• 'เขมร' วางทุนระเบิดสังหารที่ช่องบก ชี้ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา ขณะที่ "ทหารไทย" ทำอะไรไม่ได้ เพราะ รบ. สั่งห้าม
    https://www.thai-tai.tv/news/19166/
    'เขมร' วางทุนระเบิดสังหารที่ช่องบก ชี้ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา ขณะที่ "ทหารไทย" ทำอะไรไม่ได้ เพราะ รบ. สั่งห้าม https://www.thai-tai.tv/news/19166/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขมรเล่นแรง!ลอบวางกับระเบิดในพื้นที่ (04/06/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ข้อพิพาท ไทยกัมพูชา #กับระเบิด #สนธิสัญญาออตตาวา
    เขมรเล่นแรง!ลอบวางกับระเบิดในพื้นที่ (04/06/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ข้อพิพาท ไทยกัมพูชา #กับระเบิด #สนธิสัญญาออตตาวา
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • ข่าวจากคุณ Wassana Nanuam ระบุว่ากองทัพเริ่มแจ้งเตือนว่า #กัมพูชา เริ่มมีการวางกับระเบิดสังหารในพื้นที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อกำลังพลของฝ่ายไทย

    ทั้งนี้ ในระดับนานาชาตินั้นมีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งห้ามการใช้ระเบิดสังหารบุคคลทั่วโลก เพราะผลกระทบของทุ่นระเบิดเหล่านี้ส่งผลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้เมื่อปี 1998

    สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กัมพูชาก็เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบันตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน

    ดังนั้นถ้ากัมพูชาใช้กับระเบิด สิ่งที่กองทัพไทยควรทำก็คือเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ตำแหน่งที่พบ รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้นและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป เพราะแม้ว่าการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาจะไม่ต้องขึ้นศาลโลกหรือไม่ถูกบังคับด้วยกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อผลในการกดดันทางการทูตได้ ซึ่งปกติแล้วชาติภาคีของสนธิสัญญาออตตาวาจะมีการจัดประชุมขึ้นทุกปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ที่เจนิวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

    ซึ่งถ้าไทยสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญานี้ในการประชุม ก็จะสามารถนำไปดำเนินการทางการทูตตามที่เห็นสมควรต่อได้ อย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ที่ประชุมระบุว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาครับ

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1FtsgELhHY/?mibextid=wwXIfr
    ข่าวจากคุณ Wassana Nanuam ระบุว่ากองทัพเริ่มแจ้งเตือนว่า #กัมพูชา เริ่มมีการวางกับระเบิดสังหารในพื้นที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อกำลังพลของฝ่ายไทย ทั้งนี้ ในระดับนานาชาตินั้นมีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งห้ามการใช้ระเบิดสังหารบุคคลทั่วโลก เพราะผลกระทบของทุ่นระเบิดเหล่านี้ส่งผลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้เมื่อปี 1998 สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กัมพูชาก็เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบันตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน ดังนั้นถ้ากัมพูชาใช้กับระเบิด สิ่งที่กองทัพไทยควรทำก็คือเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ตำแหน่งที่พบ รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้นและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป เพราะแม้ว่าการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาจะไม่ต้องขึ้นศาลโลกหรือไม่ถูกบังคับด้วยกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อผลในการกดดันทางการทูตได้ ซึ่งปกติแล้วชาติภาคีของสนธิสัญญาออตตาวาจะมีการจัดประชุมขึ้นทุกปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ที่เจนิวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งถ้าไทยสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญานี้ในการประชุม ก็จะสามารถนำไปดำเนินการทางการทูตตามที่เห็นสมควรต่อได้ อย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ที่ประชุมระบุว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาครับ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1FtsgELhHY/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่าทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลซึ่งสนธิสัญญาออตตาวาห้ามไว้จะถูกโอนไปยังยูเครน

    แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับด้านมนุษยธรรมจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้อนุมัติการจัดหาทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลให้กับยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการช่วยป้องกันยูเครนจากรัสเซีย

    สนธิสัญญาห้ามการใช้ทุ่นระเบิดส่วนบุคคลที่ได้รับการลงนามโดยประเทศต่างๆ มากกว่า 160 ประเทศ เนื่องจากลักษณะการทำลายที่ไม่เลือกบุคคล และยังมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อพลเรือนในระยะยาวหลังสงครามสิ้นสุดลง "ภายใต้การบริหารของโอบามา สหรัฐฯ ได้หยุดใช้ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลไปแล้ว" แต่ครั้งนี้ทางการยูเครนได้ให้คำมั่นว่าจะใช้ทุ่นระเบิดเหล่านี้เฉพาะในแนวหน้า ซึ่งเป็นเขตนอกพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงเตือนว่าทุ่นระเบิดยังมีความเสี่ยงร้ายแรงได้

    รัฐบาลของไบเดนอยู่ภายใต้แรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนต่อการโจมตีที่ไม่ลดละของรัสเซีย ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในปีหน้า การตัดสินใจของของไบเดน สร้างความตื่นตระหนกให้กับองค์กรสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด อาจทำให้พลเรือนตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา

    แมรี่ วาเรแฮม รองผู้อำนวยการฝ่ายวิกฤต ความขัดแย้งและอาวุธของ "ฮิวแมนไรท์วอทช์" กล่าวแสดงความกังวลอย่างชัดเจนว่า อาวุธที่ยังไม่ระเบิดส่งผลกระทบในระยะยาว ซึ่งจำเป็นต้องมีปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดที่ยากลำบากและมีค่าใช้จ่ายสูง เธอยืนยันว่ามีอันตรายร้ายแรงต่อพลเรือนอย่างแน่นอน

    เพื่อให้แน่ใจว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดครั้งใหญ่จะได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก หลังสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลของไบเดนจึงให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินทุนสำหรับการกำจัดทุ่นระเบิดในยูเครน

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่าทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลซึ่งสนธิสัญญาออตตาวาห้ามไว้จะถูกโอนไปยังยูเครน แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับด้านมนุษยธรรมจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้อนุมัติการจัดหาทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลให้กับยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการช่วยป้องกันยูเครนจากรัสเซีย สนธิสัญญาห้ามการใช้ทุ่นระเบิดส่วนบุคคลที่ได้รับการลงนามโดยประเทศต่างๆ มากกว่า 160 ประเทศ เนื่องจากลักษณะการทำลายที่ไม่เลือกบุคคล และยังมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อพลเรือนในระยะยาวหลังสงครามสิ้นสุดลง "ภายใต้การบริหารของโอบามา สหรัฐฯ ได้หยุดใช้ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลไปแล้ว" แต่ครั้งนี้ทางการยูเครนได้ให้คำมั่นว่าจะใช้ทุ่นระเบิดเหล่านี้เฉพาะในแนวหน้า ซึ่งเป็นเขตนอกพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงเตือนว่าทุ่นระเบิดยังมีความเสี่ยงร้ายแรงได้ รัฐบาลของไบเดนอยู่ภายใต้แรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนต่อการโจมตีที่ไม่ลดละของรัสเซีย ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในปีหน้า การตัดสินใจของของไบเดน สร้างความตื่นตระหนกให้กับองค์กรสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด อาจทำให้พลเรือนตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา แมรี่ วาเรแฮม รองผู้อำนวยการฝ่ายวิกฤต ความขัดแย้งและอาวุธของ "ฮิวแมนไรท์วอทช์" กล่าวแสดงความกังวลอย่างชัดเจนว่า อาวุธที่ยังไม่ระเบิดส่งผลกระทบในระยะยาว ซึ่งจำเป็นต้องมีปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดที่ยากลำบากและมีค่าใช้จ่ายสูง เธอยืนยันว่ามีอันตรายร้ายแรงต่อพลเรือนอย่างแน่นอน เพื่อให้แน่ใจว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดครั้งใหญ่จะได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก หลังสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลของไบเดนจึงให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินทุนสำหรับการกำจัดทุ่นระเบิดในยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว