานการควบคุมแห่งปานามา บอกว่าการตรวจสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อสรุปว่าทางบริษัทปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆตามสัมปทานหรือไม่ ในนั้นรวมถึงรายงานเกี่ยวกับรายได้ การจ่ายเงินและการเกี่ยวข้องกับภาครัฐ
    .
    ฮัตชิสัน พอร์ทส์ พีพีซี ระบุในถ้อยแถลงว่า พวกเขาธำรงไว้ซึ่งและจะเดินหน้าคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่โปร่งใสและเต็มไปด้วยความร่วมมือกับพวกเจ้าหน้าที่ปานามา
    .
    ทรัมป์ ยกระดับกดดันเกี่ยวกับคลองปานามา มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ในนั้นรวมถึงไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารยึดคืนมัน
    .
    ทั้งนี้ข้อตกลงสัมปทานของปานามา พอร์ทส์ เพิ่งถูกขยายออกไปเมื่อปี 2021 มีอายุถึง 25 ปี คลองแห่งนี้เป็นเส้นทางการสัญจรของตู้สินค้าของสหรัฐฯราวๆ 40% ทำให้สหรัฐฯเป็นผู้ใช้รายหลักของคลองปานามา ตามมาด้วยจีน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007003
    ..............
    Sondhi X
    ปานามาร้องเรียนไปยังสหประชาชาติ ต่อคำขู่ "ที่น่ากังวล" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยึดคลองปานามา แต่ขณะเดียวก็ได้ลงมือตรวจสอบบัญชี "บริษัทแห่งหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับฮ่องกง" ซึ่งเป็นผู้ควบคุมท่าเรือ 2 แห่งในน่านน้ำที่เชื่อมมหาสมุทรแห่งนี้ ตอบสนองต่อเสียงโวยวายของผู้นำอเมริกา . ในหนังสือที่ส่งถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ทางรัฐบาลปานามาอ้างถึงมาตราหนึ่งของกฎบัตรสหประชาชาติ ที่ห้ามสมาชิกรายใดก็ตามจากการข่มขู่หรือใช้กำลังกับบูรณภาพแห่งดินแดนหรือความเป็นอิสระทางการเมืองของประเทศอื่น . หนังสือที่แจกจ่ายไปยังพวกผู้สื่อข่าวด้วยในวันอังคาร(21ม.ค.) เรียกร้องให้ กูเตอร์เรส หยิบยกประเด็นนี้เข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ไม่ได้ร้องขอให้มีการเรียกประชุมใดๆ . ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์(20ม.ค.) เน้นย้ำว่า จีน เสมือนเป็นผู้ปฏิบัติการคลองปานามา ผ่านการปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆแถวๆน่านน้ำแห่งนี้ ที่ทางสหรัฐฯส่งมอบให้แก่ปานามา ในช่วงปลายปี 1999 "เราไม่ได้มอบมันให้จีน เรามอบมันให้ปานามา และเรากำลังทวงคืน" ทรัมป์ระบุ . โฮเซ ราอูล มูลิโน ประธานาธิบดีปานามา ตอบโต้กลับระหว่างร่วมประชุม ณ เวทีสัมมนาเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศกร้าวว่าคลองแห่งนี้ไม่ได้เป็นของขวัญจากสหรัฐฯ "เราปฏิเสธทุกอย่างทั้งหมดที่ทรัมป์พูด ลำดับแรกเลยมันเป็นเท็จ และลำดับที่ 2 เพราะว่าคลองปานามาเป็นของปานามา และจะยังคงเป็นของปานามาต่อไป" . ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีปานามา เคยออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่มีประเทศอื่นกำลังแทรกแซงคลองปานามา ที่เขาบอกว่าปฏิบัติการภายใต้หลักการของความเป็นกลาง . เมื่อพวกผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับประเด็นถกเถียงนี้ในวันพุธ(22ม.ค.) ทางจีนยืนกรานว่าไม่เคยแทรกแซงใดๆในคลองแห่งนี้ "จีนเคารพอำนาจอธิปไตยของปานามาเหนือคลองปานามา มาตลอด และยอมรับคลองแห่งนี้ ในฐานะน่านน้ำระหว่างประเทศที่เป็นกลางอย่างถาวร" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ . สำนักงานการควบคุมแห่งปานามา ซึ่งกำกับดูแลองค์กรรัฐทั้งหลาย แถลงว่าจะเริ่มตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับบริษัทปานามา พอร์ทส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับประกันการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพแลความโปร่งใส . บริษัทแห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ฮัตชิสัน พอร์ทส์ เป็นบริษัทลูกของ ซีเค ฮัตชิสัน โฮลดิ้ง กลุ่มบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และเป็นผู้ดูแลท่าเรือบัลเบาและคริสโตบาล ที่ตั้งอยู่บริเวณทั้ง 2 ด้านของคลองปานามา . ทางสำนักงานการควบคุมแห่งปานามา บอกว่าการตรวจสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อสรุปว่าทางบริษัทปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆตามสัมปทานหรือไม่ ในนั้นรวมถึงรายงานเกี่ยวกับรายได้ การจ่ายเงินและการเกี่ยวข้องกับภาครัฐ . ฮัตชิสัน พอร์ทส์ พีพีซี ระบุในถ้อยแถลงว่า พวกเขาธำรงไว้ซึ่งและจะเดินหน้าคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่โปร่งใสและเต็มไปด้วยความร่วมมือกับพวกเจ้าหน้าที่ปานามา . ทรัมป์ ยกระดับกดดันเกี่ยวกับคลองปานามา มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ในนั้นรวมถึงไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารยึดคืนมัน . ทั้งนี้ข้อตกลงสัมปทานของปานามา พอร์ทส์ เพิ่งถูกขยายออกไปเมื่อปี 2021 มีอายุถึง 25 ปี คลองแห่งนี้เป็นเส้นทางการสัญจรของตู้สินค้าของสหรัฐฯราวๆ 40% ทำให้สหรัฐฯเป็นผู้ใช้รายหลักของคลองปานามา ตามมาด้วยจีน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007003 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1466 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 1)
    ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต
    การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย
    การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น
    และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
    แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง

    ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน

    การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง

    ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล
    อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์
    หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021

    วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ
    เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ

    กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ

    https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL

    ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย
    ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ

    อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA
    หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน

    https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI

    ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด
    นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน

    แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง

    นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย

    และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน
    กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ
    เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน

    ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ
    กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

    ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย
    และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด

    ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้
    และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง

    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 2)

    ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
    สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย

    วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์
    5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์
    9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์

    สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา
    สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต

    หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน”
    ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย
    (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง)

    ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต
    Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว
    https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y
    โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้
    ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์
    ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง

    ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้

    การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว
    ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า
    มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น
    ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน
    และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง”
    ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม

    ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี

    ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO

    สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า
    เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน

    สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่?

    ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่

    องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR)
    ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO)

    ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้

    ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง
    https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email

    สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    🙏🙏🙏
    กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 1) ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์ หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021 วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 2) ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์ 5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์ 9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์ สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน” ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง) ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์ ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้ การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง” ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่? ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR) ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO) ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้ ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯได้ประธานาธิบดีคนใหม่หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นผู้นำคนที่ 47 ในวันรำลึกสาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (MLK) ฟุ้งจะทำให้อเมริกากลับมามั่งคั่งยิ่งใหญ่อีกครั้ง ประกาศภาวะฉุกเฉินพรมแดนใต้ เดินหน้าขุดหาน้ำมัน เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก ยืนยันยึดคลองปานามาแน่ ยุติยุค LGBTQ รุ่งเรือง ท่ามกลางเสียงปรบมือ กลุ่ม Proud Boys ต้นเหตุบุกรัฐสภาสหรัฐฯวันที่ 6 ม.ค 2021 ร่วมฉลองเดินมาร์ชบนถนนกลางกรุง ดีซีวันจันทร์(20 ม.ค)
    .
    เอพีรายงานวันจันทร์(20 ม.ค) ว่า สหรัฐฯได้ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 47 ในวันจันทร์(20)หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งโดยมีประธานศาลสูงสุดสหรัฐฯ จอห์น โรเบิร์ต เป็นผู้ทำพิธี หลังจากก่อนหน้า เจดี. แวนซ์ เข้าพิธีสาบานตนในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯโดยผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯที่ทรัมป์ตั้ง เบรตต์ คาวานอห์ ( Brett Kavanaug)เป็นผู้ทำพิธี
    .
    เอพีรายงานว่า มีเฮลิคอปเตอร์จำนวน 1 ลำจอดอยู่ที่ด้านนอกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเพื่อนำอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ จิล ไบเดนกลับไปหลังพิธีสาบานตนเสร็จสิ้น
    .
    ภาพกลุ่มไวท์ซูพรีมาซิสต์ Proud Boys ผู้สนับสนุนทรัมป์เดินมาร์ชบนถนนสายต่างๆในกรุงวอชิงตัน ดีซี พร้อมโชว์ป้ายต่อต้านกลุ่มต้านฟาร์สซิสต์ระหว่างทรัมป์กำลังเตรียมสาบานตน
    .
    เอพีรายงานว่า สุนทรพจน์ประธานาธิบดีทรัมป์สมัย 2 มีเนื้อหาไม่ต่างจากสิ่งที่เขาเคยพูดหาเสียงบนเวที เขาประกาศภาวะฉุกเฉินพรมแดนใต้ติดเม็กซิโกโดยยังคงอ้างอย่างผิดพลาดว่า พวกผู้อพยพเข้าสหรัฐฯผิดกฎหมายนี้ออกมาจากคุกและสถานบำบัดทางจิต
    .
    ทรัมป์ยังประกาศยุติ กฎเกณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า
    .
    เนื้อหาสุนทรพจน์ของผู้นำคนที่ 47 ยังกล่าวว่า “ ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มต้นแล้วในเวลานี้” และสิ่งที่หวือหวาและเป็นที่จับตาไปทั่วเมื่อทรัมป์ประกาศภารกิจที่จะนำธงชาติสหรัฐฯไปปักบนดาวอังคารและทำให้มหาเศรษฐีพันล้านอเมริกัน อีลอน มัสก์ ชูมือขึ้นในอากาศอย่างตื่นเต้นทันที
    .
    บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า และเหมือนกับบนเวทีหาเสียง เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศผ่านสุนทรพจน์รับตำแหน่งในการนำ “คลองปานามา” กลับมาสู่อ้อมอกอเมริกาอีกครั้ง พร้อมกับอ้างว่า “จีน”กำลังควบคุมคลองปานามา
    .
    “พวกเราไม่ได้มอบมันให้กับจีน พวกเราให้แก่ปานามา และพวกเราจะนำมันกลับมา” ทรัมป์กล่าว
    .
    ขณะที่เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่าในสุนทรพจน์ ทรัมป์ย้ำว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิลเลียม แม็คคินลีย์ (William McKinley) ระหว่างปี 1897 – ปี 1901 ทำให้ประเทศร่ำรวยจากการเก็บภาษีและได้มอบเงินต่อให้ประธานาธิบดี ทีโอดอร์ โรเซอเวลต์ รวมถึงคลองปานามา
    .
    ทรัมป์ย้ำว่า สหรัฐฯใช้เงินมหาศาลสำหรับการขุดคลองปานามารวมถึงชีวิตที่ต้องเสียไปอีก38,000 คน
    .
    อ้างอิงตามประวัติพบแม็คคินลีย์ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 6 ก.ย ปี 1901 และเสียชีวิตเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหวในเวลาต่อมา เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ผนวกฮาวายเข้าเป็นหนึ่งในมลรัฐของสหรัฐฯเมื่อปี 1989
    .
    โพลิติโกของสหรัฐฯรายงานว่า ทรัมป์ใช้สุนทรพจน์รับตำแหน่งโจมตีรัฐบาลของไบเดนและการจัดการอย่างผิดพลาดต่อวิกฤตผู้อพยพเข้าอเมริกา โดยกล่าวว่า ประเทศเกิดวิกฤตในความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล
    .
    โพลิติโกรายงานว่า ไบเดนหัวเราะกับตัวเองไม่กี่ครั้งระหว่างนั่งฟังสุนทรพจน์โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์ประกาศจะออกคำสั่งบริหารเพื่อนำ 'สามัญสำนึก' หรือ common sense กลับคืนมา
    .
    ส่วนอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ถึงขั้นส่ายหัวไปมาระหว่างที่ทั้งเธอและสามีอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน คุยกระซิบข้างหูและหัวเราะเมื่อทรัมป์ปฎิญาณจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น “อ่าวอเมริกา”
    .
    บีบีซีชี้ว่า ทรัมป์ประกาศก้องว่า “ขุด ที่รัก ขุด” (Drill baby drill) ท่ามกลางเสียงปรบมือ เขาประกาศที่จะทำให้อเมริกากลับมาเป็นชาติอุตสาหกรรมอีกครั้ง พร้อมชี้ว่าประเทศสหรัฐฯถือเป็นชาติที่มีทรัพยากรน้ำมันและแก๊สธรรมชาติมากที่สุดในโลก “และพวกเรากำลังจะใช้มัน”
    .
    และในช่วงท้ายของสุนทรพจน์เขากล่าวว่า อนาคตเป็นของพวกเรา ยุคทองกำลังจะเริ่มขึ้น พร้อมกันยังรับรู้ถึงชัยชนะแลนด์สไลด์ของตัวเองโดยกล่าวว่า” อเมริกันชนได้ส่งเสียงออกมาแล้ว”
    .
    “ผมยืนอยู่ตรงหน้าพวกคุณเป็นหลักฐานว่าคุณไม่ควรจะเชื่อว่ามีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำ ในอเมริกาแล้ว การทำสิ่งที่ไม่เป็นไปไม่ได้ถือเป็นสิ่งที่พวกเราทำได้ดีที่สุด”
    .
    เขากล่าวว่า อเมริกาจะไม่ถูกครอบครองหรือคุกคาม “พวกเราจะไม่ล้มเหลว นับจากวันนี้สหรัฐอเมริกาจะเป็นอิสระ มีอธิปไตย และเป็นชาติที่เป็นเอกราช”
    .
    เขาเสริมต่อว่า สหรัฐฯภายใต้เขาจะปราศจากสีหรือเพศโดยชี้ว่า ที่ผ่านมาทั้งในด้านสาธารณะหรือส่วนตัวมีสิ่งเหล่านี้นโยบาย DEI (Diversity, equity, and inclusion) ความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและเพศเพื่อเข้าแทรกแซงมากเกินไปและยืนยันว่า อเมริกามีแค่ 2 เพศเท่านั้น เพศชาย และ เพศหญิง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006231
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯได้ประธานาธิบดีคนใหม่หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นผู้นำคนที่ 47 ในวันรำลึกสาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (MLK) ฟุ้งจะทำให้อเมริกากลับมามั่งคั่งยิ่งใหญ่อีกครั้ง ประกาศภาวะฉุกเฉินพรมแดนใต้ เดินหน้าขุดหาน้ำมัน เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก ยืนยันยึดคลองปานามาแน่ ยุติยุค LGBTQ รุ่งเรือง ท่ามกลางเสียงปรบมือ กลุ่ม Proud Boys ต้นเหตุบุกรัฐสภาสหรัฐฯวันที่ 6 ม.ค 2021 ร่วมฉลองเดินมาร์ชบนถนนกลางกรุง ดีซีวันจันทร์(20 ม.ค) . เอพีรายงานวันจันทร์(20 ม.ค) ว่า สหรัฐฯได้ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 47 ในวันจันทร์(20)หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งโดยมีประธานศาลสูงสุดสหรัฐฯ จอห์น โรเบิร์ต เป็นผู้ทำพิธี หลังจากก่อนหน้า เจดี. แวนซ์ เข้าพิธีสาบานตนในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯโดยผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯที่ทรัมป์ตั้ง เบรตต์ คาวานอห์ ( Brett Kavanaug)เป็นผู้ทำพิธี . เอพีรายงานว่า มีเฮลิคอปเตอร์จำนวน 1 ลำจอดอยู่ที่ด้านนอกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเพื่อนำอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ จิล ไบเดนกลับไปหลังพิธีสาบานตนเสร็จสิ้น . ภาพกลุ่มไวท์ซูพรีมาซิสต์ Proud Boys ผู้สนับสนุนทรัมป์เดินมาร์ชบนถนนสายต่างๆในกรุงวอชิงตัน ดีซี พร้อมโชว์ป้ายต่อต้านกลุ่มต้านฟาร์สซิสต์ระหว่างทรัมป์กำลังเตรียมสาบานตน . เอพีรายงานว่า สุนทรพจน์ประธานาธิบดีทรัมป์สมัย 2 มีเนื้อหาไม่ต่างจากสิ่งที่เขาเคยพูดหาเสียงบนเวที เขาประกาศภาวะฉุกเฉินพรมแดนใต้ติดเม็กซิโกโดยยังคงอ้างอย่างผิดพลาดว่า พวกผู้อพยพเข้าสหรัฐฯผิดกฎหมายนี้ออกมาจากคุกและสถานบำบัดทางจิต . ทรัมป์ยังประกาศยุติ กฎเกณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า . เนื้อหาสุนทรพจน์ของผู้นำคนที่ 47 ยังกล่าวว่า “ ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มต้นแล้วในเวลานี้” และสิ่งที่หวือหวาและเป็นที่จับตาไปทั่วเมื่อทรัมป์ประกาศภารกิจที่จะนำธงชาติสหรัฐฯไปปักบนดาวอังคารและทำให้มหาเศรษฐีพันล้านอเมริกัน อีลอน มัสก์ ชูมือขึ้นในอากาศอย่างตื่นเต้นทันที . บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า และเหมือนกับบนเวทีหาเสียง เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศผ่านสุนทรพจน์รับตำแหน่งในการนำ “คลองปานามา” กลับมาสู่อ้อมอกอเมริกาอีกครั้ง พร้อมกับอ้างว่า “จีน”กำลังควบคุมคลองปานามา . “พวกเราไม่ได้มอบมันให้กับจีน พวกเราให้แก่ปานามา และพวกเราจะนำมันกลับมา” ทรัมป์กล่าว . ขณะที่เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่าในสุนทรพจน์ ทรัมป์ย้ำว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิลเลียม แม็คคินลีย์ (William McKinley) ระหว่างปี 1897 – ปี 1901 ทำให้ประเทศร่ำรวยจากการเก็บภาษีและได้มอบเงินต่อให้ประธานาธิบดี ทีโอดอร์ โรเซอเวลต์ รวมถึงคลองปานามา . ทรัมป์ย้ำว่า สหรัฐฯใช้เงินมหาศาลสำหรับการขุดคลองปานามารวมถึงชีวิตที่ต้องเสียไปอีก38,000 คน . อ้างอิงตามประวัติพบแม็คคินลีย์ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 6 ก.ย ปี 1901 และเสียชีวิตเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหวในเวลาต่อมา เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ผนวกฮาวายเข้าเป็นหนึ่งในมลรัฐของสหรัฐฯเมื่อปี 1989 . โพลิติโกของสหรัฐฯรายงานว่า ทรัมป์ใช้สุนทรพจน์รับตำแหน่งโจมตีรัฐบาลของไบเดนและการจัดการอย่างผิดพลาดต่อวิกฤตผู้อพยพเข้าอเมริกา โดยกล่าวว่า ประเทศเกิดวิกฤตในความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล . โพลิติโกรายงานว่า ไบเดนหัวเราะกับตัวเองไม่กี่ครั้งระหว่างนั่งฟังสุนทรพจน์โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์ประกาศจะออกคำสั่งบริหารเพื่อนำ 'สามัญสำนึก' หรือ common sense กลับคืนมา . ส่วนอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ถึงขั้นส่ายหัวไปมาระหว่างที่ทั้งเธอและสามีอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน คุยกระซิบข้างหูและหัวเราะเมื่อทรัมป์ปฎิญาณจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น “อ่าวอเมริกา” . บีบีซีชี้ว่า ทรัมป์ประกาศก้องว่า “ขุด ที่รัก ขุด” (Drill baby drill) ท่ามกลางเสียงปรบมือ เขาประกาศที่จะทำให้อเมริกากลับมาเป็นชาติอุตสาหกรรมอีกครั้ง พร้อมชี้ว่าประเทศสหรัฐฯถือเป็นชาติที่มีทรัพยากรน้ำมันและแก๊สธรรมชาติมากที่สุดในโลก “และพวกเรากำลังจะใช้มัน” . และในช่วงท้ายของสุนทรพจน์เขากล่าวว่า อนาคตเป็นของพวกเรา ยุคทองกำลังจะเริ่มขึ้น พร้อมกันยังรับรู้ถึงชัยชนะแลนด์สไลด์ของตัวเองโดยกล่าวว่า” อเมริกันชนได้ส่งเสียงออกมาแล้ว” . “ผมยืนอยู่ตรงหน้าพวกคุณเป็นหลักฐานว่าคุณไม่ควรจะเชื่อว่ามีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำ ในอเมริกาแล้ว การทำสิ่งที่ไม่เป็นไปไม่ได้ถือเป็นสิ่งที่พวกเราทำได้ดีที่สุด” . เขากล่าวว่า อเมริกาจะไม่ถูกครอบครองหรือคุกคาม “พวกเราจะไม่ล้มเหลว นับจากวันนี้สหรัฐอเมริกาจะเป็นอิสระ มีอธิปไตย และเป็นชาติที่เป็นเอกราช” . เขาเสริมต่อว่า สหรัฐฯภายใต้เขาจะปราศจากสีหรือเพศโดยชี้ว่า ที่ผ่านมาทั้งในด้านสาธารณะหรือส่วนตัวมีสิ่งเหล่านี้นโยบาย DEI (Diversity, equity, and inclusion) ความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและเพศเพื่อเข้าแทรกแซงมากเกินไปและยืนยันว่า อเมริกามีแค่ 2 เพศเท่านั้น เพศชาย และ เพศหญิง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006231 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 844 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ”กับ‘วันชัย สอนศิริ ’มาตรฐานต่างกัน
    ราว “พญาเหยี่ยว”กับ‘นกกระจอก’
    .
    เรื่องของผม สนธิ ลิ้มทองกุลกับคุณวันชัย สอนศิริ ผมกลับมานอนคิดสะระตะแล้ว เฮ้ย! ความผิดอยู่ที่เรานี่หว่า ผมพลาดไปเองที่ใช้มาตรฐานผมเป็นตัวตั้ง แล้วผมก็หวังว่าคุณคงจะมีมาตรฐานเหมือนผม นี่คือข้อผิดพลาดในชีวิตของผม ผมเพิ่งจะรู้ว่ามาตรฐานของคุณกับผมมันห่างกันเหลือเกินเป็นพันๆ ลี้ อุปมาอุปไมยผมเหมือนพญาเหยี่ยวที่บินอยู่บนท้องฟ้า แต่คุณคือนกกระจอก นกกระจิบ ที่บินอยู่ข้างล่าง หากินกับไส้เดือนบนพื้นดิน
    .
    มาตรฐานของผมคือ “อะไรที่ถูกต้อง ผมไม่ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว” จนวันนี้ก็ยังไม่ถอย ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง จากวันนั้นถึงวันนี้ผมไม่เคยเปลี่ยน และผมยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
    .
    หลักการตรงนี้อยู่ติดตัวผมมานานแล้ว มาจนกระทั่งทุกวันนี้ที่ผมสนับสนุนและส่งเสริมให้อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำเรื่องน้องแตงโมนั้น ก็เพราะว่าหลักการของสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ ให้ประชาชนได้รับรู้อีกด้านหนึ่ง
    .
    คุณวันชัย คุณรู้หรือเปล่าว่าผมสู้มาตั้งแต่ปี 2548 ยี่สิบปีแล้วที่ผมออกมาสู้ มาถึงวันนี้ ฝนตก แดดออก พายุเข้า พอทุกอย่างฟ้าใสแจ้งจางปาง พระอาทิตย์ออก ประชาชนเห็นว่าผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่คุณวันชัยต้องยอมรับกับผมนะว่า ประเทศไทยมีคนอยู่ไม่น้อยเลยที่ยอมเสียหลักการของตัวเอง เพื่อเลียคนที่มีอำนาจเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ ผมไม่ทราบว่าคุณวันชัย เป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือเปล่า
    .
    ชีวิตผมอยู่ได้ด้วยความไม่กลัว ความกลัวคือความเสื่อม แล้วอีกอันหนึ่งที่ผมอยู่ได้เพราะ ธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์ผมที่คุณดูถูก เยาะเย้ย เหยียดหยามหลวงตามหาบัว ท่านบอกว่า “สนธิ ธรรมชนะอธรรม ชนะอวิชชา ธรรมจะใช้เวลานิดหนึ่ง” เหมือนกับที่ผมต้องใช้เวลาถึง 17 ปี ผมและพันธมิตรฯ ทุกคนถึงได้รับการนิรโทษกรรมทางใจว่าพวกผมสู้มาไม่ผิด แต่ต้องรอตั้ง 17 ปี กว่า "ธรรม" ที่หลวงตามหาบัวสอนผมมาเป็นความจริง พิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้ธรรมนำหน้าของผมที่ต่อสู้กับเจ้านายคุณ คือทักษิณ ชินวัตรนั้น เป็นความจริงที่เถียงไม่ออก เพราะนายคุณยอมรับสารภาพในราชกิจจานุเบกษาว่าได้ทำผิดจริง ได้ฉ้อราษฎร์บังหลวงจริง 1..2..3..4.. ถึงโดนโทษจำคุก 8 ปี แต่ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
    .
    ผมเป็นคนเชื่อในหลักนิติธรรม และผมเคารพในหลักนิติธรรม ไม่ยอมปฏิเสธ ไม่หลบหนี มาตรฐานของผมบอกว่า ขนาดผมยังยอมเดินเข้าคุก ไม่หนี ติดคุกอยู่ 2 ปี 11 เดือน 27 วัน แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมา เนื่องในวาระของราชาภิเษก ให้รัชกาลที่ 10 ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ตอนนั้น ของผมถูกต้องตามระเบียบทุกประการ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น คุณวันชัยครับ เผอิญว่านี่ก็คือมาตรฐานของผมอย่างหนึ่งเช่นกัน ยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยเรียกร้องตำแหน่ง ผมไม่เคยต้องไปเลียรองเท้าของนายพลต่างๆ เพื่อให้นายพลตั้งตัวเองเป็น สว. พอเริ่มรู้ว่าตัวเองจะหมดอำนาจแล้วตั้งแต่สิงหาคม ก็เริ่มเลียการเมือง ผมไม่ได้พูดถึงใครนะครับคุณวันชัย อย่าเดือดร้อน
    .
    เพราะฉะนั้นแล้ว คุณจะไปตกลงอะไรกับทักษิณ ชินวัตร คุณตอบผมสักคำได้ไหมว่า นายใหม่คุณ เจ้าของคอกหมา ซึ่งคุณเข้าไปในคอกนั้นเรียบร้อยแล้ว เขาได้ทำอะไรให้บ้างตั้งแต่เขากลับมา นอกจากสร้างความวุ่นวายในเรื่องหลักนิติธรรมให้วุ่นวายทั่วประเทศ วิสัยทัศน์เขามีอะไร นอกจากการพนัน ตั้งบ่อนกาสิโน นอกจากแจกเงิน แล้วคุณอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ที่คุณบอกเป็นนารีกู้แผ่นดิน คุณวันชัยครับ ประชาชนเขาหัวเราะขำคำว่า "นารีกู้แผ่นดิน" ของคุณ
    .
    คุณวันชัย คุณเป็นทนาย คุณก็รู้ว่าในศาลเขาแพ้ชนะกันที่ประจักษ์พยานไม่ใช่หรือ แล้วคุณจะมาว่าผมสร้างความวุ่นวายได้อย่างไร ตัววุ่นวายคือนายคุณ ที่สร้างความวุ่นวาย แล้วคุณก็เป็นลูกคู่ที่เข้าไปช่วยทำให้ความวุ่นวายนั้นมันวุ่นวายมากขึ้น
    .
    มาตรฐานผม ผมไม่เคยถอย คุณบอกคุณเป็นนักเลง นักเลงกล้าได้กล้าเสีย แต่ผมเป็นนักเลงโบราณซึ่งนักเลงทั่วๆไปไม่มี คือผมเป็นคนที่มีสัจจะที่มีคนเชื่อผมเป็นแสนๆเป็นล้านคนทุกวันนี้ คุณไม่ต้องท้าผม ถึงเวลา ถ้าจำเป็น ผมจะลงถนนแน่นอน ผมจะลงถนนแน่นอน ถ้าการกระทำของรัฐบาลนี้ส่อให้เกิดการสูญเสียอธิปไตยของประเทศ ผมพร้อมเสมอ อย่ามาบอกว่าเดี๋ยวนี้ผมเรียกคนไม่ได้ คุณจะลองมั้ย ถึงวันนั้นแล้วคุณอย่าเสียใจนะว่าคุณปากไม่ดี พูดไม่ดี คุณวันชัย อยากจะพล่ามอะไรก็พล่าม เพราะคุณจำเป็นต้องพล่ามให้มากๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นายคุณ ว่าผมทำงานให้แล้วนะ ตำแหน่งโฆษกรัฐบาลถ้ามี ตั้งผมหน่อย
    .
    คุณจำไว้อย่างนะคุณวันชัย ผมไม่เคยเลียแข้งเลียขาใครเพื่อให้ตัวเองได้ตำแหน่ง อย่างเช่นเป็น สว. ไม่เคย ให้ตายสิ พอผมพูดถึงคุณแล้ว เขาหัวเราะกัน ประพันธ์ คูณมีบอกว่า พี่อย่าไปสนใจเลยไอ้คนประเภทนี้ คุณวันชัย เชิญคุณตามสบาย จะยั่วยุอย่างไร ยั่วยุไม่สำเร็จหรอก เพราะคุณกับผมมันคนละมาตรฐานกัน
    “สนธิ”กับ‘วันชัย สอนศิริ ’มาตรฐานต่างกัน ราว “พญาเหยี่ยว”กับ‘นกกระจอก’ . เรื่องของผม สนธิ ลิ้มทองกุลกับคุณวันชัย สอนศิริ ผมกลับมานอนคิดสะระตะแล้ว เฮ้ย! ความผิดอยู่ที่เรานี่หว่า ผมพลาดไปเองที่ใช้มาตรฐานผมเป็นตัวตั้ง แล้วผมก็หวังว่าคุณคงจะมีมาตรฐานเหมือนผม นี่คือข้อผิดพลาดในชีวิตของผม ผมเพิ่งจะรู้ว่ามาตรฐานของคุณกับผมมันห่างกันเหลือเกินเป็นพันๆ ลี้ อุปมาอุปไมยผมเหมือนพญาเหยี่ยวที่บินอยู่บนท้องฟ้า แต่คุณคือนกกระจอก นกกระจิบ ที่บินอยู่ข้างล่าง หากินกับไส้เดือนบนพื้นดิน . มาตรฐานของผมคือ “อะไรที่ถูกต้อง ผมไม่ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว” จนวันนี้ก็ยังไม่ถอย ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง จากวันนั้นถึงวันนี้ผมไม่เคยเปลี่ยน และผมยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ . หลักการตรงนี้อยู่ติดตัวผมมานานแล้ว มาจนกระทั่งทุกวันนี้ที่ผมสนับสนุนและส่งเสริมให้อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำเรื่องน้องแตงโมนั้น ก็เพราะว่าหลักการของสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ ให้ประชาชนได้รับรู้อีกด้านหนึ่ง . คุณวันชัย คุณรู้หรือเปล่าว่าผมสู้มาตั้งแต่ปี 2548 ยี่สิบปีแล้วที่ผมออกมาสู้ มาถึงวันนี้ ฝนตก แดดออก พายุเข้า พอทุกอย่างฟ้าใสแจ้งจางปาง พระอาทิตย์ออก ประชาชนเห็นว่าผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่คุณวันชัยต้องยอมรับกับผมนะว่า ประเทศไทยมีคนอยู่ไม่น้อยเลยที่ยอมเสียหลักการของตัวเอง เพื่อเลียคนที่มีอำนาจเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ ผมไม่ทราบว่าคุณวันชัย เป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือเปล่า . ชีวิตผมอยู่ได้ด้วยความไม่กลัว ความกลัวคือความเสื่อม แล้วอีกอันหนึ่งที่ผมอยู่ได้เพราะ ธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์ผมที่คุณดูถูก เยาะเย้ย เหยียดหยามหลวงตามหาบัว ท่านบอกว่า “สนธิ ธรรมชนะอธรรม ชนะอวิชชา ธรรมจะใช้เวลานิดหนึ่ง” เหมือนกับที่ผมต้องใช้เวลาถึง 17 ปี ผมและพันธมิตรฯ ทุกคนถึงได้รับการนิรโทษกรรมทางใจว่าพวกผมสู้มาไม่ผิด แต่ต้องรอตั้ง 17 ปี กว่า "ธรรม" ที่หลวงตามหาบัวสอนผมมาเป็นความจริง พิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้ธรรมนำหน้าของผมที่ต่อสู้กับเจ้านายคุณ คือทักษิณ ชินวัตรนั้น เป็นความจริงที่เถียงไม่ออก เพราะนายคุณยอมรับสารภาพในราชกิจจานุเบกษาว่าได้ทำผิดจริง ได้ฉ้อราษฎร์บังหลวงจริง 1..2..3..4.. ถึงโดนโทษจำคุก 8 ปี แต่ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว . ผมเป็นคนเชื่อในหลักนิติธรรม และผมเคารพในหลักนิติธรรม ไม่ยอมปฏิเสธ ไม่หลบหนี มาตรฐานของผมบอกว่า ขนาดผมยังยอมเดินเข้าคุก ไม่หนี ติดคุกอยู่ 2 ปี 11 เดือน 27 วัน แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมา เนื่องในวาระของราชาภิเษก ให้รัชกาลที่ 10 ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ตอนนั้น ของผมถูกต้องตามระเบียบทุกประการ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น คุณวันชัยครับ เผอิญว่านี่ก็คือมาตรฐานของผมอย่างหนึ่งเช่นกัน ยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยเรียกร้องตำแหน่ง ผมไม่เคยต้องไปเลียรองเท้าของนายพลต่างๆ เพื่อให้นายพลตั้งตัวเองเป็น สว. พอเริ่มรู้ว่าตัวเองจะหมดอำนาจแล้วตั้งแต่สิงหาคม ก็เริ่มเลียการเมือง ผมไม่ได้พูดถึงใครนะครับคุณวันชัย อย่าเดือดร้อน . เพราะฉะนั้นแล้ว คุณจะไปตกลงอะไรกับทักษิณ ชินวัตร คุณตอบผมสักคำได้ไหมว่า นายใหม่คุณ เจ้าของคอกหมา ซึ่งคุณเข้าไปในคอกนั้นเรียบร้อยแล้ว เขาได้ทำอะไรให้บ้างตั้งแต่เขากลับมา นอกจากสร้างความวุ่นวายในเรื่องหลักนิติธรรมให้วุ่นวายทั่วประเทศ วิสัยทัศน์เขามีอะไร นอกจากการพนัน ตั้งบ่อนกาสิโน นอกจากแจกเงิน แล้วคุณอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ที่คุณบอกเป็นนารีกู้แผ่นดิน คุณวันชัยครับ ประชาชนเขาหัวเราะขำคำว่า "นารีกู้แผ่นดิน" ของคุณ . คุณวันชัย คุณเป็นทนาย คุณก็รู้ว่าในศาลเขาแพ้ชนะกันที่ประจักษ์พยานไม่ใช่หรือ แล้วคุณจะมาว่าผมสร้างความวุ่นวายได้อย่างไร ตัววุ่นวายคือนายคุณ ที่สร้างความวุ่นวาย แล้วคุณก็เป็นลูกคู่ที่เข้าไปช่วยทำให้ความวุ่นวายนั้นมันวุ่นวายมากขึ้น . มาตรฐานผม ผมไม่เคยถอย คุณบอกคุณเป็นนักเลง นักเลงกล้าได้กล้าเสีย แต่ผมเป็นนักเลงโบราณซึ่งนักเลงทั่วๆไปไม่มี คือผมเป็นคนที่มีสัจจะที่มีคนเชื่อผมเป็นแสนๆเป็นล้านคนทุกวันนี้ คุณไม่ต้องท้าผม ถึงเวลา ถ้าจำเป็น ผมจะลงถนนแน่นอน ผมจะลงถนนแน่นอน ถ้าการกระทำของรัฐบาลนี้ส่อให้เกิดการสูญเสียอธิปไตยของประเทศ ผมพร้อมเสมอ อย่ามาบอกว่าเดี๋ยวนี้ผมเรียกคนไม่ได้ คุณจะลองมั้ย ถึงวันนั้นแล้วคุณอย่าเสียใจนะว่าคุณปากไม่ดี พูดไม่ดี คุณวันชัย อยากจะพล่ามอะไรก็พล่าม เพราะคุณจำเป็นต้องพล่ามให้มากๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นายคุณ ว่าผมทำงานให้แล้วนะ ตำแหน่งโฆษกรัฐบาลถ้ามี ตั้งผมหน่อย . คุณจำไว้อย่างนะคุณวันชัย ผมไม่เคยเลียแข้งเลียขาใครเพื่อให้ตัวเองได้ตำแหน่ง อย่างเช่นเป็น สว. ไม่เคย ให้ตายสิ พอผมพูดถึงคุณแล้ว เขาหัวเราะกัน ประพันธ์ คูณมีบอกว่า พี่อย่าไปสนใจเลยไอ้คนประเภทนี้ คุณวันชัย เชิญคุณตามสบาย จะยั่วยุอย่างไร ยั่วยุไม่สำเร็จหรอก เพราะคุณกับผมมันคนละมาตรฐานกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • 433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘

    ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้

    สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี
    ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา

    ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง

    สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา

    พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว

    เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว

    เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ

    เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ
    เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว

    ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง

    เผชิญหน้าบนหลังช้าง
    พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า

    “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด”

    มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง

    ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่

    ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี

    หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้

    ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย
    สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

    พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ

    มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี
    1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน?
    ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    2. ช้างศึกคืออะไร?
    ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์

    3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ?
    เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ

    ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้

    เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568

    #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย

    🎉
    433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘 ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้ สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง เผชิญหน้าบนหลังช้าง พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด” มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่ ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้ ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี 1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน? ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี 2. ช้างศึกคืออะไร? ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์ 3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ? เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้ เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568 #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย 🎉
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนยกระดับการส่งมอบยุทโธปกรณ์ทางทหารของอเมริกาที่ป้อนแก่ไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดกับจีน ซึ่งกล่าวอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จากคำยืนยันของ ไมค์ วอลต์ซ ว่าที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    .
    ระหว่างกล่าว ณ สถาบันสันติภาพในวอชิงตัน เมื่อวันอังคาร(14ม.ค.) วอลต์ซ สมาชิกสภาคองเกรสจากฟลอริดา เน้นย้ำว่า "เรามีสินค้าคงค้างกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ที่พวกเขาจ่ายเงินมา และเราจำเป็นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่พวกเขายอมควักเงินเพื่อสิ่งนี้ ที่เรียกว่ามาตรการป้องปราม"
    .
    วอลต์ซ ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะเดินหน้าแสวงหานโยบายครอบคลุมในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน ยุทธศาสตร์นี้รวมไปถึงการติดตั้งแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองแก่เกาะแห่งนี้ อาทิระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่ โดรนและเทคโนโลยีสอดแนมล้ำสมัย ที่จะทำให้จีนแผ่นดินใหญ่อาจต้องทุ่มทุนมากกว่าเดิม หากคิดใช้กำลังเข้าควบคุมไต้หวัน
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงกลาโหมของไต้หวัน แถลงว่ามีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี โดยเผยว่าพวกเขาจะติดตั้งระบบอาวุธ NASAMS ที่ผลิตโดยนอร์เวย์ ในตำแหน่งต่างๆที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทางเหนือของเกาะ
    .
    ปักกิ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" และยืนยันว่าท้ายที่สุดจะมีการรวมชาติ ในนั้นรวมถึงผ่านการใช้กำลังถ้าจำเป็น นอกจากนี้แล้ว จีน ยังส่งเสียงคัดค้านซ้ำๆต่อการแทรกแซงใดๆของต่างชาติในประเด็นนี้ ในนั้นรวมถึงการที่สหรัฐฯขายอาวุธแก่ไต้หวัน โดยปักกิ่งมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขาและคุกคามเสถียรภาพในภูมิภาค
    .
    ไต้หวัน ปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 1949 ครั้งกองกำลังชาตินิยมล่าถอยไปยังเกาะแห่งนี้ หลังจากพ่ายแพ้ในสงคามกลางเมืองของจีน ปัจจุบันเหลือไม่กี่ประเทศที่ให้การยอมรับอธิปไตยของเกาะ และเกือบทั่วโลก ยึดถือจุดยืนของจีน ที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน
    .
    อย่างไรก็ตามในส่วนของสหรัฐฯ แม้อย่างเป็นทางการแล้ว ยืดถือนโยบายจีนเดียว แต่ยังคงป้อนอาวุธให้แก่เกาะแห่งนี้ และประสานความร่วมมือทางทหารกับรัฐบาลในไทเป
    .
    จีน ประณามซ้ำๆต่อกรณีสหรัฐฯขายอาวุธให้ไต้หวัน ว่าบั่นทอนเสถียรภาพและยั่วยุ และทำการซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศถี่ๆรอบๆเกาะ เป็นการตอบโต้
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน จีนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทกลาโหม 7 แห่งของสหรัฐฯ และสั่งแบนส่งออกสินค้าที่สามารถใช้ในทั้งทางพาณิยช์และด้านการทหาร ไปยังบรรดาบริษัทอเมริกา ในนั้นรวมถึงโบอิ้ง, เจเนรัล ไดนามิกส์, ล็อคฮีด มาร์ติน และ เรย์เธียน ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง อนุมัติจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมแก่ไต้หวัน อีก 571 ล้านดอลลาร์ ในเดือนธันวาคม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004692
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนยกระดับการส่งมอบยุทโธปกรณ์ทางทหารของอเมริกาที่ป้อนแก่ไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดกับจีน ซึ่งกล่าวอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จากคำยืนยันของ ไมค์ วอลต์ซ ว่าที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ . ระหว่างกล่าว ณ สถาบันสันติภาพในวอชิงตัน เมื่อวันอังคาร(14ม.ค.) วอลต์ซ สมาชิกสภาคองเกรสจากฟลอริดา เน้นย้ำว่า "เรามีสินค้าคงค้างกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ที่พวกเขาจ่ายเงินมา และเราจำเป็นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่พวกเขายอมควักเงินเพื่อสิ่งนี้ ที่เรียกว่ามาตรการป้องปราม" . วอลต์ซ ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะเดินหน้าแสวงหานโยบายครอบคลุมในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน ยุทธศาสตร์นี้รวมไปถึงการติดตั้งแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองแก่เกาะแห่งนี้ อาทิระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่ โดรนและเทคโนโลยีสอดแนมล้ำสมัย ที่จะทำให้จีนแผ่นดินใหญ่อาจต้องทุ่มทุนมากกว่าเดิม หากคิดใช้กำลังเข้าควบคุมไต้หวัน . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงกลาโหมของไต้หวัน แถลงว่ามีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี โดยเผยว่าพวกเขาจะติดตั้งระบบอาวุธ NASAMS ที่ผลิตโดยนอร์เวย์ ในตำแหน่งต่างๆที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทางเหนือของเกาะ . ปักกิ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" และยืนยันว่าท้ายที่สุดจะมีการรวมชาติ ในนั้นรวมถึงผ่านการใช้กำลังถ้าจำเป็น นอกจากนี้แล้ว จีน ยังส่งเสียงคัดค้านซ้ำๆต่อการแทรกแซงใดๆของต่างชาติในประเด็นนี้ ในนั้นรวมถึงการที่สหรัฐฯขายอาวุธแก่ไต้หวัน โดยปักกิ่งมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขาและคุกคามเสถียรภาพในภูมิภาค . ไต้หวัน ปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 1949 ครั้งกองกำลังชาตินิยมล่าถอยไปยังเกาะแห่งนี้ หลังจากพ่ายแพ้ในสงคามกลางเมืองของจีน ปัจจุบันเหลือไม่กี่ประเทศที่ให้การยอมรับอธิปไตยของเกาะ และเกือบทั่วโลก ยึดถือจุดยืนของจีน ที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน . อย่างไรก็ตามในส่วนของสหรัฐฯ แม้อย่างเป็นทางการแล้ว ยืดถือนโยบายจีนเดียว แต่ยังคงป้อนอาวุธให้แก่เกาะแห่งนี้ และประสานความร่วมมือทางทหารกับรัฐบาลในไทเป . จีน ประณามซ้ำๆต่อกรณีสหรัฐฯขายอาวุธให้ไต้หวัน ว่าบั่นทอนเสถียรภาพและยั่วยุ และทำการซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศถี่ๆรอบๆเกาะ เป็นการตอบโต้ . ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน จีนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทกลาโหม 7 แห่งของสหรัฐฯ และสั่งแบนส่งออกสินค้าที่สามารถใช้ในทั้งทางพาณิยช์และด้านการทหาร ไปยังบรรดาบริษัทอเมริกา ในนั้นรวมถึงโบอิ้ง, เจเนรัล ไดนามิกส์, ล็อคฮีด มาร์ติน และ เรย์เธียน ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง อนุมัติจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมแก่ไต้หวัน อีก 571 ล้านดอลลาร์ ในเดือนธันวาคม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004692 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1510 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบรวม 61ความระยำของ ทักษิณ บันทึกไว้ให้ลูกหลานมันจำ" 🧐เครดิต:ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ แชร์ให้โลกรู้
    9 ธค.นี้ 10.00 น.หน้าทำเนียบรัฐบาลไทยทุกคน

    1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน
    2. ลดสัมปทาน itv ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดีสร้างภาพดีๆให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%)
    3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร
    4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ
    5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต.
    6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก
    7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำเพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ…มาคุมทุกเหล่า
    8. กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมายและหลุดปากด่าทหารว่า “สมควรตาย”
    9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย
    10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star
    11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star
    12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี
    13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิดขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจากแปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุนกว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไรแทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็นกำไรของตระกูลพวกถือหุ้น
    14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิดไหนบอกว่ารักครอบครัวไง
    15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถมได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี
    16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น
    17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง
    18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ
    19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกินก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาดหาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็มสภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดูน้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
    20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี
    20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา
    20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้)
    21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตายแล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น
    22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 2000 คน จากการปราบยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ
    23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้องเอาเงินไปฟอกต่างประเทศเอาเปรียบใน การทําธุรกิจผูกขาด
    ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคนในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวยมหาศาล
    24. โกงที่ดินวัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้ง ๆ รู้ว่าที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะไม่กลัวบาปกรรม
    25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฎิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรีถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย
    26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษ ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี
    27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไงใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็นไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงินเหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแกประชาชน ยุคทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรงอยู่เหนือเหตุผล
    28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้รากหญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้าแบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง
    29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง
    30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมีไม่พอ
    31. วันที่ประกาศยุบสภาประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง
    32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกูลตัวเอง จึงให้นายวิษณุ เครืองา ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัยในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา
    33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุดตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริตที่ห้องคุณหญิง ต่อมาคนดีอย่างคุณหญิงก็ได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม
    34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน…
    35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียวก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้วนี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพักผ่อน บอกตรงๆก็ได้
    36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาทซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ1,432 ล้านบาทกะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ?
    37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ)
    38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ
    39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคมโดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และพล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด
    40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ
    40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่าที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน..จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่……………
    40.2. ทักษิณ ชินวัตร ใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆ ไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า…ที่ สำคัญอุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบ ศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน.. ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต… .พอ มีคนรู้ทัน.. รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง… จนพระองค์ท่านออกมาตรัสใน วันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่าสมควรหรือไม่
    40.3. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ”ผีที่ไหนจะจงรักภักดี….”
    คนระดับทักษิณ มีการศึกษาสูงพอ ผ่านงานพระราชพิธีมามากมาย..ย่อมควรรู้ดีว่าสมควรพูดเช่นนี้ หรือไม่….ถ้ามีปัญญาก็ควรพูดว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ใครเล่าที่จะจงรักภักดี มากกว่า
    40.4. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู…(พูดว่าข้างหู) ว่าออกเถอะจะกราบบังคมลาทันที…คำหลังยังใช้ราชาศัพท์เป็น แต่คำหน้าไหงใช้คำว่ามากระซิบข้างหู… ทักษิณ ไม่ควรทำตัวเสมอพระองค์ท่าน
    40.5. แม่ยายของทักษิณ กล่าวจาบจ้วงว่า บางทีตนอาจขอม็อบพระราชทานบ้าง คำว่า สิ่งพระราชทาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มงคล เป็นสิ่งที่ดีแต่คำว่า “ม็อบ” หมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องบางอย่าง พระองค์ท่านจะพระราชทานได้อย่าง ไร…ไม่สมควรพูด
    40.6. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯพระราชทานอยู่แล้ว ถ้าได้กลับมาอีกครั้งพระองค์ท่านต้อง …ใช้คำว่า “ต้อง” เซ็นให้ตนเป็นนายกฯอยู่วันยังค่ำ
    40.7. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า โผทหารที่นายกฯเซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่…
    รวบรวม 61ความระยำของ ทักษิณ บันทึกไว้ให้ลูกหลานมันจำ" 🧐เครดิต:ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ แชร์ให้โลกรู้ 9 ธค.นี้ 10.00 น.หน้าทำเนียบรัฐบาลไทยทุกคน 1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน 2. ลดสัมปทาน itv ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดีสร้างภาพดีๆให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%) 3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร 4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ 5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต. 6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก 7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำเพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ…มาคุมทุกเหล่า 8. กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมายและหลุดปากด่าทหารว่า “สมควรตาย” 9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย 10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star 11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star 12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี 13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิดขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจากแปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุนกว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไรแทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็นกำไรของตระกูลพวกถือหุ้น 14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิดไหนบอกว่ารักครอบครัวไง 15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถมได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี 16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น 17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง 18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ 19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกินก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาดหาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็มสภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดูน้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ 20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี 20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา 20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้) 21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตายแล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น 22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 2000 คน จากการปราบยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ 23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้องเอาเงินไปฟอกต่างประเทศเอาเปรียบใน การทําธุรกิจผูกขาด ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคนในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวยมหาศาล 24. โกงที่ดินวัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้ง ๆ รู้ว่าที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะไม่กลัวบาปกรรม 25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฎิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรีถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย 26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษ ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี 27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไงใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็นไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงินเหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแกประชาชน ยุคทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรงอยู่เหนือเหตุผล 28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้รากหญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้าแบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง 29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง 30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมีไม่พอ 31. วันที่ประกาศยุบสภาประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง 32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกูลตัวเอง จึงให้นายวิษณุ เครืองา ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัยในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา 33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุดตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริตที่ห้องคุณหญิง ต่อมาคนดีอย่างคุณหญิงก็ได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม 34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน… 35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียวก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้วนี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพักผ่อน บอกตรงๆก็ได้ 36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาทซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ1,432 ล้านบาทกะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ? 37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ) 38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ 39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคมโดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และพล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด 40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ 40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่าที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน..จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่…………… 40.2. ทักษิณ ชินวัตร ใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆ ไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า…ที่ สำคัญอุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบ ศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน.. ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต… .พอ มีคนรู้ทัน.. รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง… จนพระองค์ท่านออกมาตรัสใน วันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่าสมควรหรือไม่ 40.3. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ”ผีที่ไหนจะจงรักภักดี….” คนระดับทักษิณ มีการศึกษาสูงพอ ผ่านงานพระราชพิธีมามากมาย..ย่อมควรรู้ดีว่าสมควรพูดเช่นนี้ หรือไม่….ถ้ามีปัญญาก็ควรพูดว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ใครเล่าที่จะจงรักภักดี มากกว่า 40.4. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู…(พูดว่าข้างหู) ว่าออกเถอะจะกราบบังคมลาทันที…คำหลังยังใช้ราชาศัพท์เป็น แต่คำหน้าไหงใช้คำว่ามากระซิบข้างหู… ทักษิณ ไม่ควรทำตัวเสมอพระองค์ท่าน 40.5. แม่ยายของทักษิณ กล่าวจาบจ้วงว่า บางทีตนอาจขอม็อบพระราชทานบ้าง คำว่า สิ่งพระราชทาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มงคล เป็นสิ่งที่ดีแต่คำว่า “ม็อบ” หมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องบางอย่าง พระองค์ท่านจะพระราชทานได้อย่าง ไร…ไม่สมควรพูด 40.6. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯพระราชทานอยู่แล้ว ถ้าได้กลับมาอีกครั้งพระองค์ท่านต้อง …ใช้คำว่า “ต้อง” เซ็นให้ตนเป็นนายกฯอยู่วันยังค่ำ 40.7. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า โผทหารที่นายกฯเซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 905 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีกำลังพยายามทำลายเศรษฐกิจของยุโรป ด้วยการโจมตีท่อส่งก๊าซสุดท้ายจากรัสเซียไปยังยุโรป

    กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า “เมื่อวันที่ 11 มกราคม เคียฟพยายามโจมตีสถานีในคูบัน ซึ่งส่งก๊าซผ่านท่อส่งก๊าซตุรกี (Turkish Stream) ด้วยโดรนจำนวน 9 ลำ เพื่อต้องการให้การส่งก๊าซไปยังยุโรปยุติลง ระหว่างการโจมตีจากโดรน หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพรัสเซียสามารถยิงโดรนทั้งหมดตกลงได้”

    ทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมฮังการี Péter Szijjártó ออกมากล่าวโจมตีการกระทำของยูเครนว่า การโจมตีท่อส่งก๊าซตุรกี (Turkish Stream) ถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศที่ร่วมใช้ท่อส่งก๊าซดังกล่าว เพราะนั่นไม่ใช่ทรัพย์สินของรัสเซียเพียงประเทศเดียว
    เซเลนสกีกำลังพยายามทำลายเศรษฐกิจของยุโรป ด้วยการโจมตีท่อส่งก๊าซสุดท้ายจากรัสเซียไปยังยุโรป กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า “เมื่อวันที่ 11 มกราคม เคียฟพยายามโจมตีสถานีในคูบัน ซึ่งส่งก๊าซผ่านท่อส่งก๊าซตุรกี (Turkish Stream) ด้วยโดรนจำนวน 9 ลำ เพื่อต้องการให้การส่งก๊าซไปยังยุโรปยุติลง ระหว่างการโจมตีจากโดรน หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพรัสเซียสามารถยิงโดรนทั้งหมดตกลงได้” ทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมฮังการี Péter Szijjártó ออกมากล่าวโจมตีการกระทำของยูเครนว่า การโจมตีท่อส่งก๊าซตุรกี (Turkish Stream) ถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศที่ร่วมใช้ท่อส่งก๊าซดังกล่าว เพราะนั่นไม่ใช่ทรัพย์สินของรัสเซียเพียงประเทศเดียว
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวันมีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ จากคำแถลงของกระทรวงกลาโหม ตามรายงานข่าวของไทเปนิวส์ พร้อมระบุว่า ระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศล้ำสมัย NASAMS จะถูกติดตั้งในตำแหน่งต่างๆ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางเหนือของเกาะ ในนั้นรวมถึงเขตซงซานของไทเป และเขตตั้นสุ่ย ในนิวไทเป
    .
    NASAMS ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาตินอร์เวย์ สามารถใช้จัดการกับเครื่องบิน อากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธร่อน มันเป็นระบบที่บูรณาการเทคโนโลยีเรดาร์ล้ำสมัยเข้ากับระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีทางทหาร สำหรับตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศต่างๆ
    .
    สำนักงานความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (DSCA) อนุมัติขายระบบ NASAMS จำนวน 3 ชุด แก่ไต้หวัน ส่วนหนึ่งในแพกเกจอาวุธ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่แถลงออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ซึ่งถือเป็นการอนุมัติขายอาวุธแก่ไต้หวันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การประจำการอาวุธดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเสริมความเข้มแข็งแก่ศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน ในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้ NASAMS จะช่วยเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ที่ไต้หวันมีอยู่ในปัจจุบัน ในนั้นรวมถึง Sky Sword II และ Sky Bow รวมไปถึงระบบขีปนาวุธล้ำสมัยแพทริออต PAC-3
    .
    นอกจากนี้ ไต้หวันยังลงนามสำหรับจัดหาระบบเรดาร์ electronic array แบบทั้ง L-band และไม่ใช่ L-band ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงอัตราการตรวจจับและต่อต้านการส่งสัญญาณรบกวน ระบบเรดาร์นี้จะถูกกระจายไปทั่วเกาะ มอบการป้องกันอย่างครอบคลุม ในขณะที่มีรายงานว่าทางกระทรวงจัดสรรงบประมาณสำหรับสัญญาณซื้อ NASAMS และเรดาร์ ไว้ที่ 737 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    คำแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดขั้่นสูงระหว่างปักกิ่งและไทเป เกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของไต้หวัน โดยจีนมองเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นมณฑลหนึ่งของพวกเขาที่แยกตัวออกไป และประกาศจะทำการร่วมชาติกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม ไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปักกิ่ง และยืนยันเกี่ยวกับอธิปไตยของตนเอง
    .
    รัฐบาลในไทเปประณามเกี่ยวกับการซ้อมรบทางทหารของปักกิ่งใกล้เกาะแห่งนี้ ที่ชักถี่ขึ้นในช่วงหลัง ว่าเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค
    .
    แม้สหรัฐฯ ยึดถืออย่างเป็นทางการต่อนโยบายจีนเดียว รับรองคำกล่าวอ้างของปักกิ่งที่มีเหนือไต้หวัน แต่พวกเขายังคงเดินหน้าขายอาวุธแก่เกาะแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม อเมริกาเพิ่งอนุมัติร่างกฎหมายกลาโหมฉบับหนึ่งมูลค่า 895,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆ ที่มีเจตนายกระดับสนับสนุนไทเป
    .
    ปักกิ่งคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เล่นงานบริษัทกลาโหมอเมริกา 7 แห่งในเดือนธันวาคม และเมื่อช่วงต้นเดือน ได้แบนห้ามขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนและทางทหารจำนวน 28 รายการ แก่เหล่าซัปพลายเออร์ของกองทัพอเมริกา อ้างว่ามีการละเมิดหลักการจีนเดียว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003316
    ..............
    Sondhi X
    ไต้หวันมีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ จากคำแถลงของกระทรวงกลาโหม ตามรายงานข่าวของไทเปนิวส์ พร้อมระบุว่า ระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศล้ำสมัย NASAMS จะถูกติดตั้งในตำแหน่งต่างๆ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางเหนือของเกาะ ในนั้นรวมถึงเขตซงซานของไทเป และเขตตั้นสุ่ย ในนิวไทเป . NASAMS ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาตินอร์เวย์ สามารถใช้จัดการกับเครื่องบิน อากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธร่อน มันเป็นระบบที่บูรณาการเทคโนโลยีเรดาร์ล้ำสมัยเข้ากับระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีทางทหาร สำหรับตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศต่างๆ . สำนักงานความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (DSCA) อนุมัติขายระบบ NASAMS จำนวน 3 ชุด แก่ไต้หวัน ส่วนหนึ่งในแพกเกจอาวุธ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่แถลงออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ซึ่งถือเป็นการอนุมัติขายอาวุธแก่ไต้หวันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน . กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การประจำการอาวุธดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเสริมความเข้มแข็งแก่ศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน ในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้ NASAMS จะช่วยเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ที่ไต้หวันมีอยู่ในปัจจุบัน ในนั้นรวมถึง Sky Sword II และ Sky Bow รวมไปถึงระบบขีปนาวุธล้ำสมัยแพทริออต PAC-3 . นอกจากนี้ ไต้หวันยังลงนามสำหรับจัดหาระบบเรดาร์ electronic array แบบทั้ง L-band และไม่ใช่ L-band ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงอัตราการตรวจจับและต่อต้านการส่งสัญญาณรบกวน ระบบเรดาร์นี้จะถูกกระจายไปทั่วเกาะ มอบการป้องกันอย่างครอบคลุม ในขณะที่มีรายงานว่าทางกระทรวงจัดสรรงบประมาณสำหรับสัญญาณซื้อ NASAMS และเรดาร์ ไว้ที่ 737 ล้านดอลลาร์สหรัฐ . คำแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดขั้่นสูงระหว่างปักกิ่งและไทเป เกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของไต้หวัน โดยจีนมองเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นมณฑลหนึ่งของพวกเขาที่แยกตัวออกไป และประกาศจะทำการร่วมชาติกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม ไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปักกิ่ง และยืนยันเกี่ยวกับอธิปไตยของตนเอง . รัฐบาลในไทเปประณามเกี่ยวกับการซ้อมรบทางทหารของปักกิ่งใกล้เกาะแห่งนี้ ที่ชักถี่ขึ้นในช่วงหลัง ว่าเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค . แม้สหรัฐฯ ยึดถืออย่างเป็นทางการต่อนโยบายจีนเดียว รับรองคำกล่าวอ้างของปักกิ่งที่มีเหนือไต้หวัน แต่พวกเขายังคงเดินหน้าขายอาวุธแก่เกาะแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม อเมริกาเพิ่งอนุมัติร่างกฎหมายกลาโหมฉบับหนึ่งมูลค่า 895,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆ ที่มีเจตนายกระดับสนับสนุนไทเป . ปักกิ่งคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เล่นงานบริษัทกลาโหมอเมริกา 7 แห่งในเดือนธันวาคม และเมื่อช่วงต้นเดือน ได้แบนห้ามขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนและทางทหารจำนวน 28 รายการ แก่เหล่าซัปพลายเออร์ของกองทัพอเมริกา อ้างว่ามีการละเมิดหลักการจีนเดียว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003316 .............. Sondhi X
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1041 มุมมอง 0 รีวิว
  • Giorgia Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลีชี้ระบุว่า Soros คือภัยต่อประชาธิปไตย ไม่ใช่ Musk

    Giorgia Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวที่กรุงโรม เมื่อถูกสื่อถามว่าเธอมีความกังวลเกี่ยวกับการ “แทรกแซง” การเมืองในสหภาพยุโรปของ อีลอน มัสก์ หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทั้ง Donald Trump และ Musk มีอิทธิพลต่อการเมืองโลก

    เมโลนีย้อนถามสื่อว่า "ปัญหาอยู่ที่เขารวยและมีอิทธิพล หรือเพราะเขาไม่ใช่พวกฝ่ายซ้าย?"

    เมโลนีกล่าวว่ามัสก์อาจมีอิทธิพลและชี้นำความคิด แต่เงินหลายพันล้านของจอร์จ โซรอสต่างหากที่เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงต่อการเลือกตั้ง โดยเรียกเงินทุนทางการเมืองระดับโลกของเขาว่าเป็น “การแทรกแซงอำนาจอธิปไตยที่อันตราย”

    เมโลนียังกล่าววิจารณ์โซรอสอีกว่า เมื่อการเลือกตั้งเกิดขึ้น "พวกคนรวยจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่าง้ลนเหลือของพวกเขา สนับสนุนพรรคการเมืองและองค์กรทั่วโลกเพื่อมีสร้างอิทธิพลต่อนโยบาย จามที่กำหนด อย่างเช่นกรณีของ จอร์จ โซรอส"

    เมโมนีเปรียบเทียบว่า มัสก์ ว่าเขาสร้างความมั่งคั่งจากการสร้างนวัตกรรมและบริการที่เป็นประโยชน์ผ่านบริษัทอย่าง PayPal, Tesla และ SpaceX ในขณะที่โซรอสร่ำรวยจากการเก็งกำไรหุ้นและค่าเงิน รวมถึงการโจมตีค่าเงินปอนด์ในปี 1992 ที่สร้างความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจให้ชาวอังกฤษอย่างยาวนาน ซึ่งล้วนมาจากอิทธิพลทางการเมืองของเขา

    ในขณะที่องค์กรเอกชนหรือ NGO ของโซรอสถูกวิจารณ์มาตลอดว่ามีส่วนสนับสนุนผู้อพยพผิดกฎหมาย กดดันเนื้อหาโฆษณาในสื่อฝ่ายขวา ขณะที่ มัสก์ สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกและต่อต้านการอพยพผิดกฎหมาย
    Giorgia Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลีชี้ระบุว่า Soros คือภัยต่อประชาธิปไตย ไม่ใช่ Musk Giorgia Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวที่กรุงโรม เมื่อถูกสื่อถามว่าเธอมีความกังวลเกี่ยวกับการ “แทรกแซง” การเมืองในสหภาพยุโรปของ อีลอน มัสก์ หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทั้ง Donald Trump และ Musk มีอิทธิพลต่อการเมืองโลก เมโลนีย้อนถามสื่อว่า "ปัญหาอยู่ที่เขารวยและมีอิทธิพล หรือเพราะเขาไม่ใช่พวกฝ่ายซ้าย?" เมโลนีกล่าวว่ามัสก์อาจมีอิทธิพลและชี้นำความคิด แต่เงินหลายพันล้านของจอร์จ โซรอสต่างหากที่เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงต่อการเลือกตั้ง โดยเรียกเงินทุนทางการเมืองระดับโลกของเขาว่าเป็น “การแทรกแซงอำนาจอธิปไตยที่อันตราย” เมโลนียังกล่าววิจารณ์โซรอสอีกว่า เมื่อการเลือกตั้งเกิดขึ้น "พวกคนรวยจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่าง้ลนเหลือของพวกเขา สนับสนุนพรรคการเมืองและองค์กรทั่วโลกเพื่อมีสร้างอิทธิพลต่อนโยบาย จามที่กำหนด อย่างเช่นกรณีของ จอร์จ โซรอส" เมโมนีเปรียบเทียบว่า มัสก์ ว่าเขาสร้างความมั่งคั่งจากการสร้างนวัตกรรมและบริการที่เป็นประโยชน์ผ่านบริษัทอย่าง PayPal, Tesla และ SpaceX ในขณะที่โซรอสร่ำรวยจากการเก็งกำไรหุ้นและค่าเงิน รวมถึงการโจมตีค่าเงินปอนด์ในปี 1992 ที่สร้างความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจให้ชาวอังกฤษอย่างยาวนาน ซึ่งล้วนมาจากอิทธิพลทางการเมืองของเขา ในขณะที่องค์กรเอกชนหรือ NGO ของโซรอสถูกวิจารณ์มาตลอดว่ามีส่วนสนับสนุนผู้อพยพผิดกฎหมาย กดดันเนื้อหาโฆษณาในสื่อฝ่ายขวา ขณะที่ มัสก์ สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกและต่อต้านการอพยพผิดกฎหมาย
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 678 มุมมอง 43 0 รีวิว
  • New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ”

    ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น

    ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์

    มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์
    - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ

    - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น

    สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร

    ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก

    ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง

    “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก”

    “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ”

    การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง

    "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น"

    แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย

    ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์

    “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017

    ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ”
    “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม

    การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน
    แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก"

    ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก
    🎯กรีนแลนด์
    ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”

    🎯อ่าวเม็กซิโก
    ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม”

    🎯แคนาดา
    ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า”

    🎯คลองปานามา
    “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด”

    ❌“ไม่ขาย”
    ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย”

    “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”

    “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี
    .
    ลิ้งค์ต้นทาง:
    https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ” ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์ มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์ - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก” “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ” การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น" แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017 ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ” “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก" ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก 🎯กรีนแลนด์ ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” 🎯อ่าวเม็กซิโก ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม” 🎯แคนาดา ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า” 🎯คลองปานามา “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด” ❌“ไม่ขาย” ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย” “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต” “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี . ลิ้งค์ต้นทาง: https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 690 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ข่มขู่ใช้กำลังทหารเข้ายึดคลองปานามาและเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเขาอ้างว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ขณะเดียวกันก็ประกาศใช้มาตรการบีบบังคับทางเศรษฐกิจเพื่อผนวกแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา
    .
    ภายหลังรัฐสภาสหรัฐฯประกาศรับรองอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (7) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้มีชัยในการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่าน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นี้ได้เชิญพวกผู้สื่อข่าวไปที่รีสอร์ตส่วนตัว มาร์-อา-ลาโก ของเขา ในรัฐฟลอริดา เพื่อประกาศโครงการลงทุนด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ก่อนที่บรรยากาศของการแถลงข่าวจะเปลี่ยนไปจนคล้ายกับช่วงการหาเสียงอย่างรวดเร็ว
    .
    ทรัมป์ที่จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ที่จะถึงนี้ เริ่มต้นด้วยการอวดอ้างว่า นับจากที่เขาชนะการเลือกตั้ง ความคิดของทั่วโลกก็เปลี่ยนไป และผู้คนจากประเทศต่างๆ โทรศัพท์มาขอบคุณเขา
    .
    มหาเศรษฐีจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ประกาศว่า จะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก เป็น “อ่าวอเมริกา” พร้อมขู่รีดภาษี ถ้าเม็กซิโกไม่จัดการปัญหาผู้อพยพลักลอบข้ามพรมแดนเข้าสู่อเมริกา
    .
    ทรัมป์ยังไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเพื่อยึดเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนในอธิปไตยของเดนมาร์ก ตลอดจนคลองปานามา ที่เขาระบุว่าอยากได้มานานแล้ว ซ้ำยังวิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ผู้เพิ่งล่วงลับ ที่อนุญาตให้ปานามาเข้าควบคุมคลองปานามาแทนที่สหรัฐฯ เมื่อตอนที่เป็นประธานาธิบดี
    .
    เกี่ยวกับแคนาดาที่ทรัมป์คุยฟุ้งมาหลายหนแล้วว่า จะทำให้ประเทศนี้กลายเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกานั้น ล่าสุดเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้กำลังทหารบุกแคนาดาหรือไม่ ว่าที่ประมุขทำเนียบขาวตอบว่า จะใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ และสำทับว่า การลบ “เส้นเขตแดนที่มนุษย์กำหนดขึ้น” ระหว่างพรมแดนอเมริกากับแคนาดาน่าจะเป็นผลดีต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ
    .
    แม้มีความยากลำบากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างการมุ่งโอ้อวดและปล่อยมุกมุ่งสร้างอารมณ์ขันของทรัมป์ กับการมุ่งมั่นดำเนินนโยบายที่แท้จริง แต่การประกาศเหล่านี้อีกคำรบหนึ่งของเขา ก็ถูกมองว่า เป็นการตอกย้ำวาทกรรมเกี่ยวกับการขยายดินแดน และทำให้ถูกต่อต้านจากพวกประเทศที่ถูกพาดพิงถึง
    .
    เริ่มจากนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ที่ตอบโต้ว่า ไม่มีทางที่แคนาดาจะผนวกกับอเมริกา
    .
    ด้าน ฌาเวียร์ มาร์ติเนซ-อาชา รัฐมนตรีต่างประเทศปานามา ยืนกรานว่า อธิปไตยคลองปานามาเป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรองได้ และสำทับว่า ผู้ที่ควบคุมคลองปานามาในเวลานี้มีเพียงปานามาเท่านั้นและจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ซึ่งเป็นการตอบโต้การกล่าวหาอย่างเป็นเท็จของทรัมป์ที่ว่า ปัจจุบันทหารจีนเป็นผู้ควบคุมคลองแห่งนี้ ที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับแปซิฟิก
    .
    ทั้งนี้ อเมริกาเป็นผู้ขุดคลองปานามา และตั้งแต่เมื่อ 25 ปีก่อนในสมัยประธานาธิบีดคาร์เตอร์ ได้ยินยอมมอบสิทธิในการควบคุมดูแลคืนให้รัฐบาลปานามา
    .
    ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังทำให้ยุโรปขุ่นเคืองด้วยการเสนอซื้อกรีนแลนด์ เกาะใหญ่ในอาร์กติกซึ่งปัจจุบันมีฐานทัพของอเมริกาตั้งอยู่ด้วย
    .
    ก่อนที่ทรัมป์จะพูดพาดพิงถึงกรีนแลนด์ในครั้งนี้ไม่กี่วัน โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ได้เดินทางไปยังเกาะนี้ โดยระบุว่า เป็นทริปส่วนตัวและไม่มีกำหนดการพบกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแต่อย่างใด
    .
    กรีนแลนด์เป็นเขตปกครองตนเองของเดนมาร์กที่เป็นพันธมิตรของอเมริกา และสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
    .
    นายกรัฐมนตรีเมตเทอ เฟรเดริกเซน ของเดนมาร์ก แสดงปฏิกิริยาโดยให้สัมภาษณ์สถานีทีวี2 ของแดนโคนมว่า อเมริกาเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดและสำคัญที่สุดของเดนมาร์ก และเธอไม่เชื่อว่า อเมริกาจะใช้อำนาจทางทหารหรือเศรษฐกิจเพื่อเข้ายึดกรีนแลนด์
    .
    ไม่เพียงระรานดินแดนของหลายประเทศ ในการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวครั้งนี้ ทรัมป์ยังโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรื่องถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ความขัดแย้งในยูเครนและซีเรีย รวมทั้งย้ำข้อกล่าวอ้างอย่างผิดข้อเท็จจริงที่ว่า ระหว่างที่ตนเองเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกนั้น อเมริกา “ไม่เคยมีสงคราม”
    .
    เขายังกล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในปัจจบันพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการเปลี่ยนผ่านอำนาจ โดยไม่เอ่ยถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วจนกระทั่งถึงตอนนี้ ตัวเขาเองไม่เคยยอมรับว่าพ่ายแพ้การเลือกตั้งแก่ ไบเดน อีกทั้งไม่ยอมไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดน
    .
    ทรัมป์ยังกล่าวหาไบเดนว่า อยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องทางกฎหมายมากมายหลายคดีที่ตนเองเผชิญอยู่ และขู่ว่า จะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของผู้นำเดโมแครตในการห้ามการพัฒนาโครงการก๊าซและน้ำมันนอกชายฝั่งอเมริกา
    .
    ทรัมป์ปิดท้ายค่ำวันอังคารด้วยการโพสต์มีมภาพแคนาดาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสหรัฐฯอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002351
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ข่มขู่ใช้กำลังทหารเข้ายึดคลองปานามาและเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเขาอ้างว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ขณะเดียวกันก็ประกาศใช้มาตรการบีบบังคับทางเศรษฐกิจเพื่อผนวกแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา . ภายหลังรัฐสภาสหรัฐฯประกาศรับรองอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (7) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้มีชัยในการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่าน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นี้ได้เชิญพวกผู้สื่อข่าวไปที่รีสอร์ตส่วนตัว มาร์-อา-ลาโก ของเขา ในรัฐฟลอริดา เพื่อประกาศโครงการลงทุนด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ก่อนที่บรรยากาศของการแถลงข่าวจะเปลี่ยนไปจนคล้ายกับช่วงการหาเสียงอย่างรวดเร็ว . ทรัมป์ที่จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ที่จะถึงนี้ เริ่มต้นด้วยการอวดอ้างว่า นับจากที่เขาชนะการเลือกตั้ง ความคิดของทั่วโลกก็เปลี่ยนไป และผู้คนจากประเทศต่างๆ โทรศัพท์มาขอบคุณเขา . มหาเศรษฐีจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ประกาศว่า จะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก เป็น “อ่าวอเมริกา” พร้อมขู่รีดภาษี ถ้าเม็กซิโกไม่จัดการปัญหาผู้อพยพลักลอบข้ามพรมแดนเข้าสู่อเมริกา . ทรัมป์ยังไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเพื่อยึดเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนในอธิปไตยของเดนมาร์ก ตลอดจนคลองปานามา ที่เขาระบุว่าอยากได้มานานแล้ว ซ้ำยังวิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ผู้เพิ่งล่วงลับ ที่อนุญาตให้ปานามาเข้าควบคุมคลองปานามาแทนที่สหรัฐฯ เมื่อตอนที่เป็นประธานาธิบดี . เกี่ยวกับแคนาดาที่ทรัมป์คุยฟุ้งมาหลายหนแล้วว่า จะทำให้ประเทศนี้กลายเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกานั้น ล่าสุดเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้กำลังทหารบุกแคนาดาหรือไม่ ว่าที่ประมุขทำเนียบขาวตอบว่า จะใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ และสำทับว่า การลบ “เส้นเขตแดนที่มนุษย์กำหนดขึ้น” ระหว่างพรมแดนอเมริกากับแคนาดาน่าจะเป็นผลดีต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ . แม้มีความยากลำบากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างการมุ่งโอ้อวดและปล่อยมุกมุ่งสร้างอารมณ์ขันของทรัมป์ กับการมุ่งมั่นดำเนินนโยบายที่แท้จริง แต่การประกาศเหล่านี้อีกคำรบหนึ่งของเขา ก็ถูกมองว่า เป็นการตอกย้ำวาทกรรมเกี่ยวกับการขยายดินแดน และทำให้ถูกต่อต้านจากพวกประเทศที่ถูกพาดพิงถึง . เริ่มจากนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ที่ตอบโต้ว่า ไม่มีทางที่แคนาดาจะผนวกกับอเมริกา . ด้าน ฌาเวียร์ มาร์ติเนซ-อาชา รัฐมนตรีต่างประเทศปานามา ยืนกรานว่า อธิปไตยคลองปานามาเป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรองได้ และสำทับว่า ผู้ที่ควบคุมคลองปานามาในเวลานี้มีเพียงปานามาเท่านั้นและจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ซึ่งเป็นการตอบโต้การกล่าวหาอย่างเป็นเท็จของทรัมป์ที่ว่า ปัจจุบันทหารจีนเป็นผู้ควบคุมคลองแห่งนี้ ที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับแปซิฟิก . ทั้งนี้ อเมริกาเป็นผู้ขุดคลองปานามา และตั้งแต่เมื่อ 25 ปีก่อนในสมัยประธานาธิบีดคาร์เตอร์ ได้ยินยอมมอบสิทธิในการควบคุมดูแลคืนให้รัฐบาลปานามา . ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังทำให้ยุโรปขุ่นเคืองด้วยการเสนอซื้อกรีนแลนด์ เกาะใหญ่ในอาร์กติกซึ่งปัจจุบันมีฐานทัพของอเมริกาตั้งอยู่ด้วย . ก่อนที่ทรัมป์จะพูดพาดพิงถึงกรีนแลนด์ในครั้งนี้ไม่กี่วัน โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ได้เดินทางไปยังเกาะนี้ โดยระบุว่า เป็นทริปส่วนตัวและไม่มีกำหนดการพบกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแต่อย่างใด . กรีนแลนด์เป็นเขตปกครองตนเองของเดนมาร์กที่เป็นพันธมิตรของอเมริกา และสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) . นายกรัฐมนตรีเมตเทอ เฟรเดริกเซน ของเดนมาร์ก แสดงปฏิกิริยาโดยให้สัมภาษณ์สถานีทีวี2 ของแดนโคนมว่า อเมริกาเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดและสำคัญที่สุดของเดนมาร์ก และเธอไม่เชื่อว่า อเมริกาจะใช้อำนาจทางทหารหรือเศรษฐกิจเพื่อเข้ายึดกรีนแลนด์ . ไม่เพียงระรานดินแดนของหลายประเทศ ในการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวครั้งนี้ ทรัมป์ยังโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรื่องถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ความขัดแย้งในยูเครนและซีเรีย รวมทั้งย้ำข้อกล่าวอ้างอย่างผิดข้อเท็จจริงที่ว่า ระหว่างที่ตนเองเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกนั้น อเมริกา “ไม่เคยมีสงคราม” . เขายังกล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในปัจจบันพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการเปลี่ยนผ่านอำนาจ โดยไม่เอ่ยถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วจนกระทั่งถึงตอนนี้ ตัวเขาเองไม่เคยยอมรับว่าพ่ายแพ้การเลือกตั้งแก่ ไบเดน อีกทั้งไม่ยอมไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดน . ทรัมป์ยังกล่าวหาไบเดนว่า อยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องทางกฎหมายมากมายหลายคดีที่ตนเองเผชิญอยู่ และขู่ว่า จะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของผู้นำเดโมแครตในการห้ามการพัฒนาโครงการก๊าซและน้ำมันนอกชายฝั่งอเมริกา . ทรัมป์ปิดท้ายค่ำวันอังคารด้วยการโพสต์มีมภาพแคนาดาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสหรัฐฯอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002351 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1344 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสเตือนทรัมป์ ห้ามคุกคาม “อธิปไตย” ของกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นของกลุ่มสหภาพยุโรป
    — เทเลกราฟรายงาน
    ฝรั่งเศสเตือนทรัมป์ ห้ามคุกคาม “อธิปไตย” ของกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นของกลุ่มสหภาพยุโรป — เทเลกราฟรายงาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเพจ เกร็ดประวัติศาสตร์ v 2

    พระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระสุบินถึงสมเด็จพระนเรศวร
    เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ได้เสด็จฯ ไปในงานพระราชพิธีสังเวยดวงวิญญาณอดีตมหาราช (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกปี สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ นี้ ได้เสด็จฯ ไปที่ ต.งาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เสด็จฯ มาตั้งค่ายพักแรม ณ ที่นี้ก่อนยกทัพเข้าไปตีเมือง ซึ่งยังปรากฏร่องรอยรั้วป้อมค่ายต่างๆ อยู่ และในปัจจุบันนี้ รัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จนเรศวรมหาราชทรงช้างต้น และได้จำลองค่ายที่ประทับแรมจินตนาการ และร่องรอยที่ปรากฏอยู่ตามสภาพจริง
    หลังจากเสร็จพระราชพิธี เมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ แล้วเสด็จฯ กลับประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในคืนนั้น ก่อนรุ่งสว่าง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงสุบินนิมิตว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จฯ มาปรากฏพระองค์ขึ้นที่หน้าพระแท่นบรรทม ในพระสุบินนิมิต สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้กราบถวายบังคมโดยที่ทรงทราบจากพระวรกายและฉลองพระองค์ทรงเครื่องออกศึกว่า คือ องค์พระนเรศวรมหาราช และได้มีกระแสพระดำรัสแก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ท่านปัจจุบันนี้ ดวงพระวิญญาณยังอยู่ในประเทศไทย เพราะทรงเป็นห่วงบ้านเมือง ประชาชนคนไทย ยังไม่ได้ไปประสูติใหม่ ณ ที่ใดเลย และที่มาปรากฏในสุบินนิมิตนี้ ก็เพื่อจะทรงเตือนว่า ในอนาคตต่อจากนี้ไป บ้านเมืองไทยจะประสบกับความวุ่นวายยุ่งยาก และความมืดมนยิ่งขึ้นอย่างน่ากลัวอันตรายเหมือนกับที่เกิดขึ้นในสมัยพระองค์ท่าน (อนาคตนั้นก็น่าจะเป็น สมัยนี้เอง -ผู้เรียบเรียง) ขอให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงเป็นกำลังพระทัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันเพื่อที่จะได้ทรงนำประชาชน และชาติไทยฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวงให้ผ่านพ้นไปได้ และพระองค์ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันจักเป็นผู้นำให้ชาติไทยและประชาชนชาวไทยผ่านพ้นห้วงวิกฤตินี้อย่างแน่นอน และพระองค์ท่านจะเสด็จฯ ติดตามช่วยเหลืออยู่ตลอดไป และขอให้ทั้งสองพระองค์ได้ทรงให้กำลังใจแก่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ที่เขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสเข้าใกล้ถวายงานโดยใกล้ชิด แต่เป็นประชาชนที่ยึดมั่นในพระองค์ท่าน โดยไม่เคยแสดงตัวออกมาให้ปรากฏเหมือนกับการทำบุญปิดทองหลังองค์พระปฏิมา และเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะถวายชีวิตเพื่อพระองค์ท่านและชาติไทย จึงทรงขอให้รวบรวมชาวไทยผู้รักชาติเหล่านั้น และสนับสนุนให้เขาได้มีกำลังใจเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้
    ในพระสุบินนิมิตนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ทรงสะดุ้งพระองค์ตื่นจากที่บรรทม และทรงประทับนั่งก็ยังทรงทอดพระเนตรเห็นองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชปรากฏอยู่ จึงทรงปลุกพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนเรศวรมหาราชปรากฏให้ทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรเห็นชั่วครู่ ก็เสด็จฯ ไปเมื่อทั้งสองพระองค์ได้ทรงถวายบังคมแล้ว
    จากพระสุบินนี้เอง ทั้งสองพระองค์จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงความฝันอันสูงสุดนี้ขึ้น และได้พิมพ์เพลงพระราชนิพนธ์นี้ พระราชทานแก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของชาติโดยทั่วหน้า และได้โปรดเกล้าฯ ให้คุณทนงศักดิ์ ภักดีเทวา และคุณจินตนา สุขสถิตย์ ร้องเพลงนี้ สอนให้แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นครั้งแรกที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา...

    เรียบเรียงบทความจาก เรื่องเล่าในข้าราชบริพาร โดยแอดมินเพจเกร็ดประวัติศาสตร์ v2
    จากเพจ เกร็ดประวัติศาสตร์ v 2 พระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระสุบินถึงสมเด็จพระนเรศวร เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ได้เสด็จฯ ไปในงานพระราชพิธีสังเวยดวงวิญญาณอดีตมหาราช (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกปี สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ นี้ ได้เสด็จฯ ไปที่ ต.งาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เสด็จฯ มาตั้งค่ายพักแรม ณ ที่นี้ก่อนยกทัพเข้าไปตีเมือง ซึ่งยังปรากฏร่องรอยรั้วป้อมค่ายต่างๆ อยู่ และในปัจจุบันนี้ รัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จนเรศวรมหาราชทรงช้างต้น และได้จำลองค่ายที่ประทับแรมจินตนาการ และร่องรอยที่ปรากฏอยู่ตามสภาพจริง หลังจากเสร็จพระราชพิธี เมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ แล้วเสด็จฯ กลับประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในคืนนั้น ก่อนรุ่งสว่าง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงสุบินนิมิตว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จฯ มาปรากฏพระองค์ขึ้นที่หน้าพระแท่นบรรทม ในพระสุบินนิมิต สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้กราบถวายบังคมโดยที่ทรงทราบจากพระวรกายและฉลองพระองค์ทรงเครื่องออกศึกว่า คือ องค์พระนเรศวรมหาราช และได้มีกระแสพระดำรัสแก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ท่านปัจจุบันนี้ ดวงพระวิญญาณยังอยู่ในประเทศไทย เพราะทรงเป็นห่วงบ้านเมือง ประชาชนคนไทย ยังไม่ได้ไปประสูติใหม่ ณ ที่ใดเลย และที่มาปรากฏในสุบินนิมิตนี้ ก็เพื่อจะทรงเตือนว่า ในอนาคตต่อจากนี้ไป บ้านเมืองไทยจะประสบกับความวุ่นวายยุ่งยาก และความมืดมนยิ่งขึ้นอย่างน่ากลัวอันตรายเหมือนกับที่เกิดขึ้นในสมัยพระองค์ท่าน (อนาคตนั้นก็น่าจะเป็น สมัยนี้เอง -ผู้เรียบเรียง) ขอให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงเป็นกำลังพระทัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันเพื่อที่จะได้ทรงนำประชาชน และชาติไทยฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวงให้ผ่านพ้นไปได้ และพระองค์ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันจักเป็นผู้นำให้ชาติไทยและประชาชนชาวไทยผ่านพ้นห้วงวิกฤตินี้อย่างแน่นอน และพระองค์ท่านจะเสด็จฯ ติดตามช่วยเหลืออยู่ตลอดไป และขอให้ทั้งสองพระองค์ได้ทรงให้กำลังใจแก่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ที่เขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสเข้าใกล้ถวายงานโดยใกล้ชิด แต่เป็นประชาชนที่ยึดมั่นในพระองค์ท่าน โดยไม่เคยแสดงตัวออกมาให้ปรากฏเหมือนกับการทำบุญปิดทองหลังองค์พระปฏิมา และเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะถวายชีวิตเพื่อพระองค์ท่านและชาติไทย จึงทรงขอให้รวบรวมชาวไทยผู้รักชาติเหล่านั้น และสนับสนุนให้เขาได้มีกำลังใจเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้ ในพระสุบินนิมิตนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ทรงสะดุ้งพระองค์ตื่นจากที่บรรทม และทรงประทับนั่งก็ยังทรงทอดพระเนตรเห็นองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชปรากฏอยู่ จึงทรงปลุกพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนเรศวรมหาราชปรากฏให้ทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรเห็นชั่วครู่ ก็เสด็จฯ ไปเมื่อทั้งสองพระองค์ได้ทรงถวายบังคมแล้ว จากพระสุบินนี้เอง ทั้งสองพระองค์จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงความฝันอันสูงสุดนี้ขึ้น และได้พิมพ์เพลงพระราชนิพนธ์นี้ พระราชทานแก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของชาติโดยทั่วหน้า และได้โปรดเกล้าฯ ให้คุณทนงศักดิ์ ภักดีเทวา และคุณจินตนา สุขสถิตย์ ร้องเพลงนี้ สอนให้แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นครั้งแรกที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา... เรียบเรียงบทความจาก เรื่องเล่าในข้าราชบริพาร โดยแอดมินเพจเกร็ดประวัติศาสตร์ v2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ตอบโต้ "แอนนาเลน่า แบร์บ็อค" รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ที่กดดันผู้นำซีเรียคนใหม่ให้ยุติการมีอยู่ของฐานทัพรัสเซียในซีเรีย โดยระบุว่าเบอร์ลินควรหันกลับไปดูในบ้านตัวเองเกี่ยวกับฐานทัพอเมริกาที่มีอยู่ทั่วเยอรมนีมากกว่า!

    "นี่เหรอคือความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศที่มีฐานทัพทหารสหรัฐฯ ตั้งอยู่ในประเทศของตนเองเต็มไปหมด แต่กลับมาบอกเรา ฉันมีคำถามที่จะถามกลับไปเหมือนกันว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เธอจะส่งแถลงการณ์ดังกล่าวไปยังวอชิงตัน?" ซาคาโรวาโพสต์ข้อความตอบโต้บนเทเลแกรมของเธอ

    เเบอร์บ็อค ซึ่งเดินทางมาถึงกรุงดามัสกัสโดยไม่มีกำหนดการแจ้งล่วงหน้ากล่าวว่าแสดงความเห็นในระหว่างเข้าพบผู้นำซีเรียคนใหม่ว่า รัสเซียควรสละฐานทัพในซีเรียเพื่อ "แสดงความเคารพต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศในตะวันออกกลาง"

    มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ตอบโต้ "แอนนาเลน่า แบร์บ็อค" รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ที่กดดันผู้นำซีเรียคนใหม่ให้ยุติการมีอยู่ของฐานทัพรัสเซียในซีเรีย โดยระบุว่าเบอร์ลินควรหันกลับไปดูในบ้านตัวเองเกี่ยวกับฐานทัพอเมริกาที่มีอยู่ทั่วเยอรมนีมากกว่า! "นี่เหรอคือความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศที่มีฐานทัพทหารสหรัฐฯ ตั้งอยู่ในประเทศของตนเองเต็มไปหมด แต่กลับมาบอกเรา ฉันมีคำถามที่จะถามกลับไปเหมือนกันว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เธอจะส่งแถลงการณ์ดังกล่าวไปยังวอชิงตัน?" ซาคาโรวาโพสต์ข้อความตอบโต้บนเทเลแกรมของเธอ เเบอร์บ็อค ซึ่งเดินทางมาถึงกรุงดามัสกัสโดยไม่มีกำหนดการแจ้งล่วงหน้ากล่าวว่าแสดงความเห็นในระหว่างเข้าพบผู้นำซีเรียคนใหม่ว่า รัสเซียควรสละฐานทัพในซีเรียเพื่อ "แสดงความเคารพต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศในตะวันออกกลาง"
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของมิคาอิล คาเวลาชวิลี เป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 ของจอร์เจีย เราเห็นอะไรบ้าง!!

    - ไม่มีธงสหภาพยุโรปให้เห็น
    - ไม่มีธงอเมริกันให้เห็น
    - ไม่มีธงยูเครนให้เห็น

    นี่คือจอร์เจียที่เป็นอิสระและมีอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง!
    จอร์เจียเป็นของชาวจอร์เจียเท่านั้น!
    ไม่มีการแทรกแซงจากต่างชาติอีกต่อไป!
    ในระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของมิคาอิล คาเวลาชวิลี เป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 ของจอร์เจีย เราเห็นอะไรบ้าง!! - ไม่มีธงสหภาพยุโรปให้เห็น - ไม่มีธงอเมริกันให้เห็น - ไม่มีธงยูเครนให้เห็น นี่คือจอร์เจียที่เป็นอิสระและมีอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง! จอร์เจียเป็นของชาวจอร์เจียเท่านั้น! ไม่มีการแทรกแซงจากต่างชาติอีกต่อไป!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ##
    ..
    ..
    ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ...
    .
    1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ
    2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่
    3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป
    4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก
    5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน
    6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้
    .
    แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111
    .
    สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!!
    .
    เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่าตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง...
    ...
    ...
    โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เช่น...
    .
    1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี
    2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน
    4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน
    5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน
    6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ***
    7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล
    8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล ***
    11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ ***
    12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ ***
    ...
    ...
    ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ
    .
    แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้
    .
    มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน
    .
    เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน
    .
    แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ...
    .
    แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน...
    ...
    ...
    ประเด็นสำคัญคือ
    .
    พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน
    .
    แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ
    .
    เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา
    .
    เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น
    .
    แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย
    .
    มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ
    .
    มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา
    .
    อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา
    .
    ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก
    .
    โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา
    .
    ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน)
    .
    ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป...
    .
    สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง
    .
    และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่
    1.รัฐสภา
    2.กระทรวงการต่างประเทศ และ
    3.กองทัพเรือ
    .
    เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ
    .
    สุดท้ายของฝากไว้...
    ....
    ....
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119

    ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ....
    ....
    https://youtu.be/pee-3jgOGrQ?si=VEkike7oS8olHZqn
    ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ## .. .. ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ... . 1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ 2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่ 3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป 4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก 5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน 6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ . แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111 . สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!! . เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่าตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง... ... ... โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เช่น... . 1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี 2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี 3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน 4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน 5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน 6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา *** 7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล 8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล *** 11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ *** 12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ *** ... ... ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ . แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้ . มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน . เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน . แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ... . แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน... ... ... ประเด็นสำคัญคือ . พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน . แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ . เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา . เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น . แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย . มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ . มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา . อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา . ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก . โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา . ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน) . ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป... . สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง . และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่ 1.รัฐสภา 2.กระทรวงการต่างประเทศ และ 3.กองทัพเรือ . เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ . สุดท้ายของฝากไว้... .... .... ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต .... .... https://youtu.be/pee-3jgOGrQ?si=VEkike7oS8olHZqn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts