• เขมรเล่นแรง!ลอบวางกับระเบิดในพื้นที่ (04/06/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ข้อพิพาท ไทยกัมพูชา #กับระเบิด #สนธิสัญญาออตตาวา
    เขมรเล่นแรง!ลอบวางกับระเบิดในพื้นที่ (04/06/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ข้อพิพาท ไทยกัมพูชา #กับระเบิด #สนธิสัญญาออตตาวา
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • ข่าวจากคุณ Wassana Nanuam ระบุว่ากองทัพเริ่มแจ้งเตือนว่า #กัมพูชา เริ่มมีการวางกับระเบิดสังหารในพื้นที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อกำลังพลของฝ่ายไทย

    ทั้งนี้ ในระดับนานาชาตินั้นมีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งห้ามการใช้ระเบิดสังหารบุคคลทั่วโลก เพราะผลกระทบของทุ่นระเบิดเหล่านี้ส่งผลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้เมื่อปี 1998

    สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กัมพูชาก็เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบันตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน

    ดังนั้นถ้ากัมพูชาใช้กับระเบิด สิ่งที่กองทัพไทยควรทำก็คือเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ตำแหน่งที่พบ รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้นและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป เพราะแม้ว่าการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาจะไม่ต้องขึ้นศาลโลกหรือไม่ถูกบังคับด้วยกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อผลในการกดดันทางการทูตได้ ซึ่งปกติแล้วชาติภาคีของสนธิสัญญาออตตาวาจะมีการจัดประชุมขึ้นทุกปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ที่เจนิวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

    ซึ่งถ้าไทยสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญานี้ในการประชุม ก็จะสามารถนำไปดำเนินการทางการทูตตามที่เห็นสมควรต่อได้ อย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ที่ประชุมระบุว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาครับ

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1FtsgELhHY/?mibextid=wwXIfr
    ข่าวจากคุณ Wassana Nanuam ระบุว่ากองทัพเริ่มแจ้งเตือนว่า #กัมพูชา เริ่มมีการวางกับระเบิดสังหารในพื้นที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อกำลังพลของฝ่ายไทย ทั้งนี้ ในระดับนานาชาตินั้นมีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งห้ามการใช้ระเบิดสังหารบุคคลทั่วโลก เพราะผลกระทบของทุ่นระเบิดเหล่านี้ส่งผลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้เมื่อปี 1998 สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กัมพูชาก็เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบันตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน ดังนั้นถ้ากัมพูชาใช้กับระเบิด สิ่งที่กองทัพไทยควรทำก็คือเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ตำแหน่งที่พบ รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้นและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป เพราะแม้ว่าการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาจะไม่ต้องขึ้นศาลโลกหรือไม่ถูกบังคับด้วยกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อผลในการกดดันทางการทูตได้ ซึ่งปกติแล้วชาติภาคีของสนธิสัญญาออตตาวาจะมีการจัดประชุมขึ้นทุกปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ที่เจนิวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งถ้าไทยสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญานี้ในการประชุม ก็จะสามารถนำไปดำเนินการทางการทูตตามที่เห็นสมควรต่อได้ อย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ที่ประชุมระบุว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาครับ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1FtsgELhHY/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/
    ด่วน!!!
    พลโทยาโรสลาวา โมสคาลิก (Lieutenant General Yaroslav Moskalik) รองผู้บัญชาการกองบัญชาการหลักฝ่ายปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ถูกลอบสังหารโดยการวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ที่รถยนต์ส่วนตัว ในมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ที่มอสโกเพื่อเจรจาเรื่องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน

    บางแหล่งข่าวระบุว่า โมสคาลิกจะเข้าร่วมการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน ซึ่งเขาเป็นตัวแทนจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

    เจ้าหน้าที่ด้านการสืบสวนของรัสเซียระบุว่า ระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ แรงระเบิดเทียบได้กับระเบิดทีเอ็นทีขนาด 300 กรัม นอกจากนี้ยังมีการผสมเศษโลหะเข้าไปในระเบิดเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้าง

    กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียออกมาระบุชัดเจนว่า นายพลโมสคาลิกเสียชีวิตจาก 'การโจมตีของผู้ก่อการร้าย'

    ทางการรัสเซียได้เริ่มทำการสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว

    3/ ด่วน!!! พลโทยาโรสลาวา โมสคาลิก (Lieutenant General Yaroslav Moskalik) รองผู้บัญชาการกองบัญชาการหลักฝ่ายปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ถูกลอบสังหารโดยการวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ที่รถยนต์ส่วนตัว ในมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ที่มอสโกเพื่อเจรจาเรื่องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน บางแหล่งข่าวระบุว่า โมสคาลิกจะเข้าร่วมการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน ซึ่งเขาเป็นตัวแทนจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เจ้าหน้าที่ด้านการสืบสวนของรัสเซียระบุว่า ระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ แรงระเบิดเทียบได้กับระเบิดทีเอ็นทีขนาด 300 กรัม นอกจากนี้ยังมีการผสมเศษโลหะเข้าไปในระเบิดเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้าง กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียออกมาระบุชัดเจนว่า นายพลโมสคาลิกเสียชีวิตจาก 'การโจมตีของผู้ก่อการร้าย' ทางการรัสเซียได้เริ่มทำการสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • 2/
    ด่วน!!!
    พลโทยาโรสลาวา โมสคาลิก (Lieutenant General Yaroslav Moskalik) รองผู้บัญชาการกองบัญชาการหลักฝ่ายปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ถูกลอบสังหารโดยการวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ที่รถยนต์ส่วนตัว ในมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ที่มอสโกเพื่อเจรจาเรื่องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน

    บางแหล่งข่าวระบุว่า โมสคาลิกจะเข้าร่วมการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน ซึ่งเขาเป็นตัวแทนจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

    เจ้าหน้าที่ด้านการสืบสวนของรัสเซียระบุว่า ระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ แรงระเบิดเทียบได้กับระเบิดทีเอ็นทีขนาด 300 กรัม นอกจากนี้ยังมีการผสมเศษโลหะเข้าไปในระเบิดเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้าง

    กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียออกมาระบุชัดเจนว่า นายพลโมสคาลิกเสียชีวิตจาก 'การโจมตีของผู้ก่อการร้าย'

    ทางการรัสเซียได้เริ่มทำการสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว

    2/ ด่วน!!! พลโทยาโรสลาวา โมสคาลิก (Lieutenant General Yaroslav Moskalik) รองผู้บัญชาการกองบัญชาการหลักฝ่ายปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ถูกลอบสังหารโดยการวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ที่รถยนต์ส่วนตัว ในมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ที่มอสโกเพื่อเจรจาเรื่องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน บางแหล่งข่าวระบุว่า โมสคาลิกจะเข้าร่วมการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน ซึ่งเขาเป็นตัวแทนจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เจ้าหน้าที่ด้านการสืบสวนของรัสเซียระบุว่า ระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ แรงระเบิดเทียบได้กับระเบิดทีเอ็นทีขนาด 300 กรัม นอกจากนี้ยังมีการผสมเศษโลหะเข้าไปในระเบิดเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้าง กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียออกมาระบุชัดเจนว่า นายพลโมสคาลิกเสียชีวิตจาก 'การโจมตีของผู้ก่อการร้าย' ทางการรัสเซียได้เริ่มทำการสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • 1/
    ด่วน!!!
    พลโทยาโรสลาวา โมสคาลิก (Lieutenant General Yaroslav Moskalik) รองผู้บัญชาการกองบัญชาการหลักฝ่ายปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ถูกลอบสังหารโดยการวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ที่รถยนต์ส่วนตัว ในมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ที่มอสโกเพื่อเจรจาเรื่องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน

    บางแหล่งข่าวระบุว่า โมสคาลิกจะเข้าร่วมการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน ซึ่งเขาเป็นตัวแทนจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

    เจ้าหน้าที่ด้านการสืบสวนของรัสเซียระบุว่า ระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ แรงระเบิดเทียบได้กับระเบิดทีเอ็นทีขนาด 300 กรัม นอกจากนี้ยังมีการผสมเศษโลหะเข้าไปในระเบิดเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้าง

    กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียออกมาระบุชัดเจนว่า นายพลโมสคาลิกเสียชีวิตจาก 'การโจมตีของผู้ก่อการร้าย'

    ทางการรัสเซียได้เริ่มทำการสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว

    1/ ด่วน!!! พลโทยาโรสลาวา โมสคาลิก (Lieutenant General Yaroslav Moskalik) รองผู้บัญชาการกองบัญชาการหลักฝ่ายปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ถูกลอบสังหารโดยการวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ที่รถยนต์ส่วนตัว ในมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ "สตีฟ วิทคอฟฟ์" ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ที่มอสโกเพื่อเจรจาเรื่องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน บางแหล่งข่าวระบุว่า โมสคาลิกจะเข้าร่วมการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน ซึ่งเขาเป็นตัวแทนจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เจ้าหน้าที่ด้านการสืบสวนของรัสเซียระบุว่า ระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ แรงระเบิดเทียบได้กับระเบิดทีเอ็นทีขนาด 300 กรัม นอกจากนี้ยังมีการผสมเศษโลหะเข้าไปในระเบิดเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้าง กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียออกมาระบุชัดเจนว่า นายพลโมสคาลิกเสียชีวิตจาก 'การโจมตีของผู้ก่อการร้าย' ทางการรัสเซียได้เริ่มทำการสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระหว่างการเยือนสหรัฐของเนทันยาฮู ทรัมป์ประกาศส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ให้แก่อิสราเอล

    ซึ่งรวมถึงระเบิด GBU-8 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์เกือบ 5,000 ลูก (คนละส่วนกับระเบิด MK-84 รอบก่อน)

    ระเบิด GBU-8 เป็นระเบิดนำวิถีแม่นยำสูงที่พัฒนาขึ้นสำหรับทำลายบังเกอร์และโจมตีด้วยแรงกระแทกสูง ซึ่งทำให้อิสราเอลต้องการระเบิดชนิดนี้มาก
    ระหว่างการเยือนสหรัฐของเนทันยาฮู ทรัมป์ประกาศส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ให้แก่อิสราเอล ซึ่งรวมถึงระเบิด GBU-8 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์เกือบ 5,000 ลูก (คนละส่วนกับระเบิด MK-84 รอบก่อน) ระเบิด GBU-8 เป็นระเบิดนำวิถีแม่นยำสูงที่พัฒนาขึ้นสำหรับทำลายบังเกอร์และโจมตีด้วยแรงกระแทกสูง ซึ่งทำให้อิสราเอลต้องการระเบิดชนิดนี้มาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนุ่มอังกฤษอายุ 18 ปี ถูกโดรนรัสเซียสังหารตั้งแต่ภารกิจแรกในยูเครน

    "เขาไม่มีโอกาสรอดเลย" เพื่อนร่วมรบชาวอเมริกันที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าวินาทีที่เกิดขึ้น ชาวอเมริกันรอดโดรนรัสเซียมาได้แต่เสียขาไปข้างนึงในเวลาต่อมา - สำนักข่าว The Sun รายงานข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2025

    เจมส์ หนุ่มอังกฤษจากเมืองแมนเชสเตอร์บินมายูเครนเมื่อ 4 เดือนก่อน อายุ แค่ 17 ปีเท่านั้น เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพยูเครนเพื่อรบกับรัสเซีย เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางทหารมาก่อน

    เขาตายในภารกิจแรกจากโดรนทิ้งระเบิดของรัสเซีย

    ภารกิจแรกของเขาคือไปส่งเสบียงให้แก่ทหารทหารที่อยู่ในแนวหน้า
    เจสัน— นักรบชาวอเมริกันที่อยู่กับเจมส์ในช่วงที่เขาเสียชีวิต และต่อมาเสียเท้าซ้ายระหว่างการสู้รบ — บอกกับ The Sun ว่า

    "ภารกิจนั้นเป็นภารกิจแรกและสุดท้ายของเจมส์"

    "พวกเราต้องข้ามทุ่งโล่งที่ไม่มีต้นไม้ ไม่มีที่กำบัง ไม่มีอะไรเลย เพื่อส่งเสบียงให้ทหารคนอื่น"

    "ผมเป็นหัวหน้าทีม และพวกเรามีกันหกคน เคลื่อนที่เป็นกลุ่มละสองคน โดยเว้นระยะห่างกัน 20 เมตร ผมกับเจมส์เป็นคู่สุดท้าย"

    "ผมเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ผมบอกเขาให้รักษาระยะห่าง 20 เมตรจากผม ผมเห็นว่าเขากลัว และผมก็กลัวเหมือนกัน แต่ผมบอกเขาว่าเขาจะไม่เป็นไร"

    "พวกเรามีกระเป๋าหนักถึง 60 กิโลกรัม เมื่อเราข้ามทุ่งไปได้ครึ่งทาง เขาก็หยุดกะทันหัน"

    "ผมตะโกนเรียกเขาว่า ‘ทำไมถึงหยุด? นายกำลังทำอะไร?’ แต่เขาไม่ตอบ"

    "แล้วผมก็ได้ยินเสียงมัน—เสียงหึ่งๆ ในอากาศเหนือเรา—และคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย’ ผมใช้เวลาสองถึงสามวินาทีมองหามัน แล้วก็เห็นมัน และตระหนักว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด—กลางทุ่งโล่ง ไม่มีที่ให้เราหนี"

    "ผมตะโกนบอกเขาว่า ‘เราต้องขยับแล้ว! เราต้องไปเดี๋ยวนี้!’ แล้วโดรนก็เคลื่อนเข้ามาและเริ่มลอยอยู่เหนือผมที่ระยะ 20 เมตร"

    "ผมรู้ทันทีว่ามันเป็น ‘โดรนทิ้งระเบิด’ และนักบินของมันกำลังตัดสินใจว่าจะฆ่าใคร—ผมหรือเจมส์"

    "มันต้องการให้เราขยับเข้ามาใกล้กัน เพื่อที่จะฆ่าทั้งคู่ด้วยระเบิดลูกเดียว แล้วจู่ๆ ก็มีโดรนอีกตัวปรากฏขึ้น ผมบอกเขาว่าผมจะเริ่มยิง แล้วเขาหันมาพูดว่า ‘ฉันจะวิ่งแล้ว’"

    "เราทั้งคู่เริ่มออกวิ่ง โดยมีโดรนสองตัวตามอยู่เหนือหัว—แล้วก็มีตัวที่สามโผล่มาอีก"

    "พอโดรนจับเป้าหมายที่เจมส์ได้แล้ว เขาก็ไม่มีโอกาสรอดเลย"

    "เขาอยู่ห่างจากแนวสนามเพียงประมาณ 30 เมตร ตอนที่ผมเห็นโดรนระเบิด"

    "ขณะที่ผมก้มลงไปคว้าตัวเขา โดรนอีกตัวก็ปรากฏขึ้น ห่างจากหัวผมแค่สิบเมตร ผมหลับตาแล้วคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย! นี่ฉันต้องตายแล้วสินะ’"

    "ผมรู้สึกสงบนิ่งไปชั่วขณะเหมือนทำใจยอมรับแล้ว ผมกอดเพื่อนเอาไว้ รอให้มันเกิดขึ้น"

    "แต่ผ่านไปห้าวินาที โดรนรัสเซียกลับพุ่งออกไปและทิ้งผมไว้ตรงนั้น—จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไม"

    หลังจากเห็นเจมส์เสียชีวิต เขายังคงสู้ต่อไป และสามารถอพยพทหารที่บาดเจ็บได้อีกสามคน ซึ่งทั้งหมดรอดชีวิต
    แต่สี่วันต่อมา เขาเหยียบกับระเบิดและเสียเท้าซ้ายตั้งแต่ใต้เข่าลงไป

    เจสันกล่าวว่า "ผมพาเพื่อนของผม เจมส์ ออกจากสนามรบ แต่เขาก็จากไป มันยากที่จะไม่รู้สึกสะเทือนใจ แต่การได้เห็นสิ่งนั้นทำให้ผมอยากพยายามให้มากขึ้นเพื่อช่วยคนอื่น"

    "เขาเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่ม และพวกเราทุกคนก็รู้สึกอยากปกป้องเขา สำหรับผม เขากลายเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง"

    .
    https://www.facebook.com/share/p/19mBeAksJc/
    หนุ่มอังกฤษอายุ 18 ปี ถูกโดรนรัสเซียสังหารตั้งแต่ภารกิจแรกในยูเครน "เขาไม่มีโอกาสรอดเลย" เพื่อนร่วมรบชาวอเมริกันที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าวินาทีที่เกิดขึ้น ชาวอเมริกันรอดโดรนรัสเซียมาได้แต่เสียขาไปข้างนึงในเวลาต่อมา - สำนักข่าว The Sun รายงานข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2025 เจมส์ หนุ่มอังกฤษจากเมืองแมนเชสเตอร์บินมายูเครนเมื่อ 4 เดือนก่อน อายุ แค่ 17 ปีเท่านั้น เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพยูเครนเพื่อรบกับรัสเซีย เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางทหารมาก่อน เขาตายในภารกิจแรกจากโดรนทิ้งระเบิดของรัสเซีย ภารกิจแรกของเขาคือไปส่งเสบียงให้แก่ทหารทหารที่อยู่ในแนวหน้า เจสัน— นักรบชาวอเมริกันที่อยู่กับเจมส์ในช่วงที่เขาเสียชีวิต และต่อมาเสียเท้าซ้ายระหว่างการสู้รบ — บอกกับ The Sun ว่า "ภารกิจนั้นเป็นภารกิจแรกและสุดท้ายของเจมส์" "พวกเราต้องข้ามทุ่งโล่งที่ไม่มีต้นไม้ ไม่มีที่กำบัง ไม่มีอะไรเลย เพื่อส่งเสบียงให้ทหารคนอื่น" "ผมเป็นหัวหน้าทีม และพวกเรามีกันหกคน เคลื่อนที่เป็นกลุ่มละสองคน โดยเว้นระยะห่างกัน 20 เมตร ผมกับเจมส์เป็นคู่สุดท้าย" "ผมเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ผมบอกเขาให้รักษาระยะห่าง 20 เมตรจากผม ผมเห็นว่าเขากลัว และผมก็กลัวเหมือนกัน แต่ผมบอกเขาว่าเขาจะไม่เป็นไร" "พวกเรามีกระเป๋าหนักถึง 60 กิโลกรัม เมื่อเราข้ามทุ่งไปได้ครึ่งทาง เขาก็หยุดกะทันหัน" "ผมตะโกนเรียกเขาว่า ‘ทำไมถึงหยุด? นายกำลังทำอะไร?’ แต่เขาไม่ตอบ" "แล้วผมก็ได้ยินเสียงมัน—เสียงหึ่งๆ ในอากาศเหนือเรา—และคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย’ ผมใช้เวลาสองถึงสามวินาทีมองหามัน แล้วก็เห็นมัน และตระหนักว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด—กลางทุ่งโล่ง ไม่มีที่ให้เราหนี" "ผมตะโกนบอกเขาว่า ‘เราต้องขยับแล้ว! เราต้องไปเดี๋ยวนี้!’ แล้วโดรนก็เคลื่อนเข้ามาและเริ่มลอยอยู่เหนือผมที่ระยะ 20 เมตร" "ผมรู้ทันทีว่ามันเป็น ‘โดรนทิ้งระเบิด’ และนักบินของมันกำลังตัดสินใจว่าจะฆ่าใคร—ผมหรือเจมส์" "มันต้องการให้เราขยับเข้ามาใกล้กัน เพื่อที่จะฆ่าทั้งคู่ด้วยระเบิดลูกเดียว แล้วจู่ๆ ก็มีโดรนอีกตัวปรากฏขึ้น ผมบอกเขาว่าผมจะเริ่มยิง แล้วเขาหันมาพูดว่า ‘ฉันจะวิ่งแล้ว’" "เราทั้งคู่เริ่มออกวิ่ง โดยมีโดรนสองตัวตามอยู่เหนือหัว—แล้วก็มีตัวที่สามโผล่มาอีก" "พอโดรนจับเป้าหมายที่เจมส์ได้แล้ว เขาก็ไม่มีโอกาสรอดเลย" "เขาอยู่ห่างจากแนวสนามเพียงประมาณ 30 เมตร ตอนที่ผมเห็นโดรนระเบิด" "ขณะที่ผมก้มลงไปคว้าตัวเขา โดรนอีกตัวก็ปรากฏขึ้น ห่างจากหัวผมแค่สิบเมตร ผมหลับตาแล้วคิดในใจว่า ‘บ้าเอ้ย! นี่ฉันต้องตายแล้วสินะ’" "ผมรู้สึกสงบนิ่งไปชั่วขณะเหมือนทำใจยอมรับแล้ว ผมกอดเพื่อนเอาไว้ รอให้มันเกิดขึ้น" "แต่ผ่านไปห้าวินาที โดรนรัสเซียกลับพุ่งออกไปและทิ้งผมไว้ตรงนั้น—จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไม" หลังจากเห็นเจมส์เสียชีวิต เขายังคงสู้ต่อไป และสามารถอพยพทหารที่บาดเจ็บได้อีกสามคน ซึ่งทั้งหมดรอดชีวิต แต่สี่วันต่อมา เขาเหยียบกับระเบิดและเสียเท้าซ้ายตั้งแต่ใต้เข่าลงไป เจสันกล่าวว่า "ผมพาเพื่อนของผม เจมส์ ออกจากสนามรบ แต่เขาก็จากไป มันยากที่จะไม่รู้สึกสะเทือนใจ แต่การได้เห็นสิ่งนั้นทำให้ผมอยากพยายามให้มากขึ้นเพื่อช่วยคนอื่น" "เขาเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่ม และพวกเราทุกคนก็รู้สึกอยากปกป้องเขา สำหรับผม เขากลายเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง" . https://www.facebook.com/share/p/19mBeAksJc/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการโจมตีเป้าหมายยูเครนในพื้นที่ของภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์(Dnepropetrovsk / Dnipro) ด้วยระเบิดร่อน FAB จากรัสเซีย

    ในทิศทางนี้ ก่อนหน้านี้ การโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB จะถูกใช้อยู่เพียงในดอนบาสเท่านั้น

    สิ่งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า แนวหน้าของการต่อสู้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์มากขึ้นจากทางตะวันออก ในทิศทาง Pokrovsk-Kurakhove

    ชุดระเบิดร่อน FAB มีระยะการบินร่อนประมาณ 50–70 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการดัดแปลงชุด UMPK (Universal Modular Gliding and Correction Kit) ที่ติดตั้งอยู่กับระเบิด
    มีรายงานเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการโจมตีเป้าหมายยูเครนในพื้นที่ของภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์(Dnepropetrovsk / Dnipro) ด้วยระเบิดร่อน FAB จากรัสเซีย ในทิศทางนี้ ก่อนหน้านี้ การโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB จะถูกใช้อยู่เพียงในดอนบาสเท่านั้น สิ่งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า แนวหน้าของการต่อสู้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์มากขึ้นจากทางตะวันออก ในทิศทาง Pokrovsk-Kurakhove ชุดระเบิดร่อน FAB มีระยะการบินร่อนประมาณ 50–70 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการดัดแปลงชุด UMPK (Universal Modular Gliding and Correction Kit) ที่ติดตั้งอยู่กับระเบิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กรรม!"

    ทหารยูเครนหัวเราะใส่เพื่อนทหารด้วยกัน เมื่อเห็นเพื่อนสะดุดล้มต่อหน้า เขาวิ่งแซงหน้าไปโดยไม่คิดจะช่วยเหลือเพื่อน สุดท้ายทหารยูเครนรายนี้ต้องเหยียบกับระเบิดแทน
    "กรรม!" ทหารยูเครนหัวเราะใส่เพื่อนทหารด้วยกัน เมื่อเห็นเพื่อนสะดุดล้มต่อหน้า เขาวิ่งแซงหน้าไปโดยไม่คิดจะช่วยเหลือเพื่อน สุดท้ายทหารยูเครนรายนี้ต้องเหยียบกับระเบิดแทน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 762 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อิหร่านเพิ่งประกาศเดินเครื่องหมุนเหวี่ยง (Centrifuge) แบบใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะที่ใช้สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงให้กับระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก

    บางส่วนของแถลงการณ์ร่วมของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานพลังงานปรมาณูของอิหร่าน:

    "เนื่องด้วยการกระทำที่ผิดกฏหมายของประเทศตะวันตกและตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อตอบโต้ต่อการรับรองมติต่อต้านอิหร่านของ IAEA เราจึงได้ออกคำสั่งให้เปิดใช้งานเครื่องหมุนเหวี่ยงแบบใหม่ที่ล้ำหน้าเพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะอีกครั้ง"

    ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อิหร่านเพิ่งประกาศยุติการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะซึ่งซึ่งเป็นระดับที่ใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ตามคำร้องขอของ IAEA
    เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อิหร่านเพิ่งประกาศเดินเครื่องหมุนเหวี่ยง (Centrifuge) แบบใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะที่ใช้สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงให้กับระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก บางส่วนของแถลงการณ์ร่วมของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานพลังงานปรมาณูของอิหร่าน: "เนื่องด้วยการกระทำที่ผิดกฏหมายของประเทศตะวันตกและตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อตอบโต้ต่อการรับรองมติต่อต้านอิหร่านของ IAEA เราจึงได้ออกคำสั่งให้เปิดใช้งานเครื่องหมุนเหวี่ยงแบบใหม่ที่ล้ำหน้าเพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะอีกครั้ง" ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อิหร่านเพิ่งประกาศยุติการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะซึ่งซึ่งเป็นระดับที่ใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ตามคำร้องขอของ IAEA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • มอสโกกร้าวเอาคืนยูเครน รวมถึงนาโตที่จัดส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้เคียฟโจมตีดินแดนรัสเซีย พร้อมกันนี้ยังกล่าวหาอเมริกาต้องการยื้อสงครามด้วยการเร่งส่งอาวุธให้ยูเครนก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ขณะที่ในวันพุธ (20 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สั่งปิดสถานทูตในเคียฟและเตือนพลเมืองอเมริกันในยูเครนเตรียมพร้อมหาที่หลบภัยรวมถึงเสบียงและของใช้จำเป็นโดยด่วน หลังได้รับข้อมูลว่า อาจมีการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่
    .
    กองทัพยูเครนแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธของรัสเซียห่างจากชายแดนราว 110 กม. เมื่อเช้าวันอังคาร (19) ซึ่งทำให้เกิดระเบิดตามมา แต่ไม่ได้ระบุว่า ใช้อาวุธชนิดใด กระนั้น แหล่งข่าวในรัฐบาลยูเครนและเจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งยืนยันว่า อาวุธที่ใช้โจมตีคือ อะแทคซิมส์ (ATACMS ย่อมาจาก MGM-140 Army Tactical Missile System ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีกองทัพบกแบบ เอ็มจีเอ็ม-140) ซึ่งเป็นขีปนาวุธยุทธวิธีที่ยิงได้ไกลประมาณ 300 กิโลเมตร ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งอนุมัติให้ยูเครนใช้ในการโจมตีดินแดนรัสเซียได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ด้านรัสเซียระบุว่า ยิงขีปนาวุธอะแทคซิมส์จำนวน 5 จาก 6 ลูกตก ในพื้นที่ทางทหารในแคว้นบรีแยนสก์ของตน และซากจรวดทำให้เกิดไฟไหม้แต่ดับได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่มีผู้เสียชีวิตและไม่มีความเสียหายใดๆ
    .
    การโจมตีคราวนี้เกิดขึ้นขณะสงครามยูเครนดำเนินมาครบ 1,000 วัน โดยที่ยูเครนเสียดินแดนประมาณ 1 ใน 5 ให้รัสเซีย และท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับความช่วยเหลือของตะวันตกที่จะให้แก่ยูเครนในอนาคต หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้นปีหน้า
    .
    เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (18) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามกฤษฎีกาแก้ไขหลักนิยมนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตเงื่อนไขที่มอสโกจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากในกรณีถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กล่าวไว้ในหลักนิยมนิวเคลียร์ฉบับเดิมแล้ว ต่อจากนี้ไปรัสเซียจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ในกรณีถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตามแบบแผน โดรน หรือเครื่องบินอื่นๆ ของประเทศที่ไม่ได้ครอบครองนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์
    .
    นอกจากนั้น การรุกรานรัสเซียโดยประเทศที่เป็นสมาชิกแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งใดแห่งหนึ่ง จะถือว่าแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งนั้นมีส่วนร่วมในการรุกรานด้วย
    .
    เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวระหว่างร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มจี20 ที่บราซิลเมื่อวันอังคาร (19) ว่า การโจมตีของยูเครนด้วยจรวดอะแทคซิมส์ของอเมริกา เป็นเครื่องฟ้องว่า ตะวันตกต้องการให้ความขัดแย้งลุกลาม และถือเป็นเฟสใหม่ของสงครามที่ฝ่ายตะวันตกกระทำต่อรัสเซีย
    .
    ขณะที่ เซียร์เก นาริชกิน ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันพุธ (20) ว่า รัสเซียจะแก้แค้นชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่จัดหาขีปนาวุธให้ยูเครนใช้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย และสำทับว่า การแก้ไขหลักนิยมนิวเคลียร์ของปูตินหมายความว่า ศัตรูไม่มีทางเอาชนะรัสเซียในสนามรบได้
    .
    วันเดียวกันนั้น ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาแถลงกล่าวหาอเมริกาพยายามทำทุกทางเพื่อยื้อสงครามในยูเครน ซึ่งรวมถึงการรีบเร่งจัดส่งอาวุธให้เคียฟก่อนที่ทรัมป์จะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว โดยที่ผ่านมา ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของอเมริกาผู้นี้วิจารณ์การสนับสนุนยูเครนของคณะบริหารไบเดน และประกาศว่า จะผลักดันให้มีข้อตกลงหยุดยิงภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่ง
    .
    นอกจากนั้น เมื่อคืนวันอังคาร เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งเปิดเผยว่า เร็วๆ นี้อเมริกาจะจัดส่งกับระเบิดสังหารบุคคลไปให้ยูเครน โดยขอให้เคียฟใช้อาวุธนี้เฉพาะในบริเวณที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยและในดินแดนของตนเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อพลเรือน
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันพุธกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำสั่งปิดสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในกรุงเคียฟ โดยกล่าวว่าเนื่องจากได้รับข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ พร้อมเตือนพลเมืองอเมริกันในยูเครนให้เตรียมพร้อมหาที่หลบภัยโดยด่วน รวมทั้งสำรองน้ำ อาหาร และสิ่งจำเป็นอื่นๆ เช่น ยา เผื่อไว้สำหรับกรณีที่ระบบไฟฟ้าและน้ำประปายูเครนเสียหายจากการโจมตีของรัสเซีย
    .
    ทางด้าน อันดริว โควาเลนโก ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการเผยแพร่ข้อมูลเท็จของสภาความมั่นคงแห่งยูเครน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า รัสเซียพร้อมโจมตีทางอากาศเพิ่มขึ้น และสำทับว่า รัสเซียตุนขีปนาวุธสำหรับโจมตียูเครนมานานหลายเดือน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธเคเอช-101 และคาลิบร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111834
    ..............
    Sondhi X
    มอสโกกร้าวเอาคืนยูเครน รวมถึงนาโตที่จัดส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้เคียฟโจมตีดินแดนรัสเซีย พร้อมกันนี้ยังกล่าวหาอเมริกาต้องการยื้อสงครามด้วยการเร่งส่งอาวุธให้ยูเครนก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ขณะที่ในวันพุธ (20 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สั่งปิดสถานทูตในเคียฟและเตือนพลเมืองอเมริกันในยูเครนเตรียมพร้อมหาที่หลบภัยรวมถึงเสบียงและของใช้จำเป็นโดยด่วน หลังได้รับข้อมูลว่า อาจมีการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ . กองทัพยูเครนแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธของรัสเซียห่างจากชายแดนราว 110 กม. เมื่อเช้าวันอังคาร (19) ซึ่งทำให้เกิดระเบิดตามมา แต่ไม่ได้ระบุว่า ใช้อาวุธชนิดใด กระนั้น แหล่งข่าวในรัฐบาลยูเครนและเจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งยืนยันว่า อาวุธที่ใช้โจมตีคือ อะแทคซิมส์ (ATACMS ย่อมาจาก MGM-140 Army Tactical Missile System ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีกองทัพบกแบบ เอ็มจีเอ็ม-140) ซึ่งเป็นขีปนาวุธยุทธวิธีที่ยิงได้ไกลประมาณ 300 กิโลเมตร ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งอนุมัติให้ยูเครนใช้ในการโจมตีดินแดนรัสเซียได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . ด้านรัสเซียระบุว่า ยิงขีปนาวุธอะแทคซิมส์จำนวน 5 จาก 6 ลูกตก ในพื้นที่ทางทหารในแคว้นบรีแยนสก์ของตน และซากจรวดทำให้เกิดไฟไหม้แต่ดับได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่มีผู้เสียชีวิตและไม่มีความเสียหายใดๆ . การโจมตีคราวนี้เกิดขึ้นขณะสงครามยูเครนดำเนินมาครบ 1,000 วัน โดยที่ยูเครนเสียดินแดนประมาณ 1 ใน 5 ให้รัสเซีย และท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับความช่วยเหลือของตะวันตกที่จะให้แก่ยูเครนในอนาคต หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้นปีหน้า . เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (18) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามกฤษฎีกาแก้ไขหลักนิยมนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตเงื่อนไขที่มอสโกจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากในกรณีถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กล่าวไว้ในหลักนิยมนิวเคลียร์ฉบับเดิมแล้ว ต่อจากนี้ไปรัสเซียจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ในกรณีถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตามแบบแผน โดรน หรือเครื่องบินอื่นๆ ของประเทศที่ไม่ได้ครอบครองนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์ . นอกจากนั้น การรุกรานรัสเซียโดยประเทศที่เป็นสมาชิกแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งใดแห่งหนึ่ง จะถือว่าแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งนั้นมีส่วนร่วมในการรุกรานด้วย . เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวระหว่างร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มจี20 ที่บราซิลเมื่อวันอังคาร (19) ว่า การโจมตีของยูเครนด้วยจรวดอะแทคซิมส์ของอเมริกา เป็นเครื่องฟ้องว่า ตะวันตกต้องการให้ความขัดแย้งลุกลาม และถือเป็นเฟสใหม่ของสงครามที่ฝ่ายตะวันตกกระทำต่อรัสเซีย . ขณะที่ เซียร์เก นาริชกิน ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันพุธ (20) ว่า รัสเซียจะแก้แค้นชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่จัดหาขีปนาวุธให้ยูเครนใช้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย และสำทับว่า การแก้ไขหลักนิยมนิวเคลียร์ของปูตินหมายความว่า ศัตรูไม่มีทางเอาชนะรัสเซียในสนามรบได้ . วันเดียวกันนั้น ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาแถลงกล่าวหาอเมริกาพยายามทำทุกทางเพื่อยื้อสงครามในยูเครน ซึ่งรวมถึงการรีบเร่งจัดส่งอาวุธให้เคียฟก่อนที่ทรัมป์จะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว โดยที่ผ่านมา ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของอเมริกาผู้นี้วิจารณ์การสนับสนุนยูเครนของคณะบริหารไบเดน และประกาศว่า จะผลักดันให้มีข้อตกลงหยุดยิงภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่ง . นอกจากนั้น เมื่อคืนวันอังคาร เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งเปิดเผยว่า เร็วๆ นี้อเมริกาจะจัดส่งกับระเบิดสังหารบุคคลไปให้ยูเครน โดยขอให้เคียฟใช้อาวุธนี้เฉพาะในบริเวณที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยและในดินแดนของตนเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อพลเรือน . ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันพุธกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำสั่งปิดสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในกรุงเคียฟ โดยกล่าวว่าเนื่องจากได้รับข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ พร้อมเตือนพลเมืองอเมริกันในยูเครนให้เตรียมพร้อมหาที่หลบภัยโดยด่วน รวมทั้งสำรองน้ำ อาหาร และสิ่งจำเป็นอื่นๆ เช่น ยา เผื่อไว้สำหรับกรณีที่ระบบไฟฟ้าและน้ำประปายูเครนเสียหายจากการโจมตีของรัสเซีย . ทางด้าน อันดริว โควาเลนโก ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการเผยแพร่ข้อมูลเท็จของสภาความมั่นคงแห่งยูเครน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า รัสเซียพร้อมโจมตีทางอากาศเพิ่มขึ้น และสำทับว่า รัสเซียตุนขีปนาวุธสำหรับโจมตียูเครนมานานหลายเดือน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธเคเอช-101 และคาลิบร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111834 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1707 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนอาจเร่งพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ภายในไม่กี่เดือน หากสหรัฐฯภายใต้การบริหารงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนความช่วยเหลือทางทหาร ตามที่กล่าวอ้าง จากความเห็นของสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง
    .
    สถาบันวิจัย Centre for Army, Conversion and Disarmament Studies (CACDS) เตือนว่ายูเครนอาจสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ที่มีศักยภาพทำลายล้างที่ไม่อาจพรรณาได้ จัดการรัสเซีย โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่เคยใช้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ ลูกที่ถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ปี 1945 ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    ทางสถาบันวิจัยแห่งนี้ ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อาจหันหน้าสู่ "ทางเลือกด้านนิวเคลียร์" หาก ทรัมป์ ปฏิเสธมอบเงินทุนที่จำเป็นในการเดินหน้าป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย พร้อมกล่าวอ้างในเอกสารที่ตระเตรียมให้กับกระทรวงกลาโหมยูเครน ว่าเคียฟมีเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ในขั้นพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว
    .
    รายงานของ CACDS สถาบันวิจัยทรงอิทธิพลของยูเครน ระบุว่าเคียฟมีศักยภาพในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ระดับพื้นฐานจากพลูโตเนียม โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่สหรัฐฯเคยใช้กับระเบิด Fat man ซึ่งถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิในปี
    .
    ทั้งนี้ Fat man ระเบิดพลูโตเนียม ถูกหย่อนลงสู่เมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 ก่อหายนะทำลายล้างที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ โดยนอกเหนือจากระเบิดในนางาซากิแล้ว ระเบิดนิวเคลียร์อีกลูกที่ถูกหย่อนลงเมืองฮิโรชิมา ช่วยทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลง
    .
    โอเลกซี ยิซาค หนึ่งในผู้เขียนรายงาน ระบุว่าระเบิดนิวเคลียร์แบบเดียวกับที่ใช้ถล่มนางาซากิ "เพียงพอที่จะสามารถทำลายฐานทัพอากาศ ศูนย์รวมทางทหาร ที่ตั้งทางอุตสาหกรรมและที่ตั้งทางโลจิสติกส์ ทั่วทั้งรัสเซีย"
    .
    ก่อนหน้านี้พวกเจ้าหน้าที่เคยพากันปฏิเสธว่า เคียฟไม่ได้กำลังพิจารณาติดอาวุธนิวเคลียร์
    .
    เอกสารนี้ถูกเผยแพร่ออกมา ท่ามกลางรายงานข่าวว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังเข้ารับการฝึกฝนในรัสเซีย ในความเป็นไปได้ว่าจะเข้าช่วยเหลือรัสเซียสู้รบกับยูเครน ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เตรียมส่งทหาร 50,000 นาย เข้าทวงคืนแคว้นคูร์สก์จากการรุกรานของยูเครน
    .
    เกาหลีเหนือกับรัสเซียกระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้นนับตั้งแต่มอสโกยกทัพบุกโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีทหารมากที่สุดในโลก ที่ 1.2 ล้านนาย แต่เกือบทุกคนขาดประสบการณ์ในการสู้รบจริง
    .
    ด้านยูเครนยกทัพบุกรุกเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียเมื่อเดือนสิงหาคม สร้างเซอร์ไพรส์ให้คนทั้งโลก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของรัสเซียไปจากสมรภูมิทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งฝ่ายยูเครนกำลังเสียเปรียบอย่างหนัก แต่พวกเขาทำไม่สำเร็จ และตอนนี้ปฏิบัติการในแคว้นคูสค์ของยูเครนก็หยุดชะงัก หลังยึดพื้นที่ขนาดเล็กได้ก่อนหน้านี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109525
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนอาจเร่งพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ภายในไม่กี่เดือน หากสหรัฐฯภายใต้การบริหารงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนความช่วยเหลือทางทหาร ตามที่กล่าวอ้าง จากความเห็นของสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง . สถาบันวิจัย Centre for Army, Conversion and Disarmament Studies (CACDS) เตือนว่ายูเครนอาจสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ที่มีศักยภาพทำลายล้างที่ไม่อาจพรรณาได้ จัดการรัสเซีย โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่เคยใช้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ ลูกที่ถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ปี 1945 ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 . ทางสถาบันวิจัยแห่งนี้ ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อาจหันหน้าสู่ "ทางเลือกด้านนิวเคลียร์" หาก ทรัมป์ ปฏิเสธมอบเงินทุนที่จำเป็นในการเดินหน้าป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย พร้อมกล่าวอ้างในเอกสารที่ตระเตรียมให้กับกระทรวงกลาโหมยูเครน ว่าเคียฟมีเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ในขั้นพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว . รายงานของ CACDS สถาบันวิจัยทรงอิทธิพลของยูเครน ระบุว่าเคียฟมีศักยภาพในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ระดับพื้นฐานจากพลูโตเนียม โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่สหรัฐฯเคยใช้กับระเบิด Fat man ซึ่งถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิในปี . ทั้งนี้ Fat man ระเบิดพลูโตเนียม ถูกหย่อนลงสู่เมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 ก่อหายนะทำลายล้างที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ โดยนอกเหนือจากระเบิดในนางาซากิแล้ว ระเบิดนิวเคลียร์อีกลูกที่ถูกหย่อนลงเมืองฮิโรชิมา ช่วยทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลง . โอเลกซี ยิซาค หนึ่งในผู้เขียนรายงาน ระบุว่าระเบิดนิวเคลียร์แบบเดียวกับที่ใช้ถล่มนางาซากิ "เพียงพอที่จะสามารถทำลายฐานทัพอากาศ ศูนย์รวมทางทหาร ที่ตั้งทางอุตสาหกรรมและที่ตั้งทางโลจิสติกส์ ทั่วทั้งรัสเซีย" . ก่อนหน้านี้พวกเจ้าหน้าที่เคยพากันปฏิเสธว่า เคียฟไม่ได้กำลังพิจารณาติดอาวุธนิวเคลียร์ . เอกสารนี้ถูกเผยแพร่ออกมา ท่ามกลางรายงานข่าวว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังเข้ารับการฝึกฝนในรัสเซีย ในความเป็นไปได้ว่าจะเข้าช่วยเหลือรัสเซียสู้รบกับยูเครน ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เตรียมส่งทหาร 50,000 นาย เข้าทวงคืนแคว้นคูร์สก์จากการรุกรานของยูเครน . เกาหลีเหนือกับรัสเซียกระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้นนับตั้งแต่มอสโกยกทัพบุกโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีทหารมากที่สุดในโลก ที่ 1.2 ล้านนาย แต่เกือบทุกคนขาดประสบการณ์ในการสู้รบจริง . ด้านยูเครนยกทัพบุกรุกเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียเมื่อเดือนสิงหาคม สร้างเซอร์ไพรส์ให้คนทั้งโลก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของรัสเซียไปจากสมรภูมิทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งฝ่ายยูเครนกำลังเสียเปรียบอย่างหนัก แต่พวกเขาทำไม่สำเร็จ และตอนนี้ปฏิบัติการในแคว้นคูสค์ของยูเครนก็หยุดชะงัก หลังยึดพื้นที่ขนาดเล็กได้ก่อนหน้านี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109525 .............. Sondhi X
    Like
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1262 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน
    .
    หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง
    .
    "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว
    .
    โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด
    .
    ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน
    .
    ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
    .
    เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน
    .
    "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล
    .
    ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร
    .
    https://sondhitalk.com/detail/9670000102037

    #Thaitimes
    เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน . หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง . "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว . โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด . ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน . ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย . เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน . "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล . ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร . https://sondhitalk.com/detail/9670000102037 #Thaitimes
    SONDHITALK.COM
    ส่อลุกลาม! เกาหลีใต้ขู่จัดอาวุธร้ายแรงให้ยูเครนตรงๆ เอาคืนเกาหลีเหนือส่งทหารช่วยรัสเซีย
    เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร(22ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 966 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน
    .
    หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง
    .
    "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว
    .
    โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด
    .
    ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน
    .
    ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
    .
    เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน
    .
    "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล
    .
    ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102037
    ..............
    Sondhi X
    เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน . หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง . "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว . โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด . ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน . ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย . เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน . "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล . ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102037 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1564 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นไงบ้างไอ้ยิว รสชาตของกับระเบิดเป็นไงบ้าง อร่อยไหม
    เป็นไงบ้างไอ้ยิว รสชาตของกับระเบิดเป็นไงบ้าง อร่อยไหม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 42 0 รีวิว
  • ♣ ที่ปรึกษาเต้น เป็นวันเดียว ก็โดนกับระเบิดทันที คดีผมเงินช่วยม็อบเสื้อแดง 42 ล้าน
    #7ดอกจิก
    ♣ ที่ปรึกษาเต้น เป็นวันเดียว ก็โดนกับระเบิดทันที คดีผมเงินช่วยม็อบเสื้อแดง 42 ล้าน #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว