• 12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท

    โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway

    และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567

    แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย

    ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด

    ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์

    นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ

    นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว

    โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน

    ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย

    นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้”

    สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย

    นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา

    “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว

    ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์

    ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน

    ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567 แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้” สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 พฤษภาคม 2568- รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ประเด็นสำคัญว่า ”กำไรของ GULF ต้นทุนของประชาชน?
    โควตา 12 โครงการที่ได้จากรัฐ...อาจจะกลายเป็นภาระค่าไฟที่เราทุกคนต้องจ่ายแพงเกินจริงยาว 25 ปี?
    ________________________________________
    5,395 ล้านบาท — คือกำไรสุทธิของ GULF ในไตรมาสแรกของปี 2568
    เพิ่มขึ้น 54.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
    ตัวเลขที่นักลงทุนอาจปรบมือให้
    แต่ประชาชนควรถาม…
    กำไรที่ได้? คือรายจ่ายของใคร?
    ________________________________________
    สัญญาใหม่ที่มาจากโควตาเก่า?
    เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 GULF เพิ่งเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ.
    รวม 12 โครงการพลังงานแสงอาทิตย์+ระบบกักเก็บพลังงาน (BESS)
    กำลังการผลิตรวม 649.31 เมกะวัตต์
    ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้ายาว 25 ปี
    แต่เบื้องหลังสัญญานี้คือ “โควตา” เดิมที่ได้โดยไม่ต้องประมูลใหม่
    ย้อนกลับไปเมื่อเมษายน 2566
    กกพ. เปิดโครงการพลังงานหมุนเวียนรอบแรก 4,852.26 เมกะวัตต์
    และผลที่ออกมาคือ:
    GULF ได้ไปถึง 1,891.89 เมกะวัตต์ (เกือบ 39%) — มากที่สุดในประเทศ
    GUNKUL ตามมาอีก 832.4 MW (17%)
    รวมสองกลุ่มนี้ถือครองโควตาเกิน 56% ของทั้งโครงการ
    ________________________________________
    โควตาเปิดแข่ง...แต่กระจุกในมือทุนใหญ่?
    รัฐใช้คำว่า “เปิดแข่งขัน” แต่ผลลัพธ์กลับเป็นภาพซ้ำซากของการ “กระจุกตัว”
    ทุนใหญ่ได้โควตาหลายรูปแบบ ทั้งโซลาร์พื้นดิน, โซลาร์+BESS, และพลังงานลม
    ขณะที่ทุนกลาง–เล็กได้แค่ 2–4%
    ประชาชนแทบไม่มีที่ยืน
    ชื่อใหม่ของ “พลังงานหมุนเวียน” จึงเหมือนหมุนวนอยู่ในมือคนเดิม
    ________________________________________
    ต้นทุนไฟฟ้า...ใครกำหนด?
    สัญญา 12 โครงการที่เพิ่งเซ็นนั้น
    กำหนดอัตรารับซื้อไว้ที่ 2.8331 บาทต่อหน่วย (กรณีมีระบบกักเก็บ)
    ล็อกราคานี้ไว้ยาว 25 ปี
    แม้ในอนาคตเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงกว่านี้มาก
    สภาองค์กรของผู้บริโภค ประเมินว่า
    เพียงโครงการกลุ่มนี้ อาจทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟสูงถึง
    65,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา
    ทั้งที่ต้นทุนจริงในตลาดโลกต่ำกว่านั้นมาก
    ________________________________________
    สิ่งที่ต้องถามไม่ใช่แค่ “กำไร GULF มาจากไหน?”
    แต่คือ... “ต้นทุนที่ประชาชนจ่าย มันยุติธรรมหรือไม่?”
    ถ้ารัฐเปิดประมูลแบบโปร่งใส
    ปล่อยให้แข่งกันที่ราคาต่ำสุด
    ไม่ใช่แจกโควตาแบบลับ ๆ หรือให้เฉพาะกลุ่ม
    ค่าไฟอาจถูกกว่านี้หลายหมื่นล้านบาท
    ________________________________________
    เราไม่ได้ค้านพลังงานสะอาด...และไม่ได้อิจฉาผลกำไรของเอกชน
    แต่เราทวงถาม... พลังงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม
    เพราะ “หมุนเวียน” ไม่ควรแปลว่า “หมุนจากกระเป๋าประชนชนไปเข้ากระเป๋าทุน”
    และ “อนาคตพลังงาน” ไม่ควรล็อกไว้ในสัญญาที่ประชาชนหมดสิทธิเลือก“
    12 พฤษภาคม 2568- รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ประเด็นสำคัญว่า ”กำไรของ GULF ต้นทุนของประชาชน? โควตา 12 โครงการที่ได้จากรัฐ...อาจจะกลายเป็นภาระค่าไฟที่เราทุกคนต้องจ่ายแพงเกินจริงยาว 25 ปี? ________________________________________ 5,395 ล้านบาท — คือกำไรสุทธิของ GULF ในไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 54.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขที่นักลงทุนอาจปรบมือให้ แต่ประชาชนควรถาม… กำไรที่ได้? คือรายจ่ายของใคร? ________________________________________ สัญญาใหม่ที่มาจากโควตาเก่า? เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 GULF เพิ่งเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ. รวม 12 โครงการพลังงานแสงอาทิตย์+ระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) กำลังการผลิตรวม 649.31 เมกะวัตต์ ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้ายาว 25 ปี แต่เบื้องหลังสัญญานี้คือ “โควตา” เดิมที่ได้โดยไม่ต้องประมูลใหม่ ย้อนกลับไปเมื่อเมษายน 2566 กกพ. เปิดโครงการพลังงานหมุนเวียนรอบแรก 4,852.26 เมกะวัตต์ และผลที่ออกมาคือ: GULF ได้ไปถึง 1,891.89 เมกะวัตต์ (เกือบ 39%) — มากที่สุดในประเทศ GUNKUL ตามมาอีก 832.4 MW (17%) รวมสองกลุ่มนี้ถือครองโควตาเกิน 56% ของทั้งโครงการ ________________________________________ โควตาเปิดแข่ง...แต่กระจุกในมือทุนใหญ่? รัฐใช้คำว่า “เปิดแข่งขัน” แต่ผลลัพธ์กลับเป็นภาพซ้ำซากของการ “กระจุกตัว” ทุนใหญ่ได้โควตาหลายรูปแบบ ทั้งโซลาร์พื้นดิน, โซลาร์+BESS, และพลังงานลม ขณะที่ทุนกลาง–เล็กได้แค่ 2–4% ประชาชนแทบไม่มีที่ยืน ชื่อใหม่ของ “พลังงานหมุนเวียน” จึงเหมือนหมุนวนอยู่ในมือคนเดิม ________________________________________ ต้นทุนไฟฟ้า...ใครกำหนด? สัญญา 12 โครงการที่เพิ่งเซ็นนั้น กำหนดอัตรารับซื้อไว้ที่ 2.8331 บาทต่อหน่วย (กรณีมีระบบกักเก็บ) ล็อกราคานี้ไว้ยาว 25 ปี แม้ในอนาคตเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงกว่านี้มาก สภาองค์กรของผู้บริโภค ประเมินว่า เพียงโครงการกลุ่มนี้ อาจทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟสูงถึง 65,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา ทั้งที่ต้นทุนจริงในตลาดโลกต่ำกว่านั้นมาก ________________________________________ สิ่งที่ต้องถามไม่ใช่แค่ “กำไร GULF มาจากไหน?” แต่คือ... “ต้นทุนที่ประชาชนจ่าย มันยุติธรรมหรือไม่?” ถ้ารัฐเปิดประมูลแบบโปร่งใส ปล่อยให้แข่งกันที่ราคาต่ำสุด ไม่ใช่แจกโควตาแบบลับ ๆ หรือให้เฉพาะกลุ่ม ค่าไฟอาจถูกกว่านี้หลายหมื่นล้านบาท ________________________________________ เราไม่ได้ค้านพลังงานสะอาด...และไม่ได้อิจฉาผลกำไรของเอกชน แต่เราทวงถาม... พลังงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม เพราะ “หมุนเวียน” ไม่ควรแปลว่า “หมุนจากกระเป๋าประชนชนไปเข้ากระเป๋าทุน” และ “อนาคตพลังงาน” ไม่ควรล็อกไว้ในสัญญาที่ประชาชนหมดสิทธิเลือก“
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซื้อเสียงหัวละ 1,000 แลกอำนาจคุมหมื่นล้าน? สมนึกเตือนภัย-พรรคการเมืองบุกสนามท้องถิ่น เกมนี้ใครได้ ใครเสีย?

    #หัวละพันแลกหมื่นล้าน #ศึกเลือกตั้งเทศบาลนนท์ #เลือกตั้งเทศบาลนนท์ #นครนนท์ #ซื้อเสียงเลือกตั้ง #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    ซื้อเสียงหัวละ 1,000 แลกอำนาจคุมหมื่นล้าน? สมนึกเตือนภัย-พรรคการเมืองบุกสนามท้องถิ่น เกมนี้ใครได้ ใครเสีย? #หัวละพันแลกหมื่นล้าน #ศึกเลือกตั้งเทศบาลนนท์ #เลือกตั้งเทศบาลนนท์ #นครนนท์ #ซื้อเสียงเลือกตั้ง #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1354 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • ..เหนื่อยจริงๆ " เรา..ประชาชน " เนี่ย!!! .มันเขามาปกครองเพื่อปั่นป่วนจริงๆ&สร้างโกลาหลทั่วไทยบวกทำให้แย่ทั่วทิศทุกๆมิติสัมมาอาชีพและความมั่นคงของชาติให้พังพินาศ.
    ..มโน แบบส่วนตัวจริงๆเลยนะ..พึ่งอะไรหน่วยไหนไม่ได้แล้วล่ะ จากภาพที่ฉายออกมาทัังหมด แค่กลหมากไม่ฟันจริงจัง ยืดเวลาให้ก็นานเกินพอแล้วจนมาถึงต้นปี68นี้,หากสำนึกดีจริงๆหลังอดีตนายกฯคนไม่ซื่อสัตย์สิ้นสภาพไปจากที่มาจากพรรคไหนไม่รู้แต่งตั้งนายกฯไม่ซื่อสัตย์มารับตำแหน่ง จริงๆสมควรเสียสิทธิ์ในนามพรรคด้วยจะเอาคนพรรคตนมาเป็นนายกฯคนต่อไปจากพรรคตนที่เสนอคนไม่ซื่อสัตย์มาแล้วชุดแรกควรตัดสิทธิ์การจัดตัังรัฐบาลด้วย,นี้คือกฎหมายการเลือกตัังล้มเหลว ส่งผลให้ทิศทางของทั้งประเทศตรงดิ่งลงสู่นรก&หายนะใหญ่ทัังชาติไปด้วยแบบปัจจุบัน เช่นบ่อนคาสิโนนี้ล่ะที่ไม่มีในนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งหลักของพรรคเลยก็ว่า,ตุลาพิวัฒน์หรือวิวัฒน์อะไรอาจพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย ดีๆอาจdeep stateข้ามโลกยึดครองควบคุมทั้งหมดอีกล่ะในไทย ปิระมิทการครองครบงำโลกก็บอกชัดเจนแล้วว่า deep stateปกครองกำกับดูแลการปกครองทั่วโลกในแต่ละชาติจริงๆไปแล้ว ศาล กฎหมาย ทหาร ตำรวจ สภา. &ทั้งหมดล้วนdeep stateฝังคนของมันยึดครองหมดแล้ว ทางการทหารจีน เขาเรียกว่าสายลับ บ่อนทำลายระบบปกครองจีนแทรกซึมไว้หมดแล้ว,เชือดนิ่มๆคือใช้สาวสวยนาตาดีไปยึดทำครอบครัวกลืนกินเสียเลยก็ว่ากับพวกกุมอำนาจปกครองของชาติไทยอาจปูทางปูพื้นมาตั้งแต่คณะกบฎ2475แล้วล่ะ,จนมาถึงปัจจุบัน มันผสมพันธุ์สืบทายาทอสูรมารซาตานลัทธิตาเดียวเต็มตระกูลแล้ว ลูกหลานใฝ่ดีไปรับรู้เห็น รับไม่ได้ กบฎทรยศตระกูลจนเป็นบ้าเป็นบอเสียสติในลัทธิมืดไปด้วยก็ว่า,พวกนี้จะอมบ้านิดๆถึงระดับสูงก็ว่า,บำบัดกันเลยล่ะจึงเกิดโรคบาลจิตเวชออกมาเพื่อรักษาสภาพจิตลูกหลานตระกูลมัน สร้างเพื่อประชาชนคือข้ออ้างล่ะ,แบบกฎหมายปัญญาอ่อนมากมายเขียนออกมาเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์มันล่ะ อาทิ ห้ามเปิดเผยหน้าเจ้าสัวอีลิทพวกกูหากเป็นข่าวเรื่องเอามันส์เด็กซึ่งพวกซาตานมันชอบเลยล่ะแรปทีเลี่ยนสอนดีจนบอกต่อแก่คนอิสลามเอามันเด็กๆได้ไม่ผิด 6-8ขวบก็มีโน้น แพะแกะยังเอาได้ล่ะ,แรปทีเลี่ยนสอนดีเลยจนเป็นศาสนามัน,หรือไม่เปิดเผยชื่อกิจการการค้าตน แบบพนักงานธนาคารดูดตังประชาชนโอนเข้าบัญชีตนเฉยๆที่เป็นข่าวตรึม มันกลัวเสียชื่อเสียงเป็นต้น หรือกฎหมายหมิ่นประมาทด่าเสียๆหายๆไม่ได้ ด่าถูกใจตรงใจชั่วมันแท้ๆมันรับไม่ได้เลยไปเขียนกฎหมายห้ามด่าห้ามหมิ่นมัน,หรือกฎหมายชุมนุม ถ้าจะขับไล่กูแบบเปิดเผยต้องมาขออนุญาตคนชั่วๆเลวๆแบบกูก่อน กูผิดจริงที่มรึงไปรู้มาแต่ไม่มีหลักฐานก็เถอะ ต้องมาขอกูนะมันว่า,นี้คือกฎหมายปัญญาอ่อนมีนัยยะเลวชั่วประมาณนี้ล่ะ เอาประชาชนเป็นข้ออ้างหมดล่ะเพื่อทำเลวขั่ว ไม่ต่างจากลับมาก ลับที่สุดนั้นล่ะ คนดีๆเขาไม่มีความลับหรอก ทำสัญญาmouอะไรต่างกล้าบอกเปิดเผยต่อประชาชนเพราะกระทบระดับชาติ,แบบปล่อยสัญญาสัมปทานบ่อปิโตรเลียมนั้นล่ะ ไม่เอาเข้าสภาบอกประชาชนทั้งเชิงบวกเชิงลบหรือให้ประชาชนร่วมลงมติเลย คนกระทรวงแอบทำเองมันใช้ไม่ได้ ผลกระทบคือของแพงทั้งแผ่นดินไทย เสียอธิปไตยบ่อน้ำมันไปตกแก่คนอื่น,นี้คือการปกครองในฝ่ายรัฐฐะปกครองที่ผิดพลาดและไม่แก้ไขปรุงปรับฉีกสัญญาทิ้ง&โมฆะสิ่งอยุติธรรมนี้ทิ้งไปใดๆเลย,ถือว่าแบบปกครองของระบบคณะกบฎ2475นี้ล้มเหลวใช้ไม่ได้ต้องเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่ที่มิใช่แบบของฝรั่ง.
    ..ถึงตอนนี้ มโนว่า ไม่มีใครสามารถจัดการโทนี่ได้หรือทั้งครอบครัวทั้งพรรคโทนี่,เพราะdeep state ข้ามโลกแบบตระกูล13โลกนำโดยท่านหลอดกาแฟต่างๆโดยเฉพาะไชล์ดๆแบบblackrockหมายตาภาคใต้ไทยเอยทั้งภาคโดยเฉพาะขุดคลองคอดกระ&แลนด์บริดจ์ก็ว่า ตังมหาศาลส่งเข้าdeep stateโลกจะขนาดไหน ทั้งบ่อนออนไลน์ คาสิโนเรือสำราญขนาดใหญ่ฮับโลกและสาระพัดฮับ รวมถึงศูนย์กลางจักรวาลอยู่ที่ไทย ตังและโคตรๆพลังงานอยู่ที่นี้ของโลกยุคใหม่ มันจะขนาดไหน มันเร่งสุดกำลังแน่นอน จึงอาจรอดถึง99%เลย,มีแค่วิธีเดียวตัดตอนได้ทัน ตัดการเชื่อมจิตเลวชั่วมิให้deep stateข้ามโลกจูนสัญญาณเข้าถึงระบบในไทยได้ แบบผีร้ายเข้าบ้านไม่ได้ก็สิ้นฤทธิ์เช่นกันเพราะขาดตัวเชื่อมพลังชั่วเลวร่างทรงให้มันก่อการในบ้านเราได้ จบสิ้นซากเลยล่ะ จากนั้นค่อยตามไล่ล่าผีร้ายนี้กับเพื่อนบ้านทั่วโลกถีบพวกมันออกจากโลกเราให้สิ้นซากจริงๆก็ว่าต่อไป,
    ..การตัดตอนที่ดีอีกทางคือยกเลิกการเลือก อบต.อบท.อบจ.นี้ไปก่อน,เทศบาลตำบล &เมือง&นคร หากยุติพักงานเลื่อนออกไปก่อน ไม่เสียหายอะไรเลย ,หรือโมฆะการเลือกตั้งทั้งประเทศ,เพราะใช้ตังหมดๆหน่วยล่ะ,deep stateโลก สั่งยึดไทยผ่านdeep stateสาขาไทยย่อมส่งตังมามหาศาลสบายๆ อาจเศษตังแต่10ล้านล้านบาททุกๆหน่วยเลือกตั้งก็เหลือล้นแล้ว, อาทิแจกคนเลือกตั้งคนละ1,000ถ้วนหน้าในชุมชนปกติธรรมดาสัก40ล้านคนก็แค่4หมื่นล้านบาทเอง,เขตหน่วยพิเศษให้คนละ5,000บาทต่อหัวคนกาคะแนนสัก20ล้านคนก็100,000ล้านบาทเอง,ง่ายๆซื้อประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นมาง่ายมากจริง ไม่ถึง1ล้านล้านบาทเลย,เหลือ9ล้านล้านบาทบริหารจัดการซื้อคนทรยศในหน่วยงานระบบราชการยิ่งสบายหมด,ไม่รวมเจ้าสัวนายทุนเดิมๆที่เป็นขี้ข้าทาสรับใช้คำสั่งปกติอยู่แล้ว,โอนตังผ่านขี้ข้านี้ลงถึงหัวคะแนนแจกตังตรงๆก็ได้หรือพวกเดินปล่อยเงินกู้นอกระบบในไทยก็ลูกน้องมันหมด,คือdeep stateเล่นหนักแน่นอน จะยึดไทยเบ็ดเสร็จเลย ล้มสถาบันให้สิ้นซากด้วยแน่นอน ดูdeep state จีนสิ มันสั่งนำเข้ามาไทยตรึมมากมายก็ว่า คนตรึมเต็มประเทศไทย โรงงานจีนของสาขาdeep stateจีน ผสมพันธุ์จับมือกับdeep stateสาขาไทยแลกเปลี่ยนคน&นำเข้าคนจีนอย่างสบายใจเดอะแก๊งมันเลยก็ว่า,
    ..จึงต้องจบเรื่องนี้ทันทีคือจบรัฐบาลนี้ ตัดตอนรัฐบาลนี้ในการมีอยู่ทันที อาจก่อน11พ.ค.ยิ่งดี เพราะจะไม่มีการเลือกตั้งทันทีได้ เพราะเมื่อสิ้นสภาพรัฐบาล งานย่อยๆต่างๆต้องโมฆะเลื่อนออกไปทันทีแบบไม่มีกำหนดโดยว่าตามมารยาท ,ถ้ายึดอำนาจจากทหารพระราชาคงไม่ต้องพูดหากันเลย,อำนาจทางทหารสามารถระงับการเลือกตั้งใดๆทั้งหมดได้แน่นอน,ชาติไทยจึงจะพอมีทางก้าวเดินต่อไปได้.,เรามีการปกครองที่ผิดพลาดและสะท้อนว่าล้มเหลวด้วยชัดเจนแล้วในปัจจุบันจากระบบธุรการราชการไทยที่คณะกบฎ2475วางสวมใส่ตัวให้เป็นชุดเดินโชว์ที่อุบาทก์ขายหน้าไปทั่วโลก, แบบมุกพวกdeep stateหรือagendaมันมักพูดว่า "การไม่มีอะไรเลย คุณจะพบว่ามีความสุข" คือคุณไม่ต้องเป็นเจ้าของอะไรๆ จะมีแต่รอยยิ้มแทนพะนะ แบบไม่ได้เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยตนเอง ไม่ได้เป็นเจ้าของเนื้อปิโตรเลียมที่ดูดออกมาใดๆเลยสักหยด คุณจะยิ้มอย่างคนผีบ้าและมีความสุข(,บนราคาสินค้า&ของแพงทัังแผ่นดินก็ว่า)
    https://youtube.com/watch?v=jzW7mW4jt5U&si=sl7fg0-LDLp5ZsVN
    ..เหนื่อยจริงๆ " เรา..ประชาชน " เนี่ย!!! .มันเขามาปกครองเพื่อปั่นป่วนจริงๆ&สร้างโกลาหลทั่วไทยบวกทำให้แย่ทั่วทิศทุกๆมิติสัมมาอาชีพและความมั่นคงของชาติให้พังพินาศ. ..มโน แบบส่วนตัวจริงๆเลยนะ..พึ่งอะไรหน่วยไหนไม่ได้แล้วล่ะ จากภาพที่ฉายออกมาทัังหมด แค่กลหมากไม่ฟันจริงจัง ยืดเวลาให้ก็นานเกินพอแล้วจนมาถึงต้นปี68นี้,หากสำนึกดีจริงๆหลังอดีตนายกฯคนไม่ซื่อสัตย์สิ้นสภาพไปจากที่มาจากพรรคไหนไม่รู้แต่งตั้งนายกฯไม่ซื่อสัตย์มารับตำแหน่ง จริงๆสมควรเสียสิทธิ์ในนามพรรคด้วยจะเอาคนพรรคตนมาเป็นนายกฯคนต่อไปจากพรรคตนที่เสนอคนไม่ซื่อสัตย์มาแล้วชุดแรกควรตัดสิทธิ์การจัดตัังรัฐบาลด้วย,นี้คือกฎหมายการเลือกตัังล้มเหลว ส่งผลให้ทิศทางของทั้งประเทศตรงดิ่งลงสู่นรก&หายนะใหญ่ทัังชาติไปด้วยแบบปัจจุบัน เช่นบ่อนคาสิโนนี้ล่ะที่ไม่มีในนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งหลักของพรรคเลยก็ว่า,ตุลาพิวัฒน์หรือวิวัฒน์อะไรอาจพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย ดีๆอาจdeep stateข้ามโลกยึดครองควบคุมทั้งหมดอีกล่ะในไทย ปิระมิทการครองครบงำโลกก็บอกชัดเจนแล้วว่า deep stateปกครองกำกับดูแลการปกครองทั่วโลกในแต่ละชาติจริงๆไปแล้ว ศาล กฎหมาย ทหาร ตำรวจ สภา. &ทั้งหมดล้วนdeep stateฝังคนของมันยึดครองหมดแล้ว ทางการทหารจีน เขาเรียกว่าสายลับ บ่อนทำลายระบบปกครองจีนแทรกซึมไว้หมดแล้ว,เชือดนิ่มๆคือใช้สาวสวยนาตาดีไปยึดทำครอบครัวกลืนกินเสียเลยก็ว่ากับพวกกุมอำนาจปกครองของชาติไทยอาจปูทางปูพื้นมาตั้งแต่คณะกบฎ2475แล้วล่ะ,จนมาถึงปัจจุบัน มันผสมพันธุ์สืบทายาทอสูรมารซาตานลัทธิตาเดียวเต็มตระกูลแล้ว ลูกหลานใฝ่ดีไปรับรู้เห็น รับไม่ได้ กบฎทรยศตระกูลจนเป็นบ้าเป็นบอเสียสติในลัทธิมืดไปด้วยก็ว่า,พวกนี้จะอมบ้านิดๆถึงระดับสูงก็ว่า,บำบัดกันเลยล่ะจึงเกิดโรคบาลจิตเวชออกมาเพื่อรักษาสภาพจิตลูกหลานตระกูลมัน สร้างเพื่อประชาชนคือข้ออ้างล่ะ,แบบกฎหมายปัญญาอ่อนมากมายเขียนออกมาเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์มันล่ะ อาทิ ห้ามเปิดเผยหน้าเจ้าสัวอีลิทพวกกูหากเป็นข่าวเรื่องเอามันส์เด็กซึ่งพวกซาตานมันชอบเลยล่ะแรปทีเลี่ยนสอนดีจนบอกต่อแก่คนอิสลามเอามันเด็กๆได้ไม่ผิด 6-8ขวบก็มีโน้น แพะแกะยังเอาได้ล่ะ,แรปทีเลี่ยนสอนดีเลยจนเป็นศาสนามัน,หรือไม่เปิดเผยชื่อกิจการการค้าตน แบบพนักงานธนาคารดูดตังประชาชนโอนเข้าบัญชีตนเฉยๆที่เป็นข่าวตรึม มันกลัวเสียชื่อเสียงเป็นต้น หรือกฎหมายหมิ่นประมาทด่าเสียๆหายๆไม่ได้ ด่าถูกใจตรงใจชั่วมันแท้ๆมันรับไม่ได้เลยไปเขียนกฎหมายห้ามด่าห้ามหมิ่นมัน,หรือกฎหมายชุมนุม ถ้าจะขับไล่กูแบบเปิดเผยต้องมาขออนุญาตคนชั่วๆเลวๆแบบกูก่อน กูผิดจริงที่มรึงไปรู้มาแต่ไม่มีหลักฐานก็เถอะ ต้องมาขอกูนะมันว่า,นี้คือกฎหมายปัญญาอ่อนมีนัยยะเลวชั่วประมาณนี้ล่ะ เอาประชาชนเป็นข้ออ้างหมดล่ะเพื่อทำเลวขั่ว ไม่ต่างจากลับมาก ลับที่สุดนั้นล่ะ คนดีๆเขาไม่มีความลับหรอก ทำสัญญาmouอะไรต่างกล้าบอกเปิดเผยต่อประชาชนเพราะกระทบระดับชาติ,แบบปล่อยสัญญาสัมปทานบ่อปิโตรเลียมนั้นล่ะ ไม่เอาเข้าสภาบอกประชาชนทั้งเชิงบวกเชิงลบหรือให้ประชาชนร่วมลงมติเลย คนกระทรวงแอบทำเองมันใช้ไม่ได้ ผลกระทบคือของแพงทั้งแผ่นดินไทย เสียอธิปไตยบ่อน้ำมันไปตกแก่คนอื่น,นี้คือการปกครองในฝ่ายรัฐฐะปกครองที่ผิดพลาดและไม่แก้ไขปรุงปรับฉีกสัญญาทิ้ง&โมฆะสิ่งอยุติธรรมนี้ทิ้งไปใดๆเลย,ถือว่าแบบปกครองของระบบคณะกบฎ2475นี้ล้มเหลวใช้ไม่ได้ต้องเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่ที่มิใช่แบบของฝรั่ง. ..ถึงตอนนี้ มโนว่า ไม่มีใครสามารถจัดการโทนี่ได้หรือทั้งครอบครัวทั้งพรรคโทนี่,เพราะdeep state ข้ามโลกแบบตระกูล13โลกนำโดยท่านหลอดกาแฟต่างๆโดยเฉพาะไชล์ดๆแบบblackrockหมายตาภาคใต้ไทยเอยทั้งภาคโดยเฉพาะขุดคลองคอดกระ&แลนด์บริดจ์ก็ว่า ตังมหาศาลส่งเข้าdeep stateโลกจะขนาดไหน ทั้งบ่อนออนไลน์ คาสิโนเรือสำราญขนาดใหญ่ฮับโลกและสาระพัดฮับ รวมถึงศูนย์กลางจักรวาลอยู่ที่ไทย ตังและโคตรๆพลังงานอยู่ที่นี้ของโลกยุคใหม่ มันจะขนาดไหน มันเร่งสุดกำลังแน่นอน จึงอาจรอดถึง99%เลย,มีแค่วิธีเดียวตัดตอนได้ทัน ตัดการเชื่อมจิตเลวชั่วมิให้deep stateข้ามโลกจูนสัญญาณเข้าถึงระบบในไทยได้ แบบผีร้ายเข้าบ้านไม่ได้ก็สิ้นฤทธิ์เช่นกันเพราะขาดตัวเชื่อมพลังชั่วเลวร่างทรงให้มันก่อการในบ้านเราได้ จบสิ้นซากเลยล่ะ จากนั้นค่อยตามไล่ล่าผีร้ายนี้กับเพื่อนบ้านทั่วโลกถีบพวกมันออกจากโลกเราให้สิ้นซากจริงๆก็ว่าต่อไป, ..การตัดตอนที่ดีอีกทางคือยกเลิกการเลือก อบต.อบท.อบจ.นี้ไปก่อน,เทศบาลตำบล &เมือง&นคร หากยุติพักงานเลื่อนออกไปก่อน ไม่เสียหายอะไรเลย ,หรือโมฆะการเลือกตั้งทั้งประเทศ,เพราะใช้ตังหมดๆหน่วยล่ะ,deep stateโลก สั่งยึดไทยผ่านdeep stateสาขาไทยย่อมส่งตังมามหาศาลสบายๆ อาจเศษตังแต่10ล้านล้านบาททุกๆหน่วยเลือกตั้งก็เหลือล้นแล้ว, อาทิแจกคนเลือกตั้งคนละ1,000ถ้วนหน้าในชุมชนปกติธรรมดาสัก40ล้านคนก็แค่4หมื่นล้านบาทเอง,เขตหน่วยพิเศษให้คนละ5,000บาทต่อหัวคนกาคะแนนสัก20ล้านคนก็100,000ล้านบาทเอง,ง่ายๆซื้อประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นมาง่ายมากจริง ไม่ถึง1ล้านล้านบาทเลย,เหลือ9ล้านล้านบาทบริหารจัดการซื้อคนทรยศในหน่วยงานระบบราชการยิ่งสบายหมด,ไม่รวมเจ้าสัวนายทุนเดิมๆที่เป็นขี้ข้าทาสรับใช้คำสั่งปกติอยู่แล้ว,โอนตังผ่านขี้ข้านี้ลงถึงหัวคะแนนแจกตังตรงๆก็ได้หรือพวกเดินปล่อยเงินกู้นอกระบบในไทยก็ลูกน้องมันหมด,คือdeep stateเล่นหนักแน่นอน จะยึดไทยเบ็ดเสร็จเลย ล้มสถาบันให้สิ้นซากด้วยแน่นอน ดูdeep state จีนสิ มันสั่งนำเข้ามาไทยตรึมมากมายก็ว่า คนตรึมเต็มประเทศไทย โรงงานจีนของสาขาdeep stateจีน ผสมพันธุ์จับมือกับdeep stateสาขาไทยแลกเปลี่ยนคน&นำเข้าคนจีนอย่างสบายใจเดอะแก๊งมันเลยก็ว่า, ..จึงต้องจบเรื่องนี้ทันทีคือจบรัฐบาลนี้ ตัดตอนรัฐบาลนี้ในการมีอยู่ทันที อาจก่อน11พ.ค.ยิ่งดี เพราะจะไม่มีการเลือกตั้งทันทีได้ เพราะเมื่อสิ้นสภาพรัฐบาล งานย่อยๆต่างๆต้องโมฆะเลื่อนออกไปทันทีแบบไม่มีกำหนดโดยว่าตามมารยาท ,ถ้ายึดอำนาจจากทหารพระราชาคงไม่ต้องพูดหากันเลย,อำนาจทางทหารสามารถระงับการเลือกตั้งใดๆทั้งหมดได้แน่นอน,ชาติไทยจึงจะพอมีทางก้าวเดินต่อไปได้.,เรามีการปกครองที่ผิดพลาดและสะท้อนว่าล้มเหลวด้วยชัดเจนแล้วในปัจจุบันจากระบบธุรการราชการไทยที่คณะกบฎ2475วางสวมใส่ตัวให้เป็นชุดเดินโชว์ที่อุบาทก์ขายหน้าไปทั่วโลก, แบบมุกพวกdeep stateหรือagendaมันมักพูดว่า "การไม่มีอะไรเลย คุณจะพบว่ามีความสุข" คือคุณไม่ต้องเป็นเจ้าของอะไรๆ จะมีแต่รอยยิ้มแทนพะนะ แบบไม่ได้เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยตนเอง ไม่ได้เป็นเจ้าของเนื้อปิโตรเลียมที่ดูดออกมาใดๆเลยสักหยด คุณจะยิ้มอย่างคนผีบ้าและมีความสุข(,บนราคาสินค้า&ของแพงทัังแผ่นดินก็ว่า) https://youtube.com/watch?v=jzW7mW4jt5U&si=sl7fg0-LDLp5ZsVN
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปมร้อนข่าวลึก : สร้างหมื่นล้าน แก้ไขงบพันล้าน 'สภา' ยุคตกต่ำสุดขั้ว
    .
    อาคารรัฐสภาปัจจุบันแม้ว่าจะมีการส่งมอบกันแล้ว แต่ดูเหมือนว่ามีปัญหาให้ตามล้างตามเช็ดกันไม่จบไม่สิ้น อย่างในปัจจุบันมีการออกมาเปิดเผยกันว่ารัฐสภามีโครงการจะปรับปรุงอาคารสถานที่มากถึง 15 โครงการ คิดเป็นร่วมๆ พันล้านบาทกันเลยทีเดียว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042534

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปมร้อนข่าวลึก : สร้างหมื่นล้าน แก้ไขงบพันล้าน 'สภา' ยุคตกต่ำสุดขั้ว . อาคารรัฐสภาปัจจุบันแม้ว่าจะมีการส่งมอบกันแล้ว แต่ดูเหมือนว่ามีปัญหาให้ตามล้างตามเช็ดกันไม่จบไม่สิ้น อย่างในปัจจุบันมีการออกมาเปิดเผยกันว่ารัฐสภามีโครงการจะปรับปรุงอาคารสถานที่มากถึง 15 โครงการ คิดเป็นร่วมๆ พันล้านบาทกันเลยทีเดียว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042534 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    4
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ส่งออกไทย’สดใส ก่อนเจอภาษีทรัมป์ /มี.ค.68 โต 17.8% มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เฉียด 30,000 ล้านดอลลาร์ฯ รวม 3 เดือนแรกปีนี้ สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ แม้ เม.ย.อาจเริ่มถูกกระทบจากภาษีของสหรัฐ แต่มั่นใจจะไม่ติดลบ รอดูผลเจราการค้า หวังเป็นไปในทิศทางที่ดี ทั้งกับสหรัฐ และจีน
    ‘ส่งออกไทย’สดใส ก่อนเจอภาษีทรัมป์ /มี.ค.68 โต 17.8% มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เฉียด 30,000 ล้านดอลลาร์ฯ รวม 3 เดือนแรกปีนี้ สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ แม้ เม.ย.อาจเริ่มถูกกระทบจากภาษีของสหรัฐ แต่มั่นใจจะไม่ติดลบ รอดูผลเจราการค้า หวังเป็นไปในทิศทางที่ดี ทั้งกับสหรัฐ และจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • "เสรีพิศุทธ์" ข้องใจ "พรรคประชาชน" ฮั้ว "เพื่อไทย" หลังไม่ร่วมลงชื่อส่งศาลถอดถอน "ครม.อิ๊งค์-เศรษฐา" ปมตัดงบ 3.5 หมื่นล้านแจก
    https://www.thai-tai.tv/news/18358/
    "เสรีพิศุทธ์" ข้องใจ "พรรคประชาชน" ฮั้ว "เพื่อไทย" หลังไม่ร่วมลงชื่อส่งศาลถอดถอน "ครม.อิ๊งค์-เศรษฐา" ปมตัดงบ 3.5 หมื่นล้านแจก https://www.thai-tai.tv/news/18358/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk กำลังวางแผนระดมทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง Colossus 2 ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มี GPU จำนวน 1 ล้านตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัยและสร้างรายได้จากการใช้งาน AI ในระดับสูง การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์ และทำให้มูลค่าของบริษัท xAI อยู่ระหว่าง 150 ถึง 200 พันล้านดอลลาร์

    ✅ Elon Musk วางแผนสร้าง Colossus 2 ด้วย GPU จำนวน 1 ล้านตัว
    - ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ GPU Nvidia Hopper H100 และ H100
    - Colossus 2 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า Colossus รุ่นแรกที่มี GPU จำนวน 200,000 ตัว

    ✅ การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์
    - Musk คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 100 ถึง 125 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้าง Colossus 2
    - รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอาคาร เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และระบบระบายความร้อน

    ✅ xAI มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย
    - โมเดล AI ที่พัฒนาจะถูกนำไปใช้สร้างรายได้ในระดับสูง

    ✅ การลงทุนใน AI Data Centers กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก
    - Broadcom คาดว่า Data Centers รุ่นใหม่จะมี AI Processors จำนวน 1 ล้านตัวภายในปี 2027

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/speculation-mounts-that-musk-will-raise-tens-of-billions-for-ai-supercomputer-with-1-million-gpus-report
    Elon Musk กำลังวางแผนระดมทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง Colossus 2 ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มี GPU จำนวน 1 ล้านตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัยและสร้างรายได้จากการใช้งาน AI ในระดับสูง การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์ และทำให้มูลค่าของบริษัท xAI อยู่ระหว่าง 150 ถึง 200 พันล้านดอลลาร์ ✅ Elon Musk วางแผนสร้าง Colossus 2 ด้วย GPU จำนวน 1 ล้านตัว - ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ GPU Nvidia Hopper H100 และ H100 - Colossus 2 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า Colossus รุ่นแรกที่มี GPU จำนวน 200,000 ตัว ✅ การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์ - Musk คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 100 ถึง 125 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้าง Colossus 2 - รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอาคาร เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และระบบระบายความร้อน ✅ xAI มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย - โมเดล AI ที่พัฒนาจะถูกนำไปใช้สร้างรายได้ในระดับสูง ✅ การลงทุนใน AI Data Centers กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก - Broadcom คาดว่า Data Centers รุ่นใหม่จะมี AI Processors จำนวน 1 ล้านตัวภายในปี 2027 https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/speculation-mounts-that-musk-will-raise-tens-of-billions-for-ai-supercomputer-with-1-million-gpus-report
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุ้นระทึก! ‘ศาลฎีกา’ จ่อชี้ขาดคดีสรรพากรแจ้ง ‘ทักษิณ’ จ่ายภาษีขายหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/18275/
    ลุ้นระทึก! ‘ศาลฎีกา’ จ่อชี้ขาดคดีสรรพากรแจ้ง ‘ทักษิณ’ จ่ายภาษีขายหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้าน https://www.thai-tai.tv/news/18275/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่น่าสนใจ:

    อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีฟินแลนด์ โพสต์ข้อความ "ยูเครนตกลงหยุดยิงอย่างถาวรและไม่มีเงื่อนไข"

    และในช่วงเวลาเดียวกัน เซเลนสกี โพสต์ข้อความยืนยันมีการสนทนากับประธานาธิบดีฟินแลนด์จริง และพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกครั้ง

    "ขณะนี้ผ่านมา 36 วันแล้วที่สหรัฐฯ เสนอให้หยุดการโจมตีทางอากาศ ทางทะเล และทางบกอย่างเต็มรูปแบบและไม่มีเงื่อนไข ยูเครนยอมรับข้อเสนอนี้ทันที เมื่อกว่าหนึ่งเดือนก่อน รัสเซียยังคงเพิกเฉยต่อข้อเสนอนี้ และยังคงไม่รู้สึกถึงผลกระทบใดๆ นั่นคือปัญหาสำคัญ" ข้อความบางส่วนของเซเลนสกี

    เหตุการณ์นี้น่าสนใจตรงที่ เซเลนสกีกลับมาพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกครั้ง หลังจากรัสเซียโจมตีอย่างหนักในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคซูมี ซึ่งส่งผลให้ทหารยูเครนกว่า 60 ราย รวมทั้งผู้บัญชาการทหารต้องเสียชีวิตในครั้งนี้

    นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทรัมป์ปฏิเสธส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธห้กับยูเครนรวมกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ ตามรายงานที่สื่อนำเสนอ ทรัมป์สนใจการ "เจรจากับปูติน" มากกว่าที่จะส่งอาวุธให้ยูเครน
    สิ่งที่น่าสนใจ: อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีฟินแลนด์ โพสต์ข้อความ "ยูเครนตกลงหยุดยิงอย่างถาวรและไม่มีเงื่อนไข" และในช่วงเวลาเดียวกัน เซเลนสกี โพสต์ข้อความยืนยันมีการสนทนากับประธานาธิบดีฟินแลนด์จริง และพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกครั้ง "ขณะนี้ผ่านมา 36 วันแล้วที่สหรัฐฯ เสนอให้หยุดการโจมตีทางอากาศ ทางทะเล และทางบกอย่างเต็มรูปแบบและไม่มีเงื่อนไข ยูเครนยอมรับข้อเสนอนี้ทันที เมื่อกว่าหนึ่งเดือนก่อน รัสเซียยังคงเพิกเฉยต่อข้อเสนอนี้ และยังคงไม่รู้สึกถึงผลกระทบใดๆ นั่นคือปัญหาสำคัญ" ข้อความบางส่วนของเซเลนสกี เหตุการณ์นี้น่าสนใจตรงที่ เซเลนสกีกลับมาพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกครั้ง หลังจากรัสเซียโจมตีอย่างหนักในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคซูมี ซึ่งส่งผลให้ทหารยูเครนกว่า 60 ราย รวมทั้งผู้บัญชาการทหารต้องเสียชีวิตในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทรัมป์ปฏิเสธส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธห้กับยูเครนรวมกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ ตามรายงานที่สื่อนำเสนอ ทรัมป์สนใจการ "เจรจากับปูติน" มากกว่าที่จะส่งอาวุธให้ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ปฏิเสธข้อตกลงมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญกับยูเครน โดยการปฏิเสธจัดส่งอาวุธให้ยูเครน แม้ว่าความช่วยเหลือรอบใหม่จะเป็นในรูปแบบที่ยูเครนเป็นหน้าและต้องใช้คืน

    ตามรายงานที่สื่อนำเสนอ ทรัมป์สนใจการ "เจรจากับปูติน" มากกว่าที่จะขายอาวุธให้ยูเครน

    ที่มา: — Bild ของเยอรมนี
    ทรัมป์ปฏิเสธข้อตกลงมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญกับยูเครน โดยการปฏิเสธจัดส่งอาวุธให้ยูเครน แม้ว่าความช่วยเหลือรอบใหม่จะเป็นในรูปแบบที่ยูเครนเป็นหน้าและต้องใช้คืน ตามรายงานที่สื่อนำเสนอ ทรัมป์สนใจการ "เจรจากับปูติน" มากกว่าที่จะขายอาวุธให้ยูเครน ที่มา: — Bild ของเยอรมนี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ
    .
    ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน
    ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง
    รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน
    โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain
    ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย
    อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
    นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน
    แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน
    แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด
    ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต
    อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan
    โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2%
    แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก
    Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา
    หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่
    1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน
    2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น
    3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์
    4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho
    5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์
    6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน
    7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ
    ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก
    ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก
    พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง
    ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย
    ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย
    แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด


    อ้างอิง :
    • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    https://www.bbc.com/thai/international-53264790
    • EarthRights International, Global Witness
    Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ . ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2% แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่ 1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน 2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น 3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์ 4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho 5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์ 6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน 7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด อ้างอิง : • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ • https://www.bbc.com/thai/international-53264790 • EarthRights International, Global Witness
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 989 มุมมอง 0 รีวิว
  • DSI-ตร. แถลงรวบ "ฐิติพร" โบรคเกอร์ร่วมฉ้อโกง 1.6 หมื่นล้านคดีหมอบุญ วนาสิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังหลบหนีไปจีนและถูกเนรเทศส่งตัวกลับ เป็นผู้ต้องหารายที่ 14 ที่มีหมายแดงจากตำรวจสากล

    https://www.thansettakij.com/business/624423
    DSI-ตร. แถลงรวบ "ฐิติพร" โบรคเกอร์ร่วมฉ้อโกง 1.6 หมื่นล้านคดีหมอบุญ วนาสิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังหลบหนีไปจีนและถูกเนรเทศส่งตัวกลับ เป็นผู้ต้องหารายที่ 14 ที่มีหมายแดงจากตำรวจสากล https://www.thansettakij.com/business/624423
    WWW.THANSETTAKIJ.COM
    DSI แถลงจับ "โบรคเกอร์" คดีหมอบุญ เผย จีนเนรเทศกลับหลังมีหมายแดง
    DSI-ตร. แถลงรวบ "ฐิติพร โบรคเกอร์ร่วมฉ้อโกง 1.6 หมื่นล้านคดีหมอบุญ วนาสิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังหลบหนีไปจีนและถูกเนรเทศส่งตัวกลับ เป็นผู้ต้องหารายที่ 14 ที่มีหมายแดงจากตำรวจสากล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 เมษายน 2568 เวลา 22.00 น. DSI แถลงข่าวหลังจากรวบตัว"โบรกเกอร์" คนสนิทของหมอบุญ วนาสิน ที่หนีกบดานอยู่ประเทศจีน คดีร่วมกันฉ้อโกงเสียหาย 1.4 หมื่นล้านบาท กระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่น ที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีพิเศษที่ 136/2567 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมาต่อมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนอัยการสั่งฟ้อง หมอบุญ กับพวกรวม 16 ราย ฐานฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 14,246,048,033 บาททั้งนี้วันนี้มีรายงานว่า ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม เตรียมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดี "หมอบุญ วนาสิน" ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 8 ในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ทั้งนี้ จากรายงาน คือ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ทำหน้าที่เป็น โบรกเกอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธ.ค. 67 โดยจับกุมได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นพ.บุญ และ น.ส.กชพร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีในต่างประเทศโดยคดีดังกล่าว นพ.บุญ พร้อมพวก ได้หลอกชักชวนผู้เสียหายลงทุนโครงการทางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท https://www.youtube.com/live/4JOmIY3cmYY?si=7NZSfJvhF4VqErlt
    7 เมษายน 2568 เวลา 22.00 น. DSI แถลงข่าวหลังจากรวบตัว"โบรกเกอร์" คนสนิทของหมอบุญ วนาสิน ที่หนีกบดานอยู่ประเทศจีน คดีร่วมกันฉ้อโกงเสียหาย 1.4 หมื่นล้านบาท กระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่น ที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีพิเศษที่ 136/2567 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมาต่อมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนอัยการสั่งฟ้อง หมอบุญ กับพวกรวม 16 ราย ฐานฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 14,246,048,033 บาททั้งนี้วันนี้มีรายงานว่า ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม เตรียมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดี "หมอบุญ วนาสิน" ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 8 ในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ทั้งนี้ จากรายงาน คือ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ทำหน้าที่เป็น โบรกเกอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธ.ค. 67 โดยจับกุมได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นพ.บุญ และ น.ส.กชพร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีในต่างประเทศโดยคดีดังกล่าว นพ.บุญ พร้อมพวก ได้หลอกชักชวนผู้เสียหายลงทุนโครงการทางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท https://www.youtube.com/live/4JOmIY3cmYY?si=7NZSfJvhF4VqErlt
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 539 มุมมอง 0 รีวิว
  • DSI รวบ "โบรกเกอร์" คนสนิท หมอบุญ หนีกบดานประเทศจีน ร่วมฉ้อโกง เสียหาย 1.4 หมื่นล้านเตรียมแถลงคืนนี้ 4 ทุ่มข่าวที่เกี่ยวข้องความคืบหน้ากรณี นายแพทย์บุญ วนาสิน กับพวก ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่น ที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีพิเศษที่ 136/2567 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมาต่อมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนอัยการสั่งฟ้อง หมอบุญ กับพวกรวม 16 ราย ฐานฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 14,246,048,033 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นล่าสุด วันที่ 7 เมษายน 2568 มีรายงานว่า ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม เตรียมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดี "หมอบุญ วนาสิน" ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 8 ในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ทั้งนี้ จากรายงาน คือ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ทำหน้าที่เป็น โบรกเกอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธ.ค. 67 โดยจับกุมได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นพ.บุญ และ น.ส.กชพร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีในต่างประเทศโดยคดีดังกล่าว นพ.บุญ พร้อมพวก ได้หลอกชักชวนผู้เสียหายลงทุนโครงการทางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาทhttps://www.amarintv.com/news/crime/511086#
    DSI รวบ "โบรกเกอร์" คนสนิท หมอบุญ หนีกบดานประเทศจีน ร่วมฉ้อโกง เสียหาย 1.4 หมื่นล้านเตรียมแถลงคืนนี้ 4 ทุ่มข่าวที่เกี่ยวข้องความคืบหน้ากรณี นายแพทย์บุญ วนาสิน กับพวก ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่น ที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีพิเศษที่ 136/2567 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมาต่อมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนอัยการสั่งฟ้อง หมอบุญ กับพวกรวม 16 ราย ฐานฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 14,246,048,033 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นล่าสุด วันที่ 7 เมษายน 2568 มีรายงานว่า ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม เตรียมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดี "หมอบุญ วนาสิน" ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 8 ในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ทั้งนี้ จากรายงาน คือ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ทำหน้าที่เป็น โบรกเกอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธ.ค. 67 โดยจับกุมได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นพ.บุญ และ น.ส.กชพร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีในต่างประเทศโดยคดีดังกล่าว นพ.บุญ พร้อมพวก ได้หลอกชักชวนผู้เสียหายลงทุนโครงการทางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาทhttps://www.amarintv.com/news/crime/511086#
    WWW.AMARINTV.COM
    DSI รวบ "โบรกเกอร์" คนสนิท หมอบุญ หลังหนีกบดานประเทศจีน
    DSI รวบ "โบรกเกอร์" คนสนิท หมอบุญ หนีกบดานประเทศจีน ร่วมฉ้อโกง เสียหาย 1.4 หมื่นล้านเตรียมแถลงคืนนี้ 4 ทุ่ม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครจะกะพริบตาก่อนกัน🧲 หมากเจรจาของทรัมป์ คือ ตัังกำแพงภาษีสูงไว้ก่อน ต้อนให้คู่ค้าเข้ามาเจรจาถ้าคู่ค้าหมอบ ตกลงกันได้ ลดภาษีทั้งสองฝ่าย ก็จะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ทรัมป์คงประเมินแล้วว่า ในจำนวนกว่า 180 ประเทศ จะสามารถเคลียร์แบบนี้ ได้เกือบหมด ถึงแม้บางประเทศแสดงท่าที พร้อมจะตอบโต้ เช่น บราซิลลงมติ ให้อำนาจผู้นำสู้กับทรัมป์แต่ก็เลี่ยง ไม่ได้ตั้งกำแพงโต้กลับทันที พร้อมจะทำการเจรจาเสียก่อน🪤 ทรัมป์ไม่ได้บีบแคนาดาหรือเม็กซิโกเพิ่ม สองประเทศนี้จึงนิ่ง มีอยู่เพียงจีน ที่ตั้งกำแพงโต้กลับ 34% ทันที ส่วนยุโรปบอกว่าจะทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้จะประกาศเมื่อใดคาดว่ายุโรปจะเดินอย่างระมัดระวัง เพราะขายสินค้าให้สหรัฐ ปีละ 5.3 แสนล้านยูโร เกือบ 1/5 ของส่งออกยุโรปนอกจากรถยนต์ ที่เหลือคือเวชภัณฑ์ 1.1 แสน เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 0.9 แสน 🔫 สินค้าเหล่านี้มีอัตรากำไรสูง ยุโรปคงไม่เสี่ยงตัดสะพานทิ้งส่วนสหรัฐขายสินค้าให้ยุโรป 3.7 แสนล้านดอลลาร์ เกือบ 1/5 ของส่งออกสหรัฐเช่นกันถึงแม้ถ้าโดนโต้กลับรุนแรง ก็จะแย่พอกันแต่เป็นเวชภัณฑ์ 0.6 แสน เรือบิน 0.3 แสน พลังงาน 0.3 แสน ซึ่งยุโรปจำเป้นต้องใช้อยู่ตลอด ดังนั้น ละครฉากยุโรป ที่ทรัมป์เป็นพระเอก ก็คงจบลงได้ไม่ยาก 💣 ปัญหาใหญ่สุดของทรัมป์ จึงอยู่ที่สีจิ้นผิง ในฐานะผู้นำของ Global South สีจะยอมทรัมป์ไม่ได้ทรัมป์น่าจะผิดหวังพอควร เพราะรีบอ้างว่า การที่จีนโต้กลับ ส่อเป็นการหวาดผวา และเดินหมากผิดพลาด*** น่าสงสัยว่า ทรัมป์หรือสี ใครจะกะพริบตาก่อนกันข้อความที่ทรัมป์เผยแพร่ บ่งชี้ว่า เดิมคงหวังให้สีเข้ามาเจรจา เพื่อจะได้ลดกำแพงกันไปทั้งสองฝ่าย วิน วินแต่เมื่อไม่เป็นตามแผน ก็รีบปลอบใจคนอเมริกัน (ดูรูป 1) ว่า💊 [กำแพงภาษีสองฝั่งนั้น กระทบจีนมากกว่าสหรัฐ แบบเทียบกันไม่ได้เลย มาตรการนี้ ทำให้มีคนจะลงทุนในสหรัฐ กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ถึงแม้ศึกนี้ยาก แต่เราชนะแน่จึงขอให้คนอเมริกันอดทนอีกหน่อย]จีนนำเข้าจากสหรัฐ ปีละ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (6% ของนำเข้าจีน)เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2.4 หมื่นล้าน น้ำมันและก๊าซ 2 หมื่น เวชภัณฑ์ 2 หมื่น อาหาร 1.6 หมื่น 🩸 ส่วนใหญ่ จีนน่าจะสามารถผลิตได้เอง หรือหาแหล่งซื้ออื่นแทนได้ ผลกระทบจึงน่าจะไม่มากนักแต่ผลกระทบต่อเกษตรกรสหรัฐ จะมีมาก และเป็นฐานเสียงสำคัญ ทรัมป์ก็รู้ดีสหรัฐนำเข้าจากจีน ปีละ 5 แสนล้านดอลลาร์ (15% ของส่งออกจีน) เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 แสน ของเด็กเล่น 3 หมื่น เฟอร์นิเจอร์ 2 หมื่น สินค้าพลาสติก 2 หมื่น🧬 เนื่องจากไม่มีประเทศอื่นใด ที่ต้นทุนสินค้า consumer แข่งกับจีนได้ ดังนั้น คนอเมริกันก็ยังต้องใช้ของจีนต่อไปถามว่า ผู้ผลิตจีน หรือผู้บริโภคสหรัฐ ใครจะเป็นผู้ควักกระเป๋า เพื่อข้ามกำแพงภาษี 54%การผลิตสินค้าพื้นๆ เหล่านี้ กำไรผู้ผลิตในจีน ขณะนี้เหลือบางมาก หลายโรงงานปิดตัวไปแล้วจึงเป็นไปไม่ไดั ที่จีนจะควักกระเป๋ามาจ่ายถ้าภาษียังค้างเช่นนี้ ภายใน 2-3 เดือน ราคาที่คนอเมริกันต้องจ่าย จะขยับสูงขึ้น อย่างหายห่วง 🧹 ถึงแม้ยอดส่งออกจีนไปสหรัฐ จะลดลง แต่จะไม่มีอุตสาหกรรมเบา ที่จะย้ายจากจีน ไปผลิตที่สหรัฐ ทรัมป์ก็รู้ดีอเมริกันชน ชั้นล่างและชั้นกลาง คนส่วนใหญ่ที่ซื้อสินค้าจีน จึงจะหันกลับไปมองทรัมป์ ด้วยสายตาเคืองรูป 2 แสดงการที่จีนได้กระจายแหล่งนำเข้าสินค้าต่างๆ เปลี่ยนไปจากสหรัฐรูป 3 นอกจากนี้ จีนยังบีบสหรัฐเพิ่ม โดย (1) คุมการส่งออกแร่หายากอีก 7 ตัว และ (2) เพิ่มจำนวนบริษัทสหรัฐที่คุมการส่งออกรูป 4-5 แร่หายาก 7 ตัวนี้ มีชื่อแปลกๆ แต่ต้องใช้ในการผลิตยุทโธปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ พลังงานหมุนเวียน และดาวเทียม🧻 เป็นอันว่า หมากของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฮเทคในสหรัฐ แบบเต็มๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะต่อชาวบ้านก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่ว่า ถ้าประเทศใดโต้กลับ เขาจะยกระดับกำแพงให้สูงขึ้นอีกบัดนี้ คำขู่นี้ เจอกับหมากรุกกลับของสีจิ้นผิงแล้ว🧐 ต้องไม่ลืมว่า ชนชาวจีนกำลังเผชิญเศรษฐกิจชะลอตัว จากฟองสบู่อสังหาแตก และส่งออกลดลง บัณฑิตตกงานความอึดอัดในจีน เดิมมีสีเป็นเป้า บัดนี้ ทรัมป์ได้ยื่นตัวเข้ามา บังเป็นเป้าแทนแล้วสีอาจจะชอบใจละครฉากนี้ แต่การเดินเนื้อเรื่อง น่าจะไม่เป็นไปตามบทของทรัมป์วันที่ 6 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ใครจะกะพริบตาก่อนกัน🧲 หมากเจรจาของทรัมป์ คือ ตัังกำแพงภาษีสูงไว้ก่อน ต้อนให้คู่ค้าเข้ามาเจรจาถ้าคู่ค้าหมอบ ตกลงกันได้ ลดภาษีทั้งสองฝ่าย ก็จะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ทรัมป์คงประเมินแล้วว่า ในจำนวนกว่า 180 ประเทศ จะสามารถเคลียร์แบบนี้ ได้เกือบหมด ถึงแม้บางประเทศแสดงท่าที พร้อมจะตอบโต้ เช่น บราซิลลงมติ ให้อำนาจผู้นำสู้กับทรัมป์แต่ก็เลี่ยง ไม่ได้ตั้งกำแพงโต้กลับทันที พร้อมจะทำการเจรจาเสียก่อน🪤 ทรัมป์ไม่ได้บีบแคนาดาหรือเม็กซิโกเพิ่ม สองประเทศนี้จึงนิ่ง มีอยู่เพียงจีน ที่ตั้งกำแพงโต้กลับ 34% ทันที ส่วนยุโรปบอกว่าจะทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้จะประกาศเมื่อใดคาดว่ายุโรปจะเดินอย่างระมัดระวัง เพราะขายสินค้าให้สหรัฐ ปีละ 5.3 แสนล้านยูโร เกือบ 1/5 ของส่งออกยุโรปนอกจากรถยนต์ ที่เหลือคือเวชภัณฑ์ 1.1 แสน เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 0.9 แสน 🔫 สินค้าเหล่านี้มีอัตรากำไรสูง ยุโรปคงไม่เสี่ยงตัดสะพานทิ้งส่วนสหรัฐขายสินค้าให้ยุโรป 3.7 แสนล้านดอลลาร์ เกือบ 1/5 ของส่งออกสหรัฐเช่นกันถึงแม้ถ้าโดนโต้กลับรุนแรง ก็จะแย่พอกันแต่เป็นเวชภัณฑ์ 0.6 แสน เรือบิน 0.3 แสน พลังงาน 0.3 แสน ซึ่งยุโรปจำเป้นต้องใช้อยู่ตลอด ดังนั้น ละครฉากยุโรป ที่ทรัมป์เป็นพระเอก ก็คงจบลงได้ไม่ยาก 💣 ปัญหาใหญ่สุดของทรัมป์ จึงอยู่ที่สีจิ้นผิง ในฐานะผู้นำของ Global South สีจะยอมทรัมป์ไม่ได้ทรัมป์น่าจะผิดหวังพอควร เพราะรีบอ้างว่า การที่จีนโต้กลับ ส่อเป็นการหวาดผวา และเดินหมากผิดพลาด*** น่าสงสัยว่า ทรัมป์หรือสี ใครจะกะพริบตาก่อนกันข้อความที่ทรัมป์เผยแพร่ บ่งชี้ว่า เดิมคงหวังให้สีเข้ามาเจรจา เพื่อจะได้ลดกำแพงกันไปทั้งสองฝ่าย วิน วินแต่เมื่อไม่เป็นตามแผน ก็รีบปลอบใจคนอเมริกัน (ดูรูป 1) ว่า💊 [กำแพงภาษีสองฝั่งนั้น กระทบจีนมากกว่าสหรัฐ แบบเทียบกันไม่ได้เลย มาตรการนี้ ทำให้มีคนจะลงทุนในสหรัฐ กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ถึงแม้ศึกนี้ยาก แต่เราชนะแน่จึงขอให้คนอเมริกันอดทนอีกหน่อย]จีนนำเข้าจากสหรัฐ ปีละ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (6% ของนำเข้าจีน)เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2.4 หมื่นล้าน น้ำมันและก๊าซ 2 หมื่น เวชภัณฑ์ 2 หมื่น อาหาร 1.6 หมื่น 🩸 ส่วนใหญ่ จีนน่าจะสามารถผลิตได้เอง หรือหาแหล่งซื้ออื่นแทนได้ ผลกระทบจึงน่าจะไม่มากนักแต่ผลกระทบต่อเกษตรกรสหรัฐ จะมีมาก และเป็นฐานเสียงสำคัญ ทรัมป์ก็รู้ดีสหรัฐนำเข้าจากจีน ปีละ 5 แสนล้านดอลลาร์ (15% ของส่งออกจีน) เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 แสน ของเด็กเล่น 3 หมื่น เฟอร์นิเจอร์ 2 หมื่น สินค้าพลาสติก 2 หมื่น🧬 เนื่องจากไม่มีประเทศอื่นใด ที่ต้นทุนสินค้า consumer แข่งกับจีนได้ ดังนั้น คนอเมริกันก็ยังต้องใช้ของจีนต่อไปถามว่า ผู้ผลิตจีน หรือผู้บริโภคสหรัฐ ใครจะเป็นผู้ควักกระเป๋า เพื่อข้ามกำแพงภาษี 54%การผลิตสินค้าพื้นๆ เหล่านี้ กำไรผู้ผลิตในจีน ขณะนี้เหลือบางมาก หลายโรงงานปิดตัวไปแล้วจึงเป็นไปไม่ไดั ที่จีนจะควักกระเป๋ามาจ่ายถ้าภาษียังค้างเช่นนี้ ภายใน 2-3 เดือน ราคาที่คนอเมริกันต้องจ่าย จะขยับสูงขึ้น อย่างหายห่วง 🧹 ถึงแม้ยอดส่งออกจีนไปสหรัฐ จะลดลง แต่จะไม่มีอุตสาหกรรมเบา ที่จะย้ายจากจีน ไปผลิตที่สหรัฐ ทรัมป์ก็รู้ดีอเมริกันชน ชั้นล่างและชั้นกลาง คนส่วนใหญ่ที่ซื้อสินค้าจีน จึงจะหันกลับไปมองทรัมป์ ด้วยสายตาเคืองรูป 2 แสดงการที่จีนได้กระจายแหล่งนำเข้าสินค้าต่างๆ เปลี่ยนไปจากสหรัฐรูป 3 นอกจากนี้ จีนยังบีบสหรัฐเพิ่ม โดย (1) คุมการส่งออกแร่หายากอีก 7 ตัว และ (2) เพิ่มจำนวนบริษัทสหรัฐที่คุมการส่งออกรูป 4-5 แร่หายาก 7 ตัวนี้ มีชื่อแปลกๆ แต่ต้องใช้ในการผลิตยุทโธปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ พลังงานหมุนเวียน และดาวเทียม🧻 เป็นอันว่า หมากของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฮเทคในสหรัฐ แบบเต็มๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะต่อชาวบ้านก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่ว่า ถ้าประเทศใดโต้กลับ เขาจะยกระดับกำแพงให้สูงขึ้นอีกบัดนี้ คำขู่นี้ เจอกับหมากรุกกลับของสีจิ้นผิงแล้ว🧐 ต้องไม่ลืมว่า ชนชาวจีนกำลังเผชิญเศรษฐกิจชะลอตัว จากฟองสบู่อสังหาแตก และส่งออกลดลง บัณฑิตตกงานความอึดอัดในจีน เดิมมีสีเป็นเป้า บัดนี้ ทรัมป์ได้ยื่นตัวเข้ามา บังเป็นเป้าแทนแล้วสีอาจจะชอบใจละครฉากนี้ แต่การเดินเนื้อเรื่อง น่าจะไม่เป็นไปตามบทของทรัมป์วันที่ 6 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 588 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดีเอสไอ' เปิดชื่อ 29 โครงการรัฐ 'ไชน่าเรลเวย์' ประมูลงานได้ทั่วประเทศ 2.2 หมื่นล้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/18043/
    'ดีเอสไอ' เปิดชื่อ 29 โครงการรัฐ 'ไชน่าเรลเวย์' ประมูลงานได้ทั่วประเทศ 2.2 หมื่นล้าน https://www.thai-tai.tv/news/18043/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.ยธ.เผยการประชุมคดีพิเศษ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ พบคนไทยเป็น "นอมินี" รายได้หลักหมื่นถือหุ้นบริษัทใหญ่ พบข้อมูลรับงาน 29 โครงการรัฐ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000032250
    รมว.ยธ.เผยการประชุมคดีพิเศษ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ พบคนไทยเป็น "นอมินี" รายได้หลักหมื่นถือหุ้นบริษัทใหญ่ พบข้อมูลรับงาน 29 โครงการรัฐ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000032250
    Like
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1449 มุมมอง 0 รีวิว
  • 01-04-68/03 : หมี CNN / R.I.P USAID ลาก๋อยเหี้ยจ๋า! เห็นฤทธิ์อีทรัมปป์ยัง? ปิดสิ จะเหลือเหรอ โยก USAID บางส่วนเข้ากระทรวงตปท. มัดชัดซะยิ่งกว่าชัด หักดิบเหี้ย C ไงล่ะ ที่ผ่านมา ยิวเหี้ยไซออนนิสต์ใช้เหี้ย C เป็นแขนขา ในการรุกรานแผ่นดินชาวโลก ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่คือ USAID แตกย่อยเป็น NED NGO เพื่อส่งส่วยให้ขี้ข้ายิวทั่วโลก ไปปล้นแผ่นดินเค้าแดร๊ก งานนี้ อีทรัมปป์รีดพิษ ท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยยิว DEEP STATE จะอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว เร่งเปิดเกมส์ล้มอีทรัมปป์แน่ ระวังให้ดี อุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้นได้เสมอ บทเรียนจาก JFK ทำให้อีทรัมปป์รู้ดีว่า ชุดรอบตัวใช้คนในไม่ได้ เพราะเหี้ย C มันกว้านซื้อไว้หมดแล้ว ดังนั้น ไม่แปลก หากมรึงได้เห็น WAGNER นอกเครื่องแบบไปโผล่ทำเนียบขาว ขอให้รู้ไว้ว่า ปูตินส่งไปให้เองจ๊ะ สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ย ใกล้จะถึงทางตัน อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังสหรัฐกลับบ้าน อีทรัมปป์ตัดท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยยิว งานนี้ใครได้ประโยชน์สูงสุดกันล่ะ เป้าหมายอีทรัมปป์คือ ไม่รบกับรัสเซียตอนนี้ เพื่อไม่ให้รัสเซีย จีน เข้ามาเขมือบอเมริกาในทันที ฝั่งขั้วใหม่เค้าก็รู้ว่ามรึงถอยเพราะอะไร? จากนี้ จะกลายเป็นเกมส์ปราสาทแดร๊ก ยิ่งกว่าสงครามเย็นแช่น้ำแข็งอีกมรึง อะไรที่ทำผ่านมา ก็เล่นไปหมดแล้ว หมดมุก จากนี้จึงต้องเล่นให้แรง และเข้าเป้าเท่านั้น ที่มาว่า HAARP ล่อพม่า เพื่อดึงเศรษฐกิจอาเซียนและจีนลงมา แต่เช่นเดียวกัน มรึงเองก็จะโดนกลับไม่ใช่น้อย หลังเสียหายไปเยอะ จากพิษเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ ไฟป่า พายุ หิมะถล่ม และการเมืองปาหี่ภายใน แล้วยังไงต่อ USAID ไม่มีแล้ว หน่วยงานย่อยไปอยู่ในมือกระทรวงตปท. แปลว่าอีทรัมปป์เอาคนแปรพักตร์กลับเข้ามาอยู่กับตน ใครไม่ยอมก็ไสหัวออกไป เหี้ย C บทบาทจะน้อยลง อีทรัมปป์จะเล่นการฑูตนำ มากกว่าจะใช้ใต้ดินเหมือนที่ DEEP STATE ถนัด แต่งานสกปรกก็จำเป็นต้องมี เมื่อเหี้ย C ขาดรายได้ เป้าต่อไปคืออีตาเพน ที่มาว่าทำไม บริษัทโบอิ้ง ถึงถูกดำเนินคดีในศาลเป็นชุด ก็เพื่อให้คายความลับออกมา ว่ามรึงเคยส่ง หรือซ่อนอะไรเอาไว้ใต้พรมอีก ด่านหินที่สุดไม่ใช่เหี้ย C แต่เป็นอีตาเพนเนี่ยแหละ แผนดึงกองทัพเข้าพวก เตรียมหั่นอเมริกาแตกเป็นสอง ใกล้ความจริงแล้ว กรีนแลนด์ก็ดี บางส่วนอีแคนผนวกรวมก็ดี ไม่ได้มีไว้เพื่ออเมริกาที่ยิ่งใหญ่ แต่มีไว้เพื่อ TRUMP LAND ในอนาคตต่างหากล่ะ เกมส์นี้แรงจริง รอดูฝีมือ DEEP STATE จะทำอย่างไรกับอีทรัมปป์?

    Trump administration officially shutters USAID after months of cuts รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID หลังตัดงบประมาณหลายเดือน

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID หลังตัดงบประมาณหลายเดือน

    รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID อย่างเป็นทางการซึ่งมีการจัดการครั้งสุดท้ายขององค์กร

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศแจ้งสภาคองเกรสว่า “ปิดตัว” องค์กร USAID และย้ายบางฝ่ายเข้ากระทรวงต่างประเทศ

    ตามบันทึกที่ให้เจ้าหน้าที่ขององค์กร USAID รองผู้อำนวยการคนใหม่ เจเรมี เลวินระบุว่า กระทรวงต่างประเทศ “จะรับผิดชอบงานเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายขององค์กรและโครงการที่กำลังดำเนินไป”

    กระทรวงต่างประเทศ “จะปลดฝ่ายที่ทำงานอย่างเป็นอิสระจากองค์กร” อย่างทันทีและ “ประเมิน” ว่าจะจ้างเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเพื่อ “ทำงานให้กับโครงการเพื่อช่วยชีวิตและให้ความช่วยเหลือทางกลยุทธ์”

    รัฐบาลสหรัฐระบุถึงหลายโอกาสที่องค์กร USAID นำเงินของประชาชนที่เสียภาษีไปใช้ในทางที่ผิดและให้เงินกับโครงการต่างประเทศที่สหรัฐไม่ได้ประโยชน์แม้จะมีข้ออ้างจากเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านความช่วยเหลือว่า องค์กรตอบสนองความต้องการทางมนุษยชนทั่วโลก

    ในช่วงไม่กี่อาทิตย์หลังเข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลสหรัฐเริ่มปลดองค์กร USAID และสั่งหยุดความช่วยเหลือกับต่างชาติที่รอการทบทวนโครงการต่างๆตั้งแต่นั้นมา เจ้าหน้าที่หลายหมื่นคนถูกไล่ออกหรือพักงาน นอกจากนั้นยกเลิกสัญญาความช่วยเหลือหลายหมื่นล้านดอลลาร์

    การตัดสินใจที่จะปิดองค์กรคาดว่าจะทำให้เกิดการตรวจสอบทางกฎหมายตามรายงานจากผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า การตัดสินใจจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส

    รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอชื่นชมการเคลื่อนไหวในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลตัดสินใจปิดองค์กร USAID อย่างเป็นทางการและจะได้รับการจัดการโดยกระทรวงต่างประเทศ

    องค์กร USAID ที่ได้รับการก่อตั้งเมื่อปี 1961 โดยประธานาธิบดี จอห์น เอฟ.เคนเนดี มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในการปลุกปั่นเหตุไม่สงบซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อโค่นล้มรัฐบาลในประเทศละตินอเมริกาคือ คิวบาและเวเนซุเอลา นอกจากนั้น สิ่งที่องค์กรเคยทำไว้ยังมีเรื่องรัฐประหารในยุโรปตะวันออก

    https://www.presstv.ir/Detail/2025/03/29/745227/US-State-Department-USAID-humanitarian-assistance-

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    01-04-68/03 : หมี CNN / R.I.P USAID ลาก๋อยเหี้ยจ๋า! เห็นฤทธิ์อีทรัมปป์ยัง? ปิดสิ จะเหลือเหรอ โยก USAID บางส่วนเข้ากระทรวงตปท. มัดชัดซะยิ่งกว่าชัด หักดิบเหี้ย C ไงล่ะ ที่ผ่านมา ยิวเหี้ยไซออนนิสต์ใช้เหี้ย C เป็นแขนขา ในการรุกรานแผ่นดินชาวโลก ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่คือ USAID แตกย่อยเป็น NED NGO เพื่อส่งส่วยให้ขี้ข้ายิวทั่วโลก ไปปล้นแผ่นดินเค้าแดร๊ก งานนี้ อีทรัมปป์รีดพิษ ท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยยิว DEEP STATE จะอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว เร่งเปิดเกมส์ล้มอีทรัมปป์แน่ ระวังให้ดี อุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้นได้เสมอ บทเรียนจาก JFK ทำให้อีทรัมปป์รู้ดีว่า ชุดรอบตัวใช้คนในไม่ได้ เพราะเหี้ย C มันกว้านซื้อไว้หมดแล้ว ดังนั้น ไม่แปลก หากมรึงได้เห็น WAGNER นอกเครื่องแบบไปโผล่ทำเนียบขาว ขอให้รู้ไว้ว่า ปูตินส่งไปให้เองจ๊ะ สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ย ใกล้จะถึงทางตัน อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังสหรัฐกลับบ้าน อีทรัมปป์ตัดท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยยิว งานนี้ใครได้ประโยชน์สูงสุดกันล่ะ เป้าหมายอีทรัมปป์คือ ไม่รบกับรัสเซียตอนนี้ เพื่อไม่ให้รัสเซีย จีน เข้ามาเขมือบอเมริกาในทันที ฝั่งขั้วใหม่เค้าก็รู้ว่ามรึงถอยเพราะอะไร? จากนี้ จะกลายเป็นเกมส์ปราสาทแดร๊ก ยิ่งกว่าสงครามเย็นแช่น้ำแข็งอีกมรึง อะไรที่ทำผ่านมา ก็เล่นไปหมดแล้ว หมดมุก จากนี้จึงต้องเล่นให้แรง และเข้าเป้าเท่านั้น ที่มาว่า HAARP ล่อพม่า เพื่อดึงเศรษฐกิจอาเซียนและจีนลงมา แต่เช่นเดียวกัน มรึงเองก็จะโดนกลับไม่ใช่น้อย หลังเสียหายไปเยอะ จากพิษเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ ไฟป่า พายุ หิมะถล่ม และการเมืองปาหี่ภายใน แล้วยังไงต่อ USAID ไม่มีแล้ว หน่วยงานย่อยไปอยู่ในมือกระทรวงตปท. แปลว่าอีทรัมปป์เอาคนแปรพักตร์กลับเข้ามาอยู่กับตน ใครไม่ยอมก็ไสหัวออกไป เหี้ย C บทบาทจะน้อยลง อีทรัมปป์จะเล่นการฑูตนำ มากกว่าจะใช้ใต้ดินเหมือนที่ DEEP STATE ถนัด แต่งานสกปรกก็จำเป็นต้องมี เมื่อเหี้ย C ขาดรายได้ เป้าต่อไปคืออีตาเพน ที่มาว่าทำไม บริษัทโบอิ้ง ถึงถูกดำเนินคดีในศาลเป็นชุด ก็เพื่อให้คายความลับออกมา ว่ามรึงเคยส่ง หรือซ่อนอะไรเอาไว้ใต้พรมอีก ด่านหินที่สุดไม่ใช่เหี้ย C แต่เป็นอีตาเพนเนี่ยแหละ แผนดึงกองทัพเข้าพวก เตรียมหั่นอเมริกาแตกเป็นสอง ใกล้ความจริงแล้ว กรีนแลนด์ก็ดี บางส่วนอีแคนผนวกรวมก็ดี ไม่ได้มีไว้เพื่ออเมริกาที่ยิ่งใหญ่ แต่มีไว้เพื่อ TRUMP LAND ในอนาคตต่างหากล่ะ เกมส์นี้แรงจริง รอดูฝีมือ DEEP STATE จะทำอย่างไรกับอีทรัมปป์? Trump administration officially shutters USAID after months of cuts รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID หลังตัดงบประมาณหลายเดือน ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID หลังตัดงบประมาณหลายเดือน รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID อย่างเป็นทางการซึ่งมีการจัดการครั้งสุดท้ายขององค์กร เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศแจ้งสภาคองเกรสว่า “ปิดตัว” องค์กร USAID และย้ายบางฝ่ายเข้ากระทรวงต่างประเทศ ตามบันทึกที่ให้เจ้าหน้าที่ขององค์กร USAID รองผู้อำนวยการคนใหม่ เจเรมี เลวินระบุว่า กระทรวงต่างประเทศ “จะรับผิดชอบงานเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายขององค์กรและโครงการที่กำลังดำเนินไป” กระทรวงต่างประเทศ “จะปลดฝ่ายที่ทำงานอย่างเป็นอิสระจากองค์กร” อย่างทันทีและ “ประเมิน” ว่าจะจ้างเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเพื่อ “ทำงานให้กับโครงการเพื่อช่วยชีวิตและให้ความช่วยเหลือทางกลยุทธ์” รัฐบาลสหรัฐระบุถึงหลายโอกาสที่องค์กร USAID นำเงินของประชาชนที่เสียภาษีไปใช้ในทางที่ผิดและให้เงินกับโครงการต่างประเทศที่สหรัฐไม่ได้ประโยชน์แม้จะมีข้ออ้างจากเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านความช่วยเหลือว่า องค์กรตอบสนองความต้องการทางมนุษยชนทั่วโลก ในช่วงไม่กี่อาทิตย์หลังเข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลสหรัฐเริ่มปลดองค์กร USAID และสั่งหยุดความช่วยเหลือกับต่างชาติที่รอการทบทวนโครงการต่างๆตั้งแต่นั้นมา เจ้าหน้าที่หลายหมื่นคนถูกไล่ออกหรือพักงาน นอกจากนั้นยกเลิกสัญญาความช่วยเหลือหลายหมื่นล้านดอลลาร์ การตัดสินใจที่จะปิดองค์กรคาดว่าจะทำให้เกิดการตรวจสอบทางกฎหมายตามรายงานจากผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า การตัดสินใจจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอชื่นชมการเคลื่อนไหวในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลตัดสินใจปิดองค์กร USAID อย่างเป็นทางการและจะได้รับการจัดการโดยกระทรวงต่างประเทศ องค์กร USAID ที่ได้รับการก่อตั้งเมื่อปี 1961 โดยประธานาธิบดี จอห์น เอฟ.เคนเนดี มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในการปลุกปั่นเหตุไม่สงบซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อโค่นล้มรัฐบาลในประเทศละตินอเมริกาคือ คิวบาและเวเนซุเอลา นอกจากนั้น สิ่งที่องค์กรเคยทำไว้ยังมีเรื่องรัฐประหารในยุโรปตะวันออก https://www.presstv.ir/Detail/2025/03/29/745227/US-State-Department-USAID-humanitarian-assistance- ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.PRESSTV.IR
    Trump administration officially shutters USAID after months of cuts
    The administration of US President Donald Trump has officially shuttered the US Agency for International Development (USAID), dealing a final blow to the foreign aid agency.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 850 มุมมอง 0 รีวิว
  • พนักงานบริษัทก่อสร้างยัน "ไม่ได้หอบเอกสารหนี แค่เอาเอกสารไปเคลมประกัน"

    29 มีนาคม 2568 พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล เปิดเผย หลังได้รับแจ้งข้อมูลจากไทยรัฐทีวี ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบทันที ก็พบพนักงานของบริษัทก่อสร้าง จำนวน 5 คน เป็นคนไทย 2 คน และชาวจีน 3 คน จึงนำตัวมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ
    .
    ซึ่งจากการสอบถามพนักงานของบริษัทก่อสร้างฯ ได้เปิดเผยว่านำเอกสารดังกล่าวออกจากบริษัทจริงเพื่อนำไปดำเนินการเรื่องประกันภัยอาคารที่มีมูลค่าความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งต้องเร่งดำเนินการเคลียร์เอกสารโดยด่วน แต่ขณะที่เข้ามาเอาเอกสาร พบว่าบริเวณทางเข้ามีคนอยู่จำนวนมาก จึงใช้ช่องทางด้านข้าง
    .
    โดยนำเอกสารส่งข้ามรั้วมาที่รถกระบะ จึงทำให้มีคนสงสัย แต่ยืนยันว่าไม่ได้นำเอกสารหลบหนี ซึ่งตอนนั้นไม่ทราบว่ามีสื่อมวลชนถ่ายภาพไว้ได้
    .
    โดยหลังจากที่มีการสอบถามแล้ว ตำรวจได้ส่งคืนเอกสารทั้งหมดให้กับพนักงาน โดยไม่ได้แจ้งข้อหาใด

    https://www.facebook.com/share/p/18r82Mm5n2/
    พนักงานบริษัทก่อสร้างยัน "ไม่ได้หอบเอกสารหนี แค่เอาเอกสารไปเคลมประกัน" 29 มีนาคม 2568 พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล เปิดเผย หลังได้รับแจ้งข้อมูลจากไทยรัฐทีวี ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบทันที ก็พบพนักงานของบริษัทก่อสร้าง จำนวน 5 คน เป็นคนไทย 2 คน และชาวจีน 3 คน จึงนำตัวมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ . ซึ่งจากการสอบถามพนักงานของบริษัทก่อสร้างฯ ได้เปิดเผยว่านำเอกสารดังกล่าวออกจากบริษัทจริงเพื่อนำไปดำเนินการเรื่องประกันภัยอาคารที่มีมูลค่าความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งต้องเร่งดำเนินการเคลียร์เอกสารโดยด่วน แต่ขณะที่เข้ามาเอาเอกสาร พบว่าบริเวณทางเข้ามีคนอยู่จำนวนมาก จึงใช้ช่องทางด้านข้าง . โดยนำเอกสารส่งข้ามรั้วมาที่รถกระบะ จึงทำให้มีคนสงสัย แต่ยืนยันว่าไม่ได้นำเอกสารหลบหนี ซึ่งตอนนั้นไม่ทราบว่ามีสื่อมวลชนถ่ายภาพไว้ได้ . โดยหลังจากที่มีการสอบถามแล้ว ตำรวจได้ส่งคืนเอกสารทั้งหมดให้กับพนักงาน โดยไม่ได้แจ้งข้อหาใด https://www.facebook.com/share/p/18r82Mm5n2/
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 0 รีวิว
  • บอร์ด รฟท.เคาะแก้สัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ซี.พี.วางแบงก์การันตีเพิ่ม 1.52 แสนล้านบาท รัฐควักจ่ายเร็วสร้าง 5 ปีเสร็จ ไม่เสียเปรียบแถมประหยัดดอกเบี้ย 2.4 หมื่นล้าน และโอนทรัพย์สินเป็นของรัฐทันที ไม่ซ้ำรอยโฮปเวลล์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029288
    บอร์ด รฟท.เคาะแก้สัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ซี.พี.วางแบงก์การันตีเพิ่ม 1.52 แสนล้านบาท รัฐควักจ่ายเร็วสร้าง 5 ปีเสร็จ ไม่เสียเปรียบแถมประหยัดดอกเบี้ย 2.4 หมื่นล้าน และโอนทรัพย์สินเป็นของรัฐทันที ไม่ซ้ำรอยโฮปเวลล์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029288
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 831 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”สภาหมื่นล้าน“ เตรียมรีโนเวทครั้งใหญ่ เร่งเคาะผู้รับเหมาสร้างลานจอดรถเฟส 2 พร้อมปรับภูมิทัศน์ ขนร้านอาหารชั้น-ร้านสะดวกซื้อ บริการสส.-ขรก. ทุ่ม 150 ล้านปิดตำนานสระมรกต เปลี่ยนเป็นห้องสมุด-ห้องรับรอง-ห้องพักตามอัธยาศัย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027139
    ”สภาหมื่นล้าน“ เตรียมรีโนเวทครั้งใหญ่ เร่งเคาะผู้รับเหมาสร้างลานจอดรถเฟส 2 พร้อมปรับภูมิทัศน์ ขนร้านอาหารชั้น-ร้านสะดวกซื้อ บริการสส.-ขรก. ทุ่ม 150 ล้านปิดตำนานสระมรกต เปลี่ยนเป็นห้องสมุด-ห้องรับรอง-ห้องพักตามอัธยาศัย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027139
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 998 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ พูดแล้วไม่ทำ เสี่ยหนูเคยหาเสียง ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ กลับทำแต่เรื่องไม่ได้พูด ถลุง 3 หมื่นล้านแจกฟรีไอแพด แท็บเล็ต พร้อมซิมการ์ด เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรแบบโยนภาระให้ผู้สูงอายุ ปู่ย่าตายายต้องดูแลเด็กเกิดใหม่แทนพ่อแม่ และทรยศความจงรักภักดีที่ชอบอวดอ้าง ด้วยการใช้อำนาจมหาดไทยดื้อแพ่งครอบครองเขากระโดง
    #7ดอกจิก
    #เสี่ยหนู
    ♣ พูดแล้วไม่ทำ เสี่ยหนูเคยหาเสียง ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ กลับทำแต่เรื่องไม่ได้พูด ถลุง 3 หมื่นล้านแจกฟรีไอแพด แท็บเล็ต พร้อมซิมการ์ด เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรแบบโยนภาระให้ผู้สูงอายุ ปู่ย่าตายายต้องดูแลเด็กเกิดใหม่แทนพ่อแม่ และทรยศความจงรักภักดีที่ชอบอวดอ้าง ด้วยการใช้อำนาจมหาดไทยดื้อแพ่งครอบครองเขากระโดง #7ดอกจิก #เสี่ยหนู
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สภาหมื่นล้าน” เตรียมรีโนเวทครั้งใหญ่ ทุ่มงบ 150 ล้าน เร่งเคาะผู้รับเหมาสร้างลานจอดรถเฟส 2
    https://www.thai-tai.tv/news/17770/
    “สภาหมื่นล้าน” เตรียมรีโนเวทครั้งใหญ่ ทุ่มงบ 150 ล้าน เร่งเคาะผู้รับเหมาสร้างลานจอดรถเฟส 2 https://www.thai-tai.tv/news/17770/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมากรุกท่าเรือ🛶 รูป 1 บริษัทฮัทชินสัน ซึ่งนายลีกาชิง ฮ่องกง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้สัมปทานบริหาร 2 ท่าเรือ ที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลองปานามา สองฝั่งมหาสมุทรเป็นเหตุให้ทรัมป์ขู่ จะยึดคืนคลองปานามา คลองนี้ก่อสร้างโดยสหรัฐ ต่อมาในปี 1999 สหรัฐยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของปานามา⛵️ รูป 2 บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาทำสัญญาบริหารท่าเรือ กระจายมากถึง 24 ประเทศ จำนวน 53 ท่าเรือ อยู่นอกจีน/ฮ่องกง 23 ประเทศ จำนวน 43 ท่าเรือ โดยบริษัทฮัทชินสันถือหุ้นในการบริหาร 80%ที่น่าสนใจคือ ท่าเรือแหลมฉบัง ในเมียนมา และในเวียดนาม ก็รวมอยู่ใน 43 ท่าเรือนี้ด้วยรูป 3 เพื่อหลบการเผชิญหน้ากับทรัมป์ บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาขายหุ้น 80% ดังกล่าว ครอบคลุม 43 ท่าเรือ ใน 23 ประเทศ ให้แก่ Blackrock Blackrock เป็นผู้บริหารกองทุนใหญ่สุดของโลก ตั้งอยู่ในสหรัฐ ตกลงราคาแค่ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์🚤 รูป 4 นี่เอง จีนถึงเสียอารมณ์ ที่บริษัทฮัทชินสันไปตกลงขายสิทธิการบริหารท่าเรือเหล่านี้ ให้แก่คนอเมริกันสถานะเดิม เอื้อให้จีน สามารถเชื่อมโยงการเดินเรือไปทั่วโลก อย่างสะดวก บัดนี้สะดุดนอกจากนี้ ธุรกิจต่อเรือในจีน ยังเป็นเป้าที่ถูกสหรัฐเล็งทางปืนไว้ด้วยอุตสาหกรรมต่อเรือโลก เริ่มต้นที่ยุโรป ต่อมาย้ายไปญี่ปุ่น ต่อมาเกาหลีใต้ บัดนี้ ทุกประเทศแพ้จีนหมดแล้ว🛥️ รูป 5-6 แสดงจีนครองตลาดต่อเรือใหญ่เกินครึ่งของโลก เทียบกับสหรัฐต่อเรือ 1 ลำ จีนต่อเรือมากถึง 359 ลำประเด็นที่สหรัฐกังวลที่สุด คือจีนสามารถต่อเรือรบ ได้จำนวนมากกว่าสหรัฐ แบบสู้กันไม่ทันรูป 7-8 ด้วยเหตุนี้ จึงมีพวกล้อบบี้ เสนอให้รัฐบาลสหรัฐ กำหนดค่าธรรมเนียมเทียบเรือที่ต่อในจีน 1.5 ล้านดอลลาร์/ครั้งและจะให้ลามไปถึงบริษัทเดินเรือ ที่มีกองเรือต่อในจีนเกินกว่า 50% ด้วยซึ่งจะกระทบ แผนการสั่งต่อเรือในอนาคต ของหลายบริษัทเดินเรือใหญ่ของโลก🛳️ รูป 9 นักวิเคราะห์พยากรณ์ได้ว่า ดีล ปานามา ที่จะลามไปทั่วโลก อาจจะเป็นหมากรุกฆาต ต่อการค้าของจีนจึงต้องติดตามว่า จีนจะบีบบริษัทฮัทชินสันได้แค่ไหน เพราะคงไม่ง่าย นายลีกาชิง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใกล้ชิดกับชนชั้นสูงในอังกฤษแต่สำหรับรัฐบาลไทย ต้องถามว่า ได้เข้าไปดูสัญญากับบริษัทฮัทชินสันหรือยังมีเงื่อนไขใส่ไว้หรือไม่ ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศอื่น เข้ามาเป็นผู้บริหารท่าเรือในไทย ... และถ้าเกิดน่ากลัวว่า จะเป็นชนวนเกิดความขัดแย้ง ในกระดานหมากรุกโลก เกิดขึ้นในอ่าวไทย ... รัฐบาลไทยมีสิทธิยกเลิกสัญญาได้หรือไม่?วันที่ 20 มีนาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    หมากรุกท่าเรือ🛶 รูป 1 บริษัทฮัทชินสัน ซึ่งนายลีกาชิง ฮ่องกง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้สัมปทานบริหาร 2 ท่าเรือ ที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลองปานามา สองฝั่งมหาสมุทรเป็นเหตุให้ทรัมป์ขู่ จะยึดคืนคลองปานามา คลองนี้ก่อสร้างโดยสหรัฐ ต่อมาในปี 1999 สหรัฐยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของปานามา⛵️ รูป 2 บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาทำสัญญาบริหารท่าเรือ กระจายมากถึง 24 ประเทศ จำนวน 53 ท่าเรือ อยู่นอกจีน/ฮ่องกง 23 ประเทศ จำนวน 43 ท่าเรือ โดยบริษัทฮัทชินสันถือหุ้นในการบริหาร 80%ที่น่าสนใจคือ ท่าเรือแหลมฉบัง ในเมียนมา และในเวียดนาม ก็รวมอยู่ใน 43 ท่าเรือนี้ด้วยรูป 3 เพื่อหลบการเผชิญหน้ากับทรัมป์ บริษัทฮัทชินสันได้เจรจาขายหุ้น 80% ดังกล่าว ครอบคลุม 43 ท่าเรือ ใน 23 ประเทศ ให้แก่ Blackrock Blackrock เป็นผู้บริหารกองทุนใหญ่สุดของโลก ตั้งอยู่ในสหรัฐ ตกลงราคาแค่ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์🚤 รูป 4 นี่เอง จีนถึงเสียอารมณ์ ที่บริษัทฮัทชินสันไปตกลงขายสิทธิการบริหารท่าเรือเหล่านี้ ให้แก่คนอเมริกันสถานะเดิม เอื้อให้จีน สามารถเชื่อมโยงการเดินเรือไปทั่วโลก อย่างสะดวก บัดนี้สะดุดนอกจากนี้ ธุรกิจต่อเรือในจีน ยังเป็นเป้าที่ถูกสหรัฐเล็งทางปืนไว้ด้วยอุตสาหกรรมต่อเรือโลก เริ่มต้นที่ยุโรป ต่อมาย้ายไปญี่ปุ่น ต่อมาเกาหลีใต้ บัดนี้ ทุกประเทศแพ้จีนหมดแล้ว🛥️ รูป 5-6 แสดงจีนครองตลาดต่อเรือใหญ่เกินครึ่งของโลก เทียบกับสหรัฐต่อเรือ 1 ลำ จีนต่อเรือมากถึง 359 ลำประเด็นที่สหรัฐกังวลที่สุด คือจีนสามารถต่อเรือรบ ได้จำนวนมากกว่าสหรัฐ แบบสู้กันไม่ทันรูป 7-8 ด้วยเหตุนี้ จึงมีพวกล้อบบี้ เสนอให้รัฐบาลสหรัฐ กำหนดค่าธรรมเนียมเทียบเรือที่ต่อในจีน 1.5 ล้านดอลลาร์/ครั้งและจะให้ลามไปถึงบริษัทเดินเรือ ที่มีกองเรือต่อในจีนเกินกว่า 50% ด้วยซึ่งจะกระทบ แผนการสั่งต่อเรือในอนาคต ของหลายบริษัทเดินเรือใหญ่ของโลก🛳️ รูป 9 นักวิเคราะห์พยากรณ์ได้ว่า ดีล ปานามา ที่จะลามไปทั่วโลก อาจจะเป็นหมากรุกฆาต ต่อการค้าของจีนจึงต้องติดตามว่า จีนจะบีบบริษัทฮัทชินสันได้แค่ไหน เพราะคงไม่ง่าย นายลีกาชิง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใกล้ชิดกับชนชั้นสูงในอังกฤษแต่สำหรับรัฐบาลไทย ต้องถามว่า ได้เข้าไปดูสัญญากับบริษัทฮัทชินสันหรือยังมีเงื่อนไขใส่ไว้หรือไม่ ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศอื่น เข้ามาเป็นผู้บริหารท่าเรือในไทย ... และถ้าเกิดน่ากลัวว่า จะเป็นชนวนเกิดความขัดแย้ง ในกระดานหมากรุกโลก เกิดขึ้นในอ่าวไทย ... รัฐบาลไทยมีสิทธิยกเลิกสัญญาได้หรือไม่?วันที่ 20 มีนาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 831 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts