• 14 พฤษภาคม 2568 -อดีตรัฐมนตรีคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล วิเคราะห์เรื่องสำคัญในประเด็น“ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token“[เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548อนุมัติให้กระทรวงการคลังออกโทเคนดิจิทัลโดยวงเงินกู้ตามกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยวิธีการเสนอขายให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยตรงผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำและการออกโทเคนดิจิทัล นายทะเบียน หรือผู้รับฝากโทเคนดิจิทัล เป็นต้นให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์การชำระระดอกเบี้ยและการใช้เงินตามโทเคนดิจิทัล โดยให้กระทรวงการคลังหรือนิติบุคคลอื่นใดที่กระทรวงการคลังมอบหมาย โอนเงินให้แก่ผู้ถือโทเคน ดิจิทัลหรือผู้รับตามที่นายทะเบียนกำหนด ให้การโอนโทเคนดิจิทัลดำเนินการตามวิธีการที่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นใดที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้โอนได้เปิดบัญชีเก็บรักษาโทเคนดิจิทัลของตนไว้โดยให้มีผลสมบูรณ์เมื่อผู้โอนนั้นได้บันทึกการรับโอนโทเคนดิจิทัลเข้าไปในบัญชีของผู้รับโอนแล้ว เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการพัฒนากลไกการบริหารหนี้สาธารณะให้มีประสิทธิภาพและภาครัฐสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพ มั่นคง ปลอดภัย ครอบคลุมเพียงพอ และเข้าถึงได้ทั้งในด้านพื้นที่และราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า หาก กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ ซึ่งไม่เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้ว ก็สามารถดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดย G-Token มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ กค. กำหนด จึงมีลักษณะเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือ กิจการใด ๆ หรือกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง และเข้าข่ายเป็นโทเคนดิจิทัล ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561]**ถามว่า ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token?+เรื่อง การนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลการนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้สำเร็จนั้น มีเรื่องที่ต้องดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานก่อนหลายอย่าง (ดูรูป) กล่าวคือ (1) ต้องช่วยให้ประชากรเข้าถึงระบบอินเทอร์เนตอย่างกว้างขวาง (2) ต้องให้ความรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและในกลุ่มประชาคม (3) ต้องพัฒนาธุรกิจการเงินแบบดิจิทัลให้กว้างขวางมากขึ้น (4) ต้องกระตุ้นคนรุ่นหนุ่มสาวให้ลองทำธุรกิจขนาดย่อมด้านดิจิทัลให้มากขึ้น และ (5) รัฐต้องให้บริการทางออนไลน์มากขึ้นรวมทั้งใช้บล็อกเชนในการบริหารราชการให้โปร่งใส หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล คือพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ รวมไปถึงความแน่นอนด้านกฎหมายที่จะตีความกรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับโทเคน และการนำโทเคนไปใช้เป็นหลักประกันส่วนการดำเนินการให้โทเคนเกิดขึ้นในหลักทรัพย์ต่างๆ (tokenization) อย่างหลากหลาย เพื่อนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนเสียก่อน ทั้ง stable coin สกุลบาท ทั้ง smart contract ทั้งระบบเคลียริ่งที่ปลอดภัย โดยภายหลังจากมีโครงสร้างพื้นฐานแน่นหนาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับรัฐบาลเองไม่ควรมีหน้าที่ไปออกโทเคนของตนเอง ดังเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดที่ระบบการเงินล้ำหน้า ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกโทเคนของตนเองในการกู้หนี้สาธารณะ+เรื่อง การทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อพันธบัตรได้สะดวกวิธีการในการเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ด้วยกลไกผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนว่า G-Token จะเพิ่มความสะดวกอย่างใดแก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องการขายคืน ซึ่งราคาในกองทุนรวมจะเป็นไปตามกติกาโดยมี ก.ล.ต. กำกับดูแล แต่กรณี G-Token ผู้ลงทุนจะต้องไปขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งราคาอาจจะผันผวนไปแต่ละชั่วโมงตามแรงเก็งกำไรได้แทนที่จะเป็นการชักจูงให้ผู้ลงทุนรายย่อย ลงทุนเพื่อออมเงินอย่างปลอดภัย ระวังจะกลับกลายเป็นเวทีเก็งกำไร ระวังจะกลายเป็นกาสิโนโทเคนดิจิทัล+เรื่อง ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ถึงแม้มาตรา 10 วรรคหนึ่งเปิดช่อง ให้กู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นวิธีการอื่นใดก็ได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ข้อความก่อนหน้าซึ่งบัญญัติว่า “การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้” นั้น คำว่า “วิธีการอื่นใด” น่าจะอยู่ในความหมายเดียวกับสัญญาหรือตราสารหนี้ ดังที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้ว่า “ปัจจุบัน การกู้เงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือหุ้นกู้”การที่ กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ เพื่อไม่เป็นให้เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น ผมเห็นว่าขัดกับเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลซึ่งตามนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง นั้น คำว่า token แปลว่า สัญลักษณ์ ดังเช่น non-fungible token (NFT) หมายถึงสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถแทนกันได้ ตัวอย่างที่ใช้กรณีงานศิลปะ ดังนั้น G-Token จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง ตัว G-Token เองจึงไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลังผมจึงเห็นว่า ในเมื่อเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน แต่ไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง จึงไม่เข้าข่ายนิยามใดในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และจะนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นได้ในภายหลัง+เรื่อง การปฏิบัติตามกฏหมายเงินตรายังมีจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขบังคับ เพื่อไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่น เพราะจะเข้าข่ายเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกระทรวงการคลังต้องชี้แจงก่อนว่า จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่นได้อย่างไร+เรื่อง การประหยัดค่าใช้จ่ายนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่าการออก G-Token จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินการ จากเดิมที่ออกพันธบัตรมีค่าธรรมเนียมดำเนินการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 0.03% ของกรอบวงเงินจำหน่ายนั้น กระทรวงการคลังจะต้องแจกแจงก่อนว่า G-Token จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงเท่าไหร่ ทั้งด้านกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทำหน้าที่เป็นนายทะเบียน ว่าต่ำกว่า ธปท. อย่างไร และทั้งด้านประชาชนผู้ลงทุนที่จะซื้อและขายคืน จะสูงหรือต่ำกว่ากลไกกองทุนรวมอย่างใดทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าเงินที่กระทรวงการคลังจ่ายแก่ ธปท. นั้นไม่รั่วไหลไปไหน เพราะ ธปท. เป็นองค์กรของรัฐ **กล่าวโดยสรุป ระบบการขายพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วขณะนี้โดยผ่านกลไก ธปท. นั้น ใช้งานได้ดีไม่เคยมีปัญหา ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มแนวการกู้หนี้สาธารณะโดยใช้โทเคนดิจิทัลนั้น จะต้องชั่งน้ำหนักแสดงแก่ประชาชนก่อนว่า ผลได้คุ้มกับผลเสียหรือไม่ส่วนความหวังที่จะนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น ควรนำเสนอต่อประชาชนก่อนว่า รัฐบาลมีแผนการพัฒนาองค์รวมด้านนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดินหน้าเพียงเสี้ยวเดียวในเรื่องของการจัดทำโทเคนของรัฐบาล ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกที่ดำเนินการวันที่ 14 พฤษภาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    14 พฤษภาคม 2568 -อดีตรัฐมนตรีคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล วิเคราะห์เรื่องสำคัญในประเด็น“ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token“[เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548อนุมัติให้กระทรวงการคลังออกโทเคนดิจิทัลโดยวงเงินกู้ตามกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยวิธีการเสนอขายให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยตรงผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำและการออกโทเคนดิจิทัล นายทะเบียน หรือผู้รับฝากโทเคนดิจิทัล เป็นต้นให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์การชำระระดอกเบี้ยและการใช้เงินตามโทเคนดิจิทัล โดยให้กระทรวงการคลังหรือนิติบุคคลอื่นใดที่กระทรวงการคลังมอบหมาย โอนเงินให้แก่ผู้ถือโทเคน ดิจิทัลหรือผู้รับตามที่นายทะเบียนกำหนด ให้การโอนโทเคนดิจิทัลดำเนินการตามวิธีการที่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นใดที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้โอนได้เปิดบัญชีเก็บรักษาโทเคนดิจิทัลของตนไว้โดยให้มีผลสมบูรณ์เมื่อผู้โอนนั้นได้บันทึกการรับโอนโทเคนดิจิทัลเข้าไปในบัญชีของผู้รับโอนแล้ว เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการพัฒนากลไกการบริหารหนี้สาธารณะให้มีประสิทธิภาพและภาครัฐสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพ มั่นคง ปลอดภัย ครอบคลุมเพียงพอ และเข้าถึงได้ทั้งในด้านพื้นที่และราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า หาก กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ ซึ่งไม่เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้ว ก็สามารถดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดย G-Token มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ กค. กำหนด จึงมีลักษณะเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือ กิจการใด ๆ หรือกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง และเข้าข่ายเป็นโทเคนดิจิทัล ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561]**ถามว่า ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token?+เรื่อง การนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลการนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้สำเร็จนั้น มีเรื่องที่ต้องดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานก่อนหลายอย่าง (ดูรูป) กล่าวคือ (1) ต้องช่วยให้ประชากรเข้าถึงระบบอินเทอร์เนตอย่างกว้างขวาง (2) ต้องให้ความรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและในกลุ่มประชาคม (3) ต้องพัฒนาธุรกิจการเงินแบบดิจิทัลให้กว้างขวางมากขึ้น (4) ต้องกระตุ้นคนรุ่นหนุ่มสาวให้ลองทำธุรกิจขนาดย่อมด้านดิจิทัลให้มากขึ้น และ (5) รัฐต้องให้บริการทางออนไลน์มากขึ้นรวมทั้งใช้บล็อกเชนในการบริหารราชการให้โปร่งใส หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล คือพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ รวมไปถึงความแน่นอนด้านกฎหมายที่จะตีความกรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับโทเคน และการนำโทเคนไปใช้เป็นหลักประกันส่วนการดำเนินการให้โทเคนเกิดขึ้นในหลักทรัพย์ต่างๆ (tokenization) อย่างหลากหลาย เพื่อนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนเสียก่อน ทั้ง stable coin สกุลบาท ทั้ง smart contract ทั้งระบบเคลียริ่งที่ปลอดภัย โดยภายหลังจากมีโครงสร้างพื้นฐานแน่นหนาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับรัฐบาลเองไม่ควรมีหน้าที่ไปออกโทเคนของตนเอง ดังเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดที่ระบบการเงินล้ำหน้า ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกโทเคนของตนเองในการกู้หนี้สาธารณะ+เรื่อง การทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อพันธบัตรได้สะดวกวิธีการในการเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ด้วยกลไกผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนว่า G-Token จะเพิ่มความสะดวกอย่างใดแก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องการขายคืน ซึ่งราคาในกองทุนรวมจะเป็นไปตามกติกาโดยมี ก.ล.ต. กำกับดูแล แต่กรณี G-Token ผู้ลงทุนจะต้องไปขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งราคาอาจจะผันผวนไปแต่ละชั่วโมงตามแรงเก็งกำไรได้แทนที่จะเป็นการชักจูงให้ผู้ลงทุนรายย่อย ลงทุนเพื่อออมเงินอย่างปลอดภัย ระวังจะกลับกลายเป็นเวทีเก็งกำไร ระวังจะกลายเป็นกาสิโนโทเคนดิจิทัล+เรื่อง ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ถึงแม้มาตรา 10 วรรคหนึ่งเปิดช่อง ให้กู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นวิธีการอื่นใดก็ได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ข้อความก่อนหน้าซึ่งบัญญัติว่า “การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้” นั้น คำว่า “วิธีการอื่นใด” น่าจะอยู่ในความหมายเดียวกับสัญญาหรือตราสารหนี้ ดังที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้ว่า “ปัจจุบัน การกู้เงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือหุ้นกู้”การที่ กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ เพื่อไม่เป็นให้เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น ผมเห็นว่าขัดกับเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลซึ่งตามนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง นั้น คำว่า token แปลว่า สัญลักษณ์ ดังเช่น non-fungible token (NFT) หมายถึงสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถแทนกันได้ ตัวอย่างที่ใช้กรณีงานศิลปะ ดังนั้น G-Token จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง ตัว G-Token เองจึงไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลังผมจึงเห็นว่า ในเมื่อเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน แต่ไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง จึงไม่เข้าข่ายนิยามใดในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และจะนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นได้ในภายหลัง+เรื่อง การปฏิบัติตามกฏหมายเงินตรายังมีจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขบังคับ เพื่อไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่น เพราะจะเข้าข่ายเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกระทรวงการคลังต้องชี้แจงก่อนว่า จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่นได้อย่างไร+เรื่อง การประหยัดค่าใช้จ่ายนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่าการออก G-Token จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินการ จากเดิมที่ออกพันธบัตรมีค่าธรรมเนียมดำเนินการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 0.03% ของกรอบวงเงินจำหน่ายนั้น กระทรวงการคลังจะต้องแจกแจงก่อนว่า G-Token จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงเท่าไหร่ ทั้งด้านกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทำหน้าที่เป็นนายทะเบียน ว่าต่ำกว่า ธปท. อย่างไร และทั้งด้านประชาชนผู้ลงทุนที่จะซื้อและขายคืน จะสูงหรือต่ำกว่ากลไกกองทุนรวมอย่างใดทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าเงินที่กระทรวงการคลังจ่ายแก่ ธปท. นั้นไม่รั่วไหลไปไหน เพราะ ธปท. เป็นองค์กรของรัฐ **กล่าวโดยสรุป ระบบการขายพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วขณะนี้โดยผ่านกลไก ธปท. นั้น ใช้งานได้ดีไม่เคยมีปัญหา ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มแนวการกู้หนี้สาธารณะโดยใช้โทเคนดิจิทัลนั้น จะต้องชั่งน้ำหนักแสดงแก่ประชาชนก่อนว่า ผลได้คุ้มกับผลเสียหรือไม่ส่วนความหวังที่จะนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น ควรนำเสนอต่อประชาชนก่อนว่า รัฐบาลมีแผนการพัฒนาองค์รวมด้านนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดินหน้าเพียงเสี้ยวเดียวในเรื่องของการจัดทำโทเคนของรัฐบาล ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกที่ดำเนินการวันที่ 14 พฤษภาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 449 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีเทรนด์ใหม่ที่กำลังเป็นไวรัลในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ ChatGPT เพื่อสร้างภาพซ้ำ ๆ โดยผู้ใช้บน Reddit ได้ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำถึง 101 ครั้ง ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์ ที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

    เทรนด์นี้เริ่มจากการใช้คำสั่ง "สร้างภาพที่เหมือนต้นฉบับทุกประการ อย่าเปลี่ยนแปลงอะไรเลย" แต่เมื่อ AI สร้างภาพใหม่ซ้ำไปเรื่อย ๆ รายละเอียดของภาพเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย จนสุดท้ายกลายเป็นภาพที่ดูเหมือน ศิลปะแนวทดลอง มากกว่าภาพต้นฉบับ

    อย่างไรก็ตาม เทรนด์นี้กำลังเผชิญกับ กระแสต่อต้าน เนื่องจากการสร้างภาพซ้ำ ๆ จำนวนมากใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาล โดยมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งคำนวณว่า การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh ซึ่งเทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว

    ✅ การทดลองสร้างภาพซ้ำ 101 ครั้ง
    - ผู้ใช้ Reddit ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำหลายครั้ง
    - ผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์

    ✅ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของภาพ
    - AI เปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยในแต่ละครั้ง
    - สุดท้ายภาพต้นฉบับแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

    ✅ กระแสความนิยมของเทรนด์นี้
    - มีผู้ใช้ Reddit กว่า 42,000 คน กดถูกใจโพสต์นี้
    - มีความคิดเห็นกว่า 3,000 รายการ

    ✅ ผลกระทบต่อการใช้พลังงาน
    - การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh
    - เทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/viral-chatgpt-trend-gone-wrong-the-rock-is-turned-into-horrible-abstract-art-after-reddit-user-recreates-image-101-times
    มีเทรนด์ใหม่ที่กำลังเป็นไวรัลในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ ChatGPT เพื่อสร้างภาพซ้ำ ๆ โดยผู้ใช้บน Reddit ได้ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำถึง 101 ครั้ง ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์ ที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม เทรนด์นี้เริ่มจากการใช้คำสั่ง "สร้างภาพที่เหมือนต้นฉบับทุกประการ อย่าเปลี่ยนแปลงอะไรเลย" แต่เมื่อ AI สร้างภาพใหม่ซ้ำไปเรื่อย ๆ รายละเอียดของภาพเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย จนสุดท้ายกลายเป็นภาพที่ดูเหมือน ศิลปะแนวทดลอง มากกว่าภาพต้นฉบับ อย่างไรก็ตาม เทรนด์นี้กำลังเผชิญกับ กระแสต่อต้าน เนื่องจากการสร้างภาพซ้ำ ๆ จำนวนมากใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาล โดยมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งคำนวณว่า การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh ซึ่งเทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว ✅ การทดลองสร้างภาพซ้ำ 101 ครั้ง - ผู้ใช้ Reddit ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำหลายครั้ง - ผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์ ✅ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของภาพ - AI เปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยในแต่ละครั้ง - สุดท้ายภาพต้นฉบับแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ✅ กระแสความนิยมของเทรนด์นี้ - มีผู้ใช้ Reddit กว่า 42,000 คน กดถูกใจโพสต์นี้ - มีความคิดเห็นกว่า 3,000 รายการ ✅ ผลกระทบต่อการใช้พลังงาน - การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh - เทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/viral-chatgpt-trend-gone-wrong-the-rock-is-turned-into-horrible-abstract-art-after-reddit-user-recreates-image-101-times
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เปลี่ยนมาคุยเกี่ยวกับการละเล่นชนิดหนึ่งที่เห็นในละครเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา>
    ความมีอยู่ว่า
    ... องค์หญิงหย่งหนิง: “ดูนั่นสิ พี่รองกับพี่ห้าอยู่ที่นั่น พวกเขาต้องกำลังเล่นบทกวีล่องสายน้ำอยู่แน่เลย”...
    องค์หญิงลั่วซี: “บทกวีล่องลอยน้ำ คือการละเล่นอย่างหนึ่งของราชวงศ์หลี่ หลังเสร็จพิธีฝูซี่ในแต่ละปี ทุกคนจะนั่งอยู่สองฝั่งของคูน้ำ วางจอกสุราไว้ที่ต้นน้ำ จอกสุราจะล่องมาตามสายน้ำ หากหยุดตรงหน้าใคร คนนั้นก็ต้องหยิบขึ้นมาดื่ม รวมถึงต้องแต่งกลอนด้วย”...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา>

    ละครเรื่องนี้เกิดในราชวงศ์สมมุติ แต่ ‘บทกวีล่องสายน้ำ’ ที่กล่าวถึงนั้นมีอยู่จริง เรียกว่า ‘ชวีสุ่ยหลิวซาง’ (曲水流觞 แปลตรงตัวว่าชามสุราลอยไปตามสายน้ำที่คดเคี้ยว) เป็นกิจกรรมที่นิยมจัดขึ้นในวันที่สามเดือนสามของปฏิทินจันทรคติ หรือก็คือวันซ่างซึ (上巳节)

    ในวันซ่างซึ ตามธรรมเนียมโบราณดั้งเดิมจะทำการอาบน้ำในแม่น้ำเพื่อชำระล้างเคราะห์ร้ายและสิ่งอัปมงคลออกไปจากชีวิตหรือที่เรียกว่า ‘พิธีฝูซี่’ ตามที่กล่าวถึงในละครข้างต้น มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นโจวตะวันออก (1047-772 ก่อนคริสตกาล) จัดเป็นหนึ่งในพิธีชำระที่สำคัญที่สุดของจีนโบราณ ต่อมาพิธีนี้แปรเปลี่ยนเป็นต่างคนต่างอาบน้ำแต่งตัวสวยงามแล้วออกมาริมแม่น้ำเพื่อกราบไหว้ และมีการแสดงรื่นเริง

    ในสมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 266-420) เกิดเป็นกิจกรรมสันทนาการที่เรียกว่า ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ ขึ้น (ดูภาพประกอบ1) วิธีเล่นก็คือนั่งกันสองฝั่งฟากของลำธารแล้วปล่อยชามสุราให้ลอยไปตามสายน้ำ ชามสุราลอยไปหยุดอยู่หน้าใคร คนนั้นต้องแต่งกลอน หากแต่งไม่ออกก็ต้องถูกลงโทษด้วยการดื่มสุราสามชาม (วิธีเล่นแตกต่างจากที่บรรยายในละครตรงนี้) ต่อมาได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นกิจกรรมในช่วงเทศกาลที่หนุ่มสาวออกมาเจอะเจอกันได้ เป็นกิจกรรมกลางแจ้ง อาจเป็นลำธารจริง หรือเป็นลำธารและภูเขาจำลองอยู่ในอุทยานในบ้านคนรวย ต่อมาในสมัยราชวงศ์ซ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมและเมื่อถึงสมัยหมิงยิ่งจัดกันน้อย หากจัดขึ้นก็จะทำเป็นลำธารจำลองเล็กๆ ขึ้นในศาลาสำหรับคนกลุ่มเล็กร่วมดื่มกันเท่านั้น

    ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ ไม่เพียงเป็นประเพณีโบราณ หากยังเป็นบ่อเกิดของงานศิลปะในตำนานจีนที่ชื่อดังชิ้นหนึ่ง เป็นงานอักษรพู่กันจีนที่มีชื่อว่า ‘หลันถิงจี๋ซวี่’ (兰亭集序 ดูภาพประกอบ2) โดยหวังซีจือผู้เป็นนักปราชญ์ขุนนางในสมัยองค์จิ้นมู่แห่งราชวงศ์จิ้น งานอักษรของเขาโดดเด่นจนเขาถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสี่ ‘ที่สุด’ ของประวัติศาสตร์จีนในด้านนี้

    ‘หลันถิงจี๋ซวี่’ เป็นบทนำของคอลเล็กชั่นบทกวีที่เกิดขึ้นในงานฉลองเทศกาลซ่างซึที่องค์จิ้นมู่ทรงจัดขึ้น มีเหล่าขุนนางสี่สิบเอ็ดคนมาร่วมเล่น ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ โดยบทนำนี้บรรยายถึงวิธีเล่นนี้เอาไว้ ต้นฉบับของผลงานชิ้นนี้หายสาบสูญไปตามกาลเวลา แต่ปรากฏฉบับคัดลอกมาตลอดหลายยุคสมัย ฉบับคัดลอกที่เก่าแก่ที่สุดเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงปักกิ่ง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันเพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/303274788_157925
    https://www.sohu.com/a/371364660_118889
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-hans/上巳节
    https://baike.baidu.com/item/上巳节
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/33299095
    http://m.xinhuanet.com/sh/2018-04/18/c_137119707.htm
    https://en.wikipedia.org/wiki/Wang_Xizhi
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_af279f0cdd95.aspx
    วันนี้เปลี่ยนมาคุยเกี่ยวกับการละเล่นชนิดหนึ่งที่เห็นในละครเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> ความมีอยู่ว่า ... องค์หญิงหย่งหนิง: “ดูนั่นสิ พี่รองกับพี่ห้าอยู่ที่นั่น พวกเขาต้องกำลังเล่นบทกวีล่องสายน้ำอยู่แน่เลย”... องค์หญิงลั่วซี: “บทกวีล่องลอยน้ำ คือการละเล่นอย่างหนึ่งของราชวงศ์หลี่ หลังเสร็จพิธีฝูซี่ในแต่ละปี ทุกคนจะนั่งอยู่สองฝั่งของคูน้ำ วางจอกสุราไว้ที่ต้นน้ำ จอกสุราจะล่องมาตามสายน้ำ หากหยุดตรงหน้าใคร คนนั้นก็ต้องหยิบขึ้นมาดื่ม รวมถึงต้องแต่งกลอนด้วย”... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> ละครเรื่องนี้เกิดในราชวงศ์สมมุติ แต่ ‘บทกวีล่องสายน้ำ’ ที่กล่าวถึงนั้นมีอยู่จริง เรียกว่า ‘ชวีสุ่ยหลิวซาง’ (曲水流觞 แปลตรงตัวว่าชามสุราลอยไปตามสายน้ำที่คดเคี้ยว) เป็นกิจกรรมที่นิยมจัดขึ้นในวันที่สามเดือนสามของปฏิทินจันทรคติ หรือก็คือวันซ่างซึ (上巳节) ในวันซ่างซึ ตามธรรมเนียมโบราณดั้งเดิมจะทำการอาบน้ำในแม่น้ำเพื่อชำระล้างเคราะห์ร้ายและสิ่งอัปมงคลออกไปจากชีวิตหรือที่เรียกว่า ‘พิธีฝูซี่’ ตามที่กล่าวถึงในละครข้างต้น มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นโจวตะวันออก (1047-772 ก่อนคริสตกาล) จัดเป็นหนึ่งในพิธีชำระที่สำคัญที่สุดของจีนโบราณ ต่อมาพิธีนี้แปรเปลี่ยนเป็นต่างคนต่างอาบน้ำแต่งตัวสวยงามแล้วออกมาริมแม่น้ำเพื่อกราบไหว้ และมีการแสดงรื่นเริง ในสมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 266-420) เกิดเป็นกิจกรรมสันทนาการที่เรียกว่า ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ ขึ้น (ดูภาพประกอบ1) วิธีเล่นก็คือนั่งกันสองฝั่งฟากของลำธารแล้วปล่อยชามสุราให้ลอยไปตามสายน้ำ ชามสุราลอยไปหยุดอยู่หน้าใคร คนนั้นต้องแต่งกลอน หากแต่งไม่ออกก็ต้องถูกลงโทษด้วยการดื่มสุราสามชาม (วิธีเล่นแตกต่างจากที่บรรยายในละครตรงนี้) ต่อมาได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นกิจกรรมในช่วงเทศกาลที่หนุ่มสาวออกมาเจอะเจอกันได้ เป็นกิจกรรมกลางแจ้ง อาจเป็นลำธารจริง หรือเป็นลำธารและภูเขาจำลองอยู่ในอุทยานในบ้านคนรวย ต่อมาในสมัยราชวงศ์ซ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมและเมื่อถึงสมัยหมิงยิ่งจัดกันน้อย หากจัดขึ้นก็จะทำเป็นลำธารจำลองเล็กๆ ขึ้นในศาลาสำหรับคนกลุ่มเล็กร่วมดื่มกันเท่านั้น ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ ไม่เพียงเป็นประเพณีโบราณ หากยังเป็นบ่อเกิดของงานศิลปะในตำนานจีนที่ชื่อดังชิ้นหนึ่ง เป็นงานอักษรพู่กันจีนที่มีชื่อว่า ‘หลันถิงจี๋ซวี่’ (兰亭集序 ดูภาพประกอบ2) โดยหวังซีจือผู้เป็นนักปราชญ์ขุนนางในสมัยองค์จิ้นมู่แห่งราชวงศ์จิ้น งานอักษรของเขาโดดเด่นจนเขาถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสี่ ‘ที่สุด’ ของประวัติศาสตร์จีนในด้านนี้ ‘หลันถิงจี๋ซวี่’ เป็นบทนำของคอลเล็กชั่นบทกวีที่เกิดขึ้นในงานฉลองเทศกาลซ่างซึที่องค์จิ้นมู่ทรงจัดขึ้น มีเหล่าขุนนางสี่สิบเอ็ดคนมาร่วมเล่น ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ โดยบทนำนี้บรรยายถึงวิธีเล่นนี้เอาไว้ ต้นฉบับของผลงานชิ้นนี้หายสาบสูญไปตามกาลเวลา แต่ปรากฏฉบับคัดลอกมาตลอดหลายยุคสมัย ฉบับคัดลอกที่เก่าแก่ที่สุดเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงปักกิ่ง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันเพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/303274788_157925 https://www.sohu.com/a/371364660_118889 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zh.m.wikipedia.org/zh-hans/上巳节 https://baike.baidu.com/item/上巳节 https://zhuanlan.zhihu.com/p/33299095 http://m.xinhuanet.com/sh/2018-04/18/c_137119707.htm https://en.wikipedia.org/wiki/Wang_Xizhi https://so.gushiwen.cn/shiwenv_af279f0cdd95.aspx
    看了《东宫》、《招摇》的海报,我想说你们对中国高级的古典美误解太深|意外_线条
    《招摇》的海报中,两人的头发和衣服就是在试图模仿这种线条带来的飘逸: 所以说这些所谓古典美的海报和写真误以为古风就是要“飘”,却不知这种飘逸的背后是巧用线条对于动感的表现。 让这些海报出现违和感…
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ’ปล่อยใจไปกับกาแฟดริป‘

    ขายแล้ว

    #decorations
    #coffee
    #งานศิลปะ
    #ของแต่งบ้าน
    #สีน้ำ
    #สีจากกาแฟ
    ’ปล่อยใจไปกับกาแฟดริป‘ ขายแล้ว #decorations #coffee #งานศิลปะ #ของแต่งบ้าน #สีน้ำ #สีจากกาแฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่คอมพิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นบิลบอร์ดหรือจอแสดงผลในพื้นที่สาธารณะ บางครั้งมันก็เผยด้าน 'ฮา' หรือ 'เฟล' ให้เราได้เห็น เช่น BSOD บนจอโฆษณาขนาดใหญ่ หรือข้อความข้อผิดพลาดที่ไม่ตั้งใจถูกฉายให้ผู้คนเห็น การพึ่งพาเทคโนโลยีทำให้เราต้องระวังและรับมือกับข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ซึ่งบางครั้งมันก็เป็นเรื่องตลกและน่าจดจำในสายตาของผู้คน

    ต่อไปนี้คือ 20 เหตุการณ์ที่สร้างเสียงหัวเราะและความแปลกใจเกี่ยวกับข้อผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ในพื้นที่สาธารณะ:

    1) จอโฆษณา Blue Screen of Death (BSOD): ป้ายโฆษณาดิจิทัลที่แสดงภาพชายถือหน้าจอ กลับมีข้อความ BSOD ที่ไม่ตั้งใจ
    2) Linux Boot Screen โผล่กลางโชว์น้ำพุ: หน้าจอ boot ของ Linux ถูกฉายเข้าไปในน้ำพุ ดูคล้ายประตูมิติ
    3) หน้าจอ EV Charging Station เผยระบบ: หน้าจอแสดง OpenVPN ในสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนี
    4) Chrome PDF Viewer ล้มเหลวระหว่างการพิมพ์: หน้าจอแสดง “Sad Puzzle Piece” บนกระดาษเปล่า
    5) Blue Screen of Death บนเรือ USS Enterprise: ระบบ Windows ในโชว์ Star Trek ล้มเหลวแสดง BSOD
    6) Sphere of Death ที่ห้าง: จอดิจิทัลทรงกลมในห้างเปลี่ยนเป็น BSOD สร้างภาพที่เหมือนงานศิลปะ
    7) Death Star เวอร์ชัน Windows: จอดิจิทัลที่แสดง Windows shutdown ถูกเปรียบเทียบเป็น Death Star จาก Star Wars
    8) ป้ายโฆษณากับข้อความหาคู่: แอดมินป้ายดิจิทัลโพสต์ข้อความส่วนตัวเพื่อหาคู่บนจอโฆษณา
    9) Crystal Ball เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด: ลูกแก้วเวทมนตร์ในนิทรรศการ Harry Potter แสดงหน้าจอ error ของ macOS
    10) BSOD ที่ห้องประสาทสัมผัสในโรงเรียน: จอทั้งหมดในห้องแสดง BSOD พร้อมกัน
    11) Low Disk Space บนป้ายโฆษณา: Billboard แสดงข้อความเตือนพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเต็ม
    12) โรงภาพยนตร์ขนาดเล็กแต่ผิดพลาด: ข้อความเอียงผิดทิศทางที่โรงหนังจิ๋ว
    13) Windows รีบูตกลางถ่ายทอดสด: จอแสดงข้อความ Windows Update ระหว่างรายการทีวีสด
    14) ระบบคิดเงินล้มเหลวเพราะ Windows ไม่ Activate: สถานีเก็บค่าผ่านทางแสดงข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการ activate Windows
    15) พื้นหลัง Windows 7 ในห้าง: ห้างกรุงเทพฯ แสดง Desktop Background แทนโฆษณา
    16) Error Message ที่สถานีรถไฟ: หน้าจอแสดงข้อความ error แนะนำให้รีบูต
    17) Linux เตือนเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง: ระบบบริการสถานีรถมีข้อความ Linux command
    18) เครื่องชั่งน้ำหนักล้มเหลวในซุปเปอร์มาร์เก็ต: ระบบ Linux แสดงข้อผิดพลาดที่เครื่องชั่ง
    19) หน้าจอ Ubuntu CLI ในพื้นที่สาธารณะ: จอ CLI ของ Ubuntu แทนโฆษณา
    20) QuickTime Update ขัดจังหวะแสงไฟคริสต์มาส: ระบบ QuickTime เกิด error ระหว่างโชว์ไฟคริสต์มาส

    https://www.neowin.net/news/20-times-computers-embarrassed-themselves-with-public-bsods-and-goof-ups/
    ในขณะที่คอมพิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นบิลบอร์ดหรือจอแสดงผลในพื้นที่สาธารณะ บางครั้งมันก็เผยด้าน 'ฮา' หรือ 'เฟล' ให้เราได้เห็น เช่น BSOD บนจอโฆษณาขนาดใหญ่ หรือข้อความข้อผิดพลาดที่ไม่ตั้งใจถูกฉายให้ผู้คนเห็น การพึ่งพาเทคโนโลยีทำให้เราต้องระวังและรับมือกับข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ซึ่งบางครั้งมันก็เป็นเรื่องตลกและน่าจดจำในสายตาของผู้คน ต่อไปนี้คือ 20 เหตุการณ์ที่สร้างเสียงหัวเราะและความแปลกใจเกี่ยวกับข้อผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ในพื้นที่สาธารณะ: 1) จอโฆษณา Blue Screen of Death (BSOD): ป้ายโฆษณาดิจิทัลที่แสดงภาพชายถือหน้าจอ กลับมีข้อความ BSOD ที่ไม่ตั้งใจ 2) Linux Boot Screen โผล่กลางโชว์น้ำพุ: หน้าจอ boot ของ Linux ถูกฉายเข้าไปในน้ำพุ ดูคล้ายประตูมิติ 3) หน้าจอ EV Charging Station เผยระบบ: หน้าจอแสดง OpenVPN ในสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนี 4) Chrome PDF Viewer ล้มเหลวระหว่างการพิมพ์: หน้าจอแสดง “Sad Puzzle Piece” บนกระดาษเปล่า 5) Blue Screen of Death บนเรือ USS Enterprise: ระบบ Windows ในโชว์ Star Trek ล้มเหลวแสดง BSOD 6) Sphere of Death ที่ห้าง: จอดิจิทัลทรงกลมในห้างเปลี่ยนเป็น BSOD สร้างภาพที่เหมือนงานศิลปะ 7) Death Star เวอร์ชัน Windows: จอดิจิทัลที่แสดง Windows shutdown ถูกเปรียบเทียบเป็น Death Star จาก Star Wars 8) ป้ายโฆษณากับข้อความหาคู่: แอดมินป้ายดิจิทัลโพสต์ข้อความส่วนตัวเพื่อหาคู่บนจอโฆษณา 9) Crystal Ball เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด: ลูกแก้วเวทมนตร์ในนิทรรศการ Harry Potter แสดงหน้าจอ error ของ macOS 10) BSOD ที่ห้องประสาทสัมผัสในโรงเรียน: จอทั้งหมดในห้องแสดง BSOD พร้อมกัน 11) Low Disk Space บนป้ายโฆษณา: Billboard แสดงข้อความเตือนพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเต็ม 12) โรงภาพยนตร์ขนาดเล็กแต่ผิดพลาด: ข้อความเอียงผิดทิศทางที่โรงหนังจิ๋ว 13) Windows รีบูตกลางถ่ายทอดสด: จอแสดงข้อความ Windows Update ระหว่างรายการทีวีสด 14) ระบบคิดเงินล้มเหลวเพราะ Windows ไม่ Activate: สถานีเก็บค่าผ่านทางแสดงข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการ activate Windows 15) พื้นหลัง Windows 7 ในห้าง: ห้างกรุงเทพฯ แสดง Desktop Background แทนโฆษณา 16) Error Message ที่สถานีรถไฟ: หน้าจอแสดงข้อความ error แนะนำให้รีบูต 17) Linux เตือนเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง: ระบบบริการสถานีรถมีข้อความ Linux command 18) เครื่องชั่งน้ำหนักล้มเหลวในซุปเปอร์มาร์เก็ต: ระบบ Linux แสดงข้อผิดพลาดที่เครื่องชั่ง 19) หน้าจอ Ubuntu CLI ในพื้นที่สาธารณะ: จอ CLI ของ Ubuntu แทนโฆษณา 20) QuickTime Update ขัดจังหวะแสงไฟคริสต์มาส: ระบบ QuickTime เกิด error ระหว่างโชว์ไฟคริสต์มาส https://www.neowin.net/news/20-times-computers-embarrassed-themselves-with-public-bsods-and-goof-ups/
    WWW.NEOWIN.NET
    20 times computers embarrassed themselves with public BSODs and goof-ups
    We have seen them time and again: BSODs, error screens, and other embarrassing stuff computers have done in public. Here are 20 of them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏✨เหรียญเจริญพรวาระเก้ารอบ #หลวงปู่อิ่ม ปัญญาวุโธ วัดทุ่งนาใหม่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งปีนี้ท่านมีอายุหนึ่งร้อยแปดปีแล้ว นับเป็นพระอริยะสงฆ์ที่มีธาตุขันธ์ยืนยาวอีกรูปหนึ่ง ปัจจุบันสุขภาพท่านก็ยังแข็งแรงแต่ก็จำเป็นที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นวัดจึงจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อระดมทุนสร้างห้องปลอดเชื้อถวายด้วยพลังเมตตาบารมีของหลวงปู่อิ่ม ผู้เป็นทั้งหลานและผู้ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ แห่งวัดสวนขัน ขณะที่ได้ฝีมือการแกะแม่พิมพ์ของช่างระดับชาติอย่างอาจารย์บิ๊กบางใหญ่ ทำให้รูปเหมือนบนเหรียญของหลวงปู่ดุจดั่งมีชีวิต รับรู้ได้ถึงใบหน้า แววตาที่เปี่ยมด้วยเมตตา เหรียญรุ่นนี้จึงถือว่าลงตัวทั้งความสวยงามและความเข้มขลัง หรือ เรียกว่าเป็นงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่รวมความเข้มขลังและความงามไว้ในเหรียญเดียว
    🙏✨เหรียญเจริญพรวาระเก้ารอบ #หลวงปู่อิ่ม ปัญญาวุโธ วัดทุ่งนาใหม่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งปีนี้ท่านมีอายุหนึ่งร้อยแปดปีแล้ว นับเป็นพระอริยะสงฆ์ที่มีธาตุขันธ์ยืนยาวอีกรูปหนึ่ง ปัจจุบันสุขภาพท่านก็ยังแข็งแรงแต่ก็จำเป็นที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นวัดจึงจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อระดมทุนสร้างห้องปลอดเชื้อถวายด้วยพลังเมตตาบารมีของหลวงปู่อิ่ม ผู้เป็นทั้งหลานและผู้ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ แห่งวัดสวนขัน ขณะที่ได้ฝีมือการแกะแม่พิมพ์ของช่างระดับชาติอย่างอาจารย์บิ๊กบางใหญ่ ทำให้รูปเหมือนบนเหรียญของหลวงปู่ดุจดั่งมีชีวิต รับรู้ได้ถึงใบหน้า แววตาที่เปี่ยมด้วยเมตตา เหรียญรุ่นนี้จึงถือว่าลงตัวทั้งความสวยงามและความเข้มขลัง หรือ เรียกว่าเป็นงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่รวมความเข้มขลังและความงามไว้ในเหรียญเดียว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • Microsoft ประกาศว่า ฟีเจอร์ AI Copilot+ ที่เคยเป็นเอกสิทธิ์สำหรับ Snapdragon X ตอนนี้จะเริ่มทยอยปล่อยให้ใช้งานบน AMD Ryzen AI 300 series และ Intel Core Ultra 200V PCs โดยฟีเจอร์ที่สำคัญ ได้แก่ Live Captions, Cocreator, Restyle Image และ Image Creator ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สร้างสรรค์คอนเทนต์และปรับแต่งรูปภาพได้ง่ายขึ้น

    ✅ Live Captions พร้อมแปลภาษาแบบเรียลไทม์
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลเสียงพูดจาก 27 ภาษาเป็นภาษาจีนแบบย่อ
    - เดิมทีใช้ได้เฉพาะบน Snapdragon X แต่ตอนนี้เตรียมเปิดตัวให้กับ AMD และ Intel PCs

    ✅ Cocreator—ช่วยสร้างงานศิลปะใน Paint
    - ผู้ใช้สามารถสร้างภาพจาก ข้อความ (text prompt) หรือให้ AI ปรับแต่งภาพที่วาดเอง
    - ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานบน AMD และ Intel PCs ที่มี NPU

    ✅ Restyle Image และ Image Creator ในแอป Photos
    - Restyle Image เป็นฟีเจอร์ปรับแต่งภาพให้เป็นสไตล์ศิลปะ เช่น ภาพสเก็ตช์หรือสีน้ำมัน
    - Image Creator ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างภาพจากคำสั่งข้อความได้โดยตรง

    ✅ ต้องอัปเดต Windows 11 และเปิดใช้งานการอัปเดตล่าสุด
    - ผู้ใช้ต้องติดตั้ง March non-security preview update
    - ต้องเปิดตัวเลือก Get the latest updates as soon as they’re available ใน Settings

    ✅ ฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น Voice Access จะเปิดตัวภายในปีนี้
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สั่งงาน Windows ผ่านเสียงได้ดีขึ้น
    - ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานบน Snapdragon X และจะมาใน AMD และ Intel PCs ช่วงปลายปี

    https://www.tomshardware.com/software/windows/snapdragon-x-exclusive-copilot-features-begin-trickling-through-to-modern-x86-windows-11-pcs
    Microsoft ประกาศว่า ฟีเจอร์ AI Copilot+ ที่เคยเป็นเอกสิทธิ์สำหรับ Snapdragon X ตอนนี้จะเริ่มทยอยปล่อยให้ใช้งานบน AMD Ryzen AI 300 series และ Intel Core Ultra 200V PCs โดยฟีเจอร์ที่สำคัญ ได้แก่ Live Captions, Cocreator, Restyle Image และ Image Creator ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สร้างสรรค์คอนเทนต์และปรับแต่งรูปภาพได้ง่ายขึ้น ✅ Live Captions พร้อมแปลภาษาแบบเรียลไทม์ - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลเสียงพูดจาก 27 ภาษาเป็นภาษาจีนแบบย่อ - เดิมทีใช้ได้เฉพาะบน Snapdragon X แต่ตอนนี้เตรียมเปิดตัวให้กับ AMD และ Intel PCs ✅ Cocreator—ช่วยสร้างงานศิลปะใน Paint - ผู้ใช้สามารถสร้างภาพจาก ข้อความ (text prompt) หรือให้ AI ปรับแต่งภาพที่วาดเอง - ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานบน AMD และ Intel PCs ที่มี NPU ✅ Restyle Image และ Image Creator ในแอป Photos - Restyle Image เป็นฟีเจอร์ปรับแต่งภาพให้เป็นสไตล์ศิลปะ เช่น ภาพสเก็ตช์หรือสีน้ำมัน - Image Creator ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างภาพจากคำสั่งข้อความได้โดยตรง ✅ ต้องอัปเดต Windows 11 และเปิดใช้งานการอัปเดตล่าสุด - ผู้ใช้ต้องติดตั้ง March non-security preview update - ต้องเปิดตัวเลือก Get the latest updates as soon as they’re available ใน Settings ✅ ฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น Voice Access จะเปิดตัวภายในปีนี้ - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สั่งงาน Windows ผ่านเสียงได้ดีขึ้น - ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานบน Snapdragon X และจะมาใน AMD และ Intel PCs ช่วงปลายปี https://www.tomshardware.com/software/windows/snapdragon-x-exclusive-copilot-features-begin-trickling-through-to-modern-x86-windows-11-pcs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Snapdragon X exclusive Copilot+ features begin trickling through to modern x86 Windows 11 PCs
    AMD Ryzen AI 300 series and Intel Core Ultra 200V PCs are getting Live Captions, Cocreator, Restyle Image, and Image Creator.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • AlexNet ซอร์สโค้ด AI ที่เริ่มต้นความสำเร็จของ deep learning ในปี 2012 ได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะใน GitHub ครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Computer History Museum และ Google โค้ดนี้เปลี่ยนแปลงการวิจัย AI ให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในยุคของเรา ตั้งแต่การวิเคราะห์ภาพจนถึงการสร้างเนื้อหาด้วย AI

    บทบาทของ AlexNet:
    - AlexNet เป็นโครงข่ายประสาทเทียมที่ช่วยยกระดับความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการรู้จำและจัดประเภทภาพ ซอร์สโค้ดนี้พัฒนาด้วย NVIDIA CUDA และชุดข้อมูล ImageNet ที่สร้างโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งมีส่วนสำคัญในการฝึกโครงข่ายประสาทเทียม.

    ความร่วมมือทางวิชาการ:
    - AlexNet พัฒนาขึ้นภายใต้การดูแลของ Geoffrey Hinton และ Ilya Sutskever ซึ่งเป็นผู้บุกเบิก AI โดยแนวคิดของพวกเขาช่วยเปิดทางให้เกิดการใช้งาน GPU ในการฝึก deep neural networks.

    ความสำเร็จในการวิจัย:
    - AlexNet ทำให้วงการเริ่มยอมรับพลังของ deep learning หลังนำเสนอในงานประชุมวิทยาการคอมพิวเตอร์ในปี 2012 แม้ว่าจะไม่ได้รับความสนใจในทันที แต่ Yann LeCun นักวิจัยชื่อดังมองว่านี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ.

    มรดกของ AlexNet:
    - ความสำเร็จของมันนำไปสู่การพัฒนา AI ที่สามารถเอาชนะผู้เล่นเกม Go รู้จำคำพูด และสร้างงานศิลปะ การเปิดเผยซอร์สโค้ดครั้งนี้ถือเป็นการให้เกียรติแก่งานวิจัยที่ช่วยสร้างพื้นฐานของ AI ในทุกวันนี้.

    https://www.techspot.com/news/107299-game-changing-ai-code-started-all-now-open.html
    AlexNet ซอร์สโค้ด AI ที่เริ่มต้นความสำเร็จของ deep learning ในปี 2012 ได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะใน GitHub ครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Computer History Museum และ Google โค้ดนี้เปลี่ยนแปลงการวิจัย AI ให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในยุคของเรา ตั้งแต่การวิเคราะห์ภาพจนถึงการสร้างเนื้อหาด้วย AI บทบาทของ AlexNet: - AlexNet เป็นโครงข่ายประสาทเทียมที่ช่วยยกระดับความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการรู้จำและจัดประเภทภาพ ซอร์สโค้ดนี้พัฒนาด้วย NVIDIA CUDA และชุดข้อมูล ImageNet ที่สร้างโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งมีส่วนสำคัญในการฝึกโครงข่ายประสาทเทียม. ความร่วมมือทางวิชาการ: - AlexNet พัฒนาขึ้นภายใต้การดูแลของ Geoffrey Hinton และ Ilya Sutskever ซึ่งเป็นผู้บุกเบิก AI โดยแนวคิดของพวกเขาช่วยเปิดทางให้เกิดการใช้งาน GPU ในการฝึก deep neural networks. ความสำเร็จในการวิจัย: - AlexNet ทำให้วงการเริ่มยอมรับพลังของ deep learning หลังนำเสนอในงานประชุมวิทยาการคอมพิวเตอร์ในปี 2012 แม้ว่าจะไม่ได้รับความสนใจในทันที แต่ Yann LeCun นักวิจัยชื่อดังมองว่านี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ. มรดกของ AlexNet: - ความสำเร็จของมันนำไปสู่การพัฒนา AI ที่สามารถเอาชนะผู้เล่นเกม Go รู้จำคำพูด และสร้างงานศิลปะ การเปิดเผยซอร์สโค้ดครั้งนี้ถือเป็นการให้เกียรติแก่งานวิจัยที่ช่วยสร้างพื้นฐานของ AI ในทุกวันนี้. https://www.techspot.com/news/107299-game-changing-ai-code-started-all-now-open.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Before ChatGPT, there was AlexNet: the AI code that started it all is now open source
    That's thanks to a collaborative effort between the Computer History Museum and Google. The source code, originally written by University of Toronto graduate student Alex Krizhevsky, has...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพที่ดีที่สุดในปี 2025 โดยมีการทดสอบและรีวิวอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมที่สุด ทั้งสำหรับมืออาชีพและผู้เริ่มต้น บทความกล่าวถึงข้อดี ข้อเสีย ราคา และจุดเด่นของแต่ละโปรแกรม

    ==มาตรฐานสูงสุดของการตัดต่อภาพ==
    Adobe Photoshop Adobe Photoshop ยังคงครองตำแหน่งซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดในตลาด ด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การปรับสี การครอบตัดภาพ และการลบวัตถุออกจากภาพ Photoshop ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างการลบวัตถุที่ไม่ต้องการและการสร้างพื้นหลังอัตโนมัติ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือการสมัครสมาชิกที่มีราคาเริ่มต้น $23 ต่อเดือน

    ==การจัดการภาพจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ==
    Adobe Lightroom Lightroom โดดเด่นด้วยเครื่องมือที่ช่วยลดเวลาในการแก้ไขภาพจำนวนมาก เช่น การปรับแสงและสีแบบแบช (Batch Editing) และฟีเจอร์คลาวด์ที่ทำให้การจัดการไฟล์สะดวกสบายยิ่งขึ้น ค่าสมัครเริ่มต้นที่ $12 ต่อเดือน

    ==ตัวเลือกแบบซื้อครั้งเดียว==
    Affinity Photo 2 หากคุณเบื่อการจ่ายค่าสมาชิก Affinity Photo 2 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ด้วยราคา $70 และคุณสมบัติครบครัน เช่น การแต่งภาพ การลบวัตถุ และการปรับแต่งเลเยอร์

    ==การใช้ AI เพื่อการแต่งภาพ==
    Skylum Luminar NEO ซอฟต์แวร์นี้เน้นใช้ AI เป็นหลัก ช่วยปรับแต่งภาพให้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมืออย่างการปรับสีและความชัดโดยใช้เพียงไม่กี่คลิก ราคาเริ่มต้นที่ $69 ต่อปี

    ==ฟรีและเปิดโอเพ่นซอร์ส==
    GIMP สำหรับคนที่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่าย GIMP เป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยความสามารถในการแต่งภาพหลากหลายรูปแบบ แม้จะมีข้อเสียคืออินเทอร์เฟซที่อาจต้องใช้เวลาศึกษา

    ==สำหรับงานศิลปะ==
    Procreate ถ้าคุณชอบการแต่งภาพที่แฝงด้วยงานศิลปะ Procreate อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด มีราคาที่เป็นมิตรเพียง $13 และเหมาะกับ iPad เท่านั้น

    การเลือกซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความต้องการ และความชำนาญของแต่ละคนครับ หากเพิ่งเริ่มต้น โปรแกรมฟรีหรือราคาย่อมเยาอาจเพียงพอ แต่สำหรับมืออาชีพ Adobe ยังคงเป็นตัวเลือกที่ครองใจหลายคน

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Link ข้างล่างเลยครับ
    https://www.zdnet.com/home-and-office/smart-office/best-photo-editing-software/
    ซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพที่ดีที่สุดในปี 2025 โดยมีการทดสอบและรีวิวอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมที่สุด ทั้งสำหรับมืออาชีพและผู้เริ่มต้น บทความกล่าวถึงข้อดี ข้อเสีย ราคา และจุดเด่นของแต่ละโปรแกรม ==มาตรฐานสูงสุดของการตัดต่อภาพ== Adobe Photoshop Adobe Photoshop ยังคงครองตำแหน่งซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดในตลาด ด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การปรับสี การครอบตัดภาพ และการลบวัตถุออกจากภาพ Photoshop ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างการลบวัตถุที่ไม่ต้องการและการสร้างพื้นหลังอัตโนมัติ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือการสมัครสมาชิกที่มีราคาเริ่มต้น $23 ต่อเดือน ==การจัดการภาพจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ== Adobe Lightroom Lightroom โดดเด่นด้วยเครื่องมือที่ช่วยลดเวลาในการแก้ไขภาพจำนวนมาก เช่น การปรับแสงและสีแบบแบช (Batch Editing) และฟีเจอร์คลาวด์ที่ทำให้การจัดการไฟล์สะดวกสบายยิ่งขึ้น ค่าสมัครเริ่มต้นที่ $12 ต่อเดือน ==ตัวเลือกแบบซื้อครั้งเดียว== Affinity Photo 2 หากคุณเบื่อการจ่ายค่าสมาชิก Affinity Photo 2 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ด้วยราคา $70 และคุณสมบัติครบครัน เช่น การแต่งภาพ การลบวัตถุ และการปรับแต่งเลเยอร์ ==การใช้ AI เพื่อการแต่งภาพ== Skylum Luminar NEO ซอฟต์แวร์นี้เน้นใช้ AI เป็นหลัก ช่วยปรับแต่งภาพให้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมืออย่างการปรับสีและความชัดโดยใช้เพียงไม่กี่คลิก ราคาเริ่มต้นที่ $69 ต่อปี ==ฟรีและเปิดโอเพ่นซอร์ส== GIMP สำหรับคนที่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่าย GIMP เป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยความสามารถในการแต่งภาพหลากหลายรูปแบบ แม้จะมีข้อเสียคืออินเทอร์เฟซที่อาจต้องใช้เวลาศึกษา ==สำหรับงานศิลปะ== Procreate ถ้าคุณชอบการแต่งภาพที่แฝงด้วยงานศิลปะ Procreate อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด มีราคาที่เป็นมิตรเพียง $13 และเหมาะกับ iPad เท่านั้น การเลือกซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความต้องการ และความชำนาญของแต่ละคนครับ หากเพิ่งเริ่มต้น โปรแกรมฟรีหรือราคาย่อมเยาอาจเพียงพอ แต่สำหรับมืออาชีพ Adobe ยังคงเป็นตัวเลือกที่ครองใจหลายคน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Link ข้างล่างเลยครับ https://www.zdnet.com/home-and-office/smart-office/best-photo-editing-software/
    WWW.ZDNET.COM
    The best photo editing software of 2025: Expert tested and reviewed
    The best photo editing software in the market will streamline your workflow, offer creative tools, and bring the best out of your images. These are ZDNET's recommendations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • coffee painting
    Ray charles
    size 21x14.8 cm.
    50 B./each

    #coffee
    #coffeepainting
    #decoration
    #art
    #watercolor
    #งานศิลปะ
    coffee painting Ray charles size 21x14.8 cm. 50 B./each #coffee #coffeepainting #decoration #art #watercolor #งานศิลปะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tatler Taiwan | ปกฉบับเดือนมีนาคม: เจย์ โจว และเฟอร์รารี่
    ร่วมกันสร้างซูเปอร์คาร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    เจย์ โจว 周杰倫 Jay Chou ศิลปินระดับตำนานแห่งเอเชีย ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ยังเป็นคนที่หลงใหลในซูเปอร์คาร์เป็นอย่างมาก

    เราถามเขาว่าเขารักรถมากแค่ไหน? เขาตอบว่า :
    “แฟนๆ ของผมรู้ดีว่าภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผมแสดง Initial D มีธีมเกี่ยวกับการแข่งรถ อีกทั้งฉากเปิดของภาพยนตร์ The Green Hornet ก็มีรถ The Black Beauty ปรากฏในภาพยนตร์แบบเต็มๆ และที่จริงแล้ว ผมอยากให้ทุกคนสัมผัสถึงความรักของผมที่มีต่อรถผ่านผลงานเหล่านี้”

    ในฐานะนักสะสมซูเปอร์คาร์ โรงเก็บรถของเจย์ โจว เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะยานยนต์ ตั้งแต่ Ferrari F12tdf รุ่นคลาสสิกไปจนถึง LaFerrari Aperta รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ทุกคันสะท้อนถึงรสนิยมเฉพาะตัวและความหลงใหลในความเร็วของเขา เจย์กล่าวต่อว่า :

    “ความรู้สึกของการขับรถที่แรงและเร็ว มันเหมือนกับการแสดงบนเวที เต็มไปด้วยอารมณ์และพลังแห่งการควบคุม”
    ความหลงใหลในความเร็วและพลังของเครื่องยนต์นี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนผ่านชีวิตประจำวันของเขา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ของเขาด้วย

    การร่วมมือกับแบรนด์ Ferrari ครั้งนี้เป็นการจับคู่ที่ลงตัวอย่างแท้จริง เจย์ ได้เข้าร่วมในทุกขั้นตอนของการออกแบบรถรุ่นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การตกแต่งภายใน ไปจนถึงสีของตัวรถ ทุกองค์ประกอบสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่ไม่เหมือนใคร
    เขาบอกกับเราว่า :

    “ศิลปะและดนตรีคือช่องทางที่เชื่อมโยงจิตวิญญาณของผม ดนตรีป๊อปคือเวทีของผม ส่วนการสะสมงานศิลปะคืออีกหนึ่งรูปแบบของความหลงใหล แม้ว่าทั้งสองอย่างจะดูแตกต่างกัน แต่สำหรับผม ทั้งคู่ล้วนเป็นการแสวงหาความงามในแบบของตัวเอง นั้นแหละคือตัวผม”

    Talent / Jay Chou
    Editor / Huan Chen and Maosheng Qi
    Photography / Andrea Frazzetta
    Style / Ferrari Style

    #TatlerTaiwan #TatlerPeople #TatlerCover #CoverStory

    #jaychou #周杰伦 #周杰倫
    #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน
    #jaychouthailand
    Tatler Taiwan | ปกฉบับเดือนมีนาคม: เจย์ โจว และเฟอร์รารี่ ร่วมกันสร้างซูเปอร์คาร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เจย์ โจว 周杰倫 Jay Chou ศิลปินระดับตำนานแห่งเอเชีย ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ยังเป็นคนที่หลงใหลในซูเปอร์คาร์เป็นอย่างมาก เราถามเขาว่าเขารักรถมากแค่ไหน? เขาตอบว่า : “แฟนๆ ของผมรู้ดีว่าภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผมแสดง Initial D มีธีมเกี่ยวกับการแข่งรถ อีกทั้งฉากเปิดของภาพยนตร์ The Green Hornet ก็มีรถ The Black Beauty ปรากฏในภาพยนตร์แบบเต็มๆ และที่จริงแล้ว ผมอยากให้ทุกคนสัมผัสถึงความรักของผมที่มีต่อรถผ่านผลงานเหล่านี้” ในฐานะนักสะสมซูเปอร์คาร์ โรงเก็บรถของเจย์ โจว เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะยานยนต์ ตั้งแต่ Ferrari F12tdf รุ่นคลาสสิกไปจนถึง LaFerrari Aperta รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ทุกคันสะท้อนถึงรสนิยมเฉพาะตัวและความหลงใหลในความเร็วของเขา เจย์กล่าวต่อว่า : “ความรู้สึกของการขับรถที่แรงและเร็ว มันเหมือนกับการแสดงบนเวที เต็มไปด้วยอารมณ์และพลังแห่งการควบคุม” ความหลงใหลในความเร็วและพลังของเครื่องยนต์นี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนผ่านชีวิตประจำวันของเขา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ของเขาด้วย การร่วมมือกับแบรนด์ Ferrari ครั้งนี้เป็นการจับคู่ที่ลงตัวอย่างแท้จริง เจย์ ได้เข้าร่วมในทุกขั้นตอนของการออกแบบรถรุ่นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การตกแต่งภายใน ไปจนถึงสีของตัวรถ ทุกองค์ประกอบสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่ไม่เหมือนใคร เขาบอกกับเราว่า : “ศิลปะและดนตรีคือช่องทางที่เชื่อมโยงจิตวิญญาณของผม ดนตรีป๊อปคือเวทีของผม ส่วนการสะสมงานศิลปะคืออีกหนึ่งรูปแบบของความหลงใหล แม้ว่าทั้งสองอย่างจะดูแตกต่างกัน แต่สำหรับผม ทั้งคู่ล้วนเป็นการแสวงหาความงามในแบบของตัวเอง นั้นแหละคือตัวผม” Talent / Jay Chou Editor / Huan Chen and Maosheng Qi Photography / Andrea Frazzetta Style / Ferrari Style #TatlerTaiwan #TatlerPeople #TatlerCover #CoverStory #jaychou #周杰伦 #周杰倫 #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน #jaychouthailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 892 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติเพราะ Storyฯ จะไปเที่ยววีคเอนด์นี้ เลยรีบมาคุยให้ฟังเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากละครจีนโบราณเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีเรื่องราวให้พูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมไม่น้อย มีตอนหนึ่งที่หนึ่งในตัวละครสมทบคือซูวุ่ยถูกกักบริเวณโดยแม่ของนาง และจะสามารถก้าวเท้าออกจากบ้านได้ก็ต่อเมื่อนางเรียนงานปัก ‘เปี้ยนซิ่ว’ ได้สำเร็จ สร้างความหนักใจให้แก่นางนัก เป็นการบอกเล่าให้พวกเราทราบได้ว่า งานปักชนิดนี้ยากนักหนา

    ‘เปี้ยนซิ่ว’ (汴绣)คืออะไร? มันคือสไตล์การปักที่มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ มีชื่อมาจากเมืองหลวงเปี้ยนจิง (หรือที่เราคุ้นหูว่าตงจิง) บ้างเรียกว่า ‘ซ่งซิ่ว’ (宋绣) บ้างจำแนกละเอียดกว่านั้นว่า เปี้ยนซิ่วเป็นงานชาววังในขณะที่ซ่งซิ่วเป็นงานของชาวบ้านทั่วไป

    Storyฯ ลองไปหาข้อมูลดูเลยพบเจอคลิปวีดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกัน อาจจะยาวสักนิด แต่จะเห็นภาพได้ดีถึงขั้นตอนการทำต่างๆ ตั้งแต่เลือกผ้าจนปลดออกจากสะดึง และที่สำคัญมีการซูมให้ดูถึงรายละเอียดของงานปักที่ทำเอา Storyฯ รู้สึกทึ่งไม่น้อย

    งานปักจีนโบราณพัฒนาขึ้นมากในสมัยถังแต่ในสมัยนั้นยังมีเทคนิคการปักไม่กี่แบบ และเมื่อมาถึงสมัยซ่งก็ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีกเป็นกว่ายี่สิบเทคนิค จากบันทึกโบราณพบว่างานปักเปี้ยนซิ่วโดยหลักเกิดขึ้นจากในวัง เรียกได้ว่าเป็นงานปักชาววัง รับผิดชอบงานฉลองพระองค์และของใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวัง ความนิยมและเทคนิคการปักได้รับความสำคัญจนถึงกับมีการก่อตั้งวิทยาลัยเฉพาะทาง (เหวินซิ่วย่วน / 文绣院) ขึ้นเมื่อปี 1005 มีช่างปักกว่าสามร้อยคน

    เปี้ยนซิ่วถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาจนแทบจะสูญหาย มีไม่กี่คนที่ยังสืบทอดมาภายหลังจากสิ้นราชวงศ์ งานเปี้ยนซิ่วรับการฟื้นฟูเมื่อมีผู้ที่สืบทอดเอาผลงานเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบสิบปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปีค.ศ. 1959 โดยผลงานที่สร้างชื่อเสียงชิ้นนี้ก็คืองานปัก <ชิงหมิงซ่างเหอถู> เป็นผลงานที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประธานเหมา และปัจจุบันถูกจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม (ดูได้จากรูป 1 และรูป 2 บน และจากคลิปวีดีโอที่เป็นการสาธิตการปัก) ต่อมาเปี้ยนซิ่วถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าของสไตล์การปักที่โด่งดังที่สุดของจีน จัดเป็นศิลปะแห่งชาติแขนงหนึ่ง มีการสืบทอดอย่างเป็นทางการ

    เอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วคืออะไร?

    เปี้ยนซิ่วขึ้นชื่อว่าเป็นงานละเอียด ใช้เส้นด้ายเพียงหนึ่งหรือสองเส้นเท่านั้น (หมายเหตุ หากสังเกตดีๆ ไหมปักที่เราใช้ทั่วไปปัจจุบันนี้เป็นเกลียวที่ประกอบขึ้นจากด้ายปักหลายเส้น) นำมาปักจนทึบโดยไม่เห็นรอยช่องไฟใดๆ ริมขอบลายปักเลย และอาศัยเทคนิคการปักต่างๆ ไม่ว่าจะความหนานูน ทิศทางของฝีเข็มที่แตกต่าง หรือการคัดสีไหม เพื่อสร้างมิติให้แก่ภาพปัก เพราะเอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วนี้คือการนำงานศิลปะภาพวาดพู่กันจีนมาถ่ายทอดลงบนผืนผ้า ไม่ว่าจะเป็นลายภูผาวารี นก ดอกไม้ คนและสัตว์ รวมถึงบทกวีโคลงกลอนด้วย (ดูตัวอย่างได้ในรูป 2) เรียกได้ว่า งานปักสมัยซ่งนี้ ไม่เพียงปักสิ่งของใช้สอย แต่เป็นงานศิลปะที่มีไว้ชมอีกด้วย (เช่นภาพติดผนัง ภาพติดฉากกั้น ฯลฯ) นอกจากนี้ ยังมีการปักแบบสองด้าน ไม่แพ้งานปักสไตล์ชื่อดังอื่นๆ ของจีนที่เราอาจเคยผ่านตากันมา

    Storyฯ รู้สึกว่า เขียนอย่างไรก็บรรยายความงามของเปี้ยนซิ่วออกมาไม่ได้เพียงพอ ยังอยากให้เพื่อนเพจเข้าไปดูคลิปวีดิโอตามคลิปข้างบน ชอบไม่ชอบอะไรมาเม้นท์ให้ฟังกันบ้างนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://baike.baidu.com/item/雁归西窗月
    https://www.tvzn.com/15774/role/226234.html
    https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk
    http://m.news.xixik.com/content/55c6bf156997ce9f/
    http://5b0988e595225.cdn.sohucs.com/images/20190514/7e22d3dd9d0244ddada007df51228ee0.jpeg
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.yxhenan.com/info/kf/scyjl_13025_1289.html
    https://kknews.cc/collect/4xyn5m2.html
    https://baike.baidu.com/item/汴绣/1124193
    #ดุจฝันบันดาลใจ #เปี้ยนซิ่ว #ซ่งซิ่ว #งานปักจีนโบราณ #ชิงหมิงซ่างเหอถู
    สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติเพราะ Storyฯ จะไปเที่ยววีคเอนด์นี้ เลยรีบมาคุยให้ฟังเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากละครจีนโบราณเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีเรื่องราวให้พูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมไม่น้อย มีตอนหนึ่งที่หนึ่งในตัวละครสมทบคือซูวุ่ยถูกกักบริเวณโดยแม่ของนาง และจะสามารถก้าวเท้าออกจากบ้านได้ก็ต่อเมื่อนางเรียนงานปัก ‘เปี้ยนซิ่ว’ ได้สำเร็จ สร้างความหนักใจให้แก่นางนัก เป็นการบอกเล่าให้พวกเราทราบได้ว่า งานปักชนิดนี้ยากนักหนา ‘เปี้ยนซิ่ว’ (汴绣)คืออะไร? มันคือสไตล์การปักที่มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ มีชื่อมาจากเมืองหลวงเปี้ยนจิง (หรือที่เราคุ้นหูว่าตงจิง) บ้างเรียกว่า ‘ซ่งซิ่ว’ (宋绣) บ้างจำแนกละเอียดกว่านั้นว่า เปี้ยนซิ่วเป็นงานชาววังในขณะที่ซ่งซิ่วเป็นงานของชาวบ้านทั่วไป Storyฯ ลองไปหาข้อมูลดูเลยพบเจอคลิปวีดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกัน อาจจะยาวสักนิด แต่จะเห็นภาพได้ดีถึงขั้นตอนการทำต่างๆ ตั้งแต่เลือกผ้าจนปลดออกจากสะดึง และที่สำคัญมีการซูมให้ดูถึงรายละเอียดของงานปักที่ทำเอา Storyฯ รู้สึกทึ่งไม่น้อย งานปักจีนโบราณพัฒนาขึ้นมากในสมัยถังแต่ในสมัยนั้นยังมีเทคนิคการปักไม่กี่แบบ และเมื่อมาถึงสมัยซ่งก็ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีกเป็นกว่ายี่สิบเทคนิค จากบันทึกโบราณพบว่างานปักเปี้ยนซิ่วโดยหลักเกิดขึ้นจากในวัง เรียกได้ว่าเป็นงานปักชาววัง รับผิดชอบงานฉลองพระองค์และของใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวัง ความนิยมและเทคนิคการปักได้รับความสำคัญจนถึงกับมีการก่อตั้งวิทยาลัยเฉพาะทาง (เหวินซิ่วย่วน / 文绣院) ขึ้นเมื่อปี 1005 มีช่างปักกว่าสามร้อยคน เปี้ยนซิ่วถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาจนแทบจะสูญหาย มีไม่กี่คนที่ยังสืบทอดมาภายหลังจากสิ้นราชวงศ์ งานเปี้ยนซิ่วรับการฟื้นฟูเมื่อมีผู้ที่สืบทอดเอาผลงานเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบสิบปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปีค.ศ. 1959 โดยผลงานที่สร้างชื่อเสียงชิ้นนี้ก็คืองานปัก <ชิงหมิงซ่างเหอถู> เป็นผลงานที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประธานเหมา และปัจจุบันถูกจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม (ดูได้จากรูป 1 และรูป 2 บน และจากคลิปวีดีโอที่เป็นการสาธิตการปัก) ต่อมาเปี้ยนซิ่วถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าของสไตล์การปักที่โด่งดังที่สุดของจีน จัดเป็นศิลปะแห่งชาติแขนงหนึ่ง มีการสืบทอดอย่างเป็นทางการ เอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วคืออะไร? เปี้ยนซิ่วขึ้นชื่อว่าเป็นงานละเอียด ใช้เส้นด้ายเพียงหนึ่งหรือสองเส้นเท่านั้น (หมายเหตุ หากสังเกตดีๆ ไหมปักที่เราใช้ทั่วไปปัจจุบันนี้เป็นเกลียวที่ประกอบขึ้นจากด้ายปักหลายเส้น) นำมาปักจนทึบโดยไม่เห็นรอยช่องไฟใดๆ ริมขอบลายปักเลย และอาศัยเทคนิคการปักต่างๆ ไม่ว่าจะความหนานูน ทิศทางของฝีเข็มที่แตกต่าง หรือการคัดสีไหม เพื่อสร้างมิติให้แก่ภาพปัก เพราะเอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วนี้คือการนำงานศิลปะภาพวาดพู่กันจีนมาถ่ายทอดลงบนผืนผ้า ไม่ว่าจะเป็นลายภูผาวารี นก ดอกไม้ คนและสัตว์ รวมถึงบทกวีโคลงกลอนด้วย (ดูตัวอย่างได้ในรูป 2) เรียกได้ว่า งานปักสมัยซ่งนี้ ไม่เพียงปักสิ่งของใช้สอย แต่เป็นงานศิลปะที่มีไว้ชมอีกด้วย (เช่นภาพติดผนัง ภาพติดฉากกั้น ฯลฯ) นอกจากนี้ ยังมีการปักแบบสองด้าน ไม่แพ้งานปักสไตล์ชื่อดังอื่นๆ ของจีนที่เราอาจเคยผ่านตากันมา Storyฯ รู้สึกว่า เขียนอย่างไรก็บรรยายความงามของเปี้ยนซิ่วออกมาไม่ได้เพียงพอ ยังอยากให้เพื่อนเพจเข้าไปดูคลิปวีดิโอตามคลิปข้างบน ชอบไม่ชอบอะไรมาเม้นท์ให้ฟังกันบ้างนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://baike.baidu.com/item/雁归西窗月 https://www.tvzn.com/15774/role/226234.html https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk http://m.news.xixik.com/content/55c6bf156997ce9f/ http://5b0988e595225.cdn.sohucs.com/images/20190514/7e22d3dd9d0244ddada007df51228ee0.jpeg Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.yxhenan.com/info/kf/scyjl_13025_1289.html https://kknews.cc/collect/4xyn5m2.html https://baike.baidu.com/item/汴绣/1124193 #ดุจฝันบันดาลใจ #เปี้ยนซิ่ว #ซ่งซิ่ว #งานปักจีนโบราณ #ชิงหมิงซ่างเหอถู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 968 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตก

    เดือนนี้ ดีร้ายมีมาแบบยากที่จะคาดเดา โชคลาภเข้าไม่แน่นอน งานคิดสร้างสรรค์ งานวิชาการ งานศึกษา งานศิลปะ วิทยาการ ความสวยงาม จะมีความสำเร็จลุล่วงเจริญก้าวหน้าดี จะมีเรื่องของความสุขสามัคคี ภายในครอบครัว หากรู้จักบริหารควบคุมเสน่ห์ได้อย่างพอเหมาะลงตัว จะได้ไม่เกิดเรื่องชู้สาวให้เป็นประเด็น ชิงรักหักสวาท แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้วุ่นวาย ชายหนุ่มที่เสเพลชอบเที่ยวเตร่เร่ร่อนเป็นประจำ มีโอกาสจะป่วย ทางจิต จะเจ็บปวดที่ ตับ ม้าม ถุงน้ำดี หืด และหอบ สืบเนื่องเพราะสาเหตุจากการใช้ชีวิต ที่ขาดการนอนหลับ พักผ่อนที่เพียงพอ ควรถนอมร่างกายใส่ใจดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกาย เพื่อชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์

    เสริมมงคล : พรมสีแดง
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตก เดือนนี้ ดีร้ายมีมาแบบยากที่จะคาดเดา โชคลาภเข้าไม่แน่นอน งานคิดสร้างสรรค์ งานวิชาการ งานศึกษา งานศิลปะ วิทยาการ ความสวยงาม จะมีความสำเร็จลุล่วงเจริญก้าวหน้าดี จะมีเรื่องของความสุขสามัคคี ภายในครอบครัว หากรู้จักบริหารควบคุมเสน่ห์ได้อย่างพอเหมาะลงตัว จะได้ไม่เกิดเรื่องชู้สาวให้เป็นประเด็น ชิงรักหักสวาท แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้วุ่นวาย ชายหนุ่มที่เสเพลชอบเที่ยวเตร่เร่ร่อนเป็นประจำ มีโอกาสจะป่วย ทางจิต จะเจ็บปวดที่ ตับ ม้าม ถุงน้ำดี หืด และหอบ สืบเนื่องเพราะสาเหตุจากการใช้ชีวิต ที่ขาดการนอนหลับ พักผ่อนที่เพียงพอ ควรถนอมร่างกายใส่ใจดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกาย เพื่อชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ เสริมมงคล : พรมสีแดง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 725 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้มาคุยต่อกับสิบสองภาพวาดกงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี

    ภาพที่สิบเอ็ดที่จะคุยกันวันนี้คือภาพ ‘หม่าโฮ่วเลี่ยนอี’ (马后练衣 / หม่าฮองเฮาสวมผ้า) เป็นภาพที่ถูกพระราชทานไปที่ตำหนักจิ่งหยางกง ซึ่งในสมัยราชวงศ์ชิงภายหลังจากการซ่อมแซมปรับปรุงสถานที่โดยองค์คังซีแล้ว ถูกใช้เป็นที่เก็บงานศิลปะ ไม่เคยเป็นที่ประทับของพระสนมหรือมเหสี

    หม่าฮองเฮาที่กล่าวถึงนี้คือ ฮองเฮาหมิงเต๋อ พระมเหสีในองค์หมิงตี้ (ค.ศ. 26-75) แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก บิดาของพระนางคือแม่ทัพหม่าหยวน หนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญในการก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกในรัชสมัยของกวงอู่ตี้ พระราชบิดาขององค์หมิงตี้

    ไม่ปรากฏนามเดิมของหม่าฮองเฮาในบันทึกประวัติศาสตร์ มีเพียงกล่าวถึงว่า นางเสียบิดาและพี่ชายไปเมื่อยังเยาว์วัยในรัชสมัยของกวงอู่ตี้ มารดาตรอมใจจนป่วยหนัก นางดูแลเรือนตระกูลหม่าแทนแม่ตั้งแต่อายุได้เพียงสิบขวบ (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้)

    พ่อของหม่าฮองเฮาถูกใส่ร้ายป้ายสีหลังจากเสียชีวิตกลางสนามรบ ตระกูลของนางตกต่ำ แต่สุดท้ายพี่ชายของนาง (ลูกของน้าชายของนาง) อาศัยผลงานความดีความชอบและความสัมพันธ์ด้านฝ่ายในของตระกูลหม่าที่มีมาหลายชั่วอายุคน ขอให้กวงอู่ตี้รับหนึ่งในลูกสาวสามคนของแม่ทัพหม่าหยวนเข้าวัง สุดท้ายเป็นลูกสาวคนเล็กที่ได้รับเลือกเข้าไปรับใช้ในพระตำหนักขององค์ชายรัชทายาทโดยไม่ได้มีการแต่งตั้งยศศักดิ์อะไร นางปรนนิบัติหลิวจวงอีกทั้งฮองเฮาและเหล่าพระภรรยาอย่างใกล้ชิดจนได้รับความเอ็นดูเป็นอย่างดี

    เมื่อองค์หลิวจวงขึ้นครองราชย์ นางได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหริน นางไม่มีบุตร แต่เพราะเป็นคนที่นิสัยอ่อนโยนมีการศึกษาดี ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น นางจึงได้รับมอบหมายให้เลี้ยงดูลูกชายจากภรรยาอื่นของฮั่นหมิงตี้คือเด็กชายหลิวต๋า (ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮั่นจางตี้) จวบจนสามปีให้หลังจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาภายใต้การเสนอชื่อของไทเฮา

    เป็นที่กล่าวขานว่านางมีความรู้ความรอบคอบ หลายครั้งที่ฮั่นหมิงตี้ให้นางช่วยดูและให้ความเห็นต่อฎีกา นางก็ได้ให้ข้อเสนอแนะที่ดี จึงเป็นที่ชื่นชมและโปรดปรานของฮั่นหมิงตี้ ต่อมาในรัชสมัยของฮั่นจางตี้ นางยังคงช่วยให้คำปรึกษาที่ดีต่อฮั่นจางตี้ในเรื่องการบริหารบ้านเมือง

    นางขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในฮองเฮาที่วางตัวได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์จีน และไม่เคยใช้อิทธิพลเกื้อหนุนตระกูลหม่า มีตัวอย่างว่า นางได้เสนอให้ลบชื่อพี่ชายของตนออกจากบันทึกคุณงามความดีของข้าราชสำนักเดิมตอนสมัยผัดเปลี่ยนรัชสมัยมาเป็นฮั่นจางตี้ อีกทั้งคัดค้านไม่ให้คนในตระกูลหม่ารับอิสริยยศ โดยให้เหตุผลต่อฮั่นจางตี้ว่า ไม่ต้องการให้ชนรุ่นหลังมองว่าเหล่าขุนนางสูงศักดิ์ที่ล้อมรอบฮั่นจางตี้ล้วนเป็นคนที่เกี่ยวดองกันในวังหลัง นางเตือนสติฮั่นจางตี้ว่า การให้อิสริยยศกับคนต่างสกุลต้องทำด้วยความรอบคอบ ผลงานของเหล่าข้าราชสำนักล้วนเป็นหน้าที่ที่พึงปฏิบัติ ไม่ควรนำมาเป็นเหตุผลให้มีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่น

    เพราะนาง คนในตระกูลหม่าปฏิเสธที่จะรับยศโหว แม้ที่ได้รับการแต่งตั้งก็ปฏิเสธไม่รับพื้นที่การปกครอง และสุดท้ายก็ลาออกจากตำแหน่งในที่สุด

    หม่าฮองเฮาริเริ่มให้มีการจัดทำบันทึกที่เรียกว่า ‘ฉี่จวีจู้’ (起居注) ซึ่งจริงๆ ก็คือไดอารี่บันทึกกิจวัตรประจำวันของฮ่องเต้ ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบหนึ่งของวิธีบันทึกประวัติศาสตร์ในวัง และเป็นเอกสารสำคัญให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา นางจึงถูกยกย่องให้เป็นนักประวัติศาสตร์หญิงคนแรกของจีน

    นอกจากนี้นางยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนประหยัด ในบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นเขียนไว้ว่า เสื้อผ้าของนางล้วนตัดเย็บจากผ้าเนื้อหยาบต้มจนนิ่ม กระโปรงไม่เย็บแถบชาย เป็นการแต่งกายที่ไม่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดา เมื่อสนมนางในถาม นางให้เหตุผลว่าผ้าเนื้อหยาบที่หาได้ง่ายกว่าผ้าไหมและย้อมสีได้ดีกว่า ว่ากันว่า นางคือฮองเฮาคนแรกที่แต่งกายอย่างนี้ และนี่คือเรื่องราวหลังภาพ ‘หม่าโฮ่วเลี่ยนอี’ (หมายเหตุ ‘เลี่ยนอี’ คือการทำเสื้อผ้าจากผ้าเนื้อหยาบ)

    ภาพนี้ถูกตีความว่าหมายถึง มัธยัสถ์ และป้ายอักษรที่ถูกพระราชทานไปคู่กันเขียนว่า ‘โหรวเจียซู่จิ้ง’ (柔嘉肃静) แปลได้ประมาณว่า อ่อนโยนอ่อนหวาน สุขุมเงียบสงบ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/43223996
    https://www.sohu.com/a/279050528_100018792
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/明德皇后/29800
    https://www.gugong.net/wenhua/40018.html
    http://www.qulishi.com/renwu/mingdemahuanghou/
    https://www.163.com/dy/article/G087N9E10541M2R8.html
    https://k.sina.cn/article_6482315882_182604a6a00100loe0.html

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #หม่าโฮ่ว #ฮั่นหมิงตี้ #หมิงเต๋อหวงโฮ่ว #กงซวิ่นถู
    วันนี้มาคุยต่อกับสิบสองภาพวาดกงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี ภาพที่สิบเอ็ดที่จะคุยกันวันนี้คือภาพ ‘หม่าโฮ่วเลี่ยนอี’ (马后练衣 / หม่าฮองเฮาสวมผ้า) เป็นภาพที่ถูกพระราชทานไปที่ตำหนักจิ่งหยางกง ซึ่งในสมัยราชวงศ์ชิงภายหลังจากการซ่อมแซมปรับปรุงสถานที่โดยองค์คังซีแล้ว ถูกใช้เป็นที่เก็บงานศิลปะ ไม่เคยเป็นที่ประทับของพระสนมหรือมเหสี หม่าฮองเฮาที่กล่าวถึงนี้คือ ฮองเฮาหมิงเต๋อ พระมเหสีในองค์หมิงตี้ (ค.ศ. 26-75) แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก บิดาของพระนางคือแม่ทัพหม่าหยวน หนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญในการก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกในรัชสมัยของกวงอู่ตี้ พระราชบิดาขององค์หมิงตี้ ไม่ปรากฏนามเดิมของหม่าฮองเฮาในบันทึกประวัติศาสตร์ มีเพียงกล่าวถึงว่า นางเสียบิดาและพี่ชายไปเมื่อยังเยาว์วัยในรัชสมัยของกวงอู่ตี้ มารดาตรอมใจจนป่วยหนัก นางดูแลเรือนตระกูลหม่าแทนแม่ตั้งแต่อายุได้เพียงสิบขวบ (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้) พ่อของหม่าฮองเฮาถูกใส่ร้ายป้ายสีหลังจากเสียชีวิตกลางสนามรบ ตระกูลของนางตกต่ำ แต่สุดท้ายพี่ชายของนาง (ลูกของน้าชายของนาง) อาศัยผลงานความดีความชอบและความสัมพันธ์ด้านฝ่ายในของตระกูลหม่าที่มีมาหลายชั่วอายุคน ขอให้กวงอู่ตี้รับหนึ่งในลูกสาวสามคนของแม่ทัพหม่าหยวนเข้าวัง สุดท้ายเป็นลูกสาวคนเล็กที่ได้รับเลือกเข้าไปรับใช้ในพระตำหนักขององค์ชายรัชทายาทโดยไม่ได้มีการแต่งตั้งยศศักดิ์อะไร นางปรนนิบัติหลิวจวงอีกทั้งฮองเฮาและเหล่าพระภรรยาอย่างใกล้ชิดจนได้รับความเอ็นดูเป็นอย่างดี เมื่อองค์หลิวจวงขึ้นครองราชย์ นางได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหริน นางไม่มีบุตร แต่เพราะเป็นคนที่นิสัยอ่อนโยนมีการศึกษาดี ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น นางจึงได้รับมอบหมายให้เลี้ยงดูลูกชายจากภรรยาอื่นของฮั่นหมิงตี้คือเด็กชายหลิวต๋า (ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮั่นจางตี้) จวบจนสามปีให้หลังจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาภายใต้การเสนอชื่อของไทเฮา เป็นที่กล่าวขานว่านางมีความรู้ความรอบคอบ หลายครั้งที่ฮั่นหมิงตี้ให้นางช่วยดูและให้ความเห็นต่อฎีกา นางก็ได้ให้ข้อเสนอแนะที่ดี จึงเป็นที่ชื่นชมและโปรดปรานของฮั่นหมิงตี้ ต่อมาในรัชสมัยของฮั่นจางตี้ นางยังคงช่วยให้คำปรึกษาที่ดีต่อฮั่นจางตี้ในเรื่องการบริหารบ้านเมือง นางขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในฮองเฮาที่วางตัวได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์จีน และไม่เคยใช้อิทธิพลเกื้อหนุนตระกูลหม่า มีตัวอย่างว่า นางได้เสนอให้ลบชื่อพี่ชายของตนออกจากบันทึกคุณงามความดีของข้าราชสำนักเดิมตอนสมัยผัดเปลี่ยนรัชสมัยมาเป็นฮั่นจางตี้ อีกทั้งคัดค้านไม่ให้คนในตระกูลหม่ารับอิสริยยศ โดยให้เหตุผลต่อฮั่นจางตี้ว่า ไม่ต้องการให้ชนรุ่นหลังมองว่าเหล่าขุนนางสูงศักดิ์ที่ล้อมรอบฮั่นจางตี้ล้วนเป็นคนที่เกี่ยวดองกันในวังหลัง นางเตือนสติฮั่นจางตี้ว่า การให้อิสริยยศกับคนต่างสกุลต้องทำด้วยความรอบคอบ ผลงานของเหล่าข้าราชสำนักล้วนเป็นหน้าที่ที่พึงปฏิบัติ ไม่ควรนำมาเป็นเหตุผลให้มีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่น เพราะนาง คนในตระกูลหม่าปฏิเสธที่จะรับยศโหว แม้ที่ได้รับการแต่งตั้งก็ปฏิเสธไม่รับพื้นที่การปกครอง และสุดท้ายก็ลาออกจากตำแหน่งในที่สุด หม่าฮองเฮาริเริ่มให้มีการจัดทำบันทึกที่เรียกว่า ‘ฉี่จวีจู้’ (起居注) ซึ่งจริงๆ ก็คือไดอารี่บันทึกกิจวัตรประจำวันของฮ่องเต้ ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบหนึ่งของวิธีบันทึกประวัติศาสตร์ในวัง และเป็นเอกสารสำคัญให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา นางจึงถูกยกย่องให้เป็นนักประวัติศาสตร์หญิงคนแรกของจีน นอกจากนี้นางยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนประหยัด ในบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นเขียนไว้ว่า เสื้อผ้าของนางล้วนตัดเย็บจากผ้าเนื้อหยาบต้มจนนิ่ม กระโปรงไม่เย็บแถบชาย เป็นการแต่งกายที่ไม่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดา เมื่อสนมนางในถาม นางให้เหตุผลว่าผ้าเนื้อหยาบที่หาได้ง่ายกว่าผ้าไหมและย้อมสีได้ดีกว่า ว่ากันว่า นางคือฮองเฮาคนแรกที่แต่งกายอย่างนี้ และนี่คือเรื่องราวหลังภาพ ‘หม่าโฮ่วเลี่ยนอี’ (หมายเหตุ ‘เลี่ยนอี’ คือการทำเสื้อผ้าจากผ้าเนื้อหยาบ) ภาพนี้ถูกตีความว่าหมายถึง มัธยัสถ์ และป้ายอักษรที่ถูกพระราชทานไปคู่กันเขียนว่า ‘โหรวเจียซู่จิ้ง’ (柔嘉肃静) แปลได้ประมาณว่า อ่อนโยนอ่อนหวาน สุขุมเงียบสงบ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/43223996 https://www.sohu.com/a/279050528_100018792 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/明德皇后/29800 https://www.gugong.net/wenhua/40018.html http://www.qulishi.com/renwu/mingdemahuanghou/ https://www.163.com/dy/article/G087N9E10541M2R8.html https://k.sina.cn/article_6482315882_182604a6a00100loe0.html #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #หม่าโฮ่ว #ฮั่นหมิงตี้ #หมิงเต๋อหวงโฮ่ว #กงซวิ่นถู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 838 มุมมอง 0 รีวิว
  • ASUS ได้เปิดตัว ExpertCenter PN54 ซึ่งเป็นมินิพีซี Copilot+ ที่ใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series โดยการ์ดกราฟิก AMD Radeon ก็มาพร้อมกับพีซีรุ่นนี้ด้วย

    ExpertCenter PN54 ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากและแอปพลิเคชันที่ใช้ AI เช่น การสร้างเนื้อหาด้วย AI การคอมไพล์โค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการประชุม ด้วยหน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series รุ่นใหม่ที่มีแรมในชิปเพิ่มขึ้นถึง 50% และใช้เทคโนโลยี AMD Zen 5 ที่ออกแบบมาจากหน่วยประมวลผลเดสก์ท็อป ทำให้พีซีนี้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการทำงานที่หลากหลาย

    นอกจากนี้ ExpertCenter PN54 ยังมีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมมาก เช่น WiFi 7, Bluetooth 5.4, และพอร์ต USB ถึง 6 พอร์ต รวมถึงยังรองรับการแสดงผลถึง 4 หน้าจอ 4K ทำให้การใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวสามารถทำได้ง่ายขึ้น

    จุดเด่นคือคุณสมบัติ AI ของ Copilot+ ที่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การค้นหาข้อความและอีเมลเก่า การแปลคำบรรยายแบบเรียลไทม์ถึง 44 ภาษา และการสร้างงานศิลปะกราฟิกด้วยการพิมพ์คำสั่งง่าย ๆ คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านปุ่ม Copilot หรือใช้คำสั่งเสียงผ่านลำโพงและไมโครโฟนในตัว

    ที่น่าสนใจคือ ExpertCenter PN54 มีการออกแบบที่แข็งแรงทนทานและผ่านการทดสอบความคงทนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การล็อกอินด้วยลายนิ้วมือและเทคโนโลยี Trusted Platform Module (TPM) เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการปกป้องข้อมูลสำคัญ

    https://www.techpowerup.com/333490/asus-intros-expertcenter-pn54-copilot-mini-pc-with-amd-ryzen-ai-300-series-processors
    ASUS ได้เปิดตัว ExpertCenter PN54 ซึ่งเป็นมินิพีซี Copilot+ ที่ใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series โดยการ์ดกราฟิก AMD Radeon ก็มาพร้อมกับพีซีรุ่นนี้ด้วย ExpertCenter PN54 ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากและแอปพลิเคชันที่ใช้ AI เช่น การสร้างเนื้อหาด้วย AI การคอมไพล์โค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการประชุม ด้วยหน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series รุ่นใหม่ที่มีแรมในชิปเพิ่มขึ้นถึง 50% และใช้เทคโนโลยี AMD Zen 5 ที่ออกแบบมาจากหน่วยประมวลผลเดสก์ท็อป ทำให้พีซีนี้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการทำงานที่หลากหลาย นอกจากนี้ ExpertCenter PN54 ยังมีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมมาก เช่น WiFi 7, Bluetooth 5.4, และพอร์ต USB ถึง 6 พอร์ต รวมถึงยังรองรับการแสดงผลถึง 4 หน้าจอ 4K ทำให้การใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวสามารถทำได้ง่ายขึ้น จุดเด่นคือคุณสมบัติ AI ของ Copilot+ ที่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การค้นหาข้อความและอีเมลเก่า การแปลคำบรรยายแบบเรียลไทม์ถึง 44 ภาษา และการสร้างงานศิลปะกราฟิกด้วยการพิมพ์คำสั่งง่าย ๆ คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านปุ่ม Copilot หรือใช้คำสั่งเสียงผ่านลำโพงและไมโครโฟนในตัว ที่น่าสนใจคือ ExpertCenter PN54 มีการออกแบบที่แข็งแรงทนทานและผ่านการทดสอบความคงทนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การล็อกอินด้วยลายนิ้วมือและเทคโนโลยี Trusted Platform Module (TPM) เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการปกป้องข้อมูลสำคัญ https://www.techpowerup.com/333490/asus-intros-expertcenter-pn54-copilot-mini-pc-with-amd-ryzen-ai-300-series-processors
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    ASUS Intros ExpertCenter PN54 Copilot+ mini PC with AMD Ryzen AI 300 Series Processors
    ASUS today announced ExpertCenter PN54, a high-performance Copilot+ mini PC powered by AMD Ryzen AI 300 Series processors and AMD Radeon graphics. ExpertCenter PN54 offers extensive connectivity, including WiFi 7 and Bluetooth 5.4, and is able to support up to four 4K displays. This mini PC enables ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมเพิ่งมาฉุกคิดเอาเมื่อไม่กี่วันมานี้เองว่า ไพ่ Tower นำเสนอโลกทัศน์แบบเฟมินิสม์ (Feminism) ชัดเอามาก ๆ หรือจะให้เจาะจงกว่านั้นคือ ไพ่ใบนี้แสดงถึงการต่อต้านปิตาธิปไตย (Patriarchy) แบบเห็นตำตากระแทกหน้าเลยทีเดียว

    ก่อนจะตอบคำถามว่าทำไม ผมขอถือวิสาสะติ๊ต่างว่าพวกคุณที่กำลังอ่านเนื้อหาในโพสต์นี้อยู่ไม่เคยรู้จักคำว่า Phallus หรือ Phallic symbol มาก่อน เพื่อที่ผมจะได้ติ๊ต่างว่าตัวเองเป็นผู้ทรงภูมิและเล่าเรื่องต่อจากนี้ได้อย่างมีแพชชันมากขึ้นนะครับ

    ในสัญลักษณ์วิทยา ซึ่งต่อมาก็ขยายไปถึงทฤษฏีการวิจารณ์งานศิลปะ วรรณกรรม และสื่อประเภทต่าง ๆ มีสัญลักษณ์ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "Phallic symbol" หรือ "ลึงคสัญลักษณ์" คือเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับ "Phallus" หรือ "ลึงค์" หรือก็คือ_วยซึ่งเป็นเครื่องเพศแบบ Built it แต่กำเนิดของมนุษย์เพศชายทุกคนนั่นแหละครับ

    Phallic symbol คือสัญลักษณ์ที่อยู่ในรูปวัตถุสิ่งของใด ๆ ก็ตามที่มีลักษณะหรือสัณฐานคล้าย Phallus กล่าวคือ ยาว เป็นแท่ง เป็นดุ้น เป็นลำ มีตั้งแต่สิ่งของไม่มีชีวิต เช่น ดาบ กระบอง จรวด เข็ม ดินสอ ปืน ฯลฯ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตหรืออวัยวะ เช่น งู มังกร แขน ขา นิ้ว เขี้ยว หนวดหมึก เป็นต้น แน่นอนว่า หอคอย ก็จัดเป็นสัญลักษณ์ประเภทนี้ด้วย

    ทีนี้ วัตถุสิ่งของใดก็ตามที่เข้าข่าย Phallic symbol มันไม่ได้แค่เป็นตัวแทนของ_วยหรือลึงค์ของผู้ชาย แต่ในทางสัญลักษณ์วิทยาและทฤษฎีการวิจารณ์ (โดยเฉพาะในสายจิตวิเคราะห์และสายเฟมินิสม์) สัญลักษณ์พวกนี้พ่วงมาด้วยคุณลักษณะอะไรก็ตามที่สังคมแบบปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่ล้วนแต่จับยึดโยงกับเพศชาย ไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำ ความเป็นฝ่ายกระทำหรือฝ่ายรุก อำนาจ ฯลฯ ตย. ที่เห็นชัดมาก ๆ คือในสมัยก่อน คนที่จับอาวุธอย่างดาบ กระบี่กระบอง หรือท่อนไม้ เพื่อใช้ต่อสู้ศัตรูหรือปกป้องครอบครัว ก็มักเป็นผู้ชาย ส่วนในสมัยปัจจุบันก็มีสัญลักษณ์ใหม่ ๆ อย่างรถยนต์ ผู้ชายที่ขับรถก็เป็นการแสดงถึงความมีอำนาจ(ทางการเงิน) ทำให้มีโอกาสตกผู้หญิงได้มากกว่าคนไม่มีรถขับ อะไรทำนองนี้

    เมื่อพูดถึง Phallus แล้วก็ต้องขอแนะนำอีกคำหนึ่ง นั่นคือ "Phallocentrism" คือแนวคิดว่าด้วยการเอา "ลึงค์" เป็นศูนย์กลาง ไม่ได้หมายถึงวัน ๆ คิดแต่เรื่องหื่น ๆ แต่หมายถึงการสร้างวัฒนธรรมและวางระบบของสังคมโดยเน้นที่เพศชายเป็นหลัก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือปิตาธิปไตยนั่นเอง

    สังคมมนุษย์หลายแห่งทั้งในอดีตและปัจจุบันเป็นสังคมแบบเอาลึงค์เป็นใหญ่ ซึ่งมักสะท้อนให้เห็นผ่านตำนานความเชื่อของคนในสังคมนั้น ๆ ลองสังเกตเทพปกรณัมของหลายชนชาติที่ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นชายมีอำนาจสูงสุด มันมักจะมีสัญลักษณ์ที่เป็น Phallic symbol สักอย่างทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์กลางทางจักรวาลวิทยาของความเชื่อนั้น ๆ เช่น เขาโอลิมปัสและเขาพระสุเมรุที่เป็นแกนกลางของจักรวาลตามตำนานกรีกและฮินดูตามลำดับ ต้นอิกดราซิลของนอร์ส หรือในกรณีของศาสนาที่ยังคง active ในปัจจุบัน ก็มีต้นศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับข้างใต้ขณะตรัสรู้ และไม้กางเขนที่ตรึงพระเยซู เป็นต้น (อย่าปฏิเสธผมนะว่า 2 ศาสนานี้ไม่ได้เอาชายเป็นใหญ่)

    กลับมาที่ไพ่ Tower ไพ่ทาโรต์ชุดหลักหมายเลข 16 ตัวหอคอยที่กำลังโดนฟ้าผ่าจนพังทลาย มันก็คือ Phallic symbol อย่างหนึ่ง เป็นเสมือนลึงค์ลำเบ้อเร่อที่ชูตระหง่านขึ้นฟ้า ลองนึกภาพว่าคุณเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ในหมู่บ้านห่างไกล หอคอยหลังนี้น่าจะสูงตระหง่านจนมองเห็นได้จากหมู่บ้านของคุณ และผู้ที่สั่งการให้สร้างหอคอยสูงตระหง่านขนาดนี้ได้ก็ต้องมีอำนาจไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าสำหรับยุคสมัยนั้น ผู้มีอำนาจนี้ก็น่าเป็นผู้ปกครองที่เป็นชาย เป็นราชา เป็นจักรพรรดิ หอคอยสูงตระหง่านหลังนี้จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนอำนาจของผู้ปกครอง(ชาย)ที่สูงเสียดฟ้า และดังนั้นจึงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจปิตาธิปไตยที่อยู่เหนือดินแดนแห่งนั้นด้วย

    และเมื่อหอคอยที่ว่าถูกทำลายจนถล่ม มองในเชิงสัญลักษณ์ มันก็คือการพังทลายของอำนาจชายเป็นใหญ่นั่นเอง และพอความเป็นปิตาธิปไตยพังทลายแล้ว นั่นก็หมายถึงการเปิดพื้นที่ให้เพศที่เป็นรองอย่างเพศหญิงได้ลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปาก มีบทบาทมากขึ้น รวมไปถึงการเปิดพื้นที่ให้เพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ที่อยู่นอกเหนือไปจากบรรทัดฐานเพศตรงข้าม (Heteronormativity) ที่ปัจจุบันเราเรียกรวม ๆ ว่า LGBTQIA+ ทั้งหมดนี่แหละครับคือ เฟมินิสม์

    โอเคครับ บางคนอาจจะบอกว่า เรื่องราวตามหน้าไพ่ Tower มันอ้างอิงถึงตำนานของหอบาเบลไม่ใช่หรือ มนุษย์ผู้อหังการมุ่งหมายจะยึดอำนาจพระเจ้า พระเจ้าเลยตบเกรียนสั่งสอนด้วยการทำลายหอคอยและทำให้มนุษย์พูดภาษาต่างกัน อ่าฮะ ถ้างั้น ลองมาอ่านตำนานนี้จากแว่นของทฤษฎีจิตวิเคราะห์กันไหมครับ ;) การสร้างหอคอยบาเบลก็ไม่ต่างจากการที่มนุษย์จะพยายามฉุดคร่าข่มขืuแดนสวรรค์ มนุษย์พยายามสร้าง "ลึงค์" อันมหึมาให้แข็งชูชันขึ้นไปทะลุเยื่อเมฆเพื่อเปิดซิงสวรรค์ แต่สวรรค์ไม่ใช่แดน "บริสุทธิ์" มีพระเจ้าเป็นเจ้าของอยู่แล้ว และพระเจ้าก็ใช้ Phallic symbol ที่มาพร้อมอำนาจทำลายล้างทรงพลังกว่า อย่างสายฟ้า ทำลายลึงค์ของมนุษย์จนพังไม่เป็นท่า หอบาเบลที่ถล่มไปก็เหมือนลึงค์ขาด เปรียบเหมือนมนุษย์ถูกลงโทษด้วยการโดน "ตอน" ส่วนการพูดภาษาแตกต่างกัน ก็คือการสูญเสียอำนาจในรูปแบบหนึ่ง พอคนคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็รวมตัวกันก่อการใหญ่ไม่ได้อีก

    อย่างไรก็ดี ตำนานหอคอยบาเบลก็มีกำเนิดจากศาสนายิว ซึ่งคงไม่ต้องย้ำนะครับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวพ่อในการเผยแพร่วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ คุณดูสิว่าเขาเรียกพระเจ้าว่าอะไร พระบิดา ใช่ไหม และก่อนที่จะมีไพ่ RWS เกิดขึ้นมา ไพ่ทาโรต์ระบบหลักในยุโรปตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 14 - 19 คือระบบมาร์แซย์ (Tarot de Marseille) ระบบนี้เรียกไพ่หอคอยถล่มหมายเลข XVI ว่า "La Maison Dieu" ลา เมซง ดิเยอ แปลตรงตัวว่า บ้านของพระเจ้า พระเจ้าคือตัวแทนสูงสุดแห่งปิตาธิปไตย เมื่อหอคอยที่เป็นเหมือนบ้านของพระเจ้าถูกทำลายลง มันก็เปรียบได้กับการพังทลายของปิตาธิปไตย... ย้อนกลับไปสู่เมื่อ 2 ย่อหน้าที่แล้ว

    ทีนี้ บางคนอาจสงสัย (มีไหมนะ? มีจริงไหมไม่รู้ เอาเป็นว่าผมจะมโนละกันว่ามี) ว่าถ้าดูตามภาพหน้าไพ่ ก็เห็นว่าคนที่ร่วงลงมามีทั้งชายและหญิง แล้วแบบนี้จะเป็นการพังทลายของแนวคิดชายเป็นใหญ่แต่ฝ่ายเดียวได้ยังไง ผมจะตอบอย่างนี้ละกันครับว่า ปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่เป็นแนวคิดที่ผูกติดกับทั้งสังคมและวัฒนธรรม และผู้คนที่ยึดถือปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมทางสังคมและวัฒนธรรมสืบต่อกันมาก็มีทั้งชายและหญิง ทำต่อ ๆ กันมาจนทุกคน(หลง)เชื่อกันว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติวิสัยที่จะให้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า เป็นนักรบ ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เป็นแม่ศรีเรือน ใครที่ชอบหรือหลงใหลกิจกรรมที่สังคมมองว่าเหมาะสำหรับอีกเพศ (เช่น ผู้ชายอยากเรียนแต่งหน้า ผู้หญิงอยากเรียนวิทยาศาสตร์) จะถูกมองว่าแปลก ทั้งหมดนี้คือชุดความคิดที่เป็นมายาคติครอบงำโลกทัศน์ของผู้คนในสังคมและวัฒนธรรมนั้น ๆ เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเขา ฉะนั้น คุณลองคิดดูว่า ถ้าจู่ ๆ มีคนบอกว่าคุณไม่ต้องทำตามกรอบขนบประเพณีพวกนั้นแล้ว โลกของพวกเขาก็คงเหมือนจะพังทลาย ไม่ต่างกับหอคอยในไพ่ Tower

    ดังนั้น ครั้งต่อไปที่เห็นไพ่ Tower ปรากฏขึ้นมา ถ้าพิจารณาจากบริบทคำถามแล้ว เห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นคำเตือนถึงอุบัติเหตุหรืออะไรบางอย่างที่จะเกิดอย่างกะทันหัน ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูนะครับว่า หรือไพ่กำลังกระซิบบอกให้คุณทลายกรอบความคิดหรือมายาคติเกี่ยวกับเรื่องเพศสภาพและเพศวิถี แล้วลองมองเรื่องตรงหน้าโดยสวมแว่นของเฟมินิสต์ดูบ้าง
    ผมเพิ่งมาฉุกคิดเอาเมื่อไม่กี่วันมานี้เองว่า ไพ่ Tower นำเสนอโลกทัศน์แบบเฟมินิสม์ (Feminism) ชัดเอามาก ๆ หรือจะให้เจาะจงกว่านั้นคือ ไพ่ใบนี้แสดงถึงการต่อต้านปิตาธิปไตย (Patriarchy) แบบเห็นตำตากระแทกหน้าเลยทีเดียว ก่อนจะตอบคำถามว่าทำไม ผมขอถือวิสาสะติ๊ต่างว่าพวกคุณที่กำลังอ่านเนื้อหาในโพสต์นี้อยู่ไม่เคยรู้จักคำว่า Phallus หรือ Phallic symbol มาก่อน เพื่อที่ผมจะได้ติ๊ต่างว่าตัวเองเป็นผู้ทรงภูมิและเล่าเรื่องต่อจากนี้ได้อย่างมีแพชชันมากขึ้นนะครับ ในสัญลักษณ์วิทยา ซึ่งต่อมาก็ขยายไปถึงทฤษฏีการวิจารณ์งานศิลปะ วรรณกรรม และสื่อประเภทต่าง ๆ มีสัญลักษณ์ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "Phallic symbol" หรือ "ลึงคสัญลักษณ์" คือเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับ "Phallus" หรือ "ลึงค์" หรือก็คือ_วยซึ่งเป็นเครื่องเพศแบบ Built it แต่กำเนิดของมนุษย์เพศชายทุกคนนั่นแหละครับ Phallic symbol คือสัญลักษณ์ที่อยู่ในรูปวัตถุสิ่งของใด ๆ ก็ตามที่มีลักษณะหรือสัณฐานคล้าย Phallus กล่าวคือ ยาว เป็นแท่ง เป็นดุ้น เป็นลำ มีตั้งแต่สิ่งของไม่มีชีวิต เช่น ดาบ กระบอง จรวด เข็ม ดินสอ ปืน ฯลฯ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตหรืออวัยวะ เช่น งู มังกร แขน ขา นิ้ว เขี้ยว หนวดหมึก เป็นต้น แน่นอนว่า หอคอย ก็จัดเป็นสัญลักษณ์ประเภทนี้ด้วย ทีนี้ วัตถุสิ่งของใดก็ตามที่เข้าข่าย Phallic symbol มันไม่ได้แค่เป็นตัวแทนของ_วยหรือลึงค์ของผู้ชาย แต่ในทางสัญลักษณ์วิทยาและทฤษฎีการวิจารณ์ (โดยเฉพาะในสายจิตวิเคราะห์และสายเฟมินิสม์) สัญลักษณ์พวกนี้พ่วงมาด้วยคุณลักษณะอะไรก็ตามที่สังคมแบบปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่ล้วนแต่จับยึดโยงกับเพศชาย ไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำ ความเป็นฝ่ายกระทำหรือฝ่ายรุก อำนาจ ฯลฯ ตย. ที่เห็นชัดมาก ๆ คือในสมัยก่อน คนที่จับอาวุธอย่างดาบ กระบี่กระบอง หรือท่อนไม้ เพื่อใช้ต่อสู้ศัตรูหรือปกป้องครอบครัว ก็มักเป็นผู้ชาย ส่วนในสมัยปัจจุบันก็มีสัญลักษณ์ใหม่ ๆ อย่างรถยนต์ ผู้ชายที่ขับรถก็เป็นการแสดงถึงความมีอำนาจ(ทางการเงิน) ทำให้มีโอกาสตกผู้หญิงได้มากกว่าคนไม่มีรถขับ อะไรทำนองนี้ เมื่อพูดถึง Phallus แล้วก็ต้องขอแนะนำอีกคำหนึ่ง นั่นคือ "Phallocentrism" คือแนวคิดว่าด้วยการเอา "ลึงค์" เป็นศูนย์กลาง ไม่ได้หมายถึงวัน ๆ คิดแต่เรื่องหื่น ๆ แต่หมายถึงการสร้างวัฒนธรรมและวางระบบของสังคมโดยเน้นที่เพศชายเป็นหลัก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือปิตาธิปไตยนั่นเอง สังคมมนุษย์หลายแห่งทั้งในอดีตและปัจจุบันเป็นสังคมแบบเอาลึงค์เป็นใหญ่ ซึ่งมักสะท้อนให้เห็นผ่านตำนานความเชื่อของคนในสังคมนั้น ๆ ลองสังเกตเทพปกรณัมของหลายชนชาติที่ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นชายมีอำนาจสูงสุด มันมักจะมีสัญลักษณ์ที่เป็น Phallic symbol สักอย่างทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์กลางทางจักรวาลวิทยาของความเชื่อนั้น ๆ เช่น เขาโอลิมปัสและเขาพระสุเมรุที่เป็นแกนกลางของจักรวาลตามตำนานกรีกและฮินดูตามลำดับ ต้นอิกดราซิลของนอร์ส หรือในกรณีของศาสนาที่ยังคง active ในปัจจุบัน ก็มีต้นศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับข้างใต้ขณะตรัสรู้ และไม้กางเขนที่ตรึงพระเยซู เป็นต้น (อย่าปฏิเสธผมนะว่า 2 ศาสนานี้ไม่ได้เอาชายเป็นใหญ่) กลับมาที่ไพ่ Tower ไพ่ทาโรต์ชุดหลักหมายเลข 16 ตัวหอคอยที่กำลังโดนฟ้าผ่าจนพังทลาย มันก็คือ Phallic symbol อย่างหนึ่ง เป็นเสมือนลึงค์ลำเบ้อเร่อที่ชูตระหง่านขึ้นฟ้า ลองนึกภาพว่าคุณเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ในหมู่บ้านห่างไกล หอคอยหลังนี้น่าจะสูงตระหง่านจนมองเห็นได้จากหมู่บ้านของคุณ และผู้ที่สั่งการให้สร้างหอคอยสูงตระหง่านขนาดนี้ได้ก็ต้องมีอำนาจไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าสำหรับยุคสมัยนั้น ผู้มีอำนาจนี้ก็น่าเป็นผู้ปกครองที่เป็นชาย เป็นราชา เป็นจักรพรรดิ หอคอยสูงตระหง่านหลังนี้จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนอำนาจของผู้ปกครอง(ชาย)ที่สูงเสียดฟ้า และดังนั้นจึงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจปิตาธิปไตยที่อยู่เหนือดินแดนแห่งนั้นด้วย และเมื่อหอคอยที่ว่าถูกทำลายจนถล่ม มองในเชิงสัญลักษณ์ มันก็คือการพังทลายของอำนาจชายเป็นใหญ่นั่นเอง และพอความเป็นปิตาธิปไตยพังทลายแล้ว นั่นก็หมายถึงการเปิดพื้นที่ให้เพศที่เป็นรองอย่างเพศหญิงได้ลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปาก มีบทบาทมากขึ้น รวมไปถึงการเปิดพื้นที่ให้เพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ที่อยู่นอกเหนือไปจากบรรทัดฐานเพศตรงข้าม (Heteronormativity) ที่ปัจจุบันเราเรียกรวม ๆ ว่า LGBTQIA+ ทั้งหมดนี่แหละครับคือ เฟมินิสม์ โอเคครับ บางคนอาจจะบอกว่า เรื่องราวตามหน้าไพ่ Tower มันอ้างอิงถึงตำนานของหอบาเบลไม่ใช่หรือ มนุษย์ผู้อหังการมุ่งหมายจะยึดอำนาจพระเจ้า พระเจ้าเลยตบเกรียนสั่งสอนด้วยการทำลายหอคอยและทำให้มนุษย์พูดภาษาต่างกัน อ่าฮะ ถ้างั้น ลองมาอ่านตำนานนี้จากแว่นของทฤษฎีจิตวิเคราะห์กันไหมครับ ;) การสร้างหอคอยบาเบลก็ไม่ต่างจากการที่มนุษย์จะพยายามฉุดคร่าข่มขืuแดนสวรรค์ มนุษย์พยายามสร้าง "ลึงค์" อันมหึมาให้แข็งชูชันขึ้นไปทะลุเยื่อเมฆเพื่อเปิดซิงสวรรค์ แต่สวรรค์ไม่ใช่แดน "บริสุทธิ์" มีพระเจ้าเป็นเจ้าของอยู่แล้ว และพระเจ้าก็ใช้ Phallic symbol ที่มาพร้อมอำนาจทำลายล้างทรงพลังกว่า อย่างสายฟ้า ทำลายลึงค์ของมนุษย์จนพังไม่เป็นท่า หอบาเบลที่ถล่มไปก็เหมือนลึงค์ขาด เปรียบเหมือนมนุษย์ถูกลงโทษด้วยการโดน "ตอน" ส่วนการพูดภาษาแตกต่างกัน ก็คือการสูญเสียอำนาจในรูปแบบหนึ่ง พอคนคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็รวมตัวกันก่อการใหญ่ไม่ได้อีก อย่างไรก็ดี ตำนานหอคอยบาเบลก็มีกำเนิดจากศาสนายิว ซึ่งคงไม่ต้องย้ำนะครับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวพ่อในการเผยแพร่วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ คุณดูสิว่าเขาเรียกพระเจ้าว่าอะไร พระบิดา ใช่ไหม และก่อนที่จะมีไพ่ RWS เกิดขึ้นมา ไพ่ทาโรต์ระบบหลักในยุโรปตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 14 - 19 คือระบบมาร์แซย์ (Tarot de Marseille) ระบบนี้เรียกไพ่หอคอยถล่มหมายเลข XVI ว่า "La Maison Dieu" ลา เมซง ดิเยอ แปลตรงตัวว่า บ้านของพระเจ้า พระเจ้าคือตัวแทนสูงสุดแห่งปิตาธิปไตย เมื่อหอคอยที่เป็นเหมือนบ้านของพระเจ้าถูกทำลายลง มันก็เปรียบได้กับการพังทลายของปิตาธิปไตย... ย้อนกลับไปสู่เมื่อ 2 ย่อหน้าที่แล้ว ทีนี้ บางคนอาจสงสัย (มีไหมนะ? มีจริงไหมไม่รู้ เอาเป็นว่าผมจะมโนละกันว่ามี) ว่าถ้าดูตามภาพหน้าไพ่ ก็เห็นว่าคนที่ร่วงลงมามีทั้งชายและหญิง แล้วแบบนี้จะเป็นการพังทลายของแนวคิดชายเป็นใหญ่แต่ฝ่ายเดียวได้ยังไง ผมจะตอบอย่างนี้ละกันครับว่า ปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่เป็นแนวคิดที่ผูกติดกับทั้งสังคมและวัฒนธรรม และผู้คนที่ยึดถือปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมทางสังคมและวัฒนธรรมสืบต่อกันมาก็มีทั้งชายและหญิง ทำต่อ ๆ กันมาจนทุกคน(หลง)เชื่อกันว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติวิสัยที่จะให้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า เป็นนักรบ ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เป็นแม่ศรีเรือน ใครที่ชอบหรือหลงใหลกิจกรรมที่สังคมมองว่าเหมาะสำหรับอีกเพศ (เช่น ผู้ชายอยากเรียนแต่งหน้า ผู้หญิงอยากเรียนวิทยาศาสตร์) จะถูกมองว่าแปลก ทั้งหมดนี้คือชุดความคิดที่เป็นมายาคติครอบงำโลกทัศน์ของผู้คนในสังคมและวัฒนธรรมนั้น ๆ เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเขา ฉะนั้น คุณลองคิดดูว่า ถ้าจู่ ๆ มีคนบอกว่าคุณไม่ต้องทำตามกรอบขนบประเพณีพวกนั้นแล้ว โลกของพวกเขาก็คงเหมือนจะพังทลาย ไม่ต่างกับหอคอยในไพ่ Tower ดังนั้น ครั้งต่อไปที่เห็นไพ่ Tower ปรากฏขึ้นมา ถ้าพิจารณาจากบริบทคำถามแล้ว เห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นคำเตือนถึงอุบัติเหตุหรืออะไรบางอย่างที่จะเกิดอย่างกะทันหัน ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูนะครับว่า หรือไพ่กำลังกระซิบบอกให้คุณทลายกรอบความคิดหรือมายาคติเกี่ยวกับเรื่องเพศสภาพและเพศวิถี แล้วลองมองเรื่องตรงหน้าโดยสวมแว่นของเฟมินิสต์ดูบ้าง
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำงานศิลปะตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 (คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร) ส่วนใหญ่จะเป็นงานเพันต์ หลังจากนั้นหันมาทำหนังสือภาพประกอบสำหรับเด็ก ทำเรื่อยมาหลายสิบปี นับแล้วทำไปและได้ตีพิมพ์กว่า 50 เล่ม หลังจากนี้จะนำภาพมาลงให้ดูครับหรือใครไปเดินห้างลองแวะมุมหนังสือเด็กคงได้เห็นผลงานครับ รางวัลที่ได้จากหนังสือคือรางวัลยอดเยี่ยมจากหนังสือชื่อ "ความลับในกระสอบ" รางวัลชมเชยจาก "แกะเกเร" รางวัลหนังสือสวยงามจาก "ทำไมไม่มีปีแมว" หลังจากใช้ชีวิตในเมืองกรุงมานาน กลับมาที่บ้านเกิด ยังทำหนังสือบ้าง ทำงานออกแบบบ้าง สอนศิลปะให้แก่เด็กๆบ้าง มาสามสี่ปีที่ผ่านมาหันทำงานคอมพิวเตอร์ ออกแบบโลโก้ดู ผมพบว่าเป็นงานที่สนุกท้าทาย และเป็นงานที่ตอบโจทย์ลูกค้า เป็นงานที่สื่อสารกับคนทั่วไปผลงานมีมากมาย รางวัลที่ได้จากการประกวดกว่า 50 รางวัล ยกตัวอย่างรางวัลที่ภูมิใจคือรางวัลชนะเลิศโลโก้ 90 ปี หอการค้าไทย ในส่วนของงานอื่นจะทยอยนำมาลงให้ชมกันครับ (สนใจต้องการให้ออกแบบโลโก้ให้สอบถามได้ครับราคาไม่แพง หลักพันต้นๆครับ)
    ทำงานศิลปะตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 (คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร) ส่วนใหญ่จะเป็นงานเพันต์ หลังจากนั้นหันมาทำหนังสือภาพประกอบสำหรับเด็ก ทำเรื่อยมาหลายสิบปี นับแล้วทำไปและได้ตีพิมพ์กว่า 50 เล่ม หลังจากนี้จะนำภาพมาลงให้ดูครับหรือใครไปเดินห้างลองแวะมุมหนังสือเด็กคงได้เห็นผลงานครับ รางวัลที่ได้จากหนังสือคือรางวัลยอดเยี่ยมจากหนังสือชื่อ "ความลับในกระสอบ" รางวัลชมเชยจาก "แกะเกเร" รางวัลหนังสือสวยงามจาก "ทำไมไม่มีปีแมว" หลังจากใช้ชีวิตในเมืองกรุงมานาน กลับมาที่บ้านเกิด ยังทำหนังสือบ้าง ทำงานออกแบบบ้าง สอนศิลปะให้แก่เด็กๆบ้าง มาสามสี่ปีที่ผ่านมาหันทำงานคอมพิวเตอร์ ออกแบบโลโก้ดู ผมพบว่าเป็นงานที่สนุกท้าทาย และเป็นงานที่ตอบโจทย์ลูกค้า เป็นงานที่สื่อสารกับคนทั่วไปผลงานมีมากมาย รางวัลที่ได้จากการประกวดกว่า 50 รางวัล ยกตัวอย่างรางวัลที่ภูมิใจคือรางวัลชนะเลิศโลโก้ 90 ปี หอการค้าไทย ในส่วนของงานอื่นจะทยอยนำมาลงให้ชมกันครับ (สนใจต้องการให้ออกแบบโลโก้ให้สอบถามได้ครับราคาไม่แพง หลักพันต้นๆครับ)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมชาติสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์เป็นตัวกำหนด ทุกความอร่อยต้องมีเรื่องราว…
    ..ช็อกโกแลตคือของทานเล่นที่ทำให้ทุกคนมีความสุข…ในทุกเพศทุกวัยเพื่อสุขภาพที่ดี

    COCORA ….Premium Chocolate.
    ..Taste note: Nutty>Floral>Fruitty
    เข้มข้น กลิ่นหอม กลมกล่อม ละมุนลิ้น ไม่มีเปรี้ยว

    ความจริงที่ควรรู้กี่ยวกับ…Craft chocolate …สำหรับคนรัก Chocolate
    ..….ถ้าเป็นCraft Chocolate มันต้องเปรี้ยวสิ !!..คำนี้หลายท่านคงได้ยินกันมาจนชิน จนหลายท่านอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมันถึงเปรี้ยว ...คราฟท์ช็อกโกแลตที่เปรี้ยวนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการหมักเมล็ดโกโก้ในกระบวนการแบบ Natural process ไปในทิศทางที่ไม่สมบูรณ์แบบ จนทำให้ในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการหมักยังคงมีกรดอะซิติก(กรดนำ้ส้มสายชู)คงตกค้างอยู่ในเมล็ดจำนวนหนึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพิถีพิถันของผู้หมัก ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำค่อนข้างยาก การหมักโกโก้จึงเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ความรู้และเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ (food science )เข้ามาช่วยและต้องมีความละเอียดความเข้าใจในทุกขั้นตอนอย่างลึกซึ้ง ส่วนใหญ่กว่า90%มักจะทำให้เกิดรสชาติที่เปรี้ยวนำเพราะไม่สามารถกำจัดกรดอะซิติกออกไปจนหมด…ความเปรี้ยวที่เกิดขึ้นนี้รสชาติจะเปรี้ยวโดดแตกต่างจากเมล็ดโกโก้ที่มีโอกาสเกิดความเปรี้ยวเล็กน้อยหรือเปรี้ยวปลายแบบรสชาติผลไม้นานาชนิดที่มี taste note เรียกว่า fruity ซึ่งรสชาตินี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆจากการหมักที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น เมื่อการหมักสมบูรณ์ปัจจัยปลีกย่อยอีกหลายอย่างก็ตามมากำหนดรสชาติความเป็นพื้นถิ่น เช่นสายพันธุ์เมล็ดโกโก้ที่ปลูก ,แหล่งที่ปลูก ,สภาพพื้นดินที่เป็นกรดเป็นด่าง ,ปุ๋ยที่ใ้ช้ และสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันในแต่ฤดูกาล และยังมีอีกหลายด้านที่ยังคงเป็นความลับของธรรมชาติ ที่มีผลทำให้เกิดรสชาติเฉพาะในพื้นถิ่นนั้นๆ(origin) ซึ่งอาจจะได้ taste note ในอีกหลากหลายรสชาติเช่น Nutty,Herbal,Spicy,Fruity,Vegetal
    ,Dark, Sweet ซึ่งเป็นเสน่ห์ของ craft chocolate ดังนั้นความอร่อยของรสชาติที่แท้จริงของช็อกโกแลตจึงต้องมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต้นทาง โดยเฉพาะกระบวนการหมักที่จะเป็นตัวกำหนดรสชาติ
    ซึ่งก็ไม่ต่างจากการหมักเบียร์ หมักไวน์ หรือการหมักอาหาร ที่ยังต้องใช้เทคนิคทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหารเข้ามาช่วย

    แตกต่างกับ Factory chocolate (กระบวนการหมักแบบDutch Proceess)ที่ต้องใช้สารเคมีโปแตสเซียม ,อัลคาไรด์ ที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง เพื่อมาลดความเป็นกรด คือลดความเปรี้ยวเป็นหลัก รสชาติส่วนใหญ่จึงออกมาคลา้ยๆกันจนส่งผลกระทบต่อความหลากหลายของรสชาติอื่นๆ(taste note)ไปด้วย
    …ซึ่งไม่ว่าจะมาจากพื้นถิ่นไหน แถบใดของโลก สรุปได้ว่าถ้าเมล็ดที่หมักไม่สมบูรณ์ ก็จะเกิดความเปรี้ยวแบบลิ้นสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่รสชาติโกโก้ที่ทุกคนคุ้นเคยจนน่าแปลก ยิ่งถ้าเปรี้ยวโดดเปรี้ยวดีดแล้ว จะหารสชาติที่เป็น single origin นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะความเปรี้ยวจะไปลดทอน taste noteที่แท้จริง ทำให้ยากที่จะหาความชัดเจนของรสชาติโกโก้เฉพาะถิ่นนั้นๆ ซึ่งบางท่านอาจจะเข้าใจผิดในสิ่งที่รับรู้มาจากการสร้างเรื่องราวของการอ้างดินฟ้าอากาศ พื้นที่ที่ปลูก ฯลฯ ซึ่งเป็นstory ที่เป็นเรื่องเล่าถูกสร้างมาแบบไม่มีวิทยาศาสตร์มารองรับ เอาจริงๆมันก็เกี่ยวในแง่ของรสชาติพื้นถิ่น แต่คนละเรื่องกับความเปรี้ยวที่ว่านี้ อย่าลืมนะครับว่าเรากำลังทานโกโก้ที่ผ่านกระบวนการหมักแล้ว ไม่ใช่ทานผลสด ที่จะอมเปรี้ยว อมหวาน….หรือว่าบางท่านอาจหลงไหลชื่นชอบในรสชาติความแปลกใหม่ของรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด ซึ่งเป็นความชอบเฉพาะตัว จนบางท่านหลงคิดว่าเป็นรสชาติ Fruitty แต่อย่าลืมว่ามันคือ…ช็อกโกแลตที่ใส่นำ้ส้มสายชู..ดีดีนี่เอง….

    -กระบวนการหมักที่สมบูรณ์แบบ Natural process
    = เกิดรสชาติโกโก้แท้ๆอาจมี taste noteและกลิ่นที่หลากหลายของผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพรหรือถั่วต่างๆ และไม่มีรสชาติเปรี้ยวโดดที่เกิดจากกรดนำ้ส้มสายชูตกค้าง
    -กระบวนการหมักไม่สมบูรณ์แบบ Natural process
    =โกโก้+นำ้ส้มสายชูตกค้าง ทำให้มีรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด จนสูญเสียรสชาติช็อกโกแลตที่แท้จริงไป
    -กระบวนการหมักแบบ Dutch Process = โกโก้ + โปแตสเซียม + (อัลคาไลน์) หรือสารเคมีชนิดอื่น ที่มีคุณสมบัติเป็นด่างเพื่อลดกรดจะทำให้ไม่มีรสชาติเปรี้ยว ออกแนวขมเข้มข้น กลิ่นหอม มักจะคั่วที่อุณภูมิสูงขาดจนความหลากหลายของ taste note

    **การคั่วเข้มคั่วอ่อนก็ยังมีผลต่อรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
    -คั่วอ่อน เมล็ดโกโก้แห้งจะมีกลิ่นหอมขึ้นระดับหนึ่ง รสชาติจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากยังคงได้taste note แบบดั้งเดิม และยังคงมีคุณค่าทางอาหารได้มากกว่าคั่วเข้ม
    -คั่วเข้ม รสชาติจะเข้มข้นขึ้น(dark)ออกไปทางขม(bitter) เพิ่มกลิ่นหอมของโกโก้ แต่จะเสียคุณค่าทางโภชนาการไปมากกว่า
    ….เรื่องราวทั้งหมดนี้ หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนรัก craft chocolate ที่ต้องการทราบความจริงที่มีหนึ่งเดียว จริงๆแล้ววิทยาศาสตร์อยู่รอบตัวเรา การใช้ศาสตร์มาคิดวิเคราะห์ ด้วยหลักของเหตุผล เราก็จะได้ทราบถึงที่มาที่ไปและเข้าใจมันอย่างแท้จริง
    …หากท่านใดคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกด Like กดShare ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบ craft chocolate ได้เปิดโลกทัศน์ในโลกของโกโก้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
    #cocora
    #craftchocolate
    #perfectfermentation
    #ไม่เปรี้ยวแน่นอน
    #rareitem

    ….ความสะอาด พิถีพิถัน คือหัวใจของเรา
    อร่อยมาจากข้างในเพราะเราใส่ใจทุกกระบวนการผลิต

    ..สุขภาพดี …แค่เพียงปลายนิ้ว
    ..ส่งตรงถึงบ้าน..ไม่มีละลายด้วยการบรรจุหีบห่ออย่างดี

    สนใจสั่งซื้อรายละเอียดตามนี้ครับ
    Inbox messenger ….จะตอบกลับโดยเร็วที่สุด ง่ายต่อการสื่อสารและต้องการข้อมูลรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม สามารถดูเมนูได้ตามลิ้งค์ครับ

    https://www.facebook.com/share/p/1DqByxv8wA/?mibextid=wwXIfr

    ลิงค์ Lazada Shoppee (21/2/68 ปิดร้าน1วัน)

    https://s.lazada.co.th/s.Oi1un

    https://shope.ee/30OIXwR87J
    ธรรมชาติสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์เป็นตัวกำหนด ทุกความอร่อยต้องมีเรื่องราว… ..ช็อกโกแลตคือของทานเล่นที่ทำให้ทุกคนมีความสุข…ในทุกเพศทุกวัยเพื่อสุขภาพที่ดี COCORA ….Premium Chocolate. ..Taste note: Nutty>Floral>Fruitty เข้มข้น กลิ่นหอม กลมกล่อม ละมุนลิ้น ไม่มีเปรี้ยว ความจริงที่ควรรู้กี่ยวกับ…Craft chocolate …สำหรับคนรัก Chocolate ..….ถ้าเป็นCraft Chocolate มันต้องเปรี้ยวสิ !!..คำนี้หลายท่านคงได้ยินกันมาจนชิน จนหลายท่านอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมันถึงเปรี้ยว ...คราฟท์ช็อกโกแลตที่เปรี้ยวนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการหมักเมล็ดโกโก้ในกระบวนการแบบ Natural process ไปในทิศทางที่ไม่สมบูรณ์แบบ จนทำให้ในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการหมักยังคงมีกรดอะซิติก(กรดนำ้ส้มสายชู)คงตกค้างอยู่ในเมล็ดจำนวนหนึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพิถีพิถันของผู้หมัก ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำค่อนข้างยาก การหมักโกโก้จึงเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ความรู้และเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ (food science )เข้ามาช่วยและต้องมีความละเอียดความเข้าใจในทุกขั้นตอนอย่างลึกซึ้ง ส่วนใหญ่กว่า90%มักจะทำให้เกิดรสชาติที่เปรี้ยวนำเพราะไม่สามารถกำจัดกรดอะซิติกออกไปจนหมด…ความเปรี้ยวที่เกิดขึ้นนี้รสชาติจะเปรี้ยวโดดแตกต่างจากเมล็ดโกโก้ที่มีโอกาสเกิดความเปรี้ยวเล็กน้อยหรือเปรี้ยวปลายแบบรสชาติผลไม้นานาชนิดที่มี taste note เรียกว่า fruity ซึ่งรสชาตินี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆจากการหมักที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น เมื่อการหมักสมบูรณ์ปัจจัยปลีกย่อยอีกหลายอย่างก็ตามมากำหนดรสชาติความเป็นพื้นถิ่น เช่นสายพันธุ์เมล็ดโกโก้ที่ปลูก ,แหล่งที่ปลูก ,สภาพพื้นดินที่เป็นกรดเป็นด่าง ,ปุ๋ยที่ใ้ช้ และสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันในแต่ฤดูกาล และยังมีอีกหลายด้านที่ยังคงเป็นความลับของธรรมชาติ ที่มีผลทำให้เกิดรสชาติเฉพาะในพื้นถิ่นนั้นๆ(origin) ซึ่งอาจจะได้ taste note ในอีกหลากหลายรสชาติเช่น Nutty,Herbal,Spicy,Fruity,Vegetal ,Dark, Sweet ซึ่งเป็นเสน่ห์ของ craft chocolate ดังนั้นความอร่อยของรสชาติที่แท้จริงของช็อกโกแลตจึงต้องมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต้นทาง โดยเฉพาะกระบวนการหมักที่จะเป็นตัวกำหนดรสชาติ ซึ่งก็ไม่ต่างจากการหมักเบียร์ หมักไวน์ หรือการหมักอาหาร ที่ยังต้องใช้เทคนิคทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหารเข้ามาช่วย แตกต่างกับ Factory chocolate (กระบวนการหมักแบบDutch Proceess)ที่ต้องใช้สารเคมีโปแตสเซียม ,อัลคาไรด์ ที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง เพื่อมาลดความเป็นกรด คือลดความเปรี้ยวเป็นหลัก รสชาติส่วนใหญ่จึงออกมาคลา้ยๆกันจนส่งผลกระทบต่อความหลากหลายของรสชาติอื่นๆ(taste note)ไปด้วย …ซึ่งไม่ว่าจะมาจากพื้นถิ่นไหน แถบใดของโลก สรุปได้ว่าถ้าเมล็ดที่หมักไม่สมบูรณ์ ก็จะเกิดความเปรี้ยวแบบลิ้นสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่รสชาติโกโก้ที่ทุกคนคุ้นเคยจนน่าแปลก ยิ่งถ้าเปรี้ยวโดดเปรี้ยวดีดแล้ว จะหารสชาติที่เป็น single origin นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะความเปรี้ยวจะไปลดทอน taste noteที่แท้จริง ทำให้ยากที่จะหาความชัดเจนของรสชาติโกโก้เฉพาะถิ่นนั้นๆ ซึ่งบางท่านอาจจะเข้าใจผิดในสิ่งที่รับรู้มาจากการสร้างเรื่องราวของการอ้างดินฟ้าอากาศ พื้นที่ที่ปลูก ฯลฯ ซึ่งเป็นstory ที่เป็นเรื่องเล่าถูกสร้างมาแบบไม่มีวิทยาศาสตร์มารองรับ เอาจริงๆมันก็เกี่ยวในแง่ของรสชาติพื้นถิ่น แต่คนละเรื่องกับความเปรี้ยวที่ว่านี้ อย่าลืมนะครับว่าเรากำลังทานโกโก้ที่ผ่านกระบวนการหมักแล้ว ไม่ใช่ทานผลสด ที่จะอมเปรี้ยว อมหวาน….หรือว่าบางท่านอาจหลงไหลชื่นชอบในรสชาติความแปลกใหม่ของรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด ซึ่งเป็นความชอบเฉพาะตัว จนบางท่านหลงคิดว่าเป็นรสชาติ Fruitty แต่อย่าลืมว่ามันคือ…ช็อกโกแลตที่ใส่นำ้ส้มสายชู..ดีดีนี่เอง…. -กระบวนการหมักที่สมบูรณ์แบบ Natural process = เกิดรสชาติโกโก้แท้ๆอาจมี taste noteและกลิ่นที่หลากหลายของผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพรหรือถั่วต่างๆ และไม่มีรสชาติเปรี้ยวโดดที่เกิดจากกรดนำ้ส้มสายชูตกค้าง -กระบวนการหมักไม่สมบูรณ์แบบ Natural process =โกโก้+นำ้ส้มสายชูตกค้าง ทำให้มีรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด จนสูญเสียรสชาติช็อกโกแลตที่แท้จริงไป -กระบวนการหมักแบบ Dutch Process = โกโก้ + โปแตสเซียม + (อัลคาไลน์) หรือสารเคมีชนิดอื่น ที่มีคุณสมบัติเป็นด่างเพื่อลดกรดจะทำให้ไม่มีรสชาติเปรี้ยว ออกแนวขมเข้มข้น กลิ่นหอม มักจะคั่วที่อุณภูมิสูงขาดจนความหลากหลายของ taste note **การคั่วเข้มคั่วอ่อนก็ยังมีผลต่อรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ -คั่วอ่อน เมล็ดโกโก้แห้งจะมีกลิ่นหอมขึ้นระดับหนึ่ง รสชาติจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากยังคงได้taste note แบบดั้งเดิม และยังคงมีคุณค่าทางอาหารได้มากกว่าคั่วเข้ม -คั่วเข้ม รสชาติจะเข้มข้นขึ้น(dark)ออกไปทางขม(bitter) เพิ่มกลิ่นหอมของโกโก้ แต่จะเสียคุณค่าทางโภชนาการไปมากกว่า ….เรื่องราวทั้งหมดนี้ หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนรัก craft chocolate ที่ต้องการทราบความจริงที่มีหนึ่งเดียว จริงๆแล้ววิทยาศาสตร์อยู่รอบตัวเรา การใช้ศาสตร์มาคิดวิเคราะห์ ด้วยหลักของเหตุผล เราก็จะได้ทราบถึงที่มาที่ไปและเข้าใจมันอย่างแท้จริง …หากท่านใดคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกด Like กดShare ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบ craft chocolate ได้เปิดโลกทัศน์ในโลกของโกโก้ด้วยครับ ขอบคุณครับ #cocora #craftchocolate #perfectfermentation #ไม่เปรี้ยวแน่นอน #rareitem ….ความสะอาด พิถีพิถัน คือหัวใจของเรา อร่อยมาจากข้างในเพราะเราใส่ใจทุกกระบวนการผลิต ..สุขภาพดี …แค่เพียงปลายนิ้ว ..ส่งตรงถึงบ้าน..ไม่มีละลายด้วยการบรรจุหีบห่ออย่างดี สนใจสั่งซื้อรายละเอียดตามนี้ครับ Inbox messenger ….จะตอบกลับโดยเร็วที่สุด ง่ายต่อการสื่อสารและต้องการข้อมูลรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม สามารถดูเมนูได้ตามลิ้งค์ครับ https://www.facebook.com/share/p/1DqByxv8wA/?mibextid=wwXIfr ลิงค์ Lazada Shoppee (21/2/68 ปิดร้าน1วัน) https://s.lazada.co.th/s.Oi1un https://shope.ee/30OIXwR87J
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1347 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่าอากาศยานอิซาฟยอร์ดูร์ ประเทศไอซ์แลนด์
    .
    ท่าอากาศยานอิซาฟยอร์ดูร์ เป็นดินแดนที่ธรรมชาติก่อรูปเป็นงานศิลปะอันงดงาม ฟยอร์ดตะวันตกของไอซ์แลนด์ซ่อนเร้นสนามบินเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อ อิซาฟยอร์ดูร์ ท่าอากาศยานแห่งนี้เปรียบเสมือนประตูสู่โลกอันเงียบสงบและห่างไกลผู้คน เป็นจุดเชื่อมต่อที่เปราะบางระหว่างภูมิภาคอันห่างไกลกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ ท่าอากาศยานอิซาฟยอร์ดูร์รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงชันที่ทอดตัวสู่ท้องฟ้าราวกับกำแพงหิน และทะเลสีครามเข้มที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ภูมิประเทศอันขรุขระและสภาพอากาศที่ผันผวน ทำให้การเดินทางเข้าถึงท่าอากาศยานแห่งนี้เป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง ลมทะเลที่พัดกระหน่ำและภูเขาที่บดบังทัศนวิสัย ทำให้การขึ้นลงของเครื่องบินเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยทักษะและความชำนาญของนักบินเป็นอย่างมาก
    .
    หนึ่งในเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของท่าอากาศยานอิซาฟยอร์ดูร์ คือ รันเวย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวและท้าทายกว่าสนามบินส่วนใหญ่ทั่วไป เนื่องจากภูมิประเทศที่ซับซ้อน ทำให้รันเวย์ไม่สามารถสร้างให้ตรงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้ และเมื่อเครื่องบินเข้าใกล้เพื่อลงจอดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นักบินจะต้องบังคับเครื่องเลี้ยวกลับ 180 องศาเต็มก่อนจะแตะพื้น การเลี้ยวที่รวดเร็วและแม่นยำบนรันเวย์อันคับแคบนี้ ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดของนักบินที่บินเข้าสู่สนามบินแห่งนี้
    ท่าอากาศยานอิซาฟยอร์ดูร์ ประเทศไอซ์แลนด์ . ท่าอากาศยานอิซาฟยอร์ดูร์ เป็นดินแดนที่ธรรมชาติก่อรูปเป็นงานศิลปะอันงดงาม ฟยอร์ดตะวันตกของไอซ์แลนด์ซ่อนเร้นสนามบินเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อ อิซาฟยอร์ดูร์ ท่าอากาศยานแห่งนี้เปรียบเสมือนประตูสู่โลกอันเงียบสงบและห่างไกลผู้คน เป็นจุดเชื่อมต่อที่เปราะบางระหว่างภูมิภาคอันห่างไกลกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ ท่าอากาศยานอิซาฟยอร์ดูร์รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงชันที่ทอดตัวสู่ท้องฟ้าราวกับกำแพงหิน และทะเลสีครามเข้มที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ภูมิประเทศอันขรุขระและสภาพอากาศที่ผันผวน ทำให้การเดินทางเข้าถึงท่าอากาศยานแห่งนี้เป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง ลมทะเลที่พัดกระหน่ำและภูเขาที่บดบังทัศนวิสัย ทำให้การขึ้นลงของเครื่องบินเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยทักษะและความชำนาญของนักบินเป็นอย่างมาก . หนึ่งในเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของท่าอากาศยานอิซาฟยอร์ดูร์ คือ รันเวย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวและท้าทายกว่าสนามบินส่วนใหญ่ทั่วไป เนื่องจากภูมิประเทศที่ซับซ้อน ทำให้รันเวย์ไม่สามารถสร้างให้ตรงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้ และเมื่อเครื่องบินเข้าใกล้เพื่อลงจอดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นักบินจะต้องบังคับเครื่องเลี้ยวกลับ 180 องศาเต็มก่อนจะแตะพื้น การเลี้ยวที่รวดเร็วและแม่นยำบนรันเวย์อันคับแคบนี้ ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดของนักบินที่บินเข้าสู่สนามบินแห่งนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศิลปินฟ้องแอร์เอเชีย ละเมิดสตรีทอาร์ตปีนัง

    งานเข้าอีกครั้งสำหรับโลว์คอสต์แอร์ไลน์สัญชาติมาเลเซีย อย่างสายการบินแอร์เอเชีย คราวนี้ไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ แต่เป็นการนำผลงานสตรีทอาร์ตบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซียไปใช้ โดยที่เจ้าของผลงานตัวจริงเห็นว่าไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องและไม่ยุติธรรมสำหรับเขา

    อินสตาแกรม ernestzacharevic ของ เออร์เนสต์ ซาชาเรวิช (Ernest Zacharevic) ศิลปินชาวลิทัวเนีย เจ้าของผลงานสตรีทอาร์ต "Children On A Bicycle" ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก โพสต์ข้อความในหัวข้อ "AIRASIA UPDATE: It’s Time to Talk" ระบุว่า เมื่อ 2 เดือนก่อนได้โพสต์วีดีโอคลิปเครื่องบินแอร์เอเชีย ที่มีภาพจิตรกรรมบนผนังของตน ซึ่งถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม

    "น่าเสียดายที่ไม่ใช่ครั้งแรก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาพจิตรกรรมฝาผนังของผมปรากฎในแคมเปญผ่านอีเมล โฆษณา นิตยสารบนเที่ยวบิน และอื่นๆ ของแอร์เอเชีย โดยไม่ได้รับการให้เครดิต ความยินยอม หรือการชดเชยใดๆ ที่เหมาะสม พฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถือเป็นบรรทัดฐานที่อันตราย นั่นหมายความว่าผลงานของศิลปินอาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องรับผลที่ตามมา ไม่ใช่แค่เรื่องของผมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนศิลปินทั้งหมด"

    ที่ผ่านมาพยายามแก้ไขปัญหานี้อย่างยุติธรรมและเป็นมืออาชีพ แต่การตอบสนองของแอร์เอเชียมีแค่ออกแถลงการณ์ ปฏิเสธการละเมิดลิขสิทธิ์ในอดีต และยืดเยื้อการพูดคุย และเห็นว่าข้อเสนอสุดท้ายไม่สะท้อนถึงคุณค่าต่อผลงานของตน ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยเมื่อยื่นฟ้องแล้ว เขาจะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้

    ศิลปินรายนี้ยังได้แนบภาพหลักฐานที่ผลงานของตน ถูกแอร์เอเชียนำไปใช้แคมเปญโฆษณาต่างๆ มีทั้งการเปิดเส้นทางบินใหม่ระหว่างปีนังไปยังย่างกุ้ง กรุงเทพฯ และเวียดนาม นำไปตัดต่อเป็นสื่อโฆษณาของบริษัทในเครือ เช่น บริการดีลิเวอรีแอร์เอเชียฟู้ด บริการขนส่งสินค้าเทเลพอร์ต และล่าสุดคือลวดลายบนเครื่องบินแอร์เอเชีย

    สำหรับผลงานสตรีทอาร์ต Children On A Bicycle ตั้งอยู่ที่ถนนอาร์เมเนียนในเมืองจอร์จทาวน์ ถูกวาดโดยซาชาเรวิชเมื่อปี 2555 เพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตบนเกาะปีนัง โดยใช้เด็กสองคนที่ชื่อว่า ด.ญ.ตัน ยี (Tan Yi) เมื่ออายุ 5 ขวบ และ ด.ช.ตัน เคิร์น (Tan Kern) เมื่ออายุ 3 ขวบมาเป็นแบบ กลายเป็นสถานที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกมาเยือน กระทั่งเวลาผ่านไป 12 ปี เมื่อเดือน ต.ค.2567 ซาชาเรวิช ได้บูรณะภาพวาดสตรีทอาร์ตดังกล่าว พร้อมกับงานศิลปะอีก 3 ภาพ ได้แก่ Boy On a Bike, Little Boy with a Pet Dinosaur และ Boy on Chair.

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ศิลปินฟ้องแอร์เอเชีย ละเมิดสตรีทอาร์ตปีนัง งานเข้าอีกครั้งสำหรับโลว์คอสต์แอร์ไลน์สัญชาติมาเลเซีย อย่างสายการบินแอร์เอเชีย คราวนี้ไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ แต่เป็นการนำผลงานสตรีทอาร์ตบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซียไปใช้ โดยที่เจ้าของผลงานตัวจริงเห็นว่าไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องและไม่ยุติธรรมสำหรับเขา อินสตาแกรม ernestzacharevic ของ เออร์เนสต์ ซาชาเรวิช (Ernest Zacharevic) ศิลปินชาวลิทัวเนีย เจ้าของผลงานสตรีทอาร์ต "Children On A Bicycle" ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก โพสต์ข้อความในหัวข้อ "AIRASIA UPDATE: It’s Time to Talk" ระบุว่า เมื่อ 2 เดือนก่อนได้โพสต์วีดีโอคลิปเครื่องบินแอร์เอเชีย ที่มีภาพจิตรกรรมบนผนังของตน ซึ่งถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม "น่าเสียดายที่ไม่ใช่ครั้งแรก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาพจิตรกรรมฝาผนังของผมปรากฎในแคมเปญผ่านอีเมล โฆษณา นิตยสารบนเที่ยวบิน และอื่นๆ ของแอร์เอเชีย โดยไม่ได้รับการให้เครดิต ความยินยอม หรือการชดเชยใดๆ ที่เหมาะสม พฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถือเป็นบรรทัดฐานที่อันตราย นั่นหมายความว่าผลงานของศิลปินอาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องรับผลที่ตามมา ไม่ใช่แค่เรื่องของผมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนศิลปินทั้งหมด" ที่ผ่านมาพยายามแก้ไขปัญหานี้อย่างยุติธรรมและเป็นมืออาชีพ แต่การตอบสนองของแอร์เอเชียมีแค่ออกแถลงการณ์ ปฏิเสธการละเมิดลิขสิทธิ์ในอดีต และยืดเยื้อการพูดคุย และเห็นว่าข้อเสนอสุดท้ายไม่สะท้อนถึงคุณค่าต่อผลงานของตน ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยเมื่อยื่นฟ้องแล้ว เขาจะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ ศิลปินรายนี้ยังได้แนบภาพหลักฐานที่ผลงานของตน ถูกแอร์เอเชียนำไปใช้แคมเปญโฆษณาต่างๆ มีทั้งการเปิดเส้นทางบินใหม่ระหว่างปีนังไปยังย่างกุ้ง กรุงเทพฯ และเวียดนาม นำไปตัดต่อเป็นสื่อโฆษณาของบริษัทในเครือ เช่น บริการดีลิเวอรีแอร์เอเชียฟู้ด บริการขนส่งสินค้าเทเลพอร์ต และล่าสุดคือลวดลายบนเครื่องบินแอร์เอเชีย สำหรับผลงานสตรีทอาร์ต Children On A Bicycle ตั้งอยู่ที่ถนนอาร์เมเนียนในเมืองจอร์จทาวน์ ถูกวาดโดยซาชาเรวิชเมื่อปี 2555 เพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตบนเกาะปีนัง โดยใช้เด็กสองคนที่ชื่อว่า ด.ญ.ตัน ยี (Tan Yi) เมื่ออายุ 5 ขวบ และ ด.ช.ตัน เคิร์น (Tan Kern) เมื่ออายุ 3 ขวบมาเป็นแบบ กลายเป็นสถานที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกมาเยือน กระทั่งเวลาผ่านไป 12 ปี เมื่อเดือน ต.ค.2567 ซาชาเรวิช ได้บูรณะภาพวาดสตรีทอาร์ตดังกล่าว พร้อมกับงานศิลปะอีก 3 ภาพ ได้แก่ Boy On a Bike, Little Boy with a Pet Dinosaur และ Boy on Chair. #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 943 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที้น ก๊วน ซี ฟุก หรือ 天官賜福 เทพแห่งสวรรค์ ของชาวจีนกวางตุ้ง
    ที่ นิยมเขียนเป็นงานศิลปะ ติดไว้ในบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล
    ที้น ก๊วน ซี ฟุก หรือ 天官賜福 เทพแห่งสวรรค์ ของชาวจีนกวางตุ้ง ที่ นิยมเขียนเป็นงานศิลปะ ติดไว้ในบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • 433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘

    ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้

    สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี
    ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา

    ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง

    สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา

    พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว

    เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว

    เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ

    เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ
    เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว

    ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง

    เผชิญหน้าบนหลังช้าง
    พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า

    “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด”

    มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง

    ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่

    ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี

    หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้

    ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย
    สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

    พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ

    มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี
    1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน?
    ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    2. ช้างศึกคืออะไร?
    ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์

    3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ?
    เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ

    ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้

    เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568

    #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย

    🎉
    433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘 ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้ สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง เผชิญหน้าบนหลังช้าง พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด” มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่ ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้ ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี 1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน? ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี 2. ช้างศึกคืออะไร? ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์ 3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ? เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้ เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568 #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย 🎉
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1417 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไฟป่ากำลังลุกลามอย่างรวดเร็วเข้าใกล้ย่านหรูหราของแอลเอ!!

    ไฟป่าในแอลเอกำลังลุกลามเข้าสู่ย่านเบลแอร์ (Bel Air) ซึ่งเป็นย่านหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง โดยขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นเป็น 16 รายแล้ว

    ขณะเดียวกันเพลิงกำลังลุกลามเข้าใกล้พิพิธภัณฑ์เก็ตตี้ (Getty Museum) ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยงานศิลปะล้ำค่าของแวนโก๊ะและโมเนต์ตกอยู่ในความเสี่ยงแม้จะมีระบบการป้องกันไฟขั้นสูงแล้วก็ตาม

    ย่านที่อยู่ของมหาเศรษฐีอีกแห่ง เบรนท์วูด (Brent Wood) ก็กำลังเตรียมรับมือภัยพิบัติเช่นกัน เนื่องจากลมแล้งอาจทำให้ไฟลุกลามมากขึ้น

    วิดีโอ1- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ่ายมาจากไฟไหม้ใน Pacific Palisades ผู้ถ่ายวิดีโอกำลังบรรยายทิศทางของเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ ว่ามันจะพัดผ่านทางหลวง 405 และจะลุกลามไปที่ The Getty Center, Hollywood, Griffith Park ซึ่งเป็นทิศทางเข้าสู่ใจกลางเมืองลอสแองเจลิส

    ขณะที่สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟได้เพียง 10% เท่านั้นในทิศทาง Palisades fire
    ไฟป่ากำลังลุกลามอย่างรวดเร็วเข้าใกล้ย่านหรูหราของแอลเอ!! ไฟป่าในแอลเอกำลังลุกลามเข้าสู่ย่านเบลแอร์ (Bel Air) ซึ่งเป็นย่านหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง โดยขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นเป็น 16 รายแล้ว ขณะเดียวกันเพลิงกำลังลุกลามเข้าใกล้พิพิธภัณฑ์เก็ตตี้ (Getty Museum) ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยงานศิลปะล้ำค่าของแวนโก๊ะและโมเนต์ตกอยู่ในความเสี่ยงแม้จะมีระบบการป้องกันไฟขั้นสูงแล้วก็ตาม ย่านที่อยู่ของมหาเศรษฐีอีกแห่ง เบรนท์วูด (Brent Wood) ก็กำลังเตรียมรับมือภัยพิบัติเช่นกัน เนื่องจากลมแล้งอาจทำให้ไฟลุกลามมากขึ้น วิดีโอ1- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ่ายมาจากไฟไหม้ใน Pacific Palisades ผู้ถ่ายวิดีโอกำลังบรรยายทิศทางของเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ ว่ามันจะพัดผ่านทางหลวง 405 และจะลุกลามไปที่ The Getty Center, Hollywood, Griffith Park ซึ่งเป็นทิศทางเข้าสู่ใจกลางเมืองลอสแองเจลิส ขณะที่สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟได้เพียง 10% เท่านั้นในทิศทาง Palisades fire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 814 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก็เพราะว่าจินตนาการคือการ * จุดประกายความคิดสร้างสรรค์: จินตนาการเป็นรากฐานของความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้เราคิดนอกกรอบ คิดค้นสิ่งใหม่ๆ และมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ * พัฒนาการแก้ปัญหา: เมื่อเราจินตนาการถึงสถานการณ์ต่างๆ เราสามารถฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหาและคิดหาวิธีที่จะเอาชนะอุปสรรคได้และจินตนาการยังทำให้เรามีภาพยนตร์ดีๆมีซีรีส์ให้ดู มีหนังสือให้อ่าน และมีงานศิลปะให้เสพอีกเยอะแยะมากมาย #จินตนาการ #ติดเทรนด์ #ช้างเรื่องเยอะ #ลุงช้างหญ่าย
    ก็เพราะว่าจินตนาการคือการ * จุดประกายความคิดสร้างสรรค์: จินตนาการเป็นรากฐานของความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้เราคิดนอกกรอบ คิดค้นสิ่งใหม่ๆ และมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ * พัฒนาการแก้ปัญหา: เมื่อเราจินตนาการถึงสถานการณ์ต่างๆ เราสามารถฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหาและคิดหาวิธีที่จะเอาชนะอุปสรรคได้และจินตนาการยังทำให้เรามีภาพยนตร์ดีๆมีซีรีส์ให้ดู มีหนังสือให้อ่าน และมีงานศิลปะให้เสพอีกเยอะแยะมากมาย #จินตนาการ #ติดเทรนด์ #ช้างเรื่องเยอะ #ลุงช้างหญ่าย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 771 มุมมอง 0 รีวิว
  • cat at a door size: A2 Watercolor #art #watercolor #decoration #cat #งานศิลปะ
    cat at a door size: A2 Watercolor #art #watercolor #decoration #cat #งานศิลปะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 617 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts