• กองประกวดนางสาวไทยนครราชสีมา ร่วมกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด จัดงาน “โครงการคัดกรองพาหะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (SMA) “เด็กโคราชสุขภาพดี ปลอดโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง” จังหวัดนครราชสีมาและ แถลงข่าวพิธีมอบมงกุฎพร้อมทั้งสายสะพายอย่างเป็นทางการให้กับนางสาวไทยนครราชสีมา และ นางสาวไทยสระบุรีประจำปี 2568 ” ในวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 17.00-20.30 น.ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช
    โดยได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เป็นประธานในพิธี มอบมงกุฎและสายสะพายอย่างเป็นทางการให้กับ “เจเล่”-น.ส.โชติกา ดอกแก้วกลาง เป็นตัวแทนนางสาวไทยจังหวัดนครราชสีมา และ “แคท”-น.ส.พนิดา ตั้งตระกูลเจริญ เป็นตัวแทนนางสาวไทยจังหวัดสระบุรี เพื่อถ่ายทอดอัตลักษณ์อันโดดเด่นเมืองโคราช สะท้อนความสง่างามในทุกมิติ ก้าวสู่เวทีระดับประเทศในการประกวด นางสาวไทย ประจำปี 2568 ซึ่งจะประกวดรอบชิงชนะเลิศ Final Competition นางสาวไทย ประจำปี 2568 ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่ ห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน
    ทั้งนี้ ผู้กองแคท อาทิตยา เบ็ญจะปัก รองอันดับ 2 นางสาวไทย 2567 และนางสาวไทยนครราชสีมา 2567 ได้อำลาตำแหน่งอันทรงคุณค่าอย่างเป็นทางการพร้อมจัดเสวนา โครงการที่จะเกิดขึ้นเพื่อน้องๆ โรคแขนขาอ่อนแรงโรงพยาบาลลมหาราชนครราชสีมา โครงการผู้ว่าพานับคาร์บ เพื่อลดโรค NCDs (โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง) และโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชน TO BE NUMBER ONE (TO BE IDOL) และโครงการการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในเด็กและเยาวชน โดย ร้อยตำรวจเอกหญิงอาทิตยา เบ็ญจะปัก นางสาวไทยจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงการเดินแบบผ้าไทย สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” สัมภาษณ์ เจ้าของแบรนด์ผ้าไหมโคราช “ศักดิ์ศรีไหมไทย”
    ภายในงานได้มีแขกรับเชิญพิเศษ “แอน-แอนโทเนีย โพซิ้ว” 1st runner up Miss Universe 2023 | Miss Universe Thailand 2023 | ประธานมูลนิธิ Little Steps พร้อมด้วย แม่ปุ้ย-น.ส.ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้จัดกองประกวด TPN และแขกผู้มีเกียรติ อาทิ ดร.นก ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ นางสาวไทยประจำปี 2541,ฟ็อก ปรเมษฐ์ มั่นยืน 3rd Runner up Mister Global Thailand 2024 และ สุ สุรชยา ใจหมั่น 1st Runner up UIU 2024 ที่ให้เกียรติมาร่วมอยู่ในช่วงเวลาสำคัญอีกครั้งนึง อีกทั้งผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ น.ส.ชัญญ์ญาณ์ ธำรงวินิจฉัย ผู้จัดการใหญ่กิจกรรมการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ให้การต้อนรับเหล่าแฟนนางงามที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
    กองประกวดนางสาวไทยนครราชสีมา ร่วมกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด จัดงาน “โครงการคัดกรองพาหะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (SMA) “เด็กโคราชสุขภาพดี ปลอดโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง” จังหวัดนครราชสีมาและ แถลงข่าวพิธีมอบมงกุฎพร้อมทั้งสายสะพายอย่างเป็นทางการให้กับนางสาวไทยนครราชสีมา และ นางสาวไทยสระบุรีประจำปี 2568 ” ในวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 17.00-20.30 น.ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช โดยได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เป็นประธานในพิธี มอบมงกุฎและสายสะพายอย่างเป็นทางการให้กับ “เจเล่”-น.ส.โชติกา ดอกแก้วกลาง เป็นตัวแทนนางสาวไทยจังหวัดนครราชสีมา และ “แคท”-น.ส.พนิดา ตั้งตระกูลเจริญ เป็นตัวแทนนางสาวไทยจังหวัดสระบุรี เพื่อถ่ายทอดอัตลักษณ์อันโดดเด่นเมืองโคราช สะท้อนความสง่างามในทุกมิติ ก้าวสู่เวทีระดับประเทศในการประกวด นางสาวไทย ประจำปี 2568 ซึ่งจะประกวดรอบชิงชนะเลิศ Final Competition นางสาวไทย ประจำปี 2568 ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่ ห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ทั้งนี้ ผู้กองแคท อาทิตยา เบ็ญจะปัก รองอันดับ 2 นางสาวไทย 2567 และนางสาวไทยนครราชสีมา 2567 ได้อำลาตำแหน่งอันทรงคุณค่าอย่างเป็นทางการพร้อมจัดเสวนา โครงการที่จะเกิดขึ้นเพื่อน้องๆ โรคแขนขาอ่อนแรงโรงพยาบาลลมหาราชนครราชสีมา โครงการผู้ว่าพานับคาร์บ เพื่อลดโรค NCDs (โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง) และโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชน TO BE NUMBER ONE (TO BE IDOL) และโครงการการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในเด็กและเยาวชน โดย ร้อยตำรวจเอกหญิงอาทิตยา เบ็ญจะปัก นางสาวไทยจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงการเดินแบบผ้าไทย สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” สัมภาษณ์ เจ้าของแบรนด์ผ้าไหมโคราช “ศักดิ์ศรีไหมไทย” ภายในงานได้มีแขกรับเชิญพิเศษ “แอน-แอนโทเนีย โพซิ้ว” 1st runner up Miss Universe 2023 | Miss Universe Thailand 2023 | ประธานมูลนิธิ Little Steps พร้อมด้วย แม่ปุ้ย-น.ส.ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้จัดกองประกวด TPN และแขกผู้มีเกียรติ อาทิ ดร.นก ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ นางสาวไทยประจำปี 2541,ฟ็อก ปรเมษฐ์ มั่นยืน 3rd Runner up Mister Global Thailand 2024 และ สุ สุรชยา ใจหมั่น 1st Runner up UIU 2024 ที่ให้เกียรติมาร่วมอยู่ในช่วงเวลาสำคัญอีกครั้งนึง อีกทั้งผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ น.ส.ชัญญ์ญาณ์ ธำรงวินิจฉัย ผู้จัดการใหญ่กิจกรรมการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ให้การต้อนรับเหล่าแฟนนางงามที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 Comments 0 Shares 1152 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อบุญจันทร์ วัดกุญชรวนาราม จ.พิษณุโลก ปี2535
    เหรียญหลวงพ่อบุญจันทร์ ( ตอกโค๊ต ) วัดกุญชรวนาราม (ในห้วย) ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ปี2535 // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและมีโชคลาภ ค้าขายดี ป้องกันอาเพศ คุณไสยและสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ไม่ให้เข้ามากล้ำกราย อำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” >>

    ** หลวงปู่บุญจันทร์ "คะเบนรัมย์" ชินบุตโต วัดถ้ำทราย-วัดกุญชรวนาราม(ในห้วย) ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เนื้อทองแดง อายุ ๘๗ ปี ตอกโค๊ต อุ ปี 2535 เกิด ปี 2466 ณ บ้านโพธิ์ศรีสุข จ.บุรีรัมย์ บวชเณร และศึกษาธรรมชั้นต้นกับพระอาจารย์เสน วัดโพธิ์ศรีสุข จนอายุได้ 20 ปี จึงอุปสมบท ศึกษาสอบได้นักธรรมชั้นตรี โท และเอก ที่สำนักวัดธาตุทอง จนเกิดสงครามโลกครั้งที่2 ท่านจึงธุดงค์ไปอยู่ที่ พระตะบอง และได้ศึกษาวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ในเขมรหลายองค์ เมื่อสงครามสงบจึงธุดงค์กลับประเทศไทย ได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง นครราชสีมา ,หลวงปู่เคน ถ้ำเขาอีโต้ นครนายก จนสำเร็จ จึงออกแสวงหาความสงบ จนมาถึง หมู่บ้านถ้ำทราย มรณภาพ วันที่ 27 มีนาคม 2537 สิริอายุ 81 ปี 51 พรรษา (สังขารไม่เน่า) >>


    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อบุญจันทร์ วัดกุญชรวนาราม จ.พิษณุโลก ปี2535 เหรียญหลวงพ่อบุญจันทร์ ( ตอกโค๊ต ) วัดกุญชรวนาราม (ในห้วย) ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ปี2535 // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและมีโชคลาภ ค้าขายดี ป้องกันอาเพศ คุณไสยและสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ไม่ให้เข้ามากล้ำกราย อำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” >> ** หลวงปู่บุญจันทร์ "คะเบนรัมย์" ชินบุตโต วัดถ้ำทราย-วัดกุญชรวนาราม(ในห้วย) ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เนื้อทองแดง อายุ ๘๗ ปี ตอกโค๊ต อุ ปี 2535 เกิด ปี 2466 ณ บ้านโพธิ์ศรีสุข จ.บุรีรัมย์ บวชเณร และศึกษาธรรมชั้นต้นกับพระอาจารย์เสน วัดโพธิ์ศรีสุข จนอายุได้ 20 ปี จึงอุปสมบท ศึกษาสอบได้นักธรรมชั้นตรี โท และเอก ที่สำนักวัดธาตุทอง จนเกิดสงครามโลกครั้งที่2 ท่านจึงธุดงค์ไปอยู่ที่ พระตะบอง และได้ศึกษาวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ในเขมรหลายองค์ เมื่อสงครามสงบจึงธุดงค์กลับประเทศไทย ได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง นครราชสีมา ,หลวงปู่เคน ถ้ำเขาอีโต้ นครนายก จนสำเร็จ จึงออกแสวงหาความสงบ จนมาถึง หมู่บ้านถ้ำทราย มรณภาพ วันที่ 27 มีนาคม 2537 สิริอายุ 81 ปี 51 พรรษา (สังขารไม่เน่า) >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 443 Views 0 Reviews
  • “พุดเดิ้ล” เข้าพบดีเอสไอ เผยมี 5 คนคอยรับงานให้ "แตงโม" คือ "แอนนา-พุดเดิ้ล-กระติก-ฮิปโป-อุ้ย" ในไลน์กลุ่ม แต่วันลงเรือไม่ทราบว่าเจ้าตัวไปรับรีวิวเรือหรือไม่

    วันนี้ (5 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องคณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสืบสวนที่ 20/2568 กรณี คดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง เพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ

    โดย นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เปิดเผยว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ.65 คืนวันเกิดเหตุตอนนั้นตนอยู่ในรถกับแอนนา (นายวรินทร วัตรสังข์) ซึ่งตนได้โทรศัพท์หาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักไปว่าทำอะไร ตนจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับมาตอนเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พ ๆ“ อย่างไรก็ตาม ตนจำเวลาตอนโทรศัพท์ไปไม่ได้ แต่ตนได้ทักไปตอนประมาณ 21.00 น. นอกจากนั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่าแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้เลย แต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นแตงโมตอบเองหรือไม่ จากนั้น 2 ชม. หลังจากแตงโมตอบกลับ ตนเห็นกลุ่มนางงามโพสต์ว่าแตงโมตกเรือเสียชีวิต ซึ่งตนคิดว่าโพสต์เล่น กระทั่งผ่านไปครึ่ง ชม. ก็มีคนทักมาหาเยอะ ตนเริ่มตะหงิดใจ จึงใช้เบอร์ส่วนตัวโทรศัพท์หาแตงโมหลายสายก็ไม่มีใครรับ ตนเริ่มกระวนกระวาย ทางแอนนาจึงโทรศัพท์หากระติก (น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์) ถามว่าจริงหรือไม่ กระติกตอบกลับว่า “รู้ได้ไง” ตนจึงถามต่อว่า “ตกจริงใช่ไหม” ก่อนกระติกยอมรับว่าจริง จากนั้นทั้งตนและแอนนาก็ไปตามหา ตอนประมาณเวลา 00.00 น.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021401

    #MGROnline #พุดเดิ้ล #ดีเอสไอ
    “พุดเดิ้ล” เข้าพบดีเอสไอ เผยมี 5 คนคอยรับงานให้ "แตงโม" คือ "แอนนา-พุดเดิ้ล-กระติก-ฮิปโป-อุ้ย" ในไลน์กลุ่ม แต่วันลงเรือไม่ทราบว่าเจ้าตัวไปรับรีวิวเรือหรือไม่ • วันนี้ (5 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องคณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสืบสวนที่ 20/2568 กรณี คดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง เพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ • โดย นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เปิดเผยว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ.65 คืนวันเกิดเหตุตอนนั้นตนอยู่ในรถกับแอนนา (นายวรินทร วัตรสังข์) ซึ่งตนได้โทรศัพท์หาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักไปว่าทำอะไร ตนจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับมาตอนเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พ ๆ“ อย่างไรก็ตาม ตนจำเวลาตอนโทรศัพท์ไปไม่ได้ แต่ตนได้ทักไปตอนประมาณ 21.00 น. นอกจากนั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่าแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้เลย แต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นแตงโมตอบเองหรือไม่ จากนั้น 2 ชม. หลังจากแตงโมตอบกลับ ตนเห็นกลุ่มนางงามโพสต์ว่าแตงโมตกเรือเสียชีวิต ซึ่งตนคิดว่าโพสต์เล่น กระทั่งผ่านไปครึ่ง ชม. ก็มีคนทักมาหาเยอะ ตนเริ่มตะหงิดใจ จึงใช้เบอร์ส่วนตัวโทรศัพท์หาแตงโมหลายสายก็ไม่มีใครรับ ตนเริ่มกระวนกระวาย ทางแอนนาจึงโทรศัพท์หากระติก (น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์) ถามว่าจริงหรือไม่ กระติกตอบกลับว่า “รู้ได้ไง” ตนจึงถามต่อว่า “ตกจริงใช่ไหม” ก่อนกระติกยอมรับว่าจริง จากนั้นทั้งตนและแอนนาก็ไปตามหา ตอนประมาณเวลา 00.00 น. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021401 • #MGROnline #พุดเดิ้ล #ดีเอสไอ
    0 Comments 0 Shares 506 Views 0 Reviews
  • 📌ข้อคิดดีๆฝากถึง Gen-Y และ Gen-Xตลอดจน ผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัยจาก
    ➡️นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ
    “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้”

    1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี

    2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ

    3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย

    4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว

    5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส

    6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง

    7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ

    8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี

    9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด

    10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข

    11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน

    นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี)

    ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

    FB: โต๊ะป้าศรี CH Table

    (แอดมินเดือน)
    📌ข้อคิดดีๆฝากถึง Gen-Y และ Gen-Xตลอดจน ผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัยจาก ➡️นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้” 1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี 2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ 3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย 4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว 5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส 6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง 7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี 9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด 10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข 11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์ FB: โต๊ะป้าศรี CH Table (แอดมินเดือน)
    0 Comments 0 Shares 858 Views 0 Reviews
  • ❤️ขัอคิดดีๆฝากถึง Gen-Y Gen-X และผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่สูงวัยจาก
    👉นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ
    “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้”

    1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี

    2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ

    3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย

    4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว

    5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส

    6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง

    7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ

    8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี

    9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด

    10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข

    11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน

    นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99ปี
    ❤️ขัอคิดดีๆฝากถึง Gen-Y Gen-X และผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่สูงวัยจาก 👉นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้” 1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี 2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ 3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย 4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว 5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส 6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง 7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี 9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด 10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข 11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99ปี
    0 Comments 0 Shares 750 Views 0 Reviews
  • เปิดวาร์ป "อั้ม ศรินยา" คู่กรณีสาวแดนเซอร์

    “อั้ม ศรินยา” คู่กรณี 3 สาวแดนเซอร์ ในรายการโหนกระแสสวยหรูดูแพง ดีกรีไม่ธรรมดาสวยระดับนางงาม-นางเอก MV

    #News1 #Newsstory #อั้มศรินยา #แดนเซอร์ #ทำร้ายร่างกาย #โหนกระแส
    เปิดวาร์ป "อั้ม ศรินยา" คู่กรณีสาวแดนเซอร์ “อั้ม ศรินยา” คู่กรณี 3 สาวแดนเซอร์ ในรายการโหนกระแสสวยหรูดูแพง ดีกรีไม่ธรรมดาสวยระดับนางงาม-นางเอก MV #News1 #Newsstory #อั้มศรินยา #แดนเซอร์ #ทำร้ายร่างกาย #โหนกระแส
    0 Comments 0 Shares 706 Views 12 0 Reviews
  • "โอปอล" ยินดีกับ "ณวัฒน์" ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ MUT คนใหม่ เผยเป็นการเปลี่ยนมือที่ยิ่งใหญ่มากๆ ยก MGI โปรดักชั่นเลิศ ได้เห็นอะไรสนุกๆ แน่นอน พร้อมร่วมงานณวัฒน์หากได้รับโอกาส รอลุ้นจะได้ขึ้นเวทีอำลาตำแหน่งหรือไม่ ลั่นเคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่ แต่ถ้าไม่ได้อำลาตนก็ถือว่าได้ปิดจ็อบตำแหน่งอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่กลับจากประกวดมิสยูนิเวิร์สแล้ว

    หลังจากมีการเปลี่ยนมือผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จาก "ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" มาเป็น "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" แฟนนางงามก็รอลุ้นว่าจะได้เห็น "โอปอล สุชาตา ช่วงศรี" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 ขึ้นเวทีอำลาตำแหน่งหรือไม่ ด้วยเหตุผลและข้อจำกัดหลายๆ อย่างของการเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้ไม่สามารถมีโมเมนต์นั้นได้

    ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้โอปอลบอกว่า สำหรับตนไม่มีปัญหาเลย ถ้าได้อำลาก็เป็นเรื่องดีในการดำรงตำแหน่งของตน และเป็นกำไร แต่ถ้าไม่ได้ขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าได้ปิดจ็อบอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่กลับจากไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส ที่ประเทศเม็กซิโกแล้ว พร้อมเผยความรู้สึกที่ MUT เปลี่ยนมือ

    "ก็โอเคนะคะ เป็นยุคใหม่ ความจริงแล้วตอนที่เป็นในยุคแม่ปุ้ยจะบอกว่าก็มีหลายการเปลี่ยนแปลงที่เรารู้สึกว่าเป็นยุคใหม่เหมือนกัน เพราะว่าแต่ละปี MUT เขาก็จะมีธีมของเขาที่ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่มากๆ ก็ขอแสดงความยินดีให้กับทางพี่ณวัฒน์ ทาง MGI ด้วยที่ได้ถือลิขสิทธิ์ไปนะคะ

    หนูก็ติดตามค่ะ ตามอยู่แล้ว และยิ่งเปลี่ยนผ่านเป็นยุคใหม่ก็ยิ่งติดตาม เชื่อว่าทุกคนก็คงให้ความสนใจ และความจริง MGI ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอยู่แล้ว โปรดักชั่นอะไรเขาก็เลิศ ทีนี้เราก็รอดูความสนุกสนานของปีนี้ต่อไปค่ะ"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000017821

    #MGROnline #ณวัฒน์ #MUT
    "โอปอล" ยินดีกับ "ณวัฒน์" ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ MUT คนใหม่ เผยเป็นการเปลี่ยนมือที่ยิ่งใหญ่มากๆ ยก MGI โปรดักชั่นเลิศ ได้เห็นอะไรสนุกๆ แน่นอน พร้อมร่วมงานณวัฒน์หากได้รับโอกาส รอลุ้นจะได้ขึ้นเวทีอำลาตำแหน่งหรือไม่ ลั่นเคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่ แต่ถ้าไม่ได้อำลาตนก็ถือว่าได้ปิดจ็อบตำแหน่งอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่กลับจากประกวดมิสยูนิเวิร์สแล้ว • หลังจากมีการเปลี่ยนมือผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จาก "ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" มาเป็น "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" แฟนนางงามก็รอลุ้นว่าจะได้เห็น "โอปอล สุชาตา ช่วงศรี" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 ขึ้นเวทีอำลาตำแหน่งหรือไม่ ด้วยเหตุผลและข้อจำกัดหลายๆ อย่างของการเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้ไม่สามารถมีโมเมนต์นั้นได้ • ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้โอปอลบอกว่า สำหรับตนไม่มีปัญหาเลย ถ้าได้อำลาก็เป็นเรื่องดีในการดำรงตำแหน่งของตน และเป็นกำไร แต่ถ้าไม่ได้ขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าได้ปิดจ็อบอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่กลับจากไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส ที่ประเทศเม็กซิโกแล้ว พร้อมเผยความรู้สึกที่ MUT เปลี่ยนมือ • "ก็โอเคนะคะ เป็นยุคใหม่ ความจริงแล้วตอนที่เป็นในยุคแม่ปุ้ยจะบอกว่าก็มีหลายการเปลี่ยนแปลงที่เรารู้สึกว่าเป็นยุคใหม่เหมือนกัน เพราะว่าแต่ละปี MUT เขาก็จะมีธีมของเขาที่ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่มากๆ ก็ขอแสดงความยินดีให้กับทางพี่ณวัฒน์ ทาง MGI ด้วยที่ได้ถือลิขสิทธิ์ไปนะคะ • หนูก็ติดตามค่ะ ตามอยู่แล้ว และยิ่งเปลี่ยนผ่านเป็นยุคใหม่ก็ยิ่งติดตาม เชื่อว่าทุกคนก็คงให้ความสนใจ และความจริง MGI ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอยู่แล้ว โปรดักชั่นอะไรเขาก็เลิศ ทีนี้เราก็รอดูความสนุกสนานของปีนี้ต่อไปค่ะ" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000017821 • #MGROnline #ณวัฒน์ #MUT
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 501 Views 0 Reviews
  • เล่าเรื่องบันเทิงTikTok@Jayvanasuwan #พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร #นางงาม #mgr #news1 #ควาย #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    เล่าเรื่องบันเทิงTikTok@Jayvanasuwan #พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร #นางงาม #mgr #news1 #ควาย #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    0 Comments 0 Shares 514 Views 3 0 Reviews
  • คุยกันเรื่องวังหลังของเฉียนหลงฮ่องเต้มาหลายสัปดาห์ วันนี้ยังคุยกันเรื่องนี้ แต่เปลี่ยนเป็นละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> เป็นเรื่องที่เพื่อนเพจท่านหนึ่งถามถึงเกี่ยวกับเรื่องราวของภาพวาดที่พูดถึงในละคร

    ท่านใดที่ได้เคยดูละครหรืออ่านนิยายเรื่องนี้จะทราบว่า เฉียนหลงฮ่องเต้ทรงพระราชทานรูปภาพทั้งหมดสิบสองภาพให้แก่เหล่าพระมเหสี โดยในเรื่องมีการเล่าถึงความหมายของบางรูปภาพและมีการตีความกันไปต่างๆ นาๆ ว่าองค์เฉียนหลงทรงหมายถึงอะไร ในเรื่องนั้นองค์เฉียนหลงทรงต้องการให้พวกนางไปใช้เวลาไปตีความหมายกันเองจะได้ไม่มีเรื่องราวมากวนพระทัย แต่แน่นอนว่าภาพวาดเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวของมัน คงต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าเราจะคุยจบทั้ง 12 ภาพวาด อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ

    ภาพทั้งสิบสองภาพนี้ถูกเรียกรวมว่า ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ได้รับการวาดขึ้นคู่กับบทกวีสิบสองบทที่เรียกว่า ‘กงซวิ่นซือ’ (宫训诗 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+บทกวี) ที่ทรงให้เหล่าขุนนางเป็นผู้แต่งและจัดทำเป็นป้ายสี่อักษรที่สื่อถึงบทกวีเต็ม และได้ทรงกำหนดไว้ว่า ในทุกวันที่ 26 เดือน 12 ตามปฏิทินจีน (คือห้าวันก่อนตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาจัดเตรียมการฉลองวันตรุษ) ทั้งสิบสองตำหนักต้องเอาภาพและป้ายอักษรดังกล่าวออกมาแขวน โดยภาพวาดให้แขวนไว้บนผนังทิศตะวันตก ส่วนป้ายอักษรให้แขวนไว้บนผนังทิศตะวันออก รอจนวันที่ 2 เดือน 2 จึงจะปลดลงได้

    ภาพแรกที่จะคุยกันวันนี้เป็นภาพที่องค์เฉียนหลงพระราชทานให้ฮองเฮา เซี่ยวเสียนฉุนหวงโฮ่วแห่งพระตำหนักฉางชุนกง มีชื่อว่าภาพวาด ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ (太姒诲子/ไท่ซึสอนบุตร)

    ‘ไท่ซึ’ คือใคร? ไท่ซึเป็นชายาเอกในองค์โจวเหวินหวาง อ๋องผู้ปกครองแคว้นโจวในสมัยปลายราชวงศ์ซางระหว่างปี 1110-1050 ก่อนคริสตกาลและเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์โจว (หมายเหตุ คือองค์โจวเหวินหวางผู้ทรงกำหนดเพิ่มสายพิณเส้นที่หกที่มีชื่อว่า เซ่ากง บนพิณโบราณกู่ฉินเพื่อเป็นการระลึกถึงโอรสที่วายชนม์ ซึ่ง Storyฯ เคยเล่าถึงตอนคุยเรื่องชื่อของสายพิณจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/569581261836837 )

    จากบันทึกโบราณและบทกวีต่างๆ ที่กล่าวถึง ว่ากันว่า ไท่ซึมีรูปโฉมและจริยวัตรงดงามและมีเมตตา เป็นผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็นคู่ครองที่เหมาะสมกับโจวเหวินหวางและเป็นมารดาที่ดีแห่งแคว้น (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) นางมีบุตรชายสิบคนให้กับโจวเหวินหวาง ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่านางสั่งสอนบุตรอย่างเข้มงวดจนเป็นคนดีมีความกตัญญูทุกคน

    มีเรื่องราวต่อมาอีกว่า โอรสคนโตของนางและโจวเหวินหวาง นามว่า ป๋ออี้เข่า นั้น ในตำนานว่ากันว่าเป็นบุรุษรูปงาม เชี่ยวชาญด้านพิณ และขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรที่กตัญญูมาก ในสมัยนั้นโจ้วหวางผู้เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซางเพ่งเล็งและระแวงในแคว้นโจว และเพื่อเป็นการปกป้องโจวเหวินหวางและแคว้น ป๋ออี้เข่ายอมจากบ้านเกิดมาเป็นตัวประกันที่ราชสำนักซาง

    โจ้วหวางมีมเหสีที่รักมากชื่อว่าต๋าจี่ ผู้มีความงามอย่างที่หาใครเปรียบได้ยาก ตามตำนานเล่าว่า ต๋าจี่หลงรักป๋ออี้เข่าตั้งแต่แรกพบ เลยใช้ข้ออ้างขอเรียนพิณเพื่อเข้าใกล้ป๋ออี้เข่า แต่เขาไม่มีใจให้นาง นางโกรธแค้นเขามาก จึงสร้างเรื่องว่าถูกเขาลวนลาม ทำให้โจ้วหวางโกรธจนสังหารป๋ออี้เข่าทิ้ง ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจเริ่มคุ้นหูคุ้นตากันบ้างไหมกับชื่อ ‘ต๋าจี่’ นี้ แต่นี่คือเรื่องเล่าในตำนานสงครามเทพ <เฟิงเสิน> และต๋าจี่คือนางงามที่เป็นปีศาจจิ้งจอกจำแลงนั่นเอง

    โจ้วหวางถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นทรราชเพราะมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมอำมหิตมากมาย ต๋าจี่กลายเป็นตำนานนางจิ้งจอก เป็นตัวแทนของหญิงงามล่มเมือง และเรื่องราวของป๋ออี้เข่าเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดต่อครอบครัวของโจวเหวินหวางและไท่ซึ และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้โจวเหวินหวางลุกขึ้นเป็นปฏิปักษ์ต่อราชวงศ์ซางและสถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว ต่อมาบุตรชายคนรองคือโจวอู่หวางก็โค่นล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ (และในเรื่องชื่อของสายพิณที่ Storyฯ เคยเล่าถึงไปแล้วนั้น โจวอู่หวางคือผู้ที่เสริมสายพิณเส้นที่เจ็ดเข้าไปในพิณโบราณกู่ฉินและตั้งชื่อสายพิณเส้นนั้นว่า เซ่าซาง เพื่อเป็นการรำลึกถึงการล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ)

    ดูจะเชื่อมโยงตัวละครจากหลากหลายบทความที่ Storyฯ เคยเขียนถึง ลองย้อนกลับไปอ่านบทความเก่าๆ กันนะคะ จะได้ไม่งง

    สรุปว่า ภาพวาด ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ นี้แฝงไว้ซึ่งเรื่องราวความกตัญญูและโศกนาฏกรรมของป๋ออี้เข่า อารมณ์แฝงอาจสอดคล้องกับอารมณ์ที่โศกเศร้าของฮองเฮาเซี่ยวเสียนฉุนที่ต้องสูญเสียพระโอรสไปก่อนเวลาอันควร แต่ยังสะท้อนถึงจริยวัตรของการเป็นมารดาที่สั่งสอนบุตรอย่างดีอีกด้วย ส่วนป้ายอักษรที่มาคู่กับภาพนี้คือ ‘จิ้งซิวเน่ยเจ๋อ’ (敬休内则) มีความหมายประมาณว่า วางตนอย่างสงบและบริหารงานภายในครอบครัวให้เรียบร้อย

    จึงเป็นที่มาของการตีความโดยตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้ว่า ความหมายของรูปภาพนี้คืออยากให้ฮองเฮาเซี่ยวเสียนฉุนเลิกโศกเศร้าแล้วลุกขึ้นมาดูแลวังหลังในฐานะมารดาแห่งแผ่นดิน การตีความแบบนี้ถูกหรือไม่ Storyฯ ก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นว่าเรื่องราวจากภาพนี้ก็อ่านเพลินดี เพื่อนเพจเห็นด้วยไหม

    สัปดาห์หน้ามาคุยกันต่อกับภาพต่อไปค่ะ

    หมายเหตุ อัพเดทเพิ่มเติมวันที่ 22/8/2566 นะคะว่า ภาพวาดที่ Storyฯ แปะมาให้ดูนี้ เป็นผลงานในสมัยองค์คังซีของช่างวาดหลวงเจียวปิ่งเจินเกี่ยวกับไท่ซึค่ะ ภาพจริงของ ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 กงซวิ่นถูนั้นสูญหายไปแล้ว หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบได้

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://autos.yahoo.com.tw/被催生氣炸-富察皇后吐單身心聲-094507428.html
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/太姒
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html
    http://lethe921.blogspot.com/2013/05/blog-post.html
    http://www.chinakongzi.org/baike/RENWU/xianqin/201707/t20170720_139258.htm
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/妲己
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/伯邑考
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/太姒

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #ภาพวาดเฉียนหลง #ไท่ซึฮุ่ยจื่อ #ไท่ซึ #โจวเหวินหวาง #โจวอู่หวาง #โจ้วหวาง #ต๋าจี่ #นางจิ้งจอก #เฟิงเสิน
    คุยกันเรื่องวังหลังของเฉียนหลงฮ่องเต้มาหลายสัปดาห์ วันนี้ยังคุยกันเรื่องนี้ แต่เปลี่ยนเป็นละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> เป็นเรื่องที่เพื่อนเพจท่านหนึ่งถามถึงเกี่ยวกับเรื่องราวของภาพวาดที่พูดถึงในละคร ท่านใดที่ได้เคยดูละครหรืออ่านนิยายเรื่องนี้จะทราบว่า เฉียนหลงฮ่องเต้ทรงพระราชทานรูปภาพทั้งหมดสิบสองภาพให้แก่เหล่าพระมเหสี โดยในเรื่องมีการเล่าถึงความหมายของบางรูปภาพและมีการตีความกันไปต่างๆ นาๆ ว่าองค์เฉียนหลงทรงหมายถึงอะไร ในเรื่องนั้นองค์เฉียนหลงทรงต้องการให้พวกนางไปใช้เวลาไปตีความหมายกันเองจะได้ไม่มีเรื่องราวมากวนพระทัย แต่แน่นอนว่าภาพวาดเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวของมัน คงต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าเราจะคุยจบทั้ง 12 ภาพวาด อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ ภาพทั้งสิบสองภาพนี้ถูกเรียกรวมว่า ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ได้รับการวาดขึ้นคู่กับบทกวีสิบสองบทที่เรียกว่า ‘กงซวิ่นซือ’ (宫训诗 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+บทกวี) ที่ทรงให้เหล่าขุนนางเป็นผู้แต่งและจัดทำเป็นป้ายสี่อักษรที่สื่อถึงบทกวีเต็ม และได้ทรงกำหนดไว้ว่า ในทุกวันที่ 26 เดือน 12 ตามปฏิทินจีน (คือห้าวันก่อนตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาจัดเตรียมการฉลองวันตรุษ) ทั้งสิบสองตำหนักต้องเอาภาพและป้ายอักษรดังกล่าวออกมาแขวน โดยภาพวาดให้แขวนไว้บนผนังทิศตะวันตก ส่วนป้ายอักษรให้แขวนไว้บนผนังทิศตะวันออก รอจนวันที่ 2 เดือน 2 จึงจะปลดลงได้ ภาพแรกที่จะคุยกันวันนี้เป็นภาพที่องค์เฉียนหลงพระราชทานให้ฮองเฮา เซี่ยวเสียนฉุนหวงโฮ่วแห่งพระตำหนักฉางชุนกง มีชื่อว่าภาพวาด ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ (太姒诲子/ไท่ซึสอนบุตร) ‘ไท่ซึ’ คือใคร? ไท่ซึเป็นชายาเอกในองค์โจวเหวินหวาง อ๋องผู้ปกครองแคว้นโจวในสมัยปลายราชวงศ์ซางระหว่างปี 1110-1050 ก่อนคริสตกาลและเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์โจว (หมายเหตุ คือองค์โจวเหวินหวางผู้ทรงกำหนดเพิ่มสายพิณเส้นที่หกที่มีชื่อว่า เซ่ากง บนพิณโบราณกู่ฉินเพื่อเป็นการระลึกถึงโอรสที่วายชนม์ ซึ่ง Storyฯ เคยเล่าถึงตอนคุยเรื่องชื่อของสายพิณจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/569581261836837 ) จากบันทึกโบราณและบทกวีต่างๆ ที่กล่าวถึง ว่ากันว่า ไท่ซึมีรูปโฉมและจริยวัตรงดงามและมีเมตตา เป็นผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็นคู่ครองที่เหมาะสมกับโจวเหวินหวางและเป็นมารดาที่ดีแห่งแคว้น (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) นางมีบุตรชายสิบคนให้กับโจวเหวินหวาง ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่านางสั่งสอนบุตรอย่างเข้มงวดจนเป็นคนดีมีความกตัญญูทุกคน มีเรื่องราวต่อมาอีกว่า โอรสคนโตของนางและโจวเหวินหวาง นามว่า ป๋ออี้เข่า นั้น ในตำนานว่ากันว่าเป็นบุรุษรูปงาม เชี่ยวชาญด้านพิณ และขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรที่กตัญญูมาก ในสมัยนั้นโจ้วหวางผู้เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซางเพ่งเล็งและระแวงในแคว้นโจว และเพื่อเป็นการปกป้องโจวเหวินหวางและแคว้น ป๋ออี้เข่ายอมจากบ้านเกิดมาเป็นตัวประกันที่ราชสำนักซาง โจ้วหวางมีมเหสีที่รักมากชื่อว่าต๋าจี่ ผู้มีความงามอย่างที่หาใครเปรียบได้ยาก ตามตำนานเล่าว่า ต๋าจี่หลงรักป๋ออี้เข่าตั้งแต่แรกพบ เลยใช้ข้ออ้างขอเรียนพิณเพื่อเข้าใกล้ป๋ออี้เข่า แต่เขาไม่มีใจให้นาง นางโกรธแค้นเขามาก จึงสร้างเรื่องว่าถูกเขาลวนลาม ทำให้โจ้วหวางโกรธจนสังหารป๋ออี้เข่าทิ้ง ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจเริ่มคุ้นหูคุ้นตากันบ้างไหมกับชื่อ ‘ต๋าจี่’ นี้ แต่นี่คือเรื่องเล่าในตำนานสงครามเทพ <เฟิงเสิน> และต๋าจี่คือนางงามที่เป็นปีศาจจิ้งจอกจำแลงนั่นเอง โจ้วหวางถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นทรราชเพราะมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมอำมหิตมากมาย ต๋าจี่กลายเป็นตำนานนางจิ้งจอก เป็นตัวแทนของหญิงงามล่มเมือง และเรื่องราวของป๋ออี้เข่าเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดต่อครอบครัวของโจวเหวินหวางและไท่ซึ และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้โจวเหวินหวางลุกขึ้นเป็นปฏิปักษ์ต่อราชวงศ์ซางและสถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว ต่อมาบุตรชายคนรองคือโจวอู่หวางก็โค่นล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ (และในเรื่องชื่อของสายพิณที่ Storyฯ เคยเล่าถึงไปแล้วนั้น โจวอู่หวางคือผู้ที่เสริมสายพิณเส้นที่เจ็ดเข้าไปในพิณโบราณกู่ฉินและตั้งชื่อสายพิณเส้นนั้นว่า เซ่าซาง เพื่อเป็นการรำลึกถึงการล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ) ดูจะเชื่อมโยงตัวละครจากหลากหลายบทความที่ Storyฯ เคยเขียนถึง ลองย้อนกลับไปอ่านบทความเก่าๆ กันนะคะ จะได้ไม่งง สรุปว่า ภาพวาด ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ นี้แฝงไว้ซึ่งเรื่องราวความกตัญญูและโศกนาฏกรรมของป๋ออี้เข่า อารมณ์แฝงอาจสอดคล้องกับอารมณ์ที่โศกเศร้าของฮองเฮาเซี่ยวเสียนฉุนที่ต้องสูญเสียพระโอรสไปก่อนเวลาอันควร แต่ยังสะท้อนถึงจริยวัตรของการเป็นมารดาที่สั่งสอนบุตรอย่างดีอีกด้วย ส่วนป้ายอักษรที่มาคู่กับภาพนี้คือ ‘จิ้งซิวเน่ยเจ๋อ’ (敬休内则) มีความหมายประมาณว่า วางตนอย่างสงบและบริหารงานภายในครอบครัวให้เรียบร้อย จึงเป็นที่มาของการตีความโดยตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้ว่า ความหมายของรูปภาพนี้คืออยากให้ฮองเฮาเซี่ยวเสียนฉุนเลิกโศกเศร้าแล้วลุกขึ้นมาดูแลวังหลังในฐานะมารดาแห่งแผ่นดิน การตีความแบบนี้ถูกหรือไม่ Storyฯ ก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นว่าเรื่องราวจากภาพนี้ก็อ่านเพลินดี เพื่อนเพจเห็นด้วยไหม สัปดาห์หน้ามาคุยกันต่อกับภาพต่อไปค่ะ หมายเหตุ อัพเดทเพิ่มเติมวันที่ 22/8/2566 นะคะว่า ภาพวาดที่ Storyฯ แปะมาให้ดูนี้ เป็นผลงานในสมัยองค์คังซีของช่างวาดหลวงเจียวปิ่งเจินเกี่ยวกับไท่ซึค่ะ ภาพจริงของ ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 กงซวิ่นถูนั้นสูญหายไปแล้ว หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบได้ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://autos.yahoo.com.tw/被催生氣炸-富察皇后吐單身心聲-094507428.html https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/太姒 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html http://lethe921.blogspot.com/2013/05/blog-post.html http://www.chinakongzi.org/baike/RENWU/xianqin/201707/t20170720_139258.htm https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/妲己 https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/伯邑考 https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/太姒 #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #ภาพวาดเฉียนหลง #ไท่ซึฮุ่ยจื่อ #ไท่ซึ #โจวเหวินหวาง #โจวอู่หวาง #โจ้วหวาง #ต๋าจี่ #นางจิ้งจอก #เฟิงเสิน
    0 Comments 0 Shares 1534 Views 0 Reviews
  • ทำแฟนๆ นางงามร้องโอ้มายก็อดเลยทีเดียว หลังจากที่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เจ้าของมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ และมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” หรือ แอน JKN เจ้าของ เวทีมิส ยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ถึงขั้นเคยเปิดศึกฟาดปากกัน นอกจากนี้ณวัฒน์ยังไม่เผาผีกับเวทีนางงามซึ่งเป็นเวทีคู่แข่ง

    แต่ล่าสุด ณวัฒน์ ได้โพสต์ภาพจูบปากแอน จักรพงษ์ จัดประกวดมิส ยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ซึ่งบริษัทมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ เป็นผู้ถือสิทธิ์ในการประกวด ซึ่งเป็นการรับช่วงต่อจาก “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” หรือ ปุ้ย TPN ที่เคยมีข่าวลือมาหลายระลอกว่าลิขสิทธิ์จะหลุดมือก่อนหน้านี้ โดยทั้งคู่ร่วมกันแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) ณ MGI HALL ชั้น 6 ศูนย์การค้า Bravo BKK (Show DC เดิม) พร้อมตอบทุกคำถามที่อยากรู้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000015715

    #MGROnline #ณวัฒน์ #แอนจักรพงษ์ #มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์
    ทำแฟนๆ นางงามร้องโอ้มายก็อดเลยทีเดียว หลังจากที่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เจ้าของมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ และมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” หรือ แอน JKN เจ้าของ เวทีมิส ยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ถึงขั้นเคยเปิดศึกฟาดปากกัน นอกจากนี้ณวัฒน์ยังไม่เผาผีกับเวทีนางงามซึ่งเป็นเวทีคู่แข่ง • แต่ล่าสุด ณวัฒน์ ได้โพสต์ภาพจูบปากแอน จักรพงษ์ จัดประกวดมิส ยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ซึ่งบริษัทมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ เป็นผู้ถือสิทธิ์ในการประกวด ซึ่งเป็นการรับช่วงต่อจาก “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” หรือ ปุ้ย TPN ที่เคยมีข่าวลือมาหลายระลอกว่าลิขสิทธิ์จะหลุดมือก่อนหน้านี้ โดยทั้งคู่ร่วมกันแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) ณ MGI HALL ชั้น 6 ศูนย์การค้า Bravo BKK (Show DC เดิม) พร้อมตอบทุกคำถามที่อยากรู้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000015715 • #MGROnline #ณวัฒน์ #แอนจักรพงษ์ #มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์
    0 Comments 0 Shares 628 Views 0 Reviews
  • ก่อนหน้านี้ออกมาโพสต์ดรามา จนชาวเน็ตต่างสงสัยว่า “แบม ไพลิน วงษา” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อดีตนางงาม น่าจะมีปัญหาครอบครัว ล่าสุดวันนี้ แบม ไพลิน ได้ออกมาโพสต์ข้อความชัดๆ คืนชีวิตให้กันและกันตั้งแต่วันนี้ พร้อมภาพหอบลูกขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเกิด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000012864

    #MGROnline #แบมไพลิน
    ก่อนหน้านี้ออกมาโพสต์ดรามา จนชาวเน็ตต่างสงสัยว่า “แบม ไพลิน วงษา” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อดีตนางงาม น่าจะมีปัญหาครอบครัว ล่าสุดวันนี้ แบม ไพลิน ได้ออกมาโพสต์ข้อความชัดๆ คืนชีวิตให้กันและกันตั้งแต่วันนี้ พร้อมภาพหอบลูกขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเกิด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000012864 • #MGROnline #แบมไพลิน
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • นางงามกับแสงที่ส่องถึง : คนเคาะข่าว 29-01-68
    : ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
    กัลยาวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา2025
    สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร2025
    เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม2025
    วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสวรรค์2025

    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    #คนเคาะข่าว
    นางงามกับแสงที่ส่องถึง : คนเคาะข่าว 29-01-68 : ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กัลยาวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา2025 สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร2025 เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม2025 วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสวรรค์2025 ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ #คนเคาะข่าว
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 774 Views 7 1 Reviews
  • #“อิงฟ้า” ยอมรับแอบเป็นห่วงน้องๆ นางงามที่เป็นตัวแทน “แตงโม” ไปจำลองกระโดดน้ำ แต่พอทุกคนปลอดภัยก็โล่งใจ เชื่อ “บอส ณวัฒน์” ทำเพราะอยากช่วยหาความจริงมากกว่าการหาแสง ไม่นอยด์คนยังบูลลี่เรื่องตาหอยแคลงไม่เลิก บอกคงไม่ใช่ตาคู่ละ 30 บาทแน่นอน แต่เป็นตาคู่ละ 150 ล้าน

    ออกปากว่าเป็นห่วงน้องๆ นางงามมิสแกรนด์ที่ไปเป็นตัวแทน จำลองการเป็น “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ในการตกน้ำ สำหรับสาว “อิงฟ้า วราหะ” ซึ่งตอนนี้นอกจากจะเป็นรุ่นพี่นางงามแล้ว เจ้าตัวก็ยังเป็นผู้จัดการกองประกวดด้วย โดยอิงฟ้ายอมรับว่าตอนแรกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย แต่พอทุกอย่างเสร็จสิ้น เห็นแล้วว่าไม่เกิดอันตรายกับใครเลยก็โล่งใจ และเชื่อว่าที่ “บอสณวัฒน์ อิสรไกลศีล” ทำ ไม่ใช่เพื่อหาแสง แต่เพราะอยากช่วยหาความจริงเท่านั้น

    “มีได้ดู ก็แอบเป็นห่วงค่ะ อาจควบคุมไม่ได้ทุกอย่าง ค่อนข้างหนาวด้วย แต่ชื่นชมและความกล้าหาญของน้องๆ ที่มีทั้งช่วงที่ใส่เสื้อชูชีพแล้วก็ไม่ได้ใส่ คิดว่ามีส่วนช่วยในรูปคดีนะ อย่างน้อยก็ทำให้เห็นบางช่วง ว่าถ้าเป็นตอนแรกเราอาจมีความเข้าใจว่าการที่เราตกไปโอกาสที่เราจะโดนใบพัดหรือเรือดูดเข้าไป มี 100% เหตุการณ์จำลองมันทำให้เราเห็นว่ามันอาจไม่ใช่ 100% ที่จะโดนใบพัดดูดเข้าไป จากการทดสอบไม่มีใครโดนใบพัดดูดเข้าไป แต่โดนแรงดันเรือผลักออกไป"

    "ที่คนบอกว่าบอสมาเกาะกระแสมาหาแสงกับคดีแตงโมน่ะเหรอ เท่าที่หนูดูบอสสัมภาษณ์ แตงโมเขาเป็นแฟนคลับของมิสแกรนด์ เคยมาดูการประกวดหลายปี เขาคงอยากช่วยหาความจริงมากกว่า คนบอกว่าถ้าคดีไม่คลี่คลายจะให้หนูไปตกน้ำแทนเหรอ น่าจะไม่ค่ะ หนูว่ายน้ำไม่เป็นด้วย คงจะส่งกำลังใจให้ห่างๆ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000005608

    #MGROnline #อิงฟ้า #แตงโม #บอสณวัฒน์
    #“อิงฟ้า” ยอมรับแอบเป็นห่วงน้องๆ นางงามที่เป็นตัวแทน “แตงโม” ไปจำลองกระโดดน้ำ แต่พอทุกคนปลอดภัยก็โล่งใจ เชื่อ “บอส ณวัฒน์” ทำเพราะอยากช่วยหาความจริงมากกว่าการหาแสง ไม่นอยด์คนยังบูลลี่เรื่องตาหอยแคลงไม่เลิก บอกคงไม่ใช่ตาคู่ละ 30 บาทแน่นอน แต่เป็นตาคู่ละ 150 ล้าน • ออกปากว่าเป็นห่วงน้องๆ นางงามมิสแกรนด์ที่ไปเป็นตัวแทน จำลองการเป็น “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ในการตกน้ำ สำหรับสาว “อิงฟ้า วราหะ” ซึ่งตอนนี้นอกจากจะเป็นรุ่นพี่นางงามแล้ว เจ้าตัวก็ยังเป็นผู้จัดการกองประกวดด้วย โดยอิงฟ้ายอมรับว่าตอนแรกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย แต่พอทุกอย่างเสร็จสิ้น เห็นแล้วว่าไม่เกิดอันตรายกับใครเลยก็โล่งใจ และเชื่อว่าที่ “บอสณวัฒน์ อิสรไกลศีล” ทำ ไม่ใช่เพื่อหาแสง แต่เพราะอยากช่วยหาความจริงเท่านั้น • “มีได้ดู ก็แอบเป็นห่วงค่ะ อาจควบคุมไม่ได้ทุกอย่าง ค่อนข้างหนาวด้วย แต่ชื่นชมและความกล้าหาญของน้องๆ ที่มีทั้งช่วงที่ใส่เสื้อชูชีพแล้วก็ไม่ได้ใส่ คิดว่ามีส่วนช่วยในรูปคดีนะ อย่างน้อยก็ทำให้เห็นบางช่วง ว่าถ้าเป็นตอนแรกเราอาจมีความเข้าใจว่าการที่เราตกไปโอกาสที่เราจะโดนใบพัดหรือเรือดูดเข้าไป มี 100% เหตุการณ์จำลองมันทำให้เราเห็นว่ามันอาจไม่ใช่ 100% ที่จะโดนใบพัดดูดเข้าไป จากการทดสอบไม่มีใครโดนใบพัดดูดเข้าไป แต่โดนแรงดันเรือผลักออกไป" • "ที่คนบอกว่าบอสมาเกาะกระแสมาหาแสงกับคดีแตงโมน่ะเหรอ เท่าที่หนูดูบอสสัมภาษณ์ แตงโมเขาเป็นแฟนคลับของมิสแกรนด์ เคยมาดูการประกวดหลายปี เขาคงอยากช่วยหาความจริงมากกว่า คนบอกว่าถ้าคดีไม่คลี่คลายจะให้หนูไปตกน้ำแทนเหรอ น่าจะไม่ค่ะ หนูว่ายน้ำไม่เป็นด้วย คงจะส่งกำลังใจให้ห่างๆ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000005608 • #MGROnline #อิงฟ้า #แตงโม #บอสณวัฒน์
    0 Comments 0 Shares 742 Views 0 Reviews
  • บริษัทไทยเพิ่งชนะประมูลผลิตไฟจากโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียราคา 1.09 บาทตลอด25ปี แต่นายกฯจะให้กกพ.รับซื้อราคา 2.17 บาทตลอด 25 ปี!!??

    ข่าวจากฐานเศรษฐกิจว่าบริษัทGPSC ของไทยคว้าโซลาร์ฯ ในอินเดียกำลังผลิต 421 เมกฯเพิ่มไฟฟ้าสีเขียว ดันกำลังการผลิตในประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ในราคา2.70 รูปี (0.03ดอลลาร์สหรัฐ) เทียบเป็นเงินไทย 1.09 บาท/หน่วย เป็นเวลา 25ปี

    ตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งจะมีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา 25 ปี แผนการดำเนินโครงการต้องให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 750 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมภาคครัวเรือน ประมาณ 5 แสนครัวเรือนด้วยพลังงานสะอาด และยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเทียบเท่า 698,250 ตันต่อปี

    อินเดียประมูลซื้อขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ลดลงตลอดอย่างน่าทึ่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 อินเดียประมูลซื้อไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ได้ในราคา 1.44 บาท/หน่วย พร้อมแบตเตอรี่

    แต่ประเทศไทยโดย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ภายใต้นโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรี
    แพทองธารเป็นประธาน ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากแสงแดดในราคา 2.17 บาท/หน่วยโดยไม่มีแบตเตอรี่ เป็นเวลา25ปี และให้เวลาเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่ 2-5 ปี (2570-2573) ตามแผนพัฒนาพลังงาน(PDP) 2018

    ต้องถามว่ากกพ.ประกาศทำตามมติ กพช. ที่ให้ล็อคทั้งชื่อบริษัท และ ราคา โดยไม่ใช่การประมูล เรียกว่าเหมือนการประกวดนางงามบริษัทที่ใช้ดุลยพินิจเป็นหลัก บริษัทที่ผ่านเข้ารอบดูเพียงคุณสมบัติ แต่ไม่ให้มีการประมูลราคาที่บริษัทจะขายในราคาต่ำที่สุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างแท้จริง

    ที่น่าสนใจคือ บริษัทGPSC ที่ชนะการประมูลผลิตโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียในราคา 1.09 บาท ก็อยู่ในลิสต์รายชื่อบริษัทอันดับที่5 เสนอขายไฟฟ้า 118 เมกกะวัตต์ ที่กกพ.จะประกาศให้เป็นผู้มาทำสัญญาขายไฟในราคา 2.17 บาทโดยไม่มีแบตเตอรี่ (การมีแบตเตอรี่จะทำให้สามารถจ่ายไฟได้ทั้งกลางวันและกลางคืน)

    ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เสนอว่าสามารถผลิตได้ในราคา 1.50 บาท/หน่วย แต่ กกพ. ไม่ให้มาแข่งกับเอกชน ซึ่งที่จริงไม่ใช่การแข่งด้วยซ้ำ
    เพราะกพช. กำหนดราคาตายตัวไว้เลยที่2.17 บาท/หน่วย แสดงว่าจงใจให้บริษัทเอกชนได้กำไรเห็นๆ ไปยาวๆ 25ปี และไม่ต้องการให้กฟผ.ผลิตทั้งที่ทำได้ถูกกว่า เเละกฟผ.มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าโดยตรง แต่กำลังจะทำให้ กฟผ.กลายเป็น กฟซ.
    หรือการไฟฟ้าฝ่ายซื้อ(ไฟแพง)จากเอกชนมาขายประชาชนเป็นหลัก

    ราคาพลังงานไฟฟ้าไม่มีทางถูกในระบบผูกขาดกินรวบของระบอบธุรกิจการเมือง

    ค่าไฟถูกจะเป็นเพียงกลยุทธ์ประชานิยมเพื่อหวังสร้างคะแนนเสียงชั่วครั้งชั่วคราวของรัฐบาลและพรรคการเมืองเท่านั้น

    ถ้าจะทำให้ค่าไฟราคาถูกอย่างเป็นธรรมได้ ต้องปรับโครงสร้างพลังงานให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่ผูกขาดเท่านั้น ที่ประชาชนจะได้ค่าไฟที่เป็นธรรมอย่างถาวร

    ประชาชนควรตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยโง่กว่ารัฐบาลประเทศอื่น หรือจงใจคอร์รัปชันเชิงนโยบายผ่องถ่ายกำไรมหาศาลให้กลุ่มธุรกิจเอกชนกันแน่??!!

    รสนา โตสิตระกูล
    10 มกราคม 2568
    บริษัทไทยเพิ่งชนะประมูลผลิตไฟจากโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียราคา 1.09 บาทตลอด25ปี แต่นายกฯจะให้กกพ.รับซื้อราคา 2.17 บาทตลอด 25 ปี!!?? ข่าวจากฐานเศรษฐกิจว่าบริษัทGPSC ของไทยคว้าโซลาร์ฯ ในอินเดียกำลังผลิต 421 เมกฯเพิ่มไฟฟ้าสีเขียว ดันกำลังการผลิตในประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ในราคา2.70 รูปี (0.03ดอลลาร์สหรัฐ) เทียบเป็นเงินไทย 1.09 บาท/หน่วย เป็นเวลา 25ปี ตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งจะมีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา 25 ปี แผนการดำเนินโครงการต้องให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 750 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมภาคครัวเรือน ประมาณ 5 แสนครัวเรือนด้วยพลังงานสะอาด และยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเทียบเท่า 698,250 ตันต่อปี อินเดียประมูลซื้อขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ลดลงตลอดอย่างน่าทึ่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 อินเดียประมูลซื้อไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ได้ในราคา 1.44 บาท/หน่วย พร้อมแบตเตอรี่ แต่ประเทศไทยโดย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ภายใต้นโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรี แพทองธารเป็นประธาน ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากแสงแดดในราคา 2.17 บาท/หน่วยโดยไม่มีแบตเตอรี่ เป็นเวลา25ปี และให้เวลาเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่ 2-5 ปี (2570-2573) ตามแผนพัฒนาพลังงาน(PDP) 2018 ต้องถามว่ากกพ.ประกาศทำตามมติ กพช. ที่ให้ล็อคทั้งชื่อบริษัท และ ราคา โดยไม่ใช่การประมูล เรียกว่าเหมือนการประกวดนางงามบริษัทที่ใช้ดุลยพินิจเป็นหลัก บริษัทที่ผ่านเข้ารอบดูเพียงคุณสมบัติ แต่ไม่ให้มีการประมูลราคาที่บริษัทจะขายในราคาต่ำที่สุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างแท้จริง ที่น่าสนใจคือ บริษัทGPSC ที่ชนะการประมูลผลิตโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียในราคา 1.09 บาท ก็อยู่ในลิสต์รายชื่อบริษัทอันดับที่5 เสนอขายไฟฟ้า 118 เมกกะวัตต์ ที่กกพ.จะประกาศให้เป็นผู้มาทำสัญญาขายไฟในราคา 2.17 บาทโดยไม่มีแบตเตอรี่ (การมีแบตเตอรี่จะทำให้สามารถจ่ายไฟได้ทั้งกลางวันและกลางคืน) ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เสนอว่าสามารถผลิตได้ในราคา 1.50 บาท/หน่วย แต่ กกพ. ไม่ให้มาแข่งกับเอกชน ซึ่งที่จริงไม่ใช่การแข่งด้วยซ้ำ เพราะกพช. กำหนดราคาตายตัวไว้เลยที่2.17 บาท/หน่วย แสดงว่าจงใจให้บริษัทเอกชนได้กำไรเห็นๆ ไปยาวๆ 25ปี และไม่ต้องการให้กฟผ.ผลิตทั้งที่ทำได้ถูกกว่า เเละกฟผ.มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าโดยตรง แต่กำลังจะทำให้ กฟผ.กลายเป็น กฟซ. หรือการไฟฟ้าฝ่ายซื้อ(ไฟแพง)จากเอกชนมาขายประชาชนเป็นหลัก ราคาพลังงานไฟฟ้าไม่มีทางถูกในระบบผูกขาดกินรวบของระบอบธุรกิจการเมือง ค่าไฟถูกจะเป็นเพียงกลยุทธ์ประชานิยมเพื่อหวังสร้างคะแนนเสียงชั่วครั้งชั่วคราวของรัฐบาลและพรรคการเมืองเท่านั้น ถ้าจะทำให้ค่าไฟราคาถูกอย่างเป็นธรรมได้ ต้องปรับโครงสร้างพลังงานให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่ผูกขาดเท่านั้น ที่ประชาชนจะได้ค่าไฟที่เป็นธรรมอย่างถาวร ประชาชนควรตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยโง่กว่ารัฐบาลประเทศอื่น หรือจงใจคอร์รัปชันเชิงนโยบายผ่องถ่ายกำไรมหาศาลให้กลุ่มธุรกิจเอกชนกันแน่??!! รสนา โตสิตระกูล 10 มกราคม 2568
    Like
    6
    1 Comments 1 Shares 977 Views 0 Reviews
  • เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ต้องสูญเสียที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในลอสแองเจิลลิส สหรัฐอเมริกา สำหรับ "ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซมอน" เจ้าของตำแหน่งนางสาวไทย พ.ศ. 2531 และนางงามจักรวาล หรือมิสยูนิเวิร์ส ปี 1988

    เธอได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า... "เราสูญเสียบ้านอันเป็นที่รักในมาลิบูเมื่อวานนี้"

    "ความทรงจำอันล้ำค่ามากมายในบ้านพิเศษหลังนั้น... ที่ซึ่งลูกๆ ของฉันเกิดและเติบโต บ้านหลังแรกและรังศักดิ์สิทธิ์ของฉันในรอบ 25 ปีตอนนี้กลายเป็นเถ้าถ่าน… ทุกอย่างถูกลบไปหมด ทั้งข้าวของ รูปถ่าย และของที่ระลึกทั้งหมดในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา"
    เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ต้องสูญเสียที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในลอสแองเจิลลิส สหรัฐอเมริกา สำหรับ "ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซมอน" เจ้าของตำแหน่งนางสาวไทย พ.ศ. 2531 และนางงามจักรวาล หรือมิสยูนิเวิร์ส ปี 1988 เธอได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า... "เราสูญเสียบ้านอันเป็นที่รักในมาลิบูเมื่อวานนี้" "ความทรงจำอันล้ำค่ามากมายในบ้านพิเศษหลังนั้น... ที่ซึ่งลูกๆ ของฉันเกิดและเติบโต บ้านหลังแรกและรังศักดิ์สิทธิ์ของฉันในรอบ 25 ปีตอนนี้กลายเป็นเถ้าถ่าน… ทุกอย่างถูกลบไปหมด ทั้งข้าวของ รูปถ่าย และของที่ระลึกทั้งหมดในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา"
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 474 Views 0 Reviews
  • ยังคงตราตรึง และมันคือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นแล้ว สำหรับการมาโชว์ตัวในงานเคานต์ดาวน์ระดับประเทศของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ที่ขอความเป็นไอคอนิคมาโชว์บนเวทีเคานต์ดาวน์บนผืนแผ่นดินไทยเป็นครั้งแรก สำหรับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เรียกได้ว่าสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วไทย ดังไกลระดับโลก ทุบสถิติผู้ชมกว่า 30 ล้านคนผ่านการถ่ายทอดสดกว่า 20 ช่องทางรวมถึง CNN, BBC, AP, AFP, Reuters, ABC, CCTV, South China Morning Post, MBN TV ก็ให้ความสนใจ โดยเฉพาะ CNN ยังได้สัมภาษณ์เปิดใจก่อนขึ้นเวทีถึงแพลนปี 2025 อีกด้วย

    และอีกสิ่งนึงที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากก็ในเรื่องของชุดที่โชว์ สีแดงดำ ทรงพลังแบบต้องตะโกน เป็นเสื้อบราครอปแขนยาว และกางเกงขาสั้นที่ปักเพชรไล่สีแดงดำทั้งตัว ซึ่งแบรนด์ Unkuniya (อันคุนิยะ) เป็นคนออกแบบ เพราะแบรนด์นี้โดดเด่นในด้านการปัก หรือปักตาแตก และชุดที่ร้านนี้ดีไซน์ขึ้น มักจะเป็นมิตรกับแสงไฟบนเวที จึงไม่แปลกใจทำไมทั้งชุด ทั้งคน ส่งให้โชว์ปังส่งท้ายปีแบบไม่มีอะไรมากั้น

    โดยแบรนด์ Unkuniya (อันคุนิยะ) เป็นของ “อัน วุฒิชัย แก้วหล้า” สไตลิสต์และดีไซเนอร์ เจ้าตัวเริ่มเดินทางในสายอาชีพนี้ ด้วยการเป็นสไตลิสต์ให้กับศิลปิน อาทิ D2B , กระแต , ใบเตย อาร์สยาม ฯลฯ รวมถึงดารา ไม่ว่าจะเป็นชุดเดินพรมแดง ชุดออกอีเวนต์ต่างๆ จากนั้นก็มาดีไซน์ให้กับนางงามในเวทีต่างๆ

    #MGROnline #LISAxICONSIAM #COUNTDOWNatICONSIAM2025 #Unkuniya
    ยังคงตราตรึง และมันคือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นแล้ว สำหรับการมาโชว์ตัวในงานเคานต์ดาวน์ระดับประเทศของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ที่ขอความเป็นไอคอนิคมาโชว์บนเวทีเคานต์ดาวน์บนผืนแผ่นดินไทยเป็นครั้งแรก สำหรับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เรียกได้ว่าสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วไทย ดังไกลระดับโลก ทุบสถิติผู้ชมกว่า 30 ล้านคนผ่านการถ่ายทอดสดกว่า 20 ช่องทางรวมถึง CNN, BBC, AP, AFP, Reuters, ABC, CCTV, South China Morning Post, MBN TV ก็ให้ความสนใจ โดยเฉพาะ CNN ยังได้สัมภาษณ์เปิดใจก่อนขึ้นเวทีถึงแพลนปี 2025 อีกด้วย • และอีกสิ่งนึงที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากก็ในเรื่องของชุดที่โชว์ สีแดงดำ ทรงพลังแบบต้องตะโกน เป็นเสื้อบราครอปแขนยาว และกางเกงขาสั้นที่ปักเพชรไล่สีแดงดำทั้งตัว ซึ่งแบรนด์ Unkuniya (อันคุนิยะ) เป็นคนออกแบบ เพราะแบรนด์นี้โดดเด่นในด้านการปัก หรือปักตาแตก และชุดที่ร้านนี้ดีไซน์ขึ้น มักจะเป็นมิตรกับแสงไฟบนเวที จึงไม่แปลกใจทำไมทั้งชุด ทั้งคน ส่งให้โชว์ปังส่งท้ายปีแบบไม่มีอะไรมากั้น • โดยแบรนด์ Unkuniya (อันคุนิยะ) เป็นของ “อัน วุฒิชัย แก้วหล้า” สไตลิสต์และดีไซเนอร์ เจ้าตัวเริ่มเดินทางในสายอาชีพนี้ ด้วยการเป็นสไตลิสต์ให้กับศิลปิน อาทิ D2B , กระแต , ใบเตย อาร์สยาม ฯลฯ รวมถึงดารา ไม่ว่าจะเป็นชุดเดินพรมแดง ชุดออกอีเวนต์ต่างๆ จากนั้นก็มาดีไซน์ให้กับนางงามในเวทีต่างๆ • #MGROnline #LISAxICONSIAM #COUNTDOWNatICONSIAM2025 #Unkuniya
    0 Comments 0 Shares 983 Views 0 Reviews
  • "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่
    .
    สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี
    .
    วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้
    .
    “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน"
    .
    ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ
    .
    "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์"
    .
    กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง
    .
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก"
    นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว
    .
    นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง"
    “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน
    .
    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง”
    การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา
    .
    "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น
    .
    "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน”
    .
    - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก
    .
    - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง
    .
    “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป
    .
    “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน
    .
    คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา”
    .
    ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป
    ...............
    Sondhi X
    "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่ . สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี . วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้ . “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน" . ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ . "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์" . กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง . นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก" นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว . นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง" “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน . นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง” การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา . "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น . "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน” . - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก . - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง . “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป . “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน . คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา” . ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป ............... Sondhi X
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 2717 Views 0 Reviews
  • แองเจลีค อังการ์นี-ฟิโลปง (Angélique Angarni-Filopon) วัย 34 ปี จากเกาะมาร์ตินีกในแถบทะเลแคริบเบียนของฝรั่งเศสชนะเลิศการประกวด "Miss France 2025" เป็นตัวแทนของฝรั่งเศสเข้าร่วมการประกวดนางงามจักรวาล (Miss Universe) ต่อไป

    ฝรั่งเศสเพิ่งเปลี่ยนแปลงกฎใหม่ปีนี้เป็นครั้งแรก โดยอนุญาตให้ผู้หญิงที่อายุมากกว่า 24 ปีเข้าร่วมประกวดได้ รวมถึงผู้ที่แต่งงานแล้วหรือมีบุตรแล้วด้วย

    ในปี 2011 อังการ์นี-ฟิโลปง ในวัย 20 ปี ได้รองชนะเลิศอันดับหนึ่งจากการประกวดมิสมาร์ตินีกที่บ้านเกิดตนเอง ผ่านไป 14 ปี เธอกลายเป็น "Miss France 2025"

    รองชนะเลิศอันดับหนึ่งคือ Sabah Aïb อายุ 18 ปี
    แองเจลีค อังการ์นี-ฟิโลปง (Angélique Angarni-Filopon) วัย 34 ปี จากเกาะมาร์ตินีกในแถบทะเลแคริบเบียนของฝรั่งเศสชนะเลิศการประกวด "Miss France 2025" เป็นตัวแทนของฝรั่งเศสเข้าร่วมการประกวดนางงามจักรวาล (Miss Universe) ต่อไป ฝรั่งเศสเพิ่งเปลี่ยนแปลงกฎใหม่ปีนี้เป็นครั้งแรก โดยอนุญาตให้ผู้หญิงที่อายุมากกว่า 24 ปีเข้าร่วมประกวดได้ รวมถึงผู้ที่แต่งงานแล้วหรือมีบุตรแล้วด้วย ในปี 2011 อังการ์นี-ฟิโลปง ในวัย 20 ปี ได้รองชนะเลิศอันดับหนึ่งจากการประกวดมิสมาร์ตินีกที่บ้านเกิดตนเอง ผ่านไป 14 ปี เธอกลายเป็น "Miss France 2025" รองชนะเลิศอันดับหนึ่งคือ Sabah Aïb อายุ 18 ปี
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 298 Views 0 Reviews
  • กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ สำหรับ “น้องโซเฟียร์ สทอตต์” เพิ่งคว้ารางวัลธิดาผ้าหมี่-ขิด ประจำปี 2567 สวยหวานสมมง จนต้องมองซ้ำ

    โซเฟียร์ เป็นลูกครึ่งชาวจังหวัดอุดรธานี อายุ 17 ปี ในปี 66 เคยชิมลางเข้าประกวด ธิดาผ้าหมี่-ขิด มาแล้ว แต่ทำได้เพียงผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย แต่สำหรับปีนี้ น้องโซเฟียร์ สามารถคว้ารางวัลธิดาผ้าหมี่-ขิด ไปครองได้มงกุฎและสายสะพาย พร้อมเงินรางวัล

    โดยตำแหน่ง ผ้าหมี่-ขิด จะต้องทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เผยแพร่ผ้าหมี่-ขิด ศิลปหัตถกรรมพื้นเมืองของดีอุดรธานี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดอุดรธานี

    อย่างไรก็ตาม น้องโซเฟียร์ เป็นนางงามมือล่ารางวัล เดินสายประกวดมาหลายเวที และสามารถกวาดรางวัลชนะเลิศมาได้แทบจะทุกเวที อาทิ ชนะเลิศ นางงามผ้าครามสกลนคร ประจำปี 2567, ชนะเลิศ Miss Soccer Udonthani Cup 2024, รองชนะเลิศอันดับ1 ธิดาสองฝั่งโขง ประจำปี 2567, ชนะเลิศ นางสงกรานต์สุพรรณบุรี ปี 2567, ชนะเลิศ นางสงกรานต์พระประแดง จ.สมุทรปราการ ปี 2567, ชนะเลิศ ธิดาบั้งไฟบ้านธาตุ จ.อุดรธานี ปี 2567, ชนะเลิศ ธิดาเกษตร จ.ปราจีนบุรี ปี 2567, รองอันดับ3 ธิดาห่อหมกปากท่า จ.พระนครศรีอยุธยา

    ชนะเลิศ Miss AEC International 2024 Candle Festival จ.อุบลราชธานี, ชนะเลิศ Jaymart Miss Mobile Thailand 2024, ชนะเลิศ ธิดาผ้าหมี่-ขิด ประจำปี 2567

    #MGROnline #น้องโซเฟียร์ #โซเฟียร์สทอตต์ #ธิดาผ้าหมี่ขิด #ธิดาผ้าหมี่ขิด2567 #สาวงาม #นางงาม
    กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ สำหรับ “น้องโซเฟียร์ สทอตต์” เพิ่งคว้ารางวัลธิดาผ้าหมี่-ขิด ประจำปี 2567 สวยหวานสมมง จนต้องมองซ้ำ • โซเฟียร์ เป็นลูกครึ่งชาวจังหวัดอุดรธานี อายุ 17 ปี ในปี 66 เคยชิมลางเข้าประกวด ธิดาผ้าหมี่-ขิด มาแล้ว แต่ทำได้เพียงผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย แต่สำหรับปีนี้ น้องโซเฟียร์ สามารถคว้ารางวัลธิดาผ้าหมี่-ขิด ไปครองได้มงกุฎและสายสะพาย พร้อมเงินรางวัล • โดยตำแหน่ง ผ้าหมี่-ขิด จะต้องทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เผยแพร่ผ้าหมี่-ขิด ศิลปหัตถกรรมพื้นเมืองของดีอุดรธานี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดอุดรธานี • อย่างไรก็ตาม น้องโซเฟียร์ เป็นนางงามมือล่ารางวัล เดินสายประกวดมาหลายเวที และสามารถกวาดรางวัลชนะเลิศมาได้แทบจะทุกเวที อาทิ ชนะเลิศ นางงามผ้าครามสกลนคร ประจำปี 2567, ชนะเลิศ Miss Soccer Udonthani Cup 2024, รองชนะเลิศอันดับ1 ธิดาสองฝั่งโขง ประจำปี 2567, ชนะเลิศ นางสงกรานต์สุพรรณบุรี ปี 2567, ชนะเลิศ นางสงกรานต์พระประแดง จ.สมุทรปราการ ปี 2567, ชนะเลิศ ธิดาบั้งไฟบ้านธาตุ จ.อุดรธานี ปี 2567, ชนะเลิศ ธิดาเกษตร จ.ปราจีนบุรี ปี 2567, รองอันดับ3 ธิดาห่อหมกปากท่า จ.พระนครศรีอยุธยา • ชนะเลิศ Miss AEC International 2024 Candle Festival จ.อุบลราชธานี, ชนะเลิศ Jaymart Miss Mobile Thailand 2024, ชนะเลิศ ธิดาผ้าหมี่-ขิด ประจำปี 2567 • #MGROnline #น้องโซเฟียร์ #โซเฟียร์สทอตต์ #ธิดาผ้าหมี่ขิด #ธิดาผ้าหมี่ขิด2567 #สาวงาม #นางงาม
    0 Comments 0 Shares 1201 Views 0 Reviews
  • “ชาล็อต” น้ำตาไหล เล่าเหตุการณ์โดนมิจฉาชีพหลอกโอน 4 ล้าน และบังคับวิดีโอคอล ยอมรับกลัวมากและยังช็อกอยู่ แต่ต้องมูฟออน “ณวัฒน์” ไม่ซ้ำเติม เชื่อตกเป็นเหยื่อเพราะอาการแพนิก ตรวจสอบแล้วที่วิดีโอคอลคือ AI มองฟาดเคราะห์ก่อนวันเกิด บอกขำๆ โชคดีเงิน 50 ล้านยังอยู่ ด้านตำรวจไซเบอร์เข้ารับข้อมูลแล้ว เตรียมโอนคดีมาไว้ในความรับผิดชอบ คาด 1 สัปดาห์มีความคืบหน้า และมีโอกาสได้เงินคืน

    หลังเพจ Miss Grand Thailand ได้โพสต์แจ้งข่าว ว่านางงามในสังกัดอย่าง “ชาล็อต ออสติน” ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาท พร้อมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา และได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดวันนี้ (10 ธ.ค. 67) ชาล็อต ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” บอสใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์ ที่บริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่แนล จำกัด (มหาชน) โดยชาล็อตแถลงพร้อมกับอาการน้ำตาคลอตลอดการสัมภาษณ์ ในบางช่วงก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000118622

    #MGROnline #ชาล็อต #ชาล็อตออสติน #CharlotteAustin
    “ชาล็อต” น้ำตาไหล เล่าเหตุการณ์โดนมิจฉาชีพหลอกโอน 4 ล้าน และบังคับวิดีโอคอล ยอมรับกลัวมากและยังช็อกอยู่ แต่ต้องมูฟออน “ณวัฒน์” ไม่ซ้ำเติม เชื่อตกเป็นเหยื่อเพราะอาการแพนิก ตรวจสอบแล้วที่วิดีโอคอลคือ AI มองฟาดเคราะห์ก่อนวันเกิด บอกขำๆ โชคดีเงิน 50 ล้านยังอยู่ ด้านตำรวจไซเบอร์เข้ารับข้อมูลแล้ว เตรียมโอนคดีมาไว้ในความรับผิดชอบ คาด 1 สัปดาห์มีความคืบหน้า และมีโอกาสได้เงินคืน • หลังเพจ Miss Grand Thailand ได้โพสต์แจ้งข่าว ว่านางงามในสังกัดอย่าง “ชาล็อต ออสติน” ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาท พร้อมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา และได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดวันนี้ (10 ธ.ค. 67) ชาล็อต ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” บอสใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์ ที่บริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่แนล จำกัด (มหาชน) โดยชาล็อตแถลงพร้อมกับอาการน้ำตาคลอตลอดการสัมภาษณ์ ในบางช่วงก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000118622 • #MGROnline #ชาล็อต #ชาล็อตออสติน #CharlotteAustin
    0 Comments 0 Shares 681 Views 0 Reviews
  • นางงามคนนี้ สูงเกินไปสินะ 😅😅
    นางงามคนนี้ สูงเกินไปสินะ 😅😅
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • เซ็ตนี้มี 4 ชิ้นนะคะ ในเซ็ตมี สร้อยคอ ต่างหู สร้อยข้อมือและแหวนคร่า รุ่นนี้เป็นรุ่นตัวเรือนบางนะคะ น้ำหนักเค้าจะเบากว่า fine jewelry ส่วนใหญ่ค่ะ📌 ราคา 890 บาท🎀 ค่าจัดส่ง 50 บาทขนาดโดยประมาณ📍ความยาวสร้อย : 39.5 cm (มีตะขอต่อความยาวเป็น 41 cm)📍ขนาดต่างหู : 0.8 × 3.1 cm📍รอบวงด้านในสร้อยข้อมือ : 15.4 cm (มีตะขอต่อความยาวเป็น 16.8 cm)📍แหวนไซส์ : ฟรีไซส์ดูสร้อยคอแบบอื่น คลิก 👉👉 #MMสร้อยคอสอบถาม ✳ Line : @mymeaningme (มี @ ด้านหน้าค่ะ)#เครื่องประดับออกงาน #เครื่องประดับเจ้าสาว #สร้อยเพชรcz #สร้อยคอเจ้าสาว #สร้อยคอเพชรcz #สร้อยคอcz #เครื่องประดับนางงาม #ต่างหูเพชรcz #ต่างหูเจ้าสาว #ต่างหูcz #ต่างหูออกงาน #PP889
    เซ็ตนี้มี 4 ชิ้นนะคะ ในเซ็ตมี สร้อยคอ ต่างหู สร้อยข้อมือและแหวนคร่า รุ่นนี้เป็นรุ่นตัวเรือนบางนะคะ น้ำหนักเค้าจะเบากว่า fine jewelry ส่วนใหญ่ค่ะ📌 ราคา 890 บาท🎀 ค่าจัดส่ง 50 บาทขนาดโดยประมาณ📍ความยาวสร้อย : 39.5 cm (มีตะขอต่อความยาวเป็น 41 cm)📍ขนาดต่างหู : 0.8 × 3.1 cm📍รอบวงด้านในสร้อยข้อมือ : 15.4 cm (มีตะขอต่อความยาวเป็น 16.8 cm)📍แหวนไซส์ : ฟรีไซส์ดูสร้อยคอแบบอื่น คลิก 👉👉 #MMสร้อยคอสอบถาม ✳ Line : @mymeaningme (มี @ ด้านหน้าค่ะ)#เครื่องประดับออกงาน #เครื่องประดับเจ้าสาว #สร้อยเพชรcz #สร้อยคอเจ้าสาว #สร้อยคอเพชรcz #สร้อยคอcz #เครื่องประดับนางงาม #ต่างหูเพชรcz #ต่างหูเจ้าสาว #ต่างหูcz #ต่างหูออกงาน #PP889
    0 Comments 0 Shares 1424 Views 0 Reviews
  • ดรามาต่อเนื่อง สำหรับกรณีที่การประกวดบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2024 ถือกำเนิดระบบใหม่ “ควีนทวีป (Miss Universe Continental Queens)”อ้างเพื่อส่งเสริมความหลากหลาย โดยระบบดังกล่าวทำให้เกิดความไม่พอใจจากแฟนๆ เพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อควีนทวีปได้รับการประกาศชื่อและมอบสายสะพาย ทำหน้าที่แทนทูตประจำทวีป แต่กลับไม่มีการให้ความสำคัญกับผู้ชนะตำแหน่ง TOP 5 อย่างชัดเจน

    ล่าสุด “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เจ้าของเวทีการประกวด โพสต์รูปควีนทวีปบน X (Twitter) และเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยไม่โพสต์รูป TOP5 หรือมีซีนถ่ายรูปบนเวทีร่วมกับผู้ชนะ ทำให้หลายคนมองว่าการกระทำนี้ไม่ให้เกียรติกับผู้ที่ได้ตำแหน่ง สร้างความไม่พอใจกับแฟนนางงาม เข้าไปวิจารณ์กันยับ อาทิ

    อยากให้ความสำคัญกับรองทั้ง 4 ค่ะ มิสแกรนด์คือตัวอย่างที่ดีให้เกียรตินางงาม เวที MU แบบนี้ไม่โอเคนับวันยิ่งแย่ ประเทศไทยควรหยุดส่ง MUได้ละ โดนแกงทุกปี แม้แต่เจ้าของเป็นคนไทยก็ยังแกงกันเอง, สายสะพายครบ เหมือน TOP5 ส่วน TOP5 ของจริง ไม่มีสายสะพาย เสียความรู้สึกแฟนๆ นางงามนะคุณแอน แต่คุณบอกไปแล้วว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู!,ให้ค่ากับคนที่ไม่ได้เข้า TOP5 กูล่ะงงกับเจ้าของเวย์ ยิ่งทำยิ่ง...,

    หยามเกียรติ TOP5 เกินค่ะคุณแม่ สงสารจัง, ให้เกียรติควีนทวีน มากกว่ารองอีก ทั้งที่สามคนควรให้เกียรติเขาไม่ต่างกัน ไม่แม้แต่ลงรูปถ่ายคู่กับสามคนนั้น ใน อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ปล่อยให้คนอื่นด้อยค่าโอปอลว่าเข้า 5 เพราะเจ้าของเวทีเป็นไทย เม็กซิโกได้เพราะเป็นเจ้าภาพ รองสามคนควรถูกกระทำแบบนี้เหรอคะ เสียความงามของเวทีไปหมด ฯลฯ

    #MGROnline #มิสยูนิเวิร์ส2024 #ควีนทวีป #MissUniverseContinentalQueens
    ดรามาต่อเนื่อง สำหรับกรณีที่การประกวดบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2024 ถือกำเนิดระบบใหม่ “ควีนทวีป (Miss Universe Continental Queens)”อ้างเพื่อส่งเสริมความหลากหลาย โดยระบบดังกล่าวทำให้เกิดความไม่พอใจจากแฟนๆ เพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อควีนทวีปได้รับการประกาศชื่อและมอบสายสะพาย ทำหน้าที่แทนทูตประจำทวีป แต่กลับไม่มีการให้ความสำคัญกับผู้ชนะตำแหน่ง TOP 5 อย่างชัดเจน • ล่าสุด “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เจ้าของเวทีการประกวด โพสต์รูปควีนทวีปบน X (Twitter) และเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยไม่โพสต์รูป TOP5 หรือมีซีนถ่ายรูปบนเวทีร่วมกับผู้ชนะ ทำให้หลายคนมองว่าการกระทำนี้ไม่ให้เกียรติกับผู้ที่ได้ตำแหน่ง สร้างความไม่พอใจกับแฟนนางงาม เข้าไปวิจารณ์กันยับ อาทิ • อยากให้ความสำคัญกับรองทั้ง 4 ค่ะ มิสแกรนด์คือตัวอย่างที่ดีให้เกียรตินางงาม เวที MU แบบนี้ไม่โอเคนับวันยิ่งแย่ ประเทศไทยควรหยุดส่ง MUได้ละ โดนแกงทุกปี แม้แต่เจ้าของเป็นคนไทยก็ยังแกงกันเอง, สายสะพายครบ เหมือน TOP5 ส่วน TOP5 ของจริง ไม่มีสายสะพาย เสียความรู้สึกแฟนๆ นางงามนะคุณแอน แต่คุณบอกไปแล้วว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู!,ให้ค่ากับคนที่ไม่ได้เข้า TOP5 กูล่ะงงกับเจ้าของเวย์ ยิ่งทำยิ่ง..., • หยามเกียรติ TOP5 เกินค่ะคุณแม่ สงสารจัง, ให้เกียรติควีนทวีน มากกว่ารองอีก ทั้งที่สามคนควรให้เกียรติเขาไม่ต่างกัน ไม่แม้แต่ลงรูปถ่ายคู่กับสามคนนั้น ใน อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ปล่อยให้คนอื่นด้อยค่าโอปอลว่าเข้า 5 เพราะเจ้าของเวทีเป็นไทย เม็กซิโกได้เพราะเป็นเจ้าภาพ รองสามคนควรถูกกระทำแบบนี้เหรอคะ เสียความงามของเวทีไปหมด ฯลฯ • #MGROnline #มิสยูนิเวิร์ส2024 #ควีนทวีป #MissUniverseContinentalQueens
    0 Comments 0 Shares 814 Views 0 Reviews
  • “อิงฟ้า” เผยจำมิสเดนมาร์กไม่ได้ เพราะสวยขึ้นมาก พร้อมยินดีกับตำแหน่ง Miss Universe 2024 ชื่นชม “โอปอล” รับความกดดันได้ดี ตอนนี้ “บอสณวัฒน์“ ไม่ได้ห้ามพูดถึงเวทีตรงข้ามแล้ว เพราะวันประกาศผลก็นั่งเชียร์อยู่ด้วยกัน แต่ไม่อยากให้คนมาเปรียบเทียบเรื่องโปรดักขั่น เพราะแล้วแต่คนชอบ น้อมรับถ้าแฟนนางงามจะยกให้เวทีมิสแกรนด์เป็นเวทีนางงามอันดับ1

    สวยขึ้นจนอดีตเพื่อนร่วมเวทีอย่าง “อิงฟ้า วราหะ” จำไม่ได้เลยทีเดียว งานนี้อิงฟ้าออกมายอมรับว่า “วิกตอเรีย เคียร์ เธลวิก”Miss Universe 2024 คนล่าสุด สวยขึ้นมาก และคนที่มาเตือนความจำให้ก็คือ “ณวัฒน์ อิสรไกลศีล” เมื่อตอนที่อีกฝ่ายเป็นมิสแกรนด์ เดนมาร์ก 2022 นั้นก็ไม่ได้สนิทกันมาก เพราะตนจะอยู่กับนางงามฝั่งเอเชียมากกว่า แต่คอนเฟิร์มถึงความสวยที่เหมือนตุ๊กตาจริงๆ

    “มิสเดนมาร์กใช่ไหม จริงๆ ปีนั้นก็ว่าสวยแล้ว แต่ว่าปีนี้สวยกว่าเดิม และยินดีด้วยนะคะ เราก็เชียร์คนไทยแหละ แต่สุดท้ายก็อยู่ที่กรรมการ อยู่ที่คนชอบเนอะ ก็แสดงความยินดีด้วยค่ะ เขาก็สวยจริงๆ แหละ แต่ถ้าถามย้อนไปปีนั้นก็ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่นะคะ เพราะส่วนใหญ่หนูจะอยู่กับทางเอเชียซะส่วนมาก คนที่เป็นต่างชาติส่วนใหญ่จะมีเป็นกลุ่มๆ ของเขา แต่ในปีหนูคอนเฟิร์มว่าน่ารักกันทุกคนจริงๆ จำได้ว่าเขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่น่ารัก เหมือนตุ๊กตาเลย

    จริงๆ ก็เพิ่งรู้ว่าเขาไปประกวดปีนี้ด้วย เพราะบอส (ณวัฒน์ อิสรไกลศีล) เป็นคนบอก (หัวเราะ) บอสมาบอกว่าเขาประกวดปีเดียวกับเรานะ แต่หนูจำไม่ได้ เพราะเขาสวยขึ้นจริงๆ ก็สมมงฯ นะ หนูก็ไม่กล้าพูดอะไรเยอะ เพราะคนไทยอาจจะมองว่าสวยแบบนี้แบบนั้น ความสวยมันมีมาตรฐานไม่เหมือนกัน สำหรับเรามองเขาก็เหมือนตุ๊กตา ก็สวยค่ะ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000111428

    #MGROnline #อิงฟ้า #มิสเดนมาร์ก #MissUniverse2024 #โอปอล #บอสณวัฒน์
    “อิงฟ้า” เผยจำมิสเดนมาร์กไม่ได้ เพราะสวยขึ้นมาก พร้อมยินดีกับตำแหน่ง Miss Universe 2024 ชื่นชม “โอปอล” รับความกดดันได้ดี ตอนนี้ “บอสณวัฒน์“ ไม่ได้ห้ามพูดถึงเวทีตรงข้ามแล้ว เพราะวันประกาศผลก็นั่งเชียร์อยู่ด้วยกัน แต่ไม่อยากให้คนมาเปรียบเทียบเรื่องโปรดักขั่น เพราะแล้วแต่คนชอบ น้อมรับถ้าแฟนนางงามจะยกให้เวทีมิสแกรนด์เป็นเวทีนางงามอันดับ1 • สวยขึ้นจนอดีตเพื่อนร่วมเวทีอย่าง “อิงฟ้า วราหะ” จำไม่ได้เลยทีเดียว งานนี้อิงฟ้าออกมายอมรับว่า “วิกตอเรีย เคียร์ เธลวิก”Miss Universe 2024 คนล่าสุด สวยขึ้นมาก และคนที่มาเตือนความจำให้ก็คือ “ณวัฒน์ อิสรไกลศีล” เมื่อตอนที่อีกฝ่ายเป็นมิสแกรนด์ เดนมาร์ก 2022 นั้นก็ไม่ได้สนิทกันมาก เพราะตนจะอยู่กับนางงามฝั่งเอเชียมากกว่า แต่คอนเฟิร์มถึงความสวยที่เหมือนตุ๊กตาจริงๆ • “มิสเดนมาร์กใช่ไหม จริงๆ ปีนั้นก็ว่าสวยแล้ว แต่ว่าปีนี้สวยกว่าเดิม และยินดีด้วยนะคะ เราก็เชียร์คนไทยแหละ แต่สุดท้ายก็อยู่ที่กรรมการ อยู่ที่คนชอบเนอะ ก็แสดงความยินดีด้วยค่ะ เขาก็สวยจริงๆ แหละ แต่ถ้าถามย้อนไปปีนั้นก็ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่นะคะ เพราะส่วนใหญ่หนูจะอยู่กับทางเอเชียซะส่วนมาก คนที่เป็นต่างชาติส่วนใหญ่จะมีเป็นกลุ่มๆ ของเขา แต่ในปีหนูคอนเฟิร์มว่าน่ารักกันทุกคนจริงๆ จำได้ว่าเขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่น่ารัก เหมือนตุ๊กตาเลย • จริงๆ ก็เพิ่งรู้ว่าเขาไปประกวดปีนี้ด้วย เพราะบอส (ณวัฒน์ อิสรไกลศีล) เป็นคนบอก (หัวเราะ) บอสมาบอกว่าเขาประกวดปีเดียวกับเรานะ แต่หนูจำไม่ได้ เพราะเขาสวยขึ้นจริงๆ ก็สมมงฯ นะ หนูก็ไม่กล้าพูดอะไรเยอะ เพราะคนไทยอาจจะมองว่าสวยแบบนี้แบบนั้น ความสวยมันมีมาตรฐานไม่เหมือนกัน สำหรับเรามองเขาก็เหมือนตุ๊กตา ก็สวยค่ะ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000111428 • #MGROnline #อิงฟ้า #มิสเดนมาร์ก #MissUniverse2024 #โอปอล #บอสณวัฒน์
    0 Comments 0 Shares 857 Views 0 Reviews
More Results