• สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่เช้าวันที่ 27 พ.ย.เริ่มดีขึ้น หลายจุดระดับน้ำลด ประชาชนบางส่วนออกมานอกบ้านได้แล้ว ขณะที่การช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เข้าถึงมากขึ้น แม้ยังมีผู้รอความช่วยเหลือจำนวนมาก

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000113542

    #น้ำท่วมหาดใหญ่ #อุทกภัยภาคใต้ #สงขลา #น้ำลดแล้วบางส่วน #News1live #News1
    สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่เช้าวันที่ 27 พ.ย.เริ่มดีขึ้น หลายจุดระดับน้ำลด ประชาชนบางส่วนออกมานอกบ้านได้แล้ว ขณะที่การช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เข้าถึงมากขึ้น แม้ยังมีผู้รอความช่วยเหลือจำนวนมาก • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000113542 • #น้ำท่วมหาดใหญ่ #อุทกภัยภาคใต้ #สงขลา #น้ำลดแล้วบางส่วน #News1live #News1
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • น้ำท่วมยะลาเข้าวันที่ 7 กระทบ 45,634 ครัวเรือน รวมกว่า 1.2 แสนคน อพยพแล้ว 7,527 คน เสียชีวิต 5 ราย , จ.ยะลาประกาศเขตภัยพิบัติ 4 อำเภอ ขณะน้ำในเขตเทศบาลนครยะลาเริ่มลด แต่ยังต้องเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งหลายจุด

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000113523

    #ยะลา #น้ำท่วมภาคใต้ #อุทกภัย2568 #สถานการณ์น้ำ #News1live #New
    น้ำท่วมยะลาเข้าวันที่ 7 กระทบ 45,634 ครัวเรือน รวมกว่า 1.2 แสนคน อพยพแล้ว 7,527 คน เสียชีวิต 5 ราย , จ.ยะลาประกาศเขตภัยพิบัติ 4 อำเภอ ขณะน้ำในเขตเทศบาลนครยะลาเริ่มลด แต่ยังต้องเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งหลายจุด • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000113523 • #ยะลา #น้ำท่วมภาคใต้ #อุทกภัย2568 #สถานการณ์น้ำ #News1live #New
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • แบ่งโซนสั่งงานน้ำท่วม อย่ามองเป็นการเมือง : [THE MESSAGE]

    นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย ครั้งที่ 1/2568 ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ เริ่มจัดการข้อมูล โดยคัดกรองข้อมูลที่ประชาชนร้องเรียน ประสานท้องถิ่นว่าในส่วนที่รับผิดชอบมีผู้ประสบภัยเท่าใด เพื่อส่งต่อไปศูนย์บัญชาการส่วนหน้าที่มี พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า หรือ ศป.กฉ. ส่วนหน้า โดยจะแบ่งโซนรับผิดชอบชัดเจน ทำให้ทราบว่าต้องประสานงานกับใคร ส่วนฝ่ายปฏิบัติต้องฟังคำสั่งจาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น ใครอยู่ส่วนใดก็แบ่งโซนกัน ขออย่าถามเรื่องการเมือง ทุกคนทำงานเพื่อช่วยประชาชน ยืนยัน ไม่สับสน ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องแผนอพยพที่เริ่มมีผู้เสียชีวิตระหว่างรอความช่วยเหลือ กำลังเร่งดำเนินการ ศูนย์ฯนี้เพิ่งตั้ง ทุกฝ่ายเร่งประสานอพยพผู้ป่วย และ ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด สส. สงขลา พัทลุง สตูล แจ้งเตือนประชาชนให้อพยพก่อนมวลน้ำไปถึง ไม่ให้ซ้ำรอยหาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นบทเรียน
    แบ่งโซนสั่งงานน้ำท่วม อย่ามองเป็นการเมือง : [THE MESSAGE] นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย ครั้งที่ 1/2568 ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ เริ่มจัดการข้อมูล โดยคัดกรองข้อมูลที่ประชาชนร้องเรียน ประสานท้องถิ่นว่าในส่วนที่รับผิดชอบมีผู้ประสบภัยเท่าใด เพื่อส่งต่อไปศูนย์บัญชาการส่วนหน้าที่มี พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า หรือ ศป.กฉ. ส่วนหน้า โดยจะแบ่งโซนรับผิดชอบชัดเจน ทำให้ทราบว่าต้องประสานงานกับใคร ส่วนฝ่ายปฏิบัติต้องฟังคำสั่งจาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น ใครอยู่ส่วนใดก็แบ่งโซนกัน ขออย่าถามเรื่องการเมือง ทุกคนทำงานเพื่อช่วยประชาชน ยืนยัน ไม่สับสน ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องแผนอพยพที่เริ่มมีผู้เสียชีวิตระหว่างรอความช่วยเหลือ กำลังเร่งดำเนินการ ศูนย์ฯนี้เพิ่งตั้ง ทุกฝ่ายเร่งประสานอพยพผู้ป่วย และ ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด สส. สงขลา พัทลุง สตูล แจ้งเตือนประชาชนให้อพยพก่อนมวลน้ำไปถึง ไม่ให้ซ้ำรอยหาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นบทเรียน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 0 Reviews
  • ขออภัยที่ข่าวสารไปไม่ถึงคุณ

    สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จ.สงขลา และจังหวัดภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา หลายภาคส่วนต่างทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ เช่นเดียวกับสื่อมวลชนแต่ละสำนัก ต่างทำหน้าที่นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย และประสานความช่วยเหลือกับภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสล้มผังรายการปกติ จัดรายการพิเศษ "มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568" ตั้งแต่ 05.30 ถึง 24.00 น.

    ขณะที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ปรับผังรายการและขยายการรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) และสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอต เอชดี รวมทั้งสื่อวิทยุและสื่อออนไลน์ในเครือข่ายสื่อรัฐ ไม่นับรวมความทุ่มเทของสื่อมวลชนสำนักอื่นๆ ต่างเหน็ดเหนื่อยและเสียสละไม่แพ้กัน

    แต่เนื่องจากปัจจุบันระบบ Algorithm ของโซเชียลมีเดียตะวันตก มักจะเลือกนำเสนอในสิ่งที่ผู้ใช้สนใจเป็นหลัก ทำให้ไม่ทราบว่าบ้านเมืองกำลังเกิดอะไรขึ้น เข้าใจผิดว่าสื่อมวลชนไม่ทำหน้าที่ เริ่มจากอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่ง ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.7 ล้านราย ระบุว่า "อยากให้สื่อเสนอข่าวน้ำท่วมก่อนค่ะ ดาราเป็นหนี้ใดๆ ให้เขาหาเงินใช้หนี้ไป เพราะตอนนี้ทั่วพื้นที่หาดใหญ่มีทั้งเด็กทารกและคนชราติดอยู่ในพื้นที่รอหน่วยงานไปช่วยเหลือเยอะมากๆ ค่ะ"

    สื่อมวลชนต่างพากันวิจารณ์เป็นจำนวนมาก สุดท้ายอินฟลูเอนเซอร์รายดังกล่าวขอโทษสื่อมวลชนทุกคน ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ไม่สบายใจ คนที่นำเสนออยู่แล้วไม่ได้ว่าอะไรเลย ไม่ได้โพสต์เพื่อล่าแม่มด ชวนทะเลาะหรือทำให้เกิดความแตกแยก แค่อยากทำให้คนสนใจน้ำท่วมมากขึ้นสักคน ก็บรรลุเป้าหมายของตนแล้ว และได้แก้ไขต้นโพสต์เพื่อความสบายใจ ตรงจุดประสงค์ที่จะสื่อมากขึ้น และไม่ทำให้เป็นการกล่าวโทษใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

    แต่สำหรับ "นารา เครปกะเทย" หรือนายอนิวัต ประทุมถิ่น อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ผู้ติดตามมากกว่า 2.4 ล้านคน กลับระบุว่า "สื่อช่วยหยุดลงข่าวดาราเรื่องเงินได้แล้วค่ะ แล้วมาช่วยลงข่าวน้ำท่วมภาคใต้หน่อยค่ะ มีคนเดือดร้อนมากมาย คิดเสียว่าเขาคือพ่อแม่เราเนอะ" ปรากฎว่ามีแฟนคลับต่างพากันคอมเมนต์เห็นด้วย แม้จะมีคนทักท้วงว่า คิดอะไรไม่ออก ด่าสื่อไว้ก่อน สื่อเขาทำข่าว ลงพื้นที่กันหมดแล้ว แต่กลับตอบคำถามอีกอย่าง

    นี่คือผลเสียของอิทธิพลจากโซเชียลมีเดียตะวันตกที่ระบบอัลกอริทึมครอบงำผู้คนในชีวิตประจำวัน กลายเป็นการปิดหูปิดตาทางอ้อม ทำให้ประชาชนไม่รู้ว่า ประเทศไทยเวลานี้กำลังเกิดหายนะอะไรขึ้น กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้

    #Newskit
    ขออภัยที่ข่าวสารไปไม่ถึงคุณ สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จ.สงขลา และจังหวัดภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา หลายภาคส่วนต่างทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ เช่นเดียวกับสื่อมวลชนแต่ละสำนัก ต่างทำหน้าที่นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย และประสานความช่วยเหลือกับภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสล้มผังรายการปกติ จัดรายการพิเศษ "มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568" ตั้งแต่ 05.30 ถึง 24.00 น. ขณะที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ปรับผังรายการและขยายการรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) และสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอต เอชดี รวมทั้งสื่อวิทยุและสื่อออนไลน์ในเครือข่ายสื่อรัฐ ไม่นับรวมความทุ่มเทของสื่อมวลชนสำนักอื่นๆ ต่างเหน็ดเหนื่อยและเสียสละไม่แพ้กัน แต่เนื่องจากปัจจุบันระบบ Algorithm ของโซเชียลมีเดียตะวันตก มักจะเลือกนำเสนอในสิ่งที่ผู้ใช้สนใจเป็นหลัก ทำให้ไม่ทราบว่าบ้านเมืองกำลังเกิดอะไรขึ้น เข้าใจผิดว่าสื่อมวลชนไม่ทำหน้าที่ เริ่มจากอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่ง ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.7 ล้านราย ระบุว่า "อยากให้สื่อเสนอข่าวน้ำท่วมก่อนค่ะ ดาราเป็นหนี้ใดๆ ให้เขาหาเงินใช้หนี้ไป เพราะตอนนี้ทั่วพื้นที่หาดใหญ่มีทั้งเด็กทารกและคนชราติดอยู่ในพื้นที่รอหน่วยงานไปช่วยเหลือเยอะมากๆ ค่ะ" สื่อมวลชนต่างพากันวิจารณ์เป็นจำนวนมาก สุดท้ายอินฟลูเอนเซอร์รายดังกล่าวขอโทษสื่อมวลชนทุกคน ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ไม่สบายใจ คนที่นำเสนออยู่แล้วไม่ได้ว่าอะไรเลย ไม่ได้โพสต์เพื่อล่าแม่มด ชวนทะเลาะหรือทำให้เกิดความแตกแยก แค่อยากทำให้คนสนใจน้ำท่วมมากขึ้นสักคน ก็บรรลุเป้าหมายของตนแล้ว และได้แก้ไขต้นโพสต์เพื่อความสบายใจ ตรงจุดประสงค์ที่จะสื่อมากขึ้น และไม่ทำให้เป็นการกล่าวโทษใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่สำหรับ "นารา เครปกะเทย" หรือนายอนิวัต ประทุมถิ่น อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ผู้ติดตามมากกว่า 2.4 ล้านคน กลับระบุว่า "สื่อช่วยหยุดลงข่าวดาราเรื่องเงินได้แล้วค่ะ แล้วมาช่วยลงข่าวน้ำท่วมภาคใต้หน่อยค่ะ มีคนเดือดร้อนมากมาย คิดเสียว่าเขาคือพ่อแม่เราเนอะ" ปรากฎว่ามีแฟนคลับต่างพากันคอมเมนต์เห็นด้วย แม้จะมีคนทักท้วงว่า คิดอะไรไม่ออก ด่าสื่อไว้ก่อน สื่อเขาทำข่าว ลงพื้นที่กันหมดแล้ว แต่กลับตอบคำถามอีกอย่าง นี่คือผลเสียของอิทธิพลจากโซเชียลมีเดียตะวันตกที่ระบบอัลกอริทึมครอบงำผู้คนในชีวิตประจำวัน กลายเป็นการปิดหูปิดตาทางอ้อม ทำให้ประชาชนไม่รู้ว่า ประเทศไทยเวลานี้กำลังเกิดหายนะอะไรขึ้น กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้ #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 1 Shares 155 Views 0 Reviews
  • ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังรุนแรง ครอบคลุม 9 จังหวัด รวม 98 อำเภอ กระทบประชาชนกว่า 798,000 ครัวเรือน รวมกว่า 2.19 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย ขณะที่ทั้งประเทศมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 2.68 ล้านคน

    อ่านต่อ... https://news1live.com/detail/9680000112822

    #อุทกภัยใต้ #ปภ #น้ำท่วม2568 #ยอดผู้เสียชีวิต #News1live
    ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังรุนแรง ครอบคลุม 9 จังหวัด รวม 98 อำเภอ กระทบประชาชนกว่า 798,000 ครัวเรือน รวมกว่า 2.19 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย ขณะที่ทั้งประเทศมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 2.68 ล้านคน • อ่านต่อ... https://news1live.com/detail/9680000112822 • #อุทกภัยใต้ #ปภ #น้ำท่วม2568 #ยอดผู้เสียชีวิต #News1live
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • "มือใหม่หัดขับ" ธรรมนัส วิจารณ์ กัน จอมพลัง ลั่นไม่รู้เรื่องปมข้อบังคับมูลนิธิ ชี้ทำอะไรไม่ค่อยคิด
    https://www.thai-tai.tv/news/22039/
    .
    #ไทยไท #ธรรมนัสพรหมเผ่า #กันจอมพลัง #มือใหม่หัดขับ #พรรคกล้าธรรม #สถานการณ์น้ำท่วม

    "มือใหม่หัดขับ" ธรรมนัส วิจารณ์ กัน จอมพลัง ลั่นไม่รู้เรื่องปมข้อบังคับมูลนิธิ ชี้ทำอะไรไม่ค่อยคิด https://www.thai-tai.tv/news/22039/ . #ไทยไท #ธรรมนัสพรหมเผ่า #กันจอมพลัง #มือใหม่หัดขับ #พรรคกล้าธรรม #สถานการณ์น้ำท่วม
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • ตอบ "ทรัมป์" กัมพูชาต้องทำ 4 ข้อเสนอไทย : [THE MESSAGE]
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยถึงเงื่อนไข 4 ข้อ ที่จะทำให้เกิดการพูดคุยกับกัมพูชาต่อได้ คือ การถอนอาวุธหนัก ถอนทุ่นระเบิด เรื่องสแกมเมอร์ การจัดการในพื้นที่ที่คนกัมพูชาเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ส่วนเส้นตายการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วในวันที่ 10 ตุลาคม นี้ ไม่มีคำว่าเดดไลน์ ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ต้องดำเนินการ ส่วนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอตัวเป็นประธานการลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา จะทำหนังสือแจ้งกลับว่า หากกัมพูชาปฏิบัติตาม 4 ข้อ ที่ไทยยื่นเสนอไป ไทยก็พร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น เพราะ 4 ข้อนี้ เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ที่สำคัญมีอันตรายต่อประชาชน เตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดตามสถานการณ์ความมั่นคง ไม่สนถูกมองเป็นการต้อนรับรัฐบาลใหม่ และจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ส่วนการตั้ง ครม.เศรษฐกิจ จะประชุมทุกบ่ายวันจันทร์ เพื่อกลั่นกรองเรื่องสำคัญด้านเศรษฐกิจ ก่อนเข้าสู่ที่ประชุม ครม.
    ตอบ "ทรัมป์" กัมพูชาต้องทำ 4 ข้อเสนอไทย : [THE MESSAGE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยถึงเงื่อนไข 4 ข้อ ที่จะทำให้เกิดการพูดคุยกับกัมพูชาต่อได้ คือ การถอนอาวุธหนัก ถอนทุ่นระเบิด เรื่องสแกมเมอร์ การจัดการในพื้นที่ที่คนกัมพูชาเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ส่วนเส้นตายการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วในวันที่ 10 ตุลาคม นี้ ไม่มีคำว่าเดดไลน์ ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ต้องดำเนินการ ส่วนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอตัวเป็นประธานการลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา จะทำหนังสือแจ้งกลับว่า หากกัมพูชาปฏิบัติตาม 4 ข้อ ที่ไทยยื่นเสนอไป ไทยก็พร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น เพราะ 4 ข้อนี้ เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ที่สำคัญมีอันตรายต่อประชาชน เตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดตามสถานการณ์ความมั่นคง ไม่สนถูกมองเป็นการต้อนรับรัฐบาลใหม่ และจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ส่วนการตั้ง ครม.เศรษฐกิจ จะประชุมทุกบ่ายวันจันทร์ เพื่อกลั่นกรองเรื่องสำคัญด้านเศรษฐกิจ ก่อนเข้าสู่ที่ประชุม ครม.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 548 Views 0 0 Reviews
  • “รองนายกฯ สุชาติ” ห่วงประชาชนพื้นที่น้ำท่วม สั่งการหน่วยงานใน ทส. เร่งเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด แจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง
    https://www.thai-tai.tv/news/21699/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #น้ำท่วม #บึงบอระเพ็ด #แม่น้ำเจ้าพระยา #ทส. #อุตรดิตถ์ #บริหารจัดการน้ำ #พร้อมให้ความช่วยเหลือ
    “รองนายกฯ สุชาติ” ห่วงประชาชนพื้นที่น้ำท่วม สั่งการหน่วยงานใน ทส. เร่งเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด แจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง https://www.thai-tai.tv/news/21699/ . #สุชาติชมกลิ่น #น้ำท่วม #บึงบอระเพ็ด #แม่น้ำเจ้าพระยา #ทส. #อุตรดิตถ์ #บริหารจัดการน้ำ #พร้อมให้ความช่วยเหลือ
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
  • เชียงราย - ชุมชนหมู่บ้านเขต 5 อำเภอของเชียงราย ทั้งพญาเม็งราย-เวียงเชียงรุ้ง-เทิง-เชียงแสน-เชียงของ กลายเป็นทะเลฉับพลัน..มูลนิธิกระจกเงางัดประสบการณ์ช่วยน้ำท่วมแม่สาย บินโดรนส่องเส้นทางน้ำป่าจากดอยสูงหลากทะลักท่วมบ้านเรือนเสียหายกว่า 4,000 ครัวเรือน

    ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำป่าจากเทือกเขาได้ไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ของ ต.แม่เปา และ ต.ตาดควัน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย รวมทั้งบางส่วนของโรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้ง-โรงพยาบาลเทิง ตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 มิ.ย.) ล่าสุดระดับน้ำได้ค่อยๆ ลดลงและมวลน้ำไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติทาง ต.แม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย และ อ.เชียงของ เพื่อไหลลงสู่แม่น้ำโขงต่อไป

    ขณะที่มูลนิธิกระจกเงาได้นำโดรนบินสำรวจพื้นที่ พบมวลน้ำไหลมาจากเทือกเขาขุนน้ำห้วยแม่เปา-เทือกเขาโดยรอบที่สูงชันและสลับซับซ้อน คาดว่าได้เก็บมวลน้ำที่เกิดจากฝนตกหนักเอาไว้ก่อนทะลักลงสู่ชุมชนด้านล่างจนสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างอย่างรวดเร็ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะหมู่บ้านสันเจริญ หมู่ 1, บ้านสบเปา หมู่ 2, บ้านแม่เปา หมู่ 3, บ้านสันติคีรี หมู่ 6, บ้านแม่เปาเหนือ บ้านนาเจริญ หมู่ 11 หมู่ 12, บ้านสบเปาใหม่ หมู่ 14, บ้านแม่เปาใต้ หมู่ 16 และบ้านสบเปา หมู่ 20

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000060589

    #Thaitimes#MGROnline #น้ำท่วม #เชียงราย
    เชียงราย - ชุมชนหมู่บ้านเขต 5 อำเภอของเชียงราย ทั้งพญาเม็งราย-เวียงเชียงรุ้ง-เทิง-เชียงแสน-เชียงของ กลายเป็นทะเลฉับพลัน..มูลนิธิกระจกเงางัดประสบการณ์ช่วยน้ำท่วมแม่สาย บินโดรนส่องเส้นทางน้ำป่าจากดอยสูงหลากทะลักท่วมบ้านเรือนเสียหายกว่า 4,000 ครัวเรือน • ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำป่าจากเทือกเขาได้ไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ของ ต.แม่เปา และ ต.ตาดควัน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย รวมทั้งบางส่วนของโรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้ง-โรงพยาบาลเทิง ตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 มิ.ย.) ล่าสุดระดับน้ำได้ค่อยๆ ลดลงและมวลน้ำไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติทาง ต.แม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย และ อ.เชียงของ เพื่อไหลลงสู่แม่น้ำโขงต่อไป • ขณะที่มูลนิธิกระจกเงาได้นำโดรนบินสำรวจพื้นที่ พบมวลน้ำไหลมาจากเทือกเขาขุนน้ำห้วยแม่เปา-เทือกเขาโดยรอบที่สูงชันและสลับซับซ้อน คาดว่าได้เก็บมวลน้ำที่เกิดจากฝนตกหนักเอาไว้ก่อนทะลักลงสู่ชุมชนด้านล่างจนสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างอย่างรวดเร็ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะหมู่บ้านสันเจริญ หมู่ 1, บ้านสบเปา หมู่ 2, บ้านแม่เปา หมู่ 3, บ้านสันติคีรี หมู่ 6, บ้านแม่เปาเหนือ บ้านนาเจริญ หมู่ 11 หมู่ 12, บ้านสบเปาใหม่ หมู่ 14, บ้านแม่เปาใต้ หมู่ 16 และบ้านสบเปา หมู่ 20 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000060589 • #Thaitimes#MGROnline #น้ำท่วม #เชียงราย
    0 Comments 0 Shares 582 Views 0 Reviews
  • "เข้าสู่ฤดูฝน เรายังเคียงข้างประชาชน พร้อมช่วยเหลือในทุกโอกาส"
    .
    กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 จัดกำลังพล พร้อมยานพาหนะ ยุทโธปกรณ์ ลงพื้นที่ อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ในการติดตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่เอ่อล้นตลิ่งลำน้ำเชิญไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในหลายหมู่บ้าน
    .
    มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่
    •ตำบลวังสวาบ: บ้านหนองแห้ว ม.3, บ้านวังมน ม.4, บ้านเขาวง ม.5, บ้านโนนเตาเหล็ก ม.10
    •ตำบลนาฝาย: บ้านสะแกเครือ ม.1, บ้านสองคอน ม.3, บ้านนาท่าลี่ ม.4, บ้านนาฝายเหนือ ม.5
    •ตำบลโนนคอม: บ้านเซินเหนือ ม.2, บ้านเซินใต้ ม.3
    .
    โดยประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ทางน้ำได้รับผลกระทบจากน้ำหลากไหลเข้าท่วมบ้านเรือน หน่วยจึงได้เร่งให้การช่วยเหลือโดยการกรอกกระสอบทรายเพื่อจัดทำแนวป้องกันน้ำ ยกสิ่งของขึ้นที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมความพร้อมในการเข้าช่วยเหลือเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด
    .
    #กองพลทหารราบที่3
    #กองทัพภาคที่2
    #กองทัพบกRoyalThaiArmy
    "เข้าสู่ฤดูฝน เรายังเคียงข้างประชาชน พร้อมช่วยเหลือในทุกโอกาส" . กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 จัดกำลังพล พร้อมยานพาหนะ ยุทโธปกรณ์ ลงพื้นที่ อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ในการติดตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่เอ่อล้นตลิ่งลำน้ำเชิญไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในหลายหมู่บ้าน . มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ •ตำบลวังสวาบ: บ้านหนองแห้ว ม.3, บ้านวังมน ม.4, บ้านเขาวง ม.5, บ้านโนนเตาเหล็ก ม.10 •ตำบลนาฝาย: บ้านสะแกเครือ ม.1, บ้านสองคอน ม.3, บ้านนาท่าลี่ ม.4, บ้านนาฝายเหนือ ม.5 •ตำบลโนนคอม: บ้านเซินเหนือ ม.2, บ้านเซินใต้ ม.3 . โดยประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ทางน้ำได้รับผลกระทบจากน้ำหลากไหลเข้าท่วมบ้านเรือน หน่วยจึงได้เร่งให้การช่วยเหลือโดยการกรอกกระสอบทรายเพื่อจัดทำแนวป้องกันน้ำ ยกสิ่งของขึ้นที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมความพร้อมในการเข้าช่วยเหลือเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด . #กองพลทหารราบที่3 #กองทัพภาคที่2 #กองทัพบกRoyalThaiArmy
    0 Comments 0 Shares 646 Views 0 Reviews
  • รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่โคราช ติดตามแผนพัฒนาจังหวัดและการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล
    .
    วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ ปัญหาภัยแล้ง และการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดนครราชสีมา และการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดนครราชสีม โดยมีนายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รายงานโครงการที่จังหวัดนครราชสีมา เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2568 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของรองนายกรัฐมนตรี
    .
    ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา มีโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ทั้งสิ้น จำนวน 4 โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น 27,803,425 บาท ประกอบด้วย
    1.โครงการปรับปรุงซ่อมแซมสร้างผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีตถนนสาย แยก ทล.2-บ้านซัยตะเคียน ม.13 ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา วงเงิน 13,520,000 บาท
    2.โครงการผันน้ำผิวดินจากอ่างขุนนิยมเข้าบ่อกักเก็บน้ำหมู่บ้านภายในตำบลหนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา วงเงิน 4,400,000 บาท
    3.โครงการ 1 ตำบล 1 แปลง ต้นแบบการบริหารจัดการโรคใบด่างมันสำปะหลัง จ.นครราชสีมา วงเงิน 6,883,425 บาท และ
    4.โครงการปรับปรุงถนนซ่อมสร้างผิวแอสฟัลต์คอนกรีต สายบ้านหนองม่วง ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ระยะทาง 0.725 กม. วงเงิน 3,000,000 บาท
    .
    นอกจากนี้ยังได้มีการรายงานแผนงานตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นความคืบหน้าในการดำเนินงาน KORAT MICE CITY และมหกรรมพืชสวนโลก นครราชสีมา 2572 ความคืบหน้าการดำเนินงานการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ความคืบหน้าการพัฒนา ท่าเรือบกโคราช การบริหารจัดการท่าอากาศยานนครราชสีมา และความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้าง SKY WALK เพื่อส่งเสริมให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศและธรรมชาติ ต่อไป
    รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่โคราช ติดตามแผนพัฒนาจังหวัดและการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล . วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ ปัญหาภัยแล้ง และการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดนครราชสีมา และการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดนครราชสีม โดยมีนายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รายงานโครงการที่จังหวัดนครราชสีมา เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2568 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของรองนายกรัฐมนตรี . ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา มีโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ทั้งสิ้น จำนวน 4 โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น 27,803,425 บาท ประกอบด้วย 1.โครงการปรับปรุงซ่อมแซมสร้างผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีตถนนสาย แยก ทล.2-บ้านซัยตะเคียน ม.13 ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา วงเงิน 13,520,000 บาท 2.โครงการผันน้ำผิวดินจากอ่างขุนนิยมเข้าบ่อกักเก็บน้ำหมู่บ้านภายในตำบลหนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา วงเงิน 4,400,000 บาท 3.โครงการ 1 ตำบล 1 แปลง ต้นแบบการบริหารจัดการโรคใบด่างมันสำปะหลัง จ.นครราชสีมา วงเงิน 6,883,425 บาท และ 4.โครงการปรับปรุงถนนซ่อมสร้างผิวแอสฟัลต์คอนกรีต สายบ้านหนองม่วง ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ระยะทาง 0.725 กม. วงเงิน 3,000,000 บาท . นอกจากนี้ยังได้มีการรายงานแผนงานตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นความคืบหน้าในการดำเนินงาน KORAT MICE CITY และมหกรรมพืชสวนโลก นครราชสีมา 2572 ความคืบหน้าการดำเนินงานการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ความคืบหน้าการพัฒนา ท่าเรือบกโคราช การบริหารจัดการท่าอากาศยานนครราชสีมา และความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้าง SKY WALK เพื่อส่งเสริมให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศและธรรมชาติ ต่อไป
    0 Comments 0 Shares 517 Views 0 Reviews
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช

    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ในพื้นจังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า
    .
    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ในพื้นจังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า . สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง
    0 Comments 0 Shares 545 Views 0 Reviews
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง
    เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า

    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง
    ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง

    วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ
    ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน
    ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา

    จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ
    อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ
    ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป

    ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน
    มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด
    เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้
    0 Comments 0 Shares 803 Views 0 0 Reviews
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง
    เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า

    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง
    ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง

    วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ
    ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน
    ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา

    จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ
    อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ
    ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป

    ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน
    มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด
    เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้

    สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
    3 พฤษภาคม 2568
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 3 พฤษภาคม 2568
    0 Comments 0 Shares 754 Views 0 Reviews
  • ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

    เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง

    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้

    ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง)

    ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน)

    ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู)

    กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

    ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

    ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์:
    ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
    วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
    พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
    • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก
    • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี
    • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที
    พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่
    • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM)
    • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT


    ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้ ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง) ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน) ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์: ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT
    0 Comments 0 Shares 2174 Views 0 Reviews
  • หุ้นตกยุคอุ๊งอิ๊ง อ้างคนฉลาดเห็นโอกาส

    "เป็นจังหวะเข้าซื้อเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่ได้เปลี่ยน คนที่ฉลาดจะมองเห็นโอกาสจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีกับราคาตลาดตอนนี้ ส่วนคนที่ไม่ฉลาดก็จะตื่นเต้นและไม่เห็นโอกาสในสิ่งนี้" เป็นคำกล่าวของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ระบุถึงตลาดหุ้นไทยลดลงต่ำกว่า 1,200 จุด ในวันที่ต่างชาติเทขายต่อเนื่อง และไม่มีแผนกระตุ้นนักลงทุนอย่างชัดเจน เรียกเสียงวิจารณ์จากผู้คนทั่วทุกสารทิศ

    ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีวัย 38 ปี กล่าวตอบโต้ฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องภาวะผู้นำว่า "ไม่ได้อยากชี้นิ้วว่าใครเป็นผู้นำ หรือเป็นผู้นำในแบบของเรา จะว่าใครก็ต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงคนอื่นได้" และว่า "การอภิปรายไม่ใว้วางใจของสภาฯ เป็นเวทีที่ดีที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นนายกรัฐมนตรีเจนวาย (Gen Y) ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เคยมีมาก่อน"

    ประโยคนี้ทำเอาคนทุกเจนถึงกับอึ้ง เพราะทราบดีว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เข้ามาเป็นนายกฯ ด้วยความสามารถ แต่เข้ามาเพราะบารมีพ่ออย่างนายทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมามีข้ออ้างว่า "เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์" เมื่อถูกถามถึงข้อครหาว่าครอบครัวครอบงำ หรือ "สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีก็คนใต้ ถ้าละเลยคนใต้หรือไม่รักคนใต้ แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้" เมื่อถูกถามถึงคำว่าละเลยภาคใต้ในสถานการณ์น้ำท่วม กลายเป็นวาทะแห่งปีของสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล

    วันที่ 16 ส.ค.2567 น.ส.แพทองธารได้รับการโหวตด้วยเสียงข้างมากในสภา ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,303.00 จุด กระทั่งนายทักษิณกล่าววิสัยทัศน์หลังได้รับการพักโทษคดีทุจริต และมีการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น สูงสุดที่ระดับ 1,506.82 จุด เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2567 แต่เมื่อมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีเรื่องที่กระทบกับธรรมาภิบาลต่อตลาดหุ้นไทยหลายเรื่อง รวมทั้งระยะหลังนายทักษิณไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนว่า ทำอย่างไรตลาดหุ้นไทยจะฟื้น และมีมาตรการอย่างไรเพื่อเรียกนักลงทุนกลับมา จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1,400.21 จุด ล่าสุดวันที่ 4 มี.ค.2568 เหลือ 1,177.64 จุด และมีแนวโน้มทรุดหนักต่อไป

    ในวันที่เศรษฐกิจไม่ฟื้น นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น แต่นายกฯ แพทองธารและพรรคเพื่อไทย ยังคงขยันผลิตวาทกรรมเอาตัวรอดไปวันๆ บริหารประเทศแบบถูลู่ถูกัง จนกว่าจะครบเทอมในปี 2570 ไม่ได้มรรคผลอะไรเลย คำว่า "โอกาส" ที่ น.ส.แพทองธารและรัฐบาลกล่าวบ่อยครั้ง ก็ไม่มีทางออกว่าจะไปทางไหน สิ่งเดียวที่ประชาชนทำได้ในยามนี้ คือ เอาตัวเองให้รอดก่อน

    #Newskit
    หุ้นตกยุคอุ๊งอิ๊ง อ้างคนฉลาดเห็นโอกาส "เป็นจังหวะเข้าซื้อเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่ได้เปลี่ยน คนที่ฉลาดจะมองเห็นโอกาสจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีกับราคาตลาดตอนนี้ ส่วนคนที่ไม่ฉลาดก็จะตื่นเต้นและไม่เห็นโอกาสในสิ่งนี้" เป็นคำกล่าวของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ระบุถึงตลาดหุ้นไทยลดลงต่ำกว่า 1,200 จุด ในวันที่ต่างชาติเทขายต่อเนื่อง และไม่มีแผนกระตุ้นนักลงทุนอย่างชัดเจน เรียกเสียงวิจารณ์จากผู้คนทั่วทุกสารทิศ ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีวัย 38 ปี กล่าวตอบโต้ฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องภาวะผู้นำว่า "ไม่ได้อยากชี้นิ้วว่าใครเป็นผู้นำ หรือเป็นผู้นำในแบบของเรา จะว่าใครก็ต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงคนอื่นได้" และว่า "การอภิปรายไม่ใว้วางใจของสภาฯ เป็นเวทีที่ดีที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นนายกรัฐมนตรีเจนวาย (Gen Y) ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เคยมีมาก่อน" ประโยคนี้ทำเอาคนทุกเจนถึงกับอึ้ง เพราะทราบดีว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เข้ามาเป็นนายกฯ ด้วยความสามารถ แต่เข้ามาเพราะบารมีพ่ออย่างนายทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมามีข้ออ้างว่า "เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์" เมื่อถูกถามถึงข้อครหาว่าครอบครัวครอบงำ หรือ "สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีก็คนใต้ ถ้าละเลยคนใต้หรือไม่รักคนใต้ แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้" เมื่อถูกถามถึงคำว่าละเลยภาคใต้ในสถานการณ์น้ำท่วม กลายเป็นวาทะแห่งปีของสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล วันที่ 16 ส.ค.2567 น.ส.แพทองธารได้รับการโหวตด้วยเสียงข้างมากในสภา ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,303.00 จุด กระทั่งนายทักษิณกล่าววิสัยทัศน์หลังได้รับการพักโทษคดีทุจริต และมีการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น สูงสุดที่ระดับ 1,506.82 จุด เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2567 แต่เมื่อมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีเรื่องที่กระทบกับธรรมาภิบาลต่อตลาดหุ้นไทยหลายเรื่อง รวมทั้งระยะหลังนายทักษิณไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนว่า ทำอย่างไรตลาดหุ้นไทยจะฟื้น และมีมาตรการอย่างไรเพื่อเรียกนักลงทุนกลับมา จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1,400.21 จุด ล่าสุดวันที่ 4 มี.ค.2568 เหลือ 1,177.64 จุด และมีแนวโน้มทรุดหนักต่อไป ในวันที่เศรษฐกิจไม่ฟื้น นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น แต่นายกฯ แพทองธารและพรรคเพื่อไทย ยังคงขยันผลิตวาทกรรมเอาตัวรอดไปวันๆ บริหารประเทศแบบถูลู่ถูกัง จนกว่าจะครบเทอมในปี 2570 ไม่ได้มรรคผลอะไรเลย คำว่า "โอกาส" ที่ น.ส.แพทองธารและรัฐบาลกล่าวบ่อยครั้ง ก็ไม่มีทางออกว่าจะไปทางไหน สิ่งเดียวที่ประชาชนทำได้ในยามนี้ คือ เอาตัวเองให้รอดก่อน #Newskit
    Like
    Haha
    Angry
    3
    1 Comments 0 Shares 1246 Views 0 Reviews
  • นายกฯคุณหนูปรี๊ดแตก โพสต์ไอจีโต้เดือด ดราม่าน้ำท่วมใต้
    .
    เริ่มเก็บทรงไม่อยู่แล้ว สำหรับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากโดนวิจารณ์หนักกรณีน้ำท่วมใต้ตอนล่างแต่นายกฯยังคงเดินสายตรวจราชการพื้นที่ภาคเหนือ แม้นายกฯจะยืนยันว่าได้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนและยืนยันว่าไม่ทอดทิ้งคนใต้ เพราะมีสามีเป็นคนใต้ แต่ปรากฎว่านายกฯได้โพสต์ช้อความผ่านสตอรีอินสตาแกรมส่วนตัว ผ่านบัญชีผู้ใช้ @ingshin21 ข้อความว่า “Your negativity is a reflection of your own reality ความคิดเชิงลบของคุณสะท้อนถึงตัวตนคุณเอง” และโพสต์อีกข้อความว่า “Insecure people put others down to raise themselves up คนที่ไม่มีความมั่นใจ กดคนอื่นให้ต่ำลง เพื่อยกตนเองให้สูงขึ้น”
    .
    เห็นแบบนี้ต้องรอดูว่าการโพสต์ระบายอารมณ์ออกมาแบบนี้ จะมีแรงเสียดทานทางการเมืองออกมาหรือไม่อย่างไร
    .
    ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำโดย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายคารม พลพรกลาง น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมอบนโยบายการประชาสัมพันธ์
    .
    นายกฯ กล่าวเน้นย้ำเรื่องการสื่อสาร โดยเฉพาะการสื่อสารถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งกรณีน้ำท่วมทางภาคเหนือและภาคใต้ นำเสนอให้ประชาชนทราบว่านโยบายเรื่องใดที่รัฐบาลได้ทำจนเป็นผลสำเร็จโดยใช้ “แม่สายโมเดล” เป็นการเข้าไปฟื้นฟู ในระยะแรก ระยะกลาง และระยะยาว เช่น จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ที่มีการอนุมัติงบประมาณไปแล้วเกือบ 20,000 ล้านบาท เพื่อวางระบบป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
    .
    ส่วนภาคใต้ที่เข้าสู่ระยะที่ 2 หลังจากที่มีการฟื้นฟูสถานการณ์น้ำท่วมแล้วจะใช้โมเดลไม่น้อยกว่าที่ภาคเหนือ เพื่อให้เกิดการสมดุลในการแก้ไขปัญหา และมีแนวคิดในการปรับปรุง คณะกรรมการศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ ที่จะต้องรับผิดชอบไม่เพียงเรื่องน้ำท่วมอย่างเดียว ยังมีภัยหนาว แล้ง ฝน ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะใด รัฐบาลจะต้องใช้กลไกนี้ดำเนินการได้ฉับพลันทันที ซึ่งต้องมีการสั่งการชัดเจน โดยมีโมเดลแม่สายที่ประสบความสำเร็จเป็นต้นแบบ ซึ่งแม่สายได้คืนพื้นที่อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสองเดือน
    .
    นายจิรายุ เปิดเผยว่า การประชุมดังกล่าว นายกฯกำชับให้นำเสนอผลงานรัฐบาลตามข้อเท็จจริง และลงรายละเอียดผลงานทุกกระทรวง เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามการทำงานของรัฐบาลได้ทุกกระทรวง เพราะรัฐบาลที่เข้มแข็งจะต้องมาจากผลการทำงานที่มาจากทุกกระทรวง นายกรัฐมนตรีก็มีบทบาทในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพราะเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล
    .............
    Sondhi X
    นายกฯคุณหนูปรี๊ดแตก โพสต์ไอจีโต้เดือด ดราม่าน้ำท่วมใต้ . เริ่มเก็บทรงไม่อยู่แล้ว สำหรับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากโดนวิจารณ์หนักกรณีน้ำท่วมใต้ตอนล่างแต่นายกฯยังคงเดินสายตรวจราชการพื้นที่ภาคเหนือ แม้นายกฯจะยืนยันว่าได้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนและยืนยันว่าไม่ทอดทิ้งคนใต้ เพราะมีสามีเป็นคนใต้ แต่ปรากฎว่านายกฯได้โพสต์ช้อความผ่านสตอรีอินสตาแกรมส่วนตัว ผ่านบัญชีผู้ใช้ @ingshin21 ข้อความว่า “Your negativity is a reflection of your own reality ความคิดเชิงลบของคุณสะท้อนถึงตัวตนคุณเอง” และโพสต์อีกข้อความว่า “Insecure people put others down to raise themselves up คนที่ไม่มีความมั่นใจ กดคนอื่นให้ต่ำลง เพื่อยกตนเองให้สูงขึ้น” . เห็นแบบนี้ต้องรอดูว่าการโพสต์ระบายอารมณ์ออกมาแบบนี้ จะมีแรงเสียดทานทางการเมืองออกมาหรือไม่อย่างไร . ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำโดย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายคารม พลพรกลาง น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมอบนโยบายการประชาสัมพันธ์ . นายกฯ กล่าวเน้นย้ำเรื่องการสื่อสาร โดยเฉพาะการสื่อสารถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งกรณีน้ำท่วมทางภาคเหนือและภาคใต้ นำเสนอให้ประชาชนทราบว่านโยบายเรื่องใดที่รัฐบาลได้ทำจนเป็นผลสำเร็จโดยใช้ “แม่สายโมเดล” เป็นการเข้าไปฟื้นฟู ในระยะแรก ระยะกลาง และระยะยาว เช่น จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ที่มีการอนุมัติงบประมาณไปแล้วเกือบ 20,000 ล้านบาท เพื่อวางระบบป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก . ส่วนภาคใต้ที่เข้าสู่ระยะที่ 2 หลังจากที่มีการฟื้นฟูสถานการณ์น้ำท่วมแล้วจะใช้โมเดลไม่น้อยกว่าที่ภาคเหนือ เพื่อให้เกิดการสมดุลในการแก้ไขปัญหา และมีแนวคิดในการปรับปรุง คณะกรรมการศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ ที่จะต้องรับผิดชอบไม่เพียงเรื่องน้ำท่วมอย่างเดียว ยังมีภัยหนาว แล้ง ฝน ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะใด รัฐบาลจะต้องใช้กลไกนี้ดำเนินการได้ฉับพลันทันที ซึ่งต้องมีการสั่งการชัดเจน โดยมีโมเดลแม่สายที่ประสบความสำเร็จเป็นต้นแบบ ซึ่งแม่สายได้คืนพื้นที่อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสองเดือน . นายจิรายุ เปิดเผยว่า การประชุมดังกล่าว นายกฯกำชับให้นำเสนอผลงานรัฐบาลตามข้อเท็จจริง และลงรายละเอียดผลงานทุกกระทรวง เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามการทำงานของรัฐบาลได้ทุกกระทรวง เพราะรัฐบาลที่เข้มแข็งจะต้องมาจากผลการทำงานที่มาจากทุกกระทรวง นายกรัฐมนตรีก็มีบทบาทในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพราะเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ............. Sondhi X
    Haha
    Like
    Yay
    7
    1 Comments 0 Shares 1871 Views 0 Reviews
  • #ยะลา - ยะลาวิกฤตหนักดินสไลด์ถนนเส้น 410 ยะลา-เบตง จนท.เร่งเคลียร์เส้นทาง ขณะที่น้ำจากแม่น้ำปัตตานีข้ามสันเขื่อนเข้าเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้พื้นที่ชุมชนเขตเศรษฐกิจได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง

    วันนี้ (29 พ.ย.) ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดยะลา ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง จนทำให้เกิดดินสไลด์ทับถนนสาย 410 ยะลา-เบตง เขตบ้านกระป๋องบ้านตาพะเยา ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.แม่หวาด ร่วมกับหมวดการทาง ชุดคุ้มครองครูตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันเร่งเคลียร์เส้นทางเพื่อให้รถสัญจรไปมาได้

    ขณะที่ในเขตเทศบาลนครยะลา ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปในพื้นที่ชุมชนบ้านร่ม หมู่ที่ 1 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ใกล้กับ ต.ท่าสาป ซึ่งติดกับแม่น้ำปัตตานี พบมีสภาพน้ำไหลหลากข้ามแนวสันเขื่อนชุมชนบ้านร่ม เขตเทศบาลนครยะลา มวลน้ำจากแม่น้ำปัตตานีได้ล้นพนังกั้นน้ำเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน ทำให้น้ำท่วมขยายเป็นวงกว้างในพื้นที่ของ ชุมชน 5 แยกสะเตง ชุมชนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา ก่อนเข้าไปภายในตัวเมืองยะลา

    ซึ่งมวลน้ำจากแม่น้ำปัตตานีที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องคาดว่าเป็นปริมาณน้ำฝนตกสะสมจากพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.กรงปินัง เนื่องจากมีรายงานว่า ทั้ง 2 อำเภอมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งมวลน้ำทั้งหมดไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานี โดยทางน้ำได้ไหลผ่าน อ.เมืองยะลา สู่เขื่อนชลประทานปัตตานี แต่ด้วยระดับน้ำที่ท่วมอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าสาป ต.ยุโป เป็นพื้นที่ติดแม่น้ำปัตตานีอยู่แล้ว จึงทำให้มวลน้ำมารวมกันจนระดับน้ำท่วมสูงขึ้นจนล้นพนังกันน้ำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000114947

    #MGROnline #สถานการณ์น้ำท่วม #จังหวัดยะลา
    #ยะลา - ยะลาวิกฤตหนักดินสไลด์ถนนเส้น 410 ยะลา-เบตง จนท.เร่งเคลียร์เส้นทาง ขณะที่น้ำจากแม่น้ำปัตตานีข้ามสันเขื่อนเข้าเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้พื้นที่ชุมชนเขตเศรษฐกิจได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง • วันนี้ (29 พ.ย.) ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดยะลา ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง จนทำให้เกิดดินสไลด์ทับถนนสาย 410 ยะลา-เบตง เขตบ้านกระป๋องบ้านตาพะเยา ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.แม่หวาด ร่วมกับหมวดการทาง ชุดคุ้มครองครูตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันเร่งเคลียร์เส้นทางเพื่อให้รถสัญจรไปมาได้ • ขณะที่ในเขตเทศบาลนครยะลา ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปในพื้นที่ชุมชนบ้านร่ม หมู่ที่ 1 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ใกล้กับ ต.ท่าสาป ซึ่งติดกับแม่น้ำปัตตานี พบมีสภาพน้ำไหลหลากข้ามแนวสันเขื่อนชุมชนบ้านร่ม เขตเทศบาลนครยะลา มวลน้ำจากแม่น้ำปัตตานีได้ล้นพนังกั้นน้ำเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน ทำให้น้ำท่วมขยายเป็นวงกว้างในพื้นที่ของ ชุมชน 5 แยกสะเตง ชุมชนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา ก่อนเข้าไปภายในตัวเมืองยะลา • ซึ่งมวลน้ำจากแม่น้ำปัตตานีที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องคาดว่าเป็นปริมาณน้ำฝนตกสะสมจากพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.กรงปินัง เนื่องจากมีรายงานว่า ทั้ง 2 อำเภอมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งมวลน้ำทั้งหมดไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานี โดยทางน้ำได้ไหลผ่าน อ.เมืองยะลา สู่เขื่อนชลประทานปัตตานี แต่ด้วยระดับน้ำที่ท่วมอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าสาป ต.ยุโป เป็นพื้นที่ติดแม่น้ำปัตตานีอยู่แล้ว จึงทำให้มวลน้ำมารวมกันจนระดับน้ำท่วมสูงขึ้นจนล้นพนังกันน้ำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000114947 • #MGROnline #สถานการณ์น้ำท่วม #จังหวัดยะลา
    0 Comments 0 Shares 1113 Views 0 Reviews
  • ยะลา - ยะลาฝนกระหน่ำวันที่ 2 กระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 107,741 คน ขณะที่น้ำโอบล้อมตัวเมืองตัดขาดการเดินทางออกนอกจังหวัด ด้าน ผบช.ภาค 9 ลงพื้นที่มอบอาหารน้ำดื่มช่วยเหลือในเบื้องต้น

    วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา สืบเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ปริมาณฝนสะสม 2 วัน อยู่ที่ 579.8 มิลลิเมตร ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ล่าสุด ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยพื้นที่ตำบลรอบนอกในเขตตัวเมืองยะลา ทั้ง 10 ตำบล มีน้ำท่วมโอบล้อมเมืองในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000114539

    #MGROnline #สถานการณ์อุทกภัย #จังหวัดยะลา #ฝนตกหนัก #ปริมาณฝนสะสม #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก #น้ำลันตลิ่ง #ดินโคลนถล่ม
    ยะลา - ยะลาฝนกระหน่ำวันที่ 2 กระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 107,741 คน ขณะที่น้ำโอบล้อมตัวเมืองตัดขาดการเดินทางออกนอกจังหวัด ด้าน ผบช.ภาค 9 ลงพื้นที่มอบอาหารน้ำดื่มช่วยเหลือในเบื้องต้น • วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา สืบเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ปริมาณฝนสะสม 2 วัน อยู่ที่ 579.8 มิลลิเมตร ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ล่าสุด ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยพื้นที่ตำบลรอบนอกในเขตตัวเมืองยะลา ทั้ง 10 ตำบล มีน้ำท่วมโอบล้อมเมืองในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000114539 • #MGROnline #สถานการณ์อุทกภัย #จังหวัดยะลา #ฝนตกหนัก #ปริมาณฝนสะสม #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก #น้ำลันตลิ่ง #ดินโคลนถล่ม
    0 Comments 0 Shares 1485 Views 0 Reviews
  • โซเชียลสเปนแห่ชื่นชมกษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปน ที่เสด็จเยี่ยมประชาชนท่ามกลางความโกรธแค้นจากการบริหารงานของรัฐบาล จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติร้ายแรงในประเทศ

    สถานการณ์น้ำท่วมในสเปนที่รุนแรงคร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 214 ราย โดยเฉพาะในเขตบาเลนเซีย (Paiporta)
    ท่ามกลางความโกรธแค้นของประชาชน ที่ความช่วยเหลือจากรัฐบาลมีเข้าไปอย่างล่าช้า ประชาชนเริ่มหิวโหย กลิ่นจากซากศพที่ยังไม่ได้รับการเก็บกู้เริ่มส่งกลิ่นไปทั่ว โรคระบาดที่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า

    กษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปนทรงเสด็จเยี่ยมประชาชนในแคว้นบาเลนเซียเพื่อปลอบขวัญประชาชน พร้อมกับนายกรัฐมนตรี "เปโดร ซานเชซ"

    ประชาชนที่ไม่พอใจ ต่างตะโกนด่าทอโจมตีพร้อมกับขว้างปาสิ่งของใส่กลุ่มของกษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และ นายกรัฐมนตรี
    นายกรัฐมนตรีซานเชซรีบออกจากพื้นที่ไปก่อน แต่กษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซียจะยืนกรานที่จะอยู่ต่อแม้ว่าจะเกิดความโกลาหลก็ตาม!!

    ภาพที่เห็นในโซเลียลวันนี้ จึงกลายเป็นภาพของกษัตริย์แห่งสเปนอยู่ท่ามกลางประชาชนของพระองค์ แม้ว่าประชาชนเหล่านั้นจะมีแต่อารมณ์โกรธแค้น ขว้างปาสิ่งของ ด่าทอ แต่พระองค์รู้ดีว่าในเวลานี้ ประชาชนต้องการพระองค์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ตัวก็ตาม หากมันช่วยให้ประชาชนของพระองค์สงบลงได้

    ต่อมา สำนักงานของนายกรัฐมนตรีซานเชซ ระบุในแถลงการณ์ว่านายกรัฐมนตรีถูกนำตัวออกไปตามระเบียบการรักษาความปลอดภัย ไม่ใช่การหลบหนีจากอารมณ์ของประชาชนแต่อย่างใด

    กษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซีย พร้อมด้วยราชวงศ์ เสด็จต่อไปยังเมืองชิวา ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับความเสียหายอีกแห่งใกล้กับบาเลนเซียในช่วงบ่ายของวันนั้น
    โซเชียลสเปนแห่ชื่นชมกษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปน ที่เสด็จเยี่ยมประชาชนท่ามกลางความโกรธแค้นจากการบริหารงานของรัฐบาล จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติร้ายแรงในประเทศ สถานการณ์น้ำท่วมในสเปนที่รุนแรงคร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 214 ราย โดยเฉพาะในเขตบาเลนเซีย (Paiporta) ท่ามกลางความโกรธแค้นของประชาชน ที่ความช่วยเหลือจากรัฐบาลมีเข้าไปอย่างล่าช้า ประชาชนเริ่มหิวโหย กลิ่นจากซากศพที่ยังไม่ได้รับการเก็บกู้เริ่มส่งกลิ่นไปทั่ว โรคระบาดที่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า กษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปนทรงเสด็จเยี่ยมประชาชนในแคว้นบาเลนเซียเพื่อปลอบขวัญประชาชน พร้อมกับนายกรัฐมนตรี "เปโดร ซานเชซ" ประชาชนที่ไม่พอใจ ต่างตะโกนด่าทอโจมตีพร้อมกับขว้างปาสิ่งของใส่กลุ่มของกษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และ นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีซานเชซรีบออกจากพื้นที่ไปก่อน แต่กษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซียจะยืนกรานที่จะอยู่ต่อแม้ว่าจะเกิดความโกลาหลก็ตาม!! ภาพที่เห็นในโซเลียลวันนี้ จึงกลายเป็นภาพของกษัตริย์แห่งสเปนอยู่ท่ามกลางประชาชนของพระองค์ แม้ว่าประชาชนเหล่านั้นจะมีแต่อารมณ์โกรธแค้น ขว้างปาสิ่งของ ด่าทอ แต่พระองค์รู้ดีว่าในเวลานี้ ประชาชนต้องการพระองค์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ตัวก็ตาม หากมันช่วยให้ประชาชนของพระองค์สงบลงได้ ต่อมา สำนักงานของนายกรัฐมนตรีซานเชซ ระบุในแถลงการณ์ว่านายกรัฐมนตรีถูกนำตัวออกไปตามระเบียบการรักษาความปลอดภัย ไม่ใช่การหลบหนีจากอารมณ์ของประชาชนแต่อย่างใด กษัตริย์เฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซีย พร้อมด้วยราชวงศ์ เสด็จต่อไปยังเมืองชิวา ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับความเสียหายอีกแห่งใกล้กับบาเลนเซียในช่วงบ่ายของวันนั้น
    0 Comments 0 Shares 483 Views 0 Reviews
  • ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยข้อมูล
    เศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
    จะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและส่งออก

    โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    ในไตรมาส 4 จากกลุ่มตลาดประเทศระยะไกล
    รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจะได้ปัจจัยบวก
    จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ
    ที่จะออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ
    และเมืองน่าเที่ยว

    การส่งออกไทยจะขยายตัวดีขึ้น โดยมีแรงหนุนสำคัญ
    จากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น อย่างไรก็ดี
    ภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทยยังฟื้นตัวได้ช้า
    และมีสัญญาณการฟื้นตัวไม่ชัดเจน
    ขณะที่สินค้าคงคลังยังอยู่ในระดับสูง
    ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง
    จากสถานการณ์น้ำท่วมและค่าเงินบาทแข็ง

    สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เกษตรเริ่มคลี่คลายลงบ้าง
    โดยพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบยังไม่สูงมากหากเทียบกับ
    ภัยน้ำท่วมในอดีต SCB EIC ประเมินว่า มูลค่าความเสียหาย
    ในภาคเกษตรอยู่ที่ราว 4,700 ล้านบาท (0.03% ของจีดีพี)
    โดยคาดว่าพื้นที่ปลูกข้าวจะเสียหาย 0.83 ล้านไร่

    สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน 10,000 บาท
    จะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมในปีนี้ SCB EIC ประเมินโครงการนี้
    มีผลบวกต่อเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเม็ดเงินทั้งหมด
    อาจไม่ได้ใช้จ่ายลงเศรษฐกิจ สะท้อนจากผลสำรวจ
    SCB EIC consumer survey ที่พบว่า ผู้ได้รับสิทธิบางส่วน
    จะนำเงินไปออมหรือชำระหนี้ รวมถึงใช้จ่ายเงินนี้
    แทนรายจ่ายปกติที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว สำหรับการบริโภค
    ภาคเอกชนคาดว่าจะแผ่วลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับ
    ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลง 7 เดือนติดต่อกัน
    และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน

    ที่มา : SCBEIC

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #จีดีพี
    #thaitimes
    💥💥ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยข้อมูล เศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและส่งออก 🚩โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในไตรมาส 4 จากกลุ่มตลาดประเทศระยะไกล รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจะได้ปัจจัยบวก จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ที่จะออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ และเมืองน่าเที่ยว 🚩การส่งออกไทยจะขยายตัวดีขึ้น โดยมีแรงหนุนสำคัญ จากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทยยังฟื้นตัวได้ช้า และมีสัญญาณการฟื้นตัวไม่ชัดเจน ขณะที่สินค้าคงคลังยังอยู่ในระดับสูง ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง จากสถานการณ์น้ำท่วมและค่าเงินบาทแข็ง 🚩สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เกษตรเริ่มคลี่คลายลงบ้าง โดยพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบยังไม่สูงมากหากเทียบกับ ภัยน้ำท่วมในอดีต SCB EIC ประเมินว่า มูลค่าความเสียหาย ในภาคเกษตรอยู่ที่ราว 4,700 ล้านบาท (0.03% ของจีดีพี) โดยคาดว่าพื้นที่ปลูกข้าวจะเสียหาย 0.83 ล้านไร่ 🚩สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน 10,000 บาท จะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมในปีนี้ SCB EIC ประเมินโครงการนี้ มีผลบวกต่อเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเม็ดเงินทั้งหมด อาจไม่ได้ใช้จ่ายลงเศรษฐกิจ สะท้อนจากผลสำรวจ SCB EIC consumer survey ที่พบว่า ผู้ได้รับสิทธิบางส่วน จะนำเงินไปออมหรือชำระหนี้ รวมถึงใช้จ่ายเงินนี้ แทนรายจ่ายปกติที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว สำหรับการบริโภค ภาคเอกชนคาดว่าจะแผ่วลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลง 7 เดือนติดต่อกัน และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน ที่มา : SCBEIC #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #จีดีพี #thaitimes
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1544 Views 0 Reviews
  • จ.กาญจน์ เตือน 4 อำเภอ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 19-23 ต.ค.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000100742

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จ.กาญจน์ เตือน 4 อำเภอ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 19-23 ต.ค.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000100742 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    26
    1 Comments 3 Shares 3353 Views 0 Reviews
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
    เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของไทย
    เดือน กันยายน 2567 ลดลงแตะระดับ 87.1
    ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน เหตุจากสถานการณ์น้ำท่วม
    หลายจังหวัด คาดความเสียหาย 3-5 หมื่นล้านบาท
    แนะรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง 3 เดือนที่เหลือ

    ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
    #thaitimes
    💥💥สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของไทย เดือน กันยายน 2567 ลดลงแตะระดับ 87.1 ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน เหตุจากสถานการณ์น้ำท่วม หลายจังหวัด คาดความเสียหาย 3-5 หมื่นล้านบาท แนะรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง 3 เดือนที่เหลือ ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 859 Views 0 Reviews
  • การประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ในวันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 08.45 นาฬิกา ณ ห้องศรีพัชรินทร สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
    วันนี้ (15 ต.ค.67) เวลา 08.45 น. ที่ห้องศรีพัชรินทร สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูล ให้ข้อแสนอแนะในด้านต่างๆ นำไปสู่การ "ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ" ต่อการขับเคลื่อน การปฏิบัติงานแบบบูรณาการให้มีความประสานสอดคล้อง และสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงาน อันจะทำให้ การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งเพื่อสร้างความรู้จักและความสัมพันธ์ที่ดีใน ระดับผู้บริหาร โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และหัวหน้าส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมในการประชุม มีประเด็นที่สำคัญ อาทิ การแก้ไข ปัญหายาเสพติด การบริหารจัดการน้ำทั้งในสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำแล้ง การพัฒนามวลชน เป็นต้น เพื่อให้ทุก หน่วยงานได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติงาน ตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2568 เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนในการ แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง ตรงตามนโยบายของรัฐบาล เอื้อต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยปัจจัยแห่ง ความสำเร็จ คือ การปฏิบัติงานอย่างบูรณาการร่วมกันของฝ่ายปกครอง พลเรือน ตำรวจ ทหาร รวมทั้งสร้าง การรับรู้แก่ประชาชน เพื่อให้ความร่วมมือ สนับสนุน และตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้ยั่งยืนสืบไป
    กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เป็นหน่วยขึ้นตรงของ กองอำนวยการรักษาความ มั่นคงภายในราชอาณาจักร มีอำนาจหน้าที่ ภายใต้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาตรา 7 ประกอบด้วย 1) การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ภัยคุกคาม ด้านความมั่นคง 2) เสนอแผนและแนวทางในการปฏิบัติงาน 3) อำนวยการ ประสานงาน และเสริมการปฏิบัติ ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและ 4) เสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
    ทั้งนี้ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ได้ขอความร่วมมือในการปฏิบัติงานในห้วงต่อไป อาทิ การป้องกันและแก้ปัญหาความมั่นคงภายในใช้กลไกของจังหวัด, ให้ประชาสัมพันธ์สายด่วน ความมั่นคง 1374 ในการรับเรื่องร้องเรียน, การขับเคลื่อนโครงการจิตอาสาพระราชทาน, จังหวัดที่มีที่ตั้งติดแนวชายแดน ให้ประสานการปฏิบัติกับกองกำลังป้องกันชายแดน เพื่อประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน, ขอให้ฝ่าย ตำรวจและผู้รับผิดชอบด้านกฎหมาย สอบสวน ขยายผล เร่งรัดการดำเนินคดี มุ่งเน้นต่อกลุ่มขบวนการ และผู้มี อิทธิพล, ด้านการพัฒนาเสริมความมั่นคงในระดับพื้นที่ ขอให้ผ่านกลไกของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ, การประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง
    ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 โทร.0 4424 3985
    การประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ในวันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 08.45 นาฬิกา ณ ห้องศรีพัชรินทร สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา วันนี้ (15 ต.ค.67) เวลา 08.45 น. ที่ห้องศรีพัชรินทร สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูล ให้ข้อแสนอแนะในด้านต่างๆ นำไปสู่การ "ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ" ต่อการขับเคลื่อน การปฏิบัติงานแบบบูรณาการให้มีความประสานสอดคล้อง และสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงาน อันจะทำให้ การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งเพื่อสร้างความรู้จักและความสัมพันธ์ที่ดีใน ระดับผู้บริหาร โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และหัวหน้าส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมในการประชุม มีประเด็นที่สำคัญ อาทิ การแก้ไข ปัญหายาเสพติด การบริหารจัดการน้ำทั้งในสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำแล้ง การพัฒนามวลชน เป็นต้น เพื่อให้ทุก หน่วยงานได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติงาน ตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2568 เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนในการ แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง ตรงตามนโยบายของรัฐบาล เอื้อต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยปัจจัยแห่ง ความสำเร็จ คือ การปฏิบัติงานอย่างบูรณาการร่วมกันของฝ่ายปกครอง พลเรือน ตำรวจ ทหาร รวมทั้งสร้าง การรับรู้แก่ประชาชน เพื่อให้ความร่วมมือ สนับสนุน และตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้ยั่งยืนสืบไป กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เป็นหน่วยขึ้นตรงของ กองอำนวยการรักษาความ มั่นคงภายในราชอาณาจักร มีอำนาจหน้าที่ ภายใต้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาตรา 7 ประกอบด้วย 1) การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ภัยคุกคาม ด้านความมั่นคง 2) เสนอแผนและแนวทางในการปฏิบัติงาน 3) อำนวยการ ประสานงาน และเสริมการปฏิบัติ ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและ 4) เสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ได้ขอความร่วมมือในการปฏิบัติงานในห้วงต่อไป อาทิ การป้องกันและแก้ปัญหาความมั่นคงภายในใช้กลไกของจังหวัด, ให้ประชาสัมพันธ์สายด่วน ความมั่นคง 1374 ในการรับเรื่องร้องเรียน, การขับเคลื่อนโครงการจิตอาสาพระราชทาน, จังหวัดที่มีที่ตั้งติดแนวชายแดน ให้ประสานการปฏิบัติกับกองกำลังป้องกันชายแดน เพื่อประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน, ขอให้ฝ่าย ตำรวจและผู้รับผิดชอบด้านกฎหมาย สอบสวน ขยายผล เร่งรัดการดำเนินคดี มุ่งเน้นต่อกลุ่มขบวนการ และผู้มี อิทธิพล, ด้านการพัฒนาเสริมความมั่นคงในระดับพื้นที่ ขอให้ผ่านกลไกของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ, การประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 โทร.0 4424 3985
    0 Comments 0 Shares 928 Views 0 Reviews
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ
    มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจ
    ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประจำเดือน
    กันยายน 2567 จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศพบว่า

    ความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
    เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน และต่ำสุดในรอบ 17 เดือน
    จากสถานการณ์น้ำท่วม แม้จะกระตุ้นเศรษฐกิจ
    ด้วยการแจกเงินดิจิทัล เฟสแรก จำนวน 10,000 บาท
    ไปแล้วก็ตาม

    โดยในด้าน เศรษฐกิจในปัจจุบัน
    ผลสำรวจเดือน กันยายน 2567 แย่/แย่ลง 66.4%
    ผลสำรวจเดือน สิงหาคม 2567 แย่/แย่ลง 65.3%

    ส่วนโอกาสในการหางานในปัจจุบัน
    ผลสำรวจเดือน กันยายน 2567 แย่/แย่ลง 60.3%
    ผลสำรวจเดือน สิงหาคม 2567 แย่/แย่ลง 59.3%

    ที่มา : ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
    มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
    #thaitimes



    🔥🔥ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประจำเดือน กันยายน 2567 จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศพบว่า 🚩ความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน และต่ำสุดในรอบ 17 เดือน จากสถานการณ์น้ำท่วม แม้จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการแจกเงินดิจิทัล เฟสแรก จำนวน 10,000 บาท ไปแล้วก็ตาม 🚩โดยในด้าน เศรษฐกิจในปัจจุบัน 🔴ผลสำรวจเดือน กันยายน 2567 แย่/แย่ลง 66.4% 🔴ผลสำรวจเดือน สิงหาคม 2567 แย่/แย่ลง 65.3% 🚩ส่วนโอกาสในการหางานในปัจจุบัน 🔴ผลสำรวจเดือน กันยายน 2567 แย่/แย่ลง 60.3% 🔴ผลสำรวจเดือน สิงหาคม 2567 แย่/แย่ลง 59.3% ที่มา : ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 1059 Views 0 Reviews
More Results