• รักตัวเองให้มาก เพราะเรามีแค่คนเดียว (ไว้เตือนตัวเองทุกวัน)
    🌝🌝🌝
    รักตัวเองให้มาก เพราะเรามีแค่คนเดียว (ไว้เตือนตัวเองทุกวัน) 🌝🌝🌝
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 0 Reviews
  • จาก “ทุกวัน” กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก: ความสัมพันธ์ที่จบลงโดยไม่มีคำลา 💔 แม้ไม่มีใครพูดลา…แต่ใจเรารู้ดีว่า มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

    เมื่อความสัมพันธ์ค่อย ๆ เลือนหายไป โดยไม่มีคำลา บางครั้งเราไม่ได้หายไป... แค่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติของชีวิต

    บางคนเคยอยู่ในทุกวันของเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำเงียบ ๆ ในใจ สำรวจความสัมพันธ์ที่จบลง โดยไม่มีคำลา... และทำไมมันถึงเจ็บกว่าที่คิด

    ความเงียบที่ดังที่สุด คือการหายไปของใครบางคน... ในทุกปี... เราอาจได้เจอใครบางคน ที่กลายมาเป็น "คนสำคัญ" ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน... เราก็อาจเสียใครบางคนไป ไม่ใช่ด้วยการทะเลาะ ไม่ใช่ด้วยความผิดพลาด แต่เป็นการ “ค่อย ๆ หายไป” แบบไม่มีแม้แต่คำลา 🕊️

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่คือทุกความสัมพันธ์ในชีวิต เพื่อนสนิท ครอบครัว คนเคยใกล้ชิด หรือแม้แต่คนที่เคยอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญ...

    วันนี้ เราจะมาคุยกันถึง "การจากลาในความเงียบ" ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และเราจะเข้าใจมันได้อย่างไร?

    🌒 ความเงียบไม่ใช่จุดจบ แต่คือสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง ในหลายความสัมพันธ์ จุดจบไม่ได้มาพร้อมคำพูด
    ไม่มีคำบอกลาชัดเจน ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโต้แย้ง แต่กลับเป็นเพียง “การเงียบ” ที่ค่อย ๆ สร้างระยะห่าง

    📱 ข้อความที่ค่อย ๆ หายไป บทสนทนาที่สั้นลง และหัวใจที่ไม่เต้นพร้อมกันอีกต่อไป

    บางครั้ง... เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันเริ่มห่างกันตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกที เขาหรือเธอก็กลายเป็น “คนเคยรู้จัก” ไปแล้ว...

    ทำไมเราถึงหายไปจากกัน…แม้ไม่ได้ตั้งใจ?

    เราทุกคนมีชีวิตที่ยุ่งขึ้นทุกวัน ชีวิตผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ งาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว ความฝัน ทั้งหมดนี้ดึงพลังใจของเรา ไปจากความสัมพันธ์เดิม ๆ จนบางครั้ง... เรา “ลืม” ว่าเคยมีใครอีกคนรอคุยกับเราอยู่

    🌀 มันไม่ได้เกิดจากการเบื่อกัน แต่เกิดจาก “ชีวิตที่พาให้เราหายไป”

    ความเหนื่อยล้าในใจที่บอกไม่ออก บางคนไม่ได้อยากหายไป แต่แค่ "เหนื่อยเกินไป" ที่จะเป็นคนเดิม เหนื่อยที่จะยิ้ม เหนื่อยที่จะคุย เหนื่อยที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้

    และเมื่อเราปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้น... มันก็กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ 🧱

    เราเติบโตในเส้นทางที่ต่างกัน การเติบโตทำให้มุมมองเปลี่ยน ความฝันเปลี่ยน สิ่งที่เคยชอบเหมือนกัน กลับไม่ตรงกันอีกต่อไป แม้จะไม่มีใครผิด… แต่เมื่อเราเดินไปคนละเส้นทาง "ระยะห่าง" ก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ 🚶‍♂️🚶‍♀️

    ความสัมพันธ์ที่จางหายไป… ไม่ได้หมายความว่าไร้ค่า ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “วันเวลาที่เคยมีร่วมกัน” ไร้ความหมาย

    ❤️ ความทรงจำดี ๆ ยังคงอยู่ในใจ

    🌿 ความห่วงใยยังแทรกอยู่ในความเงียบ

    💬 บางบทสนทนายังคงอยู่ในความคิดเสมอ

    และบางครั้ง... เพียงแค่ได้คิดถึงใครคนนั้น ในความทรงจำ ก็เพียงพอแล้ว... ที่จะทำให้ใจอบอุ่นขึ้นในวันเหงา ๆ

    บางคนเคยเป็น "ทุกวัน" ของเรา… แต่กลายเป็นเพียงคนในความทรงจำ ลองย้อนกลับไปนึกถึงใครบางคนที่...

    📌 เคยโทรหากันทุกคืน
    📌 เคยเล่าเรื่องให้ฟังทุกเช้า
    📌 เคยไปทุกที่ด้วยกัน
    📌 เคยรู้ใจโดยไม่ต้องพูดอะไร

    แล้ววันนี้... เราอาจจะไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้พบกันอีกเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่คือ... ความทรงจำ

    “ไม่มีใครผิดที่เปลี่ยนไป” ประโยคที่เข้าใจได้ เมื่อเรารักตัวเองมากพอ การเติบโตคือการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้

    👤 คนบางคนสอนให้เรารู้จักรัก
    👤 บางคนสอนให้เรารู้จักเจ็บ
    👤 และบางคน… สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง

    ถึงสุดท้ายเราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันอีก แต่เรายังอยู่ใน "บทเรียนชีวิต" ของกันและกันเสมอ

    แล้วเราจะเยียวยาหัวใจ หลังความสัมพันธ์ที่จบลงในความเงียบ ได้อย่างไร?

    ยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลง คือเรื่องธรรมดา การหายไปไม่ได้แปลว่าใครไม่รัก แต่เป็นเพราะเส้นทางของเรา มาถึงจุดที่ต้องแยกกันเดิน

    ให้อภัยตัวเอง และให้อภัยอีกฝ่าย แม้จะไม่มีคำขอโทษ หรือคำอธิบาย แต่เราสามารถเลือก “ให้อภัยในใจ” เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บ

    เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้… แต่ไม่ต้องยึดติด ความทรงจำดี ๆ ไม่ต้องลบทิ้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน มาฉุดรั้งเราไว้จากการเติบโต

    แม้จะจางหายไป…แต่ยังคงมีอยู่ในใจเสมอ 🕊️

    เราไม่สามารถห้ามใครหายไปจากชีวิตเราได้ และเราเองก็ไม่สามารถอยู่ในชีวิตทุกคน ได้ตลอดไป

    แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการ...

    🫶 รักษาความทรงจำดี ๆ
    📌 เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา
    🌱 และใช้มันเป็นพลังในการเติบโตต่อไป

    เพราะสุดท้าย... สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การอยู่กับใครไปตลอดชีวิต แต่คือ ในวันที่ยังอยู่ด้วยกัน เราได้สร้างความทรงจำ ที่งดงามพอหรือยัง? 💫

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 192315 เม.ย. 2568

    📱 #ความสัมพันธ์ #คนเคยรู้จัก #จากลาที่ไม่มีคำลา #คิดถึงเสมอ #คนในความทรงจำ
    #เติบโตด้วยกัน #บทเรียนชีวิต #ความเงียบที่เจ็บปวด #ความเปลี่ยนแปลง #รักในความทรงจำ
    จาก “ทุกวัน” กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก: ความสัมพันธ์ที่จบลงโดยไม่มีคำลา 💔 แม้ไม่มีใครพูดลา…แต่ใจเรารู้ดีว่า มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อความสัมพันธ์ค่อย ๆ เลือนหายไป โดยไม่มีคำลา บางครั้งเราไม่ได้หายไป... แค่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติของชีวิต บางคนเคยอยู่ในทุกวันของเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำเงียบ ๆ ในใจ สำรวจความสัมพันธ์ที่จบลง โดยไม่มีคำลา... และทำไมมันถึงเจ็บกว่าที่คิด ความเงียบที่ดังที่สุด คือการหายไปของใครบางคน... ในทุกปี... เราอาจได้เจอใครบางคน ที่กลายมาเป็น "คนสำคัญ" ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน... เราก็อาจเสียใครบางคนไป ไม่ใช่ด้วยการทะเลาะ ไม่ใช่ด้วยความผิดพลาด แต่เป็นการ “ค่อย ๆ หายไป” แบบไม่มีแม้แต่คำลา 🕊️ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่คือทุกความสัมพันธ์ในชีวิต เพื่อนสนิท ครอบครัว คนเคยใกล้ชิด หรือแม้แต่คนที่เคยอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญ... วันนี้ เราจะมาคุยกันถึง "การจากลาในความเงียบ" ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และเราจะเข้าใจมันได้อย่างไร? 🌒 ความเงียบไม่ใช่จุดจบ แต่คือสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง ในหลายความสัมพันธ์ จุดจบไม่ได้มาพร้อมคำพูด ไม่มีคำบอกลาชัดเจน ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโต้แย้ง แต่กลับเป็นเพียง “การเงียบ” ที่ค่อย ๆ สร้างระยะห่าง 📱 ข้อความที่ค่อย ๆ หายไป บทสนทนาที่สั้นลง และหัวใจที่ไม่เต้นพร้อมกันอีกต่อไป บางครั้ง... เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันเริ่มห่างกันตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกที เขาหรือเธอก็กลายเป็น “คนเคยรู้จัก” ไปแล้ว... ทำไมเราถึงหายไปจากกัน…แม้ไม่ได้ตั้งใจ? เราทุกคนมีชีวิตที่ยุ่งขึ้นทุกวัน ชีวิตผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ งาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว ความฝัน ทั้งหมดนี้ดึงพลังใจของเรา ไปจากความสัมพันธ์เดิม ๆ จนบางครั้ง... เรา “ลืม” ว่าเคยมีใครอีกคนรอคุยกับเราอยู่ 🌀 มันไม่ได้เกิดจากการเบื่อกัน แต่เกิดจาก “ชีวิตที่พาให้เราหายไป” ความเหนื่อยล้าในใจที่บอกไม่ออก บางคนไม่ได้อยากหายไป แต่แค่ "เหนื่อยเกินไป" ที่จะเป็นคนเดิม เหนื่อยที่จะยิ้ม เหนื่อยที่จะคุย เหนื่อยที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ และเมื่อเราปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้น... มันก็กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ 🧱 เราเติบโตในเส้นทางที่ต่างกัน การเติบโตทำให้มุมมองเปลี่ยน ความฝันเปลี่ยน สิ่งที่เคยชอบเหมือนกัน กลับไม่ตรงกันอีกต่อไป แม้จะไม่มีใครผิด… แต่เมื่อเราเดินไปคนละเส้นทาง "ระยะห่าง" ก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ 🚶‍♂️🚶‍♀️ ความสัมพันธ์ที่จางหายไป… ไม่ได้หมายความว่าไร้ค่า ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “วันเวลาที่เคยมีร่วมกัน” ไร้ความหมาย ❤️ ความทรงจำดี ๆ ยังคงอยู่ในใจ 🌿 ความห่วงใยยังแทรกอยู่ในความเงียบ 💬 บางบทสนทนายังคงอยู่ในความคิดเสมอ และบางครั้ง... เพียงแค่ได้คิดถึงใครคนนั้น ในความทรงจำ ก็เพียงพอแล้ว... ที่จะทำให้ใจอบอุ่นขึ้นในวันเหงา ๆ บางคนเคยเป็น "ทุกวัน" ของเรา… แต่กลายเป็นเพียงคนในความทรงจำ ลองย้อนกลับไปนึกถึงใครบางคนที่... 📌 เคยโทรหากันทุกคืน 📌 เคยเล่าเรื่องให้ฟังทุกเช้า 📌 เคยไปทุกที่ด้วยกัน 📌 เคยรู้ใจโดยไม่ต้องพูดอะไร แล้ววันนี้... เราอาจจะไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้พบกันอีกเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่คือ... ความทรงจำ “ไม่มีใครผิดที่เปลี่ยนไป” ประโยคที่เข้าใจได้ เมื่อเรารักตัวเองมากพอ การเติบโตคือการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ 👤 คนบางคนสอนให้เรารู้จักรัก 👤 บางคนสอนให้เรารู้จักเจ็บ 👤 และบางคน… สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง ถึงสุดท้ายเราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันอีก แต่เรายังอยู่ใน "บทเรียนชีวิต" ของกันและกันเสมอ แล้วเราจะเยียวยาหัวใจ หลังความสัมพันธ์ที่จบลงในความเงียบ ได้อย่างไร? ยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลง คือเรื่องธรรมดา การหายไปไม่ได้แปลว่าใครไม่รัก แต่เป็นเพราะเส้นทางของเรา มาถึงจุดที่ต้องแยกกันเดิน ให้อภัยตัวเอง และให้อภัยอีกฝ่าย แม้จะไม่มีคำขอโทษ หรือคำอธิบาย แต่เราสามารถเลือก “ให้อภัยในใจ” เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บ เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้… แต่ไม่ต้องยึดติด ความทรงจำดี ๆ ไม่ต้องลบทิ้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน มาฉุดรั้งเราไว้จากการเติบโต แม้จะจางหายไป…แต่ยังคงมีอยู่ในใจเสมอ 🕊️ เราไม่สามารถห้ามใครหายไปจากชีวิตเราได้ และเราเองก็ไม่สามารถอยู่ในชีวิตทุกคน ได้ตลอดไป แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการ... 🫶 รักษาความทรงจำดี ๆ 📌 เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา 🌱 และใช้มันเป็นพลังในการเติบโตต่อไป เพราะสุดท้าย... สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การอยู่กับใครไปตลอดชีวิต แต่คือ ในวันที่ยังอยู่ด้วยกัน เราได้สร้างความทรงจำ ที่งดงามพอหรือยัง? 💫 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 192315 เม.ย. 2568 📱 #ความสัมพันธ์ #คนเคยรู้จัก #จากลาที่ไม่มีคำลา #คิดถึงเสมอ #คนในความทรงจำ #เติบโตด้วยกัน #บทเรียนชีวิต #ความเงียบที่เจ็บปวด #ความเปลี่ยนแปลง #รักในความทรงจำ
    0 Comments 0 Shares 413 Views 0 Reviews
  • ♥️To Gen-Y and Gen -X♥️
    👉“เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!”

    😡คุณเคยไหมครับ…
    ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด
    ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า
    หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล

    บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
    ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร”
    แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ

    👉และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
    หลายคนกลับคิดว่า…
    “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง”
    “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย”
    แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่

    🟢 ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน”

    🟢 เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause)
    ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ”
    ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง

    ✨️งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า
    “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ”
    เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว

    ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด?
    1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด
    2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ
    3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด
    4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์

    🟢ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ”

    การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน”
    แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ”
    และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด

    🎯 5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+

    1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ

    น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง

    2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง

    อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า

    3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน

    แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน

    4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing)

    ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที
    ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง

    5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน

    เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
    จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น

    ♥️สรุป
    ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+
    อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี
    เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน”

    ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย
    แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี

    ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
    ♥️To Gen-Y and Gen -X♥️ 👉“เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!” 😡คุณเคยไหมครับ… ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร” แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ 👉และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายคนกลับคิดว่า… “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง” “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่ 🟢 ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน” 🟢 เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ” ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง ✨️งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ” เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด? 1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด 2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ 3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด 4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ 🟢ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ” การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน” แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ” และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด 🎯 5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+ 1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง 2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า 3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน 4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing) ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง 5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น ♥️สรุป ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+ อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน” ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • 😡❓️ “เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!”

    😡คุณเคยไหมครับ…
    ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด
    ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า
    หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล

    👉บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
    ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร”
    แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ

    และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
    หลายคนกลับคิดว่า…
    “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง”
    “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย”
    แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่

    ✴️ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน”

    เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause)
    ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ”
    ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง

    👉งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า
    “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ”
    เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว

    ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด?
    1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด
    2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ
    3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด
    4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์


    ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ”

    การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน”
    แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ”
    และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด


    ✴️✴️5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+

    1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ

    น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง

    2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง

    อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า

    3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน

    แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน

    4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing)

    ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที
    ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง

    5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน

    👉เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
    จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น
    ✴️สรุป

    ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+
    อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี
    เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน”

    👉ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย
    แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี

    ❤️ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ

    😡❓️ “เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!” 😡คุณเคยไหมครับ… ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล 👉บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร” แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายคนกลับคิดว่า… “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง” “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่ ✴️ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน” เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ” ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง 👉งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ” เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด? 1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด 2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ 3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด 4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ” การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน” แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ” และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด ✴️✴️5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+ 1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง 2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า 3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน 4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing) ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง 5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน 👉เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น ✴️สรุป ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+ อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน” 👉ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี ❤️ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
    0 Comments 0 Shares 339 Views 0 Reviews
  • อย่าทำงานแบบหุ่นยนต์ที่ป้อน prompt แต่ทำงานแบบมนุษย์ด้วยกัน .สรุป Session พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง HOW TO EMPOWER PEOPLE IN FRAGMENTED WORLD โดยคุณเอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม Roundfinger ) ในงาน PEOPLE PERFORMANCE CONFERENCE 2025.🔸 พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง? .“โลกไร้ทิศทาง” ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่อยู่ยากมากที่สุดยุคหนึ่ง ท้าทายคนทำงานในทุกอาชีพ.เราควรตระหนักว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่ง่าย เราทุกคนที่ยังสามารถทำงานใช้ชีวิตประคองตัวเองในโลกทุกวันนี้ได้เป็นคนที่ ”เก่ง” มาก .“ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไร” คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่หลายคนรู้สึกยากที่จะตอบ มันไม่ง่ายที่เราถูกจู่โจมด้วยทุกสิ่ง แม้กายเราอยู่ที่นี่ แต่ใจเราอาจอยู่ในข่าว อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ อยู่ในกรุ๊ปที่ถูกตามงาน เราอยู่ห่างจากตัวเองมาก ขนาดคำถามง่าย ๆ อย่างเรารู้สึกอย่างไรยังตอบยาก .ในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญ .โลกไร้ทิศทางจากการที่ทั้ง Tech การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม คุณค่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อคุณค่าที่มนุษย์ให้กับตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ลดความเร็ว มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย.🔸 แล้วโลกไร้ทิศทางนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร?1️⃣ เรามีข้อมูลเยอะมาก แต่มีปัญญาน้อยลง : ปัญญาคือการ รู้จักตัวเอง รู้วิธีมีความสุข รู้ความหมายชีวิต รู้ถึงความจริงรู้ถึงสัจธรรม2️⃣ โลกไม่มีเป้าหมายร่วม : ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละประเทศจำเป็นต้องฟื้นฟู สงครามเย็นทำให้เกิดการแบ่งขั้ว จากนั้นก็ยุคโลกาภิวัฒน์ที่โลกเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่พอมาถึงยุคนี้ เราเข้าสู่คำถามใหม่ว่า ตกลงแล้วเป้าหมายแต่ละประเทศ แต่ละคนคืออะไร? เมื่อโลกไร้เป้าหมาย ปัจเจกก็สับสน .3️⃣ ไม่มี ‘เรื่องเล่าใหญ่’ อีกต่อไป : สังคมขาดความเชื่อร่วมกัน เช่น ศาสนา ชาติ พระเจ้า ฯลฯ ถ้าเราไม่มี เรื่องเล่าใหญ่ เมื่อเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร.4️⃣ พลังกำหนดอนาคตอยู่ในมือไม่กี่คน : ในโลกที่อยู่ในเงื้อมมือคนตัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น big tech, big finance, big state เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้บ้าง? บางทีเราเลยรู้สึก lost ในการมีชีวิตอยู่.5️⃣ Speed ปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ : แต่ปฏิเสธไม่ได้นี่คือโลกที่พวกเราอยู่ .คนจึงเกิดความคิดที่ว่า “ฉันไม่เหมาะกับโลกใบนี้” ฉันช้า แก่ เหนื่อย อยู่ผิดที่ ยอมแพ้ นำไปสู่ความหมดไฟไม่อยากทำงาน นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทำหน้าที่บริหารคน เรากำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าเหมือนรถที่วิ่งแบบจรวด แต่รถคันนั้นไม่ตอบคำถามว่า 'เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน' พอเราล้า ก็จะรู้สึกว่าไม่อยากพัฒนาแล้ว.ดังนั้น “ทิศที่ถูก” จึงสำคัญกว่า “ความเร็ว” การตั้งต้นว่าเราจะไปทิศไหนจึงสำคัญกับการพัฒนาตน คน องค์กร.🔸จะพัฒนาคนยังไง?.การเรียนรู้ Design Thinking, Digital Mindset, Upskill, Reskill, Relearn ที่ศึกษากันอยู่นั้นพอไหม?.เราเรียนรู้ชุดความรู้หลายด้านมาก ไม่ว่าจะเป็นSkillset > learning ability Mindset > Growth Mindsetแต่เรามี Heartset หรือยัง? .🔸Heartset ชุดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คือสิ่งที่คุณเอ๋ อยากชวนมาเจาะลึกลงไป .ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่คนเก่งไม่พอ ไม่ใช่คนไม่อยากเก่ง แต่พอเก่งมากแล้วต้องวิ่งไล่ทุกสิ่ง คำถามคือ ฉันจะเก่งไปเพื่ออะไรดี ดังนั้นเราต้องการเข็มทิศที่ดี จะได้รู้ว่าจะไปทางไหน คุณเอ๋เลยอยากชวนคิดชวนคุยมุมนี้ว่า “ทำไมเราถึงอยากเก่ง” “ทำไมเราถึงอยากพัฒนาคน”.🔸 โลกกำลังอยู่ในยุค AI และ IA (Inner Awareness).เราต้องการ IA อย่างมาก เพราะยิ่งมันเร็ว เรายิ่งต้องเข้าใจตัวเอง AI ทำให้เราทำงานดีขึ้น แต่ IA คือตอบว่าเราทำงานดีไปทำไม และเราต้องอย่าลืมมีจิตใจที่มั่นคงยืดหยุ่น ไม่เปราะบาง ไม่งั้นการพัฒนาองค์กร คือการใช้คนแล้วทิ้ง มีคนเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตแล้วเมื่อเขาอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ก็ถูกปัดออก การพัฒนาคน องค์กรที่ดี ต้องรักษาคนและหัวใจคนด้วย.🔸 ทำยังไงให้ทีมรู้จักตัวเอง?.พลังที่แท้จริงเกิดจากการเข้าใจข้างใน เป็นสิ่งที่ทีมผู้บริหารองค์กรช่วยได้มากและเราควบคุมได้ คำตอบข้างใน เช่น การรักตัวเองในแบบที่เป็น ได้สร้างประโยชน์ เป็นต้น เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็จะเป็นคนที่ไม่เปรียบเทียบ ไม่เร่งรีบ ไม่ตัดสินตัวเอง เมื่อ IA เกิดก็จะเกิดพร้อม EQ / Resilience / Creativity.แต่คนทำงานองค์กรรู้อยู่เสมอว่ามีคนประเมิน performance / KPI เราเสมอ แต่ถ้าเรา blend สิ่งเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้องค์กรมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น.🔸เราจะสร้าง IA ได้อย่างไร?.1️⃣ ให้สังเกตตัวเองโดยไม่ตัดสิน2️⃣ รับรู้ความรู้สึก ไม่ผลักไส3️⃣ เห็นแพทเทิร์นความคิดตัวเอง 4️⃣ ฟังร่างกาย5️⃣ มีความหมายของตัวเองที่ไม่ใช่ที่คนอื่นวางให้ .🔸 วิธีฝึกการสร้าง IA 1️⃣ สังเกตลมหายใจ2️⃣ สังเกตร่างกาย3️⃣ สังเกตอารมณ์ ความคิด4️⃣ เขียนระบายใส่กระดาษ5️⃣ ถามกัน ตอนนี้รู้สึกยังไง .🔸 หัวหน้า 2 คน เรื่องเล่าจากคุณเอ๋ - นิ้วกลม.👉 หัวหน้าคนแรก คนที่เข้าไปคุยด้วยแล้วตัวลีบตัวสั่น👉 หัวหน้าคนที่สอง คนที่ป้วนเปี้ยนคุยงานไร้สาระได้ อธิบายไอเดียโง่ ๆ ได้ อย่างเช่นตอนเสนอไอเดีย พอหัวหน้าฟังแล้วช่วย develop งานได้ดีน้อยกว่าที่คุณเอ๋คิด คุณเอ๋เลยตระหนักได้ว่า เมื่อหัวหน้าโง่ได้ เราก็โง่กว่าหัวหน้าได้ วิธีการทำงานแบบนี้ทำให้ทีมคุณนิ้วกลมทำงานชนะได้หลายรางวัลมาก ตรงข้ามกับแบบแรกเพราะ ความโง่นั้นนำมาซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะเรากล้าคิดมันออกมา.องค์กรสามารถสร้างความปลอดภัยต่อการเป็นมนุษย์ได้ ไม่ต้องเก๊กว่าตัวเองจะต้อง Perfect เผยความรู้ได้โดยไม่ต้องปิดบัง โลกที่หมุนไวผลักภาระมาให้มนุษย์จนเจ็บป่วย .ให้รางวัลคนที่รองรับความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน การที่เขาหายไป ทีมอาจ collapse ได้ มองเห็นคนที่ชุบชูใจคนอื่น ไม่ใช่วัดแค่ประสิทธิภาพ แต่วัดสภาพจิตใจด้วย และนอกจาก performance ก็ต้องวัดความมั่นคงทางจิตใจด้วย เพราะถ้าทุกคนแกว่งหมดองค์กรก็อยู่ไม่ได้ รวมถึงผู้นำที่ก็ต้องกล้าแสดงความรู้สึกออกมา .ปลอดภัย ช้าบางจังหวะ ฟังลึก ตั้งคำถามสะท้อนกัน ผู้นำเปลือยใจ “ทำงานในบรรยากาศของมนุษย์”.🔸 เราเกิดมาทำไม?.มนุษย์เราทำแค่ 3 เรื่องนี้ What How Why คุณเอ๋อยากให้เรามาตอบ How ให้ได้ อย่างคุณเอ๋ก็พบว่า How ของตัวเองคือการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ บางคนอาจมีความสามารถต่างไป เราแค่เป็นเรา ส่งเสริมให้คนในทีมเป็นเขา และเชิดชูใน How ของเขา .เราก็จะเริ่มรู้สึกว่าเราเกิดมาทำไม และรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าใคร .ในโลก AI เราต้องการ IA : Inner Awareness is the NEW RICH ความรวยปัญญา ทำงานเพื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้น รู้จักตัวเอง ความหมายชีวิต และสัจธรรม ยอมรับความจริงข้อนี้แล้วคนจะอยากทำงานกับองค์กรที่ไม่ใช่ให้แค่เงินเดือน แต่ทำให้เขาได้รู้ตัวเองและรวยปัญญา รวยปัญญา = รวยความสุข..#Skooldio #PPC2025 #PEOPLEPERFORMANCEConference2025 #CREATIVETALK #QGEN #นิ้วกลม #AI #Selfawareness #selfdevelopment #พัฒนาตัวเอง #mentalhealth #books
    อย่าทำงานแบบหุ่นยนต์ที่ป้อน prompt แต่ทำงานแบบมนุษย์ด้วยกัน .สรุป Session พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง HOW TO EMPOWER PEOPLE IN FRAGMENTED WORLD โดยคุณเอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม Roundfinger ) ในงาน PEOPLE PERFORMANCE CONFERENCE 2025.🔸 พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง? .“โลกไร้ทิศทาง” ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่อยู่ยากมากที่สุดยุคหนึ่ง ท้าทายคนทำงานในทุกอาชีพ.เราควรตระหนักว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่ง่าย เราทุกคนที่ยังสามารถทำงานใช้ชีวิตประคองตัวเองในโลกทุกวันนี้ได้เป็นคนที่ ”เก่ง” มาก .“ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไร” คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่หลายคนรู้สึกยากที่จะตอบ มันไม่ง่ายที่เราถูกจู่โจมด้วยทุกสิ่ง แม้กายเราอยู่ที่นี่ แต่ใจเราอาจอยู่ในข่าว อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ อยู่ในกรุ๊ปที่ถูกตามงาน เราอยู่ห่างจากตัวเองมาก ขนาดคำถามง่าย ๆ อย่างเรารู้สึกอย่างไรยังตอบยาก .ในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญ .โลกไร้ทิศทางจากการที่ทั้ง Tech การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม คุณค่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อคุณค่าที่มนุษย์ให้กับตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ลดความเร็ว มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย.🔸 แล้วโลกไร้ทิศทางนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร?1️⃣ เรามีข้อมูลเยอะมาก แต่มีปัญญาน้อยลง : ปัญญาคือการ รู้จักตัวเอง รู้วิธีมีความสุข รู้ความหมายชีวิต รู้ถึงความจริงรู้ถึงสัจธรรม2️⃣ โลกไม่มีเป้าหมายร่วม : ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละประเทศจำเป็นต้องฟื้นฟู สงครามเย็นทำให้เกิดการแบ่งขั้ว จากนั้นก็ยุคโลกาภิวัฒน์ที่โลกเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่พอมาถึงยุคนี้ เราเข้าสู่คำถามใหม่ว่า ตกลงแล้วเป้าหมายแต่ละประเทศ แต่ละคนคืออะไร? เมื่อโลกไร้เป้าหมาย ปัจเจกก็สับสน .3️⃣ ไม่มี ‘เรื่องเล่าใหญ่’ อีกต่อไป : สังคมขาดความเชื่อร่วมกัน เช่น ศาสนา ชาติ พระเจ้า ฯลฯ ถ้าเราไม่มี เรื่องเล่าใหญ่ เมื่อเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร.4️⃣ พลังกำหนดอนาคตอยู่ในมือไม่กี่คน : ในโลกที่อยู่ในเงื้อมมือคนตัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น big tech, big finance, big state เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้บ้าง? บางทีเราเลยรู้สึก lost ในการมีชีวิตอยู่.5️⃣ Speed ปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ : แต่ปฏิเสธไม่ได้นี่คือโลกที่พวกเราอยู่ .คนจึงเกิดความคิดที่ว่า “ฉันไม่เหมาะกับโลกใบนี้” ฉันช้า แก่ เหนื่อย อยู่ผิดที่ ยอมแพ้ นำไปสู่ความหมดไฟไม่อยากทำงาน นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทำหน้าที่บริหารคน เรากำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าเหมือนรถที่วิ่งแบบจรวด แต่รถคันนั้นไม่ตอบคำถามว่า 'เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน' พอเราล้า ก็จะรู้สึกว่าไม่อยากพัฒนาแล้ว.ดังนั้น “ทิศที่ถูก” จึงสำคัญกว่า “ความเร็ว” การตั้งต้นว่าเราจะไปทิศไหนจึงสำคัญกับการพัฒนาตน คน องค์กร.🔸จะพัฒนาคนยังไง?.การเรียนรู้ Design Thinking, Digital Mindset, Upskill, Reskill, Relearn ที่ศึกษากันอยู่นั้นพอไหม?.เราเรียนรู้ชุดความรู้หลายด้านมาก ไม่ว่าจะเป็นSkillset > learning ability Mindset > Growth Mindsetแต่เรามี Heartset หรือยัง? .🔸Heartset ชุดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คือสิ่งที่คุณเอ๋ อยากชวนมาเจาะลึกลงไป .ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่คนเก่งไม่พอ ไม่ใช่คนไม่อยากเก่ง แต่พอเก่งมากแล้วต้องวิ่งไล่ทุกสิ่ง คำถามคือ ฉันจะเก่งไปเพื่ออะไรดี ดังนั้นเราต้องการเข็มทิศที่ดี จะได้รู้ว่าจะไปทางไหน คุณเอ๋เลยอยากชวนคิดชวนคุยมุมนี้ว่า “ทำไมเราถึงอยากเก่ง” “ทำไมเราถึงอยากพัฒนาคน”.🔸 โลกกำลังอยู่ในยุค AI และ IA (Inner Awareness).เราต้องการ IA อย่างมาก เพราะยิ่งมันเร็ว เรายิ่งต้องเข้าใจตัวเอง AI ทำให้เราทำงานดีขึ้น แต่ IA คือตอบว่าเราทำงานดีไปทำไม และเราต้องอย่าลืมมีจิตใจที่มั่นคงยืดหยุ่น ไม่เปราะบาง ไม่งั้นการพัฒนาองค์กร คือการใช้คนแล้วทิ้ง มีคนเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตแล้วเมื่อเขาอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ก็ถูกปัดออก การพัฒนาคน องค์กรที่ดี ต้องรักษาคนและหัวใจคนด้วย.🔸 ทำยังไงให้ทีมรู้จักตัวเอง?.พลังที่แท้จริงเกิดจากการเข้าใจข้างใน เป็นสิ่งที่ทีมผู้บริหารองค์กรช่วยได้มากและเราควบคุมได้ คำตอบข้างใน เช่น การรักตัวเองในแบบที่เป็น ได้สร้างประโยชน์ เป็นต้น เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็จะเป็นคนที่ไม่เปรียบเทียบ ไม่เร่งรีบ ไม่ตัดสินตัวเอง เมื่อ IA เกิดก็จะเกิดพร้อม EQ / Resilience / Creativity.แต่คนทำงานองค์กรรู้อยู่เสมอว่ามีคนประเมิน performance / KPI เราเสมอ แต่ถ้าเรา blend สิ่งเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้องค์กรมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น.🔸เราจะสร้าง IA ได้อย่างไร?.1️⃣ ให้สังเกตตัวเองโดยไม่ตัดสิน2️⃣ รับรู้ความรู้สึก ไม่ผลักไส3️⃣ เห็นแพทเทิร์นความคิดตัวเอง 4️⃣ ฟังร่างกาย5️⃣ มีความหมายของตัวเองที่ไม่ใช่ที่คนอื่นวางให้ .🔸 วิธีฝึกการสร้าง IA 1️⃣ สังเกตลมหายใจ2️⃣ สังเกตร่างกาย3️⃣ สังเกตอารมณ์ ความคิด4️⃣ เขียนระบายใส่กระดาษ5️⃣ ถามกัน ตอนนี้รู้สึกยังไง .🔸 หัวหน้า 2 คน เรื่องเล่าจากคุณเอ๋ - นิ้วกลม.👉 หัวหน้าคนแรก คนที่เข้าไปคุยด้วยแล้วตัวลีบตัวสั่น👉 หัวหน้าคนที่สอง คนที่ป้วนเปี้ยนคุยงานไร้สาระได้ อธิบายไอเดียโง่ ๆ ได้ อย่างเช่นตอนเสนอไอเดีย พอหัวหน้าฟังแล้วช่วย develop งานได้ดีน้อยกว่าที่คุณเอ๋คิด คุณเอ๋เลยตระหนักได้ว่า เมื่อหัวหน้าโง่ได้ เราก็โง่กว่าหัวหน้าได้ วิธีการทำงานแบบนี้ทำให้ทีมคุณนิ้วกลมทำงานชนะได้หลายรางวัลมาก ตรงข้ามกับแบบแรกเพราะ ความโง่นั้นนำมาซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะเรากล้าคิดมันออกมา.องค์กรสามารถสร้างความปลอดภัยต่อการเป็นมนุษย์ได้ ไม่ต้องเก๊กว่าตัวเองจะต้อง Perfect เผยความรู้ได้โดยไม่ต้องปิดบัง โลกที่หมุนไวผลักภาระมาให้มนุษย์จนเจ็บป่วย .ให้รางวัลคนที่รองรับความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน การที่เขาหายไป ทีมอาจ collapse ได้ มองเห็นคนที่ชุบชูใจคนอื่น ไม่ใช่วัดแค่ประสิทธิภาพ แต่วัดสภาพจิตใจด้วย และนอกจาก performance ก็ต้องวัดความมั่นคงทางจิตใจด้วย เพราะถ้าทุกคนแกว่งหมดองค์กรก็อยู่ไม่ได้ รวมถึงผู้นำที่ก็ต้องกล้าแสดงความรู้สึกออกมา .ปลอดภัย ช้าบางจังหวะ ฟังลึก ตั้งคำถามสะท้อนกัน ผู้นำเปลือยใจ “ทำงานในบรรยากาศของมนุษย์”.🔸 เราเกิดมาทำไม?.มนุษย์เราทำแค่ 3 เรื่องนี้ What How Why คุณเอ๋อยากให้เรามาตอบ How ให้ได้ อย่างคุณเอ๋ก็พบว่า How ของตัวเองคือการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ บางคนอาจมีความสามารถต่างไป เราแค่เป็นเรา ส่งเสริมให้คนในทีมเป็นเขา และเชิดชูใน How ของเขา .เราก็จะเริ่มรู้สึกว่าเราเกิดมาทำไม และรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าใคร .ในโลก AI เราต้องการ IA : Inner Awareness is the NEW RICH ความรวยปัญญา ทำงานเพื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้น รู้จักตัวเอง ความหมายชีวิต และสัจธรรม ยอมรับความจริงข้อนี้แล้วคนจะอยากทำงานกับองค์กรที่ไม่ใช่ให้แค่เงินเดือน แต่ทำให้เขาได้รู้ตัวเองและรวยปัญญา รวยปัญญา = รวยความสุข..#Skooldio #PPC2025 #PEOPLEPERFORMANCEConference2025 #CREATIVETALK #QGEN #นิ้วกลม #AI #Selfawareness #selfdevelopment #พัฒนาตัวเอง #mentalhealth #books
    0 Comments 0 Shares 1022 Views 0 Reviews
  • วันนี้เสียงผมเริ่มแข็งมากขึ้นจากการที่ถูกตามจิกให้แก้งานทั้งวันทั้งคืนมานานแล้วเพราะทำงานให้มันไปกว่าจะได้เงินก็ไส้แห้งพอดี ดีไม่ดีก็ได้เงินน้อยกว่านั้น ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ เข้าส่วนลึกของก้นบิ้งของหัวใจ แต่ผมเลือกเกิดไม่ได้ก็จริง แต่ผมเกิดมาในครอบครัวที่รับราชการแต่ผมไม่อยากรับราชการ เพราะเคยทำงานราชการในฐานะลูกจ้างมา 2 ครั้งแล้วเจอระบบงานที่ไม่เป็นธรรม ผู้ใหญ่โยนงาน มีตำแหน่งธุรการก็ทำงานโคตรจับฉ่าย มีตำแหน่งไม่ใช่ธุรการ จะเป็น พัสดุ คอม หรือ นิติกร ก็ต้องทำงานธุรการ OT ก็ได้โคตรน้อย บางวันก็ไม่ได้เลย บัดซบฉิบหาย ระบบโหล่ยโท่ย ไม่ได้เรื่อง เป็นผู้น้อยก็ไม่กล้าตัดสินใจ ถ้ากล้าตัดสินใจปุ๊ป โดนไล่ออกทันทีอย่างไร้ความปราณี ผิดจริยธรรม ผิดลักษณะการเป็น ขรก.มีให้เห็นเยอะแยะแต่ผู้ใหญ่ก็มีเยอะ โยนงานอย่างเดียว นั่งสบายๆ โถ่ไอ้สัส ร้องเรียนไปก็เงียบเป็นป่าช้า ระบบเน่ามานานแล้ว ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ เกรงใจผู้ใหญ่ทำ...อะไรก็กล้าตัดสินใจเปลี่ยนทั้งระบบสิ ไม่ใช่ก้มหัวให้ผู้ใหญ่แหกกฎระเบียบ ขรก. มากดขี่ร่ำไป ผมไม่ได้ผิดที่เกิดมาในครอบครัวที่เป็นข้าราชการ แต่ผิดที่ผมสอบราชการไม่ได้ ไม่คิดสอบบรรจุราชการ ต้องการทำงานฟรีแลนซ์ เงินเกษียณก็น้อยลงๆ บำนาญ สส. เยอะกว่าบำนาญ ขรก. อีก ไม่อยากให้ระบบสังคมบัดซบนี้มากระทำให้ผมต้องเสียผู้เสียคนอีกแล้ว ผมคือส่วนเกินของครอบครัว ผมคือมะเร็งเนื้อร้อยของครอบครัว ผมคือคนที่ครอบครัวไม่เก็บไว้เป็นภาระ ปรสิตหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ผมอยากอยู่คนเดียว หากินคนเดียว ยืนด้วยแข้งขาตัวเอง ดีไม่ดีผมอาจต้องแยกย้ายไปต่างคนต่างอยู่ ไม่แน่ผมอาจอยู่กับแฟนหรือคนที่ไว้ใจได้ แต่ผมตั้งใจจะตัดขาดกับอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้สภาพจิตใจผมย่ำแย่ ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน หลายคนพูดมานานแล้ว สุดท้ายผมต้องรักตัวเองและเชื่อมั่นตัวเอง ไม่ต้องไปตามใครหรอก
    วันนี้เสียงผมเริ่มแข็งมากขึ้นจากการที่ถูกตามจิกให้แก้งานทั้งวันทั้งคืนมานานแล้วเพราะทำงานให้มันไปกว่าจะได้เงินก็ไส้แห้งพอดี ดีไม่ดีก็ได้เงินน้อยกว่านั้น ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ เข้าส่วนลึกของก้นบิ้งของหัวใจ แต่ผมเลือกเกิดไม่ได้ก็จริง แต่ผมเกิดมาในครอบครัวที่รับราชการแต่ผมไม่อยากรับราชการ เพราะเคยทำงานราชการในฐานะลูกจ้างมา 2 ครั้งแล้วเจอระบบงานที่ไม่เป็นธรรม ผู้ใหญ่โยนงาน มีตำแหน่งธุรการก็ทำงานโคตรจับฉ่าย มีตำแหน่งไม่ใช่ธุรการ จะเป็น พัสดุ คอม หรือ นิติกร ก็ต้องทำงานธุรการ OT ก็ได้โคตรน้อย บางวันก็ไม่ได้เลย บัดซบฉิบหาย ระบบโหล่ยโท่ย ไม่ได้เรื่อง เป็นผู้น้อยก็ไม่กล้าตัดสินใจ ถ้ากล้าตัดสินใจปุ๊ป โดนไล่ออกทันทีอย่างไร้ความปราณี ผิดจริยธรรม ผิดลักษณะการเป็น ขรก.มีให้เห็นเยอะแยะแต่ผู้ใหญ่ก็มีเยอะ โยนงานอย่างเดียว นั่งสบายๆ โถ่ไอ้สัส ร้องเรียนไปก็เงียบเป็นป่าช้า ระบบเน่ามานานแล้ว ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ เกรงใจผู้ใหญ่ทำ...อะไรก็กล้าตัดสินใจเปลี่ยนทั้งระบบสิ ไม่ใช่ก้มหัวให้ผู้ใหญ่แหกกฎระเบียบ ขรก. มากดขี่ร่ำไป ผมไม่ได้ผิดที่เกิดมาในครอบครัวที่เป็นข้าราชการ แต่ผิดที่ผมสอบราชการไม่ได้ ไม่คิดสอบบรรจุราชการ ต้องการทำงานฟรีแลนซ์ เงินเกษียณก็น้อยลงๆ บำนาญ สส. เยอะกว่าบำนาญ ขรก. อีก ไม่อยากให้ระบบสังคมบัดซบนี้มากระทำให้ผมต้องเสียผู้เสียคนอีกแล้ว ผมคือส่วนเกินของครอบครัว ผมคือมะเร็งเนื้อร้อยของครอบครัว ผมคือคนที่ครอบครัวไม่เก็บไว้เป็นภาระ ปรสิตหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ผมอยากอยู่คนเดียว หากินคนเดียว ยืนด้วยแข้งขาตัวเอง ดีไม่ดีผมอาจต้องแยกย้ายไปต่างคนต่างอยู่ ไม่แน่ผมอาจอยู่กับแฟนหรือคนที่ไว้ใจได้ แต่ผมตั้งใจจะตัดขาดกับอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้สภาพจิตใจผมย่ำแย่ ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน หลายคนพูดมานานแล้ว สุดท้ายผมต้องรักตัวเองและเชื่อมั่นตัวเอง ไม่ต้องไปตามใครหรอก
    0 Comments 0 Shares 515 Views 0 Reviews
  • 🌿 เข้าใจ "ตัวตน" ผ่านเส้นทางของครอบครัว 🌿


    ---

    🔹 ฐานของตัวตน → ครอบครัวแรก (พ่อแม่)

    📌 เราเริ่มต้นจากครอบครัวที่เราไม่ได้เลือก
    ✔ พ่อแม่เป็นใคร → เราเลือกไม่ได้
    ✔ เราเกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน → เราเลือกไม่ได้
    ✔ ถ้าโชคดี → เราอาจชอบตัวตนที่เติบโตมา
    ✔ ถ้าโชคร้าย → เราอาจรู้สึกไม่พอใจตัวเองตั้งแต่เด็ก

    💡 "ครอบครัวแรก คือ จุดเริ่มต้นของกรรมเก่า"
    🚩 เราไม่ได้เป็นคนกำหนดเอง
    🚩 เราอาจโทษโชคชะตา หรือโทษพ่อแม่
    🚩 แต่ไม่ว่าอย่างไร "กรรมเก่า" ก็กำหนดแค่จุดเริ่มต้น


    ---

    🔹 ยอดของตัวตน → ครอบครัวที่สอง (คู่ชีวิต)

    📌 การเลือกคู่ครอง คือการสร้างกรรมใหม่
    ✔ เราเลือกเองว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับใคร
    ✔ เราตัดสินใจเองว่าจะสร้างครอบครัวแบบไหน
    ✔ เรามีสิทธิ์เลือกว่าจะเป็นพ่อแม่ที่ดีหรือไม่
    ✔ ถ้าครอบครัวที่สองเป็นไปตามที่เราหวัง → เราอาจรักตัวเองมากขึ้น
    ✔ ถ้าครอบครัวที่สองผิดไปจากที่หวัง → เราอาจรู้สึกเกลียดตัวเอง

    💡 "ครอบครัวที่สอง คือ จุดเริ่มต้นของกรรมใหม่"
    🚩 ไม่มีข้ออ้าง ไม่มีใครให้โทษ
    🚩 เรามีส่วนร่วม "อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง"
    🚩 ถ้าพลาด… เราต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่โทษโชคชะตา


    ---

    🔹 โอกาสแห่งความรัก = โอกาสสร้างกรรมใหม่

    📌 ในครอบครัวแรก (พ่อแม่) → คือกรรมเก่า
    👉 เราไม่ได้เลือก → เรารับมา
    👉 จะดีหรือร้าย → มันเกิดขึ้นแล้ว

    📌 ในครอบครัวที่สอง (คู่ครอง) → คือกรรมใหม่
    👉 เราเลือกได้ → จะเอาความรักแบบไหน
    👉 เราตัดสินใจเอง → จะใช้ชีวิตร่วมกับใคร
    👉 ถ้าเลือกผิด → โทษใครไม่ได้

    💡 "ก่อนเลือกคู่ครอง อย่าดูแค่ภาพวันนี้ แต่ต้องมองไปอีกหมื่นวันข้างหน้า"


    ---

    🔹 ถ้าไม่มีครอบครัวที่สอง (โสด)

    📌 การไม่มีครอบครัวที่สอง ไม่ใช่ความล้มเหลว
    ✔ บางคน "ไม่เหมาะกับชีวิตคู่" จริงๆ
    ✔ ไม่ได้แปลว่าต้องใช้ชีวิตแบบเคว้งคว้าง
    ✔ การอยู่ตัวคนเดียว อาจเป็นโอกาสให้ "เข้าใจตัวเอง"

    💡 "ชีวิตโสดที่มีคุณค่า = อยู่กับตัวเองอย่างมีเป้าหมาย"
    🚩 ไม่ใช่การใช้ชีวิตไร้จุดหมาย
    🚩 ไม่ใช่การวิ่งหนีความสัมพันธ์
    🚩 แต่เป็นโอกาสสร้าง "ตัวตนเบาบาง" ให้เป็นอิสระจากตัวตน


    ---

    🔹 ทางเลือกของเรา → สุขจากครอบครัว หรือ อิสระจากตัวตน

    📌 เราเลือกไม่ได้ว่าพ่อแม่เป็นใคร
    📌 เราเลือกได้ว่า "จะมีชีวิตคู่ หรือ อยู่โสด"
    📌 เราเลือกได้ว่า "จะใช้ชีวิตอย่างไร"

    💡 "ตัวตนของเรา ไม่ได้ถูกกำหนดตั้งแต่เกิด"
    💡 "ตัวตนของเรา ถูกกำหนดจากสิ่งที่เราเลือกวันนี้"

    👉 เลือกแบบไหน = ได้แบบนั้น
    👉 เลือกสร้างกรรมใหม่ที่ดี → ตัวตนก็จะดีขึ้น
    👉 เลือกใช้ชีวิตอย่างมีสติ → ไม่ว่าอยู่กับใคร ก็มีความสุขได้

    ✨ "สุดท้าย เราเลือกได้ ว่าจะเป็นพุทธหรือเปล่า ทั้งแบบที่มีครอบครัว และแบบที่เป็นอิสระจากตัวตน" ✨

    🌿 เข้าใจ "ตัวตน" ผ่านเส้นทางของครอบครัว 🌿 --- 🔹 ฐานของตัวตน → ครอบครัวแรก (พ่อแม่) 📌 เราเริ่มต้นจากครอบครัวที่เราไม่ได้เลือก ✔ พ่อแม่เป็นใคร → เราเลือกไม่ได้ ✔ เราเกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน → เราเลือกไม่ได้ ✔ ถ้าโชคดี → เราอาจชอบตัวตนที่เติบโตมา ✔ ถ้าโชคร้าย → เราอาจรู้สึกไม่พอใจตัวเองตั้งแต่เด็ก 💡 "ครอบครัวแรก คือ จุดเริ่มต้นของกรรมเก่า" 🚩 เราไม่ได้เป็นคนกำหนดเอง 🚩 เราอาจโทษโชคชะตา หรือโทษพ่อแม่ 🚩 แต่ไม่ว่าอย่างไร "กรรมเก่า" ก็กำหนดแค่จุดเริ่มต้น --- 🔹 ยอดของตัวตน → ครอบครัวที่สอง (คู่ชีวิต) 📌 การเลือกคู่ครอง คือการสร้างกรรมใหม่ ✔ เราเลือกเองว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับใคร ✔ เราตัดสินใจเองว่าจะสร้างครอบครัวแบบไหน ✔ เรามีสิทธิ์เลือกว่าจะเป็นพ่อแม่ที่ดีหรือไม่ ✔ ถ้าครอบครัวที่สองเป็นไปตามที่เราหวัง → เราอาจรักตัวเองมากขึ้น ✔ ถ้าครอบครัวที่สองผิดไปจากที่หวัง → เราอาจรู้สึกเกลียดตัวเอง 💡 "ครอบครัวที่สอง คือ จุดเริ่มต้นของกรรมใหม่" 🚩 ไม่มีข้ออ้าง ไม่มีใครให้โทษ 🚩 เรามีส่วนร่วม "อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง" 🚩 ถ้าพลาด… เราต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่โทษโชคชะตา --- 🔹 โอกาสแห่งความรัก = โอกาสสร้างกรรมใหม่ 📌 ในครอบครัวแรก (พ่อแม่) → คือกรรมเก่า 👉 เราไม่ได้เลือก → เรารับมา 👉 จะดีหรือร้าย → มันเกิดขึ้นแล้ว 📌 ในครอบครัวที่สอง (คู่ครอง) → คือกรรมใหม่ 👉 เราเลือกได้ → จะเอาความรักแบบไหน 👉 เราตัดสินใจเอง → จะใช้ชีวิตร่วมกับใคร 👉 ถ้าเลือกผิด → โทษใครไม่ได้ 💡 "ก่อนเลือกคู่ครอง อย่าดูแค่ภาพวันนี้ แต่ต้องมองไปอีกหมื่นวันข้างหน้า" --- 🔹 ถ้าไม่มีครอบครัวที่สอง (โสด) 📌 การไม่มีครอบครัวที่สอง ไม่ใช่ความล้มเหลว ✔ บางคน "ไม่เหมาะกับชีวิตคู่" จริงๆ ✔ ไม่ได้แปลว่าต้องใช้ชีวิตแบบเคว้งคว้าง ✔ การอยู่ตัวคนเดียว อาจเป็นโอกาสให้ "เข้าใจตัวเอง" 💡 "ชีวิตโสดที่มีคุณค่า = อยู่กับตัวเองอย่างมีเป้าหมาย" 🚩 ไม่ใช่การใช้ชีวิตไร้จุดหมาย 🚩 ไม่ใช่การวิ่งหนีความสัมพันธ์ 🚩 แต่เป็นโอกาสสร้าง "ตัวตนเบาบาง" ให้เป็นอิสระจากตัวตน --- 🔹 ทางเลือกของเรา → สุขจากครอบครัว หรือ อิสระจากตัวตน 📌 เราเลือกไม่ได้ว่าพ่อแม่เป็นใคร 📌 เราเลือกได้ว่า "จะมีชีวิตคู่ หรือ อยู่โสด" 📌 เราเลือกได้ว่า "จะใช้ชีวิตอย่างไร" 💡 "ตัวตนของเรา ไม่ได้ถูกกำหนดตั้งแต่เกิด" 💡 "ตัวตนของเรา ถูกกำหนดจากสิ่งที่เราเลือกวันนี้" 👉 เลือกแบบไหน = ได้แบบนั้น 👉 เลือกสร้างกรรมใหม่ที่ดี → ตัวตนก็จะดีขึ้น 👉 เลือกใช้ชีวิตอย่างมีสติ → ไม่ว่าอยู่กับใคร ก็มีความสุขได้ ✨ "สุดท้าย เราเลือกได้ ว่าจะเป็นพุทธหรือเปล่า ทั้งแบบที่มีครอบครัว และแบบที่เป็นอิสระจากตัวตน" ✨
    0 Comments 0 Shares 394 Views 0 Reviews
  • 📌.เมื่อชีวิตเลยหลักสี่📌..อยากจะบอกว่า
    👉มี "เงิน" อย่าใช้หมด ต้องคอย "เก็บเงิน" ไว้ใช้ในยามจำเป็นด้วย เพราะเวลาเกิดวิกฤตคนมีเงินอยู่บ้าง กับคนที่ไม่มีเงินเลย ทุกข์ต่างกันมากมาย
    👉 มี "งาน" ต้องรักงาน ต้องขยัน ต้องเต็มที่ เพราะต่อจากนี้ไม่มีอะไรการันตีความมั่นคงอีกแล้ว ต้องเป็นพนักงานที่องค์กรเห็นว่าทำงานให้เขาได้ "คุ้มค่า" เขาจึงจะจ้างไว้ต่อ
    👉 มี "คนที่รัก" ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติ คู่รัก หรือเพื่อนรัก ต้องสร้าง "สัมพันธ์" กันให้ดี หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน แสดงความรักที่มีต่อกันออกมาตั้งแต่วันนี้ เพราะการลาจากโดยไม่ได้ร่ำลา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก
    👉มี "เวลา" ต้องใช้ให้ดี อย่างปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะที่เคยคิดกันว่าทุกคนมีเวลาอย่างน้อย 70-80 ปี ต่อจากนี้จะไม่แน่เช่นนั้นอีกแล้ว
    👉มี "ร่างกาย" ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด อย่าบอกว่าไม่มีเวลา ร่างกายที่แข็งแรงจะเป็น "ภูมิต้านทาน" ต่อโรคต่าง ๆ การมีชีวิตอยู่ภายใต้ร่างกายที่แข็งแรง จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี
    👉 มี "จิตใจ" ต้องทำให้ "สดชื่น" ไม่ทุกข์ ไม่กังวลกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับคนไม่ดี และมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่จมอยู่กับอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
    👉 มี "ชีวิต" ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ต่อไปไม่มีใครรู้ว่า เรามีเวลาของชีวิตแค่ไหน ❤️ขอให้ "รู้สึกดีกับชีวิต"❤️ ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเราเอง รักตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง ภูมิใจในทุกๆ ด้านของชีวิตเราเอง 📌เพราะสุดท้ายแล้ว มันจะมีเพียงตัวเราเท่านั้น
    📌.เมื่อชีวิตเลยหลักสี่📌..อยากจะบอกว่า 👉มี "เงิน" อย่าใช้หมด ต้องคอย "เก็บเงิน" ไว้ใช้ในยามจำเป็นด้วย เพราะเวลาเกิดวิกฤตคนมีเงินอยู่บ้าง กับคนที่ไม่มีเงินเลย ทุกข์ต่างกันมากมาย 👉 มี "งาน" ต้องรักงาน ต้องขยัน ต้องเต็มที่ เพราะต่อจากนี้ไม่มีอะไรการันตีความมั่นคงอีกแล้ว ต้องเป็นพนักงานที่องค์กรเห็นว่าทำงานให้เขาได้ "คุ้มค่า" เขาจึงจะจ้างไว้ต่อ 👉 มี "คนที่รัก" ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติ คู่รัก หรือเพื่อนรัก ต้องสร้าง "สัมพันธ์" กันให้ดี หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน แสดงความรักที่มีต่อกันออกมาตั้งแต่วันนี้ เพราะการลาจากโดยไม่ได้ร่ำลา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก 👉มี "เวลา" ต้องใช้ให้ดี อย่างปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะที่เคยคิดกันว่าทุกคนมีเวลาอย่างน้อย 70-80 ปี ต่อจากนี้จะไม่แน่เช่นนั้นอีกแล้ว 👉มี "ร่างกาย" ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด อย่าบอกว่าไม่มีเวลา ร่างกายที่แข็งแรงจะเป็น "ภูมิต้านทาน" ต่อโรคต่าง ๆ การมีชีวิตอยู่ภายใต้ร่างกายที่แข็งแรง จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี 👉 มี "จิตใจ" ต้องทำให้ "สดชื่น" ไม่ทุกข์ ไม่กังวลกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับคนไม่ดี และมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่จมอยู่กับอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง 👉 มี "ชีวิต" ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ต่อไปไม่มีใครรู้ว่า เรามีเวลาของชีวิตแค่ไหน ❤️ขอให้ "รู้สึกดีกับชีวิต"❤️ ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเราเอง รักตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง ภูมิใจในทุกๆ ด้านของชีวิตเราเอง 📌เพราะสุดท้ายแล้ว มันจะมีเพียงตัวเราเท่านั้น
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • อย่าลืม รักตัวเอง
    อย่าลืม ให้อภัยตัวเอง
    อย่าลืม ฟังเสียงตัวเอง
    อย่าลืม คุณค่าตัวเอง

    จากหนังสือ |อยากให้เธอสดใสเหมือนดอกทานตะวัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #อยากให้เธอสดใสเหมือนดอกทานตะวัน
    อย่าลืม รักตัวเอง อย่าลืม ให้อภัยตัวเอง อย่าลืม ฟังเสียงตัวเอง อย่าลืม คุณค่าตัวเอง จากหนังสือ |อยากให้เธอสดใสเหมือนดอกทานตะวัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #อยากให้เธอสดใสเหมือนดอกทานตะวัน
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • คำคมจากหนัง Fast & Furious 7
    "เราไม่สามารถบังคับให้ใครเค้ามารักเรา เข้าใจเราได้หรอก"
    "แต่อย่างน้อยเราก็ควรที่จะรักตัวเอง เข้าใจตนเอง และเผื่อแผ่ให้กับคนที่เค้ารักเรา เข้าใจเราได้"
    "และอย่างน้อยที่สุด เราก็ควรที่จะเป็นคนดีของคนในครอบครัว และสังคม และไม่ทำตัวให้ใครเค้าเดือดร้อนเพราะเราได้นะ"
    คำคมจากหนัง Fast & Furious 7 "เราไม่สามารถบังคับให้ใครเค้ามารักเรา เข้าใจเราได้หรอก" "แต่อย่างน้อยเราก็ควรที่จะรักตัวเอง เข้าใจตนเอง และเผื่อแผ่ให้กับคนที่เค้ารักเรา เข้าใจเราได้" "และอย่างน้อยที่สุด เราก็ควรที่จะเป็นคนดีของคนในครอบครัว และสังคม และไม่ทำตัวให้ใครเค้าเดือดร้อนเพราะเราได้นะ"
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • จากความหวังของฉัน สู่แรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
    สวัสดีทุกคน ฉันมีเรื่องมาระบายความในใจ คนเราทุกคนล้วนต้องต่อสู้ ต่อสู้กับสิ่งต่างๆมามากมาย ฉันต่อสู้มานานแล้ว โดยเฉพาะกับมารในตัวเอง และบ่อยครั้งที่มารภายในตัวเองนั้นมีชัยเหนือกว่า และมันก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีอยู่นั้นแตกสลายไป บ้างก็เสียหาย บ้างก็ตาย แต่ไม่ว่าจะมีสิ่งใดที่หายตายจากไป ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ ยังมีตัวตนอยู่ สิ่งที่ฉันปรารถนาสูงสุดในชีวิตนี้นั้นก็คือ การหลุดพ้น หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดกับวงจรบ้าบอที่มันเกิดตายไม่รู้จักจบจักสิ้น หลุดพ้นจากทุกสิ่งที่มันทำให้ฉันต้องเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลา แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ฉันยังต้องทำอยู่ก่อนที่จะตาย นั่นคือการช่วยเหลือคนที่เค้าเป็นอย่างฉัน เจ็บปวดอย่างฉัน แต่ดูๆแล้วคงไม่มีหรอกมั้ง คนอย่างฉัน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าฉันนั้นมันเป็นตัวประหลาด เป็นตัวแปลกแยก แตกต่างจากคนอื่น แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะบางครั้งคนเราก็มีช่วงเวลาที่ท้อแท้สิ้นหวังหมดกำลังใจในชีวิตนี้ ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาต่างๆที่ตนเองนั้นต้องเผชิญพบเจอได้อย่างไรได้ บางครั้งถึงกับคิดสั้น คิดที่จะฆ่าตัวตายไปให้มันพ้นๆจากโลกใบนี้ที่มันแสนจะทารุณก็ตามที ฉันเข้าใจในตัวคุณดี เพราะว่าฉันก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกันกับคุณ และก็มีหลายครั้งมากๆด้วย แต่การฆ่าตัวตายนั้นมันไม่ใช่ทางออกที่ดูดีนักสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานในโลกนี้ไปก็ตามที แต่ก็ใช่ว่าในโลกหน้าชาติภพหน้าต่อไปของคุณนั้นจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานต่างๆเหล่านั้นได้อีก มันไม่ใช่ทางออกที่ดีและถูกต้องตรงจุดต้นเหตุสาเหตูที่แท้จริงของคุณที่คุณมีอยู่ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็ยังยกย่องพวกคุณที่ได้ฆ่าตัวตายสำเร็จทุกๆท่านมากมายอย่างยิ่งยวด เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ได้ไปทำร้ายใครไม่ได้ไปฆ่าใครเค้า และก็ยังมีความกล้าหาญเป็นอย่างยิ่งอีกด้วยที่คุณทำได้สำเร็จ แต่มันไม่ดี ในเมื่อไม่มีใครรักเราเลยสักคน อย่างน้อยๆเราก็ควรที่จะรู้จักรักตัวเราเอง ช่างหัวคนที่มันไม่รักเราไม่เข้าใจเรา พวกนั้นมันก็แค่ไอ้อีพวกผู้คนเห็นแก่ตัวเลวระยำกลุ่มหนึ่งสังคมหนึ่งในหมู่คนมากมาย คุณไม่ต้องไปสนใจใส่ใจพวกมัน ไม่ต้องไปเอาใจเราไปใส่ใจสนใจความรู้สึกของพวกมัน มันไม่เป็นอย่างเรามันไม่เคยเจ็บปวดอย่างเรา มันย่อมไม่รู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร ทนทุกข์ทรมานมากมายแค่ไหนเพียงไร คนเราในทุกวันนี้มันขาดศีลขาดธรรม ขาดความดีงาม ขาดความจริงใจ และก็ขาดจิตใจจิตวิญญาณกันทั้งนั้น ทุกวันนี้พวกมันก็เหมือนกับซากศพซอมบี้เดินได้เข้าไปกันทุกวันๆ ผู้คนมีมากมาย แต่คนดีไม่มีเลย แทบจะหาไม่ได้แล้วในโลกอันเสื่อมทรามโสมมใบนี้ เป็นพันธุ์หายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์เข้าไปทุกทีๆ
    ความหวังและกำลังใจเป็นสิ่งที่มีค่ามากมายยิ่งนัก มากมายยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก นั่นก็เพราะว่าเรามีความหวังอยู่ เราถึงยังปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในวันข้างหน้า แม้ว่าความหวังนี้นั้นมันเหมือนว่ามันจะมีอยู่ริบหรี่ก็ตามที แต่มันก็เป็นความหวัง และผู้ที่ทำลายความหวังของผู้อื่นนั้น ถือว่าเป็นคนที่ฆ่าเค้าทางอ้อมเลยก็ว่าได้ วิธีที่จะทำให้คนเราได้มีความหวังได้นั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน เช่น การให้กำลังใจให้กับคนที่ท้อแท้สิ้นหวังในเวลาที่เค้าต้องการกำลังใจมากที่สุด การให้ทานแก่สรรพสัตว์น้อยใหญ่ที่เราได้ไปพบเห็นพบเจอในที่ต่างๆ โดยเฉพาะเวลาที่เค้าหิวหรือต้องการสิ่งเล็กๆน้อยๆจากใครสักคนมากที่สุด เช่น การให้อาหาร การให้ยารักษาโรค การให้เสื้อผ้าอุ่นๆสักตัวสักผืนเพื่อให้เค้าได้หายคลายจากอาการหนาวร้อนต่างๆ การให้ตังค์กับคนขอทานที่เค้าต้องการนำเงินนั้นไปซื้อของที่เค้าต้องการที่สุดในชีวิตในขณะนั้นมากที่สุด และอื่นๆอีกมากมายหลากหลายรูปแบบ การชื่นชมยินดีกับเค้าในเรื่องที่เค้าทำสำเร็จแม้ว่าเรื่องนั้นๆที่เค้าทำมันจะดูง่ายๆสำหรับเราก็ตามที แต่โดยส่วนรวมแล้วมันก็คือการแบ่งปันน้ำใจให้กับผู้อื่น การไม่ไปซ้ำเติมผู้อื่นเค้าที่เค้าต้องประสบพบเจอกับปัญหาต่างๆในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เราสามารถทำให้กันและกันได้นั่นเอง และก็ยังมีวิธีอื่นๆอีกมากมายหลากหลายวิธีซึ่งแล้วแต่ทุกท่านจะสามารถคิดและให้กันได้
    สรุปโดยรวมแล้วสิ่งที่ฉันอยากจะบอกกล่าวกับคุณก็คือ จงอย่าละทิ้งซึ่งความหวังความฝันของตัวเอง จงรู้จักรักตัวเอง อย่าได้ไปแคร์หรือใส่ใจในความรู้สึกของผู้อื่นหรือผู้คนในสังคมให้มันมากมายนัก เพราะไม่มีใครรู้จักเรารักเราเท่ากับตัวของเราเองหรอกนะ อย่าได้ไปหลงใหลไปตามสังคมหรือผู้อื่นที่ไหลไปตามกระแสต่างๆให้มันมากมายนัก จงเป็นตัวของตัวเองอย่างดีที่สุดนั่นล่ะดีแล้ว และท้ายที่สุดนี้ฉันก็อยากจะบอกกับคุณว่าความดีเท่านั้นที่จะเป็นเสมือนที่พึ่งสุดท้ายของเรา จงสั่งสมความดีไว้ให้มากๆ เพราะมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถทำให้ชีวิตของคุณนั้นดำเนินไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ความดีที่เรามีอยู่นั้นจะชักนำพาสิ่งที่ดีๆในชีวิตของเรานั้นดำเนินไปในแนวทางที่เราต้องการปรารถนาอย่างแน่นอน ก็ค่อยๆทำไปทีละนิดทีละหน่อยทีละน้อย สั่งสมมันไว้ให้มากๆเข้าไว้ แล้วสักวันมันต้องมีวันของเรา วันที่เรามีความสุขที่สุดในชีวิตนี้ของเรานั่นเอง ซึ่งในตอนแรกๆมันอาจจะยากสักหน่อยหนึ่ง แต่พอทำไปมากๆเข้าแล้วมันก็จะชินไปเอง และสบายแถมทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ก็ค่อยๆพยายามทำไปเนาะ สักวันมันคงมีวันของเรา สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน ฉันขอให้คุณจงประสบความสำเร็จในชีวิตและโชคดีตลอดไปนะ โชคดีล่ะนะ
    Hi’Everyone.I’m Danger.I want to say everyone to have faith.Faith to important for everyone.Because Have faith,Still have life too.You must to abandon the faith of your.Because,It will do you to die from humanity.And,It will do you to stronger than past.Because we have present,We have future too. Then you have future.Everything will come to you.Good luck to you.From me your best friend.
    จากความหวังของฉัน สู่แรงบันดาลใจให้ผู้อื่น สวัสดีทุกคน ฉันมีเรื่องมาระบายความในใจ คนเราทุกคนล้วนต้องต่อสู้ ต่อสู้กับสิ่งต่างๆมามากมาย ฉันต่อสู้มานานแล้ว โดยเฉพาะกับมารในตัวเอง และบ่อยครั้งที่มารภายในตัวเองนั้นมีชัยเหนือกว่า และมันก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีอยู่นั้นแตกสลายไป บ้างก็เสียหาย บ้างก็ตาย แต่ไม่ว่าจะมีสิ่งใดที่หายตายจากไป ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ ยังมีตัวตนอยู่ สิ่งที่ฉันปรารถนาสูงสุดในชีวิตนี้นั้นก็คือ การหลุดพ้น หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดกับวงจรบ้าบอที่มันเกิดตายไม่รู้จักจบจักสิ้น หลุดพ้นจากทุกสิ่งที่มันทำให้ฉันต้องเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลา แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ฉันยังต้องทำอยู่ก่อนที่จะตาย นั่นคือการช่วยเหลือคนที่เค้าเป็นอย่างฉัน เจ็บปวดอย่างฉัน แต่ดูๆแล้วคงไม่มีหรอกมั้ง คนอย่างฉัน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าฉันนั้นมันเป็นตัวประหลาด เป็นตัวแปลกแยก แตกต่างจากคนอื่น แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะบางครั้งคนเราก็มีช่วงเวลาที่ท้อแท้สิ้นหวังหมดกำลังใจในชีวิตนี้ ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาต่างๆที่ตนเองนั้นต้องเผชิญพบเจอได้อย่างไรได้ บางครั้งถึงกับคิดสั้น คิดที่จะฆ่าตัวตายไปให้มันพ้นๆจากโลกใบนี้ที่มันแสนจะทารุณก็ตามที ฉันเข้าใจในตัวคุณดี เพราะว่าฉันก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกันกับคุณ และก็มีหลายครั้งมากๆด้วย แต่การฆ่าตัวตายนั้นมันไม่ใช่ทางออกที่ดูดีนักสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานในโลกนี้ไปก็ตามที แต่ก็ใช่ว่าในโลกหน้าชาติภพหน้าต่อไปของคุณนั้นจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานต่างๆเหล่านั้นได้อีก มันไม่ใช่ทางออกที่ดีและถูกต้องตรงจุดต้นเหตุสาเหตูที่แท้จริงของคุณที่คุณมีอยู่ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็ยังยกย่องพวกคุณที่ได้ฆ่าตัวตายสำเร็จทุกๆท่านมากมายอย่างยิ่งยวด เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ได้ไปทำร้ายใครไม่ได้ไปฆ่าใครเค้า และก็ยังมีความกล้าหาญเป็นอย่างยิ่งอีกด้วยที่คุณทำได้สำเร็จ แต่มันไม่ดี ในเมื่อไม่มีใครรักเราเลยสักคน อย่างน้อยๆเราก็ควรที่จะรู้จักรักตัวเราเอง ช่างหัวคนที่มันไม่รักเราไม่เข้าใจเรา พวกนั้นมันก็แค่ไอ้อีพวกผู้คนเห็นแก่ตัวเลวระยำกลุ่มหนึ่งสังคมหนึ่งในหมู่คนมากมาย คุณไม่ต้องไปสนใจใส่ใจพวกมัน ไม่ต้องไปเอาใจเราไปใส่ใจสนใจความรู้สึกของพวกมัน มันไม่เป็นอย่างเรามันไม่เคยเจ็บปวดอย่างเรา มันย่อมไม่รู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร ทนทุกข์ทรมานมากมายแค่ไหนเพียงไร คนเราในทุกวันนี้มันขาดศีลขาดธรรม ขาดความดีงาม ขาดความจริงใจ และก็ขาดจิตใจจิตวิญญาณกันทั้งนั้น ทุกวันนี้พวกมันก็เหมือนกับซากศพซอมบี้เดินได้เข้าไปกันทุกวันๆ ผู้คนมีมากมาย แต่คนดีไม่มีเลย แทบจะหาไม่ได้แล้วในโลกอันเสื่อมทรามโสมมใบนี้ เป็นพันธุ์หายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์เข้าไปทุกทีๆ ความหวังและกำลังใจเป็นสิ่งที่มีค่ามากมายยิ่งนัก มากมายยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก นั่นก็เพราะว่าเรามีความหวังอยู่ เราถึงยังปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในวันข้างหน้า แม้ว่าความหวังนี้นั้นมันเหมือนว่ามันจะมีอยู่ริบหรี่ก็ตามที แต่มันก็เป็นความหวัง และผู้ที่ทำลายความหวังของผู้อื่นนั้น ถือว่าเป็นคนที่ฆ่าเค้าทางอ้อมเลยก็ว่าได้ วิธีที่จะทำให้คนเราได้มีความหวังได้นั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน เช่น การให้กำลังใจให้กับคนที่ท้อแท้สิ้นหวังในเวลาที่เค้าต้องการกำลังใจมากที่สุด การให้ทานแก่สรรพสัตว์น้อยใหญ่ที่เราได้ไปพบเห็นพบเจอในที่ต่างๆ โดยเฉพาะเวลาที่เค้าหิวหรือต้องการสิ่งเล็กๆน้อยๆจากใครสักคนมากที่สุด เช่น การให้อาหาร การให้ยารักษาโรค การให้เสื้อผ้าอุ่นๆสักตัวสักผืนเพื่อให้เค้าได้หายคลายจากอาการหนาวร้อนต่างๆ การให้ตังค์กับคนขอทานที่เค้าต้องการนำเงินนั้นไปซื้อของที่เค้าต้องการที่สุดในชีวิตในขณะนั้นมากที่สุด และอื่นๆอีกมากมายหลากหลายรูปแบบ การชื่นชมยินดีกับเค้าในเรื่องที่เค้าทำสำเร็จแม้ว่าเรื่องนั้นๆที่เค้าทำมันจะดูง่ายๆสำหรับเราก็ตามที แต่โดยส่วนรวมแล้วมันก็คือการแบ่งปันน้ำใจให้กับผู้อื่น การไม่ไปซ้ำเติมผู้อื่นเค้าที่เค้าต้องประสบพบเจอกับปัญหาต่างๆในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เราสามารถทำให้กันและกันได้นั่นเอง และก็ยังมีวิธีอื่นๆอีกมากมายหลากหลายวิธีซึ่งแล้วแต่ทุกท่านจะสามารถคิดและให้กันได้ สรุปโดยรวมแล้วสิ่งที่ฉันอยากจะบอกกล่าวกับคุณก็คือ จงอย่าละทิ้งซึ่งความหวังความฝันของตัวเอง จงรู้จักรักตัวเอง อย่าได้ไปแคร์หรือใส่ใจในความรู้สึกของผู้อื่นหรือผู้คนในสังคมให้มันมากมายนัก เพราะไม่มีใครรู้จักเรารักเราเท่ากับตัวของเราเองหรอกนะ อย่าได้ไปหลงใหลไปตามสังคมหรือผู้อื่นที่ไหลไปตามกระแสต่างๆให้มันมากมายนัก จงเป็นตัวของตัวเองอย่างดีที่สุดนั่นล่ะดีแล้ว และท้ายที่สุดนี้ฉันก็อยากจะบอกกับคุณว่าความดีเท่านั้นที่จะเป็นเสมือนที่พึ่งสุดท้ายของเรา จงสั่งสมความดีไว้ให้มากๆ เพราะมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถทำให้ชีวิตของคุณนั้นดำเนินไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ความดีที่เรามีอยู่นั้นจะชักนำพาสิ่งที่ดีๆในชีวิตของเรานั้นดำเนินไปในแนวทางที่เราต้องการปรารถนาอย่างแน่นอน ก็ค่อยๆทำไปทีละนิดทีละหน่อยทีละน้อย สั่งสมมันไว้ให้มากๆเข้าไว้ แล้วสักวันมันต้องมีวันของเรา วันที่เรามีความสุขที่สุดในชีวิตนี้ของเรานั่นเอง ซึ่งในตอนแรกๆมันอาจจะยากสักหน่อยหนึ่ง แต่พอทำไปมากๆเข้าแล้วมันก็จะชินไปเอง และสบายแถมทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ก็ค่อยๆพยายามทำไปเนาะ สักวันมันคงมีวันของเรา สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน ฉันขอให้คุณจงประสบความสำเร็จในชีวิตและโชคดีตลอดไปนะ โชคดีล่ะนะ Hi’Everyone.I’m Danger.I want to say everyone to have faith.Faith to important for everyone.Because Have faith,Still have life too.You must to abandon the faith of your.Because,It will do you to die from humanity.And,It will do you to stronger than past.Because we have present,We have future too. Then you have future.Everything will come to you.Good luck to you.From me your best friend.
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • เมื่อเรารักตัวเองมากพอ
    และมองโลก
    ในแง่ดีอยู่เสมอ
    ชีวิตจะค่อยๆดึงดูด
    เรื่องราวดีๆเข้ามา

    จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    เมื่อเรารักตัวเองมากพอ และมองโลก ในแง่ดีอยู่เสมอ ชีวิตจะค่อยๆดึงดูด เรื่องราวดีๆเข้ามา จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • อย่าลืมว่า
    เรารักคนอื่น
    ได้มากเท่าไหร่
    เราต้องรักตัวเอง
    ให้ได้ไม่น้อยไปกว่ากัน

    จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    อย่าลืมว่า เรารักคนอื่น ได้มากเท่าไหร่ เราต้องรักตัวเอง ให้ได้ไม่น้อยไปกว่ากัน จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • รักตัวเอง.....
    Cr.Wiwan
    รักตัวเอง..... Cr.Wiwan
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • สุขนิยมอุ๊งอิ๊ง ไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน

    ฉายารัฐบาลประจำปี 2567 รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง" ฉายา "แพทองโพย" และวาทะแห่งปี "สามีเป็นคนใต้" ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เจ้าตัวจะใจดีสู้เสือยังยิ้มได้ หยอกล้อกับสื่ออย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพดไม่ได้ใช้โพย ทำไมถึงเป็นโพย โพยคือกระดาษใช่ไหม" และยืนยันว่าไม่โกรธ จะโกรธอะไร

    เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. แพทองธารกล่าวทำนองว่า ต้องหัดมองมุมที่ดีบ้าง ถ้าต้องดรามาทะเลาะกันอย่างนั้นเหนื่อย อยากให้ทุกคนคิดว่าทำงานมา 1 ปีมีความสุขอะไรบ้าง ภูมิใจในตัวเองเรื่องอะไรบ้าง และอยากปรับปรุงอะไร อย่าไปบี้ตัวเองหรือทำให้รู้สึกว่าแย่ และอย่าไปเครียดมาก เพราะมีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว

    "เป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิตตั้งแต่เด็ก ที่เจอเรื่องการเมืองหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าให้นึกว่าเกลียดใครจริงๆ นึกไม่ออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เกลียดแล้วเหนื่อย รู้สึกว่าไม่ต้องเกลียดหรอก สมมติถ้าเราไม่ชอบ หรือเรากับบุคคลนั้นไปกันไม่ได้ก็แค่ถอยออกมา จะไปเกลียดไม่ชอบใคร มันเหนื่อย"

    แม้แพทองธารจะไม่ทราบว่ามีภูมิต้านทานทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ชอบตรงไหนก็ถอยออกมาอยู่ในจุดที่ลงตัว มีความสุข และเป็นประโยชน์ได้ก็อยู่ตรงนั้น อย่าไปเกลียดใครมากมันเหนื่อย

    วันต่อมาในงานเลี้ยงสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า อยากให้เข้าใจคาแรกเตอร์ส่วนตัว เป็นคนตรงๆ อาจจะดูโผงผาง พูดตรง เสียงดัง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร ถ้าไม่ชอบหรือไม่แฮปปี้ ก็บอกไปแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก พร้อมกล่าวติดตลกว่า "หน้าอาจจะเหลี่ยมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย"

    "อยากให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆวัน แม้บางวันที่มันยาก บางวันที่ไม่น่าจะมีความสุขเลยก็น่าจะหาความสุขให้ได้ในวันนั้น เพื่อรักษาใจตัวเองให้วันต่อไป ... เราเริ่มจากอะไรเล็กๆ ใกล้ๆ ตัวก่อน รักตัวเองให้ได้เพื่อจะมีแรงไปรักคนอื่น มีแรงไปทำดีให้คนอื่น ขอให้มีพลังบวกแบบนี้ไปเยอะๆ แต่อย่าบวกกันเยอะ"

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. มีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวบทความว่า "ประเทศในมือนายกฯ ฟันน้ำนม" ว่ากันว่าแพทองธารไม่พอใจคำว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม" อย่างมาก ทีมงานนายกรัฐมนตรี วิม รุ่งวัฒนจินดา จี้ให้ลบบทความออกจากเว็บไซต์ สุดท้ายบทความนั้นหายไปจากระบบ

    แต่วันนี้ท่าทีที่ออกมาดูแตกต่างกันพอสมควร มองจากภายนอกเสมือนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรในฐานะบุคคลสาธารณะ ส่วนจะเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะไม่ได้อยู่คฤหาสน์หรูย่านนวมินทร์-รามอินทรา

    #Newskit
    สุขนิยมอุ๊งอิ๊ง ไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน ฉายารัฐบาลประจำปี 2567 รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง" ฉายา "แพทองโพย" และวาทะแห่งปี "สามีเป็นคนใต้" ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เจ้าตัวจะใจดีสู้เสือยังยิ้มได้ หยอกล้อกับสื่ออย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพดไม่ได้ใช้โพย ทำไมถึงเป็นโพย โพยคือกระดาษใช่ไหม" และยืนยันว่าไม่โกรธ จะโกรธอะไร เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. แพทองธารกล่าวทำนองว่า ต้องหัดมองมุมที่ดีบ้าง ถ้าต้องดรามาทะเลาะกันอย่างนั้นเหนื่อย อยากให้ทุกคนคิดว่าทำงานมา 1 ปีมีความสุขอะไรบ้าง ภูมิใจในตัวเองเรื่องอะไรบ้าง และอยากปรับปรุงอะไร อย่าไปบี้ตัวเองหรือทำให้รู้สึกว่าแย่ และอย่าไปเครียดมาก เพราะมีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว "เป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิตตั้งแต่เด็ก ที่เจอเรื่องการเมืองหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าให้นึกว่าเกลียดใครจริงๆ นึกไม่ออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เกลียดแล้วเหนื่อย รู้สึกว่าไม่ต้องเกลียดหรอก สมมติถ้าเราไม่ชอบ หรือเรากับบุคคลนั้นไปกันไม่ได้ก็แค่ถอยออกมา จะไปเกลียดไม่ชอบใคร มันเหนื่อย" แม้แพทองธารจะไม่ทราบว่ามีภูมิต้านทานทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ชอบตรงไหนก็ถอยออกมาอยู่ในจุดที่ลงตัว มีความสุข และเป็นประโยชน์ได้ก็อยู่ตรงนั้น อย่าไปเกลียดใครมากมันเหนื่อย วันต่อมาในงานเลี้ยงสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า อยากให้เข้าใจคาแรกเตอร์ส่วนตัว เป็นคนตรงๆ อาจจะดูโผงผาง พูดตรง เสียงดัง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร ถ้าไม่ชอบหรือไม่แฮปปี้ ก็บอกไปแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก พร้อมกล่าวติดตลกว่า "หน้าอาจจะเหลี่ยมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย" "อยากให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆวัน แม้บางวันที่มันยาก บางวันที่ไม่น่าจะมีความสุขเลยก็น่าจะหาความสุขให้ได้ในวันนั้น เพื่อรักษาใจตัวเองให้วันต่อไป ... เราเริ่มจากอะไรเล็กๆ ใกล้ๆ ตัวก่อน รักตัวเองให้ได้เพื่อจะมีแรงไปรักคนอื่น มีแรงไปทำดีให้คนอื่น ขอให้มีพลังบวกแบบนี้ไปเยอะๆ แต่อย่าบวกกันเยอะ" ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. มีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวบทความว่า "ประเทศในมือนายกฯ ฟันน้ำนม" ว่ากันว่าแพทองธารไม่พอใจคำว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม" อย่างมาก ทีมงานนายกรัฐมนตรี วิม รุ่งวัฒนจินดา จี้ให้ลบบทความออกจากเว็บไซต์ สุดท้ายบทความนั้นหายไปจากระบบ แต่วันนี้ท่าทีที่ออกมาดูแตกต่างกันพอสมควร มองจากภายนอกเสมือนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรในฐานะบุคคลสาธารณะ ส่วนจะเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะไม่ได้อยู่คฤหาสน์หรูย่านนวมินทร์-รามอินทรา #Newskit
    Like
    Angry
    3
    0 Comments 0 Shares 940 Views 0 Reviews
  • ทำงานมาทั้งชีวิตเพื่อผู้อื่น…จนลืมรักตัวเองไป…
    ทำงานมาทั้งชีวิตเพื่อผู้อื่น…จนลืมรักตัวเองไป…
    0 Comments 0 Shares 258 Views 4 0 Reviews
  • การที่เรารักคนอื่น
    และรักตัวเองได้ดีขึ้น
    หากเราเรียนรู้และเติบโต
    จากบทเรียนเช่นนี้ของความรัก
    จะไม่มีความสัมพันธ์ใดที่เกิดขึ้น
    และจบลงอย่างสูญเปล่า

    จากหนังสือ |แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น
    การที่เรารักคนอื่น และรักตัวเองได้ดีขึ้น หากเราเรียนรู้และเติบโต จากบทเรียนเช่นนี้ของความรัก จะไม่มีความสัมพันธ์ใดที่เกิดขึ้น และจบลงอย่างสูญเปล่า จากหนังสือ |แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น
    0 Comments 0 Shares 269 Views 0 Reviews
  • คนที่มีความสุขในชีวิต
    ไม่ใช่คนที่มีใครๆ
    อยู่ข้างกายมากมาย
    แต่คือคนที่อยู่กับตัวเองได้
    และเป็นคนที่รักตัวเองเป็น

    จากหนังสือ |แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น
    คนที่มีความสุขในชีวิต ไม่ใช่คนที่มีใครๆ อยู่ข้างกายมากมาย แต่คือคนที่อยู่กับตัวเองได้ และเป็นคนที่รักตัวเองเป็น จากหนังสือ |แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น
    0 Comments 0 Shares 233 Views 0 Reviews
  • การ #รักตัวเอง จาก 5 Speakers #เกลา
    🧡 คุณหมอนัท ณัฐพล วาสิกดิลก
    🧡 คุณป้อม หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล
    🧡 คุณรุ้ง ราวรรณ โทนะหงษา
    🧡 คุณนุ่น สินิทธา บุญยศักดิ์
    🧡 คุณแพท รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย
    🎯 https://youtu.be/xUyHBykMCs8
    การ #รักตัวเอง จาก 5 Speakers #เกลา 🧡 คุณหมอนัท ณัฐพล วาสิกดิลก 🧡 คุณป้อม หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล 🧡 คุณรุ้ง ราวรรณ โทนะหงษา 🧡 คุณนุ่น สินิทธา บุญยศักดิ์ 🧡 คุณแพท รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย 🎯 https://youtu.be/xUyHBykMCs8
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • รักตัวเองในทางที่ถูก: หลักกรรมและความสุขแท้จริงรักตัวเองในทางที่ถูก คืออะไร?การรักตัวเองในทางที่ถูก ไม่ใช่การตามใจตัวเอง หรือทำทุกอย่างให้ตัวเองสบายในปัจจุบัน แต่คือการไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตถ้าไม่อยากเดือดร้อนในแบบใด จงอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนในแบบนั้นถ้าอยากมีความสุข จงทำให้คนอื่นมีความสุขแบบเดียวกับที่คุณต้องการนี่คือ ‘หลักการของกรรม’ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้:"ทำอย่างไรกับคนอื่น สิ่งนั้นจะย้อนกลับมาสู่ตัวเอง"ดังนั้น ทุกการกระทำต่อผู้อื่น แท้จริงแล้วคือการกระทำต่อตนเอง---เสียสละเพื่อผู้อื่น เท่ากับให้คุณค่าตัวเองบางคนอุทิศตนให้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน รู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงจากการให้การทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับมา คือการสะท้อนถึงจิตใจที่บริสุทธิ์จิตใจที่เต็มใจให้คนอื่น คือจิตใจที่เต็มไปด้วยบุญ และความสุขภายในทำเพื่อคนอื่น คือทำเพื่อตัวเองเมื่อคุณช่วยเหลือหรือสร้างความสุขให้คนอื่น สิ่งนั้นกลับมาให้คุณอย่างทวีคูณ:ความสุขที่คุณให้ คือการสร้างเส้นทางชีวิตของตัวเองให้เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบการเบียดเบียนหรือทำร้ายผู้อื่น คือการโรยหนามกุหลาบไว้บนเส้นทางของตัวเอง---กรรมสองด้าน: กลีบกุหลาบและหนามกุหลาบบุญ เปรียบเสมือนกลีบกุหลาบ: นุ่มนวล ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่นบาป เปรียบเสมือนหนามกุหลาบ: แหลมคม ทิ่มแทงให้เกิดความเจ็บปวดการเลือกกระทำกรรมใดในปัจจุบัน เป็นตัวกำหนดเส้นทางในอนาคตของเราเองหากเราเลือกสร้างบุญและไม่เบียดเบียนใคร เส้นทางในวันข้างหน้าจะอ่อนโยนและสว่างไสวหากเราเลือกสร้างบาป ความยากลำบากและทุกข์ย่อมรออยู่---สรุป:การรักตัวเองในทางที่ถูก คือการมีเมตตาและไม่เบียดเบียนผู้อื่น เพราะทุกสิ่งที่คุณทำต่อคนอื่น แท้จริงแล้วคือการทำต่อตนเองชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เริ่มต้นจากจิตที่เปี่ยมด้วยบุญชีวิตที่เต็มไปด้วยหนามกุหลาบ เริ่มต้นจากจิตที่เบียดเบียนและขาดเมตตาเลือกวันนี้ที่จะรักตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยการให้และช่วยเหลือผู้อื่น เพราะสิ่งนั้นจะนำคุณไปสู่เส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและความสงบในที่สุด!
    รักตัวเองในทางที่ถูก: หลักกรรมและความสุขแท้จริงรักตัวเองในทางที่ถูก คืออะไร?การรักตัวเองในทางที่ถูก ไม่ใช่การตามใจตัวเอง หรือทำทุกอย่างให้ตัวเองสบายในปัจจุบัน แต่คือการไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตถ้าไม่อยากเดือดร้อนในแบบใด จงอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนในแบบนั้นถ้าอยากมีความสุข จงทำให้คนอื่นมีความสุขแบบเดียวกับที่คุณต้องการนี่คือ ‘หลักการของกรรม’ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้:"ทำอย่างไรกับคนอื่น สิ่งนั้นจะย้อนกลับมาสู่ตัวเอง"ดังนั้น ทุกการกระทำต่อผู้อื่น แท้จริงแล้วคือการกระทำต่อตนเอง---เสียสละเพื่อผู้อื่น เท่ากับให้คุณค่าตัวเองบางคนอุทิศตนให้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน รู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงจากการให้การทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับมา คือการสะท้อนถึงจิตใจที่บริสุทธิ์จิตใจที่เต็มใจให้คนอื่น คือจิตใจที่เต็มไปด้วยบุญ และความสุขภายในทำเพื่อคนอื่น คือทำเพื่อตัวเองเมื่อคุณช่วยเหลือหรือสร้างความสุขให้คนอื่น สิ่งนั้นกลับมาให้คุณอย่างทวีคูณ:ความสุขที่คุณให้ คือการสร้างเส้นทางชีวิตของตัวเองให้เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบการเบียดเบียนหรือทำร้ายผู้อื่น คือการโรยหนามกุหลาบไว้บนเส้นทางของตัวเอง---กรรมสองด้าน: กลีบกุหลาบและหนามกุหลาบบุญ เปรียบเสมือนกลีบกุหลาบ: นุ่มนวล ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่นบาป เปรียบเสมือนหนามกุหลาบ: แหลมคม ทิ่มแทงให้เกิดความเจ็บปวดการเลือกกระทำกรรมใดในปัจจุบัน เป็นตัวกำหนดเส้นทางในอนาคตของเราเองหากเราเลือกสร้างบุญและไม่เบียดเบียนใคร เส้นทางในวันข้างหน้าจะอ่อนโยนและสว่างไสวหากเราเลือกสร้างบาป ความยากลำบากและทุกข์ย่อมรออยู่---สรุป:การรักตัวเองในทางที่ถูก คือการมีเมตตาและไม่เบียดเบียนผู้อื่น เพราะทุกสิ่งที่คุณทำต่อคนอื่น แท้จริงแล้วคือการทำต่อตนเองชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เริ่มต้นจากจิตที่เปี่ยมด้วยบุญชีวิตที่เต็มไปด้วยหนามกุหลาบ เริ่มต้นจากจิตที่เบียดเบียนและขาดเมตตาเลือกวันนี้ที่จะรักตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยการให้และช่วยเหลือผู้อื่น เพราะสิ่งนั้นจะนำคุณไปสู่เส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและความสงบในที่สุด!
    0 Comments 0 Shares 421 Views 0 Reviews
  • อย่าไปห่วงว่าใครจะรักไม่รัก รักตัวเองแล้วลงมือทำดี ทำบุญไว้ ใส่ใจตัวเอง ดูจิตตัวเอง
    อย่าไปห่วงว่าใครจะรักไม่รัก รักตัวเองแล้วลงมือทำดี ทำบุญไว้ ใส่ใจตัวเอง ดูจิตตัวเอง
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • การเติมเต็มคุณค่าในตัวเอง
    เป็นสิ่งที่เริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนนี้
    ลองรักตัวเองโดยไร้ข้อแม้ดูสิ
    ไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ
    เพราะจิตใจที่รักตัวเอง
    ก็คือการเห็นคุณค่าในตัวเอง

    จากหนังสือ |แด่เธอผู้พยายามอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็น

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #แด่เธอผู้พยายามอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็น
    การเติมเต็มคุณค่าในตัวเอง เป็นสิ่งที่เริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนนี้ ลองรักตัวเองโดยไร้ข้อแม้ดูสิ ไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ เพราะจิตใจที่รักตัวเอง ก็คือการเห็นคุณค่าในตัวเอง จากหนังสือ |แด่เธอผู้พยายามอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็น #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #แด่เธอผู้พยายามอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็น
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • ทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆเถอะ
    อย่าทำทุกสิ่งเพื่อให้คนอื่นรักเรา
    แต่ทำให้เราไม่รักตัวเอง
    อย่าแบกรับความคาดหวังของคนอื่น
    ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากเป็น
    และมีความสุขดีกว่า
    คนที่จะอยู่กับเราไปตลอดคือตัวเรา
    และคนที่เราควรแบกรับ
    ความฝันของเขามากที่สุด
    ก็คือตัวเราเช่นกัน

    จากหนังสือ |ทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง
    ทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆเถอะ อย่าทำทุกสิ่งเพื่อให้คนอื่นรักเรา แต่ทำให้เราไม่รักตัวเอง อย่าแบกรับความคาดหวังของคนอื่น ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากเป็น และมีความสุขดีกว่า คนที่จะอยู่กับเราไปตลอดคือตัวเรา และคนที่เราควรแบกรับ ความฝันของเขามากที่สุด ก็คือตัวเราเช่นกัน จากหนังสือ |ทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง
    0 Comments 0 Shares 486 Views 0 Reviews
  • อย่าพึ่งคิดว่าเรา สำคัญ ถึงขั้นองค์กรที่ทำงาน จะขาดเราไม่ได้วันนี้เราทำงานจนป่วย หรือแก่จนทำงานไม่ไหวมันง่ายมาก เขาก็แค่ หาคนใหม่มาทำแทนเราไม่มีคำว่าบุญคุณฝ่ายเดียวจริงๆหรอก เพราะเขาจ้างเราด้วยเงินส่วนเรา ก็ใช้แรงกายแลกกับมันมาถ้าเราเหนื่อยมากๆ เครียดมากๆวันไหนญาติที่บ้านป่วย หรือวันไหนอยากออกไปเที่ยวในที่ ที่อยากไปบ้างก็ลาเถอะ งานมันไม่ได้สำคัญที่สุดหรอกเพราะที่ทำงานขาดเราได้เสมอแต่ที่หนึ่ง ที่ขาดเราไม่ได้เลย ก็คือ คนที่รออยู่ที่บ้าน รักงานได้ แต่ต้องรักตัวเองให้มากกว่างานเสมอ .............................................หนังสือเลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข
    อย่าพึ่งคิดว่าเรา สำคัญ ถึงขั้นองค์กรที่ทำงาน จะขาดเราไม่ได้วันนี้เราทำงานจนป่วย หรือแก่จนทำงานไม่ไหวมันง่ายมาก เขาก็แค่ หาคนใหม่มาทำแทนเราไม่มีคำว่าบุญคุณฝ่ายเดียวจริงๆหรอก เพราะเขาจ้างเราด้วยเงินส่วนเรา ก็ใช้แรงกายแลกกับมันมาถ้าเราเหนื่อยมากๆ เครียดมากๆวันไหนญาติที่บ้านป่วย หรือวันไหนอยากออกไปเที่ยวในที่ ที่อยากไปบ้างก็ลาเถอะ งานมันไม่ได้สำคัญที่สุดหรอกเพราะที่ทำงานขาดเราได้เสมอแต่ที่หนึ่ง ที่ขาดเราไม่ได้เลย ก็คือ คนที่รออยู่ที่บ้าน รักงานได้ แต่ต้องรักตัวเองให้มากกว่างานเสมอ .............................................หนังสือเลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • #เบิ๊ดคำสิว่าวกับดวยหัวK
    เป็นไรมากป่ะเด สนธิประกาศสุดซอย
    เดย์แปลออกป่ะ ได้ข่าวปี 68 จะไม่ว่างนะ
    ยาวๆไป ยาวๆไป เลือกจะเล่นใหญ่
    ใจมันต้องนิ่งนะเด ทำร้อนรนจะไปเกาะกูดต่ออีก
    เลือกเล่นแต่ละคน เหมือนไม่รักตัวเองเลย
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เบิ๊ดคำสิว่าวกับดวยหัวK เป็นไรมากป่ะเด สนธิประกาศสุดซอย เดย์แปลออกป่ะ ได้ข่าวปี 68 จะไม่ว่างนะ ยาวๆไป ยาวๆไป เลือกจะเล่นใหญ่ ใจมันต้องนิ่งนะเด ทำร้อนรนจะไปเกาะกูดต่ออีก เลือกเล่นแต่ละคน เหมือนไม่รักตัวเองเลย ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 Comments 0 Shares 573 Views 0 Reviews
More Results