• ไทยมีไม้เด็ด! 'ณัฐพล' แฉ 'กัมพูชา' ผิดชัดปมระเบิดชายแดน ยันหลักฐานสภาพใหม่-โลหะวาว เตรียมส่งฟ้อง 'ออตตาวา' ธ.ค.นี้
    https://www.thai-tai.tv/news/20424/
    .
    #ทุ่นระเบิด #ช่องบก #ณัฐพล #กระทรวงกลาโหม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สนธิสัญญาออตตาวา #กัมพูชา #หลักฐานแน่น #การเมืองชายแดน #ความปลอดภัย

    ไทยมีไม้เด็ด! 'ณัฐพล' แฉ 'กัมพูชา' ผิดชัดปมระเบิดชายแดน ยันหลักฐานสภาพใหม่-โลหะวาว เตรียมส่งฟ้อง 'ออตตาวา' ธ.ค.นี้ https://www.thai-tai.tv/news/20424/ . #ทุ่นระเบิด #ช่องบก #ณัฐพล #กระทรวงกลาโหม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สนธิสัญญาออตตาวา #กัมพูชา #หลักฐานแน่น #การเมืองชายแดน #ความปลอดภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พล.อ.ณัฐพล" เรียกประชุมด่วนพรุ่งนี้!!! ปมระเบิดชายแดนช่องบก จ่อฟ้อง UN หากกัมพูชาละเมิดอนุสัญญา
    https://www.thai-tai.tv/news/20397/
    .
    #ช่องบก #ระเบิดชายแดน #ไทยกัมพูชา #ศบ_ทก #ณัฐพล_นาคพาณิชย์ #อนุสัญญาออตตาวา #สหประชาชาติ #ความมั่นคงชายแดน
    "พล.อ.ณัฐพล" เรียกประชุมด่วนพรุ่งนี้!!! ปมระเบิดชายแดนช่องบก จ่อฟ้อง UN หากกัมพูชาละเมิดอนุสัญญา https://www.thai-tai.tv/news/20397/ . #ช่องบก #ระเบิดชายแดน #ไทยกัมพูชา #ศบ_ทก #ณัฐพล_นาคพาณิชย์ #อนุสัญญาออตตาวา #สหประชาชาติ #ความมั่นคงชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลาโหมไร้หัว แก้ไฟเขมรไร้ทิศทาง

    คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเกิดขึ้นได้ในหลายโอกาส ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่มีทีท่าว่าจบลง ซ้ำด้วยคลิปเสียงระหว่างผู้นำเจนวายกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นภัยมาถึง แพทองธาร ชินวัตร จะหลุดจากเก้าอี้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยด้วยข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สังคมด่าว่าคนขายชาติหรือไม่

    แต่สำหรับบิ๊กกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นอกจากได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระเครื่องบำรุงขวัญ รับสั่งแจกให้ครบทุกนายแทนความห่วงใยแล้ว พล.ท.บุญสินยังคงเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยว 3 ปราสาท ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ประชาชนมาเที่ยวไม่ขาดสาย

    พิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บิ๊กกุ้งกลายเป็นที่รักของนิสิตทุกผู้ทุกนาม ถึงขนาดนิสิตชายรายหนึ่งเป็นปลื้ม หอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่ แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า 3 ปราสาทเป็นของไทย ทหารไทยไม่ยอมแน่ หากยกระดับปะทะจริงก็เตรียมการไว้แล้ว ทางนั้นไม่กล้า หากเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างจะจบภายใน 3 วัน

    แต่ด้วยอายุราชการของ พล.ท.บุญสิน นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน จะมีใครสานต่อหรือไม่ และทำให้ประชาชนมั่นใจเหมือนเดิมหรือเปล่า ขณะที่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงกลาโหมยังไร้หัว จะมีก็แต่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถูกด่าว่าเป็นนักรบห้องแอร์ พยายามใช้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และไม่ขยายความขัดแย้งจากระดับผู้นำไปถึงประชาชน

    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ รายงานตอนหนึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ทาบทามบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อีกครั้ง แต่เจ้าตัวปฎิเสธ แม้ก่อนหน้านี้เคยเป็นคีย์แมนจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อสกัดกั้นพรรคสีส้มและปกป้องสถาบันฯ รวมทั้งเคยมีดีลลับลังกาวี เปิดทางให้ทักษิณกลับบ้าน แต่เมื่อดีลลับถูกเปิดเผย บิ๊กแดงจึงเดินเกมไม่ได้อีกต่อไป แต่ยังคงประคองดีลข้ามขั้วให้เดินต่อ กระทั่งมีชื่อนายทหารให้ทักษิณและแพทองธารเลือก หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อนรุ่นน้องของบิ๊กแดงที่เคยร่วมคณะดีลลับลังกาวี

    พล.อ.เฉลิมพล ติดล็อกตรงที่รอพ้นเงื่อนไขออกจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครบ 2 ปีในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากแพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้และทักษิณไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ ตัวแปรเก้าอี้ รมว.กลาโหมย่อมเปลี่ยนไป สถานการณ์ไฟเขมรย่อมไม่สิ้นสุด

    #Newskit
    กลาโหมไร้หัว แก้ไฟเขมรไร้ทิศทาง คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเกิดขึ้นได้ในหลายโอกาส ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่มีทีท่าว่าจบลง ซ้ำด้วยคลิปเสียงระหว่างผู้นำเจนวายกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นภัยมาถึง แพทองธาร ชินวัตร จะหลุดจากเก้าอี้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยด้วยข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สังคมด่าว่าคนขายชาติหรือไม่ แต่สำหรับบิ๊กกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นอกจากได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระเครื่องบำรุงขวัญ รับสั่งแจกให้ครบทุกนายแทนความห่วงใยแล้ว พล.ท.บุญสินยังคงเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยว 3 ปราสาท ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ประชาชนมาเที่ยวไม่ขาดสาย พิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บิ๊กกุ้งกลายเป็นที่รักของนิสิตทุกผู้ทุกนาม ถึงขนาดนิสิตชายรายหนึ่งเป็นปลื้ม หอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่ แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า 3 ปราสาทเป็นของไทย ทหารไทยไม่ยอมแน่ หากยกระดับปะทะจริงก็เตรียมการไว้แล้ว ทางนั้นไม่กล้า หากเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างจะจบภายใน 3 วัน แต่ด้วยอายุราชการของ พล.ท.บุญสิน นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน จะมีใครสานต่อหรือไม่ และทำให้ประชาชนมั่นใจเหมือนเดิมหรือเปล่า ขณะที่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงกลาโหมยังไร้หัว จะมีก็แต่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถูกด่าว่าเป็นนักรบห้องแอร์ พยายามใช้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และไม่ขยายความขัดแย้งจากระดับผู้นำไปถึงประชาชน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ รายงานตอนหนึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ทาบทามบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อีกครั้ง แต่เจ้าตัวปฎิเสธ แม้ก่อนหน้านี้เคยเป็นคีย์แมนจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อสกัดกั้นพรรคสีส้มและปกป้องสถาบันฯ รวมทั้งเคยมีดีลลับลังกาวี เปิดทางให้ทักษิณกลับบ้าน แต่เมื่อดีลลับถูกเปิดเผย บิ๊กแดงจึงเดินเกมไม่ได้อีกต่อไป แต่ยังคงประคองดีลข้ามขั้วให้เดินต่อ กระทั่งมีชื่อนายทหารให้ทักษิณและแพทองธารเลือก หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อนรุ่นน้องของบิ๊กแดงที่เคยร่วมคณะดีลลับลังกาวี พล.อ.เฉลิมพล ติดล็อกตรงที่รอพ้นเงื่อนไขออกจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครบ 2 ปีในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากแพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้และทักษิณไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ ตัวแปรเก้าอี้ รมว.กลาโหมย่อมเปลี่ยนไป สถานการณ์ไฟเขมรย่อมไม่สิ้นสุด #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 449 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'บิ๊กเล็ก' อ้างสื่อเข้าใจคลาดเคลื่อน ยันไม่ได้พูดถึง 'เตีย เซยฮา' รมว.กลาโหมกัมพูชา ยอมคุยเวที GBC
    https://www.thai-tai.tv/news/20023/
    .
    #พลอณัฐพล #เตียเซยฮา #ไทยกัมพูชา #GBC #ชายแดนไทย #สันติภาพ #กระทรวงกลาโหม #ข่าวปลอม #การเมืองระหว่างประเทศ #กองทัพ
    'บิ๊กเล็ก' อ้างสื่อเข้าใจคลาดเคลื่อน ยันไม่ได้พูดถึง 'เตีย เซยฮา' รมว.กลาโหมกัมพูชา ยอมคุยเวที GBC https://www.thai-tai.tv/news/20023/ . #พลอณัฐพล #เตียเซยฮา #ไทยกัมพูชา #GBC #ชายแดนไทย #สันติภาพ #กระทรวงกลาโหม #ข่าวปลอม #การเมืองระหว่างประเทศ #กองทัพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บิ๊กเล็ก” เผยเขมรยังเคลื่อนอาวุธหนักประชิดชายแดน เสี่ยงปะทะ ยอมรับไทยเสียเปรียบเพราะเสียรู้ปมคลิปเสียง
    https://www.thai-tai.tv/news/20021/
    .
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #ตึงเครียด #อาวุธหนัก #พลอณัฐพล #ฮุนเซน #เขาพระวิหาร #อธิปไตยไทย #คลิปเสียงหลุด #การเมืองระหว่างประเทศ #ทหารเขมร
    “บิ๊กเล็ก” เผยเขมรยังเคลื่อนอาวุธหนักประชิดชายแดน เสี่ยงปะทะ ยอมรับไทยเสียเปรียบเพราะเสียรู้ปมคลิปเสียง https://www.thai-tai.tv/news/20021/ . #ชายแดนไทยกัมพูชา #ตึงเครียด #อาวุธหนัก #พลอณัฐพล #ฮุนเซน #เขาพระวิหาร #อธิปไตยไทย #คลิปเสียงหลุด #การเมืองระหว่างประเทศ #ทหารเขมร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'พล.อ.ณัฐพล' ตอบกระทู้ฝ่ายค้าน ยันข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มมีสัญญาณบวก
    https://www.thai-tai.tv/news/19987/
    .
    #ข้อพิพาทชายแดน #ไทยกัมพูชา #ผู้นำฝ่ายค้าน #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #พรรคประชาชน #พลอณัฐพลนาคพานิช #รมชกลาโหม #ศบทก #จีบีซี #การเมืองไทย #ความมั่นคง

    'พล.อ.ณัฐพล' ตอบกระทู้ฝ่ายค้าน ยันข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มมีสัญญาณบวก https://www.thai-tai.tv/news/19987/ . #ข้อพิพาทชายแดน #ไทยกัมพูชา #ผู้นำฝ่ายค้าน #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #พรรคประชาชน #พลอณัฐพลนาคพานิช #รมชกลาโหม #ศบทก #จีบีซี #การเมืองไทย #ความมั่นคง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาเลื่อนถก RBC สาระสำคัญปรับกำลัง : [NEWS UPDATE]
    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยถึงการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) ครั้งแรก
    จะติดตามสถานการณ์ชายแดนที่ยกระดับคุมเข้ม เนื่องจากกัมพูชา ปิดด่านบางจุดทำให้รถขนส่งผลไม้จากไทยไม่สามารถข้ามไปได้ ซึ่งจะไม่ใช้มาตรการตาต่อตาฟัน แต่มองเรื่องผลกระทบต่อประชาชนไทยและกัมพูชา ขณะที่
    กัมพูชาขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค(RBC) โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสาระสำคัญของการประชุม RBC มีอย่างเดียวคือการปรับกำลัง มีแนวคิดจัดเวทีให้นักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างหลายทิศทางทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก


    ห้ามข้ามทำงานบ่อนเขมร

    ไทยขีดความสามารถลด

    ฝึกทักษะผ่าตัดขั้นสูง

    ภาษีสหรัฐฟาดอุตเหล็ก
    กัมพูชาเลื่อนถก RBC สาระสำคัญปรับกำลัง : [NEWS UPDATE] พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยถึงการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) ครั้งแรก จะติดตามสถานการณ์ชายแดนที่ยกระดับคุมเข้ม เนื่องจากกัมพูชา ปิดด่านบางจุดทำให้รถขนส่งผลไม้จากไทยไม่สามารถข้ามไปได้ ซึ่งจะไม่ใช้มาตรการตาต่อตาฟัน แต่มองเรื่องผลกระทบต่อประชาชนไทยและกัมพูชา ขณะที่ กัมพูชาขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค(RBC) โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสาระสำคัญของการประชุม RBC มีอย่างเดียวคือการปรับกำลัง มีแนวคิดจัดเวทีให้นักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างหลายทิศทางทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก ห้ามข้ามทำงานบ่อนเขมร ไทยขีดความสามารถลด ฝึกทักษะผ่าตัดขั้นสูง ภาษีสหรัฐฟาดอุตเหล็ก
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • ศก.ทก. ไหวไหมทีมไทยแลนด์

    เมื่อนายกฯ ฟันน้ำนม แพทองธาร ชินวัตร ถูกสังคมก่นด่าที่ไทยเสียท่ากัมพูชาต่อปัญหาชายแดนหลายครั้ง แบบไม่ทันเกมไม่ทันใจ มีอะไรเคลือบแคลงสงสัย ที่สุดแล้วจึงตัดสินใจใช้บริการน้องรักลุงตู่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ เพื่อย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ด้านหนึ่งหวังให้คนกลุ่มหนึ่งคลายความหวาดระแวง ที่ตระกูลชินวัตรมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตระกูลฮุนของกัมพูชา อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนว่า แพทองธารทำงานไม่เป็น ฮุน เซนเย้ยหยันว่าคุมกองทัพไม่ได้

    ในที่สุดทีมไทยแลนด์ของบิ๊กเล็กจึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศก.ทก) ประชุมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตอนเช้า ยกเว้นวันประชุม ครม. จะประชุมตอนบ่าย แล้วแถลงข่าวถ่ายทอดสดทางช่องเอ็นบีที เหมือนสมัยรัฐบาลลุงตู่รายงานสถานการณ์โควิด-19 เปี๊ยบ เพียงแต่วันเสาร์-อาทิตย์ไม่มีประชุม ถ้ามีอะไรให้ทุกคนสแตนบายคุยผ่านออนไลน์แทน ส่วนกรอบการทำงานเน้นบูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามและให้ข้อเสนอแนะและสนับสนุนงานระยะยาว แต่ย้ำว่าไม่ใช่ส่วนการบังคับบัญชา ทำงานระบบโต๊ะกลม เมื่อถึงเวลาก็จะจบภารกิจ

    ศก.ทก. มีบทบาทให้ข้อเสนอแนะ ข้อพิจารณา และประสานการสื่อสารให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างไทยและกัมพูชา จะเร่งกำหนดแนวทางที่ชัดเจน กำหนดเวลาเผยแพร่ข่าวสารอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สื่อมวลชนและสาธารณชนได้รับข้อมูลตรงกัน ลดความสับสนที่อาจส่งผลต่อความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน

    พล.อ.ณัฐพล ยังเห็นว่าในอนาคตอยากให้จัดเวทีสัมมนา ประสานงานกับสมาคมสื่อฯ เชิญนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนถึงการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะตอนนี้มุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศทาง รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะประชาชนเชื่อนักวิชาการ พอรัฐบาลทำตามนักวิชาการก็ถูกต่อว่า จึงอยากได้ความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายคนมาเป็นข้อสรุป เพื่อเป็นทิศทางเดียวกัน นำมาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป

    อย่างไรก็ตาม บทบาทของบิ๊กเล็กในช่วงที่ผ่านมาไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่เคยจำขี้ปากนายใหญ่ว่าแผ่นดินไทยคือ No Man's Land มาแล้ว นับจากนี้ต้องดูว่าการทำงานจะราบรื่นและสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ด้วยความหวังว่าสุดท้าย ศก.ทก. จะไม่กลายเป็นศูนย์โศกทุกข์ เพราะไทยแพ้คดีและเสียดินแดน

    #Newskit
    ศก.ทก. ไหวไหมทีมไทยแลนด์ เมื่อนายกฯ ฟันน้ำนม แพทองธาร ชินวัตร ถูกสังคมก่นด่าที่ไทยเสียท่ากัมพูชาต่อปัญหาชายแดนหลายครั้ง แบบไม่ทันเกมไม่ทันใจ มีอะไรเคลือบแคลงสงสัย ที่สุดแล้วจึงตัดสินใจใช้บริการน้องรักลุงตู่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ เพื่อย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ด้านหนึ่งหวังให้คนกลุ่มหนึ่งคลายความหวาดระแวง ที่ตระกูลชินวัตรมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตระกูลฮุนของกัมพูชา อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนว่า แพทองธารทำงานไม่เป็น ฮุน เซนเย้ยหยันว่าคุมกองทัพไม่ได้ ในที่สุดทีมไทยแลนด์ของบิ๊กเล็กจึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศก.ทก) ประชุมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตอนเช้า ยกเว้นวันประชุม ครม. จะประชุมตอนบ่าย แล้วแถลงข่าวถ่ายทอดสดทางช่องเอ็นบีที เหมือนสมัยรัฐบาลลุงตู่รายงานสถานการณ์โควิด-19 เปี๊ยบ เพียงแต่วันเสาร์-อาทิตย์ไม่มีประชุม ถ้ามีอะไรให้ทุกคนสแตนบายคุยผ่านออนไลน์แทน ส่วนกรอบการทำงานเน้นบูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามและให้ข้อเสนอแนะและสนับสนุนงานระยะยาว แต่ย้ำว่าไม่ใช่ส่วนการบังคับบัญชา ทำงานระบบโต๊ะกลม เมื่อถึงเวลาก็จะจบภารกิจ ศก.ทก. มีบทบาทให้ข้อเสนอแนะ ข้อพิจารณา และประสานการสื่อสารให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างไทยและกัมพูชา จะเร่งกำหนดแนวทางที่ชัดเจน กำหนดเวลาเผยแพร่ข่าวสารอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สื่อมวลชนและสาธารณชนได้รับข้อมูลตรงกัน ลดความสับสนที่อาจส่งผลต่อความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน พล.อ.ณัฐพล ยังเห็นว่าในอนาคตอยากให้จัดเวทีสัมมนา ประสานงานกับสมาคมสื่อฯ เชิญนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนถึงการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะตอนนี้มุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศทาง รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะประชาชนเชื่อนักวิชาการ พอรัฐบาลทำตามนักวิชาการก็ถูกต่อว่า จึงอยากได้ความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายคนมาเป็นข้อสรุป เพื่อเป็นทิศทางเดียวกัน นำมาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป อย่างไรก็ตาม บทบาทของบิ๊กเล็กในช่วงที่ผ่านมาไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่เคยจำขี้ปากนายใหญ่ว่าแผ่นดินไทยคือ No Man's Land มาแล้ว นับจากนี้ต้องดูว่าการทำงานจะราบรื่นและสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ด้วยความหวังว่าสุดท้าย ศก.ทก. จะไม่กลายเป็นศูนย์โศกทุกข์ เพราะไทยแพ้คดีและเสียดินแดน #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามข่าวเดือด โต้กัมพูชาวันต่อวัน : [NEWS UPDATE]
    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เผย
    จะแต่งตั้ง พล.ร.ต. สุรสันต์ คงศิริ รองโฆษกกองทัพไทย เป็นโฆษกของศูนย์ แถลงข่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในโลกโซเชียลมีประเด็นทุกวัน ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี ก็โพสต์ทุกวัน เราต้องชี้แจงทุกวัน เริ่มวันที่ 18 มิ.ย. นี้ รวมถึงประชุมทุกวันเวลา 09.30 น. มอง ชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งไม่น่าจะเชื่อสมเด็จฮุนเซนส่วนมาตรการเปิด-ปิดด่าน เราเปิดด่านตลอดเวลา แต่กำหนดเวลาเปิด​–ปิด จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าปิดด่าน เพราะกัมพูชาหยิบไปเป็นประเด็น


    ทั้งสองฝ่ายต้องปรับกำลัง

    สาวที่มาเงิน 12 ล้าน

    เตือนแรงงานพร้อมอพยพ

    ทุ่ม 4 หมื่นล้านเสนอจัด F1
    สงครามข่าวเดือด โต้กัมพูชาวันต่อวัน : [NEWS UPDATE] พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เผย จะแต่งตั้ง พล.ร.ต. สุรสันต์ คงศิริ รองโฆษกกองทัพไทย เป็นโฆษกของศูนย์ แถลงข่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในโลกโซเชียลมีประเด็นทุกวัน ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี ก็โพสต์ทุกวัน เราต้องชี้แจงทุกวัน เริ่มวันที่ 18 มิ.ย. นี้ รวมถึงประชุมทุกวันเวลา 09.30 น. มอง ชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งไม่น่าจะเชื่อสมเด็จฮุนเซนส่วนมาตรการเปิด-ปิดด่าน เราเปิดด่านตลอดเวลา แต่กำหนดเวลาเปิด​–ปิด จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าปิดด่าน เพราะกัมพูชาหยิบไปเป็นประเด็น ทั้งสองฝ่ายต้องปรับกำลัง สาวที่มาเงิน 12 ล้าน เตือนแรงงานพร้อมอพยพ ทุ่ม 4 หมื่นล้านเสนอจัด F1
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 655 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • ศูนย์ฉก.ตอบโต้ฮุนเซน โพสต์โซเชียลรายวัน​ : [THE MESSAGE]
    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เผย
    จะแต่งตั้ง พล.ร.ต. สุรสันต์ คงศิริ รองโฆษกกองทัพไทย เป็นโฆษกของศูนย์ แถลงข่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในโลกโซเชียลมีประเด็นทุกวัน ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี ก็โพสต์ทุกวัน เราต้องชี้แจงทุกวัน เริ่มวันที่ 18 มิ.ย. นี้ รวมถึงประชุมทุกวันเวลา 09.30 น. ส่วนมาตรการเปิด-ปิดด่าน เราเปิดด่านตลอดเวลา แต่กำหนดเวลาเปิด​–ปิด จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าปิดด่าน เพราะกัมพูชาหยิบไปเป็นประเด็น เราคิดถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสองฝั่ง มอง ชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งไม่น่าจะเชื่อสมเด็จฮุนเซน
    ศูนย์ฉก.ตอบโต้ฮุนเซน โพสต์โซเชียลรายวัน​ : [THE MESSAGE] พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เผย จะแต่งตั้ง พล.ร.ต. สุรสันต์ คงศิริ รองโฆษกกองทัพไทย เป็นโฆษกของศูนย์ แถลงข่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในโลกโซเชียลมีประเด็นทุกวัน ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี ก็โพสต์ทุกวัน เราต้องชี้แจงทุกวัน เริ่มวันที่ 18 มิ.ย. นี้ รวมถึงประชุมทุกวันเวลา 09.30 น. ส่วนมาตรการเปิด-ปิดด่าน เราเปิดด่านตลอดเวลา แต่กำหนดเวลาเปิด​–ปิด จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าปิดด่าน เพราะกัมพูชาหยิบไปเป็นประเด็น เราคิดถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสองฝั่ง มอง ชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งไม่น่าจะเชื่อสมเด็จฮุนเซน
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 640 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • อุ๊งอิ๊งค์-ฮุน เซน กินในที่ลับไขในที่แจ้ง

    ท่าทีของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต เพื่อนรักเพื่อนสนิท ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หลังไทยเสียท่ากับกัมพูชา จากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กัมพูชาปล่อยข่าวมีการหารือแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทำคนไทยทั้งประเทศเดือดดาลมาแล้ว ซ้ำด้วยการยื่นคำขาดของ ฮุน เซน ให้ไทยเปิดด่าน ไม่งั้นจะปิดด่านกลับ ไม่มีอะไรใหม่นอกจากทำตัวเป็นนางเอก อ้างว่าปล่อยข่าวแบบนี้ไม่เป็นผลดีทั้งสองประเทศ

    แพทองธารอ้างว่าคุยกันหลังไมค์มีแน่นอน แต่ที่กัมพูชาสื่อสารผ่านโซเชียลฯ ที่นอกกรอบ พูดไทยคำอังกฤษคำ ไม่เป็นโปรเฟสชันแนล เกิดผลลบทั้งสองประเทศ แต่ก็ทำได้แค่ส่งข้อความไปหา ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลูกชาย ฮุน เซน ให้จัดประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระดับกองทัพไปเลยไหม และว่าเคยตกลงกันแล้วว่าอย่าเพิ่งปล่อยข่าว เพราะต้องคุยกันก่อนว่าเอาอย่างไร เพราะคนหน้างานกับคนที่รับฟังข่าวสารคนละคนกัน

    แต่ที่แพทองธารพูดให้คนกัมพูชาที่สนับสนุน ฮุน เซน ด่ากลับ คือ วันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกา ก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก เพราะทุกวันนี้ชาวเขมรพยายามท้าทาย หาเรื่องไทยให้ขึ้นศาลโลก กรณีพื้นที่ 3 ปราสาท 1 ดินแดนที่ไทยจะเสียดินแดน ขณะที่ ฮุน เซน ข่มหลานสาวเพื่อนรักทักษิณแบบเรียบๆ เข้าใจสถานการณ์ในไทย นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่มีอำนาจเปิด-ปิดด่านชายแดน แต่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มที่ ตั้งแต่รัฐสภาและวุฒิสภา ไปจนถึงฝ่ายบริหารทุกระดับและกองทัพ

    แพทองธารตั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมสายบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ และย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่คนไทยมากกว่าครึ่งหวาดระแวงรัฐบาล จากความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลฮุนของกัมพูชา และตระกูลชินวัตรของประเทศไทย มีแต่คนไว้ใจกองทัพแต่ไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่เชื่อว่าจะรักษาดินแดนอธิปไตยไว้ได้

    ที่น่าสนใจคือ กรณีที่ ฮุน เซน ตอบโต้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ ปรากฎว่าพ่วงด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำเสื้อแดงในลักษณะทวงบุญคุณ เคยให้ข้าวให้น้ำ เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี การส่งสัญญาณของ ฮุน เซน แสดงให้เห็นว่าทำไมช่วงนี้เพื่อนรักที่ชื่อทักษิณ บิดานายกฯ แพทองธาร ไม่กล้าขยับปากเรื่องนี้ เพราะอย่างน้อย ฮุน เซน กำความลับของทักษิณเอาไว้ หากวันใดสัมพันธ์ขาดสะบั้น พร้อมส่งสัญญาณ "ไขในที่แจ้ง" ตลอดเวลา

    #Newskit
    อุ๊งอิ๊งค์-ฮุน เซน กินในที่ลับไขในที่แจ้ง ท่าทีของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต เพื่อนรักเพื่อนสนิท ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หลังไทยเสียท่ากับกัมพูชา จากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กัมพูชาปล่อยข่าวมีการหารือแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทำคนไทยทั้งประเทศเดือดดาลมาแล้ว ซ้ำด้วยการยื่นคำขาดของ ฮุน เซน ให้ไทยเปิดด่าน ไม่งั้นจะปิดด่านกลับ ไม่มีอะไรใหม่นอกจากทำตัวเป็นนางเอก อ้างว่าปล่อยข่าวแบบนี้ไม่เป็นผลดีทั้งสองประเทศ แพทองธารอ้างว่าคุยกันหลังไมค์มีแน่นอน แต่ที่กัมพูชาสื่อสารผ่านโซเชียลฯ ที่นอกกรอบ พูดไทยคำอังกฤษคำ ไม่เป็นโปรเฟสชันแนล เกิดผลลบทั้งสองประเทศ แต่ก็ทำได้แค่ส่งข้อความไปหา ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลูกชาย ฮุน เซน ให้จัดประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระดับกองทัพไปเลยไหม และว่าเคยตกลงกันแล้วว่าอย่าเพิ่งปล่อยข่าว เพราะต้องคุยกันก่อนว่าเอาอย่างไร เพราะคนหน้างานกับคนที่รับฟังข่าวสารคนละคนกัน แต่ที่แพทองธารพูดให้คนกัมพูชาที่สนับสนุน ฮุน เซน ด่ากลับ คือ วันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกา ก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก เพราะทุกวันนี้ชาวเขมรพยายามท้าทาย หาเรื่องไทยให้ขึ้นศาลโลก กรณีพื้นที่ 3 ปราสาท 1 ดินแดนที่ไทยจะเสียดินแดน ขณะที่ ฮุน เซน ข่มหลานสาวเพื่อนรักทักษิณแบบเรียบๆ เข้าใจสถานการณ์ในไทย นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่มีอำนาจเปิด-ปิดด่านชายแดน แต่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มที่ ตั้งแต่รัฐสภาและวุฒิสภา ไปจนถึงฝ่ายบริหารทุกระดับและกองทัพ แพทองธารตั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมสายบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ และย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่คนไทยมากกว่าครึ่งหวาดระแวงรัฐบาล จากความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลฮุนของกัมพูชา และตระกูลชินวัตรของประเทศไทย มีแต่คนไว้ใจกองทัพแต่ไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่เชื่อว่าจะรักษาดินแดนอธิปไตยไว้ได้ ที่น่าสนใจคือ กรณีที่ ฮุน เซน ตอบโต้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ ปรากฎว่าพ่วงด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำเสื้อแดงในลักษณะทวงบุญคุณ เคยให้ข้าวให้น้ำ เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี การส่งสัญญาณของ ฮุน เซน แสดงให้เห็นว่าทำไมช่วงนี้เพื่อนรักที่ชื่อทักษิณ บิดานายกฯ แพทองธาร ไม่กล้าขยับปากเรื่องนี้ เพราะอย่างน้อย ฮุน เซน กำความลับของทักษิณเอาไว้ หากวันใดสัมพันธ์ขาดสะบั้น พร้อมส่งสัญญาณ "ไขในที่แจ้ง" ตลอดเวลา #Newskit
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ นี่ขนาดพิพากษาผิดตามคำฟ้องถึง 3 ประเด็น ยังให้ประกันไปรอสู้ในชั้นอุทธรณ์ ผิดฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 358, 360 ผิดฐานบุกรุกสถานที่ในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364 และผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 แต่ประกันจริงได้แค่ 8 คน เพราะแบงก์ ณัฐพล โดนคุมขังในคดีอื่นด้วย จึงต้องกลับเข้าเรือนจำ
    #7ดอกจิก
    ♣ นี่ขนาดพิพากษาผิดตามคำฟ้องถึง 3 ประเด็น ยังให้ประกันไปรอสู้ในชั้นอุทธรณ์ ผิดฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 358, 360 ผิดฐานบุกรุกสถานที่ในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364 และผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 แต่ประกันจริงได้แค่ 8 คน เพราะแบงก์ ณัฐพล โดนคุมขังในคดีอื่นด้วย จึงต้องกลับเข้าเรือนจำ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวมุสลิมไม่พอใจ ร้องเรียนนักเรียนโรงเรียนวชิรธรรมสาธิตถามคำถาม อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม "ถ้าเราเลี้ยงหมูในมัสยิดจะบาปไหม" เรียกเสียงหัวเราะทั้งโรงเรียน ล่าสุดทางโรงเรียนขออภัยแล้ว แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนติดราชการต่างจังหวัด รอการนัดหมายกับคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานครอีกครั้ง

    วันนี้ (16 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีชาวมุสลิมไม่พอใจกรณีที่มีวิดีโอคลิปบนโซเชียลมีเดีย นักเรียนรายหนึ่งถาม นายณัฐพล บุญสา หรืออาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม อินฟลูเอนเซอร์ด้านศาสนาพุทธชื่อดัง โดยนักเรียนถามว่า "ถ้าเราเลี้ยงหมูในมัสยิดจะบาปไหม" ซึ่งอาจารย์เบียร์กล่าวว่า "มันจะไปเลี้ยงยังไง มันก็ปัญญาอ่อนเนาะ" นักเรียนทั้งโรงเรียนต่างส่งเสียงหัวเราะกรี๊ดกร๊าดชอบใจด้วยความตลกขบขัน โดยพบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000015407

    #MGROnline #โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต #อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม #ถ้าเราเลี้ยงหมูในมัสยิดจะบาปไหม
    ชาวมุสลิมไม่พอใจ ร้องเรียนนักเรียนโรงเรียนวชิรธรรมสาธิตถามคำถาม อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม "ถ้าเราเลี้ยงหมูในมัสยิดจะบาปไหม" เรียกเสียงหัวเราะทั้งโรงเรียน ล่าสุดทางโรงเรียนขออภัยแล้ว แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนติดราชการต่างจังหวัด รอการนัดหมายกับคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานครอีกครั้ง • วันนี้ (16 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีชาวมุสลิมไม่พอใจกรณีที่มีวิดีโอคลิปบนโซเชียลมีเดีย นักเรียนรายหนึ่งถาม นายณัฐพล บุญสา หรืออาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม อินฟลูเอนเซอร์ด้านศาสนาพุทธชื่อดัง โดยนักเรียนถามว่า "ถ้าเราเลี้ยงหมูในมัสยิดจะบาปไหม" ซึ่งอาจารย์เบียร์กล่าวว่า "มันจะไปเลี้ยงยังไง มันก็ปัญญาอ่อนเนาะ" นักเรียนทั้งโรงเรียนต่างส่งเสียงหัวเราะกรี๊ดกร๊าดชอบใจด้วยความตลกขบขัน โดยพบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000015407 • #MGROnline #โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต #อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม #ถ้าเราเลี้ยงหมูในมัสยิดจะบาปไหม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1028 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามเย็น 'กริพเพน-เอฟ16' กองทัพอากาศ ย้ำจุดยืน เสนอครม.อนุมัติเม.ย.-พ.ค.
    .
    ประเด็นเรื่องการจัดซื้อเครื่องขับไล่ฝูงใหม่ของกองทัพอากาศยังคงเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ภายหลังมีความเคลื่อนไหวที่ออกมาจากพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ซึ่งระบุว่าเงื่อนไขการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนของประเทศสวีเดน ยังคงดีที่สุด ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชลบุรี
    .
    พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ระบุว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการพิจารณาดูในรายละเอียดที่เพิ่มเติมมา ซึ่งโครงการจะแบ่งเป็นแพคเกจหลัก เรื่องขีดความสามารถสมรรถนะส่วนนี้ไม่ได้กังวลอะไร และการชดเชยที่สัมพันธ์กับมูลค่าโครงการโดยตรง (direct offset) การนำเข้าอุปกรณ์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การให้ลิขสิทธิ์ทางปัญญาเกี่ยวกับระบบTactical data link ที่จะสามารถต่อยอดไปยังหน่วยงานอื่นได้ โดยนับตั้งแต่คัดเลือกจาก 22 แบบ เหลือ 6 แบบ จาก 6 แบบเหลือ 2 แบบคือ F-16 กับ กริพเพน ซึ่งมีใช้งานอยู่ในกองทัพอากาศ และมีขีดความสามารถในการซ่อมบำรุง กำลังพลมีความคุ้นเคย ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณได้มาก จนมาเหลือ 1 แบบคือกริพเพนซึ่งเรามองว่าเหมาะสมที่สุด เราให้น้ำหนักเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการเพิ่มขีดความสามารถเป็นหลัก รวมทั้งเรื่องชดเชยการนำเข้า โดยตามที่สวีเดนเสนอมานั้นมีมูลค่ากว่าเครื่องบินที่ไทยจะจัดซื้อ ถือว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ แต่ก็จำเป็นต้องรอบคอบและละเอียดรวมทั้งมีความชัดเจนในเรื่องการประกอบสัญญาก่อนที่จะลงนาม
    .
    ผบ.ทอ. กล่าวว่า คาดว่าในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2568 จะเสนอเข้า ครม.ให้อนุมัติแบบ เพราะขณะนี้ต้องจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจน ซึ่งมีคณะกรรมการที่พูดคุยกับทางสวีเดนอย่างต่อเนื่องทุกวัน และเสนอความต้องการเพิ่มเติม เพราะยังมีเรื่องเงื่อนไขตอบแทนที่เป็นนามธรรมอยู่จะต้องทำให้เป็นรูปธรรม ซึ่งไทย-สวีเดนถือว่ามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในทุกระดับอยู่แล้ว
    .
    ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม นำคณะผู้แทนกระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัศมี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพลนาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย ผู้แทนเหล่าทัพ และ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ร่วมเดินทางเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชลบุรี
    .
    นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในการเดินทางขึ้นเรือ USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้เห็นถึงศักยภาพ และการใช้อาวุธทางยุทธวิธี และแสนยานุภาพ ที่แข็งแกร่ง ของกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยได้ พาตนชมทุกชั้นของเรือ ดูสะพานเดินเรือ ดูห้องบัญชาการของเรือ และได้มีโอกาสดูเครื่องบิน F-16 และ F-35 ที่ประจำอยู่บนเรือ รวมทั้งได้แสดงโชว์ การบินขึ้น-ลงของเครื่องบินรบที่อยู่ประจำบนเรือ
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่อง F-16 หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ คุยกันในเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีที่มาเยือนประเทศไทย และการได้มาทำภารกิจต่างๆ
    ..............
    Sondhi X
    สงครามเย็น 'กริพเพน-เอฟ16' กองทัพอากาศ ย้ำจุดยืน เสนอครม.อนุมัติเม.ย.-พ.ค. . ประเด็นเรื่องการจัดซื้อเครื่องขับไล่ฝูงใหม่ของกองทัพอากาศยังคงเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ภายหลังมีความเคลื่อนไหวที่ออกมาจากพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ซึ่งระบุว่าเงื่อนไขการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนของประเทศสวีเดน ยังคงดีที่สุด ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชลบุรี . พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ระบุว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการพิจารณาดูในรายละเอียดที่เพิ่มเติมมา ซึ่งโครงการจะแบ่งเป็นแพคเกจหลัก เรื่องขีดความสามารถสมรรถนะส่วนนี้ไม่ได้กังวลอะไร และการชดเชยที่สัมพันธ์กับมูลค่าโครงการโดยตรง (direct offset) การนำเข้าอุปกรณ์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การให้ลิขสิทธิ์ทางปัญญาเกี่ยวกับระบบTactical data link ที่จะสามารถต่อยอดไปยังหน่วยงานอื่นได้ โดยนับตั้งแต่คัดเลือกจาก 22 แบบ เหลือ 6 แบบ จาก 6 แบบเหลือ 2 แบบคือ F-16 กับ กริพเพน ซึ่งมีใช้งานอยู่ในกองทัพอากาศ และมีขีดความสามารถในการซ่อมบำรุง กำลังพลมีความคุ้นเคย ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณได้มาก จนมาเหลือ 1 แบบคือกริพเพนซึ่งเรามองว่าเหมาะสมที่สุด เราให้น้ำหนักเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการเพิ่มขีดความสามารถเป็นหลัก รวมทั้งเรื่องชดเชยการนำเข้า โดยตามที่สวีเดนเสนอมานั้นมีมูลค่ากว่าเครื่องบินที่ไทยจะจัดซื้อ ถือว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ แต่ก็จำเป็นต้องรอบคอบและละเอียดรวมทั้งมีความชัดเจนในเรื่องการประกอบสัญญาก่อนที่จะลงนาม . ผบ.ทอ. กล่าวว่า คาดว่าในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2568 จะเสนอเข้า ครม.ให้อนุมัติแบบ เพราะขณะนี้ต้องจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจน ซึ่งมีคณะกรรมการที่พูดคุยกับทางสวีเดนอย่างต่อเนื่องทุกวัน และเสนอความต้องการเพิ่มเติม เพราะยังมีเรื่องเงื่อนไขตอบแทนที่เป็นนามธรรมอยู่จะต้องทำให้เป็นรูปธรรม ซึ่งไทย-สวีเดนถือว่ามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในทุกระดับอยู่แล้ว . ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม นำคณะผู้แทนกระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัศมี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพลนาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย ผู้แทนเหล่าทัพ และ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ร่วมเดินทางเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชลบุรี . นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในการเดินทางขึ้นเรือ USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้เห็นถึงศักยภาพ และการใช้อาวุธทางยุทธวิธี และแสนยานุภาพ ที่แข็งแกร่ง ของกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยได้ พาตนชมทุกชั้นของเรือ ดูสะพานเดินเรือ ดูห้องบัญชาการของเรือ และได้มีโอกาสดูเครื่องบิน F-16 และ F-35 ที่ประจำอยู่บนเรือ รวมทั้งได้แสดงโชว์ การบินขึ้น-ลงของเครื่องบินรบที่อยู่ประจำบนเรือ . เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่อง F-16 หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ คุยกันในเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีที่มาเยือนประเทศไทย และการได้มาทำภารกิจต่างๆ .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    10
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1745 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานเลี้ยงขอบคุณผู้หาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    เดินสุดซอยแรกเข้าสู่ซอยที่ 2 กับดีเอสไอ
    .
    เมื่อวานซืนนี้ (22ม.ค.68 )ผมจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่ร่วมช่วยเหลือจำลองเหตุการณ์ในการตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตของน้องแตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ คนที่เข้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน มี อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, คุณหมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุ , คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล พามิสแกรนด์ที่ร่วมพิสูจน์ความจริงมาในการแสดงเป็นน้องแตงโมที่ตกน้ำ ประกอบด้วย น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม น้องเฟ-ริน มิสแกรนด์นครสวรรค์ น้องบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีครูลิต้า ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก มาด้วย
    .
    ส่วนคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาไม่ได้ เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดนิ่ว ยังไม่พอ ยังต้องถ่อสังขารออกจากโรงพยาบาลไปศาลอาญา เพื่อให้ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล
    .
    เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงบ่ายๆอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เปิดเผยหนังสือที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อนุมัติสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดา ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยส่งต่อผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษรับผิดชอบดำเนินการ พร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น โดยท่านอธิบดีมอบหมาย พ.ต.ต.ณัฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และแจ้งให้ผู้รับเรื่องร้องทุกข์ทราบต่อไป
    .
    ท่านผู้ชมครับ การเดินทางเพื่อหาความจริงที่มีหนึ่งเดียวของคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก็ได้เดินทางมาถึงอย่างน้อยที่สุด ซอยแรก มาถึงสุดซอยแล้ว เรากำลังเดินเข้าซอยที่ 2 อยู่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเรื่องราวส่วนตัวกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว
    .
    มีคนพูดว่าทำไมเราต้องไปยุ่งเรื่องนี้ คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นคนที่ไร้เดียงสา เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าตำรวจ อัยการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจจะมีส่วนรับรู้หรือรับเห็น หรือจงใจทำให้เกิดช่องโหว่นี้ขึ้นมา ที่สำคัญคือเขาได้ปิดกั้นความเห็นและข้อมูลที่แตกต่างไม่ให้นำเสนอ เมื่อกระบวนการขึ้นสู่ศาล ศาลก็ไม่มีทางเลือก ก็ต้องพิจารณาเฉพาะหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งมา ตรงนี้เป็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาก
    .
    ตรงนี้ล่ะครับท่านผู้ชม เราไม่ได้เข้าข้างน้องแตงโม และเราไม่ได้เข้าข้างตำรวจหรือว่าคุณแม่ หรือทนายความของน้องแตงโม แต่เรายืนอยู่บนความจริงมีหนึ่งเดียว นี่คือหลักการในชีวิตของผม ซึ่งถ่ายทอดต่อไป และเป็นหลักการของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และเผอิญมันก็ไปตรงกับหลักการของคุณหมอธวัชชัย แล้วก็มีส่วนในการที่คุณอัจฉริยะ เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา
    .
    บ้านพระอาทิตย์ สนธิ ลิ้มทองกุล ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่ได้สนใจข้อมูลอันนี้จะไปกระเทือนใครบ้าง ถ้าข้อมูลอันนี้ออกมาแล้วพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้จะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป
    .
    แล้วเราก็มีที่พึ่งที่เดียว คือ ดีเอสไอ ถ้าคดีมีมูล สิ่งที่เราพิสูจน์แล้วดีเอสไอเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดที่สืบสวนสอบสวนมาแล้ว มีบทสรุปเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ทั้งหมด 21 คน ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธาน เมื่อตกลงแล้วข้อมูลที่ทำขึ้นมาจากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอนั้น เขาคิดว่าน่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือเปล่า ถ้าเขารับเป็นคดีพิเศษ กระบวนการทั้งหมดก็จะเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่
    .
    ถ้ารับเป็นคดีพิเศษ เขาก็ต้องถามว่า ผู้ใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีตำรวจยศอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียกมาสอบทีละคนๆๆ ผมถึงบอกว่า เราเพิ่งผ่านซอยแรกไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังเริ่มเดินเข้าซอยที่สอง แต่อย่างน้อย ปรัชญาของความจริงมีหนึ่งเดียวของเรานั้น ก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนกำลังเดินหน้าเข้าไปหาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    งานเลี้ยงขอบคุณผู้หาความจริงที่มีหนึ่งเดียว เดินสุดซอยแรกเข้าสู่ซอยที่ 2 กับดีเอสไอ . เมื่อวานซืนนี้ (22ม.ค.68 )ผมจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่ร่วมช่วยเหลือจำลองเหตุการณ์ในการตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตของน้องแตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ คนที่เข้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน มี อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, คุณหมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุ , คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล พามิสแกรนด์ที่ร่วมพิสูจน์ความจริงมาในการแสดงเป็นน้องแตงโมที่ตกน้ำ ประกอบด้วย น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม น้องเฟ-ริน มิสแกรนด์นครสวรรค์ น้องบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีครูลิต้า ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก มาด้วย . ส่วนคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาไม่ได้ เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดนิ่ว ยังไม่พอ ยังต้องถ่อสังขารออกจากโรงพยาบาลไปศาลอาญา เพื่อให้ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล . เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงบ่ายๆอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เปิดเผยหนังสือที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อนุมัติสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดา ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยส่งต่อผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษรับผิดชอบดำเนินการ พร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น โดยท่านอธิบดีมอบหมาย พ.ต.ต.ณัฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และแจ้งให้ผู้รับเรื่องร้องทุกข์ทราบต่อไป . ท่านผู้ชมครับ การเดินทางเพื่อหาความจริงที่มีหนึ่งเดียวของคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก็ได้เดินทางมาถึงอย่างน้อยที่สุด ซอยแรก มาถึงสุดซอยแล้ว เรากำลังเดินเข้าซอยที่ 2 อยู่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเรื่องราวส่วนตัวกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว . มีคนพูดว่าทำไมเราต้องไปยุ่งเรื่องนี้ คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นคนที่ไร้เดียงสา เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าตำรวจ อัยการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจจะมีส่วนรับรู้หรือรับเห็น หรือจงใจทำให้เกิดช่องโหว่นี้ขึ้นมา ที่สำคัญคือเขาได้ปิดกั้นความเห็นและข้อมูลที่แตกต่างไม่ให้นำเสนอ เมื่อกระบวนการขึ้นสู่ศาล ศาลก็ไม่มีทางเลือก ก็ต้องพิจารณาเฉพาะหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งมา ตรงนี้เป็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาก . ตรงนี้ล่ะครับท่านผู้ชม เราไม่ได้เข้าข้างน้องแตงโม และเราไม่ได้เข้าข้างตำรวจหรือว่าคุณแม่ หรือทนายความของน้องแตงโม แต่เรายืนอยู่บนความจริงมีหนึ่งเดียว นี่คือหลักการในชีวิตของผม ซึ่งถ่ายทอดต่อไป และเป็นหลักการของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และเผอิญมันก็ไปตรงกับหลักการของคุณหมอธวัชชัย แล้วก็มีส่วนในการที่คุณอัจฉริยะ เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา . บ้านพระอาทิตย์ สนธิ ลิ้มทองกุล ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่ได้สนใจข้อมูลอันนี้จะไปกระเทือนใครบ้าง ถ้าข้อมูลอันนี้ออกมาแล้วพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้จะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป . แล้วเราก็มีที่พึ่งที่เดียว คือ ดีเอสไอ ถ้าคดีมีมูล สิ่งที่เราพิสูจน์แล้วดีเอสไอเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดที่สืบสวนสอบสวนมาแล้ว มีบทสรุปเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ทั้งหมด 21 คน ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธาน เมื่อตกลงแล้วข้อมูลที่ทำขึ้นมาจากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอนั้น เขาคิดว่าน่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือเปล่า ถ้าเขารับเป็นคดีพิเศษ กระบวนการทั้งหมดก็จะเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่ . ถ้ารับเป็นคดีพิเศษ เขาก็ต้องถามว่า ผู้ใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีตำรวจยศอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียกมาสอบทีละคนๆๆ ผมถึงบอกว่า เราเพิ่งผ่านซอยแรกไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังเริ่มเดินเข้าซอยที่สอง แต่อย่างน้อย ปรัชญาของความจริงมีหนึ่งเดียวของเรานั้น ก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนกำลังเดินหน้าเข้าไปหาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    Like
    Love
    22
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2685 มุมมอง 0 รีวิว
  • การ #รักตัวเอง จาก 5 Speakers #เกลา
    คุณหมอนัท ณัฐพล วาสิกดิลก
    คุณป้อม หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล
    คุณรุ้ง ราวรรณ โทนะหงษา
    คุณนุ่น สินิทธา บุญยศักดิ์
    คุณแพท รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย
    https://youtu.be/xUyHBykMCs8
    การ #รักตัวเอง จาก 5 Speakers #เกลา 🧡 คุณหมอนัท ณัฐพล วาสิกดิลก 🧡 คุณป้อม หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล 🧡 คุณรุ้ง ราวรรณ โทนะหงษา 🧡 คุณนุ่น สินิทธา บุญยศักดิ์ 🧡 คุณแพท รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย 🎯 https://youtu.be/xUyHBykMCs8
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เลขาธิเกร_กปปส เอกนัฏ อวย #น้องเมีย_อิยุต
    ชี้ เข้าใจ #แพทองธาร ยังไม่ลงพื้นที่ เหตุติดภารกิจ
    ครม. สัญจร ฟื้นฟูท่องเที่ยวภาคเหนือ ซึ่งนายกฯ
    เป็นห่วงประชาชนทุกที่ มีการส่ง #อนุทิน รองนายกฯ
    พลเอกณัฐพล รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ ซึ่งตนก็ได้
    ตามลงไปด้วย
    #เลขาธิเกร_กปปส เอกนัฏ อวย #น้องเมีย_อิยุต ชี้ เข้าใจ #แพทองธาร ยังไม่ลงพื้นที่ เหตุติดภารกิจ ครม. สัญจร ฟื้นฟูท่องเที่ยวภาคเหนือ ซึ่งนายกฯ เป็นห่วงประชาชนทุกที่ มีการส่ง #อนุทิน รองนายกฯ พลเอกณัฐพล รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ ซึ่งตนก็ได้ ตามลงไปด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 773 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • คนนครสั่งสอนบ้านใหญ่ เลือกข้างผิด ชีวิตเปลี่ยน
    ผลการเลือกตั้งนายก อบจ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่เลือกกัน 3 จังหวัดในวันเดียวกันคือ อุดรธานี เพชรบุรี และนครศรีธรรมราช
    ส่วนใหญ่คนสนใจไปที่อุดรธานี หลังเห็นทักษิณ ชินวัตร นําทัพใหญ่ไปช่วยสราวุธ เพชรพนมพร ขณะเดียวกันพรรคประชาชนก็ขนอดีตแกนนําพรรคส้มตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่ก้าวไกลมาถึงพรรคประชาชน ไปช่วยหาเสียงให้นายคณิศร ผู้สมัครนายก อบจ อุดรธานี เช่นกัน ทั้ง พิธา ธนาธร ปิยบุตร ไชยธว ช่อพณิกาและเท้ง ณัฐพล จนทําให้ศึกเลือกตั้งนายกอุดรธานีไปไกลเกินเลือกตั้งท้องถิ่นไปแล้ว
    แต่สุดท้ายอุดรธานี ไม่มีล็อกถล่ม เพื่อไทยยังคงรักษาเก้าอี้นายกอุดรธานีไว้ได้อีกสมัยทําให้ทักษิณไม่หน้าแหก ส่วนที่ล็อกถล่มคือสนามเลือกตั้งนายกอบจ นครศรีธรรมราช ที่นายกต้อย อดีตนายก อบจ นครศรีธรรมราชไม่สามารถรักษาเก้าอี้เดิมไว้ได้ โดยแพ้ให้กับวาริน ผู้สมัครจากกรุงนครเข้มแข็ง ซึ่งนายกต้อย เป็นอดีตนายก อบจ นครศรีธรรมราชมาร่วม 4 ปีแถมมีลูกชายสองคนเป็น สส นครศรีธรรมราชในเวลานี้ คือชัยชนะและพิทักษ์เดชเดโช สองพี่น้อง สส นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะแทนชัยชนะก็ยังเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ และที่ผ่านมามีบทบาทอย่างมากในพรรคประชาธิปัตย์ยุคเฉลิมชัยที่ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและพรรคเพื่อไทยเรียกได้ว่า ชัยชนะ คือเบอร์สามในพรรคประชาธิปัตย์รองจากเฉลิมชัยและเดชอิฐ
    รวมถึงยังสร้างตระกูลเดชเดโชให้ขึ้นมาเป็นบ้านใหญ่นครศรีธรรมราชได้สําเร็จเพราะตัวเองกับน้องชายก็เป็นส สส่วนแม่ก็เป็นนายก อบจ ด้วยบารมีทางการเมืองเบ่งบานขนาดนี้คนนึกว่ากนกพรคงชนะชัวร์แบบใสใส แต่สุดท้ายแพ้พลิกล็อก ให้กับ วารินเด็กปั้นโกเกี๊ยะพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แกนนําพรรคภูมิใจไทยสายภาคใต้ที่ช่วงแรกคนมองว่ากระดูกคนละเบอร์กับนางกนกพร แต่สุดท้ายหลังกระแสม้าตีนปลายของวารินมาแรงช่วง 2สัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ที่สามารถล้ม นางกนกพรและชัยชนะได้สําเร็จ
    เบื้องหลังความพ่ายแพ้ของบ้านใหญ่เดชเดโชครั้งนี้ว่ากันว่าสาเหตุหลักหลักเพราะคนนครที่ถือเป็นจังหวัดใหญ่และเป็นฐานการเมืองสําคัญ ของประชาธิปัตย์ในภาคใต้มาตลอด ต้องการสั่งสอนชัยชนะและพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและเพื่อไทยซึ่งเป็นเรื่องที่คนนครจํานวนไม่น้อยรับไม่ได้ และยังมีกรณีชัยชนะเอาคณะกรรมาธิการการตํารวจที่ตัวเองเป็นประธาน ตรวจสอบเรื่องชั้น 14 ทักษิณแต่สุดท้ายกลายเป็นปาหี่ไม่เอาจริงแถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการเอาประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณ
    การสั่งสอนของคนนครศรีธรรมราชต่อแกนนําพรรคประชาธิปัตย์ที่คงทําให้พวก สสสะตอพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและเพื่อไทย มีหนาวแน่ เพราะอาจจะสอบตกตามรอยแม่ชัยชนะอย่างที่เห็นในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นก็ได้ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ

    คนนครสั่งสอนบ้านใหญ่ เลือกข้างผิด ชีวิตเปลี่ยน ผลการเลือกตั้งนายก อบจ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่เลือกกัน 3 จังหวัดในวันเดียวกันคือ อุดรธานี เพชรบุรี และนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่คนสนใจไปที่อุดรธานี หลังเห็นทักษิณ ชินวัตร นําทัพใหญ่ไปช่วยสราวุธ เพชรพนมพร ขณะเดียวกันพรรคประชาชนก็ขนอดีตแกนนําพรรคส้มตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่ก้าวไกลมาถึงพรรคประชาชน ไปช่วยหาเสียงให้นายคณิศร ผู้สมัครนายก อบจ อุดรธานี เช่นกัน ทั้ง พิธา ธนาธร ปิยบุตร ไชยธว ช่อพณิกาและเท้ง ณัฐพล จนทําให้ศึกเลือกตั้งนายกอุดรธานีไปไกลเกินเลือกตั้งท้องถิ่นไปแล้ว แต่สุดท้ายอุดรธานี ไม่มีล็อกถล่ม เพื่อไทยยังคงรักษาเก้าอี้นายกอุดรธานีไว้ได้อีกสมัยทําให้ทักษิณไม่หน้าแหก ส่วนที่ล็อกถล่มคือสนามเลือกตั้งนายกอบจ นครศรีธรรมราช ที่นายกต้อย อดีตนายก อบจ นครศรีธรรมราชไม่สามารถรักษาเก้าอี้เดิมไว้ได้ โดยแพ้ให้กับวาริน ผู้สมัครจากกรุงนครเข้มแข็ง ซึ่งนายกต้อย เป็นอดีตนายก อบจ นครศรีธรรมราชมาร่วม 4 ปีแถมมีลูกชายสองคนเป็น สส นครศรีธรรมราชในเวลานี้ คือชัยชนะและพิทักษ์เดชเดโช สองพี่น้อง สส นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะแทนชัยชนะก็ยังเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ และที่ผ่านมามีบทบาทอย่างมากในพรรคประชาธิปัตย์ยุคเฉลิมชัยที่ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและพรรคเพื่อไทยเรียกได้ว่า ชัยชนะ คือเบอร์สามในพรรคประชาธิปัตย์รองจากเฉลิมชัยและเดชอิฐ รวมถึงยังสร้างตระกูลเดชเดโชให้ขึ้นมาเป็นบ้านใหญ่นครศรีธรรมราชได้สําเร็จเพราะตัวเองกับน้องชายก็เป็นส สส่วนแม่ก็เป็นนายก อบจ ด้วยบารมีทางการเมืองเบ่งบานขนาดนี้คนนึกว่ากนกพรคงชนะชัวร์แบบใสใส แต่สุดท้ายแพ้พลิกล็อก ให้กับ วารินเด็กปั้นโกเกี๊ยะพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แกนนําพรรคภูมิใจไทยสายภาคใต้ที่ช่วงแรกคนมองว่ากระดูกคนละเบอร์กับนางกนกพร แต่สุดท้ายหลังกระแสม้าตีนปลายของวารินมาแรงช่วง 2สัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ที่สามารถล้ม นางกนกพรและชัยชนะได้สําเร็จ เบื้องหลังความพ่ายแพ้ของบ้านใหญ่เดชเดโชครั้งนี้ว่ากันว่าสาเหตุหลักหลักเพราะคนนครที่ถือเป็นจังหวัดใหญ่และเป็นฐานการเมืองสําคัญ ของประชาธิปัตย์ในภาคใต้มาตลอด ต้องการสั่งสอนชัยชนะและพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและเพื่อไทยซึ่งเป็นเรื่องที่คนนครจํานวนไม่น้อยรับไม่ได้ และยังมีกรณีชัยชนะเอาคณะกรรมาธิการการตํารวจที่ตัวเองเป็นประธาน ตรวจสอบเรื่องชั้น 14 ทักษิณแต่สุดท้ายกลายเป็นปาหี่ไม่เอาจริงแถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการเอาประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณ การสั่งสอนของคนนครศรีธรรมราชต่อแกนนําพรรคประชาธิปัตย์ที่คงทําให้พวก สสสะตอพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและเพื่อไทย มีหนาวแน่ เพราะอาจจะสอบตกตามรอยแม่ชัยชนะอย่างที่เห็นในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นก็ได้ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1608 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง

    13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท

    กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี

    ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด

    ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี

    เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

    แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ

    ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง

    ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ

    ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ

    โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง

    https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette

    #Thaitimes
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง 13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา" ฟ้อง"ณัฐพล-ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ ชี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
    ศาลแพ่งยกฟ้อง ม.ร.ว.ปรียนันทนาฟ้องณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1836 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ผมลอกมาจาก ณัฐพล...!!! ##
    ..
    ..
    คลิปส่วนหนึ่งจาก งานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่มีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8"
    ..
    ..
    เมื่อ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล สารภาพให้ อาจารย์ วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย ผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ฟังว่า...
    .
    สิ่งที่ได้กล่าวหาในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องรัฐประหารปี 2500 ของจอมพล สฤษดิ์ นั่น...
    .
    .
    “ ผมลอกมาจาก ณัฐพล(ใจจริง)”
    .
    .
    นั่นหล่ะฮะท่านผู้ชม...!!!
    .
    "นักวิชาการล้มเจ้า" ฝั่งนั้น เขาก็ลอกกันไปลอกกันมา Fake News ว่อน โซเชีล ทุกวัน วันละหลายเวลา
    .
    พอมีคนมาจับโป๊ะได้ ก็โดนแหก กะลาระเบิด กันไปเป็นแถวๆ
    .
    แต่...คนที่เขารับข้อมูลผิดๆไป เขาเชื่อไปแล้ว เอาข้อมูลไปส่งต่อเรียบร้อยแล้ว...!!!
    .
    และ เขาไม่ได้มารับรู้ความจริงสุดท้ายด้วยว่า เวลาที่ "นักวิชาการล้มเจ้า" โดนตอกด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงอีกฝั่ง โดนแหกจนกะลาแตก หน้าบู้หมอไม่รับเย็บ เขามีสถาพน่าอนาถอย่างไร...
    ...
    ...
    นี่ล่าสุด ประเด็นที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" ลุกขึ้นมาตีกัน มีปากเสียงกันเอง ก็เนื่องมาจาก นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว ออกมาปล่อยข่าวว่า...
    .
    "......ไฟเขียวแล้ว ไม่งั้นจะกลับเข้ามาในประเทศได้ยังไง และ มีคนจาก....มาคอยดูแล...."
    .
    ผมว่า "ชาวอนุรักษ์นิยม" ควรใจร่มๆ นั่งนิ่งๆ คิดให้ดีซักนิดนึง...
    .
    นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว เป็นคนตั้งกลุ่ม royalist marketplace ด่าเจ้า ปล่อย Fake News โจมตีเจ้าตลอด แทบจะทุกลมหายใจ...
    .
    วันดีคืนดีก็ ไปพบปะพูดคุย ไปยืนกุมเป้า ไม่ด่าทอ อีกทั้งยังชื่นชมเชิดชู...
    .
    พฤติกรรม นี้ผิดปกติหรือไม่...???
    .
    เป็นไปได้มั้ย...???
    .
    ...ว่านี่เป็นแผนที่ โยนประเด็นออกมา เพื่อ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย "ชาวอนุรักษ์นิยม" ออกจากกัน...
    .
    ในเมื่อ เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ในหมูชน แตกเป็นกลุ่มก้อน ไม่เข้มแข็ง ไม่รวมใจ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวแล้ว ไม่สามัคคีกันแล้ว ก็หมดแรง หมดพลัง
    .
    สนิมก่อเกิดแต่เนื้อใน...!!!
    .
    หรือมี สำนวนหนึ่งของ จีน เขาเรียก "จับปลาตอนน้ำขุ่น"
    .
    ข้อมูลจากหลายฝั่งหาอ่านได้ไม่ยากครับ
    .
    เช่น Face Book ของ ดร. Suphanat Aphinyan
    เอาชื่อ Suphanat Aphinyan เซิร์ช ก็เจอแล้วครับ
    .
    คนไทยด้วยกัน ใจร่มๆ รักกันไว้เถอะครับ นับวัน "ชาวอนุรักษ์นิยม" มีแต่จะยิ่งมีจำนวนลดน้อยถอยลง ด้วยอายุขัย ถ้าเราไม่สามารถ ส่งต่อ ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องชอบธรรม ให้ลูกหลานได้ รับรองได้เลยครับ ว่าวันนึง พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อของ "นักวิชากการล้มเจ้า" และ แนวร่วม แน่นอน...
    .
    แล้วรอบนี้ ที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" พ่ายแพ้ต่อ แนวรุกของพวก สีส้ม ส่วนหนึ่ง ก็มาจากพวกเรากันเองด้วยแหล่ะครับ ถ้าไม่ตระหนักถึงสิ่งนี้ เราจะหาแนวร่วมเพิ่มเติมไม่ได้ครับ
    .
    เราจะชนะเขา ไม่ใช่แค่เรา มีความรู้ และ พูดความจริง นะครับ ต้องเข้าถึง คนรุ่นใหม่ หรือ คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ด้วยครับ...
    .
    เพราะทุกวันนี้ ประเทศเราอยู่ในระบอบที่ เสียงส่วนมาก คือ Winner หรือ ความถูกต้อง...!!!
    .
    (ซึ่งพูดแบบนี้คงจะไม่ถูกต้องนักตามทฤษฎี แต่ ในชีวิตจริงก็ประมาณนั้นแหล่ะครับ)
    .
    ที่พวกเขาชนะรอบนี้ ก็เป็นเพราะ เขา ใช้ยุทธวิธี "แทรกซึม"
    .
    เขา "แทรกซึม" มา 20 กว่าปีแล้ว เพราะการแทรกซึม นั้น ไร้แรงต้าน เหมือนกับ คำที่เขาว่า "พูดความจริงฟังแล้วไม่รื่นหู" นั่นแหล่ะครับ
    .
    ลุงสนธิ ออกมาเปิดโปง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีแต่คนออกมาด่า แล้ววันนี้หล่ะครับ ชัดเจนรึยัง...???
    .
    แล้วมีใครสนมั่ง...???
    .

    .
    https://www.youtube.com/watch?v=dxNES9dw_Bk
    ## ผมลอกมาจาก ณัฐพล...!!! ## .. .. คลิปส่วนหนึ่งจาก งานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่มีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8" .. .. เมื่อ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล สารภาพให้ อาจารย์ วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย ผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ฟังว่า... . สิ่งที่ได้กล่าวหาในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องรัฐประหารปี 2500 ของจอมพล สฤษดิ์ นั่น... . . “ ผมลอกมาจาก ณัฐพล(ใจจริง)” . . นั่นหล่ะฮะท่านผู้ชม...!!! . "นักวิชาการล้มเจ้า" ฝั่งนั้น เขาก็ลอกกันไปลอกกันมา Fake News ว่อน โซเชีล ทุกวัน วันละหลายเวลา . พอมีคนมาจับโป๊ะได้ ก็โดนแหก กะลาระเบิด กันไปเป็นแถวๆ . แต่...คนที่เขารับข้อมูลผิดๆไป เขาเชื่อไปแล้ว เอาข้อมูลไปส่งต่อเรียบร้อยแล้ว...!!! . และ เขาไม่ได้มารับรู้ความจริงสุดท้ายด้วยว่า เวลาที่ "นักวิชาการล้มเจ้า" โดนตอกด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงอีกฝั่ง โดนแหกจนกะลาแตก หน้าบู้หมอไม่รับเย็บ เขามีสถาพน่าอนาถอย่างไร... ... ... นี่ล่าสุด ประเด็นที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" ลุกขึ้นมาตีกัน มีปากเสียงกันเอง ก็เนื่องมาจาก นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว ออกมาปล่อยข่าวว่า... . "......ไฟเขียวแล้ว ไม่งั้นจะกลับเข้ามาในประเทศได้ยังไง และ มีคนจาก....มาคอยดูแล...." . ผมว่า "ชาวอนุรักษ์นิยม" ควรใจร่มๆ นั่งนิ่งๆ คิดให้ดีซักนิดนึง... . นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว เป็นคนตั้งกลุ่ม royalist marketplace ด่าเจ้า ปล่อย Fake News โจมตีเจ้าตลอด แทบจะทุกลมหายใจ... . วันดีคืนดีก็ ไปพบปะพูดคุย ไปยืนกุมเป้า ไม่ด่าทอ อีกทั้งยังชื่นชมเชิดชู... . พฤติกรรม นี้ผิดปกติหรือไม่...??? . เป็นไปได้มั้ย...??? . ...ว่านี่เป็นแผนที่ โยนประเด็นออกมา เพื่อ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย "ชาวอนุรักษ์นิยม" ออกจากกัน... . ในเมื่อ เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ในหมูชน แตกเป็นกลุ่มก้อน ไม่เข้มแข็ง ไม่รวมใจ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวแล้ว ไม่สามัคคีกันแล้ว ก็หมดแรง หมดพลัง . สนิมก่อเกิดแต่เนื้อใน...!!! . หรือมี สำนวนหนึ่งของ จีน เขาเรียก "จับปลาตอนน้ำขุ่น" . ข้อมูลจากหลายฝั่งหาอ่านได้ไม่ยากครับ . เช่น Face Book ของ ดร. Suphanat Aphinyan เอาชื่อ Suphanat Aphinyan เซิร์ช ก็เจอแล้วครับ . คนไทยด้วยกัน ใจร่มๆ รักกันไว้เถอะครับ นับวัน "ชาวอนุรักษ์นิยม" มีแต่จะยิ่งมีจำนวนลดน้อยถอยลง ด้วยอายุขัย ถ้าเราไม่สามารถ ส่งต่อ ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องชอบธรรม ให้ลูกหลานได้ รับรองได้เลยครับ ว่าวันนึง พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อของ "นักวิชากการล้มเจ้า" และ แนวร่วม แน่นอน... . แล้วรอบนี้ ที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" พ่ายแพ้ต่อ แนวรุกของพวก สีส้ม ส่วนหนึ่ง ก็มาจากพวกเรากันเองด้วยแหล่ะครับ ถ้าไม่ตระหนักถึงสิ่งนี้ เราจะหาแนวร่วมเพิ่มเติมไม่ได้ครับ . เราจะชนะเขา ไม่ใช่แค่เรา มีความรู้ และ พูดความจริง นะครับ ต้องเข้าถึง คนรุ่นใหม่ หรือ คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ด้วยครับ... . เพราะทุกวันนี้ ประเทศเราอยู่ในระบอบที่ เสียงส่วนมาก คือ Winner หรือ ความถูกต้อง...!!! . (ซึ่งพูดแบบนี้คงจะไม่ถูกต้องนักตามทฤษฎี แต่ ในชีวิตจริงก็ประมาณนั้นแหล่ะครับ) . ที่พวกเขาชนะรอบนี้ ก็เป็นเพราะ เขา ใช้ยุทธวิธี "แทรกซึม" . เขา "แทรกซึม" มา 20 กว่าปีแล้ว เพราะการแทรกซึม นั้น ไร้แรงต้าน เหมือนกับ คำที่เขาว่า "พูดความจริงฟังแล้วไม่รื่นหู" นั่นแหล่ะครับ . ลุงสนธิ ออกมาเปิดโปง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีแต่คนออกมาด่า แล้ววันนี้หล่ะครับ ชัดเจนรึยัง...??? . แล้วมีใครสนมั่ง...??? . 😔😔😔😔😔😔 . https://www.youtube.com/watch?v=dxNES9dw_Bk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 927 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากงานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่ทีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8"

    เมื่อบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2567 .. ขณะที่ผม(ผู้เขียน) ดูไลฟ์สดจากเฟสบุ๊ก ก็ได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ไปด้วย

    แล้วพบว่า อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เข้ามาแสดงความเห็นอยู่ 3 ครั้ง
    เป็นคอมเมนต์เย้ยหยันว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่

    ลักษณะเย้ยหยันเช่นนี้ ได้กลายเป็นบุคลิกของคนชื่อสมศักดิ์ เจียมฯ ไปแล้ว
    ทั้ง ๆ ที่มันมีใหม่อยู่ในเก่า แต่ตาถั่วไม่เห็นเอง
    ...

    ถนนสายหนึ่ง มันก็ยังคงเป็นเส้นทางเดิม ๆ ทุกครั้ง ซอยซ้ายและขวาก็คงเดิม ทุกคนที่เคยผ่านล้วนคิดว่ารู้จักมันดี

    รู้จักมันดีจริงหรือ ?

    แต่แท้ที่จริงแล้ว กลับไม่รู้จักในรายละเอียดของถนนเส้นนั้นเลย
    เช่น ไม่รู้ว่าต้นราชพฤกษ์มีกี่ต้น อยู่ก่อนต้นนางพญาเสือโคร่ง หรืออยู่หลังต้นนางพญาเสือโคร่ง

    เช่น ระหว่างซอยสองซอย ไม่รู้ว่าแผงขายหมูปิ้งตอนเช้า อยู่ใกล้กับแผงขายปาท่องโก้ หรือเลยไปจากร้านขายโจ๊กอีกซอยหนึ่ง

    รู้เส้นทางถนน แต่ใช่ว่าจะเข้าใจลำดับรอบ ๆ ทางของมัน
    ...

    อ.สมศักดิ์ เจียมฯ .. เข้ามาพิมพ์ว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ในช่วงแรก ๆ ของการเปิดงาน / หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่า อ.สมศักดิ์ได้ดูต่อเนื่องอีกหรือไม่ ?

    เพราะความใหม่ มันได้เกิดขึ้นหลังข้อความการด้อยค่าของ อ.สมศักดิ์

    และมันคือการ "โป๊ะแตก" อย่างจัง
    ....

    คุณวิมลพรรณ ปีตะธวัชชัย .. นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์อาวุโส อดีตนักข่าวหญิงคนแรกของสยามรัฐ
    ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของ นสพ. โพสต์ทูเดย์ (และเป็นผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ)

    คุณวิมลพรรณ ได้เล่าบางช่วงเวลาให้ฟังว่า

    ที่เขียนหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะบังเอิญไปอ่านหนังสือของ อ.สมศักดิ์

    อ.สมศักดิ์บอกว่า ..
    รัชกาลที่ 9 อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ (16 กย. 2500 - โค่นจอมพล ป. ซึ่งครองอำนาจสมัยที่ 2)

    โดยก่อนหน้าจอมพลสฤษดิ์ จะทำการปฏิวัติ 2 สัปดาห์ ได้มีการประชุมวางแผนกันถึง 70 คน

    ใน 70 คนนั้น มีพี่น้องปราโมช 2 คน (ม.ร.ว.เสนีย์ - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) และมีพระองค์เจ้าธานีนิวัติ (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร)

    ซึ่งแสดงว่า ร.9 รู้เห็นในการปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ให้ยึดอำนาจจากจอมพล ป.

    คุณวิมลพรรณ ซึ่งรู้จักทางฝ่าย ม.ร.ว.เสนีย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และพระองค์เจ้าธานีนิวัต จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่อ.สมศักดิ์ บอกไว้

    แต่ในเวลานั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วไม่รู้จะไปถามใคร ทำให้ต้องค้นหาความจริงเอง

    คุณวิมลพรรณ ได้เดินทางตามหาเอกสารตามที่อ.สมศักดิ์ อ้างไว้ ..
    ไปถึงห้องสมุดประเทศอังกฤษ , พบบันทึกฝรั่งที่เขียนใส่แฟ้มเอาไว้หลายหน้า ในบันทึกแรก ๆ ล้วนแต่บอกว่า ได้รับฟังมาจากคนอื่น ๆ ในประเทศไทย

    ฝรั่งเขียนรายงานตามที่ได้ยินมา ว่าสองพี่น้องปราโมชและพระองค์เจ้าธานีนิวัต ไปประชุมร่วมมือการปฏิวัติกับจอมพลสฤษดิ์

    พอเปิดเอกสารในแฟ้มไปเรื่อย ๆ จนพบจดหมายของทูตอังกฤษ ที่เขียนไว้ว่า ..
    .. ข้อมูลคำบอกเล่าด้านหน้าที่บันทึกไว้ มันเป็น "ข่าวลือ" ไม่มีความจริง
    ...

    ต่อมาคุณวิมลพรรณ ได้ออกหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ได้ลงภาพการสัมภาษณ์ โดยมีภาพเอกสารอ้างอิงต่าง ๆ เต็มไปหมด

    อ.สมศักดิ์ เห็นภาพข่าว จึงได้โทรมาหา .. แล้วบอกว่าผมอยากรู้และอยากแลกเปลี่ยนเอกสารที่คุณวิมลพรรณมีอยู่

    คุณวิมลพรรณ ตอบไปว่า .. ก็เพราะอ.สมศักดิ์นี้แหละ ที่ไปเขียนว่า ร.9 รู้เห็นกับการปฏิวัติของจอมพล สฤษดิ์. จึงทำให้ดิฉันต้องไปค้นหาเอกสารความจริงทั้งหมด

    อ.สมศักดิ์ บอกว่า
    "ขอโทษครับ ผมลอกข้อมูลดังกล่าวมาจาก ณัฐพล ใจจริง"

    โป๊ะแตก ทันที
    ...

    ณัฐพล ใจจริง กลายเป็นมือปล่อยข่าวลือที่พยายามจะสร้างให้เป็นข่าวจริง

    และคือจุดด่างพร้อยของนักวิชาการ
    ....




    Padipon Apinyankul
    จากงานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่ทีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8" เมื่อบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2567 .. ขณะที่ผม(ผู้เขียน) ดูไลฟ์สดจากเฟสบุ๊ก ก็ได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ไปด้วย แล้วพบว่า อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เข้ามาแสดงความเห็นอยู่ 3 ครั้ง เป็นคอมเมนต์เย้ยหยันว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ ลักษณะเย้ยหยันเช่นนี้ ได้กลายเป็นบุคลิกของคนชื่อสมศักดิ์ เจียมฯ ไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันมีใหม่อยู่ในเก่า แต่ตาถั่วไม่เห็นเอง ... ถนนสายหนึ่ง มันก็ยังคงเป็นเส้นทางเดิม ๆ ทุกครั้ง ซอยซ้ายและขวาก็คงเดิม ทุกคนที่เคยผ่านล้วนคิดว่ารู้จักมันดี รู้จักมันดีจริงหรือ ? แต่แท้ที่จริงแล้ว กลับไม่รู้จักในรายละเอียดของถนนเส้นนั้นเลย เช่น ไม่รู้ว่าต้นราชพฤกษ์มีกี่ต้น อยู่ก่อนต้นนางพญาเสือโคร่ง หรืออยู่หลังต้นนางพญาเสือโคร่ง เช่น ระหว่างซอยสองซอย ไม่รู้ว่าแผงขายหมูปิ้งตอนเช้า อยู่ใกล้กับแผงขายปาท่องโก้ หรือเลยไปจากร้านขายโจ๊กอีกซอยหนึ่ง รู้เส้นทางถนน แต่ใช่ว่าจะเข้าใจลำดับรอบ ๆ ทางของมัน ... อ.สมศักดิ์ เจียมฯ .. เข้ามาพิมพ์ว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ในช่วงแรก ๆ ของการเปิดงาน / หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่า อ.สมศักดิ์ได้ดูต่อเนื่องอีกหรือไม่ ? เพราะความใหม่ มันได้เกิดขึ้นหลังข้อความการด้อยค่าของ อ.สมศักดิ์ และมันคือการ "โป๊ะแตก" อย่างจัง .... คุณวิมลพรรณ ปีตะธวัชชัย .. นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์อาวุโส อดีตนักข่าวหญิงคนแรกของสยามรัฐ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของ นสพ. โพสต์ทูเดย์ (และเป็นผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ) คุณวิมลพรรณ ได้เล่าบางช่วงเวลาให้ฟังว่า ที่เขียนหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะบังเอิญไปอ่านหนังสือของ อ.สมศักดิ์ อ.สมศักดิ์บอกว่า .. รัชกาลที่ 9 อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ (16 กย. 2500 - โค่นจอมพล ป. ซึ่งครองอำนาจสมัยที่ 2) โดยก่อนหน้าจอมพลสฤษดิ์ จะทำการปฏิวัติ 2 สัปดาห์ ได้มีการประชุมวางแผนกันถึง 70 คน ใน 70 คนนั้น มีพี่น้องปราโมช 2 คน (ม.ร.ว.เสนีย์ - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) และมีพระองค์เจ้าธานีนิวัติ (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร) ซึ่งแสดงว่า ร.9 รู้เห็นในการปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ให้ยึดอำนาจจากจอมพล ป. คุณวิมลพรรณ ซึ่งรู้จักทางฝ่าย ม.ร.ว.เสนีย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และพระองค์เจ้าธานีนิวัต จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่อ.สมศักดิ์ บอกไว้ แต่ในเวลานั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วไม่รู้จะไปถามใคร ทำให้ต้องค้นหาความจริงเอง คุณวิมลพรรณ ได้เดินทางตามหาเอกสารตามที่อ.สมศักดิ์ อ้างไว้ .. ไปถึงห้องสมุดประเทศอังกฤษ , พบบันทึกฝรั่งที่เขียนใส่แฟ้มเอาไว้หลายหน้า ในบันทึกแรก ๆ ล้วนแต่บอกว่า ได้รับฟังมาจากคนอื่น ๆ ในประเทศไทย ฝรั่งเขียนรายงานตามที่ได้ยินมา ว่าสองพี่น้องปราโมชและพระองค์เจ้าธานีนิวัต ไปประชุมร่วมมือการปฏิวัติกับจอมพลสฤษดิ์ พอเปิดเอกสารในแฟ้มไปเรื่อย ๆ จนพบจดหมายของทูตอังกฤษ ที่เขียนไว้ว่า .. .. ข้อมูลคำบอกเล่าด้านหน้าที่บันทึกไว้ มันเป็น "ข่าวลือ" ไม่มีความจริง ... ต่อมาคุณวิมลพรรณ ได้ออกหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ได้ลงภาพการสัมภาษณ์ โดยมีภาพเอกสารอ้างอิงต่าง ๆ เต็มไปหมด อ.สมศักดิ์ เห็นภาพข่าว จึงได้โทรมาหา .. แล้วบอกว่าผมอยากรู้และอยากแลกเปลี่ยนเอกสารที่คุณวิมลพรรณมีอยู่ คุณวิมลพรรณ ตอบไปว่า .. ก็เพราะอ.สมศักดิ์นี้แหละ ที่ไปเขียนว่า ร.9 รู้เห็นกับการปฏิวัติของจอมพล สฤษดิ์. จึงทำให้ดิฉันต้องไปค้นหาเอกสารความจริงทั้งหมด อ.สมศักดิ์ บอกว่า 📍 "ขอโทษครับ ผมลอกข้อมูลดังกล่าวมาจาก ณัฐพล ใจจริง" โป๊ะแตก ทันที ... ณัฐพล ใจจริง กลายเป็นมือปล่อยข่าวลือที่พยายามจะสร้างให้เป็นข่าวจริง และคือจุดด่างพร้อยของนักวิชาการ .... ✍️✍️✍️ Padipon Apinyankul
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 823 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคาะแล้ว เก้าอี้ เลขาฯ สมช.คนใหม่ คนในผงาดในรอบสิบปี
    .
    ผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช) วันนี้ 4 ตุลาคม ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน
    .
    ถูกจับตามองอย่างมากว่า ที่ประชุมจะลงมติให้เสนอชื่อใครเป็น “เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) “คนใหม่ แทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์

    โดยหลังการประชุม ภูมิธรรม ยังคงอุบไต๋ ไม่บอกว่า จะเสนอชื่อใครเข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้(วันที่8 ตุลาคม)แต่บอกว่า ได้รายชื่อแล้ว และข่าวสะพัดในช่วงเย็น ว่า คนที่จะได้รับการเสนอชื่อก็คือ คนในสมช. ไม่มีข้ามห้วย แบบหลายปีที่ผ่านมา
    .
    โดยนายภูมิธรรม กล่าวหลังการประชุมว่า เนื่องจากเวลาล่วงเลยมาแล้วจึงจำเป็นต้องรีบ เพื่อให้งานต่างๆ ขับเคลื่อนต่อได้ โดยจะมีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีว่าจะมีความเห็นอะไร อย่างไร ซึ่งกระบวนการยังไม่จบสิ้น ต้องคุยและหารือกันอีกเรื่อง โดยพยายามจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ให้ได้ในวันอังคารนี้
    .
    เมื่อถามว่า เลขาธิการสมช.คนใหม่ เป็นทหารหรือพลเรือน เคาะแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เคาะแล้วแต่ยังบอกไม่ได้
    ต่อข้อถามว่า จะเป็นคนใน สมช.หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเวลาเป็นคนนอก รองนายกฯ ภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปมองว่าคนนอกจะเป็นอย่างนั้น เพราะอยู่ที่ความจำเป็นและสถานการณ์ของแต่ละช่วง ทุกคนที่มาก็รับผิดชอบในหน้าที่ของตน แต่ว่าความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์หรืออะไรต่างๆ ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นคนนอกหรือคนในที่เคยเป็นมาก็สามารถทำได้ดีทั้งนั้น
    .
    เมื่อถามย้ำว่า ระบุให้ชัดได้หรือไม่ว่า เป็นคนในสมช. แต่ยังไม่บอกว่าเป็นใคร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ระบุไม่ได้ จนกว่าการตัดสินใจจะเกิดขึ้น
    .
    ส่วนกระแสข่าวระบุว่า ชื่อนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสมช. มาแรง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นข่าว อันนั้นก็เรื่องของข่าว โดยการเสนอชื่อ เป็นการให้เลือก โดยมีมากกว่า1 ชื่อ ซึ่งอำนาจสูงสุดอยู่ที่คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี
    .
    สำหรับเก้าอี้ เลขาธิการสมช.ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา พบว่า เป็นการข้ามห้วยมาทั้งหมด ทั้งจากทหารและตำรวจ ที่มาเอาตำแหน่งเลขาธิการสมช. โดยเลขาธิการสมช.คนสุดท้ายที่เป็นพลเรือนและเป็นลูกหม้อของสมช.คือ นายอนุสิษฐ คุณากร ที่ทำหน้าที่หนึ่งปี คือในช่วง1 ตุลาคม พ.ศ. 2557ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2558
    .
    หลังจากนั้น เลขาธิการสมช. ก็มาจาก คนนอก ข้ามห้วยมาตลอดเกือบสิบปี ไล่เรียงกันมาดังนี้
    .
    พลเอก ทวีป เนตรนิยม 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2560
    พลเอก วัลลภ รักเสนาะ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2562
    พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2563
    พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2564 ปัจจุบันเป็นรมช.กลาโหม
    .
    พลเอก สุพจน์ มาลานิยม 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2566
    พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ 19 มีนาคม พ.ศ. 2567 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2567
    .
    อย่างไรก็ตาม ข่าวบางกระแสรายงานว่า ในที่ประชุมบอร์ดสมช. ที่พิจารณาเรื่องดังกล่าว มีการพิจารณารายชื่อคนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการสมช. จากคนใน โดยมีแคนดิเดตสามคนที่เป็นรองเลขาธิการสมช.เรียงตามลำดับอาวุโส คือ นายฉัตรชัย บางชวด นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ และนายวรณัฐ คงเมือง
    .
    โดยมีข่าวบางกระบอกว่า นายฉัตรชัย บางชวด จะถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการ สมช.คนใหม่ แต่นายภูมิธรรม จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับ นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯก่อน
    ซึ่งก็คาดว่า ยังไง แพทองธาร ก็ต้อง มีการปรึกษา สอบถามท่าทีจากทักษิณ ชินวัตรก่อน ว่าจะไฟเขียวหรือไม่
    .................
    Sondhi X
    เคาะแล้ว เก้าอี้ เลขาฯ สมช.คนใหม่ คนในผงาดในรอบสิบปี . ผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช) วันนี้ 4 ตุลาคม ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน . ถูกจับตามองอย่างมากว่า ที่ประชุมจะลงมติให้เสนอชื่อใครเป็น “เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) “คนใหม่ แทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ โดยหลังการประชุม ภูมิธรรม ยังคงอุบไต๋ ไม่บอกว่า จะเสนอชื่อใครเข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้(วันที่8 ตุลาคม)แต่บอกว่า ได้รายชื่อแล้ว และข่าวสะพัดในช่วงเย็น ว่า คนที่จะได้รับการเสนอชื่อก็คือ คนในสมช. ไม่มีข้ามห้วย แบบหลายปีที่ผ่านมา . โดยนายภูมิธรรม กล่าวหลังการประชุมว่า เนื่องจากเวลาล่วงเลยมาแล้วจึงจำเป็นต้องรีบ เพื่อให้งานต่างๆ ขับเคลื่อนต่อได้ โดยจะมีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีว่าจะมีความเห็นอะไร อย่างไร ซึ่งกระบวนการยังไม่จบสิ้น ต้องคุยและหารือกันอีกเรื่อง โดยพยายามจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ให้ได้ในวันอังคารนี้ . เมื่อถามว่า เลขาธิการสมช.คนใหม่ เป็นทหารหรือพลเรือน เคาะแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เคาะแล้วแต่ยังบอกไม่ได้ ต่อข้อถามว่า จะเป็นคนใน สมช.หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเวลาเป็นคนนอก รองนายกฯ ภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปมองว่าคนนอกจะเป็นอย่างนั้น เพราะอยู่ที่ความจำเป็นและสถานการณ์ของแต่ละช่วง ทุกคนที่มาก็รับผิดชอบในหน้าที่ของตน แต่ว่าความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์หรืออะไรต่างๆ ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นคนนอกหรือคนในที่เคยเป็นมาก็สามารถทำได้ดีทั้งนั้น . เมื่อถามย้ำว่า ระบุให้ชัดได้หรือไม่ว่า เป็นคนในสมช. แต่ยังไม่บอกว่าเป็นใคร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ระบุไม่ได้ จนกว่าการตัดสินใจจะเกิดขึ้น . ส่วนกระแสข่าวระบุว่า ชื่อนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสมช. มาแรง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นข่าว อันนั้นก็เรื่องของข่าว โดยการเสนอชื่อ เป็นการให้เลือก โดยมีมากกว่า1 ชื่อ ซึ่งอำนาจสูงสุดอยู่ที่คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี . สำหรับเก้าอี้ เลขาธิการสมช.ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา พบว่า เป็นการข้ามห้วยมาทั้งหมด ทั้งจากทหารและตำรวจ ที่มาเอาตำแหน่งเลขาธิการสมช. โดยเลขาธิการสมช.คนสุดท้ายที่เป็นพลเรือนและเป็นลูกหม้อของสมช.คือ นายอนุสิษฐ คุณากร ที่ทำหน้าที่หนึ่งปี คือในช่วง1 ตุลาคม พ.ศ. 2557ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2558 . หลังจากนั้น เลขาธิการสมช. ก็มาจาก คนนอก ข้ามห้วยมาตลอดเกือบสิบปี ไล่เรียงกันมาดังนี้ . พลเอก ทวีป เนตรนิยม 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2560 พลเอก วัลลภ รักเสนาะ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2562 พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2563 พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2564 ปัจจุบันเป็นรมช.กลาโหม . พลเอก สุพจน์ มาลานิยม 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2566 พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ 19 มีนาคม พ.ศ. 2567 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2567 . อย่างไรก็ตาม ข่าวบางกระแสรายงานว่า ในที่ประชุมบอร์ดสมช. ที่พิจารณาเรื่องดังกล่าว มีการพิจารณารายชื่อคนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการสมช. จากคนใน โดยมีแคนดิเดตสามคนที่เป็นรองเลขาธิการสมช.เรียงตามลำดับอาวุโส คือ นายฉัตรชัย บางชวด นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ และนายวรณัฐ คงเมือง . โดยมีข่าวบางกระบอกว่า นายฉัตรชัย บางชวด จะถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการ สมช.คนใหม่ แต่นายภูมิธรรม จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับ นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯก่อน ซึ่งก็คาดว่า ยังไง แพทองธาร ก็ต้อง มีการปรึกษา สอบถามท่าทีจากทักษิณ ชินวัตรก่อน ว่าจะไฟเขียวหรือไม่ ................. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1620 มุมมอง 1 รีวิว
  • #รีวิวทัวร์ #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง คุณณัฐพล 3ท่าน เดินทาง 22-27ก.ย.67 ขอให้เที่ยวสนุก นะจ้ะ
    #รีวิว #review
    สอบถามรายละเอียด คลิก http://bit.ly/3XQPjEr

    ติดต่อ Office Line ID : @navarich
    เบอร์สำนักงาน : 083-6995654
    HOT LINE พนักงานขาย
    093-629-6354, 061-624-9254, 061-626-3249, 063-593-5142, 065-324-6951, 061-626-9236
    เลขทะเบียน ททท. : 11/08116

    #รวมทัวร์ #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์ถูก #hotseat #โปรไฟไหม้ #ที่หลุด #ทัวร์ด่วน #ทัวร์วันปิดเทอม #ทัวร์วันจักรี #ทัวร์วันสงกรานต์ #ทัวร์วันแรงงาน #โกเบ #ทัวร์ทตโทริ
    #เทียนสิน #ซัวเถา #แต้จิ๋ว #ฟ่งหวง #เฉินตู #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง #เล่อซาน #ง้อไบ๊ #อู่หลู่มูฉี #จางเย่
    #รีวิวทัวร์ #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง คุณณัฐพล 3ท่าน เดินทาง 22-27ก.ย.67 ขอให้เที่ยวสนุก นะจ้ะ #รีวิว #review สอบถามรายละเอียด คลิก http://bit.ly/3XQPjEr ติดต่อ Office Line ID : @navarich เบอร์สำนักงาน : 083-6995654 HOT LINE พนักงานขาย 093-629-6354, 061-624-9254, 061-626-3249, 063-593-5142, 065-324-6951, 061-626-9236 เลขทะเบียน ททท. : 11/08116 #รวมทัวร์ #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์ถูก #hotseat #โปรไฟไหม้ #ที่หลุด #ทัวร์ด่วน #ทัวร์วันปิดเทอม #ทัวร์วันจักรี #ทัวร์วันสงกรานต์ #ทัวร์วันแรงงาน #โกเบ #ทัวร์ทตโทริ #เทียนสิน #ซัวเถา #แต้จิ๋ว #ฟ่งหวง #เฉินตู #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง #เล่อซาน #ง้อไบ๊ #อู่หลู่มูฉี #จางเย่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1829 มุมมอง 0 รีวิว