• BEM x SIEMENS เรารู้กันอยู่ 3 ตู้...3 ตู้เท่านั้น

    เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มบริษัทซีเมนส์ โมบิลิตี้ ประเทศเยอรมนี ได้รับการว่าจ้างจาก บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ให้ดำเนินโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey) ของระบบเครื่องกลและไฟฟ้าในโครงการรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายสีส้ม บางขุนนนท์-มีนบุรี ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร ครอบคลุมการส่งมอบขบวนรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้ 32 ขบวน รวมถึงการบูรณาการระบบเครื่องกลและไฟฟ้า พร้อมสัญญาซ่อมบำรุง

    และโครงการปรับปรุงรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน หลักสอง-ท่าพระ ระยะทาง 48 กิโลเมตร ครอบคลุมการส่งมอบรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้เพิ่มเติม 21 ขบวน รวมถึงการปรับปรุงระบบเครื่องกลและไฟฟ้าเดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความถี่การเดินรถพร้อมสัญญาซ่อมบำรุง อีกทั้งยังได้เซ็นสัญญาการบำรุงรักษาครบวงจรสำหรับขบวนรถไฟใหม่ที่เพิ่มเติมมา รวมถึงการขยายสัญญาการบำรุงรักษาครบวงจรที่มีอยู่เดิม สิ้นสุดสัญญาในปี 2582

    มีคนสงสัยว่าทำไม BEM ยังคงใช้ขบวนรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้ กับสายสีน้ำเงินและสายสีส้ม ทั้งๆ ที่คู่แข่งอย่างรถไฟฟ้าบีทีเอสได้เพิ่มตู้รถไฟฟ้าของซีเมนส์จากแบบ 3 ตู้ เป็น 4 ตู้ทั้ง 35 ขบวน ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงก็มีทั้ง 4 ตู้ต่อขบวน และ 6 ตู้ต่อขบวน คำตอบอย่างไม่เป็นทางการก็คือ ต้องไปแก้ไขระบบอาณัติสัญญาณ (Signaling) และประตูกั้นชานชาลา (PSD) ถ้าเพิ่มขบวนรถไม่ต้องแก้ไข และช่วยเพิ่มความถี่ให้ผู้โดยสารไม่ต้องรอนาน

    ในตอนหนึ่งการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น BEM ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2567 ชี้แจงว่าเนื่องจากสายทางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) มีจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานีร่วม ดังนั้นเมื่อรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกเปิดให้บริการในปี 2571 จะส่งต่อผู้โดยสารจำนวนมากเข้าสู่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องจัดหาขบวนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มเติมอีก 21 ขบวน และปรับปรุงระบบที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการให้บริการทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยมีแนวทางในการจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้าแบบ 3 ตู้ประกอบต่อขบวน ซึ่งจะสามารถเพิ่มความถี่ในการให้บริการมากขึ้น มีความยืดหยุ่นได้ตลอดเส้นทาง ไม่เกิดผลกระทบต่อการให้บริการเดินรถในช่วงปรับปรุงระบบรถไฟฟ้า

    อนึ่ง ปัจจุบันรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินมีทั้งหมด 54 ขบวน แบ่งเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรก 19 ขบวน และรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ 35 ขบวน ขบวนละ 3 ตู้ หากมีขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มเติม 21 ขบวน จะทำให้มีรถไฟฟ้ารวม 75 ขบวน

    #Newskit
    BEM x SIEMENS เรารู้กันอยู่ 3 ตู้...3 ตู้เท่านั้น เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มบริษัทซีเมนส์ โมบิลิตี้ ประเทศเยอรมนี ได้รับการว่าจ้างจาก บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ให้ดำเนินโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey) ของระบบเครื่องกลและไฟฟ้าในโครงการรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายสีส้ม บางขุนนนท์-มีนบุรี ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร ครอบคลุมการส่งมอบขบวนรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้ 32 ขบวน รวมถึงการบูรณาการระบบเครื่องกลและไฟฟ้า พร้อมสัญญาซ่อมบำรุง และโครงการปรับปรุงรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน หลักสอง-ท่าพระ ระยะทาง 48 กิโลเมตร ครอบคลุมการส่งมอบรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้เพิ่มเติม 21 ขบวน รวมถึงการปรับปรุงระบบเครื่องกลและไฟฟ้าเดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความถี่การเดินรถพร้อมสัญญาซ่อมบำรุง อีกทั้งยังได้เซ็นสัญญาการบำรุงรักษาครบวงจรสำหรับขบวนรถไฟใหม่ที่เพิ่มเติมมา รวมถึงการขยายสัญญาการบำรุงรักษาครบวงจรที่มีอยู่เดิม สิ้นสุดสัญญาในปี 2582 มีคนสงสัยว่าทำไม BEM ยังคงใช้ขบวนรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้ กับสายสีน้ำเงินและสายสีส้ม ทั้งๆ ที่คู่แข่งอย่างรถไฟฟ้าบีทีเอสได้เพิ่มตู้รถไฟฟ้าของซีเมนส์จากแบบ 3 ตู้ เป็น 4 ตู้ทั้ง 35 ขบวน ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงก็มีทั้ง 4 ตู้ต่อขบวน และ 6 ตู้ต่อขบวน คำตอบอย่างไม่เป็นทางการก็คือ ต้องไปแก้ไขระบบอาณัติสัญญาณ (Signaling) และประตูกั้นชานชาลา (PSD) ถ้าเพิ่มขบวนรถไม่ต้องแก้ไข และช่วยเพิ่มความถี่ให้ผู้โดยสารไม่ต้องรอนาน ในตอนหนึ่งการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น BEM ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2567 ชี้แจงว่าเนื่องจากสายทางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) มีจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานีร่วม ดังนั้นเมื่อรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกเปิดให้บริการในปี 2571 จะส่งต่อผู้โดยสารจำนวนมากเข้าสู่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องจัดหาขบวนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มเติมอีก 21 ขบวน และปรับปรุงระบบที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการให้บริการทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยมีแนวทางในการจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้าแบบ 3 ตู้ประกอบต่อขบวน ซึ่งจะสามารถเพิ่มความถี่ในการให้บริการมากขึ้น มีความยืดหยุ่นได้ตลอดเส้นทาง ไม่เกิดผลกระทบต่อการให้บริการเดินรถในช่วงปรับปรุงระบบรถไฟฟ้า อนึ่ง ปัจจุบันรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินมีทั้งหมด 54 ขบวน แบ่งเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรก 19 ขบวน และรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ 35 ขบวน ขบวนละ 3 ตู้ หากมีขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มเติม 21 ขบวน จะทำให้มีรถไฟฟ้ารวม 75 ขบวน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • กทม.เตรียมจ้างศึกษา TOR เดินหน้าเปิด PPP สัมทานสายสีเขียวหลังบีทีเอส หมดสัญญาปี 72 “วิศณุ”เผยรัฐซื้อคืนสัมปทานไม่กระทบ กทม.ศึกษาเพื่อเป็นทางเลือกสรุปรายละเอียด ไม่เกินก.ย. 68 สุดท้ายเสนอสคร.และครม.ตัดสินใจ

    นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ปัจจุบันอยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำร่างเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) ให้เป็นไปตามแนวของพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 (พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ) วงเงินค้างจ้าง 28 ล้านบาท ซึ่ง ได้รับจากข้อบัญญัติงบประมาณปี 2568 มีระยะเวลาศึกษาประมาณ 8 เดือน

    ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายที่ซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า จะมีผลกระทบต่อการศึกษา PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ นายวิศณุกล่าวว่า ไม่มีผลกระทบ เนื่องจากในการศึกษา PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถือเป็นทางเลือกในการดำเนินโครงการ และจะเป็นข้อมูลหนึ่งที่จะเข้ามาประกอบกับนโยบายรัฐบาลได้ และมองว่า ไม่มีผลกระทบหากมีการเปิดประมูล PPP สายสีเขียวในอนาคต เนื่องจากก่อนดำเนินการ กทม. จะต้องเสนอประเด็นนี้ให้กระทรวงมหาดไทยและ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) รับทราบ ซึ่งจะต้องมีการหารือกระทรวงคมนาคมด้วย ตอนนั้นก็อยู่ที่นโยบาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000118580

    #MGROnline #บีทีเอส #ซื้อคืนสัมปทาน
    กทม.เตรียมจ้างศึกษา TOR เดินหน้าเปิด PPP สัมทานสายสีเขียวหลังบีทีเอส หมดสัญญาปี 72 “วิศณุ”เผยรัฐซื้อคืนสัมปทานไม่กระทบ กทม.ศึกษาเพื่อเป็นทางเลือกสรุปรายละเอียด ไม่เกินก.ย. 68 สุดท้ายเสนอสคร.และครม.ตัดสินใจ • นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ปัจจุบันอยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำร่างเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) ให้เป็นไปตามแนวของพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 (พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ) วงเงินค้างจ้าง 28 ล้านบาท ซึ่ง ได้รับจากข้อบัญญัติงบประมาณปี 2568 มีระยะเวลาศึกษาประมาณ 8 เดือน ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายที่ซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า จะมีผลกระทบต่อการศึกษา PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ นายวิศณุกล่าวว่า ไม่มีผลกระทบ เนื่องจากในการศึกษา PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถือเป็นทางเลือกในการดำเนินโครงการ และจะเป็นข้อมูลหนึ่งที่จะเข้ามาประกอบกับนโยบายรัฐบาลได้ และมองว่า ไม่มีผลกระทบหากมีการเปิดประมูล PPP สายสีเขียวในอนาคต เนื่องจากก่อนดำเนินการ กทม. จะต้องเสนอประเด็นนี้ให้กระทรวงมหาดไทยและ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) รับทราบ ซึ่งจะต้องมีการหารือกระทรวงคมนาคมด้วย ตอนนั้นก็อยู่ที่นโยบาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000118580 • #MGROnline #บีทีเอส #ซื้อคืนสัมปทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันอังคาร: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (12 November 2024)

    บรรยากาศ การทำบุญตักบาตรในวันนี้
    สถานีบีทีเอส บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
    วันอังคาร: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (12 November 2024) บรรยากาศ การทำบุญตักบาตรในวันนี้ สถานีบีทีเอส บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันอังคาร: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (12 November 2024)

    บรรยากาศ การทำบุญตักบาตรในวันนี้
    สถานีบีทีเอส บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
    วันอังคาร: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (12 November 2024) บรรยากาศ การทำบุญตักบาตรในวันนี้ สถานีบีทีเอส บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันอังคาร: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (12 November 2024)

    บรรยากาศ การทำบุญตักบาตรในวันนี้
    สถานีบีทีเอส บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
    วันอังคาร: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (12 November 2024) บรรยากาศ การทำบุญตักบาตรในวันนี้ สถานีบีทีเอส บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันอังคาร: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (12 November 2024)

    บรรยากาศ การทำบุญตักบาตรในวันนี้
    สถานีบีทีเอส บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
    วันอังคาร: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (12 November 2024) บรรยากาศ การทำบุญตักบาตรในวันนี้ สถานีบีทีเอส บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nex Express อำลารถทัวร์โคราช

    หลังจากให้บริการมากว่า 3 ปี ในที่สุด บริษัท เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส จำกัด ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารประจำทาง ประกาศหยุดเส้นทางเดินรถโดยสาร สาย 21 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เป็นต้นไป แม้บริษัทฯ จะไม่ระบุเหตุผลใดๆ แต่เป็นที่เข้าใจกันดีว่าไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการเจ้าตลาดได้ อีกทั้งประสบภาวะขาดทุน จากผลกระทบของสถานการณ์โควิด 19 กระทั่งไม่สามารถให้บริการต่อไปได้ ซึ่งปัจจุบันเหลือให้บริการเพียงวันละไม่กี่เที่ยวเท่านั้น

    สำหรับบริษัท เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส จำกัด เป็นผู้ให้บริการเดินรถโดยสารประจำทาง ในกลุ่มบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ผู้ผลิตรถโดยสารรายใหญ่ ที่มีนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเส้นทางแรกสาย 21 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2564 โดยซื้อสัมปทานจากสุรนารีแอร์ ก่อนที่จะเปิดสาย 31 กรุงเทพฯ-สุรินทร์ เป็นเส้นทางที่สอง นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดเส้นทางใหม่ให้บริการในอนาคต เช่น ขอนแก่น บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานีอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน แถมเส้นทางกรุงเทพฯ-สุรินทร์ หยุดเดินรถเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2566 เป็นต้นมา

    อย่างไรก็ตาม เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส หันมาเดินรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า (EV) เป็นรถมินิบัสขนาด 20 ที่นั่ง ประเดิมเส้นทางแรก สาย 37 (จ) กรุงเทพฯ-ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2565 ตามมาด้วย สาย 39 (จ) กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2565 และเมื่อเดือน ธ.ค. 2566 เปิดเส้นทางใหม่ กรุงเทพฯ-พนัสนิคม ขณะที่เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เดิมมีแผนจะนำรถ EV มาให้บริการ 40 คัน และจะสร้างสถานีชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้า แต่ก็ต้องเลื่อนออกไป

    ถึงกระนั้น รถทัวร์กรุงเทพฯ-โคราช นอกจากเจ้าตลาดอย่างแอร์โคราชพัฒนา เชิดชัยโคราชวีไอพี และนครชัย 21 ที่ยังแข่งขันพัฒนาบริการอย่างไม่หยุดยั้ง แม้ผลกระทบจากโควิด-19 จะทำให้จำนวนเที่ยวรถมีน้อยลง ก็ยังมีผู้ประกอบการรถทัวร์รายใหญ่อย่างนครชัยแอร์ ที่กลุ่มนายคีรี กาญจนพาสน์ ซื้อกิจการจากผู้ประกอบการเดิม แต่ยังไม่นำมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบีทีเอส เปิดให้สำรองที่นั่งช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ไปกับรถโดยสารเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะแวะสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 (บขส.ใหม่) ในบางเที่ยว

    เมื่อการนำรถ EV มาให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-โคราชไม่เป็นไปตามแผน ประกอบกับการแข่งขันที่สูง สวนทางกับแนวโน้มผู้โดยสารนอกช่วงเทศกาลมีจำนวนลดลง ในที่สุด เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส ก็จำต้องโบกมือลาเมืองโคราชอย่างถาวร

    #Newskit #NexExpress #รถทัวร์โคราช
    Nex Express อำลารถทัวร์โคราช หลังจากให้บริการมากว่า 3 ปี ในที่สุด บริษัท เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส จำกัด ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารประจำทาง ประกาศหยุดเส้นทางเดินรถโดยสาร สาย 21 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เป็นต้นไป แม้บริษัทฯ จะไม่ระบุเหตุผลใดๆ แต่เป็นที่เข้าใจกันดีว่าไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการเจ้าตลาดได้ อีกทั้งประสบภาวะขาดทุน จากผลกระทบของสถานการณ์โควิด 19 กระทั่งไม่สามารถให้บริการต่อไปได้ ซึ่งปัจจุบันเหลือให้บริการเพียงวันละไม่กี่เที่ยวเท่านั้น สำหรับบริษัท เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส จำกัด เป็นผู้ให้บริการเดินรถโดยสารประจำทาง ในกลุ่มบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ผู้ผลิตรถโดยสารรายใหญ่ ที่มีนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเส้นทางแรกสาย 21 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2564 โดยซื้อสัมปทานจากสุรนารีแอร์ ก่อนที่จะเปิดสาย 31 กรุงเทพฯ-สุรินทร์ เป็นเส้นทางที่สอง นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดเส้นทางใหม่ให้บริการในอนาคต เช่น ขอนแก่น บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานีอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน แถมเส้นทางกรุงเทพฯ-สุรินทร์ หยุดเดินรถเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2566 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส หันมาเดินรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า (EV) เป็นรถมินิบัสขนาด 20 ที่นั่ง ประเดิมเส้นทางแรก สาย 37 (จ) กรุงเทพฯ-ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2565 ตามมาด้วย สาย 39 (จ) กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2565 และเมื่อเดือน ธ.ค. 2566 เปิดเส้นทางใหม่ กรุงเทพฯ-พนัสนิคม ขณะที่เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เดิมมีแผนจะนำรถ EV มาให้บริการ 40 คัน และจะสร้างสถานีชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้า แต่ก็ต้องเลื่อนออกไป ถึงกระนั้น รถทัวร์กรุงเทพฯ-โคราช นอกจากเจ้าตลาดอย่างแอร์โคราชพัฒนา เชิดชัยโคราชวีไอพี และนครชัย 21 ที่ยังแข่งขันพัฒนาบริการอย่างไม่หยุดยั้ง แม้ผลกระทบจากโควิด-19 จะทำให้จำนวนเที่ยวรถมีน้อยลง ก็ยังมีผู้ประกอบการรถทัวร์รายใหญ่อย่างนครชัยแอร์ ที่กลุ่มนายคีรี กาญจนพาสน์ ซื้อกิจการจากผู้ประกอบการเดิม แต่ยังไม่นำมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบีทีเอส เปิดให้สำรองที่นั่งช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ไปกับรถโดยสารเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะแวะสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 (บขส.ใหม่) ในบางเที่ยว เมื่อการนำรถ EV มาให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-โคราชไม่เป็นไปตามแผน ประกอบกับการแข่งขันที่สูง สวนทางกับแนวโน้มผู้โดยสารนอกช่วงเทศกาลมีจำนวนลดลง ในที่สุด เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส ก็จำต้องโบกมือลาเมืองโคราชอย่างถาวร #Newskit #NexExpress #รถทัวร์โคราช
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 695 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขสมก.เดินรถหมวด 3 เดอะแบกกรมขนส่งฯ

    วันที่ 1 พ.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รับหน้าที่เดินรถโดยสาร หมวด 3 สาย 356 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)-บางบัวทอง-บางใหญ่ เป็นการชั่วคราว แทนบริษัท สหายยนต์ จำกัด ผู้ประกอบการรายเดิมที่ยุติการเดินรถ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา อาจรู้สึกแปลกใจสำหรับกลุ่มบัสแฟน เพราะเป็นการเดินรถข้ามหมวด ไม่ตรงตามภารกิจขององค์กรฯ ที่เดินรถในเส้นทางหมวด 1 และหมวด 4 ในกรุงเทพมหานคร แต่เมื่อกรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือก็ต้องทำ

    นับตั้งแต่การปฎิรูปรถเมล์สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็น รมว.คมนาคม คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2559 ให้ขนส่งฯ มีอำนาจควบคุมรถเมล์ในกรุงเทพฯ แทน ขสมก. และลดสถานะ ขสมก.เหลือเพียงแค่ผู้ประกอบการรายหนึ่ง โดยที่ผ่านมา ขสมก. กลายเป็นเดอะแบก รับคำสั่งจากขนส่งฯ เวลาที่ผู้ประกอบการเอกชนเดินรถแล้วเจ๊ง เพราะขนส่งฯ ไม่เคยเหลียวแลผู้ประกอบการยามเดือดร้อน

    รถเมล์สายที่ ขสมก.ช่วยเดินรถชั่วคราว อาทิ สาย R26E (สาย 3-26E) สถาบันจักรีนฤบดินทร์-โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565 กระทั่งขนส่งฯ ได้จัดหาผู้ประกอบการรายใหม่ คือ ไทยสมายล์บัส ให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 ทำให้ ขสมก.เดินรถวันที่ 29 ต.ค.เป็นวันสุดท้าย ต่อด้วยสาย Y70E (สาย 4-70E) ศาลายา-สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2566 และสาย 3-21 หรือสาย 207 เดิม มหาวิทยาลัยรามคำแหง 1-รามคำแหง 2 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2566

    อย่างไรก็ตาม ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีรถเมล์เส้นทางหมวด 3 ตัวอย่างเช่น สาย 356 ปากน้ำ-บางปะกง และสำโรง-บางพลี เดินรถโดย บริษัท สันติมิตรขนส่ง จำกัด, สาย 381 ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต-มศว องครักษ์ เดินรถโดย บริษัท ธัญบุรีขนส่ง จำกัด, สาย 388 ปากเกร็ด-ศาลายา เดินรถโดย บริษัท นิธิทัศน์ทัวร์ (2004) จำกัด ปัจจุบันหยุดการเดินรถแล้ว และสาย 402 สมุทรสาคร-กระทุ่มแบน-นครปฐม เดินรถโดย ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจดีย์ทองขนส่ง

    สำหรับการเดินรถสาย 356 แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)-บางบัวทอง-บางใหญ่ ผ่านฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแยก คปอ. สะพานใหม่ ถนนแจ้งวัฒนะ ราชภัฎพระนคร ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เมเจอร์ปากเกร็ด สถานีรถไฟฟ้า MRT คลองบางไผ่ สิ้นสุดที่ห้างเซ็นทรัลเวสต์เกต ช่วงที่ 2 วงกลม (ปากเกร็ด-ดอนเมือง) จากท่าน้ำปากเกร็ด ใช้ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิต สนามบินดอนเมือง กลับเส้นทางเดิม ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-22.00 น.

    #Newskit #ขสมก #รถเมล์ไทย
    ขสมก.เดินรถหมวด 3 เดอะแบกกรมขนส่งฯ วันที่ 1 พ.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รับหน้าที่เดินรถโดยสาร หมวด 3 สาย 356 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)-บางบัวทอง-บางใหญ่ เป็นการชั่วคราว แทนบริษัท สหายยนต์ จำกัด ผู้ประกอบการรายเดิมที่ยุติการเดินรถ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา อาจรู้สึกแปลกใจสำหรับกลุ่มบัสแฟน เพราะเป็นการเดินรถข้ามหมวด ไม่ตรงตามภารกิจขององค์กรฯ ที่เดินรถในเส้นทางหมวด 1 และหมวด 4 ในกรุงเทพมหานคร แต่เมื่อกรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือก็ต้องทำ นับตั้งแต่การปฎิรูปรถเมล์สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็น รมว.คมนาคม คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2559 ให้ขนส่งฯ มีอำนาจควบคุมรถเมล์ในกรุงเทพฯ แทน ขสมก. และลดสถานะ ขสมก.เหลือเพียงแค่ผู้ประกอบการรายหนึ่ง โดยที่ผ่านมา ขสมก. กลายเป็นเดอะแบก รับคำสั่งจากขนส่งฯ เวลาที่ผู้ประกอบการเอกชนเดินรถแล้วเจ๊ง เพราะขนส่งฯ ไม่เคยเหลียวแลผู้ประกอบการยามเดือดร้อน รถเมล์สายที่ ขสมก.ช่วยเดินรถชั่วคราว อาทิ สาย R26E (สาย 3-26E) สถาบันจักรีนฤบดินทร์-โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565 กระทั่งขนส่งฯ ได้จัดหาผู้ประกอบการรายใหม่ คือ ไทยสมายล์บัส ให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 ทำให้ ขสมก.เดินรถวันที่ 29 ต.ค.เป็นวันสุดท้าย ต่อด้วยสาย Y70E (สาย 4-70E) ศาลายา-สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2566 และสาย 3-21 หรือสาย 207 เดิม มหาวิทยาลัยรามคำแหง 1-รามคำแหง 2 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2566 อย่างไรก็ตาม ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีรถเมล์เส้นทางหมวด 3 ตัวอย่างเช่น สาย 356 ปากน้ำ-บางปะกง และสำโรง-บางพลี เดินรถโดย บริษัท สันติมิตรขนส่ง จำกัด, สาย 381 ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต-มศว องครักษ์ เดินรถโดย บริษัท ธัญบุรีขนส่ง จำกัด, สาย 388 ปากเกร็ด-ศาลายา เดินรถโดย บริษัท นิธิทัศน์ทัวร์ (2004) จำกัด ปัจจุบันหยุดการเดินรถแล้ว และสาย 402 สมุทรสาคร-กระทุ่มแบน-นครปฐม เดินรถโดย ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจดีย์ทองขนส่ง สำหรับการเดินรถสาย 356 แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)-บางบัวทอง-บางใหญ่ ผ่านฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแยก คปอ. สะพานใหม่ ถนนแจ้งวัฒนะ ราชภัฎพระนคร ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เมเจอร์ปากเกร็ด สถานีรถไฟฟ้า MRT คลองบางไผ่ สิ้นสุดที่ห้างเซ็นทรัลเวสต์เกต ช่วงที่ 2 วงกลม (ปากเกร็ด-ดอนเมือง) จากท่าน้ำปากเกร็ด ใช้ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิต สนามบินดอนเมือง กลับเส้นทางเดิม ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-22.00 น. #Newskit #ขสมก #รถเมล์ไทย
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 819 มุมมอง 0 รีวิว
  • รฟม. x กรุงไทย จะมีบัตร EMV ของตัวเอง

    การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ครบรอบ 1 ปี พบว่าผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.70% อยู่ที่ 66,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน สถานีที่ผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เตาปูน ตลาดบางใหญ่ ศูนย์ราชการนนทบุรี บางซ่อน คลองบางไผ่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เพิ่มขึ้น 11.92% อยู่ที่ 420,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน

    ล่าสุด รฟม. ได้ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พัฒนาบัตรโดยสารชนิด EMV Contactless รองรับการให้ส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบครอบคลุมรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ได้ทุกเส้นทาง สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ อีกทั้งยังใช้โดยสารระบบขนส่งอื่นที่รองรับบัตร EMV Contactless เช่น รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถโดยสารประจำทาง ขสมก. เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ใช้บริการร่วมด้วย

    ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ครบทุกประเภท เพื่อทดแทนบัตรรุ่นเก่า มาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ซี่งพัฒนาร่วมกับ บริษัท ทีทูพี จำกัด ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ Deep Pocket มีค่าธรรมเนียมออกบัตร 250 บาท วงเงินในบัตร 100 บาท สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT

    ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ได้ออกบัตรเดบิต Krungthai Tranxit สำหรับแตะจ่ายการเดินทางพ่วงประกันอุบัติเหตุ ความคุ้มครอง 30,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 1,000 บาทต่อครั้ง และบัตรพรีเพด PaotangPay Play Card ผูกกับเงินอิเล็กทรอนิกส์เป๋าตังเปย์ บนแอปฯ เป๋าตัง เมื่อปี 2565 โดยมีภารกิจรับรางวัล สำหรับใช้จ่ายในหมวดการเดินทางสะสมตามที่กำหนด

    ต้องดูว่าบัตรโดยสาร MRT ของ รฟม. ที่ผูกกับแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย หน้าตาจะเป็นอย่างไร แม้ว่าการออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้ามีลักษณะต่างคนต่างทำ โดยที่ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาก็ตาม ขณะที่ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะบางรายยังคงใช้ระบบของตัวเองเป็นหลัก เช่น Rabbit ของกลุ่มบีทีเอส, บัตรแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และ Hop Card ของกลุ่มไทยสมายล์บัส เป็นต้น

    #Newskit #EMVContactless #MRTA
    รฟม. x กรุงไทย จะมีบัตร EMV ของตัวเอง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ครบรอบ 1 ปี พบว่าผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.70% อยู่ที่ 66,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน สถานีที่ผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เตาปูน ตลาดบางใหญ่ ศูนย์ราชการนนทบุรี บางซ่อน คลองบางไผ่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เพิ่มขึ้น 11.92% อยู่ที่ 420,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน ล่าสุด รฟม. ได้ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พัฒนาบัตรโดยสารชนิด EMV Contactless รองรับการให้ส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบครอบคลุมรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ได้ทุกเส้นทาง สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ อีกทั้งยังใช้โดยสารระบบขนส่งอื่นที่รองรับบัตร EMV Contactless เช่น รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถโดยสารประจำทาง ขสมก. เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ใช้บริการร่วมด้วย ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ครบทุกประเภท เพื่อทดแทนบัตรรุ่นเก่า มาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ซี่งพัฒนาร่วมกับ บริษัท ทีทูพี จำกัด ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ Deep Pocket มีค่าธรรมเนียมออกบัตร 250 บาท วงเงินในบัตร 100 บาท สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ได้ออกบัตรเดบิต Krungthai Tranxit สำหรับแตะจ่ายการเดินทางพ่วงประกันอุบัติเหตุ ความคุ้มครอง 30,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 1,000 บาทต่อครั้ง และบัตรพรีเพด PaotangPay Play Card ผูกกับเงินอิเล็กทรอนิกส์เป๋าตังเปย์ บนแอปฯ เป๋าตัง เมื่อปี 2565 โดยมีภารกิจรับรางวัล สำหรับใช้จ่ายในหมวดการเดินทางสะสมตามที่กำหนด ต้องดูว่าบัตรโดยสาร MRT ของ รฟม. ที่ผูกกับแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย หน้าตาจะเป็นอย่างไร แม้ว่าการออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้ามีลักษณะต่างคนต่างทำ โดยที่ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาก็ตาม ขณะที่ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะบางรายยังคงใช้ระบบของตัวเองเป็นหลัก เช่น Rabbit ของกลุ่มบีทีเอส, บัตรแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และ Hop Card ของกลุ่มไทยสมายล์บัส เป็นต้น #Newskit #EMVContactless #MRTA
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 811 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=y3AD4iT_C5c
    บทสนทนาท่องเที่ยวประเทศไทยบนเครื่องบิน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาท่องเที่ยวประเทศไทยบนเครื่องบิน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #basiclistening

    The conversations from the clip :

    Girl : Hi there! Are you traveling to Bangkok too?
    Boy : Yes, I am! It’s my first time visiting. How about you?
    Girl : I’ve been there a couple of times. It’s a great city! What are you planning to do there?
    Boy : I’m really excited to visit the temples and explore the markets. Any recommendations?
    Girl : Definitely visit the Grand Palace and Wat Pho. The Reclining Buddha is amazing!
    Boy : That sounds incredible! I also heard the street food in Bangkok is famous.
    Girl : Oh, you’re in for a treat! You must try pad thai and mango sticky rice. They’re delicious!
    Boy : I can’t wait! How’s the traffic in Bangkok? I’ve heard it can be pretty crazy.
    Girl : Yeah, it can be busy, especially during rush hour. But using the BTS Skytrain or taking a boat ride is a great way to avoid it.
    Boy : Good to know! I was thinking of taking a boat tour along the river.
    Girl : That’s a great idea! The Chao Phraya River has some beautiful views of the city.
    Boy : I’m looking forward to it! How long are you staying in Bangkok?
    Girl : Just for a few days before I head to Chiang Mai. How about you?
    Boy : I’ll be in Bangkok for a week, then I might explore some nearby islands.
    Girl : That sounds amazing! You’ll have a great time.

    Girl: สวัสดี! คุณกำลังเดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยใช่ไหม?
    Boy: ใช่แล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไปเที่ยวกรุงเทพฯ แล้วคุณล่ะ?
    Girl: ฉันเคยไปมาแล้วสองสามครั้ง มันเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยม! คุณมีแผนจะทำอะไรที่นั่นบ้าง?
    Boy: ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเยี่ยมชมวัดและสำรวจตลาด คุณมีที่ไหนแนะนำบ้างไหม?
    Girl: คุณต้องไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังและวัดโพธิ์แน่นอน พระพุทธไสยาสน์น่าทึ่งมาก!
    Boy: ฟังดูน่าอัศจรรย์มาก! ผมยังได้ยินมาว่าอาหารริมทางที่กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงมาก
    Girl: โอ้! คุณจะได้ลองของอร่อยแน่ ๆ คุณต้องลองผัดไทยและข้าวเหนียวมะม่วง มันอร่อยมาก!
    Boy: ผมรอไม่ไหวแล้ว! การจราจรในกรุงเทพฯ เป็นยังไงบ้าง? ผมได้ยินว่ามันอาจจะวุ่นวายมาก
    Girl: ใช่ มันอาจจะหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน แต่การใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสหรือการนั่งเรือเป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยง
    Boy: ดีที่รู้แบบนี้! ผมกำลังคิดว่าจะไปล่องเรือชมแม่น้ำ
    Girl: นั่นเป็นความคิดที่ดี! แม่น้ำเจ้าพระยามีวิวสวย ๆ ของเมือง
    Boy: ผมตั้งตารอเลย! คุณจะอยู่กรุงเทพฯ นานแค่ไหน?
    Girl: แค่ไม่กี่วันก่อนที่ฉันจะไปเชียงใหม่ แล้วคุณล่ะ?
    Boy: ผมจะอยู่กรุงเทพฯ สักหนึ่งสัปดาห์ แล้วอาจจะไปสำรวจเกาะใกล้เคียง
    Girl: ฟังดูเยี่ยมเลย! คุณต้องสนุกมากแน่ ๆ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Temple (เทมเพิล) noun. แปลว่า วัด
    Market (มาร์เก็ต) noun. แปลว่า ตลาด
    Recommendation (เร็คเคอะเมนเดชัน) noun. แปลว่า คำแนะนำ
    Reclining Buddha (รีคลายนิง บุดด้า) noun. แปลว่า พระพุทธไสยาสน์
    Street food (สตรีท ฟู้ด) noun. แปลว่า อาหารริมทาง
    Famous (เฟมัส) adj. แปลว่า มีชื่อเสียง
    Delicious (ดิลิชัส) adj. แปลว่า อร่อย
    Traffic (แทรฟฟิก) noun. แปลว่า การจราจร
    Rush hour (รัช เอาเออร์) noun. แปลว่า ชั่วโมงเร่งด่วน
    BTS Skytrain (บีทีเอส สกายเทรน) noun. แปลว่า รถไฟฟ้าบีทีเอส
    Boat ride (โบท ไรด์) noun. แปลว่า การนั่งเรือ
    River (ริเวอร์) noun. แปลว่า แม่น้ำ
    View (วิว) noun. แปลว่า วิว, ทัศนียภาพ
    Explore (เอ็กซพลอร์) verb. แปลว่า สำรวจ
    Nearby (เนียร์บาย) adj. แปลว่า ที่อยู่ใกล้
    https://www.youtube.com/watch?v=y3AD4iT_C5c บทสนทนาท่องเที่ยวประเทศไทยบนเครื่องบิน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาท่องเที่ยวประเทศไทยบนเครื่องบิน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #basiclistening The conversations from the clip : Girl : Hi there! Are you traveling to Bangkok too? Boy : Yes, I am! It’s my first time visiting. How about you? Girl : I’ve been there a couple of times. It’s a great city! What are you planning to do there? Boy : I’m really excited to visit the temples and explore the markets. Any recommendations? Girl : Definitely visit the Grand Palace and Wat Pho. The Reclining Buddha is amazing! Boy : That sounds incredible! I also heard the street food in Bangkok is famous. Girl : Oh, you’re in for a treat! You must try pad thai and mango sticky rice. They’re delicious! Boy : I can’t wait! How’s the traffic in Bangkok? I’ve heard it can be pretty crazy. Girl : Yeah, it can be busy, especially during rush hour. But using the BTS Skytrain or taking a boat ride is a great way to avoid it. Boy : Good to know! I was thinking of taking a boat tour along the river. Girl : That’s a great idea! The Chao Phraya River has some beautiful views of the city. Boy : I’m looking forward to it! How long are you staying in Bangkok? Girl : Just for a few days before I head to Chiang Mai. How about you? Boy : I’ll be in Bangkok for a week, then I might explore some nearby islands. Girl : That sounds amazing! You’ll have a great time. Girl: สวัสดี! คุณกำลังเดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยใช่ไหม? Boy: ใช่แล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไปเที่ยวกรุงเทพฯ แล้วคุณล่ะ? Girl: ฉันเคยไปมาแล้วสองสามครั้ง มันเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยม! คุณมีแผนจะทำอะไรที่นั่นบ้าง? Boy: ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเยี่ยมชมวัดและสำรวจตลาด คุณมีที่ไหนแนะนำบ้างไหม? Girl: คุณต้องไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังและวัดโพธิ์แน่นอน พระพุทธไสยาสน์น่าทึ่งมาก! Boy: ฟังดูน่าอัศจรรย์มาก! ผมยังได้ยินมาว่าอาหารริมทางที่กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงมาก Girl: โอ้! คุณจะได้ลองของอร่อยแน่ ๆ คุณต้องลองผัดไทยและข้าวเหนียวมะม่วง มันอร่อยมาก! Boy: ผมรอไม่ไหวแล้ว! การจราจรในกรุงเทพฯ เป็นยังไงบ้าง? ผมได้ยินว่ามันอาจจะวุ่นวายมาก Girl: ใช่ มันอาจจะหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน แต่การใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสหรือการนั่งเรือเป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยง Boy: ดีที่รู้แบบนี้! ผมกำลังคิดว่าจะไปล่องเรือชมแม่น้ำ Girl: นั่นเป็นความคิดที่ดี! แม่น้ำเจ้าพระยามีวิวสวย ๆ ของเมือง Boy: ผมตั้งตารอเลย! คุณจะอยู่กรุงเทพฯ นานแค่ไหน? Girl: แค่ไม่กี่วันก่อนที่ฉันจะไปเชียงใหม่ แล้วคุณล่ะ? Boy: ผมจะอยู่กรุงเทพฯ สักหนึ่งสัปดาห์ แล้วอาจจะไปสำรวจเกาะใกล้เคียง Girl: ฟังดูเยี่ยมเลย! คุณต้องสนุกมากแน่ ๆ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Temple (เทมเพิล) noun. แปลว่า วัด Market (มาร์เก็ต) noun. แปลว่า ตลาด Recommendation (เร็คเคอะเมนเดชัน) noun. แปลว่า คำแนะนำ Reclining Buddha (รีคลายนิง บุดด้า) noun. แปลว่า พระพุทธไสยาสน์ Street food (สตรีท ฟู้ด) noun. แปลว่า อาหารริมทาง Famous (เฟมัส) adj. แปลว่า มีชื่อเสียง Delicious (ดิลิชัส) adj. แปลว่า อร่อย Traffic (แทรฟฟิก) noun. แปลว่า การจราจร Rush hour (รัช เอาเออร์) noun. แปลว่า ชั่วโมงเร่งด่วน BTS Skytrain (บีทีเอส สกายเทรน) noun. แปลว่า รถไฟฟ้าบีทีเอส Boat ride (โบท ไรด์) noun. แปลว่า การนั่งเรือ River (ริเวอร์) noun. แปลว่า แม่น้ำ View (วิว) noun. แปลว่า วิว, ทัศนียภาพ Explore (เอ็กซพลอร์) verb. แปลว่า สำรวจ Nearby (เนียร์บาย) adj. แปลว่า ที่อยู่ใกล้
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 478 มุมมอง 0 รีวิว
  • (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน

    เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น.

    เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์

    ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ

    การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App

    ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ

    #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น. เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    Like
    Wow
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1122 มุมมอง 0 รีวิว
  • BRT เก่าไปใหม่มา จาก NGV สู่รถบัส EV

    เช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย. 2567 รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที (BRT) สายสาทร-ราชพฤกษ์ ใช้รถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า (EV) เป็นวันแรก ทดแทนรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ที่ให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2553 ยาวนานถึง 14 ปี โดยเดินรถวันสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ก่อนนำรถโดยสารคันเก่าจำนวน 15 คัน ไปไว้ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงและควบคุมส่วนกลาง สายสะพานใหม่-คูคต เป็นการชั่วคราว เพื่อรอการปลดระวางต่อไป

    รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที BRT-EV โฉมใหม่ เป็นพื้นชานต่ำ มีที่นั่งรวม 30 ที่นั่ง ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง มีประตูขึ้น-ลงบริเวณตอนกลางของรถทั้งสองฝั่ง พร้อมทางลาดสำหรับรถเข็นผู้พิการ หรือวีลแชร์ พร้อมติดตั้งกล้องซีซีทีวี 5 ตัว ติดตั้งระบบ GPS พร้อมหน้าจอแสดงตำแหน่งแบบเรียลไทม์ภายในรถ และประตูทางออกฉุกเฉิน ส่วนระบบเก็บค่าโดยสาร ปรับมาใช้ระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติบนรถ แทนการซื้อตั๋วที่สถานี รับชำระผ่านบัตรแรบบิทหรือสแกน QR Code

    สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (สจส.กทม.) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี (BTSC) ให้บริการฟรีตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ถึง 31 ต.ค. 2567 เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ทุกวัน พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มจุดรับ-ส่งผู้โดยสารเพิ่มเติมอีก 2 สถานี ได้แก่ สถานีถนนจันทน์เหนือ และสถานีถนนจันทน์ใต้ รวมจุดจอดทั้งหมด 14 สถานี สำหรับค่าโดยสาร กทม.จะเป็นผู้กำหนด เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นไปในลักษณะจ้างเอกชนเดินรถ

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. บีทีเอสซี ชนะการประกวดราคาจ้างโครงการพัฒนาระบบการเดินรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT) ด้วยวิธีประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ของ กทม. เสนอราคาต่ำสุด วงเงิน 465 ล้านบาท โดยสัญญามีอายุ 5 ปี ระหว่างปี 2567-2572 จากนั้นได้สั่งซื้อรถโดยสารจากบริษัท อรุณพลัส จำกัด บริษัทย่อยของกลุ่ม ปตท. จำนวน 23 คัน โดยให้บริษัท เชิดชัย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผลิตตัวถังรถโดยสารที่โรงงานในจังหวัดนครราชสีมา

    สำหรับโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษบีอาร์ที (BRT หรือ Bus Rapid Transit) กทม.เริ่มดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2550 มีระยะทาง 15.9 กิโลเมตร แนวเส้นทางเริ่มจากสถานีสาทร บริเวณแยกสาทร-นราธิวาสฯ ไปตามถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ถึงแยกพระรามที่ 3-นราธิวาสฯ เลี้ยวขวาไปตามถนนพระรามที่ 3 ขึ้นสะพานพระราม 3 ไปตามถนนรัชดาภิเษก สิ้นสุดที่สถานีราชพฤกษ์ บริเวณแยกรัชดาฯ-ตลาดพลู โดยมีช่องทางการเดินรถแยกจากช่องทางปกติควบคู่กับระบบขนส่งอัจฉริยะ

    โครงการนี้เกิดขึ้นในสมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ได้เดินรถในสมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม. ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 2,078.47 ล้านบาท

    ที่ผ่านมา กทม. ว่าจ้างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที (KT) วิสาหกิจของ กทม. ให้เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถเป็นระยะเวลา 7 ปี โดยได้ให้สิทธิเอกชน คือ บีทีเอสซี เป็นผู้เดินรถ รายได้จากค่าโดยสารนำส่ง กทม. ทั้งหมด และ กทม. สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่โครงการฯ เมื่อสิ้นสุดสัญญาจึงมอบหมายให้เคทีเป็นผู้ดำเนินการโครงการ ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 2560 ถึง 31 ส.ค. 2566 โดยข้อมูล ณ เดือน มิ.ย. 2566 มีปริมาณผู้โดยสารรวม 258,415 เที่ยว-คน

    อย่างไรก็ตาม การให้บริการรถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ที่ผ่านมาขาดทุนสะสมต่อเนื่องปีละ 200 ล้านบาท เพราะผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 25,000 คน ส่วนหนึ่งเป็นนักเรียนที่ได้รับสิทธิใช้บริการฟรี และผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิลดหย่อนค่าโดยสาร ทำให้การให้บริการไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังมีรถบางคันเข้ามาวิ่งในเลนรถด่วนพิเศษ จึงใช้เวลาเดินทางไม่ต่างกับรถโดยสารธรรมดา ทำให้ครั้งหนึ่ง กทม. เคยประกาศยกเลิกโครงการเมื่อปี 2560 แต่มีเสียงคัดค้าน ต้องเลื่อนแผนการยกเลิกโครงการฯ ออกไป

    ถึงยุคนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พบว่าจำนวนผู้โดยสารลดลงเหลือเฉลี่ยวันละ 900-1,000 คน และสัญญาได้หมดลงในวันที่ 31 ส.ค. 2566 จึงให้เดินรถต่อไปก่อนโดยไม่คิดค่าโดยสาร และให้ สจส.กทม. เป็นผู้ดำเนินการเองแทนเคที กระทั่งจัดการประมูลด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงินงบประมาณ 478,932,000 บาท สัญญาจ้าง 5 ปี มีเอกชนซื้อซองข้อเสนอจำนวน 2 ราย ได้แก่ บีทีเอสซี และบริษัท ไทยสมาล์บัส จำกัด หรือทีเอสบี กระทั่งบีทีเอสซีชนะประมูลในที่สุด

    #Newskit #BRTEV #รถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที
    BRT เก่าไปใหม่มา จาก NGV สู่รถบัส EV เช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย. 2567 รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที (BRT) สายสาทร-ราชพฤกษ์ ใช้รถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า (EV) เป็นวันแรก ทดแทนรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ที่ให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2553 ยาวนานถึง 14 ปี โดยเดินรถวันสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ก่อนนำรถโดยสารคันเก่าจำนวน 15 คัน ไปไว้ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงและควบคุมส่วนกลาง สายสะพานใหม่-คูคต เป็นการชั่วคราว เพื่อรอการปลดระวางต่อไป รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที BRT-EV โฉมใหม่ เป็นพื้นชานต่ำ มีที่นั่งรวม 30 ที่นั่ง ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง มีประตูขึ้น-ลงบริเวณตอนกลางของรถทั้งสองฝั่ง พร้อมทางลาดสำหรับรถเข็นผู้พิการ หรือวีลแชร์ พร้อมติดตั้งกล้องซีซีทีวี 5 ตัว ติดตั้งระบบ GPS พร้อมหน้าจอแสดงตำแหน่งแบบเรียลไทม์ภายในรถ และประตูทางออกฉุกเฉิน ส่วนระบบเก็บค่าโดยสาร ปรับมาใช้ระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติบนรถ แทนการซื้อตั๋วที่สถานี รับชำระผ่านบัตรแรบบิทหรือสแกน QR Code สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (สจส.กทม.) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี (BTSC) ให้บริการฟรีตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ถึง 31 ต.ค. 2567 เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ทุกวัน พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มจุดรับ-ส่งผู้โดยสารเพิ่มเติมอีก 2 สถานี ได้แก่ สถานีถนนจันทน์เหนือ และสถานีถนนจันทน์ใต้ รวมจุดจอดทั้งหมด 14 สถานี สำหรับค่าโดยสาร กทม.จะเป็นผู้กำหนด เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นไปในลักษณะจ้างเอกชนเดินรถ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. บีทีเอสซี ชนะการประกวดราคาจ้างโครงการพัฒนาระบบการเดินรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT) ด้วยวิธีประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ของ กทม. เสนอราคาต่ำสุด วงเงิน 465 ล้านบาท โดยสัญญามีอายุ 5 ปี ระหว่างปี 2567-2572 จากนั้นได้สั่งซื้อรถโดยสารจากบริษัท อรุณพลัส จำกัด บริษัทย่อยของกลุ่ม ปตท. จำนวน 23 คัน โดยให้บริษัท เชิดชัย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผลิตตัวถังรถโดยสารที่โรงงานในจังหวัดนครราชสีมา สำหรับโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษบีอาร์ที (BRT หรือ Bus Rapid Transit) กทม.เริ่มดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2550 มีระยะทาง 15.9 กิโลเมตร แนวเส้นทางเริ่มจากสถานีสาทร บริเวณแยกสาทร-นราธิวาสฯ ไปตามถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ถึงแยกพระรามที่ 3-นราธิวาสฯ เลี้ยวขวาไปตามถนนพระรามที่ 3 ขึ้นสะพานพระราม 3 ไปตามถนนรัชดาภิเษก สิ้นสุดที่สถานีราชพฤกษ์ บริเวณแยกรัชดาฯ-ตลาดพลู โดยมีช่องทางการเดินรถแยกจากช่องทางปกติควบคู่กับระบบขนส่งอัจฉริยะ โครงการนี้เกิดขึ้นในสมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ได้เดินรถในสมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม. ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 2,078.47 ล้านบาท ที่ผ่านมา กทม. ว่าจ้างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที (KT) วิสาหกิจของ กทม. ให้เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถเป็นระยะเวลา 7 ปี โดยได้ให้สิทธิเอกชน คือ บีทีเอสซี เป็นผู้เดินรถ รายได้จากค่าโดยสารนำส่ง กทม. ทั้งหมด และ กทม. สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่โครงการฯ เมื่อสิ้นสุดสัญญาจึงมอบหมายให้เคทีเป็นผู้ดำเนินการโครงการ ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 2560 ถึง 31 ส.ค. 2566 โดยข้อมูล ณ เดือน มิ.ย. 2566 มีปริมาณผู้โดยสารรวม 258,415 เที่ยว-คน อย่างไรก็ตาม การให้บริการรถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ที่ผ่านมาขาดทุนสะสมต่อเนื่องปีละ 200 ล้านบาท เพราะผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 25,000 คน ส่วนหนึ่งเป็นนักเรียนที่ได้รับสิทธิใช้บริการฟรี และผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิลดหย่อนค่าโดยสาร ทำให้การให้บริการไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังมีรถบางคันเข้ามาวิ่งในเลนรถด่วนพิเศษ จึงใช้เวลาเดินทางไม่ต่างกับรถโดยสารธรรมดา ทำให้ครั้งหนึ่ง กทม. เคยประกาศยกเลิกโครงการเมื่อปี 2560 แต่มีเสียงคัดค้าน ต้องเลื่อนแผนการยกเลิกโครงการฯ ออกไป ถึงยุคนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พบว่าจำนวนผู้โดยสารลดลงเหลือเฉลี่ยวันละ 900-1,000 คน และสัญญาได้หมดลงในวันที่ 31 ส.ค. 2566 จึงให้เดินรถต่อไปก่อนโดยไม่คิดค่าโดยสาร และให้ สจส.กทม. เป็นผู้ดำเนินการเองแทนเคที กระทั่งจัดการประมูลด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงินงบประมาณ 478,932,000 บาท สัญญาจ้าง 5 ปี มีเอกชนซื้อซองข้อเสนอจำนวน 2 ราย ได้แก่ บีทีเอสซี และบริษัท ไทยสมาล์บัส จำกัด หรือทีเอสบี กระทั่งบีทีเอสซีชนะประมูลในที่สุด #Newskit #BRTEV #รถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1240 มุมมอง 0 รีวิว
  • KERRY ไม่อยู่แล้ว เปลี่ยนเป็น KEX

    วันที่ 8 ส.ค. 2567 เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express) เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น KEX (เคอีเอ็กซ์) และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นับเป็นการรีแบรนด์ดิ้งครั้งสำคัญ หลังจากชื่อของ "เคอรี่" เป็นที่ติดปากของผู้บริโภคชาวไทย ในยุคที่อี-คอมเมิร์ชไทยกำลังเฟื่องฟู จากการซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

    สาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ มาจาก S.F. Holding ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศจีน เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 73.18% จากเคแอลเอ็น โลจิสติคส์ (KLN) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เดิม ที่ผ่านมาได้เจรจากับ Kuok Registrations Limited (KRL) บริษัทแม่ของ KLN เจ้าของแบรนด์ Kerry Express เดิม รวมทั้งพิจารณาว่าจะใช้แบรนด์เดิมหรือปรับเปลี่ยนแบรนด์ใหม่

    เมื่อพิจารณาแล้วพบว่า ทางออกที่ดีที่สุด คือ ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้ามาใช้แบรนด์ KEX แทน Kerry จึงได้บอกเลิกสัญญาล่วงหน้า 9 เดือน มีผลในวันที่ 22 ก.พ. 2568 พร้อมกับสิทธิในการใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้าสิ้นสุดในวันเดียวกัน

    ปัจจุบัน เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส มีจุดบริการกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,000 แห่งครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ ซึ่งสามารถรองรับพัสดุได้กว่า 1.9 ล้านชิ้นต่อวัน

    ย้อนกลับไปเมื่อเดือน มิ.ย. 2549 บริษัท เคอรี่ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย โดยกลุ่มบริษัทเคอรี่ โดยมี นายหม่า วิง ไค วิลเลี่ยม ซึ่งเป็นผู้บริหารของ KLN เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ เริ่มใช้แบรนด์ Kerry Express และเริ่มให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Kerry Express ยาวนานถึง 18 ปี

    แบรนด์ Kerry กลายเป็นที่ติดหูของผู้บริโภค ถึงขนาดมีเพลงลูกทุ่งที่ชื่อว่า ให้เคอรี่มาส่งได้บ่ ขับร้องโดย เบลล์ นิภาดา และที่ผ่านมา เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมาแล้วหลายรางวัล โดยเฉพาะรางวัล No.1 Brand Thailand ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7, รางวัล Thailand's Most Admired Brand, รางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS ฯลฯ

    ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือกลุ่ม S.F. Holding จำนวน 1,091.81 ล้านหุ้น คิดเป็น 62.66% นอกนั้นมีกลุ่มบีทีเอสถือหุ้น 37.14 ล้านหุ้น หรือ 2.13% และนักลงทุนอื่น เช่น นายทวีฉัตร จุฬางกูร 29.23 ล้านหุ้น หรือ 1.68% เป็นต้น

    #Newskit #KerryExpress #KEXExpress
    KERRY ไม่อยู่แล้ว เปลี่ยนเป็น KEX วันที่ 8 ส.ค. 2567 เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express) เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น KEX (เคอีเอ็กซ์) และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นับเป็นการรีแบรนด์ดิ้งครั้งสำคัญ หลังจากชื่อของ "เคอรี่" เป็นที่ติดปากของผู้บริโภคชาวไทย ในยุคที่อี-คอมเมิร์ชไทยกำลังเฟื่องฟู จากการซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ สาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ มาจาก S.F. Holding ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศจีน เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 73.18% จากเคแอลเอ็น โลจิสติคส์ (KLN) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เดิม ที่ผ่านมาได้เจรจากับ Kuok Registrations Limited (KRL) บริษัทแม่ของ KLN เจ้าของแบรนด์ Kerry Express เดิม รวมทั้งพิจารณาว่าจะใช้แบรนด์เดิมหรือปรับเปลี่ยนแบรนด์ใหม่ เมื่อพิจารณาแล้วพบว่า ทางออกที่ดีที่สุด คือ ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้ามาใช้แบรนด์ KEX แทน Kerry จึงได้บอกเลิกสัญญาล่วงหน้า 9 เดือน มีผลในวันที่ 22 ก.พ. 2568 พร้อมกับสิทธิในการใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้าสิ้นสุดในวันเดียวกัน ปัจจุบัน เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส มีจุดบริการกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,000 แห่งครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ ซึ่งสามารถรองรับพัสดุได้กว่า 1.9 ล้านชิ้นต่อวัน ย้อนกลับไปเมื่อเดือน มิ.ย. 2549 บริษัท เคอรี่ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย โดยกลุ่มบริษัทเคอรี่ โดยมี นายหม่า วิง ไค วิลเลี่ยม ซึ่งเป็นผู้บริหารของ KLN เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ เริ่มใช้แบรนด์ Kerry Express และเริ่มให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Kerry Express ยาวนานถึง 18 ปี แบรนด์ Kerry กลายเป็นที่ติดหูของผู้บริโภค ถึงขนาดมีเพลงลูกทุ่งที่ชื่อว่า ให้เคอรี่มาส่งได้บ่ ขับร้องโดย เบลล์ นิภาดา และที่ผ่านมา เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมาแล้วหลายรางวัล โดยเฉพาะรางวัล No.1 Brand Thailand ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7, รางวัล Thailand's Most Admired Brand, รางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS ฯลฯ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือกลุ่ม S.F. Holding จำนวน 1,091.81 ล้านหุ้น คิดเป็น 62.66% นอกนั้นมีกลุ่มบีทีเอสถือหุ้น 37.14 ล้านหุ้น หรือ 2.13% และนักลงทุนอื่น เช่น นายทวีฉัตร จุฬางกูร 29.23 ล้านหุ้น หรือ 1.68% เป็นต้น #Newskit #KerryExpress #KEXExpress
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 714 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครชัยแอร์บ้านใหม่ ภายใต้กลุ่มทุนใหม่

    การประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ ออฟฟิศและอู่จอดรถ ของบริษัท นครชัยแอร์ จำกัด ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารรายใหญ่ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 จากบริเวณก่อนถึงแยกรัชวิภา ไปยังปั๊มน้ำมันบางจาก ปากซอยวิภาวดีรังสิต 60 บนพื้นที่ประมาณ 28 ไร่ นับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของรถทัวร์รายใหญ่ ที่อยู่บนเส้นทางธุรกิจมานานถึง 38 ปี

    นครชัยแอร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2529 โดยมีนายจักรินทร์ วงศ์เบญจรัตน์ เป็นประธานผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นได้เปิดให้บริการ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-ขอนแก่น และ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี โดยมีรถโดยสารปรับอากาศ 42 ที่นั่ง 20 คัน ก่อนผลักดันรถนอนพิเศษเป็นบริษัทแรก ลดจำนวนที่นั่งจาก 42 ที่นั่งเหลือ 32 ที่นั่ง และขยายเส้นทางอย่างต่อเนื่อง

    ที่ผ่านมานครชัยแอร์ย้ายสำนักงานใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ เมื่อปี 2556 ย้ายมาจากเลขที่ 27 ซอยวิภาวดีรังสิต 19 ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย 5 ชั้น ไปยังเลขที่ 109 ถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนถึงแยกรัชวิภา บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ เพื่อรองรับการขยายกิจการ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัวนครชัยแอร์ ผ่านมา 11 ปี จึงย้ายมาที่ปากซอยวิภาวดีรังสิต 60 ในปัจจุบัน

    ถึงกระนั้น สถานีเดินรถนครชัยแอร์ กรุงเทพฯ ยังคงตั้งอยู่ริมถนนกำแพงเพชร 2 เช่นเดิม ผู้โดยสารสามารถใช้บริการได้ตามปกติ รวมทั้งสามารถเลือกขึ้นรถได้ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 และนครชัยแอร์ สาขารังสิต ภายในปั๊มน้ำมันบางจาก รังสิต ถนนพหลโยธิน ตรงข้ามโรงงานบริดจสโตน เช่นเดิม

    เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ ตระกูลวงศ์เบญจรัตน์ได้ขายกิจการเดินรถ ไม่รวมทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน แก่กลุ่มนายคีรี กาญจนพาสน์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และระบบขนส่งมวลชน กระทั่งส่งตัวแทนซึ่งล้วนเป็นคนของกลุ่มนายคีรีเข้ามาบริหารแทน ส่วนทายาทรุ่นที่ 3 อย่างนางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร ได้หายไปจากพื้นที่ข่าว หลังปรากฎครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม 2565

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังไม่ประกาศว่านครชัยแอร์เป็นหนึ่งธุรกิจในเครือ จากปัจจุบันกลุ่มธุรกิจ MOVE ประกอบด้วยรถไฟฟ้า 4 สี รถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง โครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบิน

    ข้อความที่ระบุว่า "ต้นแบบการเดินทางไกล ที่สะดวกสบาย ปลอดภัย ด้วยองค์กรที่มั่นคง และร่วมแรงร่วมใจ ให้บริการ" ซึ่งนายจักรินทร์ ประธานผู้ก่อตั้งได้เขียนไว้ในสำนักงาน คงเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งของธุรกิจรถทัวร์ในไทย เพราะอีกไม่นานที่ดินผืนงามกว่า 16 ไร่ย่านแยกรัชวิภา อาจเปลี่ยนมือไปเป็นอย่างอื่น ตามแผนการย้ายสำนักงานใหญ่และขายที่ดินที่เกิดขึ้นนานแล้ว

    #Newskit #นครชัยแอร์ #BTSGroup
    นครชัยแอร์บ้านใหม่ ภายใต้กลุ่มทุนใหม่ การประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ ออฟฟิศและอู่จอดรถ ของบริษัท นครชัยแอร์ จำกัด ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารรายใหญ่ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 จากบริเวณก่อนถึงแยกรัชวิภา ไปยังปั๊มน้ำมันบางจาก ปากซอยวิภาวดีรังสิต 60 บนพื้นที่ประมาณ 28 ไร่ นับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของรถทัวร์รายใหญ่ ที่อยู่บนเส้นทางธุรกิจมานานถึง 38 ปี นครชัยแอร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2529 โดยมีนายจักรินทร์ วงศ์เบญจรัตน์ เป็นประธานผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นได้เปิดให้บริการ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-ขอนแก่น และ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี โดยมีรถโดยสารปรับอากาศ 42 ที่นั่ง 20 คัน ก่อนผลักดันรถนอนพิเศษเป็นบริษัทแรก ลดจำนวนที่นั่งจาก 42 ที่นั่งเหลือ 32 ที่นั่ง และขยายเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมานครชัยแอร์ย้ายสำนักงานใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ เมื่อปี 2556 ย้ายมาจากเลขที่ 27 ซอยวิภาวดีรังสิต 19 ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย 5 ชั้น ไปยังเลขที่ 109 ถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนถึงแยกรัชวิภา บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ เพื่อรองรับการขยายกิจการ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัวนครชัยแอร์ ผ่านมา 11 ปี จึงย้ายมาที่ปากซอยวิภาวดีรังสิต 60 ในปัจจุบัน ถึงกระนั้น สถานีเดินรถนครชัยแอร์ กรุงเทพฯ ยังคงตั้งอยู่ริมถนนกำแพงเพชร 2 เช่นเดิม ผู้โดยสารสามารถใช้บริการได้ตามปกติ รวมทั้งสามารถเลือกขึ้นรถได้ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 และนครชัยแอร์ สาขารังสิต ภายในปั๊มน้ำมันบางจาก รังสิต ถนนพหลโยธิน ตรงข้ามโรงงานบริดจสโตน เช่นเดิม เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ ตระกูลวงศ์เบญจรัตน์ได้ขายกิจการเดินรถ ไม่รวมทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน แก่กลุ่มนายคีรี กาญจนพาสน์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และระบบขนส่งมวลชน กระทั่งส่งตัวแทนซึ่งล้วนเป็นคนของกลุ่มนายคีรีเข้ามาบริหารแทน ส่วนทายาทรุ่นที่ 3 อย่างนางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร ได้หายไปจากพื้นที่ข่าว หลังปรากฎครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม 2565 อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังไม่ประกาศว่านครชัยแอร์เป็นหนึ่งธุรกิจในเครือ จากปัจจุบันกลุ่มธุรกิจ MOVE ประกอบด้วยรถไฟฟ้า 4 สี รถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง โครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบิน ข้อความที่ระบุว่า "ต้นแบบการเดินทางไกล ที่สะดวกสบาย ปลอดภัย ด้วยองค์กรที่มั่นคง และร่วมแรงร่วมใจ ให้บริการ" ซึ่งนายจักรินทร์ ประธานผู้ก่อตั้งได้เขียนไว้ในสำนักงาน คงเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งของธุรกิจรถทัวร์ในไทย เพราะอีกไม่นานที่ดินผืนงามกว่า 16 ไร่ย่านแยกรัชวิภา อาจเปลี่ยนมือไปเป็นอย่างอื่น ตามแผนการย้ายสำนักงานใหญ่และขายที่ดินที่เกิดขึ้นนานแล้ว #Newskit #นครชัยแอร์ #BTSGroup
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 890 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาย A2 จอดที่เกาะดินแดง ไม่เข้าพหลโยธิน

    ผลกระทบจากการปฎิรูปรถเมล์ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป นอกจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะยกเลิกเดินรถ 14 เส้นทาง เปิดเดินรถเส้นทางใหม่ 10 เส้นทางแล้ว ยังกระทบไปถึงรถเมล์เชื่อมสนามบินดอนเมืองเช่นกัน

    โดยรถเมล์สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเช่นกัน เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง โดยได้มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์บนรถเมล์สาย A2 ไปแล้ว

    จากเดิม สาย A2 ออกจากป้ายหยุดรถประจำทาง สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ประตู 6 ชั้น 1 ผู้โดยสารขาเข้า ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ด่านหลักสี่ ลงด่านลาดพร้าว เปลี่ยนเป็น ลงด่านดินแดง เลี้ยวขวาที่สามแยกดินแดง สิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกาะดินแดง (ฝั่งศูนย์การค้าวิคตอรี่ฮับ)

    สามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้ที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยรถจะไม่ผ่านโรงเรียนหอวัง ธนาคารทหารไทยธนชาต (ซอยเฉยพ่วง) สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต สะพานควาย อารีย์ และสนามเป้าอีกต่อไป

    อย่างไรก็ตาม สามารถใช้บริการรถเมล์สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต 2) ทดแทนกันได้ ซึ่งรถจะลงด่านลาดพร้าว ผ่านป้ายโรงเรียนหอวัง ธนาคารทหารไทยธนชาต และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต

    ส่วนขาเข้าสนามบิน เปลี่ยนจุดขึ้นรถจากเดิมเกาะพหลโยธิน มาเป็นเกาะดินแดง ไปตามถนนราชวิถี สำนักงาน ป.ป.ส. สามแยกดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ด่านดินแดง ลงสนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ประตู 6 ผู้โดยสารขาออก โดยรถจะไม่ผ่านป้ายสนามเป้า อารีย์ สะพานควาย สวนจตุจักร และสวนรถไฟอีกต่อไป

    นอกจากนี้ ยังต้องรอลุ้นว่า รถเมล์สาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี และสาย A4 ท่าอากาศยานดอนเมือง-ถนนข้าวสาร-สนามหลวง จะยังคงให้บริการต่อ หรือหยุดให้บริการ เนื่องจากสองเส้นทางนี้ไม่ได้ถูกบรรจุในแผนปฎิรูปรถเมล์มาก่อน ซึ่งมีเจ้าภาพหลักคือ กรมการขนส่งทางบก

    #Newskit #ขสมก #สนามบินดอนเมือง
    สาย A2 จอดที่เกาะดินแดง ไม่เข้าพหลโยธิน ผลกระทบจากการปฎิรูปรถเมล์ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป นอกจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะยกเลิกเดินรถ 14 เส้นทาง เปิดเดินรถเส้นทางใหม่ 10 เส้นทางแล้ว ยังกระทบไปถึงรถเมล์เชื่อมสนามบินดอนเมืองเช่นกัน โดยรถเมล์สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเช่นกัน เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง โดยได้มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์บนรถเมล์สาย A2 ไปแล้ว จากเดิม สาย A2 ออกจากป้ายหยุดรถประจำทาง สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ประตู 6 ชั้น 1 ผู้โดยสารขาเข้า ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ด่านหลักสี่ ลงด่านลาดพร้าว เปลี่ยนเป็น ลงด่านดินแดง เลี้ยวขวาที่สามแยกดินแดง สิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกาะดินแดง (ฝั่งศูนย์การค้าวิคตอรี่ฮับ) สามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้ที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยรถจะไม่ผ่านโรงเรียนหอวัง ธนาคารทหารไทยธนชาต (ซอยเฉยพ่วง) สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต สะพานควาย อารีย์ และสนามเป้าอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม สามารถใช้บริการรถเมล์สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต 2) ทดแทนกันได้ ซึ่งรถจะลงด่านลาดพร้าว ผ่านป้ายโรงเรียนหอวัง ธนาคารทหารไทยธนชาต และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต ส่วนขาเข้าสนามบิน เปลี่ยนจุดขึ้นรถจากเดิมเกาะพหลโยธิน มาเป็นเกาะดินแดง ไปตามถนนราชวิถี สำนักงาน ป.ป.ส. สามแยกดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ด่านดินแดง ลงสนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ประตู 6 ผู้โดยสารขาออก โดยรถจะไม่ผ่านป้ายสนามเป้า อารีย์ สะพานควาย สวนจตุจักร และสวนรถไฟอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังต้องรอลุ้นว่า รถเมล์สาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี และสาย A4 ท่าอากาศยานดอนเมือง-ถนนข้าวสาร-สนามหลวง จะยังคงให้บริการต่อ หรือหยุดให้บริการ เนื่องจากสองเส้นทางนี้ไม่ได้ถูกบรรจุในแผนปฎิรูปรถเมล์มาก่อน ซึ่งมีเจ้าภาพหลักคือ กรมการขนส่งทางบก #Newskit #ขสมก #สนามบินดอนเมือง
    Like
    6
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1004 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฐมบทรถไฟฟ้าสายสีส้ม

    ฤกษ์งามยามดีดิถีเพ็ญ 18 กรกฎาคม 2567 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ชนะการคัดเลือกโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม หลังเสนอค่าก่อสร้างช่วงบางขุนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 95,432.04 ล้านบาท และเสนอผลตอบแทนให้ รฟม. 10,000 ล้านบาท

    ทั้งนี้ รฟม.และ BEM มีแผนที่จะเปิดให้บริการช่วง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี 17 สถานี ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร ที่งานโยธาแล้วเสร็จ ภายในเดือนพฤษภาคม 2571 แต่จะเจรจากับ BEM ให้เปิดบริการก่อนกำหนดต้นปี 2571

    ส่วนช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 11 สถานี ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร โครงสร้างใต้ดินตลอดสาย จะมีการก่อสร้างงานโยธา โดย รฟม. มีแผนที่จะเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2573 ซึ่งจะทำให้แนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร

    โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เริ่มก่อสร้างงานโยธาช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี มาตั้งแต่ปี 2560 แล้วเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากมีคดีในศาลปกครองหลายคดี กรณีประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ก่อนปรับหลักเกณฑ์ ยกเลิกประมูลครั้งแรก แล้วจัดประมูลใหม่อีกรอบ

    กระทั่งวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนยกฟ้อง คดีที่กลุ่มบริษัทบีทีเอสฟ้อง รฟม. โดยยืนยันว่าการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี ครั้งที่ 2 ชอบด้วยกฎหมายแล้ว กระทั่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ดังกล่าว

    #Newskit #รถไฟฟ้าสายสีส้ม #MRTOrangeLine
    ปฐมบทรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฤกษ์งามยามดีดิถีเพ็ญ 18 กรกฎาคม 2567 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ชนะการคัดเลือกโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม หลังเสนอค่าก่อสร้างช่วงบางขุนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 95,432.04 ล้านบาท และเสนอผลตอบแทนให้ รฟม. 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ รฟม.และ BEM มีแผนที่จะเปิดให้บริการช่วง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี 17 สถานี ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร ที่งานโยธาแล้วเสร็จ ภายในเดือนพฤษภาคม 2571 แต่จะเจรจากับ BEM ให้เปิดบริการก่อนกำหนดต้นปี 2571 ส่วนช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 11 สถานี ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร โครงสร้างใต้ดินตลอดสาย จะมีการก่อสร้างงานโยธา โดย รฟม. มีแผนที่จะเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2573 ซึ่งจะทำให้แนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เริ่มก่อสร้างงานโยธาช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี มาตั้งแต่ปี 2560 แล้วเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากมีคดีในศาลปกครองหลายคดี กรณีประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ก่อนปรับหลักเกณฑ์ ยกเลิกประมูลครั้งแรก แล้วจัดประมูลใหม่อีกรอบ กระทั่งวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนยกฟ้อง คดีที่กลุ่มบริษัทบีทีเอสฟ้อง รฟม. โดยยืนยันว่าการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี ครั้งที่ 2 ชอบด้วยกฎหมายแล้ว กระทั่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ดังกล่าว #Newskit #รถไฟฟ้าสายสีส้ม #MRTOrangeLine
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 668 มุมมอง 0 รีวิว