• ถ้าไม่รักกันแล้ว ก็ใช้หนี้มาทั้งหมด!
    “รัฐบาลซีเรียชุดใหม่จะต้องรับภาระทางการเงินทั้งหมดของประเทศซีเรียที่ติดค้างต่ออิหร่าน” กระทรวงการต่างๆประเทศอิหร่านประกาศอย่างชัดเจน

    ที่ผ่านมาอิหร่านช่วยเหลือซีเรียมาตลอด คาดว่ามากกว่าสามหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ถ้าไม่รักกันแล้ว ก็ใช้หนี้มาทั้งหมด! “รัฐบาลซีเรียชุดใหม่จะต้องรับภาระทางการเงินทั้งหมดของประเทศซีเรียที่ติดค้างต่ออิหร่าน” กระทรวงการต่างๆประเทศอิหร่านประกาศอย่างชัดเจน ที่ผ่านมาอิหร่านช่วยเหลือซีเรียมาตลอด คาดว่ามากกว่าสามหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • อิหร่านและตุรกีลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางการค้า โดยตั้งเป้าไว้ที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์

    การลงนามครั้งครั้ง ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นหลังจากอายาตอลเลาะห์คาเมเนอี วิจารณ์บทบาทของตุรกีในเหตุการณ์ในซีเรีย

    ทางด้านประธานาธิบดีเปเซชเคียนของอิหร่านกล่าวว่า “เราต้องแก้ไขปัญหาของเราในลักษณะพี่น้อง เหตุการณ์ปัจจุบันในภูมิภาคนี้เน้นย้ำว่าระบอบการปกครองของอิสราเอลกำลังแสวงหาประโยชน์จากความแตกต่างระหว่างประเทศอิสลาม”

    อิหร่านและตุรกีตั้งเป้าที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอยู่แล้วให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น…
    อิหร่านและตุรกีลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางการค้า โดยตั้งเป้าไว้ที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ การลงนามครั้งครั้ง ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นหลังจากอายาตอลเลาะห์คาเมเนอี วิจารณ์บทบาทของตุรกีในเหตุการณ์ในซีเรีย ทางด้านประธานาธิบดีเปเซชเคียนของอิหร่านกล่าวว่า “เราต้องแก้ไขปัญหาของเราในลักษณะพี่น้อง เหตุการณ์ปัจจุบันในภูมิภาคนี้เน้นย้ำว่าระบอบการปกครองของอิสราเอลกำลังแสวงหาประโยชน์จากความแตกต่างระหว่างประเทศอิสลาม” อิหร่านและตุรกีตั้งเป้าที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอยู่แล้วให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น…
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูได้ที กำลังเยาะเย้ยอิหร่าน:

    “ผู้กดขี่ของคุณใช้เงินมากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนอัสซาดในซีเรีย แต่เพียง 11 วันเท่านั้น ระบอบการปกครองของเขาก็ล่มสลายเป็นผงธุลี”
    เนทันยาฮูได้ที กำลังเยาะเย้ยอิหร่าน: “ผู้กดขี่ของคุณใช้เงินมากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนอัสซาดในซีเรีย แต่เพียง 11 วันเท่านั้น ระบอบการปกครองของเขาก็ล่มสลายเป็นผงธุลี”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกอุ๊งอิ๊ง แพรทองธารได้เห็นหนังสือข้อเรียกร้องของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และคณะ
    เกี่ยวกับ mou 44เป็นที่เรียบร้อยแล้วถึงแม้นายกอุ๊งอิ๊งจะไม่ได้บอกตรง ๆ ว่า
    จะทําตามหรือปฏิเสธข้อเรียกร้องโดยบอกเพียงแค่ว่าจะให้หน่วยงานด้วยกันหรือไม่
    แต่ฟังจากน้ําเสียงก็พอรู้แล้วว่าไม่ทําแน่นอนการตั้งคณะกรรมการเทคนิคเตรียมเจรจากับเขมรก็ยังจะเดินหน้า
    เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่เรียบร้อยส่วนข้อเรียกร้องให้เปิดเวทีสาธารณะเอาแต่ละฝ่ายมาดีเบตกันก็คงไม่เปิดอ้างว่าที่ให้ สมคิด เชื้อคง มารับหนังสือจากสนธิเมื่อวันที่เก้าธันวาคมก็คงเป็นการเปิดรับความคิดเห็นต่างคงไม่เปิดเวทีอะไรอีกถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าอุ๋งอิ๋ง
    เล่นบทคุณหนูดื้อเงียบไม่ปฏิเสธข้อเรียกร้องแต่ก็คงไม่ทําตามสักข้อจริงจริงแล้วเรื่องสุ่มเสี่ยงทําให้ประเทศชาติเสียอธิปไตย
    เป็นเรื่องที่คอขาดบาดตุยที่คนไทยทั้งชาติจะยอมไม่ได้คนอายุพึ่งสามสิบแปดอย่างอุ๊งอิ๊ง
    ไม่น่าจะเปรี้ยวแซ่บอะไรขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นแรงหนุนจากพ่อนายทักษิณผู้เป็นต้นเรื่องของmou44
    ย้อนไปเมื่อตอนครม.สัญจรเชียงใหม่วันที่ยี่สิบเจ็ดพฤศจิกายนกายนที่ผ่านมา
    อุ๊งอิ๋งเคยให้สัมภาษณ์เรื่องmou44ว่าจะเดินต่อหรือไม่ต่อให้ผ่านคณะกรรมการที่มีการพูดคุยกันทั้งสองประเทศ
    ส่วนพระบรมราชโองการของในหลวงรัชกาลที่เก้าเรื่องการประกาศเขตไหล่ทวีปก็ได้ดูเนื้อหาโดยละเอียดแล้ว
    อะไรที่เป็นปัญหาก็จะไม่ชนกับปัญหาอย่างแน่นอนต้องค่อยค่อยร่วมกันแก้ไข
    แต่มาวันนี้ อุ๊งอิ๊งจากที่บอกว่าจะไม่ชนกับปัญหาก็กําลังเดินหน้าชนกับปัญหาเข้าอย่างจัง
    ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเพิ่งผ่านการติวเข้มจากพ่อมาหรือเปล่าเพราะคนยโสโอหังอย่างทักษิณไม่เคยฟังใครอยู่แล้ว
    อยากได้อะไรก็ต้องได้ไม่ได้สนว่าตัวเองจะพบจุดจบอย่างไรคงลืมไปว่าความยโสโอหังเคยทําให้ทักษิณพังมาแล้วตอนขายหุ้นชินคอร์ปเมื่อปีสี่เก้าได้เงินมาเจ็ดจุดสามหมื่นล้านบาทไม่ยอมเสียภาษีสักบาทอ้างว่ากฎหมายบอกไม่ให้เสีย
    แต่แท้ที่จริงแล้วใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีต่างหากนั่นก็ทําให้กระแสต้านทักษิณจุดติดขึ้นมาทั่วประเทศทันที
    จากเดิมมีแค่เมืองไทยรายสัปดาห์ของสนธิลิ้มทองกุลกลายมาเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
    ต่อต้านระบบทักษิณกระหึ่มหึ่มทั้งแผ่นดินหลังจากนั้นชะตาของทักษิณเป็นยังไงก็รู้รู้กันอยู่
    มารอบนี้ประวัติศาสตร์จะต้องซ้ําประวัติศาสตร์จะไม่เปลี่ยนถ้าทักษิณ ชินวัตรยังยโสโอหัง สั่งลูกสาวเดินหน้า Mou 44ต่อ
    ก็คอยดูเลยว่าความจริงจะสู้กับกิเลสได้หรือไม่ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธ์ดำ
    นายกอุ๊งอิ๊ง แพรทองธารได้เห็นหนังสือข้อเรียกร้องของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และคณะ เกี่ยวกับ mou 44เป็นที่เรียบร้อยแล้วถึงแม้นายกอุ๊งอิ๊งจะไม่ได้บอกตรง ๆ ว่า จะทําตามหรือปฏิเสธข้อเรียกร้องโดยบอกเพียงแค่ว่าจะให้หน่วยงานด้วยกันหรือไม่ แต่ฟังจากน้ําเสียงก็พอรู้แล้วว่าไม่ทําแน่นอนการตั้งคณะกรรมการเทคนิคเตรียมเจรจากับเขมรก็ยังจะเดินหน้า เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่เรียบร้อยส่วนข้อเรียกร้องให้เปิดเวทีสาธารณะเอาแต่ละฝ่ายมาดีเบตกันก็คงไม่เปิดอ้างว่าที่ให้ สมคิด เชื้อคง มารับหนังสือจากสนธิเมื่อวันที่เก้าธันวาคมก็คงเป็นการเปิดรับความคิดเห็นต่างคงไม่เปิดเวทีอะไรอีกถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าอุ๋งอิ๋ง เล่นบทคุณหนูดื้อเงียบไม่ปฏิเสธข้อเรียกร้องแต่ก็คงไม่ทําตามสักข้อจริงจริงแล้วเรื่องสุ่มเสี่ยงทําให้ประเทศชาติเสียอธิปไตย เป็นเรื่องที่คอขาดบาดตุยที่คนไทยทั้งชาติจะยอมไม่ได้คนอายุพึ่งสามสิบแปดอย่างอุ๊งอิ๊ง ไม่น่าจะเปรี้ยวแซ่บอะไรขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นแรงหนุนจากพ่อนายทักษิณผู้เป็นต้นเรื่องของmou44 ย้อนไปเมื่อตอนครม.สัญจรเชียงใหม่วันที่ยี่สิบเจ็ดพฤศจิกายนกายนที่ผ่านมา อุ๊งอิ๋งเคยให้สัมภาษณ์เรื่องmou44ว่าจะเดินต่อหรือไม่ต่อให้ผ่านคณะกรรมการที่มีการพูดคุยกันทั้งสองประเทศ ส่วนพระบรมราชโองการของในหลวงรัชกาลที่เก้าเรื่องการประกาศเขตไหล่ทวีปก็ได้ดูเนื้อหาโดยละเอียดแล้ว อะไรที่เป็นปัญหาก็จะไม่ชนกับปัญหาอย่างแน่นอนต้องค่อยค่อยร่วมกันแก้ไข แต่มาวันนี้ อุ๊งอิ๊งจากที่บอกว่าจะไม่ชนกับปัญหาก็กําลังเดินหน้าชนกับปัญหาเข้าอย่างจัง ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเพิ่งผ่านการติวเข้มจากพ่อมาหรือเปล่าเพราะคนยโสโอหังอย่างทักษิณไม่เคยฟังใครอยู่แล้ว อยากได้อะไรก็ต้องได้ไม่ได้สนว่าตัวเองจะพบจุดจบอย่างไรคงลืมไปว่าความยโสโอหังเคยทําให้ทักษิณพังมาแล้วตอนขายหุ้นชินคอร์ปเมื่อปีสี่เก้าได้เงินมาเจ็ดจุดสามหมื่นล้านบาทไม่ยอมเสียภาษีสักบาทอ้างว่ากฎหมายบอกไม่ให้เสีย แต่แท้ที่จริงแล้วใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีต่างหากนั่นก็ทําให้กระแสต้านทักษิณจุดติดขึ้นมาทั่วประเทศทันที จากเดิมมีแค่เมืองไทยรายสัปดาห์ของสนธิลิ้มทองกุลกลายมาเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อต้านระบบทักษิณกระหึ่มหึ่มทั้งแผ่นดินหลังจากนั้นชะตาของทักษิณเป็นยังไงก็รู้รู้กันอยู่ มารอบนี้ประวัติศาสตร์จะต้องซ้ําประวัติศาสตร์จะไม่เปลี่ยนถ้าทักษิณ ชินวัตรยังยโสโอหัง สั่งลูกสาวเดินหน้า Mou 44ต่อ ก็คอยดูเลยว่าความจริงจะสู้กับกิเลสได้หรือไม่ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธ์ดำ
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ” ทิ้งปริศนา “หมอบุญ วนาสิน” ชีวิตส่วนตัวถือว่าเพียบพร้อม จบโรงเรียนแพทย์ชื่อดังเมืองนอก เป็นอาจารย์ที่ศิริราชพยาบาล ออกมาทำธุรกิจก็ประสบความสำเร็จ เมียก็มาจากตระกูลดี การศึกษาสูง ลูกชาย-ลูกสาวจบมหาวิทยาลัยระดับท็อปของเมริกา แต่ทำไมก่อคดีฉาวฉ้อโกงเป็นหมื่นล้าน หรือจะเป็นเพราะ “ติดพนันต่างประเทศ” จนงอมแงม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117786

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “สนธิ” ทิ้งปริศนา “หมอบุญ วนาสิน” ชีวิตส่วนตัวถือว่าเพียบพร้อม จบโรงเรียนแพทย์ชื่อดังเมืองนอก เป็นอาจารย์ที่ศิริราชพยาบาล ออกมาทำธุรกิจก็ประสบความสำเร็จ เมียก็มาจากตระกูลดี การศึกษาสูง ลูกชาย-ลูกสาวจบมหาวิทยาลัยระดับท็อปของเมริกา แต่ทำไมก่อคดีฉาวฉ้อโกงเป็นหมื่นล้าน หรือจะเป็นเพราะ “ติดพนันต่างประเทศ” จนงอมแงม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117786 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    19
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1077 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนจะได้รับเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์จากคอดเบี้ยของทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
    — บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวยืนยัน

    "ขณะนี้เรากำลังเตรียมจัดสรรเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์จากดอกเบี้ยของทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดให้กับยูเครน เงินจำนวนนี้จะถูกแจกจ่ายโดยเราและยุโรปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเตรียมไว้สนับสนุนยูเครนในปีหน้า" บลิงเคนกล่าว
    ยูเครนจะได้รับเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์จากคอดเบี้ยของทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า — บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวยืนยัน "ขณะนี้เรากำลังเตรียมจัดสรรเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์จากดอกเบี้ยของทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดให้กับยูเครน เงินจำนวนนี้จะถูกแจกจ่ายโดยเราและยุโรปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเตรียมไว้สนับสนุนยูเครนในปีหน้า" บลิงเคนกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอเก้อ 'เงินหมื่นเฟส2' ครม.คลอดไม่ออก นายกฯขอเคลียร์ข้อกฎหมาย
    .
    จากที่หลายคนเตรียมรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุของรัฐบาล หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า เงินหมื่นเฟส 2 ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าเหล่าลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย ต้องรอกันไป เนื่องจากคณะรัฐมนตรีสั่งการให้ตรวจสอบข้อกฎหมายให้เกิดความรอบคอบอีกครั้ง
    .
    นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า โครงการนี้ยังไม่เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม โดยขอพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
    .
    นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อธิบายว่า สำหรับเงื่อนไขที่ติดอยู่ไม่ได้ติดขัดเรื่องของข้อกฎหมายแต่เป็นรายละเอียดเรื่องของความครบถ้วน ที่ต้องดูเอกสารให้ครบถ้วน และคาดว่าจะสามารถเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งยืนยันว่าจะแจกได้ทัน 29 มกราคม 2568 แน่นอน
    .
    สำหรับ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ โดยการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และลงทะเบียนผ่านช่องทางรัฐ และได้รับการยืนยันตัวตนผ่านระบบ KYC เรียบร้อยแล้ว และไม่เป็นกลุ่มผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาทในรอบก่อนไปแล้ว โดยกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 3-4 ล้านคน โดยจะใช้วงเงินไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท
    .
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุมีการบรรจุอยู่ในวาระเพื่อพิจารณา แต่นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อสังเกตการณ์ในข้อกฎหมายบางประการ และเงื่อนไขในการดำเนินการเฟสแรกมีข้อติดขัดใดบ้าง โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกลับไปทำมาให้ละเอียดกว่านี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการนี้จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า
    .............
    Sondhi X
    รอเก้อ 'เงินหมื่นเฟส2' ครม.คลอดไม่ออก นายกฯขอเคลียร์ข้อกฎหมาย . จากที่หลายคนเตรียมรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุของรัฐบาล หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า เงินหมื่นเฟส 2 ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าเหล่าลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย ต้องรอกันไป เนื่องจากคณะรัฐมนตรีสั่งการให้ตรวจสอบข้อกฎหมายให้เกิดความรอบคอบอีกครั้ง . นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า โครงการนี้ยังไม่เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม โดยขอพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง . นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อธิบายว่า สำหรับเงื่อนไขที่ติดอยู่ไม่ได้ติดขัดเรื่องของข้อกฎหมายแต่เป็นรายละเอียดเรื่องของความครบถ้วน ที่ต้องดูเอกสารให้ครบถ้วน และคาดว่าจะสามารถเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งยืนยันว่าจะแจกได้ทัน 29 มกราคม 2568 แน่นอน . สำหรับ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ โดยการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และลงทะเบียนผ่านช่องทางรัฐ และได้รับการยืนยันตัวตนผ่านระบบ KYC เรียบร้อยแล้ว และไม่เป็นกลุ่มผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาทในรอบก่อนไปแล้ว โดยกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 3-4 ล้านคน โดยจะใช้วงเงินไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท . นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุมีการบรรจุอยู่ในวาระเพื่อพิจารณา แต่นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อสังเกตการณ์ในข้อกฎหมายบางประการ และเงื่อนไขในการดำเนินการเฟสแรกมีข้อติดขัดใดบ้าง โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกลับไปทำมาให้ละเอียดกว่านี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการนี้จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ............. Sondhi X
    Haha
    Like
    Wow
    Sad
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนไม่มีหนทางต่างๆ ที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้เปรียบรัสเซีย และจะพ่ายแพ้สงครามหากว่าสถานการณ์ยังคงเป็นไปเช่นนี้ จากความเห็นของดมิทรี คูเลบา อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส พร้อมระบุประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ หวาดกลัวสงครามนิวเคลียร์มากจนเกินไป จนไม่กล้ามอบอาวุธนิวเคลียร์แก่เคียฟ ที่มีความจำเป็นสำหรับชัยชนะ
    .
    "ทุกวันนี้เรามีหนทางหรือเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับพลิกสถานการณ์และเปลี่ยนวิถีของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหรือไม่? คำตอบคือไม่ เราไม่มี" คูเลบา บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส หนังสือพิมพ์อังกฤษ ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) พร้อมระบุว่า "ถ้ามันยังคงเป็นไปเช่นนี้ เราจะพ่ายแพ้สงคราม"
    .
    ความเห็นของคูเลบา มีขึ้นหลังจากสหรัฐฯ และฝรั่งเศสอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่พวกเขาจัดหาให้ โจมตีดินแดนลึกของรัสเซียที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ แม้มันเป็นการโหมกระพือสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายอย่างมาก แต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว "ไม่อาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางของปฏิบัติการสู้รบและมอสโกจะบรรลุเป้าหมายทางทหารทั้งหมดทั้งมวล"
    .
    คูเลบา พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนเมื่อเดือนกันยายน ท่ามกลางความเคลื่อนไหวล้างบางเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งใหญ่โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี โดยก่อนหน้าการลาออก เขาเน้นย้ำว่าชัยชนะในสนามรบยังคงมีความเป็นไปได้สำหรับยูเครน ตราบใดที่บรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกยังคงมอบอาวุธอาวุธหนักในปริมาณที่เพียงพอ
    .
    "เราชาวยูเครน โชคดีที่ โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2022 เพราะว่าถ้าเป็นคนอื่น สิ่งต่างๆ อาจเลวร้ายกว่านี้มากสำหรับเรา" เขาบอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส อย่างไรก็ตาม คูเลบา ระบุว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก้าวเดินอย่างช้าๆ ในการส่งมอบระบบอาวุธบางอย่าง เช่นเดียวกับตรรกะสงครามเย็นของเขา ทำให้ ไบเดน ขี้กลัวเกินไปที่จะโหมกระพือสงครามนิวเคลียร์กับรัสเซีย
    .
    ภายใต้ ไบเดน ทางสหรัฐฯ ได้จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือยูเครนไปแล้ว 131,360 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากข้อมูลที่เพนตากอนเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อช่วงต้นเดือน แต่จากข้อมูลของสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) ซึ่งติดตามความช่วยเหลือด้านการทหาร เศรษฐกิจและมนุษยธรรม ที่มอบให้แก่เคียฟ พบว่าในจำนวนนี้มีการส่งมอบจริงๆ แค่ไม่ถึง 90,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ในขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ 2 เดือน ก่อนที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่ง มีรายงานว่า ไบเดน ได้ร้องขอให้สภาคองเกรสเห็นชอบการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับยูเครน เพิ่มเติมอีก 24,000 ล้านดอลลาร์
    .
    แม้ได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือก้อนใหญ่หลายหมื่นล้านดอลลาร์ แต่ยูเครนกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนกำลังพลเป็นอย่างมาก เคียฟสูญเสียกำลังทหารไปแล้วเกือบครึ่งล้านคนนับตั้งแต่ปี 2022 รายงานของหนังสือพิมพ์อีโคโนมิสต์ในสัปดาห์นี้ คำกล่าวอ้างที่ใกล้เคียงกับตัวเลขอย่างเป็นทางการของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
    .
    ท่ามกลางปัญหาขาดแคลนกำลังพล สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ แนะนำให้ยูเครนพิจารณาปรับลดอายุการเกณฑ์ทหารจาก 25 ปี ลงมาอยู่ที่ 18 ปี ซึ่งถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลเคียฟต้องระดมชายฉกรรจ์เข้าสู่สนามรบให้มากขึ้นอีก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115397
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนไม่มีหนทางต่างๆ ที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้เปรียบรัสเซีย และจะพ่ายแพ้สงครามหากว่าสถานการณ์ยังคงเป็นไปเช่นนี้ จากความเห็นของดมิทรี คูเลบา อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส พร้อมระบุประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ หวาดกลัวสงครามนิวเคลียร์มากจนเกินไป จนไม่กล้ามอบอาวุธนิวเคลียร์แก่เคียฟ ที่มีความจำเป็นสำหรับชัยชนะ . "ทุกวันนี้เรามีหนทางหรือเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับพลิกสถานการณ์และเปลี่ยนวิถีของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหรือไม่? คำตอบคือไม่ เราไม่มี" คูเลบา บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส หนังสือพิมพ์อังกฤษ ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) พร้อมระบุว่า "ถ้ามันยังคงเป็นไปเช่นนี้ เราจะพ่ายแพ้สงคราม" . ความเห็นของคูเลบา มีขึ้นหลังจากสหรัฐฯ และฝรั่งเศสอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่พวกเขาจัดหาให้ โจมตีดินแดนลึกของรัสเซียที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ แม้มันเป็นการโหมกระพือสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายอย่างมาก แต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว "ไม่อาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางของปฏิบัติการสู้รบและมอสโกจะบรรลุเป้าหมายทางทหารทั้งหมดทั้งมวล" . คูเลบา พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนเมื่อเดือนกันยายน ท่ามกลางความเคลื่อนไหวล้างบางเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งใหญ่โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี โดยก่อนหน้าการลาออก เขาเน้นย้ำว่าชัยชนะในสนามรบยังคงมีความเป็นไปได้สำหรับยูเครน ตราบใดที่บรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกยังคงมอบอาวุธอาวุธหนักในปริมาณที่เพียงพอ . "เราชาวยูเครน โชคดีที่ โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2022 เพราะว่าถ้าเป็นคนอื่น สิ่งต่างๆ อาจเลวร้ายกว่านี้มากสำหรับเรา" เขาบอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส อย่างไรก็ตาม คูเลบา ระบุว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก้าวเดินอย่างช้าๆ ในการส่งมอบระบบอาวุธบางอย่าง เช่นเดียวกับตรรกะสงครามเย็นของเขา ทำให้ ไบเดน ขี้กลัวเกินไปที่จะโหมกระพือสงครามนิวเคลียร์กับรัสเซีย . ภายใต้ ไบเดน ทางสหรัฐฯ ได้จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือยูเครนไปแล้ว 131,360 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากข้อมูลที่เพนตากอนเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อช่วงต้นเดือน แต่จากข้อมูลของสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) ซึ่งติดตามความช่วยเหลือด้านการทหาร เศรษฐกิจและมนุษยธรรม ที่มอบให้แก่เคียฟ พบว่าในจำนวนนี้มีการส่งมอบจริงๆ แค่ไม่ถึง 90,000 ล้านดอลลาร์ . ในขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ 2 เดือน ก่อนที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่ง มีรายงานว่า ไบเดน ได้ร้องขอให้สภาคองเกรสเห็นชอบการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับยูเครน เพิ่มเติมอีก 24,000 ล้านดอลลาร์ . แม้ได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือก้อนใหญ่หลายหมื่นล้านดอลลาร์ แต่ยูเครนกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนกำลังพลเป็นอย่างมาก เคียฟสูญเสียกำลังทหารไปแล้วเกือบครึ่งล้านคนนับตั้งแต่ปี 2022 รายงานของหนังสือพิมพ์อีโคโนมิสต์ในสัปดาห์นี้ คำกล่าวอ้างที่ใกล้เคียงกับตัวเลขอย่างเป็นทางการของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย . ท่ามกลางปัญหาขาดแคลนกำลังพล สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ แนะนำให้ยูเครนพิจารณาปรับลดอายุการเกณฑ์ทหารจาก 25 ปี ลงมาอยู่ที่ 18 ปี ซึ่งถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลเคียฟต้องระดมชายฉกรรจ์เข้าสู่สนามรบให้มากขึ้นอีก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115397 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค้าน กม.อากาศสะอาด ทำลายอาชีพไร่ยาสูบ วอนทบทวนเร่งด่วน
    .
    การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรจังหวัดเชียงใหม่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นอกจากจะประกาศลงทุนพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือราว 2 หมื่นล้านบาทแล้ว อีกด้านหนึ่งยังมีปัญหาที่ชาวบ้านกำลังรอให้รัฐบาลแก้ไข คือ ปัญหาการเพาะปลูกพืชยาสูบ
    .
    โดยตัวแทนภาคียาสูบแห่งประเทศไทยและเครือข่ายชาวไร่ยาสูบบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ร่วม 100 คน เข้ายื่นหนังสือกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ที่จะเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงกองทุนอากาศสะอาดจากสินค้ายาสูบในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งจะส่งผลให้ชาวไร่ยาสูบ 22,000 ครอบครัวทั้งภาคเหนือและภาคอีสานต้องหมดอาชีพ
    .
    นายอรุณ โปธิตา ตัวแทนชาวไร่ยาสูบบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า แม้เห็นด้วยกับการสร้างอากาศสะอาด แต่การเก็บเงินเพิ่มจากสินค้ายาสูบ เป็นการซ้ำเติมปัญหารายได้ตกต่ำของชาวไร่ยาสูบ เพราะการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจะทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นเป็น 115 บาทอย่างต่ำ ราคาบุหรี่ที่สูงขนาดนี้ทำให้คนสูบบุหรี่หันไปซื้อบุหรี่เถื่อนซึ่งขายกันที่ราคา 20-30 บาทเท่านั้น บุหรี่ของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ก็คงจะขายสู้ไม่ได้ การรับซื้อใบยาจากชาวไร่ยาสูบจะหายไปทันที 93% ส่งผลให้รายได้ของชาวไร่และอาชีพยาสูบแทบจะหายไปจากประเทศไทยทันที
    .
    ด้านนายขจรศักดิ์ เมฆขจร ตัวแทนเครือข่ายชาวไร่บ่มเองอีกราย เสริมว่า “พวกเราผิดหวังมากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดดึงดันจะเก็บเงินเพิ่มจากสินค้าบุหรี่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข้อสังเกตว่าการเก็บภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะในลักษณะนี้อาจผิดวินัยการเงินการคลัง แต่ก็ยังพยายามเลี่ยงบาลีว่าเป็นการเก็บค่าธรรมเนียม โดยไม่สนใจถึงผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบ รายได้ภาษี และการดำเนินงานของ ยสท. และขาดความรู้ความเข้าใจโครงสร้างภาษีของสินค้าที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ คิดแต่เพียงจะเก็บเงินเพิ่มอย่างเดียว
    ..............
    Sondhi X
    ค้าน กม.อากาศสะอาด ทำลายอาชีพไร่ยาสูบ วอนทบทวนเร่งด่วน . การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรจังหวัดเชียงใหม่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นอกจากจะประกาศลงทุนพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือราว 2 หมื่นล้านบาทแล้ว อีกด้านหนึ่งยังมีปัญหาที่ชาวบ้านกำลังรอให้รัฐบาลแก้ไข คือ ปัญหาการเพาะปลูกพืชยาสูบ . โดยตัวแทนภาคียาสูบแห่งประเทศไทยและเครือข่ายชาวไร่ยาสูบบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ร่วม 100 คน เข้ายื่นหนังสือกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ที่จะเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงกองทุนอากาศสะอาดจากสินค้ายาสูบในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งจะส่งผลให้ชาวไร่ยาสูบ 22,000 ครอบครัวทั้งภาคเหนือและภาคอีสานต้องหมดอาชีพ . นายอรุณ โปธิตา ตัวแทนชาวไร่ยาสูบบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า แม้เห็นด้วยกับการสร้างอากาศสะอาด แต่การเก็บเงินเพิ่มจากสินค้ายาสูบ เป็นการซ้ำเติมปัญหารายได้ตกต่ำของชาวไร่ยาสูบ เพราะการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจะทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นเป็น 115 บาทอย่างต่ำ ราคาบุหรี่ที่สูงขนาดนี้ทำให้คนสูบบุหรี่หันไปซื้อบุหรี่เถื่อนซึ่งขายกันที่ราคา 20-30 บาทเท่านั้น บุหรี่ของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ก็คงจะขายสู้ไม่ได้ การรับซื้อใบยาจากชาวไร่ยาสูบจะหายไปทันที 93% ส่งผลให้รายได้ของชาวไร่และอาชีพยาสูบแทบจะหายไปจากประเทศไทยทันที . ด้านนายขจรศักดิ์ เมฆขจร ตัวแทนเครือข่ายชาวไร่บ่มเองอีกราย เสริมว่า “พวกเราผิดหวังมากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดดึงดันจะเก็บเงินเพิ่มจากสินค้าบุหรี่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข้อสังเกตว่าการเก็บภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะในลักษณะนี้อาจผิดวินัยการเงินการคลัง แต่ก็ยังพยายามเลี่ยงบาลีว่าเป็นการเก็บค่าธรรมเนียม โดยไม่สนใจถึงผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบ รายได้ภาษี และการดำเนินงานของ ยสท. และขาดความรู้ความเข้าใจโครงสร้างภาษีของสินค้าที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ คิดแต่เพียงจะเก็บเงินเพิ่มอย่างเดียว .............. Sondhi X
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 709 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"เบิกความ แจงลายมือชื่อปลอมในสัญญาค้ำประกัน ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการหลอกลวงลงทุนหมื่นล้าน ศาลอาญานัดฟังคำสั่งไต่สวนประกัน บ่าย 3 โมงวันนี้

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (28 พ.ย.) ศาลนัดไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 16 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท

    วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาทั้งสอง มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเบิกความไต่สวน ขณะที่ทนายความจำเลยและพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางเดินทางมาร่วมไต่สวน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114484

    #MGROnline #หมอบุญ #ปลอม #สัญญาค้ำประกัน #หลอกลวงลงทุน #หมื่นล้าน
    ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"เบิกความ แจงลายมือชื่อปลอมในสัญญาค้ำประกัน ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการหลอกลวงลงทุนหมื่นล้าน ศาลอาญานัดฟังคำสั่งไต่สวนประกัน บ่าย 3 โมงวันนี้ • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (28 พ.ย.) ศาลนัดไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 16 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท • วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาทั้งสอง มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเบิกความไต่สวน ขณะที่ทนายความจำเลยและพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางเดินทางมาร่วมไต่สวน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114484 • #MGROnline #หมอบุญ #ปลอม #สัญญาค้ำประกัน #หลอกลวงลงทุน #หมื่นล้าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ซั่วกว่าไอ่ตั้ม
    เสียหายหลายหมื่นล้าน
    ทนายไทยรับใช้ Jone
    สวาปาล์มน้ำมันอินโดฯ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #ซั่วกว่าไอ่ตั้ม เสียหายหลายหมื่นล้าน ทนายไทยรับใช้ Jone สวาปาล์มน้ำมันอินโดฯ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    Angry
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • 📍เนื้อหาโปรดกดดูใต้ภาพ📍

    #ซั่วกว่าไอ่ตั้ม
    เสียหายหลายหมื่นล้าน
    ทนายไทยรับใช้ Jone
    สวาปาล์มน้ำมันอินโดฯ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    📍เนื้อหาโปรดกดดูใต้ภาพ📍 #ซั่วกว่าไอ่ตั้ม เสียหายหลายหมื่นล้าน ทนายไทยรับใช้ Jone สวาปาล์มน้ำมันอินโดฯ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • บล.คิงส์ฟอร์ด-หมอบุญ..ที่แท้คนกันเอง / สุนันท์ ศรีจันทราแถลงการณ์ด่วนของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ปฏิเสธว่า ไม่เคยเกี่ยวข้อง รวมถึงไม่เคยทำสัญญาใดๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทไปแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการของ "หมอบุญ วนาสิน" ถูกลดน้ำหนักความน่าเชื่อถือลงในทันทีหลังจากสื่อผู้จัดการออนไลน์ ตีแผ่ภาพนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด นั่งบนโต๊ะถ่ายรูปคู่กับหมอบุญ ในการเซ็นสัญญา หมอบุญ แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน นำบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นการเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด ซึ่งหมอบุญถือหุ้นใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 แต่ทั้ง บล.คิงส์ฟอร์ดและหมอบุญ ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่สามารถผลักดันบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นได้ และบริษัทแห่งนี้ก็เงียบหายไปตามกาลเวลาภาพนายประจวบ ที่ปรากฏหราร่วมโต๊ะเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นหลักฐานยืนยันว่า ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด รู้จักหมอบุญเป็นอย่างดี รู้จักกันมาหลายปี และเคยร่วมธุรกรรมกันมาแล้วแต่ความสัมพันธ์จะต่อเนื่อง และเชื่อมโยงมาถึงการกู้เงินและการชักชวนนักลงทุนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญ ซึ่งหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ตำรวจจะสอบสวนขยายผลจนสิ้นสงสัยว่าผู้ร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนกับหมอบุญ สร้างความเสียหายระดับหมื่นล้านบาท และยังมีความผิดฐานฟอกเงินเข้าไปด้วย มีเพียง 9 คนที่ถูกออกหมายจับแล้ว ไม่มีคนอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือร่วมในแก๊งโกงของหมอบุญอีกคดีแชร์ลูกโซ่ดิไอคอนของบอสพอล ตำรวจสอบสวนขยายผล จนมีผู้ต้องหาที่ถูกจับคุมตัวจำนวนมาก รวมทั้งเหล่าดาราชื่อดังคดีฉ้อโกงของหมอบุญ ผู้ต้องหาอาจไม่ได้มีเพียงหมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้นไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดต้องดิ้นพล่าน ออกแถลงการณ์ด่วน ปฏิเสธไม่เคยทำสัญญาใด ไม่เคยเกี่ยวกับกับการชักชวนคนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญเพราะผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับกุมตัวแล้ว 8 คน มีพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ติดร่างแหไปด้วย 2 คน คือนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร ซึ่งเคยเป็นคณะผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ชุดที่นายประจวบเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ น.ส.ชญานี โปรขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการนางอัจจิมา และนายภาคย์ เข้าร่วมธุรกรรม ชักชวนให้นักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการหมอบุญ โดยผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดคนอื่นๆ ไม่มีส่วนรู้เห็นจริงหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ผลการสอบสวนของตำรวจนางอัจจิมา และนายภาคย์ ในฐานะพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ ย่อมมีความน่าเชื่อถือ และสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ชักชวนให้ลูกค้ามาลงทุนในโครงการหมอบุญได้ง่ายแต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประกาศตัดตอนนางอัจจิมา และนายภาคย์แล้ว โดยสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานทั้งสองคน จนกว่าข้อเท็จจริงต่างๆ จะปรากฏตำรวจได้สอบเค้นนางอัจจิมา และนายภาคย์ เพื่อขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการหลอกต้มประชาชนของหมอบุญแล้ว และได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงผู้อยู่ในข่ายร่วมขบวนการเพิ่มเติม เพียงแต่รอรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีขบวนการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ผู้เสียหายนับไม่ถ้วน ผู้ต้องหาอาจไม่จบลงที่หมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้น แต่อาจมีหมายจับเพิ่ม ซึ่งไม่รู้ว่า ใครบ้างที่จะเดินเข้าคุกตาม 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมแล้วคดีหมอบุญ ยังต้องลุ้นระทึกกันต่อไปว่า การสอบสวนขยายผลของตำรวจ จะนำไปสู่การออกหมายจับใครต่อใครบ้าง และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดพ้นมลทินไปแล้วจริงหรือไม่https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000114116
    บล.คิงส์ฟอร์ด-หมอบุญ..ที่แท้คนกันเอง / สุนันท์ ศรีจันทราแถลงการณ์ด่วนของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ปฏิเสธว่า ไม่เคยเกี่ยวข้อง รวมถึงไม่เคยทำสัญญาใดๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทไปแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการของ "หมอบุญ วนาสิน" ถูกลดน้ำหนักความน่าเชื่อถือลงในทันทีหลังจากสื่อผู้จัดการออนไลน์ ตีแผ่ภาพนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด นั่งบนโต๊ะถ่ายรูปคู่กับหมอบุญ ในการเซ็นสัญญา หมอบุญ แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน นำบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นการเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด ซึ่งหมอบุญถือหุ้นใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 แต่ทั้ง บล.คิงส์ฟอร์ดและหมอบุญ ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่สามารถผลักดันบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นได้ และบริษัทแห่งนี้ก็เงียบหายไปตามกาลเวลาภาพนายประจวบ ที่ปรากฏหราร่วมโต๊ะเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นหลักฐานยืนยันว่า ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด รู้จักหมอบุญเป็นอย่างดี รู้จักกันมาหลายปี และเคยร่วมธุรกรรมกันมาแล้วแต่ความสัมพันธ์จะต่อเนื่อง และเชื่อมโยงมาถึงการกู้เงินและการชักชวนนักลงทุนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญ ซึ่งหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ตำรวจจะสอบสวนขยายผลจนสิ้นสงสัยว่าผู้ร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนกับหมอบุญ สร้างความเสียหายระดับหมื่นล้านบาท และยังมีความผิดฐานฟอกเงินเข้าไปด้วย มีเพียง 9 คนที่ถูกออกหมายจับแล้ว ไม่มีคนอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือร่วมในแก๊งโกงของหมอบุญอีกคดีแชร์ลูกโซ่ดิไอคอนของบอสพอล ตำรวจสอบสวนขยายผล จนมีผู้ต้องหาที่ถูกจับคุมตัวจำนวนมาก รวมทั้งเหล่าดาราชื่อดังคดีฉ้อโกงของหมอบุญ ผู้ต้องหาอาจไม่ได้มีเพียงหมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้นไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดต้องดิ้นพล่าน ออกแถลงการณ์ด่วน ปฏิเสธไม่เคยทำสัญญาใด ไม่เคยเกี่ยวกับกับการชักชวนคนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญเพราะผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับกุมตัวแล้ว 8 คน มีพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ติดร่างแหไปด้วย 2 คน คือนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร ซึ่งเคยเป็นคณะผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ชุดที่นายประจวบเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ น.ส.ชญานี โปรขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการนางอัจจิมา และนายภาคย์ เข้าร่วมธุรกรรม ชักชวนให้นักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการหมอบุญ โดยผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดคนอื่นๆ ไม่มีส่วนรู้เห็นจริงหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ผลการสอบสวนของตำรวจนางอัจจิมา และนายภาคย์ ในฐานะพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ ย่อมมีความน่าเชื่อถือ และสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ชักชวนให้ลูกค้ามาลงทุนในโครงการหมอบุญได้ง่ายแต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประกาศตัดตอนนางอัจจิมา และนายภาคย์แล้ว โดยสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานทั้งสองคน จนกว่าข้อเท็จจริงต่างๆ จะปรากฏตำรวจได้สอบเค้นนางอัจจิมา และนายภาคย์ เพื่อขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการหลอกต้มประชาชนของหมอบุญแล้ว และได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงผู้อยู่ในข่ายร่วมขบวนการเพิ่มเติม เพียงแต่รอรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีขบวนการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ผู้เสียหายนับไม่ถ้วน ผู้ต้องหาอาจไม่จบลงที่หมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้น แต่อาจมีหมายจับเพิ่ม ซึ่งไม่รู้ว่า ใครบ้างที่จะเดินเข้าคุกตาม 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมแล้วคดีหมอบุญ ยังต้องลุ้นระทึกกันต่อไปว่า การสอบสวนขยายผลของตำรวจ จะนำไปสู่การออกหมายจับใครต่อใครบ้าง และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดพ้นมลทินไปแล้วจริงหรือไม่https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000114116
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อความโลภบังตา ยามชราก็ต้องนอนตาราง
    ประเทศไทยในเวลานี้มีเรื่องราวที่วุ่นวาย ชวนหนหวยกันเยอะมาก ล่าสุด เกิดคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ ของหมอบุญ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรีที่คาดกันว่าอาจมีมูลค่าเสียหายมากถึงระดับหมื่นล้านบาท
    เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตํารวจได้สรุปข้อเท็จจริงว่า หมอบุญและพวก มีการระดมทุนชักชวน ให้นายแพทย์บุญ นําไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ 16,000 พันล้านบาท จํานวนห้าโครงการประกอบด้วย โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า4 000 ล้านบาท โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ําเจ้าพระยา 4-5 พัน ล้านบาท โครงการสร้างโรงพยาบาลในสปป ลาว 3 แห่งรวม 2,000,ล้านบาท โครงการโรงพยาบาลในเวียดนาม 4-5 พันล้านบาท และ โครงการเมดิคอลอินเทเลเจนท์ อําเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี งบลงทุนหนึ่งร้อยล้านบาท
    ซึ่งพฤติกรรมในการหาแหล่งเงินทุนนั้นมีลักษณะการไปกู้ยืมกับแหล่งเงินกู้โดยมีภรรยาและลูกสาวเป็นผู้ค้ําประกัน เซ็นสลักหลังในเช็คทุกฉบับมอบให้ผู้เสียหาย
    หลังเปิดโครงการใหญ่ล่อลวงเหยื่อกระเป๋าหนักกว่า 247 คน โดยอดีตเมียกับลูก เข้ามอบตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาด้วยการอ้างว่าถูกปลอมลายมือชื่อเซ็นค้ําประกันเงินกู้ เมื่อหมอบุญได้หลบหนีออกนอกประเทศเท่ากับว่าคนที่ต้องรับผิดชอบ คือคนในครอบครัวอย่างที่ปรากฏให้เห็น
    ความน่าเชื่อถือที่เคยมีนั้นสูญสลายไปในพริบตาโดยปริยาย สําหรับหมอบุญนั้น ครั้งหนึ่งเคยได้รับยกย่องว่าเป็นฮีโร่ของประเทศไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิดสิบเก้าภายหลังประกาศเตรียมนําเข้าวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์มาให้กับประชาชน แต่กลิ่นแปลกแปลกก็เริ่มเกิดขึ้นเนื่องจากเวลาผ่านไปการนําเข้าวัคซีนของหมอบุญยังไม่เกิดขึ้นแม้แต่เข็มเดียว ทําให้ถูกมองว่าเป็นเพียงการปั่นกระแสเท่านั้น
    ไม่เชื่อก็เชื่อว่าเหตุใดที่คนรวยมหาศาลเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่ดําเนินการภายใต้บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ถึงไม่รู้จักพอเช่นนี้ มองในแง่ทฤษฎีเกี่ยวกับมานุษยวิทยาแน่นอนว่า พื้นฐานของมนุษย์นั้นย่อมมีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คนรวยแล้วก็อยากรวยขึ้นไปอีก ถ้ารวยตามปกติไม่ได้ ก็ต้องหาทางลัด หากินจากความไว้ใจของประชาชนที่มีเพื่อแสวงหาประโยชน์ก่อนเอาทรัพย์สินที่ได้มา ไปนอนเกาะในต่างประเทศ อันเป็นวิธีการพื้นฐานที่โจรในเสื้อสูทนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสังคมไทยภายใต้ระบบทุนนิยมสุดโต่งเช่นนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    เมื่อความโลภบังตา ยามชราก็ต้องนอนตาราง ประเทศไทยในเวลานี้มีเรื่องราวที่วุ่นวาย ชวนหนหวยกันเยอะมาก ล่าสุด เกิดคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ ของหมอบุญ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรีที่คาดกันว่าอาจมีมูลค่าเสียหายมากถึงระดับหมื่นล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตํารวจได้สรุปข้อเท็จจริงว่า หมอบุญและพวก มีการระดมทุนชักชวน ให้นายแพทย์บุญ นําไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ 16,000 พันล้านบาท จํานวนห้าโครงการประกอบด้วย โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า4 000 ล้านบาท โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ําเจ้าพระยา 4-5 พัน ล้านบาท โครงการสร้างโรงพยาบาลในสปป ลาว 3 แห่งรวม 2,000,ล้านบาท โครงการโรงพยาบาลในเวียดนาม 4-5 พันล้านบาท และ โครงการเมดิคอลอินเทเลเจนท์ อําเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี งบลงทุนหนึ่งร้อยล้านบาท ซึ่งพฤติกรรมในการหาแหล่งเงินทุนนั้นมีลักษณะการไปกู้ยืมกับแหล่งเงินกู้โดยมีภรรยาและลูกสาวเป็นผู้ค้ําประกัน เซ็นสลักหลังในเช็คทุกฉบับมอบให้ผู้เสียหาย หลังเปิดโครงการใหญ่ล่อลวงเหยื่อกระเป๋าหนักกว่า 247 คน โดยอดีตเมียกับลูก เข้ามอบตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาด้วยการอ้างว่าถูกปลอมลายมือชื่อเซ็นค้ําประกันเงินกู้ เมื่อหมอบุญได้หลบหนีออกนอกประเทศเท่ากับว่าคนที่ต้องรับผิดชอบ คือคนในครอบครัวอย่างที่ปรากฏให้เห็น ความน่าเชื่อถือที่เคยมีนั้นสูญสลายไปในพริบตาโดยปริยาย สําหรับหมอบุญนั้น ครั้งหนึ่งเคยได้รับยกย่องว่าเป็นฮีโร่ของประเทศไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิดสิบเก้าภายหลังประกาศเตรียมนําเข้าวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์มาให้กับประชาชน แต่กลิ่นแปลกแปลกก็เริ่มเกิดขึ้นเนื่องจากเวลาผ่านไปการนําเข้าวัคซีนของหมอบุญยังไม่เกิดขึ้นแม้แต่เข็มเดียว ทําให้ถูกมองว่าเป็นเพียงการปั่นกระแสเท่านั้น ไม่เชื่อก็เชื่อว่าเหตุใดที่คนรวยมหาศาลเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่ดําเนินการภายใต้บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ถึงไม่รู้จักพอเช่นนี้ มองในแง่ทฤษฎีเกี่ยวกับมานุษยวิทยาแน่นอนว่า พื้นฐานของมนุษย์นั้นย่อมมีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คนรวยแล้วก็อยากรวยขึ้นไปอีก ถ้ารวยตามปกติไม่ได้ ก็ต้องหาทางลัด หากินจากความไว้ใจของประชาชนที่มีเพื่อแสวงหาประโยชน์ก่อนเอาทรัพย์สินที่ได้มา ไปนอนเกาะในต่างประเทศ อันเป็นวิธีการพื้นฐานที่โจรในเสื้อสูทนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสังคมไทยภายใต้ระบบทุนนิยมสุดโต่งเช่นนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อี้ แทนคุณ​” แฉต่อ​ มีผู้เสียหาย ถูกหมอบุญ​ โกง ล็อต 2 อีกกว่า 500​ ราย​ มูลค่า​ 2.5 หมื่นล้านบาท เผย​ นักลงทุนสามีภรรยาธุรกิจใหญ่สูญ​ 3พันล้าน​ ทำทรุดหนักเข้าโรงพยาบาล​ เผยผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่อยากให้ข้อมูล​ เหตุถูกโบกเกอร์ขู่เล่นงานภาษี​

    วันนี้(27 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวถึงความคืบหน้า​กรณีนายแพทย์​บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้ง บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด​ ในคดีฉ้อโกง​ หลอกให้ลงทุน ว่า​ ในส่วนของผู้เสียหาย หลังจากวันที่ 12 ธันวาคม 2567​ ซึ่งจะครบกำหนด ในการชำระดอกเบี้ย ร้อยละ 7% จากการที่กู้ยืม จะออกมาแสดงตัวมากขึ้น เนื่องจากหลายคนกังวลใจ และรออยู่ว่าจะได้ดอกเบี้ยหรือไม่ เพราะตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนดชำระดอกเบี้ย 2 รอบ คือ​ 12 มิถุนายน/ และ 12 ธันวาคม หากไม่ได้จะรวมตัวกันแจ้งความ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียหาย ไม่น้อยกว่า 500 ราย ซึ่งเป็นหนึ่งเท่าของผู้เสียหายปัจจุบัน พร้อมกับระบุว่าขณะนี้ผู้เสียหายยังแจ้งความไม่หมด ซึ่งเป็นผู้เสียหายล็อตเก่า ที่ปล่อยกู้ และออกเช็ค สัญญาต่างๆ แต่ปรากฏว่าเช็คเด้ง จึงมีการไปแจ้งความทั้งหมด 247 ราย ส่วนกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มใหม่จะเป็นผู้สูงอายุ หลักลงทุนสูงสุด 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสามีภรรยาคู่ มีอายุมาก ซึ่งตนได้ติดต่อประสานงานไปแต่พบว่าผู้เสียหายดังกล่าวป่วยหนัก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล​ ซึ่งมูลค่าความเสียหายทั้งหมดของกลุ่มผู้สูงอายุ ประมาณ 25,000 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000114010

    #MGROnline #อี้แทนคุณ #หมอบุญ

    “อี้ แทนคุณ​” แฉต่อ​ มีผู้เสียหาย ถูกหมอบุญ​ โกง ล็อต 2 อีกกว่า 500​ ราย​ มูลค่า​ 2.5 หมื่นล้านบาท เผย​ นักลงทุนสามีภรรยาธุรกิจใหญ่สูญ​ 3พันล้าน​ ทำทรุดหนักเข้าโรงพยาบาล​ เผยผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่อยากให้ข้อมูล​ เหตุถูกโบกเกอร์ขู่เล่นงานภาษี​ • วันนี้(27 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวถึงความคืบหน้า​กรณีนายแพทย์​บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้ง บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด​ ในคดีฉ้อโกง​ หลอกให้ลงทุน ว่า​ ในส่วนของผู้เสียหาย หลังจากวันที่ 12 ธันวาคม 2567​ ซึ่งจะครบกำหนด ในการชำระดอกเบี้ย ร้อยละ 7% จากการที่กู้ยืม จะออกมาแสดงตัวมากขึ้น เนื่องจากหลายคนกังวลใจ และรออยู่ว่าจะได้ดอกเบี้ยหรือไม่ เพราะตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนดชำระดอกเบี้ย 2 รอบ คือ​ 12 มิถุนายน/ และ 12 ธันวาคม หากไม่ได้จะรวมตัวกันแจ้งความ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียหาย ไม่น้อยกว่า 500 ราย ซึ่งเป็นหนึ่งเท่าของผู้เสียหายปัจจุบัน พร้อมกับระบุว่าขณะนี้ผู้เสียหายยังแจ้งความไม่หมด ซึ่งเป็นผู้เสียหายล็อตเก่า ที่ปล่อยกู้ และออกเช็ค สัญญาต่างๆ แต่ปรากฏว่าเช็คเด้ง จึงมีการไปแจ้งความทั้งหมด 247 ราย ส่วนกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มใหม่จะเป็นผู้สูงอายุ หลักลงทุนสูงสุด 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสามีภรรยาคู่ มีอายุมาก ซึ่งตนได้ติดต่อประสานงานไปแต่พบว่าผู้เสียหายดังกล่าวป่วยหนัก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล​ ซึ่งมูลค่าความเสียหายทั้งหมดของกลุ่มผู้สูงอายุ ประมาณ 25,000 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000114010 • #MGROnline #อี้แทนคุณ #หมอบุญ​
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ฝากขัง "ภรรยาหมอบุญ-ลูกสาว" คดีฉ้อโกงหลอกลงทุนกิจการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง มูลค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้าน

    วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ต.คณัสนันท์ งามสง่า พนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง ได้คุมตัว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4,5,16

    คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า นพ.บุญ ผู้ต้องหาทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลในนามบริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) เป็นผู้ถือหุ้นของTHG เผยแพร่ชื่อเสียงของตนเอง ผ่านสื่อต่างๆ ถึงความสำเร็จทางธุรกิจในฐานะผู้บริหาร ระดับสูงและได้รับการยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในวงการ ธุรกิจต่างๆ ทั้งในด้านการบริหารกิจการโรงพยาบาล และการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าสูงหลายโครงการต่างๆ ซึ่งไม่มีอยู่จริงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ นักลงทุนทั่วไป ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายหลายรายร่วมลงทุน โดยผ่านตัวแทน โบรกเกอร์ในรูปแบบต่างๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000113274

    #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยาหมอบุญ #ลูกสาว #คดีฉ้อโกง #หลอกลงทุนกิจการ #โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง #บริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ปจำกัด #THG
    ศาลอาญาให้ฝากขัง "ภรรยาหมอบุญ-ลูกสาว" คดีฉ้อโกงหลอกลงทุนกิจการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง มูลค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้าน • วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ต.คณัสนันท์ งามสง่า พนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง ได้คุมตัว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4,5,16 • คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า นพ.บุญ ผู้ต้องหาทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลในนามบริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) เป็นผู้ถือหุ้นของTHG เผยแพร่ชื่อเสียงของตนเอง ผ่านสื่อต่างๆ ถึงความสำเร็จทางธุรกิจในฐานะผู้บริหาร ระดับสูงและได้รับการยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในวงการ ธุรกิจต่างๆ ทั้งในด้านการบริหารกิจการโรงพยาบาล และการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าสูงหลายโครงการต่างๆ ซึ่งไม่มีอยู่จริงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ นักลงทุนทั่วไป ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายหลายรายร่วมลงทุน โดยผ่านตัวแทน โบรกเกอร์ในรูปแบบต่างๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000113274 • #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยาหมอบุญ #ลูกสาว #คดีฉ้อโกง #หลอกลงทุนกิจการ #โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง #บริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ปจำกัด #THG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ฝากขัง "ภรรยาหมอบุญ-ลูกสาว" คดีฉ้อโกงหลอกลงทุนกิจการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง มูลค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้าน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113274

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญาให้ฝากขัง "ภรรยาหมอบุญ-ลูกสาว" คดีฉ้อโกงหลอกลงทุนกิจการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง มูลค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้าน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113274 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1126 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ซาลุชนีพูดสิ่งที่อยู่ในใจเป็นหมื่นล้านคำ"
    เขากล่าวว่าประเทศสมาชิกนาโตยังไม่พร้อมสำหรับสงครามที่จะหยุดรัสเซียได้

    วาแลรี ซาลูชนี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพยูเครน ปัจจุบันเป็นเอกอัครราชทูตยูเครนประจำกรุงลอนดอน กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Ukrainska Pravda อย่างตรงไปตรงมาว่า NATO ยังไม่พร้อมสำหรับการทำสงครามเพื่อหยุดรัสเซียได้ เนื่องจากคลังอาวุธขีปนาวุธและโดรนของประเทศพันธมิตรนั้นไม่สามารถเทียบได้กับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมการทหารของรัสเซีย

    “คำถามคือ ประเทศนาโต้ประเทศใดที่พร้อมจะตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธ 2,000 ลูกในวันนี้ และแนวโน้มก็คือจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เดือนนี้จะเพิ่มเป็น 3,000 ลูกแล้ว”

    ซาลูชนี ยังกล่าว "บั่นทอน" กำลังใจพันธมิตรอีกว่า รัสเซียมีความสามารถในการทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของชาติตะวันตกจนหมดสิ้นภายในเวลาเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น

    “เหตุผลเดียว คือมันมีราคาแพงมาก และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตมันได้ในจำนวนมาก ทำให้การผลิตมีปัญหา ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบทางการทหารเพียงอย่างเดียว เราจึงบอกได้ว่าพวกเขา (ประเทศสมาชิก NATO) อาจไม่พร้อม”

    ประเทศสมาชิกนาโต้ยังคงไม่มองหาวิธีที่จะตอบโต้โดรนเจอเรเนียม และขีปนาวุธ แต่พวกเขากลับพึ่งพาเครื่องบิน F-16 และระบบป้องกันภัยทางอากาศ

    ซาลูชนียังคาดการณ์อีกว่าสงครามอาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 2027 หากรัสเซียบรรลุเป้าหมายการเสริมกำลังอาวุธรุ่นใหม่ จะทำให้พวกเขาพร้อมสำหรับการรุกครั้งใหญ่ในหลายแนวรบ

    กลยุทธ์ปัจจุบันของรัสเซียที่เขาเคยสัมผัสคือการค่อยๆทำลายกำลังพลของยูเครนและนาโต้ไปเรื่อยๆ



    "ซาลุชนีพูดสิ่งที่อยู่ในใจเป็นหมื่นล้านคำ" เขากล่าวว่าประเทศสมาชิกนาโตยังไม่พร้อมสำหรับสงครามที่จะหยุดรัสเซียได้ วาแลรี ซาลูชนี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพยูเครน ปัจจุบันเป็นเอกอัครราชทูตยูเครนประจำกรุงลอนดอน กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Ukrainska Pravda อย่างตรงไปตรงมาว่า NATO ยังไม่พร้อมสำหรับการทำสงครามเพื่อหยุดรัสเซียได้ เนื่องจากคลังอาวุธขีปนาวุธและโดรนของประเทศพันธมิตรนั้นไม่สามารถเทียบได้กับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมการทหารของรัสเซีย “คำถามคือ ประเทศนาโต้ประเทศใดที่พร้อมจะตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธ 2,000 ลูกในวันนี้ และแนวโน้มก็คือจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เดือนนี้จะเพิ่มเป็น 3,000 ลูกแล้ว” ซาลูชนี ยังกล่าว "บั่นทอน" กำลังใจพันธมิตรอีกว่า รัสเซียมีความสามารถในการทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของชาติตะวันตกจนหมดสิ้นภายในเวลาเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น “เหตุผลเดียว คือมันมีราคาแพงมาก และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตมันได้ในจำนวนมาก ทำให้การผลิตมีปัญหา ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบทางการทหารเพียงอย่างเดียว เราจึงบอกได้ว่าพวกเขา (ประเทศสมาชิก NATO) อาจไม่พร้อม” ประเทศสมาชิกนาโต้ยังคงไม่มองหาวิธีที่จะตอบโต้โดรนเจอเรเนียม และขีปนาวุธ แต่พวกเขากลับพึ่งพาเครื่องบิน F-16 และระบบป้องกันภัยทางอากาศ ซาลูชนียังคาดการณ์อีกว่าสงครามอาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 2027 หากรัสเซียบรรลุเป้าหมายการเสริมกำลังอาวุธรุ่นใหม่ จะทำให้พวกเขาพร้อมสำหรับการรุกครั้งใหญ่ในหลายแนวรบ กลยุทธ์ปัจจุบันของรัสเซียที่เขาเคยสัมผัสคือการค่อยๆทำลายกำลังพลของยูเครนและนาโต้ไปเรื่อยๆ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 636 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • ย้อนรอยหมอบุญ จ้อสื่อทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน รุกธุรกิจเฮลท์แคร์ สุดท้ายฉ้อโกง-ฟอกเงิน

    สำหรับพฤติการณ์การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ. 2566 นพ.บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นพ.บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้ นพ.บุญ และครอบครัว ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นพ.บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้าในชื่อ นพ.บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญา
    นอกจากนี้ นางจารุวรรณ และ นางณวรา ทั้งสองคนยังเซ็นสลักหลังในเช็คทุกใบของ นพ.บุญ มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฏว่า ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบ พบว่า นพ.บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย. 67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯ ออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 66 ถึง ต.ค. 67 มีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค 2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 7,564,433,637 บาท

    อนึ่ง นพ.บุญเคยถูกยกย่องจากสังคมไทยส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากนักการเมืองบางพรรค สื่อมวลชนกระแสหลักบางค่ายของประเทศไทย และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในประเทศไทย ต่างยกย่องในฐานะที่ นพ.บุญเป็นผู้ประกาศตนว่าจะจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ชนิด MRNA ที่สังคมไทยส่วนหนึ่งถูกทำให้เชื่อว่าเป็นวัคซีนที่ดีที่สุด จำนวน 20 ล้านโดส แต่สุดท้ายนอกจากไม่มีการลงนามในสัญญานำเข้าวัคซีนภายในเดือนดังกล่าวจริงแล้ว ในช่วงที่เป็นข่าวเคยทำให้มีผลต่อหุ้น THG สุดท้ายเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงโทษทางแพ่ง นพ.บุญ ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ คือ 2 ล้านบาท และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงิน 2,348,834 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 42 เดือน

    .
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112606
    ย้อนรอยหมอบุญ จ้อสื่อทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน รุกธุรกิจเฮลท์แคร์ สุดท้ายฉ้อโกง-ฟอกเงิน สำหรับพฤติการณ์การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ. 2566 นพ.บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นพ.บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้ นพ.บุญ และครอบครัว ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นพ.บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้าในชื่อ นพ.บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญา นอกจากนี้ นางจารุวรรณ และ นางณวรา ทั้งสองคนยังเซ็นสลักหลังในเช็คทุกใบของ นพ.บุญ มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฏว่า ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบ พบว่า นพ.บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย. 67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯ ออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 66 ถึง ต.ค. 67 มีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค 2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 7,564,433,637 บาท อนึ่ง นพ.บุญเคยถูกยกย่องจากสังคมไทยส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากนักการเมืองบางพรรค สื่อมวลชนกระแสหลักบางค่ายของประเทศไทย และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในประเทศไทย ต่างยกย่องในฐานะที่ นพ.บุญเป็นผู้ประกาศตนว่าจะจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ชนิด MRNA ที่สังคมไทยส่วนหนึ่งถูกทำให้เชื่อว่าเป็นวัคซีนที่ดีที่สุด จำนวน 20 ล้านโดส แต่สุดท้ายนอกจากไม่มีการลงนามในสัญญานำเข้าวัคซีนภายในเดือนดังกล่าวจริงแล้ว ในช่วงที่เป็นข่าวเคยทำให้มีผลต่อหุ้น THG สุดท้ายเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงโทษทางแพ่ง นพ.บุญ ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ คือ 2 ล้านบาท และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงิน 2,348,834 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 42 เดือน . https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112606
    MGRONLINE.COM
    ย้อนรอยหมอบุญ จ้อสื่อทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน รุกธุรกิจเฮลท์แคร์ สุดท้ายฉ้อโกง-ฟอกเงิน
    ถอดบทเรียนนักลงทุน หมอบุญคนดี ฮีโร่ของคนไทย อัศวินม้าขาวผู้จัดหาวัคซีนไฟเซอร์ทิพย์ เคยออกฐานเศรษฐกิจเมื่อ 2 ปีก่อน เตรียมแผนลงทุน 1.6 หมื่นล้าน สยายปีกลงทุนรับอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์โตแรง ทั้งศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า เวลเนสเซ็นเตอร์ย่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1051 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รวยแล้ว รวยอยู่ รวยต่อ"

    สำนักงานธรณีวิทยามณฑลหูหนานของจีนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ได้มีการค้นพบแหล่งทองคำขนาดใหญ่พิเศษ(superlarge gold) ที่มีปริมาณแร่ทองคำสำรองมากกว่า 1,000 ตัน ที่ความลึก 3,000 เมตร มูลค่า 6 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในมณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน

    "แกนหินตัวอย่างที่ขุดพบจำนวนมากแสดงให้เห็นทองคำที่มองเห็นได้" ผู้เชี่ยวชาญด้านแร่กล่าว พร้อมเสริมว่าแร่ 1 ตันในระยะ 2,000 เมตรมีทองคำอยู่สูงสุดที่ 138 กรัม
    "รวยแล้ว รวยอยู่ รวยต่อ" สำนักงานธรณีวิทยามณฑลหูหนานของจีนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ได้มีการค้นพบแหล่งทองคำขนาดใหญ่พิเศษ(superlarge gold) ที่มีปริมาณแร่ทองคำสำรองมากกว่า 1,000 ตัน ที่ความลึก 3,000 เมตร มูลค่า 6 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในมณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน "แกนหินตัวอย่างที่ขุดพบจำนวนมากแสดงให้เห็นทองคำที่มองเห็นได้" ผู้เชี่ยวชาญด้านแร่กล่าว พร้อมเสริมว่าแร่ 1 ตันในระยะ 2,000 เมตรมีทองคำอยู่สูงสุดที่ 138 กรัม
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะนี้บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่กำลังพยายามบ่อนทำลาย RFK Jr และกำลังเรียกร้องให้ผู้ร่างกฎหมายบังคับใช้คำสั่งใหม่ของรัฐบาล!

    หยุดไม่ให้บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่มอบเงินภาษี ๓.๒ หมื่นล้านดอลลาร์ ให้กับตัวเอง โดยคลิกลิงก์ด้านล่าง:
    .
    🚨BREAKING: Big Pharma is now trying to UNDERMINE RFK Jr and is demanding lawmakers implement new government mandates!

    Stop Big Pharma from giving themselves $32 BILLION in taxpayer money by clicking the link below:

    https://conservativesforlowercarecosts.com/big-pharma-windfall 👈
    .
    6:59 AM · Nov 22, 2024 · 37.2K Views
    https://x.com/itscarterhughes/status/1859748591503585741
    ขณะนี้บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่กำลังพยายามบ่อนทำลาย RFK Jr และกำลังเรียกร้องให้ผู้ร่างกฎหมายบังคับใช้คำสั่งใหม่ของรัฐบาล! หยุดไม่ให้บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่มอบเงินภาษี ๓.๒ หมื่นล้านดอลลาร์ ให้กับตัวเอง โดยคลิกลิงก์ด้านล่าง: . 🚨BREAKING: Big Pharma is now trying to UNDERMINE RFK Jr and is demanding lawmakers implement new government mandates! Stop Big Pharma from giving themselves $32 BILLION in taxpayer money by clicking the link below: https://conservativesforlowercarecosts.com/big-pharma-windfall 👈 . 6:59 AM · Nov 22, 2024 · 37.2K Views https://x.com/itscarterhughes/status/1859748591503585741
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทอท. เผยผลประกอบการปี 67 กำไรพุ่งกว่า 118% ทะลุ 1.9 หมื่นล้านบาทเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 14.50% จากปีก่อน จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ดัน ผู้โดยสารแตะ 120 ล้านคน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112155

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทอท. เผยผลประกอบการปี 67 กำไรพุ่งกว่า 118% ทะลุ 1.9 หมื่นล้านบาทเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 14.50% จากปีก่อน จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ดัน ผู้โดยสารแตะ 120 ล้านคน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112155 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Yay
    Love
    21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1455 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง "ทนายตั้ม" ทำตัวผู้จัดการมรดก ส่อง GPS รถเบนซ์ เปิดแผนลวงเข้าป่า-ล่องแพ
    .
    รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น
    .
    วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้
    .
    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน
    .
    - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย
    .
    - เมื่อรู้ว่าคุณอ้อยร่ำรวยเป็นหมื่นล้านบาท และการศึกษาน้อย ร่ำรวยจากการเสี่ยงโชค คุณอ้อยพลาดตรงที่หาทนายความจากเฟซบุ๊ก เห็นว่าทนายตั้มหน้าตาดี เป็นทนายความเพื่อประชาชน แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นึกไม่ถึงว่าเป็นคนเลวถึงขนาดนั้น
    .
    - พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแค่ 9 วัน ทนายตั้มก็คิดจะฮุบเงินฮุบทอง ทำพินัยกรรมที่สำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม มีทั้งหมด 7 ข้อ โดยมีทนายตั้มเป็นผู้เขียนและพิมพ์พินัยกรรม คุณเดวิดสามีคุณอ้อย และคุณน้อย เป็นพยาน ทีแรกไม่ผิดสังเกต แต่ภายหลังพบว่าทนายตั้มไม่ได้ทำงานสมค่าจ้าง ยกครอบครัวเที่ยวหรูอยู่สบาย รวมทั้งสำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จัดทริปพาพนักงาน 20 คนเที่ยวญี่ปุ่น ก็ขอเงินคุณอ้อยหลายล้านบาท และขอเงินยิบย่อย
    .
    - ผ่านไป 1 ปี คุณอ้อยเห็นว่าทำงานไม่คุ้ม ไม่ไหว เลยยกเลิกสัญญาเป็นที่ปรึกษา แต่ทนายตั้มยังตื้อขอต่อสัญญาอีก 1 ปี พร้อมข้อเสนอการลงทุนตามมา เป็นที่มาของเงิน 2 ล้านยูโร ทำแอปฯ นาคี ต่อด้วยคดีสมคบกับนายนุวัฒน์และ น.ส.สาลินีหลอกลวงว่าถูกแฮกคริปโตฯ สูญ 39 ล้านบาท ฉ้อโกงเขียนแบบโรงแรม และอื่นๆ
    .
    - ทนายตั้มร่างพินัยกรรมคุณอ้อยฉบับใหม่ ทำที่บ้านชีวา ลงวันที่ 7 ส.ค. 2566 แก้ไขจากฉบับแรก แต่พินัยกรรมมีปัญหารายละเอียดสำคัญว่า สินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศให้ลูกชายคนเดียว แต่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ ติด GPS เอาไว้ โดยทนายตั้มติดเอง แสดงว่าจะตามว่ารถคันนี้ไปที่ไหนบ้าง จึงสงสัยว่าทำไมถึงติด GPS เอาไว้ แต่ทนายตั้มยังโกหก
    .
    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มเคยชวนไปเชียงราย อ้างว่าทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง แต่ไม่ไปเพราะไกล เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟน และไม่ได้รู้จักคนทางโน้น และชวนไปล่องแพที่ภาคใต้ เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ไปเพราะกลัวเป็นน้ำ ไปลำบากเลยปฎิเสธ ไม่ได้คิดเบื้องหน้าเบื้องหลัง พอรู้จากคนใกล้ชิดก็กลัวว่าอยู่ใต้แพ
    .
    - ในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อทนายตั้ม ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่าทนายตั้มแอบดูข้อมูลการเดินทางว่าไปไหนบ้าง เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาหลังมีเรื่อง นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้มยังแอบเข้าไปดู GPS ว่ารถคุณอ้อยเดินทางไปที่ไหน
    .
    - คุณอ้อยและคุณน้อยพบว่า หลังทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 ทนายตั้มยังชักชวนไปเที่ยวแพที่เขื่อนรัชประภา อ้างว่าจะพาไปรู้จักนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใต้ คือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือโจ๊ก เหมือนกับที่ไปฮ่องกง ไปเจอนายอนุทิน ชาญวีรกุล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แต่คุณอ้อยไม่อยากไป เพราะไม่อยากลำบาก และไม่อยากรู้จักใคร
    .
    - เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ สมมติกรณีที่จัดการกับเจ้าของมรดกก็ไม่มีใครรู้ อ้างได้ว่าอุบัติเหตุทางน้ำ
    .
    - หลังจากทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 คุณอ้อยและคุณน้อยพยายามทวงถามพินัยกรรมคู่ฉบับก็ไม่นำมาให้ กระทั่งแตกหักเรื่องรถเบนซ์ ได้ทำหนังสือทวงถามพินัยกรรม แต่ทนายตั้มตอบกลับว่า ทำลายไปหมดแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ถามหรือทำลายต่อหน้า และพบว่าสัญญามีช่องโหว่ อีกทั้งให้ลงนามเฉพาะหน้าสุดท้าย แทนที่จะลงนามสัญญาทุกหน้า เพราะฉะนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมและพินัยกรรมสอดไส้
    .
    - ต้นปี 2567 หลังจากคุณอ้อยใจสลาย ก็ได้ยกเลิกพินัยกรรมกับทนายตั้มทุกฉบับ แล้วไปทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง จัดทำที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรอง
    ..............
    Sondhi X
    สนธิเล่าเรื่อง "ทนายตั้ม" ทำตัวผู้จัดการมรดก ส่อง GPS รถเบนซ์ เปิดแผนลวงเข้าป่า-ล่องแพ . รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น . วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้ . - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน . - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย . - เมื่อรู้ว่าคุณอ้อยร่ำรวยเป็นหมื่นล้านบาท และการศึกษาน้อย ร่ำรวยจากการเสี่ยงโชค คุณอ้อยพลาดตรงที่หาทนายความจากเฟซบุ๊ก เห็นว่าทนายตั้มหน้าตาดี เป็นทนายความเพื่อประชาชน แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นึกไม่ถึงว่าเป็นคนเลวถึงขนาดนั้น . - พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแค่ 9 วัน ทนายตั้มก็คิดจะฮุบเงินฮุบทอง ทำพินัยกรรมที่สำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม มีทั้งหมด 7 ข้อ โดยมีทนายตั้มเป็นผู้เขียนและพิมพ์พินัยกรรม คุณเดวิดสามีคุณอ้อย และคุณน้อย เป็นพยาน ทีแรกไม่ผิดสังเกต แต่ภายหลังพบว่าทนายตั้มไม่ได้ทำงานสมค่าจ้าง ยกครอบครัวเที่ยวหรูอยู่สบาย รวมทั้งสำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จัดทริปพาพนักงาน 20 คนเที่ยวญี่ปุ่น ก็ขอเงินคุณอ้อยหลายล้านบาท และขอเงินยิบย่อย . - ผ่านไป 1 ปี คุณอ้อยเห็นว่าทำงานไม่คุ้ม ไม่ไหว เลยยกเลิกสัญญาเป็นที่ปรึกษา แต่ทนายตั้มยังตื้อขอต่อสัญญาอีก 1 ปี พร้อมข้อเสนอการลงทุนตามมา เป็นที่มาของเงิน 2 ล้านยูโร ทำแอปฯ นาคี ต่อด้วยคดีสมคบกับนายนุวัฒน์และ น.ส.สาลินีหลอกลวงว่าถูกแฮกคริปโตฯ สูญ 39 ล้านบาท ฉ้อโกงเขียนแบบโรงแรม และอื่นๆ . - ทนายตั้มร่างพินัยกรรมคุณอ้อยฉบับใหม่ ทำที่บ้านชีวา ลงวันที่ 7 ส.ค. 2566 แก้ไขจากฉบับแรก แต่พินัยกรรมมีปัญหารายละเอียดสำคัญว่า สินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศให้ลูกชายคนเดียว แต่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ ติด GPS เอาไว้ โดยทนายตั้มติดเอง แสดงว่าจะตามว่ารถคันนี้ไปที่ไหนบ้าง จึงสงสัยว่าทำไมถึงติด GPS เอาไว้ แต่ทนายตั้มยังโกหก . - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มเคยชวนไปเชียงราย อ้างว่าทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง แต่ไม่ไปเพราะไกล เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟน และไม่ได้รู้จักคนทางโน้น และชวนไปล่องแพที่ภาคใต้ เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ไปเพราะกลัวเป็นน้ำ ไปลำบากเลยปฎิเสธ ไม่ได้คิดเบื้องหน้าเบื้องหลัง พอรู้จากคนใกล้ชิดก็กลัวว่าอยู่ใต้แพ . - ในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อทนายตั้ม ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่าทนายตั้มแอบดูข้อมูลการเดินทางว่าไปไหนบ้าง เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาหลังมีเรื่อง นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้มยังแอบเข้าไปดู GPS ว่ารถคุณอ้อยเดินทางไปที่ไหน . - คุณอ้อยและคุณน้อยพบว่า หลังทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 ทนายตั้มยังชักชวนไปเที่ยวแพที่เขื่อนรัชประภา อ้างว่าจะพาไปรู้จักนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใต้ คือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือโจ๊ก เหมือนกับที่ไปฮ่องกง ไปเจอนายอนุทิน ชาญวีรกุล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แต่คุณอ้อยไม่อยากไป เพราะไม่อยากลำบาก และไม่อยากรู้จักใคร . - เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ สมมติกรณีที่จัดการกับเจ้าของมรดกก็ไม่มีใครรู้ อ้างได้ว่าอุบัติเหตุทางน้ำ . - หลังจากทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 คุณอ้อยและคุณน้อยพยายามทวงถามพินัยกรรมคู่ฉบับก็ไม่นำมาให้ กระทั่งแตกหักเรื่องรถเบนซ์ ได้ทำหนังสือทวงถามพินัยกรรม แต่ทนายตั้มตอบกลับว่า ทำลายไปหมดแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ถามหรือทำลายต่อหน้า และพบว่าสัญญามีช่องโหว่ อีกทั้งให้ลงนามเฉพาะหน้าสุดท้าย แทนที่จะลงนามสัญญาทุกหน้า เพราะฉะนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมและพินัยกรรมสอดไส้ . - ต้นปี 2567 หลังจากคุณอ้อยใจสลาย ก็ได้ยกเลิกพินัยกรรมกับทนายตั้มทุกฉบับ แล้วไปทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง จัดทำที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรอง .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    10
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1692 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts